วิมานมะพร้าว ตอนที่ 10
จุลลายิ้มให้กับเจ้าหน้าที่เวที
“โอเคค่ะ เข้าใจแล้ว”
“แต่ถ้าคุณจุลลารู้สึกว่ามีคำถามอะไรที่น่าสนใจเพิ่มเติมจากสคริปต์ก็ถามได้เลยนะคะ”
“ค่ะ ได้ค่ะ เอ่อ แต่มีคนคอยบอกเรื่องเวลาให้ใช่มั้ยคะ”
“ค่ะ จะมีคนคอยจับเวลาและให้สัญญาณอยู่ข้างเวที ถ้าเห็นสัญญาณก็สรุปจบได้เลยค่ะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”
“งั้น เดี๋ยวถ้าได้เวลา จะมีคนมาตามไปเตรียมพร้อมข้างเวทีนะคะ”
“ค่ะ”
เจ้าหน้าที่ลุกไป จ๋อมที่นั่งฟังอยู่ รีบเข้ามา
“ไหนบอกว่าไม่เคยทำงานแบบนี้ไงคะน้องจูน ดูมืออาชีพมากๆ เลย”
“เคยทำบ้างตอนมีงานคณะน่ะค่ะน้าจ๋อม”
“ให้จ๋อมเช็กความเรียบร้อยอีกทีนะคะน้องจูน ผมหลุดหมดแล้ว”
“ค่ะ”
จุลลาลุกขึ้นยืน ขณะที่จ๋อมเอากระเป๋าอุปกรณ์ตัวเองไปวาง เปิด เพื่อซ่อมผมซ่อมหน้าให้จุลลา ผีเถ้าแก่ปรากฏตัว
“อยู่นี่เองเหรออาหนูช่าง อั๊วตามหา...” ผีเถ้าแก่เห็นจุลลาเต็มตาถึงกับอึ้ง ค้าง
“เถ้าแก่ เป็นอะไร”
“ขอโทษ อั๊วทักคนผิด นี่ไม่ใช่...”
“ใช่ หนูเอง”
“เออ ถ้าไม่ใช่ลื้อ แล้วจะมองเห็นอั๊วได้ไง” ผีเถ้าแก่ตกใจสุดตัว “ไอ้หยา”
“สวยล่ะสิ”
“ถูกผีเข้าเหรอวะ หรือจะไปรำแก้บนที่ไหน ไอ้หยา”
“เฮ้อ ถ้ายังไม่หยุดโวย หนูจะแก้ผ้ามันซะตรงนี้เลยอ่ะ”
ผีเถ้าแก่หยุด นั่งเรียบร้อยทันที
“น้องจูน พูดอะไรน่ะคะ เมื่อกี้จ๋อมได้ยินแว่วๆ ว่าจะแก้ผ้า”
“ไม่มีอะไรค่ะน้าจ๋อม จูนร้อนเลยบ่นไปเรื่อยเปื่อย”
“อ๋อ ค่ะ งั้นนั่งตรงนี้นะคะ ทำใจเย็นๆ คงจะตื่นเต้นล่ะสิคะ”
จุลลานั่งให้จ๋อมดูแลความเรียบร้อยของหน้าผม มองผีเถ้าแก่เป็นระยะ ขู่
“อั๊วไปหาอาตี๋ดีกว่า อยู่กับลื้อแล้วไม่ปลอดภัย”
จุลลาเมิน ไม่สนใจ ผีเถ้าแก่มองจุลลายิ้มๆ ยอมรับว่าสวยแต่ไม่พูด หายตัวออกไป
จุลลานั่งอมยิ้ม เขินตัวเอง คิดถึงสายตาของสืบสายที่เห็นเธอแต่งหญิงแล้วยิ่งเขิน อายม้วน จะขยี้ผมด้วยความเคยชิน แต่ถูกจ๋อมตีมือ
“เดี๋ยวผมยุ่งค่ะ น้องจูน”
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”
พี่บียังไล่บี้เดือนพิไลอยู่ตรงทางหนีไฟ
“ฉันรู้ว่าหล่อนตั้งใจปล่อยภาพหลุดของหล่อนกับคุณสืบสาย”
“รู้จักอาชีพปาปาราซซี่มั้ย ใครก็ได้อาจจะแอบถ่ายแล้วเอารูปไปขาย หนูไม่รู้เรื่อง”
“หล่อนจงใจปล่อยรูปก่อนหน้าวันงานวันนี้ เพื่อจะให้นักข่าวมาทำข่าวสร้างกระแส แล้วหล่อนก็จะใช้โอกาสนี้มัดมือชกให้คุณสืบยอมรับกับสื่อว่าคบหาดูใจกับหล่อน”
“ดูละครมากไปหรือเปล่าเจ๊”
“เพราะฉันอยู่กับคนที่เล่นละครอยู่ตลอดเวลาอย่างหล่อน ฉันถึงได้อ่านเกมออก ดังนั้น! ฉันจึงได้บล็อกนักข่าวสายบันเทิงทุกฉบับไม่ให้มาที่นี่” เดือนพิไลตกใจ
“อะไรนะเจ๊ ทำอย่างนี้ ไม่เป็นผลดีกับอาชีพของหนูของเจ๊เลยนะ”
“อาชีพของหล่อนของฉัน มันอยู่ได้ด้วยผลงานไม่ใช่กระแสที่ไม่สร้างสรรค์ สร้างสถานการณ์สร้างข่าวให้ตัวเองแบบนี้มากี่ครั้งแล้วล่ะ หา! พอกันที จบงานนี้แล้วฉันขอลาออกจากการเป็นผู้จัดการของหล่อน ฉันจะไม่สนับสนุนมะเร็งของวงการบันเทิงอย่างหล่อนอีกต่อไป”
พี่บีเดินออกไป เดือนพิไลยืนแค้นเจ็บใจอยู่
“แกไป ใช่ว่าฉันจะง้อ”
ในห้องแถลงข่าว ดารา จำรัส ป้าลำยองและลีลานั่งอยู่แถวหลังสุด ทุกคนรอคอยเห็นจุลลาทำหน้าที่ สืบสายลงมานั่งข้างคุณนายเง็กและเสี่ยตง
“ว่าไง”
“ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ”
“อาหนูช่างอีสวยมั้ย”
“สวยมากครับ”
“สวยจนตะลึงเลยใช่มั้ยครับบอส”
สืบสายยิ้ม นิ่งๆ ไม่รับไม่ปฏิเสธ คุณนายเง็ก และเสี่ยตงลอบสังเกตท่าทางของสืบสาย ขณะที่ทรงเดชเริ่มหงุดหงิด
“นักข่าวก็มากันจนเต็มห้องแล้ว น่าจะเริ่มได้แล้วนะสืบ หรือต้องรออะไรอีก”
“ตามกำหนดการ เหลือเวลาอีกตั้งสิบนาที นายจะร้อนใจทำไม”
ทรงเดชอึ้ง แก้เก้อทันที
“น้ำหวาน ฉันหิวน้ำ ทำไมไม่เอาน้ำมาวางไว้ เหมือนของป๊า ของม้าและก็สืบ”
“ก็ผู้บริหารระดับสูงนี่คะ แต่คุณทรงเดชไม่ใช่อ่ะค่ะ”
ทรงเดชอึ้ง น้ำหวานยิ้มใสซื่อใส่ ครรชิตแอบยกนิ้ววุดยอดให้น้ำหวาน
“แต่ฉันต้องการน้ำ เดี๋ยวนี้” น้ำหวานอึ้ง
“รอสักครู่นะคะ”
น้ำหวานลุกออกไป ทรงเดชหันไปนั่งรอ หน้าเครียด เตรียมโยนระเบิด มองสืบสาย คุณนายเง็ก เสี่ยตงที่นั่งเก้าอี้แถวหน้าด้วยความอิจฉา ริษยา
น้ำหวานเดินออกมาจากห้องแถลงข่าวแล้วก็ชะงักเมื่อเห็นแสบเดินมากับเจ๊พุ่มและลูกน้อง ทั้งหมดชะงัก
แสบและน้ำหวานสบตากัน น้ำหวานมองแสบด้วยสายตาปวดร้าว แต่แสบไม่สนใจเหมือนน้ำหวานไม่มีตัวตน
“เจ๊ เราเข้าไปเลยได้มั้ย”
“ได้ๆๆ เข้าไปเงียบๆ นะไอ้แสบ”
แสบรีบเข้าไปในห้องแถลงข่าว เจ๊พุ่มและลูกน้องยิ้มให้น้ำหวานจ๋อยๆ ด้วยความสงสาร ก่อนจะตามแสบเข้าไป น้ำหวานยืนอึ้ง ขาก้าวไม่ออก น้ำตาซึม เดินเอ๋อไปทางหนึ่ง เดือนพิไลคุยมือถือเดินตัดหน้าน้ำหวานไปทางห้องพัก น้ำหวานเกือบชน
“ขอโทษค่ะ”
เดือนพิไลไม่สนใจคุยโทรศัพท์ต่อ
“รีบมาเดี๋ยวนี้เลย ที่โรงงานปาล์มโปรดักส์ ไม่งั้นไม่จ่ายเงิน”
น้ำหวานมองตามเดือนพิไลไปอย่างสงสัย
เดือนพิไลเข้ามาในห้องพัก เดินมามองหน้าจุลลาอย่างท้าทาย จุลลามองตอบไม่หวั่นไหว เจ้าหน้าที่เข้ามาตาม
“เชิญทุกคนเตรียมพร้อมที่เวทีค่ะ จะเริ่มภายในห้านาทีนี้แล้วค่ะ”
“ไปค่ะน้อง พี่พาไป เร้ว” พี่บีบอก
“น้องจูนสู้ๆ นะคะ”
“ค่ะ น้าจ๋อม”
พี่บีเข้าไปจูงมือจุลลาทันที ผ่านหน้าเดือนพิไล เดือนพิไลยิ่งเจ็บจี๊ด คิดเอาคืน เดินตามไปด้วยความโกรธ เห็นจ๋อมขวางอยู่ จึงผลักออกไป
“ถอยไปสิ เกะกะ”
จ๋อมมองตามเดือนพิไลอย่างรังเกียจ
“สวยซะเปล่า แต่นิสัย ต้องรายงานสด” จ๋อมหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก เม้าท์ทันที “คุณพี่ขา วันนี้น้องมาเจอดาราค่า ตัวจริงนิสัยแย่มากกกก ไม่เหมือนที่เห็นในทีวีเลยค่ะ”
จุลลาขึ้นบนเวที ทุกคนตบมือ พี่บียืนมองอย่างชื่นชมอยู่ข้างเวที เดือนพิไลนั่งรออยู่ข้างๆ มองอย่างหมั่นไส้ อกแทบระเบิดแตก จุลลามองไปข้างหน้าเห็นผีเถ้าแก่นั่งอยู่ที่เก้าอี้วีไอพี ข้างๆ สืบสาย คุณนายเง็กและเสี่ยตง ทุกคนตะลึงในความสวยแปลกตาของจุลลา จุลลายิ่งมือสั่นเพราะตื่นเต้น
สืบสายยิ้มให้กำลังใจจุลลา จุลลายิ้มตอบ จากที่มือสั่นก็รู้สึกดีขึ้น ผีเถ้าแก่นั่งยิ้ม ถูกใจ ดารา จำรัส ป้าลำยองและลีลาตบมือให้กำลังใจจุลลา อดอวดกับนักข่าวข้างๆ ไม่ได้
“ลูกสาวของดิฉันค่ะ เป็นวิศวกรคุมเครื่องจักรของที่นี่ สวยใช่มั้ยคะ”
“แม่ พอแล้ว”
“ค่ะ พอก็พอค่ะ”
ดาราหันมาตบมือให้จุลลาต่อ
แสบ เจ๊พุ่มและลูกน้องที่ยืนอยู่ใกล้ประตูทางเข้าออกห้องแถลงข่าว ตบมือพลางอ้าปากหวอ
“พี่จูนตัวจริงหรือเปล่าวะเนี่ย”
“ต๊าย สวยเหมือนเจ๊ตอนสาวๆ เลยให้ตาย”
“อ๊วกกกก”
“เฮ้ย! ตบมือหนักๆ ให้กับหัวหน้าของเรา ที่ทั้งสวยและเก่ง เป็นหน้าเป็นตาให้กับแผนกซ่อมบำรุงจริงๆ”
น้ำหวานเปิดประตูเข้ามาพร้อมขวดน้ำในมือเพื่อให้ทรงเดช โดยไม่เห็นว่าแสบยืนอยู่ใกล้ๆ
“ขอโทษค่ะ ขอทางหน่อยค่ะ”
แสบหันไปมอง น้ำหวานเห็นแสบ อึ้ง ตกใจ ถอยหลัง สะดุดขาตัวเองจะล้ม แสบรีบประคองน้ำหวานเอาไว้
“ระวัง น้ำหวาน”
น้ำหวานหยุดอยู่ในอ้อมแขนของแสบ สองคนมองหน้ากัน หัวใจเต้นแรง
“สวัสดีแขกผู้มีเกียรติและพี่น้องนักข่าวทุกๆ ท่านค่ะ”
แสบและน้ำหวานได้สติ ผละออกจากกัน น้ำหวานรีบเดินแยกไปหาทรงเดชทันที แสบใจแป้วมาก แต่รีบทำตัวเป็นปกติ หันไปสนใจบนเวทีซึ่งจุลลาเชิญเสี่ยตงบนเวที
“ขอเรียนเชิญท่านประธานกรรมการบริหารบริษัท ปาล์มโปรดักส์ จำกัด กล่าวถึงทิศทางและเป้าหมายการดำเนินงานของบริษัทปาล์มโปรดักส์ในปัจจุบันและอนาคตค่ะ”
เสี่ยตงลุกขึ้น ทุกคนปรบมือ เสี่ยตงเดินไปที่โพเดียม จุลลายืนรอใกล้ๆ คุณนายเง็กกระซิบกับสืบสาย
“อาหนูช่างอีคล่องดีนะ”
ครรชิตชะโงกมากระซิบ
“คล่องทุกเรื่องครับ ใครได้ไปเป็นแฟน หายห่วงยันชาติหน้าเลยครับ”
“ครรชิต”
“ครับผม ตามนั้นครับ”
ครรชิตเก็บหัวไปอยู่ที่เดิม สืบสาย คุณนายเง็กและทุกคนสนใจบนเวที
“อั๊ว เอ๊ย ผมมีความยินดีมากที่ได้ต้อนรับพี่น้องนักข่าวในวันนี้ ณ โรงงานปาล์มโปรดักส์ที่ผมภาคภูมิใจ วันนี้ทุกคนจะได้เยี่ยมชมโรงงานที่มีกำลังการผลิตเต็มประสิทธิภาพ เตรียมต้อนรับ AEC และทะยานสู่สากลทั่วทุกมุมโลก ในรูปแบบของบริษัทมหาชน”
สืบสายตกใจ อึ้ง ไม่พอใจ
“ป๊า”
ทรงเดชแอบยิ้มอย่างพึงพอใจ
“ไอ้ตง ลื้อพูดอะไรออกไป ยังไม่ครบกำหนดที่ลื้อให้สัญญากับอาตี๋ เห็นนักข่าวเป็นไม่ได้ หน้าใหญ่คับห้อง ไอ้ลูกเฮงซวย” ผีเถ้าแก่ต่อว่า ขณะเดียวกันไฟในห้องก็ติดๆ ดับๆ ทุกคนในห้องพากันครางฮือแปลกใจ คุณนายเง็กและสืบสาย ครรชิตตัวแข็ง หันมองจุลลาทันที จุลลาหันมองผีเถ้าแก่ “ก็อั๊วไม่พอใจ อั๊วมีเซ้นส์! ว่าเพราะไอ้ตง มันจะต้องทำให้โรงงานอั๊วเจ๊ง”
จุลลารีบแก้วสถานการณ์ทันที
“ไม่มีอะไรค่ะ พอดีทางเราทำสเปเชียลเอ๊ฟเฟ็กต์ให้กับท่านประธานค่ะ จะได้ตื่นเต้นเร้าใจ”
จุลลาหันไปถลึงตาใส่ผีเถ้าแก่ สืบสาย คุณนายเง็ก ครรชิตหันมองตามสายตาของจุลลาเห็นที่นั่งข้างสืบสายที่ว่างอยู่ ทุกคนผงะ กระเถิบห่างจากที่ตรงนั้น
“อาตี๋ อาหนูช่างอีมองตรงนั้น เป็นไปได้มั้ยว่า...”
“อากง”
“ที่สุดของที่สุดแห่งความถูกต้องครับผม”
ทุกคนนั่งตัวเกร็งทันที
แสบและชาวคณะหันมองเลิ่กลั่ก กระชับพื้นที่ เข้ามาใกล้กัน
“พวกน้องๆ รู้สึกเย็นยะเยือกขนลุกเหมือนพี่มั้ยครับ”
“ครับพี่”
“ผีเจ้าสัวมาอีกเหรอวะ”
“พูดทำไมเจ๊พุ่ม”
แสบและลูกน้องเข้าไปช่วยปิดปากเจ๊พุ่ม แสบมองไปทางน้ำหวานเห็นน้ำหวานนั่งตัวแข็ง มองไปรอบๆ ด้วยความกลัว แสบอยากจะไปปลอบใจและปกป้องใจจะขาด แต่ต้องห้ามใจเอาไว้
“เป็นอะไรไปน้ำหวาน หนาวเหรอจ๊ะ” ทรงเดชถามเมื่อเห็นน้ำหวานนั่งตัวสั่น
“ไม่ได้หนาวค่ะ แต่กลัวผี”
“ผีอะไร ผีที่ไหน อย่าพูดไปนะ เดี๋ยวนักข่าวจะแตกตื่นที่ได้ยินเรื่องปัญญาอ่อนจากปากของเธอ”
ผีเถ้าแก่หันมองทรงเดชขวับ ยิ่งโกรธ ไฟยิ่งพรึ่บพรับ ลมพัดเข้ามา จุลลายิ่งถลึงตาขอให้ผีเถ้าแก่หยุด แต่ผีเถ้าแก่ก็ยังไม่หยุด ทุกคนในห้องเริ่มตระหนก เอะใจ เสี่ยตงหน้าซีด เหงื่อแตก
“แหม้ เล่นเยอะไปมันก็ไม่ตื่นเต้นนะคะ เอาเป็นว่า น้องเทคนิกคะ พอเถอะค่ะ ไม่เวิร์กแล้วค่ะ ถ้ายังไม่เลิก เดี๋ยวพี่จับถ่วงน้ำนะคะ”
จุลลาพูดออกไมค์ สืบสาย คุณนายเง็ก ครรชิตเหวอ ในขณะที่นักข่าวพากันหัวเราะขำ ผีเถ้าแก่หยุดกึก หันมองจุลลา
“ลื้อกล้าทำอั๊วอย่างนั้นได้ลงคอเหรอวะ”
“ทำแน่นอนค่ะน้อง บอกเลย ถ้ายังไม่เลิกเฮี้ยน เอ้ย เล่น”
ทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติทันที จุลลาโล่งใจ สืบสาย คุณนายเง็ก เสี่ยตง ครรชิต เดือนพิไล พี่บีและทุกคนโล่งใจ นักข่าวพากันขำๆ
“ที่นี่ บรรยากาศมันแปลกๆ นะ พ่อว่ามั้ย เมื่อกี้จู่ๆ แม่ก็ขนลุก” ดาราบอกกับจำรัส
“ปวดเข้าห้องน้ำหรือเปล่าแม่”
“บ้า แม่รู้สึก แม่สัมผัสมันได้จริงๆ นะ”
“แม่ก็คิดมาก ไม่มีอะไรหรอก ถ้ามี ไอ้จูนมันก็ต้องเล่าให้เราฟังบ้างแล้วน่ะ”
บนเวที จุลลารีบนำเข้าเรื่องต่อ
“เชิญท่านประธานพูดต่อเลยค่ะ”
“ปลอดภัยแล้วใช่มั้ย” เสี่ยตงถามจุลลา
“ค่ะ”
“อั๊ว เอ๊ย ผมว่าผมพูดแค่นี้ดีกว่า เชิญลูกชายผม ทายาทรุ่นที่สามของปาล์มโปรดักส์มาพูดต่อนะ สวัสดีครับ”
“ขอบคุณท่านประธานมากค่ะ ลำดับต่อไป เชิญคุณสืบสาย กรรมการผู้จัดการค่ะ ท่านจะมาให้รายละเอียดทั้งหมดและตอบข้อซักถามของทุกคนค่ะ”
สืบสายเดินขึ้นเวที เสี่ยตงลงมานั่งข้างคุณนายเง็ก เดือนพิไลตบมือให้สืบสายชื่นชมมาก พี่บีหมั่นไส้เดือนพิไลสุดๆ สืบสายเดินมาที่โพเดียม
“ขอบคุณคุณจุลลาครับ”
สืบสายหันมองจุลลาแวบหนึ่งด้วยสายตาหวานเชื่อ จุลลายืนอยู่ดีๆ ถึงกับเข่าอ่อน ข้อเท้าพลิก ด้วยความเขิน รีบกลับมายืนตามปกติ เดือนพิไลโกรธจนตัวสั่นเพราะดูอยู่ตลอด จุลลาหันมองไปที่ผีเถ้าแก่ แต่ผีเถ้าแก่ไม่อยู่แล้ว จุลลาจึงหันมองไปรอบๆ
“งอนไปไหนอีกแระ”
ผีเถ้าแก่เดินฮึดฮัดมาดูเครื่องจักรใหม่ที่กำลังทำงาน
“ชิๆๆ ไอ้ตง ไอ้ลูกซังกะบ๊วย ไอ้ส่งเดชอีกคน ไอ้หยา อั๊วจะทำยังไงกับพวกลื้อดีวะ”
เสียงคนงานที่กำลังทำงานอยู่เอะอะโวยวาย
“เฮ้ย เครื่องจักรใหม่หยุดเดินได้ยังไงวะ เฮ้ย”
คนงานเริ่มเฮกันมาดู
“ไอ้หยา งานเข้าแล้วมั้ยล่ะ อาหนูช่าง”
จุลลายืนรอสืบสายตอบคำถามนักข่าว รู้สึกถึงพลังจิตของผีเถ้าแก่ที่ส่งมา
“อาหนูช่าง แย่แล้ว”
จุลลารู้สึกใจคอไม่ดี เป็นกังวล
“เรื่องเข้าตลาดหุ้น แพลนเอาไว้เมื่อไหร่คะ” นักข่าวถามสืบสาย
“เป็นเรื่องอนาคตครับ อาจจะหรืออาจจะไม่”
“แต่เมื่อกี้ท่านประธานกล่าวไว้อย่างมั่นใจมากเลยนะครับ”
“ท่านประธานเป็นคนที่มองการณ์ไกล อยากเห็นปาล์มโปรดักส์เจริญรุ่งเรือง ซึ่งผมรับไว้เป็นนโยบาย แต่ก็ต้องดูที่ศักยภาพของเราด้วยครับ ว่าพร้อมหรือไม่พร้อม”
จุลลาเหลือบมองเจ้าหน้าที่ข้างเวที เจ้าหน้าทีโบกมือเป็นสัญญาณให้ไปช่วงต่อไป
“ค่ะ ขอบคุณคุณสืบสายมากค่ะ และต่อไปจะเป็นการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาตัวใหม่และพรีเซ็นเตอร์ของเรา เชิญรับชมค่ะ”
สืบสายลงจากเวที จุลลาหลบไปอยู่ข้างเวที ร้อนใจ ไฟในห้องมืดลงหนังโฆษณาเปิดฉายที่จอโปรเจ็คเตอร์
ผีเถ้าแก่เห็นความวุ่นวายของคนงาน ยืนมองอย่างเก๊กซิม
“ว.บอกเจ๊พุ่ม ให้แจ้งนายช่างด่วนเลย”
“ครับพี่”
คนงานวิ่งออกไป ผีเถ้าแก่หายตัวออกไปด้วย
เจ๊พุ่มถือว.ออกมาจากห้องแถลงข่าว ออกมากับแสบและลูกน้องอย่างร้อนใจ
“รับทราบ พวกช่างกำลังไปดูหน้างานแล้ว เปลี่ยน”
“เฮ้ย! เร็วๆ เข้า ไปเร็ว”
“แล้วเราไม่บอกพี่จูนเหรอพี่”
“เดี๋ยวเจ๊หาทางบอกนายช่างเอง”
“ไปดูกันเองก่อน รับมือไม่ไหวค่อยแจ้งเจ๊พุ่มให้แจ้งพี่จูน อย่าทำให้พี่จูนต้องกังวลใจระหว่างที่กำลังปฏิบัติหน้าที่เป็นตัวแทนบริษัท ไปเร็ว”
“หล่อแล้วหล่ออีก หล่อชิบเป๋ง”
แสบและลูกน้องรีบวิ่งกันออกไป เจ๊พุ่มรีบเข้าไปในห้องแถลงข่าวทันที
เจ๊พุ่มเข้ามาในห้องแถลงข่าว มองไปที่เวที ที่เวทีหนังโฆษณาจบแล้ว ไฟห้องเปิด เดือนพิไลขึ้นเวที
“และนี่คือคุณเดือนพิไล พรีเซ็นเตอร์คนใหม่ของเราค่ะ ขอเสียงตบมือด้วยค่ะ”
ทุกคนตบมือ เดือนพิไลมายืนให้จุลลาสัมภาษณ์
“ขอเรียนเชิญคุณสืบสายมาร่วมพูดคุยบนเวทีอีกครั้งค่ะ”
สืบสายเข้ามาร่วมพูดคุย เดือนพิไลจงใจยืนชิดเบียดสืบสายมาก จุลลาเห็นแล้วเสียดแทงใจจี๊ด พี่บีที่อยู่ข้างเวทีมองอย่างหมั่นไส้
“เอ่อ คำถามแรกนะคะ”
ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวข้างจุลลา
“อาหนูช่าง ซวยแล้ว”
จุลลาเผลอพูดตาม
“ซวยเรื่องอะไรคะ” จุลลาอึ้งเมื่อรู้สึกตัว ทุกคนในห้องก็อึ้ง ดารา จำรัสเริ่มร้อนใจ
“ลูกจูนถามอะไรอย่างนั้นล่ะพ่อ”
“สงสัยหึงแม่ดาราคนนั้นแน่ๆ เลยค่ะ เลยหลอกด่าว่าเป็นตัวซวย”
“อุย! จะดีเหรอคะ คนที่ซวยอาจจะเป็นคุณจูนได้นะป้า”
“ไอ้จูนมันทำตัวแปลกๆ ว่ะ”
ทุกคนมองที่จุลลาบนเวทีต่อไป สืบสายกระซิบบอกจุลลา
“จุลลา ถามใหม่”
“อ๋อ ขอโทษค่ะ พอดี ตาลายค่ะ กับออร่าวิ้งๆ ของคุณเดือนพิไล” นักข่าวพากันขำเล็กๆ “คำถามแรกนะคะ”
“อาหนูช่าง ฟังอั๊ว เครื่องจักรใหม่พังแล้ว” ผีเถ้าแก่บอก
“หา! ซวยกันยกแผนกเลยล่ะสิ” จุลลาพูดออกมาอย่างตกใจ ทุกคนอึ้ง ตกใจ จุลลาอึ้ง เดือนพิไลแย่งพูดเลย
“ขอบคุณมากนะคะคุณจุลลา หมดหน้าที่ของคุณแล้วค่ะ ต่อไปเป็นหน้าที่มูนรับช่วงต่อเองนะคะ” จุลลาอึ้งไป
“มูนจะคุยกับคุณสืบสาย เสร็จแล้วจะได้พาทุกท่านเยี่ยมชมโรงงาน มูนจะพาชมเองค่ะ ในฐานะที่มูนเป็นพรีเซ็นเตอร์ มูนรู้รายละเอียดทุกอย่างดีค่ะ”
นักข่าวพากันตบมือ จุลลาหน้าเสีย สืบสายเอะใจต้องมีอะไรผิดปกติกับจุลลา เสี่ยตงบอกคุณนายเง็ก
“ไปพาอีลงมา อีกำลังทำให้งานแถลงข่าวล่ม อาเง็ก”
“อาครรชิต ไปพาอาหนูช่างลงมาก่อน เร็ว”
ครรชิตรีบลุกไปหาจุลลา
“คุณจุลลาครับ ท่านประธานเชิญลงจากเวทีครับ”
“ไม่ต้องเชิญ ก็จะลงอยู่แล้ว” จุลลาค้อนผีเถ้าแก่ “มาถูกจังหวะมากเลยนะเถ้าแก่”
“ไม่ต้องมาค้อนอั๊ว ไปจัดการเรื่องคอขาดบาดตายก่อน”
จุลลารีบลงจากเวที วิ่งออกไปจากห้องแถลงข่าวทันที ผีเถ้าแก่ตามไป สืบสายมองตามไม่ค่อยมีสมาธิ น้ำหวานเป็นห่วงจุลลา ทรงแดชแอบยิ้มสะใจ น้ำหวานรีบลุกตามออกไป จำรัส ดารา ป้าลำยอง ลีลา รีบตามจุลลาออกไป เจ๊พุ่มตามออกไปด้วย
จุลลาออกมาจากห้องแถลงข่าว เจ๊พุ่มตามออกมา น้ำหวานตามมาด้วยรวมทั้งจำรัส ดารา ป้าลำยองและลีลา
จ๋อมออกมาจากทางหนึ่ง รีบเข้ามาสมทบอย่างแปลกใจ
“พี่จูน เกิดอะไรขึ้นคะ” น้ำหวานถาม
“เครื่องจักรใหม่มีปัญหา เจ๊พุ่ม พวกไอ้แสบล่ะ มันไปดูเครื่องจักรใหม่ที่มีปัญหาหรือยัง”
“ไปแล้วค่ะ เอ๊ะ นายช่างรู้ได้ยังไง เจ๊ยังไม่ได้บอก รอให้ไอ้แสบว.มาบอกก่อนว่าเอาอยู่หรือเปล่า”
“หนูมีสายลับ”
“ไอ้จูน แกเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นบนเวที ทำไม...”
“พ่อ จูนไม่มีเวลาอธิบาย เอางี้นะ ทุกคนกลับบ้านไปก่อน แล้วจูนจะไปตั้งโต๊ะแถลงข่าวเรื่องทั้งหมดอีกที”
“ตอนไหนล่ะลูก”
“ตอนที่ทุกเรื่องทุกอย่างมันคลี่คลาย จะหมู่หรือจ่า เราก็จะได้รู้กันรวมทั้งอนาคตของจูนกับที่นี่ด้วย” จุลลาวิ่งออกไปทันที วิ่งไม่ถนัด ถอดรองเท้าส้นสูงเลย แล้วส่งคืนให้จ๋อม “คืนค่ะน้าจ๋อม ขอบคุณค่ะ”
จ๋อมรับมางงๆ ทุกคนมองตาม ลุ้นตาม
“โอ๊ย พ่อ แม่หัวใจจะวายแล้ว ลูกจูนมีเรื่องมาให้ตื่นเต้นได้ตลอดเวลาเลย”
“นี่แหละรสชาติของชีวิต ไปทุกคน กลับบ้าน ไปรอฟังข่าวจากมัน”
จำรัสพาทุกคนกลับออกไป ทุกคนยังค้างคาใจ น้ำหวานรีบกลับเข้าไปในห้องแถลงข่าวทันที
เดือนพิไลคุยกับสืบสายบนเวที น้ำหวานเดินมานั่งข้างทรงเดช
“มีอะไรกัน”
“เครื่องจักรใหม่มีปัญหาค่ะ พี่จูนกำลังไปดู”
ทรงเดชยิ้มออกมาเลย
แสบกับลูกน้องกำลังช่วยกันซ่อมระบบไฟ ผีเถ้าแก่ยืนดูอยู่ จุลลาวิ่งเท้าเปล่ามากับเจ๊พุ่ม
“แสบ เป็นไงบ้าง”
“เป็นที่ระบบไฟ ไฟไม่เข้า เช็กสายไฟอยู่พี่”
“โธ่เว้ย”
“อย่าเพิ่งอารมณ์เสียตอนนี้อาหนูช่าง มันยังพอมีเวลา”
“อีกนานมั้ยวะแสบ ยังไงข้าจะได้ไปช่วยถ่วงเวลาทางโน้นให้”
“ไม่นาน ขออีกสิบห้านาที”
“ยังพอมีเวลา เจ๊ ช่วยไปบอกทางเจ้าหน้าที่หน่อย อย่าเพิ่งปล่อยนักข่าวเข้ามา”
“ได้”
เจ๊พุ่มวิ่งออกไป
“มันต้องอย่างนั้น ปัญหามา อย่าเพิ่งร้อนตามปัญหา แล้วปัญญาจะเกิด”
“ให้ฉันช่วยอะไรมั่ง”
“อยู่เฉยๆ สวยๆ เป็นกำลังใจให้พวกเราก็พอ”
“ฮิ้ว”
“ชอบดูของสวยๆ งามๆ นักใช่มั้ย งั้นฉันจะไปเปลี่ยนชุด”
“อ้าวววว”
จุลลาเดินออกไปเลย
“แล้วอย่าใส่ชุดพวกนี้อีกนะอาหนูช่าง อั๊วจะเป็นลม” ผีเถ้าแก่บอก จุลลาหันมาค้อนผีเถ้าแก่ ผีเถ้าแก่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ขอให้ลื้อคลาดแคล้ว เฮ้ย ซ่อมเร็วๆ เข้า! ก่อนที่พวกลื้อจะซวยกันทั้งแผนกเพราะไอ้ส่งเดช”
ทรงเดชขยับตัว เตรียมออกโรงเชือดจุลลา
“ฉันจะไปดูความเรียบร้อยของลูกน้องสักหน่อย”
ทรงเดชบอกกับน้ำหวานแล้วลุกขึ้นยืน ทำให้เดือนพิไลสังเกตเห็น ทรงเดชทำมือโอเคแล้วลุกเดินออกไป น้ำหวานตามไป เดือนพิไลยิ้มกริ่ม
“เอาล่ะค่ะ เรื่องราวของมูนไม่น่าสนใจเท่ากับความยิ่งใหญ่และความทันสมัยของโรงงานปาล์มโปรดักส์หรอกนะคะ เชิญพี่ๆ นักข่าวไปเยี่ยมชมโรงงานของเรากันเลยดีกว่าค่ะ เชิญค่ะ”
นักข่าวพากันลุกขึ้น เดือนพิไลเดินลงมาจากเวทีมาอยู่กับเสี่ยตงและคุณนายเง็ก ครรชิต สืบสายตามลงมา เจ้าหน้าที่ออกาไนซ์ตามมา
“จะลัดขั้นตอนไปเยี่ยมชมโรงงานเลยใช่มั้ยคะ” เจ้าหน้าที่ถาม
“คุณมูน ยังมีอีกหลายประเด็นที่เราต้องพูดคุย” สืบสายบอก
“ระหว่างทางไปเยี่ยมโรงงาน ค่อยคุยไปด้วยก็ได้นี่คะ นักข่าวจะได้ไม่เบื่อ”
“หนูมูนพูดถูก ยัยจุลลาคนเก่งของม้าลื้อเพิ่งทำเสียเรื่อง บรรยากาศไม่ค่อยดี ต้องรีบแก้สถานการณ์ แล้วอั๊วจะคิดบัญชีกับอีทีหลัง ไปกันเถอะ”
“ค่ะ”
เดือนพิไลรีบออกไปกับเสี่ยตงและเจ้าหน้าที่ พี่บีรีบวิ่งตามเดือนพิไลออกไปด้วย
“เรื่องนี้มันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลัง ม้าไม่เชื่อว่าอาหนูช่างอีจะไร้สติได้ขนาดนี้”
“ผมก็ไม่เชื่อครับม้า”
สืบสายรีบออกไป
“อาครรชิต ไปเร็ว ลื้อต้องช่วยอั๊วสืบเรื่องนี้”
“ครับ ท่านรอง”
คุณนายเง็กกับครรชิตตามออกไป
เจ๊พุ่มวิ่งออกมา เห็นทรงเดชกับน้ำหวาน
“จะไปไหนเจ๊พุ่ม”
“ไปบอกให้ทางโน้นอย่าเพิ่งปล่อยนักข่าวมาค่ะ”
“เหรอ ไม่ทันแล้วล่ะ”
สืบสาย เดินมากับเดือนพิไล คุณนายเง็ก เสี่ยตง พี่บีและขบวนนักข่าว
“ซวยแล้ว”
เจ๊พุ่มตัดสินใจจะวิ่งเข้าไปขวางขบวน ทรงเดชรั้งเอาไว้
“อยู่นี่แหละ ไม่ต้องไปไหน”
“แต่ตอนนี้ นายช่างกับพวกไอ้แสบยังซ่อมเครื่องจักรไม่เสร็จเลยนะคะ”
“ความจริงก็คือความจริง อย่าช่วยกันปกปิดหมกเม็ด ไม่อย่างนั้น ฉันจะรายงานท่านประธานว่าเจ๊พุ่มมีส่วนกับความผิดพลาดในครั้งนี้”
เจ๊พุ่มอึ้งหันมองน้ำหวาน น้ำหวานพยักหน้าเจ้าเล่ห์แล้วเจ๊พุ่มกับน้ำหวานก็ตัดสินใจวิ่งไปขวางขบวนสืบสายทันที
“หยุดก่อนค่ะทุกคน”
“มีอะไร อาพุ่ม”
“อะไรดีอ่ะ” เจ๊พุ่มหันไปถามน้ำหวาน
“ผีหลอกค่ะ”
ทุกคนอึ้ง แต่ไม่มีใครขยับ ทรงเดชเข้าไปแก้สถานการณ์ทันที ผลักน้ำหวานกับเจ๊พุ่มออกไป
“คนงานที่นี่ก็เป็นแบบนี้ครับ ชอบเล่นอะไรขำๆ แก้เครียด เชิญทุกคนเลยครับ”
“เชิญค่ะ เชิญเลยค่ะ ที่นี่เราผลิตสินค้าจากมะพร้าวทุกอย่างเลยนะคะ เราเพิ่งติดตั้งเครื่องจักรใหม่ถึงห้าตัวด้วยกัน เพื่อเพิ่งกำลังการผลิต”
เดือนพิไลเดินนำนักข่าวออกไป เสี่ยตงตามไป ทรงเดชตามไปด้วย
“อาตี๋ ตามมาเร็วๆ”
“ครับ”
สืบสายรีบตามไป รู้สึกอึดอัดและได้กลิ่นความผิดปกติ
“ตายหมู่แน่ๆ เลย เจ๊ขอโทษนะนายช่าง ไอ้แสบแอนด์เดอะแก๊ง”
คุณนายเง็ก ครรชิตเข้ามาหาเจ๊พุ่มและน้ำหวาน
“มีอะไรอาพุ่ม”
เจ๊พุ่มหน้าเสีย อยากจะร้องไห้ให้ได้
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 10 (ต่อ)
จุลลาเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วเป็นชุดช่าง เข้ามาดูแสบที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ มีผีเถ้าแก่ช่วยลุ้น
“เร็วๆ สิวะอาแสบ อั๊วลุ้นจนเหงื่อแตกหมดแล้ว”
“เฮ้ย เสร็จหรือยัง”
“ไม่เกินหนึ่งนาทีพี่”
“เตรียมฮิ้วววว”
“อย่าเพิ่งดีใจไป แค่หนึ่งนาทีข้างหน้า อะไรก็เกิดขึ้นได้”
จุลลาพูดไม่ทันขาดคำ เสียงเดือนพิไลก็ลอยมาแต่ไกล
“และนี่คือเครื่องจักรใหม่หมายเลข 1 ใช่มั้ยคะ คุณสืบสาย”
“ครับ”
จุลลา ผีเถ้าแก่ แสบและลูกน้องตกใจ หันไป
เดือนพิไล สืบสาย เสี่ยตงและนักข่าวชะงักที่เห็นช่างรุมซ่อมเครื่องจักรอยู่ คุณนายเง็ก ครรชิต น้ำหวาน เจ๊พุ่มเพิ่งตามเข้ามา เสี่ยตง สืบสายประหลาดใจมาก
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น” เสี่ยตงถามขึ้นมา
“เอ่อ เครื่อง เสียค่ะ”
“อะไรนะ”
จุลลา แสบและลูกน้องวางมือจากงานที่ทำ ค่อยๆ ลุกขึ้นมายืนหน้าเสียต่อหน้าเสี่ยตงที่โกรธมาก นักข่าวพากันส่ายหน้า และเริ่มซุบซิบกัน เสี่ยตงยิ่งโกรธ
เดือนพิไล ทรงเดชแอบยิ้มกริ่ม สืบสายและคุณนายเง็กเห็นใจจุลลาและพวก ผีเถ้าแก่ยืนโกรธ มองหน้าทุกคน พอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก่อนที่จะหยุดที่หน้าของเดือนพิไลและทรงเดชเห็นรอยยิ้มสะใจอยู่บนใบหน้าของทั้งสองคน
เดือนพิไลเดินเข้ามาในห้องทำงานเสี่ยตงซึ่งสืบสาย คุณนายเง็ก เสี่ยตงนั่งเครียดอยู่ ทรงเดชนั่งอยู่ด้วย
ครรชิตรอรับคำสั่ง
“ไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้เลยนะคะ เสียชื่อแย่เลย ทำไมหลายๆ เรื่องต้องมาบังเอิญเกิดขึ้นพร้อมๆ กันด้วยก็ไม่รู้ โดยที่มีจุลลาเป็นตัวเอกของเรื่องซะด้วย”
“อามูน ไม่มีใครขอความเห็นลื้อเลยนะ”
“มูนแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อเรื่องนี้ค่ะคุณแม่ เพราะมูนไม่ใช่คนใจร้ายใจดำ มูนอ่อนไหวมากนะคะ”
“อั๊วก็อ่อนไหว ถ้าได้ยินลื้อพูดอีกคำเดียว อั๊วจะช็อกให้ดูอีกที”
“ม้าครับ คุณมูน หยุดเถอะครับ”
เดือนพิไล คุณนายเง็กเงียบ ต่างคนต่างนิ่ง คุณนายเง็กเชิดใส่ให้เดือนพิไลอย่างเห็นได้ชัด
“ลื้อว่าไง อาตี๋” เสี่ยตงถามสืบสาย
“มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญครับ ทุกอย่างมีสาเหตุ”
“สาเหตุอะไรที่อาหนูช่างเกือบทำงานแถลงข่าวในห้องประชุมล่ม สาเหตุอะไรที่เครื่องจักรมันมาพังต่อหน้านักข่าว ทั้งที่จุลลารับปากแล้วว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยสมบูรณ์ จนทำให้อั๊วเสียหน้า สาเหตุอะไร”
“นั่นสิครับป๊า จะสาเหตุอะไรนอกจากจุลลาไม่ใช่ลูกจ้างที่ทำงานได้อย่างเป็นมืออาชีพ สักแต่รับปากมั่วๆ ไปให้รอดไปวันๆ” ทรงเดชบอก สืบสาย คุณนายเง็ก ครรชิตอึ้ง สืบสาย ครรชิตยิ่งอึดอัด พูดไม่ออก
“เฮีย สืบสาวหาต้นสายปลายเหตุก่อนนะ อย่าเพิ่งตัดสินใจลงโทษอีตอนนี้” คุณนายเง็กบอก
“ตีเหล็กมันต้องตีตอนร้อนครับหม่าม้า ทุกคนเห็นกันหมดว่าจุลลาทำผิด ถ้าไม่ลงโทษ อำนาจของผู้ปกครองก็จะไม่ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไป” ทรงเดชออกความเห็น
“ให้เป็นหน้าที่ของฉัน ของป๊าและหม่าม้าตัดสินใจเรื่องนี้เองดีกว่านะทรงเดช ฉันเรียกนายมาคุยเพื่อขอข้อมูล ไม่ใช่ให้นายมามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ” สืบสายบอก
“แล้วอามูนนี่เข้ามาทำอะไร” คุณนายเง็กถาม
“อั๊วต้องการข้อมูลจากคนที่ช่วยแก้สถานการณ์คับขันให้เรา หนูมูนเป็นคนที่อั๊วไว้วางใจ” เสี่ยตงบอก คุณนาย
เง็กไม่พอใจ นั่งเงียบ
“ฉันเงียบก็ได้ แต่ให้รู้ไว้เลยว่าฉันในฐานะหัวหน้างานโดยตรงของจุลลาที่ยังไม่ผ่านการทดลองงานสามเดือน ฉันไล่จุลลาออกจากงานแน่นอน ตอนนี้เลย”
สืบสาย อึ้ง ทรงเดชมองหน้าเสี่ยตง โยนความกดดันให้
จุลลา แสบ หยิก เข่ง ถัด นั่งซึมกันอยู่ที่หน้าห้องเสี่ยตง ผีเถ้าแก่ยืนมองทุกคนด้วยความเห็นใจ
“ใจเย็นๆ นะอาหนูช่าง เรื่องเลวร้ายนี้มันมีสาเหตุ มันต้องมีคนแกล้งลื้อ” ผีเถ้าแก่บอก
“แล้วจะจับมือใครดมได้ล่ะ” จุลลารำพึงออกมา แสบดมมือของตัวเอง
“พี่จูนเครียดจัด จนจะดมมือพวกเราแก้เครียดเหรอ”
“เออ” จุลลามองหน้าผีเถ้าแก่ “รอเครื่องประหารหัวสุนัขสถานเดียว”
จุลลา แสบและลูกน้องคอตก ผีเถ้าแก่มองเข้าไปในห้องเสี่ยตง
“ถ้าลื้อไม่มีความยุติธรรมให้กับพนักงาน อั๊วจะหักคอลื้อ ไอ้ตง”
ในห้องทำงานเสี่ยตง เสี่ยตงทุบโต๊ะ ปัง!
“อั๊วตัดสินใจแล้ว แล้วห้ามใครมาขวางอั๊วเด็ดขาด”
“ป๊าตัดสินใจว่าอะไรครับ”
“ไล่จุลลาออกจากงานทันที ส่วนลูกน้องอี ให้พักงานหนึ่งอาทิตย์ และตัดเงินเดือนสามสิบเปอร์เซ็นต์”
“ป๊า /เฮีย”
สืบสาย คุณนายเง็กเรียกออกมาพร้อมกัน ทรงเดชและเดือนพิไลอมยิ้มให้กัน
“อาครรชิต ออกจดหมายแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน ลงนามโดยท่านประธาน”
เสี่ยตงทุบโต๊ะอีกที แสดงความเข้มและยิ่งใหญ่ สืบสายเป็นห่วงและเห็นใจจุลลามาก
จุลลา แสบและลูกน้องนั่งอยู่หน้าห้องเสี่ยตง ผัเถ้าแก่ยืนอยู่ใกล้ๆ สืบสายเดินออกมา หยุดที่จุลลา จุลลาค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองสืบสาย สืบสายมองหน้าจุลลา นิ่ง มีเพียงสายตาที่สื่อความรู้สึก
จุลลาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนรู้ได้ทันทีว่าชะตากรรมของตัวเองคืออะไร แสบและลูกน้องคอตก ผีเถ้าแก่เห็นใจทั้งจุลลาและสืบสายมาก จุลลาเดินหนีสืบสายไปทันที แสบและลูกน้องรีบตามจุลลาไปทิ้งสืบสายยืนเครียดอยู่คนเดียว
“จะยืนบื้ออยู่ทำไม ทำอะไรก็ได้ ให้คำสัญญากับอาหนูช่าง ว่าลื้อจะต้องทำให้ความยุติธรรมมันปรากฏ” ผีเถ้าแก่บอก สืบสายตามไปทันที “ส่วนอั๊วจะเข้าไปหักคอไอ้ตง”
ผีเถ้าแก่หายตัวไปทันที เดือนพิไลออกมาจากห้อง เห็นหลังสืบสายไวๆ รีบตามไป ยิ้มกริ่ม
จุลลาเดินมากับแสบและลูกน้อง
“พี่จูน หนีมาทำไม ท่านประธานยังไม่ได้เรียกเราเข้าไปเลย”
“พวกแกเห็นสายตาของคุณสืบสายมั้ย”
“เห็น”
“มันแปลว่าอะไร”
“ไม่รู้”
“แปลว่า เราจบแล้ว”
แสบและลูกน้องอึ้ง ขณะนั้นสนธยาและนักข่าวบันเทิงวิ่งลิ่วตรงมา พี่บีไล่กวดตามหลัง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ ใครให้พวกคุณเข้ามา”
จุลลาหันมองข้างหลัง เห็นสืบสายเดินมา เดือนพิไลตามหลัง
“จุลลา เดี๋ยวก่อน รอผมก่อน จุลลา”
“คุณสืบ รอมูนด้วยสิคะ คุณสืบ ว้าย นักข่าว”
สนธยาและนักข่าววิ่งผ่านหน้าจุลลาไปหาสืบสายและเดือนพิไล สืบสายอึ้ง หยุดชะงัก ถูกสนธยาและนักข่าวรุมล้อม พี่บีเจ็บใจ มองเดือนพิไลด้วยสายตาขึ้งโกรธ
“นังมูน”
เดือนพิไลทำไก๋ ไม่รู้เรื่อง
“พวกพี่มาจากไหนกันคะ มาได้ยังไง”
“เราเป็นนักข่าวสายบันเทิง เพิ่งรู้ว่าคุณมูนมางานแถลงข่าวที่นี่”
“พวกพี่จะถามอะไรคะ”
“ตกลงความสัมพันธ์ของคุณมูนกับคุณสืบสายเป็นยังไงกันแน่ครับ”
“เอ่อ”
“คุณทั้งสองคนไปไหนมาไหนด้วยกัน สนิทชิดเชื้อกันถึงขนาดที่เห็นในรูปชัดเจนเรื่องความสัมพันธ์กันแล้วใช่มั้ยครับ”
จุลลาหันมองสืบสาย เพื่อรอฟังคำตอบที่ออกจากปากของสืบสาย
“ผมไม่...”
เดือนพิไลร้องไห้โฮทันที
“มูนจะพูดอะไรได้ล่ะคะ มูน มูนไม่รู้ว่าพวกพี่เอารูปพวกนั้นมาจากไหน อย่าถามอะไรมูนอีกเลยค่ะ แค่นี้มูนก็อายคนมากพอแล้ว มูนเป็นผู้หญิงนะคะ ขอร้องนะคะ” สืบสายอึ้งทันที เห็นเดือนพิไลร้องไห้ รู้สึกผิดมาก “พี่อย่าถามอะไรอีกเลยนะคะ”
“คุณสืบสายไม่ได้คิดอะไรกับคุณมูนแน่เหรอครับ แล้วทำไมถึงได้มีรูปจับมือถือแขนออกมาได้ล่ะครับ หรือว่าติดนิสัยฝรั่งมา เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา”
“พี่คะ มูนอายค่ะ คุณสืบเค้าไม่ได้...”
“ครับ ผมกับคุณมูนเรากำลังศึกษาดูใจกันอยู่”
เดือนพิไลอึ้ง พี่บีเหวอ นักข่าวรีบจดยิกๆ จุลลาอึ้ง ค่อยๆ ถอยห่างออกไป แสบและลูกน้องมองตามจุลลา รีบตามไปทันที
สืบสายถูกนักข่าวรุมสัมภาษณ์ต่อ หนีไปไหนไม่ได้ พี่บียืนอยู่ใกล้ๆ รอวันชำระคดีเดือนพิไล
จุลลาเดินลิ่วเข้ามาที่บ้านพัก แสบและลูกน้องตามมา
“พี่จูน พี่จูน”
“แกจะตามฉันมาทำไม”
“ผมเป็นห่วง กลัวพี่จะคิดมาก”
“คิดมากเรื่องอะไร เรื่องถูกไล่ออกหรือเรื่องคุณสืบสายประกาศออกสื่อว่าเป็นแฟนกับดารา”
“ทำไมพี่จูนต้องคิดมากเรื่องบอสกับคุณดาราวะพี่แสบ”
“จะไม่คิดมากได้ไง พี่ก็คิดมากเหมือนกัน ในเมื่อพี่ฟันธงว่าบอสชอบพี่จูนและพี่จูนก็ชอบบอส ไหงเรื่องมันกลายเป็นแบบนี้ไปได้วะน้องๆ”
“หา”
“ไอ้แสบ หยุดพูดพล่อยๆ เลย ไม่มีใครชอบใครทั้งนั้น ทุกอย่างจบ จบทั้งอนาคตการงานของฉัน ของพวกแกจะยังไงฉันก็ยังไม่รู้ จบทั้งเรื่องคุณสืบสายกับฉันด้วย จบ ปิดฉาก อวสาน ไปให้พ้น จะไปไหนก็ไป ต่อไปนี้ต่างคนต่างไป จบ”
แสบและลูกน้องยืนอึ้ง จุลลาเดินเข้าบ้าน ปิดประตูโครม
จุลลาเข้ามาในห้องน้ำ ถอดผมด้วยความโมโห เห็นหน้าตัวเองเครื่องสำอางจัดเต็ม ดึงทิชชู่มาเช็ดๆๆ ไป น้ำตาไหลไปด้วยความเจ็บใจ วักน้ำขึ้นมาล้างหน้า ล้างๆๆ
จุลลาในสภาพปกติ สะพายเป้ เดินมาที่รถมอเตอร์ไซค์ ถอนใจ ทำใจ ขึ้นรถ สืบสายเข้ามา
“จุลลา”
“ว่าไง”
“ผมขอโทษ นี่มันไม่ใช่ความผิดของคุณเลย แต่คุณกลับต้องถูกป๊าผมไล่ออก”
“ถือว่าฉันเก็บของไม่เสียเที่ยว ถ้าคุณมาบอกว่าฉันไม่ได้ถูกไล่ออก ฉันคงเหนื่อยเข้าไปเก็บของใหม่”
“แต่ผมสัญญานะ ผมจะรีบแก้ไขมันให้เร็วที่สุด”
“แก้ไข เรื่องอะไร”
“ทุกเรื่องที่เกิดขึ้น งานและก็เรื่องคุณ...” สืบสายจะบอกว่าเรื่องเดือนพิไลแต่จุลลาขัดขึ้นซะก่อน
“ถ้าจะทำก็ทำเพื่อตัวคุณเอง ไม่ต้องทำเพื่อฉัน”
“ผมต้องทำเพื่อคุณ ตอบแทนที่คุณทำเพื่อผม”
“ฉันทำอะไร”
“คุณไม่ได้บอกเรื่องที่ป๊าเป็นคนเซ็นคำสั่งซื้อเครื่องจักรเก่า”
“เพราะคุณเป็นเพื่อนฉัน ฉันต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อน โชคดีนะกับทุกเรื่อง แล้วก็ จะแต่งงานกันเมื่อไหร่บอกด้วย ฉันอาจจะไปแสดงความยินดี”
จุลลาสตาร์ทเครื่อง
“เดี๋ยวก่อน จุลลา ผมมีเรื่องคุณมูนจะอธิบาย ฟังผมก่อน” แต่จุลลาไม่ฟัง เร่งความเร็วออกไปทันที “จุลลา ผมจำเป็นต้องทำนะ”
สืบสายเห็นรถของจุลลาห่างออกไปๆ จนลับตา สืบสายยืนอึ้ง เศร้า
จุลลาเดินแบกเป้เข้าบ้าน ขณะนั้นทุกคนกำลังดูแลลูกค้า จุลลาทิ้งเป้ลงพื้น ประกาศลั่นร้าน
“พ่อ แม่ จูนถูกไล่ออก”
ดารา จำรัสและคนอื่นๆ หันมามองขวับ ตกใจ
“ถูกไล่ออก”
ป้าลำยองพุ่งออกมาจากหลังร้าน เสริมอีก
“ออกอีกแล้วเหรอคะ”
จำรัส ดารา ลีลา ป้าลำยอง มะขวิดเข้ามาหาจุลลาที่ปั้นหน้ายิ้ม
“คราวนี้ชัวร์ ดีป่ะ จูนกลับมาหาทุกคนแล้ว เฮ”
จุลลาเข้าไปสวมกอดทุกคน ดีใจอยู่คนเดียว ในขณะที่ทุกคนรู้สึกแปลกใจ...ถูกไล่ออกดีใจทำไม
ที่บ้านสืบสาย คุณนายเง็กเข้ามาต่อว่าเสี่ยตงเป็นชุดต่อหน้ารูปถ่ายเถ้าแก่ และมีผีเถ้าแก่ยืนตรงกลางเป็นประธานในพิธี สืบสายเครียดอยู่อีกมุม
“อาหนูช่างอียังไม่ได้อธิบายเหตุผลอะไรเลย เฮียฟังความข้างเดียวแบบนี้ ไม่ยุติธรรม”
“เหตุผลหรือข้ออ้างแก้ตัว อั๊วตัดสินจากเหตุและผลที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะเชื่อใคร”
“แต่ผมว่า ป๊าลงโทษจุลลาแรงเกินไป ระหว่างการหาสาเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้นก็น่าจะแค่พักงาน”
“อาตี๋ ฟังป๊านะ ตัดไผ่อย่าไว้หน่อ ฆ่าพ่ออย่าเหลือลูก คิดทำการใหญ่ ใจคอต้องเหี้ยมหาญ”
“เฮ้ย!โรงงานอั๊ว ไม่ใช่สนามรบ ปกครองคนมันต้องมีทั้งพระเดชพระคุณ ที่สำคัญต้องมีความเป็นธรรม”
“ถ้าใจดีกับลูกน้องเกินไป แล้วจะปกครองคนได้ยังไง ต่อไปพวกอีก็จะกระด้างกระเดื่อง ไม่เชื่อฟัง”
“ก็ซื้อใจพวกอีสิ ซื้อด้วยความเมตตาและเอาใจใส่เหมือนคนในครอบครัวเดียวกัน ไม่ใช่แค่ลูกจ้างที่ลื้อต้องกดหัวเอาไว้ ไอ้ลูกมะพร้าวหล่นไกลต้น ไม่เคยซึมซับวิธีการทำงานของเตี่ยเลย”
“อยากให้ผีเตี่ยมาหักคอลื้อจริงๆ” คุณนายเง็กบอกออกมา
“อั๊วก็อยากจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน!”
ผีเถ้าแก่โกรธจัด มองหน้าเสี่ยตงเอาเรื่อง
จุลลาเข้ามาในห้องเก็บเสื้อผ้าจากเป้เข้าตู้ ทำร่าเริงมาก จำรัสและดาราฟังลูกสาวอยู่
“ถูกไล่ออกนี่มันเป็นเรื่องน่าดีใจมากเหรอคะลูกจูน”
“มาก เพราะจูนกำลังเบื่อ ไม่ได้เบื่องานหรอกนะแม่ แต่เบื่อคน วันๆ งานการไม่ได้ทำ มัวคอยสะดุ้ง ระแวงว่าจะถูกไอ้ส่งเดชหาเรื่องแทงข้างหลัง อีกเมื่อไหร่ไม่รู้”
“แล้วบอสเอ็ง ไม่ปกป้องเอ็งบ้างหรือไง”
“เค้าอาจจะทำแล้ว แต่ใครจะใหญ่ไปกว่าท่านประธานล่ะพ่อ ท่านปักใจเชื่อไอ้ส่งเดชนั่น แล้วใครจะกล้าโวยได้”
ดารา จำรัสรับรู้อย่างเห็นใจในชะตากรรมของจุลลา
ที่บ้านสืบสาย ผีเถ้าแก่กำลังโกรธเสี่ยตงจนตัวสั่น
“ไอ้ตง วันนี้อั๊วจะทำให้ลื้อสำนึกว่าลื้อกำลังอกตัญญูต่อบรรพบุรุษ”
ลมกระพือแรง ไฟติดๆ ดับๆ จนพวกเครื่องเซ่นที่ตั้งอยู่หน้ารูปเถ้าแก่หล่นตกลงมาจากที่ตั้ง สืบสาย คุณนายเง็ก เสี่ยตงตกใจ มองไปที่รูปเถ้าแก่ อึ้ง
“ผีอาเตี่ย”
คุณนายเง็กเข้าหาสืบสายทันที ป้าเมี่ยงและสาวใช้วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
“ช่วยด้วยค่ะ ผีท่านเจ้าสัวมาอีกแล้ว”
“อากง ยังอยู่เหรอครับ”
“อีจะไปไหนได้ ในเมื่อลูกชายอีทำตัวแบบนี้ ผีเตี่ยต้องไม่พอใจที่ลื้อไล่อาหนูช่างออก”
“แล้วจะทำไม เตี่ย ลื้ออยู่แถวนี้ใช่มั้ย ฟังอั๊วนะ เตี่ยจะมาให้พวกอั๊วกลัว ไม่ยอมไปผุดไปเกิดแบบนี้ทำไม
อั๊วไม่สนใจอยากรู้แล้ว แต่ที่แน่ๆ อั๊วจะทำอะไรมันก็เรื่องของอั๊ว นี่คือเรื่องของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่เกี่ยวกับคนที่ตายไปแล้วอย่างเตี่ย”
ผีเถ้าแก่ถึงกับอึ้ง ช็อก ไม่ต่างอะไรกับสืบสายและคุณนายเง็ก ที่ไม่คิดว่าเสี่ยตงจะกล้าท้าทายผีเตี่ย ทุกอย่างภายในบ้านค้างเหมือนอารมณ์ของเถ้าแก่ ทุกอย่างที่ลอยปลิวอยู่ก็ค้างเติ่งกลางอากาศ สืบสาย คุณนายเง็ก ป้าเมี่ยงและสาวใช้ตะลึง เสี่ยตงเองก็ช็อก อ้าปากค้าง
ผีเถ้าแก่ค่อยๆ หายตัวไป ของทุกอย่างที่ค้างอยู่กลางอากาศก็ร่วงลงบนพื้น สืบสายและทุกคนสะดุ้ง ตกใจ คุณนายเง็ก ป้าเมี่ยง สาวใช้รวมกลุ่มกับสืบสายด้วยความกลัว
“เตี่ย ไปแล้วใช่มั้ยอาเง็ก” เสี่ยตงเข้าไปซบคุณนายเง็ก คุณนายเง็กสะบัดออก
“อย่ามาอยู่ใกล้อั๊ว เดี๋ยวผีเตี่ยเข้าใจผิดว่าอั๊วอยู่ข้างลื้อ”
สืบสายนึกเป็นห่วงผีเถ้าแก่
ผีเถ้าแก่นั่งซึมในฮวงซุ้ย หยิบซอมาสี ทำนองเศร้า
“ใช่สินะ มันเป็นเรื่องของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนอั๊วมันตายไปแล้ว”
ผีเถ้าแก่สีซอต่อไปด้วยความเศร้าและสะเทือนใจ น้อยใจ
สืบสายเดินเข้ามาหยุดที่หน้าฮวงซุ้ย
“อากงครับ”
ผีเถ้าแก่ในฮวงซุ้ยที่กำลังสีซออยู่ชะงัก แต่ไม่สนใจ สีซอต่อไป
“อย่ามาสนใจคนตายไปแล้วเลย ลื้ออยู่ในโลกของลื้อ อั๊วมีฮวงซุ้ยของอั๊วก็พอแล้ว”
ผีเถ้าแก่สีซอต่อไปเพื่อกลบเสียงของสืบสาย ทำนองลีลาเร่งเร้าขึ้น สืบสายมองไปรอบๆ ที่เริ่มมีลมพัดแรง ตามแรงอารมณ์ของผีเถ้าแก่
“ผมอยากพบอากงครับ” ผีเถ้าแก่หยุดกึก ลังเล ตัดสินใจจะออกไปพบสืบสายดีมั้ย ลมยิ่งพัดแรงขึ้น สืบสายยังยืนอยู่ที่เดิม กำหนดจิตแข็ง ไม่ไปไหน “อากงเป็นห่วงอะไร มาบอกผมสิครับ ผมเคยเห็นอากงมาแล้ว ผมอยากคุยกับอากง จุลลาไม่อยู่แล้ว เป็นผมได้มั้ยครับ ที่อากงคุยด้วยได้”
ลมหยุดพัด ทุกอย่างนิ่ง กลับสู่ภาวะปกติ สืบสายรอลุ้นด้วยใจระทึกหวังจะได้เจอผีเถ้าแก่ แต่ทุกอย่างยังคงเงียบ สืบสายมองไปรอบๆ ได้ยินเพียงเสียงจิ้งหรีดในความมืด
“ผมขอโทษแทนป๊า อากงอย่าโกรธป๊าเลยนะครับ ถ้าจะโกรธ โกรธผมเถอะครับที่ผมทำให้ป๊าไว้วางใจไม่ได้” สืบสายมองไปรอบๆ ยังคงลุ้นให้ผีเถ้าแก่ปรากฏตัว แต่ยังเงียบ สืบสายถอดใจ “อากงก็ไม่ยอมไว้ใจผมอีกคนใช่มั้ยครับ เราจะไม่มีวันได้คุยกันอีกแล้วเหรอครับ ถ้าอย่างนั้น ลาก่อนครับ”
สืบสายคอตก ค่อยๆ ล่าถอย เดินออกไป ที่หน้าฮวงซุ้ยเห็นผีเถ้าแก่ยืนโบกมืออยู่ไหวๆ
“อั๊วยืนอยู่นี่ตั้งนานแล้ว ทำไมลื้อมองไม่เห็นวะ อาตี๋” ผีเถ้าแก่รีบวิ่งไปขวางหน้าสืบสาย “อั๊วอยากคุยกับลื้อ อยากฝากลื้อไปด่าไอ้ตง อาตี๋ เห็นอั๊วมั้ย” แต่สืบสายมองไม่เห็นผีเถ้าแก่ เดินทะลุร่างของผีเถ้าแก่ผ่านไปเลย ผีเถ้าแก่อึ้ง “ลื้อมองเห็นอากงได้แค่วันนั้น” ผีเถ้าแก่มองตามสืบสายอย่างผิดหวัง ที่ไม่สามารถสื่อสารกับสืบสายได้อย่างที่ตั้งใจ “คงมีแต่อาหนูช่างคนเดียวสินะ ที่คุยกับอั๊วได้”
จุลลานอนหน้าเซ็งอยู่บนเตียง ได้ยินเสียงเพลงจากซอจีนของผีเถ้าแก่ดังกระหึ่ม
“พอยัง”
เสียงเพลงซอจีนของผีเถ้าแก่ดังขึ้นมากกว่าเดิม หน้าจุลลาเซ็งหนัก เอาผ้าห่มคลุมโปง ผีเถ้าแก่นั่งสีซอให้จุลลาฟัง ไม่มีทีท่าว่าจะยอมหยุดง่ายๆ จุลลาทนไม่ไหวลุกขึ้นนั่งโวย
“โอ๊ย ยังไง อะไรเนี่ยเถ้าแก่ มาสีซอให้หนูฟังอยู่เนี่ย”
“ไม่สีให้ลื้อฟัง แล้วจะไปสีให้ใครฟังวะ อั๊วกลุ้มใจ อั๊พเซ็ต”
“หือ”
“แปลเป็นภาษาบ้านๆ ว่าเก๊กซิม”
“เพื่อนที่เมืองชลไง ไหนบอกว่าไปหาบ่อยๆ”
“พวกอีเป็นคนนอกครอบครัว”
“แล้วหนูคนในตรงไหน”
“ในใจอาตี๋”
“ซี้ซั้ว เค้าเพิ่งประกาศออกสื่อว่าคบหาดูใจกับดาราคนนั้น”
“ไอ้หยา”
ผีเถ้าแก่ยิ่งฉุน สีซอกราดเกรี้ยว
“มีอีกเรื่องที่หนูจะบอก”
“อะไรวะ”
“แต่อย่าเลย ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของหนูอีกแล้ว”
“พ่อตกเป็นเครื่องมือของไอ้ส่งเดชขี้โกงโลภมาก ลูกชายเป็นเครื่องมือของผู้หญิงทะเยอทะยาน สายพันธุ์อั๊วมันเป็นยังไง ตามเกมคนไม่เคยทัน อั๊วโกรธ”
“ด้วยความเคารพนะเถ้าแก่ โกรธตัวเองเถอะ สอนลูกสอนหลานยังไง ไม่สร้างภูมิต้านทานกับคนชั่วไว้บ้าง”
ผีเถ้าแก่อึ้ง มองจุลลาสายตาดุ เอาเรื่อง จุลลาผงะ
“ลื้อพูดถูก ต้องโทษคนเลี้ยง อั๊วโกรธ”
ผีเถ้าแก่สีซอต่อไป มิได้นำพาที่จุลลาลงนอนเอาผ้าสารพัดผ้าและหมอนทุกใบอุดหูตัวเอง
“ขืนบอกว่าท่านประธานกับคุณสืบสายถูกหลอก คงยิ่งกว่านี้ เฮ้อ”
จุลลาทนฟังเถ้าแก่สีซอต่อไป ในขณะที่จุลลาก็ต้องทนต่อไป
อีกด้านหนึ่งที่ร้านอาหารหรู เดือนพิไลชนแก้วกับทรงเดช
“ดื่มให้กับอะไรดี”
“ความสำเร็จ”
“อันเกิดจากความร่วมมือของเราทั้งสองคน ดื่ม”
เดือนพิไลและทรงเดชดื่มเครื่องดื่ม โดยที่เดือนพิไลไม่รู้ตัวว่าทรงเดชมองเรือนร่างของเธอด้วยความเสน่หา จนเดือนพิไลวางแก้ว ทรงเดชเลยเสมองทางอื่น
“จะไม่มียัยทอมนั่นขวางหูขวางตาอีกต่อไปแล้ว คิดแล้ว สบายใจมาก”
“แต่ก็ใช่ว่าด่านต่อไปสำหรับคุณมันจะง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก”
“แต่ก็ใช่ว่าจะยากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา”
“ตัวหม่าม้าเข็นได้ไม่ลำบาก แต่อย่าลืมว่ากำแพงหัวใจของสืบสายหนาหนักเหมือนภูเขา จะเข้าไปแทนที่จุลลาคงยากแสนยาก”
“จะพูดทำไม คุณควรให้กำลังใจฉัน ชนะใจคุณสืบ”
“ขออวยพรให้คุณโชคดี แต่ถ้าไม่ ผมยังอยู่นะ พอจะเป็นเบาะรองรับคุณได้”
“ฝันป่ะ ฉันกลับล่ะ คิดว่าเราคงร่วมงานกันเพียงแค่นี้”
เดือนพิไลลุกเดินไปทันที ทรงเดชมองตามอย่างมีแผน
“ก็ไม่แน่ แต่คาดว่าอาจจะต้องร่วมอย่างอื่นอีกแน่นอน หึหึหึ”
เดือนพิไลเปิดประตูเข้าคอนโดปุ๊บก็เจอพี่บีนั่งรออยู่อย่างนางพญา
“มาแล้วเหรอ แม่ตัวดี”
“มาเก็บของ”
เดือนพิไลเดินจะเข้าข้างใน พี่บีหยิบสมุดจดงานขึ้นมาอ่าน
“งานอีเว้นต์สองงานพรุ่งนี้ ฉันแคนเซิลเพราะหล่อนป่วยกะทันหัน”
“อีเจ๊”
“ละครเรื่องใหม่ที่จะฟิตติ้งอาทิตย์หน้า ฉันแคนเซิลเพราะหล่อนแจ้งฉันว่าไม่ใช่นางเอก ไม่เล่น และแคนเซิลงานทุกงาน หล่อนจะได้ว่างยาวไปโฮกผู้ชายได้สะดวก งานการทำทำไม้ ไม่ต้องท้ำ”
“แกแกล้งฉัน”
“ไม่ได้แกล้ง ฉันทำจริง ในเมื่อหล่อนทำเรื่องทุเรศได้ทุกอย่าง ฉันก็ทำให้ทุกอย่างเพื่อสั่งสอนคนทุเรศอย่างหล่อนให้รู้ว่าไม่เชื่อฟังกันแล้วมันเป็นยังไง”
“นังกะเทยมาเฟีย” เดือนพิไลจะเข้าไปตบ พี่บีตั้งท่ารับ
“เป็นนักมวยด้วยก็ได้นะเว้ย เฮ้ย” เดือนพิไลไม่กล้าเข้าไป พี่บีชี้หน้าเอาเรื่อง “ไปเก็บของของหล่อนให้เสร็จเร็วๆ เลยนะ แล้วไสหัวออกไปซะ หวังว่าตื่นเช้ามาจะไม่เจอเสนียดชีวิตอย่างหล่อน”
พี่บีปิดประตูกระแทกใส่เดือนพิไล เดือนพิไลเจ็บใจพี่บีมาก
“แกต้องถูกฉันเอาคืนแน่ อีเจ๊”
เช้าวันรุ่งขึ้น จุลลาสะดุ้งตื่นขึ้นมา งัวเงีย ดูนาฬิกาบนหัวเตียง แปดโมงนิดๆ ตกใจ
“เฮ้ย ตื่นสาย”
จุลลาพุ่งลงจากเตียงด้วยความเร่งรีบ
จุลลาสะพายเป้ เตรียมออกจากบ้านด้วยความลืมตัวว่ายังทำงานอยู่ ผ่านดาราและจำรัสที่กำลังจะเตรียมเปิดร้าน
“ไปไหนแต่เช้าวะ ไอ้ลูกจูน”
“ไปทำงานสิพ่อ จูนลืมตั้งนาฬิกาปลุก ดูเด้ะ ตื่นสายเลย ไปนะ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะลูกจูน”
“มีอะไรไว้คุยกันนะแม่ จูนรีบ โรงงานอยู่ไกล”
“แต่ลูกจูนเพิ่งถูกไล่ออกมาเมื่อวานนะคะ”
จุลลาอึ้ง นึกขึ้นได้ ยิ้มแหย
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 10 (ต่อ)
จุลลาเสิร์ฟอาหารให้ลูกค้าและจดออร์เดอร์ซึ่งร้านสบายท้องมีลูกค้าเต็มร้าน ลีลาและมะขวิดดูแลอยู่ที่มุมอื่นๆ
จำรัสและดารายืนมองจุลลาด้วยความเป็นห่วงสภาพจิต
“ลูกทำงานในร้านไม่ยอมหยุดพักเลยค่ะพ่อ ไม่เหนื่อยบ้างหรือไงนะ”
“เหนื่อย แต่ไม่อยากพัก กลัวฟุ้งซ่านล่ะมั้ง คนมันเคยทำงาน พอไม่ได้ทำมันก็คันไม้คันมือ อยู่เฉยๆ ไม่เป็นแบบนี้แหละ”
จุลลาเอาออร์เดอร์มาให้จำรัส
“ทำงานสิพ่อ อย่าอยู่เฉยๆ เดี๋ยวแก่”
“มันเกี่ยวกันตรงไหนวะเนี่ย”
“ออร์เดอร์มาแล้วตั้งหลายอย่าง รีบไปทำเถอะ แม่ช่วย ลำยองไปเร็ว”
“ค่ะๆ”
ป้าลำยองลุกตามไปอย่างเสียดาย ลับหลังปุ๊บ มีลูกค้าป้าคนหนึ่งโวยขึ้นมาใส่ลีลา
“สั่งปลา ทำไมได้หมู”
“ขอโทษค่ะ รอแป๊บนะคะ” ลีลาเปิดดูในก็อปปี้ออร์เดอร์ “แต่ป้าสั่งหมูนะคะ”
“ฉันจำได้ว่าฉันสั่งปลา หล่อนจดออร์เดอร์ยังไง”
“ก็ใช้มือเขียนนี่แหละค่ะ นี่ค่ะ จดว่าหอมออูหมู”
“จดผิดแล้วยังมาเถียง” มะขวิดเข้ามาหาลีลา
“ลีลาถอยไป ฉันเอง ป้าครับ ทางเราทวนออร์เดอร์ทุกครั้งหลังจากลูกค้าสั่งอาหาร ไม่มีทางจดผิดครับ”
“บอกว่าผิดก็ผิดสิ ภาษาไทยน่ะอ่านออกเขียนได้หรือเปล่า การศึกษาต่ำแบบนี้ไง ถึงเป็นได้แค่เด็กเสิร์ฟ ทั้งชาติก็เป็นได้แค่นี้” ลีลาปล่อยโฮเลย
“ทำไมต้องว่าถึงขนาดนี้ด้วยอ่ะ”
จุลลาที่ยืนฟังอยู่แล้วอย่างอดทน เดินมาทันที ลีลาและมะขวิดเตรียมตัวดูเจ้านายฉะลูกค้า ต้องดุเดือดแน่ๆ
“ผัวมีเมียน้อยมาหรือไงป้า” ลูกค้าอึ้ง
“นี่ อยู่ดีๆ มาว่าฉันได้ไง”
“ก็แล้วเด็กเสิร์ฟหนูทำงานตามหน้าที่ของตัวเองอยู่ดีๆ ป้าไปว่าเค้าทำไม ป้าเจ็บป่ะ ป้าเจ็บ ลูกน้องหนูก็เจ็บเหมือนกัน ถูกด่าทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด”
“แต่ฉันเป็นลูกค้านะ อย่ามาเถียง มารยาททรามที่สุด”
“เป็นลูกค้าแล้วผิดไม่ได้หรือไง ตัวเองจำผิดแท้ๆ ผิดบ้างก็ได้ จะไปเอาอะไรกับเด็กมัน แค่เรื่องกับข้าว ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายชนะเด็กมันแล้วได้โล่ห์จากนายกหรือไง”
“แก”
“อย่ามาหน้าเบี้ยวใส่ด้วย ไม่อิน รำคาญ บอกเลยต่อไปนี้ไอ้จูนจะมาดูแลที่นี่ และลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า งี่เง่าปัญญาอ่อนเมื่อไหร่ จะไล่ให้ไปกินที่อื่น ไม่ง้อ ตกลงปลาหรือหมู”
ลูกค้าอ่อนลงทันที
“หมูจ๊ะ”
“กินได้มั้ย”
“อร่อยมากจ๊ะ”
จุลลาหันไปทางลีลาและมะขวิด
“ไปทำงานต่อเถอะ”
“ขอบคุณคุณจูนค่ะ” ลีลาหันมองที่ประตู ตาวาว กรี๊ดขึ้นมาทันที “อ๊าย”
จุลลาหันขวับ เตรียมใส่ เพราะอารมณ์ยังขึ้น
“ไหน ใครมีปัญหาอีก”
ลีลาชี้ไปที่หน้าร้าน พี่โย้เดินเข้ามา แขยงกับความกราดเกรี้ยวของจุลลาอยู่มาก
จุลลาเซ็งๆ หน้ามู่ทู่อยู่กับพี่โย้
“คนตกงานเพราะถูกบีบและถูกกลั่นแกล้ง จะให้ยิ้มหน้าบานอยู่ได้ไงพี่โย้”
ลีลาโผล่หน้าเข้ามา
“น่านไง แล้วมาบอกว่าดีใจที่ถูกไล่ออก สุดท้ายความจริงก็เป็นสิ่งไม่ตาย คุณจูนโกหกค่ะพี่โย้”
“ดีใจที่ไม่ต้องเห็นหน้าไอ้ส่งเดชนั่น แต่แค้นใจที่คนเลวมันชนะ และเห็นคนดีๆ ตกเป็นเหยื่อ เลยหงุดหงิด”
“ซับซ้อนเนอะ”
“ไปทำงาน”
“ค่ะ”
ลีลาออกไป แต่ไม่ลืมส่งสายตาทอดสะพานให้พี่โย้ พี่โย้ยิ้มให้สยองๆ
“มาหาจูน มีอะไรเด็ด”
“เด็ดมาก แล้วมันจะทำให้จูนหายหงุดหงิด”
“ก็ไม่รู้สินะ”
“เล่ามาเลย เร็วๆ รออยู่” จำรัส ดารา ป้าลำยอง มะขวิด ลีลา นั่งฟังอยู่เป็นแผง จุลลา พี่โย้หันไปแล้วสะดุ้ง
“อุย”
“สวัสดีครับ คุณพ่อ คุณแม่”
“เออ”
“จ๊ะ รีบเล่าเลยลูก พวกเรารอฟัง อะไรที่ทำให้ลูกจูนหายหงุดหงิด”
“เรื่องเบื้องหลังของนายทรงเดช ที่ไม่มีใครรู้มาก่อนว่ามันเป็นคนลวงโลก”
จุลลากระชากคอเสื้อพี่โย้เข้ามา
“ก็แล้วทำไมไม่เล่าเร็วๆ ตั้งแต่ทีแรกพี่โย้ มัวแต่ฟ้อนอยู่ได้ บอกมาเดี๋ยวนี้ เร็วๆ”
ทุกคนมองจุลลากลัวๆ
“หายหงุดหงิด แต่เปลี่ยนเป็นโคตรหงุดหงิดแทนค่ะ”
พี่โย้ซับเหงื่อตัวเอง ค่อยๆ แกะมือจุลลาออก
“พี่ขออ็อกซิเจนไว้หายใจระหว่างพูดหน่อยนะจ๊ะจูน”
ทรงเดชเดินมาตามทางเดินในโรงงานพร้อมกับสั่งงานน้ำหวานอย่างกร่างๆ รู้สึกสบายใจ สดชื่น ที่ไม่มีจุลลา คอยขวางอีกต่อไปแล้ว
“นายทรงเดชไปเรียนต่อที่อเมริกาจริง แต่ไม่จบปริญญาเพราะพ่อแม่เสียชีวิตกระทันหันทั้งคู่ในอุบัติเหตุรถยนต์ไม่มีญาติแสดงตัวอุปการะ เพราะเอือมกับนิสัยจมไม่ลง มือเติบ เลยต้องทำงานรับจ้างทั่วไปหาเงินเลี้ยงตัวเองอยู่ที่โน่นไปเรื่อยๆ” พี่โย้บอกข้อมูลที่ได้มากับจุลลา
“แล้วเค้าเข้าไปทำงานในโรงงานสัปปะรดที่ฮอนโนลูลูจริงหรือเปล่า”
“เคยจริง แต่พอถูกจับได้ว่าวุฒิการศึกษา และใบผ่านงานจากที่อื่นเป็นของปลอม บวกกับไม่มีความสามารถอย่างที่อ้างก็ถูกไล่ออก และตระเวนหลอกเข้าทำงานที่อื่นไปเรื่อยๆ จนถูกแทงชื่อลงในบัญชีดำที่อเมริกา โดยที่คุณสืบสายของจูน ไม่รู้เรื่องเลย”
“อย่าใช้คำนี้” จุลลามองหน้าพี่โย้ เครียด “อย่าพูดว่าคุณสืบสายของจูน เค้าเป็นของคนอื่น” พี่โย้อึ้งไป ทุกคนก็อึ้งตาม ทุกคนเห็นแววตาแห่งความเสียใจของจุลลา “เล่าต่อพี่โย้ จูนอยากรู้ว่าคุณสืบสายไปรู้จักไอ้ลวงโลกนั่นได้ยังไง”
“จ๊ะ”
ทุกคนรอฟังพี่โย้ต่อ
อีกมุมหนึ่งในโรงงาน สืบสายเดินมากับครรชิตเสียงพี่โย้ดังขึ้น
“คุณสืบสายรู้จักกับนายนั่น ตอนที่คุณสืบสายไปทำงานรับจ้างล้างจานในร้านอาหารไทย นายนั่นพูดเก่ง จนทำให้คุณสืบสายไว้ใจและเชื่อใจคิดว่าเป็นเพื่อนสนิทที่สุดในเวลาที่อยู่ไกลบ้าน”
สืบสายเห็นทรงเดชและน้ำหวานเดินมาหยุดจุดที่แสบและลูกน้องกำลังทำงานอยู่ จึงแอบฟัง
“เป็นไงบ้าง นายแสบ”
“ก็ดี”
“มันต้องดีอยู่แล้ว เพราะว่าไม่มีหัวหน้าที่ไร้ความสามารถอยู่คุมพวกแก”
“หัวหน้าที่ไร้ความสามารถ เอ๊ะ ยังอยู่ไม่ใช่เหรอวะ น้องๆ”
“นั่นสิพี่ เอ๊ะ ยังลอยหน้าลอยตาไปมาอยู่แถวๆ นี้นะ”
“เอ๊ะ หรือว่ายังไม่รู้ตัว”
ถัดหยิบกระจกส่องหน้าขนาดเล็กที่พกไว้ส่งให้ทรงเดช
“นี่ครับ”
“ให้ฉันทำไม”
“ให้ส่องดูหน้าตัวเองอ่ะค่ะ” น้ำหวานบอก
แสบและชาวคณะหัวเราะคิกๆ แสบยกนิ้วให้น้ำหวานแต่น้ำหวานไม่มอง
“พวกแก ว่าฉันเป็นคนไม่มีความสามารถใช่มั้ย”
“เปล่านะครับ พวกเราไม่ได้พูด”
“อย่าลืม ว่ากำลังอยู่ในช่วงภาคทัณฑ์ หากทำอะไรผิดหูผิดตาฉันแล้วมีหลักฐานเอาผิดได้ ฉันฟันไม่เลี้ยง
พวกแกจะต้องออกจากงานตามลูกพี่แกไป”
สืบสายไม่พอใจ เข้าไปทันที ครรชิตตามไปด้วย
“ทรงเดช”
“สืบ นายมาก็ดีแล้ว ฉันต้องการให้นาย...”
“เก็บความต้องการของนายไว้ แล้วฟังตามความต้องการของฉัน”
ทรงเดชอึ้ง รู้สึกเสียหน้ากับแสบ น้ำหวานและลูกน้อง แต่ยังวางฟอร์ม
“ก็ว่ามาสิ”
“ในฐานะที่นายเป็นผู้จัดการฝ่ายผลิต นายเองก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบร่วมกับจุลลา”
“รับผิดชอบร่วม”
“ต่อไปนี้ ถ้ามีปัญหาเรื่องผลิตของตามออร์เดอร์ไม่ทันจะด้วยปัญหาอะไรก็แล้วแต่ ฉันจะพิจารณาว่าเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของนาย โทษสถานเดียวคือให้ออก โดยที่บริษัทไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยใดๆ เพราะนายยังอยู่ในช่วงทดลองงาน”
ทรงเดชอึ้ง ในขณะที่น้ำหวาน แสบและลูกน้องสะใจมาก สืบสายเดินออกไป ครรชิตมาสำทับกับทรงเดช
“ออกเป็นบันทึกช่วยจำ ลงนามโดยท่านกรรมการผู้จัดการครับ”
ครรชิตรีบตามสืบสายไป ทรงเดชยืนแค้นใจที่ถูกสืบสายเล่นงานกลับ
“ทำงานที่เรารักต่อครับน้องๆ ส่วนคนที่เราเกลียด กรรมใครกรรมมันครับ”
แสบบอก ทรงเดชเจ็บใจแสบกับพวกจึงเดินหงุดหงิดออกไป แสบกับลูกน้องทำงานต่อ แสบแอบมองตามน้ำหวาน อยากคุยกับเธอเหลือเกิน
มุมหนึ่งที่ร้านสบายท้อง จุลลานิ่งอึ้ง ในขณะที่จำรัส ดาราและทุกคนถอนใจเฮือก ด้วยความสงสารสืบสาย
“สงสารบอสจัง”
“เลี้ยงงูพิษไว้ข้างตัว กว่าจะรู้ตัวก็ถูกกัดซะจมเขี้ยว”
“จากประวัติ ก็แค่คนทำงานไม่เป็น แต่เท่าที่เห็น มันมีอะไรมากกว่านั้น ท่านประธานถูกหลอกให้เซ็นชื่อในใบสั่งซื้อ พอคุณสืบสายไล่บี้เอาผิดมันฉลาดหาทางเอาตัวรอดได้เนียนมาก มันทำไปทำไม เพื่ออะไร”
“อุ๊ตะ! ขออนุญาตแสดงความเห็น เนื่องจากดูละครเยอะ ไอ้ส่งเดชนั่น มันต้องมีแผนการล้ำลึก ซ่อนอยู่เบื้องหลัง” ป้าลำยองบอก
“รู้แล้ว ว่ามันมีแผนการซ่อนอยู่ ไอ้จูนเพิ่งพูดไปหยกๆ แต่แผนมันคืออะไรต่างหากที่อยากรู้”
“เหมือนมันต้องการให้ปาล์มโปรดักส์เสียเงินเป็นจำนวนมาก”
“คุณสืบสายเคยบอกว่า ปาล์มโปรดักส์มีเงินทุนจำกัด เงินทุกบาทที่เสียไป ต้องคุ้มค่าการลงทุน ไม่ใช่เอามาละลายน้ำแบบนี้”
“เดาว่า อาจถึงขั้นล้มละลายได้”
จุลลาอึ้ง เป็นห่วงสืบสายมาก
“กำลังจะพูดประโยคนี้อยู่พอดี คุณโย้ใจตรงกับลีลาอ่ะ อยากจะกรี๊ด”
“สาระแน ไม่มีประโยชน์กับชาวโลก ไปล้างจานดีกว่าไป แกกับฉัน”
มะขวิดลากลีลาไป สองคนทุ่มเถียงกันออกไป
“ลูกจูน เอาไงดีคะลูก บอสเค้าน่าเห็นใจมากนะ เหมือนเค้าต้องต่อสู้ กับพวกยักษ์พวกมารเพียงลำพัง ไม่มีแบ็คอัพกำลังเสริมเลย”
“ไม่รู้สิแม่ จูนออกมาแล้ว จูนไม่อยากยุ่งกับเค้าอีก ชีวิตใครชีวิตมันเถอะ จูนเหนื่อยมามากพอแล้ว”
แล้วจุลลาก็ลุกเดินหนีเข้าบ้านไป ทำเอาทุกคนอึ้ง
ที่ห้องทำงานสืบสาย สืบสายสั่งงานครรชิต
“นัดประชุมฝ่ายขาย การตลาดและฝ่ายผลิตประชุมด่วน หาแผนรองรับหากเราผลิตตามออร์เดอร์ไม่ทัน”
“พักทานข้าวก่อนมั้ยครับบอส ร้องจ๊อกแล้วนะครับ”
“ท้องฉันไม่ได้ร้อง”
“ท้องผมครับ”
“กี่โมงแล้ว”
“จะบ่ายสองแล้วครับ”
“ไปพักก่อนไป สั่งข้าวให้ฉันด้วย”
“ให้สั่งจากร้านสบายท้องดิลิเวอรี่มาให้มั้ยครับ”
“ทะลึ่ง พูดทำไม ใช่เวลามั้ย”
“ความคิดถึงเกิดขึ้นได้ทุกเวลานะครับบอส”
“ครรชิต”
คุณนายเง็กเปิดประตูผลัวะเข้ามา ตื่นตกใจและโกรธสุดขีด
“อั๊วดูข่าวเที่ยงบันเทิง ลื้อตอบตกลงคบหาดูใจกับยัยข้าวเหนียวบูด บอกม้าสิว่าม้าตาฝาด เห็นภาพหลอน”
สืบสายอึ้ง ครรชิตค่อยๆ ตัวลีบเดินออกไป ทิ้งให้คุณนายเง็กเคลียร์กับสืบสายกันสองต่อสอง
ที่คอนโดพี่บี เดือนพิไลกดปิดทีวี พลางคุยมือถือ
“เห็นข่าวแล้ว ขอบใจนะสำหรับผลงานชิ้นโบว์แดง คุ้มค่าเงินมาก” พี่บีเดินมายืนมองหน้าเดือนพิไล “แค่นี้นะ” เดือนพิไลกดวางสาย เผชิญหน้ากับพี่บี “ตื่นแล้วเหรอ”
“ออกไปจากคอนโดฉัน”
“ไม่ต้องห่วง ฉันเก็บของหมดแล้ว”
“และจะยังอยู่หาสวรรค์วิมานนางฟ้าอยู่ทำไม”
“อยู่บอกให้เจ๊สบายใจเล่นๆ ว่าเตรียมถูกฉันฟ้องกลับ ฐานฉีกสัญญาการเป็นผู้จัดการที่ต้องดูแลผลประโยชน์ของฉันไว้ได้เลย”
“ฟ้องเลย ฉันไม่กลัว ฉันยอมหักแต่ไม่ยอมงอ”
“ได้หักจนต่อไม่ติดแน่ กระดูกพรุนแบบนี้เพราะฉันจะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากแกยี่สิบล้าน โชคดี บ๊าย”
เดือนพิไลยิ้มเหยียด ท้าทายให้พี่บี ก่อนจะเดินคว้ากระเป๋าออกไปสวยๆ
“หล่อนไม่มีทางไปได้สวยหรอกนังพิไล สมัยนี้กรรมมันติดจรวด ไม่เชื่อคอยดู กะเทยแม่นนะจะบอกให้ อ๊ายย ยี่สิบล้าน อ๊าย”
มุมหนึ่งร้านสบายท้อง ทุกคนนั่งจ้องจอทีวีแล้วถอนใจ
“เพราะเรื่องนี้นี่เอง ลูกจูนถึงไม่อยากไปยุ่งกับบอสอีก คงไม่อยากให้น้ำตาเช็ดหัวเข่า”
ป้าลำยอง ลีลา มะขวิดอึ้ง มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“หมายความว่ายังไงคะ คุณดารา ทำไมคุณจูนต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า”
“ก็ โอ๊ย ไม่อยากพูดอ่ะ พูดแล้วลูกสาวตัวเองดูไม่ดี อีกอย่างก็ไม่แน่ใจ”
“จูนรักคุณสืบสายครับ รักเขาข้างเดียว แน่ใจเถอะครับ” พี่โย้บอก ทุกคนอึ้ง ป้าลำยองตบเข้าฉาดเลย
“นังตัวอิจฉา เจ้ามารยาที่สุด”
“ผู้ชายตายด้วยน้ำตาผู้หญิง ทุกราย”
ลีลาบีบน้ำตา ปรายตามองพี่โย้
“เสียใจ สงสารบอสคุณจูน ทำไมอ่ะ มีเพชรแท้อยู่ใกล้ตัว ทำไมไปคว้าเอาพลอยกระจอกมาได้ ว่ามั้ยคะพี่โย้”
พี่โย้เลี่ยง ไม่สนลีลา
“แล้วจูนล่ะครับ คุณพ่อ คุณแม่” ลีลางอน ไปหาป้าลำยอง
“น้ำตาใช้ไม่ได้กับทุกสถานการณ์ว่ะ ป้าลำยอง”
จำรัสและดารามองหน้ากัน เอาไงต่อดี
ในห้องทำงานสืบสาย สืบสายตอบคำถามคุณนายเง็ก
“ครับ ม้า ผมตอบสื่อไปว่ากำลังคบกับคุณมูน”
“ไอ้หยา อาตี๋ ลื้อกำลังจะบอกม้าว่า ลื้อชอบยัยนั่นจริงๆ ใช่มั้ย”
“ก็ไม่ได้มีอะไรเสียหาย ถ้าผมจะลองคบดู คุณมูนก็ดูน่าจะดี”
“น่าจะดีเหรอ ไม่ใช่หรอก มันไม่มีทางดี อั๊วเคยบอกแล้วไงว่าอั๊วมีเซ้นส์ ไม่ อั๊วจะไม่เป็นลม ถ้าอั๊วเป็นอะไรไปเพราะทำใจรับไม่ได้ล่ะก็แสดงว่าอั๊วแพ้ยัยนั่น”
“ม้าปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ไม่ได้เหรอครับ ใครดีไม่ดียังไงปิดเอาไว้ไม่มิดหรอกครับ อีกไม่นานก็ต้องแสดงธาตุแท้ออกมา”
“รอเวลาก็ไม่ทันกิน กว่าลื้อจะเห็นธาตุแท้ของอี ลื้ออาจจะถอนตัวไม่ขึ้นแล้วก็ได้ ลื้อมองคนในแง่ดีเกินไป มันจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง” สืบสายอึ้ง “ลื้ออยากจะพิสูจน์ก็ตามใจลื้อ แต่อั๊วไม่มีทางยอมรับมันมาเป็นสะใภ้ให้เอามีดมาจ่อคอบังคับ อั๊วก็ไม่มีทางยอม อั๊วจะขัดขวางให้ถึงที่สุด ของที่สุด สุดๆๆ คอยดู” คุณนายเง็กกระชากประตูจะออกไป ครรชิตเข้ามาพอดี “ชักเข้าชักออกอยู่นั่น น่ารำคาญ ถอย”
“ครับผม” ครรชิตถอยให้คุณนายเง็กออกไป หันมามองเห็นสืบสายนั่งเครียด กลุ้มใจ ทุกอย่างแน่นอก “บอสครับ ให้ยกข้าวมาทานที่นี่มั้ยครับ”
สืบสายโบกมือปฏิเสธ
“ขอฉันอยู่คนเดียว ออกไป”
“ครับบอส”
ครรชิตล่าถอยออกไป เป็นห่วงสืบสาย สืบสายนั่งเครียดอยู่เพียงลำพัง
ผีเถ้าแก่นั่งดูความเคลื่อนไหวของสืบสายผ่านจอทีวีด้วยความเห็นใจ
“อั๊วจะช่วยลื้อยังไงดี อาตี๋ ที่ผ่านมาลื้อพลาด เพราะรู้เราแต่ไม่รู้เขา ทำธุรกิจหรือแม้แต่เรื่องของชีวิต มันต้องรู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งก็จะชนะร้อยครั้ง”
ผีเถ้าแก่ครุ่นคิด เปลี่ยนรีโมทไปที่ห้องทำงานของทรงเดช ในจอทีวี ห้องทรงเดช เห็นทรงเดชคุยมือถือเดินไปเดินมา แต่ผีเถ้าแก่ไม่ได้ยินเสียง
“มันคุยโทรศัพท์กับใครวะ เอ๊ะ ทำไมไม่ได้ยินเสียง อ้อ ลืมเปิดโวยุ่ม”
ผีเถ้าแก่กดเปิดเร่งเสียงดัง ภาพในจอทีวี เห็นทรงเดชร้อนรน
“แล้วผมต้องทำยังไงต่อ มันกำลังบีบผม ผมแย่แน่”
“ใครไปบีบอะไรมัน”
ผีเถ้าแก่สงสัย วางรีโมท หายตัวไปทันที
ในห้องทำงานทรงเดช ทรงเดชคุยมือถืออย่างคร่ำเคร่ง ผีเถ้าแก่มาเอียงหูฟังด้วยอยู่ข้างๆ จู่ๆ ทรงเดชก็รู้สึกขนลุกซู่ เกรียว
“เป็นอะไรของลื้อวะ”
“ขนลุกว่ะ...ไม่มีอะไรครับเสี่ย อยู่ๆ ผมก็รู้สึกหนาวจนขนลุก” ทรงเดชคุยโทรศัพท์ต่อ
“เสี่ย เสี่ยไหนวะ”
“ผมจะทำตามที่เสี่ยแนะนำ แล้วจะรีบหาทางทำให้พวกมันไม่มีทางออก จนต้องยอมรับข้อเสนอของเสี่ยให้เร็วกว่ากำหนดเดิม”
“ข้อเสนออะไร พวกมันพวกไหน ลื้อคิดจะทำอะไร”
“เชื่อมือผมเถอะครับเสี่ย” ทรงเดชวางสาย หัวเราะอารมณ์ดี “นายไม่มีทางชนะฉันหรอก สืบสาย”
ทรงเดชออกไปทันที มีแผนตลบหลังคำสั่งของสืบสาย ผีเถ้าแก่ไม่ไว้ใจทรงเดชอย่างแรง
“ลื้อมันเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ไอ้ส่งเดช”
ทรงเดชเดินออกมา ผิวปากเดินผ่านน้ำหวานที่นั่งทำงานอยู่ ทรงเดชเข้ามาเท้าโต๊ะ จงใจโน้มตัวคุยกับน้ำหวานอย่างใกล้ชิดมาก
“เย็นนี้ ให้ฉันไปส่งที่บ้านเอามั้ย”
“ด้วยรถออฟฟิศ เงินเติมน้ำมันก็เงินออฟฟิศน่ะเหรอคะ”
น้ำหวานย้อนถาม ทรงเดชหน้าม้าน เจ็บใจ โน้มตัวลงไปอีกแทบจะดมหู
“อย่าทำเก่งไปนะน้ำหวาน เห็นตัวอย่างแล้วไม่ใช่เหรอว่าเก่งนักแล้วมีจุดจบยังไง ถูกทำลายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง” น้ำหวานอึ้ง “เพราะฉะนั้น อย่าลองดี แต่ถ้าอยากลอง ก็บอกดีๆ จะจัดให้”
ทรงเดชเขี่ยผมน้ำหวานเล่น น้ำหวานตกใจกลัวจนตัวสั่น ทันใดนั้นแสบก็เข้ามาตะคอกใส่หูทรงเดช
“ผีหลอก”
ทรงเดชตกใจ ผละออกจากน้ำหวาน
“เฮ้ย ไหนวะ ไหน”
แสบและพวก ทำเป็นหน้าตื่นตกใจ กลัว
“นั่นไง ข้างหลังคุณอ่ะครับ ว้าก ผี! หนีเร็ว”
“จะอยู่ทำไม ว้าก”
ทรงเดชตกใจ ร้องลั่น วิ่งหนีไปกับลูกน้องแสบ ลูกน้องแสบคอยบิวต์เรื่องผีหลอกใส่ทรงเดชให้ตกใจ
อยู่ตลอดเวลา น้ำหวานตกใจจะวิ่งหนีไปด้วย แสบฉุดมือเอาไว้ น้ำหวานหันมามอง ชะงัก แปลกใจ
“พี่หลอกมัน ไม่มีผีหรอก” น้ำหวานอึ้ง “ไม่มีพี่จูนคอยช่วย น้ำหวานต้องรู้จักดูแลป้องกันตัวเองจากมันนะ”
แล้วแสบก็เดินออกไป น้ำหวานอึ้ง หวั่นไหวกับแสบที่เข้ามาช่วยกู้สถานการณ์อีกแล้ว
ทรงเดชวิ่งตกใจหนีมากับลูกน้องแสบ ลูกน้องแสบคอยบิวต์ใส่หู
“ผีอยู่ทางโน้น”
ทรงเดชตกใจ วิ่งมาทางนี้
“ผีอยู่ทางนั้น”
ทรงเดชวิ่งหนีไปอีกทาง
“ผีจับหัว”
“หัวใคร”
“หัวคุณนั่นแหละ”
“ว้ากกกก” ทรงเดชพยายามเอามือปัดหัว “อย่า ออกไป”
ลูกน้องแสบยืนดูทรงเดชออกอาการกลัวผีด้วยความสะใจ คนงานพากันมามุงดู ขำๆ ทรงเดชยังไม่รู้ตัว
จุลลานั่งซึมอยู่ จำรัสและดาราเดินเข้ามาเห็น
“แม่จะเข้าไปคุยกับลูกจูน”
“พ่อเอง” ดารายอมเชื่อจำรัส จำรัสเดินเข้าไป ดารายืนฟังอยู่ใกล้ๆ “ไอ้จูน”
“พี่โย้กลับไปแล้วใช่มั้ย”
“ยัง เค้ารอ เผื่อแกจะเปลี่ยนใจ เอาข้อมูลและเอกสารที่เป็นหลักฐานทั้งหมดไปให้คนที่ปาล์มโปรดักส์”
“จูนจะไปบอกให้เค้าไปหาคุณสืบสายคนเดียว”
“ไอ้โย้มันอ่อนพรรค์นั้น เจอไอ้ทรงเดชตะคอกกลับมาคำเดียวขวัญกระเจิงหมดแน่”
“จูนจะไปบอกพี่โย้ ให้บอกคุณสืบสายว่าอย่าเพิ่งให้ทรงเดชมันรู้ตัว”
“รู้อะไรมั้ยจูน ทุกประโยคของแกวันนี้ มีแต่คำว่าคุณสืบสาย” จุลลาอึ้ง เฉไฉ
“แล้วไง”
“แกรักเค้า และห่วงเค้าทุกลมหายใจเข้าออก”
“แล้วไง”
“แสดงว่ายอมรับ”
“พ่อไม่โกรธเหรอ ที่จูนรู้สึกแบบนี้”
“โกรธ ไม่ว่ายังไงพ่อก็ไม่อยากให้เอ็งมีแฟนแต่โกรธมากกว่าที่เอ็งเพิกเฉยเมื่อเห็นความเดือดร้อนของคนอื่น แต่การอยู่เฉยๆ มันเท่ากับช่วยยื่นมีดให้ศัตรูกระซวกเจ้านายเอ็ง” จุลลาอึ้ง “เค้าเคยทำอะไรให้เอ็งเสียใจ พ่อไม่รู้ รู้แต่ว่า พ่อไม่เคยสอนให้เอ็งมองข้ามความทุกข์ของคนใกล้ตัว เก็บทิฐิไว้ก่อน เสร็จเรื่องแล้วจะงอนไปทั้งชาติ พ่อก็ไม่ว่า แถมชูป้ายไฟเชียร์เอ็งให้เป็นโสดไปจนตายอีกด้วย”
จบคำพ่อปุ๊บ จุลลารีบลุกขึ้น วิ่งออกไปทันที ผ่านดาราที่มองตามอย่างโล่งอก จำรัสเดินมาหาดารา ยิ้มอย่างโล่งใจ หันมาเจอสายตาเมีย ที่มองอย่างปลาบปลื้ม
“พ่อ หล่อมากค่ะ”
“อยู่แล้ว ไม่งั้นจะได้เมียสวยเรอะ ฮ่ะๆๆ”
จำรัสและดารายิ้มแย้มให้กัน
ทรงเดชยังกลัวผีจับหัวลนลาน แสบเข้ามาสะกิดให้ลูกน้องงออกไป ทั้งหมดค่อยๆ ล่าถอย ทิ้งให้ทรงเดชหลับหูหลับตากลัวอยู่โดยมีคนงานยืนขำอยู่รอบๆ เจ๊พุ่มเข้ามา แปลกใจ คนงานหัวเราะอะไรกันอยู่
“หัวเราะอะไรกันพวกเอ็ง งานการไม่ทำ”
คนงานรีบสลายตัว เจ๊พุ่มมองเห็นทรงเดช กลัวตัวสั่น ปัดหัวตัวเองอยู่
“ไป ออกไป อย่ามาจับ ไป”
“คุณทรงเดช ใครจับอะไร”
“ผีจับหัวไง ไม่เห็นหรือไง”
“อุย ก็อยากเห็นเหมือนกันนะ จะบ้าเหรอคุณ ผีเผอที่ไหน”
ทรงเดชอึ้ง ได้สติ ค่อยๆ มองบนหัว เห็นแต่หน้าเจ๊พุ่มลอยอยู่ ผงะ
“เฮ้ย”
“ไหนผี มีแต่พุ่มเนี่ย”
ทรงเดชมองไปรอบๆ เห็นคนงานมองมาหัวเราะเยาะ และที่มุมหนึ่ง พวกของแสบและลูกน้องทำงานอยู่ ทุกคนกลั้นหัวเราะ ทรงเดชเจ็บใจ
สืบสายเปิดประตูห้องออกมา ครรชิตรีบเข้าไปรอรับคำสั่ง
“ครับบอส”
“ฉันจะไปร้านสะ...” สืบสายจะบอกว่าร้านสบายท้องแต่เสียงเดือนพิไลดังขึ้นซะก่อน
“สืบคะ” สืบสายชะงักไป ครรชิตเจ็บใจที่ถูกขัดจังหวะ เดือนพิไลเดินมาควงแขนสืบสายเลย “คิดถึงจังเลยค่ะ กำลังจะไปไหนคะ”
“ผมมีธุระ กำลังจะออกไปข้างนอก”
“ที่ไหนล่ะคะ”
“ข้างนอก”
“ร้านสบายท้อง ร้านของคุณจุลลาครับ” ครรชิตบอก เดือนพิไลอึ้ง
“คุณจะไปทำไมคะ อย่าบอกนะคะว่าจะไปตามยัยนั่นกลับมาทำงานอีก”
“ผมมีธุระที่ต้องคุยกับจุลลา”
สืบสายมองหน้าเดือนพิไลจริงจัง เดือนพิไลเสียงอ่อยลง
“งั้น มูนไปด้วยค่ะ”
“อย่าเลย ไม่สะดวก” สืบสายบอกแล้วเดินออกไป
“คุณทำเหมือนมูนไม่มีความสำคัญกับคุณแล้วคำพูดเมื่อวาน มันคืออะไรคะ” สืบสายชะงัก “หรือคุณกลัวอาย ถ้าต้องกลายเป็นผู้ชายใจร้ายต่อหน้าสื่อเลยทำเป็นยอมรับไปงั้นๆ ให้มันผ่านไป ก็ได้นะคะ มูนจะได้นัดนักข่าวมาทำความเข้าใจกันใหม่ ว่าจริงๆ แล้ว เราไม่ได้เป็นอะไรกัน มูนแค่คิดไปเอง มูนมันผู้หญิงไร้ยางอาย”
ครรชิตจ้องหน้าสืบสายทันที ลุ้น ไม่อยากให้เจ้านายใจอ่อน แล้วก็ตามคาดเห็นสายตาอ่อนลงของสืบสาย
“บอสครับ อย่านะครับ ได้โปรด”
สืบสายเดินกลับไปหาเดือนพิไล
“ผมขอโทษ อยากไปก็ไปสิครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
เดือนพิไลควงแขนจับมือแสดงความเป็นเจ้าของสืบสายเต็มที่เดินออกไปกับสืบสาย
“ไม่เข้าใจอ่ะครับ ไม่เข้าใจ เป็นคนดีเพื่ออะไรครับ เพื่อ”
ครรชิตรีบตามสืบสายออกไป
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 10 (ต่อ)
จุลลาและพี่โย้เดินมาจะเข้าออฟฟิศปาล์มโปรดักส์ ยามจ่อยเข้ามาหาอย่างดีใจ
“นายช่างดูผอมไปนะครับผม กินข้าวไม่ได้เพราะไม่ได้เห็นหน้าบอส หรือหน้าผมครับผม”
“ยามจ่อย เก็บปากไว้กินข้าวนะ เดี๋ยวจะผอมไปอีกคน เป็นห่วง”
“ครับผม เชิญด้านในเลยครับผม แต่แหม ไม่น่ามาวันนี้ตอนนี้เลยครับผม”
“ทำไม”
“จุลลา”
จุลลาอดหัวใจเต้นระทึกไม่ได้ เมื่อได้ยินเสียงสืบสาย หันไป เห็นสืบสายยืนอยู่ ยิ้มดีใจที่เห็นจุลลา จุลลายิ้มตอบ แต่ก็ต้องจ๋อยเพราะเดือนพิไลเข้ามายืนเกาะแขนสืบสาย แสดงความเป็นเจ้าของ
“สวัสดี”
“สวัสดีครับ” พี่โย้ทักสืบสาย
“คุณ”
“แล้วบอกว่าไม่ใช่แฟน แต่เห็นทีไรก็อยู่ด้วยกัน ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋แบบนี้ เชื่อไม่ค่อยลงอ่ะ ว่ามั้ยคะสืบ” เดือนพิไลบอก
“ก็ไม่ได้บังคับให้ต้องเชื่อนี่”
เดือนพิไลเจ็บใจจุลลา อยากจะวีนแต่เก็บอาการ ครรชิตและยามจ่อยยกนิ้วกดไลต์ให้จุลลา
“ถูกไล่ออกไปแล้ว จะมาทำไมอีก”
จุลลาไม่สนใจเดือนพิไล คุยกับสืบสาย
“ฉันกับพี่โย้มีเรื่องจะต้องแจ้งให้คุณทราบ”
“งั้นเชิญที่ห้องทำงานผม ผมเองก็กำลังจะไปหาคุณพอดี เชิญ”
สืบสายเดินเข้าไป เดือนพิไลยังตามติด
“ฉันจอคุยแค่เราสามคนและคุณเลขา เพราะรับรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่แรกคนอื่น อย่าให้เข้ามากวน” จุลลาบอก เดือนพิไลชักสีหน้าไม่พอใจ
“หมายถึงใคร”
“คุณเดือนพิไลนั่นแหละครับ” ครรชิตบอก
“นี่ แต่ฉันเป็นแฟนคุณสืบสาย ฉันมีสิทธิ์รับรู้เรื่องของเค้าทุกเรื่อง”
“ก็แล้วแต่นะ”
“คุณไปรอที่ห้องก่อน”
สืบสายดึงตัวเดือนพิไลออกไปเพื่อเจรจากันสองต่อสองทันที
“เชิญครับ คุณจุลลา และเพื่อนคุณจุลลา”
“โย้ครับ”
“ครับผม”
จุลลาและพี่โย้ตามครรชิตไป ยามจ่อยหยิบว.มารายงานสถานการณ์ทันที
“ไมเคิลเรียกซูซานน่า เปลี่ยน”
ขณะนั้นเจ๊พุ่มกำลังด่าแสบและพวก ได้ยินเสียงว.จากยามจ่อยเรียกมาเป็นระยะ
“ไงล่ะ ป่านนี้คุณทรงเดชไม่ฟ้องท่านประธานน้ำลายท่วมห้องแล้วหรือไง”
“เหมือนเด็กชิบเป๋ง นิดหน่อยก็ฟ้องท่านประธาน”
“ทำไมไม่ฟ้องบอสวะ”
“ไม่เห็นหรือไง ว่าเดี๋ยวนี้บอสไม่ได้ถือหางข้างมันแล้ว”
“ทุกคนหยุด แล้วฟัง ได้ยินเสียงอะไรมั้ย”
“อย่าบอกนะว่าแกล้งหลอกผี ผีก็ส่งเสียงมา”
“ส่งเสียงว่า ไมเคิลเรียกซูซานน่า เปลี่ยน”
“ผีฝรั่งเหรอวะ”
“เสียงว.เจ๊เอง ไอ้ยามจ่อยมันเรียกมารายงานสถานการณ์”
“อ้าว”
“ซูซ่านน่าพูด เปลี่ยน ว่าไง ไมเคิล เปลี่ยน”
“ไมเคิลกับซูซานน่า อ๊วก”
“ถ้าไม่ดีใจที่นายช่างมานะ ตีหัวแตก”
“พี่จูนมา”
“เออ! ตอนนี้ไปคุยที่ห้องบอส”
“แล้วจะอยู่ดูหน้ายัยซูซานน่าให้เลี่ยนอยู่ทำไมครับน้องๆ เปิดตูดครับ”
แสบและพวกรีบพุ่งออกไปทันที เจ๊พุ่มตามไปด้วยความหงุดหงิด เห็นน้ำหวานเดินมาเศร้าๆ ลงนั่งอยู่ข้างหลัง แสบถอยหลังมาแอบดูน้ำหวาน เห็นน้ำหวานน้ำตาซึม เต็มไปด้วยความไม่สบายใจและคับข้องใจ แสบสับสน เอาไงดีก่อนจะตัดสินใจเดินออกไป น้ำหวานนั่งน้ำตาซึม หยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์หา “พี่จูน”
สืบสายพาเดือนพิไลมาคุยอีกมุมหนึ่ง
“มีอะไรคะ”
“ถ้าอยากให้ความสัมพันธ์ของเราราบรื่น คุณควรแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว”
“จะให้มูนไว้ใจได้ยังไง ว่ายัยนั่นไม่ได้คุยเรื่องส่วนตัวกับคุณ”
“คุณต้องเชื่อผม ถ้าไม่เชื่อ เราคงมีปัญหากัน”
เดือนพิไลอึ้ง รู้ตัวว่าพลาด ออเซาะทันที
“มูนขอโทษนะคะ เราสองคนยังไม่รู้จักนิสัยใจคอกันดีพอ มูนอาจทำในสิ่งที่คุณไม่ชอบ”
“ไม่เป็นไรครับ”
สืบสายถอนใจเริ่มรู้สึกถึงเค้าลางแห่งความอึดอัด ก่อนจะเดินออกไป เดือนพิไลเจ็บใจ ไม่ไว้ใจจุลลา หยิบมือถือขึ้นมากดหาทรงเดชทันที
“ฮัลโหล ยัยจุลลาพาเพื่อนมันมาหาสืบสาย เห็นว่ามีเรื่องสำคัญ”
ทรงเดชยืนอยู่หน้าห้องเสี่ยตง คุยมือถือ ตามองไปที่ป้ายหน้าห้องเสี่ยตงที่เขียนว่าประธานกรรมการบริหาร
“มันจะมาคุยเรื่องอะไรก็ช่างมัน ผมเอาอยู่แน่นอน”
-ทรงเดชวางสาย เดินไปเคาะประตูห้องทำงานเสี่ยตง
“เข้ามา”
ทรงเดชยิ้มกระหยิ่ม เปิดประตูเข้าไป
แสบเดินมาแต่ในใจว้าวุ่นเรื่องน้ำหวาน แต่ในที่สุดก็แพ้ใจตัวเอง ชะงัก เดินกลับไป
น้ำหวานนั่งร้องไห้ ลังเลจะกดโทรออกหาจุลลาดีหรือไม่โทรดี แสบเดินเข้ามา มองไปที่มือถือของน้ำหวาน โดยที่น้ำหวานยังไม่เห็นแสบ
“อย่าเพิ่งโทรเลย” น้ำหวานชะงัก อึ้ง รีบปาดน้ำตา “พี่จูนกำลังคุยกับบอสอยู่ในห้อง”
“พี่จูนมาเหรอ”
“ใช่ ไปหากันมั้ย”
“ไปเอง คนเดียว”
น้ำหวานรีบเดินออกไป พยายามจะไม่สนใจแสบ
“เวลาแสนงอนเนี่ย มันน่ารักขาดใจจริงๆ” แล้วแสบก็คอตก “แต่รักไม่ได้”
แสบเดินเซื่องออกไป
เดือนพิไลนั่งรออยู่หน้าห้องทำงานสืบสายอย่างกระวนกระวาย เจ๊พุ่ม หยิก เข่ง ถัด เดินเข้ามาอย่างรีบเร่ง เจอเดือนพิไลนั่งรออยู่ เบรกแทบไม่ทัน น้ำหวานเดินเข้ามา ตามมาด้วยแสบที่เดินตามมาอยู่ห่างๆ
“ยกโขยงกันมาทำไม งานการไม่ทำกันหรือไง”
“มีค่ะ แล้วคุณเกี่ยวอะไรด้วยล่ะคะ” เจ๊พุ่มย้อนถาม
“แกกล้าย้อนถามฉันเหรอ ฉันเป็นแฟนคุณสืบ”
“อ๋อ. ดาราคนนั้นนั่นเอง ทำไมตัวจริงแก่กว่าในทีวีอีกอ่ะครับ”
“นี่ ทำไมคุณสืบถึงได้จ้างแต่อีพวกกะโหลกกะลา ทำงานไม่คุ้มเงิน ฉันจะบอกให้คุณสืบไล่พวกแกออกให้หมด”
คุณนายเง็กเดินเข้ามา ประกาศลั่น
“ใครหน้าไหนก็มาไล่คนของฉันออกไม่ได้”
ทุกคนสะดุ้ง หันไปมองคุณนายเง็ก แล้วพุ่งไปอยู่ข้างหลังเง็กทันที ปล่อยเดือนพิไลโดดเดี่ยว
“คุณแม่ สวัสดีค่ะ”
“ฉันไม่รับไหว้” เดือนพิไลหน้าม้าน “เป็นแค่แฟน ยังไม่ใช่เมียก็ออกลาย แสดงอำนาจบาตรใหญ่ คิดมาไล่คนของฉันออก มันไม่มากไปหน่อยเหรอ”
“ก็คนงานมันไม่มีสัมมาคารวะกับหนู”
“คนของฉันแยกแยะความดีความชั่ว ขาวกับดำได้อย่าคิดว่าฉันจะเชื่อหล่อน” เดือนพิไลเจ็บใจมาก “อาพุ่ม มีอะไรกัน มุงกันเหมือนมุงหมาตาย” คุณนายเง็กปรายตามองเดือนพิไล
“นายช่างมาหาบอสค่ะ คุยธุระกันอยู่ในห้อง”
“อุ๊ยตาย กำลังคิดถึงอาหนุช่างอยู่พอดี เดี๋ยวพออีออกมาแล้วบอกอีว่าอย่าเพิ่งกลับนะ ให้ไปรออั๊วที่ห้องรับแขก”
“ค่ะ ท่านรอง”
คุณนายเง็กเหลือบมองน้ำหวานแวบหนึ่งด้วยความสนใจ ก่อนจะสะบัดหน้าเดินผ่านเดือนพิไลไป เดือนพิไลเจ็บจี๊ด ยิ่งเจอสายตาเหยียดของทุกคน ยิ่งร้อน
“ฝากไว้ก่อนเถอะ พวกแกได้เห็นฤทธิ์ฉันแน่”
“อุ๊ยตาย คิดว่านางอิจฉาจะมีแต่ในละครทีวี นี่อิจฉาได้สามดีมากๆ พุ่งออกมานอกจอทะลุเข้าเบ้าตา ภาพคมชัด”
“อ๊าย”
เดือนพิไลดิ้นเร่าๆออกไป ทุกคนมองตามด้วยความเอือมระอาและสมเพช
“ดูไว้เป็นเยี่ยง แต่อย่าเอาอย่างนะน้ำหวาน ผู้หญิงที่ออกตัวแรง เก็บแรงม้าไว้ไม่อยู่ น่าเกลียดอย่างนี้นี่เอง” แสบกระซิบกับน้ำหวาน น้ำหวานเอามือยันหน้าแสบออกไป
“ลืมอะไรป่ะ”
น้ำหวานเลี่ยงไปนั่งห่างๆ แสบไปนั่งรวมกลุ่มกับลูกน้อง บ่นๆ
“ทำไมต้องน่ารักด้วยวะ แล้วจะตัดใจลงไปได้อย่างไร”
“ใจเย็นๆ ลูกพี่”
ลูกน้องปลอบใจแสบให้สงบ น้ำหวานลอบมองมา เจ็บปวดแปล๊บ
ในห้องทำงานสืบสาย จุลลาและพี่โย้นั่งนิ่งตรงหน้าสืบสายที่กำลังดูเอกสารต่างๆ ครรชิตยืนอยู่ใกล้ๆ
ผีเถ้าแก่เข้ามาอยู่ข้างครรชิต
“ผิดไปจากที่อั๊วคิดที่ไหน ว่าไอ้ส่งเดชมันคิดไม่ซื่อ ไว้ใจไม่ได้”
“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับ ว่าคุณทรงเดชจะกล้าหลอกลวงบอส”
“อั๊วมีเซ้นส์ เชื่ออั๊วหรือยัง”
“เชื่อแล้วครับ หือ”
ครรชิตสะดุ้ง มองไปรอบๆ ไม่เห็นใคร ขนลุกชัน กระเถิบมาอยู่ใกล้สืบสายมากขึ้น
“คุณได้ข้อมูลพวกนี้มาได้ยังไง” สืบสายเงยหน้าขึ้นมาถาม
“จากรุ่นพี่ เพื่อนที่เคยเรียนและทำงานอยู่ที่อเมริกา และก็สำนักงานนักสืบครับ” พี่โย้บอก
“อะไรนะ”
“ฉันเป็นคนขอร้องให้พี่โย้ช่วยหาข้อมูลของนายทรงเดชมาสักพักแล้ว เพราะฉันได้กลิ่นตุๆ ออกมาจากปากของนายนั่น ทุกครั้งที่มันอ้าปากพูด” จุลลาบอก
“แล้วคุณโย้ก็ทำ”
“พูดแบบนี้เหมือนหึงเลยนะครับบอส”
“หุบปาก ครรชิต”
“ครับผม”
“ผมรักจูน” พี่โย้บอก อึ้งกันทั้งห้อง
“พี่โย้ พูดอะไร”
“พูดความจริงให้คุณสืบสายฟังไงว่าพี่รักจูน รักทั้งๆ ที่จูนไม่เคยรักพี่ แต่พี่ก็จะยังทำทุกอย่างเพื่อจูนได้ แม้จะต้องเจ็บปวด ทำโดยที่ไม่เคยคาดหวัง”
“ใครคิดว่าไอ้หน้าพะโล้นี่ขี้ขลาด ถือว่าคิดผิด มันกล้าหาญมากกว่าอาตี๋ซะอีก” ผีเถ้าแก่บอก
“รักแท้คือการเสียสละ เป็นแบบนี้นี่เอง ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้คนรักมีความสุขและสบายใจ สุดยอดลูกผู้ชายครับ”
“หุบปาก ครรชิต”
“อิจฉาเหรอครับ” สืบสายมองครรชิต เอาจริง “ครับผม”
“คุณควรรีบจัดการไอ้เนื้องอกนี่ซะนะ ก่อนที่มันจะสร้างความเสียหายให้กับชีวิตคุณมากไปกว่านี้” จุลลาตัดบท
“ผมจะรีบไปคุยกับป๊า”
หน้าห้องทำงานสืบสาย ทุกคนนั่งรอจุลลาอยู่ที่มุมของตัวเอง เสี่ยตงเดินลิ่วมา เตรียมเอาเรื่อง ผ่านหน้าทุกคนไปอย่างรวดเร็ว ทุกคนมองตามจนหน้าหัน เสี่ยตงผลักประตูเข้าไปในห้องสืบสายโดยไม่เคาะ ปิดประตูปัง
สืบสายและทุกคนตกใจที่เสี่ยตงและทรงเดชบุกเข้ามา เสี่ยตงมองมาที่จุลลา
“สวัสดีค่ะท่านประธาน”
“ลื้อมาทำไม”
“ฉันมีเรื่องที่ต้องแจ้งให้คุณสืบสายรับทราบค่ะ”
“เรื่องอาทรงเดชใช่มั้ย”
ทุกคนอึ้ง แปลกใจ รู้ได้ยังไง
หน้าห้องทำงานสืบสาย ทั้งหมดกำลังเกาะประตูเพื่อฟังเรื่องในห้อง น้ำหวานไม่มีที่จะให้แทรก แสบเสียสละให้ทันที
“มาตรงนี้น้ำหวาน”
น้ำหวานเข้าไป แต่หน้ายังตึง แสบเจ็บจี๊ดอีกที่น้ำหวานยังน่ารักเสมอในสายตาแสบ หยิกเข้ามาตบไหล่แสบ
“ใจเย็นพี่ ใจเย็น”
ในห้องทำงานสืบสาย เสี่ยตงถามจุลลาซ้ำ
“อั๊วถามว่าลื้อมาคุยกับอาตี๋เรื่องอาทรงเดชใช่มั้ย”
“อั๊วภาวนาให้ลื้อตาสว่าง เห็นความเน่าหนอนของไอ้ส่งเดชนะอาตง” ผีเถ้าแก่บอก
“ค่ะ ฉันมาคุยกับคุณสืบสายเรื่องคุณทรงเดช”
“ผมอยากให้ป๊าดูเอกสารพวกนี้ครับ แล้วป๊าจะเข้าใจ”
สืบสายยื่นเอกสารให้เสี่ยตง แต่เสี่ยตงปัดทิ้งจนกระจัดกระจายเกลื่อน ทุกคนตกใจกับการกระทำของ
เสี่ยตง
“อั๊วไม่ดู อั๊วคิดไว้อยู่แล้วว่าลื้อต้องมาไม้นี้ อาทรงเดชอีพูดเอาไว้ไม่มีผิด”
ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะผีเถ้าแก่ โกรธมาก
ทรงเดชนั่งหัวเราะอย่างสะใจอยู่คนเดียวในห้องทำงาน คิดถึงตอนที่เข้าไปในห้องทำงานเสี่ยตงเพื่อพูดเป่าหูใส่ไฟ เสี่ยตงถึงกับตบโต๊ะผาง
“ออกไปแล้ว ทำไมไม่ออกไปเลยวะ”
“เพราะจุลลาผูกใจเจ็บผมมากน่ะสิครับ ป๊า ป๊าก็รู้ว่านิสัยผู้หญิงเป็นยังไง คิดเล็กคิดน้อย อิจฉาริษยา อาฆาตแค้น”
“ลื้อว่า อีมาทำไม”
“ผมเคยได้ยินจุลลาปั่นหัวลูกน้องโง่ๆ ของมันว่าจะเล่นงานผมให้ถึงที่สุด ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลอาจจะสร้างหลักฐานเท็จกุเรื่องโกหกเกี่ยวกับการศึกษาหรือไม่ก็ประวัติการทำงานของผม”
“จริงเหรอ ทำได้ด้วยเหรอ”
“สมัยนี้เทคโนโลยีไปไกลมากแล้วนะครับป๊า ทำอะไรก็ได้”
“อีจะมาทำอะไรก็ได้กับลื้อไม่ได้”
เสี่ยตงโกรธมาก ทรงเดชกระหยิ่มเลย
ในห้องทำงานสืบสาย เสี่ยตงตบโต๊ะดังปัง
“ป๊าใจเย็นๆ ฟังพวกผมก่อน”
“ไม่ฟัง”
“ลื้อไม่ต้องไปห้ามป๊าลื้อ ให้ผีในใจมันแสดงอาการออกมาให้หมด” ผีเถ้าแก่บอกอย่างโมโห
“ลื้อจะมาบอกอาตี๋ว่า อาทรงเดชไม่ได้เรียนจบมาอย่างที่บอก” เสี่ยตงถามจุลลา
“ค่ะ”
“ลื้อจะมาบอกว่า อาทรงเดชไม่ได้ทำงานอย่างที่รายงานไว้ในประวัติการทำงาน”
“ค่ะ”
“แล้วลื้อโกหกอาตี๋เรื่องอะไรอีก”
“จูนไม่ได้โกหกนะครับ” พี่โย้บอก
“ไอ้หน้าพะโล้นี่เป็นใคร”
“เพื่อนของจูนครับ”
“เพื่อนเหรอ งั้นมาด้วยกันทางไหนก็ไปทางนั้นเลย แล้วไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก ไม่มีใครเชื่อผู้หญิงอย่างลื้อ”
“รบกวนท่านประธานช่วยอธิบายด้วยค่ะ ว่าผู้หญิงอย่างฉันมันเป็นยังไง”
“อยากรู้เหรอ ได้ อั๊วจะจาระไนให้ฟัง ลื้อมันเจ้าคิดเจ้าแค้น ขี้อิจฉาริษยา อวดเก่ง ทั้งที่ความสามารถเท่าหางอึ่ง เห็นแก่ตัว ทำลายคนอื่นได้แค่เพื่อความสะใจของตัวเอง” จุลลาพยักหน้าหงึกๆ
“นั่นมันคุณสมบัติของคุณเดือนพิไลและคุณทรงเดชรวมกันเลยนะครับท่านประธาน” ครรชิตบอก
“เพราะลื้อมันกูหนวกตาบอดเหมือนอาตี๋ไง”
ครรชิตจะเถียง แต่เถียงไม่ออก ไม่กล้าด่า
“อั๊วพูดให้ นั่นมันคุณสมบัติของลื้อชัดๆ เลยนะไอ้ตง” ผีเถ้าแก่บอก
“ขอบคุณครับ หื้อ”
ครรชิตสะดุ้ง ขนลุกอีกแล้ว
“จุลลาไม่ได้เป็นอย่างที่ป๊าพูดเลยแม้แต่นิดเดียว”
“ลื้อไปอยู่กับไอ้ครรชิตไป แล้วเก้าอี้ของลื้อตัวนี้ อั๊วจะให้อาทรงเดชมานั่งแทน” ทุกคนตกใจ “จุลลา พาเพื่อนของลื้อกลับไปได้แล้ว แล้วไม่ต้องมาเหยียบที่นี่อีก”
จุลลามองสืบสายอย่างเป็นห่วง แต่สิ้นหวัง ยิ้มให้กำลังใจ จุลลามองผีเถ้าแก่ ส่งสายตา หนูทำได้แค่นี้จริงๆ
“ไป พี่โย้ เสร็จกิจของเราแล้ว สวัสดีค่ะท่านประธาน”
“สวัสดีครับ ไม่รู้ว่าปีนี้ผมคงจะมีโอกาสได้มาร่วมงานฉลองครบรอบปีที่สี่สิบห้าของปาล์มโปรดักส์นะครับ ถ้าไม่ เจ๊งซะก่อน”
“เฮ้ย ทำไมลื้อปากเสียแบบนี้วะ ไป ไปให้พ้น”
จุลลารีบดึงมือพี่โย้ออกไป เปิดประตู เจ๊พุ่มและทุกคนร่วงเข้ามาทั้งฝูง ยกเว้นแสบกับน้ำหวานที่ยืนทรงตัวเอาไว้ได้ ทุกคนหน้าเสีย
“แอบฟังได้ยังไง ไม่มีมารยาท ไปให้พ้น”
จุลลาและทุกคนรีบออกไป ผีเถ้าแก่ถอนใจ
“ไอ้หน้าพะโล้มันอาจจะพูดถูก อาจจะไม่มีวันเกิดปีที่สี่สิบห้าของที่นี่ จะมีก็แค่วันล่มสลาย เพราะลื้อไอ้ตง”
“เพราะท่านประธานคนเดียวเท่านั้นจริงๆ หื้อ”
ครรชิตหันมองรอบๆ ไม่มีใคร จึงรีบเดินออกไป เหลือสืบสายกับเสี่ยตง สืบสายมองเสี่ยตงอย่างผิดหวัง รีบตามจุลลาออกไป
“เออ ไปให้หมด ไม่ต้องเหลือใคร เหลือแค่อั๊ว”
“อย่าลืมไอ้ตง ว่าอั๊วยังอยู่ อั๊วยังไม่ไปไหน ถ้าเล่นซื่อๆ กับลื้อกับไอ้ส่งเดชไม่ได้ ก็ต้องเล่นด้วยวิธีอื่น”
ผีเถ้าแก่มองเสี่ยตงด้วยความเจ็บใจ และมีแผน
จุลลา พี่โย้เดินออกมา แสบ น้ำหวาน เจ๊พุ่มและลูกน้องตามมา
“พี่จูน โอเคมั้ย” แสบถามอย่างเป็นห่วง
“เฮ้ย ฉันโอเค”
“น้ำหวานได้ยินท่านประธานว่าพี่จูนเสียหาย พี่จูนอย่าคิดมากนะ”
“เฮ้ย พี่ไม่คิดมาก ถ้าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เค้าว่า ก็ไม่ต้องเอามาใส่ใจ”
“แต่ทำไมพี่จูนกำหมัดอ่ะ”
จุลลาและทุกคนมองที่มือเห็นมือจุลลากำหมัดแน่น จุลลารีบคลายออก
“ฉัน เมื่อยมือ ไม่ได้ทำงาน กลัวมือจะแข็ง เลยต้องกำๆ แบๆ”
“จูน โกรธก็บอกว่าโกรธเถอะ”
“จูนไม่โกรธท่านประธานหรอก จริงๆ แต่โกรธไอ้ส่งเดชนั่นมากกว่า”
“เจ็บใจจริงๆ ไม่ต้องห่วง ท่านประธานไม่อยู่ข้างเรา แต่ท่านรองจะเป็นที่พึ่งให้เราได้ เออ ท่านรองให้นายช่างอยู่เจอท่านก่อนนะ อย่าเพิ่งกลับ”
“ฝากบอกท่านรองด้วยนะเจ๊พุ่ม ไว้ฉันมาวันหลัง วันนี้ฤกษ์ไม่ดี ถ้าท่านประธานเห็นหน้าฉันอีก ไม่ดีแน่ ไป พี่โย้ ไปนะทุกคน”
“เดี๋ยวก่อนพี่จูน” น้ำหวานน้ำตาซึม
“น้ำหวาน ไม่มีพี่ แต่มีไอ้แสบนะ จำคำพี่ไว้ ว่ายังมีไอ้แสบ”
“แต่พี่แสบเลว ชั่ว”
“แต่มันเป็นเพื่อนที่ดีได้”
น้ำหวานอึ้ง แสบแอบยกนิ้วให้จุลลา จุลลาแอบยกนิ้วโอเคให้แสบ น้ำหวานพยักหน้าให้จุลลาทั้งน้ำตา จุลลารีบออกไปกับพี่โย้
สืบสายวิ่งออกมาเห็นหลังจุลลาไวๆ ไปกับพี่โย้ สืบสายจึงวิ่งตามไปทันที ผ่านหน้าทุกคน
“อุ๊ยตาย หนึ่งหญิงสองชาย ยังไงๆ”
“จะตามไปสาระแนอีกหรือไง ไปๆ กลับไปทำงาน หมดเวลาความบันเทิง”
ทุกคนแยกย้าย แต่อยากรู้เรื่องกันมาก
จุลลาเดินมากับพี่โย้ สืบสายวิ่งตามมา
“เดี๋ยวก่อนจุลลา”
จุลลาชะงัก หันไป
“อะไรอีกล่ะ”
“ผมมาขอโทษแทนป๊า”
“อืม ฉันคงช่วยคุณได้แค่นี้นะ ที่เหลือเป็นหน้าที่ที่คุณต้องทำให้ท่านประธานเชื่อให้ได้ ไม่อย่างนั้น คุณแย่แน่”
“คุณจะไปจากผมจริงๆ เหรอ ถ้าผมจะจ้างคุณให้กลับมาทำงานอีก...”
“อย่าเลย ฉันคงประสาทเสียตายไปซะก่อนเพราะเครียดเรื่องคนลาก่อน ขอให้คุณโชคดีนะ”
“เช่นกันนะ จุลลา”
จุลลายิ้มเศร้าให้สืบสาย พี่โย้สังเกตเห็นสายตาอาวรณ์ของจุลลา สืบสายออกไป จุลลาหันมามองพี่โย้
“พี่โย้ กลับเถอะ จูนจะรีบกลับไปช่วยพ่อกับแม่ที่ร้าน ตอนเย็นคนเยอะ”
“จูนเดินไปรอที่รถก่อนนะ พอดีนึกขึ้นได้ว่าลืมกระเป๋าเงินในห้องน้ำ”
“รีบไปเลย แล้วรีบมานะ เจอหรือไม่เจอบอกด้วย”
จุลลารีบเดินไป พี่โย้รีบตามสืบสายไปทันที
สืบสายเดินมาอย่างเซื่องซึม
“คุณสืบสาย”
สืบสายชะงัก หันไป พี่โย้พุ่งเข้ามาต่อยสืบสายลงไปกอง
“นี่มันเรื่องอะไรกัน” สืบสายตกใจ
“เรียกสติคุณไง”
“ผมมีสติ”
“มีสติ แล้วทำไมมองไม่เห็นสายตาของจูน” สืบสายอึ้ง “ไม่เข้าใจ ไม่รู้ หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่เข้าใจ ว่าจูน...”
“พี่โย้” เสียงจุลลาแทรกเข้ามา พี่โย้ชะงัก หันไป เห็นจุลลายืนมองมาด้วยความโกรธ “จูนบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าพูด”
“จูน พี่ทนไม่ได้ที่เห็นจูนเจ็บปวด”
“จูนไม่ได้เป็นอะไร จูนสบายดี ไม่มีอะไรหรอกคุณสืบสาย พี่โย้เค้าเพ้อ เป็นโรคประจำตัวที่แก้ไม่เคยหาย ไป กลับ”
จุลลาเข้ามาลากพี่โย้ให้ออกไป สืบสายรีบลุกขึ้น คว้ามือจุลลาเอาไว้
“เธอรู้สึกยังไงกับฉัน จุลลา พูดออกมาสิ”
“ฉัน...รู้สึกดีกับคุณ ฉันถึงได้คอยช่วยคุณอยู่นี่ไง เพราะเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ โอเคนะ บาย”
จุลลาพาพี่โย้รีบเดินออกไปทันที ทิ้งให้สืบสายยืนอึ้ง แต่ตอนนี้สืบสายแน่ใจตัวเองว่าไม่ใช่อย่างที่จุลลาพูด
“ไม่หรอก มันไม่ใช่อย่างที่เธอพูดออกมา จุลลา”
ห้องทำงานทรงเดช ทรงเดชลุกขึ้น รู้สึกสบายใจ จะออกไป แต่สืบสายเปิดประตูห้องเข้ามากับครรชิตที่ถือเอกสารหลักฐานเบื้องหลังของทรงเดชมาด้วย สืบสายตั้งใจมาเคลียร์ ทรงเดชชะงัก ตกใจ แต่เตรียมตั้งรับ น้ำหวานตามเข้ามาด้วย ยืนอยู่ห่างๆ ตัวลีบๆ
“สืบ นายทำฉันตกใจนะ ทีหลังช่วยเคาะประตูก่อนได้มั้ย”
ทรงเดชบอกทำให้สืบสายอารมณ์ยิ่งขึ้น
“ไม่จำเป็น เพราะฉันเป็นเจ้าของที่นี่ ไม่ใช่นาย”
“ไปกินรังแตนที่ไหนมา นายคิดว่าฉันกำลังทำตัวเป็นเจ้าของที่นี่งั้นเหรอ เฮ้ย คิดมาก”
“ฉันต้องคิดมาก เพราะที่ผ่านมาฉันคิดน้อยเกินไปโดยเฉพาะเรื่องที่รับนายเข้ามาทำงาน”
ทรงเดชอึ้ง เตรียมตั้งรับ สืบสายยื่นมือขอเอกสารจากครรชิต ครรชิตรีบส่งให้ สืบสายยื่นเอกสารให้ทรงเดช ไม่พูดอะไร
“อะไร”
“ดูซะ แล้วหลังจากนั้น ฉันต้องการให้นายออกไปจากที่นี่ทันที”
“นายไล่ฉันออก”
“ใช่”
“นายมันหูเบา ทำไม ยัยจุลลาหาเหตุอะไรมาใส่ร้ายป้ายสีฉัน”
“ดูด้วยตาของนายเองดีกว่า ทุกอย่างมีหลักฐานอ้างอิง มีเหตุผลสนับสนุน ไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายสีเหมือนที่นายทำกับจุลลา”
“คิดเหรอว่าป๊าจะยอม”
“ฉันต้องทำให้ป๊ายอมให้ได้”
“ก็ลองดูสิ ไม่ใช่เพราะฉันยอมรับสิ่งที่นายกับยัยจุลลาใส่ร้ายฉันหรอกนะ แต่ฉันกำลังยืนยันความบริสุทธิ์ของฉัน”
“แถวบ้านผมเรียกว่าแถนะ” ครรชิตพูดกับน้ำหวาน
“สีข้างถลอกเลยค่ะ”
ทรงเดชหันมองน้ำหวานและครรชิตตาเขียว น้ำหวาน ครรชิตรีบก้มหน้า
“ตอนนี้ฉันกำลังถูกนายกลั่นแกล้งเพราะนายหูเบากับผู้หญิงที่นายมีใจให้ทั้งๆ ที่นายมีคนรักอยู่แล้ว! ใครจะยอมเชื่อเหตุผลของผู้ชายที่ไร้ศีลธรรมอย่างนาย”
“ทรงเดช” สืบสายโกรธทรงเดชมาก ถึงกับปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อ /ครรชิตและน้ำหวานตกใจเซอร์ไพรส์มาก “ฉันไม่เคยทำชั่วๆ อย่างที่นายพูด”
“ทีนี้เข้าใจความรู้สึกของคนที่ถูกใส่ร้ายหรือยังเล่า” สืบสายอึ้ง ครรชิตพูดกับน้ำหวาน
“พูดเปลี่ยนจากดำให้เป็นขาว”
“เกิดมาเพิ่งจะเคยเจอ เลวมากค่ะ”
“เฮ้ย! ถ้ายังแหลมพูดอะไรขึ้นมาอีก ฉันเอาเรื่องแน่” ทรงเดชตะเพิดน้ำหวานกับครรชิต น้ำหวานกับครรชิตก้มหน้า “สืบ ฉันเตือนนายด้วยความหวังดีนะ นายต้องใจเย็นกว่านี้ นายไม่ใช่เด็กๆ แล้ว ที่พอเถียงไม่ชนะ ก็ใช้กำลัง ฉันไม่แปลกใจเลยทำไมป๊าถึงยังไม่ไว้ใจนาย แค่นี้คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แล้วจะไปทำการใหญ่ได้ยังไง”
“ฉันคงเป็นเพื่อนนายต่อไปอีกไม่ได้”
“เฮ้ย! สืบ สรุปว่าแกเห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อนจริงๆ เหรอ แกทำฉันผิดหวังมากเลยนะ”
“พอเถอะ อย่าพูดอะไรอีกเลย ยิ่งพูดมันยิ่งทำให้ฉันสมเพชนายมากขึ้น วันนี้ฉันเอาผิดนายไม่ได้เพราะป๊าไม่เชื่อฉัน แต่อย่าชะล่าใจไป อีกไม่นาน ความจริงจะต้องปรากฏ สิ่งที่นายคิดจะทำจะไม่มีทางสำเร็จ”
สืบสายเดินออกไป ครรชิตและน้ำหวานรีบตามไป ปิดประตู ทรงเดชเคียดแค้นสืบสาย
“ลงทุนมาขนาดนี้แล้ว ไม่มีคำว่าไม่สำเร็จ”
ทรงเดชดูเอกสาร ตกใจ รายละเอียดเยอะเหลือเกิน ยิ่งเจ็บใจ ปาเอกสารกระจายเกลื่อน
จบตอนที่ 10