นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 10
บริเวณลานจอดรถของฌาปนกิจสถาน ฤทธิ์สตาร์ทเครื่องรถมอเตอร์ไซค์ก่อนจะหันมามองณัฐชาอีกครั้ง ณัฐชาพยักหน้าให้ ก่อนที่ฤทธิ์จะออกรถจากไป
มาดามหลิวเข้ามาในห้องนอนของฤทธิ์ แล้วเปิดดูช่องลับที่ใช้เก็บเสื้อผ้ากับอาวุธของนักสู้มหากาฬ
“นักสู้มหากาฬ ต่อไปเราคงไม่ได้พบกันอีก” มาดามหลิวรำพึงอย่างเศร้าๆ
โซเฟียอยู่ในห้องทดลอง ดูน้ำตามัจจุราชในหลอดบรรจุอย่างหงอยเหงา เมื่อไม่มีชาญและฤทธิ์ ห้องทดลองนี้ก็ดูว่างเปล่า
ฤทธิ์ขี่รถมอเตอร์ไซด์มาตามถนนสายเล็กๆ ที่ตัดผ่านกลางป่า ทันใดนั้นเอง ยักษ์ก็โผล่พรวดออกมายืนขวางกลางถนน ก่อนจะเหวี่ยงแขนขวางหน้าเขาเอาไว้ ร่างของฤทธิ์กระเด็นกลิ้งไป ขณะที่มอเตอร์ไซด์ไถลล้มไปกับพื้นจนไฟแลบ กว่าฤทธิ์จะตั้งหลักได้ ยักษ์ก็เดินมาถึงตรงหน้า
“ไอ้ยักษ์…แกตายไปแล้วนี่” ฤทธิ์ตกใจ
ยักษ์แสยะยิ้ม พูดตะกุกตะกัก
“น้ำ...ตา...มัจจุ…ราช”
ฤทธิ์รีบเหวี่ยงหมัดโจมตียักษ์ทันที แต่ยักษ์กลับคว้าข้อมือเขาไว้ได้ก่อนจะจับร่างของเขาทุ่มเข้าไปในป่า ยักษ์คำรามก่อนจะพุ่งตามจะเข้าไปซ้ำแต่เมื่อแหวกพุ่มไม้ออกก็พบว่าฤทธิ์หายไปแล้ว ยักษ์มองไปในป่าก่อนจะคำรามด้วยความแค้น
ฤทธิ์วิ่งหนีเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว และคอยเหลียวไปดูเป็นระยะว่ายักษ์ตามมาหรือไม่ แต่แล้วก็มีอะไรบางอย่างพุ่งผ่านเขาไป สิ่งที่เคลื่อนไหวนั้นทิ้งละอองอณูเอาไว้จางๆ คล้ายกับการเคลื่อนไหวของบอส ฤทธิ์รีบชักปืนพกออกมา สภาพร่างกายเขาตอนนี้คงปะทะกับศัตรูเหมือนเมื่อก่อนไม่ไหวแล้ว ฤทธิ์เล็งปืน
“บอส”
“ฉันเองเพื่อน”
ฤทธิ์หันไปข้างหลังและเห็นกรณ์ยืนอยู่ สภาพของกรณ์ดูมีออร่าต่างจากเดิม ฤทธิ์อึ้งตะลึง
“นี่แก…แกใช้มัน...”
กรณ์แสยะยิ้ม
“ถ้าหมายถึงน้ำตามัจจุราชล่ะก็แน่นอน ลุ้นอยู่แทบตายเหมือนกัน ว่าจะได้ผลรึเปล่า”
ฤทธิ์ฉวยโอกาสที่กรณ์คุยโอ่ เหนี่ยวไกยิงปังๆ ร่างกรณ์กระพริบวูบวาบ…เคลื่อนมวลในร่างหลบกระสุนได้แบบเดียวกับบอส
“รุ่นใหม่ทำงานดีขึ้น ไม่ห่วยเหมือนรุ่นที่ของแก” กรณ์มองสภาพตัวเอง
ฤทธิ์ถึงกับตะลึง เขาจะหนีแต่แล้วลุงโจก็โผล่มายิงปืนขู่ ฤทธิ์ต้องชะงัก
“จ๊ะเอ๋ จะหนีหรือไงพวก”
ยักษ์เพิ่งตามมาถึง คำรามใส่อย่างดุดัน ฤทธิ์พบว่าตัวเองโดนลุงโจ กรณ์ และยักษ์ล้อมอยู่สามด้าน กรณ์หายตัวมาโผล่พรวดตรงหน้า แล้วปลดปืนไปจากมือเขาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะตะปบคอเขาเอาไว้
“ไม่เอาน่าเพื่อน มาสู้กันแฟร์ๆดีกว่ามั๊ง ปกติแกไม่ชอบเล่นทีเผลอแบบนี้นี่หว่า”
ยักษ์คำรามเหมือนเร่งให้กรณ์ฆ่า ฤทธิ์พยายามดึงมือกรณ์ออกจากคอของเขาแต่ทำไม่สำเร็จ ลุงโจเริ่มเอะใจ
“ท่าทางมันแปลกๆอยู่นะ”
กรณ์จ้องหน้าฤทธิ์
“เกิดอะไรขึ้น พลังของแกหายไปไหนหมด”
“ฉันโดนไวรัสของพรายพิฆาต ฉันกำลังจะตาย”
ลุงโจชะงัก
“ไวรัส”
กรณ์นึกขึ้นได้มันรีบผลักฤทธิ์ร่วงไปกับพื้น และมองมือตัวเองอย่างกลัวจะติดเชื้อโรค
“มันพูดถึงอะไร”
“เคยได้ยินเหมือนกันว่าพรายพิฆาตทำวิจัยเรื่องนี้ สงสัยจะจริง”
กรณ์นิ่วหน้าด้วยความสงสัย ฤทธิ์ฉวยโอกาสนั้นวิ่งหนีไป กรณ์สั่งการ
“ไอ้ยักษ์ จับตัวมันเอาไว้”
ยักษ์หันไปคำราม
ฤทธิ์วิ่งหนีมาทรุดหมดแรงที่น้ำตกแห่งหนึ่ง ยักษ์เดินตามมาอย่างใจเย็น ฤทธิ์รีบคว้าท่อนไม้ตรงเข้าฟาดยักษ์ แต่มันกลับไปสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังเหวี่ยงฤทธิ์จนกระเด็นไปอีกด้วย โทรศัพท์มือถือของฤทธิ์หล่นกระเด็นไปกับพื้น
“แก…ต้อง…ตาย”
ฤทธิ์เห็นท่าไม่ดี เขามองไปที่น้ำตกสูงลิบลิ่วนั้นก่อนจะตัดสินใจกระโดดหนีลงไปเบื้องล่าง ลุงโจกับกรณ์ตามมาเห็นเข้าพอดี
“เฮ้ย เวรแล้วไง” ลุงโจตกใจ
กรณ์หงุดหงิด
“ไอ้บ้าเอ๊ย หนีไปอีกจนได้...ไอ้ยักษ์ แกต้องไปตามล่ามัน ลากตัวมันกลับมาให้ได้ เข้าใจมั้ย”
ยักษ์คำราม
รถขนเงินของธนาคารแล่นมาตามท้องถนนด้วยความเร็วค่อนข้างสูง แต่แล้วจู่ๆเอมี่ก็เดินออกมาตัดหน้ารถ
“ระวัง” เจ้าหน้าที่ตกใจ
รถเหมือนจะพุ่งชนเอมี่เข้าเต็มๆ แต่ร่างของเธอกลับเลือนหายไปก่อนที่รถจะมาถึงตัว รถเบรคสนิท ท้องถนนตกอยู่ในความเงียบ เจ้าหน้าที่หันมาถามคนขับ
“ตะกี้แกเห็นผู้หญิงรึเปล่า”
“หายไปแล้ว...หายไปไหน”
ท้ายรถขนเงิน เจ้าหน้าที่คนหนึ่งกำลังเฝ้าเงินอยู่เขานั่งตะลึงอ้าปากค้างเมื่อเห็นเอมี่ยืนอยู่เบื้องหน้า เจ้าหน้าที่รีบพูดกับวิทยุ
“ย...ย...อยู่ ในนี้ ม…ม...มีผู้หญิง น...น...ในนี้”
เจ้าหน้าที่กับคนขับรถมองหน้ากันอย่างงุนงง...ทันทีที่เอมี่เดินเข้ามา เจ้าหน้าที่ก็ยกปืนเล็งใส่เธอ แต่เอมี่กลับปัดปากกระบอกปืนออกไป แล้วชกเขาหมัดเดียวกระเด็น เจ้าหน้าที่กับคนขับรถมองเห็นเหตุการณ์ผ่านทางช่องสำหรับมอง คนขับรถตกใจ
“มีผู้หญิงอยู่ข้างหลังจริงๆด้วย”
“รีบจัดการเร็ว”
เจ้าหน้าที่ กับ คนขับรถ รีบคว้าปืนลงจากรถ แล้ววิ่งอ้อมไปทางด้านหลัง แต่ไม่ทันเปิดประตู ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงบางอย่าง เมื่อมองไปก็เห็นวัฒน์ใช้ปลายดาบซามูไรครูดมากับราวกั้นถนน เจ้าหน้าที่ยกปืนขู่
“นั่นใคร ถอยไปนะ”
วัฒน์เดินเร็วขึ้น ปลายดาบซามูไรครูดกับราวกั้นถนนดังขึ้น จนกระทั่งวัฒน์เริ่มวิ่ง ปลายดาบก็ครูดกับราวกั้นจนไฟแลบเป็นประกาย เจ้าหน้าที่ตะโกนลั่น
“ฆ่ามันเลย”
เจ้าหน้าที่กับคนขับรถพร้อมใจกันยกปืนยิงใส่ วัฒน์ใช้ดาบปัดกระสุนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งเข้าสังหารเจ้าหน้าที่กับคนขับรถตายลงในพริบตา
ท่ามกลางเสียงไซเรนส์ของรถตำรวจที่แว่วมาแต่ไกล วัฒน์นั่งประจำตำแหน่งคนขับรถขนเงิน เอมี่ขึ้นมานั่งข้างๆ ก่อนที่รถจะแล่นจากไปโดยทิ้งศพเจ้าหน้าที่กับคนขับรถเอาไว้เบื้องหลัง
ในห้องประชุมกองปราบ...ณัฐชาดูภาพถ่ายสถานที่เกิดเหตุ และสภาพศพของเจ้าหน้าที่ด้วยความสนใจ ขณะที่ผู้กำกับเมธาชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นกับสิงหา
“ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานยืนยันว่าอาวุธที่คนร้ายใช้สังหารเจ้าหน้าที่ของบริษัทขนเงินเป็นของมีคมชนิดหนึ่ง และที่สำคัญก็คือก่อนตาย เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนได้ยิงปืนต่อสู้หลายสิบนัด แต่คนร้ายกลับ
ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว”
“ไม่ทราบว่าตอนนี้เจอรถขนเงินรึยังครับ”
“จอดอยู่ในที่เปลี่ยวห่างจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 500 เมตร เงินสดหายเกลี้ยง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ประจำรถด้วย”
ณัฐชาครุ่นคิด
“สู้ไม่กลัวปืนแบบนี้ หรือว่าจะเป็นพรายพิฆาต”
สิงหาหันมามองหน้าณัฐชา
“ไหนคุณบอกว่าพรายพิฆาตมันตายไปแล้วไง แล้วนี่อะไรกันผู้หมวดอธิบายมาซิ”
“อาจจะเป็นสาวกของมันก็ได้ค่ะสารวัตร เรายึดทรัพย์แถมยังฆ่าเจ้านายของมัน มันก็เลยแก้แค้น” ณัฐชาออกความเห็น
เมธาหน้าเครียด
“รีบตรวจสอบให้แน่ชัดนะผู้หมวด ตอนนี้นักข่าวกำลังสนใจคดีนี้”
ณัฐชากับสิงหาเดินไปที่ออฟฟิศด้วยกันและสวนกับไมตรีและปรีดา
“สารวัตรครับ ทางเรือนจำแจ้งมาว่าอดีตผู้กองราเมศตอนนี้กำลังป่วยหนักมากครับ” ไมตรีเข้ามารายงาน
ปรีดาเสริม
“ทางเรือนจำบอกว่าต้องขอย้ายตัวเข้าโรงพยาบาลด่วนจี๋ครับ ไม่งั้นไม่รอดแน่”
สิงหาแปลกใจ
“เขาป่วยเป็นอะไร”
โซเฟียให้ข้อมูลกับมาดามหลิวและณัฐชา
“ถ้าเดาไม่ผิด ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะไวรัสของพรายพิฆาตที่เราฉีดให้เขาก่อนหน้านี้”
ณัฐชาตกใจ
“นี่มันถึงตายเชียวนะ ทำไมคุณไม่บอกฉันก่อน”
“คุณโทมัสก็ต้องตายเพราะไวรัสตัวนี้เหมือนกัน พวกมันสมควรถูกลงโทษ”
มาดามหลิวหันมาหาณัฐชา
“เรื่องนี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับพวกเราก็ได้นะผู้หมวด คิดดูสิ...สาวกของพรายพิฆาตคงไม่ยอมให้หัวหน้าสาขาของมันตายแบบนี้แน่”
“มาดามคิดว่า พวกมันจะโผล่มาช่วยราเมศเหรอคะ”
มาดามหลิวพยักหน้า
“เราจะได้รู้กันซะที ว่าไวรัสนั่นมีทางรักษารึเปล่า”
ณัฐชานึกขึ้นได้ มีความหวังขึ้นมา
ฤทธิ์ซึ่งนอนสลบอยู่ที่ลำธารกลางป่าค่อยๆรู้สึกตัว เขาตั้งสติกวาดตามองไปรอบๆอย่างใช้ความคิด ก่อนจะแข็งใจลุกขึ้นแต่แล้วก็ทรุดกลับลงไปอีกครั้งด้วยความเจ็บปวด ฤทธิ์มองไปที่ขาของตนแล้วพบว่ามีหินคมๆปักอยู่ เขารีบดึงหินนั้นออกแล้วลุกขึ้นใหม่
ขณะที่ฤทธิ์กำลังเดินหาทางออกจากป่า โดยใช้กิ่งไม้พยุงตัวแทนไม้เท้า แต่แล้วเขาก็ต้องรีบหลบเข้าหลังโขดหินเมื่อเห็นยักษ์กำลังยืนอยู่บนที่สูงเพื่อมองหาเขาอยู่ และคำรามออกมาด้วยความหงุดหงิด ฤทธิ์รีบพลิกตัวหลบแค้นๆ
“ไอ้ยักษ์”
ยักษ์ทำจมูกฟุดฟิดเพราะได้กลิ่นเลือด ฤทธิ์เหลือบมองแผลที่ขาของตัวเองอย่างนึกขึ้นได้ เขารีบกุมแผลแล้วค่อยๆคลานหนีไปอีกทาง
ในโรงชำแหละเนื้อ...วัฒน์โยนถุงเงินจากการปล้นมากองรวมกัน เอมี่กำลังคุมตัวเจ้าหน้าที่คนหนึ่งอยู่กรณ์ยิ้มแย้มชื่นชม
“เยี่ยม พวกแกทำได้ดีมาก”
ลุงโจหันมาถาม
“ตกลงหัวหน้ามีแผนอะไรกันแน่ จะตั้งตัวหรือไง”
“ฉันจะสร้างกองทัพขึ้นมาใหม่ พอกันทีกับแผนการไม่เอาไหนของพรายพิฆาต ฉันนี่แหละจะสร้างโลกใหม่ด้วยมือของฉันเอง โลกใหม่ที่มีพวกเราเป็นเทพเจ้า…ชั่วนิจนิรันดร์”
ลุงโจอึ้งไปขณะที่เอมี่กับวัฒน์ยิ้มให้กรณ์อย่างชื่นชม จังหวะนั้นเองเจ้าหน้าที่ ก็ฉวยโอกาสเผ่นหนีไป แต่พอหันไปก็เจอวัฒน์หายวูบมายืนขวางทางอยู่ ครั้นพอจะหนีไปอีกทางก็เจอกับเอมี่ดักไว้อีก เจ้าหน้าที่ตัวสั่นยกมือไหว้
“ย...อย่าฆ่าผมเลย ฆ่าผมตายก็ไม่มีประโยชน์ ผมยอมแล้ว”
เอมี่ยิ้มหวาน
“ใจเย็นๆพ่อรูปหล่อ เราไม่ฆ่าแกหรอก”
วัฒน์ยิ้มเย็น
“แต่เราจะกินแกเป็นอาหารค่ำ”
เจ้าหน้าที่ตกใจรีบวิ่งหนี แต่แล้วก็ถูกวัฒน์กระชากคอไปกัดอย่างรวดเร็วเลือดพุ่งกระฉูด ลุงโจ มอง ด้วยความผะอืดผะอม
ขณะที่เอมี่ยิ้มกริ่ม คว้าข้อมือของเจ้าหน้าที่ มากัดแล้วดูดเลือดอย่างมีความสุข เลือดหยดนองพื้น
นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 10 (ต่อ)
บุรุษพยาบาลเข็นเตียงพาราเมศเข้ามาในห้องพักฟื้น ราเมศป่วยหนักขนาดต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ โดยมีไมตรีกับปรีดาตามมาเฝ้าด้วยความสงสัย
“จ่า...จ่าว่าผู้กองเขาป่วยจริงรึเปล่า”
“สภาพแบบนี้คงไม่ใช่ป่วยการเมืองหรอกหมู่ หน้าซีดเชียว ดูสิ”
ปรีดาดูสักพักแล้วนึกขึ้นได้
“เอ๊ะ”
“อะไร”
“เพิ่งนึกขึ้นได้ คุณไอริณก็พักอยู่โรงบาลนี้นี่จ่า”
“ก็ใช่สิ นั่นก็พยาน นี่ก็ผู้ต้องหา ขืนแยกกันคนละที่แล้วจะเอากำลังที่ไหนมาเฝ้าล่ะหมู่”
“เออแล้วตกลงคืนนี้ผมกับจ่าต้องเฝ้าใครล่ะ ผู้กองหรือว่าคุณไอริณ”
“หมู่เฝ้าผู้กอง ส่วนผม…” ไมตรีหน้าระรื่น “เฝ้าคุณไอริณคนสวย”
“โห ใครจัดเวรเนี่ย ไม่ยุติธรรมเลย”
“ยุติธรรมสิหมู่ เพราะผมจัดเอง ฮ่าๆ”
ไมตรีทำท่าเย้ยหยัน ปรีดามองอย่างรำคาญ
พยาบาลเช็ดตัวให้ไอริณ แต่จู่ๆไอริณก็ลืมตาโพลงขึ้น พอพยาบาลหันมาเห็นเข้าก็ตกใจ
“อุ๊ย ตื่นแล้วเหรอคะคุณไอริณ รู้สึกเป็นยังไงบ้างคะ ปวดหัวรึเปล่า”
ไอริณมองมาที่พยาบาลด้วยแววตาที่เย็นชาไร้ความรู้สึก พยาบาลหวาดๆ
“เอ่อ...เดี๋ยวฉันจะไปตามหมอมาดูอาการให้นะคะ”
พยาบาลรีบเดินหนีออกไปจากห้องแล้วแอบบ่น
“ฮึย หูตาขวางเชียว ตกลงไม่สบายหรือว่าถูกผีเข้ากันเนี่ย”
ไอริณมองตามพยาบาลไปก่อนจะลุกขึ้นเดินไปดูกระจกเงาในห้องน้ำ เธอพิศซ้ายขวาเช็คดูสภาพร่างใหม่ของตนก่อนจะยิ้มออกมาอย่างพอใจ
ณัฐชากับมาดามหลิวอยู่ในห้องสมุด กำลังโทรสั่งงาน
“นี่อย่าเหลวไหลนะจ่า คอยเฝ้าราเมศให้ดี ไม่แน่ สมุนของพรายพิฆาตอาจจะบุกไปที่นั่น โอเค อีกเดี๋ยวฉันจะรีบตามไป”
ณัฐชาเพิ่งวางสายได้ไม่นาน โซเฟียก็เข้ามารายงานมาดามหลิวที่กำลังนั่งจิบกาแฟอยู่
“เรามีปัญหาแล้วค่ะมาดาม ฉันว่าจะแจ้งข่าวคุณโทมัสเรื่องอาการป่วยของราเมศ แต่โทรติดต่อไม่ได้”
มาดามหลิวหันมาถาม
“สัญญาณ GPS ล่ะระบุตำแหน่งได้รึเปล่า”
“อยู่ในป่าค่ะ”
มาดามหลิวกับณัฐชามองหน้ากันอย่างประหลาดใจ
เลือดสีแดงของฤทธิ์หยดอยู่เป็นทาง ยักษ์เอามือแตะเลือดมายีดู แล้วจะตามฤทธิ์ทางหนึ่ง แต่แล้วมันก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเหลือบไปเห็นงูตัวหนึ่งเลื้อยอยู่บนกิ่งไม้ ยักษ์กระชากงูนั้นมาเด็ดหัวแล้วดูดเลือดสดๆของมันอย่างหิวกระหาย ก่อนจะคำรามออกมา
ฤทธิ์เดินซมซานอยู่ในป่า เมื่อได้ยินเสียงคำรามของยักษ์ก็หันมองไป
“สภาพแบบนี้ขืนหนีต่อไป มีหวังเสร็จมันแน่”
ฤทธิ์หย่อนตัวลงพักก่อนจะมองไปเห็นดงเถาวัลย์ที่งอกเงยแถวนั้น เขาคว้ามันมาดูอย่างใช้ความคิด
ณัฐชาขับรถมาจอดบริเวณที่ฤทธิ์ถูกโจมตีครั้งแรก เห็นมอเตอร์ไซด์เขาล้มอยู่ ณัฐชากับโซเฟียเดินเข้ามาดูด้วยกัน
“มอเตอร์ไซด์ของคุณโทมัส ถ้างั้นเขาก็น่าจะอยู่แถวนี้”
โซเฟียหยิบอุปกรณ์เช็ค GPS ขึ้นมาตรวจสอบดู
“สัญญาณมาจากในป่า”
ณัฐชามองหน้าโซเฟียแล้วพยักหน้า สองสาวตัดสินใจเดินเท้าเข้าไปในป่า
ลุงโจขับรถเข้ามาจอดหน้าภัตตาคารจีน
“จะให้ผมเข้าไปด้วยรึเปล่าหัวหน้า”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวผมมา”
กรณ์ว่าแล้วก็คว้าถุงเงิน บุ้ยหน้าให้เอมี่กับวัฒน์ตามตนลงจากรถ กรณ์แบกถุงเงินเดินนำ เอมี่ กับวัฒน์ไปที่ภัตตาคาร
สมุนของแหลมโดนอัดจนกระเด็น บางคนพยายามยิงต่อสู้จึงโดนวัฒน์แทงตายด้วยความไวที่เกินมนุษย์ ขณะที่บางคนโดนเอมี่ดูดเลือดอย่างน่าสยดสยอง พวกสมุนของแหลมที่เหลือวิ่งหนีตายกันอลหม่าน แหลมถือปืนย่องลงบันไดมาดูเหตุการณ์พอเห็นกรณ์หันมาพอดีก็รีบเผ่น
“เย้ย...โจทก์เก่ามาเยือน อยู่ไม่ได้แล้วไอ้แหลม”
แหลมทำท่าจะวิ่งหนีขึ้นข้างบน แต่แล้วก็กรณ์ก็โผล่วูบมาขวางหน้า
“ถ้ายังไม่อยากตาย แกต้องร่วมมือกับฉัน”
แหลมวางปืนแล้วนั่งลงยกมือไหว้
“จะเอาอะไรว่ามาเลยครับลูกพี่”
กรณ์โยนถุงเงินให้แหลมรับไป แต่แหลมรับน้ำหนักไม่ไหวเลยทรุดไปกับพื้น เงินในถุงทะลักออกมา
“โอ้โห เงิน เงินทั้งนั้นเลย”
“เอาเงินนี่ไป แล้วผลิตน้ำตาสวรรค์ให้ฉัน ฉันต้องการจะสร้างกองทัพของพรายพิฆาตขึ้นมาใหม่”
“ยังไม่เข็ดอีกเหรอครับ เอ่อ คือหมายถึงเขาลือว่าพรายพิฆาตตายไปแล้วนี่ครับพี่ แล้วพี่จะปั๊มกองทัพไปเพื่ออะไร”
“ฉันไม่สน เพราะฉันไม่ใช่พรายพิฆาต แต่ฉันจะทำสิ่งที่เหนือกว่าและยิ่งใหญ่กว่านั้น”
มาดามหลิวอยู่ในห้องสมุดกำลังมองโทรศัพท์ รอฟังข่าวของฤทธิ์ด้วยความกังวล สักครู่โทรศัพท์ก็ดังขึ้น มาดามหลิวรีบรับสาย
“ว่าไงโซเฟีย”
“ยังไม่เจอคุณโทมัสค่ะมาดาม แต่พบรอยเลือด คิดว่าเขาอาจจะซ่อนตัวอยู่ในป่า”
“ระวังตัวด้วยนะ คนที่ทำร้ายโทมัสได้ ฝีมือต้องไม่ธรรมดาแน่”
“ทราบแล้วค่ะ”
มาดามหลิววางสายอย่างใช้ความคิด
“พวกมันเป็นใครกันแน่”
โซเฟียกับณัฐชาแกะรอยมาจนเจอโทรศัพท์มือถือของฤทธิ์ที่หล่นอยู่แถวน้ำตก
“ใช่โทรศัพท์ของนายโทมัสรึเปล่า” ณัฐชาชี้ไป
โซเฟียหยิบมาดูแล้วพยักหน้า ณัฐชามองไปรอบๆ
“มีร่องรอยการต่อสู้ แต่มีรอยเท้าน้อยมาก คนร้ายคงมีแค่ไม่กี่คน”
“แต่ถ้ามันเล่นงานคุณโทมัสได้ ก็แปลว่าต้องไม่ธรรมดาแน่”
ณัฐชาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ฤทธิ์ใช้เถาวัลย์หลายเส้นมาถักรวมกันเป็นเชือก ก่อนจะมัดก้อนหินหลายก้อนเข้าไว้ด้วยกัน เขาใช้มีดตัดกิ่งไม้ขนาดเหมาะมือมาทำเป็นไม้หลาว ทันใดนั้นนกกาโผบินด้วยความแตกตื่น ฤทธิ์เงยหน้ามองเมื่อรู้ว่ายักษ์ใกล้มาถึงแถวนั้น
ยักษ์เดินตามหาฤทธิ์ มันชักดาบเดินป่าคู่ชีพออกมากวัดแกว่ง ตัดถางกิ่งไม้ที่ขวางทางอยู่อย่างหัวเสีย โดยไม่รู้ว่าขณะนั้นฤทธิ์ได้ถือไม้หลาวย่องมาดักซุ่มมันอยู่จนได้จังหวะก็ปรากฏตัวขึ้น
“ไอ้ยักษ์”
ยักษ์หันมา ฤทธิ์ปาไม้หลาวใส่มันทันที ไม้หลาวพุ่งเข้าหาลูกตา ยักษ์คว้าไม้ไว้ได้ก่อนที่ปลายไม้จะพุ่งเข้าลูกตาของมัน ฤทธิ์รีบวิ่งหนีไป ยักษ์หักไม้หลาวทิ้งแล้วตามไปติดๆ ฤทธิ์วิ่งจนเสียหลักล้ม เขากุมแผลด้วยความเจ็บปวดก่อนจะออกแรงวิ่งหนีต่อ ยักษ์พอตามมาถึงก็ปาดาบในมือใส่ ดาบพลาดเป้าไปปักที่ต้นไม้ ยักษ์คำรามด้วยความโกรธก่อนจะชักปืนออกมากระหน่ำยิงใส่ ฤทธิ์รีบกลิ้งตัวหลบไปอีกทาง
โซเฟียกับณัฐชา แกะรอยฤทธิ์เข้ามาในป่า ได้ยินเสียงปืนอย่างชัดเจน
“เสียงปืน”
โซเฟียหน้าตื่น
“คุณโทมัส”
สองสาวรีบวิ่งมุ่งหน้าไปยังต้นเสียงทันที
ฤทธิ์วิ่งล่อยักษ์กลับมายังจุดแรกที่เขาทำกับดักเอาไว้ พอยักษ์กราดยิงเข้าใส่ เขาก็กระโจนหลบก่อนจะชักมีดออกมาปาใส่เชือกเถาวัลย์เส้นหนึ่งที่ผูกขัดสลักยึดเอาไว้ ส่งผลให้ตาข่ายหินที่ฤทธิ์ผูกแขวนอยู่เหวี่ยงเข้ายักษ์ทันที ร่างของมันถูกฟาดจนกระเด็นไปหลายสิบเมตรก่อนจะแน่นิ่งไป ฤทธิ์ลุกขึ้นหอบแฮ่กด้วยความเหนื่อย เขาคว้ามีดมาเก็บเข้าที่ก่อนจะเดินไปดูร่างของยักษ์
“แกร้ายกาจมากไอ้ยักษ์ แต่เสียดายที่แกอยู่ผิดข้าง”
ยักษ์ลืมตาโพลงขึ้น คว้าข้อเท้าฤทธิ์กระชากไปจนล้ม ยักษ์ลุกขึ้นคำรามก่อนจะเหวี่ยงร่างของฤทธิ์ฟาดกับต้นไม้อย่างแรง เล่นเอาฤทธิ์จุกไปพักใหญ่ ยักษ์ฉวยโอกาสนั้นจิกหัวฤทธิ์ขึ้นมาอย่างไม่ปรานี
“แกต่างหากที่อยู่ผิดข้าง”
ยักษ์เอาหัวฤทธิ์โขกกับต้นไม้สุดแรงเกิด ฤทธิ์พอโดนโขกกับต้นไม้เข้าไปครั้งแรกเลือดก็กบปากกบจมูกทันที หูของเขาอื้อจนได้ยินเสียงวิ๊งลั่น
“ลาก่อนนักสู้มหากาฬ”
เวลานั้นโซเฟียกับณัฐชาก็มาเห็นเหตุการณ์เข้า ณัฐชาตกใจ
“นายโทมัส”
ยักษ์หันมาคำรามใส่สองสาว ณัฐชากับโซเฟียกระหน่ำยิงใส่ยักษ์จนมันเซถอยหลังไปหลายก้าว ฤทธิ์ตั้งหลักพยายามจะลุกขึ้น ณัฐชากับโซเฟียเข้ามาหิ้วปีกพาหนี โดยคอยยิงสกัดยักษ์เอาไว้ ยักษ์ล้มไปเจอปืนของตนที่หล่นอยู่ก็คว้ามายิงตอบโต้ จนทั้งหมดต้องหลบเข้าที่กำบัง ณัฐชาสงสัย
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมันถึงได้อึดแบบนี้”
“มันไม่ใช่คนธรรมดาอีกแล้วผู้หมวด มันกลายพันธุ์ไปแล้ว”
โซเฟียหน้าตื่น
“น้ำตามัจจุราช”
ยักษ์กราดยิงจนกระสุนหมดก็หยิบซองกระสุนใหม่มาเปลี่ยนอย่างใจเย็น โซเฟียรีบบอก
“ผู้หมวด พาคุณโทมัสหนีไปก่อน ทางนี้ฉันจะล่อมันเอง”
ณัฐชามองสภาพแผลของฤทธิ์แล้วตัดสินใจ
“ระวังตัวด้วย”
โซเฟียพยักหน้าแล้วโผล่ออกไปยิงใส่ยักษ์อีก ณัฐชาฉวยโอกาสนั้นพาฤทธิ์หนีไปทันที
ณัฐชาประคองฤทธิ์วิ่งหนีมา สายตาของเขาเห็นทุกอย่างมืดลงเป็นระยะเหมือนคนกำลังหน้ามืด เขาพยายามเพ่งสายตามอง แต่แล้วเขาก็พลาดหกล้มไป
“คุณไหวรึเปล่า”
“ไม่ต้องห่วงผม รีบไปเถอะ”
ณัฐชาประคองฤทธิ์ลุกขึ้นแล้วหนีต่อไป
ยักษ์แผดร้องพลางกราดยิงใส่โซเฟียอย่างบ้าคลั่ง เมื่อควันปืนจางลงก็พบว่าโซเฟียหายตัวไป ยักษ์รีบเดินเข้าไปดูทันที แต่แล้วโซเฟียที่ซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้ก็โผล่หน้ามาเล่นงานยักษ์ด้วยมือเปล่า ยักษ์กระชากแขนโซเฟียหมายจะลากตัวออกมาบดขยี้ แต่โซเฟียกลับโหนตัวใช้ขาล็อคแขนของมันจนล้มไปกับพื้น ด้วยลีลาราวกับนักมวยปล้ำมืออาชีพ
“ดูซิว่าน้ำตามัจจุราชจะช่วยแกได้รึเปล่า”
โซเฟียว่าพลางออกแรงบิดแขนของยักษ์สุดแรงเกิด ยักษ์แผดร้องด้วยความเจ็บปวด
นักสู้มหากาฬ ตอนที่ 10 (ต่อ)
ณัฐชาพาฤทธิ์มาที่รถ เขาสะบัดหัวไล่ความมึนงง ณัฐชาเป็นห่วง
“คุณโอเครึเปล่า”
“ผมแค่มึนๆนิดหน่อย คุณรีบกลับไปดูโซเฟียเถอะ”
“คุณรออยู่นี่นะ”
ณัฐชาจะกลับเข้าป่าไปหาโซเฟีย แต่แล้วก็เห็นโซเฟียวิ่งออกมาพอดี
“ผู้หมวด”
“โซเฟีย”
โซเฟียยิ้มอย่างโล่งใจ แต่แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้น ปรากฏว่ายักษ์ที่ตามมากำลังใช้ปืนยิงถูกต้นแขนโซเฟียจนเซ แขนข้างนึกของยักษ์หักจนห้อยร่องแร่งอยู่ข้างตัว ณัฐชาตกใจ
“โซเฟีย”
“ออกรถ”
โซเฟียพลางยิงสกัดยักษ์เอาไว้ ณัฐชารีบสตาร์ทรถ
“โซเฟีย”
โซเฟียยิงยักษ์จนหลบเข้าที่กำบัง ก่อนที่เธอจะวิ่งไปขึ้นรถทันที กว่ายักษ์จะวิ่งตามมาถึงรถก็แล่นจากไปแล้ว
ค่ำนั้น ไอริณกำลังนอนตาค้างอยู่ ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้น ไมตรีเข้ามายิ้มแย้มให้
“จ๊ะเอ๋ สวัสดีครับคุณไอริณ เห็นพยาบาลบอกว่าคุณฟื้นนานแล้วเหรอครับ เอ่อ...ไม่ต้องห่วงครับ ผมยังจะไม่สอบปากคำคุณก็ได้ คุณไอริณจะได้พักผ่อนให้เต็มที่” ไมตรีดึงเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ “เอ่อ แต่ถ้ามีอะไรอยากเล่า ก็เล่ามาได้เลยนะครับ ผมจะตั้งใจฟัง”
ไอริณหันมามองหน้าไมตรีด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ไมตรีอึ้งๆฝืนยิ้ม
“แหะๆ คุณไอริณสบายดีรึเปล่าครับ ทำไมไม่พูดอะไรบ้างเลย”
ไมตรีทำตัวไม่ถูก ไอริณยิ้มให้ก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือเขา
“อุ๊ย ค...คุณไอริณครับ ทำอย่างนี้ไม่ดีนะครับ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะน่าเกลียด แบบว่าผมอยู่ในขณะปฏิบัติหน้าที่ซะด้วย เอาเป็นว่าออกเวรแล้วค่อยว่ากันได้รึเปล่าครับ”
ไอริณแค่นหัวเราะก่อนจะปล่อยพลังใส่ ไมตรีตาเหลือกราวกับถูกไฟช๊อต ร่างสั่นเทิ้มก่อนจะร่วงไปกองกับพื้น
ปรีดากำชับตำรวจสองนายที่เข้าเวรด้วยกัน ...
“คืนนี้ห้ามประมาทเชียวนะทุกคน เพราะผู้หมวดณัฐชาส่งข่าวเตือนมาว่า สมุนของพรายพิฆาตอาจจะบุกมาชิงตัวผู้ต้องหา ดังนั้นเราต้อง…”
ปรีดาหยุดพูดเมื่อเห็นตำรวจสองนายมองไปทางไอริณ เขาจึงหันตามไป
“คุณไอริณ ออกมาได้ยังไงครับเนี่ย แล้วจ่าไมตรีล่ะครับ”
ไอริณยิ้มก่อนจะปล่อยพลังใส่ปรีดาและตำรวจทั้งสองกระเด็นไปทันที ปรีดาตกใจ
“เฮ้ย อะไรกันวะเนี่ย...คุณไอริณ”
ไอริณชูฝ่ามือขึ้นอีก ปรีดาตัดสินใจยิงป้องกันตัวทันทีแต่ไอริณกลับหยุดกระสุนเหล่านั้นเอาไว้ ก่อนจะผลักกลับไปและซัดร่างปรีดาที่ใส่เสื้อกันกระสุนจนกระเด็นหมดสติไป
ราเมศตื่นนานแล้วแต่ไม่มีแรงลุกขึ้นมาดูเหตุการณ์ ไอริณเดินเข้ามาดูเขาก่อนจะถอดเครื่องช่วยหายใจออก ราเมศพูดเสียงแผ่ว
“ไอริณ”
“ไม่ใช่”
ราเมศเอะใจดีใจ
“พรายพิฆาต”
ไอริณยิ้มก่อนจะยกฝ่ามือนาบลงบนหน้าผากของเขา ราเมศดีใจมาก
อ่านต่อตอนต่อไป