xs
xsm
sm
md
lg

มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 6

ปัทม์เดินสวนกับปวุฒิที่กำลังจะเดินออกไป ปัทม์เข้าใจผิดคิดว่า ปวุฒิยอมเป็นพวกพ่อเลี้ยงเจง

“จะรีบกลับทำไม น่าจะอยู่รับใช้พ่อเลี้ยงเจงก่อน”
“ผมไม่มีหน้าที่รับใช้ใคร” ปวุฒิบอก
“ถ้างั้นมางานนี้ทำไม ถ้าไม่ใช่มารายงานตัวกับผู้ทรงอิทธิพลในพื้นที่ กลัวส่วยไปไม่ถึงเลยต้องมารับด้วยตัวเองเลยเหรอ”
“คุณไม่มีสิทธิ์ดูถูกเกียรติและศักดิ์ศรีคนอื่น อย่าคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนตัวเอง ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ วันไหนที่คุณผิด ผมจะเล่นงานคุณอย่างสาสม” ปวุฒิพูดพลางมองอย่างเหยียดหยาม
“ยินดีครับ...ที่ได้ร่วมเกมเดิมพันกันอีกครั้ง”
ปัทม์จะเดินออกไป ปวุฒิตัดสินใจถาม...
“คุณเพื่อนไม่มาด้วยเหรอ”
ปัทม์ไม่สนใจตอบเดินออกไปทันที

ปัทม์เดินเข้ามาอย่างหงุดหงิดที่เจอปวุฒิ พ่อเลี้ยงพูนทวีเดินเข้ามาถาม
“ปัทม์ แกรู้จักสารวัตรคนใหม่ด้วยเหรอวะ”
“รู้จัก รู้จักดีด้วย”
พูนทวีมองหา
“เออ...แล้วคุณรจนาไฉนไม่มาด้วยเหรอวะ”
ปัทม์ยิ่งหงุดหงิด
“ฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมทุกคนต้องสนใจแต่ผู้หญิงคนนี้ มันจะอะไรกันนักหนา"
ปัทม์เดินหนีไป พูนทวีเดินตามเข้ามา
“เฮ้ย...ทำไมต้องโกรธด้วยวะ ก็คนมันชอบอะ”
ปัทม์เดินไปที่มุมเครื่องดื่ม พูนทวีเดินตามไปอีก
“ชุดแกเท่ดีว่ะ เหมาะกับแกมาก ยังกะมัจจุราชมาตามล่าวิญญาณ”
ปัทม์ไม่สนใจ เดินหนีไปอีก พ่อเลี้ยงพูนทวีพยายามนำเสนอให้ปัทม์มาสนใจชุดของเขาที่ลม้ายคล้ายกับเจ้าทางเหนือ
“แกไม่ชมชุดชั้นบ้างเหรอวะ”
ปัทม์มองชุดแล้วรับไม่ได้
“เอาอะไรมาห้อย ทุเรศ”
“ฉันรู้ว่าคุณเพื่อนชอบสไตล์นี้ เพราะวันแรกที่เจอกันฉันแต่งชุดชาวเขา ฉันก็เลยขึ้นดอยไปหามาใส่ แกว่าคุณเพื่อนจะชอบชุดนี้มั้ย"
“ไม่รู้”
ปัทม์เดินหนี พูนทวีดักหน้าไว้
“แล้วคุณเพื่อนอยู่ไหน”
“อยู่ในที่ที่ควรอยู่”

ภายในบ้านปัทม์ เวลากลางคืน รจนาไฉนเข้ามาช่วยจัดห้องให้เปรม แล้วก็พาลนึกไปว่า ป่านนี้ปัทม์จะทำอะไรกับอุรารัตน์ เธอเลยดูซึมๆ น้ำตาคลอแบบไม่รู้ตัว
“ถ้าเขาแต่งงานกับคุณอุรารัตน์ก็คงดี ฉันคงหมดหน้าที่ ไม่ต้องอยู่ทนให้เขาโขกสับอยู่อย่างนี้”
รจนาไฉนเศร้าใจ หันหน้าไปเจอกับเปรม
“คุณแม่”
“ทุกคนหายไปไหนหมด แล้วตาปัทม์ไปไหนล่ะ”
“คุณปัทม์พาคนงานไปช่วยงานเลี้ยงวันเกิดคุณอุรารัตน์ค่ะ”
“แล้วทำไมไม่พาหนูเพื่อนไปด้วย”
“คือเพื่อน...ไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ เลยขออยู่บ้านค่ะ”
“แล้วทำไมหนูเพื่อนแต่งตัวแบบนี้”
รจนาไฉนอึกอัก ไม่กล้าเล่าความจริง เปรมสังเกตว่า รจนาไฉนเพิ่งร้องไห้มาหมาดๆ
“หนูร้องไห้ทำไม บอกความจริงแม่มานะ อย่าโกหกแม่”
รจนาไฉนหมดทางสร้างเรื่องโกหกอีกแล้ว

เปรมฟังความจริงจากรจนาไฉน ก็ไม่พอใจลูกชาย
“ตาปัทม์ทำอย่างนี้ได้ยังไง หลอกทุกคนว่าหนูเป็นคนใช้ ทั้ง ๆ ที่หนูเป็นภรรยา”
“คุณแม่อย่าโกรธคุณปัทม์เลย เพื่อนเต็มใจอยู่ในสถานภาพนี้ มันคงเป็นกรรมสนอง ที่เพื่อนหลอกลวงคุณปัทม์มาตลอด”
“หลอกลวง”
รจนาไฉนเข้ามากราบเปรม แล้วสารภาพความจริงทั้งหมด
“คุณแม่คะ เพื่อนไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของคุณแม่ลำเพาค่ะ”
“หนูพูดอะไร”
รจนาไฉนตัดสินใจเล่าความจริงด้วยน้ำตานองหน้า
“เพื่อนเป็นเพียงลูกเลี้ยง เพื่อนอยากมีชีวิตที่ดีขึ้นเลยขอเปลี่ยนตัวกับน้องโลมฤทัย”
“แล้วปัทม์รู้เรื่องนี้มั้ย”
“ไม่รู้ค่ะ ที่คุณปัทม์ทำแบบนี้ คงเพราะคิดว่าครอบครัวเพื่อนเห็นแก่เงิน”
“เห็นแก่เงินอะไร มันเป็นข้อตกลงของครอบครัวเรา”
“เมื่อคุณแม่รู้ความจริงหมดแล้ว เพื่อนไม่กล้าอยู่สู้หน้าที่นี่อีกแล้ว เพื่อนไม่มีเกียรติพอจะเป็นลูกสะใภ้ของคุณแม่ เพื่อนลาละค่ะ"
รจนาไฉนเข้ามากราบลาเปรม แต่เปรมจับตัวเธอไว้
“แม่ไม่สนใจหรอกว่าหนูจะเป็นลูกของใคร เมื่อหนูแต่งงานกับปัทม์ หนูก็คือลูกสะใภ้ของแม่"
“ยิ่งคุณแม่เอ็นดูเพื่อน เพื่อนยิ่งรู้สึกละอายใจ ได้โปรดให้เพื่อนไปจากที่นี่เถอะค่ะ”
“แม่จะให้หนูไปได้ยังไง ในเมื่อแม่รักหนูเพื่อนเหมือนลูกสาวของแม่แล้ว๐
เปรมเข้ามาสวมกอดรจนาไฉนที่ร้องไห้
“หยุดร้องไห้เถอะจ้ะ ถึงเวลาแล้ว ที่หนูจะต้องได้รับเกียรติและการยอมรับจากทุกคน”

รจนาไฉนแปลกใจว่าเปรมจะทำอย่างไร
 

 
ภายในห้องนอนเปรม รจนาไฉนนั่งอยู่ เปรมเข้ามาแต่งหน้า หวีผมให้ เธอมองตัวเองในกระจก

“ลูกสาวของแม่สวยที่สุด”
รจนาไฉนยิ้มดีใจที่เปรมยอมรับและรักเธอมาก

ที่งานบ้านพ่อเลี้ยงเจง นงนุชบอกให้ใครต่อใครที่ยืนขวางอยู่หลบไป
“ขอทางให้คนสวยหน่อยคะ”
อุรารัตน์แต่งตัวแฟนซีชุดจัดจ้าน พ่อเลี้ยงเจงเข้ามาหาและยิ้มให้ลูกสาวพลางกระซิบบอก
“คืนนี้ลูกควรเปิดตัวเป็นแฟนกับคุณปัทม์ได้แล้ว”
พ่อเลี้ยงเจงมองไปที่มุมหนึ่ง ปัทม์กำลังดื่มอยู่กับพ่อเลี้ยงพูนทวีและปลัดวราห์
“ลูกต้องทำให้ปัทม์มาเป็นพวกเดียวกับเราให้ได้”
“ค่ะคุณพ่อ...เพื่อความสุขของคุณพ่อและความสุขของแอรี่”
อุรารัตน์เต็มไปด้วยความมาดมั่น

นงนุชประกาศขึ้นประกาศบนเวทีงานเลี้ยง
“และแล้วก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย ขอเสียงปรบมือให้กับเจ้าของวันเกิด ผู้หญิงที่สวยที่สุดในคืนนี้วันนี้ค่ะ”
อุรารัตน์เดินโบกมือทักทายเพื่อขึ้นไปยังเวที ทุกคนปรบมือต้อนรีบ
“โอ้โห...แต่งตัวยังกะจะแต่งงาน” พูนทวีบอก
“ใครนะจะเป็นผู้โชคดีได้เป็นเขยมหาเศรษฐี” วราห์ว่า
“ฉันขอสละสิทธิ์ เพราะฉันมีคนรักแล้ว”
“พ่อเลี้ยงพูนทวีสละสิทธิ์ งั้นผมขอเข้าชิงนะ”
“ต้องถามปัทม์ว่ามันจะยอมมั้ย”
ปัทม์มองพูนทวีด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ไม่พูดโต้ตอบอะไร พูนทวีหัวเราะแหะ ๆ แล้วจ๋อยไป
ปลัดวราห์มองปัทม์อย่างไม่พอใจเล็กน้อย เพราะต้องการได้ตัวอุรารัตน์เหมือนกัน
“วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของแอรี่..แอรี่มีความสุขมากค่ะ ขอบคุณทุกคนมากนะคะที่ให้เกียรติแอรรี่"
ทันใดนั้น...เสียงเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ก็ดังขึ้น ทุกคนร้องเพลงร่วมกัน จันทร์เจ้า ชิช่วยกันยกเค้กมาวางไว้ที่หน้าอุรารัตน์
“อะไรคะเนี่ย ว้าว..เซอร์ไพร้ส์”
ทุกคนร่วมร้องเพลงจนจบ... อุรารัตน์ประกาศเชิญปัทม์
“ก่อนที่จะเป่าเค้ก แอรี่ขอเชิญชายหนุ่มคนพิเศษที่สุดของแอรี่บนเวทีค่ะ”
อุรารัตน์หันมาทางปัทม์ที่ชะงักตกใจ นึกไม่ถึง
“ขอเสียงปรบมือให้คุณปัทม์ ปัทมกุล ค่ะ”
ทุกคนปรบมือ ปัทม์จำต้องเดินขึ้นไปบนเวที
“คุณปัทม์ถือว่าเป็นคนพิเศษของแอรี่ ...แอรี่อยากให้คุณปัทม์ร่วมเป่าเทียนกับแอรี่ด้วยค่ะ เชิญค่ะ"
อุรารัตน์เชื้อเชิญให้ปัทม์เป่าเค้กด้วย ปัทม์จะก้มลงเป่า แต่แล้วสายตามองไปเห็นรจนาไฉนในชุดสีขาวสวยงาม เธอเดินเข้ามาในงาน ด้วยชุดที่สวยงาม พร้อมมงกุฏดอกไม้
“รจนาไฉน”
ภายในงานเลี้ยง ปัทม์ยังคงอึ้ง มองรจนาไฉนเหมือนต้องมนต์สะกด กลุ่มคนค่อยๆเปิดทางออก รจนาไฉนในชุดขาวสวยราวเจ้าหญิงเดินเยื้องย่างฝ่ากลุ่มคนเข้ามา ผู้คนที่รายล้อมต่างมองรจนาไฉนด้วยความตะลึง ปยงค์ จันทร์เจ้า ชิที่กำลังช่วยจัดอาหารอยู่ที่มุมหนึ่ง ถึงกับมองตาค้าง อาหารร่วงตกจากปากชิ
“รจนาไฉน”
พูนทวีพึมพำ
“คุณเพื่อน”
อุรารัตน์ไม่พอใจ
“นังเพื่อน! แกมาได้ไง ใครอนุญาตให้แกเจ๋อเข้ามาในงานของฉัน! ออกไป”
เสียงเปรมดังเข้ามา
“แม่เป็นคุณพาหนูเพื่อนมาเองจ้ะ”
เปรม ปัทมกุลเดินเข้ามายืนเคียงข้างรจนาไฉน ปัทม์ถึงกับหน้าเสีย
“สวัสดีค่ะคุณป้า อุรารัตน์ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่านังเพื่อนมารับใช้คุณป้า”
“ป้าไม่ได้พาหนูเพื่อนมาในฐานะคนใช้ แต่พาหนูเพื่อนมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักในฐานะสะใภ้”
ปัทม์ ปัทมกุลตกใจที่จู่ๆ แม่ของเขาก็มาเปิดตัวรจนาไฉน
“คุณแม่ ผมว่าเรากลับกันเถอะครับ”
ปัทม์จะพาเม่ออกออกไป เพราะเขายังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยตัว... พูนทวีมองเพื่อนด้วยความแปลกใจมาก
“สะใภ้หมายความว่าไงคะ” อุรารัตน์ถาม
นงนุชกระซิบกับอุรารัตน์
“ก็หมายความว่า นังเพื่อนเป็นเมียคุณปัทม์”
เปรมจูงมือลูกสะใภ้เข้ามาให้ยืนคู่ปัทม์
“ฉันขออนุญาตแนะนำอย่างเป็นทางการว่า รจนาไฉนคือภรรยาของปัทม์”
ทุกคนตกใจ อ้าปากค้าง พ่อเลี้ยงพูนทวีและอุรารัตน์หันมามองหน้าปัทม์แทบจะพร้อมกันปยงค์ช็อกจนทำจานในมือหล่น ดีที่ชิรับไว้ได้ทัน
“ทั้งสองแต่งงาน...และจดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว”
“แอร๊ย !แอรี่ไม่ยอม”
ทุกคนตกใจ สะดุ้งกันเป็นแถวกับเสียงกรี๊ดของอุรารัตน์ พ่อเลี้ยงเจงกลัวเสียหน้า รีบเข้ามาพูดกลบเกลื่อน

“เป็นข่าวดี อย่างนี้ต้องดื่มฉลองให้กับคู่บ่าวสาวแห่งไร่ชาปัทมกุลด้วยครับ”

 
ทุกคนยกแก้วขึ้นดื่ม แล้วปรบมือให้ปัทม์และรจนาไฉน
 

“คุณพ่อไปยินดีกับมันทำไม”
พ่อเลี้ยงเจงรีบลากลูกสาวออกไปทันที
ปัทม์มองรจนาไฉนอย่างไม่พอใจ เพราะคิดว่าเพราะเธอเป็นคนต้นคิดให้แม่พามาเปิดตัว
“ปัทม์...เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เปรมบอก
ปัทม์มองรจนาไฉนอย่างไม่พอใจ แล้วเดินตามเปรมไป เธอหันไปเจอพูนทวีที่เดินหนีออกไป รจนาไฉนรู้สึกผิด...

มุมหนึ่งในงานเลี้ยง ปัทม์ยืนนิ่งไม่สบตาแม่
“ไม่รักษาสัญญา ลูกยังเป็นลูกชายแม่อยู่รึเปล่า”
“ผู้หญิงคนนั้นหลอกลวงเราอย่างน่าไม่อาย แม่ไม่รู้หรอกว่า เขาทำอะไรก็ได้โดยที่เราคาดไม่ถึง"
“แม่รู้ความจริงทุกอย่างหมดแล้ว รจนาไฉนเป็นลูกกำพร้า ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของบ้านวิชนี”
ปัทม์อึ้งที่เปรมรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว
“เขาขอร้องให้คุณนพรัตน์กับคุณลำเพาเปลี่ยนตัวเจ้าสาว เพราะต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้น”
“คุณแม่รู้ได้ยังไง”
“หนูเพื่อนสารภาพทุกอย่างกับแม่เอง”
“ทำไมแม่ยอมให้อภัยผู้หญิงเลวคนนั้นง่าย ๆ”
“เพราะมีแต่คนจริงใจเท่านั้น ที่ยอมปรักปรำว่าตัวเองเป็นคนผิด โดยไม่อุทธรณ์ร้องขอความเมตตา”
“คุณแม่กำลังหลงมารยาของผู้หญิงคนนั้น”
“แม่กำลังหลงรักลูกสะใภ้ของแม่ต่างหาก รจนาไฉนเป็นผู้หญิงคนเดียวที่มีแต่ความจริงใจให้ลูก”
ปัทม์อึ้งที่ถูกแทงใจดำ
“ถ้าลูกยังไม่ยอมยกย่องและให้เกียรติหนูเพื่อนในฐานะภรรยา แม่จะไม่กลับมาที่บ้านอีก”
“คุณแม่”
“แม่ทนอาศัยอยู่ในบ้านเดียวกับผู้ชายแปลกหน้า ที่หัวใจมีแต่อคติไม่ได้”
เปรมสบตาปัทม์อย่างเคร่งเครียดจริงจัง ปัทม์เครียดเพราะต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง เพราะในใจยังไม่พร้อมจะยอมรับรจนาไฉน
พูนทวีอกหัก หัวใจแหลกสลายเดินหมดเรี่ยวแรงมาที่มุมหนึ่งในงานเลี้ยง รจนาไฉนตามเข้ามาเรียก
“คุณพูนทวีคะ เพื่อนขอโทษ”
พ่อเลี้ยงพูนทวีฝืนยิ้มกลบเกลื่อนอย่างหัวใจแตกสลาย
“ขอโทษผมทำไมครับ คุณเพื่อนไม่ได้ทำอะไรผิด”
“เพื่อนไม่ได้บอกความจริงกับคุณ คือว่าเพื่อน”
“ขอโทษนะครับ ผมไม่พร้อมฟังอะไรตอนนี้ ผมขอตัว...ท้องมันปวดดุ๊ยดุ่ย ตุ๊ยตุ่ย พิกล”
พูนทวีเดินจากไป เธอมองเขาด้วยความสงสาร... เธอหันกลับมา แต่ต้องเผชิญหน้ากับปัทม์อีก
“มารยาหลอกอะไรเพื่อนฉันอีก”
“พูดอะไรของคุณ”
“คนอย่างเธอไม่เคยมีความจริงใจให้ใคร ที่ทำก็แค่เพิ่มมูลค่าตัวเองเพื่อเรียกร้องขอเงิน”
“ปัทม์ พาหนูเพื่อนกลับเข้าไปในงานเลี้ยงได้แล้ว” เปรมบอก
“คุณแม่”
“ถ้ายังได้ชื่อว่าเป็นลูกชายของแม่ จงเคารพและให้เกียรติกับคำของแม่”
ปัทม์เดินกลับเข้าไปในงานคนเดียว เปรมไม่พอใจที่ปัทม์ไม่พารจนาไฉนเข้าไปด้วย
“คุณแม่คะ...ขอให้เพื่อนอยู่ในฐานะเช่นเดิมเถอะค่ะ มันคงจะเป็นการดีกับทุกคน”
“เลิกทำเพื่อความสุขคนอื่นได้แล้ว ถึงเวลาที่หนูต้องทำเพื่อตัวเองบ้าง”
เปรมยังยืนยันที่จะให้รจนาไฉนแสดงตนเป็นภรรยาของปัทม์ แต่เธอรู้สึกลำบากใจเพราะรู้ดีว่าปัทม์ไม่ต้องการเธอ และอุรารัตน์ก็คงไม่พอใจ
“แล้วคุณอุรารัตน์ล่ะคะ”

มุมหนึ่งรีสอร์ตพ่อเลี้ยงเจง อุรารัตน์ยังเต้นเร่าๆอยู่ด้วยความผิดหวัง
“หนูไม่ยอม คุณพ่อเข้าข้างมันทำไม คุณพ่อไม่รักลูกตัวเอง”
“ก็เพราะรักถึงต้องลากออกมา ไปกรี๊ด ๆ ทำตัวให้น่าสมเพช ไม่อายรึไง”
“แอรี่สับสนไปหมดแล้ว วันก่อน ปัทม์ทำเหมือนจะขอแต่งงาน แต่คืนนี้ดันยกนังคนใช้ขึ้นมาเป็นเมีย ฮือๆ”
“ปัทม์คงจำใจแต่งงาน ไม่งั้นคงไม่ปกปิดฐานะอย่างนี้ ปัทม์ไม่ได้รักผู้หญิงนั่น ลูกสาวของพ่อเป็นคนเดียวที่ปัทม์ต้องรักและหลงใหล”
ปลัดวราห์เข้ามารายงานพ่อเลี้ยงเจง
“พ่อเลี้ยงครับ ปล่อยให้แขกรอนานมันจะไม่ดีนะครับ”
พ่อเลี้ยงเจงบอกกับอุรารัตน์
“ไปแสดงให้ทุกคนรู้ว่าปัทม์รักแก”
“ค่ะคุณพ่อ”

วราห์แปลกใจที่พ่อเลี้ยงเจง ยังคงเชียร์ให้อุรารัตน์แย่งชิงปัทม์

 
นงนุชยืนพูดบนเวทีงานเลี้ยง
 

“เอาล่ะค่ะ เมื่อกี้เราก็มีเรื่องเซอร์ไพรส์ให้ตื่นเต้นกันเล่น ๆ พอขำๆ แต่ตอนนี้ถึงเวลาเซอร์ไพรส์ยกกำลังสอง ด้วยการเปิดฟลอร์ของเจ้าภาพค่ะ”
อุรารัตน์ขึ้นมายืนที่หน้าเวทีอีกครั้ง เพลงรักหวานซึ้งดังขึ้น อุรารัตน์เดินมาคว้าไมค์พูดกลางงาน
“ในวันเกิดของแอรี่ ทุกคนคงอยากเห็นแอรี่มีความสุข ดังนั้น แอรี่ก็ขอเลือกเปิดฟลอร์กับคนแอรี่รักมากที่สุดค่ะ"
อุรารัตน์มองผ่านผู้ชายหลายคน วราห์มองอุรารัตน์หวังจะเป็นทางเลือก เธอเห็นปัทม์ยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง เธอเดินตรงมากลางฟลอร์มองไปยังปัทม์ ทุกสายตามองตาม ปลัดวราห์มีสีหน้าไม่พอใจนัก
รจนาไฉนยืนอยู่คู่กับเปรม ตรงข้ามกับปัทม์ เธอมองลุ้นว่า ปัทม์จะตัดสินใจอย่างไร
เขาเดินออกมาแล้วเดินตรงไปหาอุรารัตน์รจนาไฉนน้อยใจจะเดินออกไปจากงาน
“คุณแม่คะ เรากลับกันเถอะค่ะ”
“แม่จะยอมกลับทันที ถ้าปัทม์เลือกผู้หญิงคนนั้น”
รจนาไฉนมองเห็นปัทม์เดินตรงไปยังอุรารัตน์ที่ยิ้มดีใจ แต่แต่เขากลับเดินเลยผ่านเลยอุรารัตน์ตรงมาหาเธอ
ทุกคนมองปัทม์ด้วยความแปลกใจ. เธอเองก็แปลกใจ
“คุณทำอย่างนี้ทำไม”
“ผมทำเพื่อแม่”
อุรารัตน์มองด้วยความเจ็บใจ ปลัดวราห์รีบเดินเข้ามาโค้งอุรารัตน์
“ให้เกียรติผมนะครับ”
“อย่ามายุ่งกับฉัน”
“อยากจะเป็นผู้แพ้ในสายตาคนอื่นเหรอ”
อุรารัตน์ไม่อยากเสียหน้า จึงยอมเต้นรำกับวราห์โดยดี พ่อเลี้ยงเจงไม่พอใจที่ปัทม์ไม่ให้เกียรติลูกสาว เขาเดินหนีออกไป
“ขอเสียงปรบมือให้กับคู่เปิดฟลอร์ด้วยค่ะ” นงนุช ว่า
ทุกคนปรบมือให้อุรารัตน์ที่เต้นรำกับวราห์ ปัทม์พารจนาไฉนมาเต้นรำบนฟลอร์ด้วย
บนฟลอร์เต้นรำ ปัทม์ไม่ยอมพูดจา เขาใช้สายตามองรจนาไฉนอย่างเคร่งเครียด เธอไม่สบตา
“เก่งจริงนะ เล่นละครตบตาจนแม่ฉันตกหลุมพรางเธอซะสนิท”
“ฉันไม่ได้เล่นละคร ฉันพูดความจริง”
“ความจริงที่สร้างราคาให้ตัวเองน่ะสิ”
“ก็แล้วแต่คุณจะคิด”
ปัทม์กระชากตัวรจนาไฉนเข้ามากอด เธอใจเต้นแรง หน้าแดงด้วยความเขินอาย
“อุ๊ย”
ปัทม์กระซิบที่ข้างหู
“ไม่ต้องตกใจหรอกน่า ฉันก็กำลังเล่นละครตบตาแม่ฉัน”
เปรมปลื้มใจคิดว่า ปัทม์กำลังปฏิบัติต่อรจนาไฉนในฐานะภรรยา
บนฟลอร์ รจนาไฉนสะบัดหนี แต่ปัทม์คว้าไว้
“ปล่อยฉันนะ เลิกเล่นละครเถอะ อย่าฝืนใจตัวเองเลย”
“นี่คงเป็นบทนางเอกแสนดี ยอมเสียสละความสุขตัวเองเพื่อคนอื่น ฮึ ๆ ใช้กับฉันไม่ได้ผลหรอก”
รจนาไฉนดิ้นไม่พอใจ แต่ปัทม์กอดรัดไว้แน่นยิ่งขึ้น ฝ่ายอุรารัตน์ซึ่งเต้นรำกับปลัดวราห์มองดูคู่ของปัทม์แล้วไม่พอใจจะสะบัดหนี
“พอแล้ว ฉันหมดอารมณ์”
วราห์จับอุรารัตน์ให้หันมาเต้นรำต่อ
“ใจเย็นสิครับ คิดจะแย่งคุณปัทม์มา มันก็ต้องอดทน”
“คุณหมายความว่าไง”
“ผมรู้ว่าคุณต้องการอะไร ผมจะช่วยเหลือคุณเอง ผมจะทำให้คุณสมหวังกับคุณปัทม์”
“คุณพูดจริงเหรอ”
“คุณก็รู้ว่าผมไม่เคยทำให้พ่อเลี้ยงเจงผิดหวัง”
อุรารัตน์ค่อยคลายความโกรธ มองไปยังคู่ของปัทม์เพื่อรอคอยจังหวะในการแย่งชิง

เปรม ปัทมกุลมองลูกชายกับลูกสะใภ้บนฟลอร์เต้นรำด้วยความสุขใจ รจนาไฉนส่งยิ้มมาให้เปรม แต่ในใจรู้ดีว่า ปัทม์ยังไม่ยอมรับตัวเธอ
“คุณแม่เป็นคนดี มีมนุษยธรรมไม่รู้ว่าทำไมลูกไม้ถึงหล่นไกลต้นนัก”
“แม่ฉันมองโลกในแง่ดีเกินไปต่างหาก”
“คุณกำลังดูถูกคุณแม่ของคุณเอง”
“ฉันจะทำให้แม่ตาสว่าง ก่อนที่เธอจะทำร้ายพวกเรามากไปกว่านี้”
รจนาไฉนสะบัดหน้าหนี ไม่อยากฟัง ไม่อยากเถียงด้วย ปัทม์เชยคางรจนาไฉนอย่างอ่อนโยนให้หันมา
“วันนี้ฉันจำเป็นต้องทำตามหน้าที่ อย่าชะล่าใจคิดว่าฉันจะรามือ ฉันจะเปิดโปงโฉมหน้าเน่าเฟะของเธอให้ทุกคนรู้”
รจนาไฉนผละออกมามองปัทม์ด้วยสายตาผิดหวัง

“เราต่างต้องทำหน้าที่ของตัวเอง คุณเองก็อย่าได้ชะล่าใจคิดว่า ฉันทำไปเพราะ คิดพิศวาสอะไรคุณ”
 
อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 17.00น.
 

มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 6 (ต่อ)

ปัทม์รั้งตัวรจนาไฉนเข้ามาประชิดอีกครั้ง
“เธอต่างหากที่ควรจะระวังไว้ อย่าพิศวาสฉันเข้าจริง ๆ ล่ะ”
“ฉันไม่มีวันเผลอปล่อยใจให้มัจจุราชอย่างคุณแน่ !”
ปัทม์ยิ้มเหี้ยมกอดรจนาไฉนแน่น เขากดใบหน้าลงที่ซอกคอ ไซ้ลงไปที่แก้ม แล้วจูบอย่างแผ่วเบาที่แก้มเหมือนทะนุถนอม ผู้คนต่างชะงักมองภาพคู่รักกำลังกอดกันด้วยความรัก
รจนาไฉนพยายามดิ้น แต่ไม่หลุดจากอ้อมกอด ปัทม์ยิ้มพอใจยังคงเต้นรำต่อไปด้วยท่าทางที่ตรงกันข้ามกับความรู้สึกที่อยู่ในจิตใจ
เวลาค่ำ ต่อเนื่องมา ปัทม์เดินนำเปรมเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน เปรมเดินและมองตามปัทม์
“ถ้าวันนี้คุณแม่ไม่มีธุระ ผมขอตัวก่อนนะครับ เพลียมาทั้งวันแล้ว”
“เรายังคุยกันไม่จบ”
“ไม่จบ”
“เรื่องหนูเพื่อน”
“ยังมีเรื่องอะไรอีกล่ะครับ ผมทำตามความต้องการคุณแม่ทุกอย่างแล้ว คืนนี้ผมยกย่องผู้หญิงคนนั้น ว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายต่อหน้าทุกคน คุณแม่ก็เห็น"
เปรมยิ้มบอก
“แต่ยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่ง สำคัญมากด้วย”
“อะไรครับ”
“นับจากวันนี้หนูเพื่อนต้องย้ายมาอยู่ที่เรือนใหญ่ ภรรยาของพ่อเลี้ยงปัทม์จะอยู่ที่เรือนคนใช้ไม่ได้”
“ได้ครับ ผมจะให้ปยงค์จัดให้อยู่ที่ห้องรับรอง”
“ได้ยังไงจ๊ะ หนูเพื่อนเป็นภรรยาพ่อเลี้ยงปัทม์ ก็ต้องนอนห้องเดียวกับสามีสิจ๊ะ”
“อะไรนะครับคุณแม่”
“แม่พูดชัดเจนแล้วนะจ๊ะ ลูกกับหนูเพื่อนต้องนอนอยู่ในห้องเดียวกัน ทานอาหารโต๊ะเดียวกัน ประพฤติและปฏิบัติให้สมกับเป็นสามีภรรยาที่ดีต่อกัน”
“แต่...”
“ไม่มีคำว่าแต่ เพราะแม่ไม่ได้ถามความสมัครใจ แต่นี่เป็นคำสั่งของแม่จ้ะ”
ปัทม์พูดไม่ออก เปรมออกคำสั่งด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นดูเด็ดขาดเป็นอย่างยิ่ง

ในเวลากลางคืนต่อเนื่องมา รจนาไฉนในชุดสวยเดินซึม ๆมาถึงหน้าเรือนคนใช้ จันทร์เจ้าอยู่หน้าห้องเรือนคนใช้ตกใจ
“เพื่อน เอ๊ย คุณนายผู้หญิงเจ้า ข้ามาทำอะไรเจ้า”
“เรียกชื่อฉันเหมือนเดิมเถอะ”
รจนาไฉนเข้ามาเตะตัวจันทร์เหมือนเคย แต่จันทร์กระเถิบหนี
“อย่าแตะเนื้อต้องตัวขี้ข้าค่ะคุณนายผู้หญิง เรามันคนระดับกัน”
รจนาไฉนไม่อยากพูดอะไรต่อ เธอจะเดินเข้าไปที่เตียงนอน แต่จันทร์เจ้ารีบห้าม
“เอ้อ...คุณรจนาไฉนนอนที่นี่ไม่ได้นะคะเจ้า”
“ทำไมล่ะ”
รจนาไฉนแปลกใจเห็นจันทร์เจ้ามองไปที่ประตูห้อง เธอมองตามสายตานั้นไปเห็นเปรมยืนอยู่
“คุณแม่”
เปรมเดินนำเข้ามา พลางหันไปบอกรจนาไฉนที่กำลังเดินตามเข้ามา
“หนูเพื่อนต้องอยู่ในฐานะคุณนายผู้หญิงของบ้านหลังนี้”
“แต่ว่าคุณปัทม์คงไม่...”
“เลิกคิดถึงคนอื่นสักที นับจากนี้ไป หนูคือคุณนายผู้หญิงของไร่ปัทมกุล”
“แต่ว่าเพื่อน”
“ไม่มีคำว่าแต่”
“คุณแม่คะ”
“แม่ง่วงแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนนะจ๊ะ”
เปรมเดินออกไปพร้อมกับเปรยยิ้มออกมา
“บ้านหลังใหญ่ ถ้ามีเด็กตัวเล็ก ๆ มาอยู่ด้วย คงจะไม่เหงา”
เปรมเดินออกไป รจนาไฉนใจสั่นทำตัวไม่ถูก ที่ต้องย้ายไปนอนในห้องเดียวกับปัทม์

ในเวลาต่อมา รจนาไฉนยืนตัวแข็งอยู่หน้าห้องปัทม์ จะเคาะ แล้วเปลี่ยนใจไม่เคาะ ตัดสินใจจะเดินออกไป ปัทม์นุ่งชุดนอนมีเพียงกางเกงตัวเดียว ท่อนบนเปลือยเปล่า เขาเปิดประตูออกมา ทั้งสองประจันหน้ากัน เธอตกใจ รีบหันหน้าหนี
“ขอโทษ เอ้อ ฉัน”
ปัทม์ดึงมือรจนาไฉนเข้ามาในห้องนอนแล้วปิดประตูทันที ที่มุมหนึ่ง ชิกับจันทร์เจ้ากำลังแอบดูอยู่ต่างหัวเราะคิกๆ
“ต้องใช้ไม้แข็ง ...ถ้าคุณท่านไม่กลับมาก่อนกำหนด เมียก็เหมือนไม่ใช่เมีย” ชิบอก
“พี่ชินะ ไม่ยอมบอกเรื่องคุณรจนาไฉน” จันทร์เจ้าบอก
“อยากบอกใจจะขาด แต่นายสั่งห้าม แต่ตอนนี้นายไม่ได้สั่งห้าม”
“พี่ชิ เสียมารยาท”
จันทร์เจ้าดึงชิออกไป แล้วเข้าไปแนบฟังเอง
“เอ้า...ซะงั้น”
ชิเข้ามาแนบฟังคู่กับจันทร์เจ้า

รจนาไฉนยืนอยู่ที่มุมห้อง เห็นปัทม์สาละวนกับการหยิบหมอนและผ้าห่มจากเตียงใหญ่เอามาวางไว้ที่โซฟา
“ขอบใจ”
“ขอบใจทำไม”
“ก็ขอบใจที่อุตส่าห์มีน้ำใจ หอบเครื่องนอนมาให้ฉัน”
ปัทม์ไม่ตอบ กระชากเธอออกจากบริเวณโซฟา จนเซถลา ๆ ไปตามเขามาที่เตียง
“คุณจะทำอะไร”
“คิดว่าฉันพิศวาสอยากนอนร่วมเตียงกับเธอรึไง”
“ฉันนอนที่โซฟาก็ได้ คุณนอนบนเตียงเถอะ”
ปัทม์ชะงัก
“เลิกเล่นบทนางเอกละครผู้เสียสละซะทีได้มั้ย ฉันเลี่ยนจนจะอ้วก”
รจนาไฉนเดินไปหยิบถังผงที่อยู่ริมห้องมาแล้วยื่นให้ ปัทม์มองอย่างงง ๆ
“อะไร”
“จะอ้วกก็อ้วกซะ อย่าอ้วกรดที่นอน สงสารคนซัก”
ปัทม์เริ่มฉุน
“นี่เธอกวนฉันเหรอ”
“เอ๊า ฉันไปรู้ได้ไงว่า ตอนไหนจริง ตอนไหนไม่จริง”
รจนาไฉนจะเดินไปที่โซฟา ปัทม์ตะโกนดุ
“รจนาไฉน”
“ลับหลังคนอื่นไม่ต้องมาทำดีกับฉันหรอก พญามัจจุราชอย่างคุณคงฝืนใจที่ต้องมาทำดีกับฉัน ฉันนอนโซฟาเอง"
รจนาไฉนจะล้มลงนอนที่โซฟา แต่ปัทม์ยืนมอง
“มองอะไร ไปนอนที่ของคุณสิ”
ปัทม์เดินตรงเข้ามาจนเธอรู้สึกกลัว
“คุณจะทำอะไรนะ อย่านะ ว้าย!”
ปัทม์จะคว้าตัว แต่รจนาไฉนวิ่งหนี
ชิกับจันทร์เจ้ากำลังแอบฟังอยู่ที่ประตูหน้าห้องนอนปัทม์ ทั้งคู่สะดุ้งเฮือกและหัวเราะกันคิกคัก
“สวรรค์ชั้นเจ็ด” ชิบอก
“รู้ได้ไงว่า...เขาผ่านชั้นหนึ่งถึงหกไปแล้ว” จันทร์เจ้าถาม
“หยุดนะ อย่า!” เสียงรจนาไฉนดังออกมา
ชิบอก
“เสียงแบบนี้ ไม่ได้ผ่านหนึ่งถึงหกหรอก กระโดดไปชั้นเจ็ดเลย”
เสียงประตูถูกกระแทกดังโครม ชิกับจันทร์เจ้าตกใจ เด้งหายออกไปจากประตูทันที
ภายในห้อง ปัทม์ประชิดตัวอุ้มรจนาไฉนขึ้นมา เธอตกใจกลัว จึงใช้มือเหนี่ยวคอปัทม์เอาไว้ “ปล่อยฉันนะ”
“อยู่เฉยๆ”
รจนาไฉนเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาในระยะใกล้ชิดพอดี ทั้งคู่ต่างอึ้ง เกิดสภาวะสูญญากาศ ลืมหายใจหวั่นไหวใจสั่น เหมือนมีแม่เหล็ก ดึงดูดหนุ่มสาวเข้าหากัน ใกล้มากขึ้น ใกล้มากขึ้น
จู่ๆ ปัทม์ก็รู้สึกตัว กระชากตัวเองตื่นออกจากภวังค์ ทุ่มรจนาไฉนลงบนเตียงอย่างแรง
“โอ๊ย!”
ปัทม์หอบหมอนผ้าห่มไปวางบนโซฟาแล้วทิ้งตัวลงนอนทันที โดยไม่สนใจรจนาไฉนอีกต่อไป
ส่วนเธอนั่งนิ่งด้วยหัวใจเต้นแรง จากเหตุการณ์เมื่อครู่ มองไปที่โซฟา เห็นแต่เพียงด้านหลังของเขา
ปัทม์ที่หลับตาไปแล้วกลับลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความรู้สึกภายในปั่นป่วน สายตาอ่อนแสงลง

พระจันทร์ดวงกลมโตบนฟากฟ้าทอแสงนวลตา ภายในห้องนอนปัทม์ รจนาไฉนยังนอนลืมตา ยังนอนไม่หลับเพราะไม่คุ้นเคยในห้องใหม่ อีกทั้งยังพะวงกลัวปัทม์ เธอลุกขึ้นมานั่งมองไปที่โซฟา เห็นปัทม์นอนดิ้นจนผ้าห่มตกพื้น
“ผู้ชายอะไรร้ายตลอดเวลา ขนาดนอนยังน่ากลัว”
รจนาไฉนมองไป มั่นใจว่า ปัทม์หลับสนิท
“หลับแล้ว คงไม่มีพิษไม่มีภัย”
รจนาไฉนล้มตัวลงนอน แต่กลับลืมตา เธอคิดทำอะไรบางอย่าง

บนโซฟา ปัทม์ นอนกอดตัวเองด้วยความหนาวโดยไม่มีผ้าห่ม รจนาไฉนเดินเข้ามาพร้อมเอาผ้าห่มมาคลุมให้ เขาคว้าผ้าห่มมาคลุมทันที เธอตกใจ รีบถอยห่าง
“ฮึ...สิ้นลายมัจจุราช”
เธอมองดูปัทม์ที่นอนหลับอยู่
“ถ้าชีวิตจริงของคุณอ่อนโยน สุภาพอย่างตอนนี้ก็คงจะดี”
ปัทม์นอนพลิกตัวมาทางรจนาไฉน เธอตกใจรีบลุกหนี วิ่งกลับไปนอนที่เตียงแล้วห่มผ้า นอนหันไปอีกทาง ปัทม์ลืมตาขึ้น รับรู้ว่ารจนาไฉนมาห่มผ้าให้ก็กอดผ้าห่มด้วยความสุขใจ....

วันใหม่ ท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นของภูเขา และชุมชน ปัทม์รู้สึกตัวตื่น สะดุ้ง หันมองไปรอบๆ ภายในห้องอันว่างเปล่า บนเตียงถูกจัดเก็บอย่างเรียบร้อย เขามองนาฬิกา 9.00 น. สายมากแล้ว
“เฮ้ย เก้าโมง !”
ปัทม์รีบลุกขึ้นจะไปเข้าห้องน้ำ ผ่านเตียงก็ชะงัก ถอยหลังกลับมาดูบนเตียงอีกที เห็นบนเตียงมีเสื้อ กางเกง กางเกงชั้นในของปัทม์ถูกวางเตรียมเอาไว้อย่างเรียบร้อย เขาเผลอยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ก่อนจะหุบยิ้ม ปั้นหน้าเข้มเหมือนเดิม
รจนาไฉนกำลังจัดโต๊ะทำงานของปัทม์ เขาเอาเสื้อผ้าที่เธอจัดเตรียมไว้มาปาใส่
“ว้าย...อะไรของคุณ”
“ต่อไปไม่ต้องมายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉัน อย่าคิดว่าพ่อแม่ฉันเปิดตัวเธอเป็นเมียแล้วจะเข้ามายุ่มย่ามกับชีวิตฉันได้”
“ถ้ามันทำให้คุณลำบากใจ ฉันขอโทษ คิดซะว่าฉันทำในฐานะคนรับใช้ก็แล้วกัน”
“ไม่ต้อง ฉันไม่ต้องการให้เธอแตะต้องของส่วนตัว เพราะฉันรังเกียจเธอ”
“ค่ะ”
รจนาไฉนบ่นลับหลัง
“รู้งี้น่าจะปล่อยให้นอนหนาวตายไปซะ”
ปัทม์เดินออกไป รจนาไฉนจะทำงานต่อ แต่คิดอะไรบางอย่างได้ก็ตกใจ
“ว๊าย... แล้วเขาจะมาด่าฉันอีกมั้ยเนี่ย”

ปัทม์เดินอารมณ์เสียกลับมาในห้องน้ำ เขาเอื้อมมือไปไปหยิบแปรงสีฟันแล้วก็ต้องชะงัก เห็นแปรงสีฟันที่มียาสีฟันบีบใส่ลงไปแล้วเรียบร้อย เขาจะโยนทิ้งลงถังขยะ แต่ยั้งมือไว้...และรู้สึกอบอุ่นในหัวใจขึ้นมา แต่ก็รีบไล่ความรู้สึกโกรธแค้น ชิงชัง ลงมือแปรงฟันทันที

ภายในครัว รจนาไฉนตักข้าวต้ม ควันฉุยใส่ถ้วยแล้วลงวางบนจานรอง
“คุณนายผู้หญิงไม่ต้องลงมาทำเองก็ได้นะเจ้า” จันทร์เจ้าบอก
“จันทร์!” รจนาไฉนดุ
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ขี้ข้าเถอะ คุณรจนาไฉนเป็นภรรยาคุณปัทม์ ก็ควรทำเฉพาะหน้าที่ภรรยาเจ้า”
จันทร์เจ้าแอบหัวเราะขำ “ฮิ ๆ” กับเรื่องเมื่อคืน
“ขำอะไร”
“ไม่มีอะไรเจ้า... ฮิ ๆ ๆ”
“บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ขำอะไร”
รจนาไฉนรุกถาม จันทร์ไม่กล้าตอบ แต่แล้วปยงค์เข้ามาลอยหน้าลอยตาจิกกัดเหมือนเดิม
“มัวเล่นกันอยู่ได้ เสร็จหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ป้าปยงค์”
“ว้าย... คุณรจนาไฉน ปยงค์ขอโทษนะคะ ไม่ได้คิดจะด่าว่าคุณรจนาไฉนเลยนะคะ”
“แหม วันนี้พูดซะเพราะเชียว” จันทร์เจ้าแซว
“ข้าจะบอกอะไรให้นะนังจันทร์ ข้านะรู้มาตั้งนานแล้วว่า แท้จริงคุณรจนาไฉนเป็นใคร"
“รู้ได้ไง”
“รู้เอง... ดูสิผิวพรรณผุดผ่องเป็นยองใย สวยสง่ามีราศี เอื้อนเอ่ยวจีแต่ละคำเพราะพริ้งยิ่งกว่านกการะเวก"
“แล้วทำไมป้าถึงจิกใช้คุณรจนาไฉนล่ะ”
“ก็ข้ารู้ว่าคุณปัทม์คิดลองใจ ก็เลยช่วยคุณปัทม์โขกสับ เพื่อวัดใจคุณรจนาไฉน”
ปยงค์หันมาบอกรจนาไฉน
“แต่ความจริงแล้วป้าฝืนใจมาก ป้าต้องกลับไปนอนร้องไห้แทบทุกคืน ที่ต้องทำร้ายจิตใจคุณรจนาไฉนนะเจ้าคะ”
จันทร์มองด้วยความแปลกใจ ไม่เชื่อในความตอแหลของปยงค์
“ช่างมันเถอะจ้ะ ฝากยกอาหารไปให้คุณปัทม์ด้วยนะจ๊ะ”
รจนาไฉนเดินออกไป จันทร์หันมาแขวะปยงค์ต่อ
“เก่งจริงจริ๊ง รู้ไปซะทุกเรื่อง ชอบกินสตรอเบอรี่ใช่ปะ” จันทร์เจ้าพูดพลางแกล้งสะกิดปยงค์
“ใช่ หอมหวานอร่อย”
แล้วปยงค์ก็นึกได้
“แกหลอกด่าว่าฉันตอแหล นังจันทร์”
“เจ้า”
จันทร์เจ้ารีบยกอาหารออกไป ปยงค์เจ็บใจ

“และฉันก็ยังรู้อีกว่า ฉันควรจะสวามิภักดิ์กับใคร”

อุรารัตน์ก้าวฉับ ๆ เข้ามาที่หน้าบ้านปัทมกุล นงนุชกางร่มเอาใจให้สุดฤทธิ์ ปยงค์เดินเข้ามาต้อนรับอย่างเคย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณอุรารัตน์ขา”
“จะมาเอาใจฉันทำไม ตอนนี้แกมีคุณนายผู้หญิงคนใหม่แล้วนี่”
“ปยงค์ไม่สนใจมันหรอกค่ะ เพราะปยงค์เชื่อว่ามันก็คงเป็นแค่ในนาม ว่าที่คุณนายผู้หญิงตัวจริงยืนเด่นเป็นสง่าอยู่นี่แล้วไงคะ”
ปยงค์ชื่นชม อุรารัตน์ควักเงินให้ปยงค์อย่างเคยปฏิบัติ ปยงค์เปิดปากทันทีอย่างรู้งาน
“คุณเปรมกลับไปสำนักปฏิบัติธรรมตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ กว่าจะกลับก็อีกหลายวัน”
“ดี!”
อุรารัตน์ถามนงนุช
“ตอนที่ฉันเจอหน้ามัน ฉันควรจะพูดอะไรเป็นประโยคแรก”
นงนุชพูดหน้าตาใส่อารมณ์มาก
“นังหน้าด้าน ไร้ยางอาย ผู้ชายเขาไม่รัก ไม่สนใจยังจะตามตื้ออยู่ได้!”
อุรารัตน์ชักจะงง
“นี่แกกำลังด่าฉันหรือเปล่า”
“ด่านังนั่นค่ะ ลุยเลยค่ะคุณแอรี่ขา”

ปัทม์เดินมาที่โต๊ะรับประทานอาหาร มองไปรอบๆ เจอแต่จันทร์เจ้า
“คุณเพื่อนอยู่ด้านนอกเจ้า”
“ไม่ได้ถาม”
“แต่ถ้าเรารักใครชอบใคร ก็ต้องอยากอยู่ใกล้คนนั้นนะเจ้า”
ปัทม์มองหน้าจันทร์เจ้าอย่างรำคาญ แต่ความจริงก็เป็นแบบที่จันทร์เจ้าพูดนั่นแหละ
“ให้ไปตามมามั้ยเจ้า”
รจนาไฉนเดินถือแจกันดอกไม้เข้ามาวางไว้ที่โต๊ะ
“อุ๊ยมาแล้วเจ้า ดอกไม้ส๊วยสวย คุณรจนาไฉนคงตั้งใจจัดดอกไม้มาให้สุดที่รักโดยเฉพาะ"
ปัทม์ทำทีไม่สนใจ ไม่มอง รจนาไฉนลงนั่งข้างๆปัทม์ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย จันทร์เจ้าตักข้าวต้มเสิร์ฟให้รจนาไฉน แล้วรีบออกไป
“จันทร์ไปไหน”
“ไปเก็บครัวเจ้า นายจะได้ทานกันสองต่อสอง ช่วงข้าวใหม่ปลามัน ฮิ ๆ ๆ”
ปัทม์มองดุ จันทร์เจ้าคิดว่าต้องการให้ไปเร็วๆ
“ไปแล้วล่ะนาย แหม..เร่งจัง ฮิ ๆ ๆ”
ปัทม์บอกกับรจนาไฉน
“ทีหลังอย่าให้ฉันต้องรอกินข้าวแบบนี้อีก”
“ฉันนึกว่าคุณไม่อยากทานพร้อมฉัน”
“แล้วมาร่วมโต๊ะทำไม”
“มันเป็นหน้าที่...เราควรทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด”
“ก็ดี...แต่จำไว้ หน้าที่ของเธอคือแสดงตัวเป็นภรรยา แต่บทบาทของเธอคือ คนรับใช้”
“ฉันทราบหน้าที่และบทบาทของฉันดีค่ะ...เจ้านาย”
อุรารัตน์เข้ามาทันที นงนุชและปยงค์ตามมาประกบ
“ปัทม์คะ”
ปัทม์และรจนาไฉนตกใจที่อุรารัตน์ยังเข้ามากวนไม่เลิก
“สวัสดีค่ะ มาแต่เช้าเชียว เชิญทานอาหารด้วยกันนะคะ”
“ไม่ต้อง...ฉันไม่ได้มาทานอาหาร ฉันมีเรื่องส่วนตัวจะคุยกับปัทม์”
“ค่ะ งั้นเชิญคุณอุรารัตน์ตามสบายนะคะ”
“เธอจะไปไหน” ปัทม์ถาม
“ไปทำตามบทบาทของฉัน”
จนาไฉนเดินออกไป อุรารัตน์ยิ้มพอใจที่รจนาไฉนหลีกทาง เธอเข้าไปอ้อนปัทม์ทันที
“ปัทม์ขา เรื่องมันเป็นยังไงกันคะ แอรี่ไม่เข้าใจเลย ปัทม์ต้องเคลียร์นะคะ”

มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 6 (ต่อ)

ปัทม์เดินหนีจะออกไปทำงาน อุรารัตน์เข้ามาขวาง
“ปัทม์แต่งงานกับมันได้ไง รึว่ามันวางแผนมอมเหล้าแล้วขืนใจคุณ”
“เลิกคิดบ้า ๆ เถอะ ผมมีความจำเป็นบางอย่าง”
“จำเป็นอะไรคะ”
“ช่างมันเถอะ ถ้าคิดจะคบหากัน อย่าถามเรื่องนี้เลย”
ปัทม์ตัดบทปลีกตัว
“ผมจะไปทำงานแล้ว ถ้าไม่จำเป็น คุณไม่ควรมาที่นี่อีก”
ปัทม์เดินหนีออกไป
“นงนุช” อารีรัตน์เรียก
“กลับใช่มั้ยคะ เพราะว่าคุณปัทม์ไล่แล้ว”
“ใครบอกว่าไล่”
“แต่คุณปัทม์บอกว่า ถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องมาอีกนี่คะ”
“แต่ฉันจำเป็น จำเป็นต้องกำจัดนังเมียนั่นไปซะ !”
“แล้วทำไงคะ”
“ไม่ใช่หน้าที่ฉันคิด”
นงนุชพูด คิดนิดหนึ่งแล้วชี้หน้าตัวเอง
“งั้นหน้าที่ใคร...นงนุชเหรอ”

รจนาไฉนกำลังจัดดอกไม้ตกแต่งในบ้าน...
“คุณรจนาไฉนไม่น่าปล่อยให้ผู้หญิงอื่นเข้ามายุ่งกับนายนะเจ้า” จันทร์เจ้าว่า
“ก็เขารักของเขานี่”
“พูดเหมือนตัวเองไม่ได้รัก”
“ฉันไม่ชอบฝืนความรู้สึกใคร เขาอยากทำอะไรก็ปล่อยเขา”
“ไม่ได้ ต้องท่องไว้นะเจ้า ผัวข้าใครอย่าแตะ ใครคิดมาแย่ง ตบฉาดใหญ่”
“แกจะตบใครนังจันทร์”
จันทร์เจ้าชะงัก หันมาเห็นอุรารัตน์เลยทำไก๋ เฉไฉไป
“ตบแมงหวี่แมงวันที่ชอบบินตอม”
จันทร์เจ้าทำท่าจะตบรอบๆหน้านงนุช
“ออกไป อย่ามายุ่งกับหน้าฉัน”
“นังรจนา” อุรารัตน์เสียงดังเข้ม นงนุชมองดุคอยเตือน
อุรารัตน์ท่าทีและน้ำเสียงลงเป็นมิตรอย่างฮวบฮาบ
“เอ่อ คุณรจนาไฉนคะ กำลังทำอะไรคะ”
“จะไปตัดดอกไม้เอามาจัดแจกันเพิ่ม”
“ดีเลย งั้นแอรี่ไปช่วยนะคะ แอรี่เองก็ชอบดอกไม้ ไปค่ะ”
อุรารัตน์เข้ามาเอาใจรจนาไฉน แล้วเดินออกไป จันทร์เจ้ามองด้วยความแปลกใจ
“วันนี้เกิดอะไรขึ้น นังมารร้ายกลับใจ รึว่าแผ่นดินจะไหว”

สวนดอกไม้..ที่บ้านปัทม์ รจนาไฉนกำลังตัดดอกไม้ อุรารัตน์เข้ามาช่วยตัดใส่ตะกร้า
“ฉันต้องขอโทษเธอด้วยนะ ที่เข้าใจผิดพูดจาไม่ดีกับเธอ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ”
“ประเสริฐจริง ๆ แสนดี เธอไม่หึงเหรอ”
“ไม่ค่ะ คุณปัทม์จะรักใครชอบใคร ฉันห้ามหัวใจไม่ได้”
“งั้นไม่อ้อมค้อมละนะ เธอหย่ากับปัทม์ซะ ฉันต้องการตัวปัทม์”
“ขอโทษนะคะ ฉันคงทำอย่างนั้นไม่ได้”
“ทำไม เธอก็รู้ว่าปัทม์รักฉันมาก เขาต้องแต่งงานกับเธอเพราะความจำเป็น แล้วเธอจะเก็บเขาไว้ทำไม"
“เพราะมันเป็นหน้าที่ค่ะ หน้าที่ของภรรยา”
รจนาไฉนเดินออกไป อุรารัตน์ไม่พอใจ
“กลับมานะ กลับมาคุยให้รู้เรื่อง”
นงนุชวิ่งเข้ามาหาอุรารัตน์
“คุณแอรี่ นงนุชบอกแล้วไงคะให้เล่นบทนางเอกไม่ใช่นังอิจฉา”

“ก็มันไม่ได้ผล ฉันต้องทำไงต่อ”

ภายในห้องนอนปัทม์ รจนาไฉนนั่งถอนใจ พยายามตัดใจไม่คิดมากหันมาจัดเสื้อผ้าตัวเองเข้าตู้เสื้อผ้าปัทม์ เพราะต่อไปนี้ต้องย้ายเข้ามานอนในห้องนี้ตามคำสั่งเปรม
อุรารัตน์เปิดประตูผลัวะเข้ามา กับนงนุช
“นังรจนาไฉน”
“ด่าเหมือนที่ซ้อมไปเลยค่ะ คุณแอรี่” นงนุชบอก
“นังหน้าด้านไร้ยางอาย ผู้ชายเขาไม่รัก ไม่สนใจแล้วยังตามตื้ออยู่ได้”
“แน่ใจนะคะ ว่ากำลังด่าฉันอยู่ ไม่ได้ด่าตัวเอง”
อุรารัตน์อึ้ง
“แก...แก”
“มันแว้งกัดคุณแอรี่แล้วนะคะ นังงูพิษ”
อุรารัตน์ชี้หน้ารจนาไฉน
“ออกไปจากบ้านปัทม์เลยนะ”
“คุณต่างหากที่ควรจะเป็นฝ่ายออกไป ไม่ใช่ฉัน”
อุรารัตน์โกรธจัดขึ้นมาทันที เมื่อรจนาไฉนทำท่าสู้

ปัทม์เดินมาที่คอกม้ากำลังจะเอาม้าออกมาชิวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา
“นาย...แย่แล้ว เกิดพายุขนาด 7 ริกเตอร์ คุณอุรารัตน์กำลังเหวี่ยงคุณรจนาไฉน บ้านจะแตกแล้วครับนาย"
รจนาไฉนยืนกรานจะไล่อุรารัตน์ออกไป
“คุณควรจะออกไปได้แล้ว เพราะที่นี่เป็นห้องส่วนตัวของฉันกับคุณปัทม์”
“มันจงใจเย้ยคุณแอรี่ค่ะ จัดการมันเลย” นงนุชบอก
อุรารัตน์รื้อเสื้อผ้าของรจนาไฉนออกมาจากตู้ของปัทม์แล้วเหวี่ยงลงพื้น
“หยุดนะคุณอุรารัตน์ คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้”
“ไม่หยุด มีอะไรมั้ย ฉันจะทำลายทุกอย่างที่เป็นของแก ดูสิว่าแกจะทนได้มั้ย”
อุรารัตน์คว้าเสื้อผ้ารจนาไฉนมาฉีก .
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่”
อุรารัตน์คว้าเสื้อมาฉีก
“คุณอุรารัตน์ ฉันไม่เกรงใจแล้วนะ”
รจนาไฉนเข้ามาแย่งเสื้อผ้า แล้วผลักอุรารัตน์
“กล้าผลักฉันเหรอ...อย่างนี้ต้องตบ !”
อุรารัตน์ตบหน้า แต่รจนาไฉนหลบได้ เธอตบกลับทันที
“อ๊ายย...”
“ฉันถือว่าคุณตบหน้าฉันแล้ว ฉันมีสิทธิ์ปกป้องตัวเอง”
อุรารัตน์ตบอีก แต่รจนาไฉนหลบแล้วตบคืนทันที
“อ๊าย... นังนงนุช แกจับมันไว้”
นงนุชจะเข้าไปจับ รจนาไฉนหันขวับมาทางนงนุช ด้วยท่าทางน่ากลัวกว่า
“ถ้ากล้าก็เข้ามาสิ”
นงนุชกลัว ไม่กล้าเข้าไปทำอะไร อุรารัตน์ไม่พอใจ พุ่งเข้าไปผลักรจนาไฉนไปชนกับตู้เสื้อผ้า
“แกสู้ฉันไม่ได้หรอก”
อุรารัตน์เงื้อมือจะตบ แต่ปัทม์เข้ามาจับข้อมืออุรารัตน์เอาไว้
“หยุดนะ!”
ปัทม์ยืนจับมืออุรารัตน์ หน้าเข้ม ไม่พอใจ
“ปัทม์... เมียปัทม์ทำร้ายแอรี่ ปัทม์ต้องจัดการให้แอรี่นะคะ”
รจนาไฉนมองว่าปัทม์จะตัดสินปัญหาอย่างไร
“ผมบอกคุณแล้วใช่มั้ย ถ้าไม่จำเป็นอย่ามาที่นี่อีก”
รจนาไฉนไม่เชื่อหูตัวเอง
“ปัทม์ปกป้องมัน ทำแบบนี้เท่ากับไม่รักแอรี่ แอรี่ไม่ยอมนะคะ”
อุรารัตน์โมโหจัด คว้าของใกล้มือ เขวี้ยงสะเปะสะปะ
“คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่หยุด เพราะนังนี่คนเดียวที่ทำให้ปัทม์เปลี่ยนไป”
อุรารัตน์คว้าของปาใส่รจนาไฉน ปัทม์เข้ามาปกป้อง

“หยุดนะ”

อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.

อุรารัตน์ขว้างออกไป ถากโดนหน้าของปัทม์ รจนาไฉนตกใจ ทุกคนต่างตกใจ เลือดไหลซิบที่แก้มปัทม์
“คุณปัทม์”
“ว้าย...งานเข้าแล้วค่ะคุณแอรี่” นงนุชบอก
อุรารัตน์เริ่มหยุดบ้า เพราะกลัวปัทม์โกรธ สีหน้าจ๋อยลงไปทันที
“ปัทม์... แอรี่ขอโทษ”
“ออกไปได้แล้ว”
“แต่ว่าคุณ”
“ออกไป !”
“ก็ได้... แต่แอรี่บอกไว้เลย ระหว่างเราไม่มีวันจบแบบนี้แน่ ๆ”
อุรารัตน์รีบออกไปกับนงนุชทันที ปัทม์เช็ดเลือดที่แก้มตัวเอง รจนาไฉนมองปัทม์อย่างเป็นห่วง

มุมหนึ่งในบ้าน ปัทม์ลงนั่งอย่างเซ็งๆ ใช้ผ้าซับเลือดที่หน้าของตัวเอง รจนาไฉนเข้ามามองด้วยสายตาเห็นใจ แต่ยังไม่วายเอ่ยปากประชดตามประสารจนาไฉน
“ไหนบอกว่าเป็นแฟนกัน ทำไมทำร้ายกันเองล่ะคะ”
ปัทม์ชำเลืองมอง ไม่ตอบซับแผลตัวเองต่อ เธอเอื้อมมือจับมือของปัทม์เอาไว้ ไม่ให้เช็ดเลือดต่อ
“อย่าทำแบบนี้สิ เดี๋ยวแผลติดเชื้อ”
ปัทม์สบตา เธอหลบตาวูบ หันไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลบนโต๊ะ
“ฉันจะทำแผลให้”
“ใครใช้”
“ไม่มีใครใช้ แต่ฉันกำลังทำหน้าที่ที่ควรจะทำ”
ปัทม์อึ้ง ปล่อยให้รจนาไฉนทำแผล รจนาไฉนชุบสำลีด้วยแอลกอฮอล์ล้างแผล ปัทม์ชำเลืองมอง
“ทำอะไร”
“ทำความสะอาดแผล ฆ่าเชื้อโรค”
“ไม่เอา แสบ”
ปัทม์เบี่ยงหน้าหลบ
“ไม่ได้ อยู่เฉยๆ”
รจนาไฉนจับหน้าให้ปัทม์อยู่นิ่งๆ เขาจำยอมทำตาม รจนาไฉนแอบยิ้มขำ เอาสำลีแตะไปหนึ่งที
“โอย” ปัทม์ ร้องเสียงเบาๆ
รจนาไฉนแตะอีกทีหนึ่ง ปัทม์ชักจะเสียงดังขึ้น
“โอย”
รจนาอมยิ้ม แกล้งแตะสำลีไปที่แผลอีกสองสามทีคราวนี้แรงกว่าเดิม ปัทม์ร้องดังลั่น
“โอ๊ย... โอ๊ย... โอ๊ย... เธอแกล้งฉันนี่!”
“เพิ่งรู้ว่าพ่อเลี้ยงไร่ชาหน้าโหดที่คนงานกลัวนักกลัวหนา ใจเสาะเจอแค่แอลกอฮอล์กลับร้องเหมือนถูกเชือด"
“เธอ”
ปัทม์จับมือรจนาไฉนกระชากลงมาเบา ๆ แต่หน้าแนบชิดหน้า ปากเกือบจะชนกัน ทั้งสองคนอึ้ง นิ่ง ค้าง มองสายตาของกันและกัน พลันเห็นสายตาอาทรของอีกฝ่าย
“จ๊ะเอ๋ !”
เสียงพ่อเลี้ยงพูนทวีดังเข้ามาขัดจังหวะ ทั้งคู่ต่างสะดุ้ง ผละออกจากกัน รีบเก็บอาการเขินอายไว้ พูนทวีหน้าหมองเพราะเห็นความใกล้ชิดของทั้งสองคนเต็มตา
“ขอโทษครับ”
“สวัสดีค่ะคุณพูนทวี”
“ผมคงมาผิดจังหวะ กลับก่อนก็ได้”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณพูนทวีค่ะ”
พ่อเลี้ยงพูนทวีแปลกใจ
“เชิญทางด้านโน้นค่ะ”
รจนาไฉนเดินนำออกไป ปัทม์มองด้วยความแปลกใจว่ารจนาไฉนจะทำอย่างไร

มุมหนึ่งในไร่ชา รจนาไฉนเดินตรงเข้าไปหาพูนทวี
“คุณพูนทวีคะ เพื่อนต้องขอโทษที่ปิดบังความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนกับคุณปัทม์มาโดยตลอด”
พูนทวีสีหน้าและแววตาร่าเริง แม้ในใจจะเจ็บอยู่
“คุณไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่เอาน่า อย่าคิดมาก”
“แต่เพื่อนรู้สึกผิดนะคะ ตลอดเวลาที่เพื่อนอยู่ที่นี่ มีแต่คุณที่คอยดูแลเพื่อน ถึงเพื่อนจะอยู่ในฐานะคนใช้ คุณก็ไม่เคยรังเกียจ คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด”
พูนทวีเจ็บปวดกับคำว่าเพื่อนที่ดี แต่ยิ้มสู้
“ทำไมคุณถึงก้มหน้ายอมให้ทุกคนโขกสับ ทั้งที่คุณเป็นภรรยาของเจ้าของไร่ชา ปัทมกุล"
“ฉันมีความจำเป็นค่ะ”
“ความจำเป็นอะไร”
รจนาไฉนลำบากใจที่จะตอบ พูนทวีเข้าใจ
“ผมจะไม่ถามให้คุณลำบากใจ ขอแค่ทำให้คุณเพื่อนมีความสุขก็พอแล้ว อย่าลืมว่าผมยังเป็นชาวดอยคนเดิม อยากกิแคเหราะเมื่อไหร่ก็เบาะนะจะเอามาฝะ"
“ขอบคุณนะคะ เพื่อนที่แสนดี”
รจนาไฉนเข้ามาจับมือพูนทวีที่ยิ้มหน้าชื่นอกตรม ปัทม์แอบมองด้วยสายตาไม่พอใจ

มุมหนึ่งไร่ปัทมกุล ปัทม์ ปัทมกุลสีหน้าเครียด เล่าความจริงเกี่ยวกับรจนาไฉนให้พูนทวีฟัง
“รจนาไฉนแย่งน้องสาวแต่งงานกับฉันเพราะต้องการเงิน ! เธอกลัวทุกคนจะรู้ความลับ เลยทำเป็นสารภาพความจริงกับแม่ฉัน นี่ล่ะ...มารยาของผู้หญิงคนนี้”
พูนทวีฟังเงียบ
“ไง... ถึงกับฟ้าถล่มเลยเหรอที่ได้รู้จักธาตุแท้เทพธิดาดอย”
“แกใจดำมากที่ทำร้ายคุณเพื่อนแบบนั้น” พูนทวีบอก
“อะไรนะ”
“แกตัดสินว่าเขาเป็นคนไม่ดีจากคำพูดของคนอื่น”
“ฉันตัดสินจากคำพูดและการกระทำต่างหาก สิ่งที่ออกจากปากผู้หญิงคนนั้นมีแค่ว่าคำว่า เงิน ! นี่แกยังจะตาบอดเชื่อว่า หล่อนบริสุทธิ์ผุดผ่องจนแตะไม่ได้อยู่อีกเหรอ”
“ฉันไม่ได้ใช้ตามอง แต่ฉันใช้หัวใจมองต่างหาก สิ่งที่ฉันเห็นคือความบริสุทธิ์อ่อนโยน รจนาไฉนไม่ได้เป็นผู้หญิงหิวเงินอย่างที่แกกล่าวหา"
“ก็เอา ยังไงรจนาไฉนก็แต่งงานกับฉันแค่ในนาม ถ้าแกคิดว่าผู้หญิงคนนี้ดีจริงก็เชิญมาพิสูจน์รักกันได้ตามสบาย ตอนไหนก็ได้ ฉันยินดีเปิดประตูให้"
“รู้อะไรมั้ย... คนที่บอดทั้งตาและหัวใจคือแก...ไอ้ปัทม์ ฉันไม่มีทางทำแบบนั้นแน่”
“แกรักผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่เหรอ”
“ยิ่งฉันรักมาก ฉันก็ยิ่งต้องให้เกียรติเขา”
“ให้เกียรติ แกเชื่อฉันมั้ย...ตอนนี้ยายนั่นคงกำลังทำตัวผยองกับตำแหน่งคุณนายผู้หญิง ใครที่ยังรักผู้หญิงแบบนี้อยู่ก็โง่เต็มทนแล้ว"
“แน่ใจเหรอ”
พูนทวีลากปัทม์ไปทางหนึ่งทันที
“เฮ้ย จะพาฉันไปไหน”
ที่คอกม้า รจนาไฉนกำลังแปรงขนม้าอย่างอ่อนโยน พลางคุยเล่นกับม้าอย่างสนิทสนม
“นิ่ง ๆ นะจ๊ะ คนสวย เดี๋ยวฉันจะหวีผมให้”
ชิเข้ามาหารจนาไฉน
“พอเถอะครับ เดี๋ยวชิทำเอง”
“ให้ฉันทำต่อไปเถอะ การทำงานเป็นวิธีเดียวที่ช่วยให้ฉันลืมความทุกข์”
“โอย ดื้อทั้งผัวทั้งเมียเลย เหนื่อย”

“เหนื่อยก็พักสิจ๊ะ จะได้มีแรงสู้ต่อ”

มัจจุราชสีน้ำผึ้ง ตอนที่ 6 (ต่อ)

รจนาไฉนแปรงขนม้าต่อไป ร้องเพลงคลอเบา ๆ สัมผัสม้าอย่างอ่อนโยน
ปัทม์และพูนทวียืนมองมาจากอีกมุมหนึ่ง
“นั่นไง...ผู้หญิงที่เลวแสนเลวของแก กำลังช่วยคนงานทำงานอยู่นั่นไง”
ปัทม์มองรจนาไฉนที่แปรงขนม้าไป ร้องเพลงไปอย่างอ่อนโยนด้วยความรู้สึกที่ต่อสู้กันอยู่ในใจ
“คุณเพื่อนมีแต่ความเมตตา อ่อนโยนกับทุกคน. กับทุกสิ่งที่อยู่รอบข้าง”
ปัทม์เงียบจ้องภาพที่อยู่ตรงหน้าแล้วเมินหน้าหนี
“คงมีแต่คนหัวใจหยาบเท่านั้นแหละ ที่มองข้ามความอ่อนโยนได้”
ปัทม์ฉุนคำพูดของพูนทวี เดินหนีจากไปทันที พูนทวียังมองรจนาไฉนด้วยความชื่นชม
“ผมห้ามตัวเองไม่ให้แย่งชิงคุณจากเจ้าปัทม์ได้ แต่ผมคงห้ามใจตัวเองให้ไม่รักคุณไม่ได้"
รจนาไฉนยังคงพูดคุยและแปรงขนม้าอย่างมีความสุข

บริเวณผาทรนงในเวลาต่อมา ปัทม์จ่อมจมอยู่กับความคิดที่ขัดแย้งอยู่ในใจ
“รจนาไฉน ทำไมถึงมีผู้ชายโง่ ๆ ที่หลงมอบความรักให้กับผู้หญิงเลวๆ อย่างเธออยู่ได้ ทั้งปวุฒิ ทั้งพ่อเลี้ยงพูนทวี”
ปัทม์ว้าวุ่นใจอย่างหาเหตุผลอธิบายไม่ได้
“หรือหัวใจฉันหยาบเกินกว่าจะรับรู้ความดีของเธอ ไม่ ! ไม่ใช่ ! เป็นเพราะหัวใจฉันรับรู้มารยาของผู้หญิงอย่างเธอต่างหาก”

พ.ต.ท. ปวุฒิ ไตรพงษ์รัชตะ ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านพักตำรวจในภาคเหนือ เขาก้าวลงจากรถมาเห็นรถของโลมฤทัยจอดอยู่ เขามองเข้าไปในบ้านด้วยความเครียด ปวุฒิเดินเข้าไป เจอโลมฤทัยยืนรออยู่ พร้อมกระเป๋าเดินทางที่วางอยู่แล้ว
“คุณมาทำไม”
ปวุฒิเดินมาหา โลมฤทัยตบหน้าปวุฒิฉาดใหญ่
“ทำอย่างนี้กับพบได้ยังไง มาโดยไม่บอกพบสักคำ ใจร้ายที่สุด”
“เพราะผมไม่ได้รักคุณ”
“คุณเป็นผู้ชายที่โง่ที่สุดในโลก นังผู้หญิงที่คุณรักเป็นแค่เด็กกำพร้า มันหนีมาแต่งงานอยู่กับผัวใหม่ แต่คุณยังตามมาหามัน”
“เพราะผมรักเขา”
“พอเถอะค่ะ พบจะไม่คุยเรื่องไร้สาระอีก ชีวิตเราต้องเดินไปข้างหน้า”
โลมฤทัยหิ้วกระเป๋าแล้วเดินตรงเข้าไปในห้องนอนปวุฒิทันที ปวุฒิมีสีหน้าเครียดจัด

ปวุฒิเข้ามาในห้องนอนเห็นโลมฤทัยกำลังเปิดกระเป๋า เอาเสื้อผ้ามาแขวนไว้ในตู้
“มาอยู่คนเดียวอย่างนี้คงจะลำบาก ต่อไปนี้พบจะดูแลคุณเองค่ะ พบจะคอยดูแลบ้านให้คุณ ทำอาหารให้คุณ”
โลมฤทัยเข้ามาจะถอดเสื้อผ้าให้
“อย่า”
“พบพร้อมแล้วที่จะทำหน้าที่ภรรยาที่ดี พบจะอยู่เคียงข้างคุณตลอดไป”
โลมฤทัยพยายามถอดเสื้อปวุฒิ แต่ปวุฒิผลักออก
“ทำไมถึงทำตัวไร้ศักดิ์ศรีอย่างนี้ คุณต้องการอะไร”
โลมฤทัยสุดทน
“พบต้องการคุณไงคะ ได้ยินมั้ยคะ พบต้องการตัวคุณปวุฒิ”
โลมฤทัยเข้ามากอดรัด ปวุฒิพยายามขัดขืน แต่เธอไม่ยอมปล่อย กอดรัดและซุกไซร้ตัวปวุฒิจน
เขาเผลอใจอ่อน โลมฤทัยยิ้มอย่างพอใจ พาร่างปวุฒิไปที่เตียงนอน
ปวุฒิก้มลงจะจูบ โลมฤทัยโน้มคอเข้าหา แต่ปวุฒิชะงัก คิดได้ และดันตัวขึ้น
“ผมทำไม่ได้”
“ทำไมคะ”
“เพราะผมไม่ได้รักคุณ คุณเก็บของคุณออกไปได้แล้ว”

ปวุฒิเดินออกไปจากห้องนอนทันที โลมฤทัยชักสีหน้าไม่พอใจ

ปวุฒิยืนรอส่งอยู่นอกบ้าน โลมฤทัยเข้ามาทำร้ายปวุฒิ
“ถ้าไม่มีพี่เพื่อน คุณก็จะรักพบใช่มั้ย ได้ค่ะ พบจะไปลากพี่เพื่อนมาที่นี่ คุณจะได้ตาสว่างซะทีว่าพี่เพื่อนไม่ได้รักคุณ"
ปวุฒิสุดทน
“ต่อให้ไม่มีใคร ผมก็จะไม่รักผู้หญิงที่ไร้ศักดิ์ศรีและเห็นแก่ตัวอย่างคุณ ผมไม่มีวันรักผู้หญิงที่ชื่อ โลมฤทัย”
“ถ้าคุณไม่รักพบ พบจะฆ่าตัวตาย”
ปวุฒิจ้องหน้าโลมฤทัยอย่างค้นหา
“คุณทำไม่ได้หรอก คุณรักตัวเองมากเกินกว่าจะทำร้ายตัวเอง ! เลิกขู่ผมเถอะ ไม่มีประโยชน์ที่คุณจะมาตื๊อผมอีกแล้ว ไม่งั้นคุณคงต้องขู่จะฆ่าตัวตายไปทั้งชีวิต !”
โลมฤทัยทั้งโกรธและเสียใจมาก
“คุณปวุฒิ ฉันเกลียดคุณ”
“ผมขอโทษ ผมทำดีที่สุดแล้ว !”
โลมฤทัยโกรธและเกลียดปวุฒิมาก เธอเดินขึ้นรถและขับรถออกไป

บนถนนเส้นเชียงราย โลมฤทัยขับรถ เธอร้องไห้เสียใจที่ถูกปวุฒิตัดรอนอย่างไม่มีเยื่อใย เธอพาลโกรธเกลียดรจนาไฉนอีกคน
“เพราะแกคนเดียว นังเพื่อน ฉันเกลียดแก ฉันจะจองล้างจองผลาญแกตลอดไป”
โลมฤทัยเหยียบคันเร่งอย่างขาดสติ แต่แล้ว... มีรถวิ่งสวนมาพุ่งตรงมาทางโลมฤทัย
“ว้าย !”
โลมฤทัยหักหลบคิดว่าหลบพ้น แต่ชนกับต้นไม้ข้างทาง

ห้องพักผู้ป่วยโรงพยาบาลเชียงราย เวลากลางคืนโลมฤทัยได้รับบาดเจ็บไม่มากนัก แต่มีร่องรอยของแผลเล็กน้อย เธอค่อยๆลืมตาเห็นหน้าลำเพาอยู่ตรงหน้า
“ลูกพบ ไม่เป็นอะไรแล้วนะลูก”
“คุณแม่”
“โรงพยาบาลโทรแจ้งไปว่าลูกขับรถชนต้นไม้ แต่ดีที่ไม่เป็นอะไรมาก”
โลมฤทัยมองหาปวุฒิ
“แล้วปวุฒิล่ะ ปวุฒิไม่มาเยี่ยมพบเหรอ ปวุฒิอยู่ไหน”
“ลูกจะไปสนใจทำไม ลูกเกือบตายก็เพราะมันนะ มันเลวจริง ๆ”
ลำเพาก่นด่าปวุฒิ โลมฤทัยยิ่งช้ำใจมากขึ้น
“ทำไมพบไม่ตายไปซะ ทำไม”
โลมฤทัยร้องไห้เสียใจ กระชากสายน้ำเกลือออกจากแขน
“ลูกพบ ลูกทำอะไร!”
“พบอยากตาย พบอยากตาย!”
โลมฤทัยลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปจากห้องพักผู้ป่วย
“ลูกพบ”

โลมฤทัยวิ่งมาหยุดที่กลางดาดฟ้าของโรงพยาบาล เสียงปวุฒิดังขึ้นมาในความคิดของโลมฤทัย
“ถ้าคุณปวุฒิไม่รักพบ พบจะฆ่าตัวตาย”
“คุณทำไม่ได้หรอก คุณรักตัวเองมากเกินกว่าจะทำร้ายตัวเอง ! เลิกขู่ผมเถอะ...ไม่มีประโยชน์ที่คุณจะมาตื้อผมอีกแล้ว ไม่งั้นคุณคงต้องขู่จะฆ่าตัวตายไปทั้งชีวิต”
โลมฤทัยคิดตัดสินใจ
“แล้วคุณจะรู้ว่าฉันไม่ได้ขู่”
โลมฤทัยจะเดินออกไป ลำเพาวิ่งมาตะโกนเรียกไว้
“ลูกพบ...อย่านะ อย่าทำอะไรโง่ๆ”
“ปวุฒิไล่พบยังกะหมูกะหมา ปวุฒิไม่รักพบ พบอาย พบไม่กล้าสู้หน้าใครอีกแล้ว”
“งั้นแกก็กระโดดไปเลย”
โลมฤทัยอึ้ง
“กระโดดสิ พอแกตายไป นังเพื่อนจะได้หัวเราะเยาะว่าแกแพ้มัน !”
“แม่อย่าเอ่ยชื่อนังเพื่อน พบเกลียดมัน มันทำลายความรักของพบ มันแย่งทุกอย่างไปจากพบ”
“แล้วทำไมไม่แย่งคืนมาล่ะ ฟังฉันนะ. ตราบใดที่แกยังมีลมหายใจ แกยังเป็นผู้ชนะได้เสมอ ถึงพระอาทิตย์จะตกไปแล้ว แต่พรุ่งนี้มันก็กลับมาส่องแสงอีก แกต้องเผาผลาญนังเพื่อนให้มันมอดไหม้เป็นจุล”

โลมฤทัยคิดมือ ลำเพาลุ้นว่าลูกสาวจะตัดสินใจอย่างไร เธอเดินมาถึงขอบดาดฟ้า มองลงไปยังพื้นล่าง เธอกระชากสร้อยคอที่มีรูปหัวใจคริสตัลขึ้นมาชูดู

ในอดีต … สร้อยคริสตัลรูปหัวใจเส้นนี้ โลมฤทัยแย่งมาจากคอของรจนาไฉน
“สร้อยของใคร”
รจนาไฉนอึกอัก
“เอ้อ..คุณปวุฒิเขาให้พี่จ้ะ”

โลมฤทัยจ้องอย่างจะเอาชนะ
“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอสร้อยเส้นนี้”
“แต่คุณปวุฒิเค้าซื้อให้พี่”
“พบอยากได้เส้นนี้ ถ้าไม่มีอะไรลึกซึ้ง พี่เพื่อนก็ต้องให้พบได้”

โลมฤทัยตาลุกวาวคล้ายตัดสินใจบางอย่างได้ เธอโยนสร้อยลงไปยังเบื้องล่าง สร้อยรูปหัวใจคริสตัลแตกสลายที่พื้น
“โลมฤทัยคนเก่าตายไปแล้ว ต่อไปนี้จะมีแต่โลมฤทัยคนใหม่ที่จะเป็นผู้ชนะ”
ลำเพายิ้มดีใจที่โลมฤทัยจะกลับไปแย่งชิงปัทม์จากรจนาไฉน

ห้องนอนปัทม์ รจนาไฉนนอนละเมอ...
“คุณพ่อขา...คุณพ่อต้องไม่เป็นอะไรนะคะ คุณพ่อรอเพื่อนด้วย”
ปัทม์นอนหลับ ได้ยินเสียงละเมอก็ลุกขึ้นมาดูเห็นรจนาไฉนนอนกระส่ายกระสับ เหงื่อออกบนใบหน้า ปัทม์เข้ามาเอาผ้ามาซับเหงื่อให้
“รจนาไฉน”
ปัทม์จะลุกกลับไปนอน แต่รจนาไฉนเข้ามาคว้ามือไว้...
“คุณพ่อขา...อย่าทิ้งเพื่อนไปนะคะ”
ปัทม์อึ้ง ตัดสินใจนั่งอยู่เคียงข้างเพื่อปลอบใจ
รจนาไฉนนอนหลับอยู่เคียงข้างปัทม์..... เขาเพ่งมอง
“ถ้าเธอเป็นผู้หญิงอ่อนโยนน่าทนุถนอมแบบนี้... ฉันจะไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะปกป้องเธอเลย แต่สิ่งที่เธอทำกับฉัน ทำไมมันตรงกันข้ามเหลือเกิน”
ปัทม์จะลุกออกไป แต่รจนาไฉนคว้าตัวไว้...
“เพื่อนรักคุณพ่อนะคะ”
ปัทม์อึ้ง ปัทม์จะลุกกลับไปนอน แต่เธอเข้ามาโอบกอดไว้...ปัทม์จึงจำใจต้องนอนในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างเธอเช่นนั้นต่อไป

น้ำค้างต้องใบชาในยามเช้า รจนาไฉนลืมตาตื่น เห็นปัทม์กึ่งนั่งกึ่งนอนก็เผลอยิ้มออกมา แต่พอได้สติก็ตกใจผลักเขาจนตกเตียง
“ว้าย.. คุณทำอะไรฉัน”
ปัทม์ลุกขึ้นด้วยความตกใจและโมโห
“ผลักฉันทำไม ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอสักหน่อย”
“ก็คุณนอนข้างฉัน ไหนบอกว่าจะไม่ยุ่ง ไม่แตะต้องตัวฉัน”
“เลิกโวยวายแล้วสำรวจตัวเองก่อนไหม ว่าฉันทำอะไรเธอรึเปล่า”
รจนาไฉนมองตัวเองแล้วเห็นว่าใส่เสื้อผ้าปกติ
“แล้วทำไมคุณต้องมานอนบนเตียง”
“เธอนอนละเมอ ฉันมาดู เธอก็มาคว้าตัวฉันไว้”
“ฉันน่ะเหรอ”
“ใช่...กอดฉันไว้แน่น แล้วจะให้ฉันทำไง”
“ก็ปลุกฉันสิ”
“ถ้าฉันปลุก เธอจะได้หาว่าไม่มีมนุษยธรรมไร้น้ำใจ คนนอนหลับก็ปลุกให้ตื่น จะเอายังไงกันแน่”
“ถ้ามันจริงอย่างที่คุณพูด ฉันขอโทษ”

“นอนละเมอฝันร้าย แสดงว่าจิตใต้สำนึกมีแต่เรื่องชั่วร้าย”

ปัทม์เดินออกไปจากบริเวณเตียงนอน รจนาไฉนไม่พอใจเข้ามาต่อว่า
“จะมีสักวันไหมที่คุณจะพูดจาดี ๆ กับฉัน คุณไม่รู้รึไงว่าการพูดจาดีต่อกัน รับแต่สิ่งดียามตื่น จะทำให้เรามีสุขภาพจิตดีทั้งวัน คุณมาแว๊ด ๆ ใส่ฉันแบบนี้ วันนี้ทั้งวันฉันก็ต้องเจอแต่เรื่องร้าย ๆ น่ะสิ”
“คนใจร้ายอย่างเธอ ยังไงก็ต้องเจอแต่เรื่องร้าย ร้ายไปทั้งชีวิตด้วย เพราะเธอต้องตื่นมาเจอหน้าฉันตลอดไป”
รจนาไฉนจะเข้ามาต่อว่าอีก ปัทม์รีบโวยต่อ
“อย่าหวังว่าฉันจะทำหน้าที่สามีที่ดี คอยเอาอกเอาใจเธอนะฝันไปเถอะ”
“ฉันไม่เคยคาดหวังความเป็นสุภาพบุรุษจากคุณอยู่แล้ว เพราะฉันรู้ว่าคุณทำไม่ได้”
รจนาไฉนจะบ่นต่อแต่ต้องตกใจ เพราะปัทม์ถอดเสื้อแล้วก็จะถอดกางเกงออก...
“หยุดนะ ! คุณทำอะไร”
“ก็ฉันไม่ใช่สุภาพบุรุษ ฉันป่าเถื่อนกักขฬะ ฉันก็ต้องทำตัวแบบนี้”
รจนาไฉนทนไม่ไหวบอก
“คนบ้า”
รจนาไฉนหันไปโยนเหวี่ยงผ้าห่มคลุมเข้าใส่หัวปัทม์ แล้วเดินออกไป ปิดประตูห้องใส่โครม !
เขาแหวกผ้าห่มออกมาอมยิ้มที่แกล้งเธอได้ เขาเริ่มเอ็นดูผู้หญิงคนนี้โดยไม่รู้ตัว

ทางเข้าไร่ชาบริเวณบ้านปัทม์ โลมฤทัยนั่งมาในรถกับลำเพา. สองแม่ลูกมองสองข้างทางด้วยความตื่นตาตื่นใจ
“ไร่ชาทั้งหมดนี้เป็นของคุณปัทม์ ใหญ่ที่สุดในเมืองเชียงราย” ลำเพาบอก
“เขาเป็นมหาเศรษฐีของที่นี่ ทำไมแม่ไม่บอกพบตั้งแต่แรก”
“บอกจนปากเปียกปากแฉะ แต่แกหน้ามืดตามัวหลงแต่ไอ้ปวุฒิ”
“เลิกพูดถึงปวุฒิได้แล้ว ระหว่างพบกับเขาจบแล้ว ชีวิตพบจะเริ่มต้นใหม่กับเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้”
โลมฤทัยมองไปข้างหน้าเห็นบ้านของปัทม์ใหญ่โตอยู่ตรงหน้า

รจนาไฉน เดินลงมาจากชั้นบน ปยงค์วิ่งเข้ามารายงาน
“คุณรจนาไฉนคะ มีแขกมาหาเจ้าค่ะ”
“ใครเหรอ...ป้า”
“อยู่สุขสบายจนลืมแม่ลืมน้องรึไง”
รจนาไฉนมองไปเห็นลำเพาและโลมฤทัย ชิและจันทร์ถือกระเป๋าอยู่ด้านหลัง
“คุณแม่ น้องพบ”
รจนาไฉนดีใจมากรีบเข้าไปไหว้ลำเพา วิชนี
“เพื่อนดีใจที่สุดเลยค่ะที่คุณแม่กับน้องพบมาเยี่ยม... คุณพ่อล่ะคะ”
“แสดงความโง่อีกแล้ว พ่อแกป่วยต้องฟอกไต จะให้ฉันพามาด้วยได้ยังไง”
รจนาไฉนสังเกตเห็นว่าโลมฤทัยมีร่องรอยแผล
“น้องพบเป็นอะไรเหรอจ๊ะ”
“สนใจฉันด้วยเหรอ นึกว่าได้ดีจนลืมน้อง ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ตายง่าย ๆ หรอก”
โลมฤทัยมองไปยังบริเวณบ้าน แววตาสนใจความหรูหราของบ้าน ปยงค์,จันทร์เจ้าและชิต่างแปลกใจที่โลมฤทัยและลำเพาไม่รักรจนาไฉนเลย

จบตอนที่ 6

อ่านต่อตอนที่ 7 พรุ่งนี้เวลา 09.30น.
กำลังโหลดความคิดเห็น