xs
xsm
sm
md
lg

กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 11

มุมหนึ่งในโรงแรมควีนโรส ตะวันผายมือให้ลูกค้าผู้ชายกับผู้หญิงนั่งลง ทั้งหมดนั่งลงด้วยกัน
“รออีกซักครู่นะครับ”
ลูกค้าสองคนพยักหน้า ตะวันดูนาฬิกาข้อมือเห็นว่าห้าโมงกว่าแล้ว

อีกด้านหนึ่งที่ริมถนน เจ้าหน้าที่ประกันยืนอยู่กับโรสริน
“เรียบร้อยแล้วครับ คุณเอาใบเคลมนี้ไปเข้าอู่ได้เลย”
เจ้าหน้าที่ประกันยื่นใบเครมให้โรสริน เธอรับมา เจ้าหน้าที่เดินออกไป เธอเพิ่งนึกได้รีบดูเวลา
“แย่แล้ว” โรสรินหยิบมือถือออกมาจะโทรหาตะวัน “แบตหมด”
โรสรินหน้าแย่มาก รีบขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที

โรสรินรีบเดินเข้ามาในโรงแรมควีนโรสเห็นตะวันนั่งตามลำพัง โรสรินมองหาลูกค้าแต่ไม่เจอก็ชะงัก โล่งอก รีบเดินมาหาตะวัน
“ลูกค้ายังไม่มาเหรอ”
ตะวันลุกขึ้นหันไป
“กลับไปแล้ว”
โรสรินชะงัก
“อ่ะอ้าว”
“ถ้ามาไม่ทัน ก็ควรโทรบอก”
“ฉันจะโทร แต่แบตหมด แล้ว...” กำลังจะพูดต่อแต่ตะวันพูดแทรก
“ช่างเถอะ แก้ตัวไปก็ไม่ช่วยให้ดีขึ้น” โรสรินชะงัก “คุณจะไปไหนมาไหนกับใคร มันเป็นสิทธิ์ของคุณ แต่อย่าทำให้งานเสีย”
ตะวันสีหน้าจริงจังมาก โรสรินไม่พอใจ
“นายฟังฉันก่อนแล้วค่อยโวยได้มั๊ย ที่ฉันมาช้า เพราะ...”
เสียงมือถือตะวันดังขึ้น โรสรินชะงัก ตะวันหยิบมือถือมากดรับสาย
“ครับคุณอุษา” โรสรินตั้งใจฟังทันที “ผมเลิกงานแล้วครับ ได้สิครับ เดี๋ยวผมพาไป”
ตะวันเดินออกไป ทำเหมือนโรสรินไม่มีมีตัวตน โรสรินหัวเสีย

โรสรินเดินฮึดฮัดออกมาสีหน้าไม่เข้าใจ
“ที่กับอุษาล่ะพูดดี ทีกับเราล่ะพูดจาแข็งกระด้าง ฉันไม่เข้าใจนายจริงๆ นายตะวัน”
พีระเดินมาจิ้มหลังโรสรินจากข้างหลัง โรสรินชะงัก
“หยุด นี่คือการปล้น ส่งหัวใจมาซะดีดี”
โรสรินหันไปมองเอือม
“พี”
พีระเดินมายืนตรงหน้าโรสริน
“ทำไมรู้ว่าเป็นพี”
“มีอยู่คนเดียวที่ทำแบบนี้”
พีระยิ้มแหย สังเกตหน้าโรสรินเซ็งๆ
“โรซี่เป็นไร หน้าเครียด”
“เหนื่อยนิดหน่อย”
“ถ้างั้นออกไปหาอะไรอร่อยๆ ทานแก้เครียดกันมั้ย”
โรสรินมองพีระ คิดว่าก็ดีเหมือนกัน เพราะตอนนี้ต้องการใครซักคนเป็นเพื่อน

ภายในร้านขายดอกไม้ในห้าง ตะวันกับอุษาวดียืนอยู่กับเจ้าของร้าน
“เพื่อนคุณตะวันทั้งที ผมต้องลดราคาพิเศษให้อยู่แล้ว จะใช้ดอกไม้อะไร จำนวนเท่าไหร่ บอกผมล่วงหน้าซักห้าหกวัน ผมจะได้เตรียมของทัน”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ ถ้าไงฉันขอดูดอกไม้หน่อยนะคะ”
“ตามสบายครับ”
เจ้าของร้านเดินออกไป อุษาวดีหันไปทางตะวัน
“คุณตะวันว่าอุษาใช้ดอกไม้อะไรดีคะ”
ตะวันพาอุษาวดีไปที่ตู้แช่ดอกไม้
ที่หน้าร้าน ขณะนั้นมีนักข่าวกำลังยกกล้องถ่ายรูปตะวันกับอุษาวดี ตะวันเอาดอกไม้ให้อุษาวดีดู สองคนยิ้มให้กัน ภาพเหมือนตะวันให้ดอกไม้อุษาวดี นักข่าวถ่ายเอาไว้ทุกช๊อต

หลังจากเสร็จธุระที่ร้านดอกไม้แล้ว ตะวันกับอุษาวดีเดินมาด้วยกัน
“ถ้าไม่ได้คุณตะวัน อุษาคงไม่รู้ว่าต้องเริ่มอะไรจากตรงไหน ขอบคุณนะคะ”
“คุณอุษาขอบคุณผมหลายครั้งแล้วนะครับ”
อุษาวดีทำเป็นหัวเราะ
“อุษาไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากคำนี้ เอางี้ดีกว่าค่ะ ให้อุษาเลี้ยงข้าวคุณตะวันเป็นการตอบแทน”
“ไม่ต้องหรอกครับ”
“ไม่ได้ค่ะ คุณตะวันต้องไปทานข้าวกับอุษาตอนนี้ เพราะอุษาหิวแล้ว”

อุษาวดีจับท้องตัวเองทำหน้าเศร้า ตะวันขำ

ในร้านอาหารภายในห้าง โรสรินนั่งเขี่ยข้าวไปมา พีระที่นั่งตรงข้ามมองอย่างแปลกใจ
 
“พีพาโรซี่มาทานข้าวจะได้หายเครียด แต่ทำไมโรซี่ยังทำหน้าเครียดอยู่อีกล่ะจ๊ะ” โรสรินเงยหน้า “หรือว่าไอ้ตะวันมันทำอะไร”
โรสรินยังไม่ทันก็เห็นตะวันกับอุษาวดีเดินเข้ามา โรสรินชะงัก พีระเห็นสีหน้าโรสรินเลยหันไปมองก็เห็นอุษาวดีกับตะวัน พีระแปลกใจว่าทำไมมาด้วยกัน
ตะวันกับอุษาวดี อยู่กับพนักงาน
“ลูกค้ารอที่นั่งซักครู่นะครับ”
“ไปร้านอื่นมั้ยครับ”
อุษาวดีกำลังจะตอบ แต่เหลือบไปเห็นพีระกับโรสริน อุษาวดียิ้มออกมาทันที
“พี่พี” ตะวันหันไปเห็นโรสรินกับพีระก็ผงะ “ไม่ต้องไปร้านอื่นแล้วค่ะคุณตะวัน”
อุษาวดีจับแขนตะวันพาเดินเข้าไปหาพีระกับโรสริน โรสรินเห็นตะวันมากับอุษาวดี เห็นมือที่อุษาวดีเกาะแขนตะวันก็ทำหน้าไม่ถูก รู้สึกไม่พอใจลึกๆ และที่ตะวันยอมทำตามใจ อุษาวดีเพราะอยากมาขัดคอโรสรินกับพีระเช่นกัน
“อุษากับคุณตะวันนั่งด้วยนะ”
“ทำไมต้องมานั่งโต๊ะเดียวกับพี่” พีระไม่พอใจ
“โต๊ะเต็มทั้งร้าน คุณตะวันนั่งข้างพี่พีเลยค่ะ”
อุษาวดีเดินมานั่งข้างโรสริน ตะวันจำต้องนั่งข้างพีระ แต่สายตาจับจ้องไปที่โรสริน โรสรินไม่สนใจตะวัน ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด

พนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟเพิ่ม โรสรินรวบช้อนทันที
“อิ่มแล้วเหรอโรส” อุษาวดีถาม
“อือ อิ่ม อึดอัด” โรสรินเหล่ตะวัน “ทานไรไม่ลง”
ตะวันรู้ว่าโรสรินแขวะก็ฉีกยิ้มหันไปทางอุษาวดีแล้วก็ตักกับข้าวให้
“ทานเยอะๆ นะครับคุณอุษา”
“ขอบคุณค่ะ”
อุษาวดียิ้มให้ตะวัน พีระมองอุษาวดีกับตะวันรู้สึกแปลกใจ ตะวันตักกับข้าวให้อุษาวดีอีกจนเต็มจาน โรสรินมองอย่างขัดใจ
“พอแล้วค่ะ คุณตะวันทานเถอะ”
“ผมต้องให้เกียรติผู้หญิงก่อนครับ”
“น่ารักจังเลยนะคะ นี่ถ้าใครได้คุณตะวันเป็นแฟนคงเป็นผู้หญิงที่โชคดีมาก จริงมั้ยโรส”
“ไม่มีความเห็น”
โรสรินบอกเสียงห้วน

ตะวันมองโรสรินแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
“โรซี่จ๋า ทานขนมมั้ย” พีระถามเสียงหวาน
“ไม่ ไม่อยากทานไรเลี่ยนๆ” โรสรินเหล่ตะวัน ตะวันนิ่ง “ไปที่อื่นกันเถอะพี”
“ไปไหนดีจ๊ะ”
“ฟังเพลง ร้องคาราโอเกะ หรือไปแดนซ์ก็ได้”
“ดูท่าทางคุณอยากไปจากตรงนี้มากเลยนะ” ตะวันถาม
“ใช่ ฉันอยากไปจากตรงนี้ เดี๋ยวนี้! โรสไปรอหน้าร้าน”
โรสรินลุกเดินออกไป ตะวันกัดกรามแน่น อุษาวดีลอบยิ้มพอใจที่เห็นโรสรินหงุดหงิด อุษาวดีหันไปทางพีระ
“เดี๋ยวอุษาจัดการเอง พี่พีรีบไปหาโรสเถอะ ท่าทางจะมู๊ดดี้แล้ว”
“ฝากด้วย”
พีระหันไปมองตะวัน แล้วก็ลุกเดินออกไป ตะวันถอนหายใจ หันมาเจออุษาวดีมองอยู่ก็เลยยิ้มให้ อุษาวดียิ้มตอบ

พีระเดินออกมาหาโรสรินที่ยืนรออยู่
“คิดออกยังจ๊ะว่าจะไปไหน”
“ส่งโรสกลับโรงแรม”
“อ้าว ไม่ไปแดนซ์แล้วเหรอ”
“ไม่”
โรสรินเดินออกไป พีระเริ่มสงสัย เอะใจบางอย่าง

หลังจากทานอาหารเสร็จ ตะวันกับอุษาวดีเดินออกมาที่ลานจอดรถด้วยกัน
“มื้อนี้อุษาอิ่มมากเลยค่ะ อิ่มทั้งท้องอิ่มทั้งใจ” ตะวันยิ้มเจื่อน “คุณตะวันเป็นอะไรรึเปล่าคะ สีหน้าดูไม่ดี”
“เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร ถึงรถคุณอุษาแล้ว” อุษาวดีหยุดที่รถ “ขับรถกลับบ้านดีดีนะครับ”
“ค่ะ”
อุษาวดีเปิดประตูขึ้นรถแล้วขับออกมาได้นิดเดียวก็มีชายฉกรรจ์ 2 คนขับมอเตอร์ไซค์มาปาดหน้าเบรกเอี๊ยดที่หน้ารถ

อุษาวดีเห็นท่าไม่ดีจะถอยหลังหนี จังหวะนั้นคนร้ายพุ่งเข้ามาปิดประตูฝั่งอุษาวดีไว้ไม่ให้ลงจากรถ ในขณะที่คนร้ายอีกคนพุ่งเข้าไปนั่งกับอุษาวดีในรถ แล้วยกมีดขึ้นมาขู่ อุษาวดีหน้าตาตื่นตระหนก
“แกต้องการเงินใช่มั้ย ฉันจะให้ทั้งกระเป๋า แต่อย่าทำอะไรฉัน”
คนร้ายมองอุษาวดีสายตาโลมเลีย แล้วก็แสยะยิ้มร้ายกาจ
“เงินน่ะฉันเอาอยู่แล้ว แต่อยากได้อย่างอื่นนอกจากเงินด้วย”
คนร้ายจับขาอุษาวดีหมับ อุษาวดีตกใจ จะเปิดรถแต่ออกไม่ได้ คนร้ายในรถจับแขนอุษาวดีรั้งเอาไว้
“ถ้าลงจากรถ แกตาย”
“อย่าทำอะไรฉัน ฉันขอร้อง”
คนร้ายอีกคนเคาะกระจกด้านข้างเร่ง
“ทำไรอยู่วะ ได้เงินมาเหรอยัง”
“ได้ทั้งเงินได้ทั้งเจ้าของเงินเลยเว๊ย” คนร้ายหันไปมองอุษาวดี “ขับไป หรืออยากตาย”
อุษาวดีหน้าซีดตัวสั่นขับรถออกไปตามคำสั่ง รถตะวันขับเลี้ยวมาพอดีเห็นคนร้ายอยู่ในรถอุษาวดี

“คุณอุษา”

บนดาดฟ้าห้าง คนร้ายลากอุษาวดีเข้ามาในมุมมืด
 
“เฝ้าต้นทางไว้” คนร้ายสั่งคนร้ายอีกคน
อุษาวดียกมือปัดป้อง ขัดขืน
“ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันขอร้อง ฉันไหว้ล่ะ”
“อยู่เฉยๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว”
คนร้ายจู่โจม อุษาวดีกัดแขน คนร้ายร้องลั่น ตบอุษาวดีเพี๊ยะ เธอแทบสิ้นสติ สถานการณ์ดูเลวร้าย ย่ำแย่ อุษาวดีคิดว่าโดนแน่ๆ น้ำตาไหลพราก

คนร้ายอีกคนเดินกลับมาเฝ้าต้นทาง ทันใดนั้นตะวันพุ่งเข้าชาร์ตสลบเหมือดไป
ขณะนั้นคนร้ายกำลังจะข่มขืนอุษาวดี อุษาวดีสู้ตายแต่ก็หมดหนทางร้องไห้อย่างสิ้นหวัง ทันใดนั้นตะวันเข้ามาเตะคนร้ายหงายไป อุษาวดีเห็นตะวันก็ดีใจมาก
“คุณตะวัน”
คนร้ายยังสู้ แต่โดนตะวันชกหน้าคนร้ายเปรี้ยง คนร้ายหันมามองตะวันตากร้าว
“มึงสาระแนอะไรวะ ผัวเมียเค้าจะจู๋จี๋กัน”
“เมียแกงั้นเหรอ” ตะวันกระชากคอเสื้อคนร้ายเข้ามา “ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนฉัน”
คนร้ายตกใจหน้าตื่น ตะวันชกไปอีกหมัด คนร้ายปัดป้องและสวนคืนตะวันได้บ้าง ก่อนที่ตะวันจะชกคนร้ายกระเด็นไปบนพื้น และจะชักมีดออกมาหันไปทางตะวัน
“คุณตะวันระวังนะคะ”
ตะวันมองคนร้าย คนร้ายพุ่งเข้ามากะจะแทงตะวัน แต่ตะวันหลบทัน เตะแขนคนร้าย ทำให้มีดหล่นลงพื้น ตะวันจัดการคนร้ายไปสามสี่หมัดติดๆ กัน จนคนร้ายมึน ตะวันกำลังจะเข้ามาซ้ำ คนร้ายรีบวิ่งหนี
ตะวันรีบเข้ามาดูอุษาวดี
“คุณอุษา”
อุษาวดีโผเข้ากอดตะวันแน่น ตะวันกอดตอบปลอบใจ

รถตะวันและรถอุษาวดีจอดอยู่ ตะวันเอาน้ำมาให้อุษาวดี
“ดื่มน้ำก่อนครับ”
อุษาวดีรับน้ำมาจากตะวัน ตะวันนั่งลงข้างๆ
“ดีขึ้นเหรอยัง”
“ยังตกใจอยู่นิดหน่อยค่ะ นี่ถ้าคุณตะวันมาช่วยอุษาไม่ทัน อุษาคง...”
อุษาวดีน้ำตาไหล ตะวันเอาผ้าเช็ดหน้าออกมายื่นให้ เธอรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตา
“อย่าคิดมากนะครับคุณอุษา เรื่องร้ายๆ มันผ่านไปแล้ว”
“ค่ะ ผ้าเช็ดหน้าคุณตะวันเปื้อนหมดแล้ว ไว้อุษาจะซักคืนให้นะคะ”
“ครับ”
อุษาวดีมองตะวันแววตาเป็นประกายด้วยความปลาบปลื้ม และประทับใจ

คืนนั้นเมื่ออุษาวดีกลับเข้ามาในบ้าน เจอพีระนั่งรออยู่
“อ้าวพี่พี ยังไม่นอนอีกเหรอ”
“พี่มีเรื่องอยากถาม” อุษาวดีนิ่วหน้า “ใครขับรถตามมาส่ง”
“เอ่อ”
“ทำไมเราถึงมากับนายตะวัน”
“อุษาขอคำปรึกษาคุณตะวันเรื่องจัดงานแต้งกิ้วปาร์ตี้ลูกค้าของเรา”
“แค่นั้นเหรอ?”
“พี่พีอยากรู้อะไร ก็พูดมาตรงๆ ดีกว่า”
“เราชอบนายตะวันจริงๆ ใช่มั้ย”
อุษาวดียิ้มรับ
“ค่ะ อุษาชอบคุณตะวัน”
“หา”
“ไม่สิ ไม่ใช่ชอบ”
“โล่งใจ”
“แต่...”

อุษาวดีนิ่งนึกย้อนกลับไปตอนที่ตะวันช่วยเธอจากคนร้าย ตอนที่เธอกอดตะวัน อุษาวดีมองหน้าพีระแล้วพูดต่อ
“อุษารักคุณตะวันค่ะ”
“ห๊า” พีระตกใจ “พี่บอกให้เราแกล้ง ไม่ได้บอกให้ชอบจริงๆ”
“แต่อุษารักคุณตะวันจริงๆ อุษาก็ไม่เข้าใจว่าตัวเองเริ่มรักคุณตะวันตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ทุกครั้งที่เจอ คุณตะวันทำให้อุษารู้สึกอบอุ่น มันคงจะเป็นรักแรกพบมั้งคะ”
“อย่าเพิ่งมั่นใจนัก คิดให้ดีก่อน”
“บางครั้งความรักมันก็ไม่ต้องใช้เหตุผลอะไรมากไม่ใช่เหรอคะ” พีระอึ้ง
“จริงจังขนาดนี้เลยเหรอ”
“ค่ะ”
พีระมีสีหน้าเป็นห่วงน้อง
“อุษา พี่ไม่อยากให้เธอถลำลึก เพราะพี่ว่านายตะวันชอบโรซี่ จากที่เห็นที่ร้านอาหารวันนี้”
อุษาวดีหน้านิ่งไม่สะทกสะท้าน
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา อุษาจะทำให้คุณตะวันเปลี่ยนใจมาชอบอุษาให้ได้ ส่วนพี่พีก็เร่งทำคะแนนกับโรสซะนะคะ อุษาไปนอนล่ะค่ะ”
อุษาวดีเดินออกไป พีระไม่เข้าใจอุษาวดี

เช้าวันรุ่งขึ้นที่บ้านโรสริน โรสรินเดินหน้าซีดออกมา ณรงค์อ่านหนังสือพิมพ์จิบกาแฟบนโต๊ะอาหาร ณรงค์หันไปทางโรสริน พอเห็นสีหน้าก็ตกใจ
“โรส ทำไมหนูหน้าซีดเป็นไก่ต้มแบบนี้”
“โรสปวดหัวนิดหน่อยค่ะ”
โรสรินหน้าแย่มาก ณรงค์ลุกเดินมาตรงหน้าโรสรินแล้วจับไปที่หน้าผาก แต่แล้วณรงค์ก็ต้องตกใจ
“หนูตัวร้อนนะเนี่ย ปู่ว่าไปหาหมอเถอะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ โรสไม่เป็นอะไรมาก เดี๋ยวทานยาเอา”
โรสรินจะเดินต่อ แต่กลับเวียนหัวจะล้ม เธอรีบจับเก้าอี้เอาไว้ ณรงค์เข้ามาประคองอีกข้าง
“เนี่ยนะไม่เป็นอะไรมาก เดี๋ยวปู่พาไปโรงพยาบาลเอง”
โรสรินพูดไม่ออก รู้สึกเหมือนคนหมดแรง

ที่โรงแรมควีนโรส ตะวันยืนมองโต๊ะที่ว่างเปล่าของโรสริน
“สายป่านนี้ยังไม่มาทำงาน เมื่อคืนคงเที่ยวจนเพลินล่ะสิ”
ตะวันไม่พอใจมาก หยิบมือถือออกมามอง สีหน้าลังเลว่าจะโทรตามโรสรินดีหรือไม่

ภายในห้องตรวจ โรงพยาบาล กิตติทัตนั่งอยู่กับณรงค์และโรสริน
“เกิดจากการพักผ่อนน้อยบวกกับความเครียด ทัตจะให้ยาแก้เครียดไปทาน” กิตติทัตบอก โรสรินพยักหน้า
“แน่ใจนะหมอว่าเป็นแค่นี้ ไม่ใช่โรสเป็นอะไรร้ายแรง แล้วมาปิดบังปู่”
“สภาพร่างกาย เป็นเท่านี้จริงๆ ครับ แต่สภาพจิตใจ อันนี้ผมตอบไม่ได้ คุณปู่คงต้องถามโรสเองนะครับ”
โรสรินชะงัก หน้าถอดสี ณรงค์หันไปมอง โรสรินรีบตัดบทกลัวปู่ซัก
“โรสขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ”

โรสรินลุกเดินออกไป ณรงค์มองตาม สีหน้าเป็นห่วง

โรสรินเดินมาหยุดเศร้า มือถือดังขึ้น เธอหยิบมือถือขึ้นมา เห็นชื่อตะวัน มีลังเลนิดหนึ่ง ก่อนจะกดรับสาย
 
“ฮัลโหล”
ตะวันมีสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“คุณอยู่ไหน ทำไมยังไม่มาทำงาน”
“กำลังจะเข้าไป” โรสรินบอกเสียงเนือยๆ
“บอกมาตรงๆ ว่าเพิ่งตื่นก็ได้” โรสรินชะงัก “คุณควรจะมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ และควรจะรู้เวลา ไม่ใช่เที่ยวเพลิน กลับดึก ทั้งๆ ที่รุ่งขึ้นต้องมาทำงาน”
โรสรินไม่พอใจ
“ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่นายพูด ฉันไม่ได้ตื่นสายและฉันก็ไม่ได้ไปเที่ยวดึกดื่นที่ไหน”
ตะวันนิ่ง แล้วก็เปลี่ยนเรื่อง
“ผมให้เวลาคุณหนึ่งชั่วโมง ผมต้องเห็นคุณที่โต๊ะทำงาน”
ตะวันวางสาย โรสรินวางสายด้วยความน้อยใจ

โรสรินจ้ำเดินมาตามทางในโรงพยาบาล ณรงค์เร่งฝีเท้าเดินตามมา แต่ค่อนข้างทุลักทุเล
“หลานไม่สบาย จะไปทำงานได้ยังไง”
“โรสทานยาเข้าไปแล้ว อีกไม่นานก็ดีขึ้นค่ะ”
“อย่าดื้อได้มั้ย”
“โรสไม่ได้ดื้อค่ะ แต่โรสต้องไป”
โรสรินเดินลิ่วๆ ณรงค์ไม่เข้าใจ

เมื่อถึงโรงแรมควีนโรส โรสรินเปิดประตูจ้ำพรวดเข้ามาในห้องทำงานตะวัน ตะวันลุกขึ้นยืนมองนาฬิกาข้อมือ
“เกินเวลาที่ผมบอกไว้”
“จะหาเรื่องฉันไปถึงไหน”
“ผมไม่ได้หาเรื่อง เวลางานคุณก็ต้องมาทำงาน และต้องทำให้ดี เหมือนที่คุณแบ่งเวลาไปกับนายพีระ หรือหมอทัต”
“นายกำลังดูถูกฉัน”
“ผมไม่ได้ดูถูก ผมพูดตามที่ตาเห็น กลางวันไปกับคนหนึ่ง กลางคืนไปกับอีกคนหนึ่ง เสน่ห์แรงจริงนะ”
“นายตะวัน”
โรสรินจะตบ แต่ตะวันจับแขนเอาไว้ได้ทันก่อนฝ่ามือเธอจะปะทะเข้าที่หน้าของเค้า
“อดทนอยู่กับผมอีกนิด อีกไม่นานผมก็จะไป และคุณก็จะไม่ได้เห็นหน้าผมอีก”
ตะวันมองโรสรินแววตาน้อยใจและเสียใจ โรสรินดึงแขนออกจากมือตะวัน
“ฉันจะอดทนและนับรอวันที่นายจะไปจากที่นี่”
ตะวันเจ็บปวด โรสรินพูดจบก็หันหลังเดินออกไป แต่กลับหน้ามืด โรสรินหยุดเดิน ตะวันมองแปลกใจ ไม่นานเธอก็หมดสติล้มไปบนพื้น ตะวันตกใจมาก รีบเข้ามาดูโรสริน
“โรสริน โรสริน”
ตะวันหน้าแย่มาก

ตะวันประคองโรสรินให้นอนบนโซฟา มองอย่างเป็นห่วง พลันเสียงมือถือดังขึ้น ตะวันหยิบออกมากดรับสาย
“ครับปู่ณรงค์ โรสไม่สบายเหรอครับ”
ตะวันหันไปมองโรสรินสีหน้ารู้สึกผิดที่เข้าใจเธอผิดอย่างแรง

วันเดียวกันนั้นที่ไร่ตะวัน ปิ่นโตสองใบยืนไปตรงหน้าน้ำค้าง น้ำค้าง ชาญ แย้อยู่ด้วยกัน
“นี่ของโปรดของไอ้ตะวัน” ชาญบอก
“เยอะไปป่ะปู่ น้ำค้างจะถือหมดมั้ยเนี่ย”
แย้รีบเสนอหน้า
“ถ้าถือไม่หมด แย้ช่วยถือไปส่งที่กรุงเทพก็ได้นะจ๊ะ”
ชาญเขกหัวแย้
“ไอ้แย้ ข้ารู้ทันหรอกว่าเอ็งจะไปหาผู้หญิง”
“ปู่เนี่ย รู้ใจแย้ทุกทีเบย”
“เดี๋ยวปั๊ดเขกอีกทีดีมั้ย”
“เอาอย่างงี้ น้ำค้างเอาแต่ปิ่นโตนี้ไปก็แล้วกัน”
น้ำค้างหิ้วปิ่นโตสองมือ แล้วก็เดินออกไป

ห้องทำงานตะวันที่โรงแรมควีนโรส ตะวันเอายาดมให้โรสรินดม ไม่นานเธอก็ฟื้น ตะวันดีใจมาก
“โรสริน”
โรสรินมองตะวันงงๆ
“ฉันเป็นอะไร”
“คุณเป็นลม”
โรสรินจะลุกขึ้นนั่ง ตะวันช่วยประคอง โรสรินรีบผละออก
“ไม่ต้อง” โรสรินลุกขึ้น จะเดิน แต่เซอีกครั้ง ตะวันรีบเข้ามาประคองรับเอาไว้แต่เธอขัดขืน “ปล่อย” โรสรินบอก เสียงอ่อนแรง
“ผมไม่ปล่อย ผมไม่รู้ว่าคุณไม่สบาย ผม ผมขอโทษ”
“ถ้าพูดจบแล้วก็ปล่อย ฉันจะได้ไปทำงาน ไม่งั้นเดี๋ยวจะมีคนว่าฉันถนัดแต่ทำเรื่องไร้สาระอีก” ตะวันไม่พูด แต่อุ้มโรสรินขึ้นมา เธอตกใจ “ทำอะไร”
“ผมจะพาคุณไปส่งที่บ้าน”
“ฉันเดินเอง ไม่ต้องอุ้ม”
ตะวันไม่สนใจ อุ้มโรสริน เดินออกไป

ขณะนั้นยุนอากำลังทาปากตรงหน้ากระจกบนโต๊ะ แต่หางตาเห็นบางอย่าง เลยหันไปมองจึงเห็นตะวันอุ้มโรสรินเดินมาตามทาง ยุนอาและพนักงานคนอื่นเหวอมาก ยุนอาเผลอทาปากออกนอกริมฝีปาก แล้วก็หันไปมองตามตะวันกับโรสริน

“เหมือนเจ้าบ่าวอุ้มเจ้าสาวเข้าห้องหอไม่มีผิด ว๊าย เขินอ่ะ” ยุนอาหันมาเห็นตัวเองในกระจกก็ตกใจ “อุต่ะ”

กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 11 (ต่อ)

อุษาวดีแวะมาหาตะวันที่โรงแรมควีนโรส เธอเดินถือถุงขนมยิ้มแย้มมาตามทางเดิน
“คุณตะวันจะชอบขนมที่เราซื้อให้มั้ยนะ”
ยังไม่ทันเดินต่อ อุษาวดีก็เห็นตะวันอุ้มโรสรินเดินออกมาที่ลานจอดรถ อุษาวดีชะงัก
“ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันกลับเองได้” โรสรินโวยวาย
“อยู่เฉยๆ”
อุษาวดีรีบเดินมาหาตะวันกับโรสริน
“คุณตะวัน โรส นี่เกิดอะไรขึ้น”
“คุณโรสไม่สบาย ผมกำลังจะพากลับบ้าน เจอคุณอุษาก็ดีแล้ว ช่วยเปิดรถให้ผมทีนะครับ” ตะวันเดินถึงรถ หยิบกุญแจรถส่งให้อุษาวดี เธอรับมาแบบงง กดรีโมทเปิดล็อครถให้ตะวัน “ช่วยเปิดประตูให้ด้วยครับ” อุษาวดีเอ๋อไปนิดหนึ่ง แล้วก็เปิดประตูด้านข้างคนขับ ตะวันพาโรสรินเข้าไปในรถก่อนจะหันไปทางอุษาวดี “ขอบคุณครับ”
ตะวันเอากุญแจรถคืนจากมืออุษาวดี แล้วก็รีบขึ้นขับออกไป ทิ้งให้อุษาวดียืนงงเพียงลำพัง

เสียงมือถือกิตติทัตดังขึ้น อุษาวดีเป็นคนโทรเข้ามา พยาบาลเป็นคนรับสาย
“สวัสดีค่ะ คุณหมอมีผ่าตัดเลยฝากมือถือเอาไว้ ไม่ทราบจะให้เรียนว่าใครโทรมาคะ”

รถตะวันแล่นมาจอดบ้านโรสริน ตะวันลงจากรถแล้วเปิดประตูฝั่งโรสริน
“ถึงบ้านแล้ว นายกลับไปเถอะ” โรสรินบอก ตะวันไม่พูดอะไร ดึงโรสรินลงจากรถ ทำท่าจะอุ้ม “ไม่ต้อง ฉันเดินเองได้” ตะวันไม่สน อุ้มโรสรินลงจากรถ เธอทำหน้าไม่ถูก “นายตะวัน ฟังไม่รู้เรื่องเหรอไง”
ตะวันพาโรสรินเข้าไปในบ้าน

ตะวันอุ้มโรสรินมาส่งถึงห้องนอน เขมาพาเธอนอนบนเตียง โรสรินรีบผละออกห่าง
“ออกไปได้แล้ว”
ตะวันไม่สนใจคำพูดของโรสริน
“ยาลดไข้อยู่ไหน”
“ฉันไม่ได้เป็นไข้”
ตะวันจับหน้าผากโรสริน
“ตัวร้อนขนาดนี้ ยังบอกไม่เป็นอีก” โรสรินจ๋อย
“ฉันไม่รู้ว่ายาอยู่ไหน”
“นี่บ้านตัวเองรึเปล่าเนี่ย”
“นายตะวัน”
ตะวันถอนใจ แล้วก็เดินออกไป โรสรินมองตามสงสัย

ตะวันเดินถือกะละมังใส่น้ำอุ่นเดินเข้ามา โรสรินที่นอนบนเตียงเห็นตะวันก็แปลกใจมาก
“นึกว่ากลับไปแล้ว”
ตะวันเดินเอากะละมังมาวางบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะนั่งลงบนเตียง หยิบผ้าขนหนูในกะละมังบิดน้ำออกจนผ้าหมาดๆ หันไปจับแขนโรสริน
“ทำอะไร” โรสรินถามอย่างตกใจ
“เช็ดตัว จะได้ช่วยให้ไข้ลด”
“ไม่ต้อง ทำเอง”
“คุณนั่นแหละไม่ต้อง อยู่เฉยๆ”
“ไม่” โรสรินขัดขืน
“ถ้าไม่ยอมดีดี ผมจะจับคุณแก้ผ้าเดี๋ยวนี้”
โรสรินตกใจมาก เลยยอมให้ตะวันเช็ดตัว ตะวันบรรจงเช็ดแขนให้โรสรินทั้งสองข้าง เธอมองตะวันรู้สึกไม่ไว้ใจ แต่ไม่นานแววตาที่มองตะวันก็อ่อนโยนลง
ตะวันเอาผ้าชุบน้ำแล้วบิดให้หมาดอีกครั้ง ก่อนจะหันมาเช็ดหน้าให้โรสริน เช็ดด้วยความนุ่มนวล ตะวันปัดผมที่ตกลงมาปรกหน้าให้โรสริน เธอแอบใจสั่น ตะวันเองก็ใจสั่นไม่แพ้กัน

ที่โรงพยาบาล พยาบาลคนที่รับโทรศัพท์ เดินมาคืนมือถือให้กิตติทัต เขารับมือถือคืนมา
“ขอบคุณนะครับ”
“คุณอุษาวดีโทรหาคุณหมอค่ะ บอกให้คุณหมอโทรกลับ มีเรื่องด่วน”
กิตติทัตกังวลใจเป็นห่วงอุษาวดีทันที

อุษาวดีกำลังคุยโทรศัพท์แกล้งทำน้ำเสียงไม่สบายใจ
“ยัยโรสอาการไม่ดีเลย คุณหมอช่วยไปดูโรสที่บ้านทีนะคะ อุษาเป็นห่วง”
อุษาวดีพูดจบก็ยิ้มสบายใจ

ที่บ้านโรสริน ตะวันห่มผ้าให้โรสรินที่นอนอยู่
“ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว นายกลับไปเถอะ”
“ผมไม่อยู่กับคุณนานหรอก แค่อยากแน่ใจว่าคุณดีขึ้น ผมจะนั่งอยู่ตรงนี้จนกว่าคุณจะหลับ”
ตะวันมองโรสรินแววตาห่วงใย จนเธอรู้สึกได้ และรู้สึกดี ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทั้งคู่หันไปมอง เป็นกิตติทัตที่เปิดประตูเข้ามา ตะวันชะงัก
“คุณตะวัน ผมไม่รู้ว่าคุณอยู่กับโรส”
“ทัตมาอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้ว นายกลับไปทำงานเถอะ” โรสรินบอกตะวัน
ตะวันแอบน้อยใจ แล้วก็ลุกขึ้น เดินออกไป จังหวะที่ผ่านกิตติทัต ตะวันหยุด หันไปมอง
“ฝากดูโรสด้วย”

กิตติทัตพยักหน้า ตะวันออกไปจากห้อง กิตติทัตหันมามองโรสรินที่หน้าเศร้า

ตะวันเดินหน้าเครียดกลับเข้ามาในห้องทำงาน เห็นน้ำค้างนั่งรออยู่
 
“น้ำค้าง”
น้ำค้างหันไปยิ้มให้ตะวัน
ตะวันมองปิ่นโตสองอันบนโต๊ะ
“ปู่ให้น้ำค้างเอาของโปรดมาให้พี่ตะวัน”
“ฝากขอบคุณปู่ด้วย เลยต้องลำบากน้ำค้าง”
“ไม่เป็นไร น้ำค้างเองก็อยากมาหาพี่ตะวัน นี่พี่ตะวันกับพี่โรสได้คุยกันเหรอยัง”
“พี่ไม่คุย ถ้าพี่ทำงานเสร็จ พี่ก็จะกลับไร่”
“พี่ตะวัน”
“น้ำค้างไม่ต้องพูดอะไรอีก พี่ตัดสินใจแล้ว”
ตะวันพูดจบก็หน้าเศร้า น้ำค้างมองพี่ชายด้วยสีหน้าเห็นใจ

น้ำค้างคุยอยู่กับยุนอาอีกมุมหนึ่ง
“พี่โรสไม่สบาย กลับบ้านไปแล้ว”
“ใช่ค่ะ คุณตะวันอุ้มคุณโรสพาไปส่งที่บ้านเลยนะคะ”
น้ำค้างนิ่งฟัง จังหวะนั้นพีระพรวดพราดเข้ามาหายุนอา
“โรซี่ไม่สบาย เป็นอะไรมากรึเปล่า”
“ยุนอาไม่ทราบค่ะ ถ้าคุณพีอยากรู้ คงต้องไปถามคุณตะวัน ยุนอาขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
ยุนอาเดินออกไป พีระหันมาทางน้ำค้าง สีหน้าเอาเรื่อง
“เพราะพี่ชายเธอ ทำให้โรซี่ไม่สบาย”
“อย่ามาหาเรื่องพี่ชายฉัน ฉันว่าเป็นเพราะนายมากกว่า พี่โรสถึงป่วย”
“นี่ยังคิดว่าพี่ชายเธอจะได้ใจโรซี่ไปอีกงั้นเหรอ” น้ำค้างมองหน้าพีระ “เลิกหวังได้แล้ว”
“นายหมายความว่าไง”
“โรซี่เห็นตำตาว่าพี่ชายเธอกับมาลัยมีอะไรกัน เธอยังหวังจะให้โรซี่อภัยให้พี่ชายเธออยู่อีกงั้นเหรอ” น้ำค้างอึ้ง
“นายรู้ได้ไง”
พีระผงะที่หลุดปาก
“เออ คือ ก็ อ่า โรซี่ โรซี่บอกฉันน่ะสิ”

น้ำค้างจ้องหน้า พีระหลบตา
“ไม่จริง พี่โรสไม่ได้เล่าให้นายฟัง บอกฉันมาว่านายรู้ได้ไง”
หน้าตาพีระดูมีพิรุธมาก
“ก็บอกแล้วไงว่าโรซี่บอกฉัน”
“ไม่เชื่อ” พีระเหงื่อตก น้ำค้างนึกขึ้นได้เอง “ฉันรู้แล้ว ที่พี่โรสไม่เห็นคลิป เป็นฝีมือนาย นายเป็นคนลบคลิปทิ้งใช่มั๊ยนายพีระ” พีระหน้าซีด น้ำค้างรู้คำตอบทันที “ฝีมือนายจริงๆ นายทำแบบนี้ทำไม นายทำทำไมห๊ะ”
พีระโพล่งออกไปอย่างสุดทน
“เพราะฉันไม่ต้องการให้โรซี่กับพี่ชายเธอรักกันน่ะสิ ฉันรักโรซี่ รักมาก่อนไอ้ตะวัน ฉันไม่มีทางยอมให้โรซี่ไปรักคนอื่นนอกจากฉัน”
“นายมันเห็นแก่ตัว นายทำให้ตะวันกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาพี่โรส” พีระหัวเราะ
“พูดตอนนี้ ก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว”
น้ำค้างเข้ามาทุบอกพีระ
“คนบ้า นายมันบ้า นายมันชั่ว”
พีระจับแขนน้ำค้าง
“หยุดด่าฉันเดี๋ยวนี้นะ”
“ฉันจะด่า โตแต่ตัว แต่สมองเหมือนเด็ก ไม่สิ บางทีเด็กก็ยังมีความคิดดีกว่านาย”
“ฉันไม่เด็ก” พีระโกรธมาก
“นายน่ะเด็ก”
“ไม่เด็ก”
“เด็ก”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่เด็ก”
“เด็กๆๆ”

พีระโมโหมาก ดึงน้ำค้างมาจูบ น้ำค้างตาโตด้วยความอึ้ง พีระเองก็อึ้งไปเหมือนกัน ทันทีที่ปากประกบกันก็รู้สึกสปาร์คขึ้นมา น้ำค้างได้สติก่อน รีบผลักพีระออกไป พีระมองหน้าน้ำค้าง ใจเต้นโครมคราม แล้วรีบพูดออกไปเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก
“เห็นแล้วนะว่าฉันไม่ใช่เด็ก”
น้ำค้างตบหน้าพีระเพี๊ยะ ด้วยความเสียใจ น้อยใจ พีระหน้าหันไปตามแรงตบ สีหน้าตะลึงงัน น้ำค้างจ้ำเดินออกไปทั้งน้ำตา พีระหันไปมองตามน้ำค้างอย่างรู้สึกผิด
“แกทำอะไรลงไปเนี่ย” พีระบ่นตัวเอง

น้ำค้างหยุดเดิน น้ำตาไหล จับปากตัวเอง ภาพที่พีระที่ดึงเธอเข้ามาจูบยังตราตรึงไม่หาย เธอตัวสั่นเทา รู้สึกสับสน รู้สึกเสียใจ
“อย่าเพิ่งร้องไห้ สิ่งสำคัญที่เราต้องทำตอนนี้ คือไปบอกความจริงกับพี่ตะวัน”
น้ำค้างเช็ดน้ำตา พยายามตั้งสติ แล้วก็เดินออกไป

น้ำค้างรีบมาหาตะวันที่ห้องทำงาน ตะวันมองน้ำค้างสีหน้าตะลึงงันมาก
“นายพีระลบคลิปทิ้ง”
“ใช่ค่ะ นั่นแสดงว่าพี่โรสยังไม่ได้เห็นคลิป”
ตะวันนึกถึงคำพูดอุษาวดีที่บอกว่าโรสรินดูคลิปแล้ว แต่เอามาเป็นข้ออ้างในการอยู่ห่างตะวัน ตะวันสงสัย
“แล้วทำไมคุณอุษา ถึงบอกพี่แบบนั้น”
ตะวันขมวดคิ้ว สีหน้าสงสัยมาก

วันเดียวกันนั้นที่ออฟฟิศพีระ อุษาวดีกำลังดูรูปที่นักข่าวถ่ายเธอกับตะวันที่ร้านดอกไม้สีหน้าพอใจมาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามอง
“รูปชัดดีมาก”
อุษาวดีส่งกล้องคืน พร้อมยื่นซองเงินให้ นักข่าวรับซองเงินมา
“ถ้ามีงานด่วนก็เรียกใช้บริการผมได้อีกนะครับ”
อุษาวดีพยักหน้า หันไปเห็นตะวันเดินมาก็แปลกใจ รีบพูดกับนักข่าว
“รีบหลบไปก่อน” นักข่าวรีบเดินไปหาที่หลบ อุษาวดีรีบเดินมาหาตะวันพร้อมยิ้มแย้ม “คุณตะวัน”
“ว่างอยู่รึเปล่าครับ ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”
“คุณตะวันจะคุยอะไรกับอุษาคะ”
ตะวันหน้าเครียด

“พีระลบคลิปมาลัยทิ้ง” อุษาวดีหน้าถอดสี “ทำให้โรสรินไม่เห็น ทำไมคุณต้องโกหกผม”

อุษาวดีนิ่ง คิด กลืนน้ำลาย
 
“อุษายอมรับว่าอุษาโกหก แต่โกหกแค่เรื่องนี้เท่านั้น ส่วนเรื่องที่บอกว่ายัยโรสอยากให้คุณตะวันไปให้พ้นๆ อุษาไม่ได้โกหก”
“ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไม”
“เพราะอุษาหวังดีกับคุณ” ตะวันนิ่วหน้าไม่เข้าใจ “คุณตะวันคิดดูให้ดี โรสมีทั้งหมอทัต มีทั้งพี่พี โรสไม่มีทางสนใจคุณ อุษาอยากให้คุณตัดใจจากโรส อุษาไม่อยากเห็นคุณตะวันเสียใจ เพราะอุษา อุษารักคุณค่ะคุณตะวัน”
ตะวันอึ้ง ตะลึง อุษาวดีกอดตะวัน นักข่าวเห็น รีบถ่ายรูปอุษาวดีกอดตะวันเอาไว้ ตะวันดึงอุษาวดีให้ออกห่าง
“คุณอุษา”
“อย่าบอกให้อุษาตัดใจเลยนะคะ อุษาอยากขอโอกาสจากคุณจะได้มั้ยคะ”
“ผม ผมขอโทษ แต่คนที่ผมรักมีคนเดียวคือ โรสริน”
อุษาวดีอึ้งสุดๆ ตะวันหันหลังเดินจากไปทันที

อุษาวดียืนอยู่ที่อ่างล้างมือในห้องน้ำ มองตัวเองในกระจก แววตาน้อยใจ เสียใจ กำมือแน่น
“ทำไมนะ ทำไมใครๆ ถึงหลงรักแต่เธอโรสริน”
อุษาวดีตาวาวขึ้นมา

เย็นวันเดียวกันนั้นที่ห้องรับแขกบ้านโรสริน กิตติทัตเอายาให้โรสรินกิน
“โรสรู้สึกดีขึ้นแล้ว ทัตกลับไปดูแลคนไข้เถอะ” โรสรินบอก
“ทัตออกเวรแล้ว ว่าง” กิตติทัตมองโรสรินหยั่งเชิงก่อนจะพูดต่อ “คุณตะวันดูเป็นห่วงโรสมากเลยนะ”
“เหรอ”
“ทัตดูออกว่าคุณตะวันชอบโรส”
“ทัตคงดูผิด ตะวันไม่ได้ชอบโรส เค้าชอบอุษา” กิตติทัตใจหาย รู้สึกแป้วขึ้นมาทันที โรสรินเห็นสีหน้ากิตติทัตก็แปลกใจ “เป็นไร อยู่ๆ หน้าก็ซีด”
“เปล่า”
กิตติทัตฝืนยิ้ม ทำเป็นไม่รู้สึกอะไร โรสรินเอนหัวซบไหล่กิตติทัต
“โรสรู้สึกเหนื่อยจังเลยทัต”
กิตติทัตเอนหัวซบลงบนหัวโรสรินอีกที
“ทัตเองก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน”
ตะวันเห็นกิตติทัตกับโรสรินก็ยืนนิ่งมองด้วยความเสียใจ แล้วก็ตัดสินใจเดินกลับออกไป

เช้าวันรุ่งขึ้น ณรงค์กำลังอ่านหนังสือพิมพ์แล้วก็ผงะที่เห็นภาพแอบถ่ายของตะวันกับอุษาวดี เป็นภาพตะวันยื่นดอกไม้ให้อุษาวดี กับรูปอุษาวดีกอดตะวัน ณรงค์รีบอ่านเนื้อความ
“เซเลบคนสวย อุษาวดี สวีทหวานเวอร์กับชายหนุ่มลึกลับ งานนี้เห็นทีเจ๊ต้องรีบตัดชุดไปงานแต่งซะแว๊ว”
ณรงค์ละสายตาจากหนังสือพิมพ์ตรงหน้า สีหน้าฉงน สงสัย ไม่เข้าใจ
“ทำไมเป็นแบบนี้”
โรสรินเดินออกมา
“มอนิ่งค่ะคุณปู่” ณรงค์หันขวับไปเห็นโรสรินก็ตกใจ รีบเก็บพับหนังสือพิมพ์หน้าที่มีข่าวตะวันกับอุษาวดีแล้ววางบนโต๊ะ โรสรินเดินมานั่ง ณรงค์ยิ้มแฉ่ง จนโรสรินแปลกใจ “ปู่ยิ้มอะไรคะ”
“ปู่ดีใจที่เห็นสีหน้าหนูดีขึ้น” โรสรินหันไปมองหนังสือพิมพ์จะหยิบ ณรงค์โวยลั่น “จะทำอะไร”
โรสรินทำหน้างง
“โรสจะอ่านหนังสือพิมพ์”
“ไม่ต้องอ่าน มันมีแต่ข่าวไร้สาระ อ่านไปก็ปวดหัว”
ณรงค์ขยำๆ จนโรสรินเหวอ
“ปู่ขยำทำไมคะ”
“ปู่จะทิ้ง มันมีแต่ข่าวบ้าๆ บอๆ ข่าวไม่จริง ข่าวที่นั่งเทียนเขียน”

ณรงค์ลุกขึ้น จะเอาหนังสือพิมพ์ไปทิ้ง แต่กลับมีแผ่นหนึ่งร่วงลงมาบนพื้น ณรงค์หันไปมอง จะหยิบ แต่ไม่ทันโรสรินหยิบขึ้นมาก่อน แล้วก็เหลือบเห็นข่าวตะวันกับอุษาวดี โรสรินหน้าเจื่อน ณรงค์เห็นว่าโรสรินเห็นแล้ว จะแย่งคืน
“เอามาให้ปู่”
โรสรินไม่ให้ อ่านเนื้อหาข่าว แล้วก็เงยหน้ามองณรงค์
“เพราะข่าวนี่ใช่มั้ย”
ณรงค์หน้าเสีย รีบแก้ตัวแทนตะวัน
“ข่าวก็คือข่าว หนูอย่าไปเชื่อ”
“ปู่อย่ามาแก้ตัวแทนนายตะวันเลยค่ะ ภาพมันฟ้องชัดเจนว่านายตะวันกับอุษารักกัน ก็ดีเหมือนกันนะคะ เค้าเหมาะสมกันดี”
โรสรินปล่อยหนังสือพิมพ์หน้านั้นลงพื้นก่อนจะเดินออกไปด้วยความเสียใจ ณรงค์เป็นห่วงความรู้สึกของหลาน

ที่บ้านตะวัน ชาญกำลังคุยโทรศัพท์กับณรงค์หน้าเครียด โดยมีอาทิตย์ระบายสีอยู่ใกล้ๆ
“นสพ.ใช่ไหม ข้าเห็นแล้ว เห็นเต็มสองตา แล้วหนูโรสว่าไง”
“ก็เข้าใจว่าตะวันกับหนูอุษารักกันน่ะสิ”
“เข้าใจว่าตะวันกับหนูอุษารักกัน แล้วเอ็งเชื่อไอ้ข่าวนี้รึเปล่า” ชาญย้อนถาม
“ไม่เชื่อ ข้ามั่นใจว่าตะวันรักยัยโรส”

“ก็ยังดีที่เอ็งไม่เชื่อ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไอ้ตะวันมันจริงๆ เรื่องมาลัยยังไม่ทันจาง ก็มาเจอเรื่องหนูอุษาอีกแล้ว”

น้ำค้างยืนอยู่ กำมือแน่นสีหน้าโกรธ ชาญวางสายหันมาเห็นน้ำค้าง
 
“น้ำค้างรู้ว่าข่าวนี่เป็นฝีมือใคร”
อาทิตย์หันมามองน้ำค้าง
“ใคร” ชาญถาม
“นายพีระ น้ำค้างจะไปเอาเรื่องมัน”
ชาญรีบเดินมาขวาง
“หนูแน่ใจได้ยังไง”
“ก็มีไอ้หมอนั่นคนเดียวที่คอยขัดขวางพี่โรสกับพี่ตะวัน ถ้าไม่ใช่เค้า แล้วจะเป็นใครคะปู่”
“ใจเย็น ฟังปู่ก่อน เราไม่มีหลักฐาน เราไปเอาเรื่องเค้าไม่ได้หรอกลูก เชื่อปู่ ทำใจร่มๆ ไว้ก่อนนะ”
น้ำค้างนิ่ง ชาญตบบ่าน้ำค้างเพื่อให้เย็นลง อาทิตย์มองสงสัย

นอกตัวบ้านตะวัน แย้กำลังล้างรถบรรทุกขนาดเล็ก พลางร้องเพลงที่แต่งเอง
“ยุนอาจ๋า ฉันคิดถึงเธอ ซารังเฮโย อยากเจอทุกวัน ทุกวินาที อยากให้เธอมาอยู่ตรงนี้”
แย้หันไปเห็นน้ำค้างยืนหน้าง้ำก็สะดุ้งตกใจ
“เอากุญแจรถมา”
“เอาไปทำไม”
“น้ำค้างบอกให้เอามา เร็ว”
“น้ำค้างจะไปไหน”
“ไม่ต้องยุ่ง”
“ไม่ยุ่งไม่ได้ ขืนปู่รู้มีหวังพี่แย้โดนเอาตาย”
“แต่ถ้าพี่แย้ยังขัดขวางน้ำค้างอยู่ พี่แย้ก็จะตายเหมือนกัน” น้ำค้างหน้าเอาเรื่องมาก จนแย้ฝ่อ แล้วแย้ก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อมองไปที่ข้างหลังน้ำค้าง น้ำค้างหันไปเห็นอาทิตย์ยืนอยู่ก็ตกใจ “อาทิตย์”
“พี่น้ำค้าง ให้พี่แย้ขับรถให้เถอะ ขับรถคนเดียวอันตราย”
น้ำค้างพยักหน้ายิ้มโล่งใจ
“อาทิตย์อย่าบอกปู่นะ นะ” อาทิตย์พยักหน้า “ขอบใจมากนะอาทิตย์” น้ำค้างหันไปทางแย้ “ไปเร็วเข้าแย้”
น้ำค้างกับแย้รีบขึ้นรถ แย้ขับรถออกไป

ชาญและอาทิตย์กินข้าวต้มตอนเช้ากันอยู่ อึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหยุดตรงหน้าชาญ
“ปู่จ๋าปู่ ปู่”
“ทำหน้าหยั่งกับรถหาย”
“ปู่รู้ได้ไง รถส่งของหายไปจริงๆ”
อาทิตย์กลืนน้ำลายเอื๊อก
“ห๊ะ แล้วมันหายไปไหนได้ยังไง”
“ปู่ถามฉัน แล้วฉันจะรู้มั้ย” ชาญนึกได้
“นี่น้ำค้างอยู่ไหน”
“ปู่ถามฉัน แล้วฉันจะรู้มั้ย”
ชาญหน้าเสีย คิดเอาไว้ว่าใช่...ต้องใช่แน่ๆ อาทิตย์ลุกขึ้น จะย่องออกไป แต่ชาญหันมาเห็น ชาญมองอาทิตย์สงสัย
“อาทิตย์” อาทิตย์สะดุ้งโหยงพร้อมกับหันมา “เรารู้ใช่มั้ยว่าน้ำค้างไปไหน”
อาทิตย์ยิ้มแหย ชาญจ้องหน้าเอาเรื่อง

ภายในรถ แย้ขับรถ น้ำค้างนั่งข้างๆ สีหน้ามุ่งมั่นเอาจริง เสียงมือถือน้ำค้างดังขึ้น น้ำค้างเห็นชื่อปู่ก็กดรับสาย
“ค่ะปู่”
ชาญยืนอยู่กับอึ่ง อาทิตย์ใช้มือถือชาญคุยกับน้ำค้าง
“ปู่รู้แล้วครับพี่น้ำค้าง”
น้ำค้างหน้าซีด ชาญเอามือถือจากอาทิตย์มาคุย
“กลับมาเดี๋ยวนี้”
“ไม่ค่ะ น้ำค้างไม่กลับ”
“ทำไมเราถึงได้ดื้อแบบนี้ห๊ะ ปู่บอกแล้วไงว่าเราไม่มีหลักฐาน เราทำอะไรเค้าไม่ได้”
น้ำค้างตัดสินใจตัดสายและปิดเครื่อง
“ขอโทษนะคะปู่”
“ฮัลโหลน้ำค้าง ฮัลโหล” ชาญกดโทรไปหาน้ำค้างอีกครั้ง แต่ติดต่อไม่ได้แล้ว “เวรเวรเวร เวรแล้วไง”
ชาญหันขวับมองอาทิตย์
“อาทิตย์ขอโทษ” อาทิตย์คอตก

ตะวันยังอยู่ที่ห้องพักในโรงแรมควีนโรสขณะคุยโทรศัพท์กับชาญ
“น้ำค้างมาเอาเรื่องนายพีระ ทำไมครับ” ตะวันฟัง แล้วตกใจ “มีข่าวผมกับอุษาลงหนังสือพิมพ์ มันไม่ใช่นะครับปู่”
“ข้ารู้ว่ามันไม่จริง แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญไม่ใช่เรื่องนี้ เอ็งรีบไปห้ามน้องสาวเอ็งก่อนเถอะ”
ตะวันมีสีหน้ากังวลใจ

ภายในโรงแรมควีนโรส โรสรินเดินมาเจออุษาวดียืนอยู่ ก็หยุดเดิน อุษาวดีหันมาเห็นโรสรินก็ยิ้มแย้มเดินมาหา
“มาหานายตะวัน”
อุษาวดีทำเป็นลำบากใจ
“เห็นข่าวแล้วเหรอ” โรสรินพยักหน้า “เธออย่าเข้าใจผิดนะโรส ฉันกับคุณตะวัน เออ” อุษาวดีทำเป็นพูดอึกอักเพื่อให้โรสรินเชื่อว่าเธอกับตะวันรักกันจริงๆ “เออ ไม่ได้มีอะไรกัน”
“เธอจะมีอะไรก็ไม่มีอะไรกับนายตะวัน มันก็เรื่องของเธอ”
“เธอโกรธฉันเหรอโรส”
“ทำไมฉันต้องโกรธ”
“ก็ เธอ เธอชอบคุณตะวัน”
“อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ชอบเค้า”
อุษาวดีลอบยิ้มพอใจ แล้วก็หันมาถอนหายใจ
“ได้ยินแบบนี้ ฉันก็สบายใจ” อุษาวดีเปิดกระเป๋าหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา “ฝากคืนให้คุณตะวันหน่อยนะ” โรสรินนิ่ง “เมื่อวานฉันปากเลอะ เค้าก็เลยเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดปากให้”
โรสรินแอบสะอึก
“ทำไมไม่คืนเค้าเอง”
“ฉันไม่อยากกวนเวลาคุณตะวัน แล้วอีกอย่างฉันต้องรีบกลับไปประชุม”
โรสรินจำต้องรับผ้าเช็ดหน้ามาถือไว้
“ขอบใจนะโรส” โรสรินพยักหน้า อุษาวดีทำเป็นลังเล “โรส เธอไม่โกรธฉันจริงๆ นะ ถ้าหากว่าฉันกับคุณตะวันคิดที่จะคบกัน”
โรสรินใจแป้วทันที แต่ฝืนทำหน้านิ่ง
“อือ”

อุษาวดียิ้มดีใจ แล้วก็หันหลังยิ้มมุมปาก เดินออกไป โรสรินเศร้ามาก

กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 11 (ต่อ)

ตะวันเดินออกมาเจออุษาวดีที่ลานจอดรถก็ดีใจมาก

“คุณอุษา”
อุษาวดีหันมา
“คุณตะวัน”
“เจอคุณก็ดีแล้ว ช่วยพาผมไปที่บริษัทคุณที”
“ไปบริษัทอุษา ไปทำไมคะ”
“รีบไปก่อนเถอะครับ ผมจะเล่าให้ฟังในรถ”
ตะวันจับแขนอุษาวดีเดินออกไปด้วยกัน โรสรินเห็นตะวันกับอุษาวดีก็ยิ่งทำให้เข้าใจผิดไปกันใหญ่

แย้ขับรถบรรทุกขนาดเล็กมาจอดตรงทางเข้าออฟฟิศพีระ น้ำค้างนั่งข้างๆ รปภ.เดินมาหาแย้
“มาหาใครครับ”
“นายเยอะ” น้ำค้างบอก รปภ.งง “เออ ฉันหมายถึง นายพีระ”
“มาหาคุณพีระทำไม”
“ไม่ใช่เรื่องของลุง” น้ำค้างจะเข้า รปภ.ขวาง
“งั้นผมก็ให้คุณเข้าไปไม่ได้”
“เค้าก็ทำตามหน้าที่” แย้บอก น้ำค้างหันขวับ
“งั้นพี่แย้ก็ควรทำหน้าที่ของพี่แย้”
“หน้าที่คือ”
น้ำค้างส่งซิกให้แย้หลอกล่อรปภ. แย้ทำเป็นตกใจ ชี้ไปนอกตึก
“นั่นโจรหรือเปล่า” รปภ.ไม่เชื่อ
“หลอกเด็ก ไอ้อ้วน”
“อ้าว ขึ้นเลย น้ำค้างลุย”
“เข้าไปไม่ได้” รปภ.ขวางไม่ยอมให้เข้า แย้จับรปภ.ไว้

น้ำค้างเปิดประตูห้องทำงานพีระเข้ามา พอเห็นพีระก็ตรงเข้าใส่ทันที พีระเห็นน้ำค้างก็งงว่ามาได้ไง
“น้ำค้าง”
รปภ.รีบตามมากับแย้
“ผมห้ามไม่ให้เขาเข้ามาแล้วนะครับ”
“ไม่เป็นไร เพื่อนผมเอง” แย้เข้ามาลาก รภป.ออกไป พีระหันมายิ้มให้น้ำค้าง “มาได้ไง”
“คนเลว” พีระหุบยิ้มแทบไม่ทัน “นายให้น้องสาวนายทำแบบนั้นใช่มั้ย” พีระงง
“พูดเรื่องอะไร”
“ไม่ต้องมาตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่อง ถ้าไม่ใช่จอมวางแผนอย่างนายเป็นคนคิด แล้วจะเป็นใคร”
“เดี๋ยวก่อนน้ำค้าง ฉันไม่เข้าใจที่เธอพูดจริงๆ”
“โอ๊ย นายนี่มัน...ฉันไม่รู้จะหาสรรหาคำอะไรมาด่านายแล้ว เอาเป็นว่าขอให้นายรู้ไว้ว่าฉันจะไม่มีวันยอมให้นายหรือน้องสาวของนาย มาทำอะไรพี่ชายฉันอีก”
น้ำค้างพูดจบก็กระทืบเท้าจ้ำเดินออกไป พีระไม่เข้าใจ รีบเดินตามน้ำค้างไปทันที

ตะวันขับรถมาจอดที่ลานจอดรถของออฟฟิศพีระ อุษาวดีกับตะวันมีท่าทีอึดอัด อุษาวดีตัดสินใจจะลงจากรถ ตะวันพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ผมเห็นข่าวแล้วนะครับ”
อุษาวดีชะงัก หันมา แกล้งทำเป็นรู้สึกผิด
“ที่เมื่อเช้าอุษาไปที่โรงแรม ก็อยากจะไปคุยกับคุณตะวันเรื่องนี้แหละค่ะ อุษารู้สึกแย่มากกับข่าวที่เกิดขึ้น”
ตะวันนิ่วหน้า
“ผมไม่เข้าใจว่าเค้าเขียนข่าวแบบนั้นได้ยังไง ผมจะฟ้อง” อุษาวดีตกใจ
“อย่านะคะ” ตะวันชะงัก “เออ คือ ถ้าคุณตะวันฟ้อง มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ แล้วอีกอย่างในเมื่อเราไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวเค้าเขียน ก็อย่าไปเดือดร้อนดีกว่านะคะ เดี๋ยวข่าวก็เงียบไปเอง” ตะวันคิดตาม “เชื่ออุษานะ”
ตะวันเป็นห่วงความรู้สึกโรสริน
“แต่โรสริน...”
อุษาวดีรีบตัดบท
“เรารีบเข้าไปหาน้องสาวคุณดีกว่าค่ะ”
อุษาวดีเดินลงจากรถไปทันที ตะวันเครียดก่อนตามลงไปด้วยความเป็นห่วงน้ำค้าง

พีระตามมาคว้าแขนน้ำค้างเอาไว้ได้ทัน น้ำค้างกับแย้หันไป
“น้ำค้าง ฉันรู้ว่าเธอโกรธฉัน ฉันไม่ตั้งใจที่จะจูบเธอ”
น้ำค้างชะงัก แย้ช็อก
“จูบ”
ตะวันกับอุษาวดีเดินมาได้ยินพอดี
“จูบเหรอ” พีระ น้ำค้าง แย้หันไปมองตะวัน ตะวันเดินเข้ามาต่อยพีระเปรี้ยง พีระหน้าหัน น้ำค้าง อุษาวดี แย้ตกใจ “คุณทำกับน้องสาวผมแบบนี้ได้ไง” ตะวันจะเอาเรื่อง น้ำค้างรีบห้าม
“อย่าค่ะพี่ตะวัน น้ำค้างไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่เป็นอะไรได้ไง มันจูบน้ำค้าง”
“หยุดพูดได้แล้ว น้ำค้างอายเค้า กลับกันเถอะค่ะ”
ตะวันมองพีระเอาเรื่อง น้ำค้างดึงตะวันให้เดินออกไป แย้รีบตาม อุษาวดีหันไปมองพีระ

พีระดูภาพข่าวตะวันกับอุษาวดีจากไอแพด ก็อึ้ง ก่อนจะเงยหน้ามองอุษาวดี
“นี่มันอะไร”
“ข่าวก็เขียนชัดเจนแล้ว พี่พียังสงสัยอะไรอีก”
“เธอกับนายตะวันเพิ่งรู้จักกันได้เท่าไหร่ แล้วจะเป็นแฟนกันได้ยังไง มันเป็นแผนของเธอใช่มั๊ย”
อุษาวดีนิ่งไปซักพัก เชิดหน้ายอมรับ
“ใช่ค่ะ อุษาบอกพี่พีแล้วว่าอุษารักคุณตะวัน อุษาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าคุณตะวันเป็นของอุษา อุษาผิดตรงไหน”
“การที่เธอจะรักใครซักคน มันไม่ผิด แต่มันผิดตรงวิธีการของเธอ”
“พี่พีอย่ามาตำหนิอุษา เพราะอุษาเรียนรู้แผนพวกนี้มาจากพี่พี” พีระอึ้ง อุษานึกได้ “อ้ออีกอย่าง ถ้าพี่พีจะชอบน้องสาวคุณตะวัน ก็ดีนะคะ อุษาจะได้สนิทกับคุณตะวันมากขึ้น”

พีระพูดไม่ออก อุษาวดีหันหลังเดินออกไป พีระถอนหายใจด้วยความกลุ้ม

ตะวันหันมาทางน้ำค้างกับแย้ สีหน้าไม่สบอารมณ์ แย้ก้มหน้างุด จ๋อยมาก
“นายพีระทำกับเราแบบนั้นได้ยังไง ทำตอนไหน เมื่อไหร่”
“น้ำค้างไม่อยากพูดถึง มันเป็นฝันร้าย”
“น้ำค้าง”
“นี่ไม่ใช่เวลาที่พี่ตะวันจะมาซักน้ำค้างนะคะ พูดเรื่องพี่ตะวันก่อนเถอะ” ตะวันชะงัก “ป่านนี้พี่โรสไม่เข้าใจพี่ตะวันผิดไปแล้วเหรอ”
ตะวันคิดตามน้ำค้างแล้วก็เริ่มกังวล

โรสรินเจอตะวันที่หน้าห้องทำงาน เธอยื่นผ้าเช็ดหน้าออกไปตรงหน้าตะวัน
“อุษาฝากคืนให้นาย”
ตะวันรับผ้าเช็ดหน้ามา
“โรสริน เรื่องข่าว”
“ฉันไม่อยากรู้”
โรสรินพูดจบก็เดินออกไป ทิ้งให้ตะวันยืนอึ้งไปพักหนึ่ง แล้วก็เดินตามโรสรินไปติดๆ
“โรสริน” โรสรินหันขวับ
“บอกแล้วไงว่าไม่อยากรู้”
“แต่คุณต้องรู้ว่าข่าวนั่นไม่ใช่ความจริง ผมกับคุณอุษาไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ที่จะพูดมีแค่นี้ใช่มั้ย ฉันจะได้ไปทำงานต่อ อ้อ อีกอย่าง วันนี้เรามีนัดคุยกับลูกค้า ฉันจะตามไปเจอที่ร้านเลย”
โรสรินพูดจบก็เดินออกไป ตะวันเซ็ง

อีกด้านหนึ่งที่โรงพยาบาล กิตติทัตมองภาพข่าวตะวันกับอุษาวดีก็รู้สึกเศร้าสลดทันที ระหว่างนั้นอุษาวดีเดินถือถุงขนมมายืนตรงหน้ากิตติทัต กิตติทัตหันไปเห็นอุษาวดียิ้มให้
“นี่เราคิดถึงเค้ามากจนเห็นเค้าตรงหน้าเลยเหรอ”
กิตติทัคพึมพำออกมา อุษาวดีแปลกใจว่ากิตติทัตพึมพำอะไร ก็เอามือเคาะโต๊ะ
“หมอคะ”
กิตติทัตสะดุ้งที่เป็นอุษาวดีตัวจริง
“คุณอุษาจริงๆ เหรอครับ”
“ก็จริงน่ะสิคะ อุษานั่งด้วยนะ”
“ครับครับ คุณอุษาไม่สบายเหรอครับ”
“เปล่าค่ะ อุษามาหาหมอ” กิตติทัตนิ่วหน้า อุษาวดีเอาถุงขนมขึ้นมาวางบนโต๊ะ “ซื้อเค้กเจ้าอร่อยมาฝากค่ะ”
“ขอบคุณนะครับ”

อุษาวดียิ้ม แล้วสายตาก็เหลือบเห็นหนังสือพิมพ์ หน้าที่มีข่าวเธอกับตะวัน กิตติทัตก้มมองตามสายตาของเธอ แล้วก็หันไปมองหน้าอุษาวดีอีกครั้ง
“มันเป็นความจริงเหรอครับ”
“ถ้าจริงล่ะคะ”
กิตติทัตหน้าเจื่อนแต่ฝืนยิ้ม
“ผมก็ขอแสดงความยินดีด้วย คุณตะวันเป็นคนดีคนหนึ่ง”
“ขอบคุณค่ะ”
กิตติทัตคิดนิดหนึ่ง
“คราวหลังไม่ต้องซื้ออะไรมาให้ผมเพื่อชดเชยเรื่องพี่ชายคุณหรอกนะครับ”
อุษาวดีชะงัก
“หมอรู้?” กิตติทัตพยักหน้า “ไม่ได้หรอกค่ะ พี่พีทำผิดกับคุณหมอ อุษาในฐานะน้องสาว ก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย”
“ผมไม่ได้โกรธพี่ชายคุณ กรุณาอย่าทำแบบนี้อีก มันทำให้ผมลำบากใจ ทางที่ดี ถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่ต้องเจอกันอีกดีกว่า”
“ไหนว่าไม่โกรธ”
“ไม่โกรธจริงๆ ครับ ยิ่งกับคุณ ผมก็ยิ่งไม่มีวันโกรธ ขอตัวไปทำงานนะครับ”
กิตติทัตลุกเดินออกไป โดยไม่หยิบถุงขนมไปด้วย อุษาวดีมองตามไม่เข้าใจ
กิตติทัตเดินออกมาในสวนของโรงพยาบาล ทิ้งตัวลงนั่งที่ม้านั่ง สีหน้าเศร้าสร้อย

ลานจอดรถของโรงแรมควีนโรส โรสรินสตาร์ทรถ แต่ยังไม่ทันออก ตะวันเปิดประตูเข้ามานั่ง โรสรินผงะ
“เข้ามาทำไม”
“จะเอารถไปทำไมสองคัน มันเปลืองน้ำมัน” โรสรินยังนิ่ง “ออกรถสิ เดี๋ยวไปไม่ทันนัด”
โรสรินเซ็ง แต่จำต้องไป เพราะเรื่องงาน

โรสรินขับรถไปตามถนนโดยมีตะวันนั่งข้างๆ ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไรกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด ตะวันลอบมองโรสริน แล้วก็หันหน้าไปทางอื่น โรสรินลอบมองตะวัน แล้วก็หันหน้าไปทางอื่น
ไม่นานทั้งคู่หันมามองหน้าพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างสะดุ้ง รีบหันไปอีกทาง แล้วตะวันก็ทนไม่ไหว
“คุณจะบึ้งตึงกับผมอีกนานมั้ย”
“ฉันไม่ได้เป็นไร”
“คุณรู้ตัวรึเปล่าว่าคุณเป็นคนที่โกหกไม่เนียนเอาซะเลย”
“ใช่สิ ใครจะโกหกเก่งเหมือนนาย โกหกว่าไม่ได้มีอะไรกับมาลัย โกหกว่าไม่ได้มีอะไรกับอุษา แล้วคิดจะโกหกอะไรอีก” ตะวันอึ้ง
“คุณไม่เชื่อใจผมเลยใช่มั้ยโรสริน”
“ใช่”

ตะวันหันไปทางอื่นแววตาเสียใจที่โรสรินไม่ไว้ใจเค้าเลย โรสรินเองก็เสียใจไม่แพ้กัน

ในร้านกาแฟ ตะวันกับโรสรินนั่งอยู่กับว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาว
“การ์ดแต่งงานจะเสร็จภายในวันพรุ่งนี้นะครับ”
ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวสีหน้าพอใจมาก
“คุณสองคนเตรียมรูปกันมาแล้วใช่มั้ยคะ”
“ค่ะ”
ว่าที่เจ้าสาวหยิบซองรูปออกมา วางไปตรงหน้าโรสรินกับตะวัน โรสรินกับตะวันยื่นมือมาจับซองพร้อมกัน ทำให้มือจับกัน ทั้งสองคนชะงัก รีบดึงมือออก ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวมองโรสรินกับตะวันสงสัย
“คุณดูสิ” ตะวันบอก โรสรินหยิบซองมาเปิด เอารูปออกมาวาง
“เรามาเลือกรูปทำพรีเซนต์เทชั่นกันดีกว่าค่ะ”

โรสรินเอารูปวางๆ ไว้บนโต๊ะ ทั้งหมดช่วยกันดู ตะวันกับโรสรินหยิบรูปเดียวกันอีก
“รูปนี้มั้ยครับ / คะ”
สองคนชะงักที่พูดพร้อมกันอีก ว่าที่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวอมยิ้ม
“ถ้าคุณสองคนแต่งงานกันเมื่อไหร่ เชิญพวกเราด้วยนะคะ”
โรสรินกับตะวันเหวอ โรสรินรีบปฏิเสธกันพัลวัน
“เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ”
“อ้าว คุณสองคนไม่ได้เป็นแฟนกันเหรอครับ”
“ไม่ใช่ค่ะ เราไม่ได้เป็นแฟนกัน”
“อุ่ย ขอโทษทีค่ะ นึกว่าคุณสองคนรักกัน เห็นใจตรงกันไปหมดทุกอย่าง”
“เราไม่ได้รักกันค่ะ”
ตะวันแอบจุก เจ็บ กับคำพูดของโรสริน
“ใช่ครับ เราไม่ได้รักกัน คุณโรสรินเค้ามีแฟนแล้ว ถ้าแฟนเค้าได้ยิน จะมาแหกอกผม” ตะวันพูดเหมือนย้ำกับตัวเอง โรสรินนิ่วหน้าไม่พอใจ
“ใช่ค่ะ คุณตะวันก็มีแฟนแล้ว โรสเองก็ไม่อยากถูกแฟนเค้ามาแหกอกเหมือนกัน”
ตะวันหันไปมองโรสริน โรสรินเชิดใส่

โรสรินเดินออกมาจากร้าน ตะวันเดินตามมา โรสรินสุดทนหันไป ทำให้ตะวันที่เดินตามมาเกือบชน
“นายว่าใครเป็นแฟนฉัน”
“หมอทัตไง หรือว่าผมพูดผิด”
โรสรินประชดซะเลย
“ใช่ นายพูดไม่ผิด ทัตเป็นแฟนฉัน” ตะวันอึ้ง ใจแป้ว โรสรินเดินไป ตะวันจะเดินตาม โรสรินหันกลับมา “ส่วนนาย ก็ให้แฟนนายมารับกลับก็แล้วกัน”
โรสรินเดินออกไปทันที ตะวันเหวอ ถอนหายใจอย่างแรงด้วยความหัวเสีย

เย็นวันนั้นที่ไร่ตะวัน น้ำค้างอยู่กับชาญ แย้ อาทิตย์
“น้ำค้างจะขอไปอยู่กับไอ้ตะวันที่กรุงเทพ”
“ค่ะ ตอนนี้พี่ตะวันกำลังโดนมารผจญ ทั้งนายพีระ ทั้งคุณอุษา น้ำค้างต้องไปช่วยพี่ตะวันค่ะ”
แย้คิดนิดหนึ่ง แล้วก็นึกอะไรออก แย้รีบพูด
“แต่น้ำค้างไปคนเดียว มันอันตราย เพราะน้ำค้างดันไปด่านายพีระเอาไว้ซะเยอะ แถมลูกพี่ยังไปต่อยหน้ามันอีก แย้หวั่นใจว่านายนั่นจะมาเอาคืน”
ชาญตกใจ
“เรื่องมันถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ”
“ก็ใช่น่ะสิปู่ แล้วแบบนี้จะให้น้ำค้างไปคนเดียวได้ยังไง๊ ปู่ว่ามะ”
“ห่วงน้ำค้าง หรืออยากไปหาพี่ยุนอากันแน่”
“อยากไปหายุนอา” แย้เผลอตอบ แล้วตกใจ “เฮ้ย ไม่ใช่ๆ เป็นห่วงน้ำค้าง”
แย้หันไปถลึงตาใส่อึ่ง อึ่งทำไม่รู้ไม่ชี้
“ไอ้แย้มันก็พูดถูก ถ้างั้น ก็ให้ไอ้แย้ไปด้วย” แย้ยิ้มดีใจ “แต่...” แย้หุบยิ้มแทบไม่ทัน “ถ้าหลานสาวข้ามีรอยบุบสลายแค่เพียงปลายนิ้วก้อย เอ็งโดนข้าเตะตกระเบียงแน่”
แย้รีบหลบหลังอาทิตย์
“เวย”
อาทิตย์เข้ามาจับแขนน้ำค้าง
“ฝากบอกพี่ตะวันว่าสู้ๆ นะครับ”
น้ำค้างลูบหัวอาทิตย์ ทอดถอนใจด้วยความกังวลอย่างไม่รู้ว่าต้องไปเจออะไรบ้าง

เช้าวันรุ่งขึ้นที่โรงแรมควีนโรส ยุนอาเดินนำตะวัน น้ำค้าง แย้เข้าในห้องสูท
“ท่านประธานเปิดห้องนี้ให้ทุกท่านอยู่ค่ะ” แย้ตะลึง
“ว้าวๆ ไม่นึกไม่ฝันว่าเราจะมีวันนี้” แย้หันไปจับมือยุนอา “วันที่เราจะได้เข้าห้องหอด้วยกัน”
ยุนอาดึงมือออก
“คนบ้า พูดจาอะไรก็ไม่รู้ เค้าอายนะ”
แย้ยิ้มกริ่ม
“ฝากขอบคุณคุณปู่ณรงค์ด้วยนะ”
“ค่ะ เชิญตามสบายนะคะ ยุนอาขอตัว อันยอง”
“สองยองได้ป่ะจ๊ะ”

ยุนอาค้อนแย้ขวับแล้วก็เดินออกไป แย้หันมามองห้องอีกครั้ง
“สวรรค์ชัดๆ” แย้เห็นมีห้องนอน 2 ห้อง แย้ตรงไปห้องหนึ่ง “แย้นอนห้องนี้นะจ๊ะ”
“แกนอนตรงนี้” ตะวันชี้ที่โซฟา “ไม่ต้องมาทำเนียนเลยไอ้แย้”
“อุ่ย” แย้เดินกลับมา “ว้า จับได้ซะแหละ”
ตะวันกับน้ำค้างหัวเราะ
“พี่ตะวันไปทำงานเถอะค่ะ น้ำค้างกับแย้ดูแลตัวเองได้”
“จ๊ะ”
ตะวันเดินออกไป แย้กระโดดนั่งที่โซฟา แล้วก็ล้มตัวลงนอน
“สบายจังเลยเว๊ย”
“แย้ ลุกขึ้น”
แย้ลุกขึ้นนั่ง
“ไปไหน”
น้ำค้างยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์

น้ำค้างกับแย้เดินคุยกันมาตามทางเดินในโรงแรมควีนโรส
“น้ำค้างจะหาจุดอ่อนของนายพีระให้เจอ และจะใช้เป็นข้อต่อรองไม่ให้นายนั่นมายุ่งกับพี่โรส”
“ไม่นึกว่าน้ำค้างจะคิดแผนชั่วกับเค้าเป็นด้วย”
น้ำค้างหยุดเดินหันมามอง แย้รีบปิดปาก รู้ตัวว่าไม่ควรพูด
“อุ่ย” แย้รีบกลับคำพูด “พี่แย้บอกว่าเป็นแผนที่ไม่มั่ว เป็นแผนที่ดีม๊ากมาก”
“ไม่ต้องมาแก้ตัว”
แย้รีบเปลี่ยนเรื่องกลัวโดนด่า
“เอ้อ ว่าแต่ว่าเราจะไปทั้งแบบนี้น่ะเหรอ”
“ใช่น่ะสิ ทำไม”
“ไปแบบนี้ เค้าก็จำน้ำค้างจำแย้ได้สิ งานนี้เราต้องปลอมตัว”

น้ำค้างมองแย้สงสัย

ที่หน้าห้องทำงานตะวัน ตะวันมองน้ำค้างกับแย้สงสัย
“จะยืมรถพี่ไปทำอะไร”
“ซื้อของน่ะจ๊ะ น้ำค้างลืมเอาของใช้ส่วนตัวมา”
ตะวันพยักหน้าอย่างไม่ติดใจสงสัยอะไร แล้วก็เอากุญแจรถในกระเป๋ากางเกงส่งให้น้ำค้าง น้ำค้างรับมา
“ขับรถดีดีล่ะไอ้แย้”
“ครับพ้ม”
ไม่นานโรสรินเดินมา น้ำค้างกับแย้หันไปเห็น โรสรินยิ้มดีใจ
“น้ำค้าง”

น้ำค้างโผเข้ากอดโรสริน
“พี่โรส”
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เมื่อเช้าค่ะ”
“แล้วรีบกลับมั้ย พี่เลิกงานแล้วไปทานข้าวกัน”
“ไม่รีบค่ะ เพราะน้ำค้างจะมาอยู่กับพี่ตะวันที่นี่”
“ก็ดีสิ เราจะได้เจอกันบ่อยๆ” น้ำค้างยิ้มรับ
“ไงน้ำค้างไปก่อนนะคะ ไปนะคะพี่ตะวัน”
ตะวันพยักหน้า น้ำค้างกับแย้เดินออกไป ตะวันกับโรสรินทำหน้ากันไม่ถูก ระหว่างนั้นเสียงมือถือตะวันดังขึ้น เขาหยิบมือถือออกมากดรับสาย
“ฮัลโหล ว่าไงนะครับ” โรสรินมองตะวันสงสัย “ของเสียหายหมดเลย”
ตะวันวางสาย
“เกิดอะไรขึ้น”
“ร้านที่ทำของชำร่วยให้เราไฟไหม้ ของพังหมด”
“ห๊ะ แล้วเราจะทำยังไงดี”
“เราต้องช่วยกันหาที่ใหม่”
โรสรินพยักหน้า ตะวันเครียด

รถตะวันจอดอยู่หน้าออฟฟิศพีระ แย้อยู่ในชุดช่างทำยืนเท่ห์แต่เหงื่อแตกพลั่ก
“เข้ามาหลบในรถเดี๋ยวนายพีระก็เห็นเข้าหรอก”
น้ำค้างบอก เธอกับแย้ปลอมตัวใส่ชุดเหมือนพวกช่าง เป็นชุดหมีสีน้ำเงิน ใส่หมวกแก๊ป ใส่แว่นดำ นั่งอยู่ในรถ แย้เหงื่อแตกพลั่กๆ
“เมื่อไหร่นายพีระจะออกมา อยู่ในรถตั้งนานแล้ว แย้จะกลายเป็นหมูหันแล้ว”
“ต้องอดทน”
แย้ถึงกับปาดเหงื่อ ไม่นานพีระออกมาจากออฟฟิศ น้ำค้างจำได้
“นายพีระ เตรียมตัว”
แย้รีบสตาร์ทรถแล้วขับตามรถพีระไปทันที

ตะวันกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงาน
“ขอบคุณครับ” ตะวันหน้าตาไม่สู้ดี หันไปทางโรสรินที่นั่งอยู่อีกมุม โรสรินวางโทรศัพท์ “มีที่ไหนทำให้เราได้บ้างมั๊ย”
“ไม่มี ของนายล่ะ”
“ไม่มีเหมือนกัน”
“แล้วถ้าเกิดไม่มีที่ไหนทำของชำร่วยให้เราได้ทัน จะทำไง”
ตะวันคิดนิดหนึ่ง
“เราคงต้องทำเอง”
ตะวันหันไปมองโรสริน โรสรินอึ้ง

พีระเดินมาตามทางในห้าง น้ำค้างกับแย้สะกดรอยตามมาติดๆ เห็นพีระเข้าไปในร้านอาหาร น้ำค้างกับแย้หาที่หลบและแอบมอง
ในร้านอาหาร พีระเดินไปหาสาวสวย 2 คนที่นั่งรออยู่
“นัดสาวทีเดียว 2 คนเลยเหรอ”
“สาวอึ๋มสบึมเอ็กซ์อย่างนี้ ต้องชวนกันหนึ่ง สอง ซั่ม แน่นอน”
“พี่แย้นับเลขทำไม”
“ไม่ได้นับ พี่หมายถึง ซั่ม แบบเอ่อ...”
น้ำค้างเก็ท อาย ตีแย้
“พี่แย้ พูดอะไรน่าเกลียด”
มือก็ตีไป แต่ใจน้ำค้างแอบแปล๊บๆ เหมือนกัน น้ำค้างและแย้จับตามองกันต่อ สิ่งที่เห็นคือ พีระจับมือสองสาว
“นั่นไง จับมือกันแล้ว”
น้ำค้างหึงปรี๊ดไม่รู้ตัว เธอหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายคลิปเอาไว้ มือสั่นด้วยความโกรธ

ในร้าน สาวสวยลุกขึ้นเต้นเด้งหน้าเด้งหลัง พีระลุกขึ้นเด้งหน้าเด้งหลังตาม
“อ๊าย มียั่วๆ” น้ำค้างกำมือแน่น
“ตบมือข้างเดียวไม่ดังจริงๆ” น้ำค้างบอก
ในร้านสองสาวโผเข้าหอมแก้มพีระ
“2 ต่อ 1 แหม น่าอิจฉาเจงๆ” น้ำค้างตะลึงตาโต มือจิกที่แขนแย้ “โอ๊ย น้ำค้างจิกแขนพี่แย้ทำไม”
น้ำค้างรู้ตัวรีบปล่อยมือ
“ขอโทษ” น้ำค้างหันไปด่าพีระ “ผู้ชายเจ้าชู้ หลายใจ นิสัยไม่ดี เลวที่สุด”
“นี่น้ำค้างไม่พอใจแทนคุณโรส หรือหึงเอง” แย้ถามอย่างสงสัย น้ำค้างหน้าถอดสีหันขวับ
“ฉันจะหึงนายนั่นทำไม ฉันกับเค้าไม่ได้เป็นอะไรกัน” น้ำค้างดูคลิปในมือถือ “นายเสร็จแน่นายพีระ พี่โรสจะได้รู้ธาตุแท้ของนายซักที”
ในร้าน พีระพูดคุย หัวเราะกับผู้หญิงอย่างสนุกสนาน น้ำค้างหน้ามุ่ยไม่พอใจอย่างแรง

กุหลาบร้ายของนายตะวัน ตอนที่ 11 (ต่อ)

ภายในโรงแรมควีนโรส ที่ห้องจัดงานซึ่งยังดูโล่งๆ คนงานขนลังกระดาษใส่ขวดแก้วเล็กๆ เข้ามาวางบนพื้น ตามมาด้วยคนงานที่ขนขวดใส่น้ำผึ้งเดินตามมา

“วางไว้ตรงนี้เลยครับ” ตะวันบอก
คนงานวางของเสร็จก็เดินออกไป สวนทางกับโรสรินที่เข้ามาพร้อมกับกระดาษปึกหนึ่ง
“ฉันพริ้นท์ชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวเสร็จแล้ว”
“เอาน้ำผึ้งใส่ขวดก่อน แล้วค่อยแปะชื่อ”
โรสรินพยักหน้า ตะวันกับโรสรินช่วยกันเอาขวดแก้วออกมาวาง

ลูกค้าในร้านอาหารหนึ่งกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย แย้พุ่งเข้ามาเกาะกระจกน้ำลายไหลพลั่กๆ หิวมาก น้ำค้างรีบมาดึงออกไป
“มัวแต่ทำอะไรอยู่พี่แย้ ให้มาเฝ้านายพีระนะ”
“พี่แย้ว่าเราหาไรกินกันก่อนดีมั้ย ไม่ได้กินไรมาตั้งแต่เช้าแล้ว แย้หิว”
“อดทนไว้ก่อน เดี๋ยวจะตามนายพีระไม่ทัน”
ไม่นานพีระออกมาจากร้านอาหารพร้อมสองสาว น้ำค้างและแย้รีบหลบก่อนโผล่ออกมามองตามพีระไป
“จะไปไหน”
“โรงแรมแน่ๆ”
น้ำค้างพุ่งตามออกไปทันที แย้ตาลายเพราะความหิว
“แต่กินก่อนดีม๊าย”

น้ำค้างกับแย้แอบตามพีระมาแล้วน้ำค้างก็ต้องแปลกใจเพราะมันคือบ้านพักคนชรา
“ไหนพี่แย้ว่าโรงแรม”
แย้กลัวเสียฟอร์ม
“แหม ไม่อยากเชื่อเลยว่านายพีระลากสาวๆ มา เอ่อ ที่นี่ แบบว่าโชว์คนแก่ไง โอ๊ย บัดสีสุดๆ”
น้ำค้างไม่ค่อยจะเชื่อ
“จริงเหรอ”

ภายในโรงอาหารของบ้านพักคนชรา พีระเต้นเพลงขอใจแลกเบอร์โทรกับคุณตาคุณยายอย่างเมามัน สองสาวทั้งร้องทั้งเต้นสุดฤทธิ์ น้ำค้างกับแย้ย่องเข้ามาแอบมอง แย้ถึงกับงง
“มันทำอะไรน่ะ”
น้ำค้างเห็นพีระเต้นท่าตลกๆ ก็อดขำและมองอย่างเอ็นดูไม่ได้ จังหวะนั้นลุงคนหนึ่งที่กำลังเต้นอย่างเมามันหันมาเห็นแย้ จึงพุ่งเข้ามาลากแย้ไปเต้นด้วย น้ำค้างคว้าไม่ทัน
“พี่แย้ เดี๋ยวนายพีระเห็น”
“เอ่อ ผมเต้นไม่เป็น”
“ไม่เต้นไม่ได้ ไม่เต้นลุงร้องไห้นะ” แย้ตกใจ
“เต้นครับเต้น”
แย้เต้น น้ำค้างส่ายหัวทั้งขำแย้ ทั้งกลัวพีระเห็น
“เต้นแรงอีก ไม่แรงลุงร้องไห้นะ”
“แรงครับ แรงได้อีกครับ”
แย้เต้นแรงขึ้นๆ จนตาลายเวียนหัว สักพักแย้ทรุดพรวดลงไปกองกับพื้น ทุกคนตกใจ
“พี่แย้” น้ำค้างพุ่งเข้าไปหาแย้

พีระ คุณตา คุณยาย เจ้าหน้าที่หันขวับไปทางน้ำค้างกับแย้เพราะได้ยินเสียง พีระมองไปที่น้ำค้างรู้สึกคุ้นๆ
น้ำค้างพยายามปลุกแย้
“แย้ แย้ฟื้นสิ แย้”
พีระเดินเข้ามาเห็นด้านหลังน้ำค้าง
“มีอะไรให้ผมช่วยมั๊ยครับ” น้ำค้างตกใจที่ได้ยินเสียงพีระ ไม่กล้าหันไปสบตา น้ำค้างพยายามจะประคองแย้ให้ขึ้นมา แต่แย้ไม่ขยับเพราะตัวหนักมาก พีระเห็นท่าไม่ดีเข้ามาช่วย “ผมช่วยดีกว่า”
ทันทีที่เข้ามา พีระเห็นหน้าแย้ก็ตกใจ
“แย้”
น้ำค้างหน้าเสีย พีระหันไป น้ำค้างก้มหน้างุด พีระเอะใจ มองหน้า น้ำค้างรีบหันไปทางอื่น พีระดักมองซ้ายขวา สุดท้ายหน้าน้ำค้างหันมาชนกับพีระเต็มๆ
“น้ำค้าง”

น้ำค้างตกใจที่พีระรู้แต่ยังปฏิเสธ แกล้งดัดเสียงใหญ่
“ทักคนผิดแล้ว”
พีระถอดหมวกกับแว่นดำออกมา น้ำค้างหมดหนทาง จำต้องหันมา พีระมองน้ำค้างสงสัย
“เข้ามาทำอะไรที่นี่”
“เออ มา มาทำธุระ”
“ธุระอะไร”
“ธุระส่วนตัว”
“โกหก เธอตามฉันมาใช่มั้ย”
“อย่ามาตู่นะ”
“ถ้าไม่ใช่ แล้วทำไมถึงต้องปลอมตัวแบบนี้” น้ำค้างหน้าซีด
“ปลอมตัวบ้าอะไร ฉันก็แค่อยากเปลี่ยนสไตล์” พีระอ้าปากจะโวย แต่น้ำค้างไม่รอช้าย่อตัวลงไปปลุกแย้ทันที
“พี่แย้ ฟื้นสิ พี่แย้”
“ผมว่าพาไปโรงพยาบาลเถอะ ท่าทางไม่ค่อยดี”
น้ำค้างหันไปมองพีระ

“ผมช่วยเอง”

พีระและน้ำค้างเข้ามาประคองแย้ แต่จังหวะนั้นมือพีระและมือน้ำค้างจับกันที่ด้านหลังแย้ ทั้งสองตกใจมองหน้ากัน ก่อนผงะปล่อยมือ แย้ร่วงโครมลงไปอีกที
“โอ๊ย”
น้ำค้างตกใจหันไปโวยพีระ
“ยืนอยู่ทำไม ช่วยกันพาแย้ไปโรงพยาบาลสิ”
ทั้งสองลงประคองแย้อีกครั้ง แย้กุมหัวที่ล้มโครมไปเมื่อกี้
“ไม่ต้องไปโรงพยาบาลแล้ว แย้ไม่ต้องการหมอ แย้ต้องการข้าว แย้เป็นลม”
“เป็นลม”
แย้พยักหน้าหงึกหงัก
“แย้หิว”

แย้กินอย่างมูมมามด้วยความหิว สองสาวที่มากับพีระกำลังป้อนแย้อย่างเอาใจ ลุงป้าตะลึงแย้ที่กินอย่างกับพายุ
“เบา ไอ้หนู เดี๋ยวติดคอตาย”
“สบายมากครับ อ้อ ขอบคุณลุงป้ามากนะครับที่เอาข้าวมาเลี้ยงแย้”
“อ้ำ”
“อ้ำ”
แย้กินอย่างมีความสุขมาก

น้ำค้างนั่งรอแย้อยู่ที่มุมหนึ่ง พีระนั่งห่างออกไป พีระเอาแต่มองน้ำค้างเพราะยังรู้สึกผิดเรื่องจูบ พีระตัดสินใจขยับมาใกล้น้ำค้าง เธอจะลุกเดินหนี แต่พีระคว้าแขนเอาไว้
“ฉันขอโทษเรื่องนั้น” น้ำค้างชะงัก รู้ว่าเรื่องไหน “เรื่องจู... (จูบ) คือ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันทำไปเพราะอารมณ์โกรธ”
น้ำค้างแอบเสียใจ น้อยใจ
“ฉันลืมไปแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องนี้อีก”
“แต่เธอโกรธฉัน” น้ำค้างเมินหน้าไปทางอื่น “เธอถึงได้สะรอยตามฉัน เพราะต้องการหาทางเอาคืนฉันใช่มั๊ย”
น้ำค้างหันมา
“สำคัญตัวผิดไปแล้ว ที่ฉันตามนาย เพราะต้องการเห็นว่านายทำอะไรเลวๆ ไว้บ้างและฉันจะได้เอาไปให้พี่โรสดู สุดท้ายฉันก็ได้รู้ว่านายมีผู้หญิงคนอื่นนอกจากพี่โรส”
พีระนิ่วหน้า
“ผู้หญิงคนอื่น ใคร”

“ก็สองสาวอึ๋มสบึมเอ็กซ์นั่นไง” น้ำค้างเอามือถือออกมา “ฉันถ่ายคลิปเอาไว้แล้ว อย่าปฏิเสธ”
“เธอเข้าใจผิด”
“ไม่ผิด ทั้งกอดทั้งจับมือ”
“เออ แล้วยังเด้งหน้าเด้งหลังกันด้วยใช่ไหม” พีระบอก น้ำค้างอายแทน
“ว๊าย ยังกล้ามาพูด คนบ้า”
“ฉันว่าเธอนั่นแหละบ้า คิดเองเออเอง ดูละครน้ำเน่าเยอะไปป่าว”
“หมายความว่าไงที่บอกว่าฉันคิดเองเออเอง”
พีระถอนหายใจเอือม

พีระเล่าเหตุการณ์ในร้านอาหารกับสองสาวให้น้ำค้างฟัง
“เสี่ยพีเนี่ยนะจะไปเลี้ยงข้าวคนชรา กิ๊ฟหูฝาดหรือเปล่าคะ” กิ๊ฟ หนึ่งในสองสาวบอก
“ไม่ฝาด เสี่ยถึงอยากจ้างให้กิ๊ฟกับพายไก่ไปช่วยเอ็นเตอร์เทนคุณลุงคุณป้าหน่อย ไหนๆ ทั้งคู่ก็เป็นนักร้องอยู่แล้วนี่”
“ในผับน่ะโอเค แต่เอ็นเตอร์เทนบ้านพักคนชรา พายไก่ขอตัวดีกว่า”
พีระจับมือหมับทั้งสองคน
“เสี่ยขอร้องล่ะก็รู้อยู่ไม่ใช่เหรอว่าเสียงเสี่ยมันฟังได้ที่ไหน”
“เป็ดเทศยังร้องเพราะกว่า”
“ไม่ต้องย้ำสิจ๊ะ นะ น้า”
สองสาวมองหน้ากัน
“งั้นเสี่ยต้องเป็นแดนเซอร์ให้เรานะ”
“เสี่ยเนี่ยนะ”
“เต้นตามเราก็ได้”
กิ๊ฟร้องเพลงขอใจแลกเบอร์โทร พายไก่ลุกเต้นเด้งหน้าเด้งหลัง พีระลุกเต้นเด้งหน้าหลังตาม กิ๊ฟขำดีใจลุกขึ้นเต้นด้วย
“มันต้องอย่างนี้สิคะเสี่ย”
กิ๊ฟโผกอดพีระ พายไก่กอดพีระและหอมแก้มด้วย พีระเขิน

ปัจจุบัน น้ำค้างเหวอมากหลังจากรู้ความจริง พูดไม่ออก แต่ยังแก้ตัว
“แหม ใครๆ ก็อ้างได้ทั้งนั้น โกหกรึป่าวก็ไม่รู้”
เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาหาพีระ
“ขอบคุณคุณพีระมากนะคะสำหรับอาหารกลางวัน และที่สำคัญอุตส่าห์หานักร้องมาสร้างความสุขให้ที่นี่ คุณตาคุณยายสนุกกันมากเลยค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากมาที่นี่นานแล้ว เพิ่งจะมีโอกาส ต่อไปนี้ผมจะมาเลี้ยงอาหารคุณตาคุณยายทุกอาทิตย์นะครับ”
“ขอบคุณมากนะคะ” เจ้าหน้าที่เดินออกไป พีระหันมาถามน้ำค้าง
“นี่ไง ฉันยังโกหกอยู่หรือเปล่า”
“ก็ ก็”

“ทำไมเธอต้องกีดกันฉันกับโรซี่ขนาดนี้”
พีระถามเข้าประเด็น
“ก็เพราะพี่โรสต้องรักกับพี่ตะวันเท่านั้น เค้าสองคนรักกัน”
“เธอรู้ได้ไงว่าโรซี่รักพี่ชายเธอ”
“รู้ก็แล้วกัน”
“ฉันไม่เชื่อ เพราะฉันไม่เคยได้ยินโรซี่บอกว่ารักนายตะวัน”
“แสดงว่าถ้านายได้ยินพี่โรสบอกว่ารักพี่ตะวัน นายจะเลิกยุ่งกับพี่โรสใช่ป่ะ”
พีระยืนนิ่งไปซักพัก แล้วก็พยักหน้า
“ใช่ ฉันจะเลิกยุ่งกับโรซี่ทันที”

น้ำค้างกับพีระมองหน้ากัน

ทางด้านโรสรินและตะวัน โรสรินเอาสลิ๊งดูดน้ำผึ้งออกมาจากขวดแล้วฉีดใส่ลงไปในขวดแก้วเล็กๆ แต่ฉีดแรงไปหน่อย น้ำผึ้งหกล้นออกมาจากขวด
“ว้าย”
ตะวันหันไปมอง โรสรินพยายามเช็ด แต่ยิ่งเช็ดยิ่งเลอะ ตะวันละจากงานที่ทำ เข้ามาช่วย เห็นโรสรินมือเลอะทั้งสองข้าง เห็นน้ำผึ้งกระเด็นไปอยู่ที่แก้มโรสริน
“เลอะหมดแล้ว”
“แป๊บนะ”
ตะวันดึงกระดาษทิชชู่ เอาน้ำเปล่าเทใส่กระดาษ ก่อนจะเอามาเช็ดมือให้โรสริน เธอชะงัก
“ฉันเช็ดเอง”
“มือเลอะขนาดนี้ จะเช็ดเองได้ยังไง”
ตะวันบรรจงเช็ดมือให้โรสริน โรสรินมองตะวันอย่างรู้สึกดี ตะวันเช็ดเสร็จ เงยหน้าขึ้นมา
“เสร็จแล้ว”

ตะวันชะงักที่โรสรินมองเค้าอยู่ เธอรีบดึงมือออก ตะวันเห็นน้ำผึ้งบนแก้มโรสริน ก็มอง โรสรินหันมาเห็นตะวันมองก็แปลกใจ
“มองอะไร” ตะวันชี้ที่หน้าตัวเอง “บ้า”
ตะวันตกใจ
“ด่าผมทำไม”
“แค่นี้ก็ต้อง” โรสรินอึกอัก “ต้องให้หอมขอบคุณ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“คิดมากไปรึเปล่า ใครให้คุณหอม ผมชี้ที่แก้ม เพราะมีน้ำผึ้งติดอยู่ที่แก้มของคุณ” โรสรินชะงัก ยกมือเช็ดที่แก้ม มีน้ำผึ้งจริงๆ “แล้วก็เลิกย้ำได้แล้วว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมรู้ตัวดี”
ตะวันผละออกไปทำงานต่อ โรสรินมองตะวันรู้สึกอาย

ที่ลานจอดรถ บ้านพักคนชรา แย้เรอดังเอื๊อก ก่อนขึ้นไปสตาร์ทรถตะวัน แต่ไม่ติด แย้ตะโกนบอกน้ำค้างกับพีระ
“รถสตาร์ทไม่ติด”
“แล้วทำไมต้องมาเป็นที่นี่ด้วยเนี่ย”
“พวกเธอจะไปไหน ฉันไปส่ง”
“ไม่” แย้พูดพร้อมกับน้ำค้าง
“โรงแรมควีนโรสครับ” น้ำค้างผงะ “ตอนนี้ผมกับน้ำค้างย้ายมาอยู่กับลูกพี่ตะวัน”
น้ำค้างกระซิบกับแย้
“จะไปบอกเค้าทำไม”
แย้เหวอ น้ำค้างหันไปมองพีระ

ขวดแก้วใส่น้ำผึ้งวางเรียงรายกันจำนวนมาก โรสรินใช้คัตเตอร์ตัดกระดาษที่เป็นชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาว แต่ทำพลาด คัตเตอร์บาดมือ
“โอ๊ย”
ตะวันหันมาเห็นโรสรินนิ้วเลือดออกก็ตกใจ รีบพุ่งเข้ามาจับมือ แล้วเอากระดาษซับเลือดให้
“ทำไมถึงไม่ระวัง”
โรสรินจะดึงมือออก
“ไม่ต้องมายุ่ง”
“อย่าดื้อ”
“ปล่อย”

ตะวันดึงโรสรินเข้ามา เธอไปตามแรงกระชากทำให้จมูกชนกับจมูกตะวัน ทั้งคู่ชะงักกัน ระหว่างนั้นอุษาวดีเดินมาเห็นพอดีก็ชะงัก กำมือแน่นไม่พอใจ แต่แสร้งทำหน้ายิ้ม
“คุณตะวัน โรส” โรสรินกับตะวันรีบผละออกจากกัน แล้วหันไปมองอุษาวดี “ทำอะไรกันอยู่”
“ทำของชำร่วยน่ะ”
“น่าสนุกดี ฉันช่วยนะ”
“เธอช่วยตะวันไปก่อนแล้วกัน ฉันขอไปห้องน้ำก่อน”
โรสรินรีบเดินออกไป ตะวันมองตาม อุษาวดีเดินมาข้างๆ
“ให้อุษาทำอะไรดีคะ”
ตะวันได้สติหันไปยิ้มให้อุษาวดี
โรสรินกำลังล้างแผลอยู่ในห้องน้ำ หน้าสลดเมื่อคิดถึงตะวันกับอุษาวดี

พีระ น้ำค้าง แย้เดินเข้ามาในล็อบบี้โรงแรมด้วยกัน
“รถพี่ชายเธอ ฉันจะให้คนมาซ่อม และมาส่งให้ที่นี่” พีระบอก
“ไม่ต้อง ฉันจะบอกให้พี่ตะวันจัดการ นายกลับไปได้แล้ว”
“ฉันจะไปหาโรสก่อน แล้วค่อยกลับ” น้ำค้างหน้าตึง แย้มองน้ำค้างสงสัย ไม่นานโรสรินเดินออกมา พีระเห็น
“โรซี่”
น้ำค้างกับแย้หันไปมอง โรสรินหันมาพอดี พีระเดินเข้าไปหา น้ำค้างกับแย้รีบตามไปด้วย โรสรินมองพีระสลับกับน้ำค้างและแย้
“ทำไมมาด้วยกัน”
“บังเอิญเจอกันหน้าโรงแรมค่ะ” น้ำค้างรีบบอก พีระหันไปมองน้ำค้าง “พี่ตะวันอยู่ไหนคะพี่โรส”
โรสรินหันไปมองน้ำค้าง

ภายในห้องจัดงาน ตะวันเอาชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวแปะที่ขวด อุษาวดีมองๆ ตะวัน พยายามหาเรื่องคุย หยิบขวดน้ำผึ้งขึ้นมาดม
“น้ำผึ้งนี่หอมดีจังเลยนะคะ”
“ครับ”
“อุษากินได้มั้ยคะ”
“ได้ครับ” ตะวันหยิบขวดน้ำผึ้งยื่นให้อุษาวดี “ขวดนี้เกินครับ คุณอุษาทานได้เลย”
อุษาวดีเอานิ้วก้อยจิ้มลงในน้ำผึ้ง แล้วเอาขึ้นมาดูด
“หวานอร่อยมากเลย คุณตะวันลองทานดูมั้ยคะ”
ตะวันมองอุษาวดียังไม่ทันตอบ โรสรินเดินนำพีระ น้ำค้าง แย้เข้ามา แต่โรสรินสะดุด พีระเห็นก็รีบเข้าไปประคองกอดเอวเอาไว้ น้ำค้างอึ้ง หน้าเจื่อนจนแย้สังเกตเห็น

ตะวันหันไปเห็นพีระกอดเอวโรสรินพอดีก็หัวเสีย โมโหหึงขึ้น หันไปทางอุษาวดีแล้วยิ้ม
“คุณอุษาป้อนผมได้มั้ย”
“ค่ะ”
อุษาวดีเอานิ้วจิ้มน้ำผึ้งในขวด แล้วยื่นไปตรงหน้าตะวัน โรสริน พีระ น้ำค้าง แย้หันไปมาเห็นตะวันดูดนิ้วอุษาวดี อุษาวดียิ้มเขิน โรสรินอึ้งมาก พีระชะงัก น้ำค้างกับแย้ผงะกับภาพตรงหน้า พีระหันไปเห็นแววตาเสียใจของโรสรินก็ใจแป้วมาก น้ำค้างโพล่งออกมา
“พี่ตะวัน”
ตะวันกับอุษาวดีหันไป ตะวันทำเป็นเพิ่งเห็น
“อ้าวน้ำค้าง คุณพีระ”
“พี่พี”
“เธออยู่ช่วยนายตะวันทีนะ” โรสรินบอกอุษาวดีแล้วควงแขนพีระ “เราไปกันเถอะพี”

โรสรินดึงพีระให้เดินออกไป น้ำค้างหันไปมองตะวันไม่พอใจอย่างแรง

โรสรินเดินควงพีระมาตามทางแต่หน้าเศร้า พีระหยุดเดิน โรสรินหยุด และหันไป พีระหันมา
 
“โรซี่ชอบคุณตะวันใช่มั้ย” โรสรินอึ้ง ตอบไม่ออก “ทำไมโรซี่ไม่ตอบ แสดงว่าโรซี่ชอบคุณตะวันจริงๆ”
“โรสไม่ได้ชอบเค้า”
“แล้วทำไมต้องเงียบก่อนตอบด้วย”
“ก็ ก็อึ้งว่าพีคิดได้ไงน่ะสิ”
โรสรินรีบเดินออกไป พีระมองตามโรสรินอย่างรู้ว่าเธอโกหก

น้ำค้างตามตะวันเข้ามาในห้องสูท มีแย้ตามมาติดๆ สีหน้าอยากรู้
“ตกลงพี่ตะวันกับพี่อุษาคบกันจริงๆ เหรอคะ”
“เปล่า”
“เปล่า แล้วเมื่อกี๊พี่ทำแบบนั้นทำไม เดี๋ยวพี่โรสก็เข้าใจผิด”
“เค้าจะเข้าใจยังไง ก็ปล่อยเค้าไป”
“ตกลงพี่ตะวันไม่ได้รักพี่โรสแล้ว” ตะวันนิ่ง ก่อนตอบ
“พี่รักเค้า แต่เค้าไม่รักพี่ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร”
ตะวันพูดจบก็เข้าไปในห้อง น้ำค้างถอนหายใจหันมาทางแย้
“เรื่องมันดูชักจะไปกันใหญ่แล้วนะน้ำค้าง”
“ฉันต้องทำอะไรซักอย่างให้พี่ตะวันกับพี่โรสปรับความเข้าใจกันให้ได้”

วันต่อมาในห้องทำงานณรงค์ ณรงค์มองหน้าน้ำค้างกับแย้ ก่อนจะทอดถอนหายใจออกมาอย่างหนัก
“จะให้วางแผนอีก” น้ำค้างกับแย้พยักหน้า “ปู่ว่ามันไม่เวิร์ค ยัยโรสคงไม่เชื่อปู่อีกแล้ว”
น้ำค้างหน้าเซ็งมาก
“แล้วเราจะทำไงดีอ่ะคะ ขืนปล่อยไว้แบบนี้ พี่โรสกับพี่ตะวันคงไม่มองหน้ากันอีกเลยตลอดชีวิต”
แย้นึกออก
“แย้รู้แล้วว่าจะทำยังไง” ณรงค์กับน้ำค้างหันไปมอง “ทำของใส่พี่โรสกับลูกพี่ เค้าสองคนจะได้ทั้งรักทั้งหลงต่อกัน” แย้ทำหน้าเคลิบเคลิ้ม
“สิ้นคิด” แย้สะดุ้ง ณรงค์เอานิ้วจิ้มหัว “สมองน่ะมีมั้ยไอ้แย้”
แย้เกาหัว ทำหน้างุนงง น้ำค้าง ณรงค์ พยายามคิด
“ทำไงดีล่ะ? ทำไงดี”
ทันใดนั้นยุนอาโผล่หน้ามาข้างๆ น้ำค้าง
“ทำตามแผนของยุนอามั้ยคะ”

น้ำค้าง ณรงค์ แย้หันไปเห็นยุนอาก็สะดุ้งตกใจ
“พี่ยุนอาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ซักพักแล้วค่ะ เผอิญประตูห้องท่านประธานปิดไม่สนิท ยุนอาก็เลยได้ยินพอดี๊พอดีค่ะ”
“ยุนอานี่ก็ช่างสอดเหมือนกันนะจ๊ะ” แย้บอก ยุนอาเขิน
“อายนะ ชมกันแบบนี้”
“ไหนว่าแผนของเธอมาสิ”
ยุนอามองหน้าณรงค์พร้อมกับยิ้มมุมปาก

โรสรินเดินมาที่โต๊ะยุนอา ไม่เห็นยุนอาก็แปลกใจ
“ไปไหน”
โรสรินหันไปมองหา ทันใดนั้นมีมือมาจับข้อเท้าโรสริน ตึง! โรสรินสะดุ้ง ก้มมองเห็นมือจับข้อเท้าก็ตกใจมาก เธอรีบผละออกห่าง หันไปเห็นยุนอา ผมเผ้ายุ่งเหยิง ปิดหน้าปิดตา อยู่ในท่าซาดาโกะ คลานออกมาจากใต้โต๊ะ แต่โรสรินไม่รู้ว่าเป็นยุนอา
“อ๊าย”
ยุนอาเงยหน้าขึ้นมา เห็นหน้าซีดจนขาว เสียงแหบพร่าและสั่น
“คุณโรส...ส...ส...”
โรสรินชะงัก เพ่งมอง
“ยุนอา” โรสรินรีบเข้ามาดู “เป็นอะไร”
“ยุนอาไม่สบายค่ะ ยุนอาหนาว หนาวมาก หนาวเหลือเกิน”
“เธอดูไม่ดีเลย ฉันจะพาไปหาหมอ”
ยุนอาตกใจ จับแขนโรสรินแน่น
“ไม่ค่ะ ยุนอาไม่ไปหาหมอ ยุนอากลัว”

ยุนอาทำท่าจะไอ รีบเอาผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระโปรง มาปิดปากเอาไว้ แล้วไอเสียงดัง โรสรินมองเป็นห่วง ยุนอาเอาผ้าเช็ดหน้าออกมา มีเลือดเต็มผืน โรสรินตกใจมาก
“เลือด ไปหาหมอเถอะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณโรสแค่ช่วยพายุนอาไปนั่งพักก็พอ ยุนอาขอร้อง”
โรสรินพยักหน้า ประคองยุนอาให้ลุกขึ้น จะพามานั่งที่เก้าอี้
“ไม่ค่ะ ไม่นั่งตรงนี้ พายุนอาไปบนดาดฟ้านะคะ ที่นั่นอากาศถ่ายเท ยุนอาต้องการออกซิเจนค่ะ”
“ได้ได้”
โรสรินประคองพายุนอาเดินออกไป ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจอยู่เหมือนกัน

โรสรินพายุนอามาสูดอากาศบนดาดฟ้า ยุนอายังทำหน้าแย่ๆ อยู่
“คุณโรสขา” โรสรินหันไป “ช่วยไปเอาน้ำให้ยุนอาหน่อยนะคะ ยุนอาหิวน้ำ”
“รอแป๊บนะ”
โรสรินออกไป ยุนอาหันไปมองจนแน่ใจว่าออกไป ก็รีบหยิบมือถือออกมากดโทรออก
“คุณน้ำค้างคะ ทุกอย่างเป็นไปตามแผน เริ่มแผนต่อไปได้เลยค่ะ”

แย้เอายาหม่องทาตา น้ำค้างเห็นแล้วหงุดหงิด
“ทาแค่นั้นมันจะไปพออะไร น้ำค้างทาให้”
น้ำค้างเอายาหม่องมาจากแย้ แล้วใช้นิ้วควักออกมาก่อนจะป้ายตาแย้ทั้งสองข้าง แย้หน้าตาตื่น
“เฮ้ยๆ น้ำค้าง แย้จะตาบอดมั้ยเนี่ย”
น้ำค้างไม่สนใจหันไปเห็นตะวันเดินคุยกับพนักงานมาตามทาง
“พี่ตะวันมาแล้ว รีบไป”
น้ำค้างกับแย้รีบเดินไปหาตะวัน พนักงานที่คุยกับตะวันเดินออกไปพอดี ตะวันหันมาทางน้ำค้างกับแย้ พอเห็นหน้าแย้ก็สะดุ้งโหยง เพราะแย้ขอบตาแดงก่ำ น้ำตาไหลพรากๆ
“ร้องไห้ทำไม”
แย้แกล้งร้องไห้
“ยุนอาไม่สบาย ไอออกมาเป็นเลือด แย้กลัวยุนอาตาย แย้ไม่อยากเป็นม่ายตั้งแต่ยังไม่แต่งงาน โฮๆ”
“แล้วตอนนี้ยุนอาอยู่ไหน”
น้ำค้างกับแย้แกล้งทำหน้าแย่

โรสรินถือน้ำเข้ามาบนดาดฟ้า แต่ไม่เห็นยุนอาแล้ว
“ยุนอา”
โรสรินแปลกใจ วางแก้วน้ำลง ไม่นานตะวันก็หน้าตาตื่นเข้ามา
“ยุนอา”
โรสรินหันไปเห็นตะวัน ตะวันเห็นโรสรินก็ชะงัก แล้วประตูดาดฟ้าก็ปิดดังปัง ตะวันกับโรสรินหันไปมองที่ประตู ตะวันเดินไปเปิดประตู แต่เปิดไม่ได้ โรสรินแปลกใจเดินตามมา
“มีอะไร”
“ประตูเปิดไม่ได้”
โรสรินตกใจ เข้ามาเปิดประตู เปิดไม่ออกจริงๆ

ที่ประตูดาดฟ้า ยุนอาเอากุญแจใส่หน้าห้อง แล้วล็อคแน่น ก่อนจะหันไปทางน้ำค้างกับแย้
“ยุนอาของแย้ฉลาดฝุดๆ ไปเลยจ๊ะ”
แย้ยกมือขึ้นมา ยุนอาตีมือแย้พร้อมยิ้มยืด
“ถูกขังอยู่บนดาดฟ้าสองต่อสอง”
“โรแมนติดสุดๆ”
“ถ้ายังไม่เข้าใจกัน ก็ให้มันรู้ไปสิ”
น้ำค้าง ยุนอา แย้ยิ้มอย่างมั่นใจว่าแผนต้องสำเร็จ

โรสรินหันมาทางตะวัน สีหน้าไม่พอใจมาก
“เป็นแผนนายใช่มั้ยที่ให้ยุนอามาหลอกฉัน”
“ผมไม่ได้ทำ แผนของปู่คุณกับน้องสาวผมมากกว่า”
โรสรินฮึดฮัดหงุดหงิด เคาะประตูเสียงดัง
“ยุนอา ฉันรู้นะว่าเธออยู่ข้างนอก” ยุนอาสะดุ้ง หันไปมองน้ำค้างกับแย้ โรสรินสีหน้าเอาเรื่อง “เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นได้เห็นดีกัน”
ยุนอาชะงัก ชักใจไม่ดี
“ยุนอาจะโดนคุณโรสไล่ออกมั้ยคะ”
“พี่โรสทำอะไรยุนอาไม่ได้หรอก เพราะคุณปู่เห็นด้วยกับแผนนี้ คุณปู่ต้องช่วยยุนอา”
“จริงด้วย งั้นยุนอาไม่กลัวแหละ”

โรสรินพยายามจะเปิดประตู
“ยุนอา ฉันบอกให้เปิด เปิดประตู เปิดสิ”
“ตะโกนจนคอพัง พวกเค้าก็ไม่เปิดประตูให้เราสองคนหรอก” ตะวันบอก โรสรินหงุดหงิดหันมา
“แล้วฉันต้องอยู่กับนายสองคนไปจนถึงเมื่อไหร่” ตะวันไม่พอใจ
“ไม่อยากอยู่กับผมมากเลยเหรอ”
“ใช่ ฉันไม่อยากอยู่กับนาย ไม่อยากอยู่แม้แต่วินาทีเดียว”
“ถ้าคนที่อยู่ตรงนี้กับคุณเป็นหมอทัต หรือนายพีระ คงจะทำให้คุณพอใจมากกว่านี้สินะ”
“พูดอีกก็ถูกอีก”
“ผู้หญิงหลายใจ”
“นายก็เหมือนกัน ผู้ชายหลายใจ”
ตะวันเงียบ ฮึดฮัด แล้วก็เดินไปยืนตรงมุมหนึ่ง โรสรินก็เดินไปอีกมุมหนึ่ง

น้ำค้าง ยุนอา แย้แอบฟังอยู่ตรงประตู
“เสียงเหมือนคนทะเลาะกันมากกว่าคุยกัน” น้ำค้างบอก
“นั่นสิ” แย้เห็นด้วย น้ำค้างหันไปทางยุนอา
“ชักไม่มั่นใจแล้วว่าแผนจะได้ผล”
น้ำค้าง ยุนอา แย้ เริ่มกังวลใจ

โรสรินเริ่มอึดอัด หงุดหงิด ลุกไปยืนที่ริมดาดฟ้า
“อย่าบอกนะว่าจะกระโดดลงไป” ตะวันบอก โรสรินหันมา
“ถ้าไม่ติดว่าฉันจะตาย ฉันทำแล้ว”
ตะวันได้แต่ถอนใจ โรสรินอึดอัดมาก จนต้องถอดผ้าพันคอออกมา แต่กระแสลมแรง ทำให้ผ้าพันคอหลุดมือ โรสรินตกใจ ยื่นมือออกไปจะคว้าผ้าพันคอ ทำให้ตัวเอนไปนอกหน้าต่าง ตะวันเห็นก็ตกใจ รีบเข้ามาคว้าเอวโรสรินแล้วดึงเข้ามา ผ้าพันคอลอยละลิ่วออกไป
โรสรินใจหายวาบ หันไปทางตะวันที่อยู่แนบชิด
“เกือบไปแล้ว กะอีแค่ผ้าพันคอผืนเดียว”
“ปล่อย”
“ไม่ปล่อย”
“อย่ากวนประสาท”
“ไม่ได้กวน” ตะวันมองโรสรินนิ่งนาน “ผมจะไม่ปล่อยคุณไปไหนอีกแล้วโรสริน”
โรสรินอึ้งไปกับสายตาที่จริงจังของตะวัน แต่ยังใจแข็งอยู่
“ปล่อย บอกให้ปล่อย” ตะวันกอดแน่นไม่ปล่อย “ไม่ปล่อยใช่มั้ย”

ตะวันยังจ้องหน้าโรสริน โรสรินทุบตีตะวัน ทุบแรงขึ้น แรงขึ้น ตะวันก็ยังไม่ปล่อยแต่กลับดึงโรสรินมากอดแน่น โรสรินจะร้องไห้ เพราะไม่อยากรักตะวันไปมากกว่านี้
“ทำไมนายถึงไม่ปล่อยฉันไป” โรสรินเอามือทุบหลังตะวัน ทุบไม่ถี่ ทุบเหมือนคนหมดแรง “ปล่อยฉันซักที” โรสรินน้ำตาไหล ร้องไห้ “ฉันไม่อยากเสียใจซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันขอร้อง”
ตะวันเสียใจนึกว่าโรสรินรังเกียจเค้า
“คุณต้องการไปจากผมขนาดนี้เลยเหรอ” ตะวันถามเสียงอ่อนแรง โรสรินเงียบ ตะวันดึงโรสรินออกมามองหน้า แต่โรสรินหลบตาตะวันทั้งๆ ที่น้ำตาไหลไม่หยุด “มองหน้าผม ถ้าคุณมองหน้าผม แล้วยังยืนยันที่จะไปจากผม ผมจะปล่อยคุณไป”
โรสรินนิ่งไปสองวินาที หันมามองตะวัน ตะวันมองโรสรินลุ้นเหมือนกัน โรสรินกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
“ฉัน...ออกไปจากชีวิตฉันสักที”
ตะวันอึ้ง โรสรินจ้องตะวันตาไม่กระพริบ ทั้งๆ ที่เสียใจมาก ตะวันสิ้นหวัง ปล่อยมือออกจากโรสริน
“ตกลง ผมจะไม่กลับมาให้คุณเห็นหน้าอีก”

โรสรินเจ็บ ตะวันเองก็เจ็บ ตะวันหันหลัง พยายามกลั้นน้ำตาไม่ไห้ไหล หันไปเห็นแก้วน้ำ คว้าแก้วน้ำขึ้นมา โรสรินมองว่าตะวันจะทำอะไร ตะวันกำแก้วน้ำในมือแน่น แล้วคว้าไปบนพื้น โรสรินตกใจ แก้วน้ำแตกเพล้ง!
“นายทำอะไร”
“อยากออกไปจากห้องนี้ไม่ใช่เหรอ”
โรสรินมองตะวันนิ่ง ไม่นานยุนอาเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับน้ำค้างและแย้ ทั้งหมดเห็นแก้วแตกบนพื้น
“มันเกิดอะไรขึ้นคะ” น้ำค้างถามอย่างตกใจ
ตะวันเดินออกไป น้ำค้าง แย้ ยุนอางงมาก ทั้งหมดหันไปมองโรสริน เห็นคราบน้ำตา ก็รู้ได้ว่าไม่ใช่เรื่องดี น้ำค้างรีบตามตะวันออกไป
โรสรินถึงกับทรุดลงนั่งอย่างหมดแรง ยุนอากับแย้เข้ามาดู สีหน้าเป็นห่วง
“คุณโรสคะ เออ คือ ยุนอาขอโทษนะคะที่ต้องทำแบบนี้”
โรสรินพูดสวนขึ้นมา
“ฉันอยากอยู่คนเดียว”
ยุนอากับแย้จ๋อย แล้วก็พากันเดินออกไป โรสรินหลับตา น้ำตาไหล

น้ำค้างตามตะวันออกมา
“พี่ตะวัน” น้ำค้างตามมาขวางหน้า ตะวันหยุดเดิน “น้ำค้างหาโอกาสให้พี่เคลียร์กับพี่โรส แล้วทำไมพี่ตะวันถึงทำลายโอกาส”
“ไม่มีประโยชน์ที่จะปรับความเข้าใจ โรสรินบอกกับพี่เองว่าเค้าต้องการให้พี่ไปจากชีวิตเค้า เค้าเกลียดพี่ น้ำค้างได้ยินมั้ย” ตะวันเจ็บปวดมาก
“อย่าคิดเองสิคะ”
“พี่ไม่ได้คิดไปเอง การกระทำของเค้า คำพูดของเค้า มันทำให้พี่มั่นใจว่าเค้าไม่ได้รักพี่ เสร็จงานที่นี่เมื่อไหร่ พี่จะกลับไร่ตะวันทันที”
ตะวันพูดจบก็จ้ำเดินออกไป น้ำค้างกลุ้มใจมาก
 
จบตอนที่ 11
คิวบิก ตอนที่ 1
คิวบิก ตอนที่ 1
ช่วงเวลาตอนพักเที่ยงที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง บรรยากาศวุ่นวายได้ที่ พอๆ กับเสียงดังจอแจจากรอบทิศ มองไปเห็นบรรดาเด็กนักเรียนหญิงทำกิจกรรมพักผ่อนหลังทานอาหารเสร็จตามจริต ตรงบริเวณระเบียงห้องหน้าเรียนชั้นบนของอาคารหลังนั้น มีถังน้ำถูพื้น ตั้งวางอยู่ ก่อนจะมีไม้ม็อบจุ่มลงถังดังกล่าว น้ำในถังกลายเป็นสีดำ สกปรกทันตา มือใครคนหนึ่งบิดผ้าถูพื้น ขณะเศษขยะถูกเทรวมลงในถังน้ำ มันเป็นผลงานจากงานฝีมือที่ครู อาจารย์ ไม่ต้องสอนของบรรดานักเรียนหญิงชั้นมัธยมปลาย ราวห้าคน ที่ช่วยกันกวนน้ำในถังอย่างเริงร่า ก่อนที่สาวแสบทั้งกลุ่มหัวเราะออกมาอย่างชอบอกชอบใจ ไม่บอกก็รู้ว่าไม่นานจากต้องมีเด็กสาวแสนซื่อ เป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย
กำลังโหลดความคิดเห็น