รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 11
งานแต่งงานระหว่างกริช กับวนิษา ถูกจัดขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ของโรงแรมหรู ท่ามกลางแขกเหรื่อและสื่อมวลชนที่มาร่วมงานจนแน่นขนัด บ้างก็จับกลุ่มกันซุบซิบกันอย่างออกรส
ระรินกับเพ็ญแขอยู่ที่มุมหนึ่งของงาน
“ดูเธอยังใจเย็นอยู่นะ”
ระริน ยิ้มอย่างใจเย็น “อุ๊ย ใครบอกล่ะคะคุณแม่ ตื่นเต้นจะตาย ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนเลยค่ะ”
“เอ่อ ดูยัยวนิษาสิ ท่าทางดูจะมีความสุขเอามากสินะ”
“นั่นแหละค่ะ ให้มันมีความสุขมากๆนี่แหละดี เวลามันทุกข์มันได้เหมือนคนตกลงมาจากที่สูง
ยิ่งอยู่สูงเท่าไหร่ก็ยิ่งเจ็บปวดเท่านั้น”
ระรินแววตาร้าย
ในขณะที่โจหลบอยู่ในฝูงชน พลางจับตามองทุกอย่างรอบตัว พร้อมกับคุยมือถือผ่านบลูทูธกับป๋อง ที่คอยสังเกตการณ์อยู่อีกฝั่งหนึ่งของงาน
“ทุกอย่างเรียบร้อยมั้ย”
“เรียบร้อยครับ ทางพี่ล่ะ”
“เรียบร้อย ไม่มีพิรุธอะไรเลย”
ทางด้านปฐมอยู่อีกด้านหนึ่ง มองไปรอบๆงาน แล้วมองไปที่วนิษา
“คุณไม่น่าทำแบบนี้เลยตั่วเจ๊”
คุณยายวรางค์อยู่กับหนุงหนิง ที่ยังคงแต่งตัวด้วยชุดสีจัดจ้าน
“พิธีเสร็จแล้ว เรากลับก่อนดีไหมคะ”
หนุงหนิงมีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจนัก
“เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมสีหน้าเธอดูไม่ค่อยดีเลย”
“หนุงหนิงไม่สบายใจน่ะค่ะคุณยาย”
“มีเรื่องอะไรเหรอหนุงหนิง บอกฉันซิ”
คุณยายวรางค์ดูห่วงใยมาก
“ก็นี่งานแต่งคุณวนิแท้ๆ แต่ใครๆก็ชอบมองมาที่หนุงหนิง หนุงหนิงรู้สึกเสียมารยาทค่ะ ดันสวยกว่าเจ้าสาว วันนี้หนุงหนิงก็พยายามแต่งกลบๆแล้วนะคะเนี่ย เฮ้อ”
ส่วนหม่อมจันจิรา อยู่ที่มุมหนึ่งกับพจน์ และ มรว. จันทร์ธิดา
“ไม่รู้ทำไมคุณถึงอยากมางานนี้ เสียเวลาจริงๆ”
ม.ร. ว. จันทร์ธิดา หันมาทำหน้าบึ้งใส่สามี
“เอาน่า ยังไงเขาก็ญาติเรานะ”
“แต่ว่าเพราะแม่นี่ น้องชายคนเดียวฉันถึงได้”
หม่อมจันจิรา ทนไม่ไหว หันมาปรามทั้งคู่
“นี่ไม่ใช่บ้านเรานะ แล้วก็งานมงคลด้วย พูดอะไรระวังปากบ้างหน่อย”
ในขณะที่พิธีการดำเนินมาถึงตอนที่กริชสวมแหวนให้วนิษา ช่างภาพถ่ายรูปกันพึ่บพั่บ
วนิษา กำลังยืนคุยกับวลัยและคุณยายวรางค์อยู่ที่มุมหนึ่ง โจยืนนิ่งๆอยู่ข้างๆ คอยแอบจับตามอง วนิษาอยู่ตลอดเวลา
กริชเดินมาตบบ่าโจเบาๆ “ว่างอยู่ใช่ไหม”
“ครับ”
“มีเรื่องให้ช่วยหน่อย คุณช่วยไปรับเจ้าหน้าที่จดทะเบียนสมรสมาที่นี่ ผมนัดเขาไว้แล้ว หน้าสำนักงานเขต”
โจส่ายหน้า “ขอโทษนะครับ ผมก็ไม่ว่างเหมือนกัน”
“ไม่เอาน่าดาว คุณรับเงินผมไปไม่ใช่น้อยนะ ช่วยนิดหน่อยเอง อีกอย่างเรื่องนี้ ก็ถือเป็นธุระของคุณวนิษาเหมือนกันนะ”
“ทำไมคุณไม่ให้คนอื่นไป”
“ก็อั๊วอยากให้ลื้อไป ลื้อจะไปหรือไม่ไป ถ้าลื้อไม่ไป อั๊วจะไล่ลื้อออกไป เดี๋ยวนี้เลยด้วย”
กริชพูดพลางจ้องหน้าโจอย่างเอาจริง
“ได้ครับ ขอที่อยู่ด้วยครับ”
กริชหยิบกระดาษยัดใส่มือ โจเดินออกไป ระหว่างนั้น ก็โทร, หาป๋องไปด้วย
“ป๋อง ฉันต้องออกไปจากที่นี่พักหนึ่ง แกจับตาดูวนิษาไว้ด้วย”
ระหว่างที่โจคุยโทรศัพท์กับป๋อง เขาเดินผ่านเห็นพจน์ ที่กำลังยีดบางอย่างใส่มือกระเทยคนหนึ่งที่หันหลังให้โจ แต่โจไม่ได้ใส่ใจอะไร
ในขณะที่กริชหยิบมือถือมาโทรออก
“คุณคอปบร้า ผมส่งคนไปรับคุณแล้วนะ ให้คนขับรถของเจ้าสาวไปจะได้ไม่มีใครสงสัยผม”
กริชเห็นระรินเดินมาหา ก็รีบตัดบท
“แค่นี้ก่อนนะ”
กริชวางสาย ระรินเข้ามาถาม
“เป็นไงบ้างคะคุณกริช แผนแก้เคล็ดราบรื่นดีไหมคะ”
กริชพยักหน้ายิ้มๆ
“ราบรื่นดีครับ ข้าวของเครื่องใช้ในพิธีเกือบทุกอย่างเป็นของปลอมทั้งนั้น ส่วนเจ้าหน้าที่ตัวปลอมก็กำลังจะมา คนนี้เก่งมาก พริ้วราวกับนักแสดงแนบเนียนสุดๆเลยครับ”
“ดีจังค่ะ ขอให้สำเร็จด้วยดีนะคะ”
โจขับรถมาที่หน้าสำนักงานเขต เห็นคอปบร้าในชุดข้าราชการยืนรออยู่ไกลๆ โจชะงักเหยียบเบรกเอี๊ยด
“เฮ้ย อย่าบอกนะว่า”
โจขบคิดเรื่องราวในใจ พลางหยิบแว่นกันแดดมาสวม แล้วขับรถต่อไป
คอปบร้ายืนรออยู่ เห็นรถวิ่งมาจอดข้างหน้าเขา มองไม่เห็นคนขับเพราะฟิล์มรถมืด คนขับกดกระจกลงนิดหนึ่ง เห็นแค่ช่วงบนของใบหน้า โจใส่แว่นกันแดดดำปี๋ ทำเป็นหยิบกระดาษที่กริชให้มาอ่านดู แล้วดัดเสียงพูด
“คุณประกิต เจ้าพนักงานจดทะเบียนสมรสใช่ไหมครับ”
“ครับ”
โจลงมา พลางก้มหน้าก้มตา แล้วเปิดประตูรถให้ด้วยท่าทางพินอบพิเทา
“เชิญครับ คุณกริชกำลังรออยู่ครับ”
คอปบร้าไม่ทันระแวงอะไร เดินขึ้นไปนั่งบนรถ
“รัดเข็มขัดด้วยนะครับ”
คอปบร้าพยักหน้า หยิบเข็มขัดมารัด พอเงยหน้าขึ้นมา โจที่รออยู่แล้ว ก็ชกเข้าเต็มกราม คอปบร้าสลบเหมือดทันที
โจมองซ้ายมองขวา ก่อนที่จะรีบปิดประตูรถ แล้ววิ่งขึ้นไปนั่งที่คนขับ รีบขับออกไปทันที
คอปบร้าถูกมัดมือมัดเท้าติดกับเสาต้นหนึ่งในตึกร้าง โจที่ยังสวมแว่นดำอำพรางตัว ตบๆตามตัว เจอมือถือ ก็หยิบมือถือเขวี้ยงทิ้งไป แล้วค่อยๆ หยิบขวดน้ำเปล่าราดหัว จนคอปบร้าได้สติ
“เฮ้ย ปล่อย แกทำแบบนี้ทำไมวะ”
โจดัดเสียงพูด “บอกมาซิ คุณปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ทำไม”
“ผมเป็นเจ้าหน้าที่จริงๆ”
โจชักมีดออกมา “ถ้าโกหกอีก ผมจะตัดหูคุณ”
คอปบร้ามองโจ รู้สึกคุ้นๆ สักพักก็อ้าปากค้าง
“ไอ้โจ แก ไอ้โจตัวซวย ฉันจำแกได้แล้ว”
โจหัวเราะ ดึงแว่นออก เลิกดัดเสียง
“แหม นึกว่าจะจำไม่ได้ซะอีก แต่ก็ช้าไปหน่อยนะเพื่อน”
คอปบร้าจ้องหน้าโจ โจจ้องหน้าตอบ ต่างคนต่างนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต ที่เกิดขึ้นที่สำนักงานนักสืบสมยศ
ตอนนั้นโจ ที่เป็นบัณฑิตเพิ่งจบใหม่ ยื่นแฟ้มรายงานให้สมยศ คอปบร้าในวัยหนุ่ม นั่งกินข้าวไข่เจียวอยู่ด้านหลัง พลางมองโจด้วยสายตาไม่พอใจ
“นี่ครับ หลักฐานที่ผมรวบรวมมาได้”
สมยศรับไปดูครู่หนึ่ง “เธอไม่ต้องฝึกงานกับฉันแล้ว”
“อ้าว” โจแปลกใจ.
“ฉันให้เธอเป็นพนักงานจริงๆเลย เธอผ่านการทดลองงานแล้ว”
“แต่ว่า ผมเพิ่งมาลองงานไม่ถึงเดือนเลยนะครับ”
สมยศยิ้มให้โจ
“เธอเก่งมาก เป็นนักสืบมืออาชีพได้แล้ว เธอน่าจะเป็นนักสืบที่เก่งที่สุดในบริษัทนี้ด้วยซ้ำ”
คอปบร้าไอแค่กๆ “ผมว่าพ่อเปลี่ยนใจเหอะ อย่ารับมันทำงานเลย”
“ทำไม คอปบร้า” สมยศหันหน้าไปถาม “อย่าบอกนะว่าแกอิจฉา เลิกได้มั้ยไอ้นิสัยขี้อิจฉาคนอื่นของแกเนี่ย แกกับโจก็รุ่นเดียวกัน มีดีคนละอย่าง ควรจะเป็นเพื่อนกันร่วมกันทำงานมากกว่าเป็นศัตรูกัน”
“เรื่องนั้นผมไม่สนหรอก แต่ผมไปสืบประวัติไอ้โจมา หึๆ”
“มีอะไรเหรอครับ” โจข้องใจ
“ไอ้โจมันเป็นประเภทเข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายหมด”
โจหน้าเครียด
“หมายความว่าไงโจ”
โจยังใมทันได้อธิบาย คอปบร้าก็รีบพูดต่อ
“ก่อนจะมาทำงานกับพ่อ มันทำงานมาตั้งหลายที่ แล้วทุกๆที่เหมือนกันหมด คือเข้าไปที่ไหน
ที่นั่นก็บรรลัย เจ๊งมั่ง เกิดอุบัติเหตุมั่ง เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว ฉันพูดผิดรึเปล่าวะ ไอ้โจ ขนาดคนแถวบ้านยังตั้งฉายาให้แกเลย พวกฉันควรจะเรียกแกแบบนั้นด้วยมั้ย ว่าไงวะ ไอ้โจตัวซวย”
สมยศ ส่ายหน้า “ไร้สาระ ฉันจะรับโจเข้าทำงาน”
“พ่อ เดี๋ยวพ่อก็ซวยหรอก”
“ฉันไม่กลัว”
สมยศพูดจบ ก็ได้ยินเสียงเสียงระเบิดดังตู้ม ทุกคนตกใจ แม่บ้านวิ่งหน้าตาตื่นออกมา
“แก๊สระเบิดค่ะ ไฟไหม้ที่ห้องครัว รีบหนีกันเถอะค่ะ”
พวกพนักงานรีบวิ่งหนีออกไป
“เห็นมั้ย ไม่ทันขาดคำเลย เพราะแก ไอ้โจตัวซวย”
โจอึ้งไป แล้วก็เอะใจ มองไปที่จานข้าวไข่เจียวที่คอปบร้ากินอยู่
“เพราะแกต่างหาก แกคือคนสุดท้ายที่เข้าครัวแล้วแกก็ปิดแก๊สไม่สนิท”
“ไม่ ฉันปิดสนิทแล้ว”
“อย่าเพิ่งเถียงกัน ออกไปกันก่อน”
สมยศผลักโจกับคอปบร้าออกมาหน้าออฟฟิศ
“ข้ามถนนไปฝั่งนั้นเร็ว”
จากนั้นก็ทำท่าจะวิ่งกลับเข้าไป
“เดี๋ยว พ่อจะไปไหน”
“พ่อจะเอาแผ่นดิสก์”
สมยศวิ่งหายไปด้านหลัง ไม่ทันไรเกิดเสียงระเบิดอีกตู้ม
“พ่อ”
คอปบร้าจะวิ่งตามเข้าไป โจรีดึงไว้
“อย่าเข้าไป”
คอปบร้าโวยวาย “ปล่อยฉัน เพราะแก ไอ้โจตัวซวย ปล่อยฉัน”
อ่านต่อหน้า 2
รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 11 (ต่อ)
โจกับคอปบร้ายังจ้องหน้ากันแบบไม่มีใครยอมใคร
“เพราะแก พ่อฉันถึงต้องตาย บริษัทโดนไฟไหม้ เพราะแก ไอ้โจตัวซวย”
“ไม่จริง ทุกอย่างเกิดจากความสะเพร่าของแกที่แกลืมปิดแก๊ส แถมแกยังเป็นคนที่ทำให้คนในวงการเรียกฉันว่าโจตัวซวยอีก แกนั่นแหละผิด”
โจพยายามระงับสติอารมณ์
“ฉันไม่อยากพูดเรื่องที่ผ่านมา ตอนนี้ฉันแค่อยากรู้ว่าแกปลอมเป็นเจ้าหน้าที่จดทะเบียนทำไม”
“ฉันไม่บอก แกอยากทรมานฉันยังไงก็เชิญ ยังไงฉันก็ไม่บอก”
โจเงียบไป คอปบร้าแสยะยิ้มไม่มีท่าทีหวาดกลัว
“แกเชื่อจริงๆเหรอว่าฉันคือตัวซวย”
คอปบร้า พยักหน้า “ใช่ แกนั่นแหละไอ้ตัวซวย ไอ้ตัวหายนะเข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายหมด”
“ก็ดี แม่แกยังทำปั๊มน้ำมันอยู่ที่รังสิตใช่ไหม พ่อแกเคยพาฉันไปนั่งกินกาแฟที่นั่นครั้งนึง ฉันจำได้”
คอปบร้าตกใจ “แกจะทำอะไร”
“ฉันจะจับแกขังไว้ในนี้ แล้วก็รีบขับรถไปปั๊มน้ำมันของแม่แก”
“แกจะทำอะไรแม่ฉัน”
โจยิ้มมุมปาก “ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น แค่ไปสมัครงาน ตำแหน่งอะไรก็ได้ ปั้นเรื่องซักหน่อยว่าเดือดร้อน ขอแค่ให้ได้งานทำ ฉันมีวิธีพูดให้แม่แกรับฉันเข้าทำงานได้แน่ๆ”
คอปบร้าหน้าซีด
“อย่าทำอย่างนั้นนะไอ้โจ ฉันขอร้องล่ะ ขนาดสำนักงานนักสืบยังไฟไหม้ได้ แล้วถ้าเป็นปั๊มน้ำมัน”
“งั้นแกก็บอกมาว่าแกปลอมตัวทำไม”
คอปบร้าเม้มปากแน่น โจลุกขึ้น ทำท่าจะเดินออกไป
“เดี๋ยว”
โจหันมา คอปบร้าถอนใจ
“นายกริชบอกว่าเจ้าสาวเขาเป็นพวกดวงกินผัว เขาต้องจดทะเบียนปลอมๆเพื่อแก้เคล็ด”
โจแค่นหัวเราะ ฉิวตัวเองที่โดนกริชตบตา
“ไอ้กริชเอ๊ยไอ้กริช ทำเป็นแมนที่แท้ก็ปอดแหก แล้วแกก็รับจ๊อบไปได้นะ แกเชื่อด้วยเรื่องงมงายแบบนี้น่ะ”
“เชื่อสิวะ ในเมื่อโลกนี้มีโจตัวซวย ทำไมจะมีผู้หญิงกินผัวไม่ได้”
โจได้ยินแล้วยิ่งโมโห
“งั้นฉันจะพิสูจน์ให้พวกแกเห็นว่าโลกนี้ไม่มีผู้หญิงกินผัว แล้วก็ไม่มีโจตัวซวย”
โจกลับมาขึ้นรถ ท่าทางหงุดหงิด พลางหันไปมองในตึกแถวร้าง
“ถ้างานแต่งผ่านพ้นไปได้ด้วยดี คืนนี้ฉันจะมาปล่อยแก”
ในขณะที่กริช พร้อมด้วยพ่อแม่ รวมทั้งวลัยกับวิษณุ กำลังจับกลุ่มกันอยู่ หน้าตาไม่สบายใจนัก
“นี่ก็ใกล้ฤกษ์จดทะเบียนแล้วนะ ทำไมเจ้าหน้าที่ยังไม่มาอีก”
วิษณูหน้าเครียด
“รถคงติดมั้งครับ เดี๋ยวคงมา นั่นไงครับ มาแล้ว”
กริชพูดพลางมองไปที่ประตู เห็นโจเดินนำเจ้าหน้าที่เข้ามา
“ทางนี้เลยครับ ทุกคนรออยู่ครับ”
“คราวหลังเชิญปุบปับกระทันหันอย่างนี้ไม่ได้นะ”
โจยิ้มให้เจ้าหน้าที่
“คงไม่มีคราวหลังแล้วล่ะครับ นี่งานแต่งงานนะครับ เอ แต่จะว่าไป เจ้าสาวก็แต่งครั้งที่สามแล้วนี่หว่า”
เจ้าหน้าที่มองหน้าโจอย่างไม่ค่อยพอใจ
“ผมอธิบายคุณก็ฟัง คุณจะนัดเจ้าหน้าที่ออกมาจดทะเบียนสมรสให้แบบเนี่ย ต้องนัดหมายล่วงหน้าก่อน นี่โชคดีนะที่ผมว่างพอดี”
“ขอโทษอีกครั้งครับ แต่เจ้านายผมใจดี น่าจะมีน้ำใจตอบแทนความไม่สะดวกของคุณพี่ ได้คุ้มค่าเลยอ่ะครับ”
โจกับเจ้าหน้าที่เดินมาถึงกลุ่มของกริช
“นี่คุณอดิเรก เจ้าหน้าที่เขตครับ นี่เจ้าบ่าวกับครอบครัวครับ”
ทั้งสองฝ่ายไหว้ทักทายกัน กริชเอะใจที่ไม่ใช่คอปบร้า โจเข้ามากระซิบ
“คุณประกิตไม่ว่างครับ เลยส่งเพื่อนมาแทน”
คอปบร้าพยายามใช้นิ้วเขี่ยมีดโกนจิ๋วที่เหน็บไว้ใต้เข็มขัดตรงสะโพกออกมา จากนั้นก็ค่อยๆเฉือนเชือกที่มัดมือเขาได้ทีละนิดๆ
กริชกับวนิษาเซ็นชื่อในใบสมรส โดยมีเจ้าหน้าที่เป็นสักขัพยาน แขกเหรื่อปรบมือกันเกรียว โจยืนดูอยู่ พลางยิ้มสะใจ
คอปบร้าวิ่งหน้าตาตื่นมา หยุดชะงักอยู่หน้าห้อง แอบมองเข้าไป แล้วก็เซ็งที่มาห้ามไม่ทัน
กริชเดินมาเข้าห้องน้ำ คอปบร้าที่เดินตามมา รีบสะกิดกริช แล้วดันเข้าห้องสุขาด้วยกันสองคน
“ผมขอโทษ ที่ผมมาไม่ทัน”
กริช หน้าเหรอ“อ้าว คุณส่งเพื่อนคุณมาแล้วไม่ใช่เหรอ”
“หมอนั่นมันไม่ใช่เพื่อนผม ผมเดาว่านั่นเป็นเจ้าหน้าที่ตัวจริง”
“หา แปลว่าผมเซ็นใบสมรสของจริงงั้นเหรอ”
คอปบร้า พยักหน้า “ใช่”
“เกิดอะไรขึ้น”
“ความผิดของคุณ ที่ส่งไอ้โจตัวซวยไปรับผม”
“ใครคือโจตัวซวย” กริชย้อนถาม
“คนขับรถของเจ้าสาวคุณไง”
“นายดาวน่ะเหรอ”
“ใช่ มันคือไอ้โจตัวซวย เรารู้จักกันมานานแล้ว”
“รถเป็นอะไรเหรอครับ”
โจหันมาถามกริช เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงรถของกริชที่จอดอยู่ที่ลานจอดรถของโรงแรม
“รถผมไม่เป็นอะไรหรอก ผมแค่มีเรื่องอยากเคลียร์กับคุณน่ะ คุณโจ ตัวซวย”
โจชะงัก พอหันขวับไป ก็เจอคอปบร้าที่รออยู่พร้อมปืนในมือ
“เจอกันอีกแล้วนะเพื่อน”
“หนีออกมาเองเหรอ เก่งขึ้นนี่หว่า”
คอปบร้าแสยะยิ้ม
“แกเองห่วยต่างหาก ห่วยเหมือนเดิม”
กริชชักรำคาญ
“อย่าพูดมาก ไม่ใช่งานคืนสู่เหย้านะเว้ย โจ ฉันรู้แล้วว่าแกเป็นนักสืบ เพียงแต่อยากรู้ว่าแกสืบอะไรอยู่”
โจเงียบ
“บอกมา แกสืบอะไร”
“ไม่ใช่เรื่องของแก”
กริชต่อยท้องโจจนตัวงอ
“ฟังนะ ไอ้สิบแปดมงกุฎ”
โจรีบสวนทันที
“แกนั่นแหละฟังฉัน แกต้องปล่อยฉัน ไม่งั้นฉันจะบอกให้วนิษารู้ว่าแกวางแผนทุเรศๆอะไรไว้มั่ง”
“คิดว่าเขาจะเชื่อแกเหรอวะ หา”
“ฉันอัดเสียงตอนคุยกับไอ้คอปบร้าไว้”
กริชหันขวับมอง คอปบร้ารีบโวยวาย
“ไม่จริง ฉันไม่เชื่อโว้ย”
โจหยิบมือถือออกมากดหา
“เอ เก็บไฟล์ไว้ตรงไหนวะ จะบอกให้ว่าเสียงชัดมากเลย เรื่องที่แกสารภาพน่ะว่ากริชเป็นคนจ้างแกน่ะ”
กริชหันไปตะคอกคอปบร้า “แกมันโง่”
“อย่ามาด่าผมนะ อย่าลืมว่าถ้าผมโกรธ ผมแฉคุณได้นะ”
“เฮ้ย คอปบร้า ถ้าฉันเป็นแกฉันจะแบล็คเมล์นายกริช เรียกเงินเพิ่มว่ะ”
คอปบร้านิ่งคิด แล้วเริ่มคล้อยตามคำพูดโจ
“อย่านะเว้ย ฉันให้เงินตามที่แกเรียกร้องไปแล้ว แต่แกทำงานล้มเหลว ปล่อยให้ไอ้โจพาเจ้าหน้าที่ ตัวจริงมา ให้ฉันเซ็นสมรสของจริง ทำแผนแก้เคล็ดของฉันพังหมด แกยังจะมีหน้ามาแบล็คเมล์ฉันอีกเหรอ”
“ผมยังไม่ได้พูดซักคำว่าจะแบล็คเมล์คุณ”
“เฮ้ย หาเจอรึยัง มีจริงรึเปล่า หรือว่ามั่ว”
“เจอแล้ว เป็นวีดีโอด้วย ชัดแจ๋วเลย”
โจกดเพลย์ เป็นคลิปที่เพิ่งถ่ายสดๆ เมื่อกี้นี้เห็นหน้ากริชกับคอปบร้าชัดเจน
“เฮ้ย คอปบร้า ถ้าฉันเป็นแกฉันจะแบล็คเมล์นายกริช เรียกเงินเพิ่มว่ะ”
“อย่านะเว้ย ฉันให้เงินตามที่แกเรียกร้องไปแล้ว แต่แกทำงานล้มเหลว ปล่อยให้ไอ้โจพาเจ้าหน้าที่ตัวจริงมา ให้ฉันเซ็นสมรสของจริง ทำแผนแก้เคล็ดของฉันพังหมด แกยังจะมีหน้ามาแบล็คเมล์ฉันอีกเหรอ”
กริชกับคอปบร้าอึ้ง
“แกหลอกพวกเรา ตอนแรกแกไม่มีคลิปอะไรเลย”
โจยิ้มสะใจ “เออ ไอ้ที่กดๆหาไฟล์น่ะ กดถ่ายพวกแกล่ะ”
กริชหลับตายกมือกุมขมับ คอปบร้าจ้องหน้าโจเขม็ง
“ฉลาดนักนะ งั้นฉันยิงแกทิ้งเลยดีกว่าไอ้คนฉลาด ฉลาดยังไงก็แพ้ลูกปืนโว้ย”
“เสียใจว่ะ ฉันเอาคลิปเมื่อกี้ลงยูทูปไปแล้ว ถ้าฉันตาย ตำรวจก็จะเริ่มสืบจากข้อมูลพวกนี้ก่อนเลยล่ะ .สงสารพ่อแกจริงๆที่มีลูกโง่ๆอย่างแกเนี่ย”
คอปบร้าถึงกับพูดไม่ออก กริชหันกลับมาทางโจ
“แกจะเอายังไงว่ามา”
“แทนที่เราจะมาสาวไส้ให้กากิน คุณกับผม เราช่วยกันเก็บไส้ให้กันและกันดีกว่า คุณไม่แฉผม ผมไม่แฉคุณ ทุกอย่างเป็นไปตามที่ควรจะเป็น ผมเป็นคนขับรถให้วนิษาต่อไป คุณก็เป็นสามีของวนิษาตามที่คุณต้องการ”
กริชเงียบไปครู่หนึ่ง “ตกลง”
โจยิ้ม “เยี่ยม”
อ่านต่อหน้า 3
รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 11 (ต่อ)
กริชกับคอปบร้ายืนอยู่ด้วยกัน มองโจเดินเข้าไปในงาน
“คุณไม่น่าไปตกลงกับมันเลย มันไว้ใจไม่ได้”
“รอให้ผ่านคืนนี้ไปก่อน ฉันจะแฉมัน ถึงเวลาแกเป็นพยานให้ฉันด้วยละกันว่าคลิปนั่นน่ะถ่ายหลอกๆ”
“แล้วทำไมต้องรอให้ผ่านคืนนี้ล่ะครับ” คอปบร้าสงสัย
“อย่างน้อยที่สุด ให้ฉันได้ทำหน้าที่สามีโดยสมบูรณ์ก่อนสิ...ดูสิ เจ้าสาวฉันสวยขนาดนั้น แค่คิดถึง คืนนี้ฉันก็แทบอดใจไม่ไหวแล้ว ฉันไม่พร้อมที่จะเสี่ยงกับอะไรทั้งนั้น รอพรุ่งนี้ก่อน”
กริชมองไปทางวนิษา พลางเลียริมฝีปากแผล็บ
ที่มุมหนึ่งของห้องจัดเลี้ยง พวกสื่อมวลชนกำลังจับกลุ่มกันอยู่ ระรินแกล้งโฉบเข้ามา หานักข่าวคนหนึ่ง
“พี่โป๊ง ได้กลิ่นอะไรตุ่ยๆในงานนี้ไหมคะ ระรินหมายถึงข่าวลือน่ะค่ะ”
นักข่าวตาลุก “ข่าวอะไรเหรอคะน้องระริน”
“เขาเม้าท์กันว่า ข่าวมันแรงมากเลยนะคะพี่”
“ว่ามาเลยน้อง แรงแค่ไหนพี่ก็รับได้”
“เขาบอกว่า จริงๆแล้วเนี่ย อย่าบอกนะคะว่ามาจากระริน ไม่งั้นระรินตายแน่ๆ”
“จ้ะๆ พี่จะไม่บอกเด็ดขาดเลยจ้ะ พี่ขอปฏิญาณ สัญญา สาบาน ถ้าพี่บอกให้พี่ชักแหง็กๆๆ”
“คือเจ้าบ่าวเนี่ย อุ๊ย จริงๆมันก็เรื่องผัวเมียเขา เราไม่ควรยุ่งใช่มั้ยคะ” ระรินแกล้งอิดออด
“ควรสิคะน้องขา อู๊ย พี่จะขาดใจตายอยู่แล้ว บอกมาได้แล้วค่ะ พี่อยากรู้จนติ่งหูสั่นปั้กๆ แล้วล่ะค่ะ”
ระริน เอียงหน้ามากระซิบ
“คุณกริชเขากลัวดวงกินผัวของวนิษาน่ะค่ะ เขาเลยจ้างพวกสิบแปดมงกุฎมาเป็นเจ้าหน้าที่จากเขต จดทะเบียนปลอมๆขึ้นเพื่อแก้เคล็ดน่ะค่ะ”
นักข่าวอึ้งไป พลางมองหน้าระริน
“จริงเหรอคะเนี่ย”
“ระรินได้ยินมาอย่างนั้น จริงมั้ยจริงพวกพี่ก็ไปสืบดูสิคะ”
นักข่าวรีบวิ่งไปตามเพื่อนๆ สักพักสื่อทุกเจ้าก็พร้อมใจกันหยิบไมค์ เรียกตากล้อง แล้วรีบวิ่งออกไป เป็นขบวน
“เยส ยัยวนิษา คราวนี้แกต้องช้ำในตายแน่ๆ ดีไม่ดีถึงขั้นกระอักเลือดกลางงานเลยล่ะ”
ระรินยิ้มสะใจ ก่อนที่จะรีบซอยเท้าวิ่งตามสื่อไป
กริชกับวนิษามาส่งเจ้าหน้าที่เขตที่บริเวณล็อบบี้
“ขอบคุณมากนะครับที่มาอำนวยความสะดวกให้พวกเรา”
“ไม่เป็นไรครับ ขอให้มีความสุขมากๆนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ เอ่อ นายดาว ช่วยไปส่งคุณอดิเรกที่สำนักงานเขตให้หน่อยนะ”
วนิษาหันมาสั่งความกับโจ
“ครับ”
พลันขบวนสื่อ ก็วิ่งหน้าตั้งมา
“เดี๋ยวค่ะๆๆ”
วนิษา กริช โจ และเจ้าหน้าที่ หันกลับมามอง
“คุณกริชคะ ได้ข่าวว่ามีการแก้เคล็ดในงานแต่งงานครั้งนี้ด้วยเหรอคะ”
กริชทำหน้างง“คุณพูดเรื่องอะไรครับ”
“ก็แก้เคล็ดดวงกินผัวของคุณวนิษาไงคะ”
วนิษาหน้าเสีย ระรินตามมาทัน เห็นสีหน้าวนิษาแล้วแอบปิดปากหัวเราะ โจเห็นระรินก็หลบไปอยู่หลังคนอื่นๆ
“นี่งานมงคลสมรสของผมนะครับ พวกคุณต้องทำข่าว ผมเข้าใจ แต่ก็น่าจะมีขอบเขตกันบ้างนะ”
“มีข่าวลือว่ามีการใช้เจ้าหน้าที่ปลอม จดทะเบียนปลอมๆเพื่อหลีกเลี่ยงการแต่งงานจริงๆ อันนี้ว่าไงคะ”
วนิษามองกริช แล้วหันมามองเจ้าหน้าที่
“ผมเป็นเจ้าหน้าที่เขตจริงๆ นี่บัตรประจำตัวผม”
เจ้าหน้าที่หยิบบัตรออกมาโชว์สื่อ สื่อรับไปดูแล้วคืนให้ ระรินอ้าปากค้าง
“คุณวนิษาอย่าใส่ใจเลยนะครับ”
กริชยิ้มปลอบใจ วนิษาหันมายิ้มหวานให้สื่อ
“ขอบคุณพี่สื่อมวลชนทุกคนนะคะ ที่ช่วยตรวจสอบข่าวลือให้ ถ้าไม่ได้พวกพี่ๆ ข่าวนี้ก็คงลือกันไปเรื่อยๆ แบบนี้ดีแล้วค่ะ จะได้จบ”
“วุ้ย ไม่ต้องเกรงใจค่ะ เป็นหน้าที่พวกเราอยู่แล้วค่ะ ใช่มั้ยพวกเรา แหะๆ ไปเถอะพวกเรา ไปกินข้าวกันต่อเถอะ กำลังอร่อยเชียว”
พวกสื่อ กำลังจะรีบถอยทัพ แต่กริชรีบเรียกไว้
“เดี๋ยวครับ”
“ว่าไงคะคุณกริช”
“คุณไปเอาข่าวลือนี้มาจากไหน”
“น้องระรินค่ะ เขาบอกมีข่าวฮอทแห่งปีมาบอกค่ะ”
ทุกคนมองไปที่ระริน ที่ไม่ทันตั้งตัว ได้แต่ยืนหน้าซีด พูดอะไรไม่ออก
“คือ”. ระรินอึกอักอยู่ครู่ใหญ่ พลางมองหน้าวนิษา ในที่สุดก็ตัดสินใจพูดออกมา
“ระรินก็ได้ยินมาจากคนอื่นอีกที แต่ก่อนที่จะถามว่าระรินได้ยินมาจากไหน ระรินว่าเช็คดูอีกทีดีกว่า
ว่าเจ้าหน้าที่คนนี้น่ะตัวจริงหรือตัวปลอม ได้ข่าวว่าเป็นสิบแปดมงกุฎที่ปลอมตัวเก่งมากนะคะ หลักฐานที่เอามาโชว์น่ะ ของจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้”
เจ้าหน้าที่โกรธจนหน้าแดง เดินเข้ามาหาระริน ควักสารพัดบัตรออกมาจากกระเป๋าสตางค์ ระรินจ๋อย
“ถ้าเถียงไม่ออกก็ขอโทษผมซะ ต่อหน้าทุกคนนี่แหละ”
ระริน เบ้หน้า “ทำไมต้องขอโทษด้วย ฉันแค่สงสัย สงสัยไม่ได้หรือไง เป็นเทวดามาจากไหน”
“คุณนั่นแหละนึกว่าตัวเองเป็นนางฟ้ามาจากไหน พูดจาดูถูกคนอื่นแล้วไม่ขอโทษ ถ้าคุณไม่ขอโทษผมล่ะก็”
เจ้าหน้าที่.เอียงหน้าเข้ามาพูดเบาๆ
“ผมจะให้คนจากเขตไปตรวจบ้านคุณ มีการต่อเติมบ้านโดยไม่ได้ขออนุญาตมั้ย มีแรงงานต่างด้าวไม่ถูกระเบียบรึเปล่า ปั๊มน้ำต่อตรงจากท่อรึเปล่า”
ระรินกลืนน้ำลายเอื๊อก รีบแตะแขนให้หยุดพูด
“พอแล้วค่ะ คุณพี่ขา ระรินขอโทษคุณพี่ด้วยนะคะ ระรินรู้เท่าไม่ถึงการณ์จริงๆ”
ระรินไหว้ขอโทษ เจ้าหน้าที่ สื่อรุมถ่ายรูปกันพึ่บพั่บ
กริชถอนหายใจ “เอาล่ะ ให้เรื่องจบแค่นี้ละกัน ระริน ขอบคุณนะสำหรับความหวังดี เกือบไปแล้ว”
ระรินทำหน้าบอกไม่ถูก เดินหนีไปดื้อๆ เจอเพ็ญแขเดินตามมาพอดี
“มีอะไรเหรอลูก”
“กลับเถอะค่ะคุณแม่”
“อ้าว ทำไมรีบกลับล่ะ”
ระรินไม่ตอบ รีบดึงเพ็ญแขออกไปจากงาน
กริชหันมาเจอโจมองมาทางเขา ทั้งคู่สบตากัน ก่อนที่กริชจะพาวนิษาเดินกลับเข้างาน
“เข้าไปข้างในเถอะครับ”
อ่านต่อหน้า 4
รักออกฤทธิ์ ตอนที่ 11 (ต่อ)
โจยืนมองวิวอยู่ตรงดาดฟ้าโรงแรม สักครู่ ม.ร. ว. จันทร์ธิดา ก็เดินมาหา
“ว่าไงโจ ได้เบาะแสอะไรแล้วใช่มั้ย”
โจส่ายหน้า “เสียใจครับ ผมไม่มีเบาะแสอะไรให้คุณเลย”
คุณหญิงจุ๋ม หน้าเสีย “หมายความว่ายังไง”
“ถ้าคืนนี้ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี พรุ่งนี้ผมจะคืนงานให้คุณ”
“แปลว่าจะปล่อยให้ยัยนี่ลอยนวลอย่างงั้นเหรอ”
“ผมเสียเวลากับคดีนี้มานานมากแล้ว ถึงตอนนี้ผมไม่พบพิรุธอะไรคุณวนิษาเลย ถึงทำต่อไปก็คงไม่เจออะไร”
คุณหญิงจุ๋ม จ้องหน้าโจเขม็ง “ถ้ารู้ว่าคุณไม่มีฝีมือขนาดนี้ ฉันไม่น่าจ้างคุณเลย”
“ใจจริง ผมก็อยากแนะนำนักสืบที่เก่งกว่าผมให้คุณจ้างต่อนะ แต่เสียดายผมไม่รู้จักใครที่เก่งกว่าผมเลย”
“ฉันหาของฉันได้ย่ะ ฉันไม่มีวันปล่อยให้น้องชายฉันตายฟรีหรอก ฉันต้องเอายัยนั่นเข้าคุกให้ได้”
“คุณไม่คิดว่าน้องชายคุณจะตายเพราะดวงกินผัวมั่งเหรอ”
“คุณจะบอกว่ายัยนั่นไม่ใช่ฆาตกร แต่น้องชายฉันซวยเองใช่มั้ยที่ไปแต่งงานกับผู้หญิงกินผัวน่ะ”
โจไม่ตอบ
“แปลก ทำไม เริ่มมองยัยนั่นเป็นคนดีแล้วเหรอไง.หึ สงสัยจะหลงเสน่ห์มันอีกคน นักสืบคนต่อไปฉันจ้างผู้หญิงดีกว่า”
คุณหญิงจุ๋ม มองหน้าโจ พลางส่ายหน้าอย่างผิดหวัง แล้วเดินจากไป เหลือโจเพียงลำพัง
“คุณวนิ ผมหลงเสน่ห์คุณจริงๆเหรอเนี่ย”
วนิษากับช่างแต่งหน้ากะเทย คนเดียวกับที่ยืนคุยกับพจน์ เข้ามาในห้องที่โรงแรมจัดไว้ให้
“หน้ามันแล้ว เติมแป้งหน่อยนะคะ”
วนิษาเข้ามานั่งไม่พูดอะไร
“ตื่นเต้นเหรอคะ ดูไม่ค่อยยิ้มเลยนะคะ”
วนิษาไม่พูดอะไร มองหน้าตัวเองในกระจก กะเทยเห็นวนิษาไม่พูดอะไรก็ทำงานไปเงียบๆ
วนิษามองตัวเองในกระจก ดวงตาสับสน
โจเดินเข้ามาในงานจัดเลี้ยง พลางกวาดตามอง เห็นคนสำคัญๆยังอยู่ครบ ทั้งคุณยายวรางค์ หนุงหนิง วลัย วิษณุ พ่อแม่กริช หม่อมจันจิรา มรว. จันทร์ธิดา พจน์ ปฐม ปลายฝน ป๋อง
พิธีกรหญิงเดินขึ้นมาบนเวที
“สวัสดีค่ะท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน ตอนนี้ก็ใกล้จะได้เวลาสำคัญมากๆแล้วนะคะ ที่พวกเราทุกคนจะได้ร่วมเป็นประจักษ์พยานในความรักของหนุ่มสาวคู่หนึ่งนะคะ พวกเราทุกคนพร้อมรึยังคะ เอาล่ะค่ะ ขอต้อนรับเจ้าบ่าวเจ้าสาวเลยค่ะ”
ไฟในห้องหรี่ลงจนเกือบมืด เสียงเพลงบรรเลงขึ้น เด็กผู้หญิง 4 คนแต่งตัวน่ารัก เดินโปรยกลีบกุหลาบ
นำหน้าเข้ามาในงาน แล้วก็ตามมาด้วยกริชกับวนิษาในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แขกเหรื่อปรบมือกันเกรียว พลางมุงกันเข้ามาเพื่อดูเจ้าบ่าวเจ้าสาว ด้วบความชื่นชมในความสวยหล่อของทั้งคู่
โจอยู่ไกลๆ มองดูวนิษากับกริชกำลังเดินเข้ามา ป๋องเข้ามายืนใกล้ๆ
“เป็นไงบ้างครับพี่”
“สวย คืนนี้สวยที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมา”
ป๋องงง “เอ่อ ผมหมายถึงที่พี่คุยกับหญิงจุ๋มน่ะครับ เป็นไงบ้าง”
โจตื่นจากภวังค์ หันมามองป๋อง
“อ๋อ คุณหญิงจุ๋มเหรอ ก็ไม่มีอะไร”
“สรุปแล้วงานนี้ไม่มีอะไรใช่มั้ยพี่”
โจขมวดคิ้ว “อย่าเพิ่งวางใจไป แกจับตาดูในงานดีๆนะ ฉันจะออกไปดูข้างนอก”
“มีอะไรเหรอพี่”
“บอกไม่ถูก มันมีอะไรแหม่งๆซักอย่างรบกวนจิตใจฉันอยู่ แต่นึกไม่ออก”
เจ้าบ่าวเจ้าสาวเดินขึ้นไปบนเวที
“ต่อไปขอเชิญประธานในงานคืนนี้ขึ้นมากล่าวโอวาทแก่คู่บ่าวสาวนะคะ”
โจเดินออกมาจากห้องจัดเลี้ยง พลางมองไปรอบๆ แต่ไม่พบสิ่งผิดปกติ
“มันมีอะไรที่มันผิดปกติ อะไรน้า”
โจนิ่งคิด พยายามใช้สมาธิ
“เอาล่ะค่ะ หลังจากที่พวกเราดื่มอวยพรคู่บ่าวสาวแล้ว ทีนี้ก็ถึงตอนสำคัญที่พวกเราพลาดไม่ได้เด็ดขาด นั่นคือเจ้าบ่าวหอมแก้มเจ้าสาว ใช่ไหมคะ” แขกในงานเฮรับ พิธีกรนำแขกในงานตะโกน
“หอมแก้ม หอมแก้ม หอมแก้ม”
วนิษายิ้มเขินๆ กริชยิ้มกว้างมีความสุข
“คุณวนิษา ขออนุญาตนะครับ”
วนิษาพยักหน้าอายๆ แขกในงานเฮลั่น
ป๋องเห็นโจดินกลับเข้ามาในงาน ก็รีบหันมาถาม
“เจออะไรมั้ยพี่”
“ไม่ นึกอะไรไม่ออกเลยว่ะ”
โจมองไปบนเวที กริชหอมแก้มวนิษาฟอดอย่างชื่นใจ แขกในงานปรบมือเฮ
“สองข้างเลยสิคะคุณกริช”
“ได้เลยครับ”
กริชเอียงหน้าไปหอมแก้มอีกข้างฟอดใหญ่ พจน์ตะโกนอย่างสนุกสนาน
“จูบแก้มๆ”
ทุกคนในงานตะโกนเชียร์ตาม กริชได้ยินเสียงเชียร์ก็พร้อมจะทำตาม กริชจูบแก้มวนิษาทั้งสองข้างท่ามกลางเสียงเชียร์ โจที่มองอยู่ แอบทำหน้าเศร้า
วนิษากระซิบเบาๆ
“พอเถอะค่ะ”
กริชเลียริมฝีปาก แล้วหันมาชูมือแบบแชมป์เปี้ยน
“โอ้โห เร่าร้อนน่าดู อย่างนี้สงสัยจะหัวปีท้ายปีแน่ๆเลยค่ะ”
แขกในงานเฮลั่น
โจมองทุกอย่างรอบตัว ก็ยังไม่เจอสิ่งผิดปกติ พลางหันไปดูวนิษา ที่หอมแก้มกริชตามแรงเชียร์
“คุณวนิ คืนนี้คุณสวยมาก พรุ่งนี้ผมจะบอกความจริงคุณ แล้วเราคงจะไม่ได้เจอกันอีก ขอให้มีครอบครัวที่อบอุ่นและมีความสุขอย่างที่คุณต้องการ”
โจหันหลังให้ กำลังเดินออกไป พลันก็มีเสียงคนล้มตึง ตามมาด้วยเสียงกรี๊ด โจหันขวับ
ภาพที่เห็นคือบนเวที กริชล้มลง หน้าแดงก่ำ คอบวม หายใจไม่ออก วนิษาตกใจสุดขีด รีบคุกเข่าลงประคองกริช แล้วคนที่เกี่ยวข้องรีบวิ่งขึ้นไปดูกริชบนเวที
เสียงพิธีกรพูดผ่านไมโครโฟน
“เรียกรถพยาบาลค่ะ เรียกรถพยาบาล”
โจยืนอึ้ง “เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย”
วนิษามาหยิบไมค์มาจากพิธีกร
“เจ้าหน้าที่โรงแรม ตามหน่วยปฐมพยาบาลมาเดี๋ยวนี้ ขอเครื่องช่วยหายใจด้วย”
วนิษามองไปทั่วงาน พลางพูดออกไมค์
“นายดาว อยู่ไหน นายดาว”
โจตะโกนลั่น
“ผมอยู่นี่”
“พาคุณกริชไปโรงพยาบาล เร็ว”
กริช ผื่นขึ้นแดงไปทั้งตัว นอนไม่ได้สติ หนุนตักเจ้าหน้าที่โรงแรมที่กำลังใช้เครื่องช่วยหายใจช่วยอยู่
“คุณกริช อย่าเป็นอะไรนะคะ อย่าเป็นอะไร”
วนิษาร้องไห้หลับตา โจหน้าเครียด บีบแตรขอทาง กริชหรี่ตาขึ้นนิดนึง พยายามลืมตา แต่ไม่สำเร็จ ตาหลับลงไปอีก มือกริชที่ตอนแรกอยู่บนเบาะ ห้อยตกลงมาข้างตัว วนิษาจับมือกริชขึ้นมากุมไว้
“คุณกริช คุณต้องอยู่กับฉันนะ”
เจ้าหน้าที่ รีบเข็นเตียงผู้ป่วยที่มีกริชนอนอยู่ เข้าห้องผ่าตัดอย่างเร่งด่วน วนิษาวิ่งตามจับมือกริชไม่ยอมปล่อย จนจะเข้าห้องฉุกเฉิน โจต้องมาจับมือวนิษาให้ปล่อยมือกริช
หมอเดินตามมาอย่างเร่งรีบ กำลังจะเข้าห้อง วนิษาร้องไห้ไปขอร้องหมอ หมอไม่พูดอะไร พลางรีบเข้าไปในห้อง
โจพาวนิษาห่างออกมา วนิษายังร้องไห้อย่างหนัก
วนิษามาที่หอพระในโรงพยาบาล พลางจุดธูปไหว้พระ ตั้งสมาธิมั่น ขอพรให้กริช
“ ฉันขออธิษฐานให้คุณกริชปลอดภัยด้วยเถอะ หากบาปหรือเวรกรรมใดที่ดลบันดาลให้คุณกริช
เป็นแบบนี้ ฉันขอให้บาปหรือเวรกรรมนั้นตกลงที่ฉันแทน ฉันขอแลกชีวิตคุณกริชด้วยชีวิตของฉัน”
วนิษาก้มกราบ แล้วปักธูปด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว
ที่หน้าห้องฉุกเฉิน นอกจากวนิษากับโจแล้ว ยังมีพ่อแม่และญาติๆ ของกริชมารอด้วย พวกญาติๆกับแม่กริชมองมาที่วนิษาด้วยสายตาไม่ไว้ใจและเหินห่าง แต่วนิษาไม่สนใจ ยังคงประสานมือแน่น สวดอธิษฐาน ตาก็มองไปที่ประตูห้องตลอดเวลา
หมอเดินออกมา วนิษากับญาติๆ รีบเข้าไปหา หมอแจ้งข่าวร้ายแล้วเดินออกไป วนิษาทรุดฮวบในขณะที่พ่อแม่กริชยืนตะลึง
วนิษาวิ่งเข้าไปในห้อง เปิดผ้าคลุมหน้าศพกริชที่อยู่บนเตียง จับมือกริช แล้วร้องไห้โฮ
อ่านต่อตอนที่ 12