หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 12
ขณะเดียวกัน กันตานั่งเป็นประธานเตรียมงานแต่งอยู่ในห้องโถง มีประทิน เฉิดโฉมและลูกน้องมาคอยจดรายการตามคำสั่ง สักพักหนึ่งกันตากึ่งนั่งกึ่งนอนเอนลงบนโซฟาท่าทีเพลียๆ รุจรวีกับทักษอรเลยช่วยสั่งงานแทน
“ในงานให้พวกพนักงานใส่ชุดแบบไทยๆ ให้หมดนะคะคุณประทิน ขบวนกลองยาวหาแถวๆ นี้คงได้ แต่พวกขันหมากคงจะสั่งจากกรุงเทพฯมันจะได้สวยงามหรูหรา ดีมั้ยคะ คุณป้า” ทักษอรช่วยออกไอเดีย
กันตาพยักหน้า “ส่วนเงินสดเดี๋ยวประทินไปเบิกมาเตรียมไว้ด้วยเลย แล้วยังพวกเครื่องประดับที่ชั้นฝากไว้ในตู้นิรภัยของธนาคารอีก”
กันตาไอติดต่อกันอย่างหนัก ทุกคนมองหน้ากันไม่สบายใจ
“พี่กันต์คะ น้องว่าพี่ไปพักก่อนดีกว่าค่ะ ที่เหลือเดี๋ยวน้องกับยายอรจะจัดการให้เองนะคะ” รุจรวีว่า
กันตาพยักหน้าเพลียๆ “ก็ดีเหมือนกัน”
กันตาขยับตัว เฉิดโฉมและลูกน้องทีมพีอาร์รีบไปประคองให้ลุก
“ไปจัดการเรื่องที่ชั้นสั่งได้เลย ประทิน” กันตากำชับ
“ครับแม่นาย” ประทินรับคำ
เฉิดโฉมและพนักงานประคองกันตาเข้าห้องนอนไป ประทินเดินออก
รุจรวีถอนใจ บ่นงึมงำ “เฮ้อ...นึกจะแต่งก็รีบร้อนกันจนไม่มีการเตรียมตัว ฤกษ์งามยามดีก็ไม่ต้องมีกันและตาพีทเอ้ย”
ทักษอรนึกโมโหแพท “ยายน้าสาวก็ได้ เจ้ากี้เจ้าการทุกอย่าง ท่าทางคงอยากยกหลานสาวให้พี่พีทจนตัวสั่น.. ช่างไม่รู้ซะบ้างเลยว่าที่เค้าแต่งงานด้วยก็เพราะอยากเอาใจคนป่วยเท่านั้น หนูว่าเผลอๆ ถ้าป้ากันต์เสียเมื่อไหร่ พี่พีทก็คงจะเลิกกับยายเด็กคนนั้นเลยก็ได้”
“ก็ไม่แน่หรอกนะหนูอร ตาพีทก็ดูจะเอ็นดูยายรัญธิดานั่นอยู่นี่นา”
“คุณแม่ไม่รู้อะไร...ถ้ารักจริงเค้าคงจะตกจะแต่งไปนานแล้วล่ะค่ะ นี่ท่าทางพี่พีทก็ดูจะปกติ ไม่เห็นจะรักใคร่อะไรตรงไหน...สงสัยที่ผ่านมาก็คงจะแค่เอาใจป้ากันต์ที่อยากให้ลูกมีคนรักแค่นั้นล่ะค่ะ”
รุจรวีทำหน้าครุ่นคิดตาม
ด้านหลังสองคน เฉิดโฉมออกมาจากส่งกันตา มายืนแอบฟังอยู่ใกล้ๆ
“ก็แสดงว่า คุณพีทไม่ได้จะแต่งงานกับยายรัญธิดาเพราะความรัก อย่างนั้นเหรอ...” เฉิดโฉมยิ้มย่อง “ได้การละ”
เฉิดโฉมท่าทางพอใจมากกับความลับของพีทที่รู้ครั้งนี้
ด้านรัญธิดาสวมใส่ชุดใหม่สวยงามเช่นเคย ออกมาจากห้องแต่งตัวแล้วมองหาพีท พนักงานเดินเข้ามาหา
“คุณรัญธิดาคะ คุณพีทแต่งตัวเสร็จพักใหญ่แล้ว ก็เลยไปรอคุณอยู่ที่เซ็ท เชิญทางนี้ค่ะ”
“เอ่อ...รอเดี๋ยวนะคะ รัญขอเข้าไปห้องน้ำก่อนค่ะ”
รัญธิดาเดินออกไปอีกทางหนึ่ง
รัญธิดาเดินมาตามทางข้างสตูดิโอเงียบๆ มองไปแล้วชะงัก เพราะธาริศเดินออกมาจากมุมหนึ่ง ดักหน้าไว้ ทั้งสองสบตากัน
ธาริศถามเรียบๆ “ช็อตจูบกันเมื่อกี้ น่าประทับใจมากนะ”
“เราเป็นแค่เพื่อนกันนะคะ คุณธาริศ คุณไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาวิจารณ์การกระทำของรัญ จำเอาไว้”
รัญธิดาทำท่าจะเดินหนี ธาริศจับไว้
“ถ้าเราเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ แล้วรัญจะเก็บแหวนวงนั้นไว้ทำไม”
รัญธิดาหันมาตกใจ รีบเอามือป้องแหวนไว้
“ไม่ใช่นะคะ รัญไม่ได้...”
ธาริศรั้งไว้ “รัญอย่าบอกนะว่ารัญไม่ได้ตั้งใจจะใส่แหวนวงนั้นในวันนี้..รัญจำได้มั้ยว่าพี่พูดอะไรกับรัญ ตอนที่ให้แหวนวงนี้”
รัญธิดานิ่งอึ้ง ร้าวรานใจ ทำไมจะจำไม่ได้
ตอนที่ธาริศให้แหวนวงนี้ เขาสัญญาว่า “ความรักของเราจะไม่มีวันจบเหมือนวงกลมของแหวน”
รัญธิดาพยายามที่จะไม่ร้องไห้
“ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ ที่จะพูดถึงความหลังของเรา เพราะมันกำลังจะจบลงภายในอีกไม่กี่วินาทีแล้ว”
“ไม่...ไม่จริง”
ธาริศดึงร่างรัญธิดามากอดแนบแน่น
รัญธิดาไม่ทันตั้งตัวตกใจพยายามดิ้นหนี
“พี่พยายามแล้วที่จะเป็นแค่เพื่อนกับรัญ แต่พี่ก็ทำไม่ได้...รัญ ให้โอกาสพี่อีกสักครั้งจะได้มั้ย”
รัญธิดาผลักธาริศออกจนได้
“มันเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะค่ะ”
“ต้องเป็นไปได้สิ...พี่รักรัญคนเดียว ไม่เคยมีใครมาแทนที่ได้ แม้แต่ทักษอร”
ธาริศมองรัญธิดาด้วยความรักและอาวรณ์เหลือเกิน
“มันสายเกินไปแล้วจริงๆ หรือรัญธิดา” เขาถามเสียงสะท้าน
รัญธิดาทนไม่ไหว ร้องไห้ออกมา ธาริศกอดไว้แน่น น้ำตาจะไหลเช่นกัน ต่างคนต่างยังรักกันมากแล้วยอมรับความจริงในข้อนี้
ที่โลเคชั่นริมน้ำสวยๆ แพทจัดช่อดอกไม้ที่พอจะถืออยู่ตรงนั้น พีทเดินเข้ามาหยุดยืนดูอยู่ไกลๆ สวมชุดใหม่แล้ว หล่อลากสุดๆ
ตากล้องบอก “เดี๋ยวผมไปดูทางโน้นเผื่อไว้หน่อยนะคุณแพท เห็นไอ้ตุ้ยว่าตรงโน้นสวยมากเลย”
“ค่ะ ดีค่ะ ฝากด้วยนะคะ”
ตากล้องเดินออกไปกับผู้ช่วย แพทก้มลงจัดดอกไม้ต่อ พีทเดินเข้ามาใกล้ แพทเงยหน้าขึ้นมามองพอดี อึ้งไปในทันที
“ทำไมถึงชอบจัดการนัก ดีใจมากนักเหรอที่ผมกับรัญจะแต่งงานกัน” พีทเปรยขึ้น
แพทไม่ตอบ ทำท่าจะเดินหนี พีทไปดักหน้าไว้
“จะไปไหนล่ะคุณ ช่วยดูหูกระต่ายให้ผมหน่อยสิ ผมว่ามันเบี้ยวๆ ชอบกล” พีทหาโอกาสใกล้ชิดแพท
“ก็ทำเองสิ ไม่มีมือรึไง”
“มี แต่ว่า มองไม่เห็น..นี่คุณเป็นอะไรไปคุณแพท อย่างบอกนะว่าคุณหึงผม”
โดนจี้ใจดำจังๆ แพทโมโหเดินเข้าไปจัดหูกระต่ายให้พีทแบบแกนๆ พีทจับมือแพทไว้ทั้ง 2 ข้าง
“จะทำอะไร ปล่อยนะ” แพทโวย
“คุณแน่ใจนะว่าจะไม่เสียใจที่อนุญาตให้รัญแต่งงานกับผม” พีทถามย้ำ
“เสียใจ? เรื่องอะไร ทำไมชั้นต้องเสียใจ..นายเองนั่นแหละที่ต้องทำตัวให้ดีสมกับหลานชั้น...เลิกเจ้าชู้ เลิกกะล่อนได้แล้ว แล้วก็ปล่อยมือชั้นซะที ชั้นรำคาญ”
พีทไม่ตอบอะไรเลย อยู่ดีๆ ก็ก้มลงมาจูบประกบปากกับแพทนิ่งนาน
แพทช็อกอย่างแรง เหมือนโลกหยุดหมุน และมีเพียงเขาและเธอ
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 12 (ต่อ)
ในที่สุดแพทได้สติ สะบัดตัวออกมาอย่างแรง แพทเอาแขนเช็ดๆๆ ปากตัวเอง โกรธจนอยากร้องไห้
“นายทำแบบนี้ทำไม เพื่ออะไร”
พีทนิ่ง ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน แล้วเลยเถียงปนแถไปแบบข้างๆ คูๆ
“ผม..คือ..ผมอยากเป็นเจ้าบ่าวที่ดีอย่างที่คุณว่า...คุณคิดว่าจูบเจ้าสาวแบบนี้พอจะได้รึเปล่า..คุณคงไม่ถือนะ”
แพทจี๊ด น้ำตาแทบไหลริน ปวดร้าว
“ขอพูดอย่างคนมีประสบการณ์เลยนะว่า มันเป็นจูบที่จืดชืดไม่ได้เรื่อง...ควรจะปรับปรุงที่สุด...ไหนคุยว่าเป็นเสือผู้หญิงไง ทำได้แค่นี้เองเหรอ”
แพทหันหลังให้แล้วเดินกระแทกตัวออกไป
พีทยืนงง...นิ่งงัน แล้วพึมพำอย่างไม่เข้าใจตัวเอง
“ทำบ้าอะไรลงไปนะเรา”
พีทกลุ้มหนักด้วยความว้าวุ่นสับสน และรู้สึกผิดมากๆ
แพทเดินห่างออกมาด้วยความรู้สึกปวดร้าว น้ำตาไหลออกมาในขณะที่เดินจนจนแทบต้องหยุดแล้วสะอึกสะอื้นจริงจัง...รู้สึกแปลกที่ตัวเองทำไมถึงปวดร้าวเพราะพีท
ม่ายกำมะลอครุ่นคิด...หรือว่าเราจะชอบเขา เข้าแล้วจริงๆ
ค่ำแล้วธาริศยืนเหม่อไปนอกหน้าต่างครุ่นคิด แล้วก้มลงมองแหวนแต่งงานในมือ...ในที่สุดก็ตัดสินในค่อยๆถอดออกช้าๆ แต่ยังไม่ทันถอดออกจากนิ้วทั้งหมด ประตูก็เปิดออกอรเดินเข้ามา ธาริศรีบใส่คืนเข้าไป
“พี่ริศ..ขอโทษที่อรมาช้า อรกับคุณแม่อยู่เป็นเพื่อนป้ากันต์น่ะค่ะ รอจนพี่พีทกลับมาถึงค่อยกลับกัน”
“เอ่อ..อร..พี่มีเรื่อง...อยากจะพูดกับอร...”
“โอ๊ย อย่าพึ่งพูดตอนนี้เลยค่ะ อรเนื้อยเหนื่อย อยากอาบน้ำจะตายอยู่แล้ว”
ทักษอรจะเดินเข้าห้องน้ำ
ธาริศเรียก “อร”
ทักษอรหันมา ไม่ฟังชิงพูดก่อน “พี่ริศคะ จำได้รึเปล่าพรุ่งนี้วันอะไร อรจองร้านอาหารไว้แล้วนะคะ ใครๆ ก็บอกว่าร้านนี้วิวสวยมากเลย หรูมากด้วย”
ธาริศอึกอัก “แต่พี่ไม่...”
“หกโมงเย็น ห้ามเลทนะคะ ไม่งั้นอรจะอะลาวาดจริงๆ ด้วย”
ทักษอรตัดบทเดินหนีเข้าห้องน้ำไป ธาริศถอนใจอย่างอึดอัดอัดอั้น ก่อนจะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดพิมพ์ข้อความ
เสียงข้อความในมือถือดังขั้น รัญธิดาธิดามองดู เห็นเป็นข้อความจากธาริศ
“พรุ่งนี้เจอกัน 5 โมงครึ่ง เราจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกันนะจ๊ะ”
รัญธิดาเงยหน้าขึ้น ทอดถอนใจ ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีตีกันอยู่ในหัว
ภาพจำครั้งอดีตผุดขึ้นมาราวสายน้ำ ตั้งตอนที่เริ่มรักกันหวานแหวว / ตอนร้องไห้เพราะถูกธาริศทิ้งที่สถานีรถไฟ / ภาพที่งานหมั้นตอนที่รู้ว่าทักษอรเป็นภรรยาธาริศ จนภาพสุดท้ายเมื่อบ่ายวันนี้ ที่ธาริศกอดบอกรัก ขอเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ภาพเหล่านั้นเลือนหายไป รัญธิดาถอนใจยาวอย่างอึดอัดและอัดอั้น แล้วฟุบหน้าลงกับหมอน ทรมานใจมาก
วันต่อมา แพทนั่งแหมะอยู่ที่โต๊ะทำงาน ดูเหม่อๆ ซึมๆ ครุ่นคิด ไกลออกไปมีเฉิดโฉมคอยแอบมองจับสังเกตอยู่ ฝนเดินมานั่งใกล้ๆ
“เอ๊... วันนี้ไม่ไปจัดเตรียมอะไรเหรอคะคุณแพท”
แพทยังนิ่งเหมือนไม่ได้ยิน ฝนงงๆ จับแขนแพท แพทสะดุ้ง
“พี่ฝน! ตกใจหมดเลย”
“เหนื่อยล่ะสิคะ จะถึงงานแต่งงานคุณรัญอยู่แล้ว คุณแพทก็เลยวิ่งวุ่น เหนื่อยอย่างกับเป็นเจ้าสาวซะเอง” ฝนแซวเล่น
“ไม่จริงหรอก อย่างพูดอย่างนั้นสิพี่ฝน แพทไม่ชอบ”
ฝนหน้าเหวอ...งงที่เหมือนแพทจะโกรธ
ห่างออกไป เห็นพีทกำลังเดินเข้ามา แพทลนลานลุกพรวดขึ้น
“ขอตัวก่อนนะพี่ฝน แพทมีงานค้างอยู่”
แพทรีบร้อนเดินออกไป ฝนมองตามงงๆ
พีทเปิดประตูเข้ามา มองตามไปทางที่แพทออกไป แต่ยังไม่ทันถามอะไรเฉิดโฉมก็ถลาถึงตัว
“คุณพีทคะ มีอะไรให้เฉิดรับใช้คะ”
พีทอึกอักนิดหนึ่ง “คุณแพทไปไหน..คือ ผมอยากถามเค้าเรื่องงานแต่งงาน... เอ่อ...ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยถามพรุ่งนี้ก็แล้วกัน”
พีทหันหลังเดินออกไป ทิ้งฝนและเฉิดโฉมงงยิ่งขึ้น
ด้านธาริศจัดกระเป๋าเสื้อผ้า แล้วเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง ถอดแหวนแต่งงานวางไว้หน้ารูปถ่ายทักษอร
เสียงเตือนในโทรศัพท์ดังขึ้น ธาริศหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงมาเปิดดู แล้วชะงักดูในปฏิทิน
ธาริศเปิดไปดูในนั้นเขียนโน้ตกำกับ “ครบรอบวันแต่งงาน” ธาริศอึ้งเงยหน้าครุ่นคิด ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนที่ทักษอรบอกย้ำผุดขึ้นมา
“จำได้มั้ยว่าพรุ่งนี้วันอะไร” / “อรจองโต๊ะที่ร้านไว้แล้วนะคะ” / “ห้ามเลท”
ธาริศถอนใจ รู้สึกผิดมากพูดกับรูปทักษอร
“พี่ขอโทษนะอร”
ธาริศหันไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้า แล้วเดินจากไป
อ่านต่อหน้า 2
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 12 (ต่อ)
เวลานั้นรัญธิดาถือกระเป๋าเดินทางใบเล็กๆ ลงมาแล้วหยุดยืนตรงขั้นบันได มองไปที่ตรงบริเวณห้องนั่งเล่น ซึ่งทิพปภาเล่นหัวอยู่กับอะตอมอยู่อย่างสนุกสนาน หัวเราะกันเอิ๊กอ๊าก
รัญธิดามองทั้งคู่อย่างปวดร้าว โดยเฉพาะมองอะตอมที่หัวเราะปากกว้างอยู่ ท่าทางรัญธิดาอาลัยอาวรณ์มาก ขณะมองกระเป๋าในมือตัวเองอย่างลังเล แต่ในที่สุดก็ตัดใจ
เวลาเดียวกัน เฉิดโฉมยืนแอบข้างเสาไฟฟ้าหน้าบ้านแพท เอากล้องส่องทางไกลไปทางบ้านแพทอย่างตั้งอกตั้งใจ
“เธอจะทำอย่างงี้ไปทำไมนะเฉิด” เชอรี่อึ้งปนทึ่ง
“ชั้นว่าคนในบ้านหลังนี้มันมีลับลมคมใน ทำตัวน่าสงสัยหลายอย่าง”
“แต่เมื่อวานเธอก็ชวนชั้นมาดู ก็ไม่เห็นมีพิรุธอะไรเลยนี่นา”
“ไม่...เราต้องรอต่อไป...ถ้ามันเพลี่ยพล้ำเมื่อไหร่ เราก็เอาไปบอกคุณพีท คุณพีทไม่ได้รักมันก็คงจะเลิกกับมันได้ง่ายๆ”
ที่หน้าบ้านแพท แลเห็นรัญธิดาย่องออกมาเปิดประตูบ้าน
“นั่นยายรัญนิ” เชอรี่บุ้ยใบ้ให้ดู
เฉิดหันขวับไป เอากล้องส่องทางไกลมาส่องทันที
รัญธิดาเปิดประตูแล้วมองรอบตัวก่อนจะรีบร้อนเดินออกไป
“ตามไปเร็ว!”
เฉิดโฉมกับเชอรี่รีบตามไป
ขณะเดียวกันพนักงานร้านอาหาร พาทักษอรเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวที่สวยงามและตกแต่งหรูหรา
“เชิญครับ...ผมไม่ทราบว่าคุณจะมาเร็วขนาดนี้ ก็เลยยังจัดเตรียมสถานที่ไม่เรียบร้อย”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ความผิดของชั้นเองที่ตื่นเต้นไปหน่อย เลยมาก่อนเวลาเกือบชั่วโมง” ทักษอรส่งของในมือให้ “เอาแชมเปญไปแช่ตู้เย็นไว้ก่อนนะ พอสามีชั้นมาค่อยเอามาเปิด เราจะดื่นฉลองวันครบรอบปีที่ 6 ของเรากันจ้ะ”
พนักงานเดินถือแชมเปญออกไป ทักษอรมองรอบห้องอย่างพออกพอใจ สีหน้าเปี่ยมสุข
ด้านรัญธิดาหิ้วกระเป๋าเข้ามาในสวนสาธาณะ มีคนเดิน วิ่งอยู่ประปราย รัญธิดาก้มหน้าหลบคน โดยไม่รู้ว่าที่ด้านหลังเฉิดโฉมกับเชอรี่ตามมาห่างๆ
“เค้าจะไปไหนของเค้านะ” เชอรี่งงหนัก
“ท่าทางแบบนี้พนันกันก็ได้ว่านัดผู้ชายไว้แน่ๆ”
เชอรี่ฟังแล้วตาลุกตื่นเต้น เฉิดโฉมหยิบโทรศัพท์ออกมา
“ขอให้เป็นอย่างที่ชั้นคิดเถอะ คุณพีทได้เฉดหัวหล่อนกระเด็นไปแน่ๆ”
ฝ่ายรัญธิดาที่แอบๆ อยู่หลังต้นไม้ จนกระทั่งรถของธาริศแล่นเข้ามาจอดใกล้ๆ เฉิดโฉมตาโต
“นั่นไงมาแล้ว”
“รถผู้ชายแน่ๆ”
ประตูเปิดออกเป็นธาริศเดินลงมา เฉิดโฉมที่เตรียมตัวถ่ายถึงกับชะงัก
“คุณธาริศ!”
ธาริศเอื้อมมือไปรับกระเป๋ารัญธิดามาช่วยถือ
“ปิดโทรศัพท์ซะเถอะรัญ จะได้ไม่มีใครโทร.ตาม”
รัญธิดาลังเลแล้วหยิบโทรศัพท์มาปิดอย่างไม่มั่นใจนัก
“เชื่อใจพี่เถอะรัญ เราสองคนจะไปเริ่มชีวิตใหม่ด้วยกัน”
รัญธิดาเงยหน้าขึ้นมามองธาริศอย่างสับสนใจ ธาริศถอนใจแล้วกอดรัญไว้อย่างปลอบใจไว้ครู่นึง แล้วก็ผละออก เดินนำมารัญธิดามาที่รถ ขับออกไป
ด้านหลังสองคนเฉิดโฉมกับเชอรี่ยังคงยืนตะลึงอยู่
เฉิดโฉมและเชอรี่ตกตะลึกกับภาพธาริศและรัญธิดากอดกันแนบแน่น
“นี่มันอะไรกัน”
“อย่าบอกนะว่า 2 คนนั่นเค้า...”
ทั้งคู่สบตากันแล้วร้องกรี๊ด
“มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อคุณธาริศเป็นน้องชายของคุณพีท” เชอรี่ว่า
“และที่สำคัญที่สุดคือ...เค้าแต่งงานแล้ว”
เฉิดโฉมมองมือถือในมืออย่างสาสมใจ
“เสร็จชั้นละ รัญธิดา...อย่าหวังเลยว่าเธอจะได้เป็นนายหญิงคนใหม่ของพีระแรนโช”
ทักษอรดูมีความสุข มองดูนาฬิกาก่อนจะหันไปสั่งพนักงาน
“คุณไปเอาแชมเปญจากตู้มาแช่ถังน้ำแข็งเตรียมไว้ได้เลยจ๊ะ เดี๋ยวสามีชั้นเค้าก็คงจะมาแล้ว เค้าเป็นคนตรงเวลา”
พนักงานโค้งแล้วออกไป ทักษอรเลยเอาตลับแป้งมาซับหน้าอย่างมีความสุข เสียง แมสเสจจากโทรศัพท์ดังขึ้น ทักษอรมองแล้วหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นแมสเสจจากเบอร์ที่ไม่ได้ขึ้นชื่อ
ทักษอรขมวดคิ้วนิดหนึ่งก่อนกดเปิด ในข้อความเป็นรูปธาริศกอดกับรัญธิดา
ทักษอรช็อกแล้วจึงเลื่อนไปที่ข้อความ เหมือนเสียงเฉิดโฉมมาอ่านข้างหู
“ขอโทษนะคะ บังเอิญเฉิดเห็นเข้าพอดีเลยคิดว่าคุณน่าจะได้เห็นด้วย”
ทักษอรตะลึงมือสั่นขึ้นทีละน้อยๆ จนแทบจะสั่นสะท้านไปทั้งตัว ประตูเปิดพอดี พนักงานถือถังแช่แชมเปญเข้ามา
“แชมเปญพร้อมแล้วครับ”
ทักษอรแย่งขวดจากมือ แล้วทุ่มลงกับพื้น ร้องกรี๊ดดังลั่น พนักงานตะลึงตาค้าง
เวลาเดียวกัน ภายในรถธาริศที่ขับมาตามทาง บรรยากาศเงียบกริบ รัญธิดาและธาริศต่างคนต่างนิ่งเงียบ ด้วยความรู้สึกผิดในใจ ธาริศชำเลืองมองรัญธิดาที่นิ่งเฉยอยู่
“ฟังเพลงหน่อยนะรัญ จะได้สบายใจ” ธาริศเปิดวิทยุ
เสียงจากวิทยุมีการถามตอบปัญหาชีวิตในรายการ club Friday แฟนรายการซึ่งเป็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังร้องไห้เล่าเรื่องอยู่
“แฟนของดิฉันน่ะค่ะ เราแต่งงานกันมาหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่มีลูกด้วยกัน จนเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ เค้าไปติดผู้หญิงอื่นน่ะค่ะ” แฟนรายการร้องไห้ “ทำไมเค้าทำอย่างนี้กับดิฉันได้คะ เสียแรงเรารักกันมานาน...ผู้หญิงนั้นก็หน้าไม่อายนะคะ ตัวเองก็มีแฟนอยู่แล้วยังกล้าแย่งสามีคนอื่นอีก”
รัญธิดาทนฟังไม่ไหว เอื้อมมือไปปิดวิทยุทันที ธาริศเองก็อึ้ง บรรยกาศในรถเงียบกริบ
ค่ำนั้นทักษอรซมซานกลับวิลล่าในรีสอร์ต ท่าทางคล้ายคนใกล้เสียสติ
“พี่ริศ...พี่ริศคะ”
ทุกอย่างเงียบ ทักษอรเปิดไฟแล้วเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า เห็นเสื้อผ้าธาริศเหลือไม่กี่ตัว นอกนั้นเป็นของตัวเอง ทักษอรช็อก หันไปรอบตัวแล้วสะดุดที่โต๊ะเครื่องแป้ง เห็นแหวนแต่งงานถอดวางอยู่
ทักษอรพึมพำเบาๆ “พี่ริศ”
ทักษอรเดินไปหยิบแหวนขึ้นมาดูด้วยสีหน้าปวดร้าว
“พี่ริศจะทำอย่างนี้กับอรไม่ได้”
ทักษอรกวาดทำลายของบนโต๊ะเครื่องแป้งลงมา ขว้างปาหมอนและของบนโต๊ะบนเตียงจนเกลื่อนไปหมด
ขณะเดียวกันแพทเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นท่าทางเหนื่อยอ่อน
“อะตอม แม่แพทกลับมาแล้ว”
อะตอมเข้ามากอดแพทหอมแก้มกัน
“กินข้าวหรือยังครับ แม่แพทหิวข้าวจังเลย”
ทิพปภาวิ่งลงมาจากข้างบน
“แพท เห็นรัญมั้ย”
“ทำไมถามอย่างนั้นล่ะคะ แพทเพิ่งมานะ”
“ก็พี่ขึ้นไปตามบนห้องก็ไม่มี โทรหาก็ปิดโทรศัพท์ ไม่รู่ว่าเค้าหายไปไหน”
“เมื่อตอนเย็นพี่รัญมาหอมแก้มอะตอม แล้วก็บอกว่า..ดูแลตัวเองดีๆนะอะตอม” อะตอมทำเสียงเลียนคล้ายๆ เสียงรัญธิดา
ทิพปภากับแพทตะลึง
“หรือว่า...”
แพทคว้ากุญแจรถกับกระเป๋า ถลาออกจากประตูไป แล้วชะงัก ถอยกลับ เมื่อเห็นรัญธิดาเดินหน้าเฉยเมยเข้ามา
“จะไปไหนเหรอคะน้าแพท ค่ำๆ มืดๆ”
“รัญ แม่คิดว่าหนู...”
“ไปไหนมาน่ะรัญ” แพทถามต่อ
“ก็ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะมาน่ะสิคะ”
“เดินเล่น! แล้วเอากระเป๋าไปทำไม”
“กระเป๋ามีชุดจ๊อคกิ้งของหนูเอง มีอะไรเหรอคะ” รัญธิดาว่า
ทิพปภาอึ้ง
“หนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ” รัญธิดาเดินขึ้นบ้านไปเงียบๆ
สองคนอึ้งมองตามไปแล้วมองหน้ากันงงๆ
อ่านต่อหน้า 3
หัวใจเรือพ่วง ตอนที่ 12 (ต่อ)
รัญธิดากลับเข้ามาในห้อง นั่งครุ่นคิดถึงเหตุการณ์นิ่งๆ ไม่ได้ฟูมฟาย กับการตัดสินใจของตัวเอง แต่ดูเคร้าสึกซึ้ง
รถของธาริศขับมาจู่ๆ เสียงรัญธิดาก็ดังขึ้น
“จอดรถได้มั้ยค่ะ รัญบอกให้จอด”
ธาริศจอดรถข้างทาง หันมามองหน้ารัญธิดางงๆ รัญเปิดประตูลงมา ธาริศตามลงมา
“รัญ... รัญทำไม่ได้ค่ะ”
“รัญหมายถึงอะไร”
“ไม่ว่ายังไง เราสองคนก็จะกลายเป็นคนผิดศีลธรรม...รัญจะโดนตราหน้าว่าเป็นคนที่แย่งสามีคนอื่น”
ธาริศจับมือไว้ “รัญ! แต่รัญมาก่อนเค้านะ..แล้วพี่ก็รักรัญคนเดียว ไม่ได้รักทักษอร”
รัญธิดายิ้มอย่างเจ็บปวด “รัญรู้ว่าพี่ริศ พยายามแก้ไขเรื่องผิดพลาดเมื่อก่อน ที่พี่ทิ้งรัญไป แต่ยอมรับความจริงเถอะค่ะ ว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว...รอบตัวของเรายังมีคนอื่นๆอีกหลายคนที่จะต้องเจ็บปวด เพราะการกระทำของเรา...ถึงรัญจะรักพี่แค่ไหน แต่รัญก็ไม่ใจร้ายพอที่จะแย่งพี่ริศไปจากคนป่วยอย่างคุณทักษอรหรอกค่ะ”
ธาริศอึ้ง ปล่อยมือของรัญธิดาลง
“แต่...พี่...”
“พี่ริศเองก็ไม่สบายใจใช่มั้ยคะที่มากับรัญในวันนี้”
“มันแค่...เป็นเพราะวันนี้...เป็นวันครบรอบแต่งงานของพี่กับอร”
รัญธิดายิ้มเศร้าๆ ยอมรับสภาพ น้ำตาคลอ
“แค่ได้รู้ว่าตอนนั้นพี่ริศไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งรัญไป และยังรักรัญอยู่เท่านั้นก็พอแล้วล่ะค่ะ” รัญธิดาจับมือธาริศ “ความรักของเรามันจะอยู่ตรงนี้” พร้อมกับเอามือมาจับหัวใจตัวเอง “กับรัญเสมอ และจะไม่เปลี่ยนแปลง”
“รัญ...พี่รักรัญนะ”
ธาริศรั้งร่างรัญธิดาไปกอดแนบแน่น ทั้งคู่กอดกันครู่ใหญ่อย่างปวดร้าวใจในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ยอมรับความพ่ายแพ้
รัญธิดาดึงตัวออก บอกอย่างตัดใจ “รัญก็รักพี่ค่ะลาก่อนค่ะ พี่ธาริศ”
รัญธิดาเปิดประตูหยิบกระเป๋าออกมา และเดินจากไป ธาริศมองตาม รัญธิดา เดินห่างออกมาทุกทีๆ เหมือนกับว่า นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่สองคนจะได้พบกัน
รัญธิดายิ้มเศร้าๆ แล้วก้มลงดึงสร้อยร้อยแหวนออกมาจากคอมอง แล้วตัดสินใจถอดแหวนออกมา
“มันจบลงซะที...แล้วต่อไปนี้...เราจะเป็นแค่เพื่อนกัน”
รัญธิดาลังเลสักครู่ แล้วก็ใส่แหวนที่นิ้วนางข้างขวาแทนพร้อมกับ พึมพำ
“แหวน...ของเพื่อน”
น้ำตารัญธิดาหยดริน
ด้านธาริศเข้าห้องมาเปิดไฟ ชะงักภาพข้างหน้าเห็นห้องที่เต็มไปด้วยข้าวของกระจุยกระจายด้วยแรงอารมณ์ของทักษอร ธาริศถอนใจยาว รู้ว่าต้องโดนอาละวาดแน่
“อร...อรครับ”
ทักษอรที่นอนหมดสภาพอยู่กับพื้นในห้องน้ำ น้ำตากองบนใบหน้าเป็นคราบ ใบหน้าสวยนั้นทรุดโทรม ได้ยินเสียงเรียก ยกหัวขึ้นมาอย่างไม่เชื่อหู
“น้องอร”
ทักษอรตกตะลึง ลุกขึ้นนั่ง
“พี่ริศ...พี่ริศกลับมา”
ธาริศหยิบหมอนและข้าวของวางคืนตามที่ เพื่อไม่ให้ห้องรกเกินไปนัก ด้วยท่าทางเนือยๆ ยอมแพ้กับโชคชะตา ประตูห้องน้ำเปิดออก ทักษอรเดินออกมาด้วยหน้าตาเรียบเฉย ไม่มีร่องรอยน้ำตาหรืออะไร
“อร พี่..พี่ขอโทษ ที่พี่ไม่ได้ไปตามนัด”
ทักษอรยิ้มหวาน “ไม่เป็นไรค่ะ อรว่าพี่ริศคงติดธุระสำคัญ ใช่มั้ยคะ”
ธาริศมองทักษอรอย่างอัศจรรย์ใจ ที่ดูจะมีเหตุผลอย่างประหลาด
“ใช่จ้ะ พี่เสียใจนะ ที่ลืมวันครบรอบวันแต่งงานของเรา”
“อรสิคะผิดเองที่ไม่ยอมเตือนพี่ก่อน ทั้งๆ ที่รู้ว่าช่วงนี้พี่ยุ่งมาก...สมน้ำหน้าตัวเองที่ทำอะไรไม่รู้จักรอบคอบ”
“อร คงโกรธมาก” ธาริศมองไปที่ข้าวของบนพื้น
“อ๋อ อรหาของนะคะ ไม่รู้เอาไว้ไหน มันถึงต้องขุดต้องค้นกันทั่วห้องแบบนั้น ทำไมพี่ธาริศคิดแบบนั้น อรจะโกรธพี่ทำไม พี่ทำอะไรผิดงั้นเหรอคะ”
ธาริศหลบตาวูบ
“เปล่า...เปล่า”
ทักษอรยิ้มหวาน ส่งแหวนแต่งงานให้
“แหวนแต่งงานค่ะ พี่ริศคงรีบจนลืมถอดทิ้งไว้”
ธาริศอึ้ง ยื่นมือมาจะรับไป แต่ทักษอรกลับจับมือไว้แล้วใส่ให้เอง ก่อนจะกุมมือไว้อย่างหวงแหนพลางยิ้ม
“อย่าลืมนะคะ ว่าอรรักพี่ธาริศที่สุด...อรไม่ยอมที่จะให้พี่ริศจากไปไหนหรอกคะ”
ทักษอรกอดธาริศแนบแน่น ธาริศอึ้งๆ สงสัยว่าทักษอรรู้หรือไม่รู้ ว่าตัวเองเกือบจะจากไปแล้ว
เช้าวันต่อมาเฉิดโฉมกับเชอรี่เดินมาตามทาง ท่าทางลั้ลลามีความสุขมาก
“ชั้นอยากเห็นหน้ายายทักษอรนั้นจริงจริ๊ง ป่านนี้คงจะนอนร้องไห้น้ำตานองหน้า ซักขนาดไหนที่จับได้ว่าสามีสุดที่รักนอกใจ”
“เอ๊...ชั้นคิดว่าเธอชอบคุณอรเค้าซะอีก”
“ใครจะไปชอบลง เย่อหยิ่งจองหองชอบดูถูกคนซะขนาดนั้น..แต่เดี๋ยวเรา 2 คนก็จะไปปลอบ...แสดงความเห็นใจ แล้วเค้าก็จะอยู่ข้างเดียวกับเรา แล้วก็เชียร์ชั้นให้กับคุณพีท”
เฉิดโฉมทำหน้าฝันหวาน
“ดูนั่นสิเฉิด...”
เฉิดโฉมมองตามที่เชอรี่ชี้ ที่หน้าวิลล่าธาริศ ทักษอรแต่งตัวสวยเฉิดฉายเดินไปขึ้นรถของพีทพร้อมกับรัญธิดา
เฉิดโฉมตะลึง “ไม่จริงเชอรี่ ฉันตาฝาดไป ยายทักษอรนั่งรถไปกับยายรัญ เป็นไปได้ไง”
“หรือว่า รูปที่เธอส่งไปไม่ถึง”
ขณะเดียวกันที่หน้าบ้าน ธาริศเดินออกมามองตามรถคันนั้นไปเศร้าๆ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป
“ทำไมมันเป็นแบบนี้.คนอย่างยายทักษอร มันน่าจะจัดากรยายรัญจนแหลกคามือ”
“นี่ ถ้ายายนั้นมันไม่ทำอะไร เธอก็ทำเสียเองเลยซิ ส่งรูปให้คุณพีทดูก็สิ้นเรื่อง ไม่เห็นต้องผ่านคนโน้นคนนี้ให้วุ่นวาย” เชอรี่แนะ
“อืม แกก็ฉลาดเหมือนกันนะเชอรี่” เฉิดโฉมกระวีกระวาดหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วก็ชะงัก “แต่เดี๋ยว...ให้คุณพีทดูคนเดียว มันจะไปสนุกอะไร มันต้องฉีกหน้ากากยายรัญธิดาให้ทุกคนเห็นซิ”
ทั้งหมดอยู่ในร้านรองเท้า กำลังลองรองเท้ากันอยู่ เป็นร้านหรูหรากว้างขวาง
“ขอบคุณ อรมากนะจ๊ะ ที่อาสาพารัญเค้ามาเลือกรองเท้าสำหรับงานแต่งงาน” พีทยิ้มๆ
“รองเท้า กับผู้หญิง เป็นเรื่องสำคัญค่ะ การได้เจอรองเท้าดี ๆ ที่เหมาะกับเรา สวยแล้วก็ใส่สบายด้วย ก็เหมือนได้เจอเนื้อคู่เชียวล่ะค่ะ”
ทักษอรหัวเราะชอบใจ
พีทมองอย่างเอ็นดู “โอ้โห้ แค่รองเท้านี่ผู้หญิงคิดมากกันขนาดนี้เชียวเหรอครับ ผมไม่ยักรู้”
“แน่นอนค่ะ ยิ่งวันแต่งงานก็ต้องยิ่งพิถีพิถัน เราจะต้องเดินเยอะเพื่อต้อนรับแขก แล้วก็ต้องช่วยส่งเสริมตัวเราให้สง่าด้วย” ทักษอรเค้นคำยิ้มเหี้ยมๆ แต่ไม่มีใครสังเกต “แต่บางคนก็มักง่ายนะคะ เที่ยวไปขอยืมรองเท้าคนอื่นมาใส่..แบบนี้เค้าเรียกว่าน่าไม่อาย..สิ้นคิดนะคะ”
พีทเริ่มรู้สึกแปลกๆ “ไม่แรงไปหน่อยเหรออร...เค้าอาจจะอยากประหยัดก็ได้นะ”
ทักษอรยิ้ม แจ่มใส “โอ๊ย..ไม่ได้หรอกค่ะพี่พีท อย่างอรเนี่ยเป็นคนหวงของ..อรไม่ชอบให้ใครมาใช้ของร่วมกับอร ของของอรต่อให้ไม่ใช้แล้ว อรก็ไม่ยอมให้ใครมาเอาไปใช้เหมือนกัน”
รัญธิดายิ้มเรียบๆ รู้สึกเหมือนกันว่าทักษอรพูดเหมือนกระแนะกระแหนตัวเอง แต่พอมองหน้า ทักษอรก็ยิ้มให้อย่างแจ่มใส...เสียงโทรศัพท์พีทดังขึ้น
“สวัสดีครับ ใช่แล้วครับ”
พีทหันมาบอกสองคน
“ขอตัวสักครู่นะครับ”
พีทออกไปแล้ว พนักงานเข้ามา เอารองเท้ามาสองสามคู่เข้ามาให้ดูพอดี รัญธิดายิ้มหยิบคู่หนึ่งออกมาดูอย่างชอบใจ
“อุ๊ย คู่นี้สวยจัง”
ทักษอรดึงรองเท้าคู่สวยไปทันที รัญธิดามองงงๆ ทักษอรเอาไปลองใส่ แต่ดูจะหลวมไปมาก
“เอ่อ ขอโทษครับ แบบนั้นเหลืออยู่คู่เดียว คงจะใหญ่เกินไปสำหรับคุณผู้หญิง” พนักงานท้วง
“แล้วไง ก็ฉันชอบ จะซื้อไปเก็บ หรือซื้อไปทิ้งมันก็เรื่องของฉัน”
ทักษอรหันไปมองหน้ารัญธิดาอย่างท้าทาย รัญธิดาหลบตาหันไปมองคนขาย
“งั้นขอดูคู่นั้นเถอะค่ะ”
รัญธิดาหันไปหารองเท้าอีกคู่ ก้มลงใส่ ทักษอรสังเกตเห็นแหวนในมือขวาของรัญธิดา ตาลุก ช็อก!
ภาพตอนที่เห็นรูปมือสองมือจับกัน ที่เคยอาละวาดธาริศผุดขึ้นมาในความคิด
รัญธิดาใส่รองเท้าเสร็จ เดินไปลองที่กระจกห่างออกไป มีพนักงานตามไปดูแล
ทักษอรตัวสั่นด้วยความโกรธที่เพิ่มมากขึ้นๆ กำมือแน่น เริ่มหายใจขัดๆ
อ่านต่อตอนที่ 13