เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 6
วัลภากรีดร้องเสียงดัง ก่อนจะรีบวิ่งออกมาจากห้อง พลางเอามือขยี้ตา เชนรีบนุ่งผ้าขาวม้า วิ่งตาม ออกมาที่ระเบียงพยายามอธิบาย
“ใจเย็นๆก่อนวัลภา มันไม่ใช่อย่างที่คิด”
“สภาพของนายเมื่อกี้นี้เนี่ยนะ .ทุเรศที่สุด ถ้าฉันไม่เข้ามานายก็คงจะ”
“ไม่ใช่” เชนพยายามอธิบาย “ฉันกับน้ำค้างไม่เคยมีอะไรเกินเลยกันจริงๆ”
“พอเลย หุบปากที่มีแต่น้ำลายเหม็นๆ ของนายไปได้แล้ว นายจะเคยหรือไม่เคยอะไรกับยัยนี่ มันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของฉัน เพราะฉันมันก็แค่เมียแต่งหลอกๆ”
“งั้นแล้วเธอมาโมโหตีหน้ายักษ์แยกเขี้ยวใส่ฉันทำไม” เชนย้อนถาม
“เพราะมันทุเรศไง ถ้าอยากจนอดใจไม่ไหว ก็เชิญชวนไปสนุกกันข้างนอก ไม่ใช่มาทำในห้องนอน ของฉัน”
“ยิ่งพูดฉันก็ยิ่งกลายเป็นไอ้โรคจิตวิตถารเข้าไปทุกที ให้สาบานต่อหน้าหลวงพ่อเลยก็ได้ ว่ามันคือ อุบัติเหตุ ฉันต่างหากที่กำลังจะโดนน้ำค้างปล้ำ”
วัลภาเบ้ปากหมั่นไส้
“เชอะ เป็นผู้ชายแต่ถูกผู้หญิงไล่ปล้ำ ละครน้ำเน่าชัดๆ ตามสบายแล้วกันย่ะ ฉันขี้เกียจมาฟังข้อแก้ตัว เน่าๆ ของนายแล้ว เชิญกลับไปสนุกกันต่อเถอะ”
วัลภาจะลงจากเรือน
“เดี๋ยวสิ ฉันจะให้เธอเข้าใจฉันผิดๆแบบนี้ไม่ได้”
เชนจะตามไปอธิบายต่อ แต่ก็ไปไม่ได้ เพราะปมผ้าขาวม้าจะหลุดอีก
วัลภาเดินลงมาจากเรือน ก็เจอจิกกับแสนพอดี
“โรคจิตบ้ากาม ฉันไม่น่าหลวมตัวมาแต่งงานกับแกเลยจริงๆ ไอ้บ้าเชน”
“บ่นอะไรแต่เช้าเหรอจ๊ะหลานสะใภ้”
วัลภาชะงัก พลางจ้องหน้า จนจิกสะดุ้งโหยง พลางหันไปกระซิบกับแสน“ข้าพูดอะไรผิดไปวะ ถึงมองข้าเหมือนจะกินกบาลข้าเลย”
วัลภาถลึงตาใส่ทั้งคู่ ก่อนจะสะบัดเสียงใส่
“สั่งสอนเชนให้รู้จักคำว่าสุภาพบุรุษกันบ้างนะน้า ถ้าไม่อยากให้หลานชายต้องกลายเป็นขันที”
ขณะที่เชนรีบวิ่งตามลงมาทั้งยังนุ่งผ้าขาวม้า
“เดี๋ยวสิวัลภา กลับมาก่อน ฉันไม่ได้เป็นโรคจิต บ้ากามอย่างที่เธอคิดนะ พวกน้าต้องช่วยฉันจัดการกับน้ำค้างก่อน ฉันต้องตามไปง้อเมียแล้ว ฝากด้วยนะ”
เชนบอกแล้วเดินไปที่ใต้ถุนเรือนเพื่อจะหาเสื้อผ้าเปลี่ยน จิกกับแสนมองหน้ากันงงๆ
น้อยพาเพลิงเข้ามาในห้องเก็บเครื่องดนตรี พร้อมกับมอบหมายให้รับหน้าที่ทำความสะอาดเครื่องดนตรี จากนั้นน้อยก็เดินออกไป เพลิงหันมามองทรัมเปตทองเหลืองที่สกปรกมีคราบสกปรกหนาเลยหันไปหยิบผ้าชุบน้ำยามาเช็ดขัด ถูด้วยความตั้งใจ จากนั้นก็วางทรัมเปต แล้วเดินไปที่ไมโครโฟนที่ตั้งอยู่ในห้อง ก่อนที่จะหยิบ มามอง พลางน้ำตาคลอ เมื่อหวนคิดไปถึงตอนที่ตัวเองเป็นนักร้องที่ไนท์คลับ และมีโอกาสได้เจอกับฟ้างามที่นั่น
เอื้อมเดือน ที่เดินเข้ามาเห็น ทั้งสงสารและเห็นใจ จนน้ำตาไหลออกมาเหมือนกัน ระหว่างนั้นเอง ที่เพลิงหันมาเห็นเธอเข้าพอดี
“คุณหมอ ผมนึกว่าคุณหมอจะกลับไปแล้ว”
“พอดีฉันนึกขึ้นได้ว่า ถ้าเธอเสร็จงานแล้วจะแวะไปหา ฉันคงไม่ได้อยู่ที่อนามัย เพราะต้องออกไปตรวจ ชาวบ้าน”
เพลิงพยักหน้า
“ครับคุณหมอวันนี้ผมรบกวนคุณหมอมากแล้ว คงไม่กล้าไปรบกวนอะไรอีก”
เพลิงบอกแล้วเดินไปขนเครื่องดนตรีออกจากห้อง เอื้อมเดือนมองตามแล้วตัดสินใจ
จากนั้นก็เดินตามเพลิงออกมา
“ เดี๋ยวก่อนเพลิง เมื่อกี้นี้ฉันได้ยินเสียงเธอร้องเพลง เพลงที่เธอร้องมันทำให้ฉัน”
เอื้อมเดือนยั้งคำว่าสงสารไว้
“ฉันรู้สึกว่าเธอร้องเพลงเพราะมาก ก็เลยคิดว่าคงน่าเสียดายที่เธอจะมาทำงานอยู่เบื้องหลังแบบนี้ เอาอย่างนี้มั้ย ฉันจะไปบอกครูให้ ถ้าเขาได้ฟังเธอร้องเพลง รับรองว่าเขาต้องชวนให้เธอเป็นนักร้องนำแน่ๆ”
เพลิงส่ายหน้า “อย่าดีกว่าครับคุณหมอ ผมร้องเพลงไม่ได้อีกแล้ว คุณหมอ กลับไปทำงานของ คุณหมอต่อเถอะครับ เดี๋ยวคนไข้จะรอ”
เพลิงตัดบท แล้วรีบขนเครื่องดนตรีออกไป เอื้อมเดือนได้แต่มองตาม รู้สึกสงสารจับใจ
วัลภาก้มกราบครูประสิทธิ์อย่างอ้อนน้อมถ่อมตน ขณะที่ทุกคนอยู่รวมกันที่ลานซ้อมดนตรี
“หนูมาเป็นลูกสะใภ้ของครูแล้ว ก็ต้องขอฝากเนื้อฝากตัวกับครูด้วยนะคะ”
ครูประสิทธิ์ยิ้มรับ
“วัลภา ทุกอย่างอาจจะเริ่มต้นไม่ดี ที่ไอ้เชนมันทำไว้กับหนู ครูบอกได้คำเดียวว่าครูเสียใจ ที่ผ่านมา ก็ตั้งใจเลี้ยงให้มันเป็นคนดีแล้ว แต่มันก็ยัง”
“ครูเป็นพ่อที่ดีที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาแล้วจ้ะ”
จังหวะนั้นเชนก็พรวดพราดเข้ามา
“วัลภา ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ”
ครูประสิทธิ์ทำตาดุใส่ลูกชาย
“ไอ้เชน พูดจาให้มันดีๆหน่อย กระโชกโฮกฮากแบบนี้ เก็บไว้พูดกับคนอื่นไม่ใช่เมีย”
“พ่ออย่าเพิ่งมาเทศนาสั่งสอนอะไรฉันตอนนี้ ขอฉันคุยเรื่องสำคัญกับเมียฉันก่อน”
พูดจบเชนก็ปราดเข้าไปคว้าข้อมือวัลภา ก่อนจะอุ้มแบกขึ้นบ่า วัลภาร้องโวยวาย
“พ่อช่วยหนูด้วย”
ครูประสิทธิ์ตกใจ
“ไอ้เชน ปล่อยวัลภาเดี๋ยวนี้นะ ไอ้เชน”
เชนแบกวัลภาออกมาที่ลานหลังบ้าน ขณะที่วัลภายังโวยวายไม่หยุด ก่อนที่จะกัดเข้าที่หลังอย่างแรงจนเชนร้องลั่น พลางปล่อยวัลภาลงกับพื้นทันที
“ไอ้บ้า บอกให้ปล่อยไม่ได้บอกให้โยนทิ้ง”
“เธอกัดฉันซะจมเขี้ยวแบบนี้ ไม่จับเธอฟาดให้เขี้ยวหักก็บุญเท่าไหร่แล้ว อยู่ใกล้ที่ไรเจ็บตัวตลอด ผู้หญิงอะไรวะเนี่ย ถ้าไม่คุยกันดีๆ มีหวังฉันได้น่วมไปทั้งตัวแน่ ฟังนะ ฉันจะพูดครั้งเดียว ด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย ฉันไม่ได้มีอะไรกับน้ำค้าง ไม่ ไม่แม้แต่จะคิดด้วย เพราะฉันเชื่อมั่นในความรัก และฉันจะกอดจะจูบ กับผู้หญิง ที่ ฉันรักเท่านั้น”
เชนพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง วัลภากอดอกมอง อย่างชั่งใจว่าจะเชื่อดีหรือไม่
“ก็ตามใจแล้วกันว่าเธอจะเชื่อหรือไม่เชื่อ เพราะเคยโกหกเธอไว้ เลยทำให้ฉันเป็นวัวสันหลังหวะ แต่นั่นก็แค่ครั้งเดียวในชีวิต ที่ฉันจำเป็นต้องไม่ให้เกียรติเพศแม่ตัวเอง”
เชนยืนยันหนักแน่น ก่อนขยับทำท่าจะเดินออกไป วัลภายังกอดออกสีหน้าครุ่นคิด
“เดี๋ยว หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ ฉันจะให้เธอไปก็ต่อเมื่อฉันสั่งเท่านั้น ฉันทนฟังนายพ่นน้ำลายเหม็นๆ เน่าๆบูดๆ มาเยอะแล้ว เอาเป็นว่า ฉันจะยอมเชื่อ ว่านายก็เป็นสุภาพบุรุษ แต่ถึงยังไงนายก็ยังทำผิดเรื่องที่โกหกฉันอยู่ดี ไม่ว่าจะด้วยความจำเป็นยังไงก็ตาม เพราะฉะนั้นนายก็ควรต้องได้รับการลงโทษให้รู้จักเข็ดบ้าง”
วัลภากอดอกแล้วยักคิ้วยิ้มกวนๆ แฝงความเจ้าเล่ห์ ทำเอาเชนรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจ
เชนเดินกลับมาที่ลานซ้อมพร้อมกับวัลภา ก่อนจะถูกวัลภาสะกิดและดันให้เข้าไปหาครูประสิทธิ์
“พ่อคะ เชนเขามีเรื่องอยากจะคุยกับพ่อค่ะ”
ครูประสิทธิ์ยิ้มรับ “เห็นเมื่อกี๊มีเรื่องทะเลาะกันอยู่ไม่ใช่เหรอ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เชนเขาหาเรื่องกวนประสาทหนู ก็เลยโดนอบรมชุดใหญ่ไปแล้ว”
น้อยตาโต
“อบรมไอ้เชนเนี่ยนะ ขนาดครูพยายามมาตั้งแต่มันแตกเนื้อหนุ่ม ยังทำไม่ได้เลยนะจ๊ะ”
“กับเมียมีเหรอจะไม่กล้า ใช่มั้ยจ๊ะ ผัวขา”
เชนกัดฟันพูดตอบ “จ้ะ เมียจ๋า”
“งั้นที่พูดกับฉัน ก็บอกพ่อเขาไปสิ”
เชนอึกอัก วัลภาต้องแอบหยิกก้นแรงๆ จนเชนสะดุ้งรีบเข้าไปคุกเข่าต่อหน้าพ่อ แล้วยกมือขึ้นพนม “ฉันอยากจะขอขมาและขอให้พ่ออโหสิที่ตลอดมาฉันทำตัวเป็นลูกสันดานเสีย ก่อแต่เรื่องเดือดร้อน ให้พ่อต้องหนักใจ ทำให้พ่อต้องเจ็บตัว ทำให้พ่อเสียชื่อเสียง แล้วยังต้องเสียสมบัติที่พ่อเก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิต”
จากนั้นเชนก็ก้มกราบเท้าพ่อด้วยความตั้งใจจริง ทำเอาครูประสิทธิ์อดแปลกใจไม่ได้
“ถึงตอนนี้ฉันแต่งงานมีครอบครัวแล้ว แต่ฉันก็จะเป็นลูกที่ดีของพ่อ เป็นสามีที่ดีของเมีย และฉันจะ ตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างขยันขันแข็ง ทุกบาททุกสตางค์ที่ทำงานได้ ฉันจะสร้างเนื้อสร้างตัว ซื้อที่ดินของพ่อ คืนมาจากกำนันให้ได้”
“เชนเขารับปากฉันและตั้งใจมากเลยนะจ๊ะพ่อ เราสองคนจะช่วยกันเอาที่ดินของพ่อคืนมาให้ได้จ้ะ”
ครูประสิทธิ์น้ำตาซึม ซาบซึ้งกับลูกชายและลูกสะใภ้
“ มา พ่อขอกอดพวกเอ็งหน่อย”
เชนกับวัลภาเข้าไปสวมกอดครูประสิทธิ์ที่น้ำตาคลอเบ้าด้วยความปลาบปลื้มยินดี น้อยพลอยน้ำตารื้นไปด้วย
วัลภาเข้ามาในครัว ในใจยังเปี่ยมไปด้วยความสุขกับความรู้สึกดีๆ ที่เพิ่งได้รับจากครูประสิทธิ์
“วันนี้จะลงมือทำอะไรกินดี”
“หน้าระรื่นยิ้มแป้นเชียว แบบนี้ก็ดีที่อย่างน้อยฉันก็มีส่วนทำให้เธอมีความสุข ชดเชยที่เคยทำให้เธอ ต้องเสียหาย”
เชนที่เดินตามเข้ามาอดที่จะกระเซ้าไม่ได้
“ก็ถ้าฉันไม่สั่ง แล้วเธอจะทำเรื่องดีๆ แบบนี้กับเขาเป็นมั้ยล่ะ”
“แต่ต่อให้เธอไม่บังคับ ยังไงฉันก็ต้องกราบขอขมาพ่อฉันอยู่แล้ว”
“เหรอ ถ้าฉันไม่สั่งแล้วเธอจะทำเมื่อไหร่” วัลภาย้อนถาม “เห็นมั้ย นายน่ะโชคดีมากขนาดไหน ที่มีครอบครัวดีๆอ ยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ แต่นายกลับไม่เคยคิดจะทำเรื่องดีๆให้กับคนใกล้ตัว”
เชนแกล้งเบ้ปาก
“ไม่ต้องมาเทศนาฉันหรอก สั่งฉันได้แล้วตัวเองล่ะ กับแม่เธอก็ใช่ย่อย เห็นพยศเอาเรื่อง ไม่น้อย เหมือนกัน”
วัลภาชะงักมือที่กำลังหยิบผักมาเริ่มเด็ด “เรื่องของฉัน เธอไม่ต้องยุ่ง”
วัลภาเริ่มโกรธ เลยเดินออกไปทันที
“เอาอีกแล้วหาเรื่องแท้ๆ ไอ้เชน เดี๋ยวสิวัลภา”
เชนจะตามวัลภาไปแต่ดันชนโครมเพลิงที่กำลังเข้ามาที่ครัว
“ใครวะเนี่ย เกะกะขวางทาง แก ไอ้บึ้ก นี่แกมาทำอะไรที่บ้านฉันวะ”
เพลิงหน้านิ่งไม่พูดอะไรเดินเข้าไปในครัว แล้วเปิดตู้กับข้าวหยิบจานกับข้าวเก่าๆออกมา
“ที่ถามเนี่ยให้ตอบ ไม่ใช่ให้เงียบ”
เชนตะคอกใส่ เพลิงไม่ตอบ แต่กลับพูดเหน็บสวนกลับไปนิ่งๆ
“พูดน้อยๆ ปัญหามันก็น้อย พูดมากๆ แถมยังพูดไม่เข้าหูก็มีแต่ปัญหา พี่ว่าน้องน่าจะหัด หุบปากบ้างก็จะดี วัลภาจะได้ไม่โกรธแบบนั้น”
“นี่แกแอบฟังฉันคุยกับวัลภาเหรอ มันจะมากไปแล้ว”
เชนปราดเข้าไปกระชากคอเพลิง แต่เพลิงกลับมองหน้าเชนอย่างเป็นห่วง
“ชีวิตของวัลภาน่าสงสารมาก พี่เชื่อว่าที่วัลภาเลือกมาอยู่ที่นี่ก็เพราะหวังว่าที่นี่จะเป็นรังที่อบอุ่นที่ นกพเนจรอย่างเธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน”
เชนมองหน้าเพลิงอย่างแปลกใจ
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง รู้จักวัลภามาก่อนเหรอ”
วัลภาเดินมาตามถนนในหมู่บ้าน แววตาเศร้า น้ำตาคลอ ยิ่งเมื่อนึกถึงอดีตก็ยิ่งเศร้าเสียใจ โดยเฉพาะความขัดแย้งของเธอกับแม่ ที่สั่งสมมาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก
ขณะที่วัลภาในวัย 17 นุ่งขาสั้นถักผมเปีย เปิดเพลงจากวิทยุทรานซิสเตอร์ พร้อมๆ กับคว้าไม้กวาด มาเป็นขาไมค์ เริ่มเต้นและร้อง ด้วยท่วงท่าน่ารักๆ ครู่หนึ่งลำดวนที่แต่งตัวสวยจัด ทาปากแดงแจ๊ด ก็เดินเข้ามาพร้อม กับอาเสี่ยคนหนึ่ง
วัลภาเผลอตัวเรียกลำดวนว่าแม่ เลยถูกหยิกเข้าที่แขน
“ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าห้ามเรียกฉันแบบนี้”
“หนูขอโทษจ้ะ น้าลำดวน”
ลำดวนจ้องหน้าวัลภาด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะหันไปส่งยิ้มหวานกับเสี่ย“เสี่ยขา เดี๋ยวลำดวนคุยกับหลานแป๊บนึงนะคะ”
ลำดวนบีบแขนพาวัลภาเข้าไปในบ้าน พลางตะคอกถาม
“ยายแกอยู่ไหน ทำไมถึงแกอยู่บ้านคนเดียว”
“ยายไปบ่อนตั้งแต่เช้าแล้วจ้ะแม่”
“ไปบ่อน” ลำดวนทวนคำ “โธ่เอ้ย แม่นะแม่ มิน่าล่ะส่งมาเท่าไหร่ถึงไม่พอใช้สักที”
“แม่จ๊ะ เมื่อไหร่แม่จะมารับวัลภาไปอยู่ด้วย”
ลำดวนถึงกับชะงัก
“ยังก่อน ตอนนี้ฉันมีงานคอนเสิร์ตต้องตระเวณร้องเพลงอีกหลายจังหวัด”
วัลภาทำท่าตื่นเต้น “ให้วัลภาตามไปดูแม่ร้องเพลงด้วยสิ”
“จะไปได้ไง คนเขาก็รู้กันหมดสิว่าฉันน่ะมีลูกติด”
“รู้ไม่ได้เหรอแม่” วัลภาตามประสาซื่อ
“นังนี่ถามโง่ๆ รู้ก็จบเห่ หมดทางทำมาหากินสิ”
“งั้นให้วัลภาไปอยู่ในวงก็ได้ เป็นคนใช้ตามแม่ วัลภาอยากร้องเพลง อยากแต่งตัวสวยๆ ขึ้นเวที แบบแม่ วัลภาชอบร้องเพลง”
ลำดวนชักสีหน้า
“พอเลย เรียนหนังสือไปเถอะ ให้มันคุ้มกับเงินที่ฉันส่งมาให้แกหน่อย” พูดพลางยื่นเงินให้
“ เอ้า เอาไป เก็บไว้ให้ดีล่ะ เดี๋ยวฉันจะไปหายายแกที่บ่อน”
ลำดวนยัดเงินใส่มือวัลภาแล้วเดินออกจากบ้านไปหาเสี่ย
วัลภากำเงินแล้วมองผ่านหน้าต่าง ได้ยินแม่คุยกับเสี่ย
“เดี๋ยวลำดวนมานะคะเสี่ย แม่แกไปบ้านเพื่อน ลำดวนขอไปตามแกแป๊บนึง เสี่ยเข้าไปนั่งเย็นๆในบ้าน ก่อนแล้วกันนะคะ”
วัลภาเอาเงินที่ได้มาจากแม่หยอดใส่กระปุกออมสินในห้องนอนตัวเอง ก่อนจะหันไปมองภาพถ่าย ที่เคยถ่ายคู่กัน ระหว่างนั้นเสียงเคาะประตูก็ดัง
“หนูวัลภาจ้ะ หนูวัลภา”
วัลภาไม่ทันคิดอะไร ลุกเดินไปเปิดประตูให้เสี่ย
“มีอะไรเหรอจ๊ะ”
“เสี่ยจะขอเข้าห้องน้ำ แต่หาห้องน้ำไม่เจอ หนูพอจะบอกได้มั้ยว่าไปทางไหน”
“ห้องน้ำอยู่ชั้นล่างเดินไปข้างหลังบ้านค่ะ”
“เสี่ยก็ไม่ทันมอง ขอบใจนะจ๊ะ”
พูดพลางก็ส่งสายตายิ้มกรุ้มกริ่มมองวัลภาหัวจดเท้า โดยเฉพาะช่วงขาขาวๆ เรียวๆ วัลภารู้สึกได้ถึง ความผิดปกติ เลยรีบปิดประตู แต่เสี่ยกลับเอามือขวางไว้
“เดี๋ยวสิหนู เสี่ยขอเข้าไปในห้องหนูหน่อยได้มั้ย ได้ยินเสียงหนูร้องเพลงเพราะ ถ้าหนูอยากเป็นนักร้อง เสี่ยช่วยได้นะ”
เสี่ยจู่โจมเข้ามาในห้อง วัลภาตกใจผงะถอย
“ออกไปนะ อย่าเข้ามา บอกให้ออกไป”
“สวยๆอย่างหนูเนี่ย ถ้าให้เสี่ยปั้นล่ะก็ รับรองดังกว่าน้าสาวของหนูอีก”
เสี่ยยิ้มร้ายแล้วเข้าไปจู่โจมปลุกปล้ำ วัลภาดิ้นสู้สุดแรง ทั้งเตะทั้งถีบจนเสี่ยกระเด็นเสียหลัก จากนั้นก็รีบวิ่งออกจากห้องทันที ขณะที่เสี่ยรีบวิ่งตาม
วัลภาวิ่งลงมา พลางร้องตะโกนให้คนช่วยเสียงดังลั่น เสี่ยวิ่งไล่ตามมาติดๆ วัลภาถอยหนีแล้วลื่นล้ม จนเสี่ยตามมาจับไว้ได้
“อย่าร้องสิหนู จะเป็นนักร้องมันก็ต้องผ่านเรื่องแบบนี้กันทุกคน น้าสาวหนูก็เหมือนกัน กว่าจะมาถึงมือ เสี่ยก็ต้องผ่านมาไม่รู้กี่คนแล้ว อยากดังมันก็ต้องวิธีนี้ทั้งนั้น”
“อย่านะ อย่า อย่า”
วัลภาออกแรงกัดแขนเสี่ยเต็มแรง จนมันร้องลั่น ตามด้วยลูกถีบจนผงะหงาย จากนั้นก็รีบคลานไป ที่ห้องเก็บของใกล้ๆกัน แล้วรีบปิดประตูใส่กลอนแน่นหนา หาเก้าอี้มาดันประตูเอาไว้ แล้วรีบถอยห่างออกมานั่งตัวสั่นด้วยความตกใจกลัว
ขณะที่เสี่ยทุบประตูเอาเป็นเอาตายอยู่หลายครั้งจนเริ่มเบื่อ
“ก็ได้ นังเด็กบ้า เล่นตัวดีนัก ไม่เล่นด้วยก็ได้วะ แต่จำเอาไว้นะ ถ้าแกเอาเรื่องนี้ไปบอกน้าสาวแกล่ะก็ พวกแกได้อดตายกันหมดแน่ ฉันพูดจริง ฉันทำให้น้าสาวแกกระเด็นออกจากวงการได้สบาย”
เสี่ยขู่แล้วเดินออกไป ส่วนวัลภา ก็ซุ่มตัวอยู่ในห้องเก็บของมืดๆ ในอาการกลัวจนตัวสั่น พลางร้องห่ม ร้องไห้อย่างน่าเวทนา
วัลภาน้ำตาเอ่อทุกครั้งเมื่อคิดถึงเรื่องในอดีต พลางหยุดพิงกำแพงข้างทาง แล้วกอดตัวเอง พร้อมกับเช็ดคราบน้ำตา จนกระทั่งเสียงเรียกของลำดวนดังเข้ามา
“มาอยู่นี่เองเหรอ นังลูกตัวดี”
ลำดวนเดินตรงเข้ามาหาลูกสาว โดยมีไอ้ตุ่นกับลูกน้องอีก 2 คนมาด้วย
“พอมีผัวเป็นตัวเป็นตนเข้าหน่อย แกก็ลืมแม่บังเกิดเกล้าตัวเองเลยนะ”
“หนูไม่เคยลืมแม่เลยนะ แต่จะให้ไปมาหาสู่แม่ที่บ้านนั้น ชาตินี้จะไม่มีวันเหยียบไปอีกเด็ดขาด”
ลำดวนหยิกแขนวัลภาหมับ
“พูดจาแบบนี้อีกแล้ว เขาเป็นพ่อเลี้ยงแก เขาดีกับฉัน”
“ดีที่มีเงินให้แม่ถลุงไม่อั้น ไม่ต้องวิ่งไล่ตามผู้ชายอื่นให้เหนื่อยอีกใช่มั้ย”
วัลภาพูดเหน็บ ลำดวนโมโหจะตบหน้าลูกสาว แต่นึกขึ้นได้เลยลดมือลง แล้วบีบน้ำตาเล่นละคร
“ใช่สิ ฉันมันเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่อง ไม่มีอะไรดีสักอย่างที่จะทำให้ลูกสาวตัวเองมันเคารพได้หรอก”
ลำดวนแกล้งเค้นอารมณ์จนน้ำตาไหลอาบแก้มแล้วจะเดินออกไป พวกไอ้ตุ่นจะตาม แต่ถูกลำดวน ห้ามไว้ วัลภามองตามแม่แล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ เลยตามไปไอ้ตุ่นมองตามแล้วยิ้มชอบใจ
ลำดวนเดินบีบน้ำตาเสแสร้งให้ตัวเองดูน่าสงสาร จนวัลภาตามมาถึงตัว
“ตามฉันมาทำไม ตอนนี้แกมันก็พ้นอกฉันไปแล้วนี่ ต่อไปก็เชิญไปดูแลผัวแก ไม่ต้องมาสนใจฉันหรอก”
วัลภาส่ายหน้าเบาๆ
“พ้นอกอะไรกันล่ะแม่ ก็ยังอยู่หมู่บ้านเดียวกัน ไม่ได้หายไปไกลซะหน่อย”
“แต่แกเลือกจะไปอยู่กับพวกที่เป็นศัตรูกับพี่กำนัน”
“พวกเขาเป็นคนดีนะแม่ อาจจะไม่ได้ร่ำรวยมีอำนาจมากมายเหมือนกำนัน แต่อยู่แล้วมีความสุข ฉันยังอยากให้แม่มาอยู่ด้วยกันกับฉันเลย”
ลำดวนส่ายหน้า
“แม่ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอกวัลภา”
“ทำไมล่ะ หรือว่าครั้งนี้แม่รักกำนันจริงๆ แม่จ๋า หนูขอเถอะนะ ผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตแม่แต่ละตน หนูยังไม่เคยเห็นใครรักแม่จริงสักคน แล้วแม่ก็เป็นคนเก่งไม่จำเป็นต้องพึ่งพาคนอื่น ถ้าแม่อยากได้อะไร หนูจะทำงาน หาเงินมาให้แม่เอง”
ลำดวนนิ่งไป ทำท่าคิดอยู่ครู่ ก่อนจะหันมาแสร้งทำทีท่าอ่อนลงให้วัลภาตายใจ
“แม่ขอบใจมากนะวัลภาทั้งๆที่ชีวิตนี้แม่ไม่ค่อยได้เลี้ยงดูแล แต่ลูกก็ไม่เคยทอดทิ้งแม่ แต่ตอนนี้จะให้ แม่ออกมาจากชีวิตกำนันเลย แม่คงทำไม่ได้ เขาคงเอาแม่ตายแน่”
“หนูจะให้เชนช่วย”
“อย่าเลย แกรอดตัวไปแล้วคนหนึ่งแม่ก็หายห่วง เอาอย่างี้แล้วกัน ขอให้เราสองคนแม่ลูกยังรักและ ไว้ใจกันได้ มีอะไรก็ส่งข่าวให้แม่รู้ พอได้โอกาสดีๆ แกค่อยหาทางช่วยแม่”
“หนูเป็นลูกแม่นะ ชีวิตนี้หนูไม่เคยคิดทิ้งแม่แน่นอน”
ลำดวนดึงวัลภามากอด วัลภารู้สึกดีและอบอุ่นกับอ้อมกอดที่ได้จากแม่ซึ่งน้อยครั้งมากที่เธอจะได้ ผิดกับลำดวน ที่มีสีหน้ายิ้มเจ้าเล่ห์ เพราะจงใจเล่นละครตบตาเพื่อดึงให้ลูกสาวกลับมาอยู่ในการควบคุมของตัวเองได้
เชนนิ่งฟังเรื่องของวัลภาจากเพลิง ด้วยความสนใจ
“ฉันรู้จักพี่ลำดวน เพราะเคยทำงานในไนท์คลับเดียวกัน พี่ลำดวนก็ยอมรับว่าต้องโกหก เรื่องลูกสาว เพื่อไม่ให้กระทบกับชื่อเสียงและผู้ชายที่อยู่กินด้วย”
เชนถอนหายใจ
“แม่แบบนี้เนี่ยนะ เห็นแก่ตัวมากกว่า แต่ชอบเอาความรักลูกมาเป็นข้ออ้าง”
“คนเราทุกคนมีเหตุผลของตัวเอง พี่ว่าน้องไม่ควรไปตัดสินใคร จนกว่าจะได้รู้จักเขา”
“ถ้าชอบสั่งชอบสอนแบบนี้ ไปบวชเป็นพระอยู่กับหลวงพ่อดีกว่ามั้ยพี่บึ้ก ไม่ต้องมาทำ งานที่วงดนตรีของพ่อฉันหรอก เสียเวลาเปล่าๆ”
เชนว่าเหน็บ
“สอนคนให้รู้จักผิดชอบชั่วดี ไม่จำเป็นต้องเป็นหน้าที่ของพระเสมอไปหรอกไอ้น้อง อยู่ร่วมโลก เดียวกัน ช่วยกันตักเตือนกันอย่างสุภาพชน โลกจะได้สงบสุข”
เพลิงบอกเชนหน้านิ่งๆ พลางหยิบจานข้าวเดินไปจะนั่งกินข้าว เชนมองตามด้วยความเจ็บใจ
“ยังมาย้อนอีก คดีเก่าของแกกับฉันยังไม่ได้สะสางเลย”
เชนไม่ยอมให้เพลิงได้นั่งกินข้าวง่ายๆเลยตามไปดึงเก้าอี้ออกก่อนที่เพลิงจะนั่ง เพลิงเลยชะงัก เชนยักคิ้วกวน พลางหันไปหยิบขวดน้ำปลามาแล้วเหยาะใส่จานข้าวของเพลิง
“ถือว่ารับน้องแล้วกันนะ สะสางคดีที่พี่บึ้กช่วยพวกไอ้ชาติเล่นงานฉัน”
“แต่น้องชายก็หลอกเล่นงานพี่จนน่วมไปแล้ว”
เชนส่ายหน้า “นั่นมันยังไม่พอ”
“แล้วเมื่อไหร่จะพอ”
“ก็จนกว่าจะไว้ใจได้ว่า ที่พี่บึ้กมาอยู่ที่นี่ไม่ได้คิดจะมาเป็นสายลับให้กับพวกกำนัน”
เพลิงนิ่งมองหน้าเชนที่ยังดูไม่ไว้ใจตัวเอง ก่อนที่จะตัดปัญหา ด้วยการวางจานข้าวแล้วเดินออกไปเลย
“เดี๋ยวสิ ท่าทางแบบนี้แสดงว่าโดนจี้ใจดำ เจตนาไม่บริสุทธิ์”
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 6 (ต่อ)
เพลิงเดินเลี่ยงออกมา เชนตามมาคว้าไหล่ให้หยุด
“ถึงหมอกับหลวงพ่อจะรับรองแก แต่คนอย่างไอ้เชนไม่ไว้ใจใครง่ายๆ ถ้าอันตรายอยู่ใกล้ตัว ไอ้เชน ก็ต้องปกป้อง”
เพลิงจ้องหน้าเชนนิ่ง
“พี่ว่าน้องอย่าเริ่มดีกว่า เพราะถ้าเริ่มแล้วมันจะลงเอยไม่ดี”
เชนจับไหล่เพลิงกระชากให้หันกลับมา พลางดึงคอเสื้อ
“ทุกคนที่นี่มีความสำคัญกับชีวิตของฉัน พวกเขาอาจจะหลงเชื่อคนหน้าซื่อๆอย่างแก แต่ฉันคนนึงล่ะ ที่จะจับตาดูแกทุกฝีก้าว”
เพลิงถอนหายใจ
“งั้นทุกฝีก้าวที่น้องคอยตามดูพี่ก็คงทำให้เสียเวลา เพราะพี่แค่อยากอยู่อย่างสงบ”
จากนั้นทั้งคู่ก็ง้างหมัดใส่กันอีกครั้ง แต่วัลภาเข้ามาขัดจังหวะก่อน
“พอได้แล้วเชน เลิกหาเรื่องคนอื่นซะที”
เชนละสายตาจากเพลิง มาจ้องหน้าวัลภา
“วัลภา เธอไม่เกี่ยว กลับบ้านไป”
“นายนั่นแหละต้องกลับบ้านกับฉัน”
วัลภาเข้าไปจับแขนแล้วดึงเชนแรงๆก่อนจะหันไปที่เพลิง
“โทษด้วยนะจ๊ะพี่เพลิง”
จากนั้นวัลภาก็รีบลากเชนให้ออกไปด้วยกัน
ระหว่างที่กำนันปราบกำลังซ้อมมวยกับลูกน้องอยู่ ลำดวนก็เดินเข้ามา
“พี่กำนันจ๊ะ ฉันไปคุยกับ”
กำนันปราบรีบยกมือให้หยุด
“เดี๋ยว ฉันต้องให้รางวัลลูกน้องฉันก่อน”
จากนั้นก็เดินไปตบลูกน้อง ที่มือหนักชกเข้าที่หน้ากำนันจนเลือดซึมเหมือนจะชื่นชม แต่แล้วกลับพามันเดินเข้าไปที่ลุกน้องอีกคน พอมันเผลอกำนันปราบก็หันไปชักมีดพกจากเอวลูกน้องอีกคนมาเสียบทันที
“พวกแกจำเอาไว้ทุกคน เวลาข้าสั่งให้ทำอะไรแล้วทำเกินคำสั่ง มันจะทำให้มีแต่เรื่องยุ่งยากตามมา เข้าใจมั้ย”
ลูกน้องทุกคนรับคำเข้าใจเสียงดัง ก่อนที่กำนันปราบจะออกแรงบิดมีด จนมันก็ตายคามือ
“ไอ้เชิด เอาศพมันไปให้ลูกชายข้า ศพมันจะมีประโยชน์กับงานวันนี้ของไอ้ชาติ”
ไอ้เชิดกับลูกน้องคนอื่นๆเข้ามารับศพลูกน้องดวงซวยแล้วลากตัวออกไป จากนั้นกำนัน ก็คืนมีดให้ ลูกน้อง แล้วเดินมาที่ลำดวน ที่ยังมองเลือดในมือกำนันอย่างไม่วางตา ด้วยความรู้สึกขนลุกกับความโหดเหี้ยม ของกำนัน
“แน่ใจนะว่าลูกสาวเธอไม่ผิดสังเกต”
กำนันปราบถามย้ำ ขณะที่ให้ลำดวนเอาผ้าชุบน้ำเช็ดคราบเลือด ที่เปรอะมือ จนน้ำในอ่างล้างมือ แดงฉาน
“จ้ะพี่ ยังไงวัลภาก็ฟังฉันอยู่แล้ว”
กำนันปราบแสยะยิ้ม
“อย่ามามั่นใจว่าลูกสาวเธอฟังเธออยู่แล้วเพราะถ้ามันฟังเธอจริงๆ ป่านนี้ฉันคงจัดการกับไอ้เชน ให้มันตายโหงไปนานแล้ว ไม่ใช่มาได้ชื่อว่าเป็นลูกเขยฉันอยู่แบบนี้”
ลำดวนหน้าเสีย
“ฉันขอโทษจ้ะพี่”
“เลิกขอโทษฉันซะทีแล้วทำให้ฉันมั่นใจว่า ลูกสาวเธอจะเป็นประโยชน์กับฉันมากกว่าทำให้ฉันเสียหน้า”
เชนกับวัลภาเข้ามาคุยกันที่ใต้ถุนเรือน
“ถ้าเป็นเรื่องของฉันกับไอ้หมอนั่น ต่อไปเธอห้ามเข้ามายุ่งอีก”
“ฉันก็เห็นเขาเป็นคนดี ช่วยทั้งฉันช่วยทั้งคุณหมอมาตลอด ถ้ายังติดใจที่เขายอมช่วยพวกนั้น ตามล่าเธอ เขาก็บอกแล้วว่าเขาถูกบังคับให้ทำ”
“แล้วถ้ามันถูกบังคับให้แฝงตัวเข้ามาเล่นงานพวกเราล่ะ” เชนย้อนถาม
“เป็นไปไม่ได้หรอก”
“ทำไมจะไม่ได้ เธอมาเป็นลูกเลี้ยงกำนันแค่ไม่เท่าไหร่ แต่ฉันสิ บ้านเกิดเมืองนอนของ ฉันตกอยู่ใต้ อิทธิพลความเลว ที่มันกดขี่คนที่นี่ให้โงหัวไม่ขึ้นมาเป็นสิบๆ ปี แล้วทำไมมันจะบังคับไอ้หมอนั่นไม่ได้”
วัลภาถอนหายใจ
“ฉันไม่รู้จะยืนยันยังไงว่าพี่เพลิงเป็นคนที่ไว้ใจได้ เอาเป็นว่าถ้ามีอะไรผิดจากที่ฉันพูด ฉันจะรับผิดชอบ”
เชนเดินเข้ามามองหน้า พลางเดินวนรอบตัวเหมือนพยายามจะจับผิดวัลภา
“ถึงเราจะไม่ได้เป็นผัวเมียกันจริงๆ แต่การที่เธอมาพูดปกป้องผู้ชายคนอื่นซะออกนอกหน้าแบบนี้ รู้มั้ยว่าถ้ามีใครมาได้ยินเขาจะคิดว่าอะไร”
“คิดอะไร ?” วัลภาย้อนถาม
“ก็คิดว่าเธอจะเล่นชู้หาเขามาสวมหัวฉันน่ะสิ”
“ไอ้บ้าเชน ถ้าฉันเย็บปากนายให้ปิดสนิทได้ ฉันทำไปแล้ว ไอ้ทุเรศเอ๊ย”
วัลภาด่าแล้วเดินออกไปทันที เชนมองตามสีหน้าครุ่นคิด
วัลภาเข้ามาในห้องนอนนั่งหน้าเครียด เชนตามเข้ามากอดอกพิงประตูพูดลอยๆ
“ฉันกับเธอมีเหตุให้ต้องมาเล่นบทผัวเมียกันเพื่อรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ ถ้าเธอจะมีคนที่แอบชอบอยู่ มันก็ไม่ผิดหรอก เพราะเราไม่ได้รักกันจริงๆ เธอจะรักใครชอบใครไม่ใช่กงการของฉัน แต่ถ้าพวกนั้นจับได้ว่าเรามี ปัญหากัน มันอาจจะกลายเป็นข้ออ้างให้กำนันหันมาเล่นงานลูกเขย”
พูดพลางเชนก็กอดวัลภาแน่น ขณะที่วัลภานิ่งไปครุ่นคิดในสิ่งที่เชนพูด ก่อนที่จะกระทืบเท้าเชนแรงๆ จนเชนต้องรีบปล่อยมือ
“ฉันเล่นละครได้สมบทบาทแน่ไม่ต้องกลัวหรอก ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้รักนายเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันก็จะ พยายามเล่นให้ดีที่สุด เพื่อชีวิตของฉันและเพื่อแม่ของฉันด้วย”
“เพื่อแม่ของเธอ ?”
เชนมองวัลภาอย่างแปลกใจ
“ตอนนี้ฉันอาจจะพ้นออกมาจากบ้านนั้นได้ แต่แม่ของฉันสิ แม่ไม่กล้าออกมาเพราะกลัวอิทธิพล ของมัน ฉันปล่อยแม่ไว้แบบนั้นไม่ได้หรอก”
วัลภาหน้าเครียดเพราะเป็นห่วงแม่ เชนเริ่มเข้าใจความรู้สึกของวัลภาเลยเข้าไปนั่งใกล้ๆ พลางจับมือ วัลภามากุมอย่างให้กำลังใจ
“หลังจากที่เรามาอยู่ด้วยกันแบบนี้ ถ้าเธอคิดว่า เรื่องระหว่างฉันกับไอ้พวกนั้นมันจบลงแล้วล่ะก็ .เธอคิดผิดนะวัลภา ผาปืนแตกเป็นบ้านเกิดของฉัน แล้วฉันจะนอนมีความสุขอยู่ได้ยังไง ถ้าฉันไม่ได้กวาดล้างพวกมัน ให้สิ้นซากแล้วคืนความสงบสุขให้กับทุกคน”
“เธอมีแผนอะไรอยู่”
เชนมองวัลภาแล้วยิ้มดูมีเลศนัย แต่ไม่ตอบอะไร เพียงแต่บีบมือเธอเบาๆ ก่อนจะเดินออกไป วัลภา ได้แต่มองตามด้วยความสงสัย
ที่บริเวณลานโรงไม้ ท่อนไม้ซุงขนาดใหญ่กองเต็มสองข้างทาง ตรงลานมีกลุ่มชาวบ้านกำลังจับกลุ่ม มุงดูอะไรสักอย่าง ระหว่างนั้นชาติกับไอ้เชิด พร้อมลูกน้องที่เป็นอาสารักษาความสงบของผาปืนแตกในความรับผิดชอบ ของชาติพากันเข้ามา
“เอ้าหลบหน่อย เจ้าหน้าที่ดูแลความสงบให้กับพี่น้องผาปืนแตกมาแล้ว”
ไอ้เชิดช่วยเปิดทางให้ชาติเดินเข้ามา ก่อนจะไปหยุดดูศพที่มีผ้าคลุม ที่ชาวบ้านกำลังมุงดูอยู่
“นี่แหละครับพี่ชาติ ศพที่พวกชาวบ้านมาพบเข้าแล้วแจ้งให้เรามาตรวจสอบ”
ชาติพยักหน้า“เปิดดูสิว่าเป็นใคร”
ไอ้เชิดรับคำสั่งแล้วเข้าไปเปิดผ้าคลุมศพออก เผยให้เห็นว่าเป็นศพของลูกน้องที่โดนกำนัน แทงตายชาติแสร้งทำสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ก่อนจะทำทีเป็นเข้าไปสำรวจดูศพของลูกน้องพ่อ ทำเหมือน ไม่เคย เห็นมาก่อน จากนั้นก็จับมือศพขึ้นมาพิจารณา แล้วดมกลิ่นที่ติดอยู่ที่มือ เหมือนเจ้าหน้าที่กำลังชันสูตรศพ
“กลิ่นน้ำมันดีเซล”
“เหรอครับพี่ชาติ ผมขอดมหน่อย”
ไอ้ชาติแกล้งผสมโรง ก่อนที่จะพยักหน้ารับว่าได้กลิ่นเดียวกัน
ระหว่างนั้นเชนซึ่งได้ยินเรื่องพบศพชาวบ้านเลยเข้ามาดู และเห็นชาติกำลังชันสูตรศพพอดี จึงหยุดยืนมองดูอย่างสนใจ
ชาติหันไปสั่งไอ้เชิด
“แกเอาศพออกไปได้แล้ว แค่นี้ก็ทำให้พี่น้องในหมู่บ้านเราหวาดกลัวในชีวิต และทรัพย์สินกัน มากพอแล้ว”
พูดพลางขยับหมวกปีกกว้างให้เข้าที่แล้ววางมาดเป็นผู้รักษากฏหมาย ก่อนจะก้าวเข้าไปยืน ต่อหน้าชาวบ้าน
“ไม่ต้องห่วงนะพี่น้องผาปืนแตกทุกคน เท่าที่ฉันตรวจดูศพแล้ว นี่ไม่ใช่การฆ่าชิงทรัพย์แน่ เพราะฉันชันสูตรศพ เจอเงื่อนงำที่จะตามไปเรียกหาความยุติธรรมให้กับคนของเรา ฉันรับรองว่าทุกชีวิตในผาปืนแตก จะต้องปลอดภัยเมื่อมีฉันดูแล”
พูดพลางยิ้มมุมปาก ดูเจ้าเล่ห์น่ากลัว ขณะที่เชนนิ่งมองด้วยสีหน้าสงสัย
บรรยากาศยามค่ำคืนภายในสุสาน ที่วัดผาปืนแตกดูวังเวงน่ากลัว จิกเดินถือขวดเหล้าในห่อ กระดาษเข้ามา พลางตะโกนเสียงดัง
“ไอ้แสนเว้ย อยู่ไหนของเอ็งวะ ได้ยินมั้ยเนี่ย ข้าจะชวนเอ็งไปก๊งเว้ย”
เมื่อไม่มีเสียงตอบกลับมา จิกเลยถอยไปรอที่บริเวณซึ่งมีโลงศพตั้งเรียงราย ขณะที่เสียงหมาก็หอนรับ กันเป็นทอดๆ ระหว่างนั้นตุ๊กแกตัวหนึ่งก็ร่วงลงมาใส่หัว จิกร้องเสียงหลง พลางจับตุ๊กแกปาทิ้ง ส่วนตัวเองก็เซไปชน โลงศพที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ โลงศพเอียงกะเท่เร่ตกลงมาพร้อมกับศพของลูกน้องกำนัน ที่กลิ้งออกมาจากโลง แล้วมาทับจิกเต็มๆ
“ช่วยด้วย. ช่วยด้วยเว้ย ผีหลอก ช่วยกูด้วย”
แสนได้ยินเสียง ก็รีบวิ่งเข้ามา
“ไอ้จิก นั่นมันศพนะเว้ยไม่ใช่ตุ๊กตากอดเล่นอยู่ได้”
“กอดเล่นบ้านป้าเอ็งน่ะสิไอ้แสน มาช่วยข้าที ข้ากลัวเยี่ยวจะเล็ดอยู่แล้ว”
แสนจัดการเอาศพของลูกน้องกำนันกลับมาใส่โลงตามเดิม ส่วนจิกไปยืนอ้วกแตกอ้วกแตนอยู่ข้าง นอกเพิงเก็บศพ
ขณะที่เชนเดินเข้ามา
“ให้ฉันช่วยมั้ยน้า”
“อ้าวไอ้เชนมาทำอะไรที่นี่วะ ดึกๆดื่นๆไม่ไปอยู่กับเมีย”
เชนส่ายหน้า
“ได้ยินพวกชาวบ้านเขาสรรเสริญไอ้ชาติ ว่าวันนี้มันทำผลงานดี เลยอยากมาตรวจดูอะไรหน่อยจ้ะน้า”
“ดูอะไรวะ”
จิกไม่วายสงสัย เชนยิ้มแบบมีเลศนัย
“ดูศพ”
ไอ้ตุ่นขับรถพาชาติเข้ามาจอดเอี๊ยดที่ปั๊มน้ำมัน ชาติลงจากรถ เดินมาที่ลานใกล้ตู้หัวจ่ายน้ำมัน สักพัก ไอ้เชิดกับลูกน้องก็พาชายวัยกลางคนเจ้าของปั๊มพร้อมกับลูกน้องปั๊มอีกคนออกมา
“จับตัวมันได้แล้วครับพี่ชาติ แต่มันไม่ยอมรับสารภาพ”
ชาติมองด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ไม่ยอมรับเหรอ”
“จะให้ยอมรับอะไร” เจ้าของปั๊มย้อนถาม “ฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยจริงๆ อยู่ๆมากล่าวหาว่า พวกเราเป็นคนฆ่าไอ้คนเป็นศพในหมู่บ้าน มันใส่ร้ายกันชัดๆ”
“จะใส่ร้ายได้ยังไง ก็ตอนชันสูตรศพ ฉันได้กลิ่นน้ำมันติดอยู่ที่มือคนตาย”
ชาติพยายามหาเรื่อง
“ได้กลิ่นน้ำมันติดมือมันแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน”
“เกี่ยวสิ เพราะพอฉันไปสืบดูแล้วพบว่า คนที่ตายมาทำงานที่ปั๊มน้ำมันนี้ แล้วพบว่าแกพยายามโกง ชาวบ้าน ด้วยแผนการกักตุนน้ำมันไว้ขึ้นราคา หวังกินกำไรสะดือปลิ้น พอแกรู้ตัว แกกับลูกน้อง ก็เลยจัดการฆ่าปิดปาก อำพรางคดี”
เจ้าของปั๊มสะดุ้งตกใจ
“โกหก แกกำลังแต่งเรื่องใส่ร้ายฉัน”
ชาติหัวเราะลั่น
“แต่งเรื่องเหรอ มันก็ใช่นะ เมื่อกี๊นี้มันคือการแต่งเรื่องขึ้นมา แต่หลังจากนี้ไปมันจะเป็นเรื่องจริง”
ชาติยิ้มเหยียดที่มุมปาก พลางพยักหน้าให้ไอ้เชิดกระชากตัวลูกน้องเจ้าของปั๊ม ไอ้เชิดเอาปืน จ่อหลังแล้วสั่ง
“วิ่งไป ก็บอกให้วิ่งไปไง ไปสิเว้ย “
ลูกน้องปั๊มกลัวลนลานวิ่งออกไปตามที่สั่ง ชาติยิ้มกวน แล้วชักปืนแม๊กนั่มที่เอวออกมาเล็งไป ก่อนจะลั่นไกนัดเดียว กระสุนเจาะทะลุหลังลูกน้องปั๊มตายคาที่ เจ้าของปั๊มตกใจหน้าเสีย
“ทีนี้คดีมันก็กลายเป็นว่า ลูกน้องของแกพยายามขัดขืนการจับกุม ส่วนแกก็พยายาม ขัดขืนการจับกุม เหมือนกัน” พูดพลางยกปืนจ่อหน้า “ว่าไง ตกลงว่ามันคือเรื่องแต่งหรือเรื่องจริง”
เจ้าของปั๊มหน้าซีดเผือด
ทางด้านเชน ก็คว้าจับมือศพในโลงขึ้นมาดม พลางทำสีหน้าสงสัย
“ตอนที่พวกไอ้ชาติมันเจอศพแล้วชันสูตรศพต่อหน้าพวกชาวบ้าน มันบอกว่าได้กลิ่นน้ำมันจากตัวศพ เป็นหลักฐานให้มันรับปากชาวบ้านว่าจะจัดการคลี่คลายคดีให้”
“แล้วเอ็งไม่ได้กลิ่นเหรอ”
เชนส่ายหน้า “ไม่มีเลยน้า”
แสนเข้าไปช่วยดมตามตัวศพแล้วหันมาส่ายหน้า
“เออว่ะข้าก็ไม่ได้กลิ่น ไอ้จิกเอ็งมาช่วยดมหน่อย เอ็งเคยเปิดร้านซ่อมรถเครื่องไม่ใช่ เหรอ กลิ่นน้ำมัน นิดเดียว เอ็งก็น่าจะได้กลิ่นไวกว่า”
จิกส่ายหน้า
“ไม่เอาหรอกเว้ย ชวนดมอะไรไม่ชวน มาชวนดมศพ”
แสนรำคาญแล้วตบกะบาลผั๊วะ จิกหน้าทิ่มเข้าไปในโลง
“ไอ้เวร ข้าดมแล้วไม่มีกลิ่นน้ำมันสักนิดเดียว แต่ตอนนี้ข้าจะอ้วกกลิ่นศพแทน”
เชนหน้านิ่วสงสัย พลางใช้ความคิดอย่างหนัก
“ว่าไงจะยอมรับรึยัง”
ชาติคาดคั้นเจ้าของปั๊มที่ถูกซ้อมจนสภาพยับเยิน
“ฉันไปทำอะไรให้ ทำไมต้องมาเล่นงานฉันแบบนี้”
“เพราะคำว่าเชือดไก่ให้ลิงดูไง แกมันก็หนึ่งในพวกที่ดื้อด้านไม่ยอมก้มหัวให้กับอิทธิพลของพ่อฉัน”
“แต่ฉันทำมาหากินของฉันดีๆ ไม่เคยไปยุ่งกับพวกแกหรือว่าศัตรูของพวกแกเลย”
ชาติหัวเราะ
“ไอ้เพราะไม่ยุ่งนี่แหละ เลยไว้ใจไม่ได้ เพราะถ้าปล่อยไว้ วันหนึ่งเกิดไปเห็นดีเห็นงามกับพวกไอ้เชน มันจะกลายเป็นภาระให้ต้องไปไล่บี้เอาทีหลัง”
ชาติพูดไปพร้อมกับยิงปืนไปที่หัวเข่าเจ้าของปั๊ม
“สู้จัดการซะตั้งแต่ตอนนี้ เชือดไก่ให้ลิงดูจะได้ไม่มีใครกล้าฮือเพิ่มขึ้นมาอีก ส่วนฉันก็ได้ความดี ความชอบจากชาวบ้าน เป็นเจ้าหน้าที่ผดุงความยุติธรรมที่พวกเขาไว้ใจ”
เจ้าของปั๊มหน้าซีด
“งั้นฉันยอมแล้วจะให้ทำอะไรก็บอกมา แต่อย่าฆ่าฉันเลย”
ชาติครุ่นคิด พลางหมุนลูกโม่แม๊กนั่ม
“ลองให้ปืนของฉันเป็นคำตอบแล้วกันว่า แกควรจะอยู่หรือควรจะตาย”
ลูกโม่หมุนติ้วๆ เจ้าของปั๊มหน้าเสีย เชิดกับตุ่นเข้าไปล็อคตัวมันเอาไว้
ขณะที่เชนกลับเข้ามานั่งหน้าเครียด ครุ่นคิดเรื่องแผนการของชาติอยู่ที่แคร่ใต้เรือน ซึ่งใช้เป็นที่นอน ระหว่างนั้นเสียงวัลภาแทรกเข้ามา
“หายไปไหนมา”
“อ้าว ยังไม่นอนอีกเหรอ” เชนไม่ตอบแต่กลับย้อนถาม
“จะนอนได้ยังไงถ้ายังเห็นนายเดินไปมาอยู่แบบนี้”
“ฉันไปทำธุระมา”
“ธุระ” วัลภามองเชนอย่างจับพิรุธ “ธุระทีว่าเนี่ย ใช่ธุระไปแอบดูเมียชาวบ้านเขารึเปล่า จี้ใจดำเลยล่ะสิ ยังไงเธอก็ตัดใจจากเนื้อทองไม่ได้ ต่อให้เป็นเมียชาติไปแล้วก็ตามที เธอบอก ฉันเองนะเชน บทบาทผัวเมียของเรา มันต้องไม่มีใครจับได้ ไม่งั้นฉันซวย เธอซวย”
เชนส่ายหน้า
“ฉันไม่ได้ไปหาเนื้อทอง ถึงแม้ว่าฉันจะยังตัดใจจากเนื้อทองไม่ได้ ฉันก็ไม่ทำให้เนื้อทองเดือดร้อน เพราะคำครหา”
วัลภาอาบน้ำเสร็จ ก็ใส่ชุดนอนเข้ามาในห้อง แต่ต้องตกใจเมื่อเห็นเชนนอนสบายอยู่ ในสภาพเปลือยท่อนบน นุ่งแต่กางเกงตัวเดียว
“นี่เข้ามาทำไม ลงไปอยู่ที่ของนายเดี๋ยวเลย”
“ ในเมื่อเธอเห็นตรงกับฉันว่าบทบาทผัวเมียของเรา มันต้องจริงจังให้คนจับไม่ได้ แล้วฉันจะต้อง ไป นอนตากยุงที่ใต้ถุนทำไม มามะ มานอนได้แล้ว คืนนี้ฉันง่วงมาก”
“ไม่มีทาง”
วัลภาสะบัดหน้าเตรียมจะออกจากห้อง แต่ก็ช้ากว่าเชน ที่ปราดเข้าไปอุ้มเธอกลับมาที่เตียง
“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า แต่พอซะทีเถอะกับไอ้การต้องลงไปนอนตากยุงแบบนั้น ถ้าเราคิดจะอยู่ ด้วยกัน พึ่งพาอาศัยกันเพื่อความอยู่รอด เธอก็ต้องเริ่มจากการไว้ใจฉันก่อน”
เชนยอมปล่อยมือวัลภาแล้วนอนลงที่เตียงชิดฝั่งนึง
“ฉันบอกให้ก็ได้ว่าที่ฉันหายไป ฉันกำลังคิดหาทางช่วยบ้านเกิดเมืองนอนของฉัน ถ้าทำได้ นอกจาก ที่นี่จะสงบสุข แม่เธอก็จะได้พ้นจากเงื้อมมือของกำนันด้วย”
เชนบอกไปแล้วก็ดึงผ้าห่มมาคลุมแล้วนอนหันหลังให้ วัลภานิ่งไปมองเชนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอม นอนลงข้างๆ เชนที่อีกฝั่งของเตียง”
“ถ้านายตั้งใจทำอย่างนั้นจริงๆ ฉันก็ขอเอาใจช่วย ขอบใจมากนะเชน”
เชนหันหน้ามา เกือบจะชนกับหน้าของวัลภา ทั้งคู่สบตากันนิ่ง ก่อนที่จะหันกลับแยกกันไปเหลือแต่ หลังชนกันใจเต้นตึกๆ
“เธอไม่ต้องขอบใจฉันหรอก ฉันรักบ้านเกิดของฉัน ฉันก็อยากทำให้มันเป็นสรวงสวรรค์ สำหรับคนที่ฉันรัก นอนแล้วนะ ง่วงมาก”
เชนหลับตาลง วัลภาอมยิ้ม ด้วยความรู้สึกประทับใจ ก่อนที่จะพูดออกมาเบาๆไม่ให้เชนได้ยิน
“งั้นฉันก็ไว้ใจนายได้ซะที ไอ้บ้าเชน”
วัลภานอนหลับตาอย่างมีความสุข
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 6 (ต่อ)
พระอาทิตย์ดวงกลมโต ค่อยๆ โผล่ขึ้นจากเหลี่ยมเขา ขณะที่ภายในห้องนอนของคู่ผัวเมีย เชนกำลังนอนยิ้มกริ่มมีความสุขกับฝันหวานๆ ระหว่างเขากับเนื้อทอง ขณะที่วัลภา ก็ฝันหวานถึงตอนที่ตัวเองมีโอกาสได้ขึ้นเวทีร้องเพลงลูกทุ่งสมใจ
ครานั้นวัลภาอยู่ในชุดนักร้องสวยงามฟูฟ่องระยิบระยับ กำลังซ้อมร้องเพลงอย่างตั้งใจ ลำดวน ในชุดนักร้องสวยงามก็เข้ามาหาลูกสาว
“เพราะมากเลยจ้ะวัลภา”
วัลภายิ้มกว้าง
“แม่จ๋า หนูร้องเพราะแล้วจริงๆเหรอ หนูว่าหนูยังร้องสู้แม่ไม่ได้เลย แล้วถ้าหนูขึ้นไปบนเวทีร้องคู่ กับแม่ หนูจะทำให้แม่เสียชื่อเสียง”
“โธ่เอ๊ยยัยหนูลูกแม่ เสียงของหนูเพราะยิ่งกว่าเสียงระฆังแก้ว ถ้าใครได้ฟังหนูร้องเพลงแล้วไม่ รักหนู แม่จะเอาไมโครโฟนปาหัวมัน”
จากนั้นสองแม่ลูกหัวเราะคิกคักมีความสุข ลำดวนจึงดึงลูกสาวเข้ามาใกล้อย่างชื่นชม
“ลูกของแม่สวยเหลือเกิน แล้วก็ยังเก่งเกินแม่อีก หนูรู้มั้ยว่าหนูคือความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต ของแม่แล้ว”
“หนูก็ภูมิใจแม่ของหนูเหมือนกัน หนูกล้าบอกทุกคนว่าหนูสวยเหมือนแม่ ร้องเพลงเก่งเหมือนแม่ และเราสองคนจะไม่มีวันพรากจากกันนะจ๊ะแม่จ๋า”
ลำดวนน้ำตาคลอ “จ้ะลูกรักของแม่”
“ จ้ะแม่จ๋า หนูก็รักแม่มากที่สุดในโลกเลย หนูอยากกอดแม่แบบนี้ทุกวัน จะกอดไว้ไม่ปล่อยเลย หนูรักแม่”
วัลภากอดแม่แน่นด้วยความรักปลื้มปริ่มสุดฤทธิ์
ทั้งเชน ทั้งวัลภา ต่างก็ฝันดีมีความสุขอยู่กับเรื่องราวของตัวเอง
“เนื้อทอง ฉันรักเธอ”
“แม่จ๋า หนูรักแม่”
จากนั้นทั้งคู่ที่กำลังอยู่ในความฝัน ก็หันหน้ามาเจอกัน มือของเชนเริ่มดึงวัลภามากอด เพราะฝันว่าเป็นเนื้อทอง ส่วนวัลภาก็กอดตอบรับเชนเพราะฝันว่าได้กอดแม่
“เนื้อทอง ฉันจะไม่ปล่อยเธอไปไหนเด็ดขาด”
“แม่จ๋ากอดหนูนานๆนะ หนูรักแม่”
เชนกับวัลภากอดรัดฟัดกันแน่น ต่างคนต่างเคลิ้มไม่รู้ตัว เชนหอมแก้มวัลภา วัลภายิ้มปลื้ม เชนเลื่อนจากจูบหน้าผากมาจูบปลายจมูก วัลภายิ้มหวาน จากนั้นเชนเลื่อนจากจมูกมาจูบที่ริมฝีปากประกบแน่นอย่างดูดดื่ม
วัลภาเคลิ้มลืมตัวอยู่ครู่ ก่อนจะเริ่มรู้สึกตัว ลืมตาโพลง แล้วพบว่าตัวเองกำลังจูบปาก ดูดดื่มกับ เชน ก็ถึงกับอึ้ง
“อร๊าย!”
เชนถูกวัลภาถีบโครมลงจากเตียง มานอนจุกร้องโอดโอยอยู่ที่พื้น “อะไรของเธอเนี่ย อยู่ๆมาถีบฉันตกเตียงทำไม ฉันกำลังฝันดีอยู่เลย
“ฝันดีกับผีน่ะสิไอ้บ้าเชน เผลอไม่ได้ แกก็แอบมาฉวยโอกาสกับฉัน”
วัลภาพูดพลางพยายามถูปากที่ถูกเชนจูบไปอย่างดูดดื่ม
“ฉวยโอกาสกับเธอ ? จะบ้าเหรอไง ฉันไปฉวยโอกาสอะไรเธอ”
วัลภาหน้าแดง
“ก็แกมากอดฉัน มาจูบฉัน ตอนที่ฉันกำลังหลับอยู่น่ะสิ แหวะ”
“จูบเธอ” เชนยังงงๆ “เฮ้ย ไม่ใช่แล้ว ฉันเนี่ยนะนจะจูบเธอ ฉันฝันว่ากำลังจูบ”.
เชนพูดขึ้นมาแล้วชะงัก “ปั๊ดโธ่เอ๊ย มิน่าล่ะ ถึงว่าทำไมมันถึงรู้สึกเหมือนจูบจริงนัก ที่แท้ก็เธอนี่เอง”
“ไอ้บ้าเชน นี่แกยังมีหน้ามาพูดเหมือนไม่มีอะไรอีกเหรอ ไหนแกบอกว่าแกจะไม่กอด ไม่จูบผู้หญิง ที่แกไม่ได้รักไง ฉันไม่น่าไว้ใจให้แกมานอนเตียงเดียวกับฉันเลย ไอ้ฉวยโอกาส ไอ้บ้ากาม”
“เดี๋ยวๆ อย่าด่าเหมาเข่งแบบนี้สิ ฉันกำลังฝันแล้วฉันจะไปรู้ตัวได้ไง เธอนั่นแหละ แทนที่พอโดน จูบแล้วจะปลุกให้ฉันตื่น แต่เธอกลับแบบว่า พอฉันจูบปุ๊บ เธอก็ตอบสนองฉันกลับปั๊บ เหมือนว่าเธอก็เคลิ้มไป ด้วยไง”
วัลภาถึงกับกรี๊ดใส่ “ไอ้บ้าเชน แก แกตาย”
วัลภากำหมัดแน่นแล้วพุ่งตัวเข้าไปซัดหมัดใส่หน้าเชนทันที
เพลิงทำหน้าขึงขัง ตั้งท่าเชิงมวยพร้อม ขณะที่ยอดที่ถือขวานอาวุธประจำตัว ยืนมองอย่างลังเล
“ข้าว่าถ้าเอ็งรู้สึกหงุดหงิดจิตฟุ้งซ่าน เอ็งก็น่าจะลองเข้าโบสถ์ไปนั่งทำสมาธิดีกว่า เผื่อจะช่วยให้ เอ็งสงบจิตสงบใจได้มั่ง อย่ามาชวนข้าทำอะไรอย่างนี้เลย ถามหน่อยเถอะวะ ทำไมอยู่ๆเอ็งถึงได้ฟุ้งซ่านเรื่องที่เอ็ง รับปากหลวงพ่อไป แล้วว่าจะฝังมันไว้ไม่เก็บมาคิดอีก”
เพลิงนิ่งไปครู่ เพราะเรื่องการตายของฟ้างามแท้ๆ ที่ทำให้เขากลับมาฟุ้งซ่านอีก แต่นั่นก็เป็นเหตุผลที่เพลิงบอกยอดไม่ได้ เท่าที่ทำได้ในตอนนี้ ก็คือ
“เข้ามาเลยไอ้ยอด ข้าต้องระบายความแค้นออกมา ไม่งั้นข้าต้องอกแตกตายแน่”
เพลิงตั้งท่าพร้อมอยู่แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคมขวานอันคมกริบในมือของยอด ก็เฉี่ยวที่หัวไหล่จน เพลิงได้เลือดซิบๆ
“แค่นี้ข้าว่าคงทำให้เอ็งเลิกจิตฟุ้งซ่านได้แล้วมั้ง”
เพลิงปาดเลือดที่ซึมออกมา
“ยัง ความแค้นมันยังแน่นอกข้าอยู่ เอ็งต้องช่วยทำให้มันสงบ”
ยอดส่ายหน้า พลางควงขวานท่าทางจริงจังกว่าเดิม เพลิงตั้งท่าหน้าเข้ม
อ่านต่อเวลา 17.00น.
หลังจากที่ตรวจชาวบ้านคนหนึ่งที่มาให้ช่วยดูอาการป่วยเรียบร้อย เอื้อมเดือนก็มานั่งเหม่อคิดถึง เรื่องที่เพลิงฉุนเฉียวใส่เธอ จังหวะเดียวกับที่ติ๋มเข้ามา
“หมอคะ วันนี้หมอจะออกตรวจคนไข้รึเปล่าคะ”
เอื้อมเดือนที่นั่งเหม่อไม่ได้ยิน จนติ๋มต้องเรียกและสะกิด
“หมอเป็นอะไรรึเปล่าคะ ดูหน้าเครียดๆ ไม่สบายรึเปล่า”
“เอ่อ เปล่าจ้ะติ๋ม”
“แต่วันนี้ตั้งแต่เช้า ติ๋มเห็นคุณหมอเอาแต่เหม่อ ดูใจลอยไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเลย ถ้าไม่ได้ ไม่สบาย ก็ต้องมีเรื่องอะไรให้คิดอยู่ใช่มั้ยคะ”
เอื้อมเดือนส่ายหน้า
“เปล่านะ ฉันไม่ได้คิดอะไรเลย”
ติ๋มยิ้มขำ “อาการแบบนี้ ทางการแพทย์ไม่มีชื่อเรียกเฉพาะ ติ๋มเลยขอเรียกเองว่าอาการตกหลุม รักค่ะคุณหมอ”
“ติ๋ม เธอจะบ้าเหรอ”
“ติ๋มคงไม่ได้บ้าหรอกค่ะ เพราะแค่พูดขึ้นมาปุ๊บ คุณหมอก็หน้าแดงปั๊บแบบนี้ ยืนยันได้แน่นอนว่า คุณหมอเป็นโรคตกหลุมรัก”
เอื้อมเดือนยิ่งหน้าแดง
“ไปกันใหญ่แล้วติ๋ม เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวจับฉีดยาเลย”
ยอดโดนลูกเตะของเพลิงซัดเข้าหน้ากระเด็นเลือดกบปากแทบหมดสภาพ ส่วนเพลิงเองก็โดน ยอดเล่นงานไปไม่น้อยเหมือนกัน ขณะที่ต่างคนต่างกำลังดูเชิงกันอยู่ จู่ๆ ยอดก็ตะโกนเสียงดัง
“อ้าว คุณหมอคนสวย สวัสดีครับ”
เพลิงหลงเชื่อ หันขวับไปทางที่ยอดชี้หลอก ยอดยิ้มชอบใจได้โอกาสซะที
“งั้นข้ารู้แล้วว่าอะไรทำให้เอ็งฟุ้งซ่าน”
พูดพลางควงขวานแล้วปรี่เข้าไปใช้สันขวานฟาดเข้าที่หน้าเพลิงทันที เพลิงหน้าหัน แล้วโงนเงน ก่อนจะทรุดฮวบ ยอดแทบหมดแรง กว่าจะเล่นงานเพลิงจนหมดสติได้
“ไม้ตายสำหรับเอ็ง ได้ผลจริงๆ เฮ้อ”
เดือนถอดเสื้อกราวน์ พลางหิ้วกระเป๋ายาเดินออกมาจากอนามัย ติ๋มรีบออกมาตาม
“คุณหมอ จะออกไปไหนคะ”
“จะออกไปตรวจคนไข้”
“ตกลงไปเหรอคะ” ติ๋มถามย้ำ “ติ๋มถามแล้วคุณหมอไม่ตอบ ก็นึกว่าวันนี้คุณหมอไม่ไป งั้นเดี๋ยว ติ๋มไปด้วย รอแป๊บนึงค่ะ”
“ไม่ต้องหรอกติ๋ม เธออยู่ที่นี่แหละ ฉันไปเองคนเดียวได้”
จังหวะนั้นเอง ที่ยอดแบกเพลิงที่หมดสติเข้ามา
“คุณหมอครับ ช่วยดูไอ้เพลิงให้หน่อยครับ”
เอื้อมเดือนตกใจ
“นายเพลิงนี่เกิดอะไรขึ้น ไปมีเรื่องกับใครมาอีก”
“ไม่ได้มีเรื่องกับใครอื่นหรอกครับ กับผมนี่แหละคุณหมอ”
“กับเธอ ทะเลาะกันมาเหรอ”
ยอดส่ายหน้า
เพลิงนอนอยู่บนเตียง ภายหลังจากที่ได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว ส่วนยอด นั่งที่เก้าอี้ให้ติ๋มช่วยทำแผลตามตัว
“ แค่ฝึกเชิงมวยกัน ทำไมต้องเอาจริงเอาจังถึงขั้นเลือดตกยางออกหมดสติกันแบบนี้ล่ะนายยอด”
เอื้อมเดือนตำหนิ
“คุณหมออย่าเพิ่งดุผมสิครับ ผมไม่อยากเจ็บตัวหรอก แต่ไอ้เพลิงน่ะสิที่มันบ้า ตั้งแต่เมื่อวานที่ มันกลับจากไปทำงานบ้านครูประสิทธิ์ มันก็หงุดหงิดฟุ้งซ่าน อย่างกับโคถึก ถ้าผมไม่หลอกว่าคุณหมอโผล่มา ผมนี่ แหละ ที่จะเป็นคนหมดสติแทนมัน”
เอื้อมเดือนหน้าสลดอย่างรู้สึกผิด
“งั้นก็คงเป็นเพราะฉันองที่ไปพูดให้เขาคิดถึงเรื่องในอดีต คือฉันได้ยินเขาเสียงเขาร้องเพลง เลย อยากให้เขากลับไปร้องเพลงอีกครั้ง”
ยอดพยักหน้าอย่างเข้าใจ
”มิน่าล่ะ ผมถึงซวยเจ็บตัวแบบนี้ จะบอกให้นะครับ สองอย่างในชีวิตที่ไอ้เพลิงรักมากที่สุดก็คือ ฟ้างามกับการร้องเพลง”
“แต่เพราะทั้งสองอย่างถูกพรากไปจากชีวิตพร้อมกัน”
“ใช่ครับ มันก็เลยสาบานกับตัวเองว่า ถ้ายังแก้แค้นให้กับฟ้างามไม่ได้ ชีวิตนี้มันจะไม่ขึ้นเวที ร้องเพลงให้ใครฟังอีกเลย”
“ติ๋มว่าอาการนี้ต้องรักษาด้วยเกลือจิ้มเกลือค่ะ” ติ๋มเสนอแนะ “ถ้าเจ็บปวดเพราะความรัก ก็ต้อง ใช้ความรักทำให้ลืมความเจ็บปวด”
กระทั่งเมื่อยอดกับติ๋ม เดินออกจากห้อง เอื้อมเดือนก็หันมามองเพลิงด้วยสีหน้าเป็นห่วง พลางเข้ามาข้างๆใกล้ตัวเขาใช้ผ้าชุบน้ำหมาดเช็ดหน้าเขาด้วยความห่วงหาอาทร ขณะเดียวกันเพลิงรู้สึกตัวอยู่ตลอดนับตั้งแต่คุณหมอเช็ดตัวให้ พลางลอบมองตามเธอด้วย แววตาเศร้าๆ จนเอื้อมเดือนเดินจากจากห้อง ครู่หนึ่งเพลิงจึงค่อยๆ เดินออกไป
เมื่อเอื้อมเดือนเดินกลับเข้ามาพร้อมช่อดอกไม้สวยงาม จึวพบเพียงเตียงคนเจ็บ ที่ว่างเปล่า
ทางด้านน้อย ก็กำลังเอาไข่ต้มปลอกเปลือกห่อผ้ามาถูกบริเวณโหนกแก้มของเชน ที่โดนวัลภาซัด เปรี้ยงเข้าไปจนช้ำแดง แต่ทั้งคู่ปดน้อยว่า เชนนอนดิ้นตกเตียง
“นอนดิ้นเนี่ยนะ ข้าก็ช่วยครูเลี้ยงเอ็งมาตั้งแต่เล็กๆ เอ็งไม่เคยมีนิสัยนอนดิ้นนี่หว่า”
“สงสัยมาเป็นเอาตอนโตนี่แหละจ๊ะน้า” วัลภาพูดพลางกลั้นยิ้ม “ดิ้นเยอะด้วยเลยตกลงไป เจ็บหนักน่าดู เดี๋ยวฉันช่วยประคบให้ผัวฉันเอง มาจ้ะ”
วัลภารับไข่ต้มในห่อผ้าจากน้อย แล้วเข้าไปประคบโหนกแก้มให้เชน “ถ้าพูดอะไรที่มันไม่เข้าหูออกมาล่ะก็ ฉันจะเอาไข่ต้มนี่ยัดปากนาย”
“ฉันฝันว่า ฉันกับเมียจู๋จี๋กันรุนแรงไปหน่อย จนชั้นตกเตียงน่ะจ้ะน้า”
เชนรับสมอ้าง น้อยถึงกับตกใจ
“ ตายแล้ว แกสองคนนี่มัน นอนเตียงเดียวกันแล้วยังเอาไปฝันกันต่ออีก เดี๋ยวก็หัวปีท้ายปีหรอก”
“ก็ดูหุ่นเมียฉันก่อนสิจ๊ะน้า สะโพกชวนลูกดกแบบนี้จะไม่ให้เก็บไปฝันต่อได้ไง จริงมั้ยจ๊ะเมียจ๋า”
พูดพลางเชนก็ทีเป็นโอบกอด แถมยังดึงวัลภามาหอมอีก วัลภาได้แต่จิกหน้าหน้าเอาเรื่อง
เชนถูกวัลภาจับมัดกับเสาเรือนที่ระเบียงชั้นบนบ้าน ในมือของวัลภา มีไข่ต้มปอกเปลือกแล้ว หลายฟอง พร้อมยัดใส่ปากเชนชนิดไม่ปล่อยให้ปากว่าง จนแก้มเชนป่องเคี้ยวไม่ทัน
“กินเข้าไป อย่าหยุดนะ หยุดเมื่อไหร่ล่ะก็ ฉันจะจับนายถอดกางเกง แล้วไปอุ้มห่าน พามันมา เดินเล่นแถวนี้”
“อย่านะ ฉันยอมแล้ว” เชนพูดเสียงอู้อี้เพราะไข่เต็มปาก “ยัดแต่ไข่ต้มใส่ปากแบบนี้ ถ้ามันติดคอ ฉันตายขึ้นมาล่ะ”
วัลภาหัวเราะร่วน
“ก็ดีเชน พนัญเชิงผู้กล้าหาญ กล้าเผชิญหน้ากับลูกปืนอย่างไม่กลัวตาย แต่ต้องมาตาย เพราะกิน ไข่ต้ม แล้วติดคอ รู้ถึงไหน อายถึงนั่นแน่”
จังหวะนั้น จิกก็มาตะโกนเรียก
“ไอ้เชน อยู่รึเปล่า ไอ้เชนเว้ย”
เชนถอนหายใจโล่งอก
“ระฆังช่วยพอดีเลย ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันมีธุระสำคัญกับพวกน้าเขา”
วัลภานิ่งคิดอยู่ครู่
“ปล่อยก็ได้ แต่นายต้องบอกฉันด้วยว่านายกำลังคิดทำอะไร”
จิกกับแสนรออยู่ที่ไต้ถุนเรือน ครู่หนึ่งเชนกับวัลภา ก็ลงมาหา
“ได้เรื่องมาแล้วเหรอน้า”
ลงมาถึง เชนก็ถามเข้าเรื่องทันที แสนพยักหน้าหงึก
“เออ อย่างที่เอ็งสงสัยเลย”
“ได้ งั้นเดี๋ยวเราไปดูกัน”
วัลภากระแอมขัด
“ไหนบอกว่าจะให้ฉันรู้เรื่องด้วยไง มีอะไรก็พูดออกมาให้ได้ยินด้วย”
จิกสงสัยเข้าไปกระซิบถาม
“ไอ้เชน นี่เอ็งเล่าแผนการของเอ็งให้เมียรู้ด้วยเหรอวะ”
“ทำไงได้ล่ะน้า อยู่บ้านเดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน จะกระดิกตัวทำอะไรที รู้ไปหมด”
“พอ” วัลภาเสียงเข้ม “หยุดนินทาเมียกันได้แล้ว ตกลงจะบอกฉันได้รึยัง”
เชนหันไปส่งสายตาเป็นสัญญาณกับแสนและจิก ที่รู้ดีว่าเชนกำลังคิดจะทำอะไร พอเชนทำท่า จะอ้าปากเล่า ทั้งสองคนก็เข้ามาช่วยกันจับแขนวัลภาล็อกคนละข้าง
“น้าขอโทษด้วยนะหลานสะใภ้ นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่มันเป็นเรื่องความเป็นความตาย
เชนพยักหน้า
“ใช่ เพราะฉันห่วงเธอนะ ฉันถึงยังให้เธอรู้ตอนนี้ไม่ได้ เมียจ๋า”
เชนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ขณะที่วัลภาใจคอไม่ดี
วัลภาถูกเชนจับมัดมือมัดปากขังเอาไว้ในห้องไม่ให้ตามออกไป
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้าเชน บอกให้ปล่อย”
“ฉันเป็นห่วงเธอจริงๆ” เชนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ฉันถึงให้เธอไปกับฉันไม่ได้ รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวฉันก็กลับมาแล้ว และก็ขอให้เชื่อใจฉัน ถึงฉันมันจะชอบหาเรื่องกวนๆใส่เธอ แต่ฉันก็จะทำให้ความฝันของเธอ เป็นจริง จะปลดปล่อยผาปืนแตกและแม่เธอให้พ้นจากอิทธิพล”
ชาติกับกำนันปราบพร้อมลูกน้อง อยู่ที่สถานีตำรวจ ทั้งหมดกำลังยิ้มรับคำขอบคุณจากเจ้า ของปั๊มน้ำมันต่อหน้าชาวบ้าน
“ฉันขอบอกพี่น้องชาวผาปืนแตกทุกคนว่า ชีวิตฉันเป็นหนี้บุญคุณของนายชาติ เพราะถ้าเขาไม่ พาพวกไปจัดการกับลูกน้องในปั๊มที่มันวางแผนฆ่าฉัน เหมือนอย่างที่มันรุมฆ่าพรรคพวกมันอย่างที่พี่น้องทุกคน เห็นไปเมื่อวาน ฉันก็คงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ฉันขอขอบคุณมากนะ”
เจ้าของปั๊มพูดตะกุกตะกัก พลางเอาพวงมาลัยไปคล้องคอให้ชาติต่อหน้าชาวบ้านทุกคนด้วยความจำใจ
พวกชาวบ้านพากันปรบมือชื่นชมชาติพร้อมเพรียง ขณะที่เชน จิก และแสน ที่ยืนปะปนกับชาวบ้าน แอบเหล่มองพวกมันอยู่ตลอดเวลา กำนันปราบยิ้มอย่างมีเลศนัย พลางเข้าไปโอบไหล่เจ้าของให้ออกมาข้างหน้าด้วยกัน
“ฉันกับเถ้าแก่ปั๊มน้ำมันตกลงกันแล้วว่าจากนี้ไป จะไม่มีการทำธุรกิจเพื่อแสวงหาผลกำไร น้ำมันที่ ทุกคนจำเป็นต้องใช้ทำการเกษตร ใช้ในชีวิตประจำวัน จะขายในราคา ที่ต่ำกว่าทุน” พวกชาวบ้านต่างเฮรับด้วยเสียงอันดัง ยกเว้นก็แต่เชน จิกและแสนที่มองพวกกำนันปราบ และไอ้ชาติ อย่างรู้เท่าทัน
วัลภาที่ถูกจับมัดมือมัดปากขังอยู่คนเดียว พยายามดิ้นเอาไหล่มาแถกๆผ้าปิดปาก จนในที่สุด ผ้าปิดปากก็หลุดออกมา
“ไอ้บ้าเชน ไอ้ผัวเจ้าเล่ห์ แกนะแก ฉันหลุดไปได้ล่ะก็ ไม่เอาไว้ทำพันธุ์แน่”
วัลภาหันรีหันขวางหาทางแก้มัดเชือก พลางเหลือบไปเห็นกรรไกรอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง จึงค่อยๆกระโดดเหยงๆไปเอากรรไกรมาตัดเชือก
ขณะที่สาวรำวงซ้อมเสร็จ แล้วเดินออกไป น้ำค้างก็เดินเข้ามา พลางใช้มือคลำหัวตัวเอง ที่ยังรู้สึกเจ็บ น้อยมองอย่างหมั่นไส้
“เพิ่งมาเหรอยะหล่อน”
น้ำค้างมองค้อน
“ฉันไม่สบายได้รับบาดเจ็บจนหัวโน กว่าจะลุกมาได้นี่ก็ขยันที่สุดแล้วนะ เห็นมั้ยฉันมาก่อน คนอื่นอีก”
“มาก่อนบ้านป้าแกน่ะสิ คนอื่นเขาซ้อมเสร็จกลับไปหมดแล้ว แล้วก็ไม่ต้องมาทำตอแหลว่า ไปเจ็บตัวเพราะเรื่องอื่นมาด้วย เพราะไอ้จิกมันเล่าให้ฉันฟังหมดแล้วว่าแกไปทำทุเรศๆ อะไรที่เรือนหอไอ้เชนมา”
น้ำค้างลอยหน้าลอยตา
“เรื่องทุเรศอะไร ไม่เห็นรู้เรื่องเลย”
“หน้าด้านนะนังน้ำค้าง ผู้ชายมีเมียแล้วเอ็งก็ยังไม่เว้นไปยั่วเขาถึงที่ กลัวมั่งมั้ยต้นงิ้วน่ะ”
น้ำค้างยักไหล่
“ต้นงิ้วอะไร เดี๋ยวนี้เขายิงดาวเทียมออกไปนอกโลกแล้วจ้ะน้า นรกสวรรค์อะไรไม่มีหรอก มีแต่ใคร มือยาวก็สาวได้สาวเอา นังหน้าหนอนนั่นน่ะเหรอ มีอะไรที่ฉันต้องกลัวมัน สวยฉันก็สวยกว่า ลีลาฉันก็เด็ดกว่า แถมพี่เชนก็ไม่ได้รักมันหรอก ก็แค่จำเป็นต้องจับมันมาทำเมียเพื่อให้ตัวเองรอดจากพวกกำนัน”
ระหว่างนั้นน้ำค้างไม่รู้ตัวว่าวัลภาเข้ามายืนอยู่ข้างหลัง
“ลองให้มันกับฉันมาวัดกันตัวๆสิ รับรองพี่เชนต้องเลือกฉันไปเป็นเมียอีกคนแน่”
วัลภาจิกหน้าเอาเรื่องสะกิดไหล่น้ำค้าง พอน้ำค้างหันไปก็ชะงักตกใจ
“อยากตัวๆเหรอ ได้นะ ตอนนี้ฉันยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วย”
วัลภาง้างหมัดทำท่าจะชก น้ำค้างตกใจรีบวิ่งไปหลบหลังน้อย น้อยหมั่นไส้เลยผลักน้ำค้างกลับ ไปทางวัลภา จังหวะที่วัลภาง้างหมัดพอดี หน้าน้ำค้างเลยรับหมัดของวัลภาไปเต็มๆ วัลภามองน้ำค้างแล้วยังไม่หายอารมณ์เสีย จนน้อยหันมาสงสัย
“ไปอารมณ์ไม่ดีอะไรมาล่ะวัลภา เพราะไอ้เชนรึเปล่า”
“ก็จะใครซะอีกล่ะน้า น้าจ๊ะ เชนเขาหายไปกัยน้าจิกกับน้าแสน น้าพอจะช่วยฉันตามหาพวกเขา ได้มั้ย”
น้อยยิ้มอย่างรู้ดี พลอยให้วัลภายิ้มออก
เชนกับจิก และแสน มานั่งรวมตัวสุมหัวกันอยู่ที่อู่ซ่อมรถร้าง ทุกคนต่างคิดตรงกัน
“ไม่มีทางที่คนเห็นแก่ตัวอย่างไอ้ชาติกับพ่อมัน จะทำตัวเป็นพ่อพระแบบนั้นได้หรอก”
แสนพยักหน้าเห็นด้วย
“ข้าว่ามันก็แค่ละครตบตาชาวบ้าน สร้างภาพว่าตัวเองเป็นนักบุญลบภาพปีศาจชั่วๆ ของมัน มากกว่า”
“มันคงไปบังคับขู่ให้เขาทำตามคำสั่ง คนกลัวตายก็เลยต้องอยู่ใต้อิทธิพลของมันไปอีกคน ปั๊ดโธ่ เว้ย !! เมื่อไหร่จะหูตาสว่างกันซะทีวะ”
จิกสบถอย่างหงุดหงิด ขณะที่เชนพูดอย่างมุ่งมั่น“ถ้าอยากให้ทุกคนหูตาสว่างเห็นว่านักบุญมันก็คือภาพลวงของปีศาจชั่วๆ เราก็ต้องช่วยเปิดตา ให้กับทุกคน พวกน้ารีบไปเตรียมอาวุธให้พร้อม ไปถึงแล้วจะได้ไม่กลายเป็นเป้ากระสุนให้พวกมัน”
เชนรีบเดินออกไป
เพลงรักผาปืนแตก ตอนที่ 6 (ต่อ)
ขณะที่เชน จิก แสน กำลังจะขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากอู่ เสียงปืนก็ดังลั่นแหวกอากาศ ทำเอาทุกคน ตกใจรีบกระโดดหาที่หลบกันจ้าละหวั่น
วัลภา ที่เป็นคนยินขึ้นฟ้า ตีหน้ายักษ์เข้ามาด้วยท่าทางเอาเรื่องสุดๆ
“ไอ้บ้าเชน คิดว่าจะหนีฉันพ้นเหรอ”
“เฮ้ย มาได้ไงวะเนี่ย” เชนอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นวัลภา
วัลภายิงใส่อีกนัด กระสุนเฉี่ยวหัวเชนไปนิดเดียว
“ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย ลั่นเปรี้ยงปร้างไม่ดูตาม้าตาเรือ ถ้าเกิดมันพลาดโดนแสกหน้าฉันขึ้นมา ตายจริงๆ เลยนะวัลภา”
“เมื่อกี๊นี้พลาดเพราะใจร้อนไปหน่อย แต่คราวนี้จะตั้งใจเล็งไม่ให้พลาดเลย”
วัลภายกปืนเล็งนิ้วแตะไก เชนกลืนน้ำลายเอื๊อก ขณะที่แสนรีบยกมือห้าม
“หยุดๆ หนูวัลภาจ๋า น้าว่าใจเย็นๆก่อนนะ ผัวเมียกันค่อยๆ พูดค่อยๆจา มีอะไรไปตกลงกันเงียบๆ กันเองดีกว่า อย่าให้มีปืนผาหน้าไม้อยู่ในมือเลย”
จิกพยักหน้าสนับสนุน
“ใช่ เดี๋ยวคนอื่นจะพลอยซวยโดนลูกหลงด้วย”
วัลภาหันปืนไปทางทั้งคู่ทันที
“พวกน้านั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบด้วย ร่วมมือกันดีนัก เห็นฉันเป็นอะไร”
เชนมองวัลภาอยู่อีกครู่แล้วตัดสินใจชูมือขึ้นสองข้าง
“เอาล่ะๆ ฉันยอมเธอแล้ว ขอโทษที่ฉันจับเธอขังไว้”
“ก็ได้ ฉันยอมรับคำขอโทษ แต่ต้องบอกมาให้หมดว่ากำลังคิดทำอะไรอยู่”
วัลภาถึงกับเบิกตาโพลงเมื่อรู้จากเชน
“ว่าไงนะ นายกับพวกน้าๆจะตั้งศาลเตี้ยคอยไล่ล่าขัดขวางไอ้พวกนั้นเหรอ
เชนพยักหน้า
“ใช่ ก็ในเมื่อพวกมันใช้อิทธิพลข่มเหงรังแกคนที่อ่อนแอกว่า แล้วไม่มีใครในผาปืนแตก สามารถ ตอบโต้พวกมันได้ ฉันก็ต้องลงมือทำเอง”
“แต่ถ้านายไปตอบโต้พวกมัน พวกมันก็ต้องรู้สิว่าเป็นฝีมือใคร”
“เรื่องนั้นฉันคิดไว้แล้ว” เชนยิ้มเจ้าเล่ห์ “คนดีๆไปสู้กับโจร สู้ยังไงก็ไม่ถึงพริกถึงขิง มันต้องเป็นโจร ล่าโจรด้วยกันนี่แหละ ถึงจะแซ่บครบเครื่องต้มยำ รุกไล่รับมือมันได้โดยไม่ต้องกลัวกฏหมาย”
จากนั้นเชน แสน และจิก ก็ลงมือปลอมตัว เชนติดหนวดปลอม มีที่ปิดตา คาดหน้าไว้ข้างหนึ่ง ให้ดูเหมือนคนตาเดียว ขณะที่แสนกับจิกใช้ผ้าพันคอปิดครึ่งหน้าแล้วสวมหมวกปีกกว้างทับอีกที “พวกเราคือ แก๊งโจรตาเดียวกับเสี่ยวมือพระกาฬ”
พวกชาวบ้านพากันเอาแกลลอนมารอรับการเติมน้ำมันราคาถูกจากกำนันปราบและพรรคพวก
“น้ำใจกำนันช่างประเสริฐเหลือเกิน ขอให้จำเริญๆกันทั้งพ่อกำนันและพ่อชาตินะ”
กำนันปราบยิ้มรับและรับไหว้ พลางยืนดูชาวบ้านที่เข้าคิวมารอซื้อน้ำมัน ก่อนจะหันไปซุบซิบ ถามชาติ
“อีกเดี๋ยวน้ำมันที่มีอยู่ก็คงจะหมด สั่งให้พวกไอ้เชิดไปปล้นรถน้ำมันจากที่อื่นมาเติมอีก”
“ของได้มาฟรีๆ แต่ขายในราคาถูก ได้ทั้งชื่อได้ทั้งเงิน ถ้าไม่ใช่พ่อคิดไม่มีใครทำได้นะครับ”
กำนันปราบกับชาติ หัวเราะชอบใจ ยิ้มร้ายเจ้าเล่ห์พอกันทั้งพ่อลูก
“เป็นไง ถึงกับพูดไม่ออกเลยใช่มั้ยเมียจ๋า”
เชนหันมาถามวัลภา
“ทุเรศ ตั้งแต่ชื่อแก๊งกับไอ้ท่าทางบ้าๆบอๆนี่เลย ขืนโผล่ไปแบบนี้จริงๆพวกนายได้เป็นตัวตลกของ พวกมัน แล้วก็พวกชาวบ้านแน่”
“เธออย่ามาดูถูกแผนการของพวกฉันนะวัลภา ในเมื่อกฏหมายที่ควรจะต้องศักดิ์สิทธิ์ กลับตกไป อยู่ในมือของพวกมัน หนทางเดียวที่จะสั่งสอนพวกมันได้ก็มีแต่วิธีนี้เท่านั้น”
วัลภาถอนหายใจ
“เรื่องนั้นฉันไม่เถียง และชื่นชมที่นายคิดเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงเพื่อชาวบ้านและเพื่อคนที่นายรัก”
พูดพลางก็เข้าไปดึงที่ปิดตาข้างนึงของเชนออกมาแล้วดีดกลับ“แต่อย่ามาไล่ฉันเหมือนฉันเป็นพวกแม่บ้านงอมืองอเท้า อยู่แต่เหย้าเฝ้าแต่เรือนรอผู้ชาย ออกไป รบนะ เพราะฉันจะไปกับนายด้วย”
“ว่าไงนะ สติดีรึเปล่า” เชนโวยวาย “อย่างเธอนี่น่ะเหรอจะตามไปเป็นโจรสู้โจรกับพวกฉัน กลับบ้านไปเถอะ ฉันไม่อยากเอาเธอไปเป็นตัวถ่วง”
แสนเห็นด้วย
“นั่นสิหนูวัลภา หนูอาจจะพอมีฝีมืออยู่บ้างก็จริง แต่แก๊งโจรตาเดียวกับเสี่ยวมือพระกาฬ มีคน ครบแล้ว”
วัลภาส่ายหน้า
“น้า ฉันว่าน้าเลิกใช้ชื่อแก๊งเหมือนคณะตลกนั่นได้แล้ว ขืนพวกน้าโผล่ไปกัน 3 คน แบบนี้ ยังไง พวกนั้น ก็ต้องดูออกเข้าสักวัน เพราะเชนกับพวกน้าเป็นโจทก์อยู่กับพวกมัน”
“ไม่ต้องไปฟังเมียชั้นหรอกน้า รีบไปเถอะ”
เชนหันมาเร่ง ขณะที่จิกกับแสนเริ่มคิดคล้อยตามวัลภา
“แต่ข้าว่าที่หนูวัลภาพูดมาก็น่าฟังนะไอ้เชน ขืนข้ากับไอ้แสนโผล่ไปกับเอ็ง ดูยังไงมันก็ รู้ว่าข้า สองคนเป็นใคร”
“แต่เราตกลงกันแล้วไงน้า”
จิกกับแสนยังดูลังเล วัลภาเลยเข้าไปเผชิญหน้ากับเชนแล้วยืนยันจริงจัง
“ลองให้ฉันเป็นคู่หูกับนายออกลุยด้วยกันก่อน ถ้าฉันเป็นตัวถ่วงนาย ฉันจะยอมนายทุกอย่าง โดยไม่มีข้อแม้อะไรอีก”
เชนถอนหายใจ
“แต่ถ้าเธอพลาดขึ้นมาแล้วฉันช่วยไม่ได้ มันถึงตายนะ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พวกข้าจะคอยเป็นกำลังเสริมให้เอง ลองดูเถอะวะไอ้เชน ถ้าเป็นเอ็งกับ วัลภาปลอมตัวไปเล่นงาน พวกมันต้องคิดไม่ถึงแน่ว่าวัลภาจะกล้าทำเรื่องแบบนี้”
จิกออกความเห็น
“ขอบใจจ้ะน้า ฉันมีอนาคตของแม่ฉันเป็นเดิมพันด้วย เพราะฉะนั้น ฉันสู้ไม่ถอยเหมือนกัน แน่นอน”
“แต่เธอจะไปกับฉันยังไง” เชนหันมาทางวัลภา พลางมองหัวจรดเท้า “โจรตาเดียวกับนางเหมียว มือพระกาฬเหรอ”
วัลภาเบ้หน้า
“ยี้ ก็บอกแล้วไงว่าชื่อนั้นน่ะไม่เอา ฉันมีชื่อเรียกที่เหมาะกับนายกับฉันมากกว่า”
“ชื่ออะไร”
วัลภากอดอก แล้วยิ้มกับเชนอย่างเจ้าล่ห์
ไอ้เชิดกับไอ้ตุ่น ได้รับมอบหมายให้เป็นมือปล้นรถขนน้ำมัน มันกับพรรคพวกปลอมตัวเป็นโจร มาดักขวางทางปิดถนน พลางเอาปืนจ่อ แล้วกระชากคนขับรถลงมา ก่อนจะลั่นปืนใส่ด้วยความเหี้ยมโหด แล้วขับรถขนน้ำมันออกไป
คนขับรถบรรทุกนอนหายใจพะงาบๆเลือดท่วมตัว แสนกับจิก ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามา แล้วรีบจอด ทันทีที่เห็นคนกำลังนอนเจ็บใกล้ตาย
“รีบลงไปดูเร็วไอ้แสน ใครที่ไหนมานอนปางตายอยู่กลางถนนแบบนี้”
เมื่อทั้งคู่ลงไปดู ก็พบว่าอาการร่อแร่เต็มทน
“ในที่สุดก็เป็นอย่างที่ไอ้เชนคิดจริงๆ ไอ้พวกเลวเอ้ย”
แสนจับมือคนขับรถบรรทุกน้ำมันบีบแน่น
“ไม่ต้องห่วงนะ ยังไงก็ต้องไม่ตายฟรีแน่ มีคนที่เขาพร้อมจะตาต่อตาฟันต่อฟันกับพวกมันแล้ว”
ขาดคำของแสน คนขับรถก็สิ้นใจ
ขณะที่วัลภาในชุดทะมัดทะแมง กำลังคร่ำเคร่งกับการซ้อมยิงปืนกับเป้านิ่ง แต่ฝีมือก็ยังไม่ชั้น
ขณะที่วัลภาในชุดทะมัดทะแมง กำลังคร่ำเคร่งกับการซ้อมยิงปืนกับเป้านิ่ง แต่ฝีมือก็ยังไม่ชั้น
พอให้เชนวางใจ เมื่อโดนเชนตำหนิ วัลภาก็โวยวายเสียงดังข่ม จนเชนต้องตะคอกเสียงใส่
“หยุดโวยวาย แล้วฟังฉัน อย่าคิดว่าที่เธอเล่นงานฉันได้บ่อยๆ เพราะเธอเก่งกาจ มีฝีมือสู้ฉันได้ นะวัลภา ฉันจะบอกความจริงให้ เวลาอยู่บ้านด้วยกัน ฉันยอมให้เธอเล่นงานบ้างเป็นบางครั้ง เพราะรู้ว่าเธอ เป็นคนหัวแข็ง ถ้าทำให้เธอรู้สึกว่าอ่อนแอ เธอก็จะยิ่งเสียความมั่นใจ
วัลภา สิ่งที่เธอกำลังจะเจอต่อไปนี้มันคือของจริง เพราะฉะนั้นฉันจะไม่ยอมอ่อนข้อให้เด็ดขาด เพราะถ้าเธอเป็นอะไรไป ฉันคงต้องโทษตัวเองไปตลอดชีวิต”
เชนพูดอย่างจริงใจ ทั้งสีหน้าและน้ำเสียง ใบหน้าของเขากับวัลภาอยู่ในระยะใกล้กัน จนแทบจะ หายใจรดกันได้ วัลภานิ่งอึ้งสบตาเขาก่อนจะรู้สึกใจเต้น พลางรีบเบี่ยงหลบสายตา
“ก็ได้ ฉันยอมรับว่าฉันต้องให้นายช่วยฝึกฉัน ทีนี้ก็ปล่อยแล้วสอนฉันซะที”
วัลภาก้าวเข้ามายืนเล็งเป้าขวดเบียร์ แต่คราวนี้มีเชนยืนข้างหลังแล้วโอบเธอไว้พร้อมกับจับ มือที่กุมปืนไว้แน่น
“พื้นฐานความเป็นนักสู้ของเธอน่ะมีดีอยู่แล้ว แต่การเป็นคนมั่นใจตัวเองมากเกินไปจะ ทำให้เธอ มองไม่เห็นเป้าหมายที่จะยิง”
วัลภายอมอยู่นิ่งๆในอ้อมกอดของเชน
“เปลี่ยนวิธีจับปืนมาเป็นอย่างที่ฉันบอกเธอไป แล้วเปลี่ยนจากความมั่นใจที่มีมากเกิน ไปให้มา เป็นความตั้งใจทำเพื่อคนที่เรารัก”
เชนพูดไปพร้อมกับจับมือวลภาอย่างนุ่มนวล สายตาเขาไม่ได้มองที่ขวดเบียร์เลย แต่กลับจ้องตา วัลภาที่จ้องตาเขากลับเหมือนกัน ทันใดนั้นกระสุนก็พุ่งออกไปโดนขวดแตกกระจายโดยที่ทั้งคู่ไม่ได้หันไปเล็งเลย
วัลภาถึงกับอึ้ง “เป็นไปได้ยังไง”
“ก็บอกแล้วไง ความตั้งใจจริงเพื่อคนที่เรารัก”
“งั้นฉันขอลองเองบ้าง”
วัลภาเอาปืนมาเล็งและคิดอย่างที่เชนสอน พลางยิงเปรี้ยงออกไป ขวดเบียร์แตกกระจายหมด
“ฉันทำได้แล้วเชน ทีนี้ฉันก็พร้อมจะออกไปลุยกับนายได้แล้ว”
เชนส่ายหน้า “ยัง ยิงคนมันไม่เหมือนยิงขวดเบียร์”
“งั้นฉันต้องทำยังไงอีก บอกมาสิ”
เชนมองวัลภาหน้าจริงจัง
เชนเดินออกไปยืนเป็นเป้าโดยมีขวดเบียร์ทูนอยู่บนหัว วัลภาเห็นแล้วถึงกับอึ้ง
“นายจะบ้าเหรอเชน หาเรื่องตายเหรอไง”
เชนยิ้ม แล้วพูดอย่างจริงจัง
“คนอย่างฉันมันหาเรื่องตายมาตลอดอยู่แล้ว แต่เธอเพิ่งจะยอมมาหาเรื่องตายกับฉันด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าเธอไม่พร้อมจริงๆ ฉันก็จะไม่ยอมให้เธอร่วมมือกับฉันเด็ดขาด”
“แต่ฉันทำไม่ได้หรอก”
“งั้นก็จบ กลับไปทำหน้าที่เมียรออยู่ที่บ้าน”
วัลภาส่ายหน้า “ไม่ ฉันจะสู้ไปพร้อมกับนาย”
“งั้นก็ยิงมาเลย”
วัลภาหน้าเครียด ขณะที่ยกปืนขึ้นเล็งไปที่เชน
“เดี๋ยวๆ ฉันอยากให้เธอตั้งใจเหมือนเมื่อกี๊นี้”
วัลภาพยักหน้าหงึก “ตั้งใจแล้ว”
“งั้นก็ยิงมาเลย”
วัลภาตัดสินใจลั่นไก กระสุนไม่โดนอะไรเลย เชนส่ายหน้า
“ไหนบอกตั้งใจแล้วไง เอางี้ ลดปืนลงแล้วมองตาฉัน มองเหมือนกับว่า ชาตินี้เราจะไม่ได้เจอกัน อีกแล้ว”
วัลภาทำตามที่เชนบอก ลดปืนลงแล้วเอาปืนเหน็บข้างเอว สูดลมหายใจอย่างจริงจังที่สุดในชีวิต
พลางนับถอยหลังในใจ ขณะที่มองตาเชนอย่างจริงจัง แล้วก็ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ชักปืนออกจากเอว แล้วลั่นไกออกไป
เสียงปืนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ ขวดเบียร์บนหัวเชนแตกกระจุย
“ฉันทำได้แล้ว”
วัลภามัวแต่ดีใจเลยไม่ทันเห็นเชนที่ล้มลงไปแน่นิ่ง เมื่อเหลือบเห็น จึงรีบวิ่งไปประคองขึ้นมา อย่างเป็นห่วง
“นายเป็นอะไร อย่าใจเสาะแบบนี้สิ” แต่กลายเป็นว่าเชนนอนอมยิ้ม “นี่แกล้งฉันเหรอ ไอ้บ้าเอ๊ย เดี๋ยวก็ยิงจริงๆซะเลย”
เชนจับมือวัลภาเอาไว้แล้วรวบตัวมาใกล้ๆ
“ฝีมือขนาดนี้เหมาะแล้วที่จะลุยไปด้วยกัน สมเป็นโจรคู่ผัวเมีย”
ระหว่างนั้นจิกกับแสน ก็วิ่งเข้ามา “ไอ้เชน วัลภา ได้เรื่องแล้วเว้ย”
“แล้วก็เป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆ มันหาเรื่องไปข่มขู่เจ้าของปั๊มน้ำมันให้ร่วมมือด้วย แล้วก็ปล่อยให้ ลูกน้องตัวเองไปปล้นน้ำมันจากที่อื่นเพื่อเอามาขายในราคาถูก”
เชนลำดับข้อมูล ที่ได้รับรายงานจากแสนกับจิก ซี่งตรงกับสิ่งที่คิดไว้ล่วงหน้า “มันก็เลยได้ทั้งชื่อ ได้ทั้งกำไร แถมทำอะไรพวกมันไม่ได้อีก เพราะมีไอ้ชาติคอยเป็นมือกฏหมาย ปกปิดเรื่องชั่วๆของพวกมันให้ด้วย”
แสนพูดพลางส่ายหน้า ขณะที่จิกช่วยเสริม
“ถ้าปล่อยให้มันทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ มันจะได้ใจแล้วไปข่มขู่คนอื่นอีก ตอนนี้พวกมันเอารถบรรทุก น้ำมัน ไปจอดซุ่มไว้ที่เหมืองร้าง ถ้าจะลงมือก็ต้องตอนนี้เลย”
เชนหันไปทางวัลภา “พร้อมแล้วใช่มั้ย”
วัลภาพยักหน้ารับ “ได้เวลาของไอ้เสือกับนางสิงห์แล้ว”
ขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะลับจากขอบฟ้า เชนในชุดเครื่องแต่งตัวทะมัดทะแมง สวมหมวก ปีกกว้าง มีผ้าคาดหน้าเจาะลูกตา เดินนำหน้าวัลภาที่แต่งตัวคล้ายกัน แต่ดูเซ็กซี่กว่า ทั้งคู่วางท่าดุดัน
เชนชักปืนออกมาควงอย่างคล่องแคล่ว พร้อมๆ กับที่วัลภา ก็ชักปืนออกมาหมุนลูกโม่ พร้อมลุย ไปด้วยกัน
จบตอนที่ 6