กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 5
ตะวันเข้าไปหยิบกุญแจรถ หันมาก็ต้องชะงักที่เห็นชาญอยู่ตรงหน้า
“หยุดเลยไอ้ตะวัน”
“ยอมรับความจริงเถอะปู่ ความหวังของปู่ที่จะจับผมกับยัยกุหลาบร้ายนั้นแต่งงานกันมันเป็นไปไม่ได้หรอก”
“ว่าแต่แกอยากจะให้มันเป็นไปได้รึเปล่าล่ะ” ตะวันชะงักไปนิดหนึ่ง ชาญเสียงดังขึ้น “ปู่ถามว่าเอ็งอยากให้มันเป็นไปได้รึเปล่า ตอบ” ตะวันตอบไม่ถูก เฉไฉ จะเดินออกไปพลันชาญก็ร้องขึ้นอย่างตกใจ “เฮ้ยย วันนี้แล้วนี่หว่า” ชาญเดินไปที่ปฏิทิน แล้วจิ้ม จึ้กๆๆ ที่ปฏิทิน “นี่ๆๆ ใช่ ใช่จริงๆ ด้วย”
ตะวันชะงัก หันมาอย่างไม่แน่ใจว่าชาญจะมีแผนอะไรอีก
“อะไรอีกล่ะปู่”
“ไอ้ตะวัน ไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เดี๋ยวนี้เลย แล้วก็รีบไปบอกน้ำค้าง อาทิตย์ อึ่ง ไอ้แย้ด้วย ด่วนๆ เลยนะเว้ย”
ชาญกำลังจะเดินออกไป ตะวันเดินไปขวางอย่างสงสัย
“เดี๋ยว ปู่จะให้เราออกไปไหนกัน”
โรสรินนั่งอยู่มุมนั่งเล่นหน้าบ้าน มองนาฬิกาข้อมือแล้วบ่นๆ
“หายไปไหนกันหมด มัวทำอะไรอยู่”
ชาญ อาทิตย์ ตะวัน แย้ อึ่ง เดินเร็วออกมาในชุดพร้อมไปงานแต่งงาน แต่ละคนเดินไปจัดแต่งเสื้อผ้าให้เข้าที่ไปด้วย ทุกคนดูรีบกันมากๆ ส่วนน้ำค้างอยู่ในชุดผ้าไหมร่วมสมัยสวยๆ โรสรินหันไปเห็นก็ตกใจ รีบเดินเข้าไปหา
“เร็วๆ เว้ย เร็วๆ ถ้าไปไม่ทัน เจ้าบ่าว เจ้าสาวเขาไม่ได้แต่งกันพอดี ไป ไอ้แย้เตรียมรถได้แล้ว”
แย้รับคำแล้วรีบวิ่งพรวดออกไป
“อะไรกันคะเนี่ย”
“ปู่เพิ่งนึกได้ว่าวันนี้เลี้ยงงานแต่งเพื่อนปู่”
“ห๊ะ งานแต่ง”
“ก็เพื่อนปู่น่ะสิ มันแต่งงานรอบ3 ไม่ไปก็ไม่ได้ เพื่อนรักกันมากด้วย มันกำชับว่าปู่กับไอ้พวกนี้ต้องไปงานมันให้ได้ ไม่งั้นไม่ต้องไปเผาผีกัน”
“ปู่ โกหกรึเปล่า”
“แน๊ ปู่ไม่ว่างมาแต่งเรื่องโกหกนะเว้ย”
“อ้าว แล้วโรสล่ะคะ”
“กว่าปู่จะกลับก็คงอีกนาน นี่ก็แต่งกันข้ามจังหวัดด้วย หนูโรสกลับพรุ่งนี้แล้วกันนะลูก”
แย้ขับรถตู้เข้ามาจอด ชาญรีบเปิดประตูรถต้อนทุกคนเข้าไป
“เข้าๆ ไป เร็วๆ รีบๆ”
ตะวันยังยืนนิ่งมองหน้าปู่อย่างรู้ทัน
“ยืนเป็นนายแบบอยู่ได้” ชาญจูงมือตะวัน ลากขึ้นรถ “เร็วสิวะ”
ชาญพาทุกคนขึ้นรถได้หมด แล้วรถตู้ก็ขับออกไปเลย โรสรินยืนเหวออยู่ตรงนั้น
“เฮ๊ย อะไรเนี่ย” โรสรินตะโกนเรียกลั่น “จะทิ้งฉันไว้งี้ไม่ได้นะ กลับมาก่อน กลับม๊าาา”
ที่แผงขายผลไม้ในตลาด มาลัยชนแก้วน้ำหวานกับเพื่อนๆ ชาวตลาดด้วยกัน ดูเฮฮากันมากๆ บนโต๊ะมีเค้ก ผลไม้ อาหารน่ากินๆ หลายอย่าง
“งานนี้จัดใหญ่ จัดแน่น จัดพรึ่บ กินไม่อั้นโว้ย มาลัยเลี้ยงเอง”
ทุกคนเฮกันอย่างดีใจ
“เฮ้ / เย้”
เดชา ล่ำ แหลม เดินผ่านมา กอดอกยืนมอง ชาวตลาดกำลังจะกินกัน มาลัยร้องห้าม
“เดี๊ยววว” มาลัยยื่นโทรศัพท์มือถือให้เพื่อน “ถ่ายรูปลงเฟสก่อนสิวะแก” มาลัยชูสองนิ้วตรงหน้าเค้ก ดูแอ๊บมากๆ เพื่อนถ่ายภาพแชะๆๆ มาลัยยืนรับมือถือ “ไหนดูซิ อ๊ายย แบ๊วได้ใจ เดี๋ยวโหลดแป๊บ อย่าลืมกดไลค์ให้นะยะ เอ้า
พวกเรา ฉลองเลย จัดเต็ม”
ทุกคนเริ่มกินกัน มาลัยเดินไปเปิดเพลงสร้างความคึกคัก เดชา ล่ำ แหลม เดินเข้ามาหา
“ถูกหวยรึไงวะ ถึงได้ปิดตลาดเลี้ยงเนี่ย” ล่ำถาม
“ยิ่งกว่าถูกหวยอีกเว๊ย ต่อไปนี้ความรักของนังมาลัยลูกข้าก็จะไร้เสี้ยนหนามแล้วนะจ๊ะ” มาลีบอก
“หมายความว่าไง” เดชาสงสัย
“ยัยคุณหนูหน้าวอกมันจะไปจากไร่ตะวันแล้วค๊า”
“คุณโรส จริงเหรอ” เดชาอึ้ง
“ฉันได้ยินจากคนงานไร่ตะวัน คราวนี้ไปแล้วไปลับไม่กลับมาแล้วด้วย อ๊ายย สุขที่สุดอ่ะ”
“ลูกสาวข้าไม่มีกว้างขวางคอแล้วโว้ย เอ้า ชน”
แล้วมาลัยก็เฮฮาปาร์ตี้ต่อ เดชายืนหน้าเครียดๆ
“เอาไงดีครับเสี่ยเด”
เดชาครุ่นคิดๆ
รถตู้วิ่งเข้าตามถนน ทุกคนในรถหันมองหน้าชาญอย่างจับผิดจนชาญอึดอัด
“อะไร มองอะไร ทำยังกะไม่เคยเห็นคนหล่อ”
“ไม่ตลกเลยปู่”
“โธ๊เว้ย เออ ข้านี่แหล่ะทำรถหนูโรสเขาพัง จะได้ไม่ต้องไปกรุงเทพ พอใจรึยัง”
“แล้วเรื่องงานแต่งเพื่อนรักปู่ล่ะ”
“อันนี้ไม่ได้โม้ ของจริงเว้ย เลิกจับผิดกันได้แล้ว”
โทรศัพท์มือถือน้ำค้างดังขึ้น น้ำค้างกดรับ
“ค่ะปู่ดำ น้ำค้างเองค่ะ”
ชาญสะดุ้งวาบ
“ไอ้ดำเหรอ เฮ้ย มานี่ ปู่คุยเอง”
ตะวันจับมือชาญไว้ไม่ให้ขยับ คว้าโทรศัพท์มาพูด
“ปู่ดำครับ นี่พวกเรากำลังรีบไปงานปู่กันน่ะครับ” ตะวันนิ่งสักพัก “ห๊ะ ก็งานแต่งรอบสามของปู่ไง ห๊า ไม่ได้แต่ง” ตะวันหันขวับมองชาญ “ไม่ได้มีจัดงานอะไรเลยเหรอครับ”
ทุกคนหันขวับมองชาญ ชาญคอย่น แย้หันมอง
“งานเข้าแล้วปู่ งานนี้มีเคลียร์ยาวววว”
“ไอ้บ้าเอ๊ย ร้อยวันพันปีไม่โทรมา ดั๊นโทรมาวันนี้”
“ครับ ถ้าปู่ชาญสะดวกจะให้โทรกลับนะครับ สวัสดีครับ” ตะวันวางสายหันไปสั่งแย้ “ไอ้แย้ กลับไร่”
รถตู้ตะวันเลี้ยวหันหัวรถกลับไปถนนอีกฝั่ง ชาญทำหน้าจ๋อยๆ ในขณะที่ทุกคนหันมองหน้าขวับ
“มองอะไรวะ หล่อใช่ม้า” ชาญถามเสียงสั่น
“ไม่ขำ”
ชาญหันมายิ้มให้ตะวัน แหะๆ
โรสรินนั่งเหงาๆ อยู่หน้าบ้าน
“เมื่อไหร่จะกลับมาซะที ทิ้งให้เราอยู่คนเดียวได้ยังไง”
โรสรินนั่งปัดๆ ยุง ถอนใจแล้วลุกขึ้น จะเดินกลับเข้าไปในบ้าน แสงไฟจากหน้ารถสาดส่องเข้ามา โรสรินดีใจ
“กลับมาแล้ว”
รถกระบะคันหนึ่งขับเข้ามาจอดหน้าบ้าน เดชา เดินลงมาจากรถ โรสรินมองเดชาอย่างอึ้งๆ เดชาเดินยิ้มเข้ามาหา
“เดชา”
โรสรินนั่งอยู่ข้างๆ เดชา ขณะที่ล่ำกับแหลมยืนอยู่ห่างๆ ที่รถ เดชามองไปรอบๆ บ้าน
“เป็นไปได้ยังไง ทิ้งให้นางฟ้าแสนสวยของผมอยู่คนเดียวแบบนี้”
“ออกไปงานแต่งกันหมด ไม่รู้จะกลับเมื่อไหร่”
เดชาแอบยิ้มร้ายๆ
“พอดีได้ยินว่าคุณจะกลับกรุงเทพฯ แล้วจะไม่กลับมาที่นี่อีกเลย จริงเหรอครับ”
“จริง”
“ก็หมายความว่าผมอาจจะไม่ได้เจอคุณอีก”
“คงงั้น บางทีฉันอาจจะกลับอังกฤษก็ได้ ไม่มีธุระอะไรใช่มั้ย ฉันขอตัวแล้วกัน”
โรสรินจะเดินกลับเข้าบ้าน เดชารีบลุกขึ้นคว้าข้อมือโรสรินหมั่บ โรสรินหันมองหน้าขวับ
“ก่อนคุณจะกลับ ให้เกียรติไปเลี้ยงอำลากับผมได้มั้ยครับ”
“ไม่ได้ แล้วก็ปล่อยมือฉันด้วย”
เดชาค่อยๆ ปล่อยมือ
“นะครับ ขอให้ผมได้เลี้ยงส่งคุณ อย่าลืมสิ คุณยอมรับผมเป็นเพื่อนแล้วไม่ใช่เหรอครับ”
โรสรินครุ่นคิดตัดสินใจ
“ฉัน”
“แค่เลี้ยงอำลาเล็กๆ ดีกว่าที่คุณจะต้องถูกทิ้งไว้คนเดียวในไร่เปลี่ยวอย่างนี้ มันอันตราย นะครับ ผม
ขอร้อง”
โรสรินครุ่นคิดตัดสินใจ เดชายิ้มอย่างมีแผนอะไรบางอย่าง
รถตู้ขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้านพักโรสริน ทุกคนทยอยลงจากรถ ตะวันหันมองรอบๆ เห็นว่าบ้านพักโรสรินปิดไฟมืดสนิท สีหน้าตะวันครุ่นคิด ตะวันมองนาฬิกาข้อมือ
“ไม่น่านอนไวขนาดนี้”
“หรือว่าพี่โรสจะหนีกลับไปแล้ว”
ตะวันพรวดเข้าไปทันที
“นั่นไง ไหนว่าไม่แคร์”
“แย่แล้ว ถ้าพี่นางฟ้าหนีกลับไปจริงๆ จะทำไงดีคะ คุณติ๊ด”
อึ่งถามอาทิตย์ อาทิตย์เศร้า
ตะวันเคาะประตูอยู่หน้าห้องโรสริน ไม่มีสัญญาณตอบรับกลับมา ตะวันเคาะประตูอีกครั้ง ก่อนจะทนไม่ไหวเปิดประตูพรวดไปเลย ตะวันเปิดไฟห้อง ฟึ่บ เห็นว่าไม่มีใครอยู่ แต่กระเป๋าเสื้อผ้าของโรสรินยังตั้งวางอยู่ในห้อง ตะวันมองไปที่กระเป๋า หันมาสีหน้าแอบจ๋อย
ตะวันออกมาหน้าบ้านพักมองทุกคนสีหน้าเครียดๆ ทุกคนก็มีอาการกังวลไม่ต่างกัน
“ไม่มีใครเห็นคุณโรสเลยครับ ถ้าแกอยากจะกลับจริงๆ ก็คงตามพวกผมขับรถไปส่ง”
“แล้วเห็นว่าใครเข้ามาที่ไร่รึเปล่า”
“ขอโทษครับ ไม่รู้จริงๆ ครับ”
“ในไร่ก็ไม่มี ดึกป่านนี้ออกไปไหนของเค้าวะ” ชาญเป็นห่วงโรสริน น้ำค้างมีสีหน้าครุ่นคิด
“ออกไปไหนไม่สำคัญหรอก แต่ออกไปกับใครนี่สิ สำคัญกว่า”
ตะวันสนใจขึ้นทันที ไอ้ที่เครียดแล้วยิ่งเครียดกว่าเดิม
“โธ่เว้ย ใครพาหนูโรสออกไปวะเนี่ย”
ร้านคาราโอเกะในตัวเมือง ล่ำ แหลม กำลังร้องเพลงคาราโอเกะ ทั้งคู่ร้องเพลงหวานๆ ขัดกับใบหน้าและนิสัยโหดๆ อย่างสุดๆ
“พี่จากจอมขวัญ ไม่เห็นหน้าน้องวันแสนจะเศร้า เจ้าคิดถึงพี่หรือเปล่า เมื่อคราวที่แรมร้างไกล”
“ไม่เคยคิดถึงใคร”
“โถใจพี่ยังห่วงบังอร”
“ไม่รู้ไม่อยากฟัง”
“ช่างพกแต่แง่งอน”
โรสรินนั่งหน้าง่วงๆ เบื่อๆ หาวๆ อยู่ที่โซฟา เดชายื่นแก้วไวน์ให้โรสริน โรสรินส่ายหน้า หน้าเบื่อมาก
“ดื่มหน่อยมั๊ยครับ เผื่อจะทำให้คุณสนุกขึ้น”
“ต่อให้อาบไวน์ทั้งถัง ก็ไม่ได้ช่วยทำให้ฉันสนุกขึ้น เพราะว่ามัน…” โรสรินคว้าไมค์โครโฟนจากมือล่ำ แล้วตะเบ็งเสียงใส่ไมค์ดังๆ “น่า เบื่อ มากกก” ทุกคนตะลึงกันไปหมด โรสรินกดรีโมทหยุดเพลง “ชัดพอมั้ย”
เดชายื่นแก้วไวน์ให้อีก
“ดื่มหน่อยเถอะครับ”
โรสรินอึ้งที่เดชาตื๊อไม่เลิก
“โอ้โห สุดยอด ที่บ่นมาตลอดนี่ไม่ฟังเลยใช่มั้ย โอ๊ย เอ๊ะ หรือว่านายคิดจะมอมฉัน”
เดชายิ้ม แอบโหด
“ถ้าผมคิดจะทำอะไรคุณจริงๆ คุณคิดเหรอว่าคุณจะรอด”
เดชาเขยิบเข้าใกล้ โรสรินผงะหนี เก็บซ่อนความกลัวไม่ให้เดชาเห็นแต่เดชาก็จับได้
“แล้วนายคิดจะทำอะไรฉัน”
“ผมพาคุณมาเลี้ยงอำลา ผมก็อยากเห็นคุณสนุก จริงๆ นะครับ”
เดชายื่นแก้วไวน์ให้ โรสรินยอมรับไวน์มาถือไว้ เดชายิ้มพอใจ มองไปทางโรสรินเหมือนลูกไก่ที่อยู่ในกำมือ
ที่บ้านตะวัน ทุกคนสีหน้าเครียดๆ ร้อนใจ น้ำค้างถือโทรศัพท์อยู่
“เอาไงปู่ จะโทรหาปู่ณรงค์แล้วนะ”
“เฮ้ยๆ ไม่เอาๆ จะให้มันรู้ไม่ได้”
“หลานสาวหายตัวไปทั้งคน คงต้องบอกให้ท่านทราบ”
“ถึงมันรู้มันก็ช่วยอะไรไม่ได้”
“น้ำค้างโทรหาตำรวจเดี๋ยวนี้” ตะวันบอก น้ำค้างกำลังจะกดเบอร์ ชาญเข้าไปแย่งโทรศัพท์
“ไม่ได้ๆๆ เดี๋ยวถึงหูไอ้ณรงค์”
“ความปลอดภัยของยัยโรสต้องมาก่อนนะปู่”
สีหน้าและท่าทางตะวันดูห่วงโรสรินมากๆ พลันเสียงมาลัยร้องเพลงก็ดังขึ้นโหยหวนสุดๆ
“จีบได้แฟนฉันตายแล้ว เขาไปสบายแล้ว ไม่ต้องไปสนใจ จีบได้แฟนไม่มีแล้ว ไม่ต้องไปแคร์แล้ว จีบกันตามสบาย”
ทุกคนหันขวับไปทางต้นตอของเสียงนั้น
“หมาที่ไหนมาเห่ามาหอนวะ”
ทุกคนเดินลงมาจากบ้านแล้วก็ต้องอึ้งที่เห็นมาลัยร้องเพลงในสภาพกำลังเมาได้ที่
“หมดรักกันมันก็ยังไม่เชิง อาจจะยังร่าเริง หาทางกลับไม่ได้ตอนนี้ฉันเหมือนแท็กซี่เปิดไฟ ว่าไม่มีคู่ใจ ให้รีบมาจับจอง” ทุกคนมองมาลัยอย่างช็อกๆ มาลัยเดินไปหาตะวันพร้อมทำมือไอเลิฟยู “หน้าตาดี ไม่มีรถขับ โทรศัพท์ไร้กล้อง แต่หัวใจว่างพร้อมให้จับจอง นะคะพี่ตะวัน ซารังแฮโย”
“โอ้โห๊ว เมาเป็นหมาเลยวุ้ย” แย้บอก
“คนจ้ะไม่ใช่หมา เป็นคนหน้าตาดีที่มีแต่รักให้พี่ตะวัน จุ๊บุๆ” ตะวันถอนใจ
“กลับไปนอนได้แล้วมาลัย”
“ไม่อาวๆๆ ม๊ายยกลับ”
“กลับ แล้วอย่าทำตัวแบบนี้อีก พี่ไม่ชอบเลย”
“โฮ พี่ตะวันเปลี่ยนไป พี่ตะวันใจร้ายกับมาลัย เพราะรักยัยกุหลาบเน่าแล้วใช่มั้ย แล้วนี่มันอยู่ไหน ฉันจะไปตบมัน”
“คงไม่ได้ตบร๊อก ไม่รู้คุณโรสเค้าหายไปไหน หากันให้วุ่นอยู่เนี่ยW
มาลัยฉุกคิด
“ห๊ะ ไม่อยู่เหรอ”
ตะวันรำคาญจะเดินกลับ แต่คำพูดของมาลัยทำให้ตะวันต้องชะงัก
“ป่านนี้ยัยโรสคงลัลล๊ามีความสุขไปแล้ว เผลอๆ อาจจะขึ้นสวรรค์ไปแล้วก็ได้” ตะวันหันขวับ
“หมายความว่ายังไง เธอรู้เหรอว่าโรสอยู่ไหน ไปกับใคร” มาลัยยิ้มมีแผน
“มาลัยอาจจะรู้ว่าไปกับใคร แต่ฝันไปก่อนถ้าคิดว่าจะบอกง่ายๆ”
มาลัยลอยหน้าลอยตา ตะวันเดินเข้าไปหาใกล้ๆ จริงจังมาก บีบไหล่แน่น
“ถ้ารู้ก็บอกมา โรสอยู่ไหน”
“ถ้าอยากรู้มันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนจ้”ะ
ตะวันร้อนใจ
“อยากได้อะไรก็บอกมา ฉันให้ได้ทุกอย่าง”
ทุกคนมองมาลัยอย่างอยากได้รับคำตอบ มาลัยยิ้มมีแผน
ทุกคนโดยเฉพาะตะวันช็อกสุดๆ แต่มาลัยยิ้มกรุ้มกริ่มมากๆ
“ห๊า จูบ”
“ถูกต้องนะคร๊าาา”
“อย่างี่เง่าดีกว่ามาลัย ทุกคนเค้าร้อนใจกันอยู่”
“อ๊อ แสดงว่าไม่ยอมจูบ ถ้างั้นก็ม๊ายบ่อกๆๆ”
“ไอ้แย้ จับนังมาลัยเดี๋ยวนี้ ข้าจะเฆี่ยนให้หลังลายแล้วเอาเกลือโรย ดูซิว่ามันจะบอกมั้ย”
ชาญบอกอย่างโมโห แย้พรวดไปหาแต่ก็ต้องชะงักเพราะมาลัยแผดเสียง
“ก็เอาซี๊ เอาเลย ถึงฉันจะเป็นคนปากสว่าง แต่กับเรื่องนี้ฉันจะเก็บไว้จนวันตาย เรื่องอะไร ฉันต้องให้พี่ตะวันได้มีโอกาสรักกับยัยนั่นอีกห๊า นี่ฉันจะยอมบอกก็บุญแค่ไหนแล้ว แต่ถ้าไม่จูบฉันก็หลับฝันดีราตรีสวัสดิ์” มาลัยเดินเข้าไปใกล้ๆ ตะวัน มาลัยทำปากจู๋จูจุ๊บ “จูจุ๊บจูจุ๊บ มามะมามะ”
แย้ถอดสร้อยพระที่คอตัวเองแล้วคล้องคอให้ตะวัน
“ไม่ต้องกลัวนะลูกพี่ ตั้งนะโมสามจบ แล้วจูบเลย ลูกพี่ต้องเสียสละแล้วล่ะ”
“ไม่” ตะวันถอดพระออกยื่นให้แย้เหมือนเดิม
“เอาน่าคิดซะว่าเล่นกะหมา หมาเลียปาก อย่าคิดอะไรมาก”
“ไม่”
มาลัยห่อปากจู๋
“จูจุ๊บบบ”
ชาญตัดสินใจผลักตะวันอย่างแรงทันที
“เฮ้ยยยย” ตะวันหน้าทิ่มพรวดปากไปชนแก้มมาลัยเต็มที่ มาลัยเคลิ้มมีความสุข ตะวันรีบเช็ดๆๆ ปาก “พี่จูบเธอแล้ว ตามสัญญาบอกมาเดี๋ยวนี้”
“ก็ได้ ที่จริงฉันก็ไม่รู้หรอกนะ”
ทุกคนถึงกับช็อก ตะวันโมโห กัดฟันกรอด
“ไม่ตลกเลยนะมาลัย”
“ฉันแค่บอกพี่เดชาว่ายัยโรสจะกลับกรุงเทพฯ บางทีพี่เดชาอาจพายัยโรสไปเที่ยวก่อนกลับก็ได้” ตะวันอึ้ง
“ไอ้เดชา”
ชาญ แย้ น้ำค้าง มองหน้ากันอย่างหวั่นใจ ตะวันกำหมัดแน่นแค้นๆ
ที่ร้านคาราโอเกะ เสียงโรสรินร้องเพลงเร็ว สนุกสนานดังขึ้น แต่ฟังไม่รู้เรื่องเพราะว่าโรสรินเมามาก เดชา ล่ำ แหลม มองโรสรินอย่างไม่อยากเชื่อสายตา โรสรินปีนขึ้นโซฟากระโดดโลดเต้นร้องเพลงมันส์สุดเหวี่ยง
“อ้าว ทำไมไม่เต้นเล๊า หยุดทำไม หนุกหนานกันหน่อยซี้ แดนซ์เข้าไป วู้ๆๆ” เดชาหยิบรีโมทกดปิดเพลง โรสรินโวยเลย “เฮ้ย กำลังฟิวส์เลย เปิดเพลงเดี๋ยวนี้” โรสรินคว้าแก้วไวน์จะดื่ม เดชาจับข้อมือโรสรินไว้ “ปล๊อยยฉัน”
“พอได้แล้วครับ คุณดื่มเยอะเกินไปแล้ว”
“ไหนบอกว่าอยากให้ฉันสนุกไง แล้วพวกนายนิ่งกันอยู่ทำไม นั่งสมาธิกันรึไงห๊า”
โรสรินมึนมากทรงตัวไม่ค่อยอยู่ตัวเซจะล้ม เดชารีบประคองไว้ โรสรินอยู่ในอ้อมกอดเดชาใกล้ชิดกันมากๆ ตามองตา เดชาโดนแรงดึงดูดแห่งปรารถนาเข้าให้แล้ว เดชาโน้มหน้าเข้าไปเหมือนจะจูบ โรสรินแทบไม่มีเรี่ยวแรง แต่สติที่พอมีบอกให้ต้องผละตัวออกไป แต่เดชายังไม่ยอมปล่อย
“ปล๊อยยย”
“จะไปไหน คุณเมามากแล้ว”
โรสรินจ้องหน้าเดชา
“ปวดฉี่ ฉันจะไปฉี่”
เดชายอมปล่อยโรสริน แล้วจะตามไป
“มีขา เดินเองได้ อย่าตามมานะ”
โรสรินชี้หน้าเดชาแล้วเดินเป๋ออกจากห้องไป
โรสรินเดินมึนส์ๆ มองซ้าย-ขวา หาทางไปห้องน้ำ มีจิ๊กโก๋กลุ่มหนึ่งเดินผ่านเข้ามา
“ห้องน้ำไปทางไหนรู้มั้ย”
โรสรินถาม พวกจิ๊กโก๋ไม่บอก แต่มองโรสรินหัวจรดเท้าอย่างสนใจ ทำหน้าหื่นอีกต่างหาก โรสรินเห็นท่าไม่ดี มองเหวี่ยงๆ แล้วเดินเลี่ยงหนีไป แต่จิ๊กโก๋เข้าไปขวาง โรสรินเดินชนจนผงะไป โรสรินมองอย่างไม่พอใจ จิ๊กโก๋คนหนึ่งคว้าข้อมือโรสรินทันที
“ให้พี่พาไปดีกว่านะจ๊ะ”
โรสรินสะบัดมือออก
“แกรู้มั้ยฉันเป็นใคร ไอ้จิ๊กโก๋กระจอก”
จิ๊กโก๋สามคนมองหน้ากันแล้วขำ โรสรินยิ่งโมโห
“ปากจัดอย่างนี้ พี่ต้องจับมาจูบๆๆ ซะให้เข็ด”
จิ๊กโก๋จับมือโรสริน โรสรินปรี๊ดสุดๆ เอามือข้างที่ว่างอยู่ตบหน้าจิ๊กโก๋อย่างแรง เพี๊ยะ โรสรินสะบัดมือหลุดจะชกหน้าจิ๊กโก๋เข้าอีกที
“วอนซะแล้ว อยากโดนใช่มั้ยห๊ะ”
จิ๊กโก๋เหวี่ยง โรสริน โรสรินปลิวตามแรงเหวี่ยงหัวกระแทกเข้ากับผนัง เดชาที่ตามมารีบประคองไว้ได้ทัน โรสรินมึนจับที่หัวตัวเอง
“โอ๊ย”
พวกจิ๊กโก๋ตกใจสุดขีดที่เห็นเดชา
“เฮ้ย เสี่ยเดชา”
“ช่วยฉันด้วย”
เดชาตวัดสายตามองพวกจิ๊กโก๋ จิ๊กโก๋ทำท่าสยอง แล้วจะวิ่งหนี ล่ำ แหลมก้าวมาดักไว้ จิ๊กโก๋รีบหันมายกมือไหว้เดชาตัวสั่น
“เสี่ยเดค้าบ ไว้ชีวิตผมเถอะค้าบ ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเด็กเสี่ย”
“ลากไปสั่งสอน ให้มันรู้ซะ” เดชาสั่งล่ำ แหลม จิ๊กโก๋ร้องลั่น ล่ำ แหลมลากออกไป เดชาหันมามองโรสรินที่ตอนนี้หมดสติไปแล้ว เดชาเขย่าตัวเบาๆ
“คุณโรสครับ คุณโรส”
โรสรินยังสลบไม่ได้สติ เดชาตัดสินใจอุ้มโรสรินพาเดินออกไป
รถกระบะตะวันขับพุ่งเข้ามาอย่างแรงจอดที่หน้าร้านคาราโอเกะ ตะวัน น้ำค้าง มาลัย แย้ รีบลงจากรถ
“ที่นี่แน่นะ”
ตะวันถามมาลัย
“โกหกแล้วจะได้กิฟท์วอยเชอร์รึไง ก็ที่นี่แหล่ะ ที่ประจำพี่เดชาเค้า”
พนักงานร้านเดินสวนออกมาพอดี
“เดชามาที่นี่รึเปล่า” ตะวันถามพนักงาน
“มาสิครับ ก็เหมือนทุกวันแหล่ะครับ”
“มากับใคร”
“อืมม พาผู้หญิงมาคนนึง โอ๊ย แจ่มๆ ครับ อย่างสวยเลย”
ตะวันไม่ฟังแล้ว พุ่งจะเข้าไปเลย แต่พนักงานร้องทักก่อน
“เดี๋ยวๆๆ ไม่มีใครอยู่แล้วครับ เพิ่งพากันกลับไปเมื่อกี๊นี้เอง”
“ว่าไงนะ”
“ป่านนี้คงกลับไปถึงไหนถึงไหนแล้วล่ะครับ ผู้หญิงเมาหลับคอพับคออ่อนซะขนาดนั้น” พนักงานขำ
“แย่แล้วพี่โรส”
ตะวันเครียด
รถกระบะเดชาขับเข้ามาอย่างเร็วแล้วจอดที่หน้าบ้านเดชา ล่ำ แหลม ลงจากรถ เดชาอุ้มโรสรินลงจากรถตามมา บรรดาลูกน้องในไร่อยู่รายรอบ
“ฝันเป็นจริงแล้วนะครับลูกพี่ สวรรค์อยู่รำไรแล้ว”
แหลมแซว เดชายิ้มให้แหลม ก่อนยกเท้าถีบแหลมกระเด็น
“ฉันแค่พาคุณโรสมาพักฟื้น”
“พักฟื้น”
“โอกาสดีๆ แบบนี้ มันคงไม่มีอีกแล้วนะครับเสี่ย”
“ฉันจะไม่ฉวยโอกาสกับผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด”
เดชาอุ้มโรสรินเดินเข้าบ้านไป ล่ำ แหลม มองตามอย่างมึนงง
“อยู่ๆ มาเป็นคนดีอะไรตอนนี้วะเนี่ย”
“ลูกพี่รักยัยคุณหนูนี่จริงๆ เหรอวะ”
กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 5 (ต่อ)
เดชาวางโรสรินลงบนเตียง โรสรินสลบเหมือด เดชานั่งลงข้างๆ เดชาไล้มือที่ใบหน้าโรสรินอย่างแผ่วเบา เดชาต่อสู้กับความต้องการของตัวเองกับการที่หญิงสาวที่ตนปรารถนาอยู่ข้างกายในเวลานี้ เดชามองโรสรินสายตาโลมเลียไปทั้งตัว อย่างอดใจแทบไม่ไหว โรสรินนอนสลบไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าต่อไปชะตากรรมเธอจะเป็นเช่นไร
รถตะวันขับพุ่งเข้ามาอย่างเร็ว ตะวันเป็นคนขับรถ ทุกคนสีหน้าเครียด ยกเว้นมาลัยที่บ่นอุบ
“ทำไมต้องทำให้เรื่องมันใหญ่โตด้วย เค้าจะไปเที่ยวกัน ดริ๊งดรั๊งกัน จะทำอะไรต่ออะไรกัน มันก็ความพอใจของเค้า ห่วงกันขนาดนี้ รักกันมากน่ะสิ”
ตะวันเข้าเกียร์รถ เหยียบคันเร่ง สีหน้าเครียดห่วงโรสรินมากๆ
“หุบปากซะที”
มาลัยหุบปากทันที ทุกคนในรถจ๋อยกันไปหมด ตะวันสีหน้าเครียดกว่าใครเพื่อน
รถตะวันพุ่งเข้ามาในไร่เดชา แย้หน้าซีดๆ จ๋อยๆ
“เอาแน่เรอะลูกพี่ อาวุธก็ไม่มี แค่สองมือ สองเท้า จะรับมือไหวมั้ยเนี่ย”
“กลัวไปได้พี่แย้ ไม่มีอะไรหรอกน่ะ ใช่มั้ยคะพี่ตะวัน”
“ไม่”
“เฮ้อ โล่งอก”
“ไม่ใครก็ใครต้องเจ็บตัว”
น้ำค้างหน้าเสีย
“อ้าว พูดจาดีๆ กันไม่ได้เลยเหรอ”
“คนอย่างไอ้เดชาพูดดีๆ ด้วย มันไม่เข้าใจหรอก”
ตะวันเหยียบเบรกเอี๊ยดดด ทุกคนหัวทิ่ม ตะวันเหยียบเบรกเพราะ ล่ำ แหลมและลูกน้องสองคน ยืนขวางหน้ารถไว้
ตะวัน น้ำค้าง มาลัย แย้ ลงจากรถ ล่ำ แหลม ลูกน้องสองคน เข้ามารุมล้อม มาลัยชูมือแบบว่าฉันไม่เกี่ยวนะ
“ฉันไม่รู้เรื่องด้วยนะ ฉันหลงมาเฉยๆ”
“จะมาเยี่ยมมาเยือนก็น่าจะบอกกันก่อน ป่านนี้เสี่ยเดชาเค้าคงนอนฝันหวานไปแล้ว”
ตะวันได้ยินก็ปราดจะพุ่งเข้าไปทันที แหลมขวางไว้
“ กลับไปซะ ที่นี่ไม่ต้อนรับใครยามวิกาล ไป๊”
“พวกเรามีเรื่องสำคัญจริงๆ เราต้องเจอเดชาเดี๋ยวนี้ตอนนี้ เราสงสัยว่าคุณโรสจะอยู่กับเดชาเราจะพาเธอกลับไร่ตะวัน ถ้าไม่มีอะไรปิดบังก็ต้องยอมให้เราเข้าไป”
ล่ำ แหลม หัวเราะร้ายสะใจ
“ถ้าคิดว่าผ่านพวกฉันไปได้ก็ลองดู แต่ไม่รับประกันนะเว้ย ว่าจะมีคนนอนจมกองเลือดแถวนี้รึเปล่า”
ตะวันกัดฟันกรอด
“แต่ฉันรับประกันว่าต้องมีคนจมกองเลือดแน่”
ขาดคำของตะวัน ไม่ทันมีใครคาดคิด ตะวันก็ถีบล่ำกระเด็น แล้วชกแหลมคว่ำไป น้ำค้าง มาลัย รีบถอยกรูดไปอยู่ห่างๆ แย้โดนลูกน้องเดชาชกคว่ำไป แต่ก็เอาคืนได้เหมือนกัน ล่ำ แหลม ลุกขึ้นได้ก็กระชากมีดพกออกจากเอวขึ้นมาขู่
“รนหาที่เองนะเว้ย”
ตะวัน แย้ มาลัย น้ำค้าง มองอย่างตะลึง ล่ำ แหลมเดินเข้ามาใกล้พร้อมมีดคมวับ ล่ำ แหลม พุ่งเข้าไปหาตะวัน จะแทงตะวัน ตะวันหลบได้ มาลัย น้ำค้าง ร้องวี๊ดว๊าย แย้ น้ำค้างเข้าไปจัดการกับลูกน้อง น้ำค้างหยิบชะแลงในรถโยนให้แย้ แย้ฟาดลูกน้องสองคนจนสลบไป ล่ำพุ่งเข้าไปจะแทงตะวัน ตะวันเกือบโดนแทงหวุดหวิด เตะมีดล่ำกระเด็นไป
แย้เข้าไปฟัดนัวเนียกับล่ำ แหลมพุ่งเข้ามาหาตะวัน ถีบตะวันกระเด็นติดรถ แหลมใช้มีดแทงตะวัน ตะวันจับข้อมือแหลมไว้ แหลมออกแรงกดมีด ตะวันขืนไว้ไม่ให้มีดเข้ามาใกล้ มีดอยู่ใกล้หน้าตะวันมากๆ ตะวันบิดข้อมือแหลมจนมีดหล่นพื้น น้ำค้างคว้าชะแลงที่พื้นโยนให้ตะวันรับ
“พี่ตะวัน”
ตะวันรับชะแลงแล้วฟาดเต็มหน้าแหลม แหลมทรุดลงสลบ ล่ำพุ่งเข้ามาหาตะวัน ตะวันจับหัวล่ำโขกหลังคารถ ล่ำทรุดลงไป
“ขึ้นรถ”
ตะวันตะโกนสั่งแล้วรีบเข้าไปในรถ แย้ น้ำค้าง มาลัย รีบขึ้นตามไป แล้วรถก็พุ่งออกไปอย่างเร็ว ล่ำ แหลม พยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น มองไปเห็นรถขับออกไปจนลับตา ล่ำ แหลม แค้นอย่างสุดๆ
ที่ห้องนอนเดชา เดชามองโรสรินที่นอนสลบเหมือนอยากจะกลืนกินทั้งตัว เดชาค่อยๆ ไล้มือไปจะปลดกระดุมเสื้อของโรสริน พลันประตูห้องเปิดผลั๊วะ ตะวันพุ่งเข้ามา
“ไอ้เลวเอ๊ย”
เดชาช็อก ไม่ทันตั้งตัว ตะวันปราดเข้ามาถึงตัวชกเต็มหน้าเดชา เดชาเซติดผนัง ตะวันปราดเข้าไปกระชากคอมา
“ทำบ้าอะไรวะ”
“ไอ้ชั่ว ยังจะถามอีกเหรอ”
ตะวันชกเดชากระเด็นล้มคว่ำไปอีก ตะวันตามไปซ้ำอัดเดชาติดผนังด้วยความเดือดดาล เดชาชูผ้าขนหนูในมือขึ้นมา
“ไอ้บ้า แหกตาดูซะก่อน ฉันจะเช็ดตัวให้คุณโรส”
ตะวันชะงักกึกก่อนจะตะคอกกับเดชา
“แกไม่มีสิทธิ์แตะต้องตัวโรส”
ตะวันเงื้อหมัดกำลังจะชกเดชาที่กำลังจุกไร้เรี่ยวแรง โรสรินค่อยๆ รู้สึกตัวขึ้นมาแต่ยังมีอาการมึนงง
“ตะวัน”
ตะวัน เดชาชะงัก หันมองโรสรินอย่างอึ้งๆ โรสรินพยายามลุกขึ้นยังมึนอยู่ พยายามคิดเหตุการณ์ที่เกิดก่อนหน้า แต่ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว โรสรินทรุดลงตะวันรีบปราดเข้าไปประคองไว้อย่างเป็นห่วง เดชาซับเลือดที่ปากตัวเอง มองตะวันที่ประคองกอดโรสรินไว้แล้วเจ็บใจ แค้นสุดๆ
เดชาโยนถังน้ำเล็กๆ พร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ลงบนโต๊ะตรงหน้าน้ำค้าง
“เอ้า ไม่ให้ฉันเช็ด ก็เช็ดเอง”
น้ำค้างรีบเอาผ้าขนหนูซับหน้าให้โรสรินที่ยังมึนอยู่
“แน่ใจเหรอ ว่าตั้งใจจะแค่เช็ดตัว คนอย่างแกเนี่ยนะไอ้เดชา”
“ทำไม คนอย่างฉันมันทำไม ก็ดีกว่าคนอย่างแกละกัน ผู้หญิงคนเดียวยังดูแลไม่ได้”
ตะวันอึ้งไป หันไปมองโรสริน โรสรินหลบตาพยายามนึก
“ฉัน ฉัน ดื่มไปนิดหน่อย แล้วไปมีเรื่องกับพวกขี้เมา แล้ว…”
“คุณถูกทำร้ายจนสลบ ผมถึงพาคุณมาที่นี่”
ตะวันข้องใจกับโรสริน
“จริงรึเปล่า”
โรสรินคิดแล้วพยักหน้าให้แทนคำตอบ น้ำค้างลุกพรวดขึ้นคาดคั้นเอาคำตอบจากเดชา
“ฉันไม่เชื่อหรอกว่านายจะบริสุทธิ์ใจจริงๆ ฉันรู้นะว่านายคิดจะทำอะไรต่ำๆ”
เดชาแสยะยิ้ม
“แทนที่จะขอบใจกัน ถ้าไม่มีฉันป่านนี้คุณโรสคงจะเละไม่มีชิ้นดีไปแล้วนะสาวน้อย” เดชาตวัดสายตาไปมองตะวัน “เธอน่าจะไปลากพี่ชายเธอมากราบเท้าฉันซะมากกว่า”
ตะวันปรี่เข้าไปหาเดชา แย้กับน้ำค้างรั้งตัวไว้
“พอได้แล้ว จบกันแค่นี้เถอะ กลับได้แล้ว ฉันบอกให้กลับยังไงล่ะ”
โรสรินบอกแล้วเดินลิ่วนำออกไป ทุกคนค่อยๆ ทยอยเดินตามแต่ไม่วายจ้องหน้าเดชาอย่างยังไม่หายคาใจมาลัยมองเลิ่กลั่กจะเดินตามไปอีกคน ทว่าล่ำ แหลมคว้าหมับที่ข้อมือมาลัย มาลัยหันมองอย่างกลัวๆ ล่ำ แหลมยิ้มหวานให้มาลัย
ล่ำตบหน้ามาลัยอย่างแรง มาลัยล้มลงตามแรงตบ ล่ำ แหลม กระชากมาลัยขึ้นมา มาลัยหวาดกลัวมากๆ
“อย่าๆๆ อย่าทำอะไรฉันเลยนะ”
แหลมบีบปากมาลัย ตวาด
“เพราะความปากมากของแก ไอ้พวกนั้นถึงรู้ว่าคุณโรสอยู่กับเสี่ยเด”
“ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าเสี่ยเดชาคิดจะจัดการกับยัยนั่น”
แหลมผลักมาลัยกระเด็นล้มลง และจะเข้าไปซ้ำ แต่เดชาเข้ามาขวางไว้ มาลัยกลัวมากๆ เดชาเดินไปพยุงให้ลุกขึ้น
“ขอโทษที่รุนแรงกันมากไปหน่อย”
มาลัยกุมหน้า เบาๆ
“ไม่หน่อยหรอก หนักเลยล่ะ”
“ฉันไม่คิดจะทำอะไรคุณโรสหรอก ก็แค่เสียดายโอกาสที่จะได้พัฒนาความสัมพันธ์ แต่ถ้าคราวหน้าไอ้ตะวันมันเข้ามาขัดขวางโอกาสนั้นอีกครั้งล่ะก็...” เดชาลูบหัวมาลัย ยิ้มเย็นเยือก “แกต้องรับผิดชอบ”
มาลัยตัวสั่นงันงก กลัวจับใจ
โรงแรมควีนโรส ที่ห้องทำงานณรงค์ ณรงค์ตบโต๊ะเปรี้ยง ท่าทางโมโหสุดขีด
“ว่าไงนะ ยัยโรสหลานสาวคนเดียวของฉันถูกทอดทิ้งเหมือนคนอนาถา”
ยุนอาเดินเอากาแฟมาเสิร์ฟให้ ตกใจมือสั่นแก้วกับจานรองแก้วกระทบกันแกร๊กๆๆ กาแฟเลอะไปหมด
“บ้าจริง ขอโทษนะคะท่านประธาน เดี๋ยวยุนอาเอามาให้ใหม่นะคะ” พีระตบโต๊ะเปรี้ยงอีกคน ยุนอาสะดุ้งตกใจทำกาแฟหกมากกว่าเดิม “บ้าจริง กาแฟหกอีกแล้ว เรานี่มันแย่จริงๆ”
“คิดแล้วโมโห ท่านรู้มั้ยครับว่าตอนนี้ โรซี่ถูกรังแกเหมือนลูกหมาข้างถนน”
“ห๊า”
พีระหันไปมองอุษาวดีสะกิดยิกๆ กระพริบตาส่งซิก ให้ช่วยใส่ไฟ
“ใช่ค่ะ ยัยโรสต้องอดมื้อกินมื้อ ขุดดินหาเผือกหามันกินไปวันๆ”
“แค่นั้นไม่พอ โรซี่ของผมยังถูกไอ้นายตะวันมันปล่อยให้ไอ้พวกมาเฟียรังแก”
ยุนอายกมือทาบอก พูดสำเนียงเกาหลี
“ตายจริง คุณโรสมีชีวิตอยู่ได้ยังไงนะ” ยุนอาทนฟังไม่ได้ วิ่งออกไป
“แค่นั้นไม่พอค่ะ ยัยโรสยังต้องทำปุ๋ยขี้หมูเหม็นหึ่ง แล้วก็...”
ณรงค์ความดันแทบขึ้น
“อะไร อะไร แล้วก็อะไรอีก”
อุษาวดี พีระมองหน้ากัน ช่วยกันนึก
“แล้วก็...”
“แล้วก็ต้องเป็น สาวน้ำตกน้อยในงานวัดด้วยครับ”
“เอิ่ม สาวน้อยตกน้ำ มั๊งคะ”
“เออ ใช่ สาวน้อยตกน้ำ ครับ”
“ห๊า สาวน้อยตกน้ำ” สีหน้าณรงค์โกรธมาก
“ครับ, ค่ะ” พีระกับอุษาวดีตอบรับพร้อมกัน
“ยัยโรสต้องไปนั่งเป็นสาวน้อยตกน้ำในงานวัด โห เปียกซ่กยังกะลูกหมาตกน้ำแน่ะค่ะ น่าเวทนาเหลือเกิน” อุษาวดีใส่ไฟต่อ
“พอแล้ว พอได้แล้ว งานนี้ไอ้ชาญกับฉัน มันต้องมีเคลียร์”
ณรงค์หน้าตาเอาเรื่อง พีระและอุษาวดีแอบตีมือกันเพี๊ยะนึกว่าแผนสำเร็จ
เช้าวันรุ่งขึ้นที่บ้านตะวัน
“ไม่เคลียร์ เรื่องนี้มันไม่เคลียร์” ชาญดูท่าทางหัวเสียมากๆ น้ำค้างพยายามปลอบ พัดโบกให้ชาญใจเย็น
“ปู่ไม่เชื่อหรอกว่าไอ้เดชามันจะแค่พาโรสมาดูแลจริงๆ งานนี้เอาต้องกฎหมายเข้าเล่นงาน”
“กฎหมายทำอะไรเดชาไม่ได้หรอกปู่ มันต้องใช้กฎหมู่”
“จริงด้วย ตื๊บมันเลยดีมั้ย”
“ดี ไอ้พวกฉวยโอกาสรังแกผู้หญิงต้องจัดให้หนัก”
“ลุยเลย เฮ้”
“รีบๆ ไปเลย จะได้พิการกลับมากันทั้งบ้าน”
“ผมว่าให้เรื่องมันจบไปเถอะปู่ อย่างน้อยก็ไม่มีใครเป็นอันตราย”
“แต่ถ้าเรื่องเมื่อคืนสรุปว่า จริงๆ แล้วเดชาเป็นคนมอมยาพี่โรส พี่ตะวันจะให้เรื่องมันจบแบบนี้จริงๆ เหรอ”
ตะวันชะงัก ครุ่นคิดตาม
“ไอ้ตะวัน ยืนเป็นสากกะเบืออะไรตรงนี้ ไปดูหนูโรสเค้าซิ ป่านนี้เป็นไงบ้างก็ไม่รู้”
ตะวันรู้สึกห่วงๆ โรสรินขึ้นมา
โรสรินยังคงดูเพลียๆ อยู่ แต่ก็ปฏิเสธตะวันอย่างเสียงแข็ง
“ไม่ไป ฉันก็แค่เมา ไม่ได้ป่วยนะยะ”
“คุณจะดื้อไปถึงไหน ไอ้ที่เมาหลับไม่รู้เรื่อง อาจจะโดนยาสลบของเดชามันก็ได้ ไปหาหมอ”
“ไม่ไป เดชาเค้าไม่ได้ทำอะไรฉันสักหน่อย”
“ปกป้องกันจริงนะ”
“ฉันไม่ได้ปกป้อง แต่นายตะหากที่อคติกับเค้าเกินไป และฉันก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น ฉันจะอยู่รอให้พีมารับฉันกลับบ้าน ฉันจะไม่ไปไหนทั้ง…” โรสรินยังพูดไม่จบ ตะวันจับโรสรินแบกขึ้นบ่าเลย โรสรินเหวอ “อ๊ายย ตะวัน ปล่อยฉัน ปล่อยฉัน กล้าดียังไงถึงทำกับฉันแบบนี้ ปล่อยฉั๊นนน”
ตะวันไม่สนเดินดุ่มๆ แบกโรสรินออกไปเลย
ที่โรงพยาบาล กิตติทัตคุยกับตะวันอยู่และวัดความดันให้โรสรินไปด้วย โรสรินหน้าบูดมู่ทู่
“น้ำค้างไม่ได้มาด้วยเหรอครับ”
กิตติทัตถามตะวัน
“ไปส่งดอกไม้ในเมืองน่ะครับ อย่าบอกนะว่าหมอติดใจปิ่นโตฝีมือน้องสาวผมเข้าแล้ว”
ตะวันพูดไม่ทันจบโรสรินหันไปเหวี่ยงตะวันกับกิตติทัต
“นี่ สนใจกันบ้างมั้ยห๊า เม้าท์กันอยู่นั่น”
กิตติทัตหันดูค่าความดันในหน้าจอแสดงผล
“ความดันปกติดี” กิตติทัตหันไปบอกตะวัน “แต่นิสัยยังเหมือนเดิม”
“เห็นมั้ย บอกแล้วไงว่าไม่เป็นอะไร จะตรวจอะไรเยอะแยะห๊า”
“เงียบไปเลยเหยิน”
กิตติทัตหน่ายปนเอ็นดู บีบจมูกโรสรินเบาๆ โรสรินหน้างอนๆ ตะวันเห็นความสนิทสนมของคนทั้งคู่ก็สีหน้าสลดลงไปมาก
“ไม่ อย่าคิดว่าสนิทกันแล้วจะสั่งฉันได้ ไม่มีใครสั่งฉันได้”
ตะวันคว้าวิตามินหลายเม็ดบนถาดยัดปากโรสรินไปเลย
“กินวิตามินเข้าไป จะได้เงียบๆ ปาก”
“เอ้า อยู่นิ่งๆ” โรสรินยังไม่ทันตั้งตัว กิตติทัตหยิบไฟฉายเล็กๆ แล้วตรวจดูม่านตาโรสริน “ก็ปกติดีนะ”
“ก็แล้วใครบอกว่าฉันไม่ปกติ”
“หมอครับ ตกลงที่คุณโรสสลบเป็นเพราะแอลกอฮอล์ หัวกระแทกหรือว่าโดนยาสลบกันแน่”
“โห เว่อร์ไปรึเปล่ายะ”
“ไม่เว่อร์เลยนะโรส ทัตเห็นด้วยกับตะวันนะ ทัตรู้จักนายเดชาดี อย่าอยู่ใกล้เค้าเป็นดีที่สุด เคยเตือนแล้วใช่มั้ยว่าให้ระวัง”
กิตติทัตมองโรสรินด้วยสายตาเป็นห่วงจนโรสรินรู้สึก โรสรินจับมือกิตติทัตลูบเบาๆ อย่างไม่ถือตัว
“รู้น่าว่าห่วง แต่ฉันไม่เป็นไรซะหน่อย”
ตะวันเห็นโรสรินจับมือกิตติทัตดูสนิทสนมกันเกินกว่าเพื่อน ก็ชะงักไป รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกิน
“ผมฝากยัยโรสด้วยนะครับหมอ จะต้มยำทำแกงอะไรก็ตามใจนะครับ”
ตะวันเดินออกไป แต่พลันก็ชะงัก
“เดี๋ยวครับ ผมมีเรื่องให้คุณช่วย”
กิตติทัตหันไปเตรียมอุปกรณ์เข็มฉีดยา โรสรินหันมอง
“จะทำอะไรน่ะนายหมอ”
“รบกวนจับตัวยัยเหยินหน่อยครับ อย่าให้กระดุกกระดิก”
กิตติทัตบอกตะวัน โรสรินแทบช็อก
“ได้เลยครับหมอ”
ตะวันจับตัวโรสรินไม่ให้ขยับ หมับ
“อย่านะ ไม่ ไม่เอา เข็ม ไม่เจาะเลือด ไม่อ๊าววว”
“ปล๊อยช๊านนนน ม๊ายยยย”
เสียงโรสรินร้องดังลั่นโรงพยาบาล กิตติทัตได้เลือดของโรสรินมาเก็บไว้ในหลอดแก้วเรียบร้อย โรสรินเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้
“นายยุหมอให้ตรวจเลือดฉัน ฉันถึงต้องเสียเลือดไปตั้งเยอะ ไอ้บ้าตะวัน”
“ปริมาณความจี๊ดส์ของเธอในเส้นเลือดมันเยอะเกินไปแล้วล่ะเหยิน เอาออกซะบ้างก็ดี” กิตติทัตบอกยิ้มๆ
“เดี๊ยะโดน ไม่ขำเลยนะหมอ”
“ถ้าผลออกมาว่าคุณไม่ได้โดนมอมยาก็แล้วไป แต่ถ้าใช่ล่ะก็ ผมไม่เอาไอ้เดชาไว้แน่”
ตะวันสีหน้าจริงจังมากๆ จนโรสรินรับรู้ได้ถึงความห่วงใยในใจของตะวัน
ตะวัน โรสรินนั่งอยู่ข้างๆ กัน โรสรินมองร่องรอยการถูกเจาะเลือดที่ข้อพับตัวเอง
“เพราะนายคนเดียว เพราะนายคนเดียว”
“น่าให้หมอเจาะเลือดที่ปากซะสามสี่รู จะได้เงียบๆ ซะที บ่นอยู่ได้”
“จะไม่ให้บ่นได้ไง ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่มีแต่เรื่องเจ็บตัวตลอดๆ”
ตะวันแอบเฮิร์ตไป ใจหายขึ้นมาอีกครั้ง
“ขอโทษนะ ที่ผมดูแลคุณไม่ดีพอ”
“อ้าว นึกว่านายจะด่าฉันที่ฉันไปกับเดชาจนเกิดเรื่องให้นายเดือดร้อนซะอีก”
“ด่าในใจไปหมดแล้ว อีกอย่างคุณรอดจากเดชามาได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว”
เดชา ล่ำ แหลม เดินกร่างเข้ามา ล่ำกับแหลมหิ้วกระเช้าของบำรุงมาด้วย
“ขนาดนั้นเลยเหรอครับคุณตะวัน”
ตะวันหันไปเห็น ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับเดชา
“นี่ อย่าบอกนะว่าจะมีเรื่องกันอีก”
“ผมไม่ได้มาหาเรื่องหรอกครับ พอดีรู้ว่าคุณมาหาหมอ ก็เลยตามมาหาด้วยความเป็นห่วง เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ”
“ฉันพายัยโรสมาตรวจเลือดว่าเมื่อคืนโดนแกวางยารึเปล่า”
“ฉันก็ยังคงเป็นคนเลวในสายตาแกไม่เคยเปลี่ยนแล้วถ้าผลออกมาไม่ใช่อย่างที่นายคิดล่ะ”
เดชาจ้องตาตะวัน ทำนองว่า แล้วจะว่าไง
“ฉันยอมก้มหัวขอโทษนาย”
เดชาแสยะยิ้มพอใจ พยาบาลเดินเข้ามา
“หมอทัตให้ไปฟังผลเลือดได้แล้วค่ะ”
ตะวันทำหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ
“อะไรนะหมอ”
“ไม่พบสารเสพติด ยากล่อมประสาท หรือยาสลบในเลือดของโรสริน”
เดชายิ้มสะใจ
“เป็นไงล่ะ”
โรสรินพูดกับตะวัน เดชาหันใช้หลังมือสะกิดหน้าตะวันเบาๆ
“เฮ้ย อย่ามัวแต่มึน สัญญาไว้ว่าไงจำได้มั้ย”
ตะวันกำหมัดแน่นอย่างเจ็บใจ ตะวันตัดสินใจก้มหัวให้เดชา เดชายิ้มสะใจมาก โรสริน กิตติทัตถึงกับอึ้ง
“ฉันขอโทษ” ตะวันก้มหัวขอโทษดชา
“คุณโรสครับ ผมอาจจะไม่ใช่คนดีนัก แต่กับคุณผมจะไม่มีวันทำเรื่องเลวๆ แน่”
ตะวันไม่รอให้โรสรินตอบอะไรอีก ลากมือโรสรินออกไปเลย
“อ้าว เดี๋ยวตะวัน นาย โอ๊ย”
เดชาแสยะยิ้มอย่างสะใจ ที่ได้คะแนนกับโรสริน
ตะวันลากโรสรินออกมา
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะ ปล่อย บอกให้ปล่อย”
โรสรินสะบัดๆ ดิ้นๆๆ จนตะวันโมโหปนพาลปนหึง กระชากโรสรินมาซะหน้าแทบชนกัน
“ทำไม อยากไปอยู่กับไอ้เจ้าพ่อนั่นนักรึไง” ตะวันตวาด โรสรินอึ้ง แล้วประชด
“เออ ใช่ ไปอยู่กับเจ้าพ่อก็ยังดีกว่าอยู่กับเจ้าของไร่ขี้อิจฉา ชอบหาเรื่องชาวบ้านอย่างนายละกัน”
ตะวันอึ้ง นึกว่าโรสรินพูดจริง มองหน้าโรสรินแล้วพูดแบบจุกๆ เจ็บๆ
“ถ้ารู้ตั้งแต่แรก ผมคงจะไม่ต้องเป็นห่วงคุณขนาดนี้”
โรสรินชะงักไปนิด
“อะไรนะ นายว่าไงนะ”
ตะวันรู้สึกตัว กลับมาทำฟอร์ม
“ช่างเถอะ ผมจะว่าอะไรมันก็เรื่องของผม”
“เออ เหมือนกัน ต่อไปนี้นายก็อย่ามายุ่งกับเรื่องของฉันอีก”
“เออ ยังกะอยากยุ่งนักนี่ ต่อไปนี้อยากจะทำอะไร อยากจะไปไหนกับใครก็เชิญ”
“เออ ฉันไปแน่ ไปเร็วด้วย จะไปวันนี้เดี๋ยวนี้เลย”
ตะวันอึ้ง โรสรินสะบัดตัวพรืดหลุดออกจากมือตะวันแล้วจะเดินออกไป แต่ตะวันคว้าไว้
“คุณจะไปไหน”
“เรื่องของฉัน ถามทำไม เมื่อกี๊ใครเพิ่งพูดว่าอยากจะทำอะไร อยากจะไปไหนกับใครก็เชิญ แล้วยังจะมาถามทำไม ความจำสั้นเหรอนายน่ะ”
“ก็ ก็แค่...”
“นอกจากความจำสั้นแล้วยังความจำเสื่อม”
“ห๊า”
“นายคงลืมไปแล้วสิว่า ถ้าฉันจัดการเรื่องกล้วยไม้ของนายเสร็จเมื่อไหร่ ฉันก็จะไปจากไร่ตะวันของนายทันที และตอนนี้ ฉันก็จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว” ตะวันอึ้ง “เพราะฉะนั้น ฉันก็จะไปจากนายซะที”
ตะวันอึ้ง โรสรินปัดมือตะวันที่จับแขนเธอไว้ออกแล้วเดินจากตะวันไป ตะวันได้แต่มองตามไป
ภายในห้องแล็ปเพาะกล้วยไม้ โรสรินเดินสำรวจดูขวดกล้วยไม้ที่ตัวเองเป็นคนปลูก โรสรินมองไปรอบๆ เหมือนจะเก็บความทรงจำที่นี่เป็นครั้งสุดท้าย โรสรินหยิบขวดที่ตัวเองเป็นคนเพาะกล้วยไม้ขึ้นมาสำรวจดูทีละขวด โรสรินหยิบขวดหนึ่งขึ้นมามองอย่างแปลกใจ ที่ขวดแปะกระดาษเขียนว่าโรสริน
“โรสริน”
ตะวันเดินเข้ามาด้านหลังโรสริน
“เข้ามาทำอะไรในนี้ ทำไมไม่ไปเก็บกระเป๋าเตรียมกลับบ้าน” โรสรินยื่นขวดให้ตะวันดู แล้วจิ้มที่ชื่อของตัวเอง ตะวันหลบตา “ขอโทษที่ไม่ได้ขออนุญาต”
โรสรินหันมามองหน้าตะวันอย่างแปลกใจ
“ทำไม ทั้งๆ ที่นายก็ไม่ได้ชอบฉัน ฉันทำลายแปลงกล้วยไม้สุดที่รักของนาย ฉันมันเป็นไอ้ตัวปัญหาของนายไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมนายถึงยังจะเอาชื่อฉันมาตั้งชื่อพันธุ์กล้วยไม้ของนาย ทำไม”
“ตกลงอนุญาตรึเปล่า”
“ตอบมาก่อนว่าทำไม”
ตะวันมองตาโรสรินใกล้ๆ
“ระลึกถึง ว่าครั้งหนึ่งคุณได้ทำให้ชีวิตเงียบๆ ของผมที่นี่ มีสีสันขึ้นมาบ้าง” ตะวันจ้องหน้าโรสริน พูดความรู้สึกจากใจ “แต่ต่อไปนี้ มันคงไม่มีอีกแล้ว”
โรสรินอึ้ง แต่แล้วอาทิตย์ก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหยุดพักเหนื่อย สายตาและอาการของอาทิตย์บอกได้เลยว่า เกิดเรื่องใหญ่แล้ว
“นายติสต์ เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
อาทิตย์วิ่งเข้าไปหาตะวันและโรสริน แล้วจูงมือวิ่งออกไปเลย
กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 5 (ต่อ)
แย้นอนชักดิ้นตาเหลือกอยู่แถวๆ โคนต้นไม้ อึ่งมองห่างๆ อย่างกลัวๆ อาทิตย์วิ่งนำตะวันกับโรสรินเข้ามา พอตะวันกับโรสรินเห็นแย้นอนชักก็ตกใจ
“ไอ้แย้ / นายแย้”
“นายแย้เป็นอะไร ทำไมถึงเป็นแบบนี้”
“ไม่รู้เหมือนกัน อยู่ๆ ก็ชักดิ้นไม่หยุดเลย อึ่งกลัวจังเลย”
ตะวันวิ่งเข้าไปหาแย้ แต่แล้วแย้ก็เด้งตัวพรวดขึ้น ตะวัน โรสรินชะงักไปทันที แย้มีอาการเหมือนคนแก่หลังงุ้ม ดูน่ากลัวๆ ตัวสั่นๆ เหมือนมีใครประทับร่าง
“ไหน นังคนไหนมันชื่อโรสริน”
อาทิตย์ อึ่งยังมีอาการตกใจ รีบชี้มือไปทางโรสริน แย้เดินเหมือนคนแก่ๆ เข้าไปหาโรสริน โรสรินหลบหลังตะวันอย่างกลัวๆ
“ตะวันช่วยด้วย แย้ แย้ เป็นอะไร ผีเข้าเหรอ”
“ข้าไม่ใช่ผี แต่ข้าคือ เจ้าแม่ตะเคียนทอง ฮ่าๆๆ”
ตะวันมองแย้อย่างจับผิด
“เจ้าแม่ตะเคียนทอง มาจากไหน ไร่เราไม่มีต้นตะเคียนซักต้น”
แย้ชะงักไป ขณะที่อาทิตย์กับอึ่งสะดุ้งเฮือก หันหน้าหนีไปทางอื่น
“ข้า ข้ามาจาก มาจาก...ในป่าโน๊น”
แย้ชี้มือ ตะวันจับได้ทันทีว่าสองเด็กและแย้ ต้องวางแผนกันทำอะไรสักอย่างแน่ๆ
“แล้วเจ้าแม่ตะเคียนต้องการอะไร”
แย้ชี้โรสริน
“นังคนนี้จะไปจากที่นี่ไม่ได้”
โรสรินเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง โผล่หน้าออกมาจากด้านหลังตะวัน
“ทำไมถึงไปไม่ได้ล่ะ ถ้าไปแล้วจะทำไม” แล้วก็แอบหลังตะวันอย่างกลัวๆ เหมือนเดิม แย้ทำท่าเชือดคอตัวเองขู่โรสริน
“ถ้าคุณโรส เอ๊ย ถ้าเอ็งหนีไป ชีวิตจะต้องถึงฆาต ชะตาชีวิตของเอ็งถูกกำหนดไว้แล้ว ทางเดียวที่จะช่วยชีวิตเอ็งได้ก็คือ เอ็งต้องอยู่ที่นี่ อยู่กับลูกพี่ เอ๊ย กับไอ้ตะวันเท่านั้น”
โรสรินรู้สึกว่าแปลกๆ แล้ว ดูมีพิรุธสุดๆ ขณะที่ตะวันส่ายหน้า โรสรินโผล่หน้าออกมาจากหลังตะวัน
“อยู่กับนายตะวัน อยู่ทำไม”
“อยู่เพื่อรักกันไงคะ เชื่อที่เจ้าแม่ตะเคียนบอกเถอะนะ” อึ่งบอก
“ถ้าเอ็งไม่เชื่อข้า ชีวิตเอ็งจะต้องถึงฆาตฮ่าๆๆ”
“ถ้าเจ้าแม่ออกจากร่าง ฉันจะซื้อเสื้อผ้าแพงๆ จากอังกฤษมาให้ หรือว่าจะเอารองเท้า นาฬิกา กระเป๋า รับรองว่าถ้ามีของพวกนี้ สาวทั้งอำเภอมองจนเหลียวหลัง ว่าไง”
แย้หันมองหน้าอึ่งกับอาทิตย์อย่างลังเล อึ่งกับอาทิตย์ ส่ายหน้าให้
“ถ้าข้าออกจากร่างไอ้อ้วนนี่ แล้วข้าจะได้ที่พูดมาทั้งหมดจริงเหรอ”
“จริง”
แย้ลังเล แล้วพลันแย้ก็ชักกระตุกๆ แล้วลงไปนอนฟุบ สักพักก็ฟื้นขึ้นมา ทำหน้าสะโหลสะเหลไม่รู้เรื่อง อาทิตย์ อึ่งตีหน้าผากตัวเองอย่างกลุ้ม ตะวัน โรสริน ถอนหายใจเฮือกใหญ่เซ็งๆ แย้ทำเป็นเนียน
“แย้มาอยู่ที่นี่ได้ไง นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
โรสรินเซ็ง ส่ายหน้าเดินหนีไปเลย
“อ้าว คุณโรส แล้วกระเป๋า รองเท้า นาฬิกา อ่ะ คุณโรสสส”
ตะวันดีดหูสองเด็กอย่างหมั่นเขี้ยว ปนรำคาญแล้วเบิ้ดกะโหลกแย้เข้าให้
“มีอะไรจะสารภาพมั้ย”
“สองแสบให้แย้ทำแบบนี้ คุณโรสจะได้ไม่ต้องไปจากไร่ตะวัน อย่าเตะแย้นะ”
อึ่ง อาทิตย์หน้าจ๋อยๆ ตะวันส่ายหน้าถอนใจ แล้วรีบเดินตามโรสรินออกไป
โรสรินเดินหนีอย่างหงุดหงิด
“เล่นบ้าอะไรกันเนี่ย เสียเวลาจริงๆ”
ตะวันตามเข้ามา พร้อมๆ กับอาทิตย์และอึ่งที่หน้าจ๋อยๆ
“พี่นางฟ้าอย่าไปเลยนะ อยู่ต่อเหอะนะ อึ่งกับอาทิตย์อยากให้พี่นางฟ้าอยู่ต่อ” โรสรินชะงัก หันมา
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ของฉัน จะช้าหรือเร็ว ฉันก็ต้องไป”
ตะวันช้ำใจ หันบอกเด็กๆ
“ชัดแล้วใช่มั้ย ไม่ต้องพยายามรั้งไว้หรอก”
อึ่งกับอาทิตย์มองหน้ากันเศร้าๆ
“เธอสองคนมีเหตุผลดีๆ ที่ฉันต้องอยู่ที่นี่ต่อมั้ยล่ะ ว่าไง ไม่มีใช่มั้ย”
“ใครว่าไม่มี เราสองคนอยากให้พี่นางฟ้ากับพี่ตะวัน” อาทิตย์และอึ่ง โค้งมือไปที่หัวเป็นท่าซารังแฮโย “รักกัน”
“รักกัน”
โรสรินอึ้งๆ หันไปมองตะวันที่ทำหน้าไม่ถูก
“ถ้ารักกันก็อยู่ต่อได้ จริงมั้ยล่ะ” ตะวันมองหน้าโรสริน อยากรู้ว่าโรสรินจะว่ายังไง “พี่นางฟ้ากับพี่ตะวัน ไม่จิ้นกันบ้างเลยเหรอ”
ตะวัน โรสรินมองหน้ากัน รู้สึกหวิวหัวใจด้วยกันทั้งคู่ จังหวะนั้นเสียงแตรรถยนต์ก็ดังลั่น แปร๊นน ทุกคนหันขวับไปยังที่มาของเสียงพร้อมกัน
ชาญ น้ำค้างเดินปิดหูออกมาหน้าบ้านใกล้ๆ รถยนต์ของพีระ เสียงแตรรถยังดังไม่หยุด แปร๊นน
“โว้ยย หยุดได้แล้ว หูจะหนวกแล้วเว้ย”
ยังไม่มีใครลงจากรถ เสียงแตรยังดังสนั่น ชาญโมโหสุดๆ แย้วิ่งพรวดเข้ามา
“เกิดมาไม่เคยกดแตรรึไงวะ เกิดอะไรขึ้นอ่ะปู่”
“ไอ้บ้าเอ๊ย ปืน ไอ้แย้ ไปเอาปืนมาให้ข้า”
แย้ไม่ได้ยิน หูตึงไปแล้ว
“ห๊า ให้เอาอะไรนะ”
“ปืน ปืน เอาปืนมา”
“ฟืน เอามาทำไมปู่”
“โอ๊ย ปืนโว้ย ปืน ไม่ใช่ฟืน เฮ้ย เลิกกดแตรสักที”
เสียงแตรเงียบลง พีระ อุษาวดีลงมาจากรถ
“โรสอยู่ที่ไหน เสียงแตรดังขนาดนี้ยังไม่ออกมาอีก”
“อย่าบอกนะว่าเอาโรซี่ไปซ่อน เอาไปซ่อนไว้ที่ไหน เอาคืนมาเดี๋ยวนี้ ฉันจะพาโรซี่กลับบ้าน”
“ไม่เห็นหนูโรสใช่มั้ย ก็แสดงว่าหนูโรสไม่อยากกลับน่ะสิ”
“โกหก โรซี่จะไม่อยากกลับบ้านได้ยังไง”
“เอ๋า ถ้าหนูโรสเขาอยากกลับ เขาก็มายืนรอแล้ว แล้วเป็นไง แม้แต่เงาก็ยังไม่มาให้เห็น ฮ่าๆๆๆ”
แย้หันมองทางหนึ่ง
“เห็นครับปู่”
“ห๊ะ อะไรนะ”
แย้ชี้ให้ชาญดูโรสริน ตะวัน อาทิตย์ อึ่ง ที่เดินเข้ามา พีระรีบเดินเข้ามาหา กระแทกตัวตะวันออกไป
“ผมมารับคุณกลับบ้าน ล่ำรากันแล้วใช่มั้ย รีบไปกันดีกว่าครับ” ชาญ ตะวัน น้ำค้าง อาทิตย์ อึ่ง หันมองว่าโรสรินจะตัดสินใจยังไง พีระเดินไปเปิดประตูให้ “รีบกลับเถอะโรซี่”
โรสรินหันมองทุกคน หันสบตาตะวันแว่บหนึ่ง ก่อนตัดสินใจจะเข้าไปในรถ ชาญคว้าข้อมือโรสรินไว้หมั่บ ทุกคนตกใจ
“ไม่ ฉันไม่ยอมให้หนูโรสไปไหนทั้งนั้น” ทุกคนหันมองชาญอย่างอึ้งๆ ชาญยังคว้าข้อมือโรสรินไว้อยู่ พูดอย่างจริงจัง “เมื่อไหร่จะเข้าใจซะทีว่า หนูละเมิดสัญญาไม่ได้ ไอ้ณรงค์ปู่หนูไม่มีวันยอม”
พีระหัวเราะอย่างเหนือกว่า
“เสียใจด้วยครับ คุณปู่ณรงค์ท่านรู้เรื่องนี้แล้ว”
“บ้าเอ๊ย แล้วมันว่าไง”
“ท่านโกรธมาก บอกงานนี้มีเคลียร์” พีระยิ้มสะใจ “อ้อ ขอโทษที่ผมต้องบอกความจริงทุกอย่างว่าอยู่ที่นี่โรซี่ต้องเจอกับอะไรบ้าง และพวกคุณดูแลโรซี่ไม่ได้ดีเท่าที่ท่านดูแล”
“ปล่อยเค้าเถอะครับปู่” ตะวันจับมือชาญออกจากมือโรสริน “คุณเป็นอิสระแล้วโรส”
โรสรินรู้สึกหวิวๆ บอกไม่ถูก โรสรินกำลังจะขึ้นรถไป ทว่ารถยนต์คันหรูขับพุ่งเข้ามาอย่างแรง ทุกคนชะงักหันไปมอง
“ใครวะ”
ณรงค์ลงจากเบาะท้ายรถ ทุกคนเห็นก็ตะลึงไป ยุนอาลงจากรถตามมา
“คุณปู่”
“ไอ้ณรงค์”
แย้หน้าเคลิ้มเลย
“อั๊ยยย คุณยุนอา”
ณรงค์เดินอาดๆ เข้าไปหาชาญ สีหน้าเครียดจัด
“ได้ข่าวว่าไร่ตะวันดูแลหลานสาวฉันไม่ดีเหรอวะ”
ชาญกับตะวันหันมองณรงค์อย่างช็อกๆ
พีระกับอุษาวดีชะเง้อมองเข้าไปทางข้างในบ้าน
“ทำไมคุยกันนานแบบนี้นะ” พีระหันมาโวยกับน้ำค้างอย่างมีอารมณ์ “ปู่กับพี่ชายเธอคงกราบขอร้องให้โรสอยู่ต่อล่ะสิ เห็นแก่ได้ คงคิดอยากเป็นอัครมหาเศรษฐีทางลัด เห็นเค้ารวยใช่มั้ย”
“อ้าว ทำไมพูดแมวๆ แบบนี้ คนบ้านนอกอย่างพวกฉันก็มีศักดิ์มีศรี นายเองก็เถอะตื๊อพี่โรสขนาดนี้คงหวังอยากเกาะรวยเองมากกว่า”
“อ้าว ปาก พูดให้มันดีๆ นะ”
“กับคนปากเสียไม่จำเป็นต้องพูดดีด้วยหรอก” พีระหงุดหงิด จะเอาเรื่อง น้ำค้างเดินไปประจันหน้าอย่างไม่กลัว
“จะรังแกผู้หญิงเหรอเอาสิ” พีระหงุดหงิด ดีดหูน้ำค้างให้ซะเลย “โอ๊ย ไอ้บ้านี่ แก๊”
“ทำไมคิดว่ากลัวเหรอ เอาซี๊ ไม่ได้มีเรื่องมานานแล้ว มาเลย ยัยหน้าแกงจืด”
“หน็อย ไอ้หน้าหนังไก่”
“โอ๊ย เจ็บปวดเกินจะรับไหว ฮึ๊ย”
น้ำค้าง พีระพุ่งเข้าหากันอย่างโมโห อุษาวดีช่วยดึงตัวพีระไว้ อาทิตย์ อึ่ง ก็ดึงห้ามน้ำค้างไว้เหมือนกัน ต่างช่วยกันร้องห้ามเป็นที่วุ่นวาย
อีกมุมหนึ่ง ยุนอาเดินสวยๆ ในไร่ มองแปลงกุหลาบไปรอบๆ ถ่ายรูปด้วยไอแพดมินิอย่างประทับใจ
“สวยจัง บรรยากาศดีมากเลย เสียอย่างเดียว ร้อนไปหน่อย”
แย้โผล่มาพรวดกางร่มให้ยุนอา ยุนอาหันมามองก็ตกใจที่เห็นแย้ผัดหน้าขาวว่อก แต่งตัวหล่อลายดอกสีสันจัดๆ
“อุ๊ย ตกใจหมดเลย”
“คนหน้าตาดี ไม่ใช่ผี อย่ากลัวนะ ขวัญเอ๊ยขวัญมา” แย้ยิ้มแฉ่งให้ มองตาหวาน “นึกว่าจะไม่ได้เจอกันอีกซะแล้ว คิดถึงจะขาดใจแล้วรู้มั้ย กินไม่ได้นอนไม่หลับ ดูสิ ตัวซูบผอมกระหร่องหมดแล้ว”
“เชยจัง คนที่นี่จีบผู้หญิงแบบนี้หรอกเหรอ”
“ถึงจะเชย แต่ก็อยากลงเอยกับเธอนะจ๊ะ อั๊ยยย เขิลล์” ยุนอาเดินหนี แย้เดินตามไปกางร่มให้ “แหม คุยกันก่อนสิ แล้วนี่ตกลงคุณปู่ณรงค์เค้ามาทำไมอ่ะ”
“ไม่รู้สิ สงสัยมารับตัวคุณโรสกลับล่ะมั้ง”
คำตอบนี้ทำให้แย้หน้าเหวอขึ้นมาเลย
ภายในบ้าน ชาญนั่งหน้าจ๋อยๆ ไม่กล้าสบสายตาณรงค์
“ข้าส่งหลานสาวมาให้ช่วยขัดเกลานิสัย ไม่ได้ส่งมาเสี่ยงตายนะเว้ย”
ชาญชักฉุนขึ้นมา
“อ้าวเฮ้ย ไหนบอกจะไม่ใจอ่อนไง เอ็งก็รู้อยู่แล้วว่าที่นี่มันไม่สุขสบายเหมือนอยู่คฤหาสน์ของเอ็งนะโว้ย”
“ไม่สุขสบายกับเสี่ยงตาย มันเหมือนกันที่ไหนวะ”
ชาญหันมองไปเห็นกระท้อนอยู่ในถาดผลไม้ ก็คว้ามาใช้ด้ามมีดทุบๆ กระท้อน ชาญปอกเปลือกไวๆ ป้อนกระท้อนให้ณรงค์
“หวานมั้ย”
“หวานเจี๊ยบ”
“กระท้อนยิ่งทุบมันก็ยิ่งหวาน ก็เหมือนกับชีวิตคน เจออุปสรรคบ้างก็ยิ่งทำให้แกร่งขึ้น เอ็งส่งหนูโรสมาเพราะเหตุผลนี้ไม่ใช่เหรอวะ”
ณรงค์ขอชาญกินอีก ชาญเฉือนกระท้อนป้อนให้อีก ตะวันกับโรสรินมองดูอยู่ห่างๆ โรสรินทนไม่ไหวเดินเข้ามา
“เราจะกลับกันได้รึยังคะคุณปู่”
“ปู่ยังเคลียร์กับไอ้ชาญมันไม่เสร็จ”
“ยังจะเคลียร์อะไรอีก เออ! ไอ้ณรงค์ หนูโรสอยู่ที่นี่นิสัยดีขึ้นตั้งเยอะ จริงมั้ยตะวัน”
ชาญหันไปส่งซิกพยักเพยิดให้ตะวันเห็นด้วย แต่ตะวันเฉย
“ผมว่าให้คุณโรสตอบเองจะดีกว่านะครับ”
ทุกคนหันไปมองโรสรินอย่างต้องการคำตอบ
“โรสไม่เคยเปลี่ยน โรสเคยบอกคุณปู่แล้วว่าไม่มีใครเปลี่ยนแปลงโรสได้”
โรสรินปรายตามองตะวัน อย่างอยากให้ตะวันเชื่อเช่นนั้น
“หมายความว่าการที่ต้องมาอยู่ที่ไร่ตะวัน โรสมองว่ามันไร้ประโยชน์”
ทุกคนมองโรสริน อยากรู้ว่าจะตอบว่าอย่างไร โรสรินพยักหน้า
“ค่ะ”
“โรสพร้อมที่จะเดินออกจากไร่ตะวัน”
“ก็ในเมื่อไม่มีเหตุผลต้องอยู่”
ณรงค์หันถามตะวัน
“นายยอมให้เธอไปโดยไม่คิดจะรั้งไว้อีกแล้ว”
ตะวันตัดสินใจพยักหน้าให้ณรงค์ โรสรินแอบน้อยใจ ลุกพรวดขึ้นทันที
“จบมั้ยคะปู่ ถ้างั้นเรารีบกลับกันเลยเถอะค่ะ โรสไปรอที่รถนะคะ” โรสรินบอกแล้วเดินออกไป ณรงค์ทุบโต๊ะปังอย่างโมโห ทุกคนสะดุ้ง
“ข้าหมดเรื่องที่จะเคลียร์กับเอ็งแล้ว”
-แล้วณรงค์ก็เดินผลุนผันออกไปทันที
พีระ น้ำค้าง มองหน้ากันตึงๆ อุษาวดี อาทิตย์ อึ่ง ยังฉุดรั้งฝ่ายของตัวเองไว้ไม่ให้ทะเลาะกัน สักพักแย้กางร่มให้ยุนอาเดินเข้ามา โรสรินเดินลิ่วเข้ามาตามมาด้วยณรงค์ สักพักตะวัน ชาญ รีบตามออกมา
“เราจะกลับกันแล้วใช่มั้ยครับท่าน”
พีระถามณรงค์
“ใช่ เดี๋ยวนี้”
พีระหันไปยิ้มเยาะเย้ยให้ตะวัน น้ำค้าง ชาญ อย่างกวนมากๆ
“เฮ้ย เดี๋ยวก่อน ธุรกิจมันยุ่งนักรึไง จะรีบกลับไปไหน” ชาญถาม ณรงค์ประกาศเสียงดังฟังชัด
“กลับโรงแรม ไปเตรียมจัดงานแต่งงาน”
โรสรินอึ้งๆ แปลกใจ
“งานแต่งงานของใครคะปู่”
“จะงานใครได้ ก็งานโรสกับตะวันยังไงล่ะ”
ทุกคนช็อกสุดๆ
“ห๊า แต่งงาน”
“มะ ไม่ได้นะครับ โรซี่จะแต่งงานกับใครไม่ได้” พีระบอกเมื่อได้สติ
“โรสคิดว่าปู่มาพาตัวโรสกลับ”
“ปู่แค่มาเคลียร์ว่าทางไร่ตะวันยังคิดจะดูแลรับผิดชอบโรสรึเปล่า แต่ถ้าโรสจะกลับ ก็เท่ากับยอมแต่งงาน สัญญาของปู่กับไอ้ชาญ จบลงแล้ว”
“แต่ตะวันยอมให้โรสเดินออกไปจากที่นี่เอง” โรสรินหันมองหน้าตะวัน ณรงค์พูดกับชาญ
“ฝั่งเอ็งเตรียมตัวให้พร้อม พร้อมแล้วแห่ขันหมากไปเลย”
ชาญทำมือโอเค ยิ้ม
“โอเคเพื่อน”
“ปู่ไม่มีเหตุผล ปู่บังคับโรสไม่ได้ โรสยอมปู่ครั้งนึงแล้ว มันจะไม่มีอีกเป็นครั้งที่สอง”
โรสรินปรี๊ดกับณรงค์อย่างเอาจริง แต่ณรงค์จริงจังและเข้ม
“เงียบ ปู่จะจัดงานแต่งงานนี้ให้ไวที่สุด ไม่มีข้อยกเว้น”
ชาญดีใจ เหล่มองตะวันกับโรสริน
“ตามนั้น ไปจดทะเบียนสมรสกันเดี๋ยวนี้เลยมั้ยหลานข้า”
โรสรินกับตะวัน มองหน้ากันอย่างเหวอสุดขีด
อึ่งกอดอาทิตย์กระโดดโลดเต้นดีใจ
“เย้ๆๆ พี่นางฟ้าจะอยู่กับเราตลอดไป ไชโย๊ เย้ๆๆ”
ยุนอาที่อยู่ข้างๆ แย้ บ่นๆ ออกมา
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณโรส จะมาเป็นสะใภ้ที่นี่จริงๆ”
ทุกคนช็อกกันไปหมด ยกเว้นชาญที่ดีใจมากๆ
“เฮ้ย หยุด เลิกดีใจเก้อได้แล้ว โรซี่จะยอมให้เรื่องบ้าๆ แบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้นะ” พีระบอก โรสริสหันมองไปทางณรงค์ที่สีหน้าเคร่งขรึมเอาจริง
“คุณปู่คะ เวลาที่โรสอยู่ที่นี่มันยังไม่มากพออีกเหรอ คุณปู่รู้หรือแกล้งไม่รู้ว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงโรสได้ ไม่ว่าจะที่ไร่แห่งนี้ คนที่นี่ หรือแม้แต่นายตะวัน คุณปู่บังคับโรสไม่ได้อีกแล้ว”
“ปู่เสียใจนะที่โรสมองว่าทุกอย่างที่ปู่ทำคือการบังคับ ปู่คือคนที่รักและหวังดีกับโรสมากที่สุด ถ้าโรสขัดเกลานิสัยตัวเองไม่ได้ แล้วปู่ตายไปโรสจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง” โรสรินชะงักหยุดปรี๊ดชั่วคราวที่เห็นณรงค์จริงจังเอามากๆ “แต่ถ้าไม่อยากอยู่จริงๆ ปู่ก็ไม่บังคับ”
“เยสสส สุดท้ายก็ใจอ่อนจนได้” พีระดีใจ ณรงค์มองตาโรสริน จริงจัง
“แต่โรสต้องหาเงินร้อยล้านใช้หนี้คืนปู่ชาญแทนปู่ ด้วยสองมือของโรสเอง ทำได้มั้ย”
ทุกคนช็อกไปกันหมด
“มันจะเป็นไปได้ยังไง” โรสรินถามทั้งที่ยังช็อกอยู่
ณรงค์จริงจังและเฉียบขาดสุดๆ โรสรินช็อกที่ณรงค์ให้ทางเลือกที่เธอไม่มีสิทธิ์เลือก โรสรินเดินตามออกไปอย่างหงุดหงิด พีระ อุษาวดีจะตามไป โรสรินตวาดใส่
“ไม่ต้องตามมา”
โรสรินเดินหนีออกไปอย่างหงุดหงิด ตะวันมองตามอย่างเป็นห่วงในความรู้สึก
ณรงค์ ชาญยืนมองไปยังทิวทัศน์สวยๆ เบื้องหน้า
“ใจหายหมด ข้านึกว่าเอ็งจะรับตัวหนูโรสกลับไปซะอีก”
“เกือบจะใจอ่อนอยู่เหมือนกันว่ะ แต่โรสจะกลับได้ก็ต่อเมื่อเธอเป็นคนใหม่เท่านั้น ข้ายังเชื่อมั่นในตัวตะวันว่าเค้าจะเปลี่ยนแปลงหลานสาวของข้าได้”
ห่างไปมุมหนึ่ง ไม่ไกลนักพอได้ยินว่าทั้งคู่พูดอะไรกัน ตะวันยืนมองอยู่ ชาญยิ้มให้ณรงค์
“เหมือนที่ข้าก็เชื่อมั่นในตัวหนูโรสว่าไม่ได้ร้ายอย่างที่เราเห็น”
“แต่ถ้าในที่สุดตะวันเกิดถอดใจขึ้นมาจริงๆ ข้าก็จะยอมแพ้ จะไม่พยายามเปลี่ยนตัวโรสอีกเลย”
ตะวันถึงกับชะงักไปกับภาระที่ณรงค์ฝากความหวังไว้
“แล้วเรื่องหนี้ที่ข้าติดค้างเอ็ง ข้าจะชดใช้คือให้เป็นร้อยเท่า”
ชาญกอดคอณรงค์
“เรื่องนั้นอย่าไปคิดมันเลยวะ เพราะถ้าตะวันกับหนูโรสเกิดรักกันจริงๆ ขึ้นมา ต่อให้เงินท่วมฟ้าข้าก็ไม่ต้องการ”
ณรงค์ยื่นมือออกไปให้ชาญจับ
“สัญญาว่าไร่ตะวันจะไม่ส่งตัวโรสกลับ”
“เอ็งก็ต้องสัญญาว่าถ้ายังไม่ครบปี จะไม่รับโรสกลับไป”
“ข้าสัญญา”
ชาญยื่นมือออกไปจับมือณรงค์บีบแน่น แทนคำมั่นสัญญาอีกครั้ง ตะวันยอมรับในกติกาสัญญาใจของสองปู่ ตะวันคิดจะทำให้โรสรินยอมอยู่ที่นี่ต่อให้ได้
รถณรงค์แล่นออกไปไกลลับตา แย้ยืนโบกมือ
“โชคดีนะคุณยุนอา แล้วไอ้แย้จะไปหาที่กรุงเทพนะ รักนะจุ๊บุๆ”
ชาญโบกมือลาด้วยรอยยิ้ม ขณะที่พีระ น้ำค้าง อุษาวดี อาทิตย์ อึ่ง ยังอึ้งๆ อยู่
“ฝันไปรึเปล่าวะเนี่ย” น้ำค้างที่ยืนอยู่ใกล้ๆ หมั่นไส้ตบหน้าพีระเพี๊ยะ! “โอ๊ย เฮ้ย หาเรื่องอีกแล้วเหรอ”
“ไม่ได้หาเรื่องหรอก แต่ทำให้รู้ว่านายไม่ได้ฝันไปไง”
“สมน้ำหน้า ยังไงพี่โรสก็ต้องอยู่ที่นี่”
“แล้วเราล่ะพี่พี กลับมั้ย” อุษาวดีถามพี่ชาย พีระสวนทันควัน
“ไม่กลับ ถ้าโรสอยู่ที่นี่ พี่ก็ต้องอยู่”
“แล้วบริษัทเราล่ะ งานที่ต้องดูแลก็เยอะแยะ”
“ถ้ามันยุ่งวุ่นวายนักก็ขายๆ มันทิ้งซะเลย โธ่เว้ย แล้วนี่โรสหายไปไหน”
พีระเดินออกไปอย่างหงุดหงิดเซ็งสุดๆ อุษาวดีรีบเดินตามพี่ชายออกไป
“โถ ทำใจเหอะไอ้หนุ่มเอ๊ย ผู้หญิงคนเดียว หาใหม่เห๊อะ” ชาญจะโกนแซว
ชาญกิฟต์มีไฟว์อาทิตย์ อึ่ง แย้ น้ำค้าง อย่างมีความสุ๊ข ความสุข
ที่แปลงกุหลาบ โรสรินยืนหน้าเศร้าเหม่อมองไปไกล แม้จะไร้ซึ่งกรงขังแต่เธอก็เหมือนสูญเสียอิสรภาพ ตะวันเดินเข้ามาจากด้านหลังอย่างเข้าใจความรู้สึก
“ปู่คุณกลับแล้วนะ” โรสรินยังเงียบ ไม่ตอบ ไม่หันมามองใดๆ ทั้งสิ้น “มายืนทำอะไรตรงนี้ ออกมาเถอะ”
“ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้ ฉันอยากอยู่คนเดียว ไม่อยากได้ยินเสียงใครทั้งนั้น”
“เรื่องนั้นน่ะรู้ แต่ช่วยไปยืนห่างๆ แปลงกุหลาบของผมด้วย” โรสรินหันขวับมองเหวี่ยงๆ “เกิดสติแตกชักดิ้นชักงอ ดิ้นพล่านๆ ทำแปลงกุหลาบผมเสียหายขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ”
“ฉันนึกว่านายซ่อมปากเรียบร้อยดีแล้วซะอีก ที่ไหนได้ ปากยังเสียเหมือนเดิม เดี๋ยวเหอะ” ตะวันยิ้มยั่ว
“ใช่ เหมือนเดิม ปากเสียเมื่อเจอกับคนนิสัยเสียๆ เหมือนคุณ”
“คนยิ่งกำลังเศร้าอยู่ แทนที่ตะปลอบดันมายั่วโมโห”
“ปลอบไปคุณก็ไม่หายเศร้าหรอก คุณต้องขอบคุณผมต่างหากที่ผมทำให้คุณไม่เศร้าแล้วเปลี่ยนเป็นโมโหแทน”
“ไอ้บ้าตะวันฉันเกลียดนาย”
โรสรินปรี๊ดสุดๆ จะเข้าไปทุบตบตีตะวันให้หายแค้น นี่แน่ะ! ตะวันจับข้อมือโรสรินไว้จนดิ้นไม่หลุดแล้วพูดเสียงจริงจัง
“ต่อให้เกลียดกันให้ตายแค่ไหนคุณก็ต้องอยู่ที่นี่”
“ถ้าฉันจะอยู่ ต้องอยู่ด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ต้องทนอยู่”
ตะวันดึงโรสรินเข้ามาใกล้ จริงจัง จริงใจ
“ไม่ว่ายังไงคุณก็ไปจากไร่ตะวันไม่ได้อีกแล้ว แต่จะอยู่ที่นี่แบบไหนถึงจะไม่ต้องทนอยู่ มันอยู่ที่ตัวคุณตัดสินใจ แต่ถ้าถามผม ผมอยากให้คุณอยู่”
โรสรินอึ้งไป
“อะไรนะ”
ตะวันอึกอัก ก่อนที่จะตัดสินใจพูดออกมา
“อยากให้อยู่ อย่างมีความสุขน่ะ”
“แค่คิดมันก็ยังเป็นไปไม่ได้เลย แล้วจะทำได้ยังไง”
โรสรินสะบัดมือออกแล้วเดินหนีออกไปเลย
กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 5 (ต่อ)
โรสรินเดินหงุดหงิดหยุดครุ่นคิดแถวๆ หน้าบ้านพัก โรสรินคิดถึงตอนที่ตะวันจับข้อมือเธอไว้จนดิ้นไม่หลุดแล้วพูดเสียงจริงจัง
“ต่อให้เกลียดกันให้ตายแค่ไหนคุณก็ต้องอยู่ที่นี่”
“ถ้าฉันจะอยู่ ต้องอยู่ด้วยความเต็มใจ ไม่ใช่ต้องทนอยู่”
ตะวันดึงโรสรินเข้ามาใกล้ จริงจัง จริงใจ
“ไม่ว่ายังไงคุณก็ไปจากไร่ตะวันไม่ได้อีกแล้ว แต่จะอยู่ที่นี่แบบไหนถึงจะไม่ต้องทนอยู่ มันอยู่ที่ตัวคุณตัดสินใจ แต่ถ้าถามผม ผมอยากให้คุณอยู่”
โรสรินอึ้งไป
“อะไรนะ”
ตะวันอึกอัก ก่อนที่จะตัดสินใจพูด
“อยากให้อยู่ อย่างมีความสุขน่ะ”
โรสรินยังคิดไม่ตก
“ตอนที่จะต้องไปจริงๆ ก็รู้สึกหวิวๆ แต่พอไม่ได้ไปแล้วต้องอยู่ที่นี่เป็นปีๆ ก็อยากจะหนีออกไป โอ๊ย เป็นอะไรของแกเนี่ยยัยโรส” โรสรินเดินไปนั่งลงทอดถอนใจ “แล้วอยู่ยังไงให้มีความสุขนะ”
พีระกับอุษาวดีเดินเข้ามา
“ไม่ว่าโรสอยู่ที่ไหนถ้าพีอยู่ด้วย โรซี่คงมีความสุข ใช่มั้ยจ๊ะ” พีระยิ้มหล่อให้ โรสรินถอนใจแรงกว่าเดิม
“เฮ้ออออ”
แล้วโรสรินก็เดินขึ้นบ้านไปอย่างไม่สนใจพีระและอุษาวดีเลย พีระจ๋อย จะเดินตามโรสรินไปแต่อุษาวดีรีบรั้งไว้
“เดี๋ยว จะไปไหนอีก พี่พีเรามาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนดีกว่า”
อุษาวดีจ้องหน้าพีระอย่างข้องใจสุดๆ แต่พีระไม่สนใจเอาแต่ชะเง้อหาโรสริน
อุษาวดีมองพีระอย่างตะลึง พีระดูไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร
“เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วนะ คราวนี้ถ้าอยู่เป็นปีๆ ก็บริษัทก็โดนยึดพอดีหรอก”
“แล้วจะให้พี่ทำยังไง จะยอมเสียโรซี่ให้นายตะวันเหรอ น้องจะแก้ปัญหายังไงพี่ไม่รู้ รู้แต่ว่าพี่ต้องอยู่ที่นี่”
“อ้าว แล้วทำไมต้องให้อุษาเป็นคนแก้ปัญหา”
“อ้าว ก็เรื่องงานน้องแก้ปัญหาเก่งกว่าพี่ แต่เรื่องหัวใจพี่แก้ปัญหาเก่งกว่าน้อง เพราะฉะนั้นเรื่องงานน้องก็เคลียร์ไป จบป่ะ”
น้ำค้างเดินถือตะกร้าดอกไม้ผ่านเข้ามาก็ชะงักที่เห็นพีระกับอุษาวดีเถียงกันเสียงดัง น้ำค้างหลบมุมแอบมอง พีระเดินหนีออกไป อุษาวดีรั้งไว้
“ไม่จบ”
“อะไรอีกเล๊า”
“แล้วเรื่องที่ให้อุษาจีบนายตะวันล่ะ ยังต้องทำต่อรึเปล่า”
น้ำค้างช็อก พึมพำออกมา
“เฮ้ย ไอ้หน้าหนังไก่นั่นให้น้องสาวจีบพี่ตะวันเหรอ”
พีระส่ายหัวอย่างรำคาญ
“ไม่รู้ ตอนนี้ยังคิดไม่ออก ถ้าคิดออกแล้วจะบอกเองนั่นแหล่ะ”
แล้วพีระก็เดินออกไปเลย อุษาวดีถอนใจอย่างเหนื่อยใจ น้ำค้างยังไม่หายช็อก มองไปทางพีระอย่างแค้นๆ
คืนนั้นขณะที่พีระเดินผิวปากสบายใจลงจากบ้าน น้ำค้างเดินพรวดเข้ามาหาอย่างมีอารมณ์โมโห พีระชะงัก
“เฮ้ย โอ๊ยใจหายหมด นึกว่าผีจูออน”
“นายสั่งให้คุณอุษาจีบพี่ตะวัน”
พีระช็อกไปนิดหนึ่ง ก่อนกวนใส่
“แล้วทำไม ผิดตรงไหน ฉันก็ต้องหาทางกันให้โรซี่ไม่เสร็จพี่ชายเธอ”
“เล่นสกปรกแบบนี้ใช่มั้ย ฉันจะไปบอกพี่ตะวัน”
น้ำค้างจะเดินออกไป พีระยุส่ง
“เชิ๊ญ เชิญไปฟ้องได้เลย เพราะถึงมันจะเป็นแผน แต่ถ้าตะวันมันรักน้องสาวฉันขึ้นมาเมื่อไหร่ ทุกอย่างก็จบ”
“หมายความว่าไง”
“สาเหตุมันจะเริ่มจากอะไรก็ไม่มีผล ลองถ้าคนได้รักกันแล้ว คิดว่าจะเลิกรักกันได้ง่ายๆ เหรอ” พีระยิ้มกวนๆ
“นายมันเจ้าเล่ห์ที่สุด” พีระโค้งหัว
“น้อมรับคำชม หมดธุระแล้วก็ ขอตัวนะจ๊ะ”
พีระจะเดินออกไป พลันน้ำค้างนึกอะไรขึ้นได้เดินเข้าไปขวาง
“เดี๋ยวนะ แล้วที่นายบอกว่าหมอทัตชอบฉัน มันเป็นแผนของนายอีกใช่มั้ย”
พีระเหวอไปไม่คิดว่าน้ำค้างจะรู้ทันและจับได้จึงอึกอัก
“เอ่อ อ่า”
น้ำค้างปรี๊ดสุดๆ
“นี่ นายหลอกฉันเหรอ”
“คือ เอ่อ”
“นายหลอกฉันจริงๆ ด้วย แก ไอ้… ล้อเล่นกับความรู้สึกฉันได้ยังไง เลวที่สุด”
น้ำค้างชกเปรี้ยงเต็มหน้าพีระ พีระหน้าหงาย แล้วน้ำค้างก็เดินหนีไปเลยอย่างหงุดหงิดและเสียใจมาก
น้ำค้างเดินลิ่วๆ หนีไป พีระเดินกุมปากวิ่งเข้ามาขวาง น้ำค้างเงื้อหมัดจะชกอีกที
“เดี๋ยวๆๆ ฟังฉันอธิบายก่อน แล้วถ้าเธอจะชกฉันอีกครั้ง ฉันก็ยอม”
“ฉันยังจะเชื่ออะไรนายได้อีก”
“ความจริงไง ฟังฉันนะ ฉันรักโรซี่มาก” น้ำค้างนิ่ง ลองฟังเหตุผลพีระ แต่ยังกำหมัดแน่น “ฉันถึงต้องวางแผนเขี่ยตะวันให้ห่างจากโรซี่ ไม่ว่าอะไรฉันก็ทำได้ทั้งนั้น”
“รวมถึงสร้างแผนเรื่องฉันกับหมอทัต หมอทัตจะได้ไม่ต้องจีบพี่โรสใช่มั้ย”
“ฉันก็อยากให้มันเป็นแบบนั้นจริงๆ”
น้ำค้างจะชกพีระ
“ดี ถ้างั้น อีกหมัดละกัน”
“แต่เรื่องนี้ฉันไม่ได้วางแผน”
น้ำค้างสาวหมัดออกไป พีระหลับตาปี๋กลัวๆ น้ำค้างชะงักหมัดได้ทัน
“ว่าไงนะ”
“ฉันจะวางแผนทำไม ในเมื่อฉันรู้ว่าหมอทัตเค้ามีใจให้เธอจริงๆ”
“แล้วฉันจะเชื่อนายได้ยังไง”
“ไม่ต้องเชื่อ แต่ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แล้วถ้ามันไม่จริงอย่างที่ฉันว่า เธอจะมาฆ่าฉัน ฉันก็ยอม” พีระเสแสร้งบอกอย่างจริงใจที่สุด “ในชีวิตนี้มีหลายเรื่องที่ฉันโกหก แต่กับเรื่องนี้ ไม่เลยสักนิดเดียว”
“แน่นะ”
“ถ้าไม่เชื่อก็ชกสิ เอาให้เละเลย”
น้ำค้างที่เงื้อหมัดอยู่ก็ใจเอนอ่อน เอามือลง
“ถ้านายไม่โกหกฉัน ฉันก็ต้องขอโทษด้วยละกัน เจ็บมั้ย”
“ฟันโยกไปหมดแล้ว แสบแผลด้วย”
“เดี๋ยวฉันไปเอายามาทำแผลให้ละกัน”
“รีบไป รีบมานะ” พีระกุมปาก แกล้งสำออย
น้ำค้างเดินออกไปอย่างใจเย็นลงแล้ว และเชื่อนายพีระเข้าจริงๆ พีระยิ้มอย่างร้ายกาจสุดๆ ที่หลอกน้ำค้างได้สำเร็จ
โรสรินนั่งชิงช้าครุ่นคิดอยู่หน้าบ้านพัก
“อยู่ที่นี่อย่างมีความสุข เฮ้อ แล้วต้องทำยังไง” ตะวันยืนอยู่ด้านหลัง “อยู่อย่างมีความสุข อยู่ที่นี่อย่างมีความสุขๆๆ เฮ้อ สงสัยต้องสะกดจิตตัวเองแล้วมั้ง” ตะวันเดินมานั่งชิงช้าข้างๆ โรสริน “นี่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่ที่คุณบ่นอยากอยู่ที่นี่”
“บ้าเหรอ ไม่ได้อยาก แค่คิดจะอยู่ยังไงต่างหาก”
“ถ้าคิดไม่ออก ให้ช่วยคิดมั้ยล่ะ ผมมีวิธีนะ”
โรสรินย่นคิ้วมองตะวันที่ยิ้มให้
เช้าวันต่อมา รถของตะวันแล่นไปตามทาง สองข้างทางเป็นแมกไม้ ทิวทัศน์สวยงามมากๆ พลันเสียงร้องแปดหลอดของโรสรินดังสนั่นนน
“จ๊อดดด จอดรถเดี๋ยวนี้ ฉันสั่งให้นายจอดรถเดี๋ยวนี้”
รถตะวันหยุดกึก ภายในรถมีอึ่งกับอาทิตย์นั่งมาด้วย สักพักโรสรินเปิดประตูรถลงมา ตะวัน อาทิตย์ อึ่งตามมาติดๆ โรสรินมองหน้าตะวันอย่างข้องใจมากๆ ตะวันส่ายหน้าปลงๆ
“ซอกนู้นเลย แอบๆ หลังต้นไม้หน่อยจะปลดหนัก ปลดเบาก็ตามใจ”
“ไอ้ตะวันบ้า ฉันไม่ได้ปวดซะหน่อย”
“อ้าว แล้วสั่งให้หยุดรถทำไมล่ะค๊า”
โรสรินผายมือหมุนตัวรอบๆ ให้ดูทิวทัศน์รอบตัว
“อะไร นี่มันคืออะไร ช่วยตอบฉันได้มั้ย”
“อนุสาวรีย์ชัยล่ะมั้ง”
“ไม่ต้องกวนประสาทเลยนะ นายคิดว่าแมกไม้ร่มรื่น ธรรมชาติสวยงาม มวลเถาวัลย์ป่าใบเขียว บ้าบออะไรพวกนี้จะช่วยทำให้ฉันอยู่ที่นี่อย่างมีความสุขได้งั้นเหรอ” ตะวันถอนใจ
“แค่เศษเสี้ยวในสมองก็ยังไม่คิด”
“แล้วพาฉันมาทำเบื๊อกอะไร ร้อนก็ร้อน หน้าเมือกไปหมดแล้วเนี่ย โอ๊ย นายติสต์ อึ่ง ตอบมาเดี๋ยวนี้ ว่าเรากำลังจะไปไหนกัน”
“อ๋อ ก็จะไป…”
ตะวันรีบปิดปากอึ่งไว้ไม่ให้บอก
“เดี๋ยวก็รู้ว่าผมพาคุณไปไหน ขึ้นรถเลยไป” โรสรินแข็งขืนไม่ยอมขึ้นง่ายๆ “นับหนึ่งถึงสาม ไม่ขึ้นจับอุ้มแน่”
อึ่ง อาทิตย์ช่วยกันนับ
“หนึ่ง สอง สาม”
โรสรินไม่ยอมขึ้น ตะวันจะเดินเข้าไปจับอุ้มจริงๆ โรสรินถึงยอมขึ้นรถอย่างหงุดหงิด ตะวันส่ายหัวอย่างเอือมๆ เด็กสองคนหัวเราะชอบใจ
ตะวันขับรถเข้ามาจอดที่ลานกิจกรรมในหมู่บ้าน ตะวัน โรสริน อึ่ง อาทิตย์ลงจากรถ พลันเด็กๆ แถวนั้นก็วิ่งเข้ามาหาตะวันอย่างดีอกดีใจ
“น้าตะวันมาแล้ว เฮ้”
เด็กๆ วิ่งเข้ามาหาตะวัน แล้วไหว้อย่างเคารพ ตะวันทักทายตามประสาแล้วเดินไปหยิบลังขนมที่หลังรถยื่นให้เด็กๆ
“แบ่งๆ กันนะครับ อาทิตย์ อึ่ง แบ่งให้เพื่อนๆ ด้วย”
อาทิตย์ อึ่ง ช่วยกันแบ่งขนมให้เด็กๆ ที่เข้ามารุมล้อม
“ต่อแถวจ้า ต่อแถว อย่าแย่งกันๆ ได้ทุกคนจ้า”
ชาวบ้านทำกิจกรรมแถวนั้น ทักทายตะวันอย่างคุ้นเคยและเป็นกันเอง ชาวบ้านหิ้วกระสอบฝักข้าวโพดมาให้ตะวัน
“ฝากให้ปู่ชาญด้วยนะ เพิ่งเก็บมาใหม่ๆ หวานๆ กรอบๆ เลยรับรอง”
“ขอบคุณนะครับ เยอะแบบนี้ ปีหนึ่งจะกินหมดรึเปล่าก็ไม่รู้”
ตะวันขอบคุณแล้วยกกระสอบข้าวโพดใส่กระบะท้ายรถ โรสรินมองตะวันอย่างหมั่นไส้
“ดูนายเป็นที่รักของคนที่นี่นะ”
“ผมกับปู่ช่วยให้ชาวบ้านที่นี่มีงานทำที่ไร่ตะวัน คนต่างจังหวัดน่ะต้องพึ่งพาอาศัยกันเป็นธรรมดา น้ำใจมีก็หยิบยื่นให้กันบ้าง”
เด็กๆ กำลังกินขนมกันหันมองโรสรินอย่างสงสัย
“น้าตะวันพาใครมาด้วย สวยเหมือนนางฟ้าเลย”
โรสรินยิ้มๆ พอใจมาก เด็กตาถึงที่สุดอ่ะ!
“ใครบอก เนี่ย นางมารร้ายต่างหาก”
ตะวันบอก โรสรินหันขวับจ้องตะวัน ปรี๊ดแตกขึ้นมาทันที
“เดี๋ยวเหอะ เด็กๆ เข้าใจผิดพอดีหรอก ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่ถอน เพราะผมว่าเด็กๆ ไม่เข้าใจผิดแน่ๆ”
โรสรินหันมองเด็กอีกที เห็นเด็กๆ ถอยกรูดอย่างกลัวๆ แล้วก็รีบวิ่งหนีไปเลย โรสรินถึงกับเซ็งๆ
“ตกลงนายพาฉันมาที่นี่ทำไม”
ตะวันยิ้มอย่างมีแผน
ที่ลานกิจกรรมในหมู่บ้าน อึ่งและอาทิตย์ รวมถึงเด็กๆ เล่นฮูลาฮูปกันประมาณ 6 คน โรสริน ตะวัน แช่ม ช้อย และชาวบ้านยืนมองดู โรสรินมีสีหน้าเบื่อหน่ายไม่เข้าใจว่าตะวันพามาที่นี่ทำไม เด็กๆ เล่นฮูลาฮูปประกอบจังหวะเสียงเพลงแต่เล่นไม่ค่อยเป็น ล้มบ้าง ฮูลาฮูปหล่นบ้าง ผิดกับอาทิตย์และอึ่งเล่นฮูลาฮูปได้ดี เสียงเพลงจบลง เด็กๆ หยุดเล่นสีหน้าท้อๆ ตะวัน แช่ม ช้อย ปรบมือให้กำลังใจ
“ดีมากลูก ดีแล้วลูก รับรองเลยนะว่าประกวดเต้นฮูลาฮูปคราวนี้ พวกเราชนะแน่ๆ ดีใจกันหน่อยเร๊ว เอ้า เฮ้”
เด็กๆ ไม่เฮด้วยเลย
“แม๊ ชมไม่ได้ดูเล๊ย เล่นเงี้ยนี่นะชนะ ถ้าไปประกวดมีหวังตกรอบแรก”
“ไม่ต้องแกล้งชมพวกหนูหรอกป้าช้อย”
“เฮ้อ คงได้ที่โหล่อีกตามเคย”
เด็กๆ มองหน้ากันเซ็งๆ แล้วเดินหนีไป แช่ม ช้อย หันมามองตะวันอย่างท้อๆ ใจ
“เหมือนเดิมครับคุณตะวัน ประกวดระดับตำบลคราวนี้ก็คงเป็นไม้ประดับเหมือนทุกครั้ง”
“เมื่อก่อนน่ะนะ พวกเด็กๆ มันใจสู้ อยากได้ถ้วยกันจะตายไป แต่พอแพ้บ่อยๆ เข้าก็อย่างที่เห็นล่ะค่ะ เฮ้อ สงสารพวกเด็กๆ มัน”
“ก็แค่แข่งเต้นฮูลาฮูป ไม่เห็นมันจะยิ่งใหญ่ตรงไหนเลย” โรสรินบ่น แช่ม ช้อย มองโรสรินอย่างสงสัยๆ ว่าเป็นใคร
“แต่แข่งคราวนี้ เด็กๆ ต้องชนะครับ” ตะวันบอกแช่มกับช้อย
“ชนะ”
“โอ๊ย อยากจะขำ เต้นไก่กากะโหลกกะลาแบบนี้เนี่ยนะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมมีครูสอน รับรองว่าไม่ผิดหวัง”
“ใครคะ / ใครครับ / ใคร”
ตะวันหันมองหน้าโรสริน แล้วยิ้มให้กวนๆ
โรสรินเดินเร็วปิดหูไม่รู้ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ตะวันเดินตามหลังมาติดๆ
“เชื่อผมสิ นี่ผมกำลังช่วยคุณอยู่นะ”
“ไม่รู้ ไม่ฟัง ไม่เห็น ไม่เห็นด้วย”
ตะวันเดินนำโรสริน แล้วดึงมือโรสรินออกจากหู
“ฟังผม คุณต้องเป็นครูสอนเด็กๆ”
“ไม่ฟัง ไม่เอา ไม่เป็น นี่เหรอยะ การช่วยให้ฉันอยู่บ้านนาป่าเขาได้อย่างมีความสุข คิดอะไรอยู่ บ้ารึเปล่า”
“ถ้าขอร้องดีๆ แล้วไม่ฟังกัน คงต้องบังคับแล้วล่ะ”
“กลัวตายนักนี่ นายไม่มีทางบังคับฉันได้”
ตะวันยิ้มมั่นใจ
“ได้สิ”
“ไม่ มีทาง”
“ม๊ายยยย ไม่ ไม่เอา ฉันไม่สอน”
เสียงโรสรินดังลั่น โรสรินโดนตะวันจับมัดไว้กับต้นเสา ตะวันผูกเชือกมัดเรียบร้อย อึ่งกับอาทิตย์มองโรสรินอย่างสงสารๆ โถๆ
“ไอ้ตะวันบ้าปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ นายไม่มีสิทธิ์บังคับฉัน ไม่มีสิทธิ์จับฉันมัดไว้แบบนี้ ปล๊อยย”
“พี่ตะวัน ปล่อยเหอะ คนนะไม่ใช่ข้าวต้มมัด”
อึ่งบอก แช่ม ช้อย เด็กๆ ที่รุมยืนจ้องอยู่อุดหูเพราะแสบแก้วหูเหลือเกิ๊น
“อายเด็กๆ เค้าบ้างสิคุณ ตอนนี้คุณเป็นคุณครูของพวกเค้าแล้วนะ”
“ม๊ายย ฉันไม่สอน ฉันสอนไม่เป็น”
“เอาน่ะ ผมเชื่อว่าคุณทำได้” ตะวันยิ้มให้จริงใจ “ผมเชื่อในตัวคุณ”
“ฉันทำไม่ได้ ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ นี่เหรอสิ่งที่นายจะทำให้ฉันมีความสุข ไม่ใช่ มันไม่ใช่เลย เข้าสปา ขัดผิว นวดหน้า ทำผมต่างหากความสุขของฉัน”
ตะวันทำหูทวนลมไม่สนใจ หันไปบอกแช่มกับช้อย
“ผมฝากคุณครูของพวกเด็กๆ ด้วยนะครับ อย่าให้เธอหนีออกไปได้เด็ดขาด”
ตะวันหันไปบอกแช่ม
“ได้ครับ ว่าแต่เพื่อนคุณตะวันจะไหวเหรอครับ”
“อย่าทำให้เด็กๆ ผิดหวังล่ะ รู้มั้ย” ตะวันพูดกับโรสรินแล้วจูงมืออึ่งกับอาทิตย์ “ไป กลับไร่ ทิ้งให้นางฟ้าของพวกเธออยู่ที่นี่ก่อน”
แล้วตะวันก็จูงมืออึ่งกับอาทิตย์เดินไปขึ้นรถ โดยไม่สนใจโรสรินเลย
“ตะวัน ตะวัน ไอ้ตะวันบ้า นายทิ้งฉันไม่ได้นะ อึ่ง นายติสต์ อย่าทิ้งช๊านนน”
ตะวันขับรถออกไปเลย ทุกๆ คนมองโรสรินอย่างหวั่นๆ กลัวๆ โรสรินมีสีหน้าช็อกอย่างสุดๆ
แช่ม ช้อย ช่วยกันแก้มัดให้โรสรินที่กำลังปรี๊ดเต็มที่
“นายตะวัน อย่าให้เจออีกนะ นายตายแน่ แก้มัดเร็วๆ เข้าสิ”
“จ้ะๆ เสร็จแล้วจ้า”
แช่ม ช้อยแก้มัดให้โรสรินเรียบร้อย แช่ม ช้อย และเด็กๆ ถอยกรูดห่างจากโรสรินอย่างกลัวๆ
“ไปส่งฉันที่ไร่ตะวันเดี๋ยวนี้”
“คงจะไม่ได้หรอกค่ะคุณ”
“ทำไมจะไม่ได้ ฉันสอนพวกเด็กๆ พวกนี้ไม่ได้หรอกนะ”
“แต่ตอนนี้ความหวังของพวกเด็กๆ ขึ้นอยู่กับคุณแล้วนะครับ” แช่มบอกอย่างกลัวๆ เด็กๆ หันมองโรสรินกันตาแป๋ว
“ความหวัง หวังทำไม กะอีแค่ประกวดเต้นไอ้ห่วงๆ เนี่ย มันน่าภูมิใจตรงไหน ทำอย่างกับว่าเคยชนะงั้นแหล่ะ จะแพ้อีกสักครั้งมันจะเป็นไรไป พวกเธอฟังฉันนะ เลิกเหอะ เลิกคิด เลิกฝัน อย่าไปหวังมันเลย”
เด็กๆ มองหน้ากันอย่างเศร้าสลด แช่มกับช้อยสงสาร
“คุณกำลังดูถูกความฝันของเด็กๆ อยู่นะครับ”
ช้อยชะโงกหน้าออกมาจากหลังแช่ม
“ความสุขของคนไม่เท่ากันนะคะ สิ่งเล็กๆ นี่แหล่ะ มันคือความสุขของพวกเค้า” โรสรินสะอึกไปที่โดนแทงใจดำ
“ฉันเชื่อคุณตะวัน คุณตะวันบอกว่าคุณทำได้ ฉันก็เชื่อว่ามันต้องได้”
โรสรินชักอ่อนลง
“คิดแบบนั้นจริงๆ เหรอ”
“ไม่เคยคิดเลย” ช้อยพูดเบาๆ โดนช้อยหยิกเอว ขยิบตาให้ “จ้ะๆ ฉันคิดอย่างนั้นนั่นแหล่ะ”
โรสรินครุ่นคิดถึงคำพูดตะวัน
“เอาน่ะ ผมเชื่อว่าคุณทำได้” ตะวันยิ้มให้จริงใจ “ผมเชื่อในตัวคุณ”
โรสรินมองเด็กๆ ที่ตาละห้อยน่าสงสาร แล้วครุ่นคิด เอาไงดีๆ
โรสรินกำลังจะสอนเด็กๆ เต้นฮูลาฮูป เด็กคล้องห่วงไว้ที่เอว มองอย่างตั้งใจ แช่มกับช้อยซุบซิบๆ กัน
“แกว่าคุณโรสเค้าจะไหวแน่เหรอวะ ฉันกลัวจะงาบหัวเด็กๆ เข้าให้”
“ฮื้อ พูดเป็นการ์ตูน” แช่มหันไปมองก็ชะงักไปเหมือนกัน “อืม แต่มันก็จริงนะ”
โรสรินเสียงดังสั่งอย่างตั้งใจจริงจัง
“จะแข่งเต้นฮูลาฮูป แค่ไม่ให้ห่วงตกไม่พอหรอกนะ มันต้องมีลีลาด้วย เคยเต้นแจสแดนซ์ ฮิปฮอป ป้อบปิ้งกันบ้างมั้ยล่ะ” เด็กๆ มองกันหน้างงๆ “ว่าไง”
เด็กๆ ส่ายหน้ากันสลอน
“เอ่อ อย่าถามเรื่องเต้นเล๊ย รำวงเป็นก็หรูแล้วค่ะคู๊ณ”
“เฮ้ออ ถ้างั้นดูพี่เป็นตัวอย่างนะ เริ่มจากเสต็ปเบาๆ ก่อน”
โรสรินหมุนห่วงแล้วส่ายเอวทว่า ห่วงหล่นตุ่บ เด็กๆ มองกันหัวเราะครืนๆ โรสรินลืมตัว ปรี๊ด
“ขำอะไรห๊ะ” เด็กๆ ปิดปาก อย่างกลัวๆ “คนเราก็มีพลาดบ้างอะไรบ้าง แต่คราวเนี้ย เป๊ะ” โรสรินหมุนห่วงอีกทีแล้วส่ายเอว เหมือนเดิม ห่วงร่วงหล่นตุ๊บ แช่ม ช้อยหัวเราะ ขำกลิ้ง “หยุดขำเดี๋ยวนี้” แช่ม ช้อย เอามือปิดปากแทบไม่ทัน โรสรินบ่นอุบ คนเดียว “ตายละ ทำไมมันยากแบบนี้นะ จะล่มมั้ยเนี่ย”
พลันมาลัยเดินส่ายเอวหมุนฮูลาฮูปเข้ามา พลิ้วสุดๆ ทุกคนหันขวับไปมอง
“ยู้ฮู๊ ชิลเด้นทั้งหลาย ทิชเช่อร์มาลัยมาแล้วคร๊า”
มาลัยกับโรสรินป๊ะหน้ากันอย่างจัง
“ยัยคุณหนู / มาลัย”
มาลัยเดินปรี่เข้าไปหาแล้วประจันหน้าโรสรินอย่างเอาเรื่อง ทุกคนงงไปหมด
“ฉันนึกว่าเธอแจ้นกลับกรุงเทพไปแล้วซะอีก มาทำอะไรที่นี่ ห๊า”
แช่ม ช้อย มองหน้ากันอย่างหวั่นๆ
“น่ากลัวจะเกิดเรื่องแล้วเว้ยเฮ้ย”
โรสริน มาลัย ประจันหน้ากัน แช่ม ช้อย และเด็กๆ มองอย่างหวาดเสียว กลัวจะมีเรื่อง
“คนอย่างฉันไม่มีวันทำล่ม ฉันสอนเด็กๆ ได้”
“ก่อนจะสอนคนอื่น สอนตัวเองก่อนเห๊อะ เธอทำอย่างฉันได้มั้ย”
มาลัยเล่นฮูลาฮูปโชว์อย่างพลิ้ว ห่วงจากที่หมุนที่เอวเลื่อนขึ้นมาเป็นที่คอ แล้วสอดมือหมุนห่วงที่แขน แล้วกลับมาที่คอลงสู่เอวอีก ขั้นเทพสุดๆ เด็กๆ อึ้งปรบมือ
“เป็นไง เป็นไง มีอึ้งๆ หนาวล่ะซี้ ถอนตัวไปเลยดีกว่า”
“ถอนได้ยังไงวะ คุณตะวันเค้าให้คุณโรสเป็นครูสอนเด็กๆ แล้ว”
“อีกอย่าง แกบอกเองว่าประกวดคราวนี้แกไม่ว่าง คุณตะวันเขาก็เลยหาคนมาแทน”
“ก็ตอนนั้นมันไม่ว่าง แต่ตอนนี้ฉันว๊างว่าง”
“มาเปลี่ยนใจอะไรปุบปับตอนนี้วะ เอาไว้คราวหน้าละกัน”
มาลัยสีหน้าเซ็งสุดๆ มองโรสรินอย่างสุดเซ็ง โรสรินยิ้มเยาะ
“เสียใจด้วยนะ เธอหมดสิทธิ์แล้ว”
“จะได้สักกี่น้ำ เธอจะทำให้ทุกอย่างพัง รู้ตัวไว้ซะด้วย ถ้าแน่จริงมาวัดกันดีกว่าว่าใครเหมาะสมมากกว่ากัน”
โรสรินยิ้มมั่นใจ
“ไม่มีปัญหา เดี๋ยวก็รู้ ว่าของจริงเป็นไง ของปลอมหลบไปดีกว่า”
โรสรินกับมาลัยจ้องหน้ากันอย่างท้าทาย
โรสรินถือห่วงฮูลาฮูปไปที่ด้านหลังบ้าน มองซ้าย-ขวาเห็นว่าไม่มีใครอยู่ โรสรินพยายามเล่นฮูลาฮูป ส่ายๆ เอว แต่ห่วงก็หล่นตุ้บ
“โธ่เอ๊ย แค่นี้ทำไมทำไม่ได้ เด็กๆ ยังทำได้เลย”
โรสรินพยายามรวบรวมสมาธิเต็มที่บิ๊วท์ตัวเองสุดๆ
“ทำได้ เธอต้องทำให้ได้โรสริน คนอย่างโรสไม่เคยยอมแพ้ไม่ใช่เหรอ”
โรสรินพยายามเล่นฮูลาฮูปให้ได้ แต่ห่วงตกแล้วตกอีก โรสรินก็ไม่ย่อท้อพยายามทำให้ได้ แช่ม ช้อย แอบมองลุ้นอยู่อย่างสุดๆ ลุ้นให้โรสรินทำสำเร็จ โรสรินพยายามแล้วพยายามเล่า ในที่สุดก็สามารถเล่นฮูลาฮูปได้ แช่ม ช้อยหันมาตีมือกันอย่างดีใจ โรสรินยิ้มอย่างมั่นใจ มุ่งมั่นจะทำให้สำเร็จ
จบตอนที่ 5