วิมานมะพร้าว ตอนที่ 5
ถนนหน้าร้านสบายท้อง สืบสายเดินล้วงกระเป๋ามากับครรชิต
“เรามีนัดที่ไหนต่อเหรอครับบอส ทำไมผมจำไม่ได้” ครรชิตถามอย่างแปลกใจ
“ไม่มีเหตุผล แค่ไม่อยากอยู่ต่อ” สืบสายเอามือออกมาจากกระเป๋ากางเกง “เอ๊ะ กุญแจรถอยู่ไหน หล่นหรือเปล่า”
“กุญแจรถ”
ครรชิตลืมตัวก้มลงหากุญแจ ขณะนั้นผีเถ้าแก่ยืนดูอยู่กับเจ้าที่
“เยส เยส เยส” สืบสายออกอาการดีใจมาก
“หลานชายเจ้าสัวเนี่ย ปกติดีใช่มั้ย” เจ้าที่ถามผีเถ้าแก่
“ถ้ามันปกติ มันจะไม่มาแอบดีใจอยู่คนเดียวแบบนี้”
“อ้อ กลัวเสียฟอร์ม”
“เออ อาเจ้าที่ เรารู้จักกันก็ดีแล้ว อั๊วมีเรื่องปรึกษา”
“เรื่องลูกสาวบ้านนี้รึ”
“รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง อั๊วอยากช่วยอาตี๋”
“จะดีเหรอ ขายความลับคนในบ้าน ไม่ดีหรอก”
“ไม่ได้ขาย แต่คุยให้อั๊วฟังเฉยๆ”
“อืม เอาแบบคุยกันถูกคอด้วยมั้ย”
“เหมือนรู้จักกันมาเป็นสิบๆ ปีเลย”
“เชิญในศาลดีกว่า ข้างนอกมันร้อน”
เจ้าที่และผีเถ้าแก่เดินคุยกันออกไป
ครรชิตเงยหน้าขึ้นมา สืบสายเห็นปุ๊บรีบเก๊กเหมือนเดิมปั๊บ
“บอสครับ เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ากุญแจรถอยู่ในกระเป๋ากางเกงผม”
“ทำไมขี้ลืมยังงี้ ยังไม่รีบไปสตาร์ทรถอีก ฉันร้อน”
สืบสายเก๊กเดินออกไป ครรชิตมองตามสืบสายงงๆ
ที่คฤหาสน์สืบสาย คุณนายเง็กเข้ามาต่อว่าเดือนพิไล
“มาอี๋อ๋อกับผัวอั๊วทำไม”
“อุ๊ตะ ใจเย็นๆ นะคะ น้องมูนไม่ได้ทำอย่างที่...” พี่บีจะอธิบายแต่คุณนายเง็กขัด
“ลื้อเงียบก่อนน่า อั๊วจะคุยกับอี”
“ก็หนูเป็นผู้จัดการน้อง หนูทำตามหน้าที่ อยากคุยอะไร คุยกับหนูก่อน”
“ได้! งั้นตอบมาซิ อีให้ผัวอั๊วกอดทำไม”
“น้องไม่ได้ให้เสี่ยกอด แต่เสี่ยกอดเอง”
“ไอ้ตง”
“ไอ้หยา อั๊วกอดแบบมีเจตนา”
“เจตนาอะไร”
“อั๊วสงสารอี ต้องชีช้ำ งานหด เพราะลื้อ อั๊วกำลังแสดงความรับผิดชอบ”
“ไม่ต้องไปรับผิดชอบ” เสี่ยตงทนไม่ไหว ตะคอกกลับ
“อาเง็ก อั๊วทนไม่ไหวแล้วนะ” คุณนายเง็กอึ้ง ถูกผัวตะคอกกลับเป็นครั้งแรกในชีวิต
“ลื้อตะคอกใส่อั๊ว”
“เออ”
พี่บีเห็นท่าไม่ดีสะกิดเดือนพิไล
“กลับมะ ไม่ควรอยู่ต่อนะ”
“มูนขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“รีบออกไปเร็วๆ เลย”
เดือนพิไลไม่พอใจ แต่เก็บอาการ ไหว้คุณนายเง็กและเสี่ยตงอย่างขอไปที แล้วรีบออกไปกับพี่บี คุณนายเง็กมองเสี่ยตงน้ำตาจะไหล เสียใจมาก เดินออกไปทันที
“อาเง็ก อาเง็ก เราต้องคุยกัน”
“อั๊วไม่คุย”
ป้าเมี่ยงกลุ้มใจที่เห็นเจ้านายทะเลาะกัน
“คุณสืบ จะกลับมาตอนไหนคะ เฮ้อ”
สืบสายนั่งบนรถ นึกขึ้นได้
“นาฬิกาฉัน เอามาซิ”
ครรชิตค้นในกระเป๋า ไม่มี
“ว้าย ไม่มี อ๋อ นึกออกแล้ว ผมวางไว้ที่เก้าอี้หน้าร้านครับ เดี๋ยวผมไป...” ครรชิตหันไป สืบสายหายไปจากรถแล้ว “อ้าว หายตัวไปหรือไงวะครับ บอส”
เดือนพิไลยิ้มสะใจเดินออกมากับพี่บี
“หล่อนจงใจจะมาโยนระเบิดใส่คนที่นี่ใช่มั้ย”
“ใช่ หนูจะยั่วให้มันอกแตกตาย แล้วหนูจะหลอกโก่งค่าตัวพรีเซ็นเตอร์ที่ยังรับมาไม่หมด หนูจะทำทุกอย่างให้คุณสืบสายมาเป็นแฟนหนูให้ได้จริงๆ”
“ชะนีแรง”
“ก็อยากมาดูถูกหนูก่อนทำไม แถมยังทำให้หนูถูกแคนเซิลงาน เกือบไม่มีกิน เกือบอดตาย”
“ต้นเหตุเกิดจากตัวหล่อนเองต่างหาก อยากไปจับลูกชายเค้าทำไม แม่เค้าไม่โง่ ถึงได้คอยขวาง”
“ตกลงอยู่ข้างใคร” พี่บีอึ้ง อึกอัก
“ไม่อยู่ข้างใครทั้งนั้นแหละ ฉันก็ว่าไปตามเนื้อผ้า ใครผิดใครถูก”
“ก็ถ้าจะยังอยู่ข้างๆ คอยกินเปอร์เซ็นต์จากหนูก็ช่วยสนับสนุนกันได้ป่ะ อย่าให้ต้องเปลี่ยนตัวผู้จัดการ”
“อุ๊ตะ ขู่อีกแระ”
“ใช่”
“หืม อย่าให้ฉันมีทางเลือกใหม่นะ ฉันจะชิงทิ้งหล่อน”
“งั้นหนูทิ้งเจ๊เลย ตอนนี้แหละ”
“เจ๊แค่ล้อเล่น ขำๆ โอเคไม่ทิ้งกันแล้วนะ เฮ้อ สบายใจ เจ๊ไปสตาร์ทรถรอนะ”
พี่บีออกไปแต่แอบเจ็บใจ เดือนพิไลยิ้มสะใจตามพี่บีออกไป
เง็กเข้ามาในห้องปิดประตูใส่หน้าเสี่ยตงที่ตามมาติดๆ
“อาเง็ก เปิดประตู อั๊วต้องคุยกับลื้อ”
“คุยเสียงดังแบบนี้ อั๊วไม่คุย”
“ทีลื้อเสียงดังล่ะ อั๊วยังคุยด้วยได้เลย เปิดประตู”
“ไม่เปิด”
“งั้นไม่ต้องคุยกันเลยตลอดชีวิต”
“เออ”
เด็กรับใช้เข้ามาดูอยู่ห่างๆ อย่างตกใจ เสี่ยตงเห็น ไล่ตะเพิดไป
“มาดูอะไร ไปทำงาน ไป”
เด็กรับใช้ตกใจ รีบออกไป เสี่ยตงหงุดหงิด เดินออกไป ภายในห้องคุณนายเง็กร้องไห้เสียใจที่ผัวตะคอกใส่ และแค้นใจเดือนพิไล
“นังข้าวเหนียวบูด ยัง ยังเห็นฤทธิ์อั๊วน้อยไป”
จุลลาเดินมาส่งพี่โย้ที่หน้าร้าน
“ขอบใจนะพี่โย้ที่อุตส่าห์ช่วยจูน”
“พี่ไม่เคยไม่ช่วย”
“หล่ออ่ะ”
“จนอยากได้เป็นแฟนจริงๆ ป่ะล่ะ” พี่โย้ถาม จุลลาอึ้ง ก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อน
“ฮ่ะๆๆ เดี๋ยวโดนต่อย” จุลลาเงื้อมือจะต่อย พี่โย้รวบมือจุลลาเอาไว้ มองตาซึ้ง จุลลาอึ้ง พี่โย้ปล่อยมือจุลลา
“จูนบอกทุกคนว่าพี่เป็นแฟนเพราะไม่อยากให้ลูกน้องที่ชื่อแสบนั่นเข้าใจจูนผิด”
“ใช่”
“แสดงว่าตอนนี้ยังไม่มีคนที่ชอบจริงๆ”
“ไม่มีเวลาจะไปชอบใครหรอก”
“งั้น ถ้าพี่จะขอเป็นแฟนจริงๆ ได้มั้ย”
“พูดเป็นเล่น” สืบสายเข้ามาเห็นพี่โย้กับจุลลาก็ชะงัก พี่โย้ดึงตัวจุลลาเข้ามากอดทันที “พี่โย้ ทำอะไร”
พี่โย้กระซิบข้างหูจุลลา
“ถ้าไม่อยากให้บอสของจูนสงสัยว่าเราไม่ได้เป็นแฟนกันจริงๆ พี่ไม่รู้ว่าเค้ายืนฟังเราอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่”
พี่โย้ยิ้มอย่างท้าทายให้สืบสาย สืบสายอึ้ง จุลลาผละออกมา หันไปมองสืบสาย
“ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะ ผมมาเอานาฬิกา”
สืบสายมองหา เห็นนาฬิกาวางบนเก้าอี้ สืบสายรีบเข้ามาหยิบเอาไป จะเดินออก
“คุณสืบสายครับ” สืบสายหันมา
“ครับ”
“ผมกำลังจะไปตรวจสอบคุณภาพประจำปีของโรงงานคุณ”
จุลลาแปลกใจ ไม่รู้มาก่อน
“ยินดีครับ แล้วพบกัน”
สืบสายและพี่โย้มองหน้ากัน มีเรื่องของจุลลาเป็นประเด็นซ่อนอยู่ลึกๆ
คืนนั้นเมื่อกลับถึงบ้าน สืบสายมาเคาะประตูห้องนอนคุณนายเง็ก
“หม่าม้า หม่าม้า”
ป้าเมี่ยงเข้ามา พร้อมเด็กรับใช้ที่ถือถาดอาหารเย็นมาด้วย
“ป้าเอาข้าวมาให้คุณนายทานในห้องค่ะ เป็นห่วง ไม่ยอมลงไปทานอะไรเลยตั้งแต่กลางวัน”
“ครับ หม่าม้า” สืบสายเรียกต่อ คุณนายเง็กนั่งซึมอยู่ในห้องไม่สนใจเสียงเคาะประตู ผีเถ้าแก่เข้ามานั่งข้างคุณนายเง็ก
“อาเง็ก ประชดผัวด้วยการไม่กิน ไม่สนใจลูกแบบนี้ มันไม่ถูกนา”
“หม่าม้า ทานอะไรหน่อยนะครับ” คุณนายเง็กใจอ่อนลง
“จะแก้ปัญหามันต้องแก้ที่ต้นเหตุ อาหนูมูนอีอยากได้อาตี๋เป็นแฟน เพราะอาตี๋มันยังโสด ถ้าอาตี๋มันมีแฟนซะ เรื่องก็จบ ลื้อว่ามั้ย”
คุณนายเง็กได้คิด คิดจะให้สืบสายมีแฟน คุณนายเง็กเดินลิ่วไปเปิดประตู เจอสืบสาย
“หม่าม้า”
“ไม่ต้องยกมาในห้องหรอก อั๊วจะลงไปกินข้างล่าง”
“ท่านประธาน เอ่อ...”
“อั๊วจะไม่หนีปัญหา ไม่หลบหน้าใครอีกแล้ว ไปอาตี๋ ไปกินข้าวกับม้า”
คุณนายเง็กพาสืบสายออกไป ป้าเมี่ยงโล่งอก ผีเถ้าแก่มองตามคุณนายเง็ก
“มันต้องให้ได้อย่างนี้สิ ผู้หญิงตระกูลเล้ง มันต้องเข้มแข็ง”
จุลลาเก็บกระเป๋า ดารา จำรัสยืนดูอยู่
“ให้แม่ช่วยมั้ยคะลูกจูน”
“อย่าเลยค่ะ เดี๋ยวสอดไส้ผ้าม่านให้จูนอีก”
“แน่ใจนะ ว่าอยากกลับไปทำงาน”
“ลูกจูนอยากกลับไปตั้งแต่แรกแล้ว ดูไม่ออกหรือไง”
“ดูออก แต่ที่มันกลับเพราะมันสงสารลูกน้อง ถ้าให้เป็นตัวมันเอง ไม่อยากหรอก ผมรู้ว่ามันอึดอัดใจกับเจ้านาย”
“เค้าพูดถูกแล้วล่ะพ่อ จูนลาออกด้วยเหตุผลงี่เง่าเอง จูนอยากกลับเพราะต้องพิสูจน์ตัวเอง อีกอย่าง จูนมีเพื่อนบางคนที่จูนต้องไปดูแลซะหน่อย”
“เพื่อนแกเป็นอะไรทำไมต้องไปดูแล”
“เป็นผี”
“หา” ดารา จำรัสตกใจ
“พูดเล่นน่ะ” ดาราและจำรัสโล่งใจ จุลลาเก็บกระเป๋าต่อไป คิดถึงผีเถ้าแก่ “ตอนนี้เพื่อนจูนคงกำลังดีใจที่รู้ว่าจูนกำลังจะกลับไป”
ในฮวงซุ้ย ผีเถ้าแก่กำลังสีซอจีน เพลงที่ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา แทนความรู้สึกในใจของเถ้าแก่
วันต่อมา ทรงเดชเดินเข้ามาในห้องทำงานสืบสาย
“หน้าตาแกสดชื่นดีนี่วันนี้”
“อืม”
“อารมณ์ก็ดี”
“อืม”
“ฉันดีใจที่เห็นแกยิ้มได้นะสืบ ดีแล้ว ปัญหามันมีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้เครียด เรื่องวิศวกรฯหัวหน้าแผนกซ่อมบำรุงคนใหม่ ฉันพอจะมีคอนเน็คชั่นอยู่ รู้จักคนเก่งเยอะแยะ”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้อง มีอะไร เข้าเรื่องเถอะ”
“อ๋อ ฉันอยากจะรบกวนขอยืมเงินสัก...ล้านนึงน่ะ”
สืบสายอึ้ง คิดไม่ถึงเพราะเพื่อนยืมเงินเยอะมาก ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวทันที ฉุน
“นั่นไง ลายมันเริ่มออกแล้วไง ทำงานไม่ถึงเดือน กล้าขอยืมเงินแล้วตั้งล้านนึง ไอ้หยา”
ที่แผนกซ่อมบำรุง จุลลายืนยิ้มอยู่ท่ามกลางลูกน้อง ทุกคนดีใจที่เห็นจุลลากลับมาทำงาน
“ดีใจจังเลยพี่จูน ยินดีต้อนรับกลับครับ”
“งั้นกลางวันนี้ เราต้องเลี้ยงฉลองต้อนรับพี่จูน”
“พี่แสบเป็นเจ้าภาพ”
“สบาย เฮ้ย!ทะลึ่ง แชร์กันสิวะ อย่าให้พี่เป็นคนดีอยู่คนเดียว”
“ไม่ต้องไปเลี้ยงให้เสียเงินหรอก แม่พี่ฝากปิ่นโตมาแล้ว เพียบ กินกันได้ทั้งโรงงานเลย”
“เฮ”
น้ำหวานดีใจเข้ามา
“พี่จูน สวัสดีค่ะ” แสบส่งสายตาหวานให้น้ำหวาน
“อรุณสวัสดิ์จ๊ะความรัก”
“ไม่เหนื่อยบ้างหรือไงพี่แสบ หยอดอยู่ได้ เคยรับป่ะก็ไม่เคย”
“ไม่เคยก็ไม่แคร์ พี่ดื้อด้าน”
“ด้านให้ตลอดนะ พี่จูน บอสฝากมาบอกว่าถ้ามาแล้วให้ขึ้นไปรายงานตัวด้วย”
“ทำไมต้องไปรายงานตัว”
“ให้ไปถามให้ป่ะ”
“ไม่เป็นไร ไปเอง”
จุลลาเดินออกไป น้ำหวานจะออกไป แสบเข้ามาขวาง
“อะไร”
“แค่อยากให้รู้ไว้ ว่าเธอคือคนในสายตา” น้ำหวานเอียนกับมุกแสบมาก จนเถียงไม่ออก รีบเดินออกไปแต่แอบอมยิ้ม “ดูสิ เขิน จนเดินหนีเลยอ่ะ”
“ฉันว่าเป็นในลักษณะของการเอียนมากกว่านะพี่แสบ”
“ฉันยังอยากจะอ๊วกเลย”
แสบมองหยิกตาขวาง ลูกน้องรีบสลายตัว
สืบสายยังอึ้ง คิด พิจารณา
“ฉันรู้ว่าอาจจะดูเยอะ แต่ก็รู้อีกแหละว่าแค่ล้านเดียวขนหน้าแข้งเพื่อนไม่ร่วงหรอก” ทรงเดชบอก
“ร่วงสิวะ กว่าอีจะทำงานได้เงินเข้าบริษัทแต่ล่ะบาท เหนื่อยไม่ใช่น้อยๆ” ผีเถ้าแก่บอก
“จำเป็นมากขนาดไหน” สืบสายถามออกมา
“คืออย่างนี้ พอดีฉันบอกขายคอนโดในกรุงเทพ แล้วจะมาซื้อบ้านที่เช่าอยู่ตอนนี้ แต่เงินมันยังขาดอยู่อีกล้านนึง”
“ผ่อนสิ”
“ไม่อยากเสียดอกเบี้ย แกก็รู้ดอกเบี้ยบ้านแพง”
ผีเถ้าแก่เพ่งพิจารณาทรงเดชเห็นทรงเดชแอบบีบมือตัวเอง เห็นเหงื่อแตกตามไรผมอันเป็นอาการของคนตื่นเต้นเพราะโกหก
“อาตี๋ ถ้าลื้อจะเป็นผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ ลื้อต้องอ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น อาทรงเดชลื้อกำลังโกหก”
สืบสายสังเกตท่าทางของทรงเดชเห็นเหมือนที่ผีเถ้าแก่เห็น
“เงินส่วนตัวฉันมีไม่มากขนาดนั้น ถ้าจะให้กู้เงินบริษัทก็คงยังไม่ได้ เพราะนายยังทำงานไม่ผ่านโปรเบชั่นสามเดือน ถือว่ายังไม่บรรจุเป็นพนักงานประจำ”
“เฮ้ย อย่างฉันต้องรอผ่านอีกเหรอวะ”
“ใช่ ต่อให้เป็นลูกหลานของตระกูลมาทำงาน ก็ต้องมีการทดลองงาน แม้แต่ฉันก็ไม่เว้น ฉันแนะนำให้ผ่อนกับธนาคาร จะออกหนังสือรับรองเงินเดือนให้” ทรงเดชอึ้ง
“แถวฮวงซุ้ยอั๊วเรียกว่าจ๋อยยย” ผีเถ้าแก่บอก เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา”
ครรชิตเปิดประตูเข้ามาพร้อมจุลลา สืบสายเผลอยิ้มที่เห็นจุลลาก่อนจะรีบเก็บอาการ
“คุณจุลลามารายงานตัวแล้วครับผม” ทรงเดชตกใจที่เห็นจุลลา
“เฮ้ย! ลาออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ”
“ฉันไปตามเค้ากลับมาทำงาน ที่เรียกมาเพราะอยากให้ทรงเดชรับรู้ว่าคุณกลับมาแล้ว”
“อืม”
“ผมรู้ว่าคุณกับทรงเดชทำงานไม่ค่อยเข้าขากันเท่าไหร่ แต่อยากให้ปรับตัวกัน งานจะได้ไม่สะดุด”
“ฉันไม่เคยมีปัญหาอยู่แล้ว แกบอกคนอื่นเถอะ หึ มีแต่สร้างปัญหา”
“ฉันขอโทษ หากฉันเคยสร้างปัญหาให้คุณ ต่อไปนี้ฉันจะทำงานอย่างตั้งใจ โดยมีผลประโยชน์ของบริษัทเป็นเป้าหมายสำคัญ”
“ให้มันจริงเหอะ ว่าจะตั้งใจทำแต่งาน ไม่ใช่มัวแต่คอยเลียแข้งเลียขาแม่เจ้านาย สร้างมูลค่าเพิ่มให้ตัวเอง” ทรงเดชต่อว่า
“ค่ะ ฉันมั่นใจ ว่าจะทำแต่งาน ขออนุญาตตามงานจากคุณเลยแล้วกัน เพราะรอมาหลายวันแล้ว ไม่รู้มัวทำอะไรอยู่ ขอแผนการผลิตด้วย”
ทรงเดชอึ้งเพราะยังไม่ได้ทำ รู้สึกเสียหน้ากับสืบสาย และเจ็บแค้นใจจุลลา สืบสายชักไม่แน่ใจในความสามารถของทรงเดช ผีเถ้าแก่หัวเราะชอบใจ
“ฮ่ะๆๆ คนฉลาดเค้าไม่พูดมาก แต่คนโง่มันชอบพูดเป็นฉากๆ ฮ่ะๆๆ”
ทรงเดชเดินหัวเสียกลับมาที่ห้องทำงานของตัวเอง
“ยัยจุลลา ไปแล้วทำไมไม่ไปเลยวะ หื้ย”
น้ำหวานทำงานอยู่ที่โต๊ะ ทำปากกาหล่นกลิ้งไปอยู่ใต้โต๊ะที่ต้องล้วงมือเข้าไปเก็บ น้ำหวานลุกขึ้นไปเก็บ หันหลังให้ทรงเดช ก้มลงล้วง แต่ไม่ถึง พยายามหลายท่าโดยไม่สังเกตเห็นทรงเดช ทรงเดชเห็นน้ำหวานก้มๆ เงยๆ เก็บปากกา ต่อมลามกทำงานทันที ยืนมองอย่างกรุ้มกริ่ม ทรงเดชเดินไปยืนข้างหลังน้ำหวาน มองใกล้ๆ ชัดๆ
จุลลาเดินเข้ามา เห็นท่าทางและสายตาของทรงเดช อึ้ง ตกใจ ฉุนขาด
“คุณทรงเดช” ทรงเดชชะงัก ตกใจ น้ำหวานตกใจเมื่อเห็นทรงเดชยืนข้างหลัง รีบลุกขึ้นทันที หน้าเสีย “ทำอะไร”
ทรงเดชรีบเข้ามาในห้อง จุลลาตามมาติดๆ กับน้ำหวาน น้ำหวานใจคอไม่ดี ขวัญหาย
“จะเดินหนีไปไหน คุณทรงเดช”
“คุณคิดว่าผมจะยืนให้คุณใส่ร้ายผมต่อหน้าคนงานทั้งโรงงานหรือไง”
“ฉันเห็นเต็มสองตา ว่าคุณใช้สายตาแทะโลมน้ำหวานอย่างไม่ให้เกียรติ”
“ไหนล่ะหลักฐาน”
น้ำหวานตกใจเมื่อทรงเดชเสียงดัง ร้องไห้กลัว
“คำพูดของฉันนี่แหล่ะคือหลักฐาน”
“คำพูดของลูกน้องที่ไม่เคยให้ความเคารพหัวหน้าน่ะเหรอ ใครมันจะไปเชื่อเธอวะ ในเมื่อเธอหาทางทำให้ฉันเสียเครดิตอยู่แล้วตลอดเวลา จะพูดใส่ร้ายฉันยังไงก็พูดได้ น้ำหวานเป็นเลขาหน้าห้อง จะแทะทำไมให้คนเอาไปพูดนินทาเสียการปกครอง โง่หรือเปล่า” จุลลาอึ้ง
“พี่จูนพอเถอะ น้ำหวานอาย” จุลลาเจ็บใจมาก
“เอาเวลาหาเรื่องฉันไปทำงานดีกว่ามั้ย อย่าให้ฉันหมดความอดทนกับเธอมากไปกว่านี้ จุลลา”
“ได้ วันนี้คุณรอด แต่ฉันจับตาดูคุณอยู่ จำไว้”
จุลลาจูงมือน้ำหวานเดินออกไป ปิดประตูกระแทกใส่หน้าทรงเดชโครม
“นังจุลลา นังตัวแสบ นังมารคอหอย จะขวางกูไปทุกเรื่องเลยหรือไงวะ”
ทรงเดชแค้นจุลลา
น้ำหวานยืนร้องไห้อยู่ จุลลายืนมองเห็นใจ
“น้ำหวาน”
“จะเสร็จแล้วพี่จูน” น้ำหวานเงียบ ร้องไห้เสร็จ แต่แล้วก็ร้องออกมาใหม่ “มันมองก้นหนูอ่ะ พี่จูน ฮื้อออ”
“อ่ะ เอาให้เต็มที่ เสร็จจริงๆ ก่อนแล้วค่อยโทรเรียกนะ”
“เสร็จก็ได้”
“ดีมาก จำไว้นะน้ำหวาน ถ้าเรายิ่งอ่อนแอ ยิ่งทำให้พวกโรคจิตมันได้ใจและจะทำอย่างที่เคยทำกับเราอีก”
“แล้วจะทำยังไงให้นายทรงเดชมันหยุดไปเลยได้อ่ะ เพราะเราไม่มีหลักฐานอะไรเลย นอกจากคำพูดของพี่จูนที่เข้ามาเห็น นอกนั้นก็ไม่มีใคร” จุลลามองไปรอบๆ คิดหาวิธีที่จะทำให้คนเห็น น้ำหวานร้องไห้ออกมาอีก “พี่จูนอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครนะ น้ำหวานอาย”
“พี่ไม่พูดไปหรอก จนกว่าจะจับมันได้คาหนังคาเขา เข้มแข็งไว้น้ำหวาน จำไว้ หลีกเลี่ยงที่จะอยู่กับนางทรงเดชสองต่อสองให้มากที่สุด”
“แต่น้ำหวานเป็นเลขาเค้า ต้องเข้าออกห้องทำงานเค้าทุกวัน”
“ตอนนี้มันยังไม่กล้าทำอะไรหรอก เพราะถูกพี่ขู่ไว้ น้ำหวานระวังตัวไว้ก่อน จนกว่าเราจะหาวิธีทำให้มันไม่กล้าทำแบบนี้อีก”
“จ๊ะ”
แสบแอบดูอยู่มุมหนึ่ง เจ็บใจที่น้ำหวานถูกทรงเดชรังแก
แสบเดินเข้ามาในห้องพักแผนกซ่อมบำรุงอย่างกระฟัดกระเฟียด จนหลุ่มลูกน้องตกใจ
“ฮื่ย”
“เป็นอะไรพี่แสบ”
“อย่าตอบว่าเป็นหัวหน้าช่างนะ”
“ถึ่งโป๊ะ”
ลูกน้องหัวเราะขำ แสบตวาดลั่น
“พี่ไม่ขำ” ทุกคนเงียบ จ๋อย “ไอ้ส่งเดช! ฉันจะฆ่าแก”
ลูกน้องตกใจ หันมามองหน้ากันอึ้งๆ เพราะไม่เคยเห็นแสบเครียดและจริงจังมากขนาดนี้
“พี่แสบ ใจเย็น ไอ้ส่งเดชมันทำอะไรพี่”
“บอกพวกเรามาพี่ บอกมา”
“พวกเอ็งไม่ต้องรู้หรอก อยู่เฉยๆ” ลูกน้องอึ้ง แสบหันไปคว้ากล่องเครื่องมือ จะพุ่งออกไป ลูกน้องตกใจ
“พี่แสบจะไปไหน”
“พี่จะทำให้มันอยู่ที่นี่ต่อไปอีกไม่ได้”
แสบผลุนผลันออกไป ลูกน้องตื่นตระหนก
“พี่แสบ จะทำอะไร อย่าทำอะไรบ้าๆ นะพี่”
“ทำไมพี่แสบดูโกรธและแค้นมากขนาดนี้วะ”
“ไปฆ่าไอ้บ้านั่นหรือเปล่าวะ”
“เฮ้ย”
“รีบไปบอกพี่จูนเร็ว”
ลูกน้องรีบออกไปทันที
จุลลาเดินมาที่มุมหนึ่ง ปลอดคน จุลลามองหาผีเถ้าแก่แล้วเรียก
“เถ้าแก่ เถ้าแก่” เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับจากผีเถ้าแก่ “ทีตอนต้องการตัวล่ะไม่มา ทีตอนไม่อยากให้มาล่ะก็มาจัง”
“อั๊วติดภารกิจสำคัญอยู่” เสียงผีเถ้าแก่บอก
“แต่ตอนนี้ หนู...”
“มีเรื่องด่วนอะไร ฝากคำถามไว้ในกล่องข้อความเสียง ตุ๊ด”
“เถ้าแก่” สืบสายเดินมาจากมุมหนึ่งเห็นจุลลาพูดอยู่คนเดียว ค่อยๆ เดินเข้าไปด้วยความแปลกใจ “เถ้าแก่ เข้าใจมั้ยว่าด่วน เถ้า...”
“พูดกับใคร” สืบสายถามขึ้นมา จุลลาสะดุ้งด้วยความตกใจ
“อุ๊ย” จุลลาหันไปเห็นสืบสาย มองมาอย่างคาดคั้น จุลลาอึ้ง พยายามแก้ตัว “คือ...”
“จุลลา ฉันสังเกตเห็นมาหลายครั้งแล้วนะ เธอเหมือนกำลังคุยอยู่กับใคร”
“เอ่อ...”
“ฉันถามว่าเธอคุยกับใคร” จุลลาจะหนี สืบสายดักหน้า จุลลาหันกลับ สืบสายดักเอาไว้ได้อีก “หนีไม่พ้นหรอก บอกมาว่าเธอพูดกับใครที่ฉันมองไม่เห็น”
จุลลาลังเล จะบอกดีหรือไม่ดี สืบสายมองคาดคั้นจุลลา
ที่ตำหนักอาจารย์เพี้ยน ผีเถ้าแก่นั่งดูคุณนายเง็กกำลังดูดวงกับอาจารย์เพี้ยน ซึ่งกำลังขีดๆ เขียนๆ ดูเวลาตกฟากอยู่
“ว่าไงคะ อาจารย์เพี้ยน ดวงเนื้อคู่ของอาตี๋”
“อืม เนื้อคู่”
“เอาคู่ชีวิตนะ ไม่เอาคู่เวรคู่กรรม”
“อืม คู่ชีวิต”
“เอาคู่ที่ทำงานเก่งด้วย ช่วยสนับสนุนอาตี๋ให้หน้าที่การงานเจริญรุ่งเรืองนะ ไม่เอาคู่ที่มาช่วยใช้เงินไปวันๆ”
“อืม คู่สร้างคู่สม”
“เอา...”
“เว้ยย อาเง็ก” ผีเถ้าแก่ขัด อาจารย์เพี้ยนถึงกับช็อคที่ใช้เขียนหรือปากกาหัก คุณนายเง็กชะงัก ขนหัวลุก เปลวเทียนในห้องวูบไหว “ดูดวงเนื้อคู่ ไม่ใช่สั่งอาหารตามสั่ง คนมันมีดวงสมพงษ์จะมาเป็นคู่กัน ลื้อไปกำหนดไม่ได้ มันอยู่ที่ลิขิตฟ้า ชะตาสวรรค์และบุญทำกรรมแต่งกันมา”
อาจารย์เพี้ยนค่อยๆ วางอุปกรณ์ลง
“มีอะไรเหรอคะอาจารย์”
“รู้แล้ว”
“เนื้อคู่อีเป็นใครคะ หน้าตาเป็นยังไง อยู่ที่ไหน ทำงานอะไร รวยหรือเปล่า”
“นี่มันคิดว่าหมอดูอีมีตาทิพย์หรือไงวะ ไอ้หยา ถ้าทำได้ขนาดนี้จริงๆ อั๊วว่าอีฮ็อต เรตติ้งกระฉูดไปแล้ว”
“รู้แล้ว”
คุณนายเง็กรอฟังอย่างตั้งใจ ผีเถ้าแก่เองก็พลอยอยากรู้ไปด้วยเหมือนกัน
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 5 (ต่อ)
มุมหนึ่งในโรงงาน สืบสายจ้องเอาคำตอบจากจุลลา
“จะตอบได้หรือยังจุลลา”
“ตอบก็ได้ ฉันคุยกับ...ก๋งคุณ” จุลลาตัดสินใจบอก สืบสายอึ้ง ตกใจ
“เธอ ติดต่อกับก๋งฉันได้”
“คุยกันได้เป็นวรรคเป็นเวรเลยล่ะ”
“เธอไม่กลัวผี”
“กลัว แต่มันเลยจุดนั้นไปแล้ว” สืบสายอึ้ง ถามต่อ
“เธอคุยอะไรกับก๋งบ้าง”
“ก๋งคุณเค้า มีห่วง นี่เป็นอีกเหตุผลนึงที่ฉันยอมกลับมาทำงานที่นี่ต่อไป เพราะเถ้าแก่แกคงไม่รู้จะคุยกับใคร ในขณะที่ตัวเองยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด”
“ฉันไม่เชื่อ”
“อ้าว”
“เป็นตุเป็นตะ”
“โอย”
“ไหน ตอนนี้.ก๋งอยู่แถวนี้หรือเปล่า ฉันต้องการพิสูจน์ว่าเธอคุยกับก๋งได้จริง ให้ก๋งบอกเธอซิ ว่าฉันกลัวอะไรมากที่สุด”
“เถ้าแก่ไม่อยู่ ติดต่อไม่ได้ ไม่รู้ไปไหน”
“นั่นไง บ่ายเบี่ยง แถไปเรื่อย ไม่มีข้อพิสูจน์อะไรมายืนยันคำพูดของเธอเพราะฉะนั้น ฉันไม่เชื่อ”
“พูดเรื่องจริงก็ไม่เชื่อ งั้นทีหลังก็ไม่ต้องมาถาม”
“ฉันจะพาเธอไปเช็คประสาท”
สืบสายจูงมือจุลลาเดินออกไป ซีเรียสมาก
“คุณสืบสาย ฉันไม่ได้เพ้อหรือว่าคิดไปเองนะ”
“เธอไม่ได้เพ้อ แต่เธอเพี้ยน”
“โว้ย ปล่อย ทำไงถึงจะเชื่อเนี่ยว่าผีมีจริง”
“ก็ทำให้ฉันเห็นสิ”
“ก็เปิดใจก่อนสิ ถ้าคุณไม่เปิดใจว่ามีเรื่องเหนือธรรมชาติเกิดขึ้นกับฉัน กับคนงานที่นี่ คุณก็จะเห็น คุณก็จะรู้สึกว่าก๋งคุณยังอยู่รอบๆ ตัวคุณ”
สืบสายอึ้ง หยิก เข่ง ถัด วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“พี่จูนแย่แล้ว”
“มีอะไร”
ทุกคนเห็นสืบสายอยู่ด้วย ไม่กล้ารายงาน
“ขออนุญาตนะครับบอส งานเข้าครับ”
หยิก เข่ง ถัด รีบลากจุลลาออกไป สายยืนอึ้ง ทบทวนคำพูดของจุลลา
จุลลาตกใจเมื่อรู้เรื่องแสบ
“ไอ้แสบน่ะเหรอ”
“ครับพี่”
“เอาไงดีครับ”
จุลลาออกนำไปแล้วไม่รอตอบ
“ตกลงเอาไงวะ”
“ก็ตามพี่จูนไปสิวะ”
ทุกคนตามจุลลาออกไป
หน้าห้องทำงานทรงเดช น้ำหวานนั่งทำงานอยู่ ทรงเดชเดินออกมา น้ำหวานอึ้ง ตัวแข็ง ทรงเดชจ้องน้ำหวานเขม็ง
“เอ่อ มีอะไรใช้น้ำหวานหรือเปล่าคะ”
“ไปทำเรื่องขอเบิกรถบริษัทให้ฉันด้วย”
“เอาไปไหนคะ”
“เอามาใช้สิ ฉันจะเอารถไปเข้าอู่ซ่อม อีกหลายวันกว่าจะได้”
“แต่บริษัทไม่ได้มีนโยบายให้เอารถไปใช้ส่วนตัวนะคะ”
“ก็มันจำเป็น ทำไมฉันต้องมาอธิบายให้เธอฟังด้วยเนี่ย มีหน้าที่ทำตามคำสั่งก็ทำไป”
“ค่ะ” ทรงเดชจะเดินออกไป “จะไปไหนคะ”
“ถามทำไม”
“เผื่อมีใครมาติดต่องานหรือบอสถาม จะได้รายงานถูกค่ะ”
“มีประชุมกับซัพพลายเออร์ข้างนอก”
“แล้วแผนการผลิตที่พี่จูนขอจะให้หนูตามที่ใครคะ”
“อยากได้เร็วๆ ก็ให้เค้าไปวางแผนเอง ฉันไม่ว่าง”
ทรงเดชออกไปเลย น้ำหวานยี้ตามหลัง ก่อนจะลุกเดินออกไป แสบแอบอยู่ที่มุมหนึ่งเห็นปลอดคน รีบเข้าไปในห้องทรงเดชทันที
แสบอยู่กลางห้องทำงานทรงเดชมองไปที่คอยย์เย็นแอร์
“ฉันจะทำให้แก อยู่ที่นี่ไม่ได้”
แสบยิ้มเหี้ยม
ที่ตำหนักอาจารย์เพี้ยน คุณนายเง็กและผีเถ้าแก่รอฟังอาจารย์เพี้ยน
“เนื้อคู่เป็นผู้หญิง”
“เฮ้อ โล่งอก”
“อั๊วก็เหมือนกัน”
“รูปร่างหน้าตาเป็นยังไง”
“หน้าตาดี มีคุณธรรม”
“ผ่าน ขอแค่มีคุณธรรมก็นำพาให้ชีวิตอาตี๋เจริญรุ่งเรือง”
“ชื่ออะไรฮ้า”
“บอกไม่ได้”
“เอาตัวย่อก็ได้ฮ่ะ”
“มองไม่เห็น”
“ขออย่าเป็นด.เด็ก สระเอือ สะกดด้วยน.หนู ตามด้วยพ.พานสระอิ สระไอไม้มลาย ล.ลิง”
“อ๋อ เดือนพิไล แล้วถ้าอีเป็นเนื้อคู่ของอีจริงๆ ลื้อจะทำไงอาเง็ก” ผีเถ้าแก่ถาม คุณนายเง็กไม่ได้ยินแต่ก็พูดไปเรื่อย
“ถ้าได้ผู้หญิงชื่อนี้มาเป็นลูกสะใภ้ อั๊วคงอกแตกตาย ได้มั้ยฮ้า”
“คุณนาย เท่านี้อาจารย์ก็เปิดเผยความลับสวรรค์มากพอแล้ว บอกไม่ได้มากไปกว่านี้ อยู่ที่ลูกชายของคุณนาย...แต่เขามารอแล้ว”
“มารอแล้ว”
ผีเถ้าแก่ถามอาจารย์เพี้ยน อยากรู้มาก
“อาหนูจุลลาหรือเปล่าวะ อาจารย์เพี้ยน”
อาจารย์เพี้ยนตัวแข็งทื่อ รู้สึกขนลุก ไปทั้งร่าง
“วันนี้พอแค่นี้นะ คุณนาย อาจารย์ไม่ไหวแล้ว”
“อีกคำถามฮ่ะ แล้วเรื่องอาหนูจุลลาที่เกิดวันอังคารเดือนสามปีขาลล่ะฮ้า อีติดต่อกับผีเตี่ยได้จริงๆ หรือเปล่า ทำไมถึงดูอีไม่รู้สึกอะไรเลย”
“รู้สึก ดูดีๆ อาจารย์ยืนยัน รักษาคนๆ นี้ไว้ให้ดี เค้าจะช่วยทำให้คุณนายอุ่นใจ สบายใจในทุกๆ เรื่อง แค่นี้ก่อนนะ อาจารย์ขนลุกมาก”
“หือ”
หน้าตำหนักอาจารย์เพี้ยน อาจารย์เพี้ยนปิดประตูคุณนายเง็กยืนงงอยู่หน้าบ้าน ผีเถ้าแก่ยืนข้างๆ คุณนายเง็ก
“อาจารย์เป็นอะไร” คุณนายเง็กมองไปรอบๆ “หรือว่าอีเห็นผีเตี่ย อีเลยขนลุก”
อาจารย์เพี้ยนวิ่งมาเข้าห้องน้ำ ปิดประตู ปัง จากนั้นสีหน้าของอาจารย์เพี้ยนก็เปลี่ยนไปเหมือนได้ขึ้นสวรรค์
ผีเถ้าแก่คุยกับคุณนายเง็กอยู่หน้าตำหนักอาจารย์เพี้ยน
“อีไปขึ้นสวรรค์แล้ว ไม่ได้เห็นอั๊วหรอก ถ้าอีคุยกับอั๊วได้ อั๊วคุยด้วยไปนานแล้ว”
“อุ๊ยตาย! ลืมถาม เฮียตงอีมีดวงจะมีเมียน้อยหรือเปล่า” คุณนายเง็กเข้าไปเคาะประตูบ้านอาจารย์เพี้ยนอีก
“อาจารย์เพี้ยนฮ้า อาจารย์เพี้ยน”
“ไอ้หยาอาเง็ก ลื้อนี่เข้าข่ายงมงายแล้ว ของแบบนี้ไปถามคนนอก มันจะไปรู้ดีกว่าคนนอนคุยกันสองคนได้ยังไง ไปขัดความสุขของอาจารย์เพี้ยน บาป” คุณนายเง็กหงุดหงิด เดินออกไป “เออ! เอาเวลาดูดวงไปดูแลครอบครัวดีกว่า”
มีลำแสงวาบมาจากท้องฟ้า พุ่งเข้ามาหาผีเถ้าแก่ ผีเถ้าแก่แปลกใจและตกใจ
จุลลาวิ่งมาเจอน้ำหวานกำลังเดินมา
“น้ำหวาน นายทรงเดชล่ะ”
“ออกไปประชุมข้างนอกจ๊ะ”
“ไอ้แสบล่ะ เห็นมั้ย”
“ไม่เห็นนี่พี่”
จุลลาแปลกใจ วิ่งออกไป
“มีอะไรหรือเปล่าพี่จูน”
“เปล่า” จุลลาตอบโดยไม่หันมา น้ำหวานแปลกใจ แต่ไม่ติดใจอะไร เดินออกไป
จุลลาตามหาแสบกับทรงเดชมาจากมุมหนึ่ง ลูกน้องมาจากอีกมุมหนึ่ง เจอกันตรงกลาง
“นายทรงเดชไม่อยู่ ไม่เห็นไอ้แสบด้วย พวกแกเจอมั้ย”
“ไม่เจอเลยพี่ ไม่รู้ไปอยู่ไหน”
“ถามใคร ก็ไม่มีใครเห็น”
“หรือว่าพี่แสบจะ...”
“จะอะไร”
“ไม่รู้เหมือนกันพี่ ยังไม่รู้เรื่องเลยว่าพี่แสบโกรธอะไรคุณทรงเดช”
“นั่นสิ อยู่ๆ ก็เข้ามาโวย”
“ท่าทางโกรธจัด เหมือนจะไปฆ่าเค้าให้ตาย”
“หรือไอ้แสบมันจะรู้เรื่องที่น้ำหวาน”
เข่ง หยิก ถัดยื่นหน้ามาสาระแนจนจุลลาผงะ
“น้ำหวานทำไมเหรอเพ่” เข่ง หยิก ถัดถามออกมาพร้อมกัน
“ไม่มีอะไร”
แสบเดินเข้ามาอย่างอารมณ์ดี
“สุมหัวทำอะไรกันอยู่เหรอครับ ลวกเพ่จูน” จุลลาและลูกน้องแก๊งหันไปเห็นแสบยืนยิ้ม ถือกล่องเครื่องมือ จุลลาและลูกน้องแปลกใจ
“พี่แสบไปไหนมา”
“พวกเรากลัวจะแย่”
“กลัวว่าพี่จะไปฆ่าไอ้ทรงเดช”
“แสบ แกมีเรื่องอะไรกับนายทรงเดช”
แสบยิ้มเหี้ยม ชูมือขึ้นมาดู เปื้อนน้ำมันเครื่องดำๆ น้ำตาลๆ
“เลือดดดด” เข่ง หยิก ถัดร้องออกมาพร้อมกัน
“โว้ย เค้าไปซ่อมเครื่องมา เลือดอะไร” ลูกน้องโล่งอก “ไปทำงานๆๆ อย่าไร้สาระ ไม่มีเรื่องอะไรระหว่างพี่กับไอ้ส่งเดชหรอก แค่เหม็นขี้หน้ามันเฉยๆ คนอย่างพี่ ไม่ลดตัวครับ พี่เป็นคนจิตใจสูง ไปๆ”
แสบต้อนพวกลูกน้องไปทำงาน ทุกคนโล่งอก ไม่ติดใจ แต่จุลลามองตามแสบอย่างสงสัย
จุลลาลากแสบมาคุยเป็นการส่วนตัว
“ไอ้แสบ บอกฉันมาตามตรง แกคิดจะทำอะไรกันแน่”
“ทำอะไร ผมไม่ได้คิดทำอะไร”
“แน่ใจ”
“สุดๆ ครับพี่ จริงใจครับผม”
“แกรู้เรื่องที่น้ำหวานคุยกับฉันเมื่อเช้าใช่มั้ย” แสบอึ้ง ค่อยๆ พยักหน้า
“ผมแค้นมัน มันทำร้ายน้องน้ำหวานก็เหมือนทำร้ายแสบด้วย”
“แล้วแกคิดจะไปทำร้ายนายทรงเดชเพื่อเอาคืนหรือเปล่า”
“คิด”
“แล้วทำหรือเปล่า”
“ทำ”
“ทำอะไร แกทำอะไร”
“พี่ไม่ต้องห่วง ผมไม่ทำให้มันถึงตายหรอก แค่...น้ำจิ้ม”
“ฉันไม่ชอบวิธีการแทงข้างหลังคนแบบนี้ มันไม่แมน”
“ก็มันไม่แมนก่อนทำไม คนกะล่อนหน้าไหว้หลังหลอกอย่างมัน จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ผมอึดอัดที่เห็นมันยังลอยหน้าลอยตาอยู่ โดยที่เอาผิดมันไม่ได้”
“แต่เรามีวิธีอื่นที่ดีกว่านั้น”
“วิธีไหนล่ะ รอให้มันได้ใจ ทำอะไรน้องน้ำหวานมากไปกว่านี้เหรอ ผมไม่ยอม พี่อยู่เฉยๆ เหอะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผมไม่ให้พี่เดือดร้อนหรอก ผมรับผิดชอบเอง แมนอยู่แล้ว”
แสบเดินออกไป ทิ้งให้จุลลายืนกลุ้มใจและเป็นกังวล น้ำหวานแอบฟังอยู่ที่มุมหนึ่ง ทั้งตกใจและซาบซึ้งใจที่แสบเดือดร้อนใจและแก้แค้นทรงเดชเพื่อเธอ
พนักงานเดินออกมาจากที่ประชุม ทุกคนดูเคร่งเครียด สืบสายนั่งใช้ความคิดอยู่กับเอกสารสองสามฉบับบนโต๊ะอย่างเคร่งเครียด ครรชิตอยู่ด้วย ครรชิตเข้ามาถามสืบสาย
“บอสครับ พักกลางวันแล้วนะครับ รับอาหารที่ไหนดีครับ”
“ฉันไม่หิว”
“จะดีเหรอครับ ทำงานหนักใช้สมองตลอดเวลาอย่างนี้ ร่างกายต้องการสารอาหารไปหล่อเลี้ยง โอ๊ย บ่นจนไม่รู้จะบ่นยังไงแล้ว เมียก็ไม่ใช่”
“ก็หาให้สักคนสิ”
“ว้าย บอสอยากมีเมีย ข่าวดีที่สุดในรอบปี รองจากเรื่องคุณจุลลากลับมาทำงาน”
“ฉันพูดเล่น”
“อ้าว”
“เบื่อแกบ่น”
คุณนายเง็กเข้ามากับเจ๊พุ่ม
“อั๊วจะกินข้าวกับลูกชายอั๊ว ไปเตรียมไว้ไป” คุณนายเง็กสั่งเจ๊พุ่ม
“ค่ะคุณนาย”
“อาครรชิต มีอะไรเด็ด รายงานซิ”
“บอสอยากได้คุณจุลลาเป็นเมียครับ”
“หา”
“ไอ้ครรชิต! ฤาษีแปลงสาร” สืบสายต่อว่าครรชิต
“ขอโทษครับ ลำดับเนื้อความผิดไปนิด”
“ไม่นิดล่ะ เยอะด้วย! ม้าอย่าเข้าใจผิด ผมยังไม่อยากมีใคร”
“แต่อั๊วอยากให้ลื้อมี อาครรชิต ไปตามอาหนูช่างมาทานข้าวกับอั๊วกับอาตี๋” สืบสายตกใจ เขิน
“ม้า”
“รับทราบครับผม!”
ครรชิตดีใจวิ่งออกไป สืบสายพยายามกลบเกลื่อนความเขิน เสดื่มน้ำ คุณนายเง็กหันมาเห็นเจ๊พุ่มยังยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่
“เจ๊พุ่ม อั๊วหิวข้าว”
“อุ๊ย! ค่ะ ขอโทษค่ะ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ”
เจ๊พุ่มออกไป ได้เรื่องเม้าเพียบ คุณนายเง็กลอบสังเกตอาการของสืบสาย ดูขัดเขิน วางมือไม้ไม่ถูก คุณนายเง็กทำเฉย ไม่รู้ไม่ชี้
ผีเถ้าแก่เดินเข้ามานั่งในฮวงซุ้ย สีหน้าซึมลงอย่างเห็นได้ชัด ถอนใจ กลุ้มใจ มองไปรอบๆ ห้อง
“เถ้าแก่ เถ้าแก่ อยู่หรือเปล่า” ผีเถ้าแก่สะดุ้ง
จุลลายืนรอผีเถ้าแก่อยู่หน้าฮวงซุ้ย ผีเถ้าแก่โผล่ออกมาจากประตู จุลลาเห็นก็ตกใจ
“อุย ทำไมไม่ออกมาดีๆ ล่ะเถ้าแก่”
“เสียคอนเซ็ปต์ผีหมดสิวะ ปรากฏตัวทีนึงก็ต้องให้คนตกใจ”
ผีเถ้าแก่ดึงเก้าอี้จากประตูฮวงซุ้ยออกมา กางนั่ง ซึม
“น่าน นั่งคนเดียว ไม่มีเชิญแขก”
“นั่งสิ อาหนูช่าง”
จุลลานั่งลงข้างผีเถ้าแก่
“เป็นอะไรไป ไม่ดีใจเหรอที่หนูกลับมาทำงาน”
“ดีใจ” แต่ซึม
“เอาความจริง” ผีเถ้าแก่ยิ้มเผล่ ร่าเริง ทั้งที่เก็บความเศร้าไว้
“อ่ะอั๊วล้อเล่น”
“ก็ว่างั้น เห็นเถ้าแก่โหมดซึมเศร้า บอกตรงไม่เชื่ออ่ะ”
“ก็ว่างั้น ว่าลื้อคงไม่เชื่ออั๊ว ลื้อเรียกหาอั๊วทำไม”
“ไม่ทันแล้ว หนูกลายเป็นคนเพี้ยน ไม่มีข้อพิสูจน์ให้หลานเถ้าแก่เชื่อว่าหนูคุยกับเถ้าแก่ได้”
“ก็อั๊วติดธุระสำคัญ”
“เถ้าแก่ไปไหนมา”
“อั๊วไปเฝ้าเง็กเซียนฮ่องเต้”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“เป็นความลับสวรรค์”
“จะให้หนูทำไงเรื่องที่หลานเถ้าแก่ไม่ยอมเชื่อว่าผีมีจริง”
“รอ! จนกว่าอาตี๋อีจะเปิดใจได้จริงๆ บังคับฝืนใจไปก็เท่านั้น ไอ้นี่มันรั้น”
“แล้วเถ้าแก่รู้มั้ยว่าไอ้แสบมันทำอะไร ถามก็ไม่ยอมบอก”
“ก็อั๊วไม่อยู่ จะไปรู้ได้ไงวะ อั๊วไม่ใช่อับดุล”
“ซ้าย”
“รู้”
“ขวา”
“รู้”
“อับดุล”
“เอ๊ย เฮ้ย อาหนูช่าง อย่ามาทำให้อั๊วบ้าจี้”
“ก็บอกว่าไม่ใช่อับดุล แต่ตอบซะเป๊ะเลย”
“เข้าเรื่องๆ”
“สงสารน้ำหวานต้องมาเจอเจ้านายหัวงู ตอนนี้มันรู้ตัวและคงระวังตัว ไม่เผลอทำอะไรรุ่มร่ามกับน้ำหวานอีกนาน คงหาทางจับผิดมันลำบากแล้วล่ะ”
“รู้จักดวงตาสวรรค์มั้ย ไม่มีใครเห็น แต่สวรรค์เห็น เดี๋ยวมันก็ต้องถูกสวรรค์ลงโทษ”
“ดวงตาสวรรค์เหรอ” จุลลาครุ่นคิด
“ขอบใจนะอาหนูช่างที่ลื้อกลับมา ถ้าไม่ใช่ลื้อ จะมีใครเป็นห่วงเป็นใยความทุกข์ร้อนของลูกน้อง ของเพื่อนร่วมงาน ของอั๊ว ได้อย่างลื้อวะ”
“หนูถือว่าทุกคนเป็นเพื่อนหนู หนูไม่มีวันทิ้งเพื่อน” ผีเถ้าแก่ซึ้งกับจุลลา “ซึ้งป่ะ”
“ฝุดๆ ว่ะ”
“หนูไปล่ะ แวะมารายงานสถานการณ์ แล้วขอร้องนะ อย่าหายไปไหนอีก เวลาที่หนูต้องการตัวหนูต้องทำให้หลานเถ้าแก่เชื่อให้ได้ว่าเถ้าแก่มีอยู่จริง”
จุลลาวิ่งออกไป ผีเถ้าแก่มองตามจุลลาอย่างประทับใจ
“อาตี๋เอ้ย รีบๆ เปิดใจน้า เวลาของก๋งในโลกวิญญาณ มันใกล้หมดลงทุกทีแล้ว” ผีเถ้าแก่นั่งซึม มองขึ้นไปบนสวรรค์ หนักใจ “เง็กเซียนฮ่องเต้ กำหนดเวลาให้ก๋งต้องไปแล้ว”
จุลลาเดินเข้ามาในร้านเจ๊อ้อย ลูกน้องนั่งรอข้าวจากเจ๊อ้อยอยู่ เจ๊อ้อยผัดไปคุยไป จุลลานั่งลงกับกลุ่มลูกน้อง ไม่เห็นแสบ
“อ้าว แล้วแสบไปไหน ทำไมไม่มากินข้าว”
“นั่งหน้าเป็นตูด ไม่มีใครกล้าชวนมาหรอกพี่”
“เลยจะซื้อไปฝาก”
จุลลาเป็นห่วงแสบ
น้ำหวานนั่งซึมอยู่ที่โต๊ะทำงาน แสบค่อยๆ เดินเข้ามาอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“น้องน้ำหวาน”
“อะไร”
“อุย! ไม่หิวเหรอ ทำไมไม่ไปทานข้าว” น้ำหวานนิ่ง ไม่ตอบ “อย่าอดข้าวนะ เดี๋ยวปวดท้อง เค้าเป็นห่วง มาบอกแค่นี้แหละ”แสบเดินออกไป
“มาถามเค้า แล้วตัวเองล่ะ ไม่ไปกินข้าวหรือไง” แสบชะงัก ยิ้มเลย
“หือ” แสบหันมา “ก็ ว่าจะ...”
น้ำหวานหยิบกระเป๋าลุกเดินผ่านแสบออกไป
“ยังไม่รีบไปอีก เดี๋ยวก็กินไม่ทันหรอก”
“หือ” แสบอึ้ง น้ำหวานหันมา
“รีบตามมาเร็วๆ สิ อย่าให้พูดหลายรอบ ไม่ชอบพูดซ้ำซาก”
“อุ๊ตะ” แสบดีใจมาก รีบตามไป “ไม่ชอบก็จะไม่ทำจ้า”
น้ำหวานเดินนำไป ยิ้มๆ แสบหัวใจพองโต ประหลาดใจมากที่น้ำหวานชวนไปกินข้าวด้วย
เจ๊อ้อยผัดกับข้าว ตะโกนถามจุลลา
“นายช่าง วันนี้กินอะไรดีคะ”
“อะไรก็ได้เจ๊”
“หาผัวยังง่ายกว่าคำว่า “อะไรก็ได้” นะคะนายช่าง”
“แต่ไปเกิดใหม่ยังง่ายกว่าให้เจ๊อ้อยหาผัวนะเว้ย” กลุ่มลูกน้องแสบหัวเราะกันครืน เจ๊อ้อยผัดเสร็จพอดี
“อ่ะ กระทะนี้ของแกไอ้เข่ง จะให้เจ๊ราดบนข้าวหรือให้เอาเข้าปากทั้งกระทะ หา”
“อุย”
“วอน”
“วันไหนไม่ถูกเจ๊ด่า กินข้าวไม่ลง ถือว่าเอ็นเตอร์เทนลูกค้าแล้วกันน้าเจ๊”
“งั้นกูคิดเงินเพิ่ม”
“งกไปไหนเนี่ย ลูกผัวก็ไม่มี”
“เพราะลูกผัวไม่มีไง ไม่งกแล้วใครจะมาเลี้ยง ถามไม่คิด หมดอารมณ์ ใครกินไรมาทำเองเลยมา เหนื่อย”
“อ้าว เจ๊ แล้วของฉันล่ะ”
“ตัวดีเลย “อะไรก็ได้” ของนายช่าง ไปหาที่อื่นไป”
เจ๊อ้อยสะบัดบ็อบออกไป ทุกคนเซ็ง
“อ้าว ใครเริ่มเนี่ย รับผิดชอบด้วย”
“ไอ้เข่ง แกเป็นคนเริ่ม ลุกไปทอดไข่ดาวมาเลย ไป! เผื่อพี่จูนด้วย”
“เอาสอง” จุลลาบอก ครรชิตเข้ามาขัด
“เชิญคุณจุลลาไปพบท่านรองครับ” ทุกคนชะงัก
“แต่ฉันกำลังกินข้าว”
“เชิญไปทานอาหารกลางวันกับท่านรองครับ”
“แต่....”
“ทั้งท่านรอง ทั้งบอสรอทานอาหารกลางวันกับคุณจุลลาครับ อย่าให้ผู้ใหญ่รอสิครับ ไม่ดีครับ เข้าใจมั้ยครับ รีบๆ ไปเถอะครับ ผมจะได้ทานข้าวบ้างครับ” ครรชิตขัด ชักของขึ้น
“อ่อ ค่ะ ไปค่ะ”
จุลลาลุกเดินไปกับครรชิต กลุ่มลูกน้อง เจ๊อ้อยมองหน้ากัน อยากรู้เรื่องกันขึ้นมาทันที
ที่ป้อมยาม ยามจ่อยคุยว.กับเจ๊พุ่ม
“ทางโล่งโปร่งสบาย อากาศดี มีลมพัดเป็นระยะ ไร้วี่แววลมมรสุมครับผม”
เจ๊พุ่มซุ่มอยู่มุมหนึ่งแอบคุยว.
“ดีมาก จับตาดูไว้ เป้าหมายปรากฏตัวเมื่อไหร่ รีบรายงานทันที จะได้แจ้งท่านรองด่วน ทราบแล้วเปลี่ยน”
“ทราบแล้วเปลี่ยน ครับผม”
จุลลาเดินมากับครรชิต กำลังจะเข้าโรงงาน เดือนพิไลขับรถมาจะเข้าโรงงาน เห็นจุลลเดินนำหน้าอยู่ หมั่นไส้ บีบแตรใส่เสียงดัง จนจุลลาและครรชิตตกใจ
จุลลาเห็นรถเดือนพิไล ไม่เห็นหน้าเดือนพิไล รีบหลบ หลีกทางให้ แต่เดือนพิไลก็ยังคงบีบแตรใส่ และไม่ขยับรถ จุลลาชักฉุน
“อะไรเนี่ย”
“ยามจ่อย! คนขับช็อคหัวทิ่มคาแตรรถอยู่หรือเปล่า ถึงบีบไม่เลิก เข้าไปดูเร็ว” ครรชิตบอก
“ครับผม” ยามจ่อยวิ่งไปฝั่งคนขับ กระจกรถฝั่งคนขับเปิดลงมา ยามจ่อยเห็นหน้าเดือนพิไล ตกใจ “บรรลัยแล้วครับผม”
เดือนพิไลลงมาจากรถ
“ยาม คนแถวนี้เขาเดินไม่ดูตาม้าตาเรือกันหรือไง เห็นอยู่ว่ามีรถมา ไม่รู้จักหลีกทาง”
เดือนพิไลปรายตามองจุลลาอย่างหาเรื่อง จุลลาเดินมาประจันหน้ากับเดือนพิไล
“ว่าฉันเหรอ”
“ใช่”
“ไม่ใช่อะไรหรอก จะได้อธิบายให้ฟัง ตกลงคุณว่าฉันไม่หลีกทางให้ใช่มั้ย”
“ใช่ ควรจะหลีก หรือไม่ก็หลบไปให้พ้นๆ รถฉันใช้พื้นที่เยอะ”
“จะเข้าไปข้างในใช่มั้ย”
“เออสิ”
“คุณครรชิต”
“ครับผม”
“ช่วยไปเรียนท่านรองกับคุณสืบสายทีนะว่า อีกสิบนาทีฉันไปถึงโต๊ะอาหาร”
“เธอจะไปร่วมโต๊ะกับคุณสืบเหรอ”
“แน่น้อนนน ท่านรองเป็นคนเชิญ”
“แล้วจะให้เรียนท่านรองกับบอสว่าอะไรดีครับ” ครรชิตถาม
“เรียนว่าขออนุญาตนั่งทำใจ ระงับความตื่นเต้นตกใจแป๊บนึง ตอนนี้ขวัญหนีดีฝ่อมาก แข้งขาอ่อนแรง เพราะเสียงแตรรถของคุณเดือนพิไล”
แล้วจุลลาก็ลงนั่งขวางถนน ตรงหน้ารถเดือนพิไล
“แก”
“ตามนั้น ครับผม”
ครรชิตรีบวิ่งออกไป
“แก แกล้งฉัน”
“ฉันตกใจจริงๆ”
จุลลานั่งมองหน้าเดือนพิไล ไม่สะทกสะท้าน
“ยาม เปิดไม้กั้น ฉันจะขับเข้าไป ใครอยากถูกรถเหยียบตายก็เชิญ” เดือนพิไลหันไปบอกยามจ่อย
“ขอประทานโทษด้วยครับผม พอดีว่าไม้กั้นเสียด้วยครับผม ยกขึ้นไม่ได้ครับผม ขออนุญาตตามช่างมาซ่อมครับผม” ยามจ่อยวิ่งเข้าป้อมไป ทำเป็นโทรศัพท์วุ่นวาย แต่แอบว.หาเจ๊พุ่ม “ขณะนี้มรสุมมีกำลังเหวี่ยงในระดับรุนแรงมาก ทราบแล้วเปลี่ยน”
เดือนพิไลเจ็บใจ รู้ดีว่าถูกแกล้ง มองหน้าจุลลา เดือดดาล จุลลาทำไม่รู้ไม่ชี้ แสบกับน้ำหวานเดินมาเห็นจุลลากำลังเผชิญหน้าอยู่กับเดือนพิไล
“เอาแหล่ว เอาแหล่ว”
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 5 (ต่อ)
คุณนายเง็กนั่งรออยู่กับสืบสายที่ผุดลุกผุดนั่ง อาหารวางอยู่เต็มโต๊ะแล้ว
“ทำอะไรอยู่ ยังไม่มาอีก”
“ทีกับคนอื่น ดูลื้อจะใจเย็นด้วยกว่ามาก เมื่อเทียบกับอาหนูช่าง”
“ม้าสังเกตด้วยเหรอ”
“อั๊วสังเกตลื้อทุกเรื่องล่ะอาตี๋ เพราะลื้อเป็นลูกชายคนเดียวของม้า”
“ผมสมควรจะเย็นกับคนที่ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอเป็นนานสองนานแบบนี้เหรอครับ”
“เพราะลื้ออยากเจอหน้าอีเร็วๆ หรือเปล่า พออีมาช้าเลยอารมณ์เสีย” สืบสายอึ้ง คุณนายเง็กจ้องหน้าสืบสาย “ลื้อชอบอาหนูช่างใช่มั้ย”
“ม้า”
“ตอบ”
“ไม่ได้ชอบ”
“แล้วคิดว่าจะมีโอกาสชอบอีมั้ย”
“ไม่มีทาง เพราะจุลลามีแฟนแล้วนะม้า”
“มีได้ก็เลิกได้”
สืบสายอึ้ง แปลกใจไม่รู้ว่าคุณนายเง็กคิดอะไรอยู่กันแน่
“ม้าคิดจะทำอะไร”
เจ๊พุ่มหน้าตื่นเข้ามา
“ท่านรองคะ มรสุมลูกใหญ่กำลังเหวี่ยงอยู่หน้าโรงงานค่ะ”
คุณนายเง็กตกใจ สืบสายงงๆ ครรชิตวิ่งเข้ามาอีก
“คุณจุลลากำลังปะทะกับมรสุมลูกที่ว่าครับท่านรอง บรรยากาศน่ากลัวมาก”
คุณนายเง็กแอบยิ้มพอใจ สืบสายรีบออกไปทันที ครรชิตตาม
“เอาไงดีคะท่านรอง” เจ๊พุ่มถามคุณนายเง็ก
“นั่งรอดูสวยๆ อั๊วจะไม่ลงไปให้ยัยข้าวเหนียวบูดมันถอนหงอกอีกเด็ดขาด เพราะงานนี้อั๊วมีตัวช่วย”
“นายช่าง”
คุณนายเง็กยิ้มอย่างสบายใจ
“เจ๊พุ่ม ตักข้าว อั๊วหิวมาก”
เจ๊พุ่มอยากจะออกไปสังเกตการณ์ใจจะขาด แต่ก็ต้องบริการคุณนายเง็ก
ที่ป้อมยาม เดือนพิไลยืนจ้องจุลลาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ แสบกับน้ำหวานเข้ามา
“พี่จูน มีเรื่องอะไรกันป่ะ”
“แสบ ช่วยยามจ่อยดูรถด้วย ถ้ามีรถคันอื่นจะเข้าโรงงาน บอก จะหลีกทางให้”
“ถึงเวลานั้น ไม้กั้นก็ซ่อมเสร็จพอดีครับผม” ยามจ่อยบอก
“พวกแกจงใจกีดกันไม่ให้ฉันเข้าไป”
“เปล่านี่ พอดียังตกใจที่คุณบีบแตรใส่ ลุกไม่ขึ้น”
“ไม้กั้นก็ดันมาเสียพอดี ครับผม”
เจ๊อ้อย เข่ง หยิก ถัดเข้ามาล้อมดูเหตุการณ์
“ฉันจะโทรฟ้องคุณสืบสายว่าพวกแกแกล้งฉัน”
“มีเรื่องอะไรกัน” เสียงสืบสายดังขึ้น ทุกคนหันขวับ สืบสายเข้ามากับครรชิต เดือนพิไลเข้าไปใสไฟทันที
“คุณสืบคะ มูนถูกคนงานของคุณรังแก”
“รังแกอะไรครับคุณ พี่จูนก็นั่งของแกอยู่เฉยๆ ใช่มั้ยพวกเรา” แสบบอก ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน
“ใช่”
“จุลลา เธอเป็นอะไร” สืบสายถามจุลลา
“ใจหาย ถูกคนเบ่งใส่ บีบแตรไล่ หลบให้แล้วก็ยังบีบ ไม่รู้ตาบอดหรือเกิดมาไม่เคยบีบแตร บีบอยู่นั่น แป๊นๆๆ”
ทุกคนหัวเราะขำไปกับจุลลา
“เห็นมั้ยคะคุณสืบว่าผู้หญิงคนนี้จงใจกวนประสาทมูน มูนมีธุระสำคัญต้องคุยกับคุณ แต่ถูกขวางไม่ให้เข้าไป มูนเสียหายนะคะ”
“จุลลา ลุกขึ้น” จุลลายอมลุกขึ้น
“โอเค หายตกใจแล้ว มาตามฉันไปทานข้าวเหรอคะคุณสืบ”
“ยังคิดจะกินอยู่อีกเหรอ นี่ไม่มีสำนึกเลยใช่มั้ย คุณสืบ คุณต้องจัดการสั่งสอนลูกน้องคุณให้มูนนะ มูนเป็นแขกของคุณ แต่พวกมันไม่ให้เกียรติมูนเลย”
“ใจเย็นก่อนคุณมูน ผมจะจัดการให้อย่างยุติธรรมกับทุกฝ่าย เชิญข้างในก่อนดีกว่าครับ ครรชิตพาคุณมูนไปรอที่ห้องทำงานฉัน”
“ครับผม” ยามจ่อยเปิดไม้กั้น
“ไม้กั้นก็ทำงานได้เป็นปกติแล้วครับผม เชิญครับ”
เดือนพิไลเดินไปขึ้นรถ ขับเข้าข้างในอย่างแรง จุลลาและคนงานแหวกทางให้ ครรชิตวิ่งตามรถเดือนพิไลไป สืบสายเดินมาหาจุลลา
“ฉันยอมรับว่าฉันจงใจขวางทางแฟนคุณ จะเอาไง”
“แต่คุณเดือนพิไลจงใจบีบแตรไล่คุณจุลลาก่อนทั้งๆ ที่เธอหลีกทางให้แล้วนะครับผม” ยามจ่อยบอก
“จุลลา ไปทานข้าวก่อน” สืบสายบอก จุลลาแปลกใจที่คราวนี้สืบสายไม่โวย
สืบสายแตะข้อศอกจุลลาอย่างลืมตัวให้เดินไปด้วยกัน จุลลาสะบัดออกโดยอัติโนมัติ ปฏิกริยาทุกอย่างของสืบสายและจุลลาอยู่ในสายตาของแสบ น้ำหวานและคนงานทุกคน ทุกคนอึ้ง แปลกๆ นะ
ร้านเจ๊อ้อย จานใส่ไข่ดาวหลายๆ ลูกวางอยู่บนโต๊ะ มือหลายมือจ้วงตักไข่ ทุกคนรุมล้อมกินข้าวไข่ดาว ยกเว้นเจ๊อ้อยกำลังนั่งตีความสถานการณ์ น้ำหวานยืนถือจานข้าวเปล่า ตักไม่ทันคนอื่น
“ทุกคนหยุด” แสบบอก ทุกคนชะงักมือ “เลดี้เฟิร์ส ให้น้องน้ำหวานก่อนสิวะ” แสบตักไข่ดาวให้น้ำหวาน “นี่จ๊ะน้องน้ำหวาน ไข่ดาวใบแรกที่พี่แสบมีโอกาสตักให้ เป็นบุญเหลือเกิน”
“ฮิ้ว”
“เว่อร์”
“แล้วรับมั้ยอ่ะ”
“รีบวางลงในจานเลย หิวจะตายอยู่แล้ว”
แสบวางไข่ดาวลงบนจานข้าวน้ำหวาน
“ฮิ้ววว” ทุกคนโฮ่
“เฮ้ย! พวกแกว่านายช่างกับบอสแปลกๆ มั้ยวะ” เจ๊อ้อยถามขึ้นมา
“สองคนนั่นไม่แปลกหรอก เจ๊นั่นแหละแปลก ขายอาหารตามสั่งอะไรของเจ๊วะ ให้ลูกค้าทอดไข่กินเอง บ้าเปล่า”
“ก็ไม่มีอารมณ์”
“แต่เรื่องเม้าล่ะอารมณ์มาเลยนะ”
“เออสิวะ หรือมันไม่น่าเม้า นายช่างกับบอสนี่ ยังไงๆ อยู่นะ ไหนแกบอกว่านายช่างมีแฟนแล้วไงไอ้แสบ แต่ทำไมดูนายช่างแกเขินๆ นะเวลาอยู่ใกล้บอส”
“เออว่ะ”
“โอ๊ย ใครอยู่ใกล้บอสก็เขินกันหมดแหละทั้งหล่อ ทั้งรวย เพอร์เฟ็กต์”
“ไอ้หยิก อย่าบอกนะว่าแกเป็น...”
“เดี๋ยวตบกะโหลกร้าว เป็นไปในลักษณะของการบอกข้อมูลเฉยๆ ไม่ได้มีอารมณ์ร่วม”
“บางทีฉันเองยังเขินเลย” น้ำหวานบอก แสบวางจานข้าวเลย
“ติดคอเว้ยยยย”
“ช่วย”
น้ำหวานทุบหลังแสบดังอั๊ก แสบทรุด ตาเหลือก น้ำหวานยิ้มสะใจที่ได้แกล้ง
“เฮ้ย เอาน้ำมาให้ไอ้แสบหน่อย เร็วเข้า” เจ๊อ้อยบอก
จุลลาเดินมากับสืบสายแต่แล้วจู่ๆ จุลลาเปลี่ยนใจ หันหลังจะเดินกลับ
“จะไปไหน”
“ทำงาน รบกวนเรียนท่านรองด้วยว่า ขอบคุณมาก และขอโทษด้วยที่ทำให้ต้องรอ หวังว่าท่านคงเข้าใจ”
“โกรธอะไร”
“ไม่ได้โกรธ”
“โกรธ”
“เอ๊ะ ฉันบอกว่าฉันไม่ได้โกรธ เป็นอะไรมากป่ะเนี่ย หรืออยากจะให้โกรธนัก”
“คุณกลัวว่าผมจะไม่มีความยุติธรรมให้คุณใช่มั้ย”
“ใช่ เพราะคุณมีอคติกับฉันอยู่ เพราะฉะนั้น ฉันทำอะไรก็คงผิดไปหมดในสายตาคุณ”
“แต่ครั้งนี้ ไม่เหมือนเดิม ใจเย็นก่อนได้มั้ย”
จุลลาอึ้ง สืบสายสบตาจุลลา จุลลาเห็นแววตาอ่อนโยนของสืบสาย
“จูน”
เสียงพี่โย้ดังขึ้น จุลลาและสืบสายผงะ ผละออกจากกัน พี่โย้เดินเข้ามา
“พี่โย้”
“สวัสดีครับคุณสืบสาย”
“สวัสดีครับ”
พี่โย้เข้ามาแตะแขนของจุลลาแสดงความเป็นเจ้าของ สืบสายเห็น เก็บอาการ
“ผมขอตัว บอกแฟนคุณ ไม่ทานข้าว ระวังจะเป็นลม”
สืบสายบอกแล้วออกไปทันที
“มีอะไรเหรอจูน”
พี่โย้ถามจุลลา จุลลายิ้มให้พี่โย้ยังรู้สึกแปลกใจกับท่าทีของสืบสาย
ห้องพักแผนกซ่อมบำรุง จุลลาวางน้ำให้พี่โย้
“ดูงานเสร็จแล้วเหรอ”
“เรียบร้อย จริงๆ ต้องคุยกับผู้จัดการฝ่ายผลิตแต่เค้าไม่อยู่ พี่เลยคุยกับรองแทน”
“อีตานี่ วันๆ ทำงานบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“จูนพูดถึงผู้จัดการฝ่ายผลิตเหรอ”
“อืม เค้าเป็นเพื่อนของคุณสืบสาย ขี้โม้ ขี้หลี ขี้อวด ขี้เบ่ง ทุกขี้อยู่ในตัวเค้า สุดๆ อ่ะ”
“ท่าทางจะอันดีกับหัวหน้างานตัวเอง สงสัยอนาคตจะรุ่ง”
“รุ่งริ่งอ่ะดิ จ้องจะหาเรื่องกันตลอดเวลา แต่มันไม่ชนะจูนหรอก” พี่โย้มองเห็นความมุ่งมั่นของจุลลาแล้วประทับใจ “พี่โย้ ช่วยอะไรจูนหน่อยสิ ได้ป่ะ”
“ให้ช่วยอะไร พี่ไม่เคยปฏิเสธจูนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ขอร้อง อย่าทำตาเหมือนพระเอกลิเก”
“เปรียบเทียบซะไปไม่เป็นเลย ว่ามา จะให้ช่วยอะไร”
“พี่สืบประวัติของนายทรงเดช ผู้จัดการฝ่ายผลิตของจูน ให้จูนหน่อยสิ จูนว่ามันต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล พี่มีเพื่อนที่ทำงานที่ฮาวายหลายคนนิ่”
“ได้สิ ไม่มีปัญหา”
“รักเลยอ่ะ เดี๋ยวเลี้ยงข้าว ที่ร้านพ่อ”
พี่โย้กลืนน้ำไม่คล่องคอ ได้ยินชื่อพ่อจุลลาก็เสียวหลัง
ที่เต้นท์รถ ทรงเดชยืนข้างรถของตัวเอง รับซองเงินมาจากเจ้าของเต้นท์
“เพิ่มอีกห้าหมื่นไม่ได้เหรอ เฮีย”
“งั้นเอาคืนมา” เจ้าของเต้นท์จะดึงซองเงินคืน ทรงเดชรีบดึงกลับ
“พูดเล่น”
“เล่มทะเบียน” ทรงเดชยื่นเล่มให้
“นี่”
“เซ็นเอกสารโอนทั้งหมดเรียบร้อยแล้วนะ”
“อืม”
“ขอบใจน้อง”
เจ้าของเต้นท์โบกมือเรียกลูกน้องมาขับรถทรงเดชออกไปจอดหลังเต้นท์ ทรงเดชมองอย่างอาลัย เสียดาย
ทรงเดชหนีบซองเงิน เดินมาหาแท็กซี่ริมถนน
“ได้ไม่ถึงห้าแสน จ่ายคืนไปก่อนแค่นี้ นังคิตตี้มันจะยอมมั้ยเนี่ย”
รถตู้คันหนึ่งแล่นมาจอดเทียบ ประตูเปิดออก ชายฉกรรจ์สองคนเข้ามาอุ้มทรงเดชขึ้นรถตู้ ทรงเดชตกใจ ดิ้นก็ดิ้นไม่หลุด ประตูรถตู้ปิดอย่างรวดเร็วแล้วขับออกไป
ในห้องทำงานสืบสาย เดือนพิไลยื่นเช็คลงลายเซ็นเสี่ยตงให้สืบสาย ครรชิตยืนอยู่ด้วย คอยสังเกตการณ์
“เช็ค ลายเซ็นป๊า จ่ายให้คุณ”
“ค่ะ ป๊าให้มูน เป็นค่าชดใช้ความเสียหายที่มูนต้องมีข่าวเสียหายเพราะแม่ของคุณ”
“มาให้ผมดูทำไม”
“มูนฝากคืนให้ป๊าด้วยค่ะ”
“ผมไม่เข้าใจ”
“มูนไม่รับค่ะ”
สืบสาย กับครรชิตสบตากัน แปลกใจ
“ป๊าทำถูกแล้ว”
“ชีวิตกำพร้าของมูน แค่ได้รับความรักความเมตตาอย่างจริงใจจากผู้ใหญ่ที่น่าเคารพ มันก็ทำให้มูนรู้สึกดีแล้วค่ะ เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับมูนเลย”
“โห...นางเอกมากครับ” ครรชิตบอก
“พวกคุณอาจจะคิดว่ามูนกำลังเล่นละคร มูนไม่มีอะไรจะแก้ตัวหรอกนะคะ ขอให้ดูจากการกระทำก็พอ มูนมาเพื่อจะคุยกับคุณแค่นี้ล่ะค่ะ สวัสดีค่ะ”
สืบสาย ครรชิตอึ้ง เดือนพิไลลุกขึ้น หันหลังเดินไป
“เดี๋ยวก่อนครับ คุณมูน”
“คะ”
“ผมไปส่ง”
“แต่คุณต้องทำงาน”
“ผมไปส่งได้”
สืบสายเดินไปเปิดประตูให้เดือนพิไล
“ขอบคุณนะคะ”
เดือนพิไลเดินออกไป สืบสายปิดประตู ครรชิต อึ้ง ช็อก เหนือความคาดหมาย
“โวะ”
สืบสายเดินมาที่ลานจอดรถกับเดือนพิไล อีกมุมหนึ่งจุลลาเดินมากับพี่โย้ สืบสายเห็นจุลลากับพี่โย้ก็ชะงักไป
จุลลาเห็นสืบสายมากับเดือนพิไลก็ชะงักเหมือนกัน
“รีบไปเถอะพี่โย้ ต้องไปประชุมต่อไม่ใช่เหรอ จากนี่เข้ากระทรวงตั้งไกล”
“จ๊ะ”
จุลลาจับแขนของพี่โย้ เดินผ่านหน้าสืบสายไป สืบสายลอบมอง รู้สึกไม่ค่อยพอใจ
“ยัยทอมนั่น กับใครคะ” เดือนพิไลถามอย่างแปลกใจ
“แฟนเค้า”
“ทอมมีแฟน”
“เค้าเป็นผู้หญิง”
“หึ...ก็ดีค่ะ ที่มีแฟนเป็นของตัวเองแล้ว โล่งใจไป”
“โล่งใจ เรื่องอะไรครับ”
“เห็นเกาะติดแม่คุณ ฉันก็คิดว่า เค้าคิดจะหาทางลัดเข้าหาคุณซะอีก”
“ถ้าผมจะรักใครชอบใคร ไม่ใช่เพราะเข้าทางแม่ผมหรือพ่อผม ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมจะยิ่งต่อต้าน”
“เด็กดื้อนี่เอง”
เดือนพิไลขยี้จมูกสืบสาย สืบสายอึ้ง จังหวะเดียวกับที่จุลลาส่งพี่โย้ที่รถหันมาเห็นพอดี จุลลาเบ้หน้า
“เชิญครับ”
สืบสายเดินนำเดือนพิไลไปที่รถ เดือนพิไลหันไปยิ้มเย้ยให้จุลลา จุลลาเจ็บใจ ลืมตัวปิดประตูรถที่พี่โย้เปิดค้างไว้ระหว่างเก็บของดังเปรี้ยง! จนพี่โย้ตกใจ
“เฮ้ย เป็นอะไรจูน พี่ยังเก็บของไม่เสร็จ”
“โทษทีพี่ คิดว่าเรียบร้อยแล้ว จูนส่งแค่นี้นะ หวัดดี”
จุลลายกมือไหว้พี่โย้แล้วเดินออกไปเลย พี่โย้รับไหว้ มองตาม งงๆ
“อะไรของมันวะ แต่ก็ยิ่งน่ารัก” พี่โย้พิงรถมองตามจุลลาเพลิน รู้ตัวอีกทีตอนที่สืบสายเดินผ่านหน้าหยุดมองพี่โย้ “ครับ”
“ไม่มีอะไรครับ”
แต่สายตาสืบสายเครียดมาก สืบสายเดินเข้าออฟฟิศไป พี่โย้มองตามงงๆ
“คนทำงานที่นี่ แปลกๆ กันหมดเลยแฮะ”
ห้องทำงานคุณนายเง็ก คุณนายเง็กตบโต๊ะเปรี้ยง มองเช็คในมือ ตัวสั่นเพราะความโกรธ
“เฮียเซ็นเช็คให้อีขนาดนี้เชียวเหรอ”
“เป็นผม เอาไปช็อปปิ้งปรีเปรมแล้วครับ ช่วงนี้ฮ่องกงปิดเกาะเซลส์ด้วยสิ”
“แต่อีไม่เอา”
“ให้พุ่มก็ได้ค่ะ ท่านรอง ช่วงนี้ฝืด”
“ก็เลิกเล่นหวยซะสิ จะได้ไม่ฝืด”
“อุย”
“ดูท่า บอสจะประทับใจคุณเดือนพิไลขึ้นมาทันทีเลยนะครับท่านรอง ผู้หญิงที่ไม่เห็นแก่เงินหายากนะครับ”
“ดัดจริตหรือเปล่าคุณเลขา ทุกคนเห็นแก่เงินทั้งนั้นแหละ โดยเฉพาะของฟรี ไม่ได้ลักขโมยใครมา ให้ด้วยความสิเหน่หาแบบเนี้ย ไม่จริง ไม่เชื่อๆ”
“ใช่ อีต้องมีแผน”
“แผนอะไรครับ”
“ลื้อไม่รู้เท่าทันมารยาหญิงร้อยเล่มเกวียนหรอกอาครรชิต คอยรายงานความเคลื่อนไหวของอีต่อไป”
“แล้วฝั่งนายช่างล่ะคะ”
“อาหนูช่างเป็นคนฉลาด อั๊วต้องคิดกลยุทธให้แนบเนียนเพื่อทำให้อีเลิกกับแฟนแล้วมาปลูกต้นรักกับอาตี๋ รับรอง ยัยข้าวเหนียวบูดจะต้องเน่าแล้วก็กระเด็นออกไปจากชีวิตของอั๊ว”
“แผนชั่วมากเลยครับ”
“ชั่วเพื่ออนาคตลูกชาย อั๊วยอมตกนรก มีแต่คนอย่างอาหนูจุลลาเท่านั้นที่จะปะฉะดะกับผู้หญิงแรงๆ อย่างยัยข้าวเหนียวบูดได้”
คุณนายเง็กฉีกเช็คออกเป็นชิ้นๆ รังสีอำมหิตแผ่เต็มห้อง จนครรชิตและเจ๊พุ่มสยอง
หลังเลิกงาน จุลลาขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดหน้าบ้านพัก เปิดประตู ทันใดนั้นมีชายฉกรรจ์สองคนเข้ามาชาร์จจุลลาทางด้านหลัง จุลลาตกใจหันไปจะต่อสู้แต่ถูกตบกระเด็นเพราะไม่ทันได้ระวังตัว จุลลาถูกชายฉกรรจ์ฉุดออกไปจากหน้าบ้าน เป้เสื้อผ้าของจุลลาหล่นบนพื้น
ในรถสืบสาย ครรชิตขับรถ สืบสายคิดถึงจุลลา นึกสังหรณ์ใจบางอย่าง
“ครรชิต แวะไปหาจุลลาที่บ้านพักหน่อย”
“คิดถึงคุณจุลลาเหรอครับ”
“เออ เอ้ย...เออ มีเรื่องงานจะคุยด้วย”
“แหม คิดถึงเค้าก็บอกมาเต๊อะ”
ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวข้างๆ ครรชิต ตะคอกด้วยความไม่พอใจและร้อนรน
“รีบๆ ขับไปสิวะ ไอ้ครรชิต ตอนนี้อาหนูช่างอีกำลังเดือดร้อน เร็วๆ”
“แหม คนเรานี่น้า ปากกับใจมันช่างไม่ตรงกัน” ไม่ทันขาดคำ ผีเถ้าแก่หมั่นไส้ครรชิต ยื่นเท้าไปเยียบคันเร่งรถเองเลย ครรชิตตกใจ “เฮ้ย อะไรกันเนี่ยยย ว้ากก”
“เป็นอะไรครรชิต” สืบสายถามอย่างแปลกใจ
ขณะนั้นรถของสืบสายแล่นไปด้วยความเร็ว
จุลลาถูกลากมาจะเอาเข้าพงหญ้า จุลลาตั้งสติได้ ต่อสู้จนหลุดออกมาจากการถูกจับ จุลลาตรงเข้าซัดทั้งสองคนกระเด็น และเมื่อเงยหน้าขึ้นมามา หนึ่งในนั้นจุลลาจำได้ว่าเป็นคนเมาที่เคยมีเรื่องกันที่ร้านสบายท้อง
“แก”
“เออ! กูเอง”
ชายฉกรรจ์สองคน ย่างสามขุมเข้าหาจุลลา จุลลาเตรียมตั้งรับ เครียด
รถของสืบสายวิ่งมาอย่างเร็ว ภายในรถครรชิตและสืบสาย เหวอช็อกมาก ผีเถ้าแก่ยังเหยียบคันเร่งทับเท้าของครรชิต
“ว้าก” ครรชิตร้องลั่น
“ทำไมต้องขับเร็วขนาดนี้ ฉันบอกให้ช้าๆ” สืบสายบอก ครรชิตหันไปบอกสืบสาย
“บอสรู้จักคำว่าถอนตัวไม่ขึ้นมั้ยครับ”
ผีเถ้าแก่จับหน้าครรชิตให้หันมองถนน
“มองถนนสิวะ” ครรชิตยิ่งตกใจ
“ว้าก หัวบิดเองได้ ได้ไง” ครรชิตหันมองข้างๆ ไม่มีใคร ตาเหลือก
“พูดอะไรของแก”
“เอาแล้วไง ว้าก”
“ไอ้หยา หูจะแตก” ผีเถ้าแก่ถอนเท้าออก ด้วยความรำคาญครรชิต “บอกให้มองถนน”
ผีเถ้าแก่จับหน้าครรชิตให้มองถนนอีกที ครรชิตตาเหลือก ผมตั้งเด่
“เป๊ะ ว้าก”
“อะไรเป๊ะ”
“รถผีสิง ว้าก”
“หา”
ครรชิตกระทืบคันเร่งเองโดยอัตโนมัติด้วยความตกใจกลัวถึงขีดสุด รถพุ่งแรง
“ว้าก” ครรชิตยังร้องไม่หยุด
ริมถนนใกล้บ้านพักจุลลา คนร้ายคนหนึ่งถูกต่อยกระเด็นออกมา จุลลาหันไปจัดการอีกสองคนที่เหลือ คนร้ายเพลี่ยงพล้ำ คนร้ายลุกมารวบตัวจุลลาทางด้านหลังล็อกตัวจุลลาไว้ คนร้ายอีกสองคนยิ้มย่อง
“แก ต้องการอะไร”
“ยังจะถาม วันนั้นมึงทำอะไรกู” คนร้ายมีท่าทางโกรธจุลลามาก “วันนี้ มึงจะถูกเอาคืน”
คนร้ายเงื้อมือเตรียมตบจุลลา จุลลาเทคตัวกระโดดถีบขาคู่ เปรี้ยง คนร้ายเสียหลัก คนร้ายอีกคนปราดเข้ามา จุลลาจัดการเอาอยู่ด้วยความสามารถของนักยูโดสายดำตัวแทนมหาวิทยาลัย แต่คนร้ายไม่ได้หมดฤทธิ์ง่ายๆ
รถสืบสายวิ่งมาถึงหน้าบ้านจุลลาพอดี เบรกเอี๊ยด สืบสายรีบลงจากรถ ครรชิตก็รีบลงจากรถด้วยความช็อก
“รถผีสิง ว้ากกก”
“ผีที่ไหน บ้าไปแล้ว”
ผีเถ้าแก่เห็นเป้ของจุลลาตกอยู่ก็ตกใจ
“อาตี๋ แย่แล้ว”
สืบสายเหลือบไปเห็นเป้ของจุลลาก็ตกใจ
“จุลลา” สืบสายมองหา จุลลาจะไปทางไหน ลังเล
“อาหนูช่างอีอยู่ทางโน้น” ผีเถ้าแก่ชี้
“ฉันจะไปทางนี้” สืบสายชี้ทางที่ผีเถ้าแก่ชี้ “ครรชิตแกไป...”
ครรชิตตกใจเรื่องรถผีสิง เป็นลมใส่ทั้งที่สืบสายยังพูดไม่จบ
“คร่อกกก”
“ครรชิต เฮ้ย! เป็นลมตอนนี้ได้ไง”
“ไปดูอาหนูช่างก่อน อาตี๋”
สืบสายผละออกไปทันที ไปทางที่ผีเถ้าแก่ชี้ตอนแรก ผีเถ้าแก่ตามไปด้วย ขณะที่ครรชิตนอนเป็นลมอยู่หน้าบ้านพักจุลลา
จุลลาอ่อนแรง สู้คนร้ายสามคนไม่ไหว ถูกจับล็อคแขน บอบช้ำ มองคนร้ายที่ย่างสามขุมเข้าหา หน้าหื่นมาก
“จุ๊ๆๆ ฤทธิ์เยอะไม่เบา แหม้ ถ้าได้เป็นเมีย คงจะตื่นเต้นน่าดู สงสัยจะลูกหัวปีท้ายปีว่ะ ฮ่ะๆๆ”
“ต้องพิสูจน์มั้งพี่”
“ลากมันเข้าไปทางโน้น กูจะพามันไปขึ้นสวรรค์ ทีหลังจะได้เข็ด ว่าผู้ชายมีไว้เป็นผัว ไม่ใช่กระสอบทราย ทีหลังอย่าอวดดีกับกู”
“ปล่อย! ช่วย...” จุลลาดิ้น จะร้องขอความช่วยเหลือ แต่จุลลาถูกต่อยท้องจนจุก
“ไป”
จุลลาถูกลากเข้าข้างทางที่เป็นพงหญ้ารก
สืบสายวิ่งมากับผีเถ้าแก่ หาจุลลาไม่เจอ
“จุลลา”
“ไอ้หยา อีอยู่ไหนว้า เมื่อกี้อั๊วยังรู้สึกเลยว่าอีอยู่ตรงนี้ อาหนูช่าง”
“เธออยู่ที่ไหน”
“อั๊วก็ไม่รู้แล้ว แบตอั๊วอ่อนจนเหลือแค่ขีดเดียว ลื้อต้องช่วยตัวเองแล้วอาตี๋ ใช้เซ้นส์สิ ใช้เซ้นส์”
สืบสายร้อนใจ ไม่รู้จะไปตามหาจุลลาที่ไหนดี
จุลลาถูกลากเข้ามาในป่าข้างทาง จุลลาตัดสินใจกัดแขนคนร้าย เสยปลายคาง สะบัดหลุดออกมาได้ วิ่งหนีคนร้ายอีกคนที่เหลือวิ่งไล่ตาม กำลังจะตะปบจุลลาได้ ทันใดนั้นสืบสายพุ่งเข้ามาชาร์จคนร้าย พุ่งใส่ทั้งตัว ชนจนกระเด็นล้มไป
“คุณสืบสาย”
“จุลลา หนีไป”
แต่จุลลาไม่หนี ผีเถ้าแก่ปรากฏตัวข้างๆ จุลลา
“อาหนูช่าง หนีไปก่อน ไปตามคนมาช่วยอาตี๋” สืบสายสู้ไม่ได้ ถูกต่อยหน้าหงาย “หนีไปก่อน” ผีเถ้าแก่บอก
“หนูไม่หนี”
สืบสายกำลังแย่ ถูกต่อยเลือดกบปาก มึน หมอบ คนร้ายพุ่งมาจัดการจุลลา จุลลารวบรวมสติแลพลังเข้าต่อสู้กับคนร้าย 3 คน สืบสายยังเมาหมัด ผีเถ้าแก่เข้ามาบิวต์สืบสาย
“ลุกขึ้น อาตี๋ ลุกขึ้น” สืบสายลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า “ไอ้หยา ไม่ทันกิน” จุลลากำลังเพลี่ยงพล้ำ กำลังจะถูกจับตัวอีกรอบ ผีเถ้าแก่ทนไม่ไหว ตัดสินใจบางอย่าง รวบรวมพลังและลมปราณ “เอาก็เอาวะ ยากส์”
ผีเถ้าแก่เข้าสิงร่างของสืบสายทันที สืบสายล้มคุกเข่าก้มหน้ากับพื้นเพราะรู้สึกจุกเหมือนมีบางอย่างปะทะอย่างแรง จุลลาเพลี่ยงพล้ำกระเด็นมาทางสืบสาย สืบสายรับร่างของจุลลาไว้ในอ้อมแขนเอาไว้ พอดีอย่างเท่และเหมาะเหม็ง จุลลาอึ้ง สืบสายยิ้มมุมปาก ประคองจุลลาให้ยืนได้ วาดลีลากลายเป็นบรูซลี ราชากังฟูทันที
“อ่ะจ้า”
คนร้ายที่กำลังจะพุ่งเข้ามาถึงกับชะงัก มอง งง จุลลาก็งง สืบสายวาดลีลากังฟูเตรียมตั้งรับ หันมายักคิ้วให้จุลลาแล้วพูดสำเนียงเถ้าแก่
“บรู๊ซลี ไอดอลของอั๊ว อ่ะจ้า”
“หือ”
“เข้ามา อ่ะจ้า” สืบสายพูดกับคนร้าย จุลลายิ้มออก รู้ว่าเป็นผีเถ้าแก่เข้าสิงสืบสาย
“อ่ะจ้า”
จุลลาประกบชนหลังกับสืบสาย เตรียมลุยกับคนร้าย จุลลาและสืบสายอยู่ในวงล้อมของคนร้าย 3 คน
ส่วนทรงเดช หลังจากถูกจับตัวขึ้นรถมา ทรงเดชถูกปิดตา มัดมือติดกับเก้าอี้ในห้องโล่งว่าง ทรงเดชรู้สึกเครียดและกระสับกระส่ายมาก
“เฮ้ย จะจับตัวฉันมาทำไม จะเอาไงก็ว่ามา เฮ้ย ถ้าไม่ทำอะไรก็ปล่อยตัวสิวะ โรคจิตหรือไง จับตัวชาวบ้านมานั่งเล่นเนี่ย เฮ้ย”
ประตูห้องถูกเปิดผลัวะเข้ามา รองเท้าของคนที่ก้าวเข้ามาเป็นเท้าของชายฉกรรจ์ลูกน้องคิตตี้แล้วก็แหวกออก เป็นเท้าคู่หนึ่ง สวมรองเท้าส้นสูง ราคาแพงดูดี ก้าวเข้ามา ทรงเดชอึ้ง เหงื่อแตก เสียงฝีเท้าดังก้องใกล้ตัวทรงเดชมาเรื่อยๆ
วิมานมะพร้าว ตอนที่ 5 (ต่อ)
ทรงเดชนั่งตัวสั่น คิตตี้เดินเข้ามากับลูกน้อง กระชากผ้าเปิดตาทรงเดชออก
“คิตตี้”
“เออ”
“พี่กำลังจะเอาเงินไปคืนให้แล้วนะตามสัญญา ทำไมต้องทำพี่ถึงขนาดนี้ด้วยล่ะจ๊ะ ทำไมไม่คุยกันดีๆ”
“เหรอ”
“จ้า”
ลูกน้องส่งถุงใส่เงินให้คิตตี้
“แต่ไม่ครบ”
“ไม่ครบดีกว่าไม่คืน”
“เพื่อนเล่นแกเหรอ หา” ลูกน้องปราดเข้ามา ทรงเดชลนลานขอความเมตตา
“อย่าทำอะไรพี่เลยนะ ขอร้อง”
“จะทำ”
ลูกน้องปราดเข้าไปอีก
“อย่า อย่า”
“ใจเย็นๆ น่า คิตตี้”
เสียงเสี่ยเคี้ยงดังขึ้น ลูกน้องคิตตี้ชะงักทรงเดชโล่งอก เสี่ยเคี้ยง พ่อของคิตตี้เป็นเสี่ยที่เจ้าเล่ห์ แค่หน้าตาก็รู้เลยว่าขี้โกง ไว้ใจไม่ได้ เสี่ยเคี้ยงเดินยิ้มเข้ามา ทรงเดชมองอย่างแปลกใจ ไม่เคยเห็นหน้า
ครรชิตนอนเป็นลมอยู่หน้าบ้านพักจุลลา ค่อยๆ รู้สึกตัว เห็นเป้ของจุลลาที่ตกอยู่ก็ตกใจ มองไปรอบๆ
“บอสครับ” ครรชิตหันไปมองรถ ทะลึ่งตัวพรวดขึ้นด้วยความตกใจ “อย่ามามอง” ครรชิตรีบวิ่งออกไปด้วยความแขยง เพื่อตามหาสืบสาย “บอส”
ที่ป่าข้างทาง คนร้ายจะเข้าไปจัดการสืบสาย แต่เห็นภาพผีเถ้าแก่ซ้อนอยู่ในร่างของสืบสาย คนร้ายชะงัก งง
“หือ”
“จ้ะจ้ากกก”
สืบสายซัดคนร้ายลงไปกอง จุลลาซัดคนร้ายอีกคนลงไปกอง เหลือประจันหน้ากับคนร้ายอีกคน
“งานนี้ แกคงต้องหาเมียในคุกนะ”
“มึง”
คนร้ายพุ่งเข้าหาจุลลาด้วยความแค้น สืบสายตวัดสายตามอง ทันใดนั้นสืบสายพุ่งกระโดดเท้าลอยนำหน้าเข้าถีบคนร้ายกระเด็น ซัดจนหมอบ คนร้ายอักคนลุกขึ้นมา สืบสายและจุลลาเข้าประกบคู่ปาท่องโก๋อีกครั้ง
เสี่ยเคี้ยงยืนข้างๆ คิตตี้ โอบไหล่คิตตี้เอาไว้แล้วพูดอย่างเอ็นดู
“ใจร้อนอีกแล้วนะเรา หือ”
“ก็มัน...”
“พูดก็ไม่เพราะ เดี๋ยวไม่รักนะ” เสี่ยเคี้ยงตัดบท
“แฟนใหม่เหรอจ๊ะ คนนี้คราวพ่อเลยนะ”
“ก็เป็นพ่อฉันไง ไม่ใช่แฟน! ว่าจะไม่...”
คิตตี้ตบทรงเดชเปรี้ยง
“โอ๊ย”
“คิตตี้! ป๊าบอกให้ใจเย็นๆ”
“ขอบคุณครับป๊า ป๊าใจดีจังเลยครับ”
“ตบหน้าเค้าทำไม ทำไมไม่กระทืบ” เสี่ยเคี้ยงบอก
“ฮ้า” ทรงเดชร้อง เสี่ยเคี้ยงพูดกับลูกน้อง
“เฮ้ย”
ลูกน้องเข้าไปกระทืบทรงเดชพลั่กๆ โดยมีเสี่ยเคี้ยงและคิตตี้ยืนมองอย่างสะใจ
แสบกำลังล้างมอเตอร์ไซค์อยู่หน้าบ้านพัก ส่วนพวกลูกน้องพักผ่อนกันตามอัธยาศัยหลังเลิกงาน ทุกคนอยู่ในชุดสบายๆ แสบล้างรถอย่างทนุถนอม
“สักวัน เราจะโตนะลูกนะ” เจ๊พุ่มวิ่งมา
“พวกเอ็ง”
“วิ่งหน้าตื่น จะไปตามควายที่ไหนเจ๊พุ่ม”
“มาตามพวกเอ็งนั่นแหละ”
“อ๋อ ว่าพวกเราเป็นควาย” ยามจ่อยถาม
“แกนั่นแหละรับไปคนเดียว” หยิกบอก
“แต่พี่แสบเป็นคนเริ่ม ก็ให้พี่แสบรับไปสิ”
“เฮ้ย จะฟังข้าหรือจะคุยกันเอง” เจ๊พุ่มชักโมโห
“มีไร ก็ว่ามาเซ่ อย่าตั๊กลีลา”
“คุณเลขาโทรมา ท่าทางจะไม่ค่อยดี ให้ไปช่วยกันหน่อย”
“มีเรื่องอะไรเจ๊”
จุลลาและสืบสายประกบหลังกัน จ้องคนร้ายที่ยังเหลืออยู่
“คนสุดท้ายแฟนหล่อ รับมั้ยเถ้าแก่” จุลลาถาม
“ไอ้หยา ฟ้าผ่าซี ให้ลื้อแล้วกัน จะได้มีแฟนหล่อๆ”
“ให้ผู้อาวุโสเถอะ เกรงใจ”
“ลื้อเคยเกรงใจอั๊วด้วยเหรอวะ”
“ความจริงนะ หนูเหนื่อยอ่ะ หมดแรง ช้ำไปหมดแระ ยังไงผู้หญิงก็ไม่ถึกเท่าผู้ชายนะเถ้าแก่” คนร้ายฉวยจังหวะหันหลังวิ่งหนี จุลลาเห็น “มันหนีไปแล้ว โอยมัวแต่โม้”
“ใครโม้กันแน่วะ”
สืบสายเตะก้อนหินขึ้นมาลอยกลางอากาศ แล้วเตะเปรี้ยง ก้อนหินลอยฟาดกลางหัวคนร้าย ล้มลง มึน หมดสติ
“โห”
“แม่นฝุดๆ ฮ่ะๆๆๆ”
สืบสายและจุลลาไฮไฟว์กันอย่างดีใจท่ามกลางคนร้ายนอนสลบ 3 คน ผีเถ้าแก่ออกจากร่างของสืบสาย สืบสายชักกระตุก มึนๆ ผีเถ้าแก่หมดแรง ร่วง ลงไปนั่ง
“เกิดอะไรขึ้น พวกมันฝีมือเธอเหรอ” สืบสายถาม
“คือฉันอธิบายได้นะ เพราะว่า...” จุลลาจะบอกว่าเป็นฝีมือผีเถ้าแก่ ระหว่างนั้น คนร้ายคนหนึ่งได้สติ คว้าท่อนไม้ใกล้ๆ ด้วยความแค้น ลุกขึ้น วิ่งมา จ้องจะทุบจุลลา สืบสาย ผีเถ้าแก่เห็น สืบสายเข้าไปกอดจุลลาเอาไว้ใช้ตัวเองรับไม้แทน ไม้ฟาดเข้ากลางหัวสืบสาย หัวแตก เลือดอาบ ร่วง สลบไปเลย
“อาตี๋”
จุลลาหันไปตาขวาง กระโดดถีบใส่คนร้าย ใส่ไม่ยั้งจนคนร้ายไม่ทันตั้งตัว ครรชิตเข้ามาเห็นพอดี ตกใจ ยืนอึ้ง
จุลลากระทืบคนร้ายจนเละคาตีน
“สุดยอด เก่งเว่อร์ๆ ครับ” ครรชิตตบมือ
“ไปดูคุณสืบสายก่อน”
จุลลาและครรชิตไปดูสืบสาย ในขณะที่คนร้ายอีก 2 คนเพิ่งเริ่มฟื้น พวกของแสบและเจ๊พุ่ม รวมทั้งคนงานเข้ามาเห็น
“พี่จูน กับบอสถูกรุมทำร้าย ไอ้เลว ตาย”
แสบและพรรคพวกเข้าไปรุมคนร้าย 2 คนที่เพิ่งฟื้น จนหมอบลงไปอีก
“แจ้งตำรวจ เรียกรถพยาบาล” จุลลาบอกครรชิต
“ครับผม”
ครรชิตโทรศัพท์ทันที จุลลาประคองสืบสายเอาไว้ด้วยความเป็นห่วง ผีเถ้าแก่อ่อนแรงนั่งดูอยู่ใกล้ๆ ยิ้มอย่างปลาบปลื้มที่เห็นความห่วงใยของจุลลาที่มีต่อสืบสาย
คนร้ายอีกคนได้สติจะลุก แสบเข้าไปขยี้ซ้ำจนคนร้ายทั้งสามคนแน่นิ่ง แสบและพวกยืนเท่มาก โดยมีเจ๊พุ่มเป็นผู้หญิงคนเดียว
“คุณสืบสาย”
แสบและพวกได้ยินเสียง สลายฟอร์ม เข้าไปดูอาการสืบสาย แต่ทั้งหมดต้องชะงักเพราะเห็นท่าทีของจุลลาที่เป็นห่วงสืบสายมาก เกินกว่าแค่เจ้านายลูกน้องธรรมดา
“คุณสืบสาย! อดทนก่อน คุณเลขา รถพยาบาลจะมาหรือยัง”
“ตำรวจรับเรื่องแล้วครับผม แจ้งรถมารับแล้วครับผมไม่เกินสิบนาทีครับ”
“สิบนาที รอไม่ไหวหรอก มาช่วยฉันอุ้มคุณสืบสายเร็ว ไอ้แสบ อย่ายืนเฉยๆ สิ มาเร็ว คุณสืบสายแย่แล้ว เห็นมั้ย”
สืบสายค่อยๆ ลืมตา
“ยังไม่แย่” จุลลาดีใจ
“คุณสืบสาย”
“บอส”
“ฉันรอได้ ไม่เป็นไร ฉันโอเค”
จุลลากอดสืบสายเอาไว้ด้วยความดีใจ สืบสายอึ้งที่ถูกจุลลากอดแต่ก็รู้สึกดี แสบและพวกอึ้ง อ้าปากค้าง
ผีเถ้าแก่มองจุลลาและสืบสาย ปลื้ม แต่ตัวเองก็ค่อยๆ ทรุดลง เพราะพลังเริ่มหมด ร่างค่อยๆ หายไป
สืบสายถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินในสภาพเลือดอาบหัว จุลลาและครรชิตเดินตามมาอย่างเป็นห่วง
“เอ็กซเรย์ให้หมดเลยนะคะ อาจจะเลือดตกข้างใน” จุลลาบอกพยาบาล
“ค่ะ”
“โดยเฉพาะสมอง อาจจะได้รับความกระทบกระเทือน”
“ค่ะ”
“เค้าจะตายมั้ยคะ”
“จุลลา อยากจะให้ฉันตายนักหรือไง” สืบสายถามขัดขึ้นมา
“ฉันไม่อยากให้คุณเป็นอะไรต่างหาก” สืบสายอึ้งเห็นความห่วงใยจริงจังของจุลลา เขินอีก จุลลาเขินด้วย รีบกลบเกลื่อน “เพราะคุณมาช่วยฉัน ถ้าเป็นอะไรขึ้นมา ฉันไม่อยากซวย คงมีหลายคนอยากฉีกอกฉันแน่ๆ”
“ฉันอยากได้ยินเธอพูดว่า ไม่อยากให้ฉันเป็นอะไร แค่นั้น”
“หือ”
“ก็ถ้าไม่ให้พี่พยาบาลรีบพาเข้าไปให้หมอตรวจ บอสอาจถึงตายจริงก็ได้นะครับ อย่าเพิ่งสั่งเสียกันเลยครับ ยัง...”
“ครรชิต” สืบสายขัด ครรชิตรีบหุบปาก พูดกับพยาบาล
“รีบเลยครับพี่”
“ญาติรอด้านนอกก่อนนะคะ”
เจ้าหน้าที่พาสืบสายเข้าห้องฉุกเฉิน จุลลาและครรชิตรออยู่ด้านนอกด้วยความเป็นห่วง ครรชิตอมยิ้ม ชอบใจเห็นโมเม้นต์หวานเขินของเจ้านายกับจุลลา
ทรงเดชสลบเหมือดอยู่ ค่อยๆ ฟื้นลืมตาขึ้น เสี่ยเคี้ยงและคิตตี้ยืนอยู่ ทรงเดชผงะ พยายามจะดิ้นหนี
“อย่าทำอะไรผมอีกเลยนะ ผมขอร้อง จะให้ผมทำอะไรก็ได้นะครับคิตตี้ จะให้พี่กราบก็ได้ พี่ขอโทษ พี่สัญญา พี่ไม่หนี ไม่เบี้ยว จะรีบกลับไปหาเงินมาใช้หนี้”
“เหลืออีกกี่แสนนะคิตตี้”
“แสนกว่าๆ ค่ะป๊า”
“ก็ไม่ได้เยอะนี่”
“นั่นสิครับ ไม่ได้เยอะเลย แต่ทำไมต้องทำกับผมถึงขนาดนี้ด้วยล่ะครับ ยังไม่ครบเดือนตามที่คุยกันไว้อีกต่างหาก คุยกันดีๆ” เสี่ยเคี้ยงขัดขึ้นอย่างโกรธ
“เพราะการคุยกันดีๆ ไม่ได้ทำให้อั๊วได้ในสิ่งที่อยากได้” ทรงเดชอึ้ง “เงินแค่แสนกว่าบาทจากลื้อ มันขี้มด ไม่ใช่เหตุผลที่อั๊วต้องลงแรงลากลื้อมาที่นี่”
“หมายความว่าไงครับ”
“ตอนนี้ไม่ใช่แค่เงินที่อั๊วอยากได้จากลื้อ แต่มากกว่านั้น”
“ผมจะมีอะไรให้ป๊าอีกล่ะครับ ตอนนี้ก็เหลือแต่ตัวแล้ว”
“มีสิ มีแน่ แล้วลื้อก็ต้องทำให้ได้ด้วย ไม่อย่างนั้น ไม่ใช่แค่เลือดกบปากลื้อ แต่เลือดจะหมดตัวลื้อจนตาย”
ทรงเดชอึ้ง ตกใจกลัว
จุลลานั่งอยู่กับครรชิต รออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน แสบและพวกเข้ามา
“พี่จูน บอสอ่ะ เป็นไงบ้าง”
“หมอตรวจอยู่”
“ดีนะที่ฉันมาช่วยไว้ได้ทัน ไม่งั้นบอสอาจจะไม่รอด พี่ก็อาจจะบาดเจ็บสาหัส” แสบอึ้งไปเพราะเห็นสายตาของจุลลา ครรชิต และพวกมองหน้า ทุกคนเซ็งกับความขี้โม้ของแสบ “ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้น”
“กล้าเนอะ”
“อย่าทับถม พี่ขอร้อง พี่จูนพวกมันเป็นใคร รู้ป่ะ แล้วไปไงมาไงล่ะเนี่ย”
“พวกมันเคยเมาแล้วมีเรื่องที่ร้านฉัน ถูกฉันซัดจนหมอบ มันกลับมาแก้แค้น”
“เลวว่ะ”
“หน้าตัวเมียชัดๆ”
“ขอกลับไปกระทืบพวกมันอีกทีได้ป่ะฟังแล้วขึ้น” แต่ไม่มีใครห้าม แสบกลับมาเอง “ไม่ห้ามหน่อยเหรอ”
“ห้ามไม เดี๋ยวพี่ก็กลับมาเอง”
“ว่าพี่เก่งแต่ปากเหรอน้องเข่ง”
“ครับพี่”
คุณนายเง็กเข้ามา โวยวายลั่น
“อาตี๋ อาตี๋อั๊วอยู่ไหน อีเป็นไงบ้าง อาหนูช่าง อาครรชิต”
“ให้หมอตรวจดูอาการอยู่ครับ ท่านรอง”
เสี่ยตงในชุดไดรฟ์กอล์ฟเข้ามาอย่างร้อนใจ
“อาตี๋ อาเง็ก อาตี๋เป็นยังไง”
“อั๊วเพิ่งมาถึงเนี่ย อียังไม่ออกจากห้องฉุกเฉินเลย เฮียอั๊วเป็นห่วงอาตี๋”
“ไม่เป็นไรน่ะ อีไม่เป็นอะไรมากหรอกน่ะ ลูกเราเข้มแข็ง”
เสี่ยตงปลอบใจคุณนายเง็ก ดูญาติดี เห็นอกเห็นใจกันเป็นอันมาก จุลลารู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ก่อนจะนึกถึงผีเถ้าแก่
“เถ้าแก่”
เถ้าแก่นอนทอดร่างอย่างอ่อนแรงบนเก้าอี้ในฮวงซุ้ย กดรีโมทเปิดทีวี ที่จอทีวีเปิดขึ้นเป็นภาพทุกคนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ตำรวจ 2 นายเข้ามาเพื่อสอบปากคำ จุลลาให้ปากคำกับตำรวจ ครรชิต แสบและพวกคอยเสริม คุณนายเง็กกับเสี่ยตงยืนฟัง
หน้าห้องฉุกเฉิน จุลลากำลังให้ปากคำตำรวจ
“พวกมันเคยเมาแล้วก่อเรื่องที่ร้านอาหารสบายท้องของพ่อฉันค่ะ ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าถูกสะกดรอยตามมาถึงบ้านพักตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันกำลังจะแย่คุณสืบสายก็มาช่วย แต่...” จุลลาไม่บอกว่าผีเถ้าแก่เข้าสิงสืบสาย “ก็ เอ่อ..เค้า
ถูกต่อยจนสลบไปก่อน พอฟื้นมา ก็ถูกตีหัวจนสลบไปอีก”
“จากนั้นพวกผมก็ตามมาสมทบ ทันได้เห็นพี่จูนซัดมันจนหงายท้องแต่ยังไม่หมดฤทธิ์” แสบบอก
“พี่จูนกับคุณเลขาเข้าไปดูอาการของบอส” เข่งเสริม
“พวกผมก็เข้าไปกระทืบมันซ้ำ โดยที่ไม่ให้มันตั้งตัวติด”
“พูดง่ายๆ รุมคนไม่มีทางสู้ครับ”
“เป็นสิ่งที่พวกเราถนัดมาก”
“ยกเว้น ตบเด็ก เตะหมา และทำร้ายผู้หญิง เราไม่ทำ ผิดจรรยาบรรณ”
“พอเถอะครับน้องๆ เดี๋ยวจะเข้าตัว”
“ขอบคุณครับ ตอนนี้ก็เหลือแค่สอบปากคำคุณสืบสาย”
“ฝากจัดการพวกมันให้หนักๆ หน่อยนะคะ คุณตำรวจ” คุณนายเง็กบอก
“พวกอันธพาลพวกนี้ ทำให้คนดีๆ ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง เอาเข้าคุกนานๆ เลยนะครับคุณตำรวจ” เสี่ยตงบอก
“เราจะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุดครับ ไม่ต้องห่วง ถ้าคุณสืบสายอาการหนักก็จะแจ้งข้อหาพยายามฆ่าเพิ่ม”
ทุกคนอึ้ง เป็นห่วงสืบสาย สืบสายถูกเข็นเตียงออกมา จุลลาและทุกคนกรูเข้าไปถามหมอ
“ลูกชายดิฉันอาการเป็นไงบ้างคะ” คุณนายเง็กรีบถามหมอ
“ที่ตรวจเบื้องต้น ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงครับ มีแต่แผลฟกช้ำ แต่เพื่อความแน่ใจก็จะขอเอ็กซเรย์อวัยวะภายในและสแกนสมอง”
“อาตี๋ของหม่าม้า”
“หม่าม้า ผมยังไม่เป็นอะไร”
“ม้ารู้ แต่มันอดไม่ได้”
“อาเง็กก็เข้มแข็งสิ อย่าให้ลูกใจเสีย ดูอั๊วเป็นตัวอย่าง” เสี่ยตงบอก
“น้ำตาซึมนะครับ ท่านประธาน” แสบบอก
“แสบตาเว้ย”
“อ้อครับ”
สืบสายสบตาจุลลา จุลลายิ้มให้สืบสายอย่างโล่งใจและให้กำลังใจ สืบสายยิ้มตอบแล้วพูดกับหมอ
“ผมขอให้ปากคำคุณตำรวจก่อนได้มั้ยครับ จะได้รีบจัดการพวกนั้น ไม่ต้องรอ”
“ถ้าไหวก็ไม่มีปัญหา เชิญครับ”
หมอ พยาบาลเลี่ยงไป ตำรวจเข้ามาสอบปากคำสืบสาย
“คุณจุลลา คุณครรชิต คุณแสบและทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ให้ปากคำว่า คุณจุลลาจัดการคนร้ายเพียงลำพัง เพราะคุณถูกทำร้ายจนสลบไปก่อน ฟื้นขึ้นมา ก็ถูกตีหัวจนสลบไปอีก”
สืบสายอึ้ง รู้สึกอายแปลกๆ
“ครับ” สืบสายหันมามองจุลลา จุลลายิ้มให้สืบสาย แหยๆ แต่ก็เห็นใจ
“ไอ้หยา อาตี๋น่าอายฉิบเป๋ง สู้ผู้หญิงอย่างอีไม่ได้เลย” เสี่ยตงกระซิบกับสืบสาย
“ก็เป็นความจริงนี่ครับ ผมคงต้องยอมรับว่าสู้ไม่ได้” สืบสายยิ้มอย่างยอมรับอย่างจริงใจกับจุลลา จุลลายิ้มตอบ “อยากรู้อะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่าครับ” สืบสายถามตำรวจ
จุลลาลอบมองสืบสายอย่างประทับใจที่ไม่โวยวายและยอมรับที่ผู้หญิงอย่างจุลลาจะเก่งกว่าเรื่องการต่อสู้
ผีเถ้าแก่นอนยิ้มมองดูภาพในจอทีวี
“น้ำหยดลงหิน ทุกวันหินมันยังกร่อน ใจบางๆ ของลื้อสองคน มันก็กำลังจะอ่อน ถ้าอั๊วโชคดีก็จะได้อยู่ทันเห็นมันหลอมรวมเป็นหัวใจดวงเดียวกัน”
ผีถ้าแก่นอนยิ้ม ในขณะที่ร่างของผีเถ้าแก่วูบๆ วาบๆ เดี๋ยวชัด เดี๋ยวไม่ชัด เพราะพลังงานไม่เสถียร
ห้องพักฟื้นในโรงพยาบาล สืบสายนอนบนเตียง จุลลา คุณนายเง็ก เสี่ยตงอยู่ด้วย คุณนายเง็กยืนอยู่ มองพยาบาลดูแลสืบสายให้นอนให้เรียบร้อย
“ผมไม่ต้องนอนไม่ได้เหรอครับ ในเมื่อผลตรวจออกมาก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว” สืบสายถามพยาบาล
“ไม่ได้” จุลลา คุณนายเง็กพูดพร้อมกัน ทุกคนตกใจ หันมอง จุลลารีบแก้ตัว
“คือท่านรองว่ามั้ยคะ ว่าเรายังไม่ควรวางใจ เกิดชัก น้ำลายฟูมปาก กัดลิ้นตัวเองขึ้นมาจะทำไง”
“จุลลา ฉันถูกตีหัว ไม่ได้เป็นลมบ้าหมู”
“เออ นั่นแหละ อะไรก็เกิดขึ้นได้ ที่มันเป็นอาการแทรกซ้อนน่ะ สมองนะคุณไม่ใช่หัวเข่า มันอันตราย มันอ่อนไหว”
“อาหนูช่างพูดถูก อยู่ใกล้หมอไว้ก่อนนะ อาตี๋นะ”
“ลื้อนอนน่ะดีแล้ว ไม่ต้องห่วงงานนักหรอกน่ะ ป๊าจัดการดูแลให้ได้” เสี่ยตงบอกเพราะวางแผนจะให้เดือนพิไลมาดูแลที่โรงพยาบาล สืบสายสบตาจุลลารู้สึกเป็นห่วง จนจุลลาหนาวๆ ร้อนๆ เขิน
คุณนายเง็กและครรชิตคอยสังเกตปฏิกิริยาระหว่างสืบสายและจุลลาตลอด
“ก็ได้ครับ แต่ผมขอให้หม่าม้าช่วยอะไรหน่อยได้มั้ยครับ”
“ช่วยอะไร ว่ามาเลย”
คุณนายเง็กและทุกคนรอฟัง สืบสายมองหน้าจุลลาด้วยความเป็นห่วง
คุณนายเง็กเดินมามาในบ้านกับกับเสี่ยตง สั่งการป้าเมี่ยง จุลลาเดินสะพายเป้ตามหลังมาอย่างเกรงใจ
“ดูแลให้อาหนูช่างพักอยู่กับเราไปก่อน จนกว่าเรื่องคดีจะเรียบร้อยและแน่ใจว่าไอ้พวกที่มันมาทำร้ายอีเข้าไปนอนในคุกเรียบร้อย”
“เอ่อ ไม่ต้องนานขนาดนั้นก็ได้นะคะท่านรอง”
“ไม่ได้ เพื่อความสบายใจของอาตี๋ ของอั๊ว ลื้ออย่าขัด”
“ก็จัดหาเวรยามคอยตรวจดูความปลอดภัยแถวบ้านพักอีเป็นระยะๆ ก็ได้นี่อาเง็ก อย่าทำให้อาหนูช่างอีลำบากใจหรืออึดอัดใจเลย” เสี่ยตงบอก
“ไม่เป็นไร อั๊วไม่ถือ อย่าทำให้ความเป็นห่วงของอาตี๋อีเป็นหมัน ลูกกำลังเจ็บ อย่าทำให้ลูกเสียใจ อีกอย่างเรื่องดูแลความเป็นอยู่ของพนักงานเป็นหน้าที่โดยตรงของอั๊ว เฮียอยู่เฉยๆ”
“หนู”
“ลื้อก็อยู่เฉยๆ อาเมี่ยง ไปเร็วๆ”
“ค่ะ ท่านรอง นายช่างมากับป้านะคะ”
“ค่ะ”
จุลลาตามป้าเมี่ยงไปอย่างเสียไม่ได้ เสี่ยตงส่ายหัวกับการเจ้ากี้เจ้าการของคุณนายเง็กจะออกไป แต่คุณนายเง็กเข้าไปขวาง
“เดี๋ยวก่อน”
“อะไร”
“จัดการเรื่องอาตี๋ฝากฝังให้ดูแลอาหนูช่างเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็เรื่องของลื้อ”
“เรื่องของอั๊ว อั๊วทำไม”
“ลื้อกล้าเซ็นเช็คมากมายขนาดนั้นให้ยัยเดือนพิไล จริงๆ แล้วลื้อคิดอะไรกับอีใช่มั้ย เฮียตงงงงง” จริงๆ แล้วเสี่ยคิด แต่ทำฉุนกลบเกลื่อน
“วะ”
คุณนายเง็กเผชิญหน้ากับเสี่ยตง เตรียมเปิดศึก
สืบสายนอนครุ่นคิดอยู่บนเตียง ครรชิตนั่งเฝ้าไข้อยู่พลางดูทีวี กินอาหารกล่อง สืบสายนึกถึงตอนเหตุการณ์ต่อสู้กับคนร้าย
สืบสายล้มลงไปเห็นจุลลาชุลมุนกับคนร้ายทั้งสามคน ท่าทางจุลลากำลังจะแย่ ทันใดนั้นสืบสายก็รู้สึกตัวงอล้มลงไปคุกเข่าเพราะถูกผีเถ้าแก่เข้าสิงร่าง จากนั้นในความคิดของสืบสายคือเหมือนหมดสติไป
สืบสายรู้สึกแปลกใจมาก
“มันเกิดอะไรขึ้น เกิดขึ้นได้ยังไง”
สืบสายหวนคิดถึงช่วงเวลาตะลุมบอนอีกช่วงหนึ่ง
จู่ๆ สืบสายก็ได้สติ รู้สึกมึนงง เห็นจุลลาและคนร้ายที่หมอบกันหมด จากนั้นสืบสายก็เห็นคนร้ายคนหนึ่งข้างหลัง ถือไม้ พุ่มเข้ามาจะตีจุลลา สืบสายเอาตัวเข้าไปขวางรับไม้แทน
สืบสายแปลกใจ
“จุลลาจัดการพวกมันจนหมดคนเดียวเลยเหรอครรชิต” แต่ครรชิตไม่ได้ยิน ยังอินอยู่กับละคร
“บอสดูสิครับ แย่งกันอยู่ได้ผู้ชายคนเดียว ทั้งนางเอก นางร้าย มีนางรองอีก พระเอกก็หน้าตางั้นๆ เค้าต้องการจะสะท้อนอะไรครับผม ผู้ชายในโลกนี้มีน้อยกว่าผู้หญิง เลยต้องมีการแย่งชิงตัว หรือของดีมีน้อย” สืบสายหงุดหงิด ขัดขึ้น
“ไอ้ครรชิต” ครรชิตสะดุ้ง ตกใจ
“ครับผม”
“ฉันจะกลับบ้าน”
“บอส”
สืบสายลุกขึ้นเลย ไม่ฟังเสียงครรชิต
หน้าบ้านพักคนงาน แสบกำลังเล่าให้เจ๊พุ่ม ยามจ่อยและคนงานฟัง กลุ่มพวกอยู่ด้วย คอยเสริม แสบเข้าไปกอดเจ๊พุ่ม
“เข้าไปกอดกับพี่จูนยังงี้เลย”
ทุกคนฟังแล้วเคลิ้ม
“กอดกันอย่างเดียวเหรอครับผม ช่างแสบ”
“เออ นั่นสิ” แสบเพิ่งรู้ตัวว่ากอดเจ๊พุ่ม
“ว้าย” แสบรีบปล่อยมือ “เจ๊พุ่ม กอดเค้าทำไมเนี่ย”
“เดี๋ยวถีบยอดหน้าเลย ไอ้แสบ เอ็งนั่นแหละมากอดข้า”
“โอ๊ย อย่าเพิ่งนอกเรื่องได้ป่ะ กำลังอยากรู้ ตกลง บอสกับนายช่างทำอะไรกันอีกมั้ย”
“ชวนกันไล่จับผีเสื้อมั้ง เว้ย วินาทีนั้นหน้าสิ่วหน้าขวาน ไม่ได้สังเกตขนาดนั้น”
“ทำไมไม่สังเกตวะ เรื่องนี้เรื่องใหญ่นะไอ้แสบ”
“เลิฟซีนของบอสกับนายช่างใหญ่กว่าอาการบาดเจ็บของบอสเหรอครับผม ไม่เห็นมีใครถามเลยว่าบอสปลอดภัยดีแล้วหรือยัง”
“เออ นั่นเด่ะ พวกเจ๊นี่ยังไงวะ ทำไม ถ้าบอสกับนายช่างจะอินเลิฟจุ๊บๆ กัน มันน่าสนใจตรงไหน”
“น่าสนใจมาก เพราะว่าท่านรองแกอยากจะให้บอสกับนายช่าง...” เจ๊พุ่มเกือบหลุดปาก “อุ๊บส์”
ทุกคนหันมองเจ๊พุ่มเป็นตาเดียว เจ๊พุ่มถอยหลังกรูด
ที่คฤหาสน์ เสี่ยตงเดินหนีคุณนายเง็ก
“กะอีแค่เงินไม่กี่บาท แล้วอั๊วก็มีเหตุผลที่จะจ่าย”
“เหตุผลอะไร”
“ลื้อก็รู้อยู่แล้ว ทำไมต้องให้อั๊วพูดซ้ำพูดซาก”
“ก็จะให้ลื้อพูดใหม่ อั๊วอยากได้ยินจากปากลื้อ อยากเห็นแววตาของลื้อเวลาพูด เพราะลื้อจะไม่มีทางโกหกอั๊วได้”
“ไร้สาระ ซ้ำซาก” คุณนายเง็กพยายามจะใจเย็น
“อั๊วจะไม่โกรธลื้อ อั๊วจะคุยอย่างมีเหตุผล เฮียเปลี่ยนไปจริงๆ เฮียให้มันด้วยความเสน่หาส่วนตัวแต่อ้างเรื่องอาตี๋”
“นี่อยากให้อั๊วมีเมียน้อยจริงๆ ใช่มั้ย อาเง็ก”
“ลื้อกล้าเหรอ”
“ก็ถ้าเมียที่บ้าน มันชอบทำให้บ้านบึ้มอยู่บ่อยๆ ทำไมอั๊วจะไม่กล้า ลองดูมั้ย”
คุณนายเง็กอึ้ง เสี่ยตงฉุนเดินออกไป คุณนายเง็กเจ็บใจ โกรธมาก
จุลลายืนอึ้งอยู่กลางห้องพักแขก ในขณะที่ป้าเมี่ยงกำลังจัดเครื่องนอน
“เฮียตง” เสียงคุณนายเง็กดังเข้ามา จุลลาและป้าเมี่ยงสบตากัน ป้าเมี่ยงยิ้มให้จุลลา
“นายช่างต้องทำใจให้ชินหน่อยนะคะ เพราะยังต้องอยู่ที่นี่อีกหลายวัน”
“ท่านประธานกับท่านรอง ทะเลาะกันบ่อยมากมั้ยคะ”
“เมื่อก่อนก็ทะเลาะกันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ตามประสาสามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันมานาน จะบ่อยแค่ไหนก็ไม่ได้รู้สึกเครียดกันเท่าตอนนี้มันมีเรื่องของคนข้างนอกเข้ามาเกี่ยว”
“คุณสืบสาย คงเครียดมากเหมือนกัน”
“ค่ะ ป้าสงสารคุณสืบ ไหนจะเรื่องงาน ไหนจะเรื่องป๊ากับหม่าม้า ศึกนอกศึกในรุมจนแทบไม่มีเวลาหาความสุขใส่ตัว ป้าเป็นห่วงแกมากเลยนะคะ ตั้งแต่อาก๋งเสีย ป้าก็ไม่แทบจะไม่เห็นคุณสืบเธอยิ้ม กลัวจะเครียดจนทำ
ให้ตัวเองป่วย”
“หนูจะเข้ามาทำให้ในบ้านนี้เครียดมากกว่าเดิมหรือเปล่าคะ”
“อย่าคิดมากเลยค่ะ ถ้าเป็นเรื่องของงาน ท่านประธานกับท่านรองจะยอมถอยให้คุณสืบตามสัญญาที่ทำกันไว้”
“สัญญา สัญญาอะไรคะ”
ป้าเมี่ยงรีบเลี่ยง เพราะไม่อยากพูดมากไปกว่านี้
“นายช่างพักผ่อนเถอะค่ะ ตอนเช้าจะให้ป้ามาปลุกมั้ยคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูตื่นเอง ขอบคุณมากนะคะป้า” จุลลายกมือไหว้ ป้าเมี่ยงรับไหว้และยิ้มให้จุลลาอย่างเอื้อเอ็นดู ที่จุลลามีสัมมาคารวะและอ่อนน้อมถ่อมตัว แล้วออกไป
จุลลานั่งลง มองไปนอกประตูเห็นฮวงซุ้ย
“เถ้าแก่”
ห้องทำงานเถ้าแก่ คุณนายเง็กยืนมองรูปของเถ้าแก่อยู่ในความมืด
“เตี่ย เตี่ยยังอยู่ใช่มั้ย เตี่ยเห็นใช่มั้ยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับลูกหลานในบ้าน เตี่ยรู้ใช่มั้ยว่าเรื่องพวกนี้มันต้องเกิดขึ้น เตี่ยถึงได้พยายามจะติดต่ออั๊ว”
คุณนายเง็กน้ำตาซึม รู้สึกเครียด
ในฮวงซุ้ย ผีเถ้าแก่อ่อนแรงอยู่บนเก้าอี้ พยายามยื่นมือจะไปรินน้ำชา ผีเถ้าแก่เห็นแขนของตัวเองเหมือนคลื่นพลังงานที่ติดๆ ดับๆ
“ไอ้หยา แย่แล้ว”
ผีเถ้าแก่มือสั่น ตกใจ จนทำให้กาน้ำชาร่วงลงจากมือ
เจ๊พุ่มยิ้มปากคอสั่นอยู่หน้าบ้านพักคนงาน ในขณะที่ทุกคนพยายามไล่เบี้ย
“อัลลัย ยังไง เจ๊พุ่ม”
“ท่านรองอยากให้บอสกับนายช่างอะไร บอกมา”
“ก็แบบ อยากให้สองคนนั้นคุยกันดีๆ แค่นี้แหละ”
“ไม่จริง”
“ดูทรงแล้ว เจ๊ต้องเก็บความลับอะไรบางอย่างไว้ที่มากกว่านั้น”
“ซึ่งเป็นความลับที่ไม่อยากให้ทุกคนรู้”
“ก็แน่นอนสิ ความลับถ้าเปิดเผย ก็ไม่เป็นความลับ”
“แสดงว่าเจ๊ยอมรับว่าเจ๊กำความลับเอาไว้”
น้ำหวานเข้ามาพอดี
“ความลับอะไรเหรอจ๊ะ ทุกคน”
แสบและทุกคนหันไป แสบเห็นน้ำหวาน เข้าไปประชิดทันที
“อุ๊ย น้องน้ำหวาน มากับใคร มายังไง ค่ำมืด อันตรายรู้มั้ย พี่เป็นห่วง”
“เตี่ยมาด้วย บอกเตี่ยมะ”
“อุ๊ย อย่าเลย พี่เข้าหาผู้ใหญ่ไม่เก่ง”
“แสดงว่าไม่จริงใจ”
“จริงสิ ใจมากๆ”
“งั้นโทรเรียกให้ เตี่ยเอารถมาเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่ร้านข้างโรงงานนี่เอง”
น้ำหวานจะยกหูโทรหาเตี่ย
“แหม เตี่ยคงกำลังยุ่งเรื่องขั้วบวกขั้วลบอยู่ อย่ารบกวนแกเลย ว่าแต่ว่าที่มาเพราะคิดถึงพี่เหรอจ๊ะ”
“เฮียเจ้าของร้านแบตบอกว่าไอ้พี่แสบเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล ฉันอยากรู้ข่าวบอสกับพี่จูนเลยมาหา”
จังหวะเดียวกับที่เจ๊พุ่มกำลังจะย่องออกไป เจ๊อ้อยเห็น
“อีเจ๊พุ่ม จะไปไหน”
“ไปดูละคร”
-แสบและทุกคนเข้าไปขวาง
“อย่าเพิ่ง อยู่นี่เลย ยังไม่เสร็จกิจ”
“ตกลงมีเรื่องอะไรกันเหรอ”
“เจ๊พุ่ม แถลงข่าวมาด่วน มีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรในเรื่องอินเลิฟจุ๊บๆ ของบอสกับพี่จูน”
เจ๊พุ่มถูกล้อมกรอบอีกครั้ง
จุลลาเดินมาเพื่อจะไปฮวงซุ้ย คุณนายเง็กเดินมาเรียกไว้
“อาหนูช่าง”
จุลลาชะงัก หันไป
“คะ ท่านรอง”
“อั๊วมีเรื่องอยากคุยด้วย” จุลลาแปลกใจ
“ค่ะ”
คุณนายเง็กพาจุลลามานั่งคุยอีกมุมหนึ่ง
“ลื้อตอบอั๊วมาตรงๆ ว่าลื้อติดต่อกับก๋งอาตี๋ได้หรือไม่ได้” จุลลาอึ้ง “บอกมาเถอะ ไม่ต้องกลัว อั๊วเชื่อว่าก๋งอาตี๋อียังอยู่”
จุลลาตัดสินใจบอก
“ค่ะ หนูสามารถมองเห็นและคุยกับเถ้าแก่ได้” คุณนายเง็กอึ้ง ดีใจ
“นานแค่ไหนแล้ว”
“สักพักหนึ่งแล้วค่ะ ตั้งแต่คืนแรกที่หนูมานอนค้างที่นี่”
“แล้วทำไม ลื้อไม่บอกอั๊ว”
“ตอนแรกหนูไม่เชื่อ และพยายามจะไม่สนใจ”
“เตี่ยคุยอะไรกับลื้อบ้าง”
“เถ้าแก่เป็นห่วงเรื่อง...”
“หม่าม้า”
จุลลา คุณนายเง็กชะงัก หันไป สืบสายเดินเข้ามากับครรชิต ครรชิตจ๋อยมาก กลัวถูกด่าที่ยอมให้สืบสายออกจากโรงพยาบาล
“อาตี๋ ลื้อออกจากโรงพยาบาลทำไม”
สืบสายพาจุลลามาคุยกันเป็นการส่วนตัวที่มุมหนึ่ง จับมือแน่น ไม่ยอมปล่อย
“ฉันมีเรื่องสงสัยจะถามเธอ”
“เอ่อ ปล่อยมือก่อนมะ”
สืบสายอึ้ง มองที่มือตัวเอง ค่อยๆ ปล่อย
“มือสากนะ”
“จะถามเรื่องที่สงสัย หรือเรื่องมือ เอาให้แน่”
“ทำไม โกรธเหรอ”
“เปล่า”
“งอน”
“ยังอีก ไม่ถาม ฉันไปล่ะนะ” สืบสายจับมือจุลลาไว้อีก
“เดี๋ยวก่อน” จุลลารีบสะบัดมือ เก็บมือ
“มือสาก แล้วก็จับอยู่ได้”
“ไม่จับมือ แล้วจะให้จับอะไร”
“ก็ไม่ต้องจับ ทำไมต้องจับโน่นจับนี่ ไม่ชอบ ไม่ได้เป็นอะไรกัน” สืบสายอึ้ง รู้สึกผิด และน้อยใจลึกๆ
“นั่นสินะ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ลืมไป ขอโทษ”
จุลลารู้สึกแย่ที่เห็นสืบสายหมองลง รีบเปลี่ยนเรื่อง
“อ่ะ จะถามอะไรก็รีบถามเถอะ ไม่อยากให้ใครได้ยินไม่ใช่เหรอ ถ้าใช้เวลานานมาก เดี๋ยวก็มีคนอยากรู้ แห่กันมาแอบฟังหรอก”
“ฉันถามเธอจริงๆ ตอนที่จัดการกับพวกคนร้าย ตอนแรกที่ฉันหมดสติไปเพราะถูกต่อยหรือว่าอะไรกันแน่”
จุลลาอึ้ง
จบตอนที่ 5