xs
xsm
sm
md
lg

อาญารัก ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อาญารัก ตอนที่ 11

ส่วนทานตะวันพอหายดี ก็แวะมาหาสนที่เรือนทันที มองซ้ายมองขวา ท่าทีระวังตัว ก่อนจะกระซิบกระซาบกับสน

“พี่เทิดศักดิ์ไปแล้วหรือคะ”
“ไปแล้วค่ะ แม่สนเสียใจด้วยนะคะ กับเรื่องที่นังเนียนมันไปฟ้องไอ้เสือหนัก ให้มาเล่นงานหนูอี๊ด”
“แม่สนก็เชื่อใช่ไหมคะว่าเสือหนักมันส่งคนมาจริงๆ”
“เชื่อสิคะ”
“แต่คุณแม่บอกว่า นางเนียนมันยอมเจ็บตัวปกป้องช่วยหนู”
“มันเล่นละครตบตาน่ะสิคะ..เดี๋ยวจะไม่สมจริง”
“แม่สนแก้แค้นให้หนูนะคะ”
“แหม..เพิ่งเกิดเรื่องเกิดราวไปติดๆ กัน ขืนแม่สนก่อเรื่องอีก โดนจับได้แม่สนตายแน่ๆ ค่ะ แม่สนตายหนูอี๊ดก็ตายด้วย เพราะเราวางแผนด้วยกัน”
“แต่หนูอัดอั้นตันใจนี่คะ อยากจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด”
ทานตะวันกอดออเซาะ
“ขอเวลาแม่สนหาทางก่อนนะคะ แต่ตอนนี้ทำตัวดีๆ เหมือนขอบใจที่นางเนียนมันช่วยหนูให้พวกมันตายใจก่อน นางสองคนนั่นมันโง่ หลอกง่ายจะตายไป
“ค่ะ หนูจะฝืนใจทำ”
สนพยักหน้ายิ้มให้ แล้วแอบหันมาทำหน้าสมเพชทานตะวัน

วันต่อมาที่บ้านกำนันแสงในอำเภอศรีประจันต์ กำนันแสงดูชราลงไปมากกำลังรับไหว้เทิดศักดิ์ท่าทางยินดีปรีดามาก แต่ดูงงๆ อยู่
“สวัสดีครับคุณตา”
“ใครกันหว่า หน้าตาไม่คุ้นเคย”
“เทิดศักดิ์ลูกแม่สนครับ คุณตา”
กำนันยื่นหน้ามาดู แล้วตื่นเต้นดีใจ
“อุ๊บ๊ะ นี่รึเทิดศักดิ์ ตาเคยเห็นตอนเด็กๆ ครั้งเดียว โตจนเป็นหนุ่มแล้วหรือนี่”
“ครับ โตจนเรียนเกือบจบแล้วครับ คุณตา”
กำนันลูบหน้าลูบหลัง วนรอบตัว “ตาดีใจมากที่หลานมาหาตาถึงบ้าน ช่างเป็นบุญของคนแก่แท้ๆ”
“คุณตาสบายดีหรือครับ”
“ก็เรื่อยๆ ตาแก่จัดเหมือนผลไม้ใกล้หล่นแล้วหลานเอ๊ย มามะ นั่งนั่ง อีเล็กๆ หายตัวไปไหนกันหมด มาดูแลต้อนรับหลานข้าไวๆ เข้า”
“ไม่ต้องพิธีรีตรองดอกครับคุณตา ผมอยากมาหาคุณตานานแล้ว แต่ผมติดเรียน”
“ดีเลยหลาน นอนค้างบ้านตาสักเจ็ดวัน กำลังเหมาะเนาะหลานเนาะ”
เทิดศักดิ์มองหน้าเอก
“คือคุณเทิดศักดิ์ต้องกลับไปเตรียมตัวรับกระบี่ครับ พ่อกำนัน”
“รับกระบี่ อะไรรึ”
“ผมเรียนนายร้อยตำรวจครับ จบพอดี กำลังรอรับกระบี่ติดยศร้อยตรี”
“โอ้โฮ นี่ตามีหลานเป็นตำรวจรึ”
“ครับ คุณตา ผมขอโทษที่พักกับคุณตาไม่ได้”
“ตาดีใจเหลือเกิน ไม่นอนก็ไม่เป็นไร ยังดีที่ยังรู้ว่ามีตาอยู่ตรงนี้”
เทิดศักดิ์มองไปรอบๆ “เอ้อ คุณตาครับ ญาติของคุณตาที่ชื่อว่าแช่มที่คุณแม่สนส่งมา ทำธุระให้ มาถึงหรือยังครับ”
“มันไม่ใช่ญาติของเรา มันเป็นลูกอีนางช้อย มันหนีตะหาน มันไม่กล้าหลบมาที่นี่ดอก ขืนมา มันก็โดนรวบตัวน่ะสิ”
เทิดศักดิ์สบตาเอก เป็นเชิงบอกว่านั่นปะไร

สองคนอยู่ในเรือ กำลังนั่งเรือกลับสุพรรณมาด้วยกัน
“คุณแม่สนโกหก ทำไมต้องโกหกว่านายแช่มเป็นญาติฉัน ทั้งที่มันเป็นลูกนางช้อย”
“พูดยากขอรับ คุณเทิดศักดิ์ นางช้อยเขาใกล้ชิดคุณนายสนมาตั้งแต่เล็ก แต่น้อย ลูกของนางช้อยเดือดร้อนหนีทหารมาคุณนายสน ก็ต้องช่วยเหลือ”
“ช่วยคนหนีทหาร บ้านขุนภักดีภูบาลเสียหายหมด เชื่อฉันสิว่านายคนนี้ มันต้องไม่ใช่คนดีแน่นอน มันอาจทำชั่วร้ายอะไรได้อีก”
“ครับ ดีแล้วที่มันไปจากบ้านคุณเทิดศักดิ์ได้”
“ฉันจะไม่ถามเรื่องนี้กับคุณแม่สน นายเอกก็เงียบไว้ด้วย เพราะฉันมั่นใจว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำมากกว่านี้”
“ขอรับ”
เทิดศักดิ์ใคร่ครวญครุ่นคิด

บนเรือนทองจันทร์ ขณะที่เนียนกำลังจัดดอกไม้ให้ทองจันทร์อยู่บนเรือน ทานตะวันเดินมารีๆ รอๆ หน้างอทำใจไม่ได้ตามที่สนสอน ยืนจ้องเนียนตาขวาง จนเนียนรู้สึกตัว มองไปตกใจมาก
“คุณหนูอี๊ด”
“เออ ฉันเอง”
“มีอะไรให้อิฉันรับใช้เจ้าคะ”
“มีอะไรจะบอก”
“เชิญเจ้าค่ะ”
“ถ้าแกไม่ได้ฟ้องไอ้เสือหนักชู้ของแก แต่แกตั้งใจช่วยฉันจริง ก็ขอบใจนะ”
เพียงเท่านั้นแหละเนียนก็ดีใจจนน้ำตาทะลัก
“คุณหนูเจ้าขา”
เนียนดีใจเผลอตัวยื่นมือจะไปจับลูกสาว ทานตะวันถอยกรูด
“นี่ อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ทีเดียว ขนาดเมื่อวานแกมาโอบมากอดฉัน ฉันยังเอาทั้งสบู่ทั้งมะขามเปียกขัดคราบโสมมของแกเกือบตาย ไม่ให้หลงเหลือ”
เนียนชะงักน้ำตาทะลักล้นออกมาอีก
“เจ้าน้ำตาเหลือเกิน ทำไมแกไม่ไปขอเล่นลิเก เป็นตัวแม่นมนางเอกซะ”
เนื้อทองเข้ามาพอดี มองสถานการณ์รีบปกป้องมาหาแม่
“แม่เป็นอะไรจ๊ะ”
“เป็นนางสำออย น่ะสิ ฉันมาขอบใจเข้าหน่อย ร้องไห้น้ำตาร่วงเป็นเผาเต่า”
ทานตะวันเดินยิ้มเยาะออกไป อี๊ดมองหน้าแม่
“จริงหรือจ๊ะแม่”
“จริงจ้ะ คุณหนูอี๊ดมาขอบใจแม่”

ทานตะวันงงไม่อยากเชื่อ

อยู่มาวันหนึ่งแดงน้อยกลับมาถึงร้าน เข้ามากอดแพร พลางยื่นใบปริญญาบัตรให้ดู

“แม่แพรครับ ดูนี่สิครับ”
แพรมอง แล้วอ่านเป็นนานสองนาน โพล้งทนไม่ได้ถามแพร
“จดหมายพี่หนะ...” โพล้งจะหลุดเป็น “หนัก” แต่รีบแก้ “เอ๊ย พี่สินรึ”
“ใบเปรียญของแดงน้อยเขาเขียนว่า เกียรตินิยม”
“เกียดแล้วจะไปนิยมมันทำไม”
“นั่นน่ะสิ แม่แพรไม่เข้าใจคนสมัยนี้ ทำไมนิยมความเกลียด”
เทิดศักดิ์โผล่เข้ามาได้ยินสองคนพูดหัวเราะชอบใจ
“เกียรติไม่ใช่เกลียดครับ ลุงโพล้ง แม่แพร แปลว่าได้รับเกียรติเป็นที่นิยมเนื่องจาก แดงน้อยเขาเรียนเก่งมาก ได้คะแนน มากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ครับ”
สองคนปรบมือให้แดงน้อยทันที แดงน้อยยิ้มร่าอย่างมีความสุข
“แล้วคุณเทิดศักดิ์เล่า” สองคนถาม
“ผมได้คะแนนปกติ ครับ”
“เทิดศักดิ์เขากำลังจะติดดาวเป็นนายร้อยตรีครับ”
สองคนปรบมือซ้ำ
“แล้วหนูอี๊ด หนูติ๋วเล่า”
สองหนุ่มยิ้มร่า

ขณะเดียวกันนั้นที่บ้านพักของครูนฤมล โรงเรียนวีรสตรี ครูนฤมลส่งใบวุฒิมัธยมแปดให้ทั้งสาวสองคน

“วุฒิมัธยมแปดของเนื้อทอง กับทานตะวัน เอาไว้แสดงเวลาจะไปเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยหรือขั้นอุดมศึกษาที่ต้องการ” นฤมลยิ้มแย้ม
ทานตะวันพูดอย่างอวดเก่งถือดีตามเคย “หนูคงไม่ไปเรียนต่อที่ไหนดอกค่ะ คุณป้านฤมล ไปเมืองนอกดีกว่า
โก้จะตายไป หนูจะไปเป็นสาวปารีเซียงที่ฝรั่งงเศส ใครๆ มันก็อิจฉาค่ะ”
“ใครที่ว่า คงไม่รวมเนื้อทองด้วยหรอกนะ ใช่ไหมเนื้อทอง” นฤมลเย้า
“คุณหนูอี๊ด สวย รวย ตระกูลสูง ก็น่าอิจฉาออกนะคะ”
“นั่นไงคะ...สารภาพออกมาแล้วว่าเขาอิจฉาหนู”
“เขาชื่นชมหนูต่างหาก เอาละ ใครจะมารับพวกหนูกลับสุพรรณจ๊ะ”
“พี่เทิดศักดิ์ค่ะ” ทานตะวันบอก
“หนูต้องไปดูผลสอบชิงทุน เคหกรรมศาสตร์ที่การเรือนค่ะ ขอตัวนะคะคุณป้านฤมล คืนนี้หนูขอกลับมานอนกับคุณป้า พรุ่งนี้ค่อยกลับสุพรรณเองค่ะ” เนื้อทองว่า
“โชคดีแน่ๆ จ้ะ เนื้อทอง” นฤมลยิ้มแย้ม
“ฉันก็ขอให้โชคคี หาไม่ย่าฉันแม่ฉันจะโชคร้าย เพราะต้องส่งเสียให้เธอเรียน”
เนื้อทองยกมือไหว้ลา นฤมลแล้วออกไป
“คนที่ชอบทับถมเหยียบย่ำคนอื่น จะเจ็บช้ำมากกว่าคนที่ตนไปเยียบย่ำ ถ้าถึงวันที่ตนเอง ล้มลงแล้วโดนเหยียบย่ำ บางคนอับอายขายหน้า ถึงฆ่าตัวตายมาแล้ว หนูพร้อมทุกอย่าง แต่ขาดอย่างเดียวที่มันทำให้หนูหมดสวย หนูขาดความเมตตาปราณี หามาเติมในหัวใจของหนูซะทานตะวัน ป้าคงเตือนหนูได้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพราะหนูเรียนจบแล้ว”
ทานตะวันรู้สึกนิดหน่อย แต่ก็ไม่มียี่หระกลับโต้ตอบอย่างถือดี
“คนอย่างหนู ไม่มีวันล้มลงให้ใครมาเหยียบหรอกค่ะ คุณป้า ลืมแล้วหรือคะ ว่าหนูลูกใคร”
นฤมลถึงกับส่ายหน้า นิสัยเกินเยียวยาของเด็กสาว

ไม่นานหลังจากนั้น เนื้อทองพาตัวเองมาอยู่ที่สถานที่ประกาศผล สอบชิงทุน กำลังยืนหน้าแผ่นป้ายประกาศว่าใครชิงทุนได้ เนื้อทองมองนิ่ง มองแล้วมองอีก เอามือลูบชื่อไปมา
ครู่หนึ่งเนื้อทองถอนสะอื้นร้องไห้ออกมา
“แม่เนียนจ๋า”
แลเห็นแดงน้อยเดินมาเข้าทางขวา ส่วนเทิดศักดิ์เดินมาทางซ้ายต่างคนต่างยังไม่เห็นกันและกัน
“น้องติ๋ว”
เนื้อมทองสะดุ้งไม่รู้ว่าจะมองไปทางไหนดี จึงยืนนิ่งน้ำตาไหลพราก สองหนุ่มน้อยเดินมาถึงป้ายประกาศ ต่างอ่านชื่อคนที่สอบได้ทุนพร้อมๆกัน
“ผู้ที่ผ่านการสอบชิงทุนการศึกษาวิชาเคหะศาสตร์จำนวนหนึ่งทุนได้แก่ นางสาวเนื้อทอง...”
สองหนุ่มอ่านไม่ทันจบ
“ค่ะ หนูสอบชิงทุนได้”
สองคนดีใจกับเนื้อทอง
“พี่...” / “พี่…”
สองหนุ่มมองหน้ากัน ต่างรู้สึกว่าใจตรงกันเกินไป และต่างเกี่ยงกันอีก
“แกพูดเถิดแดงน้อย”
“กันให้แกพูดก่อน”
“ไม่ต้องพูดทั้งสองคนค่ะ แสดงความยินดีกับหนูสิคะ”
สองคนหันมาหาติ๋ว ยิ้มกว้าง ท่าทีดีใจมากๆ อย่างจริงใจ
“ยินดีด้วยน้องติ๋ว”
“จะเลี้ยงอะไรพี่” เทิดศักดิ์ถาม
“จะพาพี่ไปกินอะไร” แดงน้อยถาม
“น้ำแข็งเปล่าคนละหนึ่งแก้วค่ะ” เนื้อทองหัวเราะนิดๆ
สองคนขำ “โอ้โฮ เค็มแฮะ”
สามคนหัวเราะให้กัน

ส่วนทานตะวันแหวใส่เอกทันที เมื่อรู้ว่าเทิดศักดิ์สั่งให้มารับตน
“ใครใช้ให้มารับฉัน”
“คุณเทิดศักดิ์ขอรับ”
“ทำไมเขาไม่มารับฉัน”
“ไม่ทราบขอรับ”
“โง่”
เอกไม่ถือสา “ขอประทานโทษ คุณหนูอี๊ดจะกลับสุพรรณวันนี้ไหมขอรับ”
“รถอยู่ไหน” ทานตะวันถาม
“คุณเทิดศักดิ์ขับไปขอรับ”
“ขับไปไหน”
“ไม่ทราบขอรับ”
“บ้า แล้วชั้นจะนั่งอะไรกลับ”
“เรือขอรับ เรือของเราจอดอยู่ที่ท่าน้ำพระอาทิตย์ขอรับ”
“นี่มันอะไรกัน พี่เทิดศักดิ์นะ จะฟ้องคุณพ่อ กับแม่สน”
“สามล้อ จอดรอนานแล้วขอรับ”
“อย่ามานั่งสามล้อคันเดียวกับฉัน”
“ขอรับ”
ทานตะวันกระฟัดกระเฟียดเดินไปแล้วหันกลับ
“ฉันไม่กลับ ถ้าฉันไม่ได้นั่งรถเก๋ง ฉันไม่ต้องการนั่งเรือ”
ทานตะวันเดินหน้างอกลับเข้าไปในโรงเรียน
“หรือว่าพี่เทิดศักดิ์ไปหานังติ๋ว”
“ไม่ทราบขอรับ” เอกไม่ทราบลูกเดียว

ทานตะวันคิดแค้นเนื้อทอง ยืนกระทืบเท้าเต้นเร่าๆ

ในเวลาเดียวกันสามคนมานั่งในร้านอาหารแถวสามเสน ใกล้โรงเรียนการเรือน ทั้งสามร่าเริง มีน้ำแข็งเปล่าวางตรงหน้าสามแก้ว และสามคนกำลังดื่มไปด้วย

“อร่อย” / “ชื่นใจ” สองหนุ่มบอก
เนื้อทองหัวเราะ เด็กเสิร์ฟเอาก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟสามชาม
“ใครกินใครจ่ายเองนะคะ หนูบอกแล้วว่าจะเลี้ยงน้ำแข็งเปล่า” เนื้อทองว่า
สองคนประสานเสียง “พี่จ่ายเอง”
“คุณผู้หญิงจ่ายแล้วครับ” เด็กเสิร์ฟบอก
สองคน หันมามองเนื้อทองอย่างเอ็นดู และต่างหลงรัก เนื้อทองหัวเราะน่ารัก
“กิ้วๆ โดนหลอก”
สองหนุ่มมองเนื้อทองอย่างลุ่มหลง แต่พอมาสบตากัน เทิดศักดิ์มองแดงน้อยทวงสัญญา แดงน้อยนึกได้พยักหน้าให้
“เทิดศักดิ์เขาอยากจะเลี้ยงหนังน้องติ๋ว” แดงน้อยเอ่ยขึ้น
“จริงหรือคะ”
“จริงสิ พี่ยังไม่ได้บอกน้องติ๋วเรื่องของพี่ ที่กำลังจะติดดาวอาทิตย์หน้า”
“หนูดีใจด้วยค่ะ”
“ดีใจแล้วอย่าลืมเรื่องไปดูหนังฉลองกันนะ”
“แล้ว พี่..แดงน้อย...” เนื้อทองถาม
“พี่มีธุระสำคัญมากครับ”
“แล้วคุณหนูอี๊ด เธอรอคุณเทิดศักดิ์อยู่ไม่ใช่หรือคะ”
“พี่ให้นายเอกไปรับแล้วครับ”
เทิดศักดิ์มองแดงน้อยด้วยความขอบคุณ แดงน้อยพยักหน้าแบบยินดีด้วย
แต่เนื้อทองแอบหน้าเจื่อน เพราะชอบแดงน้อยไม่ได้ชอบเทิดศักดิ์

แดงน้อยออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวแล้วมายืนนิ่งสงบจิตใจ ถอนใจเฮือก พึมพำกับตัวเอง
“กันขอให้แกโชคดี เทิดศักดิ์”
แดงน้อยเดินออกมาจากที่นั้น

เนื้อทองเดินกลับมากับเทิดศักดิ์ที่โรงเรียนกุลสตรี
“หนูขอโทษ ที่ขอเปลี่ยนจากดูหนังไปเป็นเขาดิน”
“ไปไหนกับน้องติ๋ว พี่ก็สนุกทั้งนั้นครับ เพราะน้องติ๋วคือ...คือ...คือ...”
“อะไรหรือคะ”
“ดวงตาดวงใจของพี่” เทิดศักดิ์บอกออกไป ท่าทีเขินๆ
เนื้อทองเขินอายม้วน แล้วรีบตัดบท
“ส่งหนูแค่นี้ก็พอค่ะ”
“ตกลง พรุ่งนี้พี่จะมารับกลับสุพรรณ”
“ขอร้องนะคะ หนูขอกลับเองเห็นใจหนูเถิดนะคะ หนูไม่ต้องการมีปัญหา”
“พี่เข้าใจ พบกันที่สุพรรณพรุ่งนี้นะครับ”
“ค่ะ”
เทิดศักดิ์กำลังเดินกลับมาที่รถ ทานตะวันพรวดสวนออกมาผลักเนื้อทองเต็มแรงจนซวนเซแทบล้ม
“ที่แท้ก็พานางลูกคนใช้ไปเที่ยวมาจนไม่ยอมพาน้องกลับบ้าน” ทานตะวันด่าอย่างกราดเกรี้ยว
“น้องอี๊ด”
“คุณหนูอี๊ด”
ทานตะวันกระชากแขนเนื้อทองโดยแรง ทั้งระดมหยิกระดมทุบลงไป เนื้อทองปัดป้อง แต่ไม่สู้สักนิด
“แกยั่วยวนพี่เทิดศักดิ์ แกรู้ว่าเขาจะมารับฉันแล้วทำไมแกยังอ้อนเขาให้ไปเที่ยวกับแก นี่ๆๆ จะตีแกให้สำนึก จะฟ้องคุณพ่อ คุณย่าคุณแม่แม่สน ฟ้องมันทุกคน”
“หยุดนะน้องอี๊ด”
“ไม่”
นฤมลออกมาดึงเนื้อทองออกมาจากทานตะวัน
“ที่โรงเรียนกุลสตรี เราสอนให้คนเป็นคน ไม่ได้สอนให้เป็นอันธพาลหยุดทำร้ายเนื้อทอง เทิดศักดิ์ช่วยพาน้องสาวของเธอกลับบ้านเถิด”
“ครับ คุณป้านฤมล ผมขอโทษ ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องไม่เหมาะสม”
นฤมลพาเนื้อทองกลับเข้าไปในโรงเรียน ทานตะวันยืนหน้าคว่ำเทิดศักดิ์สั่งเสียงเข้ม
“ขึ้นรถ”
ทานตะวันร้องไห้สะอึกสะอื้น

ทางด้านแดงน้อยเดินตัวปลิวออกมาจาก ก.พ. ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วในที่สุดแดงน้อยก็ออกวิ่งไปหัวเราะไป ออกไปยังลานกว้างแก่งหนึ่งสวยๆ
แดงน้อยวิ่งหมุนตัวไปมากางมือตะโกน
“ลุงสินครับ ผมกำลังจะได้เป็นปลัดอำเภอนายอำเภอปริญญาโทหัวนอก ผมจะกลับมาจับเสือหนักให้ลุงดูเป็นขวัญตา”
แดงน้อยยืดอกภูมิใจในตัวเอง

เวลาเดียวกันเนียนกำลังชิมน้ำแกง มีกบช่วย เนื้อทองวิ่งผวาเข้ามา ท่าทีดีใจมากๆ
“แม่เนียน จ๋า หนูสอบชิงทุนเรียนคหกรรมศาสตร์ได้จ้ะ”
เนียนดีใจทำตะหลิวตกพื้น
“หนูติ๋วของแม่ เก่งเหลือเกิน”
เนียนกอดลูกเอาไว้ กบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“หนูติ๋ว เก่งที่สุด น้ากบดีใจด้วยจริงๆ จ้ะ”
“อีกสามปี สามปีเท่านั้น หนูจะเลี้ยงแม่เนียนได้แล้ว”
สองแม่ลูกกอดกันอย่างมีความสุข

ฝ่ายทองจันทร์อยู่บนเรือน มีแมวและกบคอยดูแล หญิงชรากำลังนั่งขัดเครื่องเพชรเครื่องทองของทองหีบใหญ่
“สมบัติมากมายตายแล้วก็เอาไปด้วยไม่ได้ ฉันปลงซะแล้ว นางแมวนางกบ”
“แปลว่าคุณท่านจะทิ้งสมบัติมากมายนี่หรือเจ้าคะ” กบถาม
“อย่าทิ้งนะเจ้าคะ แมวยังไม่ปลงเจ้าค่ะ”
“อ้าวเอ็งนี่ลามยิ่งกว่าขี้กลาก ของของฉันมันต้องให้คนที่เหมาะสมใส่ เอาละ นี่แหวนพลอยแถวสีแดงกับสีฟ้า สมัยแม่ข้าเขามีเอาไว้แจกคนใช้”
ทองจันทร์หยิบออกมาส่งให้แมวกับกบที่นั่งตะลึงตาค้าง
“อะไรเจ้าคะ”
“ตกลงแปลว่าเอ็งสองคนไม่ต้องการแหวนทองของข้า”
“ต้องการเจ้าค่ะ”
สองคนรีบรับมาสวมอย่างชื่นชม ขณะเดียวกัน อี๊ดเดินมากอดมาหอมย่าทองจันทร์
“เอาสมบัติออกมายกให้หนูหรือคะคุณย่า”
“จะให้อะไรใครไม่ใช่ให้ไม่มีกาลเทศะ มันต้องให้ในโอกาสที่เหมาะสม”
“หนูเรียนจบมอแปด เหมาะไหมคะ คุณย่า”
“เหมาะจ้ะ เอาสร้อยข้อมือนพเก้านี่ไปสิหลาน”
ทานตะวันกลับหยิบจี้สร้อยทองคำขาว มีจี้เพชรโบราณเส้นหนึ่งขึ้นมา
“หนูอยากได้เส้นนี้”

ทองจันทร์ส่ายหน้าไม่ให้ ทานตะวันขัดใจหน้าคว่ำ

ไม่นานต่อมา สนฟังทานตะวันที่โร่มาฟ้อง โดยมีช้อยนั่งฟังอยู่ด้วย

“ต๊าย แม่สนเสียใจด้วยนะคะ ที่คุณย่าไม่ยอมให้สร้อยเพชรนั่น สร้อยนั่น แม่สนก็เคยเลียบเคียงขอ คุณนายเรียมก็เคยเปรยว่าชอบมาก คุณพ่อก็เคยบอกว่าให้คุณย่าให้ใครไปสักคนก็ได้”
“แต่คุณท่านก็ไม่ยอมให้ใครสักคนนะคะ ความจริง คนที่ท่านสมควรให้ที่สุดคือคุณหนูอี๊ด”
เทิดศักดิ์เดินถือหนังสือพิมพ์หน้าระรื่นเข้ามา
“มีข่าวดีมารายงาน”
“จับไอ้เสือหนักได้แล้วใช่ไหม” สนเอ่ยขึ้น
“ดีใจจริงๆ ใช่ไหมเจ้าคะ คุณสน” ช้อยผสมโรง
“ทำไมแม่สนต้องดีใจด้วยคะ” ทานตะวันงง
“ผิดหมดทุกคน น้องอี๊ดอ่านประกาศนี่สิครับ”
ช้อยกับสนตกใจ
ช้อยกระซิบสน “ประกาศจับไอ้แช่มหนีทหาร”
“ประกาศจับตัวคนร้ายที่มาปล้ำคุณหนูอี๊ดได้งั้นหรือ” สนสงสัย
ทานตะวันยื่นหน้ามาอ่านเทิดชี้ให้ดู
“ประกาศชื่อผู้สอบชิงทุนก.พ.ไปเรียนปริญญาโท สาขารัฐศาสตร์การปกครองหนึ่งทุน ได้แก่ นายแดงน้อย...”
ทานตะวันอ่านยังไม่ทันจบ ก็ร้องลั่น “ไชโย พี่แดงน้อยเก่งที่สุด” ดีใจมาก เพราะชอบแดงน้อย
“ใช่แดงน้อยเขาเก่งที่สุด” เทิดศักดิ์บอกอย่างภูมิใจ
สนกับช้อยมองหน้ากัน ช้อยกระซิบ
“โล่งอกค่ะ”

หลายวันต่อมาแดงน้อยเดินเข้ามาในร้านกาแฟไทยเจริญ ยกมือไหว้แพรกับโพล้ง
“ผมจะไปนอนพักบ้านเทิดศักดิ์ที่สุพรรณตามคำเชิญของเขาสัก อาทิตย์ครับ แม่แพรลุงโพล้ง”
“บ้านที่มีแม่เนียนแม่ของหนูติ๋วอยู่ละสิ”
“ครับลุงโพล้ง”
“ฝากความคิดถึงและห่วงใยไปให้แม่เนียนเขาด้วย”
“ครับ ผมจะบอก เอ้อ...ไม่ทราบว่าแม่แพรกับลุงโพล้งรู้จักกับน้าเนียนตอนไหนครับ”
สองคนมองหน้ากัน
“ตอน ก็... เออน่า คนบ้านเดียวกันมันก็รู้จักกันทั้งนั้นแหละ” โพล้งบอก
“มันก็รู้จักกันทั้งหมู่บ้านทั้งตำบลนั่นแหละ” แพรว่า
แดงน้อยพูดแล้วรู้สึกสงสารเนียนขึ้นมา “ผมเคยพบแกมาแล้วสองครั้ง แกเป็นผู้ใหญ่ที่ดีน่ารักมากครับ”
“ก็รีบรักเข้าไปสิ” โพล้งบอกอย่างเริงร่า
แพรเสริม “รักเขาเอาไว้แหละดี คนอย่างเขามีแต่รักมีแต่ทำดีงามกับคนอื่น”
“ครับ ผมก็รู้สึกอย่างที่แม่แพรบอก ผมยังแปลกใจตัวเองว่าทำไม ผมรู้สึกเหมือนเคยพบกับน้าเนียนมาก่อน เหมือนผูกพันกันมากๆ”
สองคนมองหน้ากันพูดไม่ออก เทิดเดินเข้ามาไหว้สองคน ใส่เครื่องแบบร้อยตำรวจตรี
“สวัสดีครับ ผมร้อยตำรวจตรีเทิดศักดิ์ ภักดีภูบาลรายงานตัวครับผม”
“นายร้อยตำรวจตรีเทิดศักดิ์”
สองคนเข้าไปโอบกอดเทิดศักดิ์
“โก้เหลือเกิน ยินดีด้วยหลานชาย”
“งามสง่าแท้ๆ แม่แพรดีใจกับหลานชายด้วยจริงๆ”
“ขอบคุณมากครับ ผมมารับว่าที่ข้าหลวงใหญ่ในอนาคต ไปเที่ยวบ้านผมที่สุพรรณครับ”
สองคนรีบอนุญาต “ไปเถิดพ่อคุณ”
เทิดศักดิ์พยักหน้า สองหนุ่มพากันออกไปคุยกัน
“สัญชาติญาณมันส่งกระแสจิตให้แม่ลูกรู้สึกผูกพันรักกัน โดยไม่ต้องมีใครมาบอกกล่าว” โพล้งว่า
“เนียนคงมีความสุขที่ได้พบลูก”
“แกอย่าเพิ่งให้แดงน้อย รู้ทีเดียวนะว่าเนียนยกที่นาสิบไร่นั่นให้มัน”
“เออน่า รอให้มันกลับมาจากเมืองนอกก่อน ให้ยายอ่อนมันคอยได้คอยไป”
สองคนยิ้มย่องผ่องใส

เรียมและทุกคนกำลังจัดเตรียมห้องบนเรือนใหญ่ ให้แดงน้อย กับเทิดศักดิ์ ที่เพิ่งมาถึง
“จัดห้องให้แดงน้อยแล้วก็ขอจัดให้เทิดศักดิ์มานอนตึกนี้ด้วย แม่สนไม่ว่า ใช่ไหมจ๊ะ” เรียมว่า
“วุ๊ย..สนจะไปว่าอะไรได้คะ คุณพี่เรียม เวลานี้สนกำลังปลื้มดาวของลูกชายสน สนกำลังรอวันที่ลูกชายไปจับไอ้เสือหนัก” สนว่า
ทานตะวันรีบประจบเอาใจ “จับเป็นไม่ได้ก็จับตายมันเลยนะคะแม่สน”
“คุณหนูอี๊ดพูดถูกเจ้าค่ะ” นางช้อยใจชั่วผสมโรง
สามคนพูดไปก็มองไปที่เนียนกับติ๋วที่ก้มหน้าก้มตาจัดของ
“พูดจาน่าเกลียด วันนี้ทำไม ทุกคนกำลังมีความสุขแท้ๆ อย่าทำบ่อนแตกสิแม่สน” เรียมตำหนิ
ทานตะวันร้องวี้ดว้ายด้วยความดีใจ
“มาแล้วค่ะ พี่แดงน้อยมาแล้ว”
เนียนสะดุ้งสุดตัว ตามองไปที่แดงน้อยกับเทิดศักดิ์ที่เข้ามาไหว้เรียม ไหว้สน
“ผู้หมวดเทิดศักดิ์ของแม่ มาให้แม่ชื่นใจหน่อยสิลูก”
สนกอดหอมเทิดศักดิ์อย่างมีความสุข แดงน้อยปราดมาไหว้เนียน
“สวัสดีครับ น้าเนียน”
เนียนตกใจรับไหว้แทบไม่ทัน พวกสนอี๊ดช้อยหันมามองอย่างไม่พอใจ
“ตายแล้ว แดงน้อยไปไหว้มันทำไมกันคะ” สนโวยวาย
“มันเป็นคนใช้บ้านหนูอี๊ดนะคะ ไม่ใช่ญาติสักหน่อย” ทานตะวันว่า
แต่แดงน้อยกลับบอก “ผมไหว้เพราะผมเคารพในความน่านับถือของน้าเนียนครับ”
“ไหว้คนที่น่านับถือ ดีกว่าไหว้คนหน้าไหว้หลังหลอก” เทิดศักดิ์พูดขึ้น
“ฉันยกย่องเนียนให้เป็นน้องสาวของฉัน ฉันไม่พอใจทุกทีที่มีใครพูดจาจิกหัวคุกคามข่มขู่เนียน หนูติ๋ว พาพี่แดงน้อยไปดูห้องที่หนูจัดไว้ ให้พี่เขาสิ”
“เจ้าค่ะ เชิญเจ้าค่ะ” เนื้อทองรับคำ
ทานตะวันหน้าคว่ำ “ไม่ต้อง ฉันพาไปเอง ทางนี้ค่ะพี่แดงน้อย”
ไม่พูดเปล่าทานตะวันกล้าดึงมือแดงน้อยด้วยมาด้วย แดงน้อยหน้าแดงเขินอาย เนื้อทองจึงถอยออกมา เพราะทานตะวันแทบจะชนเอา
“เทิดศักดิ์นอนกับแดงน้อยซะที่นี่ดีไหม” เรียมบอก
“ดีครับ ดีมากๆ คุณนายแม่ดุน้องอี๊ด ไม่ต้องพาแดงน้อยไป พี่จัดการเอง”
“เอ๊ะ” ทานตะวันฉุน
“อยากมีส่วนร่วมก็ไปช่วยทำขนมทำอาหารให้พี่เขากินสิจ๊ะ หนูอี๊ด” เรียมบอก
“นั่นมันงานพวกคนใช้ หนูไม่ทำดอกค่ะ คุณแม่”
“เนียนกับหนูติ๋วทำเองค่ะ”
เนียนที่ยามนี้หน้าตามีแต่ความสุข รีบรับอาสาอยากทำอาหารให้แดงน้อยกินมากๆ
“ขอบพระคุณมากครับ น้าเนียน”

แดงน้อยไม่พูดเปล่า แถมยกมือไหว้อีกด้วย ทำเอาพวกสน ช้อย และทานตะวันไม่พอใจ

อาญารัก ตอนที่ 11 (ต่อ)

ไม่นานหลังจากนั้น ทุกคนกำลังร่วมกินอาหารกันอย่างมีความสุข บนเรือนใหญ่ มีขุนภักดีเป็นประธาน หัวเราะกันร่าเริง ทานตะวันนั่งติดแดงน้อย คอยตักอาหารให้แดงน้อย พูดจาฉอเลาะจนทุกคนเห็นเด่นชัด

สนนั่งติดทานตะวันกระซิบแนะนำให้เอาใจแดงน้อยตลอดเวลา
“ตักอาหารให้พี่เขาสิคะ คุณหนูอี๊ด”
เรียมมองแล้วขัดหูขัดตามาก
“หนูอี๊ดจ๋า หนูให้พี่เขาตักอาหารเองดีกว่า เพราะพี่เขาอาจไม่ชอบอาหารที่หนูตักให้ก็ได้”
“แม่เขาพูดถูกแล้วลูก” ขุนภักดีเห็นด้วย
“จริงหรือพี่แดงน้อย ถ้าไม่ชอบหนูอี๊ดตักอย่างอื่นให้อีกก็ได้ค่ะ”
“เอ้อ ชอบครับ ทุกอย่างอร่อยมาก ฝีมือน้าเนียนกับน้องติ๋วใช่ไหมครับ”
ทานตะวันกระแทกช้อนส้อมบนจานแรงๆ
“ใช่แล้ว ลาภปากของแกเลยแหละแดงน้อย ทั้งบ้านนี้ไม่มีใครมีฝีมือทำอาหารอร่อยเท่าน้าเนียน” เทิดศักดิ์ว่า
“แม้แต่แม่หรือ” สนน้อยใจลูก
“ถ้าพูดความจริง ก็ใช่ครับ ฝีมือคุณแม่สู้น้าเนียนไม่ได้”
สนโกรธ
“เอ๊ะ”
“ฟังให้จบสิครับ เพราะ คุณแม่เป็นคุณนาย พวกคุณนายเขาไม่ได้ค่อยทำอะไรไงครับ นานทำที จึงมีผิดพลาด”
“รอดตัวไป”
สนค่อยหายงอน

ส่วนแดงน้อยนั่งกินข้าวไปเหมือนมีอะไรมาบอกว่ามีคนแอบมอง แดงน้อยชะงักคำข้าวที่กำลังจะเข้าปาก มองออกไปนอกบ้านที่โคนต้นมะขาม

เนียนนั่งตัวลีบเล็ก แอบมองไปบนเรือน ในทิศทางที่เห็นแดงน้อยชัดๆ เนียนนั่งยิ้มไปน้ำตาคลอไป
เนียนเลิกสนใจอี๊ดไปในช่วงนี้ เพราะหันไปสนใจแดงน้อย
“แดงน้อย แดงน้อยของแม่ แม่อยากจะบอกลูกว่า แม่ใส่ความรักความห่วงหาอาวรณ์ลูกทุกลมหายใจของแม่ไปในอาหารที่ลูกกำลังกิน”
เนียนยิ้มทั้งน้ำตา สีหน้าเปี่ยมสุข

ทุกคนทานอาหารไม่มีใครมองเห็นเนียนเหมือนกับแดงน้อยที่อุทานออกมา
“น้าเนียน”
แดงน้อยจึงกินอาหารค้าง
“ไหนว่าอาหารอร่อย ทำไมหยุดกิน”
พอขุนภักดีมองตามแดงน้อยไปบ้าง ก็เห็นเนียนเช่นกัน ให้แปลกใจ
“เอ๊ะ”
ฟากเนียนตกใจมากที่ท่านขุนมองมาเช่นเดียวกัน
“ท่านขุน”
เนียนรีบถอยหลบหายไปหลังต้นมะขาม เนื้อทองเดินมาตามหาแม่พอดี
“แม่เนียน มานั่งหลบทำอะไรตรงนี้จ๊ะ”
“แม่ เอ้อ แม่เปล่าจ้ะ ไม่มีอะไรจ้ะ”
เนื้อทองมองไปเห็นด้านบนเรือนที่กำลังกินอาหาร
“แม่เนียนมาแอบมองคุณหนูอี๊ดอีกแล้ว”
“เอ้อ แม่ว่าหนูไปเรือนคุณท่านกันเถิด ป่านนี้ท่านเรียกหาแล้วจ้ะ”
เนียนกลบเกลื่อนรีบดึงแขนเนื้อทองพากันเดินไปจากที่นั่น

วันต่อมาทองจันทร์หยิบพลูมาจากจานมองแล้วร้องถาม
“ใครจีบพลูใส่จาน นางกบรึ นางกบ ๆ”
เนื้อทองคลานเข่าเข้ามาหา
“คุณท่านเรียกพี่กบหรือเจ้าคะ หนูจะไปตามให้เจ้าค่ะ”
“ไม่ต้อง ฉันอยากรู้ว่าใครจีบพลูใส่จาน”
เนื้อทองหน้าเจื่อน ชักใจเสีย “หนูเองเจ้าค่ะ หนูขอประทานโทษ ที่มาจีบพลูแทนพี่กบ”
“วุ๊ย ไม่ต้องมาทำสีหน้าตกใจเหมือนกำลังจะโดนหวาย ฉันแปลกใจว่าทำไมวันนี้นางกบมันจีบพลูสวยหมากนั่นก็เจียนไว้สวยเกินผีมือนางกบย่ะ”
เนื้อทองดีใจ “เอ้อ...ขอบพระคุณเจ้าค่ะ ที่ไม่เอ็ดหนู”
ทองจันทร์ค้อนวงใหญ่
“ฉันไม่ใช่อันธพาลนี่ย่ะ จะได้เห็นอะไรขวางหูขวางตาไปหมด อ้าวแล้วนั่น ขนมแม่แกทำมารับแขกบ้านโน้นละสิ”
“ทำให้ทุกคนแหละเจ้าค่ะ หนูทำให้คุณท่าน แม่ทำให้บ้านโน้นเจ้าค่ะ”
“อืมเอ็งเก่ง มากนะ เก่งกว่าหนูอี๊ด แต่ก็นั่นแหละ เขามันลูกเศรษฐี ไม่ต้องทำอะไรเก่ง ก็ไม่อดตาย เอ็งมันลูกชู้ มันก็ต้องเก่งเข้าไว้”
เนื้อทองฟังแล้วน้ำตาร่วงเผาะ ทองจันทร์รีบปลอบ
“นี่ฉันทำเอ็งเสียน้ำตาจนได้สินะ เพราะดันไปพูดเรื่องแม่ของเอ็ง เอาละ ต่อไปนี้ฉันจะระวังตัวไม่พูดเรื่องนี้”
ไม่พูดเปล่า ทองจันทร์หยิบผ้าเช็ดหน้ามาจากชายพกมาเช็ดน้ำตาให้เนื้อทอง
“เอ้อ ขอบพระคุณเจ้าค่ะ หนู หนูไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ”
“เอ็งนี่นอกจากสอบมอแปดได้ที่หนึ่งแล้ว เอ็งสอบชิงทุนได้ไหม”
“ได้เจ้าค่ะ”
ทองจันทร์มองอย่างชื่นชม
“รูปทรัพย์กับความรู้คู่ศักดิ์ศรี อันนารีมีความรู้น่ารักใคร่ แม่เอ็งเขาดีใจมากละสิ”
“ดีใจจนร้องไห้เลยเจ้าค่ะ”
“แม่เอ็งมีแต่น้ำตาเป็นเพื่อน ร้องไห้สถานเดียว นี่เขาหายไปไหนล่ะ”
“เอาขนมไปเรือนโน้นเจ้าค่ะ”
ทองจันทร์พยักหน้า
“เอ็งนั่งรอตรงนี้ก่อนนะ”
“เจ้าค่ะ”
ทองจันทร์เดินกลับเข้าห้องไป เทิดศักดิ์เดินเข้ามานั่งหยิบขนมกิน เคี้ยวตุ๊ยๆๆ

“อร่อยจัง”

ขณะที่เนียนเดินมาวนเวียนอยู่ที่หน้าเรือนใหญ่ เพื่อแอบชื่นชมแดงน้อย ทานตะวันโผล่มาทางด้านหลังแหวใส่ทันที

“แกมาแอบดูอะไร”
“คุณหนูอี๊ด”
“ฉันถามว่าแกมาแอบดูอะไร”
“เอ้อ...”
“แกต้องคิดอะไรไม่ดีแน่ บอกมานะ”
เนียนส่ายหน้า น้อยใจเสียใจ
“ฉันแค่เอาขนมมาที่ตึกนี้เท่านั้นเองค่ะ”
“มาแล้วก็รีบไปสิ จะมาร่ำไรทำอะไรอยู่ ใช่แล้ว แกชอบมาแอบมองฉัน”
“เอ้อ...”
“ไม่ต้องมาเอ้อมาอ้า ถ้าแกแอบมองฉันอีก ขอให้แกตาเน่าตาหนอนไปให้พ้นนะ ไป ไปไปสิ”
เนียนจึงถอยหลบไป พอเนียนถอยหลบไปแดงน้อยก้าวลงบันไดมา
“เมื่อสักครู่ผมเห็นน้าเนียนอยู่แถวนี้”
“ไม่มีดอกค่ะ พี่แดงน้อยตาฝาดค่ะ”
แดงน้อยจึงงงๆ

เทิดศักดิ์นั่งยิ้มมองหน้าเนื้อทองไปอย่างเพลิดเพลิน พลางกินขนมไปด้วยจนหมดจาน ทองจันทร์เดินออกมา เห็นเทิดศักดิ์กินขนมหมดไปแล้ว
“ตายจริง ตาเทิดตะกละมาก มากินขนมอร่อยของย่าหมดเลย”
“ก็มันอร่อยนี่ครับคุณย่า”
“ทำตัวเป็นเปรต ตายอดตายอยากมาแย่งของกินย่า น่าตีนัก”
“ตีผม ผมจะจับคุณย่ากับพวกฐานเล่นไพ่ตองซะให้เข็ด”
“ก็ลองมาจับย่าสิจะตีให้หัวแตก จะเอาให้หน้าหล่อๆ แบะเสียโฉม”
“คุณย่าไม่กล้าร๊อก นั่นอะไรในมือครับ วูบวาบทีเดียว”
“รางวัลของยัยติ๋ว ที่มันสอบได้ที่หนึ่ง ที่มันสอบชิงทุนได้ไม่เอาทุนย่า รางวัลที่มันเจียนหมากพลูสวย ทำขนมอร่อยจนถูกเปรตมาแย่งกินหมด”
เทิดศักดิ์หัวเราะชอบใจ ทองจันทร์ดึงตัวติ๋วมาแล้วใส่สร้อยพร้อมจี้เพชรสวยงามให้
“สวยมากรู้ไหม เป็นของฉันตั้งแต่ยังเป็นสาวที่สวยมากๆ”
“คุณย่าชมตัวเองด้วย แต่ผมก็เชื่อว่าสวย จี้นี่สักห้าร้อยบาทได้ไหมครับ” เทิดศักดิ์แซวขำๆ
“ดูถูกสร้อยย่ารึ เดี๋ยวตีตาย ห้าหมื่นยังเอาไม่อยู่ ยัยติ๋วเอ็งเอาไปอวดแม่เอ็งบอกว่า ฉันสั่งห้ามอย่าร้องไห้อีก ฉันเหนื่อยใจแทนมัน”
“เจ้าค่ะ”
เนื้อทองก้มลงกราบ ทองจันทร์ดึงมือเด็กสาวไปวางบนตัก เทิดศักดิ์ยิ้มดีใจไปด้วย แล้วแบมือขอมั่ง
“แล้วรางวัลนายร้อยตรีเทิดศักดิ์เล่าครับ คุณย่า”
“สอบชิงทุนที่ไหนได้ รึ หรือว่าสอบได้ที่หนึ่ง”
เทิดศักดิ์หัวเราะ ทองจันทร์หัวเราะไปด้วย เทิดศักดิ์จึงแกล้งหันไปเม้มเงินที่ทองจันทร์ใส่ไว้ในเชี่ยนหมากมาชูให้ดู
“นี่ไงรางวัลของผม”
“เดี๋ยวจะพ่นน้ำหมากใส่หน้าให้เข็ด”
ทองจันทร์หัวเราะขำตีแขนหลานชายดังเผียะ

ทานตะวันพาแดงน้อยเดินไปยังเรือนสน แดงน้อยยังติดใจเนียนไม่หาย
“น้าเนียนอยู่ที่ไหนครับ พี่อยากเจอ”
“ไม่ต้องไปเจอมันดอกค่ะ มันทำงานอยู่ตามก้นครัว คุณพ่อไม่ต้องการให้มันออกมาเพ่นพ่าน เพราะมันสร้างอับอายให้บ้านเรา เรื่องเป็นชู้กับเสือหนัก”
“อะไรนะครับ”
“มันเคยเป็นเมียน้อยคุณพ่อ ต่อมาแอบเป็นชู้กับเสือหนักนังติ๋วนั่นแหละค่ะ ลูกเสือหนัก”
แดงน้อยนิ่งเงียบไป พยายามหันมองหาเนียน

เนียนตามออกมาแอบมองหาแดงน้อยอีก เนื้อทองเข้ามาสะกิด
“แอบดูคุณหนูอี๊ดอีกแล้ว ดูเท่าไหร่ไม่เบื่อ ขนาดเขาดุว่าแม่ก็ยังไม่เบื่อ”
“แม่ แม่อยากคุยกับคุณแดงน้อยต่างหาก”
“อ้าว นี่แม่เปลี่ยนมาแอบมองพี่แดงน้อยแล้วหรือจ๊ะ”
“จ้ะ เอ๊ะ นั่น”
เนื้อทองยิ้มกุมจี้ที่ห้อยอยู่กับสร้อยบนคอระหง
“คุณท่านให้หนูจ้ะ สวยไหมจ๊ะ”
“สวยที่สุดจ้ะ หนูได้ของสวยงามราคาแพงจากท่านแปลกว่าหนูโชคดีมาก”
“ท่านเมตตาหนูจริงๆ”
“หนูต้องดูแลท่านให้ดีที่สุด ให้สมกับที่ท่านเมตตาหนู”
“รับรองจ้ะแม่”
เนียนยิ้มดีใจทำท่าจะร้องไห้ เนื้อทองส่ายหน้าห้าม
“คุณท่านสั่งมาห้ามแม่ร้องไห้อีกจ้ะ ท่านคงอยากให้แม่ยิ้ม”
“จ้ะ แม่จะพยายาม เออ หนูติ๋วจ๋า แม่วานหนูสักหน่อยได้ไหม”
“ได้สิคะแม่เนียน จะให้หนูทำอะไรจ๊ะ”
“แม่อยากคุยกับคุณแดงน้อย เชิญเขามาคุยกับแม่สักครั้งได้ไหม”
เนียนยิ้มสีหน้ามีความหวัง

ฟากสนกำลังพูดคุยกับแดงน้อยอย่างออกรส
“ไปเมืองนอกกลับมาแล้ว มาเป็นนายอำเภอที่นี่นะคะ แดงน้อย”
“ครับ ผมจะพยายาม แต่ก็อีกตั้งสามปี”
“อีกสามปีมาช่วยเทิดศักดิ์จับเสือหนักให้ได้นะคะ”
“ครับ คุณแม่ แต่ไม่แน่ ระหว่างนั้น เทิดศักดิ์เขาอาจจับเสือหนักได้ก่อนที่ผมจะกลับมาก็ได้ครับ”
“หนูจะไปเป็นสาวปารีเซียงสามปีเหมือนกัน ห้ามพี่แดงน้อยพาแหม่มกลับมานะคะ” ทานตะวันพูดราวกับเป็นคู่รัก
“ไม่มีหรอกครับ พี่ไปเรียนอย่างเดียว”
“หรือเป็นเพราะว่ามีที่หมายเอาไว้ที่เมืองไทยแล้วคะ” สนแกล้งถาม
“เอ้อ...”
ขณะที่แดงน้อยอึกอักอยู่นั้น เนื้อทองเดินเข้ามาพอดี สนกับทานตะวันชักสีหน้า
“เอ็งมาเรือนฉันทำไมใครเชิญเอ็ง”
“แม่เนียนให้หนูมาเชิญคุณแดงน้อยไปพบค่ะ”
“สะเออะ เป็นขี้ข้าอยากเสนอหน้ามาขอพบเพื่อนของนาย อย่าไปนะคะแดงน้อย” สนว่า
“ใช่ค่ะ อย่าไป ต๊าย นั่นแกขโมยสร้อยเพชรคุณย่าที่ฉันเคยขอมาใส่” ทานตะวันใส่ไฟ
“กระชากมันออกมาสิคะ เอาไปคืนคุณย่า” สนบอก
ทานตะวันปราดไปจะกระชาก
“อย่านะคะ คุณท่านให้ฉันเอง” เนื้อทองบอก
สนกะทานตะวันตวาดพร้อมเพรียง “โกหก”
เนื้อทองถอยไปชิดแดงน้อยที่ตกใจมาก สนรีบกระซิบบอกทานตะวัน
“กระชากสิคะ”
ทานตะวันกระชากมือของเนื้อทองที่กุมสร้อยเอาไว้ แดงน้อยทำอะไรไม่ถูก แต่ก็พยายามจะปกป้องเนื้อทอง
“ผมว่าไปถามคุณย่าท่านก่อนไม่ดีหรือครับ น้องอี๊ด”
“ถามทำไมกันคะ ก็สร้อยกับจี้นี่หนูเพิ่งขอคุณย่ามาแหม็บๆ แต่คุณย่าไม่ยอมให้ หนูน่ะหลานแท้ๆ แต่มันลูกชู้ คนรู้กันทั้งสุพรรณ เรื่องอะไรคุณย่าจะไปให้มัน”
“เอ็งเอาคืนมาซะดีๆ นางติ๋ว หรือจะให้ฉันต้องลงมือกับเอ็ง”
สนหันไปคว้าไม้เรียวจะมาตีติ๋ว เทิดศักดิ์ลงเรือนมาเจอพอดี
“สร้อยกับจี้นั่นเป็นของน้องติ๋ว ผมเห็นกับตาว่าคุณย่าใส่ให้น้องติ๋วกับมือน้องอี๊ด คุณแม่สน ปล่อยน้องติ๋วนะครับ”

สนกับทานตะวันมองหน้ากันแทบไม่เชื่อหู

ขณะเดียวกันเรียมมาแวะหาทองจันทร์ที่บนเรือน เอาของมาฝาก

“คุณแม่ขา เรียมซื้อเสื้อลูกไม้ใส่ไปวัดมาฝากคุณแม่ค่ะ”
“จะมาขอบใจฉันละสิที่เอาจี้เพชรกับสร้อยที่เคยขอไว้ให้ยัยติ๋วให้มันไปเรียบร้อยแล้ว” ทองจันทร์บอกอย่างรู้ทัน
เรียมดีใจ “จริงหรือคะ คุณแม่ให้จี้เพชรนั่นกับยัยติ๋วไปแล้ว”
“จริงสิ แม่เรียม ก็เห็นแม่เรียมอยากให้มันหนักหนา แม่ก็เลยฉลองศรัทธา”
“ขอบพระคุณคุณแม่มากค่ะ”
“ถามจริงอยากให้ตอบดีๆ ด้วย ทำไมถึงอยากให้โน่นให้นี่ยัยติ๋วมันมากมายนัก”
เรียมอึ้งไป คิดหาคำตอบ
“เอ้อ..เพราะว่ายัยติ๋วคนนี้ ก็อย่างที่ท่านพระครูท่านทำนายเอาไว้ว่าแกจะเป็นที่พึ่ง แกเป็นคนดี มีอนาคต ผิดกับหนูอี๊ดของเรียม ทั้งที่เกิดวันเดียวกัน เรียมหวังจะให้แกเป็นที่พึ่งของหนูอี๊ดในภายภาคหน้าที่ไม่มีเรียมแล้วค่ะ ก็เลยอยากให้แกดูดี”
“เหตุผลก็ใช้ได้นะ แต่แม่ฟังไม่ค่อยจะขึ้น เด็กมันไม่ใช่พี่น้องกัน มันจะมาดูแลกันทำไม มิหนำซ้ำไอ้คนฝ่ายของเรา จ้องคอยจิกคอยทึ้งเขาตลอดเวลา”
“แต่เรียมมั่นใจว่าเนียนไม่ได้มีชู้ และถ้าเนียนไม่มีชู้หนูติ๋วก็คือลูกพี่เทพและเป็นพี่น้องกับหนูอี๊ด”
“ไฮ้..แม่ฟังแล้วเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เอาเถิดมันเป็นเด็กดีจริงๆ แม่ยอมรับเผื่อเรื่องที่แม่เรียมพูดจริง เกิดแม่ไม่ให้มันแต่ ดันตายเสียก่อน วิญญาณคงตาค้างหลับไม่ลง ปล่อยให้หนทางพิสูจน์ม้า เวลาพิสูจน์เนียน”
“ค่ะ”
ทองจันทร์เริ่มเอนเอียงมาทางเรียมบ้างแล้ว

ส่วนที่เรือนเล็ก สนกับทานตะวันไม่พอใจเนื้อทองมาก จนได้เทิดศักดิ์มาห้ามเอาไว้ได้ แดงน้อยก็แอบโล่งใจ แต่สองคนยังหาเรื่องเนื้อทองและเนียนเล็กๆ น้อยต่อไปอีกจนได้
“แม่แกนึกว่าตัวเองเป็นเจ้าของบ้านงั้นรึ เอาสิทธิ์อะไรมาเชิญแขกของพวกฉันไปพบ หน้าด้านหน้าหนาหน้าไม่มียางอาย”
“ผมเองต่างหากครับ ที่กำลังจ้องหาโอกาสจะไปพบปะพูดคุยกับน้าเนียน เพราะน้าเนียนกับแม่แพรของผมนับญาติเป็นพี่น้องกัน”
“ต๊าย ลดตัวลงไปนับญาติกับขี้ข้าทำไมกันคะ นางติ๋ว แกก็เหมือนกันต่อไปนี้อย่าทะลึ่งไปเรียกพี่แดงน้อยว่าพี่ แกต้องเรียกว่าคุณแดงน้อย”
“คุณหนูอี๊ดจ๋า พี่บอกหลายครั้งแล้วว่าสมัยนี้เขาไม่มีขี้ข้ากันแล้ว”
“นางเนียนแม่แกต้องวางแผนอะไรแน่ๆ” ทานตะวันส่งสายตาจ้องแดงน้อย
“ทำไมน้องอี๊ดเรียกน้าเนียนว่านางเล่าครับ”
“ก็เพราะว่ามันคือคนใช้ ทำไมจะเรียกไม่ได้ หรือจะให้หนูเรียกมันคุณนายเนียน ก็ได้ค่ะ คุณหนูติ๋วเจ้าขา คุณนายเนียนให้มาเชิญพี่แดงน้อยไปทำอะไรไม่ทราบเจ้าค่ะ”
“ผมได้ยินคุณนายแม่บอกกับผมว่า แม่ของน้องติ๋วก็เป็นภรรยาของท่านขุนเหมือนกันนะครับ” แดงน้อยพูดต่อไม่ลดละ “ถ้าใครเพรียกพวกเขาอย่างที่น้องอี๊ดบอกก็คงจะถูกต้องครับ”
“หนูมาเรียนเชิญพี่แดงน้อยเสร็จแล้ว หนูขอตัวก่อนนะคะ”
เนื้อทองเดินน้ำตาคลอตัดบทออกไปไม่อยากต่อเรื่อง
“ต๊าย ไม่มีสัมมาคารวะ ไปไม่ลามาไม่ไหว้ เดินหนีฉันไปหน้าตาเฉย อีเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน ไม่เคารพคนเหนือกว่า”
“ก็พ่อมันเป็นโจร มัวแต่ไปปล้นจะเอาเวลาที่ไหนมาสอนลูกคะแม่สนละก้อมันจะเคารพใครเป็น” ทานตะวันผสมโรง
“หวังแต่จะให้ผู้อื่นมาเคารพตัวเอง ดูตัวเองบ้างก่อนดีไหมว่าน่าเคารพเพียงไหน” เทิดศักดิ์ว่า
“นี่เทิดศักดิ์กำลังด่าแม่”
“เปล่าครับผมเตือนน้องอี๊ด ขอตัวก่อน ต้องไปรายงานตัวกับเจ้านายที่อำเภอ แดงน้อยไปคุยกับน้าเนียนให้สนุก”
“พบกันตอนเย็นนะเทิดศักดิ์”
“พี่แดงน้อยขา หนูขอเตือนนะคะว่านางเนียนมันกำลังเอาลูกชู้คนสวยมาล่อพี่แดงน้อย” ทานตะวันว่า
“น้องติ๋วน่ารักน่าชื่นชม แม้แต่เทิดศักดิ์ก็ยังชมเธอให้ผมฟังเสมอ ความดีงามของเธอคือสิ่งที่ล่อให้ใครๆ มาผูกมิตรกับเธอ” แดงน้อยว่า
ไม่มีใครฟังสองคน ต่างเดินหนีกันหมด

สามคนนั่งอยู่ที่ตั่งตรงลานหน้าเรือนทองจันทร์ เนียนมือไม้สั่นรับไหว้แดงน้อย มองเอาๆ จนพูดไม่ออก
“สวัสดีครับ น้าเนียน”
เนียนเริ่มตัวสั่น ปากสั่น คำพูดติดอยู่แค่ลำคอ โดยไม่ทันคิด มือสั่นๆ ของเนียนก็เอื้อมไปจับแขนแดงน้อย
ลูบคลำไปมา ดวงตาแสดงความรักใคร่เทิดทูนอย่างเปิดเผยเก็บงำไม่อยู่
เนียนพยายามเอ่ยปากเรียกอย่างเต็มตื้น “คุณแดงน้อย”
แดงน้อยเริ่มรับสัมผัสที่เนียนส่งมาให้อย่างรวดเร็วไปจนถึงหัวใจ
“ครับ น้าเนียน”
เนียนพยายามกลั้นสะอื้น ในที่สุด เนียนก็สะอื้นร้องไห้ออกมาน้ำตานองหน้า
“คุณแดงน้อย ของ...” เนียนหยุดแค่นั้น
“แม่เนียนจ๋า อย่าร้องไห้ คุณท่านเพิ่งสั่งมาว่าอย่าร้องไห้”
แดงน้อยตกใจ “ผม ทำอะไรให้น้าเนียนไม่สบายใจหรือเปล่าครับ”
“เปล่า เปล่า น้า เอ้อน้าตื้นตันใจ ดีใจแทนพี่แพร ที่มีลูกชายโตเป็นหนุ่มขนาดนี้”
“ผมไม่ใช่ลูกแม่แพรแท้ๆดอกครับ แม่ผมตายตั้งแต่เล็กๆ”
เนียนคราง “โธ่...”
“แม่เนียนขี้สงสารน่ะค่ะ”
“ลุงสินของผมฝากให้แม่แพรกับลุงโพล้งให้ดูแลผมมาจนโตป่านนี้ครับ” แดงน้อยบอก
“ลุงสิน สบายดีหรือคะ”
“น้าเนียนรู้จักลุงสินด้วยหรือครับ”
“เอ้อ.. เคยรู้จักนานมาแล้วจ้ะ ว่ายังไงจ๊ะ...” เนียนเริ่มกล้ามากขึ้น “ลุงสินสบายดีไหมจ๊ะ”
“ลุงไม่ได้อยู่กับเราครับ นานครั้งลุงจะมาหาผม แต่ตอนนี้ลุงเงียบหายไปเลย แต่ลุงก็เขียนจดหมายมาบอกว่าลุงทราบแล้วว่าผมเรียนจบ”
“ดีใจด้วยนะคะ ที่เรียนจบแล้ว”
“พี่แดงน้อยสอบชิงทุนได้ไปเรียนปริญญาโทที่เมืองนอกด้วยจ้ะ”
เนียนดีใจ “เก่งเหลือเกิน..เก่งที่สุด น่าชื่นใจปลื้มใจจริงๆ”
“ขอบพระคุณครับ”
“วันนี้แม่เนียนคุยเก่งที่สุดตั้งแต่หนูเกิดมา ยิ้มเก่งที่สุดด้วย ขอบคุณพี่แดงน้อยที่ทำให้แม่หนูมีความสุข”

ทั้งสามยังคงคุยกันอย่างมีความสุข

ผิดกับสนและทานตะวัน ที่ออกอาการหงุดหงิด ปรึกษานางช้อยใจชั่วกันอยู่สามคนบนเรือนสน

“แม่สนไม่เคยเกลียดใครเท่าอีสองคนแม่ลูกนี่เลยค่ะ”
“เหมือนหนูไม่มีผิด”
“แล้วจะมัวเงื้อง่าราคาแพงไปเรื่อยๆ อยู่ทำไมคะ คุณหนูอี๊ดคุณสน”
“ลองให้ของราคาแพงมากกับมันอย่างนี้ แปลว่าคุณย่าหลงมันจนลืมหนูอี๊ดอย่างที่แม่สนกังวลแล้ว”
“แม่สนไปกับหนู ตามไปด่านางสองแม่ลูกนั่นนะคะ”
“จะไหวหรือคะ เรือนคุณท่านนะคะ ใครกล้าไปด่าใครที่นั่นหัวกุดนะคะ” ช้อยเตือน
“จริงด้วยค่ะ ไม่เหมาะค่ะ ไปฟ้องคุณพ่อดีกว่าค่ะ” สนสั่ง
“ไปยุแยงตะแคงรั่วให้คุณพ่อด่าพวกมันเอาจี้คืนมาให้ได้ค่ะ” ช้อยเสี้ยม
ทานตะวันพยักหน้า รีบเดินหายไปสองคนหันมายิ้มให้กัน
“โง่เหมือนอีเรียม” สนบอก
“แต่ร้ายเหมือนคุณสน” ช้อยว่า
“อีช้อย”
ช้อยยิ้มแห้งๆ

ที่ลานเรือนทองจันทร์ เนียนยังคงเป็นปลื้มกับการชื่นชมแดงน้อย
“เป็นบุญเป็นกุศลเหลือเกินที่ได้เห็นคุณแดงน้อยได้ไปเรียนต่อที่เมืองนอก ตั้งใจเรียนกลับมาช่วยเหลือคนยากคนจนนะคะ กลับมาเป็นที่พึ่งของแม่...เอ้อ..แม่แพรกับลุงโพล้งนะคะ”
ทองจันทร์โผล่ออกมาเขม้นมอง
“ขาไพ่ตองของฉันหายไปไหนหมด อ้าว นั่งอยู่นั่น สามคน มามะมาเล่นไพ่ตองกับฉัน มามะ ไม่มาเจอปาหัวด้วยเชี่ยนหมาก”
ทองจันทร์กวักมือเรียกสามคนเหยงๆ

ส่วนขุนภักดีนั่งดื่มเมรัยไป แล้วเริ่มเมาไม่น้อย มีเอกคอยรับใช้
“ไอ้เอก เอ็งว่าเกิดเป็นท่านขุนภักดีภูบาลนี่มันดีหรือเลวกันแน่”
“ดีสิขอรับ ดีมากๆ เสียด้วย ใครๆ ก็นับหน้าถือตา โจรผู้ร้ายก็หวาดผวา”
“เฮ้ย หวาดผวาประสาบ้าอะไร ทำไมมันดันมาเป็นชู้กับเมียของกู เมียของกูก็ดันเห็นโจรดีกว่าผัว”
“ท่านขุนขอรับ เรื่องนี้ความจริงก็ยังไม่กระจ่าง”
“ไอ้เอกเอ็งก็เห็นกับตาพร้อมกับข้าว่า มันเอาสร้อยเอาแหวนของกูให้ชู้”
“เห็นกับตา แต่ไม่ได้ยินกับหูสักหน่อยว่าเขาพูดอะไรกันนะขอรับ”
“นี่มึงกล้าขัดกู มึงเข้าข้างนางแพศยา”
ขุนภักดียกตะพดจะตีเอก เอกถอยกรูด ทานตะวันเดินเข้ามาพอดี ท่านขุนยกค้าง
“ว๊ายคุณพ่อ...อย่าตีหนูอี๊ด ค่ะ”
เอกแอบถอนใจโล่งอก
“คนสวยของพ่อ มานั่งข้างๆ พ่อสิลูก”
ทานตะวันทำหน้าเบะจะร้องไห้
“หนูไม่ยอมค่ะ คุณพ่อ นางเนียนกับนางติ๋วมัน…”
“มันทำอะไรหนู”
เอกแอบหันมาทำหน้าเบื่อหน่าย

ฟากทองจันทร์ออกอาการดี๊ด๊าสนุกสนานมากๆ สอนให้สามคนเล่นไพ่ตอง แถมพูดติดตลกไปด้วย
“แย่มาก เล่นกันไม่เป็นสักคน ต้องให้คนแก่สอน ดีไม่ดีหมวดเทิดศักดิ์เขามาเห็นโดนจับหมดสี่คน เลิกๆๆ หิวข้าวแล้ว กินข้าวกันดีกว่าพ่อแดงน้อยคนนี้ มากินด้วยกันที่นี่เถิดนะ”
“ครับ เอ้อ”
เนียนรีบรับทันที “ดีค่ะ น้ากับหนูติ๋วจะรีบไปทำอาหารให้ทานค่ะ ชอบทานอะไรบอกน้าได้ค่ะ”
ทุกคนงงเนียนที่กลายเป็นคนช่างพูด
“ผีที่ไหนมาแอบเจาะปากให้เนียนมันกลายเป็นช่างพูด” ทองจันทร์แขวะ
“แม่เนียนชื่นชมพี่แดงน้อยมากน่ะเจ้าค่ะ” เนื้อทองบอก
“ก็น่าจะชื่นชมหรอกนะ เก่งอย่างนี้ไม่แดงน้อยดอก ต้องแดงมาก นี่พ่อแดงมากจ๋า ดูหน้าตาของพ่อสิ ช่างเหมือนกับแม่เนียนยังกับแม่ลูก เหมือนยัยติ๋วด้วย นี่ถ้าไปเดินตลาดกันสามคนใครเขาคงเข้าใจว่าแม่พาลูกสองคนมาชมตลาด หรือว่าจะมีใครเถียงว่า...ฉันพูดไม่เอาอ่าว”
แดงน้อยเห็นด้วย “คุณย่าพูดถูกครับ ผมเองเวลาส่องกระจกยังแปลกใจตัวเองว่าทำไมหน้าเหมือนน้องติ๋ว”
“ยัยติ๋ว เราว่ายังไง”
“เจ้าค่ะ หนูก็ว่าหน้าหนูเหมือนพี่แดงน้อยเจ้าค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น วันนี้เรามากินข้าวด้วยกันทั้งหมดนี่ติ๊ดต่างว่ากินข้าวกันแม่ๆ ลูกๆ” ทองจันทร์ว่า
เนียนตะลึง “คุณท่าน”
“เนียนแกไม่ต้องมาทำหน้าปฎิเสธ อย่าให้ฉันมีโมโห เดี๋ยวจะขว้างเชี่ยนหมากใส่หัวแก” ทองจันทร์ดุแต่ท่าทีน่าขันไม่จริงจัง
“เจ้าค่ะ...กินเจ้าค่ะ”
ทองจันทร์ยิ้ม เนียนปลื้มปริ่มจนตัวแทบลอย สีหน้ามีแต่ความสุข

ส่วนทานตะวัน ร้องไห้ไปฟ้องไปด้วย
“คุณย่าให้สร้อยเพชรเส้นที่หนูเพียรขอแล้วขออีกไปให้คนอื่น”
“คนอื่น คุณย่าเอาไปให้ใครหรือลูก”
“นางติ๋วค่ะ”
“อะไรนะ”
“เอาแล้วไง” เอกพึมพำ “บ่อนแตก”
“นางเนียนมันยุให้ลูกมันปะเหลาะขอของคุณย่าค่ะ”
“นางนี่บังอาจ”
“แค่นั้นที่ไหนกันคะ หนูกับแม่สนกำลังคุยกับพี่แดงน้อย มันส่งลูกมันมาอ่อยเหยื่อล่อปลากะพง เรียกพี่แดงน้อยไปหามันหน้าตาเฉย”
“แล้วแดงน้อยเขาไปไหมล่ะ”
“แจ้นไปเลยแหละค่ะ”
เอกพึมพำต่อ “สาแก่ใจจริงๆ”
“ยังไม่หมดค่ะ ก็ไอ้เรื่องที่มันขึ้นไปลอยหน้าอยู่ในห้องเก่าของคุณแม่กันทั้งสองคนแม่ลูกนั่นก็ขัดหูขัดตา ขัดใจหนูเป็นที่สุด คุณพ่อว่ามันเหมาะแล้วหรือคะ”
“ไม่เหมาะดอกจ้ะ ลูกรักเดี๋ยวพ่อจะไปจัดการให้”
ทานตะวันกอดประจบพ่อไว้แน่น
“คุณพ่อน่ารักที่สุด”

เอกมองทำหน้าเอือมระอา พ่อหูเบาลูกขี้อิจฉา

อาญารัก ตอนที่ 11 (ต่อ)

ฝ่ายสี่คนร่วมวงกินอาหารด้วยกัน อย่างมีความสุข คุณนายทองจันทร์นั้นสนุกมากๆ เย้าคนโน้นแหย่คนนี้ จังหวะหนึ่งทองจันทร์มองเนียนกับแดงน้อยและเนื้อทองที่นั่งเรียงกันอยู่ เสียงของเรียมดังก้องในหู

“แต่เรียมมั่นใจว่าเนียนไม่ได้มีชู้ และถ้าเนียนไม่มีชู้หนูติ๋วก็คือลูกพี่เทพและเป็นพี่น้องกับหนูอี๊ด”
ทองจันทร์คิดแล้วได้ถอนใจ “นอกจากเธอสามคนจะหน้าเหมือนกันแล้ว ยัยติ๋วแกยังมีปากเหมือน...”
“ใครเจ้าคะ” เนื้อทองถาม
ทองจันทร์คิดในใจ “พ่อเทพ” แต่ที่พูดออกมากลับเป็น “ช่างเถิด เนียนวันนี้แกเจริญอาหารจริงนะ ทุกทีเห็นตีหน้าเศร้ากินข้าวเคล้าน้ำตาเหมือนแมวดม”
“เอ้อ..เนียนดีใจที่คุณท่านให้มากินข้าวด้วยนี่เจ้าคะ”
“ฉันว่าแกดีใจที่ได้กินข้าวกับพ่อแดงมากคนนี้ตะหาก กินแยะๆ นะหลาน ฝีมือสองแม่ลูกนี่เขาเฉียบขาดจริงๆ”
“ผมกินไปสามจานแล้วครับ คุณย่ากินไม่เหลือสักเม็ด” แดงน้อยรวบช้อน
เนียนรวบตามบ้าง
“อ้าวแม่เนียน เห็นพ่อแดงมากอิ่ม อิ่มตามไปด้วย”
“เนียนก็กินไปสามจานแล้วเหมือนกันเจ้าค่ะ”
“หนูจะไปเอาขนมมาให้นะเจ้าค่ะ”
เนื้อทองถอยออกไป ช่วยเนียนเก็บจาน แมวช่วยอีกคน
ระหว่างนั้น ทานตะวัน และท่านขุนดาหน้ากันขึ้นมา สีหน้าเอาเรื่อง มีเอกตามมาติดๆ
“นั่นสองพ่อลูกตีหย้ายักษ์มาบนเรือนฉันมีปัญหาอะไรไม่ทราบ” ทองจันทร์ทัก
“มีค่ะ นางติ๋วมานั่งประจบคุณย่าอยู่ที่นี่ไงคะคุณพ่อ” ทานตะวันฟ้องทันที
ทุกคนงง

จังหวะนี้สนกะช้อยมาแอบฟังอยู่ที่ใต้ถุนรือนทองจันทร์
“ได้ยินอีแก่มันพูดจาให้ท้ายอีเนียนแล้วอยากขึ้นไปเอามีดเสียบปากมัน” สนว่า
“เสียบปากอีแก่หรืออีเนียนเจ้าคะ”
“เสียบปากแกด้วยอีกคน สะเออะพูดเล่นอยู่ได้ คนเขากำลังจริงจัง”
“งั้นพูดจริงจังก็ได้ค่ะ อีแก่มันพูดถูก อีเนียนหน้าเหมือนคุณแดงน้อย คุณแดงน้อยหน้าเหมือนอีเด็กติ๋ว อีเด็กติ๋วหน้าเหมือนคุณหนูอี๊ด คุณหนูอี๊ดหน้าเหมือน คุณเทิดศักดิ์ รวมความได้ว่า คุณเทิดศักดิ์ก็หน้าเหมือนอีเนียนอีกคน เพราะอีเนียนมีศักดิ์เป็นอาของเธอ เนื่องจากว่าพ่อของเธอเป็นพี่ของอีเนียน” ช้อยลำดับญาติ
“อีช้อยเอ็งกำลังวอนตาย รู้ตัวไหม เงียบ ข้าจะฟังพี่ขุนด่ามันสองคนแม่ลูก”
ช้อยเงียบไป
ทองจันทร์มองหน้าขุนภักดีกับทานตะวัน ต่อว่าเอาตรงๆ
“แหมขึงขังขี่พายุทะลุเมฆจะมาเอาเรื่องเอาราวกันถึงเรือนฉัน มาผิดบ้านแล้ว แม่อี๊ดมาว่ายัยติ๋วเขาทำไม ตัวเองไม่เห็นจะทำอะไรให้ย่า ฉะนั้นอย่ามาว่ายัยติ๋ว เพราะเขาทำให้ย่าทุกอย่าง”
“หนูไม่ใช่คนช่างประจบสอพลอเหมือนมันนี่คะ”
“ผมไม่พอใจเรื่องที่นางเนียน เจ้าหน้าเจ้าตาไปเชิญแดงน้อยมาพบตัวเอง ไม่เจียมตัวซะเลยว่าตัวเองมีฐานะเป็นคนใช้ มีสิทธิ์อะไรมาสาระแนกับแขกของผม”
“นางเนียนอยากได้ลูกเขยเป็นนักเรียนนอก”
ทองจันทร์ชักเหลืออด “นางเด็กสาระแน” ชี้หน้าด่าทานตะวัน “พูดจายกเมฆป้ายสีคนอื่น”
“ว๊าย...คุณย่าด่าหนูสาระแนค่ะคุณพ่อ”
“ฟ้องพ่อจะให้มาตีฉันรึ พ่อแกน่ะฉันหวดด้วยก้านมะยมมานักต่อนักถึงได้ดิบได้ดีอย่างทุกวันนี้ มีแต่แกนั่นแหละ ไม่เคยโดนจนไม่เอาไหนสักอย่าง นางเด็กสาระแนช่างฟ้อง”
ทานตะวันอึ้งไป ขุนภักดีงงเถียงไม่ออก

ฟากสนกับช้อยฟังพลอยปวดหัวไปด้วย ที่เหตุการณ์พลิกตาลปัตร
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น อีแก่เข้าข้างนางสองแม่ลูกทุกประตู พี่ขุนยังทำท่าจะถอยฉาก”
“ถ้าจะให้มันมาอยู่ร่วมบ้านกับคุณท่านไม่ได้แล้วเจ้าค่ะ คุณสน”
“เอ็งจะให้ฉันจัดการอย่างที่เคย ดี...เอ็งจัดการมันทั้งแม่ทั้งลูกให้ไวที่สุด”
“ไม่ไหวดอกค่ะ เวลานี้ช้อยเองก็ยังแทบเอาตัวไม่รอด เจอคุณเทิดศักดิ์เธอมองที่หัวใจไปหล่นกองแถวตาตุ่ม สายตาเธอส่งคำถามมาประณามช้อยตลอดเวลา คุณสนลงมือเองเถิดเจ้าค่ะ”
“ไม่ได้ ข้าคิดไม่ตกจริงๆ มือตีนก็โดนตัดไปทีละรายจนหมดแล้ว”
“เอางี้เจ้าค่ะ ให้คุณหนูอี๊ดวางกับดักมัน”
สนมองช้อย เห็นด้วย

ทานตะวันกับขุนภักดียังเถียงทองจันทร์ไม่ยอมลดละ
“คุณพ่อขา แทนที่คุณย่าจะด่าพวกมันดันมาด่าหนูว่าสาระแนช่างฟ้อง หนูไม่ยอม”
“คุณแม่ครับ นางเนียนมันมาเจ้ากี้เจ้าการจุ้นจ้านกับแดงน้อยแบบนี้มันก็สาระแนเผยอเกินฐานะมากไปแล้วนะครับ ดูสิมานั่งลอยหน้าลอยตากินข้าวร่วมวงกับแขกของลูกชายผม”
“หนูเห็นแล้วอยากจะอาเจียน”
“ไปอาเจียนบ้านเอ็งสิ แหมเป็นปี่เป็นกลองสองคนพ่อลูก มันจะเป็นจะตายอะไรหนักหนากับการที่ฉันเชิญคนมากินข้าวกับฉัน แดงน้อยก็เพื่อนเนื้อทอง แม่แพรแม่ของแดงน้อยก็ญาติเนียน ถามหน่อยเนียนกับลูกมันทำเกินฐานะไปกี่ศอกกี่วาล่ะ”
“ก็มันอาศัยบ้านเราอยู่ กินข้าวเราทุกมื้อ มันไม่รู้จักเจียมกะลาหัว ผมไม่ชอบ”
“แต่แม่ชอบ แม่ผิดหรือที่อยากกินข้าวกับพวกนี้ แล้วไอ้ที่ว่าอาศัยบ้านอยู่ น่ะบ้านฉัน บ้านผัวฉัน พ่อเทพเองก็เคยอาศัยบ้านนี้อยู่ เพิ่งย้ายไปไม่นานนี่เอง ข้าวก็ข้าวมาจากนามาจากโรงสีของฉัน ของพ่อเทพที่ไหน”
“คุณย่าไม่ได้เชิญพวกมัน แต่พวกมันเชิญพี่แดงน้อย คุณย่าปกป้องมัน คุณย่าโกหก” ทานตะวันลืมตัว
ทองจันทร์ปรี๊ดแตก “นางเด็กสาระแน พ่อไม่สั่ง แม่สอนก็ไม่ยอมจำ หลานอะไรเลวอย่างนี้ มาว่าย่าโกหก เอ็งพูดแบบนี้ดูถูกฉันมากนังทานตะวัน คอยดูสิ ต่อไปนี้ฉันจะเอาเนื้อทองมาเป็นหลานแทนเอ็ง เนื้อทองหยิบพิมเสนมาให้ย่าหน่อยสิ เนียนเอ็งเข้าไปข้างในก่อน”
เนียนตาม เนื้อทองกลัวแต่ก็หยิบ แดงน้อยก็เงียบ ทานตะวันโดนด่าร้องไห้โฮๆ ขุนภักดีพูดไม่ออก
“หนูอี๊ด...ขอโทษคุณย่าสิ”
ทานตะวันส่ายหน้าร้องไห้อย่างเดียว
“หนูไม่ผิดทำไมต้องขอโทษ”
“วิเศษเหลือเกินย่ะ ลูกสาวพ่อเทพคนนี้ เลี้ยงดูให้มันเป็นลูกบังเกิดเกล้าเถิดย่ะ วันนี้มันด่าย่า วันหน้ามันก็ด่าพ่อล่อแม่ตัวเองได้”

เอกหันไปยิ้มกับแมวและกบ

ช้อยกะสน สองคนมองหน้ากันด้วยความโมโห

“นังเด็กอี๊ดหน้าโง่ ตกกระป๋องจนได้ นางเด็กติ๋วมันขึ้นวอแทน”
“รีบจัดการตามแผนใต้ดินเงียบๆอย่างที่เราคุยกันเมื่อกี้เถิดเจ้าค่ะ”
สนพยักหน้า

เนื้อทองเอาพิมเสนมาให้ทองจันทร์ และเห็นท่าไม่ดี ทำท่าจะคลานออกไป ทานตะวันสะกิดพ่อให้ดูจี้กับสร้อย
“เด็กติ๋ว เอ็งยังไปไม่ได้ ถอดสร้อยกับจี้เพชรนั่นคืนแม่ฉันเดี๋ยวนี้”
เนื้อทองตกใจ ทานตะวันทำท่าจะเข้าไปถอด
“ไม่ต้องถอด และใครก็ห้ามไปถอดของเขา เพราะฉันให้เขาไปแล้ว แหม..บานปลายเรื่องใหญ่เรื่องโตโกลาหลกับการที่ฉันให้ของใครสักคน”
“ถ้าคุณแม่ให้ทองมันสักบาท ผมจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจ แต่นี่ให้สร้อยกับจี้เพชรที่ทั้งสนทั้งเรียมเขาอยากได้ ทำอย่างกับว่ามันเป็นหลาน เพราะอะไรครับ”
“ทีคนเป็นหลานแท้ๆ ขอแทบตายไม่ยอมให้” ทานตะวันเหน็บแนมย่า
“นี่จะมาตั้งตัวเป็นเจ้าหัวใจฉันกันทั้งพ่อทั้งลูกรึ บอกความจริงให้ก็ได้แม่เรียมนั่นแหละเขาขอให้มัน เพื่อเป็นรางวัลเด็กดี เรียนดีนิสัยดี กตัญญูรู้คุณดี แต่ไอ้หลานแท้ๆนี่สิ เคยทำอะไรดีกับฉันกับตัวเองและคนรอบข้างบ้าง นักเรียนในชั้นสี่สิบห้าคน สอบได้ทีสี่สิบสี่ ทำดีสักหน่อยจะเอาอะไรจะทูนหัวทูนเกล้าให้ ไม่ใช่แค่สร้อยเพชรนี่ดอก รถยนต์รุ่นใหม่คันเป็นแสนๆ ก็ให้ได้”
ทานตะวันสุดทนฟัง “นางติ๋วฉันเกลียดแกๆๆๆ”
เนื้อทองก้มหน้างุดน้ำตาไหล

ส่วนเนียนนั่งหลบฟังอยู่ในห้อง น้ำตานองหน้า ป้ายน้ำตา พึมพำ ความสุขที่เพิ่งได้รับมลายหายสิ้น
“ลูกเอ๊ย พี่น้องคลานตามกันออกมาแท้ๆ ทำไมจงเกลียดจงชังกันหนักนา บาปกรรมของแม่ทำไมมันมากมายถึงเพียงนี้ หมดหวังที่จะมีวันที่ลูกปรองดองรักใคร่กันสักทีแล้วจริงๆ”

ทานตะวันออกฤทธิ์สู้ต่อ
“หนูไม่ใช่นางกระจิบกระจอก ไม่เห็นต้องเป็นอย่างคุณย่าว่าหนูก็ไม่เดือดร้อน แต่นางติ๋วมันต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบให้อยู่รอดกลับอดตาย”
“ย่ะๆ ตัวแกเองก็ปากกัดตีนถีบ ถีบอะไรดีๆ ออกจากตัวจนล่อนจ้อนเห็นเปลือกในชั่วร้ายยังไม่สำเหนียก”
“ใช่ค่ะ หนูเลว หนูไม่ดีหนูผิดหมด คุณพ่อขา เรื่องที่มันไปลอยหน้านอนในห้องเก่าของคุณแม่ มันอยากเป็นคุณนาย คุณพ่อก็ยังไม่ได้ชำระความ”
“ก็มีคนแอบชำระความไปแล้ว เผาที่นอนหมอนมุ้งยัยติ๋วจนวายวอด เอาเถิดนะ มันวุ่นกันนัก ยัยติ๋ว ไปขนของเธอมานอนกับย่า”

สองพ่อลูกตกตะลึง เอกแอบยิ้มสะใจ
“ย่าหรือคะ” ทานตะวันไม่อยากเชื่อหู
“คุณแม่ใช้คำแทนตัวเองกับมันว่าย่า” ขุนภักดีฉุน
“ย่ะ ต่อไปนี้เธอเรียกย่าว่าย่านะ ยัยติ๋ว นางแมว นางกบ รีบไปช่วยกันขนของของหลานฉันไปไว้ที่ห้องฉัน ไอ้เอก เอ็งมีหน้าที่หาข้าวของเครื่องใช้ให้หนูติ๋วให้เสร็จภายในเวลายี่สิบชั่วโมง”
“ขอรับคุณท่าน..” เอกยิ้มย่องพอใจ
“ประกาศให้รู้กันทั่วหน้าว่ายัยติ๋วคือคนของฉัน ใครจะมาด่าว่าจิกหัวกลั่นแกล้งเกะกะระรานอย่างแต่ก่อน เจอดีแน่นอน เพราะที่นี่คือเรือนของท่านหมื่นผัวฉัน” ทองจันทร์ประกาศก้อง
“โธ่ ! คุณแม่ครับ เรื่องนิดเดียวกลายเป็นเรื่องใหญ่จนได้”
“ก็ใครเล่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ใครเล่าเอาตัวริษยามาครอบงำหัวใจ สมัยแม่สนก็ริษยาเนียน มาสมัยนี้ แม่อี๊ดก็ริษยาหนูติ๋ว ทั้งที่พวกตัวเองก็ดีกว่าเขาอยู่แล้ว ยังไม่สาแก่ใจ”
“คุณย่าหาความหนู”
“ยังมีหน้ามาเถียง เดี๋ยวฉันจะหยิกเอ็งให้เนื้อขาด เอ็งเกิดผิดท้อง เอ็งเลือกแม่ผิดคน แม่เรียมแม่ของเอ็งแสนดีงาม แต่เอ็งสิน่าจะไปเกิดเป็นลูกแม่สน แม่เลี้ยงสารพัดพิษของเอ็งกับอีนางช้อยตีนโรงตีนศาลของมัน”
เอกแมวและกบกลั้นหัวเราะไม่อยู่

สองบ่าวนายใจชั่วของใต้ถุนเรือนทองจันทร์ เหลียวมองหน้ากันเซ็งๆ
“โดนหางเลขจนได้ อีแก่มันลากไส้ประจานข้า”
“รีบไปจากตรงนี้เถิดเจ้าค่ะ ก่อนที่มันจะลงมาลากไส้ประจานถึงนี่”
สองคนขยับจะออก เสียงทองก็ลั่นแผดขึ้นมา
“เอ็งสองคนที่แอบฟังอยู่ได้ยินแล้วใช่ไหม ว่าฉันรู้ทันเอ็งทั้งนั้นแอบฟังอยู่ แน่จริงขึ้นมาบนเรือนสิ จะพ่นน้ำหมากกระจายใส่หน้าหนอยแน่ะ อีพวกมือที่มองไม่เห็น อีพวกอำนาจเร้นลับ”
สองคนหน้างอแต่รีบพากันออกไป เพราะเสียงทองจันทร์เอาอะไรเคาะพื้นโป๊กๆ ไล่
“ไป ไป ไป๊ ไปให้พ้น หมาป่า ไปหาลูกแกะที่อื่นเล่นงาน”

พอกลับถึงเรือน เข้าห้องนอนขุนภักดีหน้าบึ้งตึงใส่เรียม
“ทำไมต้องเจ้ากี้เจ้าการไปขอจี้เพชรกับสร้อยที่หนูอี๊ดอยากได้ไปให้นางเด็กติ๋ว หรือนางเนียนมันมาขอให้ทำ”
“ทำไมพี่เทพกลายเป็นคนหยุมหยิมนักคะ ก็เรียมบอกแล้วไงคะ ว่าเรียมมั่นใจว่าเนียนไม่มีชู้ และถ้าเนียนไม่มีชู้ก็แปลว่าลูกของเนียนก็คือลูกของพี่เทพ ไม่ดีหรือคะ ที่เรียมไม่รังเกียจลูกพี่เทพ แถมเมตตาเอ็นดูเพราะพ่อไม่ยอมรับ”
“พี่ไม่เชื่อว่ามันเป็นลูกพี่ อย่ามายัดเยียน”
“ค่ะ พี่เทพไม่เชื่อก็ตามแต่ใจ แต่ระวังนะคะว่ากว่ารู้ตัวก็อาจจะสายเกินไป”

เรียมหันหลังให้ดื้อๆ ขุนภักดีลุกพรวดมานั่งถอนใจเฮือกๆ

เวลาเดียวกันภายในห้องนอนแดงน้อยกับเทิดศักดิ์บนเรือนท่านขุน เทิดศักดิ์ขอโทษขอโพยแดงน้อย

“กันขอโทษแกอย่างมาก ที่แกมาทีไรเจอเรื่องแย่ๆทุกที”
“ช่างเถิด กันกับแกไม่ใช่ญาติก็ยิ่งกว่าญาติไม่ต้องกลัวว่ากันจะเอาไปพูดที่ไหนหรอก”
เทิดศักดิ์ตบบ่าเพื่อนขอบใจ
“ขอบใจแกมากที่เข้าใจกันและครอบครัวกันสงสารน้าเนียนมาก กันพยายามปกป้องน้าเนียนแล้วแต่ทำไม่ได้มากเท่าที่อยากทำ”
“กันก็สงสารน้าเนียน กันรู้สึกว่า กันกับน้าเนียนผูกพันกันมาก่อนระหว่างที่อยู่ที่นี่กันจะพยายามใกล้ชิดแกให้มากที่สุด”
“ขอบใจแกแทนน้าเนียน น้าแมวกับน้ากบบอกว่าน้าเนียนเบิกบานยิ้มหัวเราะช่างพูดกับแกมาก ผิดวิสัยของตัวเอง กันเองยังแปลกใจว่าทำไมน้าเนียนรักแกมากกว่ากัน อิจฉาแล้วนะ”
“กันเองก็ยังเคยแอบแปลกใจว่าลุงสินดูรักแกมากกว่ากัน อิจฉาเหมือนกันแหละ”
“หายกันพอดี”
“พรุ่งนี้กันจะไปกินข้าวกับน้าเนียนกับคุณย่าทองจันทร์อีก ท่านให้ชวนแกด้วย ท่านว่าอยากให้แกไปเล่นไพ่ตองเพราะขามันขาด”
“อุบ๊ะ คุณย่ามาสั่งตำรวจให้ทำผิดเสียเอง เอาไงก็เอากันยังไม่ทันบรรจุ ต้องรออีกเดือน เฮ้อ..คุณย่า ทองจันทร์ตั้งบ่อนในบ้านบังคับผู้กำกับตำรวจกับนายอำเภอเล่นไพ่ จะโกงจะซ่อนไพ่จะจิ๊กเงินซะให้เข็ด”
สองหนุ่มยิ้มหัวให้กันขำๆ

ส่วนขุนภักดียืนอยู่ที่หน้าต่างห้องนอน เพ่งมองออกไปนอกห้องใช้ความคิด เสียงเรียม พูดเรื่องเนียนไม่มีชู้ และว่าเนื้อทองน่าจะเป็นลูกท่านขุน
แต่ท่านขุนต่อต้านจนเผลอพูดออกมา
“ไม่จริง ไม่จริงเด็ดขาด
แล้วขุนภักดีก็มองออกไปเห็นอะไรตะคุ่มๆ ในความมืด
“เอ๊ะ นั่นใครลอบมาทำอะไรตรงนั้น”

เป็นเนียนนั่นเองที่มาไหว้เจ้าที่เจ้าทาง พนมมือถือธูปในมือแดงวาบๆ ในความมืด
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในบ้านเจ้าขา วิญญาณท่านเจ้าหมื่นเจ้าคะดิฉันขอสาบานว่า ดิฉันไม่เคยมีชู้ ดิฉันจงรักภักดีต่อท่านขุน คุณท่านและคุณนายเรียม ลูกของดิฉันไม่ใช่ลูกชู้ หากดิฉันตายไปก่อนที่ความจริงจะปรากฏ ขอท่านดลบันดาลให้ท่านขุนรับรู้ความจริงว่าหนูติ๋วคือลูกของท่านด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
เนียนปักธูป มือของท่านขุนคว้าไหล่กระชากอย่างแรงพร้อมเอาปืนมาจี้
“แกมาทำอะไรในบ้านฉัน”
เนียนตกตะลึง ขุนภักดีเองก็ตกใจ
“เนียน”
“ทะ..ท่านขุน”
“มาปักธูปทำเสน่ห์มนต์ดำให้แม่ให้เมียให้ลูกชายฉันกับเพื่อนของเขาหลงใหลได้ปลื้มอะไรแก อีกรึ”
เนียนตัวสั่น “มิได้เจ้าค่ะ”
“โกหก แกมันนางแพศยา หน้าไม่อาย ความผิดของแกที่ทำต่อฉันลบล้างไปจนชาติหน้าก็ยังไม่หมด ชังน้ำหน้าแกจริงๆ”
ขุนภักดีผลักเนียนจนฟุบลงไปนอนกองกับพื้น เนียนเหลียวมามอง ทั้งน้อยใจทั้งเจ็บช้ำ แล้วเนียนก็ฮึดขึ้นมา
“ท่านชังน้ำหน้าเนียนมาก ไล่เนียนออกไปจากบ้านก็ได้เจ้าค่ะ”
ท่านขุนยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้น
“แกท้าทายฉันรึ แกรู้ว่าคุณแม่ถือหางอยู่รึ อย่านึกว่ากลัว แต่ที่ฉันยังให้แกอยู่เพราะฉันรับปากพ่อแก มันสาบานเอาไว้ให้ฉันยอมให้แกอยู่บ้านนี้ไปจนตาย ฉันจะให้แกอยู่และโขกสับแกให้เจ็บช้ำปวดร้าวไปจนตายจากกัน จำไว้”
ขุนภักดีเดินหนีไป เนียนสะอื้นเพราะกลั้นไม่อยู่ ท่านขุนหยุด
“จะมานั่งพิราบรำพัน รอให้ไอ้ผีนรกตัวไหนมันมาลอบฆ่าเอาอีกใช่ไหม กลับขึ้นเรือนเดี๋ยวนี้ แพศยาแล้วยังโง่เกิดมาไม่เคยพบเห็น”
ขุนภักดีหันกลับมาลากแขนเนียนปลิวติดตัวไป เนียนทั้งสุขใจและเศร้าใจ สุขที่ท่านขุนยังห่วงแต่เศร้าที่ท่านขุนด่านางแพศยา

เอกเดินลาดตระเวนตอนกลางคืนชะงักกึกกับภาพที่เห็นท่านขุนลากทึ้งเนียนแบบกระชากและได้ยินทุกคำพูด
“กระบวนดื้อต้องชนะไว้ก่อนไม่มีใครเกินท่านขุน เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง เนียนหนอเนียนเมื่อไหร่จะเปิดเผยความจริงกันได้สักทีหนอ”
เอกยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

ขุนภักดีกระชากลากทึ้งเนียนมาถึงหน้าเรือนทองจันทร์ แล้วปล่อยผลักเต็มแรง
“ช่างหาเรื่องดีนัก อยากจะแหม... ทำยังไงมันจะสาสมนัก”
เนียนโซเซจะขึ้นเรือน ขุนภักดีเกิดนึกวูบอะไรขึ้นมา หันมากระชากเนียน พอเนียนหันมาท่านขุนจ้องตาเนียนเขม็ง เนียนหลบตา ท่านขุนมองเนียนนิ่งนาน
ภาพตอนเจอเนียนตั้งแต่ครั้งแรก จนเกิดเป็นความรัก กระทั่งตอนเชยคางเนียนอย่างหลงรักผุดขึ้นมาในหัว
ท่านขุน ลืมตัวลูบแก้มเนียน เนียนนิ่งขึงทำอะไรไม่ถูก
ขุนภักดี รู้สึกตัวรีบผละออกมาแล้วเดินกลับอย่างรีบร้อนรู้สึกอายเสียหน้า แต่ไม่วายเอ็ดส่งท้าย
“ไม่ต้องเอาไปโพนทะนาที่ไหนล่ะว่ามาเจอฉันคืนนี้”
เนียนยืนนิ่งลูบแก้มตัวเอง เผลอตัวเช่นกัน แล้วยิ้มอย่างมีความสุข

วันต่อมาเอกมารายงานเรียมเรื่องที่พบเห็น
“พี่เทพเขาปากแข็ง ดื้อรั้นดันทุรังเป็นที่สุด ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานเด่นชัดซึ่งตัวเขาได้ประสพพบเอง เขาจึงจะเชื่อ ก็ยังดีที่ยังรู้สึกห่วงเนียน”
“ก็ท่านรักของท่านนี่ขอรับ”
“ฉันก็รู้สึกผิดมหันต์ที่ไปขอเอาลูกเนียนมาเลี้ยงแต่ไม่อาจเลี้ยงได้ดีเท่าเนียน ทำไมหนอนายเอก”
“เธอถูกตามใจมากเกินไป เธอถูกฝังหัวในสิ่งผิดจากคุณนายสนมาตั้งแต่เล็กจนโต”
“แล้วนี่เขาหายไปไหนหรือว่า...”
“ขอรับ ไปอยู่เรือนคุณสนอีกแล้วขอรับ นางใจยักษ์กันทั้งนายทั้งบ่าวขอรับ”
เรียมมีสีหน้าอ่อนใจ
“ไม่อยากให้ไปเล๊ย แต่มันห้ามไม่ทันเสียแล้ว ฉันผิดเองคนเดียวทั้งนั้น”

เรียมสะท้อนใจจนน้ำตาคลอ

ฟากสนกับช้อยกำลังสุมหัวยุแยงทานตะวันอย่างหนัก

“หนูอี๊ดว่ายน้ำเป็นไหมคะ” สนถาม
“ไม่เป็นดอกค่ะ แม่สน”
“แล้วอีเด็กติ๋วเล่าคะ” ช้อยซัก
“มันก็ว่ายไม่เป็นเหมือนกันค่ะ”
ทานตะวันมองสองคนด้วยแววตาสงสัย สองคนสบตากันยิ้มพึงพอใจ

ส่วนบนเรือนทองจันทร์ ทั้งหมดกำลังเล่นไพ่ตองกันอยู่ มีทองจันทร์เป็นหัวโจก ส่งเสียงดังเอะอะเฮฮาอยู่คนเดียวอย่างเบิกบานใจ
“ผ่อง อ้าว ตาเทิดอย่าเม้มเงินย่าสิ”
“เงินผมต่างหากครับ คุณย่า” เทิดศักดิ์ขยิบตากับแดงน้อย
“เหลวไหล เงินย่าในเชี่ยนหมากหายไปไหนร้อยนึง โอ๊ย เนียนแกทิ้งไพ่ผิดอีกแล้ว มือถือไพ่ แต่ตาดันไพล่ไปจ้องแต่พ่อแดงมาก”
“ขอประทานโทษเจ้าค่ะ”
“โฮ้ย ฉันตาลายยัยติ๋วกับพ่อแดงมากหน้าเหมือนกันจนแทบจะเรียกชื่อผิดคิดว่าพ่อแดงมากใส่วิกผมแล้วยัยติ๋วไปตัดผมทรงผู้ชาย อ้าวอย่ามัวแต่คิดยัยติ๋ว รีบทิ้งไพ่”
“ค่ะ เอ้อ หนู หนูกลัวทิ้งผิดเหมือนแม่เนียนเจ้าค่ะ”
“พ่อแดงมากค่อยยังชั่วหน่อย หัวไวแถมไม่โกงไม่เม้มเงินของย่า”
“ผมไม่กล้าดอกครับ คุณย่า”
เนียนมักชำเลืองมองแต่แดงน้อย
“คุณแดงน้อยว่ายน้ำเป็นไหมคะ”
“เป็นครับน้าเนียน ที่โรงเรียนประจำของผมสอนให้น่ะครับ น้องติ๋วว่ายน้ำเป็นหรือเปล่าครับ”
ทองจันทร์ขัดขึ้นอีก “มันจะไปเป็นอะไร้ ทั้งบ้านนี่แหละถ้าเรือล่มก็จมตายกันหมดยกลำ”
“แม่สนว่ายเป็นครับ แม่สนเป็นคนสอนผมว่ายน้ำตอนเด็กๆ ด้วย”
“ย่ะ แม่เรามันเก่งไปหมดทุกประการ”
ทองจันทร์ประชดกรายๆ เนื้อทองยิ้มๆ ไม่ทันได้ตอบคำถามเพราะทองจันทร์แย่งตอบก่อนทุกครั้ง

ฟากสนกำลังสอนทานตะวันให้ว่ายน้ำอยู่ตรงลำคลองลับตาคน ห่างบ้านออกไป
“ต้องปิดเป็นความลับมากที่สุดนะคะ”
“ค่ะ” ทานตะวันตีโป่งด้วยผ้าถุงเอาไว้ “แล้วกี่วันหนูจะว่ายน้ำเป็นคะ”
“สองสามวันก็เป็นแล้วค่ะ”
“ง่ายขนาดนั้นหรือคะ”
“เอาพอแค่ดำน้ำเป็นประคองตัวได้ก็พอค่ะ”
“ว่ายไม่แข็ง ประคองตัวนานเข้า หนูไม่จมน้ำตายหรือ”
“ไม่ทันจมน้ำตายดอกค่ะ ตะโกนเข้าสิค่ะ ว่าช่วยด้วย ช่วยด้วย แม่สนคอยทีอยู่ จะรีบมาช่วยทันทีค่ะ”
“ค่อยยังชั่วค่ะ เอ้อ แล้วอีเด็กติ๋วเล่าคะ มันมิตายหรือคะ”
“ก็เอาไว้บอกทีหลังนะคะ”
“ทำไมคะ”
“บอกตอนนี้หนูอี๊ดก็ตีหน้าไม่สนิทสิคะ เพราะหนูอี๊ดเก็บความรู้สึกไม่เป็น มันจะรู้ทันเอาค่ะ หน้าที่หนูตอนนี้ รีบไปแสร้งทำดีกับมันต่อหน้าคุณย่า ต่อหน้าพี่แดงน้อยและคนอื่นๆ”
“ค่ะ ว่าแต่ว่าเที่ยวนี้มันพินาศแน่คะคะ หนูเกลียดมันเข้าไส้เข้าพุงเข้ากระดูกดำ”
ทานตะวันกระชากกุหลาบสวยงามมาฟาดๆๆ แล้วกระทืบๆๆ สนยิ้มพึงพอใจ
“ไปทำดีกับมันสามวันจนมันตายใจแล้วเราจะมาเริ่มตามแผนใต้ดินของเราค่ะ”
สนเสี้ยมทานตะวันพยักหน้ารับคำ

หลายวันต่อมา ทั้งหมดกำลังสนุกสนานมีทองจันทร์เป็นหัวโจกตามเคย
“เลิกๆๆๆ พวกนี้เล่นไพ่ไม่เก่ง แพ้ฉันตลอด นางกบ นางแมว ให้มาเล่นไพ่ไม่ได้ให้มานั่งหลบ เดี๋ยวขว้างหัวแตก”
สองคนสะดุ้ง ไพ่หล่นจากมือตกกระจาย
“เจ้าค่ะ”
“ใครว่าพวกเขาเล่นไม่เก่ง แต่เขายอมให้คุณย่าชนะต่างหากครับ” เทิดศักดิ์เย้า
“อ้าว มาแขวะย่า จนได้ ไม่เอาละ มาเล่นผลัดกันเล่าเรื่องสนุกกันดีกว่าแขวะ”
เนียนเอาแต่แอบมองแดงน้อย อย่างเป็นปลื้มคิดอยู่ในใจ
“ลูกของแม่สองคนร่าเริงแจ่มใสอยู่ใกล้แม่ แต่..คุณหนูอี๊ดของแม่ ทูนหัวลูกอยู่ไหนกัน”
ขาดคำทานตะวันเดินเข้ามา โปรยยิ้มหวานไปทั่วบ้าน ทุกคนมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แมวกับกบสะกิดกัน
“น้ำท่วมหลังเป็ดแน่ๆ แกเอ๊ย”
“คุณหนูอี๊ดยิ้มให้เนียนกับหนูติ๋ว ลามปามมาถึงข้ากับเอ็ง”
ขณะที่ทุกคนเงียบรอดูทีท่า ทานตะวันก็ผวาไปกราบที่ตักทองจันทร์แล้วต่อด้วยกอด ทองจันทร์ใจละลาย
“อะไรกันนี่”
“จะมีอะไรกันคะ ก้อหนูมากราบขอโทษ คุณย่าที่ปากไม่ดีวันก่อนค่ะ ยกโทษให้หนูนะคะ”
“ย่าจะไปโกรธหนูทำไม ย่าเห็นอะไรไม่ถูกต้องก็ต้องตักเตือน”
“ขอบคุณค่ะที่เตือนหนู น้าเนียนจ้ะ ยัยติ๋วจ๋า”
เนียนกะเนื้อทองตะลึง
“คุณหนูอี๊ด”
เทิดศักดิ์เกาหัวแกรกๆ แมวกบมึน แดงน้อยสงบนิ่งดูทีท่า
“ตกอกตกใจอะไรไปได้ ฉันแรงไปมากเมื่อวันก่อน ฉันขอโทษน้าเนียนกับเธอด้วยนะจ๊ะ”
เทิดศักดิ์ส่ายหน้ามึนตึ๊บ
“เห็นทีวันพรุ่งนี้ดวงอาทิตย์จะย้ายไปขึ้นทางทิศตะวันตกซะแล้วนะแดงน้อย”
“มาร่วมสนุกกับพวกเราสิครับ น้องอี๊ด” แดงน้อยชวน
“ขอบคุณมากค่ะ ขอหนูสนุกด้วยคนนะคะคุณย่า”
ทองจันทร์ยิ้มหน้าบานมีความสุข เนียนหัวใจพองโต มองลูกสามคนนั่งเรียงกันสลอน แถมทานตะวันยิ้มหวานส่งให้อีก

เนียนเต็มตื้นน้ำตาซึมยิ้มไปป้ายน้ำตาไป

อาญารัก ตอนที่ 11 (ต่อ)

ส่วนสนคุยกับช้อยสั่งการเรื่องแผนร้าย

“ช้อย เอ็งรีบไปเช่าเรือเตรียมไว้ฆาตกรรมอำพรางอีสองคนนั่น”
“สองคน” ช้อยแปลกใจ
“ก็สองคนสิ แล้วเอ็งคิดว่ายังไง”
“ช้อยตามไม่ทันแผนคุณสนเจ้าค่ะ ก้อไหนว่าจะให้คุณหนูอี๊ดล่อให้นางเด็กติ๋วไปติดกับโดนท่านขุนเล่นงาน แล้วทำไมเลยเถิดมาเป็นฆาตกรรมอำพรางเจ้าคะ”
“แกคิดว่ามีโอกาสมากนักหรือจะปลิดชีวิตมันสองคน จะว่าไปอีเด็กอี๊ดนั่นมันเสี้ยนหนามใหญ่กว่าอีเด็กติ๋วเสียอีก เพราะสมบัติทั้งหมดของอีแก่กับพี่ขุนจะต้องแบ่งครึ่ง ระหว่างมันกับลูกเทิดศักดิ์ โอกาสมาถึงฉันจะรออะไร”
“แปลว่าไม่ต้องให้ใครไปช่วยเด็ก ปล่อยจมน้ำตายทั้งคู่” ช้อยถามแผน
“ฉลาดมาก อ้าวนั่นเอ็งเป็นอะไรขนลุกขนชัน”
“หนาวเจ้าค่ะ”
ช้อยรู้สึกหนาวขนลุกซู่ กลัวใจสนสุดๆ

ทองจันทร์หัวเราะมีความสุขโอบกอดทานตะวันไว้
“หนูอี๊ดลองเล่าเรื่องขำๆของหนูสิ”
“ได้ค่ะ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เด็กหญิงคนหนึ่ง มีนิสัยปากร้ายชอบด่าว่าคนอื่น แต่มาบัดนี้เธอเลิกนิสัยนั่นแล้ว และอยากบอกให้ให้ทุกคนอภัยให้เธอ และเด็กหญิงคนนั้นคือหนูอี๊ดเองค่ะ คุณย่า ทุกคนฉันขอโทษ”
ทุกคนฟังแล้วหายโกรธอี๊ดทองจันทร์ถึงกับน้ำตาซึม เนียนเบือนหน้าซ่อนน้ำตา
“น้องอี๊ดไปกินอะไรมาหรือจ๊ะ หรือว่ามีนางฟ้าใจดีที่ไหนมาสิงสู่น้อง”
“ไฮ้...ตาเทิดศักดิ์ เหลวไหล หนูอี๊ดจ๋าย่าจับใจเรื่องของหนูมาก ซึ้งจริงๆ”
“จริงหรือน้าเนียน”
เจอคำหวานเข้าเนียนหัวใจพองโต บอกเสียงสั่น
“จริงเจ้าค่ะ คุณหนูพูดได้ซึ้งจับใจมาก”
“แล้วยัยติ๋วเล่า”
“ค่ะ เหมือนกับที่แม่เนียนพูดนั่นแหละค่ะ ใช่ไหมคะ พี่แดงน้อย”
“ใช่ครับ น้องอี๊ดพูดได้ดีมาก พี่ขอชื่นชม”
ทานตะวันหน้าบานที่หลอกทุกคนสำเร็จ ยกเว้นดวงตาของเทิดศักดิ์ที่มองมาไม่เชื่อเอาเลย

ด้านนางช้อยคนชั่ว ดำเนินแผนตามสนสั่ง กำลังส่งเงินให้คนเช่าเรือ
“นี่เงินคุณนายสนฝากมาให้ ค่าเช่าเรือ หนึ่งร้อยบาท”
“โอ้โฮ ใจดีแท้ๆ เช่าแป๊บเดียวให้ตั้งร้อยบาท จะให้เอาเรือไปจอดที่ไหนล่ะ”
“ท่าน้ำบ้านท่านขุนภักดีภูบาล”
“เอ๊ะ ก็ท่านขุนมีเรือตั้งหลายลำ ทำไมมาเจาะจงเช่าลำนี้ จะให้ใครพายล่ะ”
“จะให้เช่าหรือไม่ให้เช่า พูดมากปากปลาหมอ ไปเช่าคนอื่นก็ได้” ช้อยว่า
“ไม่มีปัญหาจ้ะ ฉันถามไปงั้นแหละ ตกลงจ๊ะ”
ช้อยถอนใจโล่งอก ใจคอไม่ค่อยดีนัก

ฟากทองจันทร์ส่ายหน้ามองเนียนที่เขินอาย
“ไม่ไหวเรื่องยัยติ๋วก็เรียบๆ เรื่อยไม่น่าสนใจ เรื่องของ เนียนก็แห้งๆ จืดชืดไม่มีชีวิตชีวา เรื่องของตาเทิดก็โม้ทั้งเพ”
“ก็ผมเป็นนักประพันธ์เอกนี่ครับคุณย่ามันก็ต้องโม้ เอาเป็นว่าให้แดงน้อยเล่าดีกว่า เอาเรื่องจริงนะแดงน้อย”
“ชีวิตของพี่แดงน้อยก็ดีค่ะ หนูอี๊ดอยากรู้”
แดงน้อยพยักหน้า
“ครับ คือตอนที่ผมเป็นเด็กเล็กๆ ย้ายจากบ้านแพนไปบางกอก”
“เล่าข้าม แกต้องบอกมาด้วยว่าเล็กๆ น่ะเล็กแค่ไหน กี่เดือนกี่ขวบ โอ๊ย...ใครขว้างผม” เทิดศักดิ์ร้องลั่น
“ย่าเอง แกขัดคอเขาทำไม ย่ากำลังฟัง ห้ามสอดตอนเขาเล่าเด็ดขาด”
“ผมไปกับลุงโพล้งและแม่แพร แม่แพรมีน้องสาวชื่อ..เอ้อ...”
แดงน้อยพูดไม่ทันจบ เนียนรีบบอก “ชื่อแพรวค่ะ”
ทุกคนหันมามองเนียน ทองจันทร์โบกมือให้แดงน้อยพูดต่อ
“ครับชื่อน้าแพรว...น้าแพรวไม่ได้อยู่บ้านแพน แต่อยู่ที่เอ้อ...”
เนียนบอกอีก “ลานเทค่ะ”
ทุกคนมองเนียนอีก
“เอ๊า เนียน นี่แกรู้เรื่องของแดงน้อยเขาไปหมดเลยหรือ”
“เอ้อ..คือเนียนเป็นคนบ้านแพนไงคะ คุณท่าน เนียนก็เลยรู้เรื่องพวกเขา”
“แล้วรู้จักแม่ของแดงมากเขาบ้างหรือเปล่า” ทองจันทร์ถาม
เนียนเสียววาบ พูดไม่ออกไปเลย
“ว่ายังไง รู้จักแม่ของพี่แดงน้อยไหม” ทานตะวันถาม
“น้าเนียนคงไม่รู้จักดอกครับ แม่ผมตายตั้งแต่ผมยังเตาะแตะ”
เนียนน้ำตาไหลย้อยลงมาอีก
“ฉันสั่งห้ามแกร้องไห้แล้ว ยังมาร้องไห้อีก แม่แดงน้อยเขาตายตั้งแต่ยังเล็กแกก็สะเทือนใจร้องไห้ร้องห่ม อ่อนไหวเหลือเกินนะแก”
“ไม่เป็นไรครับ น้าเนียน” แดงน้อยแตะแขนเนียน “ผมทราบว่าน้าเนียนสงสารที่ผมไม่มีแม่เหมือนคนอื่น ถึงผมไม่มีแม่ แต่ผมก็จำสัมผัสของแม่ลึกๆ ได้ว่าแม่รักผมมาก”
ฟังแล้วเนียนยิ่งสะอื้น มือไม้สั่น
“เออแน่ะ ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ แดงมากแน่ะ ปลอบทีสิ”
แดงน้อยมากุมมือเนียนปลอบโยน
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรครับ น้าเนียน ผมขอบคุณที่ห่วงใยผม”
อี๊ดแอบมองหมั่นไส้ แดงยังปลอบโยน

ทานตะวันทำดีกับเนื้อทอง ตลอดสามสี่วันมานี้ ชวนเดินดูโน่นดูนี่ พูดคุยหัวเราะ มีช้อยกับสนแอบมอง
อักวันทานตะวันช่วยเนื้อทองทำขนม สนกับช้อยแอบดู รุ่งขึ้นอีกวัน ทานตะวันมาช่วยเนื้อทองจัดดอกไม้ให้ทองจันทร์ ก็มีสนกับช้อยแอบมอง

สนชมเชยทานตะวัน พลางสบตาช้อย
“หนูอี๊ด เก่งมากเหลือเกินค่ะ ทำเอาอีเด็กติ๋วมันเชื่อสนิท ยอมไปนังเรือเล่นด้วยกัน”
“พรุ่งนี้ตอนสายๆ พามันมาลงเรือที่ท่าน้ำนะคะ”
“ทุกอย่างเตรียมพร้อมให้หนูปลอดภัยแน่นะ แม่สน”
“แน่สิคะ พรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายที่หนูอี๊ดจะ ต้องทนอีเด็กติ๋ว พรุ่งนี้อีเนียน มันต้องเสียใจไปจนตาย”

ทานตะวันหลงระเริงเชื่อสนไปด้วยหมดใจ

วันต่อมาเรียมมาถามหาทานตะวันเอากับเนียนที่นั่งอยู่บนตั่งหน้าเรือนทองจันทร์

“เนียนเห็นหนูอี๊ดไหม”
“เห็นมาชวนหนูติ๋วไปไหนก็ไม่ทราบเจ้าค่ะ”
“แล้วไปที่ไหนกับหนูติ๋ว เนียนรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันสบายใจขึ้นอักโข หนูอี๊ดไม่เคยบ่นว่าหรือฟ้องพี่เทพเรื่องหนูติ๋วกับเนียนมาหลายวันแล้ว”
“เจ้าค่ะ เนียนเห็นเธอมาชวนหนูติ๋วไปเดินเล่น มาช่วยทำโน่นทำนี่ เนียนดีใจเหลือเกินที่..เอ้อ…”
“ที่พี่น้องหันมาปรองดองไม่ตีหน้ายักษ์ใส่กัน” เรียมว่าต่อยิ้มๆ
“ขอให้เป็นเช่นนี้ต่อไปเถิดนะเจ้าคะ”
“ฉันก็หวังเช่นนั้นเหมือนกับเนียน และชั้นก็ยังหวังต่อไปว่าสักวัน พี่เทพจะยอมเชื่อว่าหนูติ๋วเป็นลูกของเขา”
“คุณเรียม”
“ฉันไม่เคยเชื่อว่าเนียนเป็นดังที่พี่เทพเข้าใจ เรื่องนี้มันมีเงื่อนงำ ประกอบกับเนียนไม่ยอมพูด จึงทำให้คนที่คิดร้ายใช้มาปรักปรำเนียน”
“ขอบคุณมากค่ะ ที่เชื่อว่าเนียนบริสุทธิ์”
ทองจันทร์กับแมวพากันลงเรือนมาสมทบ
“อ้าวแม่เรียมมารอแม่แล้วรึ ไปกันได้ละสิ นางแมวร่มเอามาไหม”
“เอามาเจ้าค่ะ”
“ฉันจะไปวัดกับเรียมเขา กว่าจะกลับก็บ่ายคล้อย วันนี้วันพระ อาหารบ้านเรางดเนื้อสัตว์นะเนียน”
“เจ้าค่ะ”
เรียมกะทองจันทร์ เดินออกไปด้วยกัน มีแมวถือร่มถือข้าวของตามหลังไป เนียนยิ้มตามอย่างมีความสุข
“สิ่งศักดิ์สิทธ์เจ้าขา ท่านเจ้าที่เจ้าทางคะ ดิฉันขอขอบพระคุณที่ท่านช่วยดลบันดาลให้ลูกทั้งสองของดิฉันหันหน้ามาปรองดองกันเจ้าค่ะ”
เนียนมีความสุขมาก หารู้ไม่ว่าอีกไม่กี่นาทีจะเกิดเรื่องใหญ่

แดงน้อยมองไปที่กลางลำน้ำห่างออกไปแปลกใจ
“เอ๊ะ..ไหนน้องอี๊ดบอกว่าว่ายน้ำไม่เป็น ทำไมไปพายเรือเล่นตามลำพังกับหนูติ๋ว”
แดงน้อยมองต่อไป

กลางลำน้ำ แลเห็นสองแฝดนั่งในเรือ มีเนื้อทองพาย ทานตะวันนั่งเอามือราน้ำรอจังหวะ เนื้อทองดูเบิกบานเพราะเข้าใจว่าทานตะวันดีกับตนแล้ว ส่วนทานตะวันยินเสียงของสนก้องในหู
“หนูอี๊ดต้องทำเรือล่มให้ได้ แล้วแกล้งว่ายน้ำไม่เป็น ตะโกนเรียกให้คนมาช่วย ตะโกนไปก็โวยวายไปด้วยว่า อีเด็กติ๋วล่มเรือจะฆ่าหนู”
ทานตะวันนึกแล้วยิ้มร้ายขณะพูดออกมา “พายเรือเก่งนี่”
“ค่ะ พายไปตลาดบ่อยๆ นี่คะ”
“ฉันอยากพายเป็นบ้าง สอนฉันได้ไหม”
“ได้สิคะ หยิบพายมาสิคะ จะสอนให้”
ทานตะวันทำทีหยิบพายมาพายเปะปะ
“ว๊าย..ฉันพายไม่ดีหรือนี่ เรือเอียงไปเอียงมา”
“นั่งนิ่งๆ สิคะ อย่าโยกไปมาเรือมันจะเอียง”
“จริงหรือไหนลองดูสิ”
แล้วทานตะวันก็จงใจทำให้เรือเอียงไปมา แถมลุกขึ้นยืน วิ่งไปมาบนเรือ เนื้อทองห้ามเสียงหลง
“อย่าค่ะ...อย่าทำอย่างนั้น”
“ฉันจะทำ แกอย่ามาสั่ง”
เนื้อทองนึกสงสัยว่าทานตะวันจะมาไม้ไหน ได้แต่คอยระวังตัวแจ

เอกมาเตือนเนียนเรื่องทานตะวัน
“เนียนพี่ขอเตือนนะ ฝากบอกหนูติ๋วด้วย อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน จะจนใจเอง”
“พี่เอกกำลังจะบอกว่าหนูอี๊ดไม่จริงใจกับหนูติ๋ว ไม่มีแล้วจ้ะ สองคนนี่เขาถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ชะรอยคงเป็นเพราะสายเลือดเดียวกัน จึงผูกพันกันโดยสัญชาตญาณ” เนียนคิดในแง่งามตามเคย
“เนียนละก้อ มองทุกอย่างดีงามไปหมด ก็ไอ้สายเลือดเดียวกันฆ่ากันตาย ชิงมรดกกันมีออกเกลื่อน คุณหนูอี๊ดเธอรู้ที่ไหนว่าเป็นพี่ของหนูติ๋ว แล้วนี่ไปไหนกันล่ะ”
“เอ้อ...ไม่ทราบดอกจ้ะ”
กบเดินเข้ามาได้ยินพอดีจึงบอก
“เห็นไปเอาเรือที่ไหนมาก็ไม่รู้ พายงัดพายงัดออกจากท่าน้ำไปทางคุ้งโน้นแน่ะ”
“อะไรนะ” เนียนแปลกใจเท่านั้น ไม่คิดอะไร
“ชักทะแม่ง กลิ่นตุๆ แล้วนะเนียน”
“ไม่มีอะไรดอกพี่เอก หนูติ๋วน่ะว่ายน้ำเป็น”
แล้วเนียนก็ยกของขึ้นเรือนไปให้ทองจันทร์

ส่วนกลางลำน้ำสองแฝดคนยังมีปัญหาเพราะทานตะวันตั้งท่าพยายามจะล่มเรือให้ได้
“โธ่..คุณหนูอี๊ดขา เรือล่มมันไม่สนุกนะคะ”
“ฉันอยากให้เรือมันล่ม แกจะทำไม...นี่ นี่ นี่”
“คุณหนูอี๊ดว่ายน้ำไม่เป็นนะคะ” เนื้อทองท้วง
“ฉันไม่กลัวซะอย่าง แกนั่นแหละว่ายน้ำไม่เป็น ถ้าเรือล่มแกจมตายแน่ๆ”
“เรามาห่างบ้านมากไปแล้วนะคะ กลับกันเถิดค่ะ ตรงนี้น้ำเชี่ยวนะคะ”
“แกก็พายกลับไปสิ”
เนื้อทองหนักใจ เรือเอียงวูบไปวูบมา

ช้อยดูเหตุการณ์เห็นทุกอย่างเป็นไปตามแผน รีบวิ่งแจ้นมารายงานสน
“คุณสนเจ้าขา เด็กบ้านั่นมันพายเรือห่างไปจากฝั่งจากท่าน้ำบ้านเราตั้งไกลหายไปเลยเจ้าค่ะ”
“ดี...อยากโง่ดีนัก ยิ่งห่างไกลออกไป ก็เรียกใครมาช่วยไม่ทันก็ให้มันจมน้ำตายคู่กันไปอย่างที่ฉันต้องการ”
ช้อยสยอง แต่ต้องพยักหน้าตาม

ด้านเนื้อทองยังพยายามพายเรือกลับท่าน้ำ ทานตะวันเริ่มนึกได้ว่าห่างบ้านออกมามาก จะมีใครได้ยินไหม
“แกพายกลับไปใกล้ๆ บ้าน ไวๆ หน่อยสิ นางติ๋ว”
“บอกแล้วไงคะว่าน้ำมันเชี่ยว พายเรือทวนน้ำมันยากนะคะ”
“เอ๊ะ...แกนี่ ถ้าเกิดเรือล่มขึ้นมา ตะโกนเรียกก็ไม่มีใครได้ยินแล้วมาช่วยฉันสิ”
“ลงนั่งนิ่งๆ สิคะ เผื่อเรือมันจะไปได้เร็วขึ้น”
พอดีมีเรือใหญ่ผ่านมาเครื่องแรงมากเรือพายของสองสาวเอียงวูบ
ทานตะวันร้อง “ว้าย” พยายามฝืนแต่เรือยิ่งโคลง ผลที่สุดเรือคว่ำลงไป
“คุณหนูอี๊ด ระวังค่ะ”
สองคนตกลงไปในน้ำ ทานตะวันรีบตะโกนให้ช่วย เพราะกลัวจริงไม่ใช่เล่นๆ
“ช่วยด้วย...ช่วยด้วยนังติ๋วล่มเรือจะฆ่าฉัน ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
เนื้อทองรีบมาหาเพื่อจะช่วยไม่ให้ทานตะวันจมน้ำ
“อยู่นิ่งคะ ฉันจะช่วย”
“นี่แกว่ายน้ำเป็นนี่นา”
“ค่ะ คุณหนูอี๊ดก็ว่ายเป็นไม่ใช่หรือคะ”
“เป็นผีเป็นทะเลน่ะสิ ฉันว่ายไม่แข็ง โอย..ช่วยด้วย ฉันไม่ไหวแล้ว”
พอเนื้อทองว่ายเข้าหาอีก ก็ถูกทานตะวันถีบโดยแรง
“ว้าย”
นอกจากนี้ทานตะวันยังทุบตีเนื้อทองหมายจะให้จมน้ำให้ได้
“จมสิ จมน้ำตายซะ ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยด้วยนังติ๋วจะฆ่าฉัน”
สองคนตะเกียกตะกายวุ่นวายอยู่ในน้ำ จนเนื้อทองเองเริ่มอ่อนแรง
“คุณหนู”
เนื้อทองหันไปคว้าท่อนไม้ที่ลอยมา ออกแรงสุดตัวแล้วเอาทานตะวันพาดเกาะไว้บนท่อนไม้
“เกาะนะคะ เกาะให้แน่น”
พอเกาะได้ทานตะวันก็ถีบเนื้อทองอีก
“แกน่ะไปตายซะ”
“โอ๊ย”
เนื้อทองเจ็บไปทั่วสรรพางค์ หมดเรี่ยวแรงแทบจะว่ายน้ำไม่ได้ ทำท่าจะจมน้ำเสียเอง
“สมน้ำหน้า”
ทานตะวันพยายามกระทุ่มน้ำเกาะขอนไม้ บ่ายหน้าไปทางบ้าน
ส่วนเนื้อทองตะเกียกตะกายกำลังจะหมดแรง จมน้ำ ขณะที่ทานตะวันเกาะขอนไม้ห่างออกไปๆ

เนื้อทองหมดแรงแล้ว ร่างจมลงไปในน้ำ โผล่มาแต่สองมือไหวๆ และเริ่มจมไปมือหนึ่ง อีกมือก็กำลังใกล้จะจม

ขณะเดียวกันบนฝั่งใกล้ที่เนื้อทองกำลังจะจมน้ำ แดงน้อยแปลกใจว่าสองคนพายเรือไปไหน จึงเดินลัดเลาะมาดูตามริมฝั่ง

“แย่แล้ว”
แดงน้อยเห็นเรือจมลอยผ่านหน้ามาก็ตกใจมาก
“เรือล่ม น้องอี๊ด น้องติ๋ว” แดงน้อยตะโกนเรียกสุดเสียง
ไวเท่าความคิด แดงน้อยกระโจนลงไปในน้ำทันที

ทานตะวันเกาะขอนไม้มามุ่งหน้าตีน้ำกลับมาทางน้ำบ้าน
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย นังติ๋วจะฆ่าฉัน”
ทานตะวันได้ยินเสียงแดงน้อยตะโกนเรียก
“น้องอี๊ด น้องติ๋ว”
ทานตะวันดีใจมาก “พี่แดงน้อย”
สายตาทานตะวันเห็นแดงน้อยว่ายน้ำเข้ามาในสายตา
ทานตะวันรีบปล่อยขอนไม้ ลอยตัวในน้ำทำตะเกียกตะกายตะโกนเรียกทำเป็นไม่รู้ว่าแดงน้อย
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย นังติ๋วจะฆ่าฉัน”
แดงน้อยเห็นทานตะวัน
“น้องอี๊ด”
แดงน้อยพุ่งเข้าหาทานตะวันทันทีพลางส่ายตาหาเนื้อทอง แดงน้อยพุ่งเข้ามาช่วยทานตะวัน
ทานตะวันกำลังจะจมน้ำให้เห็น
“พี่แดงน้อย ชะ...ช่วยด้วย”
“น้องติ๋วอยู่ไหน”
“หนีขึ้นฝั่งไปแล้ว มะ..มันจะฆ่าหนู หนูกลัว หนูหมดแรง”
แล้วทานตะวันก็ทำเป็นหมดสติปล่อยให้แดงน้อยช่วย

เวลาเดียวกันเอกนั่งเรือไปทำธุระให้ท่านขุน เห็นเรือของเนื้อทองและทานตะวันที่พายเล่นคว่ำอยู่กลางน้ำขวางหน้า
“เรือใครล่ม”
เอกสอดส่ายสายตามองหาคน แล้วต้องตกใจ
“เฮ้ย คนจมน้ำ”
เอกเห็นมือเนื้อทองที่พยายามชูกำลังจะจมหายไปใต้ผิวน้ำและจมหายลงไป
เอกกระโจนพรวดลงไปในน้ำทันที
ใต้น้ำ เห็นเนื้อทองกำลังจมน้ำร่วงลงมาใต้ น้ำแล้ ว
เอกว่ายน้ำพุ่งมารวบตัวเนื้อทองเอาไว้

แดงว่ายน้ำลากเอาทานตะวันมาถึงท่าน้ำหน้าบ้าน ทานตะวันที่ดูเหมือนหมดสติก็พลันมีสติแหกปากตะโกนลั่นไปหมดจนแดงน้อยเองก็ตกใจแปลกใจ
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย นังติ๋วมันจะฆ่าฉัน”
“น้องอี๊ด”
ทานตะวันช่วยตัวเองได้ทันที โผเกาะท่าน้ำไต่ขึ้นไปบนท่าน้ำป้องปากตะโกนสุดเสียง แดงน้อยตะลึงอยู่ในน้ำ
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย นังติ๋วจะฆ่าฉันๆๆๆ”
แล้วทานตะวันก็ทำล้มหมดสติต่อไป
แดงน้อยขึ้นมาบนฝั่ง มองทานตะวันแบบ เธอมันแย่มากแล้วเดินผละจากไปทิ้งทานตะวันไว้ตรงนั้นเพื่อจะไปตามหาเนื้อทอง
“อะไรกันนี่ นี่หรือลูกผู้ดี” แดงน้อยคิดนิดหนึ่ง “น้องติ๋ว เกิดอะไรขึ้นกับน้องติ๋ว”
แดงออกวิ่งไปทางริมฝั่งตรงไปหาเนื้อทองต่อไปใหม่เพราะรู้ว่าโดนทานตะวันหลอก
พอแดงน้อยวิ่งพ้นไป บ่าวนายใจชั่ว สนกะช้อย ก็วิ่งนำหน้ามาที่เกิดเหตุก่อนใครเพื่อน
สนกระซิบช้อย “นังอี๊ดมันไม่ยักจมน้ำตาย ใครพามันขึ้นมานะ”
ช้อยกระซิบตอบ “แต่นังติ๋วมันหายค่ะ นังติ๋วคงจมน้ำตาย”
“เอาเถิดยังไงก็เป็นไปตามแผนถล่มอีสองแม่ลูกของเรา รีบตะโกนป่าวประกาศไวๆเข้า”
ช้อยกะสนตะโกนสุดเสียง “ช่วยด้วย ช่วยด้วย เด็กติ๋วจะฆ่าคุณหนูอี๊ดๆๆๆ”
ผู้คนในบ้านพวกบริวารพากันมาทันที
“คุณหนูอี๊ด”
“พวกแกรีบพาคุณหนูอี๊ดไปปฐมพยาบาลที่เรือนท่านขุน” สนสั่ง
พวกบ่าวพากันกุลีกุจอช่วยทานตะวันยกใหญ่ สนกับช้อยพยักหน้า
“ฉันจะไปเสี้ยมพี่ขุนให้โกรธนังติ๋วถึงขั้นฆ่านังเนียนตายได้เพราะผลที่ลูกมันทำกับหนูอี๊ด”
สนวิ่งโร่นำไปก่อนมีช้อยวิ่งตาม

เอกพาเนื้อทองขึ้นมาบนฝั่งแล้ว อุ้มพาดบ่าไว้ เพื่อไล่น้ำออก
“หนูติ๋ว หนูติ๋ว โธ่เอ๋ย ทำไมเป็นอย่างนี้”
เนื้อทองอยู่หลังบ่าของเอกที่พาเดินมาครู่หนึ่ง ขยอกน้ำออกามาจากปากจำนวนมาก พึมพำออกมา
“คุณหนูอี๊ด”
เอกดีใจมาก “หนูติ๋วไม่เป็นอะไรแล้ว”
เอกค่อยๆ วางเนื้อทองลง เนื้อทองร้องไห้โฮๆ เป็นห่วงทานตะวัน
“คุณหนูอี๊ด ปลอดภัยไหมคะ...ลุงเอก”
“ลุงไม่รู้..ว่าเกิดอะไรขึ้น เล่าให้ลุงฟังให้หมด อย่าปิดบังแม้แต่นิดเดียว”
“แต่หนูเป็นห่วงคุณหนูอี๊ดค่ะ หนูจะไปดูคุณหนูอี๊ดก่อน”
เนื้อทองพยายามจะลุกไปดูทานตะวันให้ได้ แดงน้อยเดินมาพอดี เห็นเนื้อทองปลอดภัยก็ดีใจมาก
“ไม่ต้องไปดูเขาหรอก เขาปลอดภัยแล้ว ดูแลตัวน้องติ๋วเองดีกว่าครับ”
“พี่แดงน้อย”
“น้องติ๋วเป็นยังบ้างครับ ลุงเอก”
“ผมมาถึงมือของหนูติ๋วกำลังจมหายไปในน้ำ ผมโดดลงไปช่วยไว้ทันพอดี”
“ขอบพระคุณลุงเอกมากครับที่ช่วยน้องติ๋วเอาไว้ทัน” แดงน้อยไหว้ขอบคุณเอกอย่างนอบน้อม
เนื้อทองยกมือไหว้เอกตามไปด้วย
“หนูก็ขอบพระคุณมากค่ะ เอ้อ..พี่แดงน้อย ทราบได้ยังไงคะ ว่าคุณหนูอี๊ดปลอดภัยแล้ว”
“พี่ช่วยเขาไว้เอง ความจริงไม่ต้องช่วยก็ได้ เพราะเขาว่ายน้ำเป็น”
“หนูก็ว่ายน้ำเป็นค่ะ”
“แล้วทำไมจมน้ำครับ”
“เอ้อ... ช่างเถิดค่ะ หนูดีใจมาก หนูกลัวจะแย่ว่าคุณหนูอี๊ดจะเป็นอะไรไป”
“ลุงกำลังสังหรณ์ว่าคนที่กำลังจะเป็นอะไรไปอาจเป็นหนูเสียเอง”
“ทำไมหรือคะ” เนื้อทองประหลาดใจ
“นั่นสิครับ ทำไมลุงเอกคิดเช่นนั้น”
เอกถอนใจนึกแผนร้ายออก
“ปากผมมันจมน้ำอยู่ไม่อาจพูดได้ครับคุณแดงน้อย ขืนพูดไปผมจะกลายเป็นคนอกตัญญู”

แดงน้อยพอจะเข้าใจจึงเงียบไป มองเนื้อทองด้วยความสงสาร

ด้านขุนภักดีนั่งดื่มเหล้ารอเอกอยู่บนเรือนคนเดียว เมาแล้วไม่น้อย มีคนรับใช้ชายคนดูแลอยู่

ท่านขุนหันมาถามคนรับใช้ “ไอ้เอกหายไปนานแท้ๆ ทำไมมันไม่มาสักที”
ระหว่างนั้นสนวิ่งหน้าตั้งมา ตามด้วยช้อย
“มาแล้ว มาแล้วค่ะ สนมาแล้ว”
“มาทำไมพี่ไม่ได้เรียกสน พี่กำลังรอไอ้เอก”
“พี่ขุนขาอย่าไปรอมันค่ะ ฟังสนดีกว่า นังเด็กติ๋วล่มเรือหนูอี๊ด มันจะฆ่าหนูอี๊ดค่ะ”
ขุนภักดีลุกพรวด
“หา ว่าอะไรนะ”
ช้อยรับลูกต่อ “เด็กติ๋วล่มเรือให้คุณหนูอี๊ดจมน้ำเจ้าค่ะ”
“หนูอี๊ดของพ่อ หนูอี๊ดเป็นยังไงบ้าง หนูอี๊ดอยู่ที่ไหน มีใครช่วยหนูอี๊ดทันไหม”
ทานตะวันที่มีบริวารประคองมา วิ่งโผเข้ามากอดท่านขุนได้โดยที่ไม่ต้องมีใครประคองร้องไห้จะเป็นจะตาย
“คุณพ่อขา นังติ๋วมันจะฆ่าหนูค่ะ มันรู้ว่าหนูว่ายน้ำไม่เป็น มันแกล้งชวนหนูไปนั่งเรือ มันผลักหนูตกน้ำแล้ว ตบตาทำเรือล่มค่ะ”
“อีเนรคุณ อีขุนไม่ขึ้น อีเลี้ยงเสียข้าวสุก ไปลากตัวมันมามัดไว้กับต้นมะขามกูจะโบยมันให้สลบคาต้นมะขาม” ขุนภักดีผู้หูเบาสั่งการ
“น้อยไปค่ะ ต้องโบยมันให้ตายเลยนะคะ คุณพ่อ”
“ค่ะ มันสมควรโดนโบยจนตาย สนจะไปเอาแส้ม้ามานะคะ”
สนวิ่งจู๊ดออกไป ท่านขุนกอดลูกไว้สั่นด้วยความโกรธ
“มันไปหลบอยู่ที่ไหน กูจะไปลากตัวมันโบยให้สาสม”
ขุนภักดีปราดออกไปมีทานตะวันตามติดไปด้วย
“โชคดีนะคะที่หนูไม่ตายสมใจมัน”
“ใครกันที่มาช่วยลูกพ่อ”
ทานตะวันอึกอัก
“ตอนนั้นหนูหมดสิตไปแล้ว หนูไม่รู้ดอกค่ะ ว่าใครช่วยหนู”
ท่านขุนยิ่งแค้นเคืองมากขึ้น
“พ่อนึกไม่ถึงเลยว่าเด็กเงียบๆ ติ๋มๆ อย่างมันใจอำมหิตเพียงนี้”
“ใครจะไปคิดเล่าค่ะ คุณพ่อคุณแม่คุณย่าดีกับมันและแม่มันขนาดนี้มันยังริษยาหนู ลงโทษมันให้สาสมกับที่มันทำหนูนะคะ”
ทานตะวันร้องไห้เกาะขุนภักดีไว้แน่น

ทางด้านสามคนพากันเดินกลับมาตรงไปยังเรือนคุณนายทองจันทร์
“หนูอธิบายได้ค่ะ ว่าหนูไม่ได้ชวนคุณหนูอี๊ดไปพายเรือเล่น แต่คุณหนูอี๊ดต่างหากที่เป็นคนชวนหนู”
กบวิ่งมาเจอสามคน
“หนูติ๋วขา เกิดเหตุร้ายไฟลามทุ่งอีกแล้วค่ะ”
“เรื่องเรือล่มใช่ไหมคะ หนูกำลังจะไปอธิบายความจริงให้ท่านขุนเข้าใจค่ะ” เนื้อทองว่า
“ท่านไม่เข้าใจดอกค่ะ ท่านกำลังเข้าใจว่าหนูติ๋วหลอกพาคุณหนูอี๊ดไปจมเรือจงใจจะฆ่าเธอให้ตาย เพราะรู้ว่าเธอว่ายน้ำไม่เป็น”
แดงน้อย กะเนื้อทองงง เอกร้องอ๋อ
“นั่นปะไรครับ” เอกตบเข่าดังฉาดใหญ่ คาดไม่ผิด
“พี่จะช่วยยืนยันว่าน้องอี๊ดเธอว่ายน้ำเป็น”
“อธิบายจนปากฉีก ท่านก็เชื่อแต่คำพูดของคุณหนูอี๊ดเท่านั้นแหละค่ะ ทางที่ดีเพื่อความปลอดภัย หนูติ๋วรีบหลบไปหาคุณท่านกับคุณนายเรียมที่วัดก่อนเถิดค่ะ” กบบอก
เนื้อทองส่ายหน้า บอกอย่างเด็ดเดี่ยว
“ไม่ค่ะ หนูไม่ผิดทำไมต้องหนีหน้า ถ้าหนูหนีหน้าท่านจะคิดว่าหนูผิดจริง”
“แต่..พี่กลัวว่า...” แดงน้อยท้วง
“หนูไม่กลัว...”
เนื้อทองไม่ฟังเสียงใคร รีบวิ่งออกไปทันที แดงน้อย เอก และกบ ส่ายหน้า
“ทุกคนกำลังกลัวมากค่ะ เพราะคุณสนเธอไปหยิบแส้ม้ามาเตรียมให้ท่านขุนโบยหนูติ๋วแล้วค่ะ”
“นิสัยเหมือนเนียนไม่มีผิด ไม่หนี ไม่กลัวยอมโดนลงโทษ ไม่กล่าวโทษคนอื่นแม้ว่าคนนั้นทำร้ายตนเอง” เอกบ่นงึมงำ
“โดนแน่ๆ พวกเราจะช่วยหนูติ๋วได้ยังไงกันคะ”
“ฉันจะรีบตามไปพยายามชี้แจงกับท่านขุน”
“กบจะรีบไปบอกเนียนเองค่ะ”
แดงน้อยวิ่งตามเนื้อทองไป กบแยกตัวไปตามเนียน เอกยืนถอนใจ
“นี่มันริษยาอาฆาตข้ามรุ่นกันเลยหรือนี่ ตามคุณท่านกับคุณนายเรียมที่วัดมาช่วยกันดีกว่าเรา”
เอกหันหน้าไปทางวัด

เนื้อทองวิ่งมาหาขุนภักดีเพื่อจะอธิบาย เจอท่านขุนพรวดมาตามหาเนื้อทองเช่นกัน ทั้งเมาทั้งโกรธ
“นังติ๋ว นางอกตัญญู ไม่รู้คุณคน นังเนรคุณขุนไม่ขึ้น”
เนื้อทองชะงัก รีบทรุดตัวลงนั่งยกมือไหว้ท่านขุนปลกๆ
“กรุณาเมตตาฟังหนูบ้าง หนูขอพูดเรื่องที่เกิดขึ้นเจ้าค่ะ”
“กูไม่ฟังมึง กูฟังลูกสาวกูเท่านั้น”
เนื้อทองขยับตัวจะก้มลงกราบเท้า
ทานตะวันโผนทะยานกระโดดไปจิกหัวไว้ ใส่ความว่าจะหนี
“แกตั้งใจจะหนี พอดีฉันกับคุณพ่อมาเจอแกก่อน อย่ามาแก้ตัวอะไรไม่ได้ทั้งนั้น”
“ฉันไม่ได้แก้ตัวค่ะ แต่...ฉันอยากพูดความจริง”
“ความโกหกพกลมน่ะสิ คุณพ่อขามันกำลังจะใส่ความหนู…”
ขุนภักดีบันดาลโทสะปราดเข้ามากระชากจนร่างเนื้อทองเซถลา
“มึงยังมีหน้ามาทำหน้าซื่อตาใส บังอาจนักนังเด็กสารเลว อีลูกชู้ใจร้าย มึงแกล้งจมเรือจะให้ลูกกูจมน้ำตาย กูจะโบยมึงให้ตายคามือ อีเนื้อทอง มึงเลวเหมือนแม่มึงไม่มีผิด”
“หนูไม่ผิด หนูไม่ผิด หนูไม่ได้ทำร้ายคุณหนูอี๊ดๆๆๆ”
เนื้อทองตกใจกลัวจนตัวสั่นร้องไห้โฮ แต่ท่านขุนไม่ปราณีปราศรัย กระชากจนเนื้อทองล้มลง ทานตะวันมาช่วยทุบตีซ้ำ เป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก เนื้อทองโดนลากมาตามพื้นโดยสองพ่อลูก

เนียนกำลังปั้นขนมอยู่ อย่างตั้งอกตั้งใจฝันหวานว่าแดงน้อยจะได้กินขนมที่ตนทำ
“อร่อยมากครับ ผมขอทานให้หมดทั้งจานได้ไหมครับ”
เนียนเยื้อนยิ้มอย่างมีความสุข รำพึงกับตัวเอง
“ทานมากกว่านี้ก็ได้จ้ะ ขอบใจลูกรักที่ชอบกินขนมของแม่
กบวิ่งผวากระหืดกระหอบหน้าทิ่มลงไปบนขนมของเนียนเละเทะไปหมด
“ตายแล้ว”
“ตายแน่ๆ เนียน เนียน นั่งฝันหวานยิ้มอยู่ทำไม”
“หมดเลยขนมของลูกฉัน รีบร้อนตื่นไฟอะไรมาหรือพี่กบ”
“ตื่นไฟก็ยังน้อยไป ท่านขุนกับคุณหนูอี๊ดกำลังช่วยกันฉุดกระชากลากหนูติ๋วไปมัดที่ต้นมะขามจะโบยให้ตายคามือ”
เนียนกรีดร้องโหยหวนดังลั่น ตัวสั่นไปหมด
“หนูติ๋วลูกแม่ ไม่นะ ไม่นะ”

เนียนพุ่งออกไปราวกับพายุ วิ่งทั้งที่หน้าตาและเนื้อตัวเลอะเทอะขนมอยู่

ติดตาม "อาญารัก" ตอนที่ 12
กำลังโหลดความคิดเห็น