รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 10
ทุกคนล้อมวงที่โต๊ะสนามทานอาหารกัน พจนินท์มองพิชชาที่นั่งอยู่ข้างๆทานอาหาร ด้วยสายตาที่ห่วงใย
“ทานเยอะๆนะ แม่ทำแต่ของที่หนูชอบทั้งนั้นเลย”
พิชชายิ้มรับความห่วงใยของพจนินท์ จิราพัชรที่นั่งอยู่ถัดไป ได้ยินเขาอาสา
“ถ้าพิชชากินไม่ไหว เดี๋ยวผมช่วยเองครับ”
พงศกรถามขึ้น
“เธอสองคนสนิทกันเหรอ”
จิราพัชรยิ้มกว้าง
“ครับ ผมจะคอยดูแลพิชชาเองครับ”
พาทินและพิชชาวางตัวไม่ถูก อรอินทร์สังเกตเห็นท่าทีของทั้งคู่ พจนินท์เอื้อมือมาลูบผมพิชชา เหมือนตอนที่เคยทำเมื่อพิชชาเป็นเด็ก
“ลูกโตแล้วนะ”
จิราพัชรมองทุกคนในครอบครัว เกิดความคิดบางอย่าง เขาลุกจากเก้าอี้ เดินกลับไปที่รถหยิบกล้อง
ถ่ายรูปเดินกลับเข้ามา
“ทานเสร็จแล้วเดี๋ยวผมขอเชิญทุกคนนะครับ”
ทุกคนถ่ายรูปร่วมกัน ถ่ายครอบครัวของพาทิน ถ่ายสี่คนหนุ่มสาว ทุกคนยิ้มแย้มดูมีความสุข แต่ในใจของทุกคนล้วนมี สิ่งที่ค้างคาในใจ
พิชชาขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาหน้าสตูดิโอริมหาด ดนัยนั่งสูบบุหรี่ มองทะเล
“สวัสดีค่ะพี่ มานานแล้วเหรอ”
“พักหนึ่งแล้ว”
พิชชาวางกระเป๋าของเธอไว้ที่เก้าอี้ เดินไปรินน้ำมาให้ดนัย
“ขอบคุณครับ พี่แวะเอานี่มาให้”
ดนัยหยิบซองกระดาษ ส่งให้ พิชชาเปิดออกดู ข้างในเป็นรูปถ่ายที่อัดออกมาแล้ว เธอดีใจ
“เสร็จแล้วเหรอคะ”
“เจ้าแฟนตัวดีของเธอ มันเอาฟิลม์มาให้ บอกฉันหาร้านดีๆ อัดภาพให้หน่อย ถ้าฉันไม่เห็นว่ามันเป็นเพื่อนของเจ้าทินมัน คงด่ามันไปแล้ว คนอะไรเอาแต่ใจชะมัด”
“ขอโทษแทนเขาด้วยนะคะ นิสัยของเขาก็เป็นแบบนั้นเอง แต่ไม่ใช่เขาเป็นคนไม่ดีนะคะ”
ดนัยถอนใจ
“ตกลงเธอเป็นแฟนหมอนั่นจริงๆ เหรอ”
พิชชาไม่กล้าตอบรับสิ่งที่ดนัยถามได้เต็มปาก ดนัยมองหน้าพิชชา เขาก็เข้าใจสิ่งที่อยู่ในใจเธอ ดนัยเปลี่ยนเรื่อง
“ตัวจริงเธอดูขี้เหร่ หรือว่าฝีมือเจ้าพัชรมันห่วยกันแน่”
“โห พี่น่ะปากร้ายมาก”
“อ้าว พูดจริงๆนะ ดูสิ”
ดนัยยกรูปขึ้นมาเปรียบ
“เสียดาย ไปเรียนศิลปะถึงเมืองนอก ไม่มีหัวเลย”
พิชชาหัวเราะกับคำแดกดันของดนัยที่มีต่อจิราพัชร พาทินกลับมาจากมหาวิทยาลัย เห็นสองคนกำลังและหัวเราะกัน
“คุยอะไรกัน ดูสนุกเชียว”
พิชชาหันไปมองพาทินตามเสียงทัก
“พี่คะ”
พิชชานั่งดูรูปถ่ายครอบครัวสี่คน
“แม่กับพ่อน่ะดูไม่แก่เลย”
พิชชายื่นรูปให้พาทินที่นั่งข้างๆดู เขารับรูปมา
“อืม” พาทินมองพิชชาในรูปที่ยิ้มอยู่ “เธอก็เหมือนกัน...ดูเอาแต่ใจเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
พิชชาตีแขนเขาเบาๆ
“พวกเรียนศิลปะ ทำไมปากร้ายกันทั้งนั้นเลย”
“ใครบอกเธอ”
“ก็ฉันถูกพี่กับพี่ดนัยสับจนเละเลย”
พาทินหัวเราะเบาๆชอบใจ เขาเอื้อมมือไปกุมมือเธอไว้
“พี่เคยนั่งคิดอยู่หลายครั้ง แต่ไม่เคยได้คำตอบเลย ว่าชีวิตของพี่จะเป็นยังไง ถ้าไม่มีเธออยู่”
พิชชาฟังสิ่งที่เขาระบายความในใจออกมา
“ฉันก็เหมือนกัน ถ้าไม่มีพี่ ฉันก็ไม่เหลืออะไร”
“ชีวิตของพี่มีสิ่งสวยงามอยู่บ้าง ก็คงเป็นเพราะมีเธอนั่นแหละ”
พิชชาซาบซึ้งกับคำพูดที่ออกมาจากใจของเขา”
“อยู่กับพี่ อยู่ด้วยกันไปตลอดนะ”
พาทินเก็บกลืนความรู้สึกที่แท้จริง ก่อนที่จะพูดสิ่งที่ตรงข้าม
“ในฐานะน้องสาว วิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เราได้อยู่ด้วยกัน โดยไม่ต้องทำร้ายใจใคร”
พิชชาเจ็บปวดแต่ก็เข้าใจ ในเหตุผลที่เธอกับเขาต้องทำ
จิราพัชรเปิดประตูห้อง เมื่อมีคนมาเคาะ พาทินยืนอยู่หน้าประตู
“มึงว่างหรือเปล่า ไปหาอะไรดื่มกันหน่อย”
จิราพัชรแปลกใจที่อยู่ๆ พาทินก็ชวนดื่ม
“เอาสิ”
พาทินและจิราพัชร นั่งที่โต๊ะริมหาด ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็น บนโต๊ะมีจานอาหารที่กินไปบ้าง
แล้ว มีขวดเบียร์ที่ดื่มไปแล้วหลายขวด พาทินยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม จิราพัชรนั่งยิ้มมองเพื่อน
“เฮ้ย หมดไปหลายขวดแล้ว มึงยังไม่ได้บอกกูเลยว่า นึกครึ้มอะไรวะ ถึงชวนมา”
“กูเสียใจว่ะ”
พาทินรินเบียร์ลงในแก้วของจิราพัชร
“เรื่องอะไรวะ”
“เกิดมามีน้องสาวสวย”
จิราพัชรหัวเราะ พาทินยิ้ม
“มึงชอบพิชชาเขามากไหม”
“ใช่” จิราพัชรมองพาทิน “มึงกังวลเหรอ”
“เปล่าหรอก”
พาทินท่าทางซึมลง
“อยากเล่าเรื่องของพิชชา เผื่อมึงอยากจะรู้”
จิราพัชรหัวเราะ
“ไม่ต้องมาเล่าเลย กูจะค่อยๆ เรียนรู้เขาเอง เรามีเวลาที่จะเรียนรู้กันและกันอีกเยอะ”
พาทินคิดๆ
“ก็จริง แต่ยังไงกูก็อยากจะเล่าอยู่ดี”
พาทินนึกทบทวนความหลัง ความรู้สึกที่เขามีต่อพิชชา
“เวลาที่พิชชาเศร้า เขามักฝืนยิ้ม ให้คนรอบข้างไม่ต้องทุกข์ใจกับเขา เวลาเดินด้วยกัน เธอมักจะเดินอยู่ด้านซ้ายของคนอื่นเสมอ”
จิราพัชรเผลอยิ้มเมื่อนึกภาพตามคำพูดของพาทิน เขาพยักหน้าเห็นด้วย
“ชอบมีคำพูดว่านิสัยไม่ดีติดปาก พี่นิสัยไม่ดี หมาตัวนั้นนิสัยไม่ดี เพื่อนคนนั้นนิสัยไม่ดี”
จิราพัชรรู้สึกว่าพาทินรู้จักพิชชาดี
“ตั้งแต่เด็ก ก็ไม่มีทักษะเรื่องกีฬาเลย” เขาหัวเราะ “เวลาถูกขัดใจก็ชอบโอดครวญ”
พาทินหยุดคำ ไม่พูดต่อรู้สึกความอัดอั้นในใจมันล้นอก จิราพัชรมองพาทิน รู้สึกว่าเขาแปลกไปจากปกติ จิราพัชรยิ้มเยาะ
“มึงเมาแล้ว คุณพาทิน”
พาทินฝืนยิ้มรับคำทักของเพื่อนทั้งที่จริงๆ เขาไม่ได้เมา
พาทินวิ่งแข่งกับจิราพัชร เขาเมามากสะดุดขาตัวเองล้มลงบานหาดทราย จิราพัชรหันมาหัวเราะ
“เออ มีอีกเรื่องนึง เวลาเป่ายิ้งฉุบกัน พิชชาจะแพ้ประจำ เพราะจะออกก้อนหินตลอด”
พาทินล้มตัวลงนอนบนหาดทราย จิราพัชรนั่งลงข้างๆ หัวเราะ เขาไม่เคยเห็นพาทินเมามากขนาดนี้มาก่อน
อ่านต่อหน้า 2
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 10 (ต่อ)
เช้าวันต่อมา...พิชชาและจิราพัชรนั่งคุยกัน เขาท้าเธอเป่ายิ้งฉุบ พาทินมองทั้งคู่นั่งเล่นกันเหมือนเด็ก รู้สึกปลอดโปร่งใจขึ้น
เขาเดินไปที่ชายหาด เห็นอรอินทุ์เดินเล่นบนหาดไกลออกไปจึงเดินไปหา อรอินทุ์หันมาเห็นยิ้มดีใจ ทั้งคู่เดินเล่น คุยกันไป
“อร ดีใจที่ได้ยินเสียงของคุณโทรไปหา”
“อร”
“คะ”
“ผมขอโทษนะ”
อรอินทุ์ไม่พูดอะไร กลัวสิ่งที่เขาจะพูดต่อจากคำขอโทษ
“ที่ผ่านมา คุณต้องเป็นฝ่ายเดินเข้าหา คอยตามผม ต่อไปนี้ผมจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาคุณบ้าง จะโทรหาคุณให้มากขึ้น”
อรอินทุ์รู้สึกดีใจ คาดไม่ถึงว่าเขาจะกลับมาหา เธอหยุดฝีเท้า
“จริงเหรอคะ อรไม่ได้คิดไปเอง ฝันไปเองใช่ไหม”
พาทินก้าวเข้าไปหา ดึงมือเธอขึ้นมากุมไว้
“ผมทำให้คุณทุกข์ใจ ขอโทษจริงๆ ผมพยายามที่จะประคับประคองเราทั้งคู่เอาไว้”
อรอินทุ์ไม่รอให้พาทินพูดจบ เธอโผกอดเขาไว้
“ฉันยอมรับได้ค่ะ แค่นี้ก็พอแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะ”
พาทินกอดเธอไว้ แต่เขาก็ยังมีเรื่องในใจที่ยังปลงไม่ตก
อรอินทุ์ชงกาแฟ พิชชาเดินเข้ามาหา เธอจึงหันมาคุยด้วย
“ที่นี่บรรยากาศดีนะ”
“ค่ะ ตอนกลางคืนก็สงบมากเลยค่ะ”
“แต่ก็ดูเปลี่ยวๆ อยู่เหมือนกันนะ ย้ายไปอยู่กับฉันไหม”
พิชชานิ่งไปนิด
“คะ...แต่ฉันชินแล้วล่ะค่ะ”
“ฉันคิดว่า มันไม่ค่อยสะดวกต่อเธอและทิน พี่ดนัยก็แวะมาบ่อย พัชรก็ต้องเทียวมาหาเธอตลอด เธอเป็นผู้หญิงอยู่ท่ามกลางผู้ชายหลายๆ คน ชาวบ้านเขาจะนินทาเอา”
พิชชาหาเหตุมาอ้างกับอรอินทุ์ไม่ได้ ต้องจำนนกับคำพูดของเธอ
“ย้ายไปอยู่กับฉันนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันทำเรื่องย้ายกลับไปอยู่ที่หอเหมือนเดิมก็ได้”
อรอินทุ์แปลกใจ
“หอเหรอ”
จิราพัชรและพาทินเดินเข้ามา จิราพัชรพอใจ
“จริงเหรอ กลับไปอยู่หอก็ดี ผมจะได้เจอคุณได้ตลอด”
“จริงๆที่นี่ตอนกลางคืนมันเปลี่ยวไปหน่อย พี่ห่วงเธอนะเวลาที่ต้องอยู่คนเดียว”
พิชชานิ่งคิดตามคำพูดขอพาทิน
“ค่ะ ฉันมาอาศัยอยู่พักใหญ่แล้ว คงต้องถึงเวลาที่จะกลับซะที”
จิราพัชรดีใจ
“งั้นเรื่องหอ เดี๋ยวฉันจัดการให้”
พิชชารีบห้าม
“อย่าเลยค่ะ ให้ฉันทำเรื่องไปตามระเบียบพนักงานดีกว่า”
จิราพัชรเซ็ง
“เหรอ...เอางั้นก็ได้”
แพนเดินโทรศัพท์หาจิราพัชรแต่ไม่ติด เธอจึงไขกุญแจเข้าห้องของเขา เธอเข้ามาในห้องของเขาเป็นครั้งแรก วางเอกสารที่หอบมาไว้ที่โต๊ะในครัว มองดูบรรยากาศห้อง หยิบดูของใช้ เธอเห็นซองเอกสารที่เปิดแล้วที่โต๊ะรับแขก หยิบขึ้นมาดู เห็นรูปถ่ายที่เขาเป็นคนถ่ายทั้งครอบครัว โดยไม่มีเธอ แพนทั้งเจ็บใจและน้อยใจที่เธอเป็นผู้ที่ถูกลืมอีกแล้ว เธอขว้างมันลงบนโต๊ะ
กิ่งเทียนดีใจที่พิชชาจะกลับมาอยู่หอแผนกแม่บ้าน
“เธอจะกลับเข้ามาอยู่หอเหรอ ดีจังเลย ฉันล่ะเบื่อจะตาย เวลาเลิกงานแล้วไม่มีเพื่อนคุยด้วย”
“น้อยๆ หน่อย แผนกแม่บ้านกะเรามีตั้งหลายคน”
“แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นป้าๆ คุยไม่สนุก”
พาณีเดินเข้ามาในห้อง
“พิชชาขอคุยด้วยหน่อย”
“ค่ะ”
พิชชาเดินตามพาณีออกไป
พิชชาตกใจเมื่อฟังสิ่งที่พาณีบอก
“ไม่อนุมัติเหรอคะ”
“อืม คำร้องของเธอถูกตีกลับมา”
“ตอนนี้ฉันไม่มีที่พักซะด้วย มีทางอื่นไหมคะ”
“ลองคุยกับคุณจิราพัชรดีไหม”
พิชชารู้สึกลำบากใจ พาณีเข้าใจ
“ฉันไม่ได้จะอะไรนะ ตอนนี้คิดว่าเขาคงจะพอช่วยเรื่องนี้ให้เธอได้ อีกอย่างหนึ่ง เรื่องคราวที่แล้วที่เข้าใจเธอผิด ฉันยังไม่ได้ขอโทษเธอ คุณจิราพัชรเขาอธิบายเรื่องทั้งหมดแล้ว ฉันขอโทษนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
พิชชาชั่งใจ ไม่อยากพึ่งจิราพัชร แต่ก็ไม่มีที่ไป เธอคิดไม่ตก
สุนทรีตากผ้าอยู่ที่ลาน ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ของพิชชาวิ่งเข้ามา เธอวางมือจากงานเดิน
กลับไปที่ตัวบ้าน พิชชาจอดรถ เดินเข้าไปกอดแม่ สุนทรีวางเฉย เดินเข้าไปในบ้าน พิชชาแปลกใจที่แม่ดูตึงๆ กับเธอ พิชชาเดินตามเข้าไปในบ้าน สุนทรีหยิบกระเป๋าที่เก็บของส่วนตัวของพิชชาเรียบร้อยแล้วส่งให้ พิชชางงที่แม่ทำแบบนั้น
“อะไรคะแม่”
“ฉันเก็บของให้หมดแล้ว”
“มีอะไรเหรอคะ”
สุนทรีนิ่งคิด เงียบไปครู่หนึ่ง
“บ้านนั้นเขากลับมาแล้วใช่ไหม”
พิชชาไม่คิดว่าสุนทรีจะรู้เรื่อง
“ได้ยินว่า คุณบ้านนั้นเขาคิดถึงแกมากจนล้มป่วย”
สุนทรีก้มหน้าซ่อนความรู้สึก
“กลับไปดูแลเขาเถอะ เขาเลี้ยงดูแกมา”
พิชชาน้ำตาคลอ รู้ว่าสุนทรีน้อยใจ เข้ามาโอบเอว
“หนูไปไม่ได้หรอกค่ะ” พิชชาน้ำตาไหล “แม่ก็เลี้ยงดูหนูมาเหมือนกัน”
สุนทรีแกะมือลูกสาวออก หิ้วกระเป๋า ดึงเดินออกจากบ้าน
“ไปซะ ฉันทำหน้าที่แม่มาพอแล้ว”
“แม่คะ”
“กลับไปอยู่กับพ่อแม่ของแก”
สุนทรีวางกระเป๋าลงบนพื้น เดินหนี
“ที่บ้านนี้ไม่มีอะไรให้แกหรอก”
พิชชายืนร้องไห้
“แม่”
สุนทรีเดินกลับเข้าบ้าน ปิดประตู นั่งร้องไห้เสียใจที่ทำให้ลูกต้องเจ็บ พิชชาเช็ดน้ำตา มองบ้าน มองถนน เคว้งคว้างไม่มีที่ไป
พิชชามานั่งที่ม้านั่งจุดชมวิว นึกถึงสุนทรีและคำตัดพ้อที่เคยพูดกับเธอเสมอๆ
“แม่รู้สึกมาตลอด ว่าแม่ไม่ใช่แม่ของลูก ลูกไม่เคยได้มีเสื้อผ้าสวยๆใส่ ไม่ได้เรียนต่อมหาลัย ไม่เคยรู้จักชีวิตที่สนุกสนาน”
พิชชายิ่งเศร้า เมื่อคิดถึง
เย็นนั้น สุนทรีนั่งซึมคิดถึงพิชชาที่เป็นเด็กดีเสมอมา
“แม่...แม่...แม่...”
“จะเรียกอะไร นักหนา”
“ก็ชดเชยที่ ไม่ได้เรียกมาตั้งหลายปีไง”
“เด็กบ๊อง”
สุนทรีน้ำตาไหล
อ่านต่อหน้า 3
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 10 (ต่อ)
จิราพัชรยืนรอที่หน้าหอพัก ดักรอพิชชา เขามองนาฬิกาข้อมือ เลยเวลาเลิกงานของเธอมานานแล้ว
จิราพัชรโทรศัพท์หาเธอแต่ไม่มีเสียงตอบรับ เขาสงสัย เดินไปที่ห้องทำงานแผนกแม่บ้าน
จิราพัชรมองคำร้องที่ พาณียื่นให้เขาดู
“ไม่อนุมัติเหรอ”
“พิชชาไม่ได้บอกคุณพัชรเหรอคะ”
“ผมยังไม่ได้เจอเขาเลย ติดต่อก็ไม่ได้”
“เห็นบอกว่าตอนนี้ยังหาที่พักไม่ได้ด้วยสิ”
จิราพัชรรู้สึกกังวลมากขึ้น
ใกล้ค่ำ พิชชาขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดในซอยทางเข้าสตูดิโอ พาทินเดินออกมาส่งอรอินทุ์ที่ประตูรั้ว พิชชายืนแอบที่ต้นไม้ข้างๆ
“ไว้ฉันจะแวะมาอีกนะคะ”
“ขับรถดีๆ นะ”
“ค่ะ”
อรอินทุ์ดึงแขนพาทินเข้ามาใกล้ เธอหอมแก้มเขาเบาๆ ก่อนเดินไปขึ้นรถ ขับออกไป พิชชามองทั้งคู่ รู้สึกใจตัวเองหล่นหาย พาทินเดินกลับเข้าสตูดิโอไป พิชชาตัดสินใจเรียก
“พี่คะ”
พาทินได้ยินเสียงพิชชา เขาหันมองเห็นเธอยืนยิ้มให้เขา พาทินมองกระเป๋าในมือของเธอ
“มีอะไรเหรอพิชชา”
พิชชาเห็นสายตาที่เป็นห่วงของเขา
“ฉันเก็บของจะย้ายเข้าไปอยู่ที่หอนะค่ะ ฉันลืมของไว้เลยจะกลับมาเอา”
พาทินมองพิชชา
“ไม่มีอะไรจริงๆ นะ”
“อือ”
พิชชาค้นดูตามลิ้นชักโต๊ะตู้ แต่ไม่มีอะไร พาทินยืนมองดูเธออยู่
“สงสัยคงอยู่ที่บ้าน”
“ไม่มีอะไรแน่นะ”
“พี่ต้องดีกับคุณอรเขามากๆ ถนอมน้ำใจเธอนะคะ”
พิชชามองนาฬิกาข้อมือ เดินออกจากห้องไป
“ต้องไปแล้วล่ะ นัดกิ่งเอาไว้”
พาทินหยิบกระเป๋าของพิชชาที่วางอยู่มาถือ
“พี่ไปส่ง”
พาทินเดินนำ พิชชามองหลังของเขาที่กำลังเดินจากไป เธอวิ่งเข้าไปกอดหลังเขา พาทินรู้สีกว่าพิชชาเศร้าแม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมา
“พี่คะ ขอเวลาให้ฉันสองนาทีนะ”
พิชชานิ่งกอดเขาอยู่อย่างนั้น พาทินรู้สึกถึงน้ำตาอุ่นๆ ของพิชชาที่หลัง เขาเองก็รู้สึกเศร้าแบบเดียวกัน จิราพัชรยืนมองอยู่นอกรั้ว รู้สึกบางอย่างถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นของทั้งคู่
เช้าวันต่อมา...พาทินมองดินปั้นรูปเหมือนพิชชา ที่วางอยู่บนแท่นหมุน เขาหยิบรูปถ่ายของครอบครัวออกมาจากซองกระดาษ จดหมายที่พับอยู่ข้างใน เขาคลี่จดหมายนั้นดู เป็นลายมือของพิชชา พาทินอ่านจดหมายนั้น
“พี่ชายที่รัก รู้สึกแปลกยังไงก็ไม่รู้ ที่ต้องมาเขียนจดหมายถึงพี่ ฉันอยากให้พี่ได้รู้ว่า ชีวิตของฉันกลับมาสวยงาม มีความสุขอีกครั้ง เมื่อพี่ได้กลับมาอยู่ใกล้ๆ อีกครั้งแบบนี้ แค่อยู่ใกล้ๆ ได้เห็นพี่อยู่ในสายตา ฉันก็มีความสุขแล้ว อยากบอกพี่ว่า เมื่อเราได้กลับมาพบกันอีก ขอให้เราอย่าจากกันไปอีกเลย มันง่ายนะที่จะเขียนบอกพี่ ฉันรักพี่นะ เป็นคำพูดที่เมื่อก่อนฉันเคยพูดกับพี่ไปเป็นร้อยๆ ครั้ง ตอนนี้ถึงคำพูดจะเหมือนเดิม แต่ความหมายมันคงเปลี่ยนไป”
พาทินขึ้นรูปปั้นพิชชา เก็บรายละเอียดต่างๆ เส้นผม หู ดวงตา เขาปั้นดินอย่างเบามือ เขาดูมีความสุข สัมผัสรูปปั้นเหมือนกับได้สัมผัสหน้าของเธอจริงๆ
อาทิตย์ ต่อมา...บ่ายแก่ๆพิชชาซื้อกับข้าว ต่อรองราคากับแม่ค้า พาทินเดินเลือกซื้อกับข้าวอยู่เช่นกัน ได้ยินเสียงต่อรองของพิชชา เลยเดินเข้าไปหา พาทินสะกิดแขน พิชชาหันไปเห็นเขายิ้มให้ ทั้งคู่เดินเลือกซื้อของไปคุยกันไป
“พี่จ่ายตลาดเองเลยเหรอ”
“ก็เธอไม่อยู่ พี่ก็ต้องทำกินเองสิ”
“น่าสงสาร”
พาทินหัวเราะที่พิชชา ทำเสียงล้อ ทั้งคู่แวะดูโน่นดูนี่ ตามทางไปเรื่อยๆ พิชชายืนมองรูปถ่ายที่วางโชว์ ในร้านถ่ายรูปเก่าๆ พาทินแปลกใจ
“ร้านนี้ยังอยู่อีกเหรอ”
“นึกถึงเมื่อก่อนเนอะ ต้องมาถ่ายรูปนักเรียนที่นี่”
“อีกหน่อยร้านแบบนี้ก็จะไม่มีแล้ว”
พาทินเดินต่อ พิชชานึกถึงคำพูดของเขาเธอรู้สึกเศร้า
“พี่คะ ถ่ายรูปกันเถอะ”
พาทินแปลกใจกับคำขอของพิชชา
พิชชาและพาทินเดินออกมาจากร้านถ่ายรูป ในมือของเธอมีรูปที่อัดแล้วสองใบ เป็นภาพถ่ายเธอที่นั่งบนเก้าอี้หวาย มีพาทินยืนอยู่ข้างๆ เหมือนภาพสมัยเก่า
“ถึงร้านเขาจะเก่า แต่ไม่ได้ล้าสมัยนะ แต่ฉากหลังยังดูสวยอยู่เลย”
“นึกว่าอีกสองวันจะได้ซะอีก เลยไม่มีข้ออ้างจะมาเจอเธอ”
พิชชาไม่พูดอะไร เธอยื่นรูปใบหนึ่งให้เขา
“อย่าทำหายนะคะ”
พาทินหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา
“ใส่ไม่ได้”
พิชชามองกระเป๋าสตางค์ของเขา
“พี่ไม่มีรูปคุณอรเหรอ”
พาทินส่ายหน้า
“เพราะเธออยู่ตรงนี้สินะ”
พิชชาเอามือทาบไว้ที่อก เขาไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ สีหน้าของเขาราบเรียบไม่แสดงอารมณ์อะไร เขาหยิบสมุดบันทึกประจำตัวออกมาจากเป้สะพาย เปิดออกวางรูปลงในนั้น พิชชาใส่รูปของเธอลงในกระเป๋าสตางค์ของตัวเองที่ใบใหญ่กว่า
“ฉันจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ทางนี้”
พาทินพยักหน้ารับ พิชชาที่ต้องแยกจากไปก็ดูเก้กัง ลังเล เธอโบกมือลา
“ไปนะคะพี่”
พิชชาเดินจากไป พาทินยืนมองหลังของเธอ
ค่ำนั้น พาทินและอรอินทุ์ เพิ่งกินมื้อเย็นเสร็จ
“เป็นไง ฝีมือผม”
อรอินทุ์มองกับข้าวที่เหลืออยู่ตรงหน้า
“เข้าใจแล้วล่ะ ฉันจะไม่ขอให้คุณทำกับข้าวอีกแล้ว”
“แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ ฝีมือคุณใช้ได้ทีเดียวแหละ ถ้าทำบ่อยๆ คุณไม่ต้องพึ่งฉัน ก็แย่สิคะ”
พาทินยิ้ม เขามองนาฬิกา
“ผมไปส่ง เดี๋ยวจะดึก”
“ขอฉันอยู่อีกหน่อยไม่ได้เหรอคะ นานแล้วที่ไม่ค่อยได้อยู่กันสองคนแบบนี้”
พาทินพยักหน้ายอม
“ฉันอิจฉาพัชรกับพิชชาจัง อย่างน้อยๆ เขาก็ได้เห็นกัน อยู่ใกล้กันทุกวัน”
พาทินเก็บอาการเรื่องพิชชาไว้ ไม่แสดงออก
“เรื่องงานย้อมผ้าที่คุณอยากลองทำ เวิร์คช้อพ อยากให้พวกเขามาลองไหม”
“อยากเจอพิชชาเหรอคะ”
พาทินยิ้มกลบเกลื่อน
“ตีความเป็นอย่างนั้นไปอีก”
“ฉันพูดเล่นน่ะ”
พาทินยิ้ม ซ่อนความในใจ อรอินทุ์ถามขึ้น
“เรื่องงานแต่งว่าไงคะ คุณแม่ท่านถามถึง ว่าเมื่อไหร่ดี”
พาทินอ้ำอึ้ง คิดไม่ถึงว่าอรอินทุ์จะรุกเขาแบบไม่ตั้งตัว
อ่านต่อหน้า 4
รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 10 (ต่อ)
บ่ายวันใหม่...พิชชานั่งอยู่ที่โต๊ะในครัว คิดค่าใช้จ่ายและหนี้ของบ้านที่เธอต้องใช้ จิราพัชรนั่งมองแอบวาดภาพเธอ
“เงินเดือนออกเหรอ”
พิชชาพยักหน้ารับ ยังคิดเงินต่อ
“ขอโทษนะที่ต้องมารบกวนใช้ห้องคุณ”
“ไม่เป็นไร มาทุกวันก็ได้นะ”
“คุณชอบถือโอกาสแบบนี้”
จิราพัชรกลัวพิชชาโกรธ
“โอเคๆ ไม่พูดดีกว่าใช่ไหม”
“จริงๆ ฉันอายเพื่อนๆนะ เอาเงินที่ไม่ค่อยมีออกมานับแบบนี้”
“แสดงว่า ผมพอไว้ใจได้ คุณเลยไม่ต้องอายหรือกังวลใช่ไหม”
พิชชายิ้มที่เขาคิดเข้าข้างตัวเองตลอด จิราพัชรเดินเข้าไปหาเธอที่โต๊ะ
“นั่นมันสำหรับค่าอะไร”
พิชชามองเงินที่แยกเอาไว้ต่างหาก
“หนี้ที่บ้านน่ะ”
จิราพัชรมองเปรียบเทียบกับเงินที่เหลือของพิชชา เขาตาโต
“แล้วคุณจะเหลือเงินไว้พอใช้จ่ายเหรอ”
พิชชาไม่ตอบ ยังคงคิดตัวเลขต่อ
“เอางี้ไหมผม...”
พิชชาเงยหน้ามองเขายกมือห้าม ปิดปากไม่ให้เขาพูด
“คุณอย่าพูดออกมานะ”
จิราพัชรมองมือของพิชชาที่ปิดปากเขาอยู่ จับมือข้างนั้นของเธอขึ้นจูบ พิชชาดึงมือกลับมาช้าๆ
“ผมไม่ได้จะดูถูกอะไรคุณเลย”
พิชชามองสายตาที่เขาจ้องมองเธอ ความรู้สึกของเขาที่ส่งมาทำให้ เธอหลบตาไม่กล้าประสาน...จิราพัชรค่อยๆ โน้มตัวเข้าหาเธอ พิชชารู้สึกตัว ลุกขึ้นจากโต๊ะ
“ขอโทษนะ ผมคงขึ้นสนิมแล้ว โน้มใจคุณไม่ได้”
พิชชาเองก็แก้เก้อ เดินไปที่โต๊ะที่เขาวางกระดาษวาดรูปเอาไว้
“คุณทำอะไรเหรอคะ”
จิราพัชรรีบเบี่ยงตัวขวางเธอไว้
“อย่าเพิ่งดูเลยมันยังไม่เสร็จน่ะ”
“กลัวคำวิจารณ์เหรอ”
“งานที่ยังไม่เสร็จ มันวิจารณ์ไม่ได้หรอก”
พิชชาทำหน้าเยาะกับคำแก้ตัวของเขา
“เวลาศิลปินทำงานศิลปะที่เกี่ยวกับคนรักของตัวเอง ไม่มีใครจะได้เห็นมันจนกว่ามันจะสมบูรณ์แบบที่สุด”
“คำแก้ตัวนี้รับได้ เคยได้ยินพี่เขาพูดให้ฟังเหมือนกัน”
“ไอ้ทินน่ะเหรอ มันชอบซุ่มเงียบทำงานอีกแล้ว คราวนี้มันทำอะไร”
“ฉันเองก็ไม่รู้หรอกค่ะ”
“นางในฝันแบบของฉันหรือเปล่า”
พิชชานึกถึงพาทิน ความรู้สึกเปลี่ยนไป
“ฉันต้องไปแล้วล่ะค่ะ”
พิชชาเก็บของใส่กระเป๋าถือ เดินไปที่ห้องน้ำล้างมือ จิราพัชรมองกระเป๋าสตางค์ของเธอ เขาหยิบกระเป๋าของตัวเองนับเงินที่อยู่ในนั้นดึงออกมาจะแอบให้เธอ หยิบกระเป๋าของพิชชามาเปิดดู เห็นรูปถ่ายที่เธอถ่ายคู่กับพาทิน จิราพัชรเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราว พิชชาออกจากห้องน้ำ จิราพัชรยืนยิ้มจ้องมองเธอ
“แต่งงานกันนะพิชชา”
พิชชาไม่ทันตั้งตัว ได้แต่ยืนมองเขานิ่งคิดพูดอะไรไม่ออก
พิชชามาที่จุดชมวิว เธอนั่งที่ม้านั่งตัวเดิมที่เคยนั่ง หยิบโทรศัพท์โทรหาพาทิน
“พี่คะ”
เวลาผ่านไปเริ่มค่ำ พิชชานั่งมองทิวทัศน์คิดเรื่องราวต่างๆ ในหัว พาทินเดินเข้ามาเห็นเธอนั่งเหม่อคิด ก็เอ่ยขึ้น
“คอยใครอยู่เหรอครับ”
พิชชาคลายภวังค์ หันไปตามเสียงทัก เห็นพาทินยืนอยู่ เธอยิ้มให้ เขานั่งลงข้างเธอ
“ฉันไม่ได้กวนพี่ใช่ไหม”
“ไม่หรอก พี่เองก็กำลังจะโทรหาเธออยู่เหมือนกัน”
“มีอะไรเหรอคะ”
พาทินอึกอักคิดเรื่องอ้างไม่ถูก
“ก็...เรื่องกับข้าวน่ะ พอดีพักนี้ต้องทำกินเองบ่อย เลยอยากลองทำ...แกงคั่วกินเองดู”
“ไว้ฉันจดสูตรให้พี่นะ”
พาทินพยักหน้ารับ เขาลังเล
“อืม...พรุ่งนี้พี่ไม่มีสอน เลยอยากขับรถเที่ยวพ้นเมืองหน่อย แนะนำพี่หน่อยสิ”
“คุณอรไปด้วยหรือเปล่าคะ”
พาทินส่ายหน้า
“เธออยากไปไหม ไปด้วยกัน”
พิชชาสับสน อยากกันตัวเองห่างจากพาทิน แต่ก็คิดถึงเขาเหลือเกิน เธอพยักหน้ารับ
“อีกไม่นานพี่ก็จะแต่งงาน ไม่มีเวลาได้เจอกันแบบนี้อีกแล้ว คงเป็นครั้งสุดท้ายใช่ไหม วันเดียวคงไม่เป็นไร”
พาทินพยักหน้ารับ
สายวันต่อมา..อรอินทุ์ขับรถมาจอดหน้ารั้วสตูดิโอ เธอหิ้วของที่ซื้อลงจากรถ เดินเข้าไป
“ทินคะ”
อรอินทุ์เดินดูในส่วนต่างๆ ของสตูดิโอ ไม่พบใคร เธอโทรศัพท์หาพาทิน แต่ไม่สามารถติดต่อเขาได้ อรอินทุ์สงสัยว่าพาทินไปไหน โดยที่ไม่บอกเธอ
จิราพัชรยืนโทรศัพท์หาพิชชาอยู่ที่หน้าหอ แต่ไม่สามารถติดต่อเธอได้ เขาดูหงุดหงิดเล็กๆ กิ่งเทียนเดินออกจากหอไปที่มอเตอร์ไซค์ของเธอ จิราพัชรเห็นกิ่งเทียน จำได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของพิชชา เขาเดินเข้าไปหา
“เธอๆ เพื่อนพิชชาใช่ไหม”
กิ่งเทียนเห็นจิราพัชร เธอค้อมหัวให้เขา
“สวัสดีค่ะ”
“อยู่ห้องเดียวกับพิชชาหรือเปล่า”
“ค่ะ”
“เขาตื่นหรือยัง”
“พิชชาเหรอคะ ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วล่ะค่ะ”
จิราพัชรแปลกใจ
“เหรอ เขาไปไหน”
“พิชชาไม่ได้บอกฉันค่ะ โทรหาเธอสิคะ”
“ฉันโทรแล้ว แต่ติดต่อไม่ได้...โอเคไม่เป็นไร”
กิ่งเทียนสวมหมวกกันน๊อค ขับมอเตอร์ไซค์ออกไป จิราพัชรคิดถึงความน่าจะเป็นว่าพิชชาน่าจะไปที่ไหน
อรอินทุ์นั่งมองทะเลเหม่อคิดเกี่ยวกับพาทิน เสียงฝีเท้าทำให้เธอรู้สึกตัว เธอหันไปมองตามทิศของเสียงคิดว่าเป็นพาทิน ก็ยิ้มดีใจ จิราพัชรเดินเข้ามา อรอินทุ์หุบยิ้ม
“โห ผิดหวังที่เป็นฉันเหรอ แสดงว่าไอ้ทินมันไม่อยู่สินะ”
“อย่าแกล้งแหย่ฉันสิ”
อรอินทุ์กวาดตามอง เห็นจิราพัชรมาคนเดียว
“วันนี้ว่างหรือไง”
“ฉันอยากหยุดเมื่อไหร่ก็ได้”
“ไม่พาพิชชาเขาไปเที่ยวบ้างล่ะ”
“ก็ตั้งใจไว้ว่าอย่างนั้น แต่เจ้าตัวเขาไม่อยู่”
“ไปไหนเหรอ”
จิราพัชรส่ายหน้า
“ติดต่อเขาไม่ได้”
อรอินทุ์รู้สึกสงสัยในความบังเอิญนี้
“ฉันก็ติดต่อทินเขาไม่ได้เหมือนกัน”
จิราพัชรมองอรอินทุ์ เขาเองก็มีความรู้สึกแบบเดียวกับเธอ แต่ทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน
“คงบังเอิญล่ะมั้ง”
“บังเอิญจริงๆเหรอ”
จิราพัชรค่อยๆ คลายยิ้มบนใบหน้า แต่ก็เก็บความรู้สึกเครียดไว้ ไม่ให้อรอินทุ์เห็น
โปรดติดตาม รักนี้ชั่วนิจนิรันดร์ ตอนที่ 11