หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 3
วินเข้ามาในห้องครัว แต่งตัวเรียบร้อย ใส่หมวกเบสบอลกลับด้าน ใส่แว่นตาดำ แถมในมือยังมีกระเป๋าถือผู้หญิงอีกหนึ่งใบ ทอม กับ แนน มองอย่างแปลกใจ แนนถึงกับหัวเราะ
“หวัดดี ครับ”
“พี่วินจะไปไหนเหรอ แต่งตัวยังมิดชิด ถือกระเป๋าหญิงยังกะสายลับตุ๊ดแน่ะ”
วินเดินเข้ามาผ่านแนน พลางดันหลังแนนเบาๆ
“กระเป๋าของพี่เอน่ะ ติดอยู่ในรถพี่”
วินวางกระเป๋าไว้ที่โต๊ะกินข้าว
“พี่จะออกไปดูสถานการณ์ข้างนอกซะหน่อย ดูว่าข่าวของพี่ดังแค่ไหน มีคนสนใจแค่ไหน”
“ไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอพี่วิน”
แนนท้วงขึ้น วินเริ่มครุ่นคิด
“อืม ระวังตัวหน่อยก็ดีนะลูก ข่าวมันดัง เงินรางวัลนำจับมันเยอะอยู่ พ่อยังคันมือเลย”
วินกับแนนถึงกับหลุดขำ
“ใช่เพื่อนๆแนน โทรมาถามกันให้วุ่นโดยเฉพาะน้ำหวาน”
วินหน้าเศร้า “พี่ขอโทษนะ..ที่ทำให้แนนต้องเสียหายมีพี่ชายเป็นผู้ร้ายหนีคดี”
แนนยิ้มให้พี่ชาย
“อ๋อ ไม่เสียหายหรอกค่ะ พวกนั้นแค่ถามว่าพี่เอเป็นแฟนพี่วินหรือเปล่า ตอนนี้แนนกำลังดัง ใครๆก็อยากรู้เรื่องพี่วิน บายนะคะ คุณพ่อ”
แนนเดินออกไปแล้วหันมา “ พี่วินอย่าโดนจับล่ะ แนนมีพนันกับคุณพ่ออยู่”
แนนยิ้มแล้วเดินออกไป วินหันมามองทอม
“มีพนันอีกแล้วเหรอครับ”
ทอมยิ้มขำ “เปล่าหรอกลูก แนนแกล้งล้อเล่นหรอกน่า”
วินลุกขึ้น
“ฝากคุณเอด้วยนะครับคุณพ่อ”
“โอเค.”.
ในขณะที่น้ำหวาน กำลังเปิดดูไอแพดของตัวเอง หน้าจอเป็นรูปวินกอดเอ ถือปืนอยู่
“เฮ้อ พี่วินเท่สุดๆ”
เมจิ เพื่อนในกลุ่มอีกคนช่วยเสริม “รูปนี้ยังกะในหนังคู่รักมหากาฬ”
“คู่รักนักโทษมากกว่ามั้ง”
น้ำหวาน เมจิ หันไปมองตามเสียง ก็เห็น พีช บิว นุจรี หลิน ยืนหัวเราะ
“ขอโทษ อย่าเสียมารยาทยังไม่มีใครถามความคิดเห็นของเธอ” น้ำหวานเชิดหน้าท้าทาย
“ไงจ๊ะ ตัวอิจฉาทั้งหลาย”
แนนเดินเข้ามา ประจัญหน้ากับ บิว นุจรี หลิน พีชบิวรีบพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ย“อุ๊ย น้องสาว มาแล้วระวังจะถูกทำร้ายร่างกายนะนุจรี ยิ่งเดี๋ยวนี้ตบตีกำลังอินเทรนด์ ไม่ผิดกฏหมายอยู่ด้วย”
แนนเชิดหน้า ยิ้ม “นั่นมันในละครจ้ะ ของจริงน่ะทั้งจำทั้งปรับนะจ๊ะสาวๆ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกฉันเป็นคนมีการศึกษา ไม่ชอบตบตีเรียกเรทติ้ง”
หลิน เดินเข้ามาจ้องหน้าแนน
“ลองดูก็ได้นี่ ฉันชอบ ตบกัน อย่างดีก็เสียค่าปรับ”
“ใช่ ถ้าฝ่ายถูกตบยอมความ ฉันน่ะไม่ยอมเด็ดขาด เอาเธอ ติดคุกแน่นอน แต่ขอบอกก่อนนะ..
ว่าถ้าเธอบาดเจ็บศัลยกรรมชำรุด ฉันในฐานะฝ่ายป้องกันตัวไม่ผิดนะจ๊ะ”
บิว นุจรี หลิน พีช ต่างมองหน้ากันเหรอหรา แนนได้ทีรีบพูดต่อ
“นึกแล้วเชียว ความรู้รอบตัวไม่มี”
น้ำหวาน ช่วยเสริม “รู้จักคำว่า อ่าน มั้ยจ๊ะ”
บิว นุจรี หลิน พีช ไม่พอใจ แต่ก็พากันเดินจากไป แนนกับ เมจิ และ น้ำหวาน มองหน้ากัน แล้วหัวเราะ
น้ำหวาน หันมาถามแนนด้วยความห่วงใย “พี่วินเป็นยังไงบ้างจ๊ะ”
“พี่วิน เหรอ เดินเล่นช้อปปิ้งอยู่มั้ง”
น้ำหวาน ตาโต “โห สุดยอด”
ในขณะที่คนที่ถูกพูดถึง นั่งจิบกาแฟตามลำพัง พลางพูดโทรศัพท์กับโจไปด้วย
“ตอนนี้ตำรวจมาสอบเข้มพนักงานที่คลับแต่ไม่ต้องห่วง ทุกคนให้การว่านายเป็นแค่ลูกค้าฉันกระดิกตัวไม่ได้กลัวตำรวจตาม นายเป็นยังไงบ้าง”
“หนักกว่าเดิมว่ะ”
วินตอบพลางถอนหายใจเบาๆ
ทางด้านทอม กำลังดีดเปียโน เพลง I love you for the sentimental reason อยู่ที่บ้าน เมื่อเห็นเอ
เดินเข้ามา ทอมก็หยุดเล่น เอ ยิ้มให้เดินเข้ามาใกล้
“เพลงวันงานการกุศล”
“ใช่ครับ”
“คุณพ่อเล่นต่อซิคะ เพราะดีค่ะ”
ทอมยิ้มให้เอด้วยความเอ็นดู “หนวกหูจนหนูเอตื่นล่ะไม่ว่า”
“คุณ วินไปไหนคะ”
“เห็นบอกว่าจะออกไปดูสถานการณ์แถวนี้”
“ทำซ่า เดี๋ยวโดนจับจนได้” เอบ่นเบาๆ แต่ลึกๆ แล้วแอบเป็นห่วง ทอมยิ้ม มองเออย่างพิจารณา
เอรู้ตัวว่า รีบเปลี่ยนเรื่อง
“เอ้อ น้องแนนล่ะคะ”
“น้องแนนไปเรียนครับ”
“หนูขอโทษนะคะ ที่ทำให้ทุกคนต้องลำบาก” เอพูดด้วยความจริงใจ
ทอมยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ แต่ผมว่าคุณเอน่าจะโทรไปบอกคุณพ่อดีกว่านะครับ ว่าไม่ได้ถูกจับเรียกค่าไถ่
คุณพ่อจะไม่ต้องเป็นห่วง”
เอ ถอนใจ
“ไม่ได้หรอกค่ะ เสียแผนหมด คุณพ่อเอไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
ทอมไม่พูดได้แต่ยิ้ม พลางเหลือบตามองมาทางเอ เห็นเอสีหน้าเคร่งเครียด ทอมเลยเล่นเปียโนเพลง Moon river เอค่อยยิ้มออกมาได้ ทอมยิ้มแล้วเล่นต่อไปเรื่อยๆ
พลันเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ทอมหยุดเล่น แล้วรีบกดรับสาย
“ว่าไงแนน ได้ ขอบใจลูก”
ทอมกดวางสาย แล้วหันมาทางเอ
“ น้องแนนบอกว่า คุณพ่อคุณกำลังแถลงข่าว เราไปดูกันดีกว่า”
เอ สีหน้าแปลกใจ
ทอมเข้ามาในห้องรับแขก นั่งลงที่โซฟา เอ นั่งข้างๆ ทอมหยิบรีโมทกดทีวีเปิด ภาพของนายประสิทธิ์
ปรากฏขึ้นที่หน้าจอ
“ลูกสาวผม มีชีวิตที่สุขสบาย ไม่มีเรื่องทางธุรกิจกับใคร ผมบริสุทธิ์ ใครพาลูกสาวผมกลับมาหาผม
ได้อย่างปลอดภัย ผมจะให้เงินรางวัล 5 ล้านบาท จำไว้ห้ามมีแม้กระทั่งรอยข่วน และถ้าใครทำร้ายลูกสาวผม
เพื่อเงินรางวัลของนายสุรชัย บางทีอาจจะไม่ได้ใช้เงินก็ได้”
ทอมปิดทีวี
“ยังงี้ถ้าไม่เรียกว่าพ่อห่วงลูก ผมก็ไม่ทราบว่าจะเรียกอะไรแล้วล่ะครับ”
ในขณะที่ผู้กองวันชาติเห็นข่าวการแถลงข่าวของนายประสิทธิ์ ก็ยิ่งขัดใจ
“บ้าที่สุด เอ้า เอากันเข้าไป ต่างคนต่างให้รางวัลกันคนละ 5 ล้าน 10 ล้านคงได้ซัดกันเละแน่ะ รีบหาตัวสองคนนั่นให้ได้เร็วที่สุด”
เจ้าหน้าที่ทำความเคารพแล้วรีบออกไป
“ถูกจับเรียกค่าไถ่ เฮ้อ ทีนี้นายยิ่งจมลึกแกะไม่ออก”
โจบอกมาทางปลายสาย เมื่อรับฟังเรื่องราวจากวิน
“เออน่าเพื่อน ตอนนี้เขายิ่งแย่กว่าฉัน” วินออกรับแทน
“โห ออกรับแทนน่าดู เอางี้ ฉันมีที่พักอยู่เขาใหญ่กับพัทยา นายเลือกเอา ฉันว่านายรีบออกไปจาก กรุงเทพฯ ดีที่สุด”
“ถึงตอนนั้นแล้วฉันจะโทรบอกนาย”
“อ้อ ฉันเอารถคุณเอไปเก็บไว้ที่บ้านฉัน บอกคุณเอไม่ต้องห่วง มีกล้องอยู่ในรถ ฉันเก็บไว้ให้แล้ว”“โอเค.เพื่อน”
เสียงออดที่หน้าบ้านดังขึ้น ในขณะที่ทอมนั่งเล่นเปียโนอยู่ ทอมชะเง้อมองไปทางหน้าบ้านอย่าง
สงสัย ก่อนที่จะตัดสินใจลุกขึ้นไปดู และพบว่าผู้ที่มาเยือนคือเอกชัย
“ขอโทษนะทอมที่อยู่ๆไอก็โผล่มา คือผ่านมาแถวนี้ก็เลยแวะเยี่ยมนายซะหน่อย”
เอกชัยเอ่ยขึ้นทันที หลังจากที่เดินตามทอมเข้ามานั่งในห้องรับแขก
“โชคดีที่ผมอยู่บ้าน มีอะไรว่ามา”
“พูดแล้วเขินว่ะเพื่อน”
“เขินก็ไม่ต้องพูด” ทอมแกล้งแหย่เพื่อน
“คืออย่างนี้เพื่อน ไอเดือดร้อน อยากจะยืมเงินซักสองล้าน”
ทอมนั่งนิ่งจ้องหน้าเอกชัยอย่างพิจารณา ก่อนที่จะปฎิเสธอย่างนุ่มนวล
“เสียใจจริงๆเอก ตอนนี้ผมจะต้องผ่าตัดหัวใจ ค่าใช้จ่ายประมาณ 5 ล้านบาท”
“เหรอ โห โทษที ผมไม่รู้จริงๆ”
“ผมไม่ได้คิดจะบอกใคร”
ในขณะเดียวกับที่เอ เดินเข้ามาที่ห้องรับแขกพอดี
“เอ้อ ขอโทษค่ะ”
ทอมกับเอกชัย หันมาเห็น เอ ยืนถือหนังสืออยู่ในมือ เอกชัยมองเออย่างสงสัย
“ไม่ใช่หนูแนนนี่”
“เอ้อ ไม่ใช่แนนหรอก นี่ คือ หนูเอ คือ”
เห็นทอมอึกอักๆ เอเลยตัดสินใจตอบแทน “แฟนพี่วินค่ะ”
“โอ้แฟนนายวินนี่เอง ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
จากนั้นทอม ก็เดินมาส่งเอกชัย ซึ่งจอดรถอยู่ที่หน้าบ้าน
“เสียใจด้วยเพื่อน”
“เฮ้ย ไม่เป็นไร ขอบใจมาก แล้วจะโทรมาคุยด้วย”
“โอเค”
เอกชัยขึ้นรถแล้วขับออกไป ทอมส่ายหน้าอย่างเซ็งในอารมณ์
“หนูขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าคุณพ่อมีแขก”
เอ เอ่ยขึ้นทันทีที่ทอมเดินย้อนกลับเข้ามาในบ้าน
“ไม่เป็นไรหรอก มันกะโผล่มาไม่ให้พ่อตั้งตัวมากกว่า”
“เอ ไปอ่านหนังสือที่สระน้ำได้มั้ยคะ”
“น่าจะได้นะ รั้วบ้านนี้สูง ไม่มีใครเห็นหรอก”
“ขอบคุณค่ะ”
เอ เดินออกไป ทอมมองตาม พลางยิ้ม แล้วพูดกับตัวเองเบาๆ
“ท่าทางนายวินไม่รอดมือหนู เอ แน่”
ในระหว่างที่เอนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่สระน้ำ วินก็เดินเข้ามานั่งข้างๆ เอหันมาเห็น ก็รีบถามทันที
“ดูสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”
วินยิ้ม “ก็โอเคครับ ผมไปเดินศูนย์มาไม่มีใครสนใจใคร พวกโจรต่างชาติถึงว่าประเทศไทย เป็นสวรรค์ของพวกมัน”
“งั้นฉันไปมั่งดีกว่า ฉันไม่มีข้าวของเสื้อผ้าเลย”
“อย่าดีกว่ามั้งครับ” วินรีบท้วง
“ก็คุณบอกว่าไม่มีใครสนใจใครไง”
“อาจเป็นเพราะคนไม่รู้จักผมมากกว่า แต่คุณ คุณเป็นไฮโซ ใครๆก็รู้จัก ผมไม่อยากเสี่ยง”
“แล้วจะให้ฉันอยู่ยังไง ใส่เสื้อผ้าคุณอย่างนั้นเหรอ ยี้” เอแกล้งทำท่าว่ายี้จริงๆ
“เฮ้ เสื้อผ้าผมสะอาดนะคุณ”
เอสะบัดหน้างอนๆ หันไปทางอื่นไม่มองหน้า
“เฮ้อ โอเค ก็ได้ครับ”
เอยิ้มออก รีบหันหน้ากลับมา “ขอบคุณค่ะ”
วินเห็นยิ้มหวาน ก็เคลิ้ม หัวใจเต้นโครมคราม
เอลุกขึ้นยิ้มหวานให้ แล้วส่งมือให้วิน วินแปลกใจ แต่แล้วก็ยื่นมือไปรับมือเอ เอดึงให้วินลุกขึ้นแล้ว ดึงเข้ามาใกล้ ส่งสายตาหวานซึ้ง แล้วค่อยๆเคลื่อนกายเข้ามาซบวิน วินโอบกอดเอไว้ในอ้อมอก
“นี่คุณ จะไปหรือยัง นั่งยิ้มอยู่ได้”
วินสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เห็นเอยืนหน้าตุ่ยอยู่ตรงหน้า ที่แท้ก็แค่เคลิ้มไปเอง
“โอเค โอเค”
วินลุกขึ้นรีบเดินนำเอออกไป
วินพาเอ มาเดินช้อปปิ้งในศูนย์การค้า เอใส่กางเกงกับเสื้อรุ่มร่ามของวิน ใส่หมวกเบสบอล ใส่แว่น เช่นเดียวกันวิน
เมื่อผ่านหน้าร้านที่มีชุดกระโปรงสวยโชว์อยู่หน้าร้าน เอก็หยุดมอง
“โห สวยจัง คุณว่ามั้ย”
“ขอโทษครับ เรากำลังหลบหนีอยู่นะครับไม่ใช่ไป เอ้อ ไปฮันนีมูนนะครับ”
วินแกล้งเหน็บ เอหันมามองวิน พลางเดินเข้ามาใกล้ จนเกือบชิด
“คุณจะไปมั้ยล่ะ ฮันนีมูนน่ะ”
เจอย้อนเข้าให้แบบนี้ วินถึงกับไปไม่เป็น
“เอ้อ คือ”
“หนีผู้ร้าย ใส่ชุดเก๋ไม่ได้เหรอ ต้องใส่ชุดโทรมๆหรือไง”
“คือ..”
เอ ไม่สนใจ พุ่งพรวดเข้าไปในร้าน วินถอนใจ แต่ก็เดินตาม เอเลือกชุดใส่ออกมาให้วินดู
ชุดแล้วชุดเล่า แต่ละชุดสวย จนวินมองเคลิ้ม
จากนั้นเอ ก็เปลี่ยนใส่ชุดสวย ที่เพิ่งซื้อ แล้วเอาชุดของวินใส่ถุงไว้ วินมองอดยิ้มไม่ได้ เอ แกล้งเดินเชิดผ่านวินมาที่เคาน์เตอร์เก็บเงิน
“นี่ค่ะ ทั้งหมดนี่ใช้บัตรเครดิตนะคะแล้วส่วนนี้ ใช้เงินสดค่ะ “
พนักงานรับเครดิตการ์ดมา “รอซักครู่นะคะ”
พนักงานขยับบัตรรูดกับเครื่อง ครั้งแรกไม่ติด แล้วรูดใหม่ ก็ไม่ติดอีก วินหันมาสบตากับ เอ “สงสัยว่าบัตรของคุณถูกอายัดแล้ว”
เอ ยังคนใจเย็น จ้องมองพนักงานที่รูดบัตรกับเครื่องอีกครั้ง
วินเอียงหน้ามากระซิบเบาๆ “ผมมีเงินสดมาพอนะครับ”
เอ ส่ายหน้า พนักงานสาวเดินกลับมาส่งบัตรคืนให้ เอกับวิน ยืนลุ้น
“เรียบร้อยค่ะ”
เอยิ้ม แล้วแกล้งเชิดหน้าใส่วิน พนักงานสาวส่งใบเซ็นรับ เอรับมาเซ็น
“ส่วนนี้เงินสดใช่มั้ยคะ”
“ใช่ค่ะ”
เอพูดแล้วแบมือมาทางวิน วินรีบเปิดกระเป๋า หยิบเงินส่งให้ พนักงานสาวเห็นแล้วอมยิ้ม
“อิจฉาจัง แฟนหนูกว่าจะให้ตังค์งี้ยากเย็นเข็ญใจ”
เอ แกล้งส่งยิ้มหวานให้วิน “ขอบคุณนะจ๊ะ แฟน”
วินสะดุ้ง แต่ก็รีบยิ้มรับทันที
“ไม่น่าเชื่อ ตำรวจยังไม่สั่งอายัดบัตรของคุณ“
วินพูดอย่างแปลกใจ หลังจากที่เอช้อปปิ้งจนหนำใจ ในมือของทั้งคู่ถือถุงกันพะรุงพะรัง
“ไม่รวดเร็วเหมือนในหนังฝรั่งหรอกน่า”
เอพูดพลางหยุดเดิน แล้วแบมือยื่นไปที่วิน
“ขอเหรียญหน่อยดิ ฉันจะโทรศัพท์”
วินหยิบเหรียญมากองไว้บนมือเอ พลางจ้องหน้า เหมือนจะถามว่าโทรหาใคร เอรู้ทัน
“ฉันจะโทรหาพอลซะหน่อย”
วินแกล้งทำไก๋ “โทรหาก็ไม่เกี่ยวกับผมนี่ครับ”
เอ ยิ้มกวนแล้วหมุนตัวไปที่โทรศัพท์สารธารณะ วินยืนกวาดสายตาไปมา แล้วหันกลับมามองที่เอ ที่กำลังถือหูโทรศัพท์ อยู่แถมยังโบกมือให้ซะอีก วินทำไม่รู้ไม่ชี้
“คุณแม่คะ เอ เองค่ะ”
“ตายแล้ว คุณเอ จริงอย่างในข่าวหรือเปล่าจ๊ะ คุณแม่ต้องคอยหลบนักข่าววุ่นไปหมด”
“ไม่จริงแน่นอนค่ะคุณแม่” เอยืนยันเสียงหนักแน่น
“แม่จะรีบให้ทนายคุณแม่จัดการให้”
“เอาไว้ก่อนดีกว่าค่ะ ตอนนี้หนูแค่ต้องการบัตรเอทีเอ็มของคุณแม่ค่ะ” “ได้จ้ะ แต่เดี๋ยวนะใครจ๊ะหนุ่มรูปหล่อที่ถือปืนอยู่ในรูปกับคุณเอ”
เอ หันไปมองวินที่ยืนถือถุงพะรุงพะรังอยู่ตรงข้าม
“แฟนเหรอจ๊ะ” คุณหญิงอัญชลีถามต่อ
เอยิ้ม “ยังไม่ใช่ค่ะ”
“แล้วจะให้แม่ส่งบัตรไปที่ไหนจ๊ะ”
“เอ จะแวะไปเอาที่คอนโดของคุณแม่นะคะ”
“หลังไหนจ๊ะ หัวหิน พัทยา เชียงใหม่หรือว่า มัลดีฟ”
เอ ยิ้มขำ “มัลดีฟ คงไม่ไหวหรอกค่ะคุณแม่ ถึงสนามบินก็โดนจับแล้วเอาในกรุงเทพฯ ที่สุขุมวิท
ดีกว่าค่ะ”
“ได้จ้ะ”
“ขอบคุณค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะคุณแม่”
เอวางหู ทันใดนั้นมีมือมาคว้าไหล่ เอสะดุ้งหันมา
“เราต้องรีบแล้วครับ”
เอถอนหายใจเฮือกใหญ่ พลางมองผ่านหลังของวินไป เห็นคนวัยรุ่นสองสามคน ที่ถือไอแพดอยู่
ในมือกำลังซุบซิบกัน แล้วมองมาทางวินกับเอ
วินกับเอ รีบเดินจ้ำอ้าวมาทางแผนกเสื้อผ้า ในขณะที่วัยรุ่นกลุ่มนั้นเดินตามมาติดๆ วินเห็นห้อง
ลองเสื้อ รีบดึงเอ เข้าไปด้านในห้อง
“ไหนคุณว่าไม่มีใครสนใจไง”
“ผมน่ะไม่มีหรอก”
“ฉันเหรอ” เอย้อนถาม
“เยส ชุดสวยของคุณนี่ไง คุณต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า”
เอมองวิน ไม่ค่อยพอใจ แต่เมื่อเห็นสายตาจริงจังของวิน ก็เลยจำยอม“โอเค โอเค คุณออกไปก่อน”
วินเปิดประตู กำลังจะก้าวออกไป เห็นพวกวัยรุ่นยืนอยู่หน้าห้องแต่งตัวพอดี หนึ่งในนั้นกำลังพูดโทรศัพท์อยู่ วินเลยผลุบเข้ามาใหม่
“พวกนั้นอยู่ข้างหน้าไม่ยอมไปไหน สงสัยเห็นเราเข้ามา”
“งั้นก็รอให้พวกนั้นไปก่อน”
“รอไม่ได้” วินเสียงแข็ง “ผมเห็นคนนึงกำลังโทรศัพท์อยู่ อีกไม่นานคงมีนักข่าวกับตำรวจแห่กัน
มาเพียบ”
“คุณอยู่ในนี้ ฉันจะเปลี่ยนได้ยังไง”
“ผมหลับตาก็ได้”
เอ นิ่งคิด วินเร่ง
“ถ้าช้าพวกนั้นมาละก็ยิ่งแย่นะครับ”
“หลับตาปี๋เลยนะจะบอกให้”
วินหลับตาสนิท เอเอามือปาดไปมาตรงหน้าวิน วินเอียงคอส่งเสียง
“เสียเวลาน่า”
เอค้อน แล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า
“ฉันเสร็จแล้ว”
วินลืมตาขึ้น แต่แล้วก็ตาค้าง เมื้อเห็น เอ อยู่ในชุดกางเกงขาสั้นจู๋ รองเท้าบูทสั้น แล้วก็เสื้อยืดแขนกุด เอวลอย ใส่หมวกแก๊บ แว่นดำเหมือนเดิม
“เนี่ยนะ”
“อ้าว ทำไม” เอข้องใจ
วินถอนหายใจ“เฮ้อ”
“ฉันนึกออกแล้ว” เอล้วงเข้าไปในถุงรื้อของยุกยิก
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
วินใส่วิกผมยาวใส่หมวกเบสบอลทับอยู่ ใส่แว่นดำ ค่อยๆโผล่ออกมาดู พวกวัยรุ่นกลุ่มเดิมยังคงป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ วินพยักหน้าให้เอออกมา เอเดินออกมา วัยรุ่นหันมามองทั้งสองคน ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน
วินแกล้งดัดเสียงเป็นกระเทย “ น้องๆ”
กลุ่มวัยรุ่นเดินเข้ามา เอจับแขนวินแน่น
“ห้องน้ำอยู่ไหนจ๊ะ”
วัยรุ่นมองแล้วขำ พลางชี้มือไปด้านหนึ่ง
“ขอบใจนะจ๊ะ”
วินยังพูดไม่ทันจบก็ถูกเอลากพรวดออกไป
วินเดินนำเอ เดินไปตามทางเดินอย่างเร่งรีบ เอเกาะแขนขยับตัวเข้ามาใกล้ วินหันมามอง เอ ได้ยินเสียงหัวใจวินเต้นดังตึกตัก
“ไม่ต้องรีบก็ได้ ไม่มีใครจำได้แล้ว”
วินพยักหน้า แต่อดไม่ได้ที่จะกวาดสายตามองไปรอบๆ
จากนั้นทั้งคู่ก็เดินมาตามลานจอดรถไปยังรถของตนที่จอดอยู่ ทันใดนั้นเสียงของวัยรุ่นกลุ่มเดิม
ก็ดังขึ้น
“อยู่นั่นไงพี่”
วินหันมาเห็นวัยรุ่นสามคนเดิม แถมมีชายฉกรรจ์อีกสามคนเพิ่มมา เด็กวัยรุ่นหยุดแล้วชี้มาที่
วินกับ เอ ชายฉกรรจ์สามคนวิ่งแห่กันมา
วินส่งกุญแจให้ แล้วออกคำสั่ง “คุณไปที่รถ สตาร์ทเครื่องเตรียมออกได้เลย”
“แล้วคุณ”
วินไม่ตอบ “เร็วเข้า”
เอ วิ่งไปที่รถอย่างรวดเร็ว วินหันกลับมา พวกมันเข้ามาถึงพอดี หนึ่งในนั้นเดินปราดเข้ามา
วินเอาถุงฟาดหัวมันโครม ถุงแตก เสื้อผ้ากระจาย กระโปรงคลุมหัวมันพอดี มันเซไปมา
อีกสองคนเดินตามเข้ามา หมายจะรวบตัววิน แต่วินอาศัยชั้นเชิงเทควันโด วาดลวดลายใส่แบบไม่ยั้ง
ทันใดนั้นเสียงแตรรถก็ดังขึ้น พวกมันหันไป ก็เห็น เอขับรถพุ่งเข้าหา แต่ละคนรีบกระโดดหลบกันคนละทาง
เอขับเลยไป แล้วเบรคเอี๊ยด วินวิ่งตามไปอย่างรวดเร็ว เปิดประตู แล้วกระโจนพรวดเข้าไป แล้วรีบ
ปิดประตู เอรีบบึ่งรถออกไปทันที
เอขับรถมาจอดรถ ที่มุมหนึ่งของปั้มน้ำมัน
“คุณจะเข้าห้องน้ำเหรอ”
“เปล่า คุณเจ็บนี่”
เอ หยิบเอากระดาษออกมา มือประคองหน้าแล้วซับเลือดที่มุมปากให้ วินได้แต่มองหน้าเอ จนลืมเจ็บ
“คุณไม่เจ็บเหรอ”
“โอย เพิ่งจะเจ็บครับ”
เอ บรรจงเช็ดอย่างเบามือ “คุณเก่งนี่ เป็นคาราเต้ด้วย”
วินขยับปากพูดทั้งๆที่เอเอากระดาษเช็ดอยู่ ส่งเสียงอู้อี้
“เท ควัน โด้”
เอ ขำ “ปากเจ่อแล้วยังจะคุย”
วินเอาแต่มองหน้าเอ จนเอหันมาเจอวินมองพอดี เอหยุดเช็ด มองอย่างจับพิรุธ
“นี่คุณ ไม่ได้เจ็บซะหน่อย.”
วินเผลอยิ้มจนได้ เอค้อน แล้วทุบที่ไหล่เบาๆ วินยิ้มขำ ถอดหมวกดึงวิกออกโยนไปหลังรถ
“ดีที่คุณซื้อวิกมาด้วย”
เอยิ้ม “คุณใส่แล้วเข้าท่าดีเหมือนกัน”
วินทำตาเหลือกใส่
“แย่แล้ว” จู่ๆ เอก็ร้องขึ้นมา
วินตกใจ “อะไรครับ”
“ถุงเสื้อผ้าฉันอีกถุงล่ะ”
วิน ชี้ที่ปาก “ผมเจ็บอยู่นี่ คุณได้แต่ห่วงเสื้อผ้า”
“ปากคุณเจ็บ แต่ก็ยังอยู่ไม่ใช่เหรอ ไม่ได้หายไปเหมือนเสื้อผ้าฉันนี่” เอย้อน
“โห เชื่อเลย”
เอขำ “โอ๋ โอ๋นะ ฉันล้อเล่นหรอกน่า หายแล้วก็หายไปซื้อใหม่ได้”
“ซื้อใหม่” วินทวนคำ
“เอ้า ไม่ซื้อแล้วฉันจะเอาอะไรใส่ล่ะ นะ นะ นะ พลีส”
เอทำน้ำเสียงออดอ้อน วินถอนใจเบาๆ เอยิ้ม แล้วสตาร์ทเครื่องแล้วถอยรถออกไปทันที
ในขณะที่เอกชัย นั่งอยู่ที่ร้านกาแฟ สายตาจับจ้องที่จอทีวี ที่มีรูปของวินกับเอถือปืน มีเสียงนักข่าวบรรยายภาพ
“ขณะนี้เกิดกระแสล่าเงินรางวัลเกิดขึ้นทั่วประเทศเนื่องจากมีรางวัลนำจับผู้ต้องหาสองคนนี้เป็นเงินถึงสามล้านบาท “
เอกชัยมองตาไม่กระพริบ ก่อนจะวางเงินแล้วรีบลุกออกไปจากร้านอย่างรวดเร็ว
เมื่อเข้ามาในรถ ก็รีบกดสายโทรศัพท์ทันที
“ฮัลโหล ๆ ผมมีเบาะแสของคนร้าย แน่ใจครับ คือผู้ต้องหาทั้งสองคน อยู่บ้านเพื่อนผมชื่อทอม
เงินล่ะ ได้”
เมื่อกลับเข้ามาที่บ้านของวิน เอก็ส่งกล่องของขวัญให้แนน
“ขอบคุณค่ะพี่เอ”
“ยินดีจ้ะ”
จากนั้นก็หยิบอีกกล่องส่งให้ทอม
“หนูเอ ไม่น่าลำบาก”
“หนูทำให้ทุกคนลำบากมากกว่า”
สุดท้ายก็เดินมาหยิบอีกกล่องหนึ่งมาจากถุงแล้ว ยื่นให้วิน
“ผมเหรอ”
เอ พยักหน้า
“อื้อ ขอบใจที่ช่วยฉันทุกอย่าง ทั้งๆที่คุณไม่ชอบฉัน”
แนนเปิดกล่องออกดู เห็นสร้อยเส้นหนึ่งอยู่ในนั้น
“โห สร้อย สวยจังค่ะพี่ เอ”
“ใส่คู่กับตุ้มหูไงจ๊ะ”
“ขอบคุณนะคะ”
ในขณะที่ทอมชูแว่นตาในมือขึ้น
“เยส เรย์แบน เท่จริงๆ ขอบคุณครับ”
“เอาไว้ใส่ออกคอนเสิร์ตค่ะ”
วินรีบเปิดกล่องออกดูบ้าง เห็นเป็นถ้วยรางวัล วินยกขึ้นดู
“ผมได้รางวัลเหรอครับ”
“ใช่ค่ะ ชายยอดอุดมการณ์แห่งปี”
วินยิ้มเขิน นึกรู้ว่าโดนแซว เอหัวเราะชอบใจ
“ข้างนอกเป็นยังไง” ทอมถามอย่างห่วงใย
“ท่าทางไม่ค่อยดีแล้วครับ”
“แต่ละคนออกมาให้เงินรางวัลกันสูงๆ พวกหิวเงินต้องออกมาตามหาลูกสองคนแน่ๆ ไปไหนก็ต้องระวังนะลูก”
วินหันมาทางเอ “ผมเห็นข่าวคุณพ่อคุณแล้วครับอย่างน้อยคงช่วยได้บ้าง”
เอ พยักหน้า ทันใดนั้นโทรศัพท์ของวินดังขึ้น วินรีบกดรับ
“ว่าไงพิณ”
“โห โทรไม่ติดเลย” เสียงพิณบ่นมาทางปลายสาย
“เออ พี่ปิดเครื่อง”
“เจ เห็นพี่ในข่าว โทรหาตำรวจบอกว่าพี่เป็นใคร ตำรวจกำลังมาสอบปากคำคุณวิเชียร”
“อบใจมากพิณ”
วางสายสีหน้าเคร่งเดรียด
เอหิ้วกระเป๋ามาที่ห้องรับแขก ในขณะที่วิน ทอม แนน อยู่พร้อมหน้า
“เอารถของพ่อไปบ้านสวนที่เมืองกาญก่อน”
“ผมจำได้ครับ”
“นั่นแหละ ที่นั่นไม่มีใครรู้จัก เป็นชื่อของเพื่อนพ่อ มันอยู่เมืองนอก มีแต่คนเก่าแก่ดูแลอยู่
ไว้ใจได้”
“ถึงแล้วผมจะโทรมาบอกนะครับ”
“เอาโทรศัพท์ของแนนไปดีกว่าค่ะเอาของพี่วินมา”
แนนยื่นโทรศัพท์ของตัวเองให้วิน วินรับไว้ พลางส่งของตัวเองให้
“ขอบใจมากแนน”
ทอมรีบเร่ง “ไป รีบไปได้แล้ว”
“ขอบคุณค่ะ คุณพ่อ”
“พี่วินดูแลพี่เอดีๆ นะ”
“เอ ไปก่อนนะน้องแนน” เอหันมาพูดกับแนน
“ค่ะ”
จากนั้นวินกับเอ ก็หิ้วกระเป๋า ออกจากประตูไป ทอม แนน ตามออกไปส่ง แล้วรีบปิดประตู
วินขับรถออกมาจากบ้าน ผ่านรถสองคันที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้าม ภายในรถ คือเอกชัยนั่งอยู่ตรงคนขับ ไอ้อ๊อดนั่งอยู่ข้างๆ
“นั่นไง สองคนนั่น”
“ดีมาก”
ไอ้อ๊อดขยับตัว เอกชัยคว้าไว้
“เงินล่ะ”
“ยังไม่รู้เลยว่าใช่หรือเปล่า เห็นไม่ถนัด จับได้แล้วจะจ่ายให้”
ว่าแล้วไอ้อ๊อด ก็สะบัดมือเอกชัยจนหลุด แล้วออกไปจากรถ เอกชัยแค้นใจจนพูดไม่ออก
ไอ้อ๊อดเดินมาขึ้นรถคันหลังซึ่งมีลูกน้องมันอยู่ในรถทางเบาะหลังสองคน รวมคนขับเป็นสาม
“เร็วเว้ย ตามรถคันเมื่อกี้ไป”
คนขับออกรถแซงรถนายเอกชัยพรวดออกไป
“ไหนเธอบอกว่า จับไอ้แก่นั้นอยู่มือแล้วไง”
บอย ย้อนถามซินดี้ ขณะที่ทั้งคู่นอนอยู่ด้วยกันในโรงแรม
“ก็คิดไม่ถึงว่านังเอ ลูกสาวจะกลับมาอยู่เมืองไทยแล้วเข้ามายุ่งนะซิ”
บอยเดินไปเดินมาเสียอารมณ์
“สมน้ำหน้าที่มันถูกจับไปเรียกค่าไถ่”
บอยหยุดเดินหันขวับมาทันที “อะไรนะ ใครถูกเรียกไปจับค่าไถ่”
“ก็นังเอน่ะซิ”
“เท่าไหร่”
“สิบล้าน”
บอยตาวาว ตื่นเต้น
“ทำไม นายคิดอะไร”
บอยไม่ตอบ แต่กลับย้อนถาม “เธอว่าพ่อมันจ่ะจ่ายมั้ย”
“ยังไงก็จ่ายอยู่แล้ว สิบล้าน เศษเงิน”
“เราจะรวยแล้ว”
ซินดี้ฟังแล้วยังงงๆ บอยรีบบอก
“ฉันมีแผนแล้ว..เธอต้องทำตามที่ฉันบอกทุกอย่าง”
ซินดี้ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ ไม่รู้เรื่อง
วินขับรถด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จนเอที่นั่งข้างๆ แปลกใจ
“ทำไมต้องเคร่งเครียดขนาดนั้น”
“มีรถตามเรามา”
เอ ตั้งท่าจะขยับตัว วินรีบห้าม
“อย่าหันไป นั่งเฉยๆ ก่อน ผมจะหาทางหลบพวกมัน”
วินขับรถไปพลางกวาดสายตาไปมา เห็นศูนย์การค้าอยู่ข้างหน้า วินรีบเลี้ยวเข้าไป
“ช้อปปิ้งเหรอ” เอพาซื่อ
“แถวนี้ถิ่นผม ยังไงมันก็ตามไม่ทัน”
วินขับรถหายเข้าไปในลานจอดรถ
ในขณะที่รถที่ขับตามหลังมา รีบเลี้ยวตามเข้าไปที่ลานจอดรถ ที่มีรถเต็มพรืดไปหมด คนขับเบรคเอี๊ยด
“โห รถเยอะแบบนี้จะหามันเจอเหรอพี่”
“ไอ้บ้าเอ๊ย” ไอ้อ๊อดสบถอย่างขัดใจ
“ทางออกเพียบ ไม่รู้มันออกไปหรือยัง”
“กูรู้แล้ว เอ็งไม่ต้องพูดมาก วนรอบนึง”
คนขับ ขับวนลานจอดรถ พลางกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ
ในรถของวิน วินกับ เอ ต่างกดเบาะเอนจนราบพ้นหน้าต่าง ก่อนที่จะปรับเบาะรถให้กลับขึ้นมา เมื่อเห็นรถไอ้อ๊อดพ้นไป
“ไม่เลวนี่ เรารีบไปกันดีกว่า”
“ ผมมีเวลาให้คุณช้อปปิ้งหนึ่งชั่วโมง”
เอตาโต “จริงเหรอ”
“ออกไปตอนนี้พวกมันอาจดักรออยู่”
“โธ่เอ๊ย นึกว่าใจดี”
จากนั้นทั้งคู่ก็ลงจากรถ เอรีบเดินฉับๆ เข้าไปในห้าง วินได้แต่ขำ แต่ก็รีบเดินตามไป
ในขณะที่รถไอ้อ๊อดจอดอยู่ริมถนน ไอ้อ๊อดอยู่ในรถ สีหน้าเคร่ง
“ป่านนี้มันไปถึงไหนแล้วพี่ ฉันว่ามันไม่ใจเย็นเดินช้อปปิ้งหรอก
“กลับเว้ย”
คนขับรถพรวดรถออกไปในที่สุด
วินขับรถเข้ามาจอด เติมน้ำมัน เดินมาทางด้านที่เอนั่ง พลางเคาะกระจก เอลดกระจกลง
“ผมจะซื้อของกินตุนไว้ก่อน เผื่อหิวระหว่างทางคุณอยากทานอะไรครับ”
เอยิ้ม “ฉันให้คุณเลือก ดูซิว่าจะตรงใจหรือเปล่า”
วินหอบขนมสองถุงใหญ่ออกมานอกร้าน บังเอิญชนเข้ากับชายคนหนึ่ง
“ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไรครับ” วินรีบบอก พลางขยับตัวจะเดินหนี
“เอ๊ะ คุณเป็นดาราหรือเปล่าครับ คุ้นๆหน้า คุณวีรภาพนี่”
“ไม่ใช่ครับ แต่มีคนทักว่าเหมือนบ่อยเหมือนกัน”
วินรีบเดินผละออกไป ชายคนนั้นมองตาม สีหน้าครุ่นคิด
วินเดินมาที่รถ แต่แล้วก็ใจหายวาบ เมื่อไม่เห็นเอในรถ วินหน้าเสีย รีบหันหลังจะออกไปเดินตาม
ก็เห็นเอยืนอยู่ตรงหน้า เอยิ้มให้ แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของวิน ที่ทั้งตกใจ ทั้งเป็นห่วงจริงๆ ก็รีบหุบยิ้ม
“ฉันไปห้องน้ำมา”
วินตั้งตัวได้ รีบทำไก๋ “ดีครับ อีกไกลกว่าจะถึง ผมไม่อยากให้คุณฉี่ในรถคุณพ่อผม”
“โอย ขำมากเลย” เอแซว
วินขับรถออกจากปั๊ม เอรื้อถุงขนม หยิบขึ้นมาแล้วคืนใส่ถุงที่ละห่อ
“เลือกไม่ตรงใจซักอย่าง”
“นั่นถุงของผม ถุงของคุณอยู่นั่นไงครับ”
เอเอื้อมไปหยิบถุงของตัวมา แล้วเริ่มเปิดดู หยิบขึ้นมาเป็นน้ำผลไม้ วางลงไปหยิบขึ้นมาอีก
เป็นน้ำผลไม้อีกชนิดหนึ่ง
“มีแต่น้ำผลไม้ ไม่มีขนม แค่เนี้ยะก็เดาใจไม่ถูก”
“ผมเดาใจคุณถูกเป๊ะต่างหาก”
วินยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เอมองสงสัย
“ถูกยังไงมิทราบ
“ก็คุณเห็นว่าผมซื้อผิดมาหรือเปล่าล่ะ ผมดูหมดแล้ว ไม่มีขนมที่คุณชอบเลย”
“โห มั่วสุดๆ”
วินหัวเราะ “ มีเหรอครับที่ผู้ชายในโลกนี้เดาใจผู้หญิงถูก ผมเลยเอาแต่น้ำผลไม้มา ถ้าหิวก็ทาน
ของผม ก็น่าจะพอ”
เอ เปิดขวดน้ำผลไม้ แล้วยกขึ้นจิบ
“ความจริง น้ำผลไม้ ก็ดีค่ะ”
วินพยักหน้ารับ เอพูดต่อ
“ให้ฉันกินน้ำเยอะ ไม่กลัวฉันฉี่ในรถเหรอ”
วินยิ้ขำในความช่างประชดของเอ
วินขับรถผ่านเข้าเส้นทางถนนว่าง สองข้างทางเป็นสวนร่มครึ้ม
“สวยดีนะคะ”
“ผมดีใจที่คุณ แฮปปี้”
เอยิ้ม “จะให้นั่งกลัวร้องให้เป็นนางเอกเหรอคะ not me”
“นั่นนะซิครับ แค่มีตำรวจตามจับ มีคนร้ายตามล่าไม่ใช่เรื่องน่ากลัว”
“มีคุณทั้งคนทำไมฉันต้องกลัว”
เอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง วินหันกลับมามอง เอ ยิ้มให้อารมณ์ดี
“น่าเสียดายไม่มีกล้องติดมา”
“เอ้อ..พูดถึงกล้อง คุณโจ เอารถไปเก็บไว้ที่บ้านเพราะไม่อยากให้ตำรวจยึด เก็บกล้องไว้ให้แล้วครับ”
“โอเคค่ะ”
“ผมไม่ยักรู้ว่าคุณชอบถ่ายรูปเป็นงานอดิเรก”
“เปล่าหรอกค่ะ”
“อ้าว ไม่ใช่เหรอครับ” วินข้องใจ
“ไม่ใช่เป็นงานอดิเรก แต่เป็นมืออาชีพค่ะ”
“อ้อ”
ทันใดนั้นมีรถกระบะแซงขึ้นมา แล้วเบียดรถของวิน วินหักหลบ เอร้องกรี๊ดเสียงดัง
ด้านหลังของรถกระบะมีชายคนที่เดินชนกับวินที่ปั้ม กับชายฉกรรจ์อีกสองคนถือปืนลูกซองชี้มาที่วิน
ชายฉกรรจ์สองคนยกปืนลูกซองส่องแล้วยิงไม่ยั้ง
วินเบรครถพรืด รถเป๋เล็กน้อย รถกระบะขับเลยไป แล้วเบรคตาม จากนั้นพวกชายฉกรรจ์ก็กระโดดลงมาจากรถ วิ่งกันเข้ามา
“เร็วเข้า คุณจะรอพวกมันเหรอ”
วินรีบกลับรถ แล้วพุ่งพรวดออกไป ชายฉกรรจ์ยิงปืนไล่ตาม ก่อนที่รถกระบะพรวดเข้ามารับ พวกมันรีบกระโดดขึ้นรถ แล้วขับตามไป
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
วินขับรถย้อนกลับหนีพวกมันอย่างรวดเร็ว
“พวกมันตามเรามาได้ยังไง”
“ผมจำไอ้หมอนั่นได้ที่ปั๊ม มันเดินชนผม”
“โธ่เอ๊ย แล้วบอกว่าดูหนังเยอะ รู้หมด ที่แท้ก็ให้คนจำได้”
ทันใดนั้นถึงทางโค้งอยู่ข้างหน้า วินหมุนพวงมาลัยเลี้ยวโค้ง เอ เอียงมาบนร่างวินเต็มๆ พลางยกมือบังหน้าตาวิน พร้อมๆ กับร้องเสียงดัง
“คุณ เอามือออก”
วินเห็นทางเข้าสวนเล็กๆตรงหน้า ก็รีบหักรถพรืดเข้าไป ร่างของ เอ เอียงหลุดไปจากร่างของวิน ไปอีกด้านหนึ่ง วินจอดรถพรืด ในขณะที่เอยังร้องไม่เลิก
อีกด้านหนึ่ง รถกระบะวิ่งเลยทางโค้งมาแล้ววิ่งผ่านทางเข้าสวนที่รถวินจอดอยู่ไป -วินกับเอ โผล่ขึ้นมาจากรถ ต่างถอนหายใจโล่งอก
“รีบไปได้แล้วคุณ”
“ รอให้พวกมันไปไกลกว่านี้ก่อนดีกว่า”
วินท้วง เอถอนใจ ขยับตัวไปทางด้านหลัง หยิบน้ำมาเปิดถอนใจแล้วดื่มอึกหนึ่ง แล้วส่งให้ วิน วินยิ้มรับมาดื่มด้วย เอหยิบขนมมาจากด้านหลัง พลางเปิดกินอย่างเอร็ดอร่อย วินมองแล้วยิ่งน่ารัก
วินขับรถเข้ามาในบ้านสวน พลางจอดรถหลบๆ หลังพุ่มไม้ ก่อนที่ทั้งคู่จะลงมาจากรถ
วินเดินไปยังตัวบ้าน เอ รีบเดินตามมา
“ทำไมเงียบจังเลย ใช่เหรอ”
“ใช่ครับ ผมเคยมาแล้ว”
วินเดินเข้าไปยังตัวบ้าน เอเกาะแขนวิน เดินตามเข้าไป
วิน เดินไปที่กระถางต้นไม้ที่วางอยู่หน้าบ้าน แล้วยกขึ้น เห็นกุญแจซ่อนอยู่ด้านล่าง วินยกกุญแจ
ให้ดู เอ พยักหน้า
วินไขกุญแจเข้ามาในบ้านพัก ที่จัดตกแต่งได้อย่างน่าอยู่
“เย้ น่าอยู่จัง”
เอ ตื่นเต้นเดินเข้าไปด้านใน วินโล่งใจ พลอยยิ้มไปด้วย แต่แล้วได้ยินเสียง เอ ร้องกรี๊ด
วินรีบพรวดเข้าไปดู เอ วิ่งสวนออกมา ชนกันโครม วินคว้าไว้ได้
“เกิดอะไรขึ้น”
เอ หันไปชี้มุมห้องด้านบน มีใยแมงมุมอยู่ มีแมงมุมตัวเล็กๆ
“แมงมุม”
วินมองตาม “ โห ตัวติ๊ดเดียว”
“นั่นแหละ ฉันแพ้แมงมุม”
“แพ้หรือกลัวครับ”
เอค้อน “เหมือนกันนั่นแหละ”
“โอเค เดี๋ยวผมจัดการให้”
“ขอบคุณ ทีนี้ก็ปล่อยฉันได้แล้ว”
วินสะดุ้งเพิ่งรู้ตัวว่าโอบเอไว้ในวงแขน รีบปล่อย
“ก็คุณวิ่งเข้ามาชน ผมก็เลย..”
“ฉันไม่ได้ว่าอะไรนี่”
เอ เบี่ยงตัวออกไป วินถอนใจ มองใยแมงมุม แล้วอดยิ้มไม่ได้
วินเดินออกมาจากด้านใน ในมือข้างหนึ่งถือไม้กวาด ข้างหนึ่งกำถุงขยะอยู่ ในขณะที่เอเปิดสำรวจตู้เย็นอยู่
“ผมจัดการแมงมุมยักษ์ให้คุณเรียบร้อยแล้ว”
“ในตู้ไม่มีอะไรเลยค่ะ เราต้องออกไปจ่ายตลาด”
“ผมว่าเราโทรไปจองโต๊ะที่ร้านดีกว่า สะดวกดี”
“เย้ ดีเลย”
“ผมล้อเล่นนะคุณ ขืนออกไปเดี๋ยวคนเห็นอีกก็ยุ่งน่ะซิ”
“ ฉันรู้น่า ว่าคุณล้อเล่น ไม่ซื่อบื้อหรอก ถ้าไม่ออกไปจ่ายตลาดแล้วเราจะกินอะไร”
“ก็..” วินนึกไม่ออกเหมือนกัน
เอ ยืนเท้าเอว “จะให้กินพวกขนมที่คุณซื้อมาน่ะเหรอ”
“ก็เฉพาะคืนนี้ ให้เหตุการณ์สงบก่อนพรุ่งนี้ผมจะออกไปซื้อของให้”
วินอธิบาย แต่แล้วเห็นเอยืนเฉย ไม่พูดอะไร สายตามองผ่านไปทางด้านหลังของวิน สีหน้าตระหนก วินหันกลับไปก็พบว่า มีชายกลางคนยืนอยู่ ในมือถือลูกซองจ้องมายังทั้งสองคน
วินจ้องแล้วค่อยๆถอยหลังมาใกล้เอ พลางเอาตัวยืนบังเอ ไว้ เอพรวดเข้ามาแอบหลังวิน แต่อดไม่ได้
ที่จะโผล่หน้าออกมาดู
ชายกลางคนยืนส่องปืน พลางเพ่งสายตามองวินกับเออย่างเคร่งเครียด
วินจ้องตอบเขม็ง
“คุณวิน”
จู่ๆ ชายวัยกลางคนก็ร้องทัก
“ ใช่ ผมเอง”
ชายกลางคนลดปืนลง “ผมเอง นายชุ่ม”
วินถอนใจเฮือก“ลุงชุ่ม นึกว่าใคร”
“คุณทอมโทรมาหาผม บอกให้ผมแวะมาดูครับ”
“ขอบคุณลุงชุ่มที่แวะมา นี่คุณเอครับ”
เอค่อยๆโผล่มาจากข้างหลังวิน “สวัสดีค่ะ ลุงชุ่ม”
“ครับผม”
“เออยากไปตลาด อยู่ไกลมั้ยคะ”
วินมองเอขำๆ
“ไม่ไกลหรอกครับ แต่คุณ เอ กับ คุณวินจะเอาอะไรก็บอกนะครับ เดี๋ยวผมจะจัดการให้”
“เอ ว่าจะไปซื้อกับข้าว”
“อ๋อ นางแก้ว จัดการเรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวจะมาจัดใส่ตู้เย็นให้ เชิญคุณวินกับคุณ เอ พักผ่อนตามสบายครับ อาหารเย็นเสร็จเมื่อไหร่นางแก้วกับเด็กๆ จะยกมาให้ที่นี่ครับ”
วินกับเอต่างมองหน้ากัน ลุงชุ่มรีบอธิบาย
“คือบ้านผมอยู่ด้านหลังนี่เองครับ”
“ขอบใจลุงชุ่มมากนะจ๊ะ”
ลุงชุ่มยิ้ม ตั้งท่าจะเดินออกไป แต่วินรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวครับ ลุงชุ่มช่วยดู อย่าให้คนแปลกหน้าเข้ามานะครับ”
“อ๋อครับ คุณทอมบอกแล้วครับ สบายใจได้”
“ขอบคุณครับ”
ลุงชุ่มยิ้มเดินออกไป วินถอนใจ โล่งอก หันมาเห็น เอ ยืนมองอยู่ สีหน้ายังกังวล
“เกิดพวกมันเข้ามา ลุงชุ่มจะ เอ้อ ไหวเหรอคะ”
“ลุงชุ่มแกเป็นนักเลงเก่า ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”
เอ พยักหน้า ฝืนยิ้ม แต่ยังมีแววกังวลใจ
วินนอนคว่ำหน้าหลับสนิทอยู่บนเตียง ทั้งเสื้อผ้าชุดเดิม ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อจมูกได้
กลิ่นอาหารโชยมา จากนั้นก็ขยับตัวนั่ง บิดตัวไปมา แล้วค่อยๆ ลุกขึ้น เดินออกไปจากห้อง ตรงมาที่โต๊ะอาหาร
ที่จัดไว้เรียบร้อย มีเทียนไขสองแท่งจุดไว้แล้ว มีดอกไม้ตั้งตรงกลาง อาหารพร้อมอยู่บนโต๊ะ มีจานช้อนซ่อมจัดไว้
สองที่ ตรงข้ามกัน
“นึกว่าจะไม่ตื่นซะแล้ว”
วินหันมาเห็น เอแต่งชุดสวย เดินเข้ามา วินมองตาลอย เอมาหยุดตรงเก้าอี้ ยืนยิ้มให้วิน
“ผมต้องขอยอมรับว่าชุดนี้สวยดีครับคุ้มกับการเสี่ยงตายเป็นอย่างยิ่ง”
เอยิ้ม “ดีใจที่คุณยอมรับ”
วินได้แต่มองยิ้ม จนเอต้องแกล้งกระแอมเบาๆ “อะแฮ้ม”
วินรู้ตัว ขยับตัวเข้าใกล้เลื่อนเก้าอี้ออกให้เอนั่ง เอนั่งลง
“แท้งกิ้ว”
“เยส แมม”
เอขำ วินเดินไปนั่งตรงข้าม เอตักข้าวให้
“หิวจะแย่ เกือบไม่รอดแล้วนะจะบอกให้”
วินยิ้มมองเอตาเป็นประกาย เอตักข้าวใส่จานตัวเองเรียบร้อย ก่อนที่จะออกปากชมด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ขอบอกว่าฉันทึ่งคุณมาก ที่พาเรารอดมาถึงที่นี่ได้ ขอชมว่าคุณทำได้ดี”
“ผมเองก็ทึ่งคุณมาก ที่ทำให้เราเกือบไม่รอดมาถึงที่นี่”
ทั้งสองต่างยิ้มแล้วทานข้าว
“ขอบคุณมากนะจ๊ะ”
เอบอกกับแก้ว ที่เข้ามายกสำรับเก็บ
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
ลุงชุ่มเดินเข้ามาสมทบ
“ข้างนอกเงียบสงบครับ ไม่มีใครเข้ามาคุณวินกับคุณเอ อยากจะนั่งเล่นที่ระเบียงก็ได้นะครับ” “ขอบคุณครับลุงชุ่ม”
“ครับผม”
เมื่อลุงชุ่มเดินออกไป วินก็หันมาถามเอ “ว่าไงครับ”
“ออกไปชมวิวหน่อยก็ดี”
“เชิญครับ”
จากนั้นทั้งคู่ก็ก้าวมาที่ริมระเบียงบ้าน
“นานๆได้ออกมานอกเมืองสูดอากาศ บริสุทธิ์ก็ดีเหมือนกัน”
“ผมดีใจที่คุณคิดว่าเรามาพักผ่อน” วินยิ้มอย่างจริงใจ
“ทำไมต้องคิดเป็นอย่างอื่นให้ปวดหัวเปล่าๆ”
“ดีครับ”
“ฉันไม่เคยกลัวชีวิต ฉันไม่สนใจว่ามันจะออกมารูปไหนอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด”
น้ำเสียงของเอจริงจัง
“ผมรู้ว่าคุณเป็นคุณหนู ขาลุย ไม่เหยาะแหยะ”
เอยิ้มหวานให้ “ขอบใจ”
วินพยักหน้ารับเอกวาดสายตาดูบ้าน
“ทางบ้านคุณก็ถือว่ามีเส้นสายเยอะเหมือนกันนี่ ถึงได้มีที่สวยๆแบบนี้ให้มาพักผ่อน”“ไม่ใช่เส้นสายหรอกครับ เราเรียกว่ามิตรภาพอยู่บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ทางใจ ไม่ใช่เรื่องธุรกิจหรือส่วนแบ่ง”
“ใช่ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมเหมือนอย่างคุณพ่อของฉัน” เอหน้าสลด
“เอ้อ คือ ผมไม่ได้”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเข้าใจ ผู้ใหญ่มักจะอ้างว่าทำเพื่อลูกแต่ที่แท้ก็ทำเพื่อตัวเอง ให้ลูกๆ
ถูกสังคมตราหน้าบ้างก็ดีแล้ว”
วินมองเอ ด้วยความเห็นใจ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกุกกิก และเงาวูบวาบอยู่ตรงมุมระเบียง
วินขยับตัว รีบดึงเอมาไว้ทางด้านหลัง
เสียงเด็กหัวเราะคิกคักดังขึ้น วินหันมามองเอ เอพูดเบาๆ
“เสียงเด็ก”
“ใครน่ะ ไม่ออกมาจะจับกินตับ”
เสียงเด็กหัวเราะกันคิกคักอีก
“คนกินตับไม่ได้” เสียงของเด็กผู้หญิงดังลอยขึ้นมา
เอ มองหน้าวิน แล้วยิ้ม
“ใครเอ่ย ออกมาซิจ๊ะ”
เด็กผู้หญิง อายุ 10 กับ 8 ขวบเดินออกมาจากมุมระเบียง ถือถาดมีขนมออกมาวางที่โต๊ะ“โอ้โห น่าทานจัง”
“แม่หนูให้เอามาค่ะ”
เอ รับแล้วมาวางไว้ที่โต๊ะ “ขอบใจมากนะจ๊ะ ชื่ออะไรกันคะ”
“จุ๊บแจงค่ะ” เด็กผู้หญิงคนโตกว่าแนะนำตัว “แล้วน้องหนู ชื่อ น้อยหน่า”
“นี่ พี่เอ แล้ว ก็ พี่วินค่ะ” เอแนะนำตัวบ้าง
เด็กสองคนยกมือไหว้น่าเอ็นดู
“มานั่งกับพี่มา มาทานหนมกัน”
เอ จับเด็กๆนั่งข้างๆตน วินมองแล้วอดยิ้มไม่ได้ เอ เงยหน้ามา ยิ้มตอบ
จุ๊บแจง กับ น้อยหน้า ร้องเพลง แล้วเต้นในจังหวะทันสมัย เอ ตบมือชอบใจ
“เก่งมากจ้ะ มานี่เร็ว มาให้หอมซะดีๆ”
เด็กๆเข้ามาหาเอ ยืนคนละข้าง เอหอมคนละฟอด จุ๊บแจงกับน้อยหน่าชอบใจ
เอ ยิ้มอย่างมีความสุข
แก้วเดินเข้ามาตาม “เด็กๆกลับได้แล้ว อย่ารบกวนพี่ๆ”
เอ รีบบอก “ไม่รบกวนหรอกค่ะให้เด็กๆอยู่เล่นที่นี่ก่อนได้มั้ยคะ ค่ำๆจะไปส่ง”
แก้วยิ้ม “ไม่ต้องไปส่งหรอกค่ะ มืดแล้วทางลำบากให้นอนในห้องรับแขกก็ได้ค่ะ แกมานอน
กันบ่อยๆ”
“งั้นนอนที่นี่กันนะจ๊ะ”
เด็กๆ ต่างยิ้มพยักหน้าชอบใจ
“ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”
แก้วขอตัว แล้วเดินออกไป เอมาทางจุ๊บแจงกับน้อยหน่า
“เย้..เรามาเล่นกันต่อดีกว่า”
เด็กสองคนเฮไปด้วย วินมองเพลิน แต่แล้วจู่ๆ ก็พูดขึ้นมาว่า
“เดี๋ยวผมมาครับ”
วินลุกขึ้น แล้วก้าวฉับๆเข้าไปในบ้าน เอกับเด็กๆ มองหน้ากัน เอทำมือป้องปาก กระซิบเบาๆ “สงสัยปวดท้อง”
เอ กับเด็กต่างหัวเราะกัน
เอ ยืนอยู่ตรงระเบียงบ้าน มองไปเห็นท้องฟ้ามีดาวสวยงาม พระจันทร์เต็มดวง กระจ่างฟ้า
น้อยหน่า กับ จุ๊บแจง ยืนอยู่ข้างๆ
“นั่นดาวอะไรจ๊ะ”
น้อยหน่า รีบตอบ “ดาวลูกไก่”
“เก่งนี่ พี่ยังดูไม่ออกเลย”
“ใครถาม น้อยหน่า ก็ บอกว่าดาวลูกไก่ค่ะ”
จุ๊บแจงเผยความลับ
“อ๋อ แบบนี้เอง”
เอ แกล้งเอามือจี้เอว น้อยหน่าหัวเราะชอบใจ
พลันเสียงของวินก็ดังแทรกขึ้นมา“ดูซิครับว่าผมเจออะไร”
เอ กับเด็กๆหันไป เห็นวินถือกีต้าร์มาตัวหนึ่ง เอ ยิ้ม วินเดินเข้ามา
“สงสัยคุณพ่อเอามาทิ้งไว้”
“คุณเล่นเป็นเหรอ”
“เล่นพอไหว แต่ร้องไม่ได้เรื่อง”
เอ ขำ “เล่นหน่อยซิคะ ร้องไม่ได้เรื่องก็ไม่เป็นไร ฉันไม่บอกใครหรอก ใช่มั้ยพวกเรา ให้พี่วินร้อง”เด็กๆต่างตบมือเฮชอบใจ เอ ยิ้มหวานให้ วินเลยเผลอพยักหน้า
จากนั้นวินก็ร้องเพลงจนจบ วินกับเอสบตากัน ในขณะที่จุ๊บแจงกับน้อยหน่านั่งหลับอยู่ข้างๆ
เอ อุ้ม น้อยหน่าวางลงบนเตียง วินอุ้มจุ๊บแจง วางข้างๆ
“เด็กๆ แย่งเตียงคุณไปนอนแล้ว”
“ไม่เป็นไรครับ ผมนอนที่โซฟาด้านนอก”
“คุณร้องเพลงจนเด็กหลับ ถือว่าใช้ได้นะ”
“คราวหน้าตาคุณมั่ง”
แล้วทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน
เอ หวีผมอยู่ หวีไปนั่งคิดถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา แล้วจู่ๆ ก็เห็นภาพของวิน อยู่ในกระจก
มองมายัง เอ
เอจ้องภาพวินในกระจก “ฉันหวังว่านายเป็นคนที่มีอุดมการณ์อย่างที่นายพูด”
ภาพวินในกระจกหายไป เอ ลุกขึ้น เดินไปที่เตียง มือเปิดผ้านวม เพื่อจะนอน แต่แล้วหยุดหันไป
มองทางห้องรับแขก แล้วหมุนตัวเดินออกไป
เอ เดินออกมาพร้อมผ้านวมอีกผืนหนึ่งเดินมาตรงที่วินหลับอยู่ ยืนมองครู่หนึ่ง พลางเอามือแกว่ง
ตรงหน้า วินไม่รู้สึกตัว เอค่อยๆ ห่มผ้านวมให้วินอย่างเรียบร้อย พลางยืนดูอยู่ชั่วอึดใจ แล้วหันหลังเดินกลับเข้า
ไปในห้อง วินลืมตาขึ้นมองตามเอ พลางถอนใจ
หนีก็ล่า ซ่าก็รัก ตอนที่ 3 (ต่อ)
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่วินกับเอ นั่งกินอาหารเช้าอยู่ที่ระเบียง
“คุณตื่นไปส่งเด็กๆแต่เช้า”
วินยิ้ม “เปล่าครับ ผมตื่นมาเด็กไปกันหมดแล้ว เด็กแถวนี้ตื่นกันเช้าๆครับ”
“น่ารักทั้งคู่เลย คืนนี้ต้องชวนมาอีก”
วินยิ้มจ้องเอ จนเอสงสัย “what?”
“เปล่าครับ เห็นคุณสนุก ผมก็ดีใจ”
“ฉันชอบจัง ฉันอยู่นี่ได้เป็นเดือนๆ”
“ไม่มีห้างให้ช็อปปิ้งนะครับ” วินล้อ
“ลุงชุ่มบอกว่าอยู่ไม่ไกล”
วินยิ้ม พลันทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา ทั้งสองรีบหันไป
“ผมเองครับ คุณวิน”
“ลุงชุ่ม มีอะไรเหรอ”
“มีคนแปลกหน้าเข้ามาครับ” ลุงชุ่มบอกกึ่งกระซิบ“ต้องเป็นพวกรถกระบะที่ไล่เรามาเมื่อวานแน่ๆ คุณเข้าไปในบ้านก่อน”
“คุณล่ะ” เอไม่วายเป็นห่วง
“ผมจะออกไปกับลุงชุ่ม ดูพวกมันซะหน่อย”
“ระวังตัวนะคะ”
เอมองสอบตาวิน วินยิ้มแกล้งยกกล้าม แล้วเดินออกไป เอมองตามเป็นห่วง
วินกับลุงชุ่ม ย่องมาหลบซุ่มอยู่ในพุ่มไม้ ตรงทางเข้าบ้าน เห็นพวกมันสี่คนถือปืนย่องกันเข้ามา
“คุณวินยิงปืนเป็นมั้ยครับ”
“เคยยิงแต่เป้าน่ะครับ” วินตอบเบาๆ
ลุงชุ่มกระชากปืนพกที่เอวออกมาส่งให้ วินรับไว้
“แต่ผมไม่อยากยิงคน”
“แต่พวกมันยิงคุณแน่ครับ ถ้าคุณไม่ยิงมัน”
วินพยักหน้า นายชุ่มพูดต่อ “คุณวินอยู่ที่นี่ ผมจะแยกไปด้านโน้น”
ลุงชุ่มแยกตัวออกไปทางด้านซ้ายมือ วินถือปืนกระชับแน่น กวาดสายตามองพวกมัน
ที่พร้อมกันดาหน้าใกล้เข้ามา ทันใดนั้น วินก็วิ่งพรวดออกไปทางด้านขวามือ พวกมันหันปืนตามส่องยิง 2-3 นัด
กระสุนเฉี่ยววินไปนิดเดียว วินพุ่งหลบ ทันใดนั้นลุงชุ่มโผล่มาทางด้านซ้าย ยิงตูมๆใส่พวกมันคว่ำไปสองคน อีกสองคนหันมายิงใส่ลุงชุ่ม ลุงชุ่มหลบวูบไป
“ข้าจะสกัดมันที่นี่” มือปืนคนแรกบอก
อีกคนพูดต่อ “ข้าจะตามอีกคน”
“โน่นไง”
มือปืนคนแรกเห็นวินวิ่งพรวดออกไปทางด้านขวา ก็เลยรีบวิ่งตามไป อีกคนหันไปทางลุงชุ่ม ยิงใส่ลุงชุ่มเป็นชุด กระทั่งเสียงปืนเงียบ มันขยับตัว พลางกวาดสายตาดู แต่แล้ว
“เฮ้ย”
ลุงชุ่มใช้พานท้ายของปืนสอยเข้าเต็มคาง จนมันหลับไป
ในขณะที่วินล่อพวกมันวิ่งไปทางด้านขวาของตัวบ้าน วินหันกลับมาดู เห็นมันวิ่งตามมา ก็รีบหลบ วูบหลังต้นไม้ พลางกวาดสายตาเห็นท่อนไม้ท่อนหนึ่ง วินเอาปืนเหน็บไว้ข้างหลัง ถือไม้ในมือพร้อม มันย่องมา
ทางต้นไม้ วินโผล่มาเอาไม้ฟาดมันโครม มันเอาปืนรับไว้ได้ แต่ปืนกระเด็นไปอีกทาง เกิดการต่อสู้กัน วินชกมัน
สองสามหมัด มันชกวินได้หมัดหนึ่ง ต่างสู้กันอีก ผลสุดท้ายวินอัดมันลงไปกอง พอดีลุงชุ่มวิ่งมาถึง วินยืนหอบ
เดินมาพร้อมส่งปืนให้ลุงชุ่ม แล้วเดินผ่านไปยังตัวบ้าน
จากนั้นวินก็เดินเข้ามาในบ้าน
”คุณ เอ ครับ”
ทว่าไม่มีเสียงตอบ วินเดินเข้ามา กวาดสายตามองอย่างระมัดระวัง ค่อยๆ ย่องเข้าไปด้านใน พอวินโผล่หัวมุมก็เจอแจกันดอกไม้ทุบหัวโครม วินสลัดหัวแล้วหันมา เอ มองด้วยตกใจ
“คุณ..”.
เอหน้าจ๋อย “Sorry”.
วินตาลอยแล้วทรุดล้มลงไปโครม เอได้แต่ยืนดูตกใจ
วินนั่งเอามือหนึ่งถือถุงน้ำแข็งโปะหัวอยู่ เออยู่ใกล้ๆ คอยเอาผ้าประคบตรงรอยช้ำที่แก้มเบาๆ “โอย โอ๊ย” วินร้องเสียงดัง
“โห ยังไม่ได้แตะเลย”
วินเลยเงียบ เอเอาผ้าแตะเบาๆ แล้วถอยออก
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
วินถือถุงน้ำแข็งคอยโปะหัวตัวเอง เอมองแล้วกลั้นยิ้ม วินหน้านิ่วคิ้วขมวด“ผมว่าคุณแกล้งตีหัวผมเป็นการแก้แค้นมากกว่า”
เอขำคิก “ก็คุณชอบเอ่ยถึงเรื่องหนังแล้วก็หาว่าพวกผู้หญิงอินโนเซ้นท์ ไม่คิดว่าจะมีใครมาทำร้าย ฉันก็เลยกลัว”
“ก็เลยเอาแจกันฟาดหัวผม”
เอ ขำพยักหน้า“ปลอดภัยไว้ก่อน เผื่อว่าผู้ร้ายแกล้งดัดเสียงเรียก”
“มีด้วยเหรอ หนังเรื่องอะไร”
“เทอร์มิเนเตอร์ไง ที่หุ่นมันแกล้งดัดเสียงเรียกเด็กน่ะ” เอตอบหน้าตาเฉย
วินพยักหน้า “คราวนี้คุณรอดตัวไป”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่ลุงชุ่มจะโผล่เข้ามา
“คุณโจมาครับ”
“เฮ้ โจ”
วินกับโจเดินเข้ามาโอบกอดกัน เอ ยืนอยู่ห่างออกไป
“สวัสดีครับคุณ เอ”
เอาหันไปทักเอ พลางยื่นกล้องให้ “ผมเอาติดมาให้ครับ คุณเอจะได้ไม่เหงา”
“ขอบคุณค่ะ”
“ผมจัดการเจ้าบาร์เทนเดอร์นั่นเรียบร้อยแล้วนะครับ กำลังดำเนินคดีอยู่ มันสารภาพว่ามันวางยาคุณ เอ”
เอหันขวับมาทางวินทันที “คุณหาว่าฉันกรึ๊บหนัก”
วินกับโจยิ้ม “ขอโทษครับผม”
“ไม่ได้ ถือว่าติดค้างไว้ก่อนฉันจะคิดที่หลังว่าจะให้คุณทำอะไร”
“โจ ฉันกลับไปกับนายดีกว่าว่ะ” วินแกล้งหันมาบอกกับโจ
เอขำ ทุกคนเลยยิ้มไปด้วย
“ฉันเอารถมาเปลี่ยนให้นาย”
“เกิดอะไรขึ้น” วินถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไรตำรวจมาที่บ้าน สอบถามเข้ม หาว่าคุณพ่อมีส่วนรู้เห็นแต่ทนายของคุณพ่อโต้กลับ
ไปแล้ว นายไม่ต้องห่วง ตำรวจสอบถามเรื่องรถ คุณพ่อบอกว่าฉันยืม ฉันเลยต้องมาเอารถคุณพ่อกลับไป”
“โทษทีว่ะ ที่ทำให้นายต้องเดือดร้อน”
“ไม่เป็นไรเพื่อน”
“ฉันมีเรื่องให้นายช่วยอีกอย่าง” วินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ว่ามา”
“ฉันเพิ่งจำนายสุชาติได้จากข่าว ฉันเคยเจอนายสุชาติที่เอเจนซี่ นายช่วยสืบหน่อยว่าเบื้องหน้า
เบื้องหลัง เกี่ยวข้องกับนายสมภพยังไง”
“ได้เพื่อน”
“เดี๋ยวค่ะ” เอรีบพูดแทรก “พูดถึงนายสมภพ ฉันจำได้ค่ะ”
“คุณเคยเจอนายสมภพ” วินหันมาถาม
“ฉันเคยเห็นที่ทำงานของคุณพ่อ กำลังคุยกันเรื่องโครงการที่นายสุชาติได้ไป”
“คุณแน่ใจนะครับ”
“แน่ใจค่ะ นายสมภพ มาดักเจอฉันที่โรงแรม เสนอเงินให้ฉันทำการกุศล แต่ฉันไม่คุยด้วย”
“นี่คือสาเหตุที่นายสมภพยิงนายสุชาติแน่นอน” วินสรุป “ปืนของกลางอยู่ที่ฉัน”
“พวกนายสมภพถึงตามล่านายอยู่นี่ไง ยิ่งมีรางวัลล่อใจ ยิ่งอ้างได้เต็มที่”
วินกับเอมองหน้ากัน สีหน้ากังวล
โจอยู่บนรถของทอม มีรถอีกคันหนึ่งจอดอยู่ข้างๆ วินยืนอยู่ใกล้กับรถ ในขณะที่เอยืนอยู่บน
ระเบียงบ้าน ถือกล้องถ่ายรูปวิว
“รถของลูกน้องเพื่อนเก่าฉัน ตำรวจคงสาวไม่ถึง แกคงใช้ได้นาน แต่ถ้าตำรวจได้กลิ่น ฉันจะรีบ
บอกนาย”
“ขอบใจมากเพื่อน”
“ฉันจะส่งจดหมายสนเท่ห์ ถึงผู้กองวันชาติบอกเรื่องของนายสมภพกับนายสุชาติ เผื่อว่าตำรวจอาจจะ สนใจที่จะสาวเรื่องดู” โจเสนอ
“โอเค นายขับรถดีๆเพื่อน”
โจ แอบชำเลืองมองเอ “ฉันว่านายตกหลุมรักเข้าเต็มเปาแล้วเพื่อน”
วินพยักหน้า “แต่ฉันยังยึดถืออุดมการณ์ของฉันอยู่”
“เออ..นายเก่ง”
พูดจบโจก็ขับรถออกไป วินโบกมือตาม หันมาเห็นเอมองอยู่ วินยิ้มให้
“นินทาอะไรฉันเหรอ”
เอ ถามเมื่อวินเดินกลับขึ้นมาบนบ้าน
“เปล่านี่ครับ” วินรีบปฎิเสธ
“ฉันเห็นคุณโจมองฉัน ตอนที่คุยกับคุณ”
“อ้อ ไม่ได้นินทานี่ครับ นายโจบอกว่าดูแลคุณให้ดี”
เอ จ้องจับพิรุธ แต่วินทำไม่รู้ไม่ชี้
ในสตูดิโอถ่ายโฆษณา ในขณะที่ช่างแต่งผมกำลังแต่งผมพอลอยู่ เจก็เดินเข้ามา
“ผมเสียใจด้วยครับ คุณพอล เรื่องคุณเอ”
“ขอบคุณครับ”
“คุณเอ ไม่ติดต่อมาเลยเหรอครับ”
พอลถอนหายใจ “ยังเลยครับ ผมงี้กลุ้ม น้องตรงนี้ยังยุ่งอยู่เลย ครับ กลุ้มมากเลยครับ”
เจ พยักหน้ารับ แกล้งตีหน้าเศร้า ช่างผมจัดผมให้เจ
“เรียบร้อยค่ะ”
“ขอบคุณมากน้อง”
เมื่อช่างผมเดินออกไปเจก็รีบเข้าเรื่อง
“ปัญหาคือ นายวินคนที่พาคุณเอไปน่ะซิครับ”
“หา ยังไงเหรอครับ”
เจ ลดเสียงพูดให้เบาลง
“ไอ้นี่มันชอบกุ๊กกิ๊กหญิงครับ สไตล์อเมริกัน ฟันแล้วทิ้ง”
ในขณะที่วินกำลังตรวจดูเครื่องรถอยู่ เอ เดินเข้ามาถือกล้องถ่ายรูป
“อย่าบอกนะว่าคุณทำรถเสีย”
วิน เหลือบตามองเอ “ ใจเย็นครับ ผมแค่ตรวจดูเท่านั้นเอง”
“คุณซ่อมรถเป็นเหรอ”
“ก็พอตัว ตอนเรียน พ่อเพื่อนเป็นเจ้าของอู่เคยไปช่วยเพื่อนเป็นครั้งเป็นคราว หารายได้พิเศษ”
เอยิ้ม แล้วแกล้งต่อให้ “พาสาวเที่ยว”
วินหันมามอง ยักไหล่ “มีบ้าง”
“ฉันว่าสาวที่โน่น คงไม่มีปัญหาเรื่องครอบครัวเหมือนฉัน แบบว่าไม่โปร่งใส”
“มีครับ” วินตอบยิ้มๆ
“จริงเหรอ”
“ครับ นักการเมืองที่อเมริกาก็มีคอรัปชั่นเหมือนกันครับผิดกันตรงที่คนของเขากัดไม่ปล่อย ส่วนมากก็จะโดนจับจนได้ครับ”
“น่าจะชวนมาเที่ยวเมืองไทยนะ”
“ใครครับ” วินย้อนถาม
“ก็สาวๆไง”
“เห็นว่าจะมากันเหมือนกันครับ”
เอ มองหน้าวิน แอบหงุดหงิดเล็กน้อย พลันเสียงของจุ๊บแจงกับน้อยหน่า ก็ดังแทรกขึ้นมา
“สวัสดีค่ะพี่เอ พี่วิน”
ทั้งสองหันมาเห็นทั้งคู่ยืนยิ้มอยู่
“ดีจัง พี่กำลังเหงาอยู่ทีเดียว”
จุ๊บแจงกับน้อยหน่า ยิ้มน่ารัก ในขณะที่วินแกล้งตัดพ้อ
“อ้าว คุยกับผมหาว่าเหงา”
“ไม่รู้ล่ะ เด็กๆ เราไปหาที่สวยๆถ่ายรูปกันดีกว่านะ”
เอหันมาชวน จุ๊บแจงกับน้อยหน่าพยักหน้ารับ เอ ส่งมือให้เด็กๆ จับแล้วจูงเด็กออกไป แต่แล้วก็
หยุด หันมามองวิน
“หมั่นไส้”
วินมองอย่างงงๆ เอเดินจูงเด็กๆออกไป
“อะไรของเขานะ”
วินปิดฝากระโปรงรถ ก็เห็นลุงชุ่มเดินเข้ามา
“ลุงชุ่มจัดการกับพวกนั้นยังไงครับ”
“ผมเรียกลูกน้องมาพาพวกมันไปส่งบ้านน่ะครับ”
วินมองอย่างจับพิรุธ “ส่งบ้านเหรอ”
“ผมว่าคุณวินอย่ารู้เลยดีกว่าครับ ไอ้พวกนี้ถือปืนเข้ามา ผมไม่มีทางเลือก
วินพยักหน้า ทันใดนั้นเสียง เอกรีดร้องดังขึ้น
“คุณเอ”
จบตอนที่ 3