xs
xsm
sm
md
lg

หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 6

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 6

พยาบาลเดินมาที่เคาน์เตอร์ทะเบียน แล้วถาม
“เห็นคนที่พาตำรวจมาส่งหรือเปล่า”
พยาบาลที่เคาน์เตอร์ส่ายหัว “ไม่ทันเห็นเลย”
“อืม หายไปไหนแล้ว”

วินหลบมาอยู่ในห้องน้ำ ในมือถือเสื้อของตัวเองที่เปื้อนเลือดจากการใช้กดแผลของผู้กองวันชาติ ที่ถูกฉีกออกเป็นสองส่วน แล้วใช้ส่วนหนึ่งพันศีรษะตัวเอง ให้เหมือนคนบาดเจ็บ อีกส่วนหนึ่งเอามาผูกแล้วทำเป็นที่
คล้องแขนเหมือนคนแขนหัก
ผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา วินยิ้มให้แล้วออกไปจากห้อง ผู้ชายคนนั้นมองตามอย่างสงสัย
จากนั้นวิน ก็เดินไปหน้าห้องน้ำหญิง พลางตะโกนเรียก
“คุณ เอ คุณ เอ”
ครู่หนึ่งประตูเปิดออก พร้อมกับมีหญิงคนหนึ่งเดินออกมา วินแกล้งคลำหัว แล้วร้องครวญคราง
“ขอโทษนะครับ ช่วยเรียกภรรยาผมออกมาหน่อยได้มั้ยครับ โอย”
“ชื่ออะไรคะ”
“ชื่อเอครับ”
ผู้หญิงคนนั้นเดินกลับเข้าไป ครู่หนึ่ง เอก็ออกมา
“ขอบคุณครับ.”
วินหันไปขอบคุณผู้หญิงคนนั้น ที่เดินออกมาพร้อมกับเอ เอเห็นเลือด ก็ทำหน้าจะเป็นลม
“เลือด”
“นี่คุณอดทนหน่อย” พลางปลดที่คล้องแขนออกคุณต้องใส่ไอ้นี่”
“โน ฉันจะเป็นลม”
“นี่คุณ”
วินทำเสียงดุ พลางจับเอ คล้องแขนเหมือนคนแขนหักจนได้ เอทำหน้าจะเป็นลม

ทางด้านที่บ้านของวิน แนนเดินยกกาแฟมาวางให้โจ กับทอม ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าว
“ขอบใจจ้ะ” โจหันมาพูดยิ้มๆ
“แนนซิคะต้องขอบใจพี่โจ ที่มารับคุณพ่อไปโรงพยาบาล แถมยังเลยไปส่งแนนที่มหาวิทยาลัยอีก”
ทอม หันมาส่งสายตาล้อลูกสาว
“แน่ะ มั่วนิ่มให้พี่โจไปส่ง พี่โจต้องกลับมารับพ่อส่งบ้านอีกสิบรอบกันพอดี”
“ไม่เป็นไรหรอกครับแค่นี้เอง ขับรถตามกันไปจะตลกเปล่าๆครับ”
“ขอบคุณค่ะพี่โจ เย้”
แนนยิ้มให้ทอมเป็นเชิงว่าชนะเพราะโจเข้าข้าง
จากนั้นทั้งสามคน ก็มานั่งรอหมอโจ๊กที่โรงพยาบาล ทันใดนั้นโ ทรศัพท์ของโจ ก็ดังขึ้น โจรีบกด
รับสาย
“อืม โอเค ดูข้าวของให้ดี”
โจ วางสาย แล้วหันมาบอก
“ตำรวจไปคุมตัววินกับคุณเอแต่เช้า แต่มีคนมาชิงตัวไปครับ”
“แล้วพี่วินกับพี่เอ เป็นยังไงบ้าง” แนนถามด้วยความเป็นห่วง
“ยังไม่ทราบเลยครับ ต้องรอฟังข่าวจากนายวิน”
“วินฉลาด พ่อเชื่อว่าไม่เป็นไร”
ทอมพูดอย่างมั่นใจ ในขณะที่แนน ยังเป็นกังวล
“หมอโจ๊ก มาแล้ว พ่อไปก่อนดีกว่า” พลางเอามือยีหัวแนน “อย่าคิดมาก พี่วินไม่เป็นไรหรอก”
“บ๊ายบายค่ะ คุณพ่อ”
ทอมเดินไปหาหมอโจ๊กที่เดินสวนเข้ามา โจหันมาทางแนน
“ไป เดี๋ยวพี่พาไปกินไอติมปลอบใจ”
แนนพยักหน้า เดินเกาะแขนโจออกไป ทั้งสองต่างฝืนยิ้มให้กัน เพราะต่างก็เป็นห่วงวินกับเอ

โจจอดรถที่หน้ามหาวิทยาลัย ก่อนที่ทั้งโจ และแนนจะลงจากรถ “พี่จะรีบติดตามข่าวของพี่วินให้เร็วที่สุด”
แนน ยิ้มกว้าง “ขอบคุณค่ะ แนนไปก่อนนะคะ”
โจ พยักหน้า แนนเดินออกไปได้สองก้าว แล้วหันมาเดินเข้ามากอดโจ “ขอบคุณพี่โจอีกครั้งนะคะที่มาดูแลคุณพ่อกับแนน”
“เฮ้ จำไว้พี่ไม่ใช่ใครอื่น”
“ ค่ะ”
แนนรับคำ แล้วหันหลังวิ่งออกไป โจยิ้มสุขใจ

ที่ม้านั่งประจำของแนน และเพื่อนๆ น้ำหวาน เทป เมจิ นั่งรวมกลุ่มด้วยกันอยู่ เทปหันมาเห็นแนนเดินมา ก้ร้องทัก
“มาแล้ว”
“มีเรื่องสำคัญอะไรเหรอ” น้ำหวานถามทันทีที่แนนเดินมาถึงโต๊ะ
“สังคมออนไลน์” แนนตอบ
“ทำไม มีใครคอรัปชั่นอีกเหรอ” เมจิถามต่อ
“ดูเอาเองดีกว่า”
จากนั้นแนนก็นั่งลง พลางหยิบไอแพดออกมากางเปิดให้ดู เป็นรูปของ วินกับเอถือปืนตามที่เป็นข่าว
“แนน เธอเพี้ยนไปแล้วเหรอ” น้ำหวานมองแนนอย่างงงๆ
“ฉันโพสประวัติของพี่วินกับพี่เอ ยืนยันว่าทั้งสองคนบริสุทธิ์ คนตอบมาเพียบ”
“ไหนๆ”
เมจิก้มหน้าไปอ่าน อึดใจก็โผล่หน้าขึ้นมา
“โห คนโพสมาว่านายสุชาติเป็นคนเกเรตรึม เอาใจช่วยพี่วินกับพี่เอทั้งนั้น”
เทปคว้าไอแพดของแนนขึ้นมาอ่านบ้าง
“ขอให้ทุกคนคอยเป็นหูเป็นตาช่วยเหลือคุณวินและคุณเอ ให้ปลอดภัยจากการตามล่าของนายสุรชัย พ่อของนายสุชาติ”

เทปอ่านจบ ทุกคนก็ส่งเสียงร้องอย่างดีใจ

“วันนี้เอ็งมีอะไร”
นายสุรชัยถามไอ้อ๊อด ที่ยืนทำหน้าสลดอยู่หน้าโต๊ะทำงาน
“ยุ่งแล้วครับท่าน”
“อะไรวะ”
“ท่านลองดูในสังคมออนไลน์ซิครับท่าน คนเกลียดท่านกันทั้งเมือง คอยช่วยพวกมัน”
สุรชัยผุดลุกขึ้นสีหน้าเคร่งเครียด
“เอ็งออกไปลากตัวพวกมันมาให้ได้”

ในขณะที่นายสมภพ ที่กำลังนั่งจิบกาแฟในห้องทำงาน แต่แล้วก็แทบสำลัก พลางจ้องที่ทีวี
เห็นภาพ วินกับเอ พร้อมเสียงบรรยาย
“สังคมออนไลน์และสื่อต่างๆ ต่างส่งกำลังใจให้ผู้ต้องหาทั้งสองกันอย่างล้นหลาม ผู้ต้องหาสองคน
มีประวัติโปร่งใสจบการศึกษาจากต่างประเทศ ฝ่ายหญิงอยู่ในสังคมไฮโซ เป็นไปได้ว่าอาจเป็นผู้บริสุทธิ์”
สมภพ มองอย่างหงุดหงิด
“บ้าที่สุด”

สมุนสองคนของไอ้เม่นเดินวนไปวนมาอยู่ที่ห้องโถงของโรงพยาบาล ก่อนที่จะเดินเลยวิน ที่ใช้เสื้อเปื้อนเลือดพันหัว ในชณะที่เอ ที่ใส่แว่นดำนั่งอยู่ใกล้ๆ ที่แขนมีผ้าคล้องเหมือนคนแขนหัก
เอ ทำท่าจะเป็นลมเพราะกลัวเลือดที่เปรอะอยู่กับตัว
“คุณแอ็คติ้งได้ดีมาก พวกมันเดินเลยไปแล้ว”
“บ้าเหรอ ฉันจะเป็นลมจริงๆ ฉันไม่ไหวแล้ว”
“เราไปกันดีกว่า”
วินโอบเอให้ลุกขึ้น แต่แล้วก็ต้องนั่งลงต่อ
“ตำรวจ”

ตำรวจสามนายเดินเข้ามา พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ในขณะที่ตำรวจอีกคนหนึ่ง เดินไปถาม
พยาบาลที่เคาน์เตอร์ ที่ชี้มือมาทางด้านวินกับเอ จากนั้นตำรวจทั้งหมด ก็เดินตรงมา
“เฉยไว้ก่อนครับ”
วินหันไปบอก พร้อมกับโอบเอไว้ เอนิ่งปล่อยให้วินโอบไว้ในวงแขน
“คุณสองคนเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
เสียงหมอดังแทรกขึ้นมา ก่อนที่ตำรวจจะเดินมาถึง
“เอ้อ คือ”
ยังไม่ทันที่วินจะตอบ ตำรวจสี่นายเดินเข้ามาถึงพอดี วินกับเอก้มหน้านิ่ง
“ขอโทษครับคุณหมอ ผู้กองวันชาติเป็นยังไงบ้างครับ” ตำรวจนายหนึ่งถามหมอ
“อ๋อ ปลอดภัยแล้วครับ”
“ขอเยี่ยมได้มั้ยครับ” ตำรวจอีกนายถามบ้าง
“เชิญด้านโน้นครับ”
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินจากไปหมอก็หันมาทางวินกับเอ
“คุณสองคนมากับผม”
วินกับเอ หันมามองหน้ากัน
จากนั้นหมอพาวินกับเอ เข้ามาในห้อง แล้วปิดประตู
“นั่งลงก่อน”
“คือ เรา เอ้อ ไม่ได้เป็นอะไรมากครับ”
วินพยายามอธิบาย เอช่วยเสริม
“ค่ะ ไม่ได้เป็นค่ะ”
“ผมจำพวกคุณสองคนได้ คุณเป็นคนร้ายยิงนายสุชาติตาย”
วินกับเอ อ้าปากค้าง ตกใจ

ทางด้านหน้า ตำรวจเอีกห้านายเข้ามาสมทบ พร้อมเดินเข้าไปถามตรงแผนกทะเบียน
“รับแจ้งว่ามีคนร้ายหนีเข้ามาที่นี่”
“ไม่ทราบค่ะ”
พยาบาลตอบสั้นๆ ตำรวจหันไปมองหน้ากัน
“กระจายกันค้นดู”

ตำรวจกระจายกำลังออกไป ในขณะที่พยาบาลสีหน้าตื่นเต้น

“ผมรู้จักนายสุชาติดี นิสัยเป็นนักเลง ถือว่าพ่อคือนายสุรชัยมีอิทธิพล ระรานชาวบ้าน คนเกลียด
กันทั้งเมือง”

หมอบอกกับวินและเอ
“เอ้อ เราสองคน ไม่ค่อยรู้จัก”
วินอึกอัก เอพยักหน้า แล้วช่วยเสริม
“เพิ่งกลับมาอยู่เมืองไทยค่ะ”
หมอยิ้มให้ทั้งคู่ แล้วพูดต่อ
“ผมรักษาเด็กคนหนึ่งถูกนายสุชาติซ้อมปางตายแต่นายสุชาติลอยนวล”“เป็นธรรมดาครับที่เมืองนอกก็มีครับ คนมีอิทธิพลย่อมได้เปรียบ แต่คนที่โน่นไม่ปล่อย สุดท้าย เจอดีเด้งทุกรายครับ”
วินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณคงยังไม่รู้ ในโชเชียลเน็ตเวิร์คลงข่าวเอาใจช่วยพวกคุณอยู่”
วินกับเอ ต่างมองหน้ากัน แปลกใจ
“จะให้ผมช่วยอะไรได้บ้าง”

ในขณะที่สมุนของไอ้เม่นสองคนยืนหลบมุมอยู่ คนหนึ่งพูดโทรศัพท์อยู่รายงานผล“มันเข้าไปในห้องตรวจ ยังไม่ออกมาเลยสงสัยถูกยิง”
“เอ็งเฝ้าไว้ รายงานทุกระยะ” ไอ้เม่นสั่งการกลับมา
“ได้พี่ ตูดพี่เป็นไงมั่ง”
ไอ้เม่นวางสาย พลางตบหัวคนขับทีหนึ่ง

เอใช้โทรศัพท์ในห้องหมอโทร. หาคุณหญิงอัญชลี ในขณะที่หมอกำลังพันแผลให้วิน ที่นั่งอยู่บนเตียง
“คุณแม่คะ”
“ลูกเอ เป็นไงบ้างคะ ลูกกำลังดังใหญ่แล้ว แต่ข่าวล่าสุดว่าลูกยิงตำรวจ”
“เปล่าค่ะคุณแม่”
เอปฎิเสธ พลางหันมาทาง วินกับคุณหมอ
“ข่าวออกว่าเรายิงตำรวจ”
“โห เชื่อเลย” วินส่ายหัว
คุณหญิงอัญชลีพูดกลับมา
“ลูกคงไปพักที่คอนโด แล้วก็บ้านพักของคุณแม่ไม่ได้แล้วจ้ะ ตำรวจได้รายชื่อไปหมดแล้ว แต่แม่ติดต่ออาจารย์โสภา อาจารย์โสภามีบ้านพักอยู่ที่ต่างจังหวัด ลูกไปพักได้จ้ะ”
“ขอบคุณค่ะคุณแม่ คุณแม่ไม่ต้องห่วง เอนะคะ เอ กำลังหนุกสุดๆเลยค่ะ”

จากนั้นคุณหมอ ก็เดินนำวินซึ่งเข็นรถคนป่วยที่เอนั่งอยู่ เดินออกไปเพื่อที่จะออกไปที่ลานจอดรถ
“คนขับรถของผมจะไปส่งคุณ”
“รถของเราจอดอยู่ที่โรงแรมครับ” วินหันมาบอกคุณหมอ
“ของก็ยังอยู่ที่นั่นค่ะ” เอรีบเสริม
แล้วทั้งหมด ก็เดินออกไปยังประตู ในขณะที่สมุนของไอ้เม่นเดินตามหลังไปติดๆ

รถของหมอแล่นเข้ามาจอดตรงหน้า
“ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ”
เอหันมาบอกคุณหมอ
“ด้วยความยินดีครับ”
คุณหมอยิ้มรับ ทันใดนั้นสมุนของไอ้เม่นสองคน ก็โผล่มาขวางมีปืนอยู่ในมือ
“พวกเอ็งต้องไปกับข้า”
สมุนของไอ้เม่นร้องสั่ง ก่อนที่พวกมันทั้งคู่จะทรุดลง เพราะโดนพยาบาลสาวสองคนใช้กระโถน ที่ให้คนไข้ใช้บนเตียง ฟาดเข้าให้ที่หัวอย่างจัง
“เราเป็นแฟนคลับของคุณสองคนค่ะ”
วินกับเอ พยักหน้า ยิ้ม
“เชิญคุณวินกับคุณเอครับ”
“ครับ”
วินรีบดึงเอขึ้นมาจากวีลแชร์ แล้วพรวดเข้าไปในรถ พร้อมกับที่คนขับรีบขับพรวดออกไปทันที
“อืม เราไปเรียกตำรวจมาจับพวกมันดีกว่า”
คุณหมอหันมาบอกกับสองพยาบาล

“พี่ พี่ ดูโน่น”
คนขับรถชี้ให้ไอ้เม่นดูสมุนสองคน ที่ถูกตำรวจคุมตัวออกมา

“ไอ้พวกโง่ บอกให้ดูเฉย ถูกจับจนได้ ไปเว้ย”

คนขับรถของคุณหมอขับรถมาจอดที่ด้านหลังโรงแรม วินกับเอ รีบลงจากรถ
“ขอบคุณมากครับ”
เมื่อรถเคลื่อนออกไป วินก็หันมาบกกับเอ
“ผมฝากโทรศัพท์ กุญแจรถ ข้าวของของเราไว้กับลูกน้องของโจ”
“ไว้ใจได้แน่นะ” เอถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
“คนนี้เป็นเจ้าของไว้ใจได้แน่นอน แต่คนงานเขาไม่ค่อยชัวร์”

จากนั้นวินกับเอ ก็เดินเข้าไปตรงเคาน์เตอร์ด้านหน้า พนักงานรีบเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“คุณไม่เป็นไรนะครับ พี่โจโทรมาถาม”
วิน รีบตอบ “ไม่เป็นไร ขอกุญแจห้อง 111”
“ นี่ครับ“
พนักงานยื่นกุญแจให้
“ขอบใจ”
วินรับกุญแจ แล้วรีบคว้ามือเอวิ่งออกไปทันที

วินไขกุญแจห้องเข้ามา แล้วรีบพรวดไปเปิดตู้เสื้อผ้า ที่มีกระเป๋าของวินกับเอ ซ่อนอยู่“เมื่อคืนนี้ตอนคุณหลับลูกน้องโจมาหาให้เราย้ายมาห้องนี้เพื่อความปลอดภัย ผมเลยให้เอาของมาก่อน กะว่าตอนเช้าค่อยย้าย”
เอ พยักหน้า
“มิน่าตำรวจถึงไม่พบอะไรในห้องที่เราพัก แต่ฉันรู้ว่าต้องเป็นฝีมือคุณ”
วินยิ้มคว้ากระเป๋าออกมาเปิดออก หยิบกุญแจรถ โทรศัพท์ กระเป๋าถือออกมาส่งให้ เอรับมาเปิดดู
“ของครบเลย ดีจัง”
“ผมจะพาคุณมาอาบน้ำแต่งตัวที่นี่ แต่ตำรวจมาซะก่อน”
“ยี้ ใช่แล้ว ฉันยังไม่ได้ล้างหน้าแปรงฟันเลย”
เอ รีบเอามือปิดปาก วินยิ้ม
“เราต้องรีบ ไม่รู้ว่าจะมีใครโทรแจ้งตำรวจอีกหรือเปล่า ผมให้เวลา 5 นาที”
จบประโยคของวิน เอก็วิ่งพรวดเข้าไปในห้องน้ำ ก่อนที่จะปิดประตูโครม วินยิ้มขำ

ทางด้านโจ ที่กำลังเดินตรวจความเรียบร้อยอยู่ที่ผับ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น โจรีบกดรับสาย
“ลูกน้องโทรมาบอกแต่เช้า นึกอยู่เแล้วหมือนกันถึงให้ย้ายห้อง โชคดีที่แกมีแฟนคลับ โอเค
ไม่ต้องห่วงคุณพ่อกับแนน ฉันดูแลเองได้ ฉันจะหาทางไปเยี่ยมผู้กองวันชาติ โชคดีเพื่อน”
โจวางสายจากวิน แล้วก็รีบกดโทร. ออกหาทอม ที่นั่งเล่นเปียโนอยู่ที่บ้าน “สวัสดีโจ อ้อ ดี ค่อยสบายใจหน่อย ขอบใจมาก”
ทอมวางสาย พลางเล่นเปียโนต่ออย่างสบายอารมณ์

วินขับรถแล่นไปตามถนน เอนั่งอยู่ข้างๆ ดมยาดมอยู่ตลอดเวลา
“ฉันไม่ยักรู้ว่าคุณยิงปืนเป็น”
“เมืองนอกปืนซื้อง่าย ผมมีพีพีเคแบบเดียวกับเจมส์บอนด์หนึ่งกระบอก เพื่อนๆชวนไปยิงเป้า
กันบ่อยๆ”
วินตอบอย่างภูมิใจ
“โม้หรือเปล่า”
“ไม่เคยโม้ ผมยิงเป้าบินด้วย เคยยิงได้ถึง 23 จาก 25”
“แหวะ โชคดีคุณหมอให้ยาดมมา”
เอพูดล้อๆ วินหันไปยิ้ม
“คุณอาการดีขึ้นมาก”
“เยส นอกจากว่าจะมีใครโม้อีก”
“อาการดีพอที่จะขับรถให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ” วินทำเสียงอ้อน
“อะไร แค่เนี้ยะ เหนื่อยแล้ว”
วิน ส่ายหน้า ยิ้มๆ “ไม่เหนื่อยหรอกครับ แต่เจ็บแผลนิดหน่อย”
เอ ตาโตตกใจ “เออ ใช่ คุณถูกยิง”
วินจอดรถ เอรีบประคองวินมานั่งตรงด้านผู้โดยสาร วินขยับตัวเอามือจับที่แผลเห็นเลือดซึมออกมา
เอปิดประตู แล้วอ้อมมาขึ้นรถด้านคนขับ
“คุณพักซะ”

วิน พยักหน้า เอ เคลื่อนรถออกไป

หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 6 (ต่อ)

เอขับรถ เข้ามาจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง พลางมองรอบๆ อย่างสำรวจตรวจตรา
“คุณแน่ใจนะว่ามาถูก” วินไม่วายเป็นห่วง
“ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์”
จากนั้นทั้งคู่ก็ลงจากรถ พร้อมๆ กับได้ยินเสียงทักทายมาจากด้านหลัง
“สวัสดีค่ะ”
ทั้งสองหันไป ก็เห็นผู้หญิงอายุประมาณเท่าๆอาจารย์โสภา เดินตรงเข้ามา
“อาจารย์โสภา โทรมาบอกว่า จะมีลูกหลานมาดิฉันเลยแวะมาดู”
วินกับเอ ลอบสบตากันโล่งใจ
“ดิฉัน อาจารย์มะปรางค่ะ อยู่บ้านถัดไปนี่เอง”
อาจารย์มะปรางแนะนำตัว วินกับเอยกมือไหว้
“เย็นนี้เชิญไปทานข้าวที่บ้านนะคะ”
วินหันมามองปรึกษาเอ เป็นเชิงปรึกษา ก่อนที่เอจะตอบปฎิเสธย่างนุ่มนวล“เอาไว้วันหลังดีกว่าค่ะ วันนี้อยากจะเตรียมอะไรให้เรียบร้อยก่อนค่ะ”
อาจารย์ มะปรางยิ้ม “ได้ค่ะ ยังงั้นไว้คุยกันใหม่นะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”
อาจารย์ มะปรางเดินออกไป วินหันมางทางเอ
“มาถูกจนได้”
เอยืดอก “แน่นอน”
“ ตำรวจคงคิดไม่ถึงว่าคุณจะโทรหาอาจารย์โสภา ผมเองยังไม่คิดเลย คุณเก่งมากครับ”
เอ ยิ้มแกล้งยืด เพราะความจริงแล้ว คนที่เอโทร. หา คือคุณหญิงอัญชลี ซึ่งวินยังไม่รู้ว่าเป็นมารดา
ของเธอเอง

“บ้าที่สุด”
นายสมภพส่ายหัวอย่างหงุดหงิด ไอ้เม่นรีบออกตัว
“มันอยู่กับตำรวจน่ะครับ ก็เลยยุ่งหน่อย”
“ไม่ใช่ยุ่งหน่อย ยุ่งมากเว้ย” นายสมภพหน้าเครียด
“ก็พี่บอกว่าให้ชิงตัวพวกมันมาให้ได้”
“เออ ข้ารู้ พวกเอ็งระวังตัวหน่อยก็แล้วกัน ตอนนี้ยิ่งพวกไอ้สังคมออนไลน์กำลังเห็นใจคอยช่วย
พวกมันอยู่ ที่สำคัญพวกเอ็งอย่าให้ตำรวจสาวเรื่องมาถึงข้า”
“ครับพี่” ไอ้เม่นรับคำ
“ตูดเอ็งเป็นยังไงบ้าง” นายสมภพเป็นห่วง
“ค่อยยังชั่วแล้วครับพี่ ผมขอตัวก่อนครับ”
นายสมภพพยักหน้า ไอ้เม่นเดินกระเผลกออกไป

เอใส่เสื้อคลุมออกมาจากห้อง เห็นวินกำลังทำอะไรง่วนอยู่ในครัว
“นี่คุณ เดี๋ยวแผลก็เจ็บอีกหรอกฉันบอกแล้วไง ฉันจัดการเอง”
วินหันกลับไปตอบล้อๆ “ถ้าผมทานข้าวต้มของคุณอีกผมต้องตายชัวร์”
“ตามใจ”
เอเดินมาที่โต๊ะ วินหันมา พร้อมถือจานแซนด์วิชมาสองจานวางให้เอและตัวเอง
“เย็นนี้ทานง่ายๆ ก่อนนะครับ”
เอเดินไปที่ตู้เย็น หยิบน้ำผลไม้ออกมาสองขวด ก่อนที่จะเดินกลับมาที่โต๊ะ แล้วส่งให้วินขวดหนึ่ง
“ฉันหยิบน้ำให้คงไม่ทำให้รสชาติเสียใช่มั้ย”
วินยิ้มหยิบขวดน้ำมาเปิดออก พลางยกจิบ แล้วแกล้งทำหน้าเบี้ยว
“นี่ ไม่ต้องเลย” เอค้อน
“ ผมล้อเล่นน่า”
“ คุณปวดหรือเปล่าจะกินยาแก้ปวดมั้ย”
วินส่ายหน้า
“ถ้าผมกินยาแล้วหลับยาวแบบคราวที่แล้ว เกิดมีอะไรขึ้นมา ผมไม่ตื่นคุณจะ เอ้อ”
“ฉันมั่นใจว่าที่นี่ปลอดภัย คุณไม่ต้องห่วง” เอตอบอย่างมั่นใจ
“งั้นทานเสร็จแล้ว ผมขอยาก็ดีครับ”

“นึกว่าจะเก่ง”

วินนั่งพิงหมอนอยู่บนเตียง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เชิญครับ”
เอก้าวเข้ามาพร้อมถือแก้วน้ำเข้ามาด้วย พลางแบมือมาตรงหน้าวิน ในมือมียาอยู่สองเม็ด วิน
จ้องตาลอย เอยิ้มหวาน ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ ส่งแก้วน้ำ และยิ้มให้วิน
“ฉันเอายามาให้ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
เอเดินเข้ามาใกล้ เอามือโอบรอบคอวิน พลางยื่นหน้าเข้ามาจนใกล้
“มาฉันจะป้อนยาให้นะคะ”
“เอ้อ ครับ”
เอ ค่อยๆ ป้อนยาให้วิน ที่มองใบหน้าสวยตาแบบเคลิ้มๆ ใจลอย “นี่คุณ แก้วน้ำ รับหน่อย นั่งใจลอยอยู่ได้”
เสียงเอดังแทรกขึ้นมา ทำเอาวินตื่นจากภวังค์ มองเห็น เอ ยื่นแก้วน้ำให้ วินรีบยื่นมือไปรับ“ขอบคุณครับ”
“มัวแต่คิดถึงสาวที่ไหนเหรอ”
“ก็คุณไงครับ” วินตอบยิ้มๆ
“คิดว่าฉันก่อเรื่องไม่หยุดน่ะซิ ทานยาแล้วก็พักผ่อนมากๆ อีกสองวันคุณพ่อคงจะได้รับตุ้มหู ของฉันที่ส่งไป คุณต้องพร้อม เข้าใจ๋”
“ครับผม” วินรับคำ
“กู๊ดไนท์”
เอ ยิ้มให้แล้วเดินออกไป วินถอนใจ พลางกรอกยาเข้าปาก แล้วดื่มน้ำตาม

เอนอนหลับอยู่ในห้อง ทันใดนั้นแสงฟ้าแล่บแปล้บหลายครั้ง พร้อมด้วยเสียงฟ้าผ่าดังครืนสนั่น เอ ตกใจลุกนั่ง
“หืม มาตกมาผ่าอะไรตอนนี้”
แสงฟ้าแล่บแปล้บอีก พร้อมกับเสียงฟ้าร้องดังสนั่น ก่อนที่ฝนจะตกลงมาซู่ใหญ่ ทันใดนั้นไฟฟ้า
กระพริบวิบๆ ทำท่าจะดับ เอนั่งกรวดตาไปมา แสงฟ้าแลบทำให้เห็น เงาวูบวาบอยู่ที่นอกห้อง
“ยี้ ไม่เอาดีกว่า”
เอ รีบลุกพรวด พลางคว้าเสื้อคลุมมาใส่ แล้วเอาผ้าห่มคลุมร่างอีกชั้น ก่อนที่จะรีบออกจาก
ห้องไป
เอวิ่งพรวดเข้ามาในห้องวิน พลางเขย่าตัววิน ที่นอนหลับอยู่บนเตียง

“คุณ ฟ้าร้อง ฝนตก”

ฤทธิ์ของยานอนหลับ ทำให้วินหลับสนิท ไม่รู้สึกตัว เอจ้องมองอยู่อึดใจ ในขณะที่แสงฟ้า
แล่บแปล้บ พร้อมส่งเสียงครืนใหญ่

เอ เอาผ้าห่มคลุมกระชับ แล้วขึ้นไปนอนบนเตียงข้างๆวิน

วินลืมตาขึ้นมา มองเห็นแสงลอดเข้ามาตรงหน้าต่าง ก่อนที่จะขยับตัวหันไปอีกด้าน แล้วก็ต้องสะดุ้ง เพราะเห็น ใบหน้าหวานของเออยู่ใกล้ๆ วินมองอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนที่จะหันกลับมายิ้มกับตัวเอง
“เฮ้อ ฝันไปอีกแล้วเรา”
ทันใดนั้นเอก็ขยับตัว พร้อมทั้งเอาแขนมาพาดอกวิน วินสะดุ้งมองที่แขนของเอ แล้วพยักหน้า
กับตัวเอง
“เรานี่ถ้าจะบ้า ฝันคราวนี้เหมือนจริงแฮะ”
แต่แล้วหน้าของเอ ก็โผล่ขึ้นมาข้างๆ วินถึงกับตกใจ
“นี่ คุณ”
เอ ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง พลางกวาดตาไปมา เห็นแสงลอดเข้ามา วินลุกขึ้นนั่งเช่นกัน
“โทษที เมื่อคืนฟ้าร้อง ฉันกลัวเลยมานอนที่นี่”
เอพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงียๆ วินตกใจ
“เมื่อคืนคุณ คุณ”
“ฉันปลุกแล้ว คุณไม่ตื่น”
“คุณนอนที่นี่”
“ใจเย็นน่า กลัวว่าฉันจะให้คุณรับผิดชอบเหรอไง”
“เปล่าครับ” วินยังงงๆ “ คือ เอ้อ ผมนึกว่าคุณกำลังอยู่ในฝันของผม”
“อ๋อ ฝันถึงฉันอีกล่ะซิ คราวนี้คิดจะทำอะไรล่ะ”
“อ้าว ซวยอีกเรา”
จากนั้นวินก็ขยับตัวลุกออกจากเตียงไป เอรีบลุกตาม

วินเดินออกมาที่ห้องครัว ก็เห็น ถ้วยกาแฟไว้ให้บนโต๊ะ พร้อมด้วยกาแฟ นม น้ำตาล ตั้งอยู่พร้อม
เอ หันมายิ้มให้
“กาแฟค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
วินยิ้ม พลางจ้องที่ถ้วยกาแฟ เอค้อน แล้วรีบบอก
“นี่ ฉันทำกับข้าวไม่เป็น แต่ชงกาแฟอร่อยนะจะบอกให้”
วินพยักหน้า แล้วก็ค่อยๆ ยกถ้วยกาแฟขึ้น พลางมองหน้าเออย่างชั่งใจ ก่อนที่จะจิบกาแฟเบาๆ สีหน้าคาดไม่ถึง
“good”
เอยิ้มยืด “แน่นอน”
จากนั้นก็ยกแก้วกาแฟจิบบ้าง “ฉันซึ้งใจคุณมาก”
“คุณจะไปช้อปปิ้งก็บอกมาดีกว่า ไม่ต้องทำซึ้ง”
เอค้อน“นี่ ฉันซึ้งจริงๆนะคุณ เดี๋ยวเหอะ”
วินวางถ้วยกาแฟ พลางพยักหน้ายิ้มๆ เอพูดต่อ
“คุณยอมเจ็บตัว ปกป้องฉันทุกอย่าง แม้ว่า แม้ว่า”
วินกระพริบตา คิ้วขมวด พลางตั้งใจฟัง เอตีหน้าเศร้า
“คุณจะไม่ชอบฉันก็ตาม”
วิน ถอนหายใจ พลางมองเอด้วยสายตาอ่อนโยน
“คือผม อยากจะบอกว่า”
เอ ตาโต ทำหน้าซึ้ง พลางขยับตัวคอยฟัง
“ผมเต็มใจครับ”
เอ หุบยิ้ม ทำหน้ามุ่ย “แค่เนี้ยะ”
เอ ลุกขึ้นคว้าถ้วยกาแฟของวินและของตัวเองไปวางไว้ที่อ่าง แล้วหันมาบอกหน้าตาเฉย
“คุณเตรียมตัวให้พร้อม ฉันจะไปช้อปปิ้ง”
พูดจบ เอก็เดินพรวดออกไปจากครัว วินมองตามอย่างงงๆ
“ตรูผิดตรงไหนวะเนี่ย”

วินกับเอ เดินมาที่รถ ที่จอดอยู่ที่หน้าบ้าน วินมองเอ ที่แต่งตัวแบบเก๋เกินความจำเป็น พลางส่ายหัว
“ผมว่าคุณจะเก๋ไปสำหรับสถานการณ์นะครับ”
เอเชิดหน้า แล้วพูดยิ้มๆ“อย่างที่บอก จะหนีผู้ร้าย ทำไมต้องโทรมด้วย”
“จะได้ไม่เป็นเป้าสายตาไงครับ”
“คราวก่อนแต่งตัวโทรม พวกมันก็จำได้อยู่ดีคุณน่ะหัดแต่งหล่อซะบ้าง” เอย้อน
“โอเค โอเค สวยให้เต็มที่ไปเลยครับ”

เอ ตีหน้าเข้ม ก่อนที่ทั้งคู่จะขึ้นรถ วินค่อยๆ ถอยรถออก แล้วเลี้ยวรถออกจากบ้านไป

วินขับรถออกจากซอยบ้าน มุ่งไปสู่ถนนใหญ่
“ฉันจำได้ว่าคุณเคยเปิดประตูรถให้ฉันทั้งขึ้นและลง เดี๋ยวนี้ไม่เป็นสุภาพบุรุษเหมือนก่อน คงเซ็ง
แล้วมั้ง”
“ขออภัยครับ คงเป็นเพราะต่างคนต่างหลบลูกปืนมั้งครับ ส่วนมากคุณจะขึ้นก่อนไม่รอผม
ต่างหาก”
เอค้อน “แน่ล่ะใครจะอยู่รอรับลูกปืนล่ะ”
“อ้าว”
“เอ๊ะนั่น อาจารย์มะปรางนี่”
ทั้งคู่มองไป เห็นอาจารย์มะปรางเดินไปตามถนน วินรีบจอดรถ ก่อนที่ทั้งคู่จะลงจากรถ
“อาจารย์ไปไหนครับ”
“จะไปโรงเรียนแต่รถเสียค่ะ รอรถอยู่ก็เลยเดินไปเรื่อยๆ”
“ให้เราไปส่งดีกว่านะคะ”
“เชิญเลยครับ”
อาจารย์มะปราง ยิ้มรับ “ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

ในระหว่างที่วินขับรถแล่นไปตามถนน มุ่งสู่โรงเรียน อาจารย์มะปรางก็หันมาถาม“มาเที่ยวพักผ่อนกันหรือคะ”
“ครับ” วินพยักหน้ารับ
“อืม ที่นี่จังหวัดเล็กๆ ไม่มีที่เที่ยวมากหรอกค่ะ เราอยู่กันเงียบๆ”
“เงียบๆ ก็ดีครับ”
“คุณเอล่ะคะ” อาจารย์มะปรางหันมาถามเอ
“อืม เงียบมาก เอไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ค่ะ”
“ถ้ากลัวเหงา จะมาสอนที่โรงเรียนซักวันสองวันก็ได้นะคะ มีครูไม่สบายลาป่วยอยู่ค่ะ”
อาจารย์มะปรางเสนอ เอตาวาว
“ได้เหรอคะ”
“ดิฉันเป็นอาจารย์ใหญ่ ต้องได้อยู่แล้วค่ะ”
“แต่เอ ไม่รู้จะสอนอะไร”
อาจารย์ มะปรางยิ้ม
“แค่วันสองวันจะสอนจริงจังคงได้ไม่มากนักหรอกค่ะ ประสบการณ์ชีวิตของคุณเอ น่าจะดีสำหรับ เด็กๆมากกว่า”
เอ เริ่มตื่นเต้น

วินขับรถเข้ามาจอดในลานจอดรถของโรงเรียน ก่อนที่ทั้งหมดลงมาจากรถ
“ขอบคุณมากค่ะ คุณเอ ลองคิดดูนะคะถ้าตกลงสอน พรุ่งนี้เช้ามาที่นี่ได้เลยค่ะ”
“ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

“เราควรรีบซื้อแล้วรีบกลับ”
วิน หันมากระซิบบอกในระหว่างที่ทั้งคู่เดินช้อปปิ้งอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ต
“อีกแป๊บเดียว” เอทำน้ำเสียงงอนๆ
“งั้นอีกครึ่งชั่วโมงผมมานะครับ”
“เชิญ”
เอ เดินไปที่ชั้น พลางหยิบโน่นหยิบนี่ วินมองตามแล้วอดขำไม่ได้ ที่ยังงอนอยู่

แนน น้ำหวาน เทป เมจินั่งจับกลุ่มกันที่ม้านั่งหินประจำ ในมหาวิทยาลัย
“ไม่น่าเชื่อ แฟนคลับพี่เอกับพี่วินเพียบ”
แนนพูดอย่างดีใจ พลันเสียงโทรศัพท์ของแนนดังขึ้น แนน รีบกดรับสาย
“พี่วิน”
ทุกคนหันมามองหน้ากัน แนนยิ้มชอบใจ
“คุณพ่อกับเราเป็นยังไงบ้าง” วิน ที่ใช้โทรศัพท์สาธารณะโทร. มา ถามน้องสาวอย่างห่วงใย
“ทุกคนกำลังเชียร์พี่กันใหญ่ รู้เรื่องแฟนคลับหรือยัง”
“อืม พอได้ข่าว ฝีมือแนนเหรอ”
“แน่นอน” แนนตอบยิ้มๆ แล้วถามกลับไป “พี่เอเป็นยังไงบ้าง”
“กำลังตุ่ยกับพี่ไม่รู้เรื่องอะไร”
“อ้าว” แนนหน้าเหรอ

ในขณะที่เอที่เดินซื้อของอยู่ตรงแผนกสบู่และแชมพูสระผม แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นวัยรุ่นชายสองหญิงหนึ่ง กำลังจับตามองมาอยู่ เอขยับตัว ระวัง แล้วหันรถเข็นไปทางอื่น เด็กวัยรุ่นสามคนรีบเดิน
ตามมา เอ เข็นรถเร็วเลี้ยวโค้งมาอีกแถวหนึ่ง ด้านหลังไม่มีใครตามมา เอถอนใจ
แต่แล้วเด็กวัยรุ่นสามคนกลับเดินสวนมาตรงหน้า เอหยุดรถ ทำเป็นดูของตรงชั้น วัยรุ่นทั้งสามคน เดินตรงเข้ามา
“ขอโทษครับ พวกผมจำพี่ได้ในโชเชียล”
“ผิดตัวแล้วมั้งคะ” เอปฎิเสธยิ้มๆ
“ไม่ผิดหรอกค่ะ พวกหนูเชียร์พี่ค่ะ”
เอ ค่อยผ่อนคลาย
“ขอถ่ายรูปกับพี่ได้มั้ยครับ”

เอยิ้ม

หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 6 (ต่อ)

ทางด้านวินก็กำลังเล่ารายละเอียดให้แนนฟัง

“พี่เอขอบใจที่พี่ช่วยเขา ทั้งๆที่ไม่ได้ชอบเขา พี่ก็เลยบอกว่าพี่เต็มใจ แค่เนี้ยะ ตุ่ยทันที”
“โธ่เอ๋ย พี่วิน ตามโผแล้ว พี่วินต้องพูดว่าคุณเอครับ คุณเข้าใจผิด ที่ผมช่วยคุณเพราะผมชอบคุณ”
แนนแนะนำกลับไป ในขณะที่วินส่ายหน้า
“แต่พี่ ต้องยึดมั่นในอุดมการณ์ของพี่”
“แนนเข้าใจแต่ตอนนี้ก็ต้องให้กำลังใจกันไปก่อน เรื่องจบแล้วก็ค่อยว่ากันที่หลัง คนชอบกันไม่ใช่ จะต้องอยู่ด้วยกัน คนอย่างพี่เอ เขาไม่มากรี๊ดตามตื๊อพี่วินเหมือนพวกตัวอิจฉาหรอกน่า”
“โอเค โอเค” วินยิ้ม “เรานี่เก่งใช้ใด้ทีเดียว”
“แน่นอน ผู้หญิงก็ต้องรู้ใจผู้หญิงด้วยกัน ดูแลพี่เอให้ดีๆล่ะ ขอให้ปลอดภัยทั้งสองคนนะคะ”
“แท้งกิ้ว ซิส”
วินวางสาย พลางถอนหายใจ ก่อนที่ยกหู แล้วหยอดเหรียญอีกครั้ง
“สวัสดีครับ โทรจากสถานีตำรวจ อยากทราบอาการของผู้กองวันชาติครับ”
เสียงพยาบาลตอบกลับมาทางปลายสาย “ปลอดภัยแล้วค่ะ”
“ขอบคุณครับ”

ทางด้านที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายเดินมาตามทาง แล้วมาหยุดที่หน้าห้องของผู้กอง
วันชาติ ก่อนที่จะเคาะประตูแล้วเปิดเข้าไป ผู้กองวันชาตินั่งอยู่บนเตียงพิงหมอนอยู่
“ยังไม่มีรายงานของผู้ต้องหาครับ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบรายงาน
“สองคนนั่นช่วยชีวิตผมไว้ ผมต้องการให้ทุกหน่วยออกตามหาสองคนนั่นอย่างเร่งด่วน ผมคิดว่า
คดีนี้มีเงื่อนงำที่จะต้องเจาะลึก”
ผู้กองวันชาติสั่งการ
“ครับผม”
“ส่งคนไปหานายสุรชัย ขอความร่วมมือให้ยกเลิกรางวัลนำจับที่ตั้งไว้สำหรับสองคนนั่นด้วย”
“ครับผม”
เจ้าหน้าที่ทั้งสองนาย รับคำ พลางทำความเคารพ แล้วออกจากห้องไป ผู้กองวันชาติสีหน้าครุ่นคิด เคร่งเครียด

วินกลับมาเห็นเอยืนเลือกแคนตาลูปอยู่ เลยเข้ามาชวนคุย
“แตงฝรั่ง อร่อยดีครับ ผมชอบ”
เอวางลงแคนตาลูปลงหน้าตาเฉย แล้วเข็นรถไป วินรีบเดินตาม
“เดี๋ยวฉันจะไปช้อปเสื้อผ้า แล้วก็อะไรต่ออะไรอีกหน่อย”
“ เราอยู่นานจะอันตรายนะครับพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” วินหันมาเตือนด้วยความเป็นห่วง
“ฉันจะไปสอนนักเรียนพรุ่งนี้ ต้องใช้เสื้อผ้าให้เหมาะสม” เอตอบหน้าตาเฉย
“เกิดมีนักเรียนจำคุณได้”
เอไม่ฟัง เดินไปเฉย วินถอนหายใจ

“เฮ้อ ยุ่งแน่ๆ”

วุ้น พิงค์ โม เมย์ กำลังวิ่งกันอยู่บนเครื่องวิ่งสายพาน ในสถานออกกำลังกาย ในขณะที่วุ้นวิ่งไป
กดดูไอแพดไปด้วย
“ไม่น่าเชื่อเลย ยัยเอเป็นผู้ต้องหาแต่ กลับดังระเบิด มีคนขอถ่ายรูปด้วย”
โม ส่ายหน้า “แต่พวกที่บ้าเงินรางวัลก็มีเยอะอันตรายจะตาย ดังแบบนี้ฉันไม่เอาด้วยหรอก”
“เราน่าจะทำอะไรให้ฮือฮาบ้าง พักหลังนี่ตกข่าวไฮโซ” เมย์ออกความเห็น
“ทำอะไรล่ะ”
โมย้อนถาม พร้อมๆกับที่พิ้งค์โพล่งออกมา
“ฉันรู้แล้ว ว่าจะทำยังไง ฟังให้ดี งานนี้พวกเราต้องดังแน่”
ทุกคนหันมาตั้งใจฟัง
“เราจะแถลงข่าว ว่าถ้าเอกับหนุ่มหล่อนี่ กินอะไร พักที่ไหน ซื้ออะไร ในระหว่างการหลบหนี เราจะเป็นผู้จ่ายทั้งหมด”
สี่สาวต่างมองหน้ากัน
“เฉียบขาด”
เมย์ชมเชย ในขณะที่วุ้นยังเป็นห่วง
“แต่อย่าลืมนะว่า ยัยเอเปลี่ยนไป บ่นเรื่องเงินไม่โปร่งใส คงไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากเรา”
พิงค์ ยิ้มหน้าบาน “ยิ่งดีใหญ่ เราดังโดยไม่ต้องเสียเงิน”
“อยู่ดีๆจะแถลงข่าว กลัวจะไม่มีใครมาน่ะซิ” วุ้นท้วงขึ้นมา
พิงค์ ยักไหล่ “ไม่เห็นยาก เราให้คุณพอลมาร่วมด้วย ขี้คร้านนักข่าวจะแห่กันมา จบมั้ย”

ทางด้านพอล ที่อยู่ในห้องพัก กับผู้จัดการ พร้อมๆ กับที่เปิดดูไอแพดไปด้วย
“ไม่น่าเชื่อ คุณเอกับ นายวิน กลายเป็นผู้ต้องหาคู่ขวัญไปแล้ว”
“แบบนี้ คุณพอล ต้องรีบโพสว่าคุณพอล กับคุณเอ เป็นแฟนกัน ไม่ใช่นายวิน”
“อืมดี” พอลพยักหน้า พลางกดไอแพด พิมพ์ข้อความ
“คุณวิน ช่วยดูแลคุณเอ แฟนผมให้ปลอดภัยด้วยนะครับ ขอบคุณ”
“ดีมากค่ะ”
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของพอลก็ดังขึ้น พอลหยิบมาดู แล้วกดรับสาย
“ว่าไงครับคุณพิงค์ ครับ โห ไอเดียดีมากครับ ผมยินดีเลยครับ ครับ ผมจะเชิญนักข่าวเองครับ”

ในขณะที่นายสุรชัย นั่งทำงานยู่ในห้อง เลขาเดินเข้ามาในห้อง พร้อมรายงาน
“ท่านคะ เจ้าหน้าที่มาขอพบค่ะ”
“เชิญ”
เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายเดินเข้ามา พร้อมทำความเคารพ
“ผมมีธุระด่วน มีอะไรว่ามาเลยครับ”
เจ้าหน้าที่คนแรกรีบรายงาน
“คุณคงทราบข่าวแล้ว มีคนร้ายชิงตัวผู้ต้องหา จนเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บสาหัส รวมทั้งผู้กอง
วันชาติ”
อีกคนรีบเสริม
“ผู้กองวันชาติ ขอความร่วมมือให้คุณยกเลิกรางวัลนำจับ เพื่อยุติความวุ่นวายในคดีนี้ครับ”
“ลูกชายผมตายทั้งคน ผมเสียใจที่ให้ความร่วมมือไม่ได้ขอโทษนะครับ ผมขอตัว”
นายสุรชัยตอบเสียงเข้ม เจ้าหน้าที่ตำรวจสองนายนั้น รีบทำความเคารพแล้วออกไป นายสุรชัยหยิบโทรศัพท์แล้วกดโทร. ออก
“พวกเอ็งต้องเข้มข้นหน่อย อย่าให้ใครเอาตัวสองคนนั่นไปได้”

วินขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านพัก เอรีบเปิดประตูลงไป แล้วเดินไปเปิดประตูหลัง หยิบถุงเสื้อผ้า
หลายถุง เดินฉับๆเข้าบ้าน วินเปิดประตูรถลงมา มองตามอดยิ้มขำไม่ได้
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในห้องครัว วินช่วยส่งอาหารที่ซื้อมาให้ อ เก็บในตู้เย็นจนหมด
“ฉันขอตัวก่อน จะไปลองเสื้อผ้า”
เอ ตั้งท่าจะเดินไป
“คุณโกรธผมเหรอครับ”
เอ หันมาทำหน้าเฉย “เปล่า”
“ ตั้งแต่เมื่อเช้าตอนกินกาแฟ ตอนที่คุณบอกว่าซึ้งน้ำใจผม หลังจากนั้นหน้าคุณยุ่ยตลอด”
เอถอนใจ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่อารมณ์แปรปรวนตามประสาผู้หญิง เดี๋ยวก็หาย”
เอ หันหลังจะเดินออกไปอีก วินรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวครับ”
เอ หันมา วินพูดต่อ
“ผมจำได้ตอนนึง คุณพูดว่า ผมปกป้องคุณ ทั้งๆที่ผมไม่ชอบคุณ”
“ฉันก็จำได้ คุณตอบว่า ด้วยความยินดีแล้วนี่”
“คือความจริงผม ผมจะบอกว่า คุณเข้าใจผิด”
“เรื่อง?” เอย้อนถาม
“เรื่องที่ผมไม่ชอบคุณ”
เอ ตาโตวิ่งพรวดเข้ามา พร้อมกับเอามือโอบคอวิน พร้อมส่งตาหวาน ในขณะที่วินยังอึกอัก
“แต่ว่าผม”
“ต้องยึดถือตามอุดมการณ์ของคุณ ชอบฉันไม่ได้”

“เอ้อ ครับ”

เอยิ้ม “ชอบฉันไม่ได้ กับ ไม่ชอบฉัน มันคนละเรื่องกันว่ามั้ย”
“ครับ” วินรับคำ
“ตกลงคุณชอบฉัน” เอถามย้ำ
“ครับ”
“ดีมาก จำไว้ชอบไม่ได้ไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่ชอบโดน” เอทำเสียงดุ
“ครับผม”
เอ ยิ้มหวานให้ “ฉันจะไปลองเสื้อ”
“ครับผม”
จากนั้นเอก็ปล่อยมือจากคอวิน แล้วรีบวิ่งออกไป วินมองตามยิ้ม เบิกบาน

ในช่วงค่ำ วินกับเอ กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้ผ้าใบสีขาวในสนามหลังบ้าน ตรงกลางมีโต๊ะเล็กๆ
มีเครื่องดื่มของทั้งสองวางอยู่ รอบๆ สนามมีคบไฟสูงปักไว้
“คุณไปเอาคบไฟมาจากไหนเหรอไอเดียดี I love it!”
เอหันมาถาม ด้วยความพึงพอใจ
“ผมเจอปักอยู่ข้างๆบ้านน่ะครับ”
เอ ยิ้มหวานให้วิน พลางถาม “คุณว่าฉันจะสอนอะไรเด็กๆ ดี”
“ช้อปปิ้ง แฟชั่น”
เอ ตาวาว “จริงด้วย”
“ผมล้อเล่นนะคุณ”
“ฉันรู้ย่ะ”
“ถ่ายรูปก็ได้นี่ครับ คุณเก่งออก”
วินสบตาจริงใจ เอยิ้มหวานให้
“จะยุ่งเกินไป เด็กๆ ต้องมีอุปกรณ์ รู้แล้ว ฉันจะสอนให้เด็กมีอุดมการณ์เหมือนคุณดีกว่า”
วินมองหน้าเออย่างสงสัย เอพูดต่อ
“ไม่ให้คบหาหรือว่าชอบพอกับพวกที่ไม่ดี ทำลายสังคม”
“เฮ่ ว่าผมหรือเปล่าเนี่ย”
“โน” เอตอบยิ้มๆ “ฉันคิดว่าเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้คนพวกนี้ขาดเพื่อน แล้วก็ไม่สามารถแพร่เครือข่าย ลูกหลานออกมาได้อีก”
“คุณเอ”
วินมองหน้าเอพลางถอนใจ เพราะคิดว่า เอพูดประชด
“ฉันพูดจริงๆ นะ ไม่ได้ประชด” เอยิ้มอารมณ์ดี “ แล้วก็บวก ช้อปปิ้งกับแฟชั่นไปด้วย โอเคมั้ย”
วินยิ้มออกมาได้ เอส่งมือมาให้วิน วินยื่นมือออกไปจับมือเอไว้
“ฉันดีใจที่ได้รู้จักคุณ”
เอพูดอย่างจริงใจ วินยิ้มให้“แล้วก็ขอบคุณย้อนหลัง ที่คุณช่วยฉันจากพวกเรียกค่าไถ่ที่ศูนย์การค้า”
“คุณจำได้” วินถามด้วยความแปลกใจ
เอพยักหน้า
“เพิ่งจะจำได้เมื่อไม่กี่วันนี้เอง ฉันบอกคุณพ่อว่า ฉันต้องการจะพบคนที่ช่วยฉัน จะขอบคุณ แต่คุณพ่อบอกฉันว่า คุณเรียกเงินหนึ่งแสนแล้วก็ไม่ขอยุ่งเกี่ยวอะไรทั้งสิ้น”
“เฮ้ ไม่จริง” วินรีบปฎิเสธ
“ฉันรู้ค่ะ ฉันรู้จักคุณพ่อฉันดี”

ทั้งสองคนต่างสบตากัน ในขณะที่มือยังคงกุมอยู่เช่นนั้น

ทางด้านนายประสิทธิ์ ที่นั่งอยู่ในห้องทำงาน กำลังอ่านหนังสืออยู่ ซินดี้เดินเข้ามา พร้อมถือถ้วย
น้ำชาในมือ
 
“เอาน้ำชามาฝากป๋าค่ะ”
นายประสิทธิ์ ละสายตาขึ้นมอง แล้วตอบสั้นๆ “ขอบใจ”
ซินดี้วางถ้วยน้ำชาบนโต๊ะ ก่อนที่จะถาม
“เอ้อ หนูเอ ติดต่อมามั่งหรือยังคะ”
“ยัง”
“แหม เด็กสมัยนี้แค่เรื่องผู้ชายก็ยิงกันตายแล้ว” ซินดี้พูดเหน็บๆ
“หนูเอไม่ได้เป็นคนทำ ไอ้โจรในรูปเป็นคนยิง มันจับหนูเอเป็นตัวประกัน”
“ตายแล้ว จริงเหรอคะ” ซินดี้ทำเป็นตกใจ
นายประสิทธิ์ถอนใจ “มันเรียกค่าไถ่สิบล้าน”
“สิบล้าน ตายจริง ต้องรีบจ่ายนะคะ เดี๋ยวมันจะทำร้ายหนู เอ”
ซินดี้ทำทีว่าเป็นห่วง
“จ่ายไปแล้ว แต่ถูกปล้นไปซะก่อน”
“ตายแล้ว แบบนี้มันต้องเล่นงานหนูเอ”
“ไม่หรอก โจรมันรู้ว่าเราไม่ได้ทำ มันต้องติดต่อมาอีก”
ซินดี้ ที่กำลังกังวลเรื่องของตัวเอง สีหน้าเลยเคร่งเครียด นายประสิทธิ์มองมาอย่างไม่สงสัย

วินลืมตาขึ้นมาที่สนามหลังบ้าน หันไปมองข้างๆ เห็นเอ หลับเช่นเดียวกัน วินค่อยๆลุกขึ้น แล้วเอื้อมมือจะปลุก แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ ค่อยๆ ก้มลงช้อนร่างเอขึ้นมา เอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมามองหน้าวิน
“เอ้อ คือผม”
เอใช้มือโอบคอวิน แล้วซบหน้าลงกับไหล่ วินยิ้มแล้วอุ้มเอ เข้าไปในบ้าน

วินอุ้ม เอ มาวางลงบนเตียง
“บริการทุกระดับประทับใจ”
“ไม่มีทิปเหรอครับ” วินถามยิ้มๆ
เอ หอมแก้มวินเบาๆ พลางสบตาแล้วยิ้มให “กู๊ดไนท์”
“กู๊ดไนท์ครับ”
วินมองหน้าหวาน อย่างมีความสุข

เช้าวันรุ่งขึ้น วินจอดรถ ที่หน้าโรงเรียน จากนั้นทั้งคู่ก็ลงจากรถ เออยู่ในชุดเสื้อขาว กระโปรงยาวเข้ม
“ผมว่าคุณต้องเป็นครูที่เก๋ที่สุดในโรงเรียน นักเรียนคงติดกันตรึม โดยเฉพาะนักเรียนชาย”
“หึงล่ะซิ” เอหันไปถามล้อๆ วิน
“แน่นอน”
เอ เดินเข้ามาควงแขนวิน
“งั้นเดินไปส่งหน่อยนะ จะได้ไม่มีใครกล้ามาจีบฉัน”
“ขืนจีบ เจอดีแน่”
วินทำเสียงเข้ม เอขำคิก จากนั้นทั้งคู่ ก็เดินควงกันเข้าไปในโรงเรียน
“แต่ว่า คุณจะไม่เหงาแย่เหรอ ไม่มีฉันคอยกวนน่ะ” เอไม่วายเป็นห่วง
“ไม่หรอกครับ ถือว่าเป็นช่วงพักรักษาตัวเหมือนตอนนักฟุตบอลบาดเจ็บน่ะครับ”
เอทุบที่ไหล่วินเบาๆ
“อ๋อ ว่าฉันทำให้คุณบาดเจ็บ เดือนร้อนเหรอ”

“ดีใจที่คุณเอ มาได้ เชิญทางนี้เลยค่ะ”
อาจารย์มะปราง เดินเข้ามาทักทาย เมื่อเห็นวินกับเอเดินเข้ามา
วินหันมาบอกกับเอ “ตามสบายนะครับ บ่ายๆผมจะมารับ”
“ตายจริงลืมไปเลย คุณวินต้องอยู่คนเดียว”
“ผมอยู่ได้ครับ”

เอมองวินด้วยสายตาลึกซึ้ง วินหันมามองพอดี แล้วทั้งคู่ก็ยิ้มหวานให้กัน

หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 6 (ต่อ)

อาจารย์มะปราง พาเอมาที่ห้องเรียนของนักเรียนมัธยมต้น มีเด็กอยู่ในห้องราว 20 คน จากนั้นก็แนะนำเด็กๆ ให้รู้จักกับเอ
“นักเรียนทุกคน นี่คือ คุณครูเอ จบจากอเมริกาจะมาสอนแทนคุณครูดารณี คาดว่าอีกสองวัน คุณครูดารณีคงกลับมา”
“สวัสดีค่ะ คุณครู”
เอ พยักหน้ารับ ดวงตาเป็นประกายตื่นเต้น สีหน้าสดชื่น
“อาจารย์เชื่อว่า คุณครูเอ มีเรื่องน่าสนใจที่จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเธอ ทุกคนต้องตั้งใจฟังกัน
ใช่มั้ยจ๊ะนักเรียน”
“ใช่ค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” เอหันมายิ้มให้อาจารย์มะปราง
“เชิญค่ะ”
เมื่ออาจารย์มะปรางเดินออกไป เอก็หันมาทางเด็กนักเรียน
“อันที่จริงครู ไม่ใช่ครูจริงๆ จะสอนคงไม่ดีเท่าคุณครูดารณี เอาเป็นว่า ใครมีอะไรอยากจะถาม ก็ตามสบายนะคะ เรื่องไหนที่ครูทราบก็จะตอบค่ะ ถือว่าเป็นการคุยกัน”
“ถามเรื่องเพศสัมพันธ์ได้หรือเปล่าคะ”
นักเรียนหญิงคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม เรียกเสียงฮาสนั่นทั้งห้อง เอถึงกับนิ่งไปอึดใจ ก่อนที่จะมองไปที่เด็กหญิง ท่าทางแก่แดด ที่เป็นเจ้าของคำถาม พลางยิ้มให้
“พวกเธอจะรีบรู้เรื่องนี้ไปทำไม”
“ก็เดี๋ยวนี้ใครๆเขาก็ต้องรู้ เมืองนอกเขาก็มีสอนกันไม่ใช่เหรอคะ เมืองไทยยังมีออกรายการเลยค่ะ”
เอ ถอนหายใจ
“ใช่ ที่เขาสอน เพราะเขารู้ว่าการห้ามเด็กๆไม่ให้มีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องยาก เขาไม่อยากให้
เด็กๆมีท้อง ก่อนวัยอันสมควร”
เด็กนักเรียนทุกคนตั้งใจฟัง เอพูดต่อ“แต่ถ้าพวกเธอไม่คิดจะมีเพศสัมพันธ์ ไม่คิดจะมีท้องกันตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องรู้ จริงมั้ย”
“ครูจบมาจากนอก คุณครูมีเพศสัมพันธ์หรือยังคะ”
เด็กคนเดินย้อนถาม เอยิ้ม นึกรู้ว่าถูกท้าทายซะแล้ว

ทางด้านวิน ก็กำลังเดินเล่นผ่านมาทางสนามบาส พลันก็มีมีลูกบาสเด้งมาผ่านหน้า วินคว้าไว้ได้ อย่างคล่องแคล่ว หันไป ก็เห็น น.ร.ชาย 10 คน กำลังมองมา วินยิ้ม ขยับตัวเดาะลูกบาส แล้วโดดชู้ต ลูกลอยลงห่วงไปอย่างสวยงาม น.ร. ชาย เฮกันลั่น
“ขอบคุณครับ อาจารย์”
วินยิ้ม ที่เด็กคิดว่าตนเป็นอาจารย์ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

ในขณะที่เอ ก็ตั้งสติครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจตอบ“ครูให้ถามได้ก็จริงแต่ที่เธอถามเป็นเรื่องส่วนตัวตามมารยาทแล้วไม่สมควร”
นักเรียนทั้งห้องเงียบกริบ นักเรียนหญิงที่ถามยักไหล่ ประมาณว่านึกว่าจะแน่
เอยิ้ม “แต่เอาล่ะ ครูจะตอบ”
นักเรียนทุกคนต่างมองมาที่เออย่างสนใจ โดยเฉพาะนักเรียนชาย
“คำตอบก็คือ ครูยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์”
เสียงนักเรียนงึมงำ
“ไม่น่าเชื่อใช่มั้ย แต่จริง เพราะครูยับยั้งใจได้ แต่ยอมรับว่ามีกอด มีคิส บ้าง”
นักเรียนหัวเราะกันคิกคัก เอพูดต่อ
“แต่จำไว้ นี่เป็นเรื่องส่วนบุคคล ห้ามลอกเลียนแบบ”
นักเรียนหญิงคนเดิมไม่ยอมแพ้
“ถ้ามีคิส มีกอดส่วนมากจะเลยไปถึงเพศสัมพันธ์”
เอพยักหน้า
“ใช่ เป็นความคิดของผู้ชายที่มุ่งหวังอย่างนั้นโดยไม่สนใจว่า จะมีปัญหาเกิดขึ้นกับฝ่ายหญิง แต่ถ้า
ฝ่ายหญิงรู้จักคิด รู้จักรักตัวเอง ก็สามารถหยุดตัวเองไม่ให้เกินเลยจนเสียหาย”
นักเรียนคนเดิมเถียงต่อ
“เพื่อนหนูบางคนบอกว่ามีเพศสัมพันธ์ได้ไม่เสียหายถ้ารู้จักป้องกัน”
ในขณะที่เพื่อนในห้องต่างตั้งใจฟังคำตอบ“คนที่พูด คือคนที่ไม่ยอมรับความจริงว่าตัวเองได้เสียหายไปแล้ว”
“หนูไม่เห็นว่าจะเสียหายตรงไหน ไม่มีส่วนไหนสึกหรอนี่คะ”
เอนึกรู้ว่าเรื่องที่นักเรียนหญิงคนนั้นถาม คงหมายถึงตัวเอง
“โอ เยส สึกเหรอเสียหายแน่นอน”

เอยิ้ม พลางจ้องนักเรียนหญิง เจ้าของคำถามอย่างใจเย็น

วินเดินมาที่รถ พลางเหลือบสายตาไปเห็นชายสองคน กำลังรุมมีปากเสียงกับนักเรียนชายคนหนึ่ง ตรงข้างรั้ว วินรีบสาวเท้าก้าวออกไปจตรงจุดเกิดเหตุทันที
“เอ็งจะเลิกไม่ได้”
ผู้ชายหนึ่งในสองตะคอกเสียงเข้ม
“ฉันจะเลิก ฉันไม่อยากถูกจับ” นักเรียนชายเสียงสั่น
“เลิกเหรอ”
ผู้ชายอีกคนถาม พลางผลักอกนักเรียนกระเด็นไปกระแทกรั้ว แต่ก่อนที่ผู้ชายทั้งคู่จะทำอะไรต่อ วิน
ก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“สวัสดีครับ”
ทุกคนหันมามองวินเป็นตาเดียว
“ผมจะมาตามนักเรียนไปเข้าห้องเรียนน่ะครับ”
“ยังคุยกันไม่จบ”
ผู้ชายคนแรกหันมาตอบ อย่างไม่กลัวเกรง
“งั้นเชิญครับ ผมรอ”
ผู้ชาย 2 คนนั้นหันมามองหน้ากัน ก่อนที่ผู้ชายคนหนึ่ง จะเดินมาหา และจ้องหน้าวิน วินยิ้มให้ แต่กลับโดนผลักอก จนเซออกไป
“อย่ายุ่งดีกว่า อาจารย์”
“ผมไม่ได้ยุ่ง แค่จะเอาเด็กไปเข้าห้องเรียน”
วินพูดจบ มันก็พุ่งเข้ามาชก วินหลบวูบ พลางเตะสวนจนมันหน้าคว่ำไป
“เฮ้ย”
อีกคนพุ่งเข้ามา แต่ก็โดนวินถีบอย่างจัง มันลุกขึ้น พุ่งเข้ามาอีกรอบ คราวนี้วินหมุนตัวถีบโครมเข้า
ที่หน้าเต็มๆ จนมันทรุดหลับสนิท
เจ้าผู้ชายที่ล้มไปคนแรกลุกขึ้นมาได้ รีบเข้าไปลากเพื่อนออกไป วินหันมา แต่ปรากฏว่าเด็กนักเรียน
คนนั้นหายตัวไปแล้ว

เห็นเอนิ่งเงียบไป นักเรียนหญิงเจ้าของคำถาม ก็ยิ้มกวนๆ พลางพูดเหมือนโชว์ภูมิ “หนูอ่านหนังสือมา แม้กระทั่งแพทย์ยังบอกว่าไม่สึกหรอผู้ชายไม่มีทางรู้ด้วยซ้ำว่า ผู้หญิงยังบริสุทธิ์ หรือเปล่า”
เอได้ยินเด็กนักเรียนพูด ก็ยิ้ม
“ที่สึกเหรอก็คือจิตใจของพวกเธอตอนที่พวกเธอถูกผู้ชายเลิก เพราะผู้ชายมักจะเลิกกับผู้หญิง ที่ได้มาง่ายๆ”
คราวนี้เป็นนักเรียนหญิง ที่ตั้งใจฟัง เอพูดต่อ
“เสียหายตรงที่เธออาจจะติดโรคร้ายหรือเป็นมะเร็งถึงแก่ชีวิต เสียหายตรงที่เธอจะคิดว่าไม่เป็นไร แล้วเธอก็จะมีต่อไป ต่อไป กับใครกับใครที่ผ่านเข้ามา เสียหายตรงที่ว่าวันหนึ่งเธอได้ไปเจอผู้ชายที่แสนดี แต่เธออยู่กับ เขาไม่ได้ เพราะจุดด่างพร้อยของเธอ
และนั่นคือจุดจบ เพราะเธอไม่มีอะไรเหลือที่จะเสียหายอีกต่อไป”
ทั้งห้องเงียบกริบ ตั้งใจฟัง
“ที่สำคัญเธอจะไม่กล้าสอนลูกของเธอเองให้เป็นผู้หญิงที่ดี”
นักเรียนหญิงจอมแก่แดด ค่อยๆ นั่งลง หมดคำถาม เอยิ้มหวานให้กับทุกคน
“สำหรับครู เพศสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าถึงเวลาที่จะเรียนรู้ แต่ครูคิดว่าสำหรับพวกเธอ
ยังไม่ใช่ตอนนี้ หรือถ้าคิดจะมี ก็เลือกผู้ชายที่มีอุดมการณ์หน่อย อย่าเลือกผู้ชายเลวๆโดยเฉพาะพวกที่พ่อแม่
ทำตัวใหญ่โต”

“ว้าว ผมภูมิใจในตัวคุณมาก ผมเชื่อว่าเด็กๆต้องได้แง่คิดใหม่ๆที่ดีๆจากคุณ”
วินถึงกับออกปากชม เมื่อเอเล่าสิ่งที่ตนแนะนำเด็กในห้อง ระหว่างทางที่ขับรถกลับบ้านพัก
เอ ยิ้มภูมิใจในตัวเอง แต่แล้วก็โพล่งออกมา
“ฉันอยากให้คุณไปคุยกับเด็กที่ห้องจัง”
“เรื่องเพศสัมพันธ์เนี่ยนะ” วินย้อนถาม
“ใช่ ฉันอยากให้เด็กๆรู้ว่า ผู้ชายดีๆที่มีอุดมการณ์อย่างคุณ คิดยังไงกับผู้หญิงที่คิดมีเพศสัมพันธ์ ในวัยเรียน”
“โน โน โน” วินรีบปฎิเสธ
“ไหนคุณบอกว่าจะช่วยสังคมไง เรื่องนี้สำคัญต่อสังคมรอช้าไม่ได้”
วินถอนใจ “โน โน โน”
เอจ้องหน้าวินจริงจัง
ทั้งคู่คุยเรื่องเดิม ติดพันจนเข้ามาในบ้านพัก
“โน โน โน”
วินยืนยันคำเดิม
เอ เดินมาเผชิญหน้า แต่วินยังยืนยัน “โน”
“โอเค. โนก็โน”
จากนั้นทั้งคู่ก็เปลี่ยนเรื่อง ด้วยการที่วินชวนเอไปทานข้าวนอกบ้าน
“ได้เหรอคะ คุณไม่กลัวคนจำได้เหรอ”
“ถ้าคุณไม่กลัว ผมก็ไม่กลัว”

เอ ยิ้มหวาน “คุณใจดีที่สุด”

ในที่สุดวินก็พาเอเข้ามานั่งในสวนอาหารแห่งหนึ่ง จู่ๆ เอก็จ้องหน้าวินอย่างพิจารณา วินเลิกคิ้วพลางยิ้มให้เป็นเชิงถาม
“ฉันต้องขอสารภาพตั้งแต่ฉันได้รู้จักคุณ ฉันมีมุมมองใหม่ๆเพียบตื่นเต้นที่สุด สนุกที่สุด”
“โดยเฉพาะตอนที่ผมถูกยิง”
เอยิ้มขำ แต่ยังไม่ทันที่จะพูดอะไรต่อ เสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมา
“ขอโทษนะครับ”
วิน กับ เอ หันมอง ก็เห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า วินขยับตัวเตรียมพร้อมสู้ แต่ก็ชะงักตัวไว้ เมื่อนักเรียนชายคนที่มีเรื่องก้าวออกมาข้างหน้า
“ผมขอขอบคุณอาจารย์ ที่ช่วยน้องชายผมไว้โดยไม่รายงานโรงเรียน”
เด็กนักเรียนชายยกมือไหว้ วินพยักหน้า แล้วชายคนนั้นก็พาเด็กนักเรียนออกไป
“คุณเป็นอาจารย์ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“แล้วผมจะเล่าให้ฟัง”

เช้าวันรุ่งขึ้น วินขับรถมาส่งเอที่โรงเรียนตามปกติ
“ตอนบ่ายผมจะมารับนะครับ”
“คุณจะไปไหน”
“เดินเล่น จีบสาว” วินตอบล้อๆ
เอค้อน “รีบไปเลย”
วินยิ้ม แล้วขับรถถอยออกไป เอโบกมือ พลางส่งยิ้มให้
แต่แล้วก็มีเสียงเอะอะดังขึ้น เอรีบหันไปมอง เห็นนักเรียนร่วม 20 คน วิ่งกันไปที่โรงอาหาร เอจ้องมองสงสัย พลางรีบเดินไปดู มีนักเรียนคนหนึ่งวิ่งแซงขึ้นมา เอคว้าไว้ได้
“มีอะไรกัน”
“ตีกันค่ะ”

เอเดินไปที่โรงอาหาร ก็เห็นนักเรียนหญิงสองคนกำลังตบตีกัน ในขณะที่นักเรียนคนที่มามุงดูพากันยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายคลิปกันวุ่นวาย เอรีบข้าไปห้ามไว้ กระทั่งแยกนักเรียนหญิงสองคนออกจากกันจนได้ เอ มองเด็กนักเรียนหญิงสองคน แล้วกวาดมองนักเรียนที่อยู่รอบๆ
“พวกเธอเรียกตัวเองว่านักเรียนได้ยังไง เห็นได้ชัดว่าการมาโรงเรียนของพวกเธอเสียเวลาเปล่า”
นักเรียนต่างยืนก้มหน้าเงียบ
“พวกเธออาจจะใช้เงินซื้อห้องเรียนสำหรับมาเรียนได้ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถซื้อความเป็นคน ที่มีการศึกษาได้”

แล้วเรื่องนักเรียนหญิงตบตีกัน ก็กลายเป็นหัวข้อที่ถูกนำมาพูดกันในห้องพักครู“แค่อิจฉากันเรื่องผู้ชายก็ตีกันแล้ว ยังไม่ทันโตเลย” ครูคนหนึ่งเปิดประเด็นขึ้น ครูอีกคนเสริม
“เฮ้อ มองไปไหนก็มีแต่เรื่องตบกันตีกัน”
“เด็กสมัยนี้โชคร้าย พ่อแม่ต้องทำงานตัวเป็นเกลียวไม่มีเวลาสั่งสอน เรียนเอาจากทีวี สังคมออนไลน์ ถึงได้ทำตัวแบบนี้”
ครูอีกคนวิเคราะห์
“ไม่จริงหรอกค่ะ” เอแย้ง “ทีวี และสังคมออนไลน์ ที่เสนอตัวอย่างดีๆมีออกเยอะแยะ ไม่เลือกที่
จะสนใจกันเอง พอมีเรื่องก็โทษพ่อแม่ โทษสังคมแทนที่จะโทษตัวเอง เอคิดว่าทุกคนสามารถที่จะเลือกเป็นคนดี
ได้ทั้งนั้น”
“คุณเอ พูดถูกค่ะ” อาจารย์มะปรางเห็นด้วย
เอพูดต่อ
“ที่สำคัญ คุณครูต้องอย่ายอมแพ้ ต้องมีจรรยาบรรณที่จะสั่งสอนให้เด็กเป็นคนดี ไม่ใช่เอาแต่ว่าเด็ก หรือวุ่นแต่จะกั๊กข้อสอบ เอาไว้สอนในโรงเรียนกวดวิชา”
“นี่ ไม่ใช่ทุกคนนะที่ทำแบบนั้น” ครูคนแรกเถียง
“ดิฉันไม่ได้ว่าทุกคนนี่คะ”

พูดจบ เอก็เดินออกไป ครูทั้งหลายต่างชักสีหน้าไม่พอใจ ในขณะที่อาจารย์มะปรางยิ้มด้วยความชื่นชม

ช่วงบ่ายวันเดียวกันนั้นเอง อาจารย์มะปราง ก็เรียกพ่อของเด็กหญิงต้นเหตุกันมาคุยที่ห้อง โดยมีเอ และทนายของโรงเรียน ร่วมฟังด้วย
“เราพบว่าลูกสาวคุณก่อเรื่องก่อน มีความผิดจำเป็นจะต้องพักการเรียน”
อาจารย์มะปรางเปิดประเด็น
“โธ่เอ๊ยเด็กตีกัน เดี๋ยวก็ดีกัน ผู้ใหญ่ไม่ควรยุ่ง” พ่อของเด็กแย้ง
เอหันขวับไปมอง “พ่อเป็นแบบนี้เอง ลูกถึงได้เที่ยวรังแกชาวบ้าน”
“แล้วทำไม” พ่อเด็กนักเรียนย้อนถาม
เอหันมาทางทนาย “คุณทนายช่วยแจ้งข้อหาได้มั้ยคะ”
“ทำร้ายร่างกายจำคุกไม่เกินสองปี ปรับไม่เกินสี่พันบาท”
“ผมรู้จักพ่อเด็กดี ผมจะเคลียร์เอง”
ทนายยิ้ม สุภาพ
“ถึงพ่อเด็กจะไม่เอาเรื่อง แต่เป็นคดีอาญา มีความผิดตามกฎหมาย”
พ่อเด็กหน้าซีด“แต่ แต่ ผมยอมชดใช้ค่าเสียหาย”
“คุณต้องชดใช้อยู่แล้ว” เอหันมาจ้องหน้าพ่อเด็ก “ แต่เรื่องไม่หมดแค่นั้นฉันขอยืนยันให้เด็กรับโทษ ไม่ยังงั้นเอะอะก็ตบกัน ฉันขอเรียกค่าเสียหายหนึ่งแสนบาท ให้กับเด็กที่ถูกลูกสาวคุณตบ”
พ่อเด็กจ้องเอ ด้วยสีหน้าไม่พอใจ เอจ้องตอบ“แต่ถ้าคุณไม่ยอมก็ต้องขึ้นศาล ถ้าขึ้นศาลก็จะฟ้องเพิ่มเป็นสิบล้าน”
“ผมไม่เคยได้ยิน ผมไม่เคยเห็นใครเขาทำกัน” พ่อเด็กเถียง
“ถึงเวลาแล้วค่ะ ที่ต้องมีคนทำ” เอเสียงแข็ง
“สามารถทำได้แน่นอน และมีทางชนะเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์” ทนายสรุป
พ่อเด็กลุกขึ้นชี้หน้าเอ “แกระวังตัวให้ดี”
เอจ้องตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน

ในขณะที่วิน กำลังเลือกซื้อไอแพดอยู่ในห้างสรรพสินค้า
“ผมตั้งค่าทุกอย่างไว้เรียบร้อย พร้อมใช้งานได้เลยครับ” พนักงานพูดพลางยื่นไอแพดให้วิน
“ขอบคุณมากน้อง”

จากนั้นวินก็เดินมานั่งที่ร้านกาแฟ พลางเปิดไอแพดเช็คข่าว
“อืม ยัยแนนนี่เก่งแฮะ เรามีแฟนคลับเพียบ”
วินกดไปกดมา ก็เจอรูปของเอถ่ายคู่กับวัยรุ่นสองคนที่ซุเปอร์มาร์เก็ต
“โห เชื่อเลย ซ่าจริงๆ”
ทันใดนั้นหูวินก็แว่วได้ยินเสียงทีวี เลยละสายตาจากไอแพดหันไปดู ในทีวีกำลังนำเสนอข่าวอยู่
“เป็นที่น่าชื่นชม ที่ครูของโรงเรียนแห่งหนึ่งขอสงวนนาม เอาผิดกับนักเรียนที่ตบตีนักเรียนห้องเดียวกัน จนได้รับบาดเจ็บให้พักการเรียนพร้อมทั้งภาคฑัณฑ์นักศึกษาจำนวนยี่สิบคน ที่ยืนเชียร์และถ่ายรูปด้วยโทรศัพท์ของตน โดยให้มาทำกิจกรรมทำความสะอาดโรงเรียน และเก็บขยะทั่วจังหวัดในช่วงปิดเทอม”

สุดท้ายมีรูปถ่าย เอ ที่กำลังห้ามเด็กอยู่ จากมือถือของเด็กที่ถ่ายไว้ วินรีบคว้าไอแพด ก่อนที่จะวางเงินแล้วพรวดออกไปจากร้านกาแฟอย่างรวดเร็ว

จบตอนที่ 6
กำลังโหลดความคิดเห็น