มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 13
ที่หน้าโรงพัก ปัทม์เดินตรงไปยังรถ
ปวุฒิยื่นมือมาเปิดประตูรถให้ปัทม์ ปัทม์หันไปมอง
"นี่ไม่ใช่น้ำใจจากผม แต่แทนคำขอบคุณจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ"
ปวุฒิยื่นมือมาจับปัทม์ ปัทม์ลังเล เพราะยังไม่เป็นมิตรกับปวุฒิ
"หน้าที่ก็คือหน้าที่ ผมไม่เคยเอามาปนกับเรื่องส่วนตัว"
ปัทม์ตัดสินใจจับมือกับปวุฒิ ปัทม์เอามือออกแล้วบอก
"ในความสัมพันธ์ส่วนตัว ผมไม่เคยลืมว่าคุณไม่ใช่เพื่อนของผม"
"เช่นกันครับ...ผมจดจำไว้เสมอว่า คุณแย่งชิงคนรักของผมไป และอีกไม่นาน ผมจะเอาของรักของผมคืน"
"คงไม่ทำร้ายจิตใจกันเกินไป ถ้าผมจะบอกว่า มันคงสายไปแล้ว"
"ไม่คำว่าสาย เพราะคุณได้เพียงตัวคุณเพื่อน แต่หัวใจเธออยู่ที่ผม"
ปัทม์มองปวุฒิ มั่นใจว่าปวุฒิไม่มีทางชนะเขาได้ ปัทม์ขึ้นรถไปนั่ง พูนทวีเดินเข้ามาชี้หน้าแล้วยิ้มให้ปวุฒิ
"คุณก็ไม่ใช่เพื่อนของผม"
พูนทวีเดินไปที่รถ ขับรถพาปัทม์ออกไป ปวุฒิมองตาม คิดจะช่วงชิงรจนาไฉนคืนมาให้ได้...
ห้องทำงาน เวลาเย็น พ่อเลี้ยงเจงเปิดตู้เซฟหยิบเงินใส่กระเป๋า เตรียมจะหนีไป อุรารัตน์เข้ามาในห้องช่วยหยิบของใส่กระเป๋าให้ พ่อเลี้ยงเจงแปลกใจที่อุรารัตน์มาช่วย
"พ่อจะหนีไปอยู่ที่ไหน"
"พ่อหลบไปชายแดนสักพัก รอดูสถานการณ์อีกที ลูกเองก็ไปอยู่กับเพื่อนที่กรุงเทพฯก่อน"
"แอรี่ไม่อยากไปไหนทั้งนั้น"
พ่อเลี้ยงเจงรู้สึกผิด
"พ่อขอโทษที่ทำให้ลูกเดือดร้อนไปด้วย"
พ่อเลี้ยงเจงมองหน้าอุรารัตน์ อยากกอดแต่ไม่กล้า เมื่อจะเดินออกไป อุรารัตน์ร้องไห้โผเข้ากอดพ่อ
"รักษาตัวด้วยนะคะพ่อ"
พ่อเลี้ยงเจงรู้สึกดีมาก
"พ่อจะรีบติดต่อกลับมา พ่อสัญญา เราต้องไปเล่นสกีด้วยกัน"
อุรารัตน์กอดพ่อเลี้ยงเจงแน่น ร้องไห้ออกมาด้วยความรักและเป็นห่วง....
ศักดิ์หน้าตาตื่นเข้ามาในห้อง
"ตำรวจบุกมาแล้ว"
พ่อเลี้ยงเจงและอุรารัตน์ต่างตกใจ
ภายในบ้านพ่อเลี้ยงเจงสารวัตรปวุฒิสั่งจ่าและตำรวจ
"ตรวจค้นทุกห้อง"
อุรารัตน์เข้ามาขวางไว้
"พวกคุณไม่มีสิทธิ์มาค้นที่นี่"
นงนุชคอยกันตำรวจ แต่วิ่งเข้าไปหลบหลังอุรารัตน์ ปวุฒิส่งเอกสารหมายศาลให้
"นี่เป็นหมายศาล เพื่อตามจับตัวพ่อเลี้ยงเจงและพวก รวมทั้งหาหลักฐานเกี่ยวกับยาเสพติด" ปวุฒิสั่งลูกน้องทันที
"ทุกคนปฎิบัติตามหน้าที่"
อุรารัตน์ขวางไว้อีก
"จะตรวจค้นห้องไหนก็ต้องให้ฉันไปด้วย ไม่งั้นฉันอาจโดนยัดยา ตรวจห้องนี้ก่อน"
อุรารัตน์ต้องการถ่วงเวลาให้พ่อเลี้ยงเจงได้หนีไป....แต่ปวุฒิไหวทัน
"จ่าตรวจค้นห้องนี้"
ปวุฒิหันไปบอกนงนุช
"เชิญคุณเฝ้าดู ส่วนคุณอุรารัตน์ตามดูการตรวจค้นที่ห้องด้านบน"
ปวุฒิเดินขึ้นไปที่ห้องด้านบน อุรารัตน์ตกใจ
"ทำไงดีคะคุณแอรี่" นงนุชถาม
ปวุฒิเข้ามาในห้องทำงานพ่อเลี้ยงเจง แต่ไม่พบใคร อุรารัตน์ตามเข้ามาเย้ย...
"ค้นสิ ค้นให้ทั่วเลย"
จ่าเข้ามารายงานปวุฒิ
"ไม่พบตัวพ่อเลี้ยงเจงครับ"
อุรารัตน์ยิ้มพอใจที่พ่อเลี้ยงเจงหนีไปได้ ปวุฒิบอกจ่า
"ทำการอายัดทรัพย์ไว้ทั้งหมด"
อุรารัตน์ตกใจ
"ยึดทรัพย์!"
"ถ้าศาลตัดสินว่าพ่อเลี้ยงเจงมีความผิดจริง และสืบได้ว่าทรัพย์สินได้มาจากการค้ายา...ทุกอย่างต้องตกเป็นของราชการ"
อุรารัตน์ผิดหวังที่เข้ามาเอาของไม่ได้ เธอจะเดินออกไป แต่ปวุฒิขวางทางไว้
"และผมจำเป็นต้องเชิญคุณไปให้ปากคำครับ"
ในเวลาต่อมา ปวุฒิเดินนำอุรารัตน์และนงนุชมายังโรงพัก...เธอเดินผ่านห้องขังเห็นบรรยากาศแล้วก็เริ่มหวั่นกลัว.....
ไร่ชาในเวลากลางคืน ฝนตก เสียงฟ้าร้อง ดังเข้ามาในบ้านปัทม์เป็นระยะ รจนาไฉนยืนชะเง้อมองด้วยความเป็นห่วงปัทม์ เงาใครคนหนึ่งเดินมาบริเวณหน้าบ้านท่ามกลางสายฝน
" คุณปัทม์"
รจนาไฉนดีใจรีบกางร่มวิ่งออกไป
ปัทม์เดินเข้ามาที่หน้าบ้าน รจนาไฉนถือร่มเข้าไปกางร่มให้
"คุณเป็นยังไงบ้างคะ"
เธอมองสำรวจด้วยความเป็นห่วง ปัทม์ยิ้มให้
"ปลอดภัยดี ขอบใจนะที่เป็นห่วง"
"ไม่ให้ห่วงสามีแล้วจะให้ห่วงใครล่ะคะ รีบเข้าบ้านเถอะค่ะ"
รจนาไฉนยิ้มตอบรับจ้องมองหน้าจนเธอแปลกใจ
"มองอะไรคะ"
"แก้มสีชมพูพอมีละอองฝนมาเกาะ สวยจัง" ปัทม์บอก
รจนาไฉนเขิน
"รีบเข้าบ้านเถอะค่ะ"
รจนาไฉนกางร่มให้ปัทม์ แต่ปัทม์จับร่มวางลง แล้วพารจนาไฉนวิ่งออกไป...
ปัทม์วิ่งไปยืนกลางสายฝน
"ไม่ได้เล่นน้ำฝนนานแล้ว" ปัทม์บอก
"กลับเข้าบ้านเถอะค่ะ เดี๋ยวเป็นหวัด"
"มีคนช่วยสระผมให้ หวัดเล่นงานไม่ได้หรอก"
"เล่นน้ำฝนไม่กลัวฟ้าผ่าเหรอคะ"
"มีคนที่ผมรักอยู่ด้วย ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น"
"ชีวิตไม่ควรประมาทนะคะ ฉันไม่อยากให้คุณเอาชีวิตไปเสี่ยงเหมือนที่คุณไปช่วยจับขบวนการค้ายา"
"ถ้าเรากลัวตายแล้วใครจะช่วยปกป้องแผ่นดินนี้ คุณเองก็อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ทุกคนมีความสุขไม่ใช่หรือ"
รจนาไฉนยิ้มรับ
"ค่ะ"
"และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ความตายไม่ใช่สิ่งน่ากลัวสำหรับอีกต่อไป นับตั้งแต่ผมมี...คนที่ผมรัก"
"และเธอคนนั้นก็รักคุณ"
รจนาไฉนยิ้มให้ปัทม์ ปัทม์โน้มตัวเธอเข้ามาจูบท่ามกลางสายฝน....
ภายในห้องนอนปัทม์ เวลาต่อมา ปัทม์อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เดินเข้ามาในห้อง แต่ไม่เห็นรจนาไฉนก็แปลกใจ แต่เมื่อมองไปที่มุมระเบียงก็ยิ้มออกมา...
รจนาไฉนยืนเช็ดผมอยู่ที่ระเบียง หลังจากอาบน้ำเสร็จ ปัทม์เข้ามาแย่งผ้า แล้วเช็ดผมให้เธอ
"ไม่ต้องค่ะ ฉันเช็ดเอง"
"อย่าดื้อสิครับ"
ปัทม์ทำเสียงออดอ้อน เธอยิ้มพอใจ ยอมให้ปัทม์รับผ้าไปเช็ดผม
"ทำเป็นด้วยเหรอ"
"เก่งกว่าที่คิดอีกนะ"
"นึกว่าจะโวยวาย ด่าคนงาน รึออกไปบู๊เป็นอย่างเดียว"
ปัทม์ยิ้มที่เธอแซว...รจนาไฉนกังวลใจเป็นห่วงอุรารัตน์
"จริงสิ พ่อเลี้ยงเจงหนีคดีไปแล้ว แล้วคุณอุรารัตน์ล่ะคะ"
" ใครทำกรรมไว้ก็ต้องรับผลกรรมนั้น"
รจนาไฉนเป็นห่วงอุรารัตน์
"ป่านนี้เธอคงจะลำบากมาก"
ปัทม์จับมือเธอแล้วบอก
"รจนาไฉน... บางครั้งฉันกลัวว่า ความรักและความสงสารของเธอ จะนำภัยมาสู่ตัวเธอเอง"
เธอมองปัทม์
"คุณปัทม์... นับตั้งแต่วันที่เรามีกันและกัน ฉันไม่เคยกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลย ไม่ว่าจะเกิดเรื่องดีหรือร้าย ฉันเชื่อว่า คุณจะยืนอยู่เคียงข้างฉันและคอยช่วยเหลือฉันตลอดไป"
ปัทม์ยิ้มพอใจโอบกอดรจนาไฉน ยืนมองท้องฟ้าด้วยความสุข
มุมสวนหน้าบ้านปัทม์ โลมฤทัยยืนกางร่มอยู่ที่มุมหนึ่ง แอบมองปัทม์ยืนกอดรจนาไฉน...
"ที่ตรงนั้น มันต้องเป็นของฉัน ไม่ใช่แก"
แสงฟ้าแลบบนท้องฟ้า ฉาบทาบหน้าโลมฤทัยทำให้ดูน่ากลัว...
มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 13 (ต่อ)
เสียงฟ้าร้องยังคงดังต่อเนื่อง ปวุฒิเดินเข้ามาในบ้าน ถึงกับหยุด...มองไปตรงหน้า
"โลมฤทัย"
โลมฤทัยยืนอยู่กลางห้อง กำลังชงกาแฟอยู่
"สวัสดีค่ะคุณปวุฒิ"
"คุณไม่น่าเสียเวลามาตื๊อผมอีก"
"เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้วค่ะ ฉันมาเจรจาผลประโยชน์ร่วมกัน"
"ผมไม่มีความคิดจะร่วมธุรกิจหรือเป็นหุ้นส่วนชีวิตกับคุณ"
"อย่าด่วนปฎิเสธโดยที่ยังไม่ได้ฟังข้อเสนอ...ไม่งั้นคุณจะเสียโอกาสที่ไม่น่าให้อภัย”
โลมฤทัยฉีกซองกาแฟสำเร็จรูป
"กาแฟหอมดีค่ะ...ฉันว่ามันเย้ายวนกว่าชา สักแก้วนะคะ"
"ผมชอบชา"
"คุณก็รู้ว่าขั้นตอนการชงชา พิธีรีตองเยอะ สู้ฉีกซองใส่น้ำร้อน แค่นี้ก็ได้ดื่มแล้ว ของสำเร็จรูปง่ายกว่าเยอะ"
"อะไรที่ได้มาง่ายๆ มักไม่อร่อยและไม่มีคุณค่า... การใช้เวลากับบางสิ่ง อาจจะเสียเวลาบ้าง แต่มันคุ้มค่าและอยู่กับเราไปชั่วชีวิต"
โลมฤทัยสวนขึ้น
"แล้วต้องรออีกนานแค่ไหนคะ ให้ของรักถูกชิงไปอย่างนั้นเหรอ"
ปวุฒิรู้ดีว่า โลมฤทัยกำลังพูดเรื่องรจนาไฉนกับปัทม์
"คุณมีอะไรก็ว่ามา"
"คุณต้องการพี่เพื่อน ฉันต้องการคุณปัทม์ เราต่างมีเป้าหมายร่วมกัน เล่นเกมตามฉัน แล้วคุณจะสมหวัง"
"คุณคิดจะทำอะไร"
โลมฤทัยถือถ้วยกาแฟ เดินตรงมาหาปวุฒิ
"ฉันจะหลอกล่อพี่เพื่อนไปเที่ยวน้ำตก ให้คุณได้อยู่กับพี่เพื่อนตามลำพัง ช่วงเวลานั้นจะเป็นนาทีทองของคุณ....จะเคลียร์ใจ รื้อฟื้นความหลัง หรือทำในสิ่งที่คุณรอคอยมาทั้งชีวิต ที่นั่นจะเป็นสวรรค์ของคุณ"
ปวุฒิยิ้ม โลมฤทัยดีใจคิดว่า ปวุฒิยอมร่วมมือ
"มันน่าตกใจที่คำพูดนี้หลุดจากปากของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาว ความรักที่คุณเพื่อนมีให้คุณ ไม่สามารถลบล้างความคิดชั่วช้าของคุณไปได้เลย"
โลมฤทัยไม่พอใจแต่ไม่แสดงออก ยิ้มรับ แล้วยื่นแก้วกาแฟให้ปวุฒิ เขารับแก้วแล้ววางลง
"เสียดายจัง...ฉันอุตส่าห์ชงให้แต่คุณกลับไม่ดื่ม รึว่าคุณไม่ชอบร้อน งั้นทิ้งไว้สักครู่นะคะ ดื่มได้ง่ายขึ้น"
โลมฤทัยลุกขึ้นเดินออกไป...มั่นใจว่าปวุฒิจะยอมทำตามข้อเสนอ
แต่แล้ว เสียงแก้วกาแฟตกพื้น แตกกระจาย โลมฤทัยไม่หันกลับไปมอง
"โปรโมชั่นนี้มีแค่ครั้งเดียว เสาร์นี้เจอกันที่น้ำตกค่ะ"
โลมฤทัยยิ้มออกไป ยังคงเชื่อมั่นว่า ปวุฒิจะเปลี่ยนใจ ปวุฒิไม่พอใจที่โลมฤทัยคิดวางแผนให้เขาจัดการรจนาไฉน
เช้าวันใหม่ จันทร์เจ้าเคาะประตูห้องนอนปัทม์ ด้วยสีหน้าตื่นเต้นตกใจ
"คุณรจนาไฉนเจ้า...คุณรจนาไฉน"
ประตูเปิดออก รจนาไฉนแปลกใจ
"จันทร์มีเรื่องอะไร"
"คือว่า มาแล้วเจ้า...มาแล้ว"
ปัทม์เดินตรงเข้ามา
"ใคร"
"มันพูดไม่ออกบอกไม่ถูก...อยู่ข้างล่าง รีบไปดูเถอะเจ้า"
รจนาไฉนและปัทม์มองหน้ากันอย่างแปลกใจ ทั้งสองรีบเดินลงไปทันที จันทร์เจ้ามองตาม แล้วยิ้มที่สร้างเรื่องให้ทั้งสองตระหนกตกใจเล่น
ปัทม์และรจนาไฉนเดินมายังหน้าบ้าน เห็นปยงค์ยืนอยู่ก็รีบถาม
"ปยงค์ใครมา"
ปยงค์หันหน้าออกมาแล้วถอยห่างก็เห็นเปรมยืนอยู่ โดยมีชิยืนอยู่ด้านหลัง
"คุณแม่"
ปัทม์และรจนาไฉนก็ยกมือไหว้
"สวัสดีค่ะคุณแม่"
เปรมเข้ามาสวมกอดรจนาไฉนทันที...
"เป็นไงบ้างลูก แม่คิดถึงหนูเหลือเกิน"
"เอ้าคุณแม่ ผมเป็นลูกคุณแม่นะครับ ไหงกลับไปห่วงคนอื่นล่ะครับ"
"ใครบอกว่ารจนาไฉนเป็นคนอื่น เธอเป็นลูกสาวที่แม่รักมากที่สุด"
รจนาไฉนยิ้มรับ ปัทม์อึ้ง
"แล้วผมล่ะครับ"
"บ้านชิเรียกว่า ตกกระป๋องครับนาย" ชิสวนขึ้นทันที
ปัทม์ชี้หน้าชิ
"ไอ้ชิ!"
ชิหลบทันที ทุกคนหัวเราะปัทม์
"คุณแม่จะกลับมาไม่บอกเพื่อนล่ะคะ เพื่อนจะได้ไปรับ"
"แม่อยากมาแอบดูน่ะสิ ว่าตาปัทม์แกล้งรึทำร้ายจิตใจหนูบ้างรึเปล่า"
จันทร์เจ้าวิ่งเข้ามาแทรก
"จันทร์ขอฟ้องเจ้า คุณปัทม์แกล้งคุณรจนาไฉน"
ปยงค์ ชิต่างเสริม
"ใช่ คุณปัทม์แกล้ง"
"ตาปัทม์ทำอะไร"
จันทร์เจ้า ชิและปยงค์พูดพร้อมกัน
"แกล้งให้รักเจ้า"
ทุกคนหัวเราะชอบใจ...เปรมหันไปถามรจนาไฉน
"ว่าไงล่ะหนูเพื่อน"
"คุณปัทม์ดูแลเพื่อนเป็นอย่างดีค่ะ"
"ผมรักษาสัญญาตามที่คุณแม่ขอทุกอย่างครับ"
เปรมไม่เชื่อใจนัก
"เป็นไปได้ยังไง หนูโดนตาปัทม์ข่มขู่ใช่มั้ย"
"คุณแม่ไม่เชื่อ งั้นต้อง..." ปัทม์เข้ามากอดแล้วหอมแก้มรจนาไฉนโชว์
รจนาไฉนเหนียมอาย
"คุณปัทม์"
พวกจันทร์เจ้า ชิ และปยงค์หัวเราะ... เปรมยิ้มพอใจ เมื่อรู้ว่า ทั้งสองรักใคร่เป็นอย่างดี...
บริเวณบ้านพักเรือนรับรอง ลำเพาและโลมฤทัยเข้ามาไหว้เปรม เปรมยังไม่รู้รายละเอียดการมาเยือนของครอบครัวรจนาไฉนมากนัก เธอเข้ามาช่วยอธิบาย
"คุณแม่กับน้องพบมาช่วยดูแลคุณพ่อค่ะ เพื่อนขอโทษนะคะที่ไม่ได้แจ้งให้คุณแม่ทราบเรื่องนี้"
"จะมาขอโทษขอโพยกันทำไม เราทั้งหมดในที่นี้ ถือว่าเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว จริงมั้ยจ้ะตาปัทม์"
ปัทม์ยืนอยู่มุมหนึ่ง ยังไม่ได้เปิดใจรับลำเพาและโลมฤทัยนักแต่จำต้องรับคำ
"ครับคุณแม่"
นพรัตน์นอนอยู่บนเตียง ยกมือไหว้ขอบคุณเปรม
"ผมไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณที่ครอบครัวคุณเปรมมีต่อพวกเรายังไงดี"
"พอเถอะค่ะ ให้ถือซะว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจที่คุณนพรัตน์เองก็เคยช่วยเหลือครอบครัวของดิฉัน และได้มอบหนูเพื่อนมาเป็นของขวัญให้กับครอบครัวของเรา... เธอเป็นผู้หญิงที่มีน้ำใจประเสริฐมาก"
"คุณเปรมพูดอย่างนี้ทำให้คนเป็นแม่พลอยชื่นใจไปด้วย ไม่เสียแรงที่ดิฉันหมั่นอบรมบ่มสอนให้ลูกเพื่อนคิดดีทำดี"
"พบจะพยายามทำดี อย่างน้อยก็ขอให้ได้ครึ่งของพี่เพื่อนค่ะ"
โลมฤทัยบอกลำเพาและโลมฤทัยเข้ามาแสดงความชื่นชมรจนาไฉน ทำให้พลอยมีความสุขใจไปด้วย แต่ปัทม์ไม่ค่อยเชื่อใจในตัวสองแม่ลูกคู่นี้นัก
ในเวลาต่อมา เปรมเดินเข้ามายังห้องนอน แล้วหันหลังไปถามปัทม์ที่ยืนถือกระเป๋าเดินทางของเปรมอยู่
"อะไรที่มันหนักก็วางเถอะ" เปรมพูดเป็นปริศนาธรรม
"คุณแม่หมายถึงกระเป๋า"
"กระเป๋าใบนั้นกับความกังวลในใจเรา อะไรหนักกว่ากันล่ะ"
ปัทม์สีหน้าหนักใจวางกระเป๋า
"บอกตามตรงครับ ผมไม่ไว้ใจสองแม่ลูกนั่นนัก"
รจนาไฉนถือแจกันดอกไม้จะเอามาวางประดับไว้ในห้องเปรม ได้ยินการสนทนา จึงหยุดฟังที่หน้าห้อง
"ผมไม่รู้ว่าเขามาที่นี่เพื่ออะไร ต้องการอะไรกันแน่"
"ไม่รู้แล้วจะกังวลใจทำไมกัน"
"ผมคิดว่าเขาคงไม่ได้มาดี"
"ในเมื่อเขายังไม่ได้ทำอะไรให้เป็นทุกข์ ก็หยุดคิด จำคำแม่ไว้ สิ่งที่ทำร้ายจิตใจเราได้ร้ายกาจที่สุดคือ ความคิดของเราเอง ยิ่งคิดยิ่งทุกข์ ยิ่งยึดยิ่งติด ปล่อยวางซะ"
ปัทม์เข้าใจคำสอนของเปรม พยายามตัดความกังวลทิ้ง
"ครับคุณแม่...ผมจะให้โอกาสพวกเขาอีกครั้ง"
ปัทม์เข้าสวมกอดเปรมด้วยความรักและคิดถึง รจนาไฉนยิ้มพอใจที่ปัทม์ยอมเปิดใจรับลำเพาและโลมฤทัยมากขึ้น
จ่ากันตัวอุรารัตน์ไม่ให้ออกจากบ้าน อุรารัตน์โวยวายเสียงดัง
"นี่มันบ้านของฉัน พวกแกสิต้องออกไป"
"ขอโทษครับคุณอุรารัตน์ บ้านและทรัพย์สินของพ่อเลี้ยงเจงถูกอายัดไว้หมดแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ต้องตรวจสอบว่าทรัพย์สินเหล่านี้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่" จ่าบอก
จ่ากลับเข้าไปตรวจสอบทรัพย์สินในบ้าน อุรารัตน์ตะโกนไล่หลัง
"ยึดบ้านยึดรีสอร์ตแล้วจะให้ฉันไปอยู่ที่ไหน"
นงนุชหิ้วกระเป๋าออกมาจากบ้าน
"ไปอยู่กับนงนุชค่ะ...ห้องเช่าหลังตลาดพอจะซุกหัวนอนได้ แถวนั้นหาของกินง่าย อร่อยถูกๆด้วยค่ะ"
"จะบ้าเหรอ แกจะให้ฉันไปอยู่ที่ห้องเช่าปนกับพวกแรงงาน ฉันไม่ไป"
นงนุชเข้ามาคว้าแขนอุรารัตน์ให้ไปด้วยกัน
"ไปเถอะค่ะ เดี๋ยวนงนุชซื้อแบะซื้อหมอนให้ใหม่ ชุดละ 199 เอาลายดอกกุหลาบ
ที่คุณแอรี่ชอบค่ะ"
อุรารัตน์พยายามสะบัดแขน
"ฉันไม่ไป"
นงนุชพยายามพาอุรารัตน์ไป เธอผลักนงนุชอย่างแรง จนเพื่อนล้มลงก้นกระแทกพื้น นงนุชชักไม่พอใจ
"คุณแอรี่"
"ฉันไม่มีวันไปเกลือกกลั้วกับชนชั้นต่ำเด็ดขาด แกต้องหาที่พักให้เหมาะกับคนระดับฉัน"
นงนุชลุกขึ้นมาโวย
"เรื่องมากก็หาที่ซุกหัวนอนเองแล้วกัน"
อุรารัตน์โกรธ
"แกขึ้นเสียงกับฉัน! ฉันไล่แกออก"
นงนุชเหลืออด
"ไม่ต้องไล่กูก็ออก จะอดตายอยู่แล้วยังหยิ่งผยองอีก"
อุรารัตน์ตกใจคิดไม่ถึง
"แกด่าฉัน"
นงนุชรุกเข้ามา "เอ่อ" จนอุรารัตน์ผงะ
"เป็นหงส์ปีกหัก บินไม่ได้ก็หัดเดิน ขืนมัวคิดแต่จะบินขึ้นฟ้า เดี๋ยวก็โดนหมาฟัดกัดตาย"
"ไป๊ แกออกไปจากบ้านฉัน"
นงนุชเดินออกไป แล้วหันกลับมาตะโกนใส่อุรารัตน์
"ไม่มีที่ซุกหัวก็อย่ามาง้อ"
อุรารัตน์ตะโกนไล่หลัง
"คนอย่างฉันไม่เคยง้อใคร ฉันไม่มีวันตกอับ"
อ่านต่อเวลา 17.00น.
มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 13 (ต่อ)
ร้านอาหารในโรงแรม เวลากลางคืน อุรารัตน์ดื่มน้ำผลไม้ หลังจากทานอาหารเสร็จ พนักงานถือบัตรเครดิตเข้ามาหาอุรารัตน์
"ขอโทษนะคะ บัตรใช้ไม่ได้ค่ะ"
"แล้วบัตรอีกใบที่ให้ไปล่ะ"
"บัตรทุกใบถูกอายัดไว้หมดแล้วค่ะ"
อุรารัตน์ตกใจ
"ถูกอายัด"
"ขอรบกวนรับเป็นเงินสดนะคะ"
อุรารัตน์ตกใจไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะไม่มีเงินเหลือแล้ว... ปลัดวราห์เดินเข้ามายื่นบัตรให้ พนักงานรับบัตรแล้วเดินออกไป.. อุรารัตน์โล่งอกที่ปลัดวราห์มาแก้สถานการณ์จ่ายเงินให้ แต่ยังไม่วายเชิดใส่วราห์
"ฉันคงไม่ต้องขอบใจนาย ถือเป็นการชดใช้บุญคุณที่พ่อฉันเคยเกื้อหนุนนาย"
"อย่าเอาผมไปพัวพันกับผู้ต้องหาค้ายาสิครับ"
"แกพูดอย่างนี้หมายความว่าไง ไอ้คนไม่สำนึกบุญคุณ"
"คุณมันอ่อนต่อโลกจริงๆ ถึงเวลาที่คุณต้องเรียนรู้กฎการดำรงชีวิตที่สำคัญที่สุดของมนุษย์"
วราห์เดินอ้อมไปด้านหลังที่นั่งของอุรารัตน์ แล้วโน้มตัวมาบอกข้างหู
"นั่นคือการ...เอาตัวรอด"
อุรารัตน์ฟังคำพูดของวราห์ พยายามคิดตาม วราห์เข้ามาหว่านล้อมแสดงความเห็นใจ
"ผมรู้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมันยากที่คุณจะแบกรับมันไว้ได้ ผมเป็นห่วงคุณนะ... ผมอยากช่วยเหลือคุณอย่างน้อยคุณก็ได้ชื่อว่าเป็น..."
อุรารัตน์ปัดมือออกวราห์มาจับไว้ออก
"หุบปากนะ! ฉันขยะแขยงกับสิ่งที่แกเคยทำกับฉัน เอามือโสโครกของแกออกไป"
วราห์ยกมือออก ยกมือขึ้นทั้งสองข้าง ยิ้มให้อุรารัตน์
"ไม่เอาน่า ผมอยากช่วยคุณด้วยใจจริง ผมจะใช้หน้าที่การงานของผม ช่วยคดีของพ่อคุณ รวมทั้งเรียกเกียรติและศักดิ์ศรีของคุณคืนมา"
อุรารัตน์หันมาฟังข้อเสนอของวราห์
"นี่เป็นของขวัญมีค่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะมอบให้หญิงที่เขารักได้"
อุรารัตน์ยังนิ่ง ไม่ตอบ วราห์หยิบกุญแจห้องพักโรงแรมวางบนโต๊ะ อุรารัตน์มองกุญแจห้อง รู้ทันทีว่า วราห์ต้องการอะไร
"อย่าลืมกฎการดำรงชีวิตที่ผมสอนล่ะ"
วราห์เดินยิ้มออกไป อุรารัตน์โกรธ แต่หมดหนทาง เธอมองไปยังกุญแจที่วางอยู่แล้วคิดตัดสินใจ...
ประตูห้องพักในโรงแรมถูกเปิดออก วราห์นอนรออยู่บนเตียง อุรารัตน์เดินเข้ามา
"ความฉลาดของคุณไม่ได้ด้อยกว่าความสวยเลย"
วราห์ยิ้มพอใจ อุรารัตน์จำต้องเดินตรงไปหาวราห์ที่นอนรออยู่บนเตียง....แล้วหยุดอยู่ข้างเตียง
"รับปากกับฉันได้มั้ยว่าจะรักษาคำพูด ช่วยเหลือพ่อฉันและดูแลฉันอย่างสมศักดิ์ศรี"
"ด้วยความสัตย์"
วราห์ยิ้มตอบจริงจัง อุรารัตน์จำฝืนทนปลดเสื้อผ้าออก อุรารัตน์ก้าวขึ้นบนเตียงคู่กับวราห์
วันใหม่ ที่ไร่ชาของปัทม์... น้ำค้างใบชา หยดลง... รจนาไฉนเดินดูไร่ชา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น รจนาไฉนหยิบโทรศัพท์มาดูก็แปลกใจ
"ปวุฒิ"
รจนาไฉนตัดสินใจ กดตัดสายทิ้ง....
มุมหนึ่งที่ไร่ชา ปวุฒิ รู้สึกผิดหวังที่รจนาไฉนไม่รับสาย... เขาคิดตัดสินใจว่าจะทำอะไรต่อไป
รจนาไฉนกำลังเดินดูไร่ชา เสียงโทรศัพท์ดังอีกครั้ง... ปวุฒิยืนมองลุ้นว่าเธอจะยอมรับสายหรือไม่..
"คุณปวุฒิมีอะไรรึเปล่าคะ"
"ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ คุณออกมาพบผมได้ไหม"
"ช่วงนี้เพื่อนต้องดูแลคุณพ่อและช่วยทำงานที่ไร่ค่ะ"
"งั้นผมไปหาคุณเอง"
"อย่าเลยค่ะ"
"คุณรังเกียจผม"
"เพื่อนไม่เคยรังเกียจความเป็นเพื่อนของเรา"
"ผมไม่ใช่เพื่อนคุณ และคุณไม่ใช่เพื่อนผม คุณคือคนรักของผม"
รจนาไฉนรู้ว่า ปวุฒิต้องการตื๊อ...จึงพยายามพูดเคลียร์กับปวุฒิ
"คุณปวุฒิคะ...อย่าทำให้เพื่อนลำบากใจเลย ปล่อยให้ความสัมพันธ์ของเราเป็นแบบนี้เถอะ ยังไงเราไม่สามารถ..."
เธอจะพูดความจริงกับปวุฒิ ปัทม์เดินเข้ามาพอดี เธอรีบบอกลา..
"เพื่อนต้องทำงาน แค่นี้นะคะ"
รจนไฉนกดวางสาย แต่กดไม่โดนปุ่ม โทรศัพท์ของเธอยังคงเปิดอยู่ ปัทม์เดินเข้ามาหาเธอ
"คุยกับใครอยู่ครับ"
"โทรมาผิดเบอร์ค่ะ"
ปวุฒิยืนมอง ได้ยินคำพูดของรจนาไฉนก็รู้สึกเสียใจ ปัทม์คุยกับรจนาไฉนต่อไป..
"คุณตื่นแล้วไม่ปลุกผมเลย"
"ก็ฉันอยากให้คุณได้พักผ่อนนี่คะ"
"อย่าทิ้งผมไปอีกนะ ไม่ว่าคุณจะหลับหรือตื่น ขอให้ผมได้อยู่เคียงข้างคุณ"
ปวุฒิได้ฟังก็รู้สึกเสียใจ ปัทม์เข้ามาจับมือรจนาไฉน
"คุณเพื่อน...ใจของผมให้คุณหมดแล้ว ขอให้คุณซื่อสัตย์กับผม...อย่าทำร้ายหัวใจผมอีก"
"ฉันให้คุณไม่ได้ค่ะ"
ปัทม์แปลกใจ
"ความซื่อสัตย์มันน้อยเกินไปที่จะตอบแทนความดีของคุณ ฉันพร้อมจะมอบความภักดีและความรักให้คุณหมดหัวใจค่ะ"
ปัทม์ได้ฟังก็ซึ้งใจ จูบหน้าผากเธอแล้วก็สวมกอดด้วยความรัก รจนาไฉนยิ้มอย่างมีความสุขที่ได้อยู่ในอ้อมกอดของเขา ปวุฒิได้ยินคำพูดทั้งหมด รู้สึกผิดหวังและเสียใจมาก กดปิดเครื่อง แล้วเดินหันหลังออกไป...
ภายในบ้าน เวลากลางวัน ปวุฒิโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ทรุดลงบนโซฟาด้วยความทุกข์ใจ สภาพของเขายามนี้ไม่ต่างไปจากคนอกหักอย่างรุนแรง หลังจากได้ยินและเห็นภาพความรักของรจนาไฉนกับปัทม์
ปวุฒิมองไปตรงหน้าแล้วย้อนคิด ภาพของโลมฤทัย ผุดขึ้นมา...
"คุณก็รู้ว่า ขั้นตอนการชงชา พิธีรีตรองเยอะ สู้ฉีกซองใส่น้ำร้อน แค่นี้ก็ได้ดื่มแล้ว ของสำเร็จรูปง่ายกว่าเยอะ"
"อะไรที่ได้มาง่ายๆ มักไม่อร่อยและไม่มีคุณค่า... การใช้เวลากับบางสิ่งอาจจะเสียเวลาบ้าง แต่มันคุ้มค่าและจะอยู่กับเราไปชั่วชีวิต"
โลมฤทัยพูดสวนขึ้น
"แล้วต้องรออีกนานแค่ไหน ให้ของรักถูกชิงไปอย่างนั้นเหรอ"
ปวุฒินิ่งอึ้ง คิดตัดสินใจ มองไปยังโต๊ะที่วางชาและกาแฟสำหรับชง เขาเดินตรงไปหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมา...
ภาพเหตุการณ์ที่โลมฤทัยถือถ้วยกาแฟ เดินตรงมาหาปวุฒิเข้ามา
"ฉันจะหลอกล่อพี่เพื่อนไปเที่ยวน้ำตก ให้คุณได้อยู่กับพี่เพื่อนตามลำพัง ช่วงเวลานั้นเป็นนาทีทองของคุณ จะเคลียร์ใจ รื้อฟื้นความหลัง หรือทำในสิ่งที่คุณรอคอยมาทั้งชีวิต ที่นั่นจะเป็นสวรรค์ของคุณ"
"โปรโมชั่นนี้มีแค่ครั้งเดียว เสาร์นี้เจอกันที่น้ำตกค่ะ"
ปวุฒิคิดตัดสินใจ แล้วปาแก้วกาแฟทิ้ง...
ห้องพักโรงแรม วันเดียวกัน อุรารัตน์ตื่นนอนมองเห็นวราห์กำลังสวมใส่เสื้อผ้า
"พาฉันไปซื้อของเข้าบ้านด้วยนะ ฉันไม่มีของติดตัวเลย"
วราห์หัวเราะก่อนควักเงินสามพัน โยนใส่หน้าอุรารัตน์
"นี่มันหมายความว่าไง"
"ค่าตัว ผมให้มากกว่าเด็กที่ผมเคยออฟมาอีก ระดับลูกสาวพ่อเลี้ยง ผมเพิ่มให้อีกห้าร้อย"
"ฉันไม่ใช่โสเภณีนะ ฉันเป็นเมียแก"
วราห์ยิ้มเย้ย
"เมีย คุณลืมไปแล้วรึไง เคยขยะแขยงผลักไสผมยิ่งกว่าอะไรดี อ้อ..ลืมไป ตอนนี้จนตรอกไม่มีที่ซุกหัว...มันก็เหมือนหมาข้างถนนตัวนึง ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อเอาตัวรอด"
อุรารัตน์เข้ากอดง้อวราห์
"ฉันขอโทษ เราเริ่มต้นกันใหม่ได้... ฉันสัญญานะ ฉันจะเป็นเมียที่ดี"
วราห์ผลักอุรารัตน์
"ผมไม่โง่หาเหาใส่หัวติดร่างแหคดีพ่อคุณหรอก ออกไป"
"แกหลอกฉัน แกโกหกฉัน!"
"ยังจะหวังความจริงใจอีกเหรอ โง่กว่าที่คิดไว้ซะอีก นี่เป็นบทลงโทษที่คุณต้องจดจำไปชั่วชีวิต ถึงตาผมเอาคืน"
"เอาสิ ฉันก็จะเอาคืนแก! ฉันจะบอกตำรวจว่าแกมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ายา...ฉันจะเอาตำรวจมาลากคอแก"
วราห์บีบคออุรารัตน์
"ระหว่างปลัดอำเภอกับลูกสาวพ่อค้ายา คำพูดของใครมีน้ำหนักกว่ากัน จำไว้ด้วย ถ้าฉันเดือดร้อน...เธอตาย"
วราห์ตบหน้าอุรารัตน์ แล้วเดินออกไป...
อุรารัตน์ตกใจร้องไห้ด้วยความกลัว และหมดหนทางเอาตัวรอด...
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.
มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 13 (ต่อ)
ห้องเช่าหลังตลาด อุรารัตน์เคาะประตูห้อง ประตูเปิดออก นงนุชแปลกใจ
"มาทำไม ที่นี่มันแหล่งเสื่อมโทรม เป็นที่อยู่ของชนชั้นต่ำ" นงนุชเชิดใส่อุรารัตน์
"นงนุช ฉันขอโทษ"
"ขอโทษ โอ๊ยแม่เจ้า ลูกสาวพ่อเลี้ยงมาขอโทษขี้ข้า"
คนแถวบริเวณนั้นหันมามอง แล้วหัวเราะ
"ขอฉันอยู่ด้วยได้ไหม ฉันไม่มีที่ไป...ฉันไม่มีใครแล้วจริงๆ"
"ใครหนอบอกไม่ง้อ ใครหนอไม่ตกอับ เอ๊ะ..ใครกันน้า"
อุรารัตน์คิดว่านงนุชไม่ให้อภัย จะเดินออกไป
"ฉันรู้ว่าฉันแรงกับแกมามาก แกคงไม่ให้อภัยฉัน"
"จะไปไหน"
"ก็แกไม่ให้ฉันอยู่ด้วย"
"ฉันพูดไล่สักคำรึยัง"
อุรารัตน์มองไป เห็นแววตานงนุชก็รู้ทันทีว่าเพื่อนให้อภัย เธอดีใจ
"นงนุช"
อุรารัตน์เข้าไปกอดนงนุชอย่างซึ้งใจ แต่เห็นสายตาชาวบ้านมองมา
"มัวกอดอยู่นั่นแหละ ไม่อายชาวบ้านรึไง เข้าบ้าน"
"ขอบใจแกมากนะ ขอบใจแกมาก"
อุรารัตน์พร่ำขอบคุณเพื่อน นงนุชรีบพาเข้าไปในบ้าน
"รีบเข้าบ้าน อายเค้า"
นงนุชรีบดึงตัวอุรารัตน์เข้าไปในบ้านเช่า แล้วหันไปโวยชาวบ้านที่มอง
"มองอะไร ไม่เคยเห็นขี้ข้าหัวใจนางฟ้ารึไง"
นงนุชเชิดแล้วเข้าบ้านไป
เช้าวันใหม่ ณ ไร่ชายามเช้า ท้องฟ้าครึ้มเมฆ เสียงฟ้าร้องคำราม... รจนาไฉนลืมตาสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ แต่พอตั้งสติได้ ก็หันไปมองปัทม์ที่หลับสนิท เธอจุมพิตแก้มปัทม์
"ฉันจะไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เพราะฉันรู้ว่าคุณจะอยู่เคียงข้างฉันเสมอ"
รจนาไฉนมองปัทม์แล้วลุกออกไป... ปัทม์ลืมตา รู้สึกตัวพูดกับตัวเอง..
"ฉันสัญญา ฉันจะไม่ทิ้งเธอไป รจนาไฉนของฉัน"
ปัทม์นอนยิ้มด้วยความสุขใจ
รจนาไฉนเดินเข้ามา เห็นโลมฤทัยถือถาดใส่อาหารเข้ามาในห้องนพรัตน์
"คุณแม่ทำอาหารให้คุณพ่อเหรอคะ คุณแม่ไม่น่าต้องลำบากเลย เพื่อนทำได้ค่ะ"
"แม่อยากจะช่วยแบ่งเบาภาระลูกบ้าง" ลำเพาบอก
โลมฤทัยถือจานใส่ผลไม้ที่ปอกเตรียมไว้เข้ามา
"พี่เพื่อนทำเพื่อครอบครัวมามากพอแล้ว ให้พบกับคุณแม่ได้ช่วยเหลือบ้างนะคะ"
รจนาไฉนยิ้มรับในน้ำใจไมตรีของโลมฤทัยและลำเพา ปยงค์และจันทร์เจ้าซึ่งอยู่ในห้องนพรัตน์ก่อนหน้านี้ ก็แปลกใจ... ลำเพาถือถาดอาหารมาวางไว้ แล้วจะป้อนนพรัตน์
"ทานเยอะๆนะคะ คุณพ่อจะได้มีแรง พรุ่งนี้เราจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน" โลมฤทัยบอก
"น้องพบจะพาคุณพ่อไปไหนจ้ะ"
"พบอ่านหนังสือ เขาบอกว่าถ้าคนป่วยได้เปลี่ยนสถานที่ สูดอากาศบริสุทธิ์ จะทำให้คนป่วยผ่อนคลาย อาการก็จะดีขึ้นค่ะ"
"เราสองคนคิดตรงกันว่าอยากพาคุณพ่อไปพักผ่อนชมน้ำตก" ลำเพาบอก
โลมฤทัยหันไปถามจันทร์เจ้า
"จันทร์… แถวนี้มีน้ำตกสวยๆบ้างไหม"
จันทร์เจ้าทำยียวน
"ขอโทษเจ้า จันทร์เป็นขี้ข้า ไม่ใช่ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว ถึงได้รู้ว่าตรงไหนมีน้ำตกบ้าง....เจ้า"
“ป้าปยงค์ล่ะ พอจะทราบมั้ยจ้ะ?
ปยงค์ชี้โน่นชี้นี่ เปลี่ยนไปเรื่อย
"แถว... โน้น ไม่ใช่... แถว นั้น ไม่ใช่สิ ต้องแถวนี้ เอ..แถวไหนน้า คนแก่เลอะเลือนความจำเสื่อมค่ะ"
ปยงค์ตีสีหน้าซื่อ แอบเย้ยไม่ให้ข้อมูลโลมฤทัย จันทร์เจ้าแอบยิ้มสบตากับปยงค์
"ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวฉันลองขับรถไปสำรวจเองก็ได้ ขอบใจนะ"
รจนาไฉนมองโลมฤทัยด้วยสีหน้าสงสัย
ภายในห้องนอน ปัทม์แปลกใจ
"เธอจะพาโลมฤทัยไปน้ำตก"
"ค่ะ น้องพบอยากให้คุณพ่อได้พักผ่อน ฉันก็เห็นด้วย"
ปัทม์ไม่ไว้ใจโลมฤทัย
"ผมไม่อยากเชื่อว่าน้องสาวคุณจะคิดเรื่องนี้ได้"
"ฉันมั่นใจว่าน้องพบและคุณแม่พยายามปรับปรุงตัวเอง"
"แต่ว่า"
"คนหลงผิดต้องการกำลังใจและโอกาสนะคะ"
เธอยิ้มให้ปัทม์ ปัทม์ยิ้มรับ
"ผมเป็นกำลังใจให้นะ...ความดีของคุณคงจะชนะใจเขาสองคนแล้ว"
ปัทม์โอบกอดให้กำลังใจ รจนาไฉนยิ้มอย่างมีความสุข...
มุมหนึ่งที่บ้านปัทม์ โลมฤทัยเตรียมของเพื่อจะไปน้ำตก ลำเพากังวลใจตามเข้ามาคุยด้วย
"แล้วลูกมั่นใจได้ยังไงว่าคุณปวุฒิจะไปตามแผน"
"ความรักมักทำให้คนเราเห็นแก่ตัว"
"แต่คงไม่ใช่สุภาพบุรุษแสนดีอย่างคุณปวุฒิ"
"สุภาพบุรุษ...ยังไงก็เป็นคน มีดีมีชั่วด้วยกันทั้งนั้น"
โลมฤทัยมั่นใจในความคิดของเธอ ลำเพายิ้มรับ...เชื่อใจโลมฤทัย
ปวุฒินั่งคิดตัดสินใจว่า จะไปตามแผนการของโลมฤทัยหรือไม่? เขาคิดถึงคำพูดของโลมฤทัย
"คุณต้องการพี่เพื่อน ฉันต้องการคุณปัทม์....เราต่างมีเป้าหมายร่วมกัน เล่นเกมตามฉัน แล้วคุณจะสมหวัง"
ปวุฒิคิดตัดสินใจลุกขึ้นไปหยิบเสื้อตำรวจขึ้นมาสวมเดินออกไปจากห้อง
หน้าบ้านปัทม์ โลมฤทัยขับรถพารจนาไฉนออกไป ชิและจันทร์มองหน้ากัน ไม่ไว้ใจโลมฤทัย
"ไปเที่ยวน้ำตกในวันฟ้าครึ้ม...คิดได้ไง" ชิบอก
"ต้องมีอะไรแอบแฝงเจ้า" จันทร์เจ้าบอก
รจนาไฉนเดินนำมาที่น้ำตก โลมฤทัยเดินเข้ามามองที่น้ำตก
"สวยจัง มีกล้วยไม้ป่าขึ้นเต็มไปหมด"
"ลองไปดูด้านโน้นสิ กล้วยไม้สีสวยและกลิ่นหอมมาก คุณพ่อน่าจะชอบที่นี่"
รจนาไฉนชี้ชวนให้โลมฤทัยเดินไปสำรวจ เธอยิ้มรับแล้วเดินไปสำรวจน้ำตก
ปัทม์จะเดินออกไป เปรมเข้ามาถาม..
"ลูกจะไปไหน"
"ผมจะตามไปที่น้ำตกครับ"
"ลูกยังไม่ไว้ใจหนูพบอีกเหรอ"
"เปล่าครับ ผมแค่อยากทำหน้าที่สามีที่ดี ไปช่วยเธอ"
"เฮ้อ...มันน่าน้อยใจนัก ปล่อยให้อยู่กับเมียไม่กี่เดือนก็ลืมแม่ซะแล้ว"
"ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ ผมยังรักคุณแม่"
ปัทม์เข้ามาโอบกอดเปรม...
"แม่รู้จ้ะ ปล่อยให้พี่น้องได้อยู่กันตามลำพังเถอะ นานๆเขาจะได้อยู่ด้วยกัน อาจเป็นห้วงเวลาของการปรับความเข้าใจกันก็ได้"
"ครับคุณแม่"
ปัทม์ยิ้มรับในเหตุผลของเปรม และคาดหวังว่าโลมฤทัยจะดีขึ้น..
มุมหนึ่งที่น้ำตก รจนาไฉนเดินเข้าไปหาโลมฤทัยที่ยืนหันหลังให้เธอ โลมฤทัยมองไปยังน้ำตก...
"ว่าไงจ้ะ น้องพบชอบมั้ย"
รจนาไฉนเดินเข้ามา แล้วแปลกใจที่เห็นโลมฤทัยร้องไห้
"น้องพบ น้องพบร้องไห้ทำไม"
"พี่เพื่อน พบขอโทษ พี่เพื่อนให้อภัยพบได้มั้ยคะ"
"ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะจ้ะ"
"ที่ผ่านมาพบใจร้ายกับพี่เพื่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่พี่เพื่อนก็ไม่เคยโกรธ พบรู้สึกแย่มาก พบเกลียดตัวเอง ไม่อยากให้อภัยตัวเองเลย"
"ไม่เอาน่า อย่าทำอย่างนี้เลย ยังไงพบก็เป็นน้องของพี่"
"พี่เพื่อน"
"พี่ดีใจที่น้องพบคิดได้ มันทำให้ความเชื่อของพี่เป็นจริง"
โลมฤทัยแปลกใจ
"พี่เชื่อเสมอว่า ความดีสามารถชนะทุกสิ่ง และวันนี้น้องพบก็ได้พิสูจน์สัจธรรมในข้อนี้แล้ว"
"ใช่ค่ะ พบพ่ายแพ้ต่อความดีของพี่เพื่อนอย่างหมดใจ"
โลมฤทัยเข้าไปสวดกอดพี่สาว รจนาไฉนยิ้มด้วยความสุขใจ โลมฤทัยยิ้มพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้
โลมฤทัยเดินมาที่ตะกร้า
"เอ... พบเอากล้องไว้ตรงไหน พบจะถ่ายรูปให้คุณพ่อดู"
โลมฤทัยทำทีเป็นค้นหากล้องถ่ายรูป
โลมฤทัยคิดได้
"แย่จัง พบลืมกล้องไว้ในรถ"
"พี่ขึ้นไปเอามาให้"
"ไม่เป็นไรจ้ะ พี่เพื่อนรอพบที่นี่ดีกว่า เดี๋ยวพบมาค่ะ"
"จ้ะ"
โลมฤทัย ยิ้มพอใจเดินออกไปตามแผนที่วางไว้
จบตอนที่ 13