xs
xsm
sm
md
lg

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 5

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 5

ที่โต๊ะอาหารในห้องอาหารแบบยุโรปในบ้าน
 
ที่ว่างๆ มีโต๊ะจัดหรูหลายโต๊ะ ที่อยู่ในความสลัว เปิดไฟสว่างไว้ตรงโต๊ะเดียวริมผนังกระจก
อาทิตย์ยืนโรยเกลือ พริกไทย น้ำส้มบัลซามิกและน้ำมันมะกอกอย่างคล่องแคล่วเหนือชามสลัด แล้วใช้ส้อม2อันคลุกๆ มัทนีที่นั่งมองตาปริบๆ โดยมีจานพาสต้าของตนวางตรงหน้าและพาสต้าอีกจานวางตรงที่นั่งตรงข้าม
“ทำไมมองผมแบบนั้น” อาทิตย์เงยหน้ามาถาม
“สงสัยว่าจะกินเข้าไปลงไหมน่ะสิ ทำไมเค้าไม่มีน้ำสลัดอร่อยๆ สำเร็จรูปล่ะคะ”
“ขอโทษเถอะ น้ำสลัดสำเร็จรูป หรือจะสู้น้ำสลัดทำสดๆ ลองชิมดูก่อนจะบ่นดีกว่านะคุณ ชิมแล้วไม่อร่อยค่อยมาว่ากัน ผมยินดีรับฟังคำติทุกอย่าง อ่ะ” อาทิตย์ตัดสลัดใส่จานแบ่งให้ มัทนีไม่ค่อยมั่นใจ จิ้มสลัดแค่ 1 ใบมาชิม แล้วสีหน้าค่อยๆ กลายเป็นทึ่ง อาทิตย์นั่งลงที่เก้าอี้ที่ตรงข้าม “ไงครับ”
มัทนีจำใจต้องยอมรับ
“ก็ โอเคอ่ะนะ”
อาทิตย์ยิ้มชอบใจ
“อร่อย ใช่ไหมล่ะ”
“ไม่แน่ใจ”
“อย่างน้อย ก็คงพอใช้ได้ ไม่เลวก็แล้วกันล่ะ จัดการสปาเก็ตตี้ก่อนดีกว่าครับก่อนที่มันจะเย็น หวังว่าคุณคงชอบ”
อาทิตย์ก้มลงม้วนเส้น กินอย่างอร่อยเต็มปากเต็มคำ ท่าทางเอร็ดอร่อย ดูน่ากินตามมาก มัทนีใช้ส้อมม้วนเส้นเข้าปากแล้วชิม อาทิตย์เคี้ยวตุ้ยๆ เอาผ้าเช็ดปากมาซับๆ กลืนอาหาร ก่อนคุยอย่างไม่น่าเกลียด
“สูตรนี้ของผมเองนะ แทนที่จะเป็นกุ้งมังกรก็เอากุ้งแม่น้ำแบบไทยๆ เลย น้ำก็มีน้ำจิ้มซีฟู้ดผสมอยู่ พี่พลอยลองทำแล้วใครๆ ติดใจ เลยเอาลงเป็นเมนูแนะนำไปเลย พูดแล้วจะหาว่าคุย อาหารเด่นๆ หลายจานของร้านนี้ ผมเป็นต้นคิดนะจะบอกให้”
มัทนีกินไป ฟังไป ทำหน้าไม่เชื่อ

พลอยเดินออกมา ด้วยถาดที่มีไวน์ขาวในเหยือกคาราฟใสทรงสูง พลอยเข้ามาจัดการรินไวน์จากเหยือก ลงในแก้วไวน์ตรงหน้าทั้งคู่
“อาทิตย์ ได้ของโปรดเธอเลยนะงวดนี้ จากไร่ของพี่เชิด ให้ฝรั่งชิม ฝรั่งยังทายว่าเป็นฝรั่งเศส ไม่มีใครเชื่อ ว่ามาจากวังน้ำเขียวเรานี่เอง”
อาทิตย์ชิมอย่างลีลามือเซียน
“แจ๋วจริง พี่พลอย เสียดาย ปีนี้ผมไม่ว่าง ไม่ได้ไปไร่พี่เชิดเลย”
“ไว้ปีหน้า ตอนเขามีปาร์ตี้เทศกาลเก็บเกี่ยว เราไปกันไหม”
อาทิตย์หัวเราะ จับมือพลอยมากุม ตบหลังมือเบาๆ
“สัญญาครับ ผมไม่ยอมพลาดทุกๆ งานที่พี่พลอยชวนแน่นอน”
พลอยสบตาซึ้ง ก้มลงมา เอามือแตะแก้มอาทิตย์
“สัญญาต้องเป็นสัญญาน้า”
มัทนีมองท่าทีของสองคน ทำหน้าอึ้งๆ พลอยหันมาเห็นสายตามันทีพอดี หัวเราะออกมา
“อุ๊ยตาย น้องมัทนีอย่าเข้าใจผิดนะคะ เราไม่ได้มีอะไรกันนะคะ พี่กับนายอาทิตย์ก็เหมือนพี่น้องกันน่ะค่ะ” พลอยเอามือลูบผมอาทิตย์ “พี่เลี้ยงเค้ามาตั้งแต่ 2-3 ขวบ แต่ก่อนคุณแม่เค้างานยุ่ง เอามาฝากบ้านพี่ พี่ก็เล่นเค้าเหมือนเล่นตุ๊กตา”
“อุ๊ย” มัทนีกลืนอาหารแทบไม่ทัน “คือ ดิฉันไม่ ไม่ได้คิดอะไรเลยค่ะ คือ อาทิตย์กับ ดิฉัน ไม่ได้ เป็นอะไรกันเลยค่ะ ก็แค่ ดิฉันติดรถเค้ามาเพราะความจำเป็นบางอย่างเท่านั้นค่ะ”
“หรือคะ แปลกจัง อาทิตย์ไม่เคยพาใครมาที่นี่เลยนะคะ คุณเป็นคนแรก แหม เสียดายจัง ถ้าเป็นจริงอย่างคุณว่า พี่อุตส่าห์ดีใจว่าอาทิตย์พาคนที่เค้ามั่นใจแล้ว ว่าจะยินยอมมอบกายใจเป็นคู่รักจริงจังมาเปิดตัวให้พี่รู้จักซะอีกแน่ะ ว้า”
อาทิตย์อ้ำอึ้งกลืนอาหาร มัทนีทำหน้าไม่ถูก

อีกมุมบ้านพลอย พลอยยกขนมเป็นไอศกรีมสีขาวมีสตรอเบอรี่เต็ม ราดซ้อสสตรอเบอรี่มายื่นให้ตรงหน้ามัทนี ที่กำลังเงยมองชันดาเลียสวยวิจิตรเหนือเพดาน ตรงห้องรับแขก
“อย่าเพิ่งอิ่มนะคะ รับไอศกรีมก่อน พี่ทำเอง หวังว่าคงไม่กลัวอ้วนนะคะ”
มัทนียิ้ม พนมมือไหว้ รับไป
“ขอบคุณค่ะ”
พลอยแตะเอวให้มัทนีเดินไปนั่งที่ชุดโซฟา และตั้งแก้วน้ำดื่ม มีชามผลไม้ ชามแก้วใส่พวกท็อฟฟี่และช็อกโกเลตให้ห่อเล็กๆ สีต่างๆ พลอยนั่งลงข้างๆ หยิบช็อกโกเลตอันนึงมาแกะใส่ปากกินเล่นพลางคุย
“น้องมัทนีทำงานอะไรคะ”
“เขาทำงานองค์กรต่อต้านเพศชายน่ะครับ”
เสียงอาทิตย์ดังสอดเข้ามา

สองสาวหันไปมองเห็นอาทิตย์นั่งลงตรงหน้าเปียโน เปิดออก หันมายิ้ม อาทิตย์กรีดนิ้ว เคาะคีย์เบาๆ
“แล้วเค้าก็มีแฟนแล้วด้วย รักกันม้ากกก มากกก” อาทิตย์ร้องเพลงออกมาอย่างสบายๆ และเล่นเปียโนคลอแบบชิลด์ๆ “เสียแรงรักใคร่ เสียแรงปักใจจริง หวังได้พักพิงกลับทิ้งกันไป เสียแรงฉันซื่อและถือจริงใจ เหินห่างเลิกร้างแรมไกล สิ่งที่ฝากไว้แรมรา เสียแรงหมายมั่นเสียแรงฝากกัน นาน เสียถ้อยสาบานเสกสรรวาจา”
มัทนีชะงักการกิน อดทำหน้าทึ่งไม่ได้ พลอยหัวเราะ ลุกไปดึงแขนอาทิตย์ขึ้น
“พอๆ มาเล่นเพลงตัดพ้ออะไรใครกันจ๊ะ ไปๆ ไปชวนคุณมัทนีเต้นรำดีกว่า มาพี่เล่นให้”
พลอยลงมือเล่นเปียโนอย่างเก่ง และร้องอย่างเพราะ
“ฉันชื่นใจเมื่อได้เห็น หัวใจเต้น เพราะได้เห็นดวงหน้า เฝ้าแต่มอง มิคลายสายตา ชื่นหนักหนา ชักพาสุขฤทัย ฉันจ้องมองเป็นหนักหนา เห็นเธอเต็มตา แล้วก็พาเพลินได้ เปรียบดังยา รักษาดวงใจ ชุบอารมณ์ให้ สดใสชื่นชีวัน”
มัทนียืนขึ้นลืมตัว ตะลึงฟัง ชอบมากๆ ขณะนั้นเอง อาทิตย์เข้ามา แล้วมาจับมือ
“เต้นรำกันดีกว่าครับ”
“อุ๊ย ชั้นเต้นไม่เป็น”
“ง่ายจะตาย มา”
อาทิตย์ดึงมัทนีเข้ามาในอ้อมกอด ท่าเต้นรำบอลรูม แล้วพาออกเต้นอย่างคนที่เก่งและคล่องตัวมาก พลอยร้องเพลงอย่างไพเราะ
“มอง ขอมองให้ชื่นใจ เดี๋ยวเธอจะจากไป เหมือนใจจะขาดพลัน ต้องโศกศัลย์ เพ้อรำพัน เห็นเพียงหน้ากัน ไม่พอฉันสุขใจ แม้จากไปใจคงเหงา ฉันคงจะเศร้า ทุกข์จะเผาทรวงไหม้ อกจะตรม ทุกข์ถมทรวงใน ขวัญเอยเมื่อไหร่ จะได้เจอะกัน”
อาทิตย์เต้นอย่างเก่ง และมองหน้ามัทนีด้วยแววตาอ่อนหวาน ดูแพรวพราวไปกับอารมณ์เพลง มัทนีเต้นไปแบบงงๆ
 
เมื่อเงยขึ้นสบตาอาทิตย์ก็ถูกสายตาของอาทิตย์ดึงดูด จนเคลิ้มไป เหมือนโดนมนต์สะกด

กลางดึกคืนนั้น อาทิตย์ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านมัทนี
 
มัทนียังนั่งนิ่งเหม่อลอย อาทิตย์ยื่นหน้ามากระซิบข้างหู
“ถึงบ้านแล้วครับคนสวย”
“หา อ้อ” มัทนีตกใจ ผลักหน้าอาทิตย์ออกห่าง “รู้แล้ว”
มัทนีรีบปั้นหน้าปั้นปึง แล้วลงจากรถไป
“ถ้าติดใจ โอกาสหน้าเรียกใช้บริการผมอีกได้นะครับ ผมเต็มใจบริการคุณทุกเรื่องเลยครับ”
“ชาติหน้าเถอะ”
หาญวิ่งเข้ามา
“ยัยมัท เป็นยังไงบ้างลูก โอ๋ๆ ขวัญเอ๊ยขวัญมา แก ไอ้ปลาไหล แกพาลูกสาวชั้นไปทำมิดีมิร้ายมาใช่มั้ย หา”
“เปล่านะครับ”
“แล้วทำไมไปนาน ตั้งแต่ฝนตกยันฝนหยุด ฮ้า นี่ อย่าบอกนะว่าแกพายัยมัทไปหลบฝนในกระท่อมร้างกลางนา บรรยากาศเป็นใจ แล้วแกก็...”
“ไปกันใหญ่แล้วค่ะคุณพ่อ”
“มัท ถ้ามันขู่อะไรไว้ไม่ต้องกลัว บอกพ่อมา ยุคนี้เรามีคุณปวีณา มีผู้หญิงถึงผู้หญิง พี่ปุ้ย น้องไก่ นีน่า และกาละแมร์ ทุกคนพร้อมจะช่วยลูก”
จำเนียรตามออกมา
“คุณหาญ คุณหยุดเลยๆ”

“ผมกำลังปกป้อง...”
หาญจะอธิบายแต่จำเนียรไม่ฟัง
“หยุด! พ่ออาทิตย์ เป็นไงมาไงจ้ะ ทำไมถึงไปเจอยัยมัท แล้วพากลับมาบ้านได้ อ๊ะๆ ไหนว่าลูกไปกับนายเอก
เอ๊ะ หรือว่าแอบนัดเจอกันจ้ะ” จำเนียรแอบดีใจ
“ไม่ได้แอบนัดครับ แต่ผมรู้มาจากใคร ถามคุณหาญสิครับ”
“มัทโทรบอกแค่พ่อคนเดียว ฮ้า นี่ พ่อบอกให้เค้ามารับหนูเหรอคะ” มัทนีมองหน้าพ่อ
“แล้วคุณไปเจอพ่ออาทิตย์ได้ยังไง” จำเนียรมองหน้าหาญ หาญอึกอัก
“เอ่อ ก็”
“บังเอิญเจอกันที่วัดครับ ผมเห็นคุณหาญกำลังปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งเครียดมาก อยากจะบรรลุให้ได้ ผมเลยต้องช่วย ด้วยการอาสาไปให้” อาทิตย์ตอบแทน
“ใช่ๆ หมดธุระแล้วใช่มั้ย ไป กลับไปได้แล้ว”
“คุณหาญ แทนที่จะขอบคุณ ยังจะไปไล่เค้าอีก ขอบคุณนะอาทิตย์” จำเนียรบอกแล้วหันมาบังคับหาญ “ขอบคุณสิคุณหาญ”
“ขอบคุณ” หาญกัดฟันบอก
“เข้าบ้านไปนั่งพัก ดื่มน้ำให้หายเหนื่อย แล้วค่อยกลับนะ” จำเนียรเอ่ยชวนอาทิตย์
“ผมว่าเอาไว้โอกาสหน้าดีกว่าครับ ครั้งนี้ถือว่าคุณมัทติดค้างผมอยู่ แล้ววันหน้าคุณมัทค่อยเลี้ยงอาหารผมสักมื้อ นะครับ”
“ด้วยความยินดีจ้ะ” จำเนียรตอบรับแทนลูกสาว
“ผมลาล่ะครับ สวัสดีครับ สวัสดีครับ ไปก่อนนะมัท” อาทิตย์หันมาเสียงหวานกับมัทนี มัทนีถลึงตาใส่ อาทิตย์ยิ้มๆ แล้วกลับขึ้นรถไป
“ยัยมัท เข้าบ้าน” หาญบอกเสียงเข้ม
“ยืนส่งก่อน”
จำเนียรคว้ามัทนีไว้ จับมือให้มัทนีโบกมือส่งอาทิตย์จนออกรถไป หาญขัดใจจำเนียร

ที่บ้านอาทิตย์ ลิ้นจี่กำลังพูดโทรศัพท์อยู่ พลางเดินไปชะเง้อมองออกไปนอกบ้านว่าอาทิตย์กลับมาหรือยัง
“จริงเหรอคะคุณจำเนียร แล้ว มีเรื่องอะไรแบบว่า น่าตื่นเต้นเร้าใจมั้ยคะ ก็แหม เจ้าอาทิตย์อยู่กับหนูมัทนีสองต่อสอง อิชั้นก็ห่วงกลัวว่าลูกชายอิชั้นจะไปทำให้ลูกสาวคุณจำเนียรมัวหมองน่ะสิคะ”
จำเนียรกำลังแอบเม้าท์โทรศัพท์อยู่ ท่วมทุ่งเดินตามฟังด้วย
“หูย ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เอ่อ คือ อิชั้นหมายถึงว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ สองคนนี้ออกจะไม่ค่อยถูกชะตากัน เจอกันทีไรมีเรื่องทุกที แต่ตอนอิชั้นเจอคุณหาญแรกๆ ก็ยังงี้ แล้วสุดท้ายก็...หุๆ”
“อิชั้นกับสามีก็เหมือนกันค่ะ คิๆ” ลิ้นจี่เห็นแสงไฟรถส่องเข้ามา “อุ๊ย พ่อตัวดีกลับมาแล้วค่ะ อิชั้นขอตัวไปคาดคั้นความจริงก่อนนะคะ ลูกอิชั้นเป็นผู้ชาย ถ้าไปทำอะไรให้ผู้หญิงเสื่อมเสียแม้แต่นิ๊ดเดียว ก็ต้องรับผิดชอบ”
ลิ้นจี่วางสาย

จำเนียรวางสาย หัวเราะคิกคักๆ หาญเข้ามาต่อว่า
“คุณจำเนียร คุณไม่หวงไม่ห่วงลูกสาวบ้างเลยเหรอ”
“อะไรของคุณ”
“ก็คุณโทรไปคุยกะใครล่ะ ผมรู้นะ จะบอกให้ว่าไอ้หมอนี่เป็นคนแรกที่ไม่ควรให้มาอยู่ใกล้ยัยมัท มันเป็นตัวพ่ออันดับหนึ่งในวงการนักเที่ยวราตรี ผมรู้ ผมเห็นมากับตา คุณต้องเชื่อผม”
“เห็นมากับตา”
หาญชะงัก เพิ่งรู้ตัว
“ผม ผมหมายถึง ผมมีตา แค่ดูก็รู้ ใครดีใครชั่ว ผมอยู่กับคนดีมีศีลธรรมมาเยอะ ผมเลยมีเซ้นซ์ ซิกส์เซ้นซ์ มันบอกว่าหมอนี่ไม่ใช่คนดี แต่เอาเถอะ ทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรม ผมขอตัวไประลึกถึงคุณพระศรีรัตนตรัยก่อนนอนดีกว่า”
หาญหันหนีไป จำเนียรแปลกใจ หันมาอุ้มท่วมทุ่ง
“พ่อแกเค้าเป็นคนดีจริงๆ ดีจนหวาดระแวงคนอื่นเค้าไปหมด ตัวเองธรรมะธรรมโม ซื่อใส จนไม่เข้าใจมนุษย์เดินดินคนอื่นซะบ้างเลย จริงไหม ท่วมทุ่ง”
ท่วมทุ่งเห่า ไม่เห็นด้วย

อาทิตย์ขับรถเข้ามาจอดที่บ้าน ดับเครื่องเสร็จ แต่ยังนั่งอมยิ้มคิดถึงมัทนีอยู่ในรถ แล้วสะบัดหัวไล่ความคิดออกไป
“หยุดๆ คิดอะไรอยู่ได้วะเรา” อาทิตย์กำลังจะลงจากรถ หันไปเห็นผ้าเช็ดหน้าของมัทนีหล่นอยู่ที่เบาะ อาทิตย์หยิบมาดู “ของยัยมัทนี ใช้ผ้าเช็ดหน้าสีหวานขนาดนี้เลยเหรอ หึๆ”
อยู่ๆ ลิ้นจี่มาเคาะกระจกก๊อกๆ อาทิตย์ไขกระจกลง
“คุณแม่ มีอะไรครับ”
“มาถึงตั้งนานแล้ว ไม่ลงจากรถสักที นั่งคิดถึงใครอยู่จ๊ะ”
“ไม่ได้คิดอะไรเลยครับ”
“จริงเหรอ”

“จริงๆ ครับ”

อาทิตย์จะเปิดประตูลง แต่ลิ้นจี่ยืนเกาะกระจกขวางอยู่

“แม่หลบไปทีครับ ผมจะได้ลง”
ลิ้นจี่ไม่ยอมหลบ
“ไปไหนมา”
“ไป ธุระครับ”
“ธุระที่ไหน ทำไมกลับดึก”
“ธุระกับเพื่อนๆ ครับ”
“แน่ใจเหรอว่าเพื่อน เพื่อนคนไหน ชื่ออะไร ผู้หญิงหรือผู้ชาย”
“เพื่อนผมก็มีอยู่แก๊งเดียวแหละครับ จะให้ผมลงได้หรือยังครับแม่”
“ไม่จริงอ้ะ เห็นนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ไม่มีทางไปกับเพื่อนผู้ชายแน่ๆ ผู้หญิงใช่มั้ย ใครอ้ะ แม่รู้จักป้ะ”
“แม่จะรู้ไปทำไมครับ”
อาทิตย์รีบอ้อมไปลงประตูอีกข้างทันที ลิ้นจี่วิ่งตามมาขวาง อาทิตย์จะไป แต่ลิ้นจี่ขวางไว้จนได้
“อ๊ะๆ บ่ายเบี่ยงยังงี้ แสดงว่าเพื่อนผู้หญิงใช่มั้ย แม่รู้จักด้วยใช่มั้ย แน้ๆ”
“แม่ไม่รู้จักหรอกครับ เอ๊ย ไม่มีครับ ผมไปกับเพื่อน ผมขอตัวนะครับ” อาทิตย์รีบชิ่งหนี วิ่งไปจนได้ ลิ้นจี่ตะโกนตามหลัง
“พรุ่งนี้วันวาเลนไทน์นะ ถ้ายังไม่ได้นัดกัน ก็รีบๆ นัดซะ ฮะๆ ทำเป็นปกปิดชื่อแซ่ อาการยังงี้ มันน่าสงสัย คิๆ”

มัทนีอยู่ในชุดนอนเดินขึ้นเตียง ห่มผ้าจะนอน แต่นอนไม่หลับ ยังลืมตา ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา แล้วก็เผลออมยิ้มไปมา พร้อมกับผุดขึ้นนั่ง
“เฮ้ย จะคิดทำไมเนี่ย หยุดคิด หยุดๆ”
อีกด้านหนึ่ง อาทิตย์อยู่ที่ระเบียงห้องนอน พิจารณาผ้าเช็ดหน้าของมัทนีอย่างอบอุ่น อาทิตย์มองผ้าเช็ดหน้า สงสัยข้องใจ
“ไม่ๆ จะไปอยากรู้ทำไมว่ามันหอมแค่ไหน ดมข้าวของๆ คนอื่น มันโรคจิตชัดๆ ไม่ๆ เราไม่ใช่” อาทิตย์เหมือนจะตัดใจ แต่ก็... “สักนิดล่ะกัน” เอาผ้าเช็ดหน้ามาดม “หื้ม บ้า ใครรู้เค้าจะเอาหน้าไปไว้ไหนเนี่ยเรา”
ขณะนั้นมัทนีกำลังลุกเดินกระวนกระวาย
“นอน นอน นอน” มัทนีจะไปนอน หันไปเห็นมือถือที่หัวเตียงพอดี “มองทำไม ถ้าจะมีใครโทรมาก็ต้องเป็นเอกเท่านั้น เพราะวันนี้วันวาเลนไทน์ แฟนกันเท่านั้นที่จะโทรหากัน เท่านั้น”

อาทิตย์หยิบมือถือขึ้นมากด เลือกรายชื่อไปที่ชื่อ “มัทนี”
“โทร หรือไม่โทรดี คืน หรือไม่คืนดี แล้วเราจะเก็บไว้ทำไม ถ้าเอาไปคืน ยัยนั่นจะหาว่าเราแอบขโมยมั้ย เอาไงดี เอาไงดี”
มัทนีวางมือถือลงที่เดิม ปิดไฟ นอน
“นอนๆ”
อาทิตย์กำลังนอนเหมือนกัน
“พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”
ทั้งอาทิตย์และมัทนีต่างนอนไม่หลับ ดิ้นไปดิ้นมา อาทิตย์ผุดลุกขึ้นมานั่ง มองไปที่มือถือ มัทนีเอาผ้าห่มคลุมหน้า แต่แล้วสักพักมือถือก็ดังแบบมีข้อความเข้า มัทนีรีบผุดลุกขึ้นมา เปิดไฟ หยิบมือถือมาถือทันที
“เอ๊ะ เดี๋ยว” มัทนีตั้งสติ เตือนตัวเอง “ต้องเป็นเอกแน่ๆ เลย แน่ๆ” มัทนีกดดูพบว่าเป็นข้อความจากเอกชเยศร์
“เอกจริงๆ ด้วย พรุ่งนี้เช้า มารับไปส่งออฟฟิศด้วย มีของต้องขน เฮ้อ” มัทนีล้มตัวนอน สุดเซ็ง
ทางด้านอาทิตย์ เขาวางมือถือลง ตัดใจ
“ถ้าเค้าอยากได้คืน คงโทรมาทวงเองแหละ นอนๆ”
อาทิตย์ลงตัวลงนอน

เช้าวันรุ่งขึ้นที่บ้านตากอากาศ กลีบกุหลาบลอยเต็มผิวน้ำในสระว่ายน้ำ สักพักสาวๆ สวยๆ ในชุดว่ายน้ำสีแดงก็ผุดขึ้นมาจากผิวน้ำทีละคนๆ นับสิบคน
แท่นเดินนำพวกเพื่อนๆเข้ามาในบ้านตากอากาศ ทั้งหมดตะลึงงัน อ้าปากค้าง
“แฮปปี้วาเลนไทน์เดย์ มายเฟรนด์ส”
แท่นร้องทุก สาวๆ ดันตัวขึ้นจากผิวน้ำ ขึ้นมานั่งเรียงรายขอบสระ ตีขาราวนางเงือก โทนี่กำลังพูดมือถือกับสาวค้างอยู่ ถึงกดตัดสายทันที
“ชั้นไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย นางเงือกมีอยู่จริงๆ”
“ปะการังเมียรัก ถึงเธอจะสวยงามเป็นที่พักพิงให้แก่ปลาน้อยใหญ่ แต่เธอกินไม่อร่อย ไม่เหมือนเนื้อปลาตัวแดงๆ ดิบๆ” โมกข์บอก
“ตัวขาวอมชมพู ตัวขาวอมชมพู เราจะกินแบบโต๊ะจีนหรือบุฟเฟ่ต์ดี” อเนกถามเพื่อน
“สาวๆ เหล่านี้ ดีกรีศิลปินฝึกหัดทั้งนั้น บ้านหลังนี้ก็เป็นบ้านส่วนตัว ชั้นเช่าไว้ เพื่อฉลองวาเลนไทน์โดยเฉพาะ รับรองว่าปลอดภัย ไม่มีอะไรมากวนใจแน่นอน ขอให้ทุกคนสนุกให้เต็มที่” แท่นบอก
“เวลาชั้นมีน้อย ขอประเดิมเลยนะ ชั้นจองปลาตัวนี้ ตัวนี้”
โมกข์รีบวิ่งไปชี้จองสาวๆ อเนก โทนี่รีบตามไปจับจองกัน พวกสาวๆ หนีลงน้ำ พวกหนุ่มๆ โดดตาม ไล่จับกันสนุกสนาน อาทิตย์ยืนมองเพื่อนๆ เฮฮา แต่ไม่รู้สึกอยากจะเข้าไปร่วมด้วย
“อ๊ะๆ สำหรับแก ไม่ต้องไปร่วมโต๊ะจีนกับพวกนั้น สเป็คแก มันต้องอาหารเหลา ชั้นจัดไว้ให้แล้ว โน่น”

แท่นชี้ไปที่อีกมุม มีสาวสวยลูกครึ่งที่กำลังถอดเสื้อคลุมอาบน้ำออก เผยให้เห็นชุดว่ายน้ำเซ็กส์ซี่ และกำลังไปอาบน้ำที่ฝักบัว ก่อนลงสระ
“น้องโอโม่ ขาว อึ๋ม นางแบบลูกครึ่งสเปน กระทิงสาวอารมณ์เดือด รับรองว่าดุเด็ดแทบขาดใจ” แท่นบอก
“ขอบใจว่ะ แต่...” อาทิตย์ยังพูดไม่จบ แท่นส่งผ้าขนหนูแดงให้
“เอ้า อย่าชักช้า รีบเข้าไปล่อกระทิงสิวะ” แท่นบอกพร้อมกับฮัมดนตรีแนวๆ เม็กซิกันประกอบ
“ชั้นว่า ชั้นขอตัวดีกว่า” อาทิตย์ส่งผ้าแดงคืน “รู้สึกไม่ค่อยสบาย พวกแกสนุกกันเถอะ”
อาทิตย์เดินแยกไปอีกมุม ไปนั่งดูคนเดียว
“อ้าว อะไรวะ”
พวกเพื่อนๆ ที่กำลังล่นน้ำอยู่ในสระกับสาวๆ ตะโกนขึ้นมา
“มันคงคิดถึงเด็กมันอยู่ม้าง อายูมิกับแพรวาอ่ะ” โทนี่บอก
“ไอ้อาทิตย์ ถ้าแกไม่มาแจม งั้นชั้นขอโควตาของแกแล้วกันนะ” อเนกบอกพร้อมกับตะครุบสาวๆ ทันที “มานี่เลยจ้ะๆ”
“เฮ้ย แบ่งชั้นด้วยดิวะ” โมกข์บอก
แท่นโดดลงน้ำด้วยอีกคน
“โอ๊ยๆ ช่วยด้วยจะจมน้ำ ขอเกาะห่วงยางชูชีพหน่อย ใครห่วงใหญ่ๆ มามะๆ”
พวกแท่นไล่กอด ทำชีกอสาวๆไป อาทิตย์นั่งมองเพื่อนๆ หน้าตาขรึมๆ ไม่สนุกด้วย สักพักหยิบมือถือออกมากดดูเห็นว่ามีมิสคอล 54 กดดูว่าใครโทรมา
“แพรวา 27 มิสคอล อายูมิ 27 เฮ้อ”

อาทิตย์วางมือถือลงข้างๆ ก่อนจะล้วงมือหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าของมัทนีออกมามองอย่างคิดถึง

ที่บ้านมัทนี มัทนีแต่งตัวจะออกไปทำงาน เดินออกมาจากในบ้าน
 
เหน่ง โหน่งแต่งตัวสวย แต่งหน้าเด้ง มีดอกไม้บานทัดหู วิ่งออกมาต้อนรับ
“คุณมัทจะไปเลย ไม่รับอาหารเช้าก่อนเหรอคะ”
“มัทสายแล้วค่ะ ต้องไปรับเอกอีก” มัทนีหันมาเห็นหน้าเหน่ง โหน่งก็ชะงัก แปลกใจ “วันนี้ พี่เหน่งพี่โหน่งสวยเป็นพิเศษเลยนะคะ”
“ไม่ได้แต่งอะไรเลยนะคะ ไม่รู้ด้วยว่าเป็นวันวาเลนไทน์ ตื่นมาก็ล้างหน้า แล้วก็มาทำงานเลย”
“ชุดพวกนี้ก็หยิบๆ อะไรได้ก็เอามาใส่ ไม่ได้เตรียมมาเพื่อวันนี้หรอกค่ะ”
ท่วมทุ่งเดินออกมา สวมเสื้อทักซิโด้ของหมา
“ท่วมทุ่งก็ด้วย แหมๆ ไม่ค่อยเห่อกันเลยนะ”
มัทนีบบอกแล้วจะออกไปขึ้นรถ จำเนียรวิ่งตามมา
“ยัยมัท เดี๋ยวๆ”

จำเนียรวิ่งมาขวางหน้ามัทนี
“ยกมือขึ้น ยกมือตามแม่” จำเนียรจับมือมัทนีให้ชู “แล้วสัญญากับแม่มา ว่าวันนี้ลูกจะไม่ยอมเด็ดขาด”
“อะไรคะแม่”
“แม่รู้ว่าลูกแม่ไว้ใจได้ แต่แม่ไม่ไว้ใจคนที่ลูกคบอยู่ด้วย ลูกต้องสัญญาว่าถ้าใครก็ตามที่คิดจะเอาวันวาเลนไทน์มาเป็นข้ออ้างเพื่อให้ลูกยอมเสียดินแดน ลูกต้องสู้ สู้เพื่อรักษาดินแดนของลูกเอาไว้ สัญญากับแม่ได้มั้ย”
“แม่คะ”
“สัญญากับแม่มาก่อน”
“ค่ะ มัทสัญญา ให้มัทไปได้หรือยังคะ เดี๋ยวมัทไปรับเอกสาย เป็นเรื่องอีก”
“ยัยมัท เมื่อไหร่ลูกจะเลิกให้นายเอกชเยศร์โขกสับซะที ลูกยังสาวยังสวย ลูกเลือกได้นะคะ ลองๆ มองดูคนอื่นบ้างก็ดีนะ ผู้ชายดีๆ มีอีกตั้งเยอะ”
“มัทไปก่อนนะคะแม่”
มัทนีรีบขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที
“เฮ้อ” จำเนียรหันมาเห็นเหน่ง โหน่งกำลังชูมือ “พวกแกจะชูมือทำไม”
“เราสัญญา” เหน่งบอก
“จะไม่ให้ใครเอาวันวาเลนไทน์มายึดดินแดนของเรา” โหน่งบอก
“ไม่ต้องสัญญา อย่างพวกแกไม่มีข้อพิพาทแย่งดินแดนแน่นอน ท่วมทุ่งด้วย อย่าไปทำอะไรหมาตัวอื่นล่ะ เข้าใจมั้ย” จำเนียรมองผ่านพวกเหน่ง โหน่งไป เห็นหาญกำลังจะแอบออกจากบ้าน “อ้าว คุณหาญๆ จะไปไหนคะ”
หาญสะดุ้ง รีบสำรวมอาการ
“หลวงลุงโทรมาเรียก ให้ไปช่วยเทศนาหนุ่มๆ สาวๆ ในมหาวิทยาลัย จะได้ไม่ชิงสุกก่อนห่าม ไม่เป็นปัญหาสังคม”
“อีกแล้วเหรอ หลวงลุงเรียกตัวทุกปีเลย ปีนี้อยู่บ้านเถอะนะคะ” จำเนียรเข้ามากระซิบ “ชั้นมีอะไรจะเซอร์ไพร้ส์คุณด้วย”
หาญสยอง
“คนจะดีต้องดีทุกวัน ละเว้นไม่ได้หรอก ผมไปนะ” หาญรีบออกไป
“คุณหาญอ้ะ” จำเนียรทำปากงอน เหน่ง โหน่งหัวเราะคิกคัก จำเนียรอารมณ์เสีย “งั้นเราฉลองกันสองคนก็ได้ ท่วมทุ่ง วันนี้ชั้นจะให้แกกินไอติม รสช็อกโกเลตไง โอเคป่ะ ไม่มีใครรัก เรารักกันสองคนเนอะ ท่วมทุ่งเนอะ”
ท่วมทุ่งดีใจ เห่ารับ

ในอพาร์ตเม้นต์ น้องนกกำลังหลับอยู่บนเตียง มีเสียงมือถือดังไม่หยุด น้องนกหงุดหงิดที่ถูกรบกวน พลิกตัวมากดรับสายเสียงเหวี่ยงๆ
“ใครวะ โทรมาทำไมตอนนี้”
หาญกำลังพูดโทรศัพท์สาธารณะอยู่ มือหนึ่งถือยาว่านโด่ฯ อีกมืออุ้มช่อดอกกุหลาบ
“นกจ๋า หานนี้เองนะ หานนี้คิดถึ้งคิดถึง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่เดือนกี่ปี หานนี้ก็คิดถึงแต่นกจ๋าคนเดียว”
“มีอะไรอีกมั้ย” น้องนกจะนอนต่อ
“หานนี้ซื้อดอกไม้มาให้นกจ๋าด้วย หานนี้ไปหาที่ห้องนะ หานนี้จะได้พิสูจน์ให้นกจ๋าเห็นด้วยว่าหานนี้แข็งแกร่งอึดทนมากขึ้นแล้ว รับรองว่าหานนี้ไม่แพ้ใครแน่ๆ”
“ไม่ไหวอ่ะค่ะ เมื่อคืนนกถูกกินตับไปหมดตัวแล้ว เพลียมาก แค่นี้นะ”
“เดี๋ยวๆ วันนี้เป็นวันแห่งความรักทั้งที นะ”
“มันไม่ใช่วันแห่งความรัก มันคือวันแห่งการกินตับ ไม่รู้ไปตายอดตายยากมาจากไหน ต้องมาคอมโบเซ็ทวันนี้วันเดียว หานนี้ เลิกยุ่งกับนกเถอะ นกไม่รีเทิร์นแน่นอน เพราะสเป็คนกต้องล่ำๆ บึ้กๆ ไม่ใช่พวกนุ่มนิ่มแบบหานนี้อ่ะ จับแล้วแหยงมือ” น้องนกวางสายทันทีหลังจากพูดจบ
“เดี๋ยวก่อน นกจ๋า นกๆ” หาญกดโทรศัพท์อีกรอบ แต่สายไม่ว่าง “นกจ๋า ปิดเครื่องทำไม ไม่ๆ จะบอกเลิกหานนี้ยังงี้ไม่ได้ หานนี้ไม่ยอม อุตส่าห์ได้ยาว่านโด่มาแล้ว หานนี้จะกินตับ”
หาญหันกลับออกมา พบเด็กวัยรุ่นหัวเกรียนอายุ 12 - 13ยืนอุ้มช่อดอกไม้รอโทรศัพท์อยู่ ท่าทางเก๋าๆ แก่แดดกวนๆ
“เสร็จยังลุง จะโทรหาแฟนมั่ง”

มัทนีขับรถมาส่งเอกชเยศร์ที่หน้าออฟฟิศ เอกชเยศร์ลงจากรถ มองไปทางไหนก็มีแต่คนถือช่อดอกไม้ ไม่ก็ช็อกโกแลตทั้งนั้น บางคู่จับมือกันกระหนุงกระหนิง บางคู่เขินๆ แต่ทุกคนล้วนท่าทางดี๊ด๊า
“นี่มันอะไร ทำไมวันนี้มีแต่คนถือดอกไม้”
เอกชเยศร์แปลกใจ มัทนีแอบหยิบช็อกโกแลตที่เตรียมเอาไว้มาซ่อนไว้ด้านหลัง
“เอกไม่รู้เหรอ วันนี้วันอะไร”
“วันอะไร”
“วัน วันวาเลนไทน์ไง”
“อ๋อ วันที่พ่อค้าแม่ค้าฉวยโอกาสขายกุหลาบดอกละร้อยน่ะเหรอ”
“วันที่ผู้ชายให้ดอกไม้ผู้หญิง ผู้หญิงให้ช็อกโกแลตผู้ชาย เพื่อเป็นการแสดงความรักต่อกันต่างหาก”
“อยากแสดงความรักก็บอกรักสิ รักนะ รักมาก พูดไปสิ ทำไมต้องให้ดอกไม้ราคาแพงๆ ที่อีกสองสามวันก็เหี่ยว มันฟุ่มเฟือย สิ้นเปลือง และเปล่าประโยชน์มาก แล้วมัทรู้มั้ยว่าพวกที่บ้าเห่อให้ดอกไม้ให้ช็อกโกแลตกันในวันวาเลนไทน์เนี่ย มันกำลังตกเป็นทาสทางวัฒนธรรม คนพวกนี้ไม่มีวันเจริญหรอก”
มัทนีรู้สึกโดนด่าเต็มๆ
“เอกพูดแรงไปม้างงง คนเค้าก็แค่หาโอกาสเพื่อแสดงออกซึ่งความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกัน ก็แค่นั้นเอง”
“แล้วทำไมไม่เอาดอกไม้ไปให้พ่อให้แม่ หรือว่าไม่รักพ่อรักแม่ตัวเอง”
“เอกอ่ะ อย่าขวางโลกสิ คิดอะไรให้มันโรแมนติกหน่อย”
“มัท วัฒนธรรมการให้ดอกไม้ในวันวาเลนไทน์ มันไม่ได้สวยหรูอะไรเลยนะ จริงๆ แล้วการให้ดอกไม้มันมี
ความหมายซ่อนอยู่ ก็คือคืนนี้คุณพร้อมจะเป็นของผมหรือยัง ส่วนช็อกโกแลตที่ผู้หญิงเอาไปให้ผู้ชาย มันเท่ากับบอกใบ้นัยๆ ว่าชั้นพร้อมให้คุณกินแล้ว”
“หา”

มัทนีตกใจกับคำพูดของเอกชเยศร์
 
อ่านต่อหน้า 2

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 5 (ต่อ)

เอกชเยศร์มองคนอื่นๆ แล้วพูดต่อ

“ดีแล้วที่มัทไม่ได้เป็นอย่างพวกนั้น ถ้ามัทเอาช็อกโกแลตมาให้เอก เอกต้องผิดหวังมากแน่ๆ” เอกชเยศร์หันหลัง มัทนีรีบแอบโยนช็อกโกแลตทิ้ง เอกชเยศร์หันกลับมาพอดี “เอกไปทำงานก่อนดีกว่า”
“อื้อๆ ตั้งใจทำงานนะ แล้วเย็นนี้เจอกันนะ”
“เอกคิดว่า เย็นนี้คงไม่พามัทไปเลี้ยงข้าวแล้ว เอกไม่อยากให้ใครมองว่าเป็นดินเนอร์ฉลองวาเลนไทน์งี่เง่า เอาไว้โอกาสหน้านะ อ้อ แต่มัทยังต้องมารับเอกไปส่งบ้านนะ แล้วเจอกัน”
เอกชเยศร์เข้าออฟฟิศไป มัทนีได้แต่เซ็ง หันมองไปเห็นคู่รักคนอื่นๆ ที่ให้ช่อดอกไม้กัน หวานแหว๋วกัน ยิ่งห่อเหี่ยวใจ

ที่บ้านตากอากาศ อาทิตย์ถือโทรศัพท์ที่กำลังดังเดินแยกหลบมาอีกด้านก่อนจะกดรับสาย
“ว่าไงคะแพรวา”
แพรวาพูดสายอยู่ในรถสปอร์ต โผล่มาที่ด้านขวาของเฟรม
“อาทิตย์อยู่ไหนคะ บอกมา แพรวาจะไปหา วันนี้วันวาเลนไทน์นะคะ เราควรจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันถึงจะถูก อยู่ไหนคะ”
“อยู่ไหน เอ่อ ที่ไหนน้า อุ๊ยๆ มีสายซ้อน รอแป๊บนะ” อาทิตย์กดสลับสาย “ว่าไงคะอายูมิ”
อายูมิอยู่ในแท็กซี่ โผล่มาที่ด้านซ้ายของเฟรม ภาพที่เห็นอาทิตย์ถูกประกบด้วยภาพสองสาว
“อาทิตย์ซังอยู่ไหนก๊ะ บอกมา อายูมิจะไปหา วันนี้วันวาเลนไทน์ เราต้องอยู่ด้วยสิก๊ะ”
“อยู่ไหนอีกแล้ว อยู่ไหนนะ ผมอยู่ไหนนะ อ๋อ อยู่ที่โรงงาน มีออเดอร์ด่วน คุณแม่สั่งให้ทำงาน ไม่ยอมให้ไปไหนทั้งนั้น”
“โกหก” แพรวาบอก
“ไม่ได้โกหก”
“อาทิตย์อยู่กับแฟนตัวจริงของอาทิตย์ซังคนนั้นใช่มั้ยก๊ะ” อายูมิถาม
“คุณแม่ของคุณกักตัวคุณไว้ให้อยู่กับแม่นั่นใช่มั้ย” แพรวาถาม
“ผมอยู่ที่โรงงานจริงๆ ผมเสียใจมากเลยที่ไปอยู่ด้วยไม่ได้ เอาไว้วันอื่นเราค่อยเจอกันนะ อุ๊ย คุณแม่เรียกแล้ว แค่นี้ก่อนนะ”
“เดี๋ยวก่อนอาทิตย์ซัง เดี๋ยว”
“เดี๋ยวก่อนค่ะอาทิตย์ เดี๋ยว”
อายูมิและแพรวามีท่าทางขัดใจ ไม่พอใจ ไม่เชื่อที่อาทิตย์พูด อาทิตย์วางสาย โล่งอก
“จะอะไรกันนักกันหนาวะ”

อาทิตย์หันหน้าออกมา แต่แล้วต้องผงะ เพราะโมกข์ โทนี่ แท่น กำลังยืนแอบคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทางแบบเดียวกัน เรียงรายกันไป
“เฮ้ย”
“ชู่ว์” โมกข์ทำมือให้อาทิตย์เบาเสียงแล้วคุยโทรศัพท์ต่อ “จ้ะๆ รับรองว่าวันนี้ผมจะกลับถึงบ้านก่อนทุ่มนึงแน่ ผมไม่พลาดดินเนอร์วาเลนไทน์ของเราหรอก คืนนี้ต้องเป็นคืนพิเศษของเราสองคน จุ๊ฟๆ”
“เนตเป็นไรไม่รู้ พี่เข้าแคมฟร็อกไม่ได้จริงๆ นะจ๊า อยากจะเข้าไปส่องดูน้ำหวานเต้นฉลองวาเลนไทน์ใจจะขาดแล้วจ้า” โทนี่บอก
“ประชุมอยู่จริงๆ ไม่ได้แอบหนีไปปั้นใคร ถ้าจะปั้นก็ต้องปั้นน้องคนเดียวอยู่แล้ว” แท่นบอก
อาทิตย์มองเพื่อนๆ ที่โทรศัพท์หลอกคนของตัวเอง
“สมกับเป็นแก๊งเดียวกันจริงๆ เอ๊ะ แล้วไอ้อเนกหายไปไหน”

ขณะนั้นอเนกกำลังเล่นลิงชิงบอลอยู่ในน้ำกับพวกสาวๆ ศิลปินฝึกหัด
“จะเอาบอลๆ” อเนกไม่ได้สนใจบอล สนใจแต่จะตะครุบตัวสาวๆ “ เอ้า จับผิด ไม่ใช่บอล นี่มันบอลลูนนี่นา บอลไปไหนแล้วๆ” อาทิตย์เข้ามายืนข้างสระ “เฮ้ย อาทิตย์ เปลี่ยนใจอยากลงมาเล่นยังทันนะเว้ย”
“อเนก คุยอะไรด้วยหน่อยสิ”
อเนกว่ายเข้ามาหาอาทิตย์ที่ขอบสระ
“มีอะไรวะ”
“แกเห็นนั่นมั้ย” อาทิตย์ชี้ไปที่โมกข์ โทนี่ แท่นกำลังหันหลังคุยโทรศัพท์อยู่ “พวกนั้นกำลังโทรรายงานความประพฤติแฟนๆ อยู่ แล้วแกล่ะ จะไม่ไปโทรหาคุณนรีหน่อยเหรอวะ เดี๋ยวก็เป็นเรื่องหรอก”
“เป็นเรื่องอะไรอีก ไม่มีอะไรให้เป็นแล้ว”
“ทำไมวะ”
“ก็ชั้นกับนรี คงไปกันไม่รอด”
“เฮ้ย แกอย่าพูดเล่นน่ะ”
“ชั้นพูดจริงๆ ชั้นไม่ไหวแล้ววะ ง้อก็แล้ว เอาใจก็แล้ว ก็ยังพาลหาเรื่องชวนทะเลาะอยู่ได้ เมื่อก่อนนรีก็มีเหตุมีผลดีอยู่หรอก ไม่รู้ช่วงนี้ไปโดนใครล้างสมองมา กลายเป็นอาร์ตตัวแม่ขึ้นมาซะงั้น”
“แกก็ค่อยๆ คุย ค่อยๆ หาสาเหตุกันสิวะ”
“ไม่หาแล้ว เสียเวลา เลิกกันให้จบๆ ไปเลยดีกว่า”
“ถึงขั้นเลิกเลยเหรอวะ”
“ถ้าชั้นจะคบนรีต่อไป ชั้นจะต้องเลิกคบพวกแกทุกคน โดยเฉพาะแก เพราะนรีไม่ชอบแก แล้วแกคิดว่าชั้นจะทำไง พวกแกเป็นเพื่อนตาย ถ้านรีรักชั้นก็ต้อง เลิฟมีเลิฟมายด็อก” พวกสาวๆ โยนบอลมาใส่อเนก หัวเราะคิกคักกัน “ช่างมันเถอะ ชั้นยังไม่ซีเรียสเลย แกจะมาคิดมากอะไรแทนชั้นวะ ไปๆ ไปเล่นสนุกกับเงือกสาวพราวเสน่ห์ดีกว่า”
“แกแน่ใจเหรอวะว่าสนุก สนุกจริงๆ หรือแค่สนุกให้ลืมๆ ไป”
“ชั้นสนุกอยู่แล้ว แกนั่นแหละที่ดูไม่สนุก”

อเนกหันหลังให้อาทิตย์ แววตาอเนกหม่นไปชั่วขณะ ก่อนจะฮึดร่าเริง เข้าไปเล่นกับสาวๆ ต่อ

อีกด้านหนึ่งที่มหาวิทยาลัย นรีหอบหนังสือเดินออกจากห้องเรียน ท่าทางอ่อนเพลีย
 
สักพักพวกนักศึกษาสาว3-4 คนวิ่งตามออกมาจากในห้องเรียน
“จารย์ขาๆ สุขสันต์วันวาเลนไทน์ค่ะ ’จารย์”
พวกนักศึกษายื่นดอกกุหลาบคนละดอกให้นรี
“ให้ จารย์?”
“ค่ะ ไม่ได้มีใครบอกว่าต้องให้ดอกไม้แต่กับคนรักนี่คะ พวกเราเลยเอามาให้ ’จารย์ เพราะพวกเรารัก ’จารย์ค่ะ”
“วันนี้ ‘จารย์ดูอ่อนเพลียมากเลย พักผ่อนบ้างนะคะ”
“ขอบใจนะทุกคน ขอบใจจริงๆ”
พวกนักศึกษา สาวให้ดอกไม้แล้วก็ออกไป นรียืนมองดอกไม้ที่ได้รับมา แล้วพาลน้ำตาไหล แทบอั้นไว้ไม่อยู่ ต้องรีบยกมือปิดปากกลั้นสะอื้นเอาไว้ ทันใดมือถือของนรีดัง นรีรีบล้วงมือถือขึ้นมา ปาดน้ำตา พยายามปั้นเสียงให้ปกติ
“สวัสดีค่ะ อ้าว ยัยมัท”
มัทนีอยู่ที่มูลนิธิ
“พี่นรีขา วันนี้มูลนิธิจะไปเลี้ยงอาหารเที่ยงให้กับเด็กกำพร้าเนื่องในวันวาเลนไทน์ พี่นรีสนใจจะไปทำบุญด้วยกันมั้ยคะ พี่ๆ ที่มูลนิธิไปกันหมดเลย โดยเฉพาะคนที่ยังโสด ไม่มีใครให้สวีทด้วย”
“ยัยมัท คือ ฮือๆ” นรีร้องไห้ออกมา
“มัทขอโทษนะคะที่เพิ่งมาชวนเอาป่านนี้ เอ๊ะ พี่นรี พี่ร้องไห้เหรอคะ เป็นอะไรคะ พี่นรี”
นรีต่อมน้ำตาแตก มัทนีงง อึ้ง ห่วงใย

นรีอยู่ลานจอดรถของมหาวิทยาลัย กำลังร้องไห้อยู่ นรีพยายามปาดน้ำตาไม่ให้ไหล มัทนีส่งทิชชู่ให้
“พี่นรี”
“มัท มัทดูสิ” นรีให้ดูช่อดอกไม้ “ลูกศิษย์พี่เค้ายังรักและใส่ใจพี่มากกว่าคนที่คบกันมาเป็นปีๆ อีก มัท อเนกเค้าไม่สนใจพี่เลย วันนี้วันวาเลนไทน์ เค้าก็ไม่คิดจะโทรมา ไม่ส่งข้อความ ไม่คิดจะง้อพี่เลย นี่เค้าจะเลิกกับพี่จริงๆ เหรอ”
“พี่นรี อย่าคิดมากค่ะ ไม่เอาๆ ยิ่งคิดยิ่งช้ำเปล่าๆ”
“พี่หยุดคิดไม่ได้มัท พี่หยุดไม่ได้”
“พอๆ วันนี้พี่นรีต้องไปเลี้ยงอาการเด็กกับมัทนะคะ ทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน ไปค่ะ” มัทนีจูงมือจะพานรีเดินไป
“เค้าใจร้ายกับพี่อย่างนี้ได้ยังไง เค้าไม่เสียดายพี่เลยเหรอ หรือเค้าอยากเลิกกับพี่อยู่แล้ว เค้าจะได้ไประเริงกับสาวๆ ที่ไหนกับแก๊งเพื่อนเค้าให้เต็มที่ ไม่ต้องมีนังมารมาคอยจับผิด ใช่สิ พี่มันไม่ดี พี่มันผิดเองที่ไปคบกับเค้า ทั้งๆ ที่รู้อยู่แต่แรกแล้วว่า ผู้ชายแก๊งนี้แต่ละคนเห็นผู้หญิงเป็นของเล่น ของสนุก ไม่คิดจะจริงจังกับใคร”
“พี่นรีคะ หยุดพูดถึงพี่อเนกได้แล้วค่ะ”
“เค้าแค่สนุกกับพี่ เค้าไม่เคยรักพี่เลย ไม่เคยเลย”
อยู่ๆ นรีก็หมดสติ วูบทรุดลงไปกองกับพื้น
“พี่นรี”

มุมปาร์ตี้ บ้านตากอากาศ อเนกกระเด้งขึ้นมายืน ชูกางเกงขึ้นเหนือหัว อเนกอยู่ในสภาพเกือบเปลือยเหลือนุ่งแต่บ็อกเซอร์ตัวเดียว อเนกเหวี่ยงๆ กางเกงเหนือหัวไปมาอย่างเมามัน เหมือนคาวบอย
“ฮิ้วๆๆ”
พวกแท่น โทนี่ โมกข์และสาวๆ เฮฮากัน ส่วนอาทิตย์นั่งขรึมมองอยู่อีกมุม มีสาวสวยลูกครึ่งคอยเอาใจ ป้อนเครื่องดื่มให้ แต่อาทิตย์ไม่ค่อยจะสนุกด้วยนัก ดื่มไปตามมารยาท
“เอ้าๆ พร้อมแข่งใหม่ยัง เอาดริ๊งก์ๆ มาๆ” สาวๆ เอาดริ๊งก์มาแจกพวกหนุ่มๆ “พร้อมนะ หนึ่ง สอง...”
“เอ๊ะ เดี๋ยวๆ ไอ้อาทิตย์ แกเลิกหงอยได้แล้วน่า มาเล่นด้วยกัน เร็วๆ” โมกข์บอก
“พวกแกตามสบายเลย”
“ตอนนี้มันไม่สนุก แต่อีกสักพัก เดี๋ยวมันก็สนุกแน่เชื่อสิ อิอิ” โทนี่บอก แท่นนับต่อ
“เอ้า หนึ่ง สอง ซั่ม”
แท่น โทนี่ โมกข์ อเนกรีบยกดริ้งก์ขึ้นมาซด แข่งกัน ทุกคนดื่มหมดไวมาก แต่อเนกช้า ดื่มหมดเป็นคนสุดท้าย
“แกคนสุดท้ายอีกแล้วไอ้อเนก”
“ถอดเลยๆๆ” สาวๆ บอก อเนกโดดขึ้นยืนบนโต๊ะ พร้อมอวด
“ชิ้นนี้ พี่พร้อมจะถอดอยู่แล้ว แต่ว่าใครสักคนในที่นี้จะต้องช่วยพี่ถอด อ๊ะๆ ถอดให้หน่อยๆ”
อเนกโดดวิ่งไล่ให้สาวๆ ช่วยถอดบ็อกเซอร์ แต่สาวๆ วิ่งหนี วี้ดว้าย ทันใดมีเสียงกริ่งบ้านดัง
“ใครมาตอนนี้วะ”
“เฮ้ย คงไม่ใช่ปะการังเมียรักของชั้นนะ” โมกข์รีบคว้าเสื้อผ้า วิ่งหนีไปหาที่หลบมุม “ถ้าเป็นเมียชั้น ไม่รู้ ไม่เห็นนะเว้ย”
“เดี๋ยวชั้นไปเปิดเอง” อเนกบอกแล้วเดินเมา เดินหน้าหนึ่งก้าวถอยหลังสองก้าว ไม่มีวี่แววจะเดินไปถึง
“แกไปนั่งเฉยๆ เลยไป เดี๋ยวชั้นไปเปิดให้เอง”

อาทิตย์ลุกเดินไปเปิดประตู ทันทีที่เปิดประตูออกก็เห็นแพรวากับอายูมิยืนอยู่ อาทิตย์ตกใจ จะปิดประตู แต่สองสาวช่วยกันดันประตูไว้ จนเข้ามาได้
“อาทิตย์”
“แพรวา อายูมิ” อาทิตย์ทำเป็นดีใจ “เฮ้ย มาได้ไง”
โทนี่ยกโทรศัพท์อวด
“ชั้นเห็นแกไม่สนุกกับน้องๆ พวกนี้เลยสักคน ชั้นก็เลยทวีตตามแฟนแกมาให้ แกจะได้ร่าเริงสักที ชั้นเบื่อหน้าหมาป่วยของแกเต็มทีแล้ว”
“แก”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอบใจ เพื่อเพื่อน น้อยกว่านี้ได้ไง”
“เอ้าๆ พวกเรามาสนุกกันต่อ” แท่นบอก ทุกคนกลับไปร่วมวงต่อ
อาทิตย์อึกอักจะไปร่วมวงสนุกด้วย แต่แพรวากับอายูมิมาควงแขนเอาไว้คนละด้าน หน้าตาจริงจัง จับจอง ไม่ยอมให้ไปไหน
 
อาทิตย์ยิ้มเจื่อน

อาทิตย์เดินแยกหนีออกมา แต่แพรวาวิ่งมาดักหน้าไว้
 
อาทิตย์จะหลบไปอีกด้าน อายูมิก็มาดักหน้าเอาไว้ สองสามรุมคาดคั้นอาทิตย์
“ไหนบอกว่าต้องทำงานที่โรงงานไงคะ”
“พอดี คุณแม่เปลี่ยนใจ”
“แล้วทำไมไม่โทรบอกแพรวา”
“เอ่อ คือ ผมโทรแล้ว แต่โทรไม่ติด ไม่รู้เป็นไร โทรไม่ติดทั้งแพรวาทั้งอายูมิเลย จริงๆ นะ แล้วเพื่อนๆ ก็ชวนมาฉลองด้วย ผมจะปฏิเสธก็ไม่ได้ เพื่อนๆ ผมก็โสดๆ ทั้งนั้น ไอ้อเนกก็เพิ่งเลิกกับแฟน แล้วจะให้ผมทิ้งเพื่อนไปมีความสุขคนเดียว ผมทำไม่ได้ ผมก็เลยจำใจต้องมาอยู่กับเพื่อนๆ ทั้งๆ ที่ความจริง ใจของผมไปอยู่กับ...”
“กับใครคะ” แพรวารีบถาม
“อยู่กับอายูมิใช่มั้ยก๊ะ”
“อยู่กับ คนที่ทะนุถนอมดูแลใจผมอย่างดี”
“อาทิตย์ซังตอบแบ่งรับแบ่งสู้อีกแระ ไม่น่ารักเลย อายูมิโกรธแล้ว”
“แต่แพรวาให้อภัยค่ะ แพรวาจะไม่ทำตัวงี่เง่าให้อาทิตย์เหนื่อยใจ แต่คืนนี้ไปดินเนอร์ด้วยกันนะ แพรวาจองโต๊ะที่ห้องอาหารสุดหรู บนยอดตึกเอาไว้แล้ว ทานเสร็จแล้ว เราจะได้มีความสุขกันต่อไง”
“ไม่ได้ อาทิตย์ซังต้องไปกะอายูมิ”
“เธอโกรธอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“หายโกรธแล้ว อาทิตย์ซังต้องไปกะอายูมินะๆ เพราะคืนนี้เราจะได้เล่นคอสเพลย์กัน” อายูมิบอกแล้วก็ถอดชุดนอกออก เผยให้เห็นว่าข้างในใส่ชุดนักเรียนมัธยมเอาไว้ “อายูมิแต่งเป็นนักแสดงสาว ฮิเมกาวะ อายูมิ ส่วนอาทิตย์ก็แต่งเป็นคุณครูโคบายาชิไงก๊ะ นะๆ”
“โรคจิต วิปริตที่สุด แหวะ อาทิตย์ไปกับแพรวานะ”

แพรวากับอายูมิแย่งกันจนอาทิตย์ต้องรีบขัด
“แพรวา อายูมิ คือผมไปไหนไม่ได้กับใครก็ตาม คือผมเป็นลูกผู้ชาย พูดคำไหนคำนั้น บอกว่าจะอยู่เฮฮาปาร์ตี้กับเพื่อนก็ต้องอยู่”
“แต่”
“ไม่มีแต่ ยังไงวันนี้ผมก็ไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมจะอยู่กับเพื่อนเท่านั้น เท่านั้นจริงๆ”
อาทิตย์รีบแยกไปหากลุ่มเพื่อนทันที
“ไม่ไปไหนก็ไม่เป็นไร บ้านนี้มีห้องหับเยอะแยะ ยังไงคืนนี้ เราก็ต้องได้ดินเนอร์กันสองต่อสองแน่ หึๆ” แพรวาบอก
“ไม่มีทาง เพราะคืนนี้คุณครูโคบายาชิต้องติวพิเศษให้ฮิเมกาวะ อายูมิ ทั้งคืน” อายูมิบอก
“เดี๋ยวก็รู้”
อายูมิกับแพรวาไม่ยอมกัน ต่างมุ่งมั่นจะพิชิตอาทิตย์ให้ได้

เย็นวันนั้น จำเนียรกำลังพูดมือถืออยู่ที่หน้าห้องออกอากาศของสถานีวิทยุ
“ยัยนรีไปทำอีท่าไหน ทำไมถึงเป็นลมได้ จ้ะๆ แต่แม่ต้องจัดรายการก่อน ทีมงานเค้าอยากให้แม่จัดเทศนาด่าวัยรุ่นใจแตกชุดใหญ่ฉลองวาเลนไทน์ ถ้าเสร็จแล้ว จะรีบตามไปนะ เอ้อ แล้วนี่พ่อเรารู้เรื่องหรือยัง ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวแม่โทรบอกเอง”
จำเนียรวางสายจากมัทนีและกดโทรศัพท์หาหาญ
“ทำไมไม่รับมือถือ หรือยังช่วยหลวงลุงอยู่ แต่นี่ก็เย็นแล้วนะ” จำเนียรครุ่นคิด กดโทรศัพท์อีกที “ฮัลโหล ยัยเหน่งเหรอ คุณผู้ชายกลับบ้านหรือยัง”
เหน่งกำลังรับโทรศัพท์บ้าน
“คุณผู้ชายเหรอคะ กลับมาแล้วค่ะ จะให้ไปตามมารับสายเหรอคะ เอ่อ เหน่งเกรงว่าจะไม่สะดวกอ่ะค่ะ”
“ทำไมไม่สะดวก คุณหาญทำอะไรอยู่ ไปบอกว่าชั้นมีเรื่องด่วน เร็วๆ”
“ค่ะๆ” เหน่งป้องโทรศัพท์ไว้ แล้วพูดกับโหน่ง “คุณผู้หญิงจะพูดกับคุณท่านให้ได้อ่ะ เอาไงดี”

โหน่งกับเหน่งเดินออกมามองไปที่สนามหน้าบ้าน เห็นหาญกำลังวิ่งรอบสนาม เหงื่อซ่ก
“คุณผู้ชายขา โทรศัพท์ค่ะ” โหน่งเรียก แต่หาญกำลังมีสมาธิกับการวิ่ง
“ฟิตแอนด์เฟิร์ม ฟิตแอนด์เฟิร์ม ฟิตแอนด์เฟิร์ม” วิ่งเสร็จหาญนั่งลง ซิทอัพต่อทันที “ฟิตแอนด์เฟิร์ม ฟิตแอนด์เฟิร์ม” หาญหมดแรง นอนแผ่ “เราต้องสู้ สู้เพื่อซิกแพ็ค กล้ามท้องจะต้องเป็นมัดๆ เราต้องเป็นหล่อเลือกได้ คอยดู ไม่ว่าจะนกหนูปูปลา สัตว์อะไรก็ต้องเรียงหน้ามาให้เราเลือก สู้โว้ย”
หาญกัดฟันซิทอัพต่อ แบบบ้าเลือดๆ
“คุณผู้ชายขา”
เหน่งกับโหน่งเรียกยังไงหาญก็ไม่ได้ยิน
จำเนียรกำลังรอสายอยู่ กระวนกระวาย สักพักทีมงานรายการมาตาม
“ได้เวลาแล้วค่ะ”
จำเนียรจำต้องวางสายก่อน แล้วเข้าไปทำงาน

ที่บ้านตากอากาศ แพรวากับอายูมิกำลังชวนทุกคนชนแก้ว
“เอ้าๆ อย่าเพิ่งยอมแพ้สิคะ ใครเป็นลูกผู้ชายตัวจริง ขอให้ชูแก้วขึ้นมาค่ะ เอ้า หมดแก้ว เย้”
ทุกคนชนแก้ว ดื่มกันไม่มียั้ง
“อายูมิเป็นนักเรียนดื่มไม่ได้ แต่ทุกคนต้องดื่มแทนอายมินะก๊ะ หมดแก้วเลยนะก๊ะ”
“เฮ้ยๆ เบาๆ ค่อยๆ ดื่มก็ได้” อาทิตย์เตือนเพื่อนอยู่ๆ โทนี่ฟุบไป “ไอ้โทนี่ เฮ้ย ตื่นก่อนดิวะ” โมกข์ฟุบหลับไปอีกคน ตามด้วยแท่น “อ้าว ไอ้โมกข์ ไอ้แท่น อย่าเพิ่งหลับ ทำไมคออ่อนกันอย่างนี้วะ” อาทิตย์หันมาเห็นอเนกยืนพิงกำแพงอยู่ “ไอ้อเนก แกยังไหวใช่มั้ย เยี่ยมๆ”
อาทิตย์แตะตัวอเนก ปรากฏว่าอเนกล้มทั้งยืน โครม! อาทิตย์ถึงกับอึ้ง
“อ้าว อเนก”

ทุกคนหลับหมด ไม่มีใครตื่น
“ว้า แย่จัง ทุกๆ คนหลับหมดแล้ว ยังงี้ก็เหลือแค่เราสองคนแล้วสิคะอาทิตย์ คิๆ” แพรวาบอก
“เราสองคนจะทำอะไรกันดีก๊ะ ตื่นเต้นจัง” อายูมิบอก
“เดี๋ยวๆ สองที่ไหน สามคนชัดๆ”
“ก็เลือกมาสิคะ” อายูมิ แพรวาพูดพร้อมกัน อาทิตย์อึกอัก อยู่ๆมีเสียงมือถือดังขึ้น
“เดี๋ยวๆ ขอรับมือถือก่อนได้มั้ย นะๆ”
อาทิตย์ไปหามือถือจากตัวเพื่อนๆ จนเจอว่าเป็นมือถือของอเนก อาทิตย์รีบหยิบมือถือมา พยายามจะออกห่างแพรวาและอายูมิ แต่สองสาวตามติด อาทิตย์กดรับสาย
“ฮัลโหลครับ”
มัทนีโทรมาจากโรงพยาบาล ได้ยินเสียงคุ้นๆ
“เอ่อ นั่นใช่ คุณอเนกหรือเปล่าคะ”
“ไม่ใช่อเนกครับ ผมเป็นเพื่อนเค้า คุณเป็นใคร มีอะไรจะฝากไว้ใช่มั้ยครับ” อาทิตย์ทำเป็นไม่ได้ยิน จะหาเรื่องหนีออกนอกห้อง
 
“โหลๆ ไม่ได้ยินเลย”

อาทิตย์หาเรื่องจะชิ่งหลบ แต่แพรวาและอายูมิรู้ทันมาดักหน้าดักหลังไว้

“อาทิตย์จะแอบชิ่งหนีใช่มั้ยก๊ะ”
“ฝันไปเถอะก่ะ เอ๊ย ค่ะ”
มัทนีได้ยินเสียงผู้หญิงดังเข้ามา
“อาทิตย์ นั่นนายอาทิตย์เหรอ ชั้นไม่อยากพูดกับนาย ไปเรียกคุณอเนก เพื่อนนายมารับสายเดี๋ยวนี้” มัทนีบอก
“มันคุยไม่ไหวหรอก เมาหลับไปแล้ว”
“เมา” มันทีโวยทันที “เมาได้ยังไง นายไปปลุกเค้าให้ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้ นี่มันเรื่องด่วนคอขาดบาดตายนะ”
แพรวาเงี่ยหู พยายามจะฟัง
“เสียงผู้หญิงนี่ ผู้หญิงใช่มั้ย”
“ผู้หญิงเหรอ ใคร”
แพรวากับอายูมิตามประกบอาทิตย์ พยายามเงี่ยหูฟังเสียงจากโทรศัพท์ อาทิตย์พยายามหลบแพรวากับอายูมิ
“มีอะไรก็พูดมา แล้วจะบอกเพื่อนผมให้”
มัทนีพยายามระงับโมโห
“บอกเค้าด้วยนะว่าพี่นรีเป็นลม ล้มหัวฟาดพื้น ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล แต่เค้าก็คงไม่มีปัญญาลากสังขารมาสินะ หรือถึงมีก็คงจะไม่มา เพราะเวลานี้คงจะเมามันกับผู้หญิงอื่นอยู่แล้วสิ พวกนายมันเหมือนกันหมดจริงๆ”
มัทนีวางสายอย่างอารมณ์เสีย อาทิตย์งง
“อะไรวะ”

อายูมิดึงมือถือมาส่งให้แพรวา
“ลองโทรกลับไปดูสิ จะได้รู้ว่าใคร”
“โอเช”
อายูมิหลอกแพรวาให้โทรศัพท์ แล้วอายูมิอาศัยจังหวะนั้น ผลักอาทิตย์ให้เข้าไปในห้องนอน แล้วจะรีบปิดประตูล็อก แพรวาหันมาเห็น ตกใจ รีบถลามาห้าม
“แว้ก อย่านะ”
แพรวาพยายามรั้งประตู แต่รั้งไม่ไหว ประตูปิดลง แพรวาโวยวาย ทุบประตูๆ

อายูมิล็อกประตูเสร็จ ยิ้มสมใจ หันกลับมามองอาทิตย์ที่อยู่กลางห้อง อายูมิเดินเข้าหา อาทิตย์ถอยหลังหนีๆจนไปสะดุดขอบเตียงล้มลงไปนอนอ้าซ่า
“ฮั่นแน่ นอนรอเลยเหรอก๊ะ คิๆ”
เสียงแพรวาเคาะประตู ร้องโวยวาย ยังดังมา
“ไม่ใช่ๆๆ” อาทิตย์จะลุกออกจากเตียง อายูมิรีบถลาจับตัวอาทิตย์
“อ๊ะๆ อยู่นานได้ไหม นานๆ จะได้เจอสักที ให้ชั้นได้มีวันที่ดี โปรดอยู่ยังงี้ นานๆ ได้มั้ย อาทิตย์ซัง ลืมวันเวลาดีๆ ของเราสองคนแล้วเหรอก๊ะ หรืออาทิตย์ซังไม่รักอายูมิแล้ว จะทิ้งอายูมิแล้วใช่มั้ยก๊ะ ฮือๆ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะอายูมิ คือ เอ่อ อย่าร้อง โอเคๆ ผมจะอยู่กับอายูมิทั้งคืนเลย ดีมั้ย งั้นเรามาทำอะไรสนุกๆ กันดีกว่า”
“ดีก่ะ” อายูมิหลับตา รอจูบทันที
“เล่นผีผ้าห่มกัน”

เสียงแพรวาเงียบหายไปแล้ว อาทิตย์เอาผ้าห่มมาคลุมตัวเองกับอายูมิไว้ เล่นจั๊กจี้กันๆ อายูมิหัวเราะคิกคักมีความสุขมาก อาทิตย์เล่นจริงๆ จนถึงจังหวะหนึ่ง อายูมิดึงคอเสื้ออาทิตย์ให้หยุดใกล้ๆ กัน
“ไม่อยากเล่นผีผ้าห่มแล้วก่ะ”
“ผมก็คิดเหมือนกัน งั้นเราก็...” อาทิตย์ทำเป็นโน้มตัวจะเข้าหา เกือบจะจูบ แต่แล้วก็ชะงักไว้
“มั๊วะๆ” อายูมิลืมตา “อ้าว หยุดทำไมก๊ะ มาสิก๊ะ มามั๊วะๆ”
“อายูมิอ่ะ มีพริกติดฟันด้วย” อาทิตย์บอก
“จริงเหรอก๊ะ”
“หื้ม ไม่ไหวเลยอ่ะ ปากไม่สะอาด ลมหายใจไม่หอมสดชื่น ผมเซ็งมากเลย ผมว่าอายูมิรีบไปเข้าห้องน้ำ จัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า ไปๆ”
“ค่ะๆ”
อายูมิรีบร้อนวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ ปิดประตู เปิดน้ำ เสียงน้ำดังออกมา อาทิตย์รีบมองหาทางหนีทันที
“ไปทางไหนดีๆ ประตูนั้น”
อาทิตย์รีบไปที่ประตูซึ่งเปิดออกสู่ริมสระว่ายน้ำ กำลังจะออกไป แต่ต้องผงะเพราะแพรวากำลังวิ่งอ้อมมา เพื่อจะมาเข้าทางนี้พอดี
“แพรวา”
อาทิตย์รีบถอยกลับมา แอบหลบหลังผ้าม่านแถวนั้น ปล่อยให้แพรวาเข้ามา แล้วอาทิตย์ก็แอบผลุบออกไปจากห้องทันที โดยที่แพรวาไม่รู้เรื่อง แพรวายืนฟังเสียงน้ำที่ดังมาจากในห้องน้ำ ยิ้มซุกซนทันที

“อาทิตย์ อาบน้ำอยู่ คิๆ”
 
อ่านต่อหน้า 3

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 5 (ต่อ)

แพรวาโดดขึ้นไปบนเตียงนอน
 
ยัดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม แล้วจากนั้นก็ค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าจากใต้ผ้าห่ม แล้วโยนเสื้อผ้าออกมากองกับพื้น ทั้งเสื้อ กางเกง แล้วแพรวาก็เอาผ้าห่มคลุมปิดตัวเองทั้งตัว
อายูมิเดินออกมาจากห้องน้ำ ลมหายใจสดชื่นแล้ว เห็นคนนอนอยู่ใต้ผ้าห่ม ขยุกขยิก คิดว่าเป็นอาทิตย์ อายูมิคิกคัก ยิ้มซุกซน โดดขึ้นไปนอนเคียงคู่บนเตียง ห่มผ้าห่ม แล้วก็ถอดเสื้อคลุมอาบน้ำโยนออกมาเช่นกัน หัวเราะคริๆ ก่อนจะมุดลงไปใต้ผ้าห่ม แล้วทั้งอายูมิและแพรวาก็ร้องกรี๊ดออกมา
“ว้าย”
“เธอมาได้ยังไง จะทำอะไรชั้น แล้วแก้ผ้าทำไม ยัยโรคจิต”
“เธอสิโรคจิต แก้ผ้า ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าบนเตียงเป็นใคร”
“เธอก็เหมือนกัน”
“อาทิตย์ แล้วอาทิตย์ล่ะ อาทิตย์”
สองสาวโวยวายหาอาทิตย์

ที่มัทนีกำลังนั่งรอฟังผลการตรวจอยู่ สักพักอาทิตย์รีบวิ่งเข้ามา
“คุณ คุณนรีเป็นยังไงบ้าง”
มัทนีมองหาอเนก
“คุณอเนกไม่มาใช่มั้ย”
“มันยังไม่ฟื้นหรอก แต่ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะรับผิดชอบแทนมันทุกอย่างเอง”
“ยังมีหน้าจะมารับผิดชอบอีกเหรอ นายนั่นแหละ ต้นเหตุที่ทำให้พี่นรีร้องไห้เสียใจแล้วก็เครียดจนเป็นลมอย่างนี้”
“เกี่ยวอะไรกับผม อย่าเอาอคติส่วนตัวมาทำกับผมยังงี้ดิ”
“อคติเหรอ นายดูเสื้อผ้านาย รอยลิปสติกพวกนี้มาจากไหน ถ้าไม่ได้มาจากพวกผู้หญิงที่นายหิ้วมาบำเรอปรนเปรอเพื่อนฝูง ใช่มั้ยล่ะ ถ้าพี่อเนกไม่มีเพื่อนเลวๆ อย่างนาย ก็คงไม่เสียคนอย่างนี้”
“ผมไม่ได้มาเพื่อจะมาทะเลาะกับคุณนะ หาเรื่องผมอยู่ได้ทุกวันๆ ไม่เบื่อมั่งเหรอ”
“ชั้นหาเรื่องนายเหรอ”

ขณะนั้นหมอเดินออกมาจากห้อง จะมารายงานอาการคนไข้
“ขอโทษนะครับ”
“อย่าเพิ่งขัด” มัทนีบอกแล้วหันมาต่อว่าอาทิตย์ต่อ “คนที่หาเรื่อง สร้างเรื่องทั้งหมดคือนาย นายคนเดียว พวกลูกเศรษฐี ตั้งก๊วนทำแต่เรื่องสกปรก โสโครก นายไม่ต้องมาเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนดีเลย เพราะชั้นดูออกว่ามันไม่จริง ยิ่งนายทำดีมากเท่าไรห่ ก็ยิ่งทำให้ชั้นรู้ว่านายเลวมากเท่านั้น รู้ไว้ด้วย”
“ด่าผมจบยัง” มัทนีพยักหน้า “คุณหมอเชิญครับ” อาทิตย์บอกหมอ หมอเข้ามาจับมืออาทิตย์กุมสองมือ
“หมอขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ คุณกำลังจะเป็นพ่อเด็ก”
“พ่อเด็ก”
“หมายความว่าไงคะ”
“คุณนรี ภรรยาของคุณกำลังตั้งครรภ์ครับ”
“หา”
อาทิตย์และมัทนีอุทานออกมาพร้อมกัน

มัทนีออกมานั่งทรุดกับพื้นที่ขอบทางในโรงพยาบาล ท่าทางเบลอๆ เหวอๆ คิดอะไรไม่ออก
“พี่นรีท้อง”
อาทิตย์ตามออกมา ทรุดนั่งเช่นกัน ไม่ห่างกันนัก
“คนจะเลิกกัน แต่ดันมาท้อง แล้วจะยังไงวะเนี่ย”
“แล้วเด็ก”
“ใช่ แล้วเด็กจะเป็นยังไง เราต้องบอกให้ไอ้อเนกรู้”
“บอกเพื่ออะไร”
“ยังไงไอ้อเนกก็เป็นพ่อเด็ก มันต้องรับรู้ และมันกับคุณนรีต้องเป็นคนตัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อไป”
“ไม่จำเป็น เด็กต้องอยู่กับแม่ พี่นรีจะเป็นคนเลี้ยงเอง สมัยนี้มีแม่ที่เลี้ยงลูกตัวคนเดียวเป็นซิงเกิ้ลมัมเยอะแยะ พี่นรีต้องทำได้”
“อ้าว ทำไมคุณคิดแบบนั้น แทนที่จะช่วยกันคิดหาทางทำให้ไอ้อเนกกับคุณนรีกลับมาดีกัน เอาลูกมาเป็นโซ่ทองคล้องใจ ให้เค้าสองคนลองประคับประคองความสัมพันธ์กันดูอีกครั้ง แต่นี่คุณกลับคิดจะยุให้เค้าเลิกกัน มันใช่แล้วเหรอ”
“ชั้นมองตามความเป็นจริง ก็ในเมื่อผู้ชายมันไม่ได้เรื่อง และก็ไม่ได้คิดจะรับผิดชอบอะไรอยู่แล้ว ทำไมต้องไปสนใจ ทำไมชั้นจะต้องสนับสนุนให้พี่นรีกลับไปทนทุกข์ทรมานเพราะเพื่อนของนายอีกด้วย พอกันที ผู้หญิงสมัยนี้ ดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องคอยให้พวกผู้ชายห่วยๆ มาปกป้องอีกแล้ว”
“คุณมัทนี นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาคิดแพ้คิดชนะกันเลยนะ นี่มันเรื่องที่เค้าสองคนต้องคุยและ ปรับความเข้าใจกัน”
“จะไม่มีการปรับความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น” มัทนีบอกเสียงเด็ดขาด อาทิตย์อึ้งและผิดหวัง
“คุณทำมูลนิธิเพื่อครอบครัว แต่กลับชอบเห็นคนอื่นแตกแยก เลิกรากัน คุณเป็นคนยังไง ผมไม่เข้าใจคุณเลย”
“ชั้นก็ไม่เข้าใจนายเหมือนกัน”
อาทิตย์กับมัทนีจ้องกัน ต่างไม่เข้าใจ ไม่พอใจกันและกัน

นรีค่อยๆ ฟื้นได้สติ พบว่าตัวเองนอนอยู่ในโรงพยาบาล ใส่ชุดคนไข้ มีสายน้ำเกลือ เธอแปลกใจ มึนงง กำลังจะลุกขึ้นนั่ง พอดีมัทนีเปิดประตูห้องเข้ามา
“พี่นรี”
มัทนีรีบเข้าไปช่วยประคองนรี ส่วนอาทิตย์เดินตามเข้ามา
“มัท คุณอาทิตย์ พี่เป็นอะไร”
“พี่นรีท้องค่ะ” มัทนีบอกทันที อาทิตย์ถึงกับสะดุ้ง
“เฮ้ย! คุณมัท ไม่คิดจะถนอมน้ำใจคนฟังเลยหรือไง”
“แล้วจะให้ชั้นพูดยังไง พี่กำลังจะมีลูก พี่กำลังจะเป็นแม่ จะพูดอ้อมค้อมยังไง สุดท้ายมันก็ความหมายเดียวกันนั่นแหละ”
“พี่ท้อง? จริงๆ เหรอ ท้องกับ...”
“หยุดค่ะ ไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องเสียใจ ไม่ต้องคิดอะไรไปมากกว่าเด็กคนนี้เป็นลูกพี่นรีคนเดียวไม่เกี่ยวกับใคร”
“คุณมัท”
“ไม่เกี่ยวกับนายด้วย”
“ไม่เกี่ยวกับคุณด้วย”
อาทิตย์กับมัทนีเริ่มเปิดฉากเถียงกัน อยู่ๆ จำเนียรโผล่พรวดเข้ามาในห้องพัก
“นรี โถๆ ป้าบอกแล้วว่าอย่าทำงานหนักมาก ดูสิ คงจะพักผ่อนน้อยล่ะสิท่า ยัยมัท คุณหมอว่าไง นรีบ้าง”
“พี่นรีท้องค่ะ”
“อ้อ ห๊า อะไรนะนรีท้อง”

จำเนียรอึ้ง มองนรี ไม่อยากเชื่อ นรีก้มหน้า ไม่กล้าสู้หน้า ไม่มีคำตอบใดๆ ให้

จำเนียรออกมาที่ระเบียงห้อง ทำหน้าประหลาดใจเมื่อรู้ว่าอเนกยังไม่รู้เรื่องนี้

“อเนกไม่รู้เรื่อง” จำเนียรหันขวับจ้องคาดคั้นคำตอบ แต่นรีที่เดินให้มัทนีประคองมาสูดอากาศ เบือนหน้าหนี “นรี ป้าไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นคนอย่างนี้ ถ้าคนอื่นรู้ ป้าจะเอาหน้าไว้ที่ไหน ด่าลูกหลานคนอื่นออกสื่อปาวๆ แต่หลานตัวเองมาเป็นซะเอง”
อาทิตย์เดินตามฟังสถานการณ์อยู่ข้างๆ อย่างห่วงๆ
“น้าจำเนียรครับ ผมว่าอย่าเพิ่งว่าคุณนรีตอนนี้เลยนะครับ”
“ใช่ค่ะ”
อาทิตย์งง หันมาถามมัทนี
“คุณเห็นด้วยกับผมเหรอ”
“เพราะคนที่ควรถูกด่าคือนาย กับเพื่อนของนาย แก๊งของนายมันไม่ได้เรื่อง ห่วยยกแก๊ง ด่าหมอนี่เลยค่ะคุณแม่”
“พ่ออาทิตย์”
“จะด่าผมจริงๆ เหรอครับ”
“เธอโทรไปบอกเพื่อนของเธอให้มารับผิดชอบสิ่งที่เค้าทำเดี๋ยวนี้”
“อย่าค่ะ อย่าบอกอเนก นรีเลิกกับอเนกแล้ว บอกไปก็ไม่ประโยชน์” นรีแย้ง
“ใช่ แก๊งนี้เหมือนกันทั้งแก๊ง รักสนุกแต่ไม่คิดผูกพัน สำนึกรับผิดชอบไม่มี ถ้าบอกไปนายอเนกก็คงจะคิดว่าพี่นรีง้อ หรือต้องการที่พึ่ง ซึ่งไม่จริง เราดูแลตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร พี่นรีจะเลี้ยงลูกเอง”
มัทนีบอกเสียงจริงจัง แต่อาทิตย์ไม่สนใจ

“คุณนรีครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณกับนายอเนกแค่สองคน อย่าให้อคติคนนอกมาตัดสินใจแทนคุณสิครับ คุณควรจะคุยกับนายอเนกด้วยตัวเองนะครับ นะครับ” อาทิตย์หยิบมือถือออกมา
“ชั้นไม่ให้โทร” มัทนีดึงมือถืออาทิตย์มา
“เอามือถือผมคืนมา” อาทิตย์จะแย่งมือถือคืน
“ไม่”
“น้าจำเนียรครับ ดูพฤติกรรมลูกสาวคุณน้าสิครับ” อาทิตย์หันไปฟ้องจำเนียร
“ฟ้องแม่เลยเหรอ”
“หยุด พอได้แล้ว ยังไงเรื่องนี้พ่ออเนกก็ต้องรับรู้และมาแก้ปัญหา” มัทนีจะค้าน “ไม่ต้องพูด นรี ป้ารับปากแม่ของเธอเอาไว้ว่าจะดูแลเธอเหมือนลูกคนนึง ป้าไม่มีวันยอมให้ลูกของป้าแบกรับภาระนี้คนเดียวเด็ดขาด อเนกต้องรับผิดชอบ”
อาทิตย์กระหยิ่ม ดึงมือถือคืนมาจากมัทนี
“คุณน้าสมแล้วที่เป็นประธานชมรมครอบครัวอบอุ่น”
“ไปตามเพื่อนเธอมา” จำเนียรบอกเสียงเข้ม
“ค้าบบ”
อาทิตย์จ๋อย รีบออกไปทันที

เช้าวันใหม่ อเนกเพิ่งได้สติ พบว่าตัวเองนอนกอดชักโครกอยู่ มึนงง ก่อนจะลุกขึ้นมาเห็นตัวเองอยู่ในสภาพกึ่งเปลือย สวมแต่บ็อกเซอร์
“เฮ้ยๆ ใครปล้ำชั้น” อเนกรีบออกมาจากห้องน้ำ พบว่าตัวเองกลับมาที่บ้านแล้ว “บ้านเรานี่หว่า” อเนกคิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืน “เมื่อคืน เราปาร์ตี้ แล้วกลับมาได้ไง หรือว่าเราพาใครกลับมา ตายยย บันเทิงแล้วมั้ยล่ะ”
อเนกรีบออกมาอีกด้าน แต่พบว่าแท่นกับโทนี่นอนหมดสภาพเกลื่อนบ้าน “ไอ้แท่น โทนี่ ตื่นๆ”
“อะไรวะ” โทนี่งัวเงียขึ้นมา
“ชั้นกลับมาบ้านได้ไง ก็เมื่อคืนเราปาร์ตี้กัน เกิดอะไรขึ้นวะ”
“ขอเวลาประมวลสติสิบนาที” โทนี่จะล้มตัวลงนอนต่อ
“ตอบมาเดี๋ยวนี้” อเนกดึงคอเสื้อโทนี่ขึ้นมา “ไหนเราว่าจะค้างคืน แล้วพวกแกเป็นบ้าอะไร ถึงพาชั้นกลับมาบ้าน”
“แล้วหมาตัวไหนวะที่มันร้องไห้อยากกลับบ้านมาหาเมีย” โทนี่บอก
“แกพูดถึงใคร”
“แกนั่นแหละ” แท่นกับโทนี่บอกออกมาพร้อมกัน
“ชั้นกำลังจะได้ขึ้นสวรรค์กับนางเงือกน้อยๆ อยู่แล้ว ถ้าไม่มีตัวมารอย่างแกมาขัดขวาง” แท่นบอก
“ชั้นเนี่ยนะ ร้องไห้อยากกลับบ้าน ปัญญาอ่อน”
“เม็มโมรี่การ์ดแกเจ๊งเหรอวะ เอ้า เอาไปดู” โทนี่ส่งไอโฟนให้ เปิดให้ดูคลิป “แกทำลายวันวาเลนไทน์ของพวกชั้นหมดสิ้น”
อเนกรับคลิปนั้นมาดู

ภาพในจอไอโฟน เป็นคลิปอเนกที่เมาหนักมาก กำลังนั่งร้องไห้
“นรี นรี เค้าทิ้งตัวเองไว้คนเดียวในวันวาเลนไทน์ เค้าชั้นมันเลวๆ”
สาวเข้ามากอด
“โอ๋ๆ พี่อเนก อย่าร้องไห้นะคะ”
อยู่ๆ อเนกก็ลุกพรวด ผลักสาวกระเด็น
“อย่ามายุ่ง อินังชะนี ชั้นจะกลับบ้านๆ ชั้นจะกลับๆ”
“ว้าย พี่แท่น ชวยหนูด้วย” สาวร้องให้แท่นช่วย
“ไอ้แท่นๆ พาช้านกลับที ช้านจะก้าบๆๆ”
แท่นเดินโซเซ เข้ามารั้งอเนกไว้
“เฮ่ย ไอ้อเนกไรวะ เป็นเป็ดรึไง ทำไมร้องก้าบๆ”
อเนกโวยวาย อาละวาด
“กลับๆ กลับบ้านๆ เดี๋ยวนี้ๆ” อเนกยืนตรงยังแทบยืนไม่อยู่

ภาพในจอ วกกลับมาเห็นว่าโทนี่คือคนถ่าย หันกล้องมาถ่ายตัวเองที่กำลังนั่งกอดกะสาวคนหนึ่ง สาวยื่นหน้ามาพูดใส่กล้อง
“หนูไม่ให้กลับๆ”
ท่าทางโทนี่เมามาก
“ท่านผู้ชมครับ ไอ้อเนกมันบ้าไปละครับ เพื่อนๆ กำลังมีความสุข แต่มันจะทำลายครับ” เสียงเขวี้ยงของแตกเปรี๊ยะๆ ดังมาเข้ากล้อง โทนี่รีบหันหน้ากล้องไปทางอเนก “ชิปเป๋งแล้ว มันบ้าไปแล้วครับ”
ภาพในจอ อเนกกำลังทุบทำลายขวด แก้ว จาน กระจาย
“กลับบ้านๆ ช้านจะกลับไปหาเมียช้านน”
ภาพซูมเข้าไปเต็มหน้าอเนกแล้วคลิปก็จบลง
ปัจจุบัน อเนกอึ้ง ซีด วางโทรศัพท์ลง
“กูเหรอวะเนี่ย”

“สุราเป็นต้นเหตุของการทะเลาะวิวาทและอาจทำให้เสียเพื่อนได้ โคตรจริง” แท่นบอก

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่โรงพยาบาล
 
นรีเปลี่ยนชุดแล้วกำลังจะออกจากโรงพยาบาล นั่งรออยู่บริเวณล็อบบี้โรงพยาบาล โดยมีจำเนียรกำลังกดโทรศัพท์หามัทนีอยู่
“ยัยมัทไม่รับสาย มัวไปทำอะไรอยู่ วันนี้เราจะได้กลับบ้านมั้ยเนี่ย”
“นรีขอโทษนะคะที่ทำให้ป้าต้องมาวุ่นวาย”
“พอๆ ขอโทษซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ได้ ของยังงี้เธอผิดคนเดียวเมื่อไหร่ ช่วงนี้ไปพักที่บ้านป้าก่อน จะได้ช่วยกันคิดว่าจะเอายังไงต่อไป”
มัทนีรีบเดินเข้ามา โดยมีเอกชเยศร์และชฎาตามหลังมาติดๆ
“คุณแม่ พี่นรี”
“มัวแต่ไปรับไปส่งใครอยู่ รู้หรือเปล่าว่าปล่อยให้แม่รอ” จำเนียรจงใจต่อว่าเอกชเยศร์
“อ๋อ มัทไปรับผมมาครับ แต่มัทแหละผิดที่ตื่นสายเอง ถ้าตื่นตรงเวลาก็คงไม่เจอรถติดขนาดนี้หรอกครับ พี่นรีครับ ผมทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว พวกเราจะช่วยพี่เองครับ ขอให้พี่สบายใจได้ สงครามครั้งนี้พี่ไม่ได้รบเพียงลำพัง”
“สงคราม”
นรีทำหน้าสงสัย

“มัทจะให้มูลนิธิหญิงเพื่อหญิงมาช่วยเดินเรื่องฟ้องร้องนายอเนกให้พี่นรีค่ะ” มัทนีบอก
“ชฎาร่างเอกสารทั้งหมดแล้ว นี่ค่ะ พี่นรีแค่เซ็นท้ายทุกหน้าก็เรียบร้อยค่ะ”
“แล้วผมจะช่วยตีแผ่เรื่องนี้อีกแรง ทำเป็นสกู๊ป ติดต่อกันเจ็ดวัน เอาให้เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ไปเลย”
“จะฟ้องอเนกทำไม ไม่ พี่ไม่ฟ้อง” นรีบอกหลังจากรู้ว่ามัทนีกับเอกชเยศร์คิดจะทำอะไร
“พี่ต้องฟ้องค่ะ เพื่อความถูกต้อง เพื่อสั่งสอนคนพวกนั้นให้สำนึก และเพื่อเป็นแบบอย่างให้กับลูกผู้หญิงคนอื่นๆ อีก” มัทนีบอก
“แม่ก็ไม่ให้ฟ้อง” จำเนียรบอก
“แม่”
“ถ้าเรื่องนี้เป็นข่าว แม่ก็งานเข้าน่ะสิ อิมเมจที่สร้างมาเป็นสิบๆ ปี พังหมด แล้วแม่จะไปสั่งสอนใครได้อีก แม่ไม่ยอมให้ฟ้อง”
“แต่มัทจะฟ้อง”
“แม่ไม่ให้ฟ้อง”
มัทนีกับจำเนียรเถียงกัน นรีทนไม่ได้ วิ่งออกไปทันที

ส่วนที่บ้านอเนก ขณะนั้นอเนกกำลังโวยวายใส่แท่นและโทนี่
“คนอย่างชั้นไม่มีวันทำตัวเหมือนในคลิปนั้น นอกจาก นอกจากแก ไอ้โทนี่ แกเอาคลิปไปตัดต่อใช่มั้ย จริงๆแล้วชั้นโวยวายเรื่องอื่น แต่แกตัดต่อจนดูเหมือนชั้นอยากกลับมาหานรี”
“พวกชั้นจะทำอย่างนั้นทำมายย” แท่นกับโทนี่ถามออกมาพร้อมกัน
“ชั้นอุตส่าห์ไว้ใจพวกแก ไอ้พวกเพื่อนทรยศ”
“อ้าวว”
โมกข์เพิ่งมาถึง
“เอ้าๆ อาหารอิตาเลี่ยนจากโรงแรมเมียชั้นมาแล้ว มาๆ”

อเนกหันไปพาลโมกข์อีกคน
“แกก็เข้าข้างพวกมันด้วยใช่มั้ย! ถ้าคิดอย่างนั้น ก็อย่าเป็นเพื่อนกันอีกเลย”
“อะไรของมันวะ” โมกข์งง
“ในเมื่อพวกแกไม่เชื่อชั้น งั้นลุกๆ ไปฉลองกัน วันนี้ป๋าเหนกจะคืนสังเวียน โคโยตี้ พริตตี้ เด็กนั่งดริ๊งก์ ใครคันหู ป๋าเหนกจะเกาให้เอง เอ้า ลุกสิวะ”
“เดี๋ยวเลิกคบ เดี๋ยวชวนไปเที่ยว ฮาร์ดดิสก์มันพังแน่ๆ” โทนี่บอก
“ชั้นว่าซอฟแวร์ว่ะ” แท่นบอกแล้วชี้อกซ้ายที่หัวใจ
จังหวะนั้นอาทิตย์เดินเข้ามา
“อเนก แกจะไปไหน ชั้นมีเรื่องจะพูดกับแก เรื่องนรี”
อเนกหันขวับมาใส่อาทิตย์เป็นชุด
“ไอ้อาทิตย์ แกก็อีกคน คิดว่าชั้นไม่กล้าเลิกกับยัยอาร์ตตัวแม่ใช่มั้ย ชั้นขอบอกเลยว่า ชั้นเลิกแล้ว จบแล้ว ไม่มีรีเทิร์น ไม่เอาอีกแล้ว ชั้นจะไม่ทนอยู่ในนรกขุมนี้อีกแม้วินาทีเดียว ต่อไปนี้ชั้นจะมีความสุข แฮปปี้ปี้ปี้อย่างเดียว”
“นรีท้อง” อเทิตย์โพล่งออกมา อเนกใบ้กินทันที
“โห เครื่องแฮงก์เลยว่ะ” โทนี่บอก

อเนกเดินเหวอกลับเข้ามาอีกมุมของบ้านด้วยอาการตะลึง ช็อก สับสน
“แกจะเอายังไง” อาทิตย์ถาม
แท่น โทนี่ โมกข์ตามเข้ามานั่งประกบอเนกตบบ่า เหมือนให้กำลังใจ
“อเนก เราเพื่อนกันมานาน พูดกันได้ทุกเรื่อง ไม่ปิดบังกัน ถามจริง แกใช้ถุงยางไม่เป็นใช่มั้ยวะ ฮาาา” แท่นหัวเราะชอบใจแล้วปะมือกับโทนี่ โมกข์
“ชั้นมั่นใจคนไทยเกินล้านใช้ถุงยางเป็นก่อนมีสิทธิเลือกตั้ง ยกเว้นแก ฮาาา” โทนี่บอกพร้อมกับหัวเราะ
“หรือแกกะจะพอสไว้ แล้วค่อยมาฟีเจอริ่งใหม่ แต่ดันเผลอปล่อยซิงเกิ้ลแรกออกมาซะก่อน ฮาาา” แท่นบอกแล้วหัวเราะ

“ตลกมากเหรอวะ”

อเนกผลักอกเพื่อนออกไป จะมีเรื่อง อาทิตย์รีบเข้าปราม

“พอๆ เพื่อนล้ม อย่ากระทืบซ้ำ เหยียบย่ำแค่พอหอมปากหอมคอ” อาทิตย์หันไปหาอเนก “ไอ้อเนก ชั้นว่าแกรีบไปหาคุณนรีดีกว่า”
“ไปหา ทำไมวะ”
“ก็ไปแสดงความรับผิดชอบ”
“แต่ชั้นไม่ได้ตั้งใจ”
“แต่มันก็เป็นความผิดพลาดที่แกทำ เด็กในท้องนรีเป็นลูกของแก แกคือพ่อเด็ก อย่าบอกนะว่าแกจะไม่รับผิดชอบ”
“ชั้น ชั้นยังไม่พร้อม”
“ไม่พร้อมแปลว่าอะไร”
โมกข์เข้ามารุมด่า
“อย่าบอกนะ ว่าแกจะทิ้งให้นรีรับภาระเลี้ยงลูกตัวคนเดียว”
“หรือแกคิดจะให้นรีไปเอาเด็กออก ถ้าแกคิดอย่างนั้น แกก็โคตรชั่วเลย คิดฆ่าลูกตัวเอง” แท่นเข้ามาด่าอีกคน
“หมามันยังรักลูกของมัน แกเป็นตัวอะไร ถึงจะไม่รัก” โทนี่เข้ามาด่าด้วย
“แก๊งเรา ถึงจะกะล่อน เจ้าสำราญ แต่เราก็แมนพอที่จะยืดอกรับในสิ่งที่ทำ แกยังเป็นแมนหรือเปล่า” อาทิตย์ถาม อเนกเครียด

ที่บ้านมัทนี หาญกำลังส่องกระจกดูรูปร่างตัวเอง บิดซ้ายขวา เบ่งกล้ามไปมา ก่อนจะเห็นหัวของเหน่ง โหน่งค่อยๆ โผล่มาจากด้านหลังกระจก มองหาญด้วยสายตาแปลกๆ
“ถือกระจกดีๆ สิ”
“ค่าๆๆ” เหน่งกับโหน่งตอบรับ
“คุณผู้ชายจะฟิตไปทำไมคะ” โหน่งหถาม
“ก็ฟิตเพื่อน้องน...ก เอ๊ย จะฟิตไปทำไมก็เรื่องของชั้น เอ้า” หาญยื่นมือถือให้ “แกถ่ายรูปชั้นสิ” หาญโพสต์ท่าแบบอวดความแข็งแรง “ถ่ายให้ชั้นดูฟิตๆ นะ”
“ฟิต? อืมม แขม่วพุงหน่อยค่ะ แขม่วอีก” เหน่งบอก
“ฮึ่บ พอ ยัง”
“ก็ยังดูไม่ค่อยแข็งแรง”
“งั้นโหน่ง แกมานี่ๆ เกาะแขนชั้นไว้” หาญกางแขนเบ่งกล้าม ให้โหน่งเกาะห้อยที่ต้นแขนแล้วยก “ยังงี้ใช่มั้ยที่เค้าเรียก ชะนี”
ทันใด มือถือของหาญ เสียงดัง มีข้อความเข้า
“ว้าย หลวงลุงนกส่งข้อความมาค่ะ” เหน่งบอก
“เอามานี่” หาญดึงมือถือคืนมา กดอ่าน “ไอแพดออกใหม่ สวยมากเนอะ”
“หลวงลุงนกจะใช้ไอแพดแทนกระดานชนวนนี่เอง” หาญบอกแล้วทำท่าสไลด์หน้าจอ

จังหวะนั้นรถของมัทนีแล่นมาจอด นรีเปิดประตูลงมาคนแรก เดินเข้าบ้านไป ไม่สนใจใคร ไม่อยากตอบอะไรทั้งนั้น มัทนีและคนอื่นๆ รีบตามลงมา มัทนีเดินตามไปติดๆ
“พี่นรี เดี๋ยวก่อน พี่ต้องเซ็นเอกสารนะคะพี่นรี”
“รีบตามไปคุยให้รู้เรื่องสิมัท เอกเสียเวลามาแล้ว ต้องได้งาน ไปๆ” เอกชเยศร์บอก
“ค่ะๆ”
มัทนี เอกชเยศร์ ชฎาวิ่งตามนรีเข้าไปเป็นพรวน
“แม่จำเนียรๆ มีเรื่องอะไรเหรอ” หาญถาม แต่จำเนียรรีบเดินตามไปห้ามพวกมัทนี จึงไม่สนใจหาญ

นรีเดินจ้ำเข้ามาในบ้าน เดินหนีขึ้นชั้นบน โดยมีมัทนี เอกชเยศร์ ชฎาวิ่งตามตื๊อ ล้อมหน้าล้อมหลังเป็นพรวน ตลอดทาง
“พี่นรี ถ้าพี่จะเลิกกันเฉยๆ ปล่อยนายอเนกให้ไปร่าเริงมีความสุข ในขณะที่พี่ต้องมารับภาระเลี้ยงลูกคนเดียว มันไม่ยุติธรรม” มัทนีบอกตามหลัง
“แล้วลูกคนรวยแก๊งนี้ก็ไม่ได้ทำอย่างนี้ครั้งแรก แต่มันซ้ำแล้วซ้ำอีก” เอกชเยศร์บอก
“มัทอยากให้พี่ฟ้องเป็นตัวอย่าง ผู้หญิงคนอื่นๆ จะได้รู้ว่าเรามีสิทธิที่จะไม่ยอมผู้ชายได้”
“เซ็นนะคะ” ชฎาบอก
นรีไม่สนใจตอบ หนีเข้าห้องไป ปิดประตู แล้วยืนพิงประตู ตั้งสติ
“พี่นรี ออกมาคุยกันก่อน” มัทนีเรียกอยู่หน้าห้อง
“พี่นรีทำถูกแล้วที่แข็งแกร่ง อดทน ผู้ชายไม่รักก็ไม่ง้อ คิดจะเป็นซิงเกิ้ลมัม แต่พี่ไม่อยากได้เงินค่าเลี้ยงดูเหรอ” เอกชเยศร์บอก จำเนียรตามมาไล่
“พอๆ เลิกเซ้าซี้แม่นรีได้แล้ว ออกไปๆ” จำเนียรผิวปากเรียกท่วมทุ่ง “ช่วยแม่ไล่หน่อยลูก”
ท่วมทุ่งแฮ่ แล้วไปงับขากางเกงเอกชเยศร์จนต้องโวยวายถอยออกไป
“คนอุตส่าห์ตั้งใจช่วย เสียเวลาจริงๆ มัท ไปส่งผมที่ออฟฟิศด้วย” เอกชเยศร์สั่ง
ชฎา เอกชเยศร์เดินกลับออกไปหมด
“พี่นรี เรายังพอมีเวลา พี่ค่อยๆ คิดทบทวนอีกทีแล้วกันนะคะ” มัทนีบอก
นรีเศร้าทรุดอยู่ในห้อง

มัทนีกับจำเนียรกำลังมีปัญหากันเรื่องนรีโดยมีท่วมทุ่งนั่งเอียงคอมอง
“แม่ไม่ให้ลูกฟ้องอเนก”
“มัทจะฟ้องค่ะ”
“ยัยมัท แกจะทำลายชื่อเสียงอนาคตของแม่เหรอ”
“แล้วแม่จะให้มัทเพิกเฉยต่อความถูกต้องเหรอคะ มัททำไม่ได้หรอก”
หาญเดินออกมา จะออกไปนอกบ้าน
“คุณหาญ คุณมาช่วยชั้นพูดกับยัยมัทที” จำเนียรเรียกหาญมาช่วย
“กัมมุนาวัตตะตีโลโก กุ๊กๆ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ปลงซะเถอะแม่จำเนียร”
“เห็นมั้ยว่าพ่อเข้าข้างมัท”
“โลกถูกตัณหาก่อขึ้น ถูกชราล้อมไว้ ถูกมฤตยูปิดไว้ ทุกคนจึงตั้งอยู่แต่ในทุกข์ อย่าดึงพ่อเข้าไปข้องเกี่ยวกับทุกข์ทางโลกเลย พ่อปล่อยวางแล้วซึ่งทุกอย่าง ขอตัว” หาญบอกแล้วเดินไป
“แล้วคุณจะไปไหน” จำเนียรถาม
“พารากอน” หาญบอกอย่างเผลอตัว
“หือ”

จำเนียรกับมัทนีมองหาญเป็นตาเดียวกัน
“ไปฝึกจิต จิตที่สงบ ในที่ซึ่งพลุกพล่าน คือจิตที่ปราศจากกิเลสโดยแท้” หาญบอกแล้วจะไป แต่นึกขึ้นได้ “เอ้อ มัท ที่พารากอน มีไอแพดขายใช่มั้ย”
“ค่ะ พ่อจะซื้อเหรอคะ”
“จะซื้อไปถวายหลวงลุง ท่านอยากได้ เอาไว้เผยแพร่ธรรมะ”
หาญเดินออกไป
“ยังไงมัทก็จะฟ้อง” มัทนีหันมาบอกจำเนียรแล้ววิ่งขึ้นห้องไป
“ทำไมลูกสาวชั้นหัวรุนแรงแบบนี้ ท่วมทุ่ง” จำเนียรเอาท่วมทุ่งมากอด “เค้าไม่เข้าใจชั้นเลย”

ท่วมทุ่งเลียปลอบ
 
อ่านต่อหน้า 4

พ่อไก่แจ้ ตอนที่ 5 (ต่อ)

อีกด้านหนึ่ง อาทิตย์กลับเข้ามาในบ้าน ทิ้งตัวลงนั่งหมดแรง กลุ้มใจ เครียดเรื่องเพื่อน
 
แต่แล้วอยู่ๆ ก็มีไม้เรียวฟาดมา อาทิตย์สะดุ้งโหยง
“เฮ้ย”
ลิ้นจี่ถือไม้เรียวอยู่
“ไอ้ลูกไม่รักดี เมื่อคืน วันวาเลนไทน์ แกไปเถลไถลที่ไหน กับใครมา”
“แม่ครับ อะไรครับ”
“อะไรเหรอ นี่ไง” ลิ้นจี่โยนชุดที่อาทิตย์ใส่ “ทำไมเสื้อผ้าแกถึงมีรอยลิปสติกขนาดนี้ แกกับเพื่อน ไปปาร์ตี้นัวเนียชะนีไร้หัวนอนปลายเท้าอีกแล้วใช่มั้ย เมื่อไหร่แกจะเลิกสำมะเลเทเมาซะที” ลิ้นจี่ไล่ตีลูกชายอีก อาทิตย์โดดหลบ
“แม่ ผมเจ็บ หยุดๆ ทำไมต้องโกรธผมขนาดนี้ด้วย”
“คนดีๆ มีให้ชวนไปดินเนอร์ ทำไมแกไม่ชวน” ลิ้นจี่ยังไล่ตีไม่ยอมหยุด
“คนดีๆ ของแม่...” อาทิตย์หยิบหมอนอิงมารับไม้เรียวไว้ได้พอดี “ใคร?”
“ก็หนูมัทนีไง ทำไมแกไม่รู้จักชวนหนูมัทไปไหนมาไหนบ้าง”
“นี่แม่คิดจะจับคู่ผมกับยัยซาดิสต์เหรอ แม่จะฆ่าผมเหรอ ยัยนี่ตบซอมบี้ตายได้เลยนะครับ”
“แกกล้าดียังไงถึงว่าหนูมัทลับหลัง”
“แม่รู้มั้ยครับว่ายัยมัทนีคนนี้เป็นตัวปัญหาที่ทำให้ลูกของแม่กำลังเครียดอยู่เนี่ย คราวก่อนก็จะฟ้องเรื่องพรากผู้เยาว์ คราวนี้จะฟ้องเรื่องท้องไม่รับ แล้วแม่ยังจะให้ผมไปกุ๊กกิ๊กกับเค้าอีกเหรอครับ”
“อะไรนะท้อง ใครท้อง แกไปทำใครท้อง ห๊า” ลิ้นจี่ไล่ตีหนักกว่าเดิม
“ไม่ใช่ผมๆ แม่เข้าใจผิดแล้ว โอ๊ยย เจ็บ ฟังก่อนนน”

ลิ้นจี่ส่งยาหม่องให้อาทิตย์
“เอ้า ทีหลังก็หัดพูดให้ชัดเจนตั้งแต่แรก”
“ใครก่อปัญหาอะไร แม่ก็พาลโทษผมก่อนทุกที ไม่เคยมองลูกตัวเองในแง่ดีบ้าง”
“แล้วแกเคยทำตัวดีๆ ให้แม่เห็นมั่งมั้ยล่ะ เดี๋ยวปั๊ด”
อาทิตย์รีบเด้งหลบ
“อย่าเพิ่งด่าผมเลยครับแม่ ผมไหว้ล่ะช่วยผมคิดก่อนดีกว่าครับ ว่าจะทำยังไงให้นายอเนกกับคุณนรี แฮปปี้เอนดิ้งกันได้ ผมไม่อยากให้สองคนนี้เลิกกัน สงสารเด็ก ในฐานะที่แม่ตกหม้อน้ำร้อนมาก่อน แนะนำผมที”
“ชั้นไม่มีคำแนะนำให้หรอก”
“อ้าว”
“ถ้าคนมันจะเลิก มันก็ต้องเลิก แกจะไปยุ่งอะไรด้วย”
“ก็ถ้ามันเป็นการเลิกที่เกิดจากคนสองคนจริงๆ ผมก็ไม่สนหรอกครับ แต่นี่มีคนอื่นคอยยุยงกีดกัน ทำทุกวิถีทางให้เค้าเลิกกัน เพื่อรักษาเกียรติศักดิ์ศรี แต่ไม่คิดถึงเด็กที่กำลังจะเกิดมา”
“งั้นแกก็อย่าให้คนอื่นที่ว่ามาวุ่นวายสิ ไล่มันไป”
“คนอื่นที่ว่าคือ ยัยมัทนีของคุณแม่ไงครับ คุณแม่คิดว่าผมควรจัดการคนอื่นของแม่ยังไงดีครับ”
“ไม่รู้ เพื่อนแก แกก็จัดการเอง แม่ไม่เกี่ยว”
ลิ้นจี่เดินบ่นออกไป
“จะทำยังไงให้คนสองคนที่ลึกๆ ก็ยังรักกัน ได้ตกลงกันเอง โดยไม่มีมารมาผจญ อืมๆ”
อาทิตย์ครุ่นคิด แต่แล้วก็ตาวาว คิดอะไรได้

เช้าวันใหม่ที่มหาวิทยาลัย พวกนิสิตเดินกันขวักไขว่ นรีเดินหอบหนังสือเอกสารการสอนลงจากบนตึกมา แต่แล้วมัทนีกับเอกชเยศร์ก็เข้ามารออยู่
“พี่นรี มัทไม่ได้อยากเร่งรัดนะคะ แต่พี่ไปที่มูลนิธิ ไปฟังรายละเอียดทั้งหมดก่อน แล้วจะตัดสินใจยังไง ค่อยว่ากันอีกทีนะคะ”
“มัท พี่ยังไม่พร้อมตอนนี้”
“แล้วตอนไหนถึงจะพร้อมครับ เชื่อผมเถอะครับ พวกลูกเศรษฐีพวกนั้นสมควรได้รับบทเรียนว่าบาปกรรมมีจริง”
“มัท พี่จะลาออกจากการเป็นอาจารย์”
“อะไรนะคะ” มัทนีตกใจ
“ถ้าคนอื่นรู้เรื่องนี้ เค้าคงจะคิดว่าพี่แย่มาก เป็นถึงอาจารย์สอนมหาวิทยาลัย แต่ปล่อยให้ตัวเองท้องไม่มีพ่อทุกๆ คนที่มีพระคุณต่อพี่ จะพลอยถูกคนเม้าท์ไปด้วย”
“พี่นรี พี่ต้องสู้ พี่จะหนีไม่ได้นะคะ”
“เราจะช่วยกัน ทำให้คุณนรีชนะอย่างมีศักดิ์ศรี และเป็นไอด้อลของหญิงยุคใหม่นะครับ คุณนรีจะลงโทษตัวเองคนเดียวไม่ได้”

มัทนีกับเอกชเยศร์กำลังจะพานรีออกไป ทันใดอาทิตย์ปราดเข้ามา
“คุณนรี สวัสดีครับ”
“นายมาทำไม จะมาเจรจาให้พี่นรียอมความ เหมือนครั้งที่แล้วใช่มั้ย ฝันไปเถอะ”
“เปล่าๆ ผมไม่ได้มาหาคุณนรี ผมมาหาคุณ ผมมีเรื่องสำคัญ ด่วนมาก”
“มีอะไร นายพูดกะชั้นดีกว่า” เอกชเยศร์บอก แต่อาทิตย์ไม่สนเอกชเยศร์
“มัทนี ผมขอเวลาห้านาที หรือว่าคุณกลัวผมอ่ะดิ”
“อะไรนะ ชั้นเหรอกลัวนาย เอก เอกพาพี่นรีไปรอที่รถ เดี๋ยวมัทตามไป” เอกชเยศร์พานรีเดินออกไป อาทิตย์ยิ้ม
 
“มีปัญหาอะไรกับชั้น ว่ามา”

เอกชเยศร์เดินนำพานรีมาที่รถ

“เรานั่งรอในรถดีกว่า เปิดแอร์สบายๆ พี่นรีนั่งหลังแล้วกันนะครับ เชิญๆ”
เอกชเยศร์ขึ้นไปนั่ง สตาร์ทเครื่อง เปิดเพลงฟังสบายอารมณ์ ไม่สนใจจะเปิดประตูให้นรี
นรีกำลังจะขึ้นรถแต่แล้วก็หันไปเห็นผู้ชายคนหนึ่ง นั่งกึ่งนอนพิงล้อรถเก๋งอยู่กับพื้นถนนฝั่งตรงข้าม กลางแดด ท่าทางไม่สบาย และคนแถวนั้นผ่านไปมา ไม่มีใครช่วยเหลือ นรีจึงเดินเข้าไปหา
“คุณคะ มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ”
เอกชเยศร์นั่งในรถ หันมองมาที่นรี
“โถ แม่พระจริงเจร๊งง หึ”
“คุณคะ มานั่งตากแดดทำไม ลุกเถอะค่ะ” นรีบอก
“ช่วยไปกับผมหน่อยนะครับ”
ชายคนนั้นหันหน้ามา คือ โทนี่
“โทนี่”
นรีอึ้ง จะหันกลับ แต่แท่นเข้ามาประกบ เปิดประตูรถแล้วดันนรีเข้าไปทันที โทนี่รีบลุกจากพื้น ขึ้นไปขับรถ รีบออกไปอย่างรวดเร็ว
เอกชเยศร์เห็นนรีถูกดึงขึ้นรถไปพอดี
“เฮ้ย พี่นรี” เอกชเยศร์ลงจากรถจะตาม แต่ไม่ทัน “เฮ้ย พี่นรี แย่แล้ว ต้องเป็นฝีมือพวกมันแน่ๆ”

อาทิตย์เดินหันหลังกลับไปกลับมา ทำท่ากระวนกระวาย เริ่มต้นพูดไม่ถูก
“เอ้า เกิน 5 นาทีแล้วนะ ตกลงจะไม่พูดใช่มั้ย” มัทนีจะเดินหนีไป
“โอเคๆ พูดแล้วๆ” อาทิตย์ทำท่ารวบรวมสติ “คือผม ผมคิดว่า คุณ คุณสวยมาก”
“หา? นี่ นายไม่ต้องมาชม เข้าประเด็นเลย”
“คุณสวย นี่แหละประเด็น คือผมกำลังมองหาพรีเซ็นเตอร์อยู่ คุณสนใจจะมาเป็นพรีเซ็นเตอร์น้ำยาว่านชักมดลูกสูตรคุณนายลิ้นจี่มั้ย”
“อะไรของนาย” มัทนีจะไป อาทิตย์รีบตามขวาง
“เดี๋ยวๆ โฆษณาไม่ยากเลยนะคุณ แค่ร้องเพลง... ชักๆๆ ชักมดลูก คุณนายลิ้นจี่ ชักๆๆ”
“อีตาบ้า”
เอกชเยศร์วิ่งกลับมา
“มัท พวกมันเอาตัวพี่นรีไปแล้ว”
“อะไรนะ”
“ไอ้อาทิตย์ ทั้งหมดคือแผนของมัน พวกมันอุ้มพี่นรีไป สงสัยจะเอาไปฆ่าปิดปาก” เอกชเยศร์เข้ามาชี้หน้าอาทิตย์ “ไอ้พวกฆาตกร”
“อะไร ใครอุ้มใครเกี่ยวอะไรกับผม โอเค้ ถ้าแฟนคุณไม่อยากเป็นพรีเซ็นเตอร์ ผมไปหาคนอื่นก็ได้” อาทิตย์รีบวิ่งหนีหน้าด้านๆ
“จับมัน เอก จับมันสิ” มัทนีร้องสั่ง
“มันวิ่งเร็วจะตาย ใครจะไปตามทัน คุณโทรเรียกตำรวจดีกว่า กด191เลยสิ เร็วๆ”
เอกชเยศร์สั่งแบบเร่งๆ มัทนีอึ้ง แล้วตัดสินใจ วิ่งตามอาทิตย์ไป เอกชยาตะลึง มองตาม
“นายอาทิตย์ หยุดนะ อย่าหนีนะ เอาตัวพี่นรีกลับมา หยุด”
อาทิตย์ไม่หยุด รีบวิ่งเร็วขึ้น มัทนีกัดฟัน สับฝีเท้า วิ่งๆ วิ่งเข้าไปดึงกระชากอาทิตย์ไว้ อาทิตย์พยายามสะบัดจะหนี แต่มัทนีเตะตัดขาแล้วจับทุ่มแบบยูโด จนอาทิตย์ถูกกดกับพื้น หมดท่า
“นายพาพี่นรีไปไหน”
“ผู้หญิงบ้าอะไร โหดฉิบเล้ยยย”

ภาพวิวมุมสูงจากระเบียงร้านอาหารดาดฟ้าโรงแรม อเนกนั่งหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะมุมด้านในโดยมีโมกข์นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย
“ชั้นบอกแล้วว่าชั้นโอเคๆ ไม่ได้เป็นอะไร พวกแกไม่ต้องมารุมเอาใจชั้นก็ได้”
“พวกชั้นก็นัดกินข้าวกันตามปกติ แกไม่ได้สำคัญขนาดนั้นหรอกน่า”
“เออ แล้วเมื่อไหร่พวกมันจะมา”
“รถติดอยู่มั้ง ใจเย็นๆ ดูวิวไปก่อน” โมกข์เห็นปะการังเดินผ่านมา กวักมือเรียก “เอ่อ เดี๋ยวชั้นไปคุยเรื่องงานกะแฟนชั้นแป๊บ”
โมกข์ลุกแยกไปหาปะการัง
“เพื่อนคุณส่งแมสเสจมา ว่ากำลังจะมาถึงแล้ว”
“งั้นก็ตามแผนเลยนะ” ปะการังจะไป โมกข์ดึงตัวมาอ้อน “ที่รัก ขอบคุณนะที่คุณยอมลำบากเพื่อช่วยผม”
“ช่วงเวลานี้ ไม่ค่อยมีลูกค้าอยู่แล้ว ปิดฟลอร์ไป ไม่เสียหายอะไรหรอก อีกอย่างชั้นช่วยเด็กในท้องนรีต่างหาก ไม่ใช่คุณ”
“จริงอ้ะ”

ปะการังเดินเขินออกไป

รถของแท่นแล่นมาจอดที่หน้าโรงแรมของปะการัง แท่น โทนี่ นรีลงจากรถให้พนักงานเอารถไปจอด

“พวกคุณ พามาที่นี่ทำไม จะพาชั้นมาเจออเนกใช่มั้ย” นรีถาม
“โห โคตรฉลาดเลย” แท่นบอก
“ชั้นไม่มีอะไรต้องคุยกับเค้าอีกแล้ว” นรีจะไป
“เดี๋ยวๆๆ”
แท่นกับโทนี่จะจับตัวนรีแต่นรีบอกเสียงเด็ดขาด ไม่ยอมให้จับตัว
“อย่านะ ไม่งั้นชั้นฟ้องพวกคุณแน่”
“ก่อนไป คุณดูคลิปนี่ก่อน” โทนี่ส่งมือถือให้ดู เป็นคลิปตอนอเนกเมา “คุณดูอาการของเพื่อนผม ในคืนวันวาเลนไทน์”
“เรารู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคน เราก็แค่อยากให้คุณได้คุยกันสองคนจริงๆ”
“ไปคุยกับมันหน่อยนะคุณนรี”
นรีคืนมือถือ
“ขอบคุณที่หวังดี แต่มันไม่จำเป็นแล้ว”
นรีจะเดินกลับไป ปะการังเดินออกมาก่อน
“ที่ไม่ยอมไปเจออเนก เพราะกลัวจะใจอ่อนใช่มั้ย”
“คุณปะการัง”
“คุณยังรักอเนกอยู่ใช่มั้ยคุณนรี อย่าโกหกผู้หญิงด้วยกันเลย”
“เคยรัก แต่ตอนนี้ไม่ได้รัก”
“งั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องหลบหน้ากัน จริงมั้ย” นรีเครียด

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่มหาวิทยาลัย มัทนีจับอาทิตย์บิดแขนไพล่หลัง เอกชเยศร์ยืนดู ชอบใจ หัวเราะ
“โอ๊ยๆๆ”
“บอกมา ว่าพาพี่นรีไปไหน”
“ให้ตายผมก็ไม่บอก หึๆ ฮ่าๆ คนสองคนจะได้คุย ตกลงเรื่องความรักของเค้าเอง นางมารร้ายอย่างคุณก็ขัดขวางไม่ได้”
“มัท กระทืบมันเลย ทรมานมันให้มากกว่านี้สิ ให้มันพูดออกมา”
ทันใด มือถือของอาทิตย์ดัง เอกชเยศร์รีบล้วงเอามือถือออกมา อาทิตย์พยายามบิดเอวไม่ยอมให้ล้วงกระเป๋า แต่สุดท้ายเอกชเยศร์ก็ล้วงมาได้ เอกชเยศร์ดูหน้าจอ
“อเนก”
“เฮ้ย อย่ารับ อย่า”

อาทิตย์ร้องห้าม เอกชเยศร์ไปปิดปากอาทิตย์ มัทนีเอามือถือมากดรับสาย อเนกโทรมาจากที่โต๊ะอาหาร
“ไอ้อาทิตย์ แกอยู่ไหนแล้ว”
มัทนีดัดเสียง
“เพ่อาทิตย์ขับรถอยู่ ไม่สะดวกคุยค่า อ๋อ หนูก็เป็นกิ๊กน่ะเซ่ เดี๋ยวเพ่อาทิตย์ไปส่งหนูแล้วก็จะรีบไปหาเพ่นะคะ ไม่ทราบเพ่จะให้ไปเจอที่ไหนคะ”
“มันไม่รู้เหรอว่านัดที่ไหน ก็ที่โรงแรมเมียเพื่อนมันไง” อเนกวางสายทิ้ง “บ้าเอ๊ย”
มัทนีกระหยิ่ม
“โรงแรมเมียเพื่อน”

เอนกวางสาย ฉุน ลุกจะกลับ โมกข์ถือเครื่องดื่มกำลังจะไปที่โต๊ะ
“เฮ้ยๆ อเนก แกจะไปไหนวะ”
“กลับบ้าน”
“เฮ้ย เดี๋ยว แกจะรีบกลับไปไหน อย่าเพิ่งกลับ”
“แกรู้หรือเปล่าว่าที่ไอ้อาทิตย์มันมาสาย เพราะมันไปกกหญิงอยู่ แล้วทำไมเราต้องมานั่งรอมันด้วยวะ”
“เดี๋ยวๆ ช่างหัวไอ้อาทิตย์เถอะ ตอนนี้ไอ้แท่นกับโทนี่มันมาถึงแล้ว อย่างน้อยรอเจอพวกมันก่อนเถอะ แล้วนี่” โมกข์โชว์เครื่องดื่ม “ชั้นเอามาเผื่อแก อย่าให้เสียของ ไปนั่งๆ เดี๋ยวชั้นโทรตามพวกมันให้”
โมกข์ให้อเนกไปนั่ง แล้วกดโทรศัพท์

ด้านล่างของโรงแรม นรียังคุยอยู่กับปะการัง
“ถ้าคุณไม่ได้กลัว ก็ให้โอกาสอเนกอีกสักครั้งนะคะคุณนรี”
“คุณอยากจะคิดว่าชั้นกลัว หรืออะไร ก็แล้วแต่คุณเถอะ แต่ชั้นไม่มีอะไรจะพูดกับอเนกอีกแล้ว ขอตัวนะคะ”
นรีเดินออกไป แท่น-โทนี่รีบตาม
“เดี๋ยวครับคุณนรี เดี๋ยวๆ”
ทันใด มือถือโทนี่ดัง โทนี่หยิบมือถือมารับสาย
โมกข์เดินโทรศัพท์ออกมาจากห้องอาหารที่อเนกนั่งหงุดหงิดอยู่
“พวกแกอยู่ไหน ทำไมยังไม่ขึ้นมาอีก”
“พวกชั้นอยู่ข้างล่างเนี่ย นรีไม่ยอมขึ้นไป จะกลับให้ได้ รู้แล้ว พยายามอยู่ แต่มันยากเว้ย ไม่เชื่อแกชะโงกหน้ามองมาสิวะ”
โมกข์ชะโงกหน้ามองไป เห็นภาพแท่น-โทนี่กำลังไล่ตามนรีที่จะเดินออกไปให้ได้ แต่แล้วอเนก เดินตามมาข้างๆ แล้วชะโงกมองลงไปด้วย
“นั่นไอ้แท่นกับโทนี่นี่หว่า แล้วผู้หญิงคนนั้น ใคร” อเนกมอง และก็จำได้ “เฮ้ย นี่พวกแกไปพายัยนรีมาเหรอ ไอ้เพื่อนทรยศ”
อเนกจะไป โมกข์รีบโดดไปล็อกคออเนก กอดเอาไว้ รั้งๆ ดันจนอเนกหลังติดรั้ว
“อย่าไปๆ” โมกข์รั้ง ดึงตัวอเนกไว้ “ขอร้อง อยู่คุยกันก่อน นะๆ”
“ไม่ ชั้นไม่คุย ปล่อยชั้น”
“ชั้นให้แกไปไม่ได้” โมกข์ดันจนอเนกถอยไปติดกับขอบกำแพงดาดฟ้า “งั้นก็ช่วยไมได้แล้ว” โมกข์ตัดสินใจ ตะโกนลงไปข้างล่าง เล่นบทบาท “ช่วยด้วย ไอ้อเนก แกอย่าคิดสั้น อย่า แกอย่าโดดลงไป”
“เล่นบ้าอะไรของแก ปล่อย”

“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที”

แท่น โทนี่ เห็นเหตุการณ์จากด้านล่าง ตะลึงงงที่มันกลายเป็นอย่างนี้
 
นรีที่กำลังเดินอยู่ก็ชะงัก เงยหน้ามองตามไป
“เฮ้ย ไอ้อเนกจะโดดตึกเหรอวะ”
“อเนก ไม่ อย่านะ อย่า”
นรีรีบวิ่งเข้าไปในโรงแรมทันที
“นี่มันไม่ได้อยู่ในแผน มันจะโดดจริงหรือหลอกวะเนี่ย”
“ไม่รู้ ตามไปเร็ว”
แท่น โทนี่รีบตามเข้าไป
“อีตาโมกข์ เล่นกันขนาดนี้ โรงแรมชั้นก็พินาศหมดเซ่” ปะการังรีบวิ่งตามไปอีกคน

อเนกพยายามจะถอยออก แต่โมกข์จับเอาไว้ ไม่ยอมให้ออกพ้นขอบกำแพง
“ช่วยด้วยๆ”
“ชั้นไม่ได้จะฆ่าตัวตาย ปล่อยชั้น ปล่อยสิเว้ย”
ทันใด นรีวิ่งเข้ามา
“อเนก” นรีวิ่งเข้าไปกระชากอเนกออกมา ผลักอย่างแรงให้ออกห่างจากขอบกำแพง “คุณจะฆ่าตัวตายทำไม สติยังดีหรือเปล่า เรื่องแค่นี้ถึงกับต้องคิดสั้น คิดเหรอว่าตายไปแล้วมันจะจบปัญหาได้ แล้วอะไรๆ มันจะดีขึ้น”
“เดี๋ยว ไม่ใช่อย่างนั้น”
“คุณทำยังงี้ เท่ากับคุณกำลังจะทำให้ชั้นรู้สึกผิดบาปที่เป็นต้นเหตุให้คุณตาย”
“ใครจะฆ่าตัวตายเพราะคุณ”
“ก็คุณ”
“ผมไม่ได้คิดสั้น ไม่เคยคิดด้วย ทั้งหมดเป็นแผนการของไอ้พวกนี้ ที่มันอยากให้คุณกับผมเจอกัน คุณถูกมันหลอกแล้ว รู้ไว้ด้วย”
“อะไรนะ”
นรีหันมาจ้องแท่นกับโทนี่ ปะการังที่ตามมา
“แหะๆ” แท่นกับโทนี่หัวเราะแหะๆ
นรีหันกลับมาจ้องกับอเนก เผชิญหน้ากัน ต่างคนต่างทิฐิ ไม่ยอมให้กัน
“ไหนๆ ก็มาแล้ว เชิญคุยกันตามสบาย” โมกข์บอก
“ไม่คุย”
นรีกับอเนกพูดออกมาพร้อมกัน แล้วต่างหันหน้าแยกกันไป ทุกคนอึ้ง

อีกมุมของดาดฟ้า นรีกับอเนก ต่างยืนหันไปคนละทาง โมกข์ แท่น โทนี่ ปะการังต่างเหนื่อยใจ โมกข์สะกิดปะการังให้ช่วย ปะการังถอนใจยาว ก้าวออกมา
“คุณนรี คุณยอมรับเถอะว่าคุณยังรักอเนกอยู่ ไม่อย่างนั้น คุณคงไม่ห่วงใย รีบวิ่งขึ้นมาขนาดนี้หรอก”
“แกก็เหมือนกัน ไอ้อเนก แกรู้หรือเปล่าว่าสภาพแกตอนนี้เหมือนคอมโดนไวรัส” โทนี่บอก
“ป่วน เพี้ยน สติตกร่อง คลื่นแทรกคลื่นซ่าส์และน้อยซ์เพียบ” แท่นบอก
“เพราะฉะนั้นแล้ว นั่งลง แล้วก็คุยกันดีๆ ว่าจะเอายังไงกับลูกในท้องของนรี”
ทั้งหมดจับนรีกับอเนกมานั่งประจันกัน แต่อยู่ๆ มัทนีและเอกชเยศร์ก็วิ่งเข้ามา ดึงนรีแยกออก
“ไม่ต้องคุย พี่นรีอย่าหาเรื่องทรมานตัวเองอีกเลย จบแต่เจ็บ ดีกว่าเจ็บแบบไม่รู้จบ” มัทนีบอก
“เหมือนที่พี่ออฟปองศักดิ์ร้องไว้ ถ้ามันจะเจ็บ แล้วมันจะจบ ต้องเจ็บเท่าไรก็ยอม ถ้าค่อยๆ เจ็บ แล้วค่อยๆทรมาน”

อาทิตย์เดินหน้าเครียด ผ่ากลางวงมา
“พวกคุณไม่เกี่ยว ออกมา” อาทิตย์ดึงมัทนีและผลักเอกชเยศร์ออก
“เฮ้ย กล้าผลักชั้นเหรอ หน็อย มัทเล่นมันเลย”
“อ๊ะ อย่านะ ผมพวกเยอะกว่านะ”
แท่น โทนี่ โมกข์ปราดเข้ามายืนขวางเป็นแผง ยังกับอรหันต์ด่านทองคำ
“ที่นี่ถิ่นผม จะทำอะไร คิดดีๆ”
“ชั้นกับพี่นรีเป็นญาติกัน คนที่ไม่เกี่ยวคือพวกนาย ออกไป” มัทนีบอก
“ไม่มีใครในที่นี้เกี่ยวทั้งนั้น เพราะมันเป็นเรื่องของคนสองคน ทุกคนห้ามยุ่ง ปล่อยพวกเค้าคุยและตกลงกันเอง” อาทิตย์บอก
“ชั้นไม่ให้คุย พี่นรีไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมพวกนายหรอก ออกไป”

อาทิตย์ แท่น โทนี่ โมกข์คล้องแขนกันประหนึ่งลูกเสือ
“ไม่ออก”
มัทนีไม่ยอมแพ้ จะเข้าไปให้ได้
“เอก ถ่ายคลิปเอาไว้ เอาให้เห็นหน้าทุกคน นี่ผู้บริหารโรงแรม นี่ผู้บริหารค่ายเพลง นี่เสี่ยโรงงานเครื่องหนัง และทายาทว่านชักมดลูกสูตรคุณนายลิ้นจี่ ถ้ากล้ารุมรังแกผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวก็ลองดู ว่าธุรกิจพวกนายจะเป็นยังไง” มัทนีบอกแล้วจะแหวกทั้งหมดเข้าไปหานรี “พี่นรี กลับบ้าน”
“ยังไงพวกเราก็ไม่ให้ผ่าน”
พวกอาทิตย์ขยับกันเป็นแผง ป้องกันไม่ให้มัทนีเข้าไปได้
“พวกแกเจอประจานแน่”
เอกชเยศร์ถ่ายคลิป ถ่ายเจาะหน้าที่ละคน แท่นฉวยจังหวะเหมาะยกเท้าเตะมือถือของเอกชเยศร์จนกระเด็นไปกระแทกพื้น แตกกระจาย
“อุ๊บ ไม่ได้ตั้งใจ”
“มือถือชั้น! แก แกต้องชดใช้”
เอกชเยศร์โดดเข้าไปตะลุมบอนอีกคน ทั้งหมดวุ่นวายกัน ส่งเสียงเอะอะ
“พอได้แล้ว นี่มันเรื่องของชั้นกับนรี พวกนายไม่เกี่ยว ออกไปให้หมด” อเนกบอกออกมา
“ได้ยินแล้วใช่มั้ย” มัทนีบอก
“เธอด้วยมัท ไม่ต้องมาก้าวก่ายการตัดสินใจของพี่ จะเลิกไม่เลิก พี่จะตัดสินใจเอง ออกไป” นรับอก
“ได้ยินแล้วใช่มั้ย” อาทิตย์บอก มัทนีจ๋อย ขัดใจ “ออกมา”
อาทิตย์คว้ามือลากมัทนีออกไป ส่วนพวกแท่นหิ้วปีกเอาเอกชเยศร์ที่กำลังเก็บเศษมือถืออยู่ ออกไปด้วย เอกชเยศร์โวยวาย
“ซิม ยังไม่ได้เก็บซิมเล้ยย”

ทั้งหมดออกไป นรีหันมาจ้องกับอเนกแบบเป็นไงเป็นไง คุยก็คุย
 
อ่านต่อตอนที่ 6
กำลังโหลดความคิดเห็น