มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 15 ตอนอวสาน
ภายในบ้านปัทม์ต่อเนื่องมา ปยงค์และจันทร์เจ้ายืนบ่นโวยวายเรื่องอุรารัตน์
“เอาอสรพิษมาเลี้ยงไว้ สักวันต้องแว้งกัดคุณรจนาไฉน” จันทร์เจ้าบอก
“พรุ่งนี้เช้าฉันจะเอายาพิษใส่น้ำให้นังมารร้ายตายไปซะ แกว่าดีมั้ย” ปยงค์ว่า
“ดีเจ้า”
“งั้นแกไปหายาพิษมา”
“ไม่ดีเจ้า ติดคุก”
ปยงค์และจันทร์เจ้าเซ็งเรื่องอุรารัตน์ ต่างเดินออกไปทำงานต่อ ที่มุมหนึ่ง โลมฤทัยได้ยินการคุยของทั้งสองคนก็ไม่พอใจ เมื่อรู้ว่าอุรารัตน์มาอยู่ที่นี่
ภายในห้องพัก โลมฤทัยปาข้าวของตกพื้นเกลื่อนกระจาย ลำเพาเข้ามาห้าม
“ใจเย็นๆจ้ะลูกพบ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก”
"นังแอรี่เข้ามาในบ้าน คิดจะแย่งปัทม์และเป็นนายหญิงยึดทุกอย่างที่นี่ เพราะมันมีลูกเป็นเดิมพัน"
"ถ้าเขาเป็นเมียกันจริง เราก็ต้องยอมถอย" ลำเพาว่า
"ไม่ค่ะ จะลูกจริงลูกเทียม พบไม่สน พบจะเอามันให้ตาย"
ลำเพาตกใจ
"ถึงตายเลยเหรอลูก ไม่ได้นะ ทำอะไรก็ทำได้ แต่อย่าถึงเลือดตกยางออก ค่อยๆคิดนะลูก"
ลำเพาเข้ามาปลอบใจ แววตาของโลมฤทัยยังคิดร้ายกับอุรารัตน์
มุมหนึ่งที่บ้านปัทม์ รจนาไฉนเอาข้าวของมาวางไว้ให้อุรารัตน์ พร้อมอาหารเสริมบำรุงสุขภาพ
"ฉันเอาข้าวใช้ที่จำเป็นมาให้ แล้วนี่เป็นวิตามินอาหารเสริม จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ทั้งคุณแม่และเด็กในท้อง"
อุรารัตน์ยิ้มรับกระเช้าอาหารเสริมของรจนาไฉน แล้วปาทิ้ง
"ไม่ต้อง"
นงนุชตกใจ เข้าไปเก็บของที่พื้นใส่ตะกร้า
"ต่อให้แสร้งทำดีกับฉันยังไง ฉันก็ไม่มีวันให้แกมาเป็นเมียรองหรอก รอให้ลูกฉันคลอดมาก่อนเถอะ ฉันจะเฉดหัวแกออกไป"
อุรารัตน์เอานิ้วจิ้มใส่หัวของรจนาไฉนจะผลักออกไป แต่เธอจับนิ้วมือไว้จนอุรารัตน์รู้สึกเจ็บ เธอปล่อยมือออก
"ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น เพราะที่นี่เป็นบ้านของฉัน ฉันเป็นภรรยาคุณปัทม์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย"
อุรารัตน์โวยวายกลับ
"แต่เด็กในท้องนี่เป็นลูกคุณปัทม์"
"คุณปัทม์บอกเองว่าไม่เคยมีอะไรกับเธอ ที่ฉันให้เธออยู่ที่นี่ เพื่อรอวันพิสูจน์ความจริง"
อุรารัตน์และนงนุชตกใจ มองหน้ากันเลิกลั่ก
นงนุชหลุดปากถาม
"แล้วถ้าไม่ใช่ล่ะคะ"
อุรารัตน์หันมาด่านงนุช
"นังนงนุช"
นงนุชแก้ตัว
"สมมุติน่ะค่ะ"
รจนาไฉนยิ้มจริงใจ
"ฉันจะหาที่ให้อยู่ ไม่ให้เธอกับลูกต้องลำบาก"
"ทั้งๆ ที่เห็นว่าฉันท้องกับปัทม์… ยังคิดจะแย่ง นังสารเลว"
อุรารัตน์โวยวายใส่รจนาไฉนที่ดูนิ่ง ยิ้มอย่างคนมีสติและเข้าใจโลก
"ฉันเคยลำบากมามากกว่าคุณ ฉันรู้... เมื่อถึงวิกฤติ คนเราต้องรู้จักเอาตัวรอด แต่เชื่อฉันเถอะ.. เราไม่มีวันหนีความจริงพ้น ความผิดมันจะตามหลอกหลอนเราไปตลอดชีวิต ความดีและความจริงใจต่างหาก... ที่จะทำให้มนุษย์เราอยู่ได้อย่างมีความสุข"
อุรารัตน์กับนงนุชได้ฟังก็อึ้ง แต่อุรารัตน์ยังแข็งใจไม่ยอมรับ
"คุณควรออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกบ้าง จะช่วยให้คุณสดชื่นขึ้น"
รจนาไฉนเดินออกไป อุรารัตน์ยังโกรธแค้น
มุมหนึ่งที่ห้องพัก อุรารัตน์กระชากผ้าปูจนข้าวของตกเกลื่อนกระจาย
"คุณแอรี่ใจเย็นค่ะ"
อุรารัตน์ผลักนงนุชออก
"แกไม่ได้ยินที่มันพูดรึไง ถ้ามันรู้ว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกปัทม์ มันจะไล่เราออกไป"
"เขาไม่ได้ไล่ แค่หาที่อยู่ใหม่ให้ ก็เราไม่ใช่ครอบครัวเขานี่คะ"
"ไม่ ฉันกับลูกฉันต้องเป็นคนที่นี่ฉันต้องกำจัดมัน ฉันจะฆ่ามัน"
อุรารัตน์คว้ามีดปอกผลไม้จะออกไป นงนุชเข้ามากอดตัวเพื่อนไว้
"อย่านะคะ"
นงนุชเข้ามาปัดป้อง จนมีดตกพื้น...
"นังนงนุช แกทรยศฉัน"
"ไม่ได้ทรยศค่ะ แต่ไม่อยากให้คุณแอรี่ทำบาปอีก บอกแล้วไงคะ ทำชั่วสิบปียังไม่เท่าทำเลวใส่คนดีแค่ครั้งเดียว นงนุชเป็นภูมิแพ้ค่ะ แพ้ความดีของคน พอเถอะค่ะคุณแอรี่ แค่นี้เราก็ทำเลวกับเขามากพอแล้ว"
อุรารัตน์ตบหน้านงนุช
"แกกับฉันขาดกัน ออกไป กลับไปอยู่ตลาดเน่าๆ ของแก"
"ค่ะ อยู่ตลาดเน่ายังสุขใจกว่าอยู่กับคนใจเน่า"
นงนุชกระทืบพื้นใส่เดินไปคว้ากระเป๋า หยิบเสื้อผ้าเตรียมออกไป อุรารัตน์ฉวยมีดที่พื้นเดินออกไปทันที
ทางเดินระหว่างห้องนอน อุรารัตน์เดินฉับๆ เพื่อไปหารจนาไฉน..แต่เจอโลมฤทัยที่ยืนจ้องอยู่อย่างเอาเรื่องเหมือนคนขาดสติที่กำลังจะสูญเสียสิ่งที่ตัวเองต้องการ
"ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย"
อุรารัตน์เดินเชิดเข้าหาโลมฤทัย
"ฉันรู้ว่าเธอต้องการอะไร เธอกำลังผิดหวังที่รู้ว่าปัทม์ท้องกับฉัน แผนการแย่งชิงผัวพี่ของเธอยากขึ้น แต่บอกให้เลย เลิกคิดแย่งปัทม์ได้เลย ฉันไม่มีวันยอมรับเมียสามคนในบ้านนี้ ฉันต้องเป็นหนึ่งเดียว"
โลมฤทัยตบหน้าอุรารัตน์
"แก!"
"นี่เป็นการเตือนสติให้ตื่นมาจากโลกแห่งความฝัน"
"แกตบฉัน ฉันจะฆ่าแก"
อุรารัตน์ชักมีดที่ซ่อนไว้ออกมา ถือมีดขู่โลมฤทัย
"กลัวตาย ก็เก็บของกลับกรุงเทพฯซะ"
โลมฤทัยใจเด็ด พุ่งเข้ามาจับข้อมืออุรารัตน์บิดจนมีดหลุดมือ ตกพื้น
อุรารัตน์กัดหรือพุ่งชนอีกฝ่ายจนเสียหลัก แล้วตบจนล้มคว่ำไป ฝ่ายโลมฤทัยยิ่งบันดาลโทสะ อุรารัตน์ก้มเก็บมีด โลมฤทัยเข้ามาเหยียบมืออุรารัตน์แล้วกระชากหัวขึ้นมา และลากออกไปอีกมุมหนึ่ง
" คิดจะฆ่าฉัน แกต้องโดนแบบนี้"
จันทร์เจ้ากับปยงค์เดินผ่านมาอีกมุม เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเข้าพอดี
"แย่แล้วป้า"
"แกไปตามคุณรจนาไฉน... ฉันจะไปหาคุณปัทม์"
ทั้งสองตกใจรีบวิ่งออกไป
ภายในห้องครัวรจนาไฉนกำลังทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพให้อุรารัตน์ จันทร์เจ้าวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
"จันทร์มาก็ดีแล้ว ช่วยเอาน้ำผักสุขภาพไปให้คุณอุรารัตน์หน่อย"
จันทร์รับมาก่อนนึกได้
"เจ้า...ไม่เจ้าค่ะ"
"มีอะไร"
"เล่าไม่ทันการ ไปดูเองเถอะเจ้า"
จันทร์เจ้าลากรจนาไฉนออกไปจากห้องครัว
โลมฤทัยลากหัวอุรารัตน์มาที่บันได นงนุชถือกระเป๋าเห็นเหตุการณ์ก็ตกใจ ทิ้งกระเป๋าวิ่งเข้าไปห้าม
"หยุดนะคะ อย่าทำร้ายคุณแอรี่ คุณแอรี่กำลังท้องอยู่นะคะ"
โลมฤทัยผลักอุรารัตน์กระแทกกับพื้น
"คุณแอรี่"
โลมฤทัยตรงเข้ามาตบหน้านงนุช ฝ่ายนงนุชตั้งตัวได้พุ่งเข้าไปถีบโลมฤทัยจนล้มกองลงกับพื้น
"ไม่รู้จักอีนงนุชตลาดแตกแล้ว เข้ามาสิเว้ย ตัวต่อตัว"
โลมฤทัยลุกขึ้นมา นงนุชจะหันกลับมาตบซ้ำ โลมฤทัยคว้าแจกันฟาดใส่หัวนงนุช นงนุชนอนกองกับพื้น หัวแตก
"นงนุช!"
โลมฤทัยหันมาจ้องหน้าอุรารัตน์แบบเอาเป็นเอาตาย
"ยังรู้จักฉันน้อยไป"
โลมฤทัยตบฉาดเข้าใส่อุรารัตน์อีกดอกหนึ่ง อุรารัตน์ถลา..
"ว๊าย"
อุรารัตน์หงายหลังล้มลงตกบันได รจนาไฉน โดยจันทร์เจ้าวิ่งตามหลังเข้ามาทันเห็นภาพอุรารัตน์ตกบันได
"คุณอุรารัตน์”
อุรารัตน์กลิ้งตกลงมาตามขั้นบันได ไปนอนนิ่งกับพื้น มีคราบเลือดไหลออกมา
รจนาไฉนวิ่งเข้าหาอุรารัตน์ที่นอนหมดสติ โลมฤทัยเห็นเลือดก็นิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก กลัวความผิด
นงนุชเริ่มรู้สึกตัว ร้องคราง
"โอย ช่วยด้วย"
จันทร์เจ้าได้ยินเสียงก็รีบวิ่งบันไดขึ้นไป
รจนาไฉนรีบเข้าไปประคองร่างอุรารัตน์
"คุณอุรารัตน์ไม่เป็นอะไรนะคะ ฉันจะพาไปส่งโรงพยาบาล"
รจนาไฉนจะประคองอุรารัตน์ โลมฤทัยตัวสั่นค่อยๆ เดินลงมาตามบันได แต่ยังไม่วายออกอาการริษยา
"หยุดนะ ปล่อยให้มันแท้งลูกตายตรงนี้"
"น้องพบ รู้ตัวรึเปล่าว่าทำอะไร"
โลมฤทัยคิดนิดหนึ่ง หาทางเอาตัวรอด
"ฉันรู้... ฉันต้องการปกป้องศักดิ์ศรีของพี่ บ้านนี้ต้องมีภรรยาเพียงคนเดียวคือพี่ ไม่ใช่มัน"
"พี่จะพาคุณอุรารัตน์ไปโรงพยาบาล"
รจนาไฉนจะเข้าไปประคอง โลมฤทัยเข้ามาผลักพี่สาว
"พี่โง่ไปแล้ว ไม่ได้ ฉันไม่มีวันปล่อยให้มันไป"
"ไม่ต้องเรียกพี่... พี่ไม่มีน้องที่ใจร้ายเกินมนุษย์แบบนี้"
รจนาไฉนจะประคองอุรารัตน์ให้ออกไป โลมฤทัยปราดเข้ามาจะตบ แต่รจนาไฉนรั้งมือไว้ แล้วตบกลับ โลมฤทัยตกใจ
"พี่ทำร้ายฉัน"
"พี่ต้องการสติความเป็นคนของเธอกลับคืนมา"
"รจนาไฉน เกิดอะไรขึ้น"
โลมฤทัยนิ่งอึ้งยืนตัวสั่น ตกใจที่ปัทม์เข้ามา โลมฤทัยรีบเดินหนีออกไปทันที
"ป้ากับพี่ชิมาช่วยนงนุชด้วย"
ชิและปยงค์วิ่งขึ้นบันไดไปช่วยดูแลนงนุช
รจนาไฉนบอกกับปัทม์
"เราต้องช่วยคุณอุรารัตน์ค่ะ"
ปัทม์ยืนมองภาพด้วยความตกใจ
ปัทม์อุ้มอุรารัตน์ขึ้นรถ โดยมีรจนาไฉนคอยช่วย ลำเพาเดินเข้ามาที่มุมหนึ่ง
"ตายแล้ว เกิดอะไรขึ้น"
"คุณแม่ไปถามน้องพบดีกว่าค่ะ"
รจนาไฉนขึ้นรถ ปัทม์ขับรถออกไป ลำเพามองตามด้วยความตกใจ คิดกังวลใจว่าโลมฤทัยทำเรื่องร้ายแรง
ภายในหน้าห้องฉุกเฉินเวลากลางคืน เจ้าหน้าที่เข็นร่างอุรารัตน์เข้าไปในห้องฉุกเฉิน คุณหมอกำลังจะเดินเข้าไป
"คุณหมอคะ ช่วยให้เด็กและแม่ปลอดภัยด้วยนะคะ"
"ครับ ผมจะทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด"
หมอรับปากรจนาไฉน แล้วเข้าห้องฉุกเฉินไป ปัทม์เข้ามาปลอบใจ
"อุรารัตน์กับลูกต้องปลอดภัย"
รจนาไฉนกังวลใจ ยืนให้กำลังใจอุรารัตน์ที่หน้าห้อง...
ลำเพาเดินเข้ามาในห้อง โลมฤทัยตีหน้าไม่รับรู้เรื่องราว
"คุณแม่มีธุระอะไรคะ วันนี้พบไม่ค่อยสบาย อยากจะนอนแล้ว"
โลมฤทัยจะเดินหนีไปที่เตียง ลำเพาเข้าตบหน้าโลมฤทัย
"คุณแม่"
"รู้ตัวรึเปล่าว่าทำอะไรลงไป คิดฆ่าคน แกจะกลายเป็นฆาตกร"
โลมฤทัยน้ำตาไหล ร้องไห้ออกมา ตกใจที่ลำเพาโวยวายใส่
"พบผิดเหรอคะ พบรักคุณปัทม์ แต่มันมาแย่งชิงคุณปัทม์ของพบ พบปกป้องสิ่งที่รัก พบไม่ผิด"
ลำเพาเห็นอาการของโลมฤทัยก็ตกใจ ลดเสียงและอาการเกรี้ยวกราดลง
"การรักใครสักคนไม่มีคำว่าผิดหรือถูก มันมีแต่คำว่าใช่หรือไม่ใช่ ในเมื่อเราไม่ใช่สำหรับเขา ก็หยุดเพียงแค่นี้เถอะ"
"คุณแม่เป็นอะไร ทำไมวันนี้จู่ๆ มาบอกให้พบหยุด"
"วันนี้แกเกือบจะฆ่าคนไปถึงสองคนนะ ทั้งนังนงนุชกับนังแอรี่ นี่ยังไม่รู้ว่าลูกในท้องนังแอรี่จะเป็นยังไงบ้าง แม่ปล่อยให้ลูกที่แม่รักคลุ้มคลั่งเสียสติทำร้ายคนไม่ได้หรอก พอซะทีเถอะ.. ผู้ชายไม่ได้มีแค่คุณปัทม์คนเดียว"
โลมฤทัยร้องไห้
"พบเลิกรักคุณปัทม์ไม่ได้"
"ยอมรับความจริงเถอะลูก บุญวาสนาเรามีแค่นี้ อย่าจองล้างของผลาญสร้างเวรกรรมอีกเลย ที่เราต้องทรมานใจกันทุกวันนี้ คงเป็นเพราะบาปกรรมที่เราทำไว้มันหนักเหลือเกิน หยุดเถอะ"
"พบแพ้แล้วเหรอแม่"
"ลูกไม่ได้แพ้ แต่ลูกต้องยอมรับความจริง"
ลำเพาเข้าไปกอดลูกสาว โลมฤทัยร้องไห้เสียใจอย่างหนัก
โลมฤทัยกรีดเสียงดังลั่น
"แอร๊ย.."
"ลูกพบ"
โลมฤทัยกรีดเสียงดังลั่นด้วยความเสียใจ และสลบเหมือดไปตรงนั้น
ปัทม์กับรจนาไฉนนั่งรออยู่ที่โรงพยาบาล นงนุชหน้าจ๋อย.. ศีรษะมีผ้าพันทำแผลจากที่โดนทำร้ายเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่เป็นอะไรมาก หมอเดินออกมา นงนุชถลาเข้าไปหาหมอ รจนาไฉนเดินไปพร้อมกับปัทม์
"อุรารัตน์เป็นยังไงบ้างครับ"
"คนไข้กับเด็กในท้องปลอดภัยแล้วครับ แต่กว่าจะฟื้นคงอีกสักพักหนึ่ง วันนี้คงต้องมีคนเฝ้าไข้นะ" ครับ
"เดี๋ยวนงนุชดูแลคุณแอรี่เองค่ะ"
"ฝากด้วยนะนงนุช ถ้าขาดเหลืออะไรโทรไปที่ไร่ ฉันจะให้คนจัดมาให้"
นงนุชมองอึ้งในความดี
"เอ้อ... ค่ะ ขอบคุณค่ะ"
รจนาไฉนหันไปพยักหน้ากับปัทม์เป็นเชิงให้กลับบ้าน ทั้งคู่เดินออกไป นงนุชมองตามอย่างอึ้งไม่เลิก
รถปัทม์แล่นเข้ามาจอด ทั้ง 2 คนเดินลงมาจากรถจะเดินเข้าไปภายในบ้าน รจนาไฉนหันไปที่บ้านพักรับรองเห็น ลำเพานั่งอยู่ด้วยท่าทางไม่สบายใจ
" ขอฉันไปดูคุณแม่หน่อยนะคะ"
ปัทม์พยักหน้าเชิงอนุญาต รจนาไฉนเดินออกไป ปัทม์มองตาม
ลำเพานั่งเศร้าและเป็นทุกข์เรื่องของโลมฤทัย รจนาไฉนถือถาดใส่ชาเข้ามาวางไว้ ลำเพาหันไปมองด้วยความแปลกใจ เธอรินชาใส่ถ้วยส่งให้แม่
"ชาร้อนๆ จะทำให้ร่างกายอุ่น แล้วยังช่วยลดความเครียดด้วยค่ะ"
เธอส่งถ้วยชนให้ลำเพา ลำเพารับมาแล้วเททิ้ง รจนาไฉนผิดหวัง แต่ไม่ละความตั้งใจ รินชาใส่ถ้วยใบใหม่ให้อีก คราวนี้ลำเพาปัดทิ้งตกพื้น..
"คุณแม่คะ... ความดีของเพื่อนไม่เคยเอาชนะใจคุณแม่ได้ใช่มั้ยคะW
"การเสแสร้งแกล้งทำไม่เรียกว่าความดี ฉันรู้นะดี แกตั้งใจมาเย้ยฉัน สะใจที่ลูกพบของฉันกำลังลำบาก อาจจะโดนนังแอรี่เล่นงานเรื่องที่ทำร้ายมัน"
"เพื่อนไม่เคยคิดอย่างนั้นนะคะ เพื่อนเองก็อยากช่วยเหลือน้องพบ"
ลำเพาสวนขึ้น
"อย่ามัวดีแต่พูด แสดงให้ฉันเห็นสิ ว่าแกรักน้องห่วงน้อง"
มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
ลำเพาตรงเข้ามารจนาไฉน
"รับปากกับฉันได้มั้ย ว่าน้องจะไม่โดนจับเข้าคุก"
"เพื่อนจะพยายามให้ดีที่สุดค่ะ"
ลำเพาตะคอกใส่
"ไม่ใช่แค่พยายามแต่แกต้องทำให้ได้ ได้ยินมั้ยว่าแกต้องทำให้ได้"
ลำเพาเดินหนีไป รจนาไฉนก้มเก็บถ้วยชา เสียใจที่ลำเพายังไม่รักเธอ นพรัตน์มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด นึกสงสารรจนาไฉนและคิดจะทำอะไรบางอย่าง
มุมหนึ่งที่เรือนรับรอง ลำเพาเดินมา เจอกับนพรัตน์
"ถ้าการทำดีของลูกเพื่อนถูกตีความว่าเสแสร้งแกล้งทำ แล้วการสร้างเรื่องวุ่นวายอยู่ตลอดเวลาของลูกพบ จะเรียกว่าอะไร"
"พูดอะไรของคุณ"
"คุณควรเปิดตาเปิดใจ... ยอมรับความจริงบ้างว่าที่ผ่านมาลูกพบทำอะไรไว้บ้าง อายุปูนนี้แล้ว...แยกแยะให้ออกบ้างสิว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาน่ะ ใครดี.. ใครร้าย"
ลำเพาอึ้งๆ ที่จู่ๆ คนเงียบๆ อย่างนพรัตน์จะกล้าพูดแบบนี้อย่างจริงจัง
ในอดีต สองพี่น้องยังอยู่ในวัยเด็ก โลมฤทัยทึ้งตุ๊กตาและทำลายข้าวของเกลื่อนพื้น
"นี่แน่ะ ของรักของแกใช่มั้ย ฉันจะทำลายให้หมด"
"อย่านะน้องพบ อย่าทำน้องตุ๊กตา"
รจนาไฉนเข้ามาห้าม แต่โลมฤทัยก็ยื้อไม่ยอมปล่อย.. ลำเพาเข้ามาในห้อง เห็นสภาพห้องเลอะเทอะ
"นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น"
โลมฤทัยแกล้งทำทีว่าโดนรจนาไฉนผลัก...
"คุณแม่ขา"
ลำเพาตกใจ...วิ่งเข้าไปหาโลมฤทัย
"ลูกพบ"
โลมฤทัยร้องไห้
"พี่เพื่อนแกล้งพบค่ะ พบจะขอเล่นตุ๊กตา พี่เพื่อนไม่ให้เล่น ดึงตุ๊กตาขาดแล้วเอาของเล่นปาใส่พบค่ะ"
"นังเพื่อน...ไม่มีน้ำใจแบ่งปันน้อง ต่อไปฉันจะไม่ซื้ออะไรให้แกเล่นอีก เก็บกวาดให้เรียบร้อย ไม่งั้นฉันตีแกตาย"
โลมฤทัยแอบยิ้มเย้ยด้วยความสะใจ ลำเพาพาโลมฤทัยขึ้นไปบนห้อง....
รจนาไฉนเสียใจ เข้ามาหยิบตุ๊กตาแล้วก้มของด้วยความเสียใจที่ถูกใส่ร้าย นพรัตน์ยืนมองเห็นเหตุการณ์
ภายในห้องนอนลำเพา ลำเพานอนป่วย รจนาไฉนในวัยเด็กเข้ามา เอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้ลำเพา ด้วยความเป็นห่วง ลำเพาค่อยๆรู้สึกตัว พยายามลืมตาขึ้นจะหันมามองเห็นภาพเลือนลาง
"เพื่อน เพื่อนมาดูแลแม่เหรอ"
โลมฤทัยเข้ามาผลักรจนาไฉนออก แล้วแย่งผ้าเข้ามาหาลำเพา
"คุณแม่ตื่นแล้วเหรอคะ คุณแม่เจ็บรึเปล่าคะ พบจะเช็ดตัวให้คุณแม่อีก"
"ลูกเช็ดตัวให้แม่เหรอจ้ะ"
"ค่ะ พบเป็นห่วงคุณแม่ค่ะ"
ลำเพาโอบกอดโลมฤทัย
"ลูกรักของแม่"
รจนาไฉนยืนดูด้วยความเศร้าใจที่ถูกโลมฤทัยแย่งเอาความดี นพรัตน์เห็นเรื่องราวทั้งหมด
มุมหนึ่งที่บ้านพักรับรองลำเพานิ่งอึ้งเมื่อรู้ความจริงทั้งหมด
"วันนี้เวลานี้... คุณต้องมีความเป็นแม่ให้กับลูกเพื่อนมากกว่าเดิม ยอมรับความจริงบ้างเถอะ"
ลำเพานิ่งอึ้ง
"หัวใจบริสุทธิ์ของลูกเพื่อนที่ทำความดีโดยไม่ต้องการผลตอบแทนหรือเรียกร้อง คุณยังจะเรียกความดีนี้ว่าการเสแสร้งอีกเหรอ"
ลำเพาเริ่มรู้สึกผิด
"ยี่สิบกว่าปีที่ฉันทำร้ายจิตใจลูก มันคงจะสายเกินไปที่จะแก้ตัวหรือร้องขอความเห็นใจ"
"ไม่มีคำว่าสาย ถ้าเรายังมีลมหายใจ"
นพรัตน์เดินไปแตะที่ไหล่ลำเพา
"ลำเพา.. ผมคิดว่าตัวเองเลือกคู่ชีวิตไม่ผิด แค่คุณรักลูกพบจนละเลยที่จะใส่ใจคนที่รักคุณมากที่สุด มันก็เท่านั้น"
"ฉันควรทำยังไง"
"ทำแบบแม่ที่รักลูกอย่างจริงใจจะทำ เชื่อมั่นในความดี คุณมีความเป็นแม่ที่ดีได้ ผมเชื่อมั่นอย่างนั้น"
ลำเพานิ่งคิด
"อย่าทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดเลยนะ ผมคงทนไม่ได้ที่ต้องอยู่กับผู้หญิงไม่รู้จักคิด ไม่รู้จักว่าอะไรดี...อะไรเลว"
ลำเพาตกใจ
"คุณจะเลิกกับฉัน"
"นั่นเคยเป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมคิดจะทำ แต่มาวันนี้...บอกตามตรงว่าผมเริ่มไม่แน่ใจแล้ว"
ลำเพาคิดด้วยสีหน้าไม่สบายใจ นพรัตน์พูดจบก็เดินออกไป ทิ้งให้ลำเพาอยู่ในความคิดตัวเองอยู่คนเดียว
ห้องพักผู้ป่วย อุรารัตน์นอนอยู่ในห้องพัก ค่อยๆ รู้สึกตัว นงนุชกำลังเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้
"ลูกฉัน ลูกฉันเป็นยังไง"
"เด็กปลอดภัยค่ะ ดีนะคะที่คุณรจนาไฉนเป็นคนช่วยไว้ ไม่งั้นคุณแอรี่โดนยายโลมฤทัยกระทืบแท้งลูกไปแล้วค่ะ"
อุรารัตน์ไม่พอใจ
"นังรจนาไฉนอีกแล้ว สาระแน"
"พูดงี้ได้ไงคะ เจ็บปางตายยังไม่สำนึกบุญคุณอีก"
"ฉันเกลียดมัน มันแย่งปัทม์ไปจากฉัน"
อุรารัตน์เบือนหน้าหนีไปอีกทาง นงนุชเข้ามาคุยหว่านล้อมอุรารัตน์
"ยอมรับความจริงเถอะค่ะ คุณปัทม์ไม่เคยรักคุณแอรี่ คุณปัทม์รักคุณรจนาไฉน คุณแอรี่ต่างหากที่ทำลายครอบครัวเขา"
อุรารัตน์อึ้ง...พูดไม่ออก
"แล้วที่สำคัญ...คุณปัทม์ไม่เคยมีอะไรกับคุณแอรี่สักครั้ง"
อุรารัตน์ทำเป็นเถียง
"เด็กในท้องเป็นลูกของปัทม์"
นงนุชเตือนสติ
"คิดค่ะคิด พอเด็กคลอดมีการตรวจดีเอ็นเอ คุณแอรี่จะตอบคำถามลูกว่า ใครเป็นพ่อคะ"
อุรารัตน์อึ้ง
"คิดสิคะ...คิด"
อุรารัตน์ไม่พอใจที่ถูกนงนุชกระตุกต่อมความจริง เบือนหน้าหนีไปอีกทาง นงนุชยืนพูดอยู่ที่เดิม ให้อุรารัตน์ได้คิด
"คนทำดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ แต่คนที่ทำบาปมีแต่จะรอวันรับกรรมอย่างสาสม"
อุรารัตน์คิดตามที่นงนุชพูด
ภายในโรงพยาบาล รจนาไฉนเดินตรงเข้าไปยังห้องพักผู้ป่วย ปัทม์เดินตามหลังเธอเข้าไป
"คุณอุรารัตน์คะ"
อุรารัตน์พยายามตั้งสติ มองรจนาไฉน
"ลูกของคุณปลอดภัยแล้ว"
"ฉันรู้แล้วค่ะ"
รจนาไฉนเข้ามากุมมือบอกอุรารัตน์
"ฉันขอโทษแทนน้องสาวฉันด้วยนะคะ เธอทำไปด้วยความโกรธ เธอขาดสติยั้งคิด"
"แต่มันตั้งใจฆ่าฉัน"
"ฉันขอรับผิดทั้งหมดแทนน้องสาวของฉัน"
รจนาไฉนเอามือกุมมืออุรารัตน์
"ฉันรู้ว่านี่เป็นเรื่องเลวร้ายไม่สมควรให้อภัย แต่หากคุณยังเชื่อในการให้อภัย เชื่อว่าคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงและพัฒนาได้ ฉันอยากให้คุณให้โอกาสน้องสาวฉัน"
ลำเพายืนอยู่หน้าห้อง...ตั้งใจมาหาอุรารัตน์ ได้ยินเรื่องราวทั้งหมด รจนาไฉนส่งสายตาวิงวอน อุรารัตน์มองรจนาไฉนแล้วเอามือรจนาไฉนออก
"จะให้ฉันทำยังไง บอกมาเถอะค่ะ แต่กรุณาอย่าเอาผิดกับน้องสาวฉันเลย... ฉันขอร้องละค่ะ"
อุรารัตน์ยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไม่พูดไม่ตอบ รจนาไฉนจะคุกเข่าลงข้างเตียง ปัทม์เห็นเข้าจะดึงเธอไว้
"ปล่อยให้ฉันทำตามที่ใจฉันรู้สึกเถอะนะคะคุณปัทม์ ฉันต้องทำเพื่อน้องพบ"
ลำเพาที่แอบมองอยู่ถึงกับอึ้งไป เมื่อได้ยินคำพูดและการกระทำของรจนาไฉน
"คุณอุรารัตน์คะ ฉันกราบขอร้องล่ะค่ะ"
ลำเพายืนมองรับรู้ว่ารจนาไฉนยอมทำเพื่อโลมฤทัย ก็รู้สึกสำนึกผิด ปัทม์ทนไม่ได้ ต้องดึงไม่ให้รจนาไฉนกราบอุรารัตน์
"พอเถอะ"ปัทม์บอก
" คุณแอรี่คะ"
อุรารัตน์ทำใจแข็งพูดกับปัทม์
"ปัทม์คะ แอรี่ต้องการพักผ่อนค่ะ"
ลำเพาเสียใจที่อุรารัตน์ยังคงใจแข็ง แต่เธอก็ได้รับรู้ความตั้งใจของรจนาไฉน เธอรีบเดินออกไป ก่อนรจนาไฉนจะเห็นเธอ ปัทม์ประคองรจนาไฉนออกไป อุรารัตน์หันไปมองด้วยสายตาเย็นชา แต่มีน้ำตาไหลออกมา
รจนาไฉนเดินเศร้าเข้ามาในบ้าน ปัทม์เข้ามาให้กำลังใจ
"ไม่ต้องเสียใจนะ เธอพยายามดีที่สุดแล้ว"
"ฉันเข้าใจเธอค่ะ"
"รอให้อุรารัตน์หายดีและใจเย็นลง เขาอาจเปลี่ยนใจ"
"ฉันขอตัวนะคะ"
รจนาไฉนจะเดินไปยังเรือนพักของโลมฤทัย
"ผมไปด้วย"
"ไม่เป็นไรค่ะ ขอฉันคุยกับพบตามประสาพี่น้องดีกว่า"
ปัทม์เข้าใจความรู้สึก รจนาไฉนเดินออกไป ปัทม์มองตามด้วยความเป็นห่วง
รจนาไฉนเดินเข้ามาในห้อง ลำเพากำลังดูแลโลมฤทัยที่นอนหลับอยู่บนเตียง
"น้องเสียใจมากกับสิ่งที่ทำไป น้องสำนึกผิดร้องไห้จนหลับไป ลูกอย่าต่อว่าน้องอีกเลยนะ"
"เพื่อนพูดกับคุณอุรารัตน์แล้ว แต่เพื่อนเกรงว่า..."
"ช่างเถอะ แม่รู้ว่าลูกพยายามดีที่สุดแล้ว"
มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
รจนาไฉนแปลกใจที่ลำเพากลับพูดจาและดีกับเธอ
"ลูกเพื่อน...ลูกให้อภัยแม่ได้ไหม"
รจนาไฉนแปลกใจ
"คุณแม่"
"แม่ผิดไปแล้ว แม่ผิดไปแล้วจริงๆ ลูกจะเกลียดจะชังแม่ยังไง แม่จะไม่โกรธลูกเลย...แต่แม่ขอนะ ให้อภัยแม่ด้วย"
รจนาไฉนเข้ามาจับมือลำเพา
"เพื่อนไม่มีวันโกรธหรือเกลียดแม่หรอกค่ะ แต่เพื่อนให้อภัยแม่ไม่ได้ เพราะเพื่อนไม่เคยโกรธแม่ บุญคุณแม่สูงส่งเกินกว่าจะขอโทษเพื่อน เพื่อนรักคุณแม่ค่ะ"
ลำเพาโอบกอดรจนาไฉนด้วยความรักและตื้นตันใจในตัวลูกสาว นี่เป็นกอดครั้งแรกที่เธอโหยหามาตลอดชีวิตของการเป็นแม่ลูก ที่สุดเธอก็ได้รับ...
ลำเพาเช็ดน้ำตาให้รจนาไฉนที่ยิ้มมีความสุข...
"ถ้าเรื่องราวจบลงด้วยดี...แม่จะพาน้องกลับไปกรุงเทพฯ"
"เพื่อนไม่ต้องการให้เป็นอย่างนั้นนะคะ"
"แม่ตัดสินใจดีแล้ว แม่จะพาคุณพ่อกลับไปรักษาตัวด้วย ลูกควรจะดูแลครอบครัวของลูกและมีความสุขกันซะที"
"เพื่อนฝากดูแลน้องด้วยนะคะ เพื่อนจะพยายามช่วยเหลือให้ดีที่สุด"
รจนาไฉนเดินออกไป ลำเพาเดินออกไปส่ง โลมฤทัยที่นอนหลับ ลืมตาตื่น หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมด... โลมฤทัยยังคงมีความโกรธแค้น กำมือแน่น
"ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น ที่นี่คือบ้านของฉัน"
นงนุชประคองอุรารัตน์มาที่หน้าบ้าน จันทร์เจ้าและปยงค์เดินออกมากันไว้ พูดจากระแนะกระแหน
"เอ้า..คุณอุรารัตน์กลับมาแล้ว ป้าขอโทษค่ะไม่ทันได้ไปเยี่ยม"
"จันทร์ว่าจะไปอยู่พอดี แต่ไม่ทราบว่านอนอยู่ศาลาไหนเจ้า"
"นอนศาลา หมายถึงคนตายนะนังจันทร์"
"เอ้า...ไม่ตายเหรอเจ้า"
ปยงค์และจันทร์เจ้าหัวเราะเยาะเย้ย
"อย่ามาแช่งฉันนะ"
อุรารัตน์จะตบ นงนุชรีบห้าม
"พอเถอะค่ะ"
นงนุชถามปยงค์กับจันทร์เจ้า
"คุณปัทม์อยู่ไหนจ้ะ"
"ไม่รู้"
"ไม่เห็น"
"อย่ามาทำให้ฉันอารมณ์เสีย ปัทม์อยู่ไหน"
ปยงค์และจันทร์จำต้องชี้เข้าไปในบ้าน
"ก็แค่เนี้ย"
อุรารัตน์เดินกระแทกเข้าไปในบ้าน นงนุชยืนอยู่ไม่ได้ตามเข้าไป...
"เอ้านังขี้ข้า ไม่ตามไปสอพลอเจ้านายแกล่ะ"
นงนุชหันมายกมือไหว้ปยงค์และจันทร์เจ้า
"ขอบใจมากนะ ที่ช่วยทำแผลให้ฉัน"
ปยงค์และจันทร์เจ้าอึ้งที่นงนุชเปลี่ยนท่าทีพูดดีและขอบคุณ นงนุชเดินเข้าไปในบ้าน
"นังขี้ข้ามันยกมือไหว้พวกเรา"
"หลังจากถูกฟาดด้วยแจกันสมองกลับ.. รู้งี้ฉันเอาแจกันฟาดหัวมันไปนานแล้ว" จันทร์เจ้าบอก
"ว่าแต่ว่า นังคุณแอรี่กลับมาคราวนี้จะแผลงฤทธิ์อะไรอีก"
ปยงค์และจันทร์เจ้ากังวลใจเรื่องของอุรารัตน์
อุรารัตน์เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนปัทม์ รจนาไฉนกำลังช่วยติดกระดุมเม็ดสุดท้ายให้ปัทม์พอดี
"คุณอุรารัตน์"
อุรารัตน์ตรงเข้ามาพูดกับปัทม์
"ปัทม์.. คุณก็รู้ว่าฉันรักคุณมาก แต่คุณไม่เคยรักฉันเลย คุณรักรจนาไฉนมากเท่าไหร่ ฉันยิ่งเจ็บมากเท่านั้น.. แต่ฉันจะไม่ทำให้ตัวเองหรือคนอื่นต้องเจ็บปวดเพราะการกระทำของฉันอีก ฉันขอโทษ"
รจนาไฉนและปัทม์แปลกใจ
"ฉันขอโทษจริงๆ"
รจนาไฉนเข้ามาหาอุรารัตน์
"คุณหายดีแล้วใช่มั้ยคะ เดี๋ยวฉันจะหายาสมุนไพรบำรุงมาให้"
อุรารัตน์ผลักรจนาไฉนออก
"ไม่ต้องยุ่งกับฉัน ทำไมเธอต้องดีกับฉันด้วย ถ้าเธอเกลียดชัง กลั่นแกล้งฉัน ฉันคงมีความสุมากกว่าทนทุกข์ใจอย่างนี้ ยิ่งเธอดีกับฉันเท่าไหร่ ฉันยิ่งเจ็บ"
นงนุชถือกระเป๋าเข้ามาหาอุรารัตน์
"นงนุชเก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้วค่ะ"
"เธอจะไปไหน”
"แอรี่จะไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ค่ะ"
"คุณต้องอยู่ที่นี่ ฉันปล่อยให้คุณและลูกคุณปัทม์ตกระกำลำบากไม่ได้"
"อย่าห่วงมันเลย มันไม่ใช่ลูกของปัทม์"
รจนาไฉนและปัทม์อึ้ง
"พ่อมันเป็นผู้ชายเลวๆคนนึง แต่พวกคุณไม่ต้องห่วงนะ ฉันยังมีหัวใจของความเป็นแม่ ฉันไม่มีวันทำร้ายลูกฉัน เพราะเขาเป็นสิ่งเดียวในชีวิตที่ฉันมี"
ปัทม์และรจนาไฉนดีใจที่อุรารัตน์สารภาพความจริง และกลับใจเป็นคนดี..
"ฉันจะให้ชิหาบ้านเช่าให้เธออยู่ และจัดการทุกอย่างให้"
"ขอบคุณมากนะคะปัทม์ไ
อุรารัตน์ยิ้มพอใจที่ปัทม์ช่วยเหลือเธอ....
"แล้วคุณพอจะให้อภัยน้องพบได้รึเปล่า"
อุรารัตน์ไม่ตอบเดินออกไปจากห้องทันที รจนาไฉนจะตามไป แต่ปัทม์รั้งไว้
"ถึงเวลาที่โลมฤทัยต้องยอมรับโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว"
ปัทม์พูดให้ข้อคิด รจนาไฉนเข้าใจปัทม์ แต่อดกังวลใจและเป็นห่วงน้องสาวไม่ได้..
ภายในห้องพักโลมฤทัย ลำเพาจัดเก็บเสื้อผ้า เตรียมตัวจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ โลมฤทัยเข้ามาโวยลั่น
"พบไม่กลับค่ะ"
"ไม่ได้ ยังไงลูกก็ต้องกลับ แม่ไม่ยอมให้ลูกสร้างปัญหาให้ลูกเพื่อนอีก"
"คุณแม่พูดเต็มปากว่ามันเป็นลูกคุณแม่"
"ลูกเพื่อนก็ได้พิสูจน์ให้แม่เห็นแล้วว่า ความรักเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องมาจากสายเลือด"
"คุณแม่"
ลำเพาไม่สนใจ เก็บของใส่กระเป๋า อุรารัตน์เข้ามาในห้อง
"คิดจะหอบเสื้อผ้าหนีความผิด มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ"
"คราวที่แล้วยังไม่เข็ด อยากตายนักใช่มั้ย"
โลมฤทัยปราดเข้ามาจะตบอุรารัตน์
"แกตบหน้าฉัน ฉันจะแจ้งความว่าแกพยายามฆ่าฉันและลูก"
โลมฤทัยนิ่งค้างทันที
"ยังไม่ได้แจ้งตำรวจ"
อุรารัตน์ตบหน้าโลมฤทัย ลำเพารั้งลูกสาวที่ปรี่เข้าไปจะหาเรื่อง
"ฉันไม่เอาเรื่อง...ไม่ใช่ฉันให้อภัย แต่ฉันแพ้ความดีของพี่สาวแก"
"รจนาไฉน" ลำเพาพึมพำ
"ถ้าแกทำดีได้แค่เสี้ยวของรจนาไฉน โลกนี้คงน่าอยู่ขึ้นอีกเยอะ กำลังจะไปจากที่นี่ก็ดีแล้ว คนเลวอย่างแกไม่ควรทำให้คนดีต้องมัวหมอง"
โลมฤทัยโกรธจัดที่ทุกคนยกย่องความดีให้รจนาไฉน
บริเวณทุ่งดอกไม้สวยงามกว้างใหญ่ ปัทม์นอนประคองรจนาไฉนไว้ที่กลางทุ่ง ยิ้มให้เธอด้วยความรัก
"เราแต่งงานกันแล้ว แต่เรายังไม่เคยจัดงานฉลองให้เธอเลย"
"ฉันไม่ต้องการค่ะ แค่มีโอกาสกับคุณอย่างนี้... ฉันก็ดีใจที่สุดแล้ว"
"ไม่ได้... ฉันต้องการประกาศให้ทุกคนรู้ว่าพ่อเลี้ยงปัทม์ ปัทมกุลมีภรรยาที่แสนดีแค่ไหน"
ปัทม์โอบกอดรจนาไฉนด้วยความรัก ที่มุมหนึ่ง..โลมฤทัยแอบฟังทั้งสองคุยกัน
"ฉันจะมอบของขวัญให้แกอย่างสมเกียรติ"
โลมฤทัยจ้องมองอาฆาตแค้นรจนาไฉน
วันใหม่ บริเวณไร่ปัทม์ เวลาเย็นมีการจัดเลี้ยงเพื่อฉลอง บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข ใครคนหนึ่งที่จ้องไปที่งาน ปลายเท้าของชายหลายคนกำลังล้อมอยู่บริเวณไร่แห่งนั้น
ภายในห้องนอน ปัทม์เรียกหารจนาไฉน
"รจนาไฉน เสร็จรึยังครับ"
รจนาไฉนแต่งชุดสวยเดินเข้ามายืนที่กลางห้อง ปัทม์ยืนมองด้วยความตะลึง
"เป็นอะไรคะ ทำหน้ายังกับไม่เคยเห็น"
ปัทม์ถือสร้อยเดินตรงมาหารจนาไฉน
"ของขวัญแทนใจจากฉัน"
ปัทม์มองรจนาไฉนแล้วโน้มตัวจุมพิตที่หน้าผากเธอ จันทร์เจ้าโผล่มาที่ประตูห้อง
"คุณปัทม์เจ้า"
"มีอะไรเหรอจันทร์" รจนาไฉนถาม
"แขกทยอยมาแล้วค่ะ คุณเปรมเชิญคุณปัทม์ออกไปรับแขก"
"คุณลงไปก่อนค่ะ เดี๋ยวฉันเติมแป้งอีกนิดจะรีบลงไป"
"ครับไ
ปัทม์ออกไป จันทร์เจ้าเดินตามหลังปัทม์ไป
ปัทม์เดินลงมา เจอโลมฤทัยยืนอยู่
"พี่เขยของพบหล่อมากเลยค่ะ"
"เรียกฉันเหมือนเดิมดีกว่า"
"ขอแสดงความดียินดีใจด้วยนะคะ คุณปัทม์กับพี่เพื่อนเป็นสามีภรรยาที่เหมาะสมกันที่สุด และคงเป็นคู่รักกันรักกันจนวันตาย"
โลมฤทัยยิ้มให้ปัทม์แล้วเดินเข้าไปภายในบ้าน ปัทม์ระแวงมองตาม
ลำเพาเข้ามาในห้องโลมฤทัย
"ลูกพบแต่งตัวเสร็จรึยัง ออกไปช่วยงานกันเถอะ"
ลำเพาเข้ามาไม่เจอโลมฤทัยก็แปลกใจ ก็เรียกหา
"ลูกพบ ลูกพบ"
ลำเพามองหาแล้วไปเจอกล่องยา ลำเพาอ่านฉลากข้างกล่องก็ตกใจ
รจนาไฉนปัดแป้งเติมหน้าอยู่ในห้องนอน รู้ตัวว่ามีคนเข้ามา
"เสร็จแล้วจ้ะจันทร์"
โลมฤทัยเดินเข้ามาใกล้ รจนาไฉนมองเห็นน้องสาวจากภาพสะท้อนโต๊ะเครื่องแป้ง
"วันนี้พี่เพื่อนสวยที่สุดเลยค่ะ"
โลมฤทัยเข้าไปก้มกราบ รจนาไฉนอึ้ง
"พบมาขอโทษพี่เพื่อน พบรู้แล้วว่าสิ่งที่พบเคยทำมา...ร้ายแรงเกินให้อภัย พบสัญญาจะไม่ทำให้พี่เพื่อนต้องเดือดร้อนและเสียใจอีก พรุ่งนี้พบจะกลับกรุงเทพฯ"
"พี่จะดีใจมาก.. ถ้าเธอเป็นแบบนั้นจริงๆ ยังไงเราก็เป็นพี่น้องกันนะจ๊ะ"
รจนาไฉนยิ้มอย่างจริงใจให้โลมฤทัย
บริเวณงานเลี้ยงเย็น ปัทม์เดินตรงเข้ามาพูนทวีที่พูดตัดพ้อ
" เป็นเจ้าภาพประสาอะไรวะ ปล่อยให้แขกรอนาน"
"เป็นแขกเหรอ ฉันนึกว่าเป็นชาวดอย"
"เป็นแขกดอย คอยแด๊ก"
พูนทวีหัวเราะชอบใจแล้วตักกินอาหาร
"ถ้ารู้ว่าเป็นแก ไม่รีบลงมาให้เสียเวลาหรอก"
ปวุฒิถือแก้วเครื่องดื่มเดินเข้ามา ร่วมผสมโรง
"แล้วถ้าเป็นผมล่ะครับ"
ปัทม์หันไปมองปวุฒิ พูนทวีชะงัก กินไม่ลง
"งานนี้ท่าจะมีเฮ ถอยดีกว่า"
ปัทม์เดินตรงเข้าหาปวุฒิ
"ผมก็จะรีบลงมาต้อนรับเพื่อนที่ดีที่สุด"
"แล้วฉันล่ะ ไหงแกเคยบอกว่าฉันเคยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด"
"เพื่อนมีหลายประเภท คุณปวุฒิเป็นเพื่อนตาย ส่วนแกน่ะ เพื่อนกิน"
ปัทม์และปวุฒิหัวเราะกัน พูนทวีหัวเราะเจื่อนๆ
โลมฤทัยถือแก้วน้ำส้ม เข้ามาหารจนาไฉน
"น้ำส้มคั้นค่ะ"
รจนาไฉนรับมาด้วยความแปลกใจ
"ตั้งแต่โตมาจำความได้ ตื่นเช้ามาพบจะมีพี่สาวใจดีคอยคั้นน้ำส้มให้ทานทุกวัน วันนี้เป็นวันพิเศษของพี่เพื่อน พบขอคั้นน้ำส้มให้พี่สาวแสนดีของพบค่ะ"
โลมฤทัยยื่นแก้วน้ำส้มให้
มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 15 อวสาน (ต่อ)
อดีตก่อนหน้าไม่นาน ภายในห้องครัว โลมฤทัยฉีกซองยาพิษ รินใส่แก้วน้ำส้มคั้นแล้วคนยาให้เข้ากัน ด้วยความสะใจ
โลมฤทัยยื่นแก้วน้ำส้มให้รจนาไฉน
"แทนคำขอโทษจากใจน้องสาวค่ะ"
รจนาไฉนให้อภัย รับแก้วน้ำส้มมา แล้วยกขึ้นจะดื่ม
โลมฤทัยมองด้วยความพอใจ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการ ขณะที่เธอจะยกแก้วจะดื่ม ลำเพาก็รีบปราดเข้ามาปัดแก้วทิ้ง
"คุณแม่" รจนาไฉนร้องขึ้น
"คุณแม่ทำอะไร" โลมฤทัยถาม
"แม่ก็ช่วยชีวิตลูกของแม่นะสิ"
รจนาไฉนแปลกใจ มองไปที่คราบน้ำส้มบนพื้นพรม เห็นฟองฟู่เกิดขึ้น
ลำเพาตบหน้าโลมฤทัย
"ในน้ำส้มนั่นมียาพิษ ฉันเจอกล่องยาในห้องแก ฉันเดาได้ไม่ยากว่าแกคิดทำอะไร"
"แม่ไปช่วยมัน แม่ไปช่วยนังลูกเลี้ยง แม่ไม่รักพบแล้ว"
"ฉันรักแก แต่ฉันเกลียดความแค้นในใจแก คิดฆ่าได้แม้แต่พี่สาวตัวเอง"
"มันไม่ใช่พี่ของพบ มันเป็นลูกเลี้ยง เด็กข้างถนน พบเกลียดมัน ชีวิตของมันกำลังได้ดีกว่าพบในทุกๆ อย่าง"
"พอเถอะพบ ถึงพบฆ่าพี่ได้ ก็จะไม่มีใครรักพบ"
"ไม่จริง! ถ้าไม่มีแกสักคน คุณปัทม์ก็ต้องรักฉัน"
"ไม่มีใครรักคนเลวได้หรอก"
โลมฤทัยอึ้ง
"ถ้าคุณปัทม์รู้ว่าพบฆ่าพี่ คุณปัทม์ไม่มีวันให้อภัยพบ ทุกคนก็จะเกลียดพบ พบต้องเจอกับความเจ็บปวดทั้งชีวิต ผลลัพธ์ที่ได้มีแต่ความทุกข์"
"ไม่ต้องมาสอน จะจับฉันเข้าคุกก็เอาสิ เรียกตำรวจมาจับฉันเลย ฉันไม่อยากฟังคำสอนงี่เง่าของแก"
"พี่จะไม่ทำอย่างนั้นหรอก แค่ปล่อยให้เธออยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยไม่มีใคร... มันก็ทำร้ายชีวิตเธอมากพอแล้ว พรุ่งนี้ไปจากที่นี่ซะ ไปตามทางของเธอ"
โลมฤทัยนิ่งอึ้ง
"แต่พี่ให้อภัยคนที่รู้สึกตัวเสมอนะ ชีวิตนี้ถ้าพบรู้จักคิด.. รู้จักสร้างความดีเพื่อคนอื่นเมื่อไหร่ กลับมาที่นี่... พี่พร้อมจะให้โอกาส"
รจนาไฉนเดินออกไปจากห้อง โลมฤทัยรู้สึกถึงความพ่ายแพ้
ปัทม์เดินเข้ามา เจอรจนาไฉนระหว่างทาง
"มีเรื่องอะไรรึเปล่า"
รจนาไฉนยิ้มตอบ
"ไม่มีค่ะ น้องพบมาหา เธอไม่ค่อยสบาย ฉันเลยให้เธอพักผ่อน ไปต้อนรับแขกกันเถอะค่ะ"
ปัทม์ยิ้มรับ ควงแขนรจนาไฉนเดินออกไป
ภายในห้อง เวลากลางคืน โลมฤทัยร้องไห้รู้สึกถึงความพ่ายแพ้ต่อรจนาไฉน ลำเพายืนมองจะเข้าไปปลอบใจเหมือนทุกครั้ง แต่ก็เปลี่ยนใจปล่อยโลมฤทัยอยู่ตรงนั้น
ปยงค์และจันทร์เจ้าช่วยกันยืนดูแลความเรียบร้อยในบริเวณงานเลี้ยง หน่อเอและกลุ่มชาวเขาเดินเข้ามา พร้อมมอบช่อดอกไม้ที่ทำขึ้นมามอบให้
"หน่อเอให้ฉันเหรอ ไม่เอาน่า นาองเมียแกก็มาด้วย ฉันไม่อยากเป็นมือที่สาม"
"เขาไม่ได้ให้ป้า เขาเอามาให้นายกับคุณรจนาไฉน" จันทร์เจ้าบอก
จันทร์เจ้าชี้ไปที่ป้ายขอบคุณที่เขียนชื่อปัทม์และรจนาไฉน
"เฮ้อ...เหี่ยวอีกแล้ว" ปยงค์บอก
"พวกฉันรู้ว่านายหญิงชอบดอกไม้ เลยช่วยกันหาดอกไม้สวยๆมาให้"
"คุณเพื่อนต้องชอบแน่ ไป เข้าไปสนุกกันให้เต็มที่" ชิบอก
ชิจะนำพวกหน่อเอเข้าไปในงาน แต่ปลัดวราห์เดินเข้ามาขวางไว้
"ยกกันมาหมดดอย ไม่กลัวโดนจับรึไง งานนี้มีเจ้าหน้าที่เยอะแยะ"
"จะจับพวกเราในข้อหาอะไรครับ ในเมื่อพวกเรามีบัตร"
หน่อเอและชาวเขาทุกคนควักบัตรประชาชนออกมาถือไว้ ปยงค์กับจันทร์เจ้าดีใจด้วย
"มีบัตรประชาชนแล้ว"
"พ่อเลี้ยงปัทม์ติดต่อเจ้าหน้าที่ สืบค้นจนพิสูจน์ได้ว่าพวกเราเกิดในแผ่นดินไทย พาพวกเราไปทำบัตรประชนชนกันทุกคนแล้ว"
"ต่อไปนี้พวกเราคือคนไทย" นาองบอก
"มีสิทธิ์เดินบนแผ่นดินไทย" ชาวเขาว่า
"แต่พวกคนไทยที่เลวไม่ควรจะอยู่บนแผ่นดินนี้"
หน่อเอพูดพลางมองหน้าปลัดวราห์
"แกว่าใคร"
"หน่อเอมันว่าคนเลวครับ คนดีอย่างปลัดวราห์สบายใจได้ รึว่าคุณปลัด" ชิว่า
ชิพูดเพื่อกระทบ วราห์ไม่พอใจเดินชิ่งออกไปที่มุมอื่นของงาน
"เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา" ชิบอก
"ขอเชิญคนไทยร่วมสนุกแบบไทยได้เลยเจ้า" จันทร์เจ้าบอก
ปยงค์และจันทร์เจ้าเชื้อเชิญต้อนรับพวกหน่อเอเป็นอย่างดี
ปลัดวราห์เดินอารมณ์เสีย มาหยุดที่มุมหนึ่ง
"อย่าพลาด.. ไม่งั้นฉันเอาพวกแกหนักแน่"
วราห์พูดจบ รู้สึกเหมือนมีใครเดินผ่านด้านหลังไป วราห์หันไปมองแต่ไม่เจอใคร วราห์สงสัยแต่ไม่ติดใจ เดินเข้าไปร่วมบริเวณงาน
บริเวณเวทีจัดงานเลี้ยง ผู้คนมากมาย ปัทม์มายืนกลางเวที...
"ผมขอบคุณที่ทุกคนมาเป็นเกียรติในงานนี้ ในความสำเร็จของไร่ปัทม์กุล เราสามารถเปลี่ยนดอยและเทือกเขาในแถบนี้ ให้กลายเป็นอาณาจักรไร่ชาที่อบอุ่น เป็นบ้านที่ร่มเย็นของชาวดอยทุกคนได้ ก็เพราะความร่วมมือร่วมใจจากทุกๆ คน"
ปวุฒิ พูนทวี พวกหน่อเอ กลุ่มของพวกจันทร์เจ้า ปยงค์ ชิ และคนอื่นๆในงานเลี้ยงฟังปัทม์อยู่
"ชีวิตของผม... ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมามากมาย เคยหมดศรัทธาในชีวิต หมดศรัทธาในความรัก และที่สุดแล้ว...ผมหมดศรัทธาที่จะสร้างความดี จนผมมาพบกับผู้หญิงคนหนึ่ง"
ปัทม์หันไปทางรจนาไฉน คนในงานต่างหันไปทางเธอแล้วยิ้ม
"เธอทำให้ผมเชื่อมั่นในการให้โอกาสกับคนทุกคน เชื่อมั่นในการสร้างความดี แม้เราจะเป็นคนด้อยค่าในสายตาของใครต่อใคร ผู้หญิงคนนี้ ทั้งบอก ทั้งแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่าง เธอทำให้ผมเห็นว่าการสร้างความดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน มีค่าและมีความสุขมากแค่ไหน"
ปัทม์ยิ้มให้รจนาไฉนด้วยความรักอย่างที่สุด
"ด้วยความรัก... ทำให้เรามีความมุ่งมั่นและเชื่อมั่นในการทำความดี เธอคือกำลังใจสำคัญที่ผลักดันให้ผมมาถึงจุดนี้ ภรรยาที่รักของผม ผมรักเธออย่างหมดหัวใจ งานเลี้ยงวันนี้. ผมจัดเพื่อความดีของเธอคนเดียว รจนาไฉน..ภรรยาที่ผมรักมากที่สุดครับ"
ทุกคนต่างปรบมือแล้วหันไปชื่นชมรจนาไฉน ปัทม์ผายมือรอ เธอเดินมาหาปัทม์
แต่แล้วเสียงปืนดังก้องขึ้น... เปรี้ยง ! ทุกคนตระหนกตกใจ
พ่อเลี้ยงเจงเดินเข้ามายืนคั่นกลางระหว่างรจนาไฉนกับปัทม์
"พ่อเลี้ยงเจง!"
ศักดิ์ยืนเอาปืนจี้ตัวรจนาไฉนไว้ ทุกคนตกใจ ลูกน้องของพ่อเลี้ยงเจงยืนคุมสถานการณ์ไว้
"จัดงานทั้งทีไม่ออกการ์ดเชิญกันบ้าง ฉันก็อยากมาแสดงความยินดีกับวาระสุดท้ายของวีรบุรุษคนดี"
พ่อเลี้ยงเจงพูดพลางต่อยหมัดใส่ปัทม์ ปัทม์จะสู้ แต่พ่อเลี้ยงเจงเล็งปืนไปที่ปัทม์
"พ่อเลี้ยงเจง ฉันขอเถอะ หยุดสร้างบาป อย่าสร้างเวรกรรมอีกเลย"
"บาปเหรอ... ชีวิตฉันสร้างมาเยอะแล้ว วันนี้ขอสร้างอีกครั้งเพื่อความสะใจ อาณาจักรของฉันต้องพังก็เพราะไอ้คนๆ นี้คนเดียว"
พ่อเลี้ยงเจงวาดปืนไปทางปัทม์ วราห์กำลังเดินหนีออกไปจากงาน พ่อเลี้ยงวาดปืน ยิงเปรี้ยงเข้าใส่ขาจนวราห์ทรุดลงทันที
"งานเลี้ยงยังไม่เลิก จะรีบไปไหนล่ะปลัด"
"ฉันจะไปตามตำรวจมาจับคนชั่วอย่างแก" วราห์บอก
"แล้วคนที่ร่วมมือกับฉัน แต่หักหลังเอาตัวรอดคนเดียว เขาเรียกอะไร"
ทุกคนหันไปมองวราห์
"มองหน้ามันไว้ ไอ้คนนี้แหละลูกน้องเก่าฉัน ขนยาแต่ละครั้งมีมันช่วยกรุยทางอำนวยความสะดวกให้ทุกอย่าง"
"อย่าไปเชื่อมัน ฉันไม่เคยทำผิดกฎหมาย"
พ่อเลี้ยงเจงยิงขาอีกข้างของวราห์... เปรี้ยง ! วราห์ทรุดฮวบลงกับพื้น
"ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แกต้องสารภาพความจริงต่อหน้าคนทุกคน ไม่อย่างนั้นกระสุนนัดต่อไป เจาะกลางกบาล"
ปลัดวราห์หมดหนทาง
"ฉันยอมแล้ว ยอมรับผิดทุกอย่าง"
"ที่ผ่านมาแกเป็นคนร่วมมือกับฉันใช่มั้ย"
วราห์ตะโกนอย่างสิ้นท่า
"ใช่"
ทุกคนจึงรู้ความจริงว่า วราห์ร่วมกับพ่อเลี้ยงเจงร่วมกันค้ายา พ่อเลี้ยงเล็งปืนไปที่วราห์
"พอเถอะพ่อเลี้ยง มอบตัวซะ… โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา ยังไม่สายเกินไปที่กลับตัวกลับใจ" ปวุฒิบอก
"ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับสารวัตร ฟังแล้วมีกำลังใจอยากจะต่อสู้คดีเหลือเกิน"
พ่อเลี้ยงเจงเดินเข้ามาต่อยปวุฒิจนล้มคว่ำไปอีกคน พูนทวีจะเข้าไปช่วยปวุฒิ แต่ถูกลูกน้องพ่อเลี้ยงเจง ต่อยและเตะจนทรุดลง...
"จัดการกับพวกปลาซิวปลาสร้อยหมดแล้ว ถึงเวลาของศัตรูหมายเลขหนึ่ง"
พ่อเลี้ยงเจงเล็งปืนมาที่ปัทม์ รจนาไฉนปราดเข้ามาห้ามไว้
"ฉันขอร้องล่ะ ความโกรธเกลียดและการแก้แค้นไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น มีแต่จะแย่ลง"
"พูดจาได้ดี...มีเหตุผล ฉันเปลี่ยนใจก็ได้"
พ่อเลี้ยงเจงโยนปืนลงที่พื้นตรงหน้าปัทม์ พ่อเลี้ยงเจงหยิบปืนจากศักดิ์ ขึ้นมาขู่ปัทม์
"หยิบปืนขึ้นมา"
ปัทม์นิ่ง
"ฉันบอกให้หยิบปืนขึ้นมา"
ปัทม์หยิบปืนขึ้นมา
พ่อเลี้ยงเจงหัวเราะอย่างชอบใจ
"ยิงเมียแกซะ"
ปัทม์ตกใจ รจนาไฉนตกตะลึง ทุกคนในงานต่างอึ้ง คาดไม่ถึงว่าพ่อเลี้ยงเจงจะทำอย่างนี้
"ฉันบอกให้ยิงเมียแก แกทำลายทุกอย่างในชีวิตของฉัน ฉันก็จะทำลายคนที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตแก"
"ฉันทำไม่ได้ ฉันไม่มีวันทำร้ายคนที่ฉันรัก"
"รู้สึกแล้วใช่ไหม... เวลาที่ต้องสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไป มันน่าสะเทือนใจมากแค่ไหน"
พ่อเลี้ยงเจงเดินมาที่รจนาไฉน
"ผู้หญิงคนนี้คือความดี คือความรักของแก ฉันต้องการให้แกฆ่ามัน ประกาศให้โลกรู้ โลกนี้ไม่มีความดี ไม่มีความรัก ทำลายมันซะ"
"ไม่จริง โลกนี้มีความดี โลกนี้มีความรัก สิ่งเหล่านี้ต้องคงอยู่เพื่อจรรโลงความถูกต้องภายในโลกใบนี้"
ปัทม์มองไปยังรจนาไฉน แล้วค่อยๆ เอาปืนมาจ่อตัวเอง
"ก็ได้..เมื่อแกต้องการชีวิตฉัน ฉันก็จะให้ เพื่อแลกกับความเชื่อและศรัทธานี้"
"ถ้าแกฆ่าตัวตาย ฉันจะยิงเมีย... แม่...และทุกคนที่แกรัก แต่ถ้าแกทำตามที่ฉันสั่ง... ยิงนังผู้หญิงคนนี้ทิ้ง ฉันสัญญา ทุกคนจะรอด"
ปัทม์สีหน้าเครียดกับเงื่อนไข แววตาเต็มไปด้วยความเครียดที่ใกล้ระเบิดเต็มที
"คุณปัทม์... ยิงฉันเถอะ เพื่อชีวิตของคนทุกคน"
"ไม่ ฉันทำไม่ได้"
รจนาไฉนร้องไห้จริงจัง
"แต่คุณต้องทำ หากฉันจะต้องจากไป ฉันก็ขอไปด้วยน้ำมือคนที่ฉันรัก เพราะฉันเชื่อว่าความรักและความดีมีอยู่จริง"
พ่อเลี้ยงเจงสั่งปัทม์
"ยิงมันซะ!"
ปัทม์เล็งปืนมาที่รจนาไฉน แต่ไม่กล้ายิง อุรารัตน์วิ่งเข้ามากลางวง
"หยุดนะ"
พ่อเลี้ยงเจงร้องเรียกลูกสาว
"แอรี่"
"คุณพ่อ หยุดเถอะค่ะ หยุดทำร้ายพวกเขาเถอะ"
อุรารัตน์เดินเข้าไปดึงปืนออกจากปัทม์แล้วโยนทิ้งไป
"ลูกไปช่วยมันทำไม มันเป็นคนทำลายความสุขของครอบครัวเรา ผู้หญิงคนนี้แย่งคนรักของลูก"
"พวกเขาเป็นคนดี" อุรารัตน์ว่า
"ลูกพูดอะไร"
"พวกเขาดีเกินกว่าเราจะทำลายค่ะพ่อ ในเวลาที่พ่อไม่อยู่เกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้นมากมาย รจนาไฉนดีกับลูกมาก ทั้งที่ชั่วชีวิตลูกไม่เคยสร้างความดีอะไรกับเธอเลยแม้แต่อย่างเดียว ลูกแพ้ความดีของผู้หญิงคนนี้ค่ะ"
พ่อเลี้ยงเจงอึ้ง จ้องไปที่รจนาไฉนที่ยืนนิ่งจ้องมาที่เขา
"ผู้หญิงคนนี้ทำให้ลูกรู้จักคุณค่าของความดี ถ้าคุณพ่อต้องการชีวิตใครสักคน เพื่อชดเชยความโกรธแค้นที่มีต่อคุณปัทม์ ขอให้ชีวิตนั้นเป็นแอรี่เถอะค่ะ"
อุรารัตน์เดินตรงเข้าไปหยุดตรงหน้าพ่อเลี้ยงเจง จับปืนที่เจงยังถืออยู่ ให้มาจ่อตรงกลางอกของเธอ
"ทำไมลูกต้องทำอย่างนี้"
"เพื่อพิสูจน์ศรัทธาของความดี ที่รจนาไฉนเคยทำไว้"
พ่อเลี้ยงเจงถึงกับอึ้ง ลดปืนลงช้าๆ เหมือนกำลังเครียดและคิดหนักกับเรื่องที่เกิดขึ้น
"แอรี่อยากให้คุณพ่อมอบตัว เพื่อแอรี่..และเพื่อหลานของคุณพ่อ"
"หลาน"
"ใช่ค่ะ คุณพ่อกำลังมีหลาน คุณพ่อไม่ต้องสนใจว่าพ่อของลูกเป็นใคร แต่เด็กคนนี้เป็นทายาทของคุณพ่อ หลานที่ต้องการความรักจากคุณตา หมดเวลาคิดโกรธแค้นทำร้ายกันแล้วค่ะพ่อ"
พ่อเลี้ยงเจงน้ำตาตกทิ้งปืนลง โผเข้าสวมกอดอุรารัตน์น้ำตานอง ลูกน้องพ่อเลี้ยงเจงต่างวางปืน ปวุฒิและพูนทวีคอยควบคุม ปัทม์เข้าสวมกอดรจนาไฉนด้วยความรักและห่วงใยอย่างที่สุด พ่อเลี้ยงเจงพ่ายแพ้ต่อความรักของลูก
เรื่องร้ายๆของปัทม์กับรจนาไฉนกำลังจะผ่านไปได้ด้วยดี
พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า สัญญาณแห่งชีวิตใหม่กำลังเริ่มต้น อุรารัตน์เดินเข้ามาในสถานีตำรวจ เพื่อมาเยี่ยมพ่อเลี้ยงเจง เธอเดินผ่านวราห์ที่นั่งรถเข็น ถูกล่ามกุญแจมือ จ่าเข็นวราห์ผ่านมา...วราห์ร้องขอให้อุรารัตน์ช่วย
"อุรารัตน์ เธอต้องช่วยฉันนะ ฉันสัญญาฉันจะเป็นพ่อที่ดีดูแลลูก"
"ลูกฉันไม่มีพ่อเลวทรามต่ำช้าอย่างแก รักษาชีวิตพิการในคุกในรอดก่อนเถอะ"
อุรารัตน์เดินผ่านไปโดยไม่สนใจวราห์ อุรารัตน์เดินมาที่ห้องขัง เรียกพ่อเลี้ยงเจงในห้องขัง
"คุณพ่อคะ แอรี่กับหลานมาเยี่ยมค่ะ"
พ่อเลี้ยงเจงยิ้มเดินเข้ามาคุยกับอุรารัตน์
พูนทวียื่นตะกร้าสตรอเบอรี่มาฝากตามเคย
"ของฝากจากไร่ กินสิ สตรอเบอรี่หอมหวาน"
"ต้องการอะไร"
"มิตรภาพ ผมคิดว่ามิตรภาพเท่านั้นจะทำให้โลกนี้สันติสุข เป็นไง..ฟังแล้วดูดีมั้ย"
ปวุฒิตัดสินใจกินสตรอเบอรี่ทันที พูนทวียิ้มดีใจ
พูนทวียื่นใบสั่งให้ปวุฒิ
"ช่วยเคลียร์ใบสั่งให้หน่อยสิ เพิ่งโดนมา"
"เฮ้ย"
"น่าเพื่อนต้องช่วยเพื่อน"
พูนทวีเข้ามากอดคอ ปวุฒิจับพลิกแล้วเอากุญแจใส่ข้อมือ
"ติดสินบนเจ้าพนักงาน ติดคุกหัวโต"
"เฮ้ย..ผมล้อเล่น"
ปวุฒิหยิบสตรอเบอรี่มากินยั่วอย่างสบายใจ
"ปล่อยสิ ช่วยด้วย"
ปวุฒิหยิบสตรอเบอรี่ยัดปากพูนทวี
ลำเพายืนมองเส้นทางที่จะออกไปจากไร่ปัทม์ โลมฤทัยกำลังขนของขึ้นรถตู้จะออกไป นพรัตน์เข้ามายืนเคียงข้างลำเพา
"ฉันเป็นห่วงลูกพบ"
"ลูกโตแล้ว ถึงเวลาที่ต้องต่อสู้และเรียนรู้ชีวิตด้วยตัวเอง ประสบการณ์ที่ผ่านมา จะเป็นครูสอนและเตือนใจให้โลมฤทัยหันมาระลึกถึงความดี และการทำความดีให้เพื่อนมนุษย์บ้าง"
ลำเพายิ้มให้ นพรัตน์โอบกอดลำเพาด้วยความรัก มองไปยังเส้นทางที่ออกไปจากอาณาจักรของปัทม์
โลมฤทัยนั่งอยู่ในรถตู้ ที่กำลังเดินทางไปส่งที่สนามบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ เธอน้ำตาไหลมองไร่และอาณาจักรของปัทม์ด้วยความปวดร้าว เพียงครู่... เธอหยิบแว่นดำมาสวม แล้วนั่งเชิดมองตรง ไม่เหลียวมองไร่ของปัทม์อีก
รถตู้ของโลมฤทัยวิ่งออกไป
ปัทม์และรจนาไฉนยืนอยู่บริเวณไร่ชา....โดยมีม้าอยู่ด้านหลัง.. ทั้งคู่มองไปรอบๆไร่ชา...
"คุณทำให้โลกของผมเปลี่ยนไป"
"เปลี่ยนไปยังไงคะ"
"ความดีของคุณเป็นแสงสว่างช่วยนำทางให้ผม"
"ความเข้มแข็งของคุณ ก็ทำให้ฉันกล้าแกร่งที่จะใช้ชีวิตบนโลกใบนี้"
"ขอบคุณนะ ที่ช่วยเติมเต็มส่วนที่หายไป"
ปัทม์มองหน้ารจนาไฉน รจนาไฉนยิ้มมองปัทม์
"ฉันมีความลับจะบอกคุณค่ะ"
ปัทม์มองด้วยความแปลกใจ
"ฉันถูกส่งมาจากเบื้องบน ให้มาจัดการกับมัจจุราชที่ทำร้ายหัวใจคน ตอนนี้ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับไปแล้ว"
ปัทม์ปราดเข้ามากอดรจนาไฉนไว้
"งั้นคุณกลับไม่ได้แล้วล่ะ เพราะภารกิจคุณล้มเหลว มัจจุราชตนนี้ยังคงเป็นมัจจุราชที่ทำร้ายดวงใจทุกดวง"
"แน่ใจเหรอคะ พ่อเลี้ยงปัทม์ ปัทมกุล มัจจุราชสีน้ำผึ้ง...มัจจุราชที่เหลือเพียงความอ่อนโยนและอ่อนหวาน"
"จริงเหรอ งั้นมาชิมสิว่าฉันหวานแค่ไหน"
รจนาไฉนส่ายหน้าหนี ปัทม์ก้มหน้าเข้าไปจูบเธอ ทั้งสองมองหน้ากัน
ปัทม์ควบขี่ม้าพารจนาไฉนผ่านทุ่งดอกไม้ที่สวยงาม เขาโอบกอดเธอด้วยความรักและมีความสุขที่สุด
จบบริบูรณ์