นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 12
ฤทธิ์ออกมาจากห้องแล้วตกใจ เมื่อมีควันตลบบ้าน
“ณัฐชา เกิดอะไรขึ้น...ณัฐชา”
ฤทธิ์รีบวิ่งเข้าไปดูข้างในบ้านผลุนผลันเข้าไปในครัว และเจอณัฐชากำลังสำลักควัน
“ทำอะไรของคุณ”
ณัฐชาไอค่อกแค่ก
“ฉันจะทำอาหารเช้า แต่แก๊สมันหมด ฉันก็เลยจะติดเตาถ่าน”
ฤทธิ์มองสังเวช
“ซื้อกินเถอะ”
ณัฐชาไอโขลกๆ
ในตลาดผู้จับจ่ายกันอย่างครึกครื้นสดใสในยามเช้า ณัฐชากับฤทธิ์เดินมาด้วยกัน ณัฐชาเห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินควงแขนสวนผ่านไป ก็นึกขึ้นได้หันไปสะกิดฤทธิ์
“นี่คุณ ขายังเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ ฉันช่วยพยุงนะ”
“ไม่ต้องก็ได้มั้ง ผมเดินไหว”
“ฮึย...คนกันเอง อย่าเกรงใจ มา ฉันช่วย”
ณัฐชาว่าแล้วก็กอดแขนฤทธิ์หมับจนแทบเซ ไม่รู้จะพยุงหรือจะถ่วงน้ำหนักกันแน่ ฤทธิ์ยิ้มให้ณัฐชางงๆ...ทั้งสองเดินเข้าไปในร้านขายโจ๊กข้างทาง นั่งกินโจ๊กด้วยกัน ณัฐชาเห็นเขาเจริญอาหารก็มองอย่างมีความสุข ก่อนจะตักโจ๊กในชามของเธอแบ่งให้เขา
“คุณไม่หิวเหรอ”
“รักษาหุ่น เดี๋ยวไล่จับคนร้ายไม่ไหว”
“แต่ผมว่าคุณน่าจะเพิ่มน้ำหนักหน่อยนะ จะได้มีน้ำมีนวล ผอมมากมันดูโทรมนะจะบอกให้”
ณัฐชางอน ตักโจ๊กคืน
“เออพูดมาก อย่ากินเลย เอามานี่ฉันกินเอง”
“อะไรของคุณเนี่ย ทำเป็นเด็กๆไปได้”
“ฉันอยากอ้วน มีอะไรป่ะ จะอ้วนให้เหมือนหมูเลย คอยดูสิ”
ณัฐชาย่นจมูกทำเสียงหมูใส่หน้า ฤทธิ์ยิ้มขำออกมา
“หัวเราะเป็นด้วยเหรอคุณ นึกว่าเก๊กเป็นอย่างเดียวซะอีก”
“นั่นสิ ถ้าไม่มีคุณผมก็คงลืมไปแล้วว่าความสุขมันเป็นยังไง”
ฤทธิ์พูดตรงๆ แต่ณัฐชาอดปลื้มไม่ได้ พอดีป้าเจ้าของร้านเอาน้ำเปล่ามาเสิร์ฟให้
“ทานน้ำค่า”
ฤทธิ์ยิ้มรับ
“ขอบคุณครับป้า”
“มาเที่ยวกันเหรอคะ เห็นไม่ค่อยคุ้นหน้า”
ณัฐชายิ้มให้ป้า
“จ้ะป้า แถวนี้มีที่เที่ยวบ้างรึเปล่า”
“โอ้ย...บ้านนอกคอกนาไม่ค่อยมีอะไรตื่นเต้นหรอกค่ะ จะมีก็แค่วัดอยู่ตรงหัวตลาดนี่เอง วัดเก่าแก่เลยนะคะ เดินไปหน่อยเดียวก็ถึง”
ณัฐชากับฤทธิ์หันมามองหน้ากัน เธอเบ้หน้าเบื่อๆ ฤทธิ์พยักหน้าว่าน่าสนใจ
ฤทธิ์เดินผ่านซุ้มทางเข้าวัดมาสักพัก และพบว่าณัฐชายังอิดออดรออยู่ข้างนอก
“เป็นอะไรล่ะคุณ มีของหรือไงถึงเข้าวัดไม่ได้”
“โห ออกมาข้างนอกทั้งที ไปดูหนังไม่ดีกว่าเหรอ”
“เอาน่าคุณ คิดว่าเราเป็นแฟนกันแล้วมาเดทด้วยกันครั้งแรกสิจะได้ตื่นเต้น ดีมั้ย”
ณัฐชาอึ้ง
“เดทครั้งแรก พาเข้าวัดเนี่ยนะ”
ฤทธิ์พยักหน้า
“ตื่นเต้น”
ณัฐชาทำหน้าเบื่อเซ็งขณะที่ฤทธิ์จูงเธอเข้าวัด
ฤทธิ์จูงณัฐชาเข้ามาในโบสถ์ด้วยกัน ณัฐชามองดูภาพฝาผนังของวัดที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของการเวียนว่ายตายเกิดมากมาย ก็รู้สึกแปลกตาจนลืมความเบื่อ ฤทธิ์เดินตรงไปพนมมือไหว้พระประธานเงียบๆ ณัฐชาหันมาเห็นเข้าจึงพูดขึ้น
“จุดธูปไหว้พระกันหน่อยดีมั้ย”
ฤทธิ์แปลกใจ
“คุณสนด้วยเหรอ”
“ก็ มีเรื่องจะอธิษฐานพอดี”
ฤทธิ์และณัฐชาจุดธูปไหว้พระด้วยกัน ต่างคนต่างหลับอธิษฐาน สักครู่เขาอธิษฐานเสร็จก่อนก็ลืมตาหันมาทางหญิงสาว สายตาของเขาเห็นณัฐชาในยามสงบก็ดูงดงามเฉกเช่นผู้หญิงคนหนึ่ง ฤทธิ์อดรู้สึกห้ามความประทับใจนั้นไม่ได้...หลังจากไหว้พระเสร็จทั้งสองนั่งกอดเข่าดูภาพฝาผนังด้วยกัน ณัฐชาพูดขึ้นลอยๆ
“ถ้าคนเราทุกคนเป็นอมตะก็ดีสิ โลกนี้จะได้ไม่มีการพลัดพราก”
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ชีวิตก็คงไม่มีความหมาย”
“คุณไม่อยากอยู่คนที่คุณรักตลอดไปเหรอ”
“ถ้าเป็นแต่ก่อนคงใช่ แต่ตอนนี้มันไม่มีความหมายสำหรับผมอีกแล้ว”
“นอกจากใจทิพย์แล้ว คุณเคยคิดจะรักคนอื่นบ้างรึเปล่า”
คำพูดของณัฐชาทำให้ฤทธิ์หันมามองหน้าเธออย่างมีความหมาย
“เคย...แต่มันสายเกินไป สำหรับคนๆนั้น”
ณัฐชามองเขาอย่างใจหาย
ฤทธิ์กับณัฐชาเดินกลับบ้านด้วยกัน บรรยากาศเงียบเหงา คนสองคนยามนี้เหมือนสามีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก ณัฐชามองฤทธิ์สักพักก็ฉุดมือรั้งเขาเอาไว้
“มีอะไรเหรอ”
ณัฐชาจ้องหน้า
“ฉันอยากให้คุณสู้ต่อไป ถึงไม่มีใจทิพย์ ก็ยังมีคนอื่นที่ต้องการคุณ” เธอกลั้นน้ำตา “ฉันอยากให้คุณอยู่เป็นความหวังสำหรับเขา”
ฤทธิ์อึ้ง
“ณัฐชา”
“คุณอยู่ต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอ ฉันเพิ่งรู้สึกดีกับคุณ แล้วทำไมคุณต้องจากฉันไปด้วย แค่คุณบอกว่าอยากมีชีวิตอยู่ แค่คุณพูด...ฉันจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยคุณ”
“ผมไม่ต้องการ ผมไม่อยากเห็นใครต้องเดือดร้อนเพราะผมอีกแล้ว ณัฐชา…ลืมผมซะ นั่นคือสิ่งเดียวที่คุณควรจะทำเพื่อผม”
ณัฐชาร้องไห้ยกมือปาดคราบน้ำตาเหมือนเด็กๆเธอส่ายหน้าเพราะไม่รู้ว่าจะลืมเขาได้ยังไง ฤทธิ์รั้งตัวเธอมากอดอย่างปลอบโยน
โซเฟียเดินกุมแขนข้างที่ถูกยิงกลับมาที่บริษัทมาดามหลิว หัวหน้ายามเข้ามาทักทาย
“คุณโซเฟีย”
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมบริษัทเงียบแบบนี้”
“มาดามเป็นห่วงว่าจะเกิดเหตุร้าย ก็เลยสั่งหยุดงานครับ”
โซเฟียอึ้งไป
“ฉันบาดเจ็บ ช่วยพาฉันไปส่งข้างบนทีสิ”
หัวหน้ายามแจ้งข่าวบอกมาดามหลิวผ่านทางอินเตอร์คอม
“คุณโซเฟียมาถึงแล้วครับมาดาม”
“บอกให้รีบขึ้นมา ฉันจะมีเรื่องสำคัญจะปรึกษาด่วน”
ประตูนิรภัยเปิดออก หัวหน้ายามพาโซเฟียมาส่ง
“มาดามเป็นกังวลมากครับคุณโซเฟีย พอคุณโทรมาเตือนเหตุร้าย เธอก็ให้ผมปิดประตูนิรภัยทุกบานทันที แล้วก็ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง”
โซเฟียหน้าสลดลง
“น่าสงสาร ป่านนี้มาดามคงตกใจแย่”
“นั่นสิครับ”
“เดี๋ยวฉันจะปลอบมาดามเอง คุณลงไปเถอะ”
มาดามหลิวนั่งกุมปืนยิงไวรัสอย่างเป็นกังวลอยู่ในห้องสมุด โซเฟียเปิดประตูเข้ามา มาดามหลิวโล่งอก
“โซเฟีย”
โซเฟียยิ้ม
“ค่ะ มาดาม”
หัวหน้ายามกลับลงมาข้างล่างก่อนจะเหลือบเห็นอะไรบางอย่างแล้วหยุดชะงักไปราวกับเห็นผี เพราะว่าโซเฟียที่เพิ่งมาถึง
“มีอะไรเหรอ” โซเฟียถามอย่างสงสัย
โซเฟียตัวปลอมกำลังคุยอยู่กับมาดามหลิว
“คนร้ายทีพยายามฆ่าคุณโทมัส ก็คือนายกรณ์กับพวก ตอนนี้น้ำตามัจจุราชทำให้พวกมันกลายพันธุ์กันหมด”
“เราต้องรีบหาทางจัดการกับพวกมันโดยเร็วที่สุด”
“แต่ฉันว่าเราปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคนอื่นดีกว่าค่ะมาดาม เพราะลำพังตัวคุณเองตอนนี้ จะเดินไปห้องน้ำก็ยังลำบากเลยซ้ำ”
มาดามหลิวชะงัก
“โซเฟีย นี่เธอพูดอะไรของเธอ”
โซเฟียตัวปลอมหันมายิ้มให้มาดามหลิว
“มันคือความจริงค่ะมาดาม คนพิการอย่างคุณไม่สมควรก่อเรื่องวุ่นวาย”
โซเฟียสแกนฝ่ามือกับเครื่องเพื่อเปิดประตูนิรภัย หัวหน้ายามกับลูกทีมถืออาวุธตามเธอเข้ามาอย่างร้อนรน
“เข้าไปนานรึยัง”
“ก่อนหน้าคุณจะมาถึงสักหกนาทีครับ”
โซเฟียรีบวิ่งไปที่ห้องสมุดทันที
มาดามหลิวมองไปที่จอมอนิเตอร์ จึงเห็นภาพโซเฟียตัวจริงและพวกยามผ่านทางกล้องวงจรปิด วินาทีนั้นเธอถึงได้เข้าใจว่าคนที่อยู่กับเธอไม่ใช่โซเฟียตัวจริง มาดามหลิวจ้องหน้า
“ตกลงพวกแกมีแผนอะไรกันแน่ รับใช้พรายพิฆาต หรือว่าแยกตัวเป็นอิสระ”
มาดามหลิวมองไปเห็นโซเฟียตัวปลอมกลายร่างเป็นกรณ์
“เรามาไกลเกินกว่าที่จะยอมแพ้มาดาม เราต้องสู้ให้ถึงที่สุด”
มาดามหลิวยกปืนยิงกระสุนไวรัสใส่ กรณ์หายตัววูบมาโผล่ตรงหน้าชักมีดออกมาแทงมาดามหลิวอย่างรวดเร็ว ปลายมีดปากเข้าที่ชายโครงพอดี มาดามหลิวสะท้านเฮือก
“ความจริงคุณมีโอกาสที่จะหนี แต่คุณก็ไม่ทำแบบนั้น”
“ฉันก็เหมือนกับแก มาไกลเกินกว่าที่จะยอมแพ้”
กรณ์ยิ้ม สบตากับมาดามหลิว ขณะที่มือก็ค่อยกดๆใบมีดแทงลงไปจนได้ยินเสียงเนื้อเหล็กที่ครูดกับกระดูก
“ช้าๆ ช้าๆ” กรณ์กระซิบ “ผมไม่อยากให้คุณตายก่อนที่ลูกน้องของคุณจะมาถึง พวกเขาควรจะได้เห็นว่าศัตรูของผมมีจุดจบยังไง”
มาดามหลิวใบหน้าสั่นระริก เหลือบมองกรณ์ด้วยความแค้น
โซเฟียกับพวกยามจะเข้าไปที่ห้องสมุดแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นมาดามหลิวเดินออกมา ทำเอาทุกคนพากันตกตะลึงเมื่อเห็นมาดามหลิวเดินได้อีกครั้ง
“โซเฟีย เธอมาสาย”
โซเฟียได้สติ
“แกไม่ใช่มาดามหลิว”
โซเฟียชักปืนยิงใส่ มาดามหลิวตัวปลอมกลายร่างเป็นกรณ์ก่อนจะหายตัววูบวาบไปจัดการกับพวกยามอย่างรวดเร็ว โซเฟียหันมาเล็งปืนใส่มัน แต่เห็นมันผลุบโผล่แทงยามคนหนึ่งและไปปาดคอยามอีกคนด้วยความรวดเร็วเกินกว่าสายตาของเธอจะจับภาพทัน จนกระทั่งมันหยุดหันมามอง โซเฟียก็จึงเล็งปืนใส่มันอีกแต่พริบตานั้นมาก็มาโผล่ข้างหลังเธอพร้อมกับใช้มีดจ่อเข้าที่ลำตัว
“ยังไม่ถึงคิวของเธอสาวน้อย ฝากไปบอกไอ้ฤทธิ์ ราวีด้วยว่า ฉันจะแวะไปเยี่ยมมัน เร็วๆนี้”
ร่างของกรณ์ค่อยๆหายวูบไป โซเฟียได้สติจึงค่อยมองไปรอบๆตัวและพบว่าพวกยามตายเกลี้ยง เธอนึกขึ้นได้
“มาดาม”
โซเฟียเข้ามาในห้องสมุด และพบร่างมาดามหลิวนอนฟุบอยู่ข้างรถเข็นจึงประคองขึ้นมา
“มาดาม”
“โซเฟีย พวกมัน…”
“พวกมันไปแล้วค่ะมาดาม อดทนไว้ ฉันจะรีบตามหมอ”
“ไม่มีประโยชน์แล้วโซเฟีย คราวนี้ฉันคงไม่รอดแน่” มาดามหลิวกุมมือโซเฟีย “พวกเราเป็นฝ่ายแพ้”
“ไม่จริงค่ะมาดาม มาดามต้องไม่ตาย พวกเรายังมีโอกาส”
“ฟังฉันให้ดีนะโซเฟีย เธอไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างเพื่อฉันอีกแล้ว เธอควรจะเป็นอิสระมีชีวิตแบบที่เธอต้องการ”
“มาดาม”
“ฉันไม่เคยคิดว่าเธอ คือตัวแทนของลูกสาวฉันที่เสียไปแต่เธอคือลูกสาวอีกคนของฉัน...ลูกสาวที่ฉันไม่เคยทุ่มเทความรักให้เลยสักครั้ง ยกโทษให้ฉันด้วย โซเฟีย”
“มาดาม...มาดาม”
มาดามหลิวสิ้นใจลงอย่างสงบ…โซเฟียร้องไห้สะอื้นสักพักหนึ่งก่อนจะเหลือบเห็นระเบิดเวลาที่กรณ์ติดตั้งทิ้งไว้และกำลังทำงานในอีกไม่กี่วินาที โซเฟียเจ็บแค้น
“ไอ้ชาติชั่ว”
ระเบิดทำงาน กวาดล้างทุกอย่างบนชั้นเพนท์เฮาส์ของบริษัทบลูฟินิกซ์
บริเวณหน้าบ้านร้างเป็นที่เปลี่ยวปราศจากผู้คน ไอริณลืมตาขึ้นรับรู้ข่าวร้ายด้วยญาณของเธอ
“มาดามหลิวตายแล้ว พวกมันร้ายกาจมาก”
ราเมศเข้ามาสมทบ
“ถ้าท่านต้องการ ผมจะสังหารพวกมันเอง”
“เธอไม่ใช่คู่มือของพวกมันราเมศ แม้แต่ฉันเองก็เริ่มไม่แน่ใจว่าจะจัดการกับพวกมันได้”
“ถ้างั้น…”
“เราต้องหาแนวร่วม…”
ราเมศงุนงง…สภาพแบบนี้จะไปหาแนวร่วมได้ที่ไหน
ค่ำนั้นบนถนนชานเมือง รถตู้แล่นฝ่าความมืดมาอย่างรวดเร็ว แหลมกำลังนั่งอยู่บนรถด้วยท่าทีกระวนกระวายใจ...สักพักรถตู้วิ่งเข้ามาจอดในโรงชำแหละเนื้อ...แหลมกับสมุนเข้ามารายงานกับกรณ์และพวก เบื้องหน้ามีลังใส่สินค้าจำนวนหนึ่ง
“ตั้งแต่คุณมาวินตายไปตำรวจก็เข้มงวดกับพวกเรามากขึ้น อย่าว่าแต่ผลิตยาเลย เอาแค่ปล่อยขายยังลำบาก ถึงมีเงินก็จริง แต่ที่ทางเรามีจำกัด”
กรณ์เดินมามองลังใส่สินค้าแล้วมองหน้าแหลม
“ภัตตาคารนั่น มันคับแคบเกินไปสำหรับพวกแก...ที่นี่ต่างหากที่เหมาะจะเป็นฐานทัพของเรา เราจะผลิตน้ำตาสวรรค์ขายให้กับทุกคนในราคาถูกและหลังจากนี้อีกไม่นาน กองทัพของพรายพิฆาตจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง”
กรณ์หัวเราะสะใจ ในขณะที่เอมี่ วัฒน์ ยักษ์ต่างพากันแสยะยิ้ม มีเพียงลุงโจเท่านั้นที่ยังครุ่นคิดอยู่ด้วยความเป็นห่วง ส่วนพวกแหลมกับสมุนมองหน้ากันอย่างอึดอัดที่ต้องมารับใช้กรณ์
แหลมเดินนำสมุนกลับมาที่รถตู้ สมุนคนหนึ่งถามขึ้น
“จะเอายังไงพี่แหลม จะปล่อยไว้แบบนี้เหรอพี่”
“ทำไมวะ เอ็งไม่อยากได้เงินหรือไง”
“เงินน่ะอยากอยู่หรอกพี่ แต่นี่มันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะ ถึงขั้นจะสร้างกองทัพอะไรของมันก็ไม่รู้ ทำแบบนี้มันก่อการร้ายชัดๆเลย”
“ฮึย เราเองก็เป็นคนร้ายนะโว้ย เรื่องแค่นี้จะสนทำไมวะ”
“แต่เรามีลูกเมีย มีญาติพี่น้องนะพี่ ถ้าเกิดมีเหตุร้ายในบ้านเมืองขึ้นมา พี่จะให้ผมรู้สึกยังไง”
คำพูดของสมุนทำให้แหลมยิ่งรู้สึกสับสนใจ
ไฟห้องน้ำถูกเปิดสว่าง ฤทธิ์ไอโขลกๆโผเผมาที่อ้างล้างหน้าเขาวักน้ำขึ้นลูบหน้าลูบตาก่อนจะพบว่ามีเลือดติดอยู่ที่ฝ่ามือ เขาอึ้งไปเงยหน้ามองตัวเองในกระจก พบว่าตัวเองไอเป็นเลือด
“นี่เรา...กำลังจะตายจริงๆเหรอเนี่ย”
เช้าวันต่อมา...ณัฐชาเคาะประตูเรียกฤทธิ์
“คุณโทมัส นายโทมัส ฉันจะไปซื้ออาหารเช้า คุณจะไปกับฉันรึเปล่า คุณโทมัส”
ไม่มีเสียงตอบ ณัฐชาลองผลักประตูเข้าไปดูและพบว่าฤทธิ์ไม่ได้อยู่ในห้อง...ณัฐชาผลักประตูออกมาตามหาฤทธิ์หน้าบ้าน
“โทมัส”
เธอเดินออกมามองหาแต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นโซเฟียยืนอยู่ในสภาพเนื้อตัวมอมแมม ราวกับเพิ่งกลับมาจากสมรภูมิ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
โซเฟียไม่มีคำตอบ น้ำตาเอ่อท้นขึ้นมาด้วยความแค้น
ฤทธิ์อยู่ในร้านโจ๊ก อ่านข่าวหนังสือพิมพ์ด้วยความรู้สึกตกตะลึง หนังสือพิมพ์ลงรูปภาพของมาดามหลิว “ระเบิดปลิดชีพเศรษฐินีสาว คาดปมขัดแย้งทางธุรกิจ” ฤทธิ์มือไม้สั่นพับหนังสือพิมพ์วางลง ขณะที่ป้าเจ้าของร้านหิ้วถุงโจ๊กมาส่งให้
“โจ๊กได้แล้วค่ะคุณ”
ฤทธิ์หยิบเงินส่งให้ป้าเจ้าของร้าน โดยไม่รู้เลยว่าขณะนั้นมีชายหน้าเหี้ยมสองคนกำลังมองกระเป๋าสตางค์ของเขาอยู่ตาเป็นมัน
ถนนยามเช้าค่อนข้างเปลี่ยวไอหมอกลอยอยู่อ้อยอิ่ง ฤทธิ์เดินกอดอกฝ่าลมหนาวไปอย่างเหม่อลอย ระหว่างทางเขาก็คิดถึงเรื่องราวต่างๆนานาของเขากับมาดามหลิว ผู้หญิงที่ใช้เวลาเกือบค่อนชีวิตหมดไปกับการล้างแค้นและต่อกรกับพรายพิฆาต ขณะนั้นเองที่ชายหน้าเหี้ยมสองคนก็ขี่มอเตอร์ไซด์ตามมาและดักหน้าเขาเอาไว้
“ไอ้น้องชายมาเที่ยวเหรอ”
ชายอีกคนเห็นฤทธิ์ไม่ตอบ
“แถวนี้ที่เที่ยวมีเยอะ ให้พวกพี่พาเที่ยวเอามั้ยคิดค่าน้ำมันถูกๆ”
ฤทธิ์ยังคงนิ่งอยู่จนสองโจรหมดความอดทน พวกมันดับเครื่องแล้วลงจากมอเตอร์ไซด์มาหา
“ไม่ยอมพูดด้วย หยิ่งหรือไงวะไอ้น้อง”
ชายอีกคนแสดงตัวว่าเป็นคนร้ายทันที
“กระเป๋าเงินส่งมาเลยดีกว่า จะได้ไม่เสียเวลา”
ฤทธิ์มองพวกมันอย่างเย็นชา คนใกล้ตายอย่างเขาไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว
“เฮ้ย...มองหน้าดูถูกกันใช่มั้ย พวกข้าไม่ใช่โจรกระจอกนะโว้ย มีแบ็คหนุนจะบอกให้”
“รู้แล้วจะหนาว เพื่อนข้ามันเป็นสมาชิกของพรายพิฆาตโว้ย ทีนี้เอ็งกลัวรึยัง”
พอได้ยินชื่อพรายพิฆาตเท่านั้น ฤทธิ์ก็เหวี่ยงถุงฟาดหน้าโจรคนหนึ่งทันที ก่อนจะเหวี่ยงหมัดต่อยโจรอีกคนจนหน้าหัน ทว่ามันกลับไม่ล้มอย่างที่เขาคิด
“สู้เหรอมึง”
คนร้ายต่อยฤทธิ์จนกระเด็นล้มไปกับพื้น สองโจรหัวเราะกันสนุก
“ฮ่าๆ ไอ้ขี้โรคเอ๊ย แรงไม่มี ยังคิดสู้ ถุย”
“ไม่เจียมสังขาร แบบนี้ต้องกระทืบ”
ฤทธิ์กำฝุ่นดินปาใส่หน้าคนร้ายก่อนจะพุ่งเข้ารวบตัวมัน
“เฮ้ย มันบ้าแล้วโว้ย ช่วยข้าหน่อยเร็ว”
คนร้ายอีกคนรีบเข้าไปกระชากตัวฤทธิ์ออกมา คนร้ายคนแรกฉวยโอกาสรี่เข้ามาคว้าคอฤทธิ์
“เอ็งอยากเจ็บตัวใช่มั้ย ได้...ข้าจะสงเคราะห์ให้เอง”
นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 12 (ต่อ)
พวกคนร้ายช่วยกันรุมซ้อมอย่างเมามัน ฤทธิ์โดนอัดจนเลือดสาด ระหว่างนั้นเองณัฐชาที่เดินตามหาฤทธิ์ก็มาเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี
“คุณโทมัส”
ณัฐชารีบชักปืนยิงขู่ขึ้นฟ้า พวกคนร้ายพากันตกใจ
“เฮ้ยแม่มันมา หนีเร็ว”
“ฮึย ปืนกระบอกเดียว กลัวทำไมวะ เอ็งเป็นพรายพิฆาตไม่ใช่เหรอ”
“โม้โว้ย เผ่น”
สองโจรรีบขี่รถมอเตอร์ไซด์หนีไป ขณะที่ณัฐชาวิ่งเข้ามาดูอาการของฤทธิ์
“คุณโทมัส คุณเป็นยังไงบ้าง คุณโทมัส”
ฤทธิ์เห็นหน้าณัฐชาเลือนรางก่อนจะหมดสติไป
ฤทธิ์รู้สึกตัวอีกครั้งขณะที่ณัฐชากำลังประคองเข้าบ้าน และเห็นโซเฟียโผล่มาช่วยรับ
“ถึงบ้านแล้ว เดินดีๆนะคุณโทมัส”
“คุณโทมัส คุณได้ข่าวมาดามหลิวแล้วรึยัง”
ฤทธิ์สะบักสะบอมเกินกว่าจะตอบคำถาม เขาหมดสติไปอีกครั้ง สองสาวช่วยกันประคองเข้าบ้านไป ในขณะนั้นราเมศที่ซ่อนตัวอยู่ก็โผล่หน้าออกมาดู เขาพึมพำเบาๆ
“ณัฐชาคงลืมไปว่า แต่ก่อนผมเคยเป็นเจ้านายของเธอ”
ราเมศกลับมารายงานไอริณที่บ้านร้าง
“เซฟเฮาส์ของตำรวจมีที่ไหนบ้าง ผมรู้ดีกว่าเธอซะอีก”
“พวกมันมีกันแค่สามคน”
ราเมศพยักหน้า
“ท่าทางไอ้ฤทธิ์ราวีจะป่วยหนักมาก...ถ้าฆ่ามันตอนนี้ รับรองว่าสำเร็จร้อยเปอร์เซ็นต์”
“ไม่...ฤทธิ์ ราวียังมีประโยชน์สำหรับงานของเรา...ฉันจะให้นักสู้มหากาฬ กำจัดพวกของนายกรณ์แทนฉัน”
ราเมศนิ่วหน้า นึกสงสัยว่าพรายพิฆาตจะทำแบบนั้นได้ยังไง
เมธาล้างมืออยู่ในห้องน้ำกองปราบแต่แล้วก็ต้องตกใจ เมื่อมองกระจกแล้วเห็นเอมี่ยืนอยู่ข้างหลัง
“คุณ…คุณเป็นใคร เข้ามาในนี้ได้ยังไง”
“ใจเย็นๆสิคะท่าน ผู้หญิงอย่างฉันมีอะไรน่ากลัวเหรอคะ”
“ผมเคยเห็นหน้าคุณที่ไหนมาก่อน”
เอมี่ปลดกระดุมเม็ดบน เดินยั่วเย้าเข้ามาใกล้
“ค่อยๆคิดก็ได้ค่ะ บางทีเราอาจจะเคยเจอกัน…ในฝัน”
เมธารู้สึกแปลกใจ ขณะที่เอมี่ต้องระงับความรู้สึกอย่างมากที่จะไม่ดูดเลือดจากคอของเขา
“เลิกมารยาซะทีเถอะ คุณต้องการอะไรกันแน่”
เอมี่มองหน้าเมธาอย่างเหี้ยมเกรียม
ไมตรีกับปรีดากำลังเดินมาด้วยกัน ก่อนที่จะเห็นเมธาหิ้วกระเป๋าเอกสารเดินสวนมา ทั้งสองยืนตรงทำความเคารพ
“ผู้กำกับ อรุณสวัสดิ์ครับ”
“คดีมาดามหลิว มีอะไรคืบหน้ารึยัง”
“ยังไม่มีเลยครับผู้กำกับ” ไมตรีตอบคำถาม
“พวกเราเพิ่งได้รายงานเมื่อเช้านี้เองครับ” ปรีดาบอก
“เร่งมือหน่อย พวกนักข่าวกำลังสนใจคดีนี้ ถ้าปีนี้ผมอดเลื่อนขั้นล่ะก็ พวกคุณต้องรับผิดชอบ”
เมธาว่าแล้วเดินจากไป ไมตรีกับปรีดามองหน้ากันงงๆ ไมตรีสงสัย
“แปลกๆ”
“นั่นสิ ปกติไม่เคยเห็นผู้กำกับบ่นเรื่องขั้นให้ฟังเลยนะจ่า”
ไมตรีกับปรีดามัวแต่ครุ่นคิด เลยไม่ทันสังเกตเห็นเอมี่ในชุดตำรวจหญิงที่เดินตามเมธาไป
เมธาตัวปลอมเดินเข้ามาในห้องก่อนจะกลายร่างเป็นกรณ์ เขาจัดแจงเปิดคอมพิวเตอร์และพบว่ามันล็อครหัสผ่านเอาไว้ สักครู่เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เข้ามา”
เอมี่ในชุดตำรวจหญิงเดินเข้ามาตะเบ๊ะก่อนจะส่งบัตรคีย์การ์ดของเมธาให้กรณ์
“บัตรผ่านค่ะท่าน”
กรณ์ยิ้ม
“ขอบใจมาก คุณตำรวจ”
ไมตรีกับปรีดาเข้าห้องน้ำมาด้วยกัน
“ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลกนะหมู่ ผมว่าท่าทางผู้กำกับแกเปลี่ยนไปนะ”
“นั่นสิจ่า ทั้งการพูดการจา แล้วไหนจะ…”
ปรีดาชะงักไป เมื่อเห็นร่างใครบางคนนอนคว่ำอยู่
“อะไรวะเนี่ย ห้องน้ำกองปราบ มานอนเล่นได้ยังไง นี่อยู่แผนกไหนอู้งานสิท่า”
ปรีดาลองพลิกร่างดู
“อ๋อ...นี่ผู้กำกับเมธาครับจ่า”
“อ้อนึกว่าใคร” ไมตรีนึกขึ้นได้ “เย้ย ผู้กำกับอยู่นี่ แล้วไอ้ที่เดินผ่านเราไปก่อนหน้านี้ มันใครวะ”
ปรีดายืนขึ้น
“ตัวปลอม”
ไมตรีกับปรีดาถือปืนบุกเข้ามาในห้องทำงานเมธาและพบว่าไม่มีใครอยู่แล้ว ปรีดารีบปราดไปดูคอมพิวเตอร์ที่เปิดทิ้งไว้
“ว่าไงหมู่ มันได้อะไรไปบ้าง”
“รายชื่อกับแผนที่เซฟเฮ้าส์ของเรา มันเอาไปหมดเลยครับ”
“เวรแล้วไง แสดงว่าพวกมันต้องตามหาใครอยู่แหงๆ”
ปรีดาเริ่มครุ่นคิดว่าใครคือเป้าหมายของคนร้าย
ฤทธิ์นอนหลับอยู่ โดยมีณัฐชากับโซเฟียคอยเฝ้า
“อาการของเขาแย่ลง ฉันคิดว่าเขาคงอยู่ได้อีกไม่นาน”
โซเฟียมองณัฐชา
“แล้วถ้าฉันบอกว่ามีวิธีรักษาล่ะ”
ณัฐชาร้อนใจ
“มีวิธี...แล้วทำไมเธอไม่บอกแต่แรก”
โซเฟียล้วงกล่องโลหะใบหนึ่งออกมา ภายในบรรจุสารเคมีที่บรรจุในเข็มพร้อมฉีดสามเข็มด้วยกัน
“นี่คือน้ำตามัจจุราชที่บริษัทบลูฟินิกซ์สังเคราะห์ขึ้น...ไวรัสในตัวของคุณโทมัสไม่มีผลกับคนธรรมดา เพราะสิ่งที่มันกัดกินก็คือเซลส์ของมนุษย์กลายพันธุ์ แต่ถ้าเซลส์นั่นเปลี่ยนรูปแบบไปจากเดิม วงจรของไวรัสก็จะสิ้นสุดลง”
“เธอจะบ้าเหรอโซเฟีย ทำแบบนั้นเท่ากับกลายพันธุ์ซ้ำซ้อนนะ โทมัสอาจจะกลายเป็นสัตว์ประหลาดเหมือนมาวินก็ได้”
“ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันจะฆ่าเขาเอง ตอนนี้เวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว เขาต้องเลือกว่า…จะอยู่อย่างนักสู้ หรือตายอย่างคนแพ้”
โซเฟียจะฉีดยาให้ฤทธิ์ ณัฐชารีบขวาง
“ถ้างั้นก็ให้เขาเลือก ไม่ใช่เธอ”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงฤทธิ์ดังขึ้น
“ณัฐชา”
ณัฐชากับโซเฟียมองไปที่เตียง ฤทธิ์ชันกายลุกขึ้นนั่งอย่างอ่อนล้าก่อนจะแบมือ
“ส่งน้ำตามัจจุราชมาให้ฉัน”
ทั้งณัฐชาและโซเฟียต่างอึ้งไป ฤทธิ์อยู่ในสภาพอ่อนล้า มีเพียงแววตาเท่านั้นที่ยังแข็งกร้าว มันคือแววตาของนักสู้ที่ไม่เคยท้อถอยต่อความพ่ายแพ้
โซเฟียดึงเอาน้ำตามัจจุราชหลอดหนึ่งมาส่งให้ฤทธิ์ เขามองดูมันก่อนจะหันไปบอกกับณัฐชา
“เราสูญเสียมามากพอแล้ว เราจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด”
“ฉันรู้…แต่นี่มันเสี่ยงเกินไป”
“ผมไม่กลัว ที่ผ่านมาผมต่อสู้เพื่อใจทิพย์ เพื่อคนที่ตายไปแล้วผมยังทำได้ แล้วทำไมผมจะสู้เพื่อคนที่ยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้ ผมจะสู้เพื่อคนบริสุทธิ์ทุกคน”
โซเฟียพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับความมุ่งมั่นนั้น ขณะที่ณัฐชาเมินหน้าเพราะไม่รู้จะโต้เถียงยังไง
กรณ์และเอมี่กลับเข้ามาในโรงชำแหละเนื้อ หลังจากออกไปโจรกรรมข้อมูลในกองปราบ ลุงโจกับแหลมและสมุนกำลังยืนรออยู่
“แผนที่ของเซฟเฮาส์ทั้งหมดอยู่ในนี้” กรณ์ส่งอุปกรณ์เก็บข้อมูลให้
ลุงโจกดปุ่มดูแผนที่ GPS ที่ระบุตำแหน่งเซฟเฮาส์ของตำรวจตามที่ต่างๆ
“นังตำรวจนั่นต้องหนีไปไม่ไกลแน่”
กรณ์แววตาเหี้ยม
“ตามล่ามัน เด็ดหัวไอ้ฤทธิ์ ราวีมาให้ได้”
ลุงโจหันไปทางแหลม
“ทุกคนพร้อมรึยัง”
แหลมงงๆ
“เอ่อ...สรุปว่าเป้าหมายเป็นใครเหรอครับ”
เอมี่ยิ้ม
“นักสู้มหากาฬ”
แหลมกับสมุนชะงักมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ขณะที่กรณ์ยิ้มสะใจ
ลุงโจกับแหลมและสมุนขึ้นรถออกไป กรณ์กับเอมี่เดินออกมายืนส่ง ก่อนที่วัฒน์กับยักษ์จะเข้ามาสมทบ
“ไม่ประมาทไปหน่อยเหรอหัวหน้า คนแค่นั้นจะฆ่าไอ้ฤทธิ์ได้ยังไง” วัฒน์กังวล
เอมี่ยิ้ม
“มันหมดพลังไปแล้ว ไม่เห็นต้องกลัวเลยนี่”
ยักษ์ขัดขึ้น
“แต่มันมีคนคอยคุ้มกันอยู่นะ”
กรณ์ยิ้มเย็น
“ฉันรู้ ฉันเตรียมแผนสองไว้แล้ว”
ทุกคนมองมาที่กรณ์อย่างสนใจ
“คราวนี้จะได้ถอนรากถอนโคนกันซะที”
โซเฟียกับณัฐชาโต้เถียงกัน เพราะคิดคนละอย่าง
“คุณแน่ใจเหรอว่าวิธีของคุณจะได้ผล”
“ฉันไม่รู้”
“แต่เขาอาจถึงตายก็ได้นะ”
“ยังไงเขาก็ต้องตายอยู่ดี คุณจะกลัวทำไม”
“ถ้านี่เป็นคนที่คุณรัก คุณจะกล้าพูดแบบนี้รึเปล่า”
โซเฟียมองหน้า
“ผู้หมวด มาดามหลิวเพิ่งถูกฆ่า ตอนนี้ฉันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับวิธีของฉัน ก็เชิญไปห้ามเขาได้เลย แต่ฉันไม่เปลี่ยนใจแน่”
ณัฐชามองหน้าโซเฟียอย่างไม่พอใจ
ฤทธิ์นั่งมองน้ำตามัจจุราชอย่างเตรียมใจ เขานึกถึงในอดีตที่เขากับมาดามหลิวกำลังเล่นหมากรุกด้วยกัน...
“ทำไมคุณถึงไม่ลองใช้น้ำตามัจจุราช”
“เธออยากรู้ไปทำไม”
ฤทธิ์มองขามาดามหลิว
“เพราะถ้าเป็นคนอื่น เขาคงอยากเดินได้อีกครั้ง”
“ถึงน้ำตามัจจุราชจะถูกพัฒนาไปแค่ไหน แต่ผลลัพธ์ของมันก็ยังไม่ได้สมบูรณ์เต็มร้อย การกลายพันธุ์อาจเป็นผลร้ายมากกว่าผลดี”
“เหตุผลคุณมีแค่นี้เองเหรอ”
“สามีกับลูกของฉันต้องถูกฆ่าตาย ก็เพราะฉันไม่ยอมช่วยพรายพิฆาตผลิตเจ้าสิ่งนี้ ฉันไม่มีวันยอมรับมันเด็ดขาด”
ฤทธิ์เดินหมากตาของเขา ขณะที่มาดามหลิวเงยหน้ามองเขา
“ฉันไม่เหมือนเธอ ฤทธิ์ ราวีเธอเกิดมาเพื่อมัน เธอเป็นคนแรกและคนเดียวที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ทั้งๆที่น้ำตามัจจุราชยังพัฒนาไม่เต็มที่ บางที…มันอาจเป็นโชคชะตาของเธอก็ได้”
ฤทธิ์นิ่งคิด ขณะที่มือของมาดามหลิวเดินหมากไปอีกตาหนึ่ง...มันคือโชคชะตา
ฤทธิ์เมื่อคิดถึงจุดนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรำพึงออกมา
“โชคชะตา…ที่จะต้องตายและเกิดใหม่อีกครั้ง”
ฤทธิ์ตัดสินใจจรดเข็มฉีดจ่อลงที่ต้นแขน เพื่อฉีดน้ำตามัจจุราชเข้าสู่ร่างกาย เขาหลับตาลุ้นอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง…เขายังไม่พร้อม มีบางอย่างที่ต้องทำเสียก่อน
โซเฟียเพิ่งกลับเข้ามาและเห็นฤทธิ์กำลังเปิดประตูห้องของณัฐชา
“ณัฐชาอยู่ที่ไหน”
“อยู่ข้างนอก กำลัง…”
โดยไม่รอให้โซเฟียพูดจบ ฤทธิ์รีบตามออกไปทันที โซเฟียมองตามอย่างสงสัย
ฤทธิ์เดินออกมาจากบ้านพัก เขากวาดตามองหาณัฐชาสักครู่ก่อนจะเดินตรงไป...ณัฐชากำลังยืนครุ่นคิดอยู่ที่บึงด้วยความกังวลใจ แต่แล้วเธอก็หันมาและเห็นฤทธิ์กำลังเดินตรงมาที่เธอ
“คุณโทมัส”
ฤทธิ์เดินมาหยุดตรงหน้าและสวมกอดเธอไว้แนบอก
“ถ้าผมตายหรือว่าเกิดอะไรขึ้น ผมอยากให้คุณรู้เอาไว้...ถ้าชีวิตผมมีโอกาสเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ผมอยากให้คุณอยู่กับผม”
ณัฐชาอึ้งไป
“ฉันเหรอ”
ฤทธิ์เอื้อมมือลูบหน้าณัฐชา
“ผมรู้ว่ามันสายเกินไปที่จะพูดเรื่องนี้ แต่ที่ผ่านมา ผมรู้สึกดีกับคุณมาตลอด ทุกวินาทีที่คุณอยู่เคียงข้างผม”
ณัฐชากุมมือเขาเอาไว้ด้วยความตื้นตันน้ำตาซึม
“มันยังไม่สายเกิน ถ้าคุณรับปากฉัน ว่าคุณจะต้องไม่ตาย ฉันจะรอคุณ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะรอชีวิตใหม่ของคุณ เราจะเริ่มต้นทุกอย่างด้วยกัน”
กำลังใจจากณัฐชาทำให้ฤทธิ์พยักหน้าอย่างฮึดสู้ ณัฐชาโผกอดเขาอย่างใจหาย
สิงหา ไมตรี ปรีดากลับเข้ามาในออฟฟิศ เมธาเซ็นเอกสารให้ตำรวจนายหนึ่งอยู่พอเหลือบเห็นเข้าก็รีบเข้ามาถาม
“ว่าไงสารวัตร ได้เรื่องยังไงบ้าง”
“เพนท์เฮาส์บนบริษัทบลูฟินิกซ์ถูกวางระเบิดยกชั้นครับท่าน ตอนนี้เรายังไม่พบศพของมาดามหลิวกับคนสนิทแต่คิดว่าคงเสียชีวิตอยู่ในนั้น”
“ท่าทางคงเป็นฝีมือของพรายพิฆาตอีกตามเคยครับ เพราะร.ป.ภ.บอกว่าคนร้ายมันแปลงร่างได้ เหมือนกับที่เราเจอเลยครับ” ไมตรีรายงาน
เมธาครุ่นคิด
“ฆ่ามาดามหลิว ขโมยแผนที่เซฟเฮ้าส์ของเราหรือว่าสองเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกัน” เมธานึกขึ้นได้ “จริงด้วยสิ แล้วตอนนี้ติดต่อผู้หมวดณัฐชาได้รึยัง”
ปรีดาส่ายหน้า
“ปิดโทรศัพท์มือถือหายเงียบไปเลยครับ โทรไปที่คอนโดก็ไม่มีคนรับสาย อ้อ...แล้วหมอนั่นก็หายตัวไปเหมือนกันครับ”
“ใคร”
“นายโทมัส คู่ปรับของผู้หมวดไงครับ ติดต่อไม่ได้เหมือนกัน”
เมธามองหน้ากันกับสิงหาอย่างเอะใจ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นไล่เลี่ยกัน
เมธากลับมาในห้องทำงานโดยมีสิงหาตามมาด้วย
“เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นไล่เลี่ยกันแบบนี้ ผมคิดว่ามันอาจเชื่อมโยงกันก็ได้ครับ ไม่แน่ผู้หมวดณัฐชาอาจรู้ว่า อะไรคือเบื้องหลังของคดีนี้”
เมธาสงสัย
“แล้วทำไมเธอไม่รายงานพวกเรา”
สิงหาคิดๆ
“เธออาจตกอยู่ในอันตราย”
ปรีดากดโทรศัพท์อยู่วุ่นวาย กดแล้วก็กดใหม่ ก่อนจะลดโทรศัพท์ลง
“แย่แล้วจ่า”
“ผู้หมวดไม่ยอมรับสายเหรอหมู่”
“เปล่า ผมลืมเติมเงิน”
ไมตรีเซ็งเลย
“อื้อหือ คิดได้ไงวะหมู่ ทำงานแบบนี้ดันใช้ระบบเติมเงินเป็นตำรวจนะหมู่ ไม่ได้ขายกล้วยทอด”
“เอาน่าจ่า ไอ้ที่ผมหยุดโทรน่ะ มันไม่เกี่ยวกับโทรศัพท์หรอกแต่ผมนึกอะไรได้อย่างนึง”
“ว่า…”
“จ่ายังจำตอนที่ผู้หมวดณัฐชาแกถูกใส่ร้ายได้รึเปล่า ตอนนั้นผม ผมพาแกหนีไปซ่อนตัวที่เซฟเฮ้าส์หลังหนึ่ง จนป่านนี้แกยังไม่คืนกุญแจผมเลย”
สิงหาเดินออกมาได้ยินเข้าพอดี
“เซฟเฮ้าส์นั่นอยู่ที่ไหน”
ฤทธิ์นั่งอยู่บนเตียง ณัฐชาส่งกุญแจมือให้โซเฟียรับไปเตรียมพร้อม
“กันเหนียวไว้ก่อน คุณคงไม่ว่าอะไรนะ” โซเฟียบอกกับฤทธิ์
ฤทธิ์พยักหน้าเข้าใจ แล้วบอกกกับณัฐชา
“ถ้าผมฟื้นขึ้นมาแล้วไม่เหมือนเดิมล่ะก็ คุณจัดการผมได้เลย”
ณัฐชาหนักใจ
“ต้องแค่ไหนถึงจะเรียกว่าไม่เหมือน”
“ถ้าผมกลายร่างเป็นอสูรกาย หรือว่าผมจำคุณไม่ได้ คุณต้องรีบเหนี่ยวไกทันที”
ฤทธิ์ว่าแล้วชี้นิ้วที่ศีรษะเป็นการเตือนว่าต้องยิงที่หัวอย่างเดียวเท่านั้น
“เตรียมตัวได้แล้วผู้หมวด” โซเฟียตัดบท
ณัฐชาลากเก้าอี้มานั่ง ก่อนจะชักปืนออกมาตรวจดูกระสุนแล้วพยักหน้าจากนั้นโซเฟียก็จัดการล็อกข้อมือฤทธิ์ไว้กับเตียง แล้วฉีดน้ำตาสวรรค์ใส่แขนของเขาทันที ฤทธิ์ขมวดคิ้วหลับตาลงเพื่อเตรียมใจรับผลข้างเคียงที่จะติดตามมา
“อย่าลืมว่าตอนนี้ร่างกายของคุณมีไวรัสอยู่เต็มไปหมด มันกับเซลกลายพันธุ์จะต่อสู้กัน เหมือนเม็ดเลือดขาวที่ต่อสู้กับเชื้อโรคและสิ่งที่ตามมาก็คือการอักเสบภายในอย่างรุนแรง อดทนหน่อยนะ”
โซเฟียว่าแล้วก็ถอยห่างออกมา ขณะที่ณัฐชามองลุ้นๆ ฤทธิ์ยังหลับตา ขบวนการในร่างกายของเขาเกิดการผันผวนอย่างรุนแรง น้ำตามัจจุราชก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ เซลนั้นต่อสู้กับไวรัส ฤทธิ์เหงื่อกาฬไหลโทรมเริ่มแสดงความเจ็บปวดออกมาให้เห็น ณัฐชามองอาการของเขาอย่างหวั่นใจ โซเฟียหันมาเตือน
“ถ้าเกิดอะไรขึ้น คุณห้ามลังเลเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันจะจัดการกับเขาเอง”
ณัฐชาไม่โต้เถียง แต่ลึกๆได้แต่ภาวนาขออย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น
นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 12 (ต่อ)
รถของแหลมแล่นมาจอด สมุนของแหลมหอบปืนลงจากรถแล้วตรงเข้าไปที่เซฟเฮาส์ทันที ลุงโจกับแหลมตามลงมาทีหลังและรอดูสถานการณ์
สมุนของแหลมถีบประตูบุกเข้ามาในเซฟเฮ้าส์ก่อนจะพบกับความว่างเปล่า พวกสมุนของแหลมจึงพากันลดปืนลง...ลุงโจกับแหลมยังยืนรออยู่ที่รถ ก่อนจะเห็นพวกสมุนเดินกลับมา คนหนึ่งส่ายหน้าบุ้ยใบ้ให้รู้ว่าไม่พบเป้าหมาย
“วืดอีกตามเคย” แหลมหันไปบอกลุงโจ “นี่ ผมเหนื่อยแล้วนะลุง ใจคอจะค้นให้หมดจริงๆ
เหรอ ข้ามๆไปบ้างก็ได้มั๊ง”
“หน้าที่ของแกคือทำตามคำสั่ง ไม่ใช่ออกความคิดเห็น...เดินทางต่อได้แล้ว”
ลุงโจปลีกตัวไปขึ้นรถ แหลมมองตามฉุนๆ
“เฮอะ ทำอวดดีไปเหอะไอ้แก่ มีโอกาสเมื่อไหร่ข้าสอยเอ็งแน่”
ลุงโจกำลังเปิดประตูขึ้นรถ แต่แล้วมันก็ชะงักมองไปข้างหลังอย่างเอะใจแต่ก็ไม่เห็นมีสิ่งใดผิดปกติ
“ทำไมมันเสียวสันหลังวูบๆ วะ”
เงาของลุงโจสะท้อนอยู่บนแววตาของไอริณ ที่กำลังเพ่งกระแสจิตมองอยู่ สักพักแววตาดำนิลนั้นก็กลับเป็นปกติ ไอริณหันมาบอกกับราเมศ
“พวกของกรณ์กำลังออกตามล่านักสู้มหากาฬ”
“มีใครบ้าง”
“แค่สมุนปลายแถว”
“ถ้างั้นผมจัดการเอง”
เข็มนาฬิกาเดินไปอย่างเชื่องช้า โซเฟียมองมันอย่างกระวนกระวายไม่รู้ว่าผลของการใช้น้ำตามัจจุราชจะออกมาเป็นเช่นไร...ฤทธิ์นั่งขดตัวอยู่บนเตียงอย่างทรมาน โดยมีณัฐชาเฝ้ามองอย่างเอาใจช่วย ฤทธิ์จิกกรงเล็บกับแขนขาตัวเองเพื่อระบายความเจ็บปวด ณัฐชาทนเฉยไม่ไหว
“คุณโทมัส คุณเป็นยังไงบ้าง ต้องการให้ฉันช่วยรึเปล่า”
ฤทธิ์ยังคงหลับตาปี๋ จินตนาการในสมองของเขามองเห็นภาพเซลของตัวเองที่กำลังแตกตัว สลับกับภาพของไวรัสที่กำลังกัดกินเซลเหล่านั้นอย่างไม่สิ้นสุด ภาพเหล่านั้นสลับกับภาพอดีตของเขาตั้งแต่ยังเป็นทหารจนสูญเสียใจทิพย์ และกลายเป็นนักสู้มหากาฬ ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาจนสับสนเหมือนจะระเบิดสมองของเขาให้กระจุยเป็นเสี่ยงๆ ณัฐชาเป็นห่วง
“ฤทธิ์”
ฤทธิ์ตวาดไล่
“ออกไป อย่ามายุ่งกับผม”
ณัฐชาชะงักกึก แววตาของฤทธิ์เปลี่ยนสีไปแล้ว…เขาไม่ใช่คนเดิมที่เธอรู้จัก ฤทธิ์คำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะกระชากกุญแจมือจนขาด ณัฐชารีบกระเถิบหนีอย่างกลัวๆ ฤทธิ์ทิ้งตัวลงบิดไปมากับพื้น โซเฟียรีบเข้ามาดู
“เขาเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันไม่รู้เหมือนกัน แต่ถ้าสภาพแบบนี้ ฉันว่าเขาต้องทรมานแน่”
“อดทนไว้คุณโทมัส การกลายพันธุ์ครั้งที่สอง มันคงต้องเจ็บมากขึ้นเป็นธรรมดา”
ฤทธิ์กัดฟันคำรามออกมา
รถของแหลมแล่นเข้ามาจอดที่ตลาด ลุงโจเปิดประตูลงจากรถแล้วสั่งแหลม
“พวกแกรออยู่บนรถ เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ป้าเจ้าของร้านโจ๊กเจ้าเก่ากำลังขายของอยู่ ลุงโจเข้ามาถาม
“ป้า”
“จะทานโจ๊กเหรอคะคุณ เอากี่ถุงดีคะ”
ลุงโจเอานิ้วแตะริมฝีปากตัวเอง
“อย่าเอ็ดไปนะป้า ผมเป็นตำรวจกำลังตามล่าตัวผู้ต้องสงสัย”
ลุงโจหยิบรูปถ่ายออกมาสามใบ แล้วชูให้ดู
“เคยเห็นคนพวกนี้รึเปล่า”
รูปที่ลุงโจเปิดให้ดูมีรูปของฤทธิ์ ณัฐชา และโซเฟีย ป้ามองๆ
“เอ ผู้หญิงหน้าดุๆนี่ไม่เคยเห็นนะ แต่ผู้ชายกับผู้หญิงคู่นี้ ฉันว่าท่าทางคุ้นๆ”
ลุงโจยิ้มอย่างมีความหวัง
ฤทธิ์แผดร้องก่อนจะกระชากเสื้อตัวเองจนขาด ผิวหนังของเขามีริ้วรอยของเส้นเลือดแดงช้ำไปทั่วร่าง ณัฐชาตกใจ
“โทมัส คุณทนไหวรึเปล่า โทมัส คุณได้ยินที่ฉันพูดมั้ย”
ฤทธิ์ไม่ได้สนใจณัฐชาภาพในหัวของเขา เลอะเลือนจนแยกไม่ออกว่าอันไหนคือภาพหลอนและอันไหนคือความจริง ฤทธิ์พยายามจะยืนขึ้น เขาผวาหาที่ยึดเกาะ จนมือไม้ปัดแจกันแก้วน้ำตกจนมือไม้ปัดแจกันแก้วน้ำตกแตก
“ฉันว่าเขาเอาไม่อยู่แน่ เราต้องหาทางช่วยเขา” ณัฐชากังวล
“จะช่วยยังไง”
“ทำให้เขาสลบ หรือให้ยาระงับปวดก็ได้นี่”
โซเฟียส่ายหน้า
“การกลายพันธุ์อาจไม่สมบูรณ์ ถ้าเราทำแบบนั้น”
“ฉันไม่สน เขากำลังจะตาย คุณไม่เห็นหรือไง”
“เขาเคยผ่านมันมาแล้ว เขาต้องทนได้”
ความเจ็บปวดมาถึงขีดสุด ฤทธิ์แผดร้องก่อนจะล้มตึงไปกับพื้น
“คุณโทมัส”
ณัฐชาผวาไปดูอาการของฤทธิ์และพบว่า…
“หัวใจเขาหยุดเต้น”
โซเฟียถึงกับช็อกไป แม้แต่เธอก็คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นแบบนี้
โซเฟียมาที่รถ ก่อนจะเปิดท้ายรถคว้าสายพ่วงแบตเตอรี่ แล้วรีบไปเปิดฝากระโปรงด้านหน้าแล้วพ่วงสายแบตเตอรี่ทันที...ณัฐชาพยายามปั๊มหัวใจให้ฤทธิ์อย่างร้อนรน
“โทมัส อย่าตายนะ อย่าเพิ่งตาย ฟื้นสิ คุณต้องไม่ตายแบบนี้ โทมัส โทมัส”
ฤทธิ์ยังคงแน่นิ่ง ณัฐชาได้แต่ตะลึงไป ขณะที่โซเฟียเข้ามาถึง
“ผู้หมวด พาเขาออกไปข้างนอก”
โซเฟียกับณัฐชาช่วยกันแบกฤทธิ์มานอนที่หน้ารถ ณัฐชาเห็นสายพ่วงแบตเตอรี่ก็สงสัย
“คุณจะทำอะไร”
“ช๊อตหัวใจเขา”
ณัฐชาหน้าตื่น
“แบตเตอรี่รถเนี่ยนะ”
“หรือว่าคุณมีวิธีอื่น”
ณัฐชาชะงัก โซเฟียส่งปากคีบให้
“พอฉันเร่งเครื่องเมื่อไหร่ คุณช๊อตเขาได้เลย”
โซเฟียว่าแล้วจัดการสตาร์ทรถทันที ณัฐชาคว้าปากคีบขึ้นมาแล้วมอง
“มันต้องได้ผล มันต้องได้ผล ฉันไม่ยอมให้นายตายแบบนี้หรอกนายโทมัส”
โซเฟียพอสตาร์ทรถได้ก็เหยียบคันเร่ง
“เอาเลย”
ณัฐชาทิ่มปากคีบใส่บ่าของฤทธิ์เห็นเขากระตุกเฮือกขึ้นมาครั้งหนึ่ง แล้วนิ่งไปอีก
“ไม่ได้ผล”
“อีกครั้ง”
โซเฟียเหยียบคันเร่งอีก ณัฐชาทิ่มปากคีบช๊อตฤทธิ์ซ้ำอีกครั้ง คราวนี้หลังจากกระตุกฤทธิ์ก็เริ่มมีอาการขยับเขยื้อน ณัฐชายิ้มออกมาอย่างโล่งใจ โซเฟียรีบลงมาดู
“เขายังไม่ตาย”
ณัฐชาสงสัย
“แล้วน้ำตามัจจุราชล่ะ ได้ผลรึเปล่า”
โซเฟียนิ่วหน้าไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้เหมือนกัน ระหว่างนั้นสองสาวก็ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาใกล้จึงหันไปมอง และพบว่าเป็นรถของพวกลุงโจ
“งานเข้าอีกจนได้” โซเฟียชะงัก
ณัฐชาเซ็งๆ
“งานช้างซะด้วย”
พูดไม่ทันขาดคำสมุนของลุงโจก็กราดยิงใส่โซเฟียกับณัฐชา สองสาวรีบหมอบก่อนที่ณัฐชาจะชักปืนออกมายิงสกัดพวกมัน จนต้องจอดรถและกรูกันลงมาตั้งป้อมยิง ลุงโจตะโกนลั่น
“เจอตัวมันแล้วโว้ย ฆ่ามันให้หมด”
แหลมชะเง้อมองไปเห็นโซเฟียกับณัฐชาประคองฤทธิ์ขึ้นรถ
“ผู้หญิงกับคนเจ็บเนี่ยนะลุง”
ลุงโจกระชากคอ
“ทำตามคำสั่ง อย่าเรื่องมาก”
แหลมฉุนๆ หันไปโวยลูกน้อง
“อ้าวเฮ้ย ได้ยินคำสั่งแล้วใช่มั้ย โชว์ความแมนหน่อยโว้ย ถล่มผู้หญิงกับคนเจ็บ เร็ว”
โซเฟียกับณัฐชาช่วยกันประคองฤทธิ์ขึ้นนอนที่เบาะหลัง ณัฐชาหันไปยิงสกัด โซเฟียหันมาบอก
“รอก่อน ฉันต้องไปเอาของ”
โซเฟียวิ่งกลับเข้าบ้านไป ณัฐชาพยายามห้าม
“เราต้องรีบหนีนะโซเฟีย”
โซเฟียเข้าบ้านไปแล้ว ณัฐชาได้แต่ขัดใจ ได้ยินเสียงปืนดังระงม
โซเฟียกลับเข้ามาในบ้านพักตากอากาศ แล้วหยิบเอาน้ำตามัจจุราชที่เหลือพกติดตัวไป รวมทั้งอาวุธปืนกับเครื่องกระสุนที่ขนมาก่อนหน้านี้ ใส่เป้สัมภาระ โซเฟียจะกลับออกไปแต่เหลือบเห็นเสื้อแจ็กเก็ตของฤทธิ์ที่แขวนอยู่ ก็คว้าติดมือไปด้วย
แหลมและสมุนกำลังยิงใส่ ณัฐชาทำได้แค่เพียงยิงสกัดไม่ให้พวกคนร้ายรุกคืบเข้ามาใกล้ จึงโดยพวกมันเป็นฝ่ายยิงถล่มใส่ซะมากกว่า
“โซเฟีย เราต้องไปแล้ว” ณัฐชาตะโกน
ลุงโจหาที่กำบังหลบกระสุนและกดโทรศัพท์บอกกรณ์
“เจอตัวมันแล้วหัวหน้าท่าทางไอ้ฤทธิ์ราวีจะเจ็บหนัก มันหนีไม่พ้นแน่”
โซเฟียออกมาจากบ้าน พร้อมกับอาวุธหนักในมือเธอกราดยิงใส่พวกของแหลมเพื่อเปิดทางหนี
“ออกรถ”
ล้อรถหมุนพรืดตะกุยพื้นฝุ่นตลบ รถของณัฐชาขับพาโซเฟียกับฤทธิ์หนีอีกทาง
“ลุง มันหนีไปแล้ว”
“รีบตามไป”
ลุงโจ แหลมและสมุนรีบขึ้นรถขับตามรถของณัฐชาไป
ณัฐชาขับรถหนี โดยมีรถของคนร้ายไล่ตามมาติดๆ พวกมันสาดกระสุนไล่ตามหลังจนกระจกรถแตก เศษกระจกร่วงกราวใส่ร่างของฤทธิ์ที่นอนไม่ได้สติอยู่ตรงเบาะท้ายรถ ร่างของเขามีเสื้อแจ็กเก็ตคลุมอยู่
“เราหนีไม่ทันแน่”
“ขับไป ฉันจัดการเอง”
โซเฟียโผล่หน้าไปทางหน้าต่างแล้วกราดยิงใส่รถคนร้าย ลุงโจ แหลมและสมุนหลบกระสุนกันจ้าละหวั่น แหลมโวยวาย
“เฮ้ย นังนี่ มันไม่กลัวตายหรือไงวะ”
“คนสนิทของมาดามหลิว มันเคยเล่นงานข้าซะอ่วมคราวนี้แหละ ข้าต้องเอาคืนให้ได้” ลุงโจเคียดแค้น
สมุนของแหลมสาดกระสุนใส่รถของณัฐชาหนักกว่าเดิม จนโซเฟียไม่สามารถโผล่หน้ามายิงตอบโต้ได้อีก เธอรีบหลบเข้ามาในรถ ขณะที่ณัฐชาก็ต้องขับรถไปก้มหัวหลบกระสุนไปด้วย ณัฐชากังวลใจ
“ขืนไล่บี้กันต่อไป เราเสร็จมันแน่”
โซเฟียคิดๆ
“เลี้ยวกลับไปที่บึง”
“อะไรนะ”
“ที่นั่นมีเรือจอดอยู่ ถ้าเราพาคุณโทมัสข้ามฝั่งไป พวกมันตามไม่ทันแน่”
ณัฐชาตัดสินใจหักพวงมาลัยเลี้ยวลงป่าหญ้าข้างทางทันที แหลมตกใจ
“มันเปลี่ยนเส้นทางแล้วลุง”
“นังตัวแสบ มีแผนอะไรของมันวะ”
รถของแหลมขับไล่ล่ารถของณัฐชาลงไปในป่าหญ้าข้างถนน...ป่าหญ้าข้างทางพื้นผิวค่อนข้างขรุขระ โซเฟียเหลียวมองไปด้านหลังก็เห็นรถของพวกคนร้ายยังตามจี้มาติดๆ
“ผู้หมวด ฉันฝากคุณโทมัสด้วยนะ”
“นี่เธอพูดอะไรของเธอ มาฝากอะไรตอนนี้”
“เราหนีไม่พ้นแน่ ต้องมีใครสักคนถ่วงเวลาพวกมัน”
“ไม่นะโซเฟีย”
“ต้องใช่สิผู้หมวด ผู้ชายคนนี้คือความหวังสุดท้ายของพวกเรา”
โซเฟียเห็นจังหวะรถแล่นช้าลงก็คว้าเป้สัมภาระก่อนจะเปิดประตูแล้วทิ้งตัวออกไปจากรถ ณัฐชาพยายามจะคว้าไว้แต่ก็ไม่ทัน
“โซเฟีย”
โซเฟียกลิ้งตัวออกไปนอกรถ เธอเหลือบเห็นณัฐชาทีเหลียวหลังมามอง ก็ยิ้มให้อย่างเยือกเย็นก่อนจะหันไปมองรถของคนร้ายที่กำลังไล่ตามมา โซเฟียยกปืนสองมือขี้นกระหน่ำยิงใส่รถของคนร้าย จนคนขับสิ้นใจคาที่ ทำให้พวกมันต้องจอดรถและลงมาตั้งด่านปะทะอีกครั้ง แหลมโมโห
“โธ่เว้ย นังนี่ มันจะห้าวไปถึงไหนกันวะ”
“กะอีแค่ผู้หญิงคนเดียว มันจะหนังเหนียวก็ให้รู้ไป เฮ้ย...ถล่มมันเข้าไป ฆ่ามันให้ได้”
คนร้ายกระหน่ำยิงใส่ โซเฟียตีลังกาหลบเข้าที่กำบัง
ณัฐชาขับรถมาจอดใกล้สะพานไม้เล็กๆสำหรับเทียบเรือ เธอรีบพยุงฤทธิ์ลงจากรถ
“มากับฉันคุณโทมัส แข็งใจไว้นะ”
ณัฐชาประคองฤทธิ์ไปที่สะพาน แต่แล้วก็มีเสียงวัฒน์เรียกดังขึ้น
“ผู้หมวด”
ณัฐชาขนลุกซู่ ชะงักหันมองกลับไปและเห็นวัฒน์กับยักษ์ที่ซ่อนตัวหลังต้นไม้ ปรากฏตัวขึ้น วัฒน์แสยะยิ้ม
“นึกอยู่แล้วเชียวว่าคุณต้องหนีมาทางนี้”
ยักษ์ยิ้มเย้ย
“ยอมแพ้ซะดีๆ คุณตำรวจ จะได้ไม่เสียเวลา”
ณัฐชามองหน้าวัฒน์กับยักษ์อย่างลุ้นระทึก ก่อนจะตัดสินใจชักปืนออกมายิงใส่พวกมัน วัฒน์ชักดาบออกมาปัดกระสุนอย่างรวดเร็ว
“แก…” ณัฐชาตะลึง
“แกเลือกเองนะ นังโง่”
วัฒน์พูดจบก็ควงดาบพุ่งเข้าแทงใส่ณัฐชาแต่แล้วก็มีคมดาบอื่นมาปัดป้องมันออกไป ณัฐชาอึ้งไป
“ราเมศ”
วัฒน์ตะลึง
“บอส”
ยักษ์ชะงักอึ้ง
“บอส”
ราเมศปรากฏตัวขึ้น
“หนีไป ทางนี้ฉันจัดการเอง”
ณัฐชายังงงอยู่
“บอกให้หนีไป”
ณัฐชาได้สติรีบพาฤทธิ์ไปที่เรือทันที ฤทธิ์ที่ยังอยู่ในอาการสะลึมสะลือเหลียวมองมาที่ราเมศอย่างประหลาดใจ
“ไอ้พวกทรยศ พวกแกจะต้องถูกลงโทษ” ราเมศชี้หน้าวัฒน์และยักษ์
วัฒน์จ้องหน้า
“ไม่ใช่ความผิดของเรานะบอส เราจำเป็นต้องทำแบบนี้”
ยักษ์เสริม
“โลกใหม่ไม่ใช่ของพรายพิฆาตอีกแล้ว แต่เป็นของพวกเรา”
“ไอ้พวกหน้าโง่ ตายซะเถอะ”
ราเมศเข้าต่อสู้กับยักษ์และวัฒน์อย่างดุเดือด ขณะที่ณัฐชาพยายามสตาร์ทเครื่องเรือแต่มันก็ไม่ยอมติดโดยง่าย
“โธ่เว้ย ติดซะทีสิ เร็วเข้า ติดสิ”
โซเฟียปักหลักยิงสู้กับพวกลุงโจจนกระสุนหมด เธอพยายามควานหากระสุนสำรองในกระเป๋าเป้แต่ก็ไม่พบ
“บ้าจริง”
ลุงโจเฝ้าดูการต่อสู้อยู่ในขณะนั้นก็เริ่มเอะใจ จึงชูมือห้ามพวกแหลมให้หยุดยิง
“เฮ้ย หยุดยิงก่อน”
“ทำไมเหรอลุง”
“เสียงปืนมันเงียบไปแล้ว”
ลุงโจยิ้มเหี้ยมออกมาเมื่อเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรีบล้วงเอาระเบิดไปป์บอมบ์ส่งให้แหลมหลายท่อนด้วยกัน
“ไอ้แหลมเอ็งแบ่งคนไปดักไอ้ฤทธิ์ที่บึง ทางนี้ข้าจัดการเอง”
แหลมพยักหน้าแล้วชี้ไปที่สมุนสองสามคนก่อนจะนำพวกมันขึ้นรถขับไปอีกทาง ทิ้งให้ลุงโจกับสมุนอีกส่วนหนึ่งคอยคุมเชิงบริเวณนั้น ลุงโจโบกมือให้สมุนรุกคืบไปหาโซเฟีย...โซเฟียได้ยินเสียงรถ ก็โผล่หน้าออกมาดูเห็นแหลมพาคนจำนวนหนึ่งจากไป ในขณะที่สมุนอีกส่วนซึ่งอยู่กับลุงโจถือปืนย่องตรงมาหาเธอ โซเฟียชักมีดพกออกมาจากซองพก มองอย่างเด็ดเดี่ยว
ณัฐชาสตาร์ทเครื่องเรือจนติดแล้วขับพาฤทธิ์หนีไปอย่างรวดเร็ว ยักษ์และวัฒน์พยายามฝ่าราเมศเพื่อไปขัดขวางณัฐชา แต่ก็ถูกราเมศสกัดไว้
“มันเป็นศัตรูของพวกเรา จะช่วยมันทำไม”
“คำสั่งของพรายพิฆาต พวกแกไม่มีสิทธิ์ขัดขวาง”
ยักษ์สวน
“พรายพิฆาตไม่ใช่พระเจ้าอีกแล้ว พวกเราต่างหากที่เป็น”
“ไอ้ทรยศ”
ราเมศโผเข้าเล่นงานยักษ์และวัฒน์อย่างดุเดือด ณัฐชาขับเรือข้ามบึงไป แต่แล้วเธอก็สังเกตเห็นรถของแหลมขับเรียบริมบึงไล่ตามมา เหมือนจะอ้อมไปดักอีกฟาก
“ไอ้พวกบ้า มันจะตามไปถึงไหนกัน”
ฤทธิ์ปรือตามองณัฐชาอย่างอ่อนแรง ระหว่างนั้นเส้นเลือดตามผิวหนังของเขาก็แดงก่ำจนเห็นเป็นรูปร่าง การกลายพันธุ์ยังดำเนินต่อไป
สมุนของลุงโจรุกคืบเข้าเล่นงานโซเฟีย แต่แล้วโซเฟียก็โผล่พรวดออกมาใช้มีดเล่นงานพวกมัน พอเก็บคนหนึ่งได้ก็ทิ้งตัวซ่อนหายไปในพงหญ้า หลีกลี้หนีคมกระสุนจากสมุนคนอื่นไปอย่างรวดเร็ว ลุงโจเฝ้ามองดูเหตุการณ์อย่างเจ็บแค้นก่อนจะล้วงเอาระเบิดไปป์บอมบ์แท่งหนึ่งออกมา
“นังตัวแสบ ฤทธิ์เยอะนักใช่มั้ย”
ลุงโจปลดสลักก่อนจะปาระเบิดออกไปตกที่ข้างๆโซเฟีย ระเบิดลั่นตูมร่างโซเฟียถลาไปตามแรงอัดอันมากมายมหาศาลนั้น
“เสร็จกูล่ะมึง เสร็จกู” ลุงโจสะใจ
ณัฐชาเห็นอีกฝั่งของบึงอยู่อีกไม่ไกลแล้ว
“อดทนหน่อยนะคุณ จะถึงฝั่งแล้ว”
แหลมเห็นเข้าตะโกนบอกสมุนที่เป็นคนขับ
“เร่งหน่อยสิโว้ย มันจะถึงฝั่งอยู่แล้ว”
“ไม่ทันแล้วพี่แหลม นี่เร่งเต็มที่แล้ว”
“เวรเอ๊ย...จอดรถเลย จอดรถ ข้าจัดการเอง”
รถจอดพรืด แหลมลงจากรถมาพร้อมกับระเบิดไปป์บอมบ์ของลุงโจ
“นังบ้า จะหนีพ้นก็ให้มันรู้ไป”
แหลมปลดสลักระเบิดก่อนจะปาออกไปสุดแรง ระเบิดลูกแรกพลาดเป้าหมาย แหลมปาลูกที่สองอย่างต่อเนื่อง คราวนี้แรงระเบิดซัดเรือจนพลิกคว่ำร่างของณัฐชากับฤทธิ์ร่วงตกลงไปในน้ำ
“ย๊ากโดนโว้ย โดน ฮ่าๆ พวกเอ็งตายแน่ ”แหลมสะใจก่อนจะหันไปสั่งสมุน “ไปโว้ย ไปจัดการมัน”
นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 12 (ต่อ)
แหลมรีบกลับขึ้นรถแล้วขับไปยังจุดเกิดเหตุทันที ณัฐชาจมอยู่ใต้น้ำพอได้สติเธอก็รีบหันมองหาฤทธิ์แล้วดำไปฉุดร่างเขาเอาไว้ก่อนที่จะจมสู่ก้นบึง แต่ทันทีที่คว้ามือเขาสิ่งที่คาดไม่ถึงก็บังเกิดขึ้น ฤทธิ์ลืมตาโพลงขึ้นมา…แววตานั้นเป็นสีเหลืองอร่ามราวกับดวงตาของเสือร้าย เขาคำรามลั่นก่อนจะเหวี่ยงร่างณัฐชาออกไปให้พ้น ร่างของณัฐชาลอยละลิ่วจากน้ำมากระแทกพื้นริมฝั่งจนจุก เธอแข็งใจข่มความเจ็บปวดก่อนจะหันไปมองที่บึงอย่างงุนงง
“โทมัส”
ไม่มีเสียงตอบ…ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฤทธิ์
วัฒน์โดนราเมศถีบจนกระเด็น ยักษ์รีบควงดาบเดินป่าของมันเข้าไปช่วย แต่กลับโดนราเมศปัดดาบจนกระเด็นก่อนจะจ้วงดาบแทงใส่ท้องเข้าเต็มๆ เล่นเอายักษ์แผดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“ข้าจะเอาเลือดของพวกแกมาสังเวยพรายพิฆาต”
ยักษ์คำรามก่อนจะฉุดข้อมือของราเมศเอาไว้ หันไปบอกวัฒน์
“ฆ่ามัน”
ราเมศตะลึงงันเพราะไม่คิดว่าจะเจอกลยุทธเช่นนี้ วัฒน์พลิกตัวกลิ้งมาก่อนจะใช้ดาบซามูไรคู่มือของมันฟันใส่หน้า ราเมศแผดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ดวงตาข้างหนึ่งโดนเฉือนจนบอดสนิท
โซเฟียโดนระเบิดจนเลือดโทรมร่าง เธอเหลือบไปมองเป้สัมภาระคู่กายที่หล่นอยู่เห็นน้ำตามัจจุราชที่พกมาแตกไปหลายหลอด…เหลือเพียงหลอดเดียวที่ยังคงใช้การได้ เธอคลานไปหาน้ำตามัจจุราชนั้น ลุงโจนำสมุนค้นหาโซเฟียอย่างบ้าคลั่ง
“มันอยู่แถวนี้ หามันให้เจอ เร็วเข้า เร็ว”
โซเฟียคลานมาคว้าหลอดน้ำตามัจจุราชเอาไว้หมับ...ลุงโจกับสมุนต่างพากันหยุดชะงักเมื่อเห็นโซเฟียซึ่งโดนระเบิดจนเลือดท่วม ลุกขึ้นยืนโงนเงนอย่างสิ้นแรง ลุงโจสะใจ
“นังตัวแสบ”
โซเฟียเงยหน้ามองท้องฟ้า
“มาดาม ยกโทษให้ฉันด้วย”
ลุงโจสั่งเสียงเหี้ยม
“ฆ่ามัน”
พวกสมุนกราดยิงใส่โซเฟียจนพรุนไปทั้งร่าง โซเฟียล้มลงขาดใจคาที่ แววตายังคงมองท้องฟ้าโดยมีคราบน้ำตาเอ่อล้นอยู่ก่อนที่เปลือกตาจะค่อยๆปิดลง
อีกฝั่งของบึง ณัฐชาคลานตะเกียกตะกายอย่างอ่อนแรง ครั้นพอจะลุกขึ้นก็ล้มกลับไปอีกเพราะพิษของระเบิด ขณะที่แหลมกับสมุนพาพวกมาถึง
“จ๊ะเอ๋คุณตำรวจ หมดฤทธิ์แล้วสิท่า”
“แก…ไอ้เลว…”
“โอ้ยเจ็บ เหน็บเข้าไปถึงทรวง จะด่าทำไมให้เมื่อยเจ๊ เลวน่ะชื่อเล่นผมเลยเจ๊ ด่ายังไงก็ชิลๆเสมอ ฮ่าๆ” แหลมนึกขึ้นได้ “แล้วไอ้ฤทธิ์ ราวี ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน”
พูดไม่ทันขาดคำ ฤทธิ์ก็กระโจนจากน้ำขึ้นมาบนฝั่งด้วยพละกำลังอันมหาศาล แต่เขาไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว กล้ามเนื้อมีเส้นเลือดสีแดงก่ำไปทั่ว นี่ไม่ใช่นักสู้มหากาฬหากแต่เป็นอสูรร้ายตนหนึ่ง ทั้งณัฐชาและพวกของแหลมต่างมองอย่างตกตะลึง
“เฮ้ย ไหนเจ้านายบอกว่ามันป่วยอยู่ไง”
ณัฐชาอึ้ง
“โทมัส”
ฤทธิ์หันมาคำรามใส่พวกของแหลม เล่นเอาแหลมและสมุนเริ่มใจคอไม่ดี
ราเมศกุมแผลที่หน้าถอยโซเซไปทางหนึ่ง วัฒน์ควงดาบซามูไรตาม
“นี่เหรอหัวหน้าสาขาของพรายพิฆาต จนตรอกแล้วสิท่า”
“ไอ้ทรยศ ถ้าข้าไม่เจ็บอยู่ล่ะก็ พวกแกอย่าหวังเลยว่าจะมีวันนี้”
“ไม่ต้องอ้างโน่นอ้างนี่ให้เสียเวลาบอส ได้เวลาปิดเกมกันแล้ว ซาโยนาระ”
วัฒน์เงื้อดาบขึ้นจะฟันใส่ราเมศ แต่แล้วก็มีคลื่นพลังลูกหนึ่งพุ่งเข้ามากระแทกร่างของมันจนกระเด็น ยักษ์ตกใจ
“ไอ้วัฒน์”
วัฒน์พอตั้งหลักได้ก็หันมองไป เห็นพรายพิฆาตในร่างของไอริณปรากฏตัวขึ้น ไอริณบอกกับราเมศ
“เราต้องไปจากที่นี่”
ไอริณยื่นมือให้ ทันทีที่ราเมศคว้ามือเธอร่างของทั้งคู่ก็เลื่อนหายไป วัฒน์ตะลึง
“พรายพิฆาต”
“มันเป็นผีหรือเป็นคนกันแน่”
วัฒน์กับยักษ์ได้แต่งุนงง แต่ราเมศกับไอริณได้หายไปแล้ว
อีกฝั่งของบึง ณัฐชายังนั่งตะลึงกับที่ ขณะที่แหลมและสมุนยังจดๆจ้องๆดูฤทธิ์อยู่
“ไม่ต้องกลัว หัวหน้าบอกว่ามันป่วยอยู่ มันมือเปล่าจะทำอะไรเราได้ จัดการ” แหลมแข็งใจ
สมุนของแหลมรีบยกปืนกระหน่ำยิงใส่ทันที ฤทธิ์ยืนนิ่งอยู่กับที่ แต่ร่างนั้นเลือนหายวูบวาบหลบกระสุนไปมา พลังของเขาตอนนี้พัฒนาจนเหมือนกับบอสหรือราเมศที่สามารถเคลื่อนย้ายเซลส์ของตัวเองได้ แหลมและสมุนสาดกระสุนกันจนเกลี้ยง แต่ฤทธิ์ไม่เป็นอะไรเลย
“นรกแล้วไง เผ่นโว้ย”
แหลมสวมบทผู้นำ…วิ่งนำสมุนหนีตายกลับไปที่รถ ฤทธิ์คำรามอีกครั้งก่อนจะเลือนร่างหายไปดักหน้าพวกแหลมใช้มือเปล่าฆ่าพวกแหลมทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บางคนโดนฤทธิ์ใช้ฝ่ามือแทงทะลุหัวใจ บางคนโดนหักคอ บ้างก็โดนเหวี่ยงไปกระแทกต้นไม้ ทุกอย่างโหดเหี้ยมจนแม้แต่ณัฐชาก็ไม่อาจทนรับได้
“อย่าโทมัส...อย่า...”
สายไปแล้วชั่วพริบตาสมุนของแหลมก็ตายจนหมดเกลี้ยง เหลือแต่แหลมที่ยืนตาค้างปากคอสั่น พอเห็นฤทธิ์มองมาที่มัน ก็รีบคุกเข่าพนมมือไหว้ทันที
“พี่ครับ ยกโทษให้ผมด้วย ผมโดนพวกคนร้ายมันบังคับให้ทำแบบนี้ พี่ปล่อยผมไปเถอะครับ ผมสาบาน ว่าผมจะกลับตัว ต่อไปผมจะไม่ทำเรื่องชั่วอีกแล้ว”
ฤทธิ์ในยามเป็นอสูรกายนั้นเอียงหน้ามองแหลมอย่างคุ้นตา ภาพในความทรงจำแหลมทำเรื่องชั่วช้ามากมาย ที่สำคัญคือมันเป็นคนฆ่าใจทิพย์
“พี่...พี่ปล่อยผมไปนะ ผมกลัวแล้ว”
ฤทธิ์ยกมือสองข้างประกบศีรษะแหลมเอาไว้ ณัฐชาตะโกนห้าม
“โทมัส อย่าฆ่าเขา”
ฤทธิ์คำรามอย่างดุดันก่อนจะบดฝ่ามือเข้าหากัน เลือดแหลมสาดกระเซ็นไปรอบบริเวณ เขาบดขยี้หัวของแหลมจะจนแตกเหมือนลูกแตงโม ร่างซึ่งไร้ศีรษะและวิญญาณของแหลมล้มตึงลงกับพื้น ณัฐชาถึงกับร้องไห้ออกมา
“โทมัส คุณทำอะไรลงไป คุณกลายเป็นอะไรไปแล้ว”
ฤทธิ์ยังยืนนิ่ง
“โทมัส...ฤทธิ์ ราวี”
ฤทธิ์หันมามองณัฐชาอย่างเหี้ยมเกรียม เขาไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว จะดีจะร้ายที่ผ่านมาฤทธิ์ก็เป็นคนดีสำหรับณัฐชาเสมอ เธอนึกถึงคำพูดสุดท้ายที่เขาสั่งเสียกับเธอ...
“ผมกลายร่างเป็นอสูรกาย หรือว่าผมจำคุณไม่ได้ คุณต้องรีบเหนี่ยวไกทันที”
ณัฐชาร้องไห้ก่อนจะยกปืนเล็งใส่เขาด้วยสองมืออันสั่นเทา ฤทธิ์พอเห็นปืนก็เดินเข้าหาณัฐชาอย่างประสงค์ร้าย ณัฐชาร้องไห้
“อย่าเข้ามา ฉันขอร้อง อย่าทำแบบนี้เลย อย่าบังคับฉันแบบนี้”
ฤทธิ์ยังคงเดินเข้ามา ณัฐชาแผดร้องทั้งน้ำตาก่อนจะเหนี่ยวไกยิงใส่เขา คมกระสุนฉีกเข้าร่างจนฤทธิ์ชะงักไป แต่ก็ยังเดินเข้ามาอีก ณัฐชาร้องไห้
“ฉันไม่อยากฆ่าคุณ ฉันไม่อยากฆ่าคุณ”
แววตาที่เป็นสีเหลืองดุดันนั้นเหมือนจะอ่อนแรงลง ฤทธิ์เหมือนจะได้สติขึ้นมาวูบหนึ่ง เขาเดินไปตรงหน้าณัฐชาก่อนจะย่อตัวลง แล้วคว้ามือเธอให้เล็งปืนใส่ศีรษะของเขา ทางเดียวที่จะยุติอำนาจของน้ำตามัจจุราชลงได้ ณัฐชาร้องไห้
“ไม่…ฆ่าฉันเถอะ ฉันทำไม่ได้”
ดวงตาของฤทธิ์มีน้ำตาไหลออกมา เขาประคองปืนในมือณัฐชาให้จ่อเข้าที่กลางหน้าผาก ณัฐชาร้องไห้น้ำตาไหลพราก
“ฉันรักคุณ ยกโทษให้ฉันด้วย”
นิ้วของณัฐชากำลังจะเหนี่ยวไก แต่แล้ว…คลื่นพลังจากไอริณหรือพรายพิฆาตผลักร่างของณัฐชาจนกระเด็นไปกระแทกต้นไม้หมดสติไป ร่างของไอริณและราเมศปรากฏตัวขึ้น ฤทธิ์หันคำรามใส่ทั้งคู่ ไอริณรีบปล่อยพลังสะกดฤทธิ์อย่างรุนแรง ทุกอย่างดับวูบไป
รถแล่นมาจอดหน้าบ้านพักตากอากาศ สิงหา ไมตรี ปรีดาก้าวลงมาจากรถ สิงหามองไปที่เซฟเฮ้าส์แล้วเดินตรงเข้าไปอย่างลุ้นระทึก ไมตรีโฉบมาสะกิด
“เตรียมอาวุธไว้ด้วยครับสารวัตร ข้างในอาจมีเหตุร้ายรออยู่”
สิงหาชักปืนมาเตรียมพร้อม พอเดินไปไม่ถึงครึ่งก้าว...ปรีดาก็โฉบมาสะกิด
“ใส่เสื้อเกราะด้วยครับสารวัตร ข้างในอาจมีเหตุร้ายรออยู่”
สิงหารับเสื้อเกราะมาแต่ไม่ใส่ ตั้งใจจะรีบเดินเข้าไปดูข้างในไวๆ ไมตรีโฉบมาอีก
“ไม่รอกำลังเสริมก่อนเหรอครับสารวัตร”
ปรีดาเข้ามา
“เสี่ยงตายแบบนี้ โทรบอกทางบ้านรึยังครับ”
สิงหาโมโห
“โว้ย หมู่จ่าจะกวนผมไปถึงไหน คนกำลังใช้สมาธิ”
ไมตรียิ้มแหยๆ
“แหมก็ผมเป็นห่วงความปลอดภัยของสารวัตรนี่ครับ”
“นั่นสิครับ ไอ้ที่ทักเนี่ย หวังดีนะครับ”
สิงหาเซ็งจัด
“เอาล่ะ ผมเข้าใจ แต่ช่วยหยุดหวังดีสักแป๊บนึงนะ ขอผมเข้าไปดูข้างในก่อน”
ปรีดากับไมตรีขยับประจำที่ปล่อยให้สิงหานำหน้าไป
ประตูถูกแง้มออก สิงหา ไมตรี ปรีดาค่อยๆโผล่หน้าเข้ามาดูและพบกับความว่างเปล่าภายใน ปรีดามองรอบๆ
“ท่าทางจะไม่มีคนอยู่ครับสารวัตร”
ไมตรียิ้มๆ
“ตามระเบียบครับสารวัตร ตำรวจมาสายเสมอ คนร้ายโกอินเตอร์กันไปหมด”
สิงหาเซ็ง
“โธ่เว้ย แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ตกลงหมวดณัฐชา อยู่ที่ไหนกันแน่”
ไอริณยืนเหม่อมองอย่างใช้ความคิดอยู่หน้าบ้านร้าง ราเมศเข้ามารายงาน
“ท่านพรายพิฆาต ทุกอย่างพร้อมแล้ว”
ไอริณหันมาเห็นหน้าราเมศที่ยังเป็นแผลก็ใจหาย เอื้อมมือไปแตะอย่างสังเวช
“น้ำตามัจจุราชกำลังหมดฤทธิ์ ดวงตาข้างนี้คงไม่มีทางรักษา”
“เพื่ออุดมการณ์ของเรา อย่าว่าแต่ตาข้างนี้เลย ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตข้าก็ยินดี”
ไอริณพยักหน้าอย่างภูมิใจในตัวราเมศ
ณัฐชาฟื้นคืนสติขึ้นมาอีกครั้งและพบว่าตัวเองถูกมัดอยู่กับเก้าอี้ ขณะที่ฤทธิ์กำลังนอนหลับอยู่ที่โซฟา
“โทมัส”
ไอริณเดินนำราเมศเข้ามา
“ไม่ต้องห่วง ตอนนี้เขาปลอดภัย”
“ไอริณ”
ราเมศมองไอริณ แล้วบอก...
“พรายพิฆาตต่างหาก”
ณัฐชาจ้องหน้า
“จับเรามาที่นี่ทำไม เธอต้องการอะไรกันแน่”
ไอริณบุ้ยหน้าไปที่ฤทธิ์
“ฉันต้องการช่วยเขา”
“โกหก”
“เชื่อเถอะ ฉันมีความจำเป็นบางอย่างถึงต้องทำแบบนี้ มีแต่เขาเท่านั้นที่จะหยุดพวกกบฏลงได้”
ณัฐชาชะงัก
“พวกกบฏ เธอหมายถึงใคร”
โรงชำแหละเนื้อยามค่ำคืน...กรณ์กับเอมี่ยืนรออยู่ในขณะที่วัฒน์ ยักษ์ และลุงโจกลับมาในสภาพสะบักสะบอม กรณ์กวาดตามอง
“อย่าบอกนะว่าพวกแกคว้าน้ำเหลว”
วัฒน์หน้าสลด
“ไม่ใช่ความผิดของพวกเรานะหัวหน้า”
ยักษ์โพล่งออกมา
“พรายพิฆาตกับบอสเป็นคนช่วยฤทธิ์ราวี”
ลุงโจหน้าเครียด
“ที่แย่กว่านั้นก็คือมันกำลังหายป่วย พวกของไอ้แหลมโดนมัน ฆ่าตายจนหมด”
เอมี่แปลกใจ
“เป็นไปได้ยังไง หรือว่ามันจะร่วมมือกับพรายพิฆาต”
กรณ์หน้าเหี้ยมเกรียม
“สงครามเปิดฉากขึ้นแล้วเอมี่ เราต้องรีบตัดกำลังของพรายพิฆาต ทำลายกองทัพของมันให้หมด”
บริเวณซึ่งเคยเป็นสมรภูมิเมื่อตอนกลางวันบัดนี้เหลือเพียงศพของโซเฟียที่นอนจมกองเลือดอยู่ โซเฟียผู้น่าสงสาร…ทันใดนั้นเองศพของโซเฟียก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง ดวงตานั้นแดงฉานด้วยอำนาจจากน้ำตามัจจุราช
ก่อนหน้านี้หลายวันที่ผ่านมา โซเฟียอยู่ในห้องทดลองบริษัทมาดามหลิว เธอกำลังถือหลอดใส่น้ำตามัจจุราช มาดามหลิวเข้ามาพบเข้า
“ทำอะไรน่ะโซเฟีย”
โซเฟียตกใจเมื่อเห็นมาดามหลิวในมือของเธอมีหลอดใส่น้ำตามัจจุราชอยู่
“มาดาม”
“น้ำตามัจจุราช นี่เธอมีแผนอะไรกันแน่”
“ยกโทษให้ฉันด้วยค่ะมาดาม แต่ฉันคิดว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะทำแบบเดียวกับคุณโทมัส”
“อะไรนะ”
โซเฟียเข้ามาเกาะที่ข้างรถเข็น
“อนุญาตให้ฉันใช้น้ำตามัจจุราช เถอะนะคะมาดาม ถ้าฉันมีอำนาจพิเศษเมื่อไหร่ ฉันจะฆ่าพวกพรายพิฆาตให้หมด...ไหนๆฉันก็ไม่ใช่มนุษย์อยู่แล้ว จะกลายพันธุ์เป็นอะไร ฉันยอมรับได้ทุกอย่าง”
มาดามหลิวมองโซเฟียก่อนจะตบหน้าเธออย่างแรง
“มาดาม…”
“เธอเป็นมนุษย์โซเฟีย ที่ฉันค้นคว้าเกี่ยวกับน้ำตามัจจุราชก็ เพื่อประโยชน์ในด้านการแพทย์ และเพื่อรับมือกับพวกคนร้าย ไม่ใช่สนับสนุนให้ใช้เป็นอาวุธ...คิดว่าฉันขอเถอะ อย่าใช้น้ำตามัจจุราชเด็ดขาดถ้าไม่จำเป็น”
โซเฟียคลานไปหาน้ำตามัจจุราช ขณะที่ลุงโจนำสมุนค้นหาโซเฟียอย่างบ้าคลั่ง
“มันอยู่แถวนี้ หามันให้เจอ เร็วเข้า เร็ว”
โซเฟียคลานมาคว้าหลอดน้ำตามัจจุราชเอาไว้หมับ เธอตัดสินใจฉีดน้ำตามัจจุราชเข้าที่หัวใจของตนเอง ลุงโจกับสมุนต่างพากันหยุดชะงักเมื่อเห็นโซเฟียซึ่งโดนระเบิดจนเลือดท่วม ลุกขึ้นยืนโงนเงนอย่างสิ้นแรง ลุงโจสะใจ
“นังตัวแสบ”
โซเฟียเงยหน้ามองท้องฟ้า
“มาดาม ยกโทษให้ฉันด้วย”
ลุงโจสั่งการ
“ฆ่ามัน”
พวกสมุนกราดยิงใส่โซเฟียจนพรุนไปทั้งร่าง โซเฟียล้มลงขาดใจคาที่
ปัจจุบัน...โซเฟียซึ่งฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งกวาดตามองไปรอบๆ มีบางอย่างเปลี่ยนไป ร่างกายที่กลายพันธุ์เพราะน้ำตามัจจุราชทำให้ประสาททำงานได้เหนือกว่าคนธรรมดา เธอได้ยินเสียง และเห็นภาพที่อยู่ไกลออกไปได้อย่างชัดเจน โซเฟียมองสองมือของตัวเอง ก่อนจะรำพึงออกมา
“ไอ้พวกฆาตกร คราวนี้เราได้เห็นดีกันแน่”
พรายพิฆาตในร่างของไอริณ ใช้ฝ่ามือเรืองแสงของเธอสแกนร่างกายของฤทธิ์ ราเมศยืนควบคุมตัวณัฐชาที่ยังถูกล่ามไว้กับเก้าอี้
“เซลส์ของร่างกายที่เปลี่ยนไปทำให้วงจรของไวรัสขาดช่วง อีกไม่นานมันจะหายไปจากร่างกายของเขา”
“แล้วทำไมโทมัสถึงยังป่วยอยู่ล่ะ” ณัฐชาถามอย่างสงสัย
“การกลายพันธุ์ไม่สมบูรณ์ ระบบประสาทของเขาไม่แกร่งพอที่จะควบคุมพลังในร่าง แต่ฉันช่วยเขาได้” ไอริณมองหน้าฤทธิ์ “ถ้าเขาไม่ขัดข้อง”
ราเมศสังเกตเห็น
“เขาฟื้นแล้ว”
ณัฐชาดีใจ
“โทมัส”
ฤทธิ์มองหน้าไอริณ พอเห็นดวงตาที่ลุกวาวไปด้วยพลังเหมือนที่ใจทิพย์เคยเป็นก็รู้ทันที
“พรายพิฆาต”
ฤทธิ์จะชันตัวให้ลุกขึ้น ไอริณรีบใช้พลังกดร่างของเขาไว้
“เย็นไว้ นี่ไม่ใช่เวลาต่อสู้ เราต้องสามัคคีกัน”
“ฉันยอมตาย ดีกว่าร่วมมือกับแก แกฆ่าคนบริสุทธิ์แกฆ่าใจทิพย์”
“นั่นคือความเห็นแก่ตัวของคุณ ฤทธิ์ ราวี เพราะคุณสนใจแต่ตัวเองกับคนรอบข้าง ถึงได้คิดแบบนั้น”
“ถ้าแกเป็นฉัน แกก็ต้องคิดเหมือนกัน”
“ไม่แน่”
“นี่ไม่ใช่เวลามาแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายกันนะคุณโทมัส เราต้องร่วมมือกันกำจัดพวกของกรณ์ ก่อนที่มันจะสร้างความหายนะมากไปกว่านี้” ราเมศกล่อม
ณัฐชาไม่เชื่อ
“โกหก คุณกำลังหลอกใช้พวกเรา”
ไอริณไม่สน
“ก็แล้วแต่คุณจะคิด...เพื่อนรักของคุณเป็นคนยังไง คุณก็รู้นิสัยเขาดีอยู่แล้วนี่”
ลานจอดรถบริษัทมาดามหลิว...ร.ป.ภ.ระดับหัวหน้านายหนึ่งให้ลูกน้องขนลังใส่ของขึ้นไปบนรถบรรทุกของบริษัทบลูฟินิกซ์ ซึ่งเป็นรถคันที่นักสู้มหากาฬใช้ในการออกสนาม โซเฟียเฝ้ารออยู่ด้วยอาการเนื้อตัวสั่นสภาพของเธอเหมือนคนติดยา
“เรียบร้อยครับคุณโซเฟียของที่คุณสั่งได้ครบทุกอย่าง เอ่อ...ว่าแต่ คุณจะเอาตัวอย่างเลือดในห้องแล็บไปด้วยทำไมเหรอครับ”
“ไม่ต้องถามมาก ทำตามที่ฉันสั่งก็แล้วกัน”
“ครับ อ้อแล้วก็...hard disk นี่มาดามหลิวสั่งว่าต้องมอบให้คุณทันที ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ”
โซเฟียรับ hard disk มาอย่างประหลาดใจ
ไฟในตู้ตู้คอนเทรนเน่อร์ท้ายรถถูกเปิด โซเฟียเชื่อมต่อ hard disk เข้ากับคอมพิวเตอร์ประจำรถเสร็จ จากนั้นเธอก็รีบปลีกตัวไปที่ลังใส่ของแล้วหยิบถุงเลือดที่อยู่ในกล่องแช่ออกมากัดจนขาด ก่อนจะดื่มกินอย่างหิวกระหาย ดื่มไปได้ไม่กี่คำก็สำลัก รู้สึกขยะแขยงในสภาพของตัวเองเหลือประมาณ โซเฟียสะอื้น
“มาดาม คุณอยู่ที่ไหน ช่วยฉันด้วย”
โซเฟียไม่ทันสังเกตเลยว่า ตอนที่เธอเปิดไฟนั้นระบบทุกอย่างรวมทั้งคอมพิวเตอร์ก็เริ่มทำงาน อุปกรณ์ฉายภาพในรถได้ฉายภาพของมาดามหลิวออกมาในระบบเสมือนจริง โซเฟียอึ้งไป
“มาดาม”
“โซเฟีย สิ่งที่เธอเห็นเป็นแค่สื่อบันทึกข้อมูลของฉันมันประเมินผลได้เฉพาะสิ่งที่ฉันเคยป้อนโปรแกรมให้เท่านั้น”
โซเฟียมองไปที่คอมพิวเตอร์และเห็นกล้องของคอมพิวเตอร์กำลังจับภาพเธออยู่
“ว่าง่ายๆก็คือ เธอกำลังอ่านไดอารี่ของฉัน โดยมีโปรแกรมเสมือนจริงของฉันคอยแนะนำ” มาดามหลิวขยับเตรียมพร้อม “เอาล่ะ ถ้าเธอมีคำถามก็ว่ามาได้เลย”
“ฉันควรทำยังไงต่อไป คุณต้องการให้ฉันแก้แค้นใช่รึเปล่า”
ที่ใต้จอคอมพิวเตอร์ คำพูดทุกคำของโซเฟียถูกแปลงเป็นอักษรข้อความ “ฉันควรทำยังไงต่อไป คุณต้องการให้ฉันแก้แค้นใช่รึเปล่า” และโปรแกรมก็จับคำว่า“แก้แค้น”ได้
“ไม่ เธอต้องแก้ไขสถานการณ์ ไม่ใช่แก้แค้น ฉันเตรียมแผนเอาไว้แล้ว”
โซเฟียได้แต่ลุ้นระทึกว่าแผนที่ว่าคืออะไร
จบตอนที่ 12