ปีกมงกุฎ ตอนที่ 3
ถนนทางเข้าสถานีโทรทัศน์ไทยเท็น รถของนายพลอัศวินแล่นเข้ามาตามทางเส้นนั้น ดารินทร์วิ่งเข้ามาขวางหน้ารถไว้ คนขับรถเบรคเอี๊ยด ดารินทร์วิ่งไปที่ประตูหลังเปิดออกพร้อมๆ กับท่านนายพลอัศวินที่เปิดออกมา ถามขึ้นอย่างร้อนใจ
“ดา...มีอะไรรึเปล่า”
“ยัยตรีค่ะ ยัยตรีหายไป”
อัศวินตกใจคาดไม่ถึง “เฮ้ย หายไปได้ยังไง แล้วหายไปไหน”
ดารินทร์มีสีหน้าทุกข์ใจ
ส่วนในห้องพักสาวงาม สถานีโทรทัศน์ไทยเท็น อรสินีที่นั่งอยู่กับสลิลทิพย์ มองไปที่สาวงามคนอื่นๆ เจ๊หนึ่ง วรัญญา ทิปปี้ ภารดีนั่งอยู่ กลุ่มเดียวกัน เจ๊หนึ่งกับทิปปี้ต่างก็พยัยามอบรมนางงามของตัวเอง
ส่วนดาราวรรณกำลังซ้อมพูดภาษาเกาหลีจากหูฟัง ปากก็พึมพำ ยิ้มแย้มซ้อมพูดคำทักทายเป็นภาษาเกาหลี
“อัน นยอง ฮา เซ โย สวัสดีค่ะ...มัน นา ซอ พัน ดา วอโย ยินดีที่ได้พบกัน...ซอ นัน ดาราวรรณ จู เย โย ดิชั้นชื่อ ดาราวรรณค่ะ”
ดาราวรรณ ซ้อมพูดไปมา กัลยาณีใส่หูฟัง ซ้อมท่าเต้นอยู่
อรสินีมองไปทั่วห้อง ขณะที่สีหน้าสลิลทิพย์ดูมีความสุข มองผู้หญิงคนอื่นอย่างขำๆ แกมสมเพช อรสินีหันมาทางแม่
“แม่คะ ตรีอัปสรยังไม่มาเลยค่ะ”
สลิลทิพย์รำคาญเล็กๆ “ไม่มาก็ดีแล้ว ยัยนั่นมันคงรู้ตัวว่าถ้ามา ยังไงก็แพ้ลูกแม่แน่นอน”
อรสินีไม่เห็นด้วย “อรว่าไม่น่าจะใช่นะคะ แบบนี้ต้องมีอะไรแน่ๆ เลยค่ะ”
สลิลทิพย์ถอนหายใจ เอือมความแสนดีของลูก “ยัยอร แกจะไปสนใจคนอื่นทำไมห๊ะ ใครจะมา จะไม่มาก็ช่างมันเถอะ เตรียมตัวเตรียมใจกับเรื่องตัวเองดีกว่าไม๊”
“ค่ะ” อรสินีจ๋อยลงนิดๆ แต่ยังมีสีหน้าครุ่นคิดติดค้างในใจ
สายมากขึ้น ดารินทร์มีสีหน้ากังวล คิดมาก นายพลอัศวินบอกออกมาอย่างมั่นใจ
“ผมว่า มันต้องมีใครคิดสกัด หนูตรีไว้ไม่ให้มาสัมภาษณ์คัดเลือกตัวแน่ๆ”
“แต่ตอนนี้ดาเป็นห่วงลูกนะคะ ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน หรือจะถูกจับตัว กักตัวไว้ โอย...ติดต่อคุณพีก็ไม่ได้...” ดารินทร์สติเริ่มหลุดทำท่าเหมือนคิดอะไรออก “หรือจะเป็นนังคุณพีที่กักตัวยัยตรีไว้คะ คุณอัศ ดาโทร.หาเท่าไหร่ก็ไม่รับสาย”
ขาดคำ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ดารินทร์ยกมือถือขึ้นดูสีหน้ามีความหวังขึ้น
“คุณพี ค่ะ คุณพีโทร.มาแล้ว” ดารินทร์กดรับสายทันที “ฮัลโหล”
ภายในห้องออดิชั่น สถานีโทรทัศน์ไทยเท็น บรรดาคณะกรรมการนั่งเรียงกันอยู่ 4-5 คน ภารดีเดินเข้ามายกมือไหว้ชดช้อยสวยงาม สไตล์นางงามก่อนจะยิ้มหวานยืนโพสท่าประสานมือ จิกเท้าแบบนางงาม
ภารดีแสดงความสามารถ รำพัด กรีดกรายสวยงามตามท้องเรื่อง
ตามมาด้วย วรัญญา เต้นโชว์สเต็ป คณะกรรมการดูการแสดง และให้คะแนน ต่อมาเป็นสาวงามแสดงความสามารถอีกหลายคน ปิดท้ายด้วย ดาราวรรณ และกัลยาณี)
ดารินทร์อยู่ในร้านอาหารในช่องไทยเท็น ปะติดปะต่อเรื่องราว มีสีหน้าโกรธแค้นสุดขีด นายพลอัศวินนั่งอยู่ด้วย พร้อมกับพีรวัชร์ที่รีบมาเคลียร์ตัวเอง
“ร้ายกาจที่สุด มันตั้งใจจะทำให้ยัยตรีมาสัมภาษณ์คัดเลือกรอบแรกไม่ทันจริงๆ ด้วย”
“ใช่ มันต้องการให้หนูตรีหมดสิทธิ์” ท่านนายพลเห็นด้วย
“มันเป็นใครฮะ คุณดา ท่านอัศวิน ทำแบบนี้ได้ยังไง น่ากลัว ชั่วร้ายจริงๆ” เกย์บอกอขอด่า แม้ไม่รู้เป็นใคร
ดารินทร์นิ่งคิด “ชั้นรู้ ว่ามันเป็นใคร แต่ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐาน ให้ชั้นหาหลักฐานให้ได้ก่อนเถอะ”
“แล้วเราจะทำยังไงดีฮะ” พีรวัชร์ร้อนใจ
“หาตัวหนูตรีให้เจอก่อนเถอะ” นายพลอัศวินบอก
ดารินทร์พูดต่อ “แล้วก็ทำยังไงก็ได้ ขอให้ยัยตรีได้เข้ารอบ ไม่ถูกตัดสิทธิ์”
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหรอก ผมจัดการได้ ขอแค่ตอนนี้ให้หนูตรีกลับมาก่อนแล้วกัน” ท่านนายพลว่า
ดารินทร์หันมาทางพีรวัชร์ “คุณพี ลองโทร.ไปถามที่โรงแรมได้ไม๊คะ เผื่อจะมีเบาะแสอะไรบ้าง”
คุณพีพยักหน้าเห็นด้วย หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
แก้วน้ำส้มเปล่าถูกดื่มกินจนหมด มันวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงในห้องพักโรงแรม ตรีอัปสรยังคงนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงด้วยฤทธิ์ยา เสียงโทรศัพท์สายภายในห้องดังรัวขึ้น ตรีอัปสรค่อยๆ พลิกตัวตื่น รู้สึกตัว แต่อาการยังงัวเงีย และงงๆ เสียงโทรศัพท์ยังคงดังอยู่
ตรีอัปสรมองไปรอบๆ เหมือนพยัยามลำดับเหตุการณ์ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาน้ำเสียงแหบแห้ง
“ฮัลโหล”
อีกฟาก อรสินียกมือไหว้คณะกรรมการคัดเลือกรอบออดิชั่นอย่างสวยงาม กรรมการมองอรสินีอย่างพอใจ ถูกใจ ในความสวยใส อรสินีเริ่มแสดงความสามารถ ด้านรำไทยที่ฝึกฝนมาแต่ยังเด็ก ท่วงท่าสวยงาม แช่มช้อยและถูกต้อง งดงามหมดจด กรรมการมองอย่างพึงพอใจลงคะแนนให้
ประตูห้องทำงานกรรมการผู้จัดการเปิดออก เห็นชญานนท์เดินเข้ามา คุณดิษฐ์ซึ่งนั่งอยู่โต๊ะทำงานเงยหน้าขึ้นมอง
“รู้เรื่องลูกสาวคุณดารินทร์แล้วใช่ไม๊”
“ผมรู้แค่ว่า เค้ายังไม่มาออดิชั่น มีอะไรรึเปล่าครับ”
“คุณอัศวินโทร.มาบอกว่า เด็กคนนั้นหายตัวไป”
ชญานนท์ขมวดคิ้วฉงน “ตรีอัปสรหายตัวไปเหรอครับ”
“ใช่”
“หายตัวไปจริงๆ เหรอครับ”
“ทำไม นนท์คิดว่าเค้าจะสร้างกระแสกุข่าวงั้นเหรอ”
“ผมไม่ทราบครับ ก็แค่แปลกใจ แล้ว...คุณพ่อเรียกผมมาทำไมครับ...คุณพ่อจะให้ผมทำอะไร”
“ทำยังไงก็ได้ให้ตรีอัปสรได้ออดิชั่นสัมภาษณ์ ก่อนที่เราจะประกาศผู้เข้ารอบ 20 คน”
ชญานนท์ตกใจคาดไม่ถึง “อะไรนะครับ”
น้ำเสียงคุณดิษฐ์เครียดเล็กๆ “พ่อว่านนท์ได้ยินชัดแล้วนะ ไปคุยกับคณะกรรมการซะให้ยื้อไปก่อนนนท์ควรเรียกทีมทำข่าวเจาะลึกนางสาว ณ สยาม มาประชุมด้วย นนท์รู้ใช่ไม๊ว่าเราควรพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส”
ชญานนท์สบตาบิดาอย่างเข้าใจคำพูด ชายหนุ่มพยักหน้า
คุณดิษฐ์พูดต่อ “ถ้าเจอตัวตรีอัปสรแล้ว....พ่อจะบอกไป...
“แล้วถ้าวันนี้ยังไม่เจอล่ะครับ”
“ถ้าวันนี้ยังไม่เจอจริงๆ ก็คงต้องแจ้งความแล้วละ”
ชญานนท์ฟังคำตอบ สีหน้ามีแววกังวลนิดๆ
ที่ห้องพักสาวงาม อรสินี สลิลทิพย์ วรัญญา เจ๊หนึ่ง ภารดี ทิปปี้ สาวงามผู้เข้าประกวด รวมตัวอยู่ในนั้น
วรัญญากระซิบถาม “เจ๊ ชั้นไม่เห็นยัยตรีอัปสรเลย”
เจ๊หนึ่งมองรอบๆ “นั่นซิ เจ๊ก็งงๆ อยู่เนี่ย”
ทิปปี้ยื่นหน้าเข้ามาถาม “ใครเหรอ”
เจ๊หนึ่งทำหน้าเอือมระอาทิปปี้ “ไปมุดอยู่ที่ไหนมายะ ก็ตัวเก็งอีกคนนึงไง”
วรัญญาแขวะ “นี่พี่ทิปปี้ตกข่าวได้ยังไงเนี่ย”
“ชั้นก็แกล้งถามไปหยั่งงั้นล่ะย่ะ ระดับชั้นเนี่ยไม่เคยตกข่าวเรื่องชาวบ้านอยู่แล้ว และที่สำคัญ ชั้นยังรู้เรื่องอินไซด์ ลึกสุดใจด้วยซ้ำไป”
ภารดีตาโต “รู้อะไรพี่ทิปปี้”
“อยากรู้กันขึ้นมาทีเดียวเชียว” ทิปปี้มองหน้าทุกคนที่ตั้งใจฟัง แล้วก็วางท่าเหมือนคนที่กุมความลับสำคัญ “ก็รู้ว่ายัยตรีอัปสรไปถ่ายแฟชั่นให้หนังสือบีลิฟของคุณพีน่ะซิยะ เซทนี้ถ่ายที่ชายทะเล แล้วก็ตามประสาสาวหัวนอก ทายได้เลยว่ายัยนั่นน่าจะหนีบผู้ชายไปนอนด้วย” ทิปปี้เว้นวรรค หยุดเล่า มองหน้าทุกคนที่ตั้งใจฟัง ทิปปี้ทำหน้าเหมือนเล่าเรื่องลมฟ้าอากาศไม่มีอะไรตื่นเต้น “น่าจะสะเริงสราญกันมากไปหน่อย ก็เลยกลับมาไม่ทัน”
เจ๊หนึ่งเบ้ปาก หมั่นไส้ทิปปี้ “โอ้โฮ้...นังทิปปี้ เม้าท์เค้าเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะยะ ทำยังกะไปอยู่ใต้เตียงเค้ามางั้นล่ะ ชั้นไม่เชื่อหรอก”
ยังไม่ทันที่ทิปปี้จะพูดอะไรต่อ เจ้าหน้าที่หญิงของกองประกวดก็เดินเข้ามาในห้อง
“สวัสดีค่ะ คุณสุภาพสตรีทุกท่าน”
สาวงาม พี่เลี้ยงหันไปมอง รวมทั้งอรสินีและสลิลทิพย์ ซึ่งนั่งแยกตัวอยู่ตรงมุมห้องด้วย
เจ้าหน้าที่หญิง 1 บอก “สาวงามที่ผ่านการสัมภาษณ์และแสดงความสามารถแล้วนะคะ ถ้ามีธุระหรืออยากจะออกไปช้อปปิ้งยืดเส้นยืดสาย หรือจะกลับไปพักผ่อน ก็ไปได้เลยนะคะ”
เจ๊หนึ่งงง “อ่าว แล้วไม่ประกาศผลก่อนเหรอคะ”
“ประกาศซิคะ คือว่าปีนี้มีสาวงามที่มีความสวยความสามารถ ใกล้เคียงกันค่อนข้างเยอะค่ะ คณะกรรมการต้องขอใช้เวลาในการพิจารณาอย่างละเอียดน่ะค่ะ ผลออกมาจะได้ถูกต้อง บริสุทธิ์ ยุติธรรม”
ทิปปี้ถามทันที “แล้วจะประกาศผล 20 คน เมื่อไหร่ล่ะฮะ”
อรสินีกับสลิลทิพย์นั่งอยู่ด้วยกันมุมหนึ่งในห้อง ทั้งคู่มองและฟังเจ้าหน้าที่หญิง 1พูด ได้ยินเสียง พูดขึ้นว่า
“พรุ่งนี้ค่ะ”
นางงามและบรรดาพี่เลี้ยงทั้งหลายต่างส่งเสียงฮือฮา อู่ฮู้กันเซ็งแซ่
สลิลทิพย์หน้าตึงไม่พอใจ “พรุ่งนี้ บ้ารึเปล่าเนี่ยะ ชั้นไม่เคยเห็นกองประกวดที่ไหนใช้เวลาคัดเลือกสาวงามเข้ารอบข้ามคืนแบบนี้ ขนาดคนมาสมัครเป็นพันเค้ายังประกาศภายในวันเดียวกันเลย จะดึกดื่นยังไงก็ประกาศ”
สลิลทิพย์ขยับจะลุกขึ้นค้านและโวยวาย อรสินีคว้าแขนแม่ไว้
“แม่คะ ใจเย็นๆ ก่อนค่ะ”
สลิลทิพย์เย็นไม่ไหว “นี่มันไม่ใช่เรื่องใจเย็น ใจร้อนน่ะ ยัยอร มันเป็นเรื่องของความถูกต้อง”
“แล้วมันไม่ถูกต้องตรงไหนคะ คุณแม่”
สลิลทิพย์ฉุนขาด “ยัยอร แม่รู้นะว่าแกไม่ได้โง่จริงๆ แกจะแกล้งโง่ให้แม่อารมณ์เสียทำไมเนี่ย แกก็รู้ว่าที่มันยื้อเวลากันเพราะรอนังเด็กตรีอัปสรนั่น”
อรสินีหลบตาวูบ สลิลทิพย์ค้อนขวับ แล้วขยับลุก “เดี๋ยวแม่มา”
“แม่จะไปไหนคะ”
“ไปหาคนที่จะให้คำตอบแม่ได้ซิ ว่าทำแบบนี้เพื่ออะไร”
“แม่คะ แม่ก็รู้อยู่แล้วนี่คะ แล้วแม่จะไปถามทำไม”
“แม่อยากรู้ว่าคำตอบมันจะเป็นยังไง..จะโกหกว่าอะไร”
สลิลทิพย์ลุกขึ้นเดินหุนหันออกไป อรสินีมองตามไปอย่างกังวล
ชญานนท์ประชุมอยู่ในห้องประชุมพร้อมกับรัตน์ มุกตาภา ศรศรี มณีศิลป์ และทีมงานข่าวอีก 2-3 คน
“ผมอยากให้รายการเกาะติดนางสาว ณ สยาม เจาะลึกเรื่องการคัดเลือกรอบแรกในวันนี้ รวมไปถึงตัวเก็งอีกคนคือตรีอัปสร”
“เราทำข่าวว่า ถูกจับตัวไปไม๊คะ เพื่อให้หลุดจากการประกวด” รัตน์ถาม
มุกตาภาแย้ง “จะดีเหรอคะ คุณรัตน์”
“ถ้าคิดจะสร้างกระแส ก็ต้องออกข่าวแบบนี้ค่ะ โลกทุกวันนี้มันต้องเติมสีสันให้ฉูดฉาด ไม่งั้นก็ไม่มีใครสนใจ”
ศรศรีออกไอเดีย “เอาแบบนี้ดีกว่าไม๊ค่ะ รายงานข่าวเราก็พูดถึงการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันไป แต่เราไปสร้างกระแสในโซเชียลเน็ตเวิร์คว่า ตรีอัปสรโดนจับตัวไปมั่ง โดนวางยามั่ง ซัก 2-3 กระแส ขึ้นต้นกับสรุปสุดท้ายเป็นเรื่องจริง แต่ช่วงกลางมันควรจะมีเรื่องตื่นเต้น อีกอย่างจะได้เบนเรื่องที่ว่าเราตัดสินช้าเพราะช่วยตรีอัปสร”
“ผมเห็นด้วย” ชญานนท์หันมาทางศรศรี “คุณร่างข่าวมาให้ผมดูก่อนที่จะลงเว็บแล้วกัน ผมขอด่วนเลยนะครับ วันนี้เราต้องทำงานแข่งกับเวลาจริงๆ”
“แล้วถ้ายัย...เอ๊ย...ตรีอัปสรยังไม่กลับมาล่ะคะ” มุกตาภาถาม
“เมื่อกี้คุณพ่อบอกพี่มาแล้ว ว่าเจอตัวตรีอัปสรแล้ว เธอกำลังมา”
สลิลทิพย์เดินวนไปวนมาเหมือนรอใครอยู่หน้าห้องประชุมช่อง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สลิลทิพย์หยิบโทรศัพท์มาดูแล้วกดรับ
“ฮัลโหล ว่าไง...” ฟังที่ชาติพูดสีหน้าสลิลทิพย์ทั้งโกรธทั้งผิดหวัง “อะไรนะ งั้นแกช่วยหายตัวไป อย่าให้ใครเห็นหน้าซักพัก” สลิลทิพย์พูดเสียงลอดไรฟัน “ทำงานแบบนี้ ชั้นควรจะจ่ายให้แกไม๊เนี่ย”
สลิลทิพย์มองไปที่หน้าห้องประชุมซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ประตูเปิดออก เห็นชญานนท์เดินออกมา
“แค่นี้ก่อนนะ”
สลิลทิพย์กดสายทิ้งแล้วเดินไปหาชญานนท์
“ตานนท์ น้าขอคุยด้วยได้ไม๊”
“ได้ครับ...อืม....” ชายหนุ่มมองซ้ายขวา “เชิญที่ห้องผมดีกว่าครับ”
สลิลทิพย์พยักหน้า เดินตามชญานนท์ไป
พอสลิลทิพย์ทรุดตัวลงนั่ง ก็พูดพรั่งพรูทันที
“น้าไม่เข้าใจว่าทำไมการประกาศผู้เข้ารอบ 20 คนถึงต้องยืดเยื้อไปจนถึงพรุ่งนี้”
“ก็อย่างที่เจ้าหน้าที่แจ้งไปน่ะครับ คุณน้า” ชญานนท์ตอบเรียบๆ
สลิลทิพย์มองอย่างรู้ทัน “นนท์ น้ารู้นะว่าที่ทำกันอยู่เนี่ย ก็เพราะยัยตรีอัปสรคนเดียวทำแบบนี้มันถูกเหรอนนท์ ผู้หญิงคนอื่นที่มาวันนี้ เค้าทำถูกต้องตามกฎกติกาทุกอย่าง แต่กลายเป็นว่าต้องเสียเวลามารอคนๆ เดียว มันมีความสำคัญมากใช่ไม๊ หรือเตรียมจะยกมงกุฎให้ยัยนั่นตั้งแต่รอบแรกเลย”
ชญานนท์คุมอารมณ์ “เท่าที่ผมรู้ ตรีอัปสรโดนรั้งตัวไว้ให้มาคัดเลือกตัววันนี้ไม่ได้นะครับ”
“ถ้าน้าเอาเรื่องนี้ไปพูดกับสื่อ นนท์รู้ไม๊ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ความน่าเชื่อถือของการประกวดนางสาว ณ สยาม จะเป็นยังไง”
ชญานนท์มองสลิลทิพย์อย่างเข้าใจ “ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณน้านะครับ แล้วผมก็คงไม่มีสิทธิ์ห้ามคุณน้าด้วย”
สลิลทิพย์มองชญานนท์ เสียงนักข่าว ศรศรีจากทีวีในห้องชญานนท์ดังขึ้น ทั้งคู่หันไปมองภาพในจอ
“ข่าวด่วน Breaking news เจาะลึกการประกวดคัดเลือกสาวงามรอบแรกกลับมาพบกับคุณผู้ชมแล้วค่ะ...”
ศรศรี มณีศิลป์ ยืนรายงานข่าวอยู่ในห้องออดิชั่น เห็นคณะกรรมการนั่งปรึกษากันอยู่ด้านหลัง
“รายงานสดจากสถานีโทรทัศน์ไทยเท็นค่ะ ด้านหลังของดิชั้นคือคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กำลังคร่ำเคร่งกับการคัดเลือกสาวงามที่สมัครเข้ามาประกวดนางสาว ณ สยาม เพื่อเข้ารอบ 20 คนนะคะ และด้วยเหตุที่จำนวนสาวงามมากมาย อีกทั้งมีความสวย ความสามารถที่สูสีกัน ทำให้คณะกรรมการต้องใช้เวลานานกว่าการคัดเลือกนางสาว ณ สยามที่ผ่านมาทุกๆ ปีค่ะ และทันทีที่ผลการคัดเลือกออกมาแล้ว...เราจะรายงานให้คุณผู้ชมทราบทันทีค่ะ....ศรศรี มณีศิลป์ รายงานจากสถานีโทรทัศน์ไทยเท็นค่ะ”
ขณะศรศรีพูดรายงาน มีภาพ การออดิชั่นโชว์ความสามารถของสาวงามต่างๆ ประกอบด้วยอย่างน่าสนใจ
อรสินี วรัญญา เจ๊หนึ่ง ดาราวรรณ ภารดี ทิปปี้ กัลยาณี นางงามคนอื่นๆ และพี่เลี้ยงนั่งดูทีวีในห้องพัก ที่ออกอากาศสดอยู่
“เจ๊ รัญว่าเรากลับก่อนไม๊” วรัญญาเอ่ยขึ้น
“จะดีเหรอ”
“เจ้าหน้าที่เค้าก็บอกแล้วนิว่า จะกลับก็ได้ ยังไงก็ประกาศพรุ่งนี้” ภารดีบอก
“ใช่” วรัญญาหันไปทางอรสินีตรงมุมห้อง “แล้วเธอล่ะ”
อรสินียิ้มให้ “ต้องรอถามคุณแม่ก่อนค่ะ”
วรัญญาถามต่อ “แล้วคุณแม่ไปไหนล่ะ”
“เดินออกไปข้างนอกค่ะ”
“ไปไหนเหรอ หรือไปหาอะไรมาให้กิน” วรัญญาซักไม่เลิก
“นี่...ยัยรัญ...เธอก็ซักยังกะเป็นนักข่าว...จะรู้เรื่องของเค้าไปทำไมยะ” ภารดีท้วง
อรสินียิ้มเป็นมิตร “ไม่เป็นไรค่ะ” พลางหันหันไปทางวรัญญา “คุณถามอร อรก็ถามคุณบ้าง จะได้เท่ากันดีไม๊คะ”
วรัญญายิ้มให้กับท่าทางเป็นมิตรและจริงใจของอรสินี
“ดี...ดีค่ะ ชั้นชื่อวรัญญา...เรียกว่ารัญก็ได้นะ”
“ชั้นชื่ออรสินีค่ะ เรียกอรก็ได้ ดีใจนะคะที่ได้มีเพี่อนใหม่”
อรสินีมองวรัญญาแล้วกวาดตายิ้มให้กับทุกคน ภารดีทำหน้าเซ็งๆ
“มาประกวดแข่งขันเพื่อเป็นที่หนึ่ง ให้เป็นเพื่อนกันยังไง ก็ต้องแอบชิงดีเอาชนะกันอยู่ดี”
“จะชิงดีเอาชนะกันยังไง ก็ไม่เป็นไรหรอก ขอแค่อย่าทำร้ายกันก็เป็นเพื่อนกันได้ค่ะ”
อรสินียิ้มให้อย่างบริสุทธิ์ใจ
ฝ่ายสลิลทิพย์เดินมาตามทางเดินในสถานี หน้าตาบึ้งตึง หงุดหงิดสุดขีด แต่พอมองตรงไปข้างหน้าแล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นดารินทร์เดินตรงมา หน้าตาเอาเรื่อง สลิลทิพย์เชิดหน้าใส่ทันที ทำท่าจะเดินเลี่ยงไป ดารินทร์เดินมาดักหน้า สลิลทิพย์ขยับหนีจะเดินไปอีกทาง ดารินทร์ก็ขยับดักหน้าไว้ 2-3 ครั้ง จนสลิลทิพย์โกรธจัด
“หลีกไป”
“นึกว่าแก่แล้วความเลวจะจางลง ที่ไหนได้...” ดารินทร์มองสลิลทิพย์หัวจรดเท้า
“พูดบ้าอะไรน่ะ หลีกไปนะ”
“ยังไงลูกชั้นก็ได้เข้ารอบ นางสาว ณ สยาม แน่นอน ต่อให้แกคิดแผนการชั่วร้าย หาทางสกัดลูกชั้นยังไง ก็ไม่มีทางสำเร็จหรอก”
“แกพล่ามอะไรเนี่ย ชั้นไม่รู้เรื่อง”
ดารินทร์จ้องตาสลิลทิพย์เอาเรื่อง “ดีนะที่ลูกสาวชั้นไม่เป็นอะไร แต่ก็อย่านึกว่าชั้นจะปล่อยให้แกลอยนวลนะ...นัง-ส-ลิล-ทิพย์”
ดารินทร์เน้นเรียกชื่อ นังสลิลทิพย์ ทีละคำ ก่อนจะพูดต่อ
“ชั้นจะหาหลักฐานมาจัดการแก เอาให้ดิ้นไม่หลุด”
สลิลทิพย์หน้าเสียเล็กน้อย แต่ก็ปรับสีหน้าเก็บอาการ
“นึกว่าชั้นจะกลัวที่แกขู่เหรอ แล้วถ้าชั้นเอาเรื่องที่การตัดสินคัดเลือกรอบแรกล่าช้า เพราะกรรมการรู้เห็นเป็นใจ รอลูกสาวแก โดยมีท่านอัศวินหนุนหลัง อะไรจะเกิดขึ้น”
ดารินทร์ไม่สน “ก็เอาซิ เรื่องของชั้นอย่างมากก็เป็นขี้ปาก เม้าท์กันไปมา 3 วัน 7 วัน คนก็ลืม มีเรื่องใหม่มาให้เม้าท์แล้ว แต่เรื่องที่ไฮโซแร้งทึ้งให้คนเอาน้ำส้มใส่ยานอนหลับอย่างแรง ไปให้ลูกชั้นกิน แล้วโทร.หลอกล่อชั้นกับคุณพี นี่ซิ เรื่องยาวแน่ ชั้นจะเอาเรื่องให้ถึงขั้นเข้าคุกเลย”
สลิลทิพย์มองดารินทร์อย่างคับแค้นใจ
“แกพูดเรื่องอะไร ชั้นไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวกับชั้น”
ดารินทร์มองอย่างดูถูก “ดีแต่เรื่องปากแข็ง แต่เรื่องโกหกสอบตกน่ะ ถ้ามีปัญญาโกหกได้แค่นี้ ชั้นว่าไปฝึกมาใหม่ดีกว่า”
สลิลทิพย์มองดารินทร์ อึ้งพูดอะไรไม่ออก
ดารินทร์ยิ้มเยาะสะใจ เดินเฉียดไหล่สวนไป สลิลทิพย์แค้นแทบกระอัก
ช่วงหัวค่ำ สาวงามและพี่เลี้ยง ทยอยเดินออกมาจากด้านในสถานีโทรทัศน์ หลังสาวงาม จะเห็นศรศรี มณีศิลป์ นักข่าวสาว ยืนรายงานข่าวอยู่ด้านหน้า
“คุณผู้ชมคะ และก็เป็นที่แน่นอนชัดเจนแล้วนะคะ สำหรับการประกาศผลสาวงามผู้เข้ารอบ 20 คนของการประกวด นางสาว ณ สยาม จะมีการประกาศผลเวลาบ่ายโมงตรงของวันพรุ่งนี้ค่ะ และทางกองประกวดจะแจ้งให้สาวงามที่เข้ารอบทราบเพื่อมารวมตัวกันในเวลาบ่ายโมงของวันพรุ่งนี้ค่ะ”
สาวงามทั้งหลาย รวมทั้งพี่เลี้ยง เดินออกมาโบกไม้โบกมือให้กล้องยกเว้นอรสินี
“ทีมข่าวเกาะติดการประกวดนางสาว ณ สยาม จะรายงานผลให้คุณผู้ชมทันทีที่รู้ผลค่ะ.....ศรศรี มณีศิลป์ รายงานจากกองประกวดนางสาว ณ สยาม สถานีโทรทัศน์ไทยเท็นค่ะ”
ชญานนท์อยู่ในห้องทำงานที่ช่องไทยเท็น มองในจอคอมพิวเตอร์ เว็บนางงามชื่อดัง ซึ่งโพสต์ตั้งกระทู้หัวข้อ “นางสาว ณ สยาม หลงหลังเสา มีเลศนัย เลื่อนประกาศผลตัดสิน 20 คน ลือตัวเก็ง ตรีอัปสรหายตัว” มีคนคอมเม้นท์เข้ามามากมาย
ชญานนท์นั่งอ่านข้อความคอมเม้นท์สารพัด เขาเช็คจากอีกหลายเว็บชื่อดัง ใบหน้าหล่อของชญานนท์อ่านอย่างสนใจ สักครู่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ชญานนท์เงยหน้าขึ้นมอง ประตูเปิดเข้ามาเห็นเป็นคุณดิษฐ์ เดินเข้ามากับมุกตาภา ลงนั่งตรงโซฟารับรอง
“เป็นยังไงบ้างนนท์”
“กระแสแรงทุกเว็บเลยครับ แสดงความคิดเห็นกันไปต่างๆ นานา”
มุกตาภามุกว่า “พรุ่งนี้ ตอนเราประกาศผู้เข้ารอบ 20 คน ต้องมีคนสนใจตามดูเยอะแน่ๆ ค่ะ”
“พ่อตั้งใจว่าจะให้รายงานสดจากกองประกวดเลย”
มุกตาภายิ้มย่อง “เรทติ้งพุ่งแน่ๆเลยค่ะ”
คุณดิษฐ์บอก “มันจะมีผลถึงเรื่องสปอนเซอร์ด้วย”
“ฝ่ายขายแจ้งมาว่าลูกค้า ติดต่อเข้ามาตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วครับ”
“สปอนเซอร์หลัก เรามีครบแล้ว ก็ขายเป็นสปอตโฆษณาไป” คุณดิษฐ์หันไปทางมุกตาภา “มุก....ปรึกษากับคุณรัตน์ แล้วก็ฝ่ายครีเอทีฟด้วย พ่ออยากให้มีรายการพิเศษช่วง นางสาว ณ สยามเก็บตัว วันละ 1 ช.ม. ซัก 10 วัน”
“ได้ค่ะ”
“นนท์ แจ้งฝ่ายผังรายการด้วยนะ”
“ครับพ่อ”
มุกตาภาขัดขึ้น “แล้ว ยัยตรีอัปสนั่น หายตัวไปจริงๆ หรือว่าแกล้งหายตัว เรียกร้องความสนใจกันแน่คะ”
คุณดิษฐ์ถอนหายใจ “จะเพราะอะไรก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่า เราได้ประโยชน์ก็แล้วกัน”
“แล้วตกลงตรีอัปสรอยู่ไหนล่ะคะ ทำไมไม่มาซะที”
“พรุ่งนี้มาแน่” ผู้เป็นบิดาบอก
ชญานนท์ถาม “แล้วตอนนี้ เค้าอยู่ที่ไหนครับ”
คุณดิษฐ์หันมามองชญานนท์ แต่ไม่ตอบ
ตรีอัปสรเปลี่ยนชุดใหม่เดินเข้ามา ที่โต๊ะอาหารซึ่งดารินทร์นั่งอยู่กับนายพลอัศวิน
“หนูตรี เป็นยังไงบ้าง หายมึนรึยัง”
“ดีขึ้นแล้วล่ะ คุณลุง” หล่อนยกมือไหว้ “ตรีขอบพระคุณคุณลุงมากนะคะที่ช่วยตรี” แล้วหันไปทางดารินทร์ “แม่ด้วยนะคะ”
“แม่ไม่ยอมให้ใครมาทำร้าย ทำลายแกได้หรอก ยัยตรี”
“ค่ะ” ตรีอัปสรลงนั่ง
ปิ๋มเดินเข้ามาพร้อมโถข้าว แล้วตักข้าวใส่จานทั้ง 3 คน
“ทานข้าวก่อนเถอะ นะ”
“ค่ะ” ดารินทร์หันไปพูดกับตรีอัปสร “เสร็จแล้วอาจจะต้องเข้าไปเจอกับคณะกรรมการ ทำให้เนียนไว้ดีกว่าจะได้ไม่มีปัญหา ดีไม๊ค่ะ คุณอัศ”
นายพลอัศวินวางท่าสบายๆ เหมือนเชื่อมั่นในอำนาจคนใหญ่คนโตของตน
“ยังไงก็ได้ จะไปหรือไม่ไปก็ไม่มีปัญหา ผมจัดการได้ ทานข้าวเถอะ”
ตรีอัปสรรับ “ค่ะ” แล้วตักอาหารทานไป
ดารินทร์ มองนายพลอัศวินอย่างปลาบปลื้ม สีหน้าครุ่นคิด
ค่ำเดียวกันนั้น อติรุจขยับเข้ามาใกล้อรสินี ชะโงกดูไอแพดในมือน้องสาวที่เช็คข่าว นาง่าส ณ สยามอยู่
“นี่เค้าเล่นกันแรงขนาดนี้เลยเหรอ”
“ค่ะ พี่รุจอ่านนี่ซิคะ”
อรสินีชี้ไปที่หน้าจอไอแพด เป็นคอมเม้นท์จากคอนางงามว่า
“ถ้าตรีอัปสรหายไปจริง วงการนางงามก็มีมาเฟียน่ะซิ น่ากลัวจริงๆ”
อติรุจอ่านจบก็หันมามองหน้าน้องสาว ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา
“พี่รุจจะโทร.หาตรีเหรอคะ”
“ใช่”
เสียงสลิลทิพย์แหลมเข้ามา “แกจะไปโทร.หามันทำไม”
อติรุจหันไปมองสลิลทิพย์ที่เดินเข้ามา ก็ถอนหายใจ
“ผมเป็นห่วงตรี อยากรู้ว่าตรีเป็นยังไงบ้าง”
สลิลทิพย์บอกเสียงเหยียดๆ “มันไม่เป็นอะไรหรอก”
“คุณแม่ทราบได้ยังไงครับ”
สลิลทิพย์มองอติรุจอย่างเอือมระอา “ก็ถ้ามันเป็นอะไรไปจริงๆ มันคงไม่เงียบแบบนี้หรอก แม่ว่ามันต้องออกมาโวยวายไปแล้วล่ะ” สุดท้ายหันไปทางอรสินี “แล้วนี่. ตานนท์โทร.มาหารึเปล่ายัยอร”
“เปล่าค่ะ”
สลิลทิพย์ทำท่าคิด สีหน้าไม่พอใจชญานนท์ “ไม่โทร.มา แกก็ไม่ต้องโทร.ไป เข้าใจไม๊”
“ค่ะ”
อติรุจลอบทำหน้าเซ็งกับแม่ที่บังคับอรสินี และอรสินีก็ยอม อติรุจขยับลุกขึ้น
“ขอตัวไปอาบน้ำนะครับ”
“ไปอาบน้ำหรือไปแอบโทร.หา นังตรีอัปสรกันแน่”
อติรุจไม่ตอบโต้แต่ลุกขึ้นเดินไป สลิลทิพย์มองตามอย่างขุ่นเคือง
ค่ำคืนนั้น ชญานนท์เดินมาขึ้นรถพร้อมกับคุณดิษฐ์และมุกตาภา
“พรุ่งนี้ น่าจะมีนักข่าวมาตามข่าวตรีอัปสรเยอะนะครับ พ่อ”
คุณดิษฐ์นึกขึ้นได้ “อืม...พ่อลืมไป นนท์ควรจะคุยกับตรีอัปสรก่อนนะ ว่าพรุ่งนี้จะให้สัมภาษณ์ยังไง”
ชญานนท์งง “ผมเหรอครับ”
“อ้าว ก็ใช่นะซิ หรือจะให้ยัยมุกไปคุย”
มุกตาภารีบปฏิเสธ “โอย...ไม่เอาค่ะ พี่นนท์คุยเถอะค่ะ”
“พ่ออยากให้นนท์คุยกับตรีอัปสรเลยนะ” คุณดิษฐ์กำชับ
“คืนนี้เลยเหรอครับพ่อ”
“แล้วจะรอพรุ่งนี้ทำไมล่ะ พ่อว่ามันจะฉุกละหุกเกินไปนะ”
ชญานนท์มองหน้าผู้เป็นบิดา แต่ไม่ได้พูดอะไร
ไม่นานหลังจากนั้น ในร้านอาหาร ตกแต่งค่อนข้างน่ารัก บรรยากาศเงียบๆ ค่อนข้างส่วนตัว ไม่พลุกพล่าน ตรีอัปสรเดินเข้ามาในนั้น มองซ้ายขวา จนกระทั่งสายตาเห็นชญานนท์นั่งอยู่ที่โต๊ะมุมห้อง เช่นเดียวกันชญานนท์เห็นหล่อนก็ลุกขึ้น
ตรีอัปสรเดินมาหยุดยืนตรงหน้าชญานนท์ แววตาชญานนท์แวบหนึ่งนั้นชื่นชมในความสวยของตรีอัปสรก่อนจะเก็บอาการ
“เชิญนั่งครับ”
ตรีอัปสรทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้ามเขา “ขอบคุณค่ะ”
บ๋อยเอาน้ำส้มมาเสิร์ฟให้ แล้วเดินออกไป ชญานนท์ถึงพูดต่อ
“ผมสั่งน้ำส้มไว้ให้ คิดว่าคุณน่าจะชอบ”
“ขอบคุณค่ะ แต่ปกติตรีไม่ค่อยดื่มน้ำส้มหรอกค่ะ ตรีไม่ใช่นางเอก”
“ผมคิดว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกซะอีก”
“ตรีคงเป็นผู้หญิงส่วนน้อยมังคะ”
ชญานนท์อมยิ้มนิดๆ “ถ้างั้น วันนี้ก็ลองเป็นนางเอกซักวันแล้วกัน”
“ค่ะ” ตรีอัปสรจิบน้ำส้มวางแก้วลงแล้วถาม “แล้วคุณชญานนท์เรียกตรีมาพบมีเรื่องอะไรเหรอค่ะ”
ก็เรื่องที่วันนี้คุณหายตัวไป ผมต้องขอโทษด้วยที่เรียกคุณมาค่ำๆ มืดๆ คือเรื่องมันค่อนข้างด่วน”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ร้านนี้เป็นร้านประจำของผม จะค่อนข้างส่วนตัว รอดพ้นจากนักข่าวแน่นอน”
“ค่ะ”
“ผมอยากซักซ้อมเรื่องวันพรุ่งนี้กับคุณ เพราะนักข่าวต้องสัมภาษณ์คุณแน่ๆ ข่าวมันออกมาหลายกระแสเหลือเกิน”
“คุณจะให้ตรีบอกนักข่าวว่ายังไงคะ”
“เล่าให้ผมฟังได้ไม๊ ว่าคุณหายไปไหนมา”
“ได้ค่ะ”
ตรีอัปสรเล่าทุกเหตุการณ์ ชญานนท์ฟังอย่างตั้งใจ
อติรุจยังไม่หลับ เขากดโทรศัพท์ถึงตรีอัปสร
“ฮัลโหล สวัสดีครับ”
เสียงดารินทร์รับ “สวัสดีค่ะ”
อติรุจขมวดคิ้วนิดๆ “นั่นโทรศัพท์คุณตรีอัปสรรึเปล่าครับ”
“ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่าใครโทร.มาคะ”
“ผมชื่อ อติรุจครับ”
ชญานนท์อยู่ในร้านอาหารกับตรีอัปสร
“ผมอยากให้คุณเล่าไปตามเหตุการณ์จริงที่คุณเจอมา แต่ตอนจบอาจต้องบิดเรื่องซักนิด”
ตรีอัปสรฉงน “บิดยังไงคะ”
“โชคดีมีคนช่วยทำให้กลับมารายงานตัวทันเป็นคนสุดท้ายพอดี เพราะบังเอิญคณะกรรมการอยู่ปรึกษาเรื่องคัดเลือก คุณก็เลยได้ออดิชั่น”
ตรีอัปสรพยักหน้า “ได้ค่ะ แล้วถ้านักข่าวถามว่าใครเป็นคนวางยาตรีล่ะคะ”
“ในความเป็นจริง ถึงคุณรู้ว่าคนๆ นั้นเป็นใคร คุณก็จะเจาะจงว่าเป็นเขาไม่ได้ จนกว่าคุณจะมีหลักฐานที่แน่นหนา ถ้าคุณไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายไปมากกว่านี้ คุณก็ควรหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึง คุณเข้าใจใช่ไม๊”
ตรีอัปสรพยักหน้ารับอีกหน “เข้าใจค่ะ”
“แต่ถ้าคุณติดใจอยากจับคนผิดมาลงโทษ ผมก็แนะนำให้แจ้งความ”
“ตรีไม่ติดใจหรอกค่ะ แค่ตรีรอดปลอดภัยกลับมาประกวดนางสาว ณ สยามได้ ตรีก็โอเค แล้วค่ะ”หญิงสาว ยกมือไหว้ “ขอบคุณนะคะ ที่สละเวลามาให้คำปรึกษา ถึงแม้ว่าที่คุณทำจะเป็นเพราะต้องการไม่ให้งานของคุณเสียหาย”
ชญานนท์อึ้งไปกับคำพูดเชิงตัดพ้อของหล่อน ตรีอัปสรยิ้มนิดๆ เหมือนเข้าใจ ไม่คิดมาก ก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
“ดึกแล้ว ตรีว่าเรากลับกันเถอะค่ะ”
ชญานนท์พยักหน้าแล้วหันไปโบกมือเรียกบริกร
ส่วนทางอติรุจกดตัดสาย แล้วหมุนโทรศัพท์ในมือเล่น สีหน้าครุ่นคิด แปลกใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้น อติรุจหันไปมอง
“เข้ามา”
ประตูเปิดออกเห็นอรสินีเดินเข้ามา หญิงสาวยิ้มให้ แล้วค่อยๆ หุบยิ้มลงเมื่อเห็นหน้าพี่ชาย
“มีอะไรรึเปล่าคะ พี่รุจ แล้วโทร.หาตรีรึยังคะ”
“โทร.แล้ว แต่ตรีไม่ได้เอาโทรศัพท์ไป คุณดารินทร์เป็นคนรับสาย”
“อ้าว เหรอคะ” อรสินีแปลกใจ “แล้วตรีไปไหนคะ เพิ่งจะมีเรื่องมาน่าจะพักผ่อน”
“คุณดารินทร์บอกว่า นายนนท์โทร.ไปหาให้ตรีออกไปคุยงานด้วย”
อรสินีเลิกคิ้ว “พี่นนท์เหรอคะ”
“ใช่ ปกตินายนนท์แทบจะไม่มองหน้าตรี แล้วนี่ทำไมถึงได้คุยกันได้ แปลก”
“ก็คงจะเป็นเรื่องงานวันพรุ่งนี้มั้งคะ เกิดเรื่องแบบนี้ นักข่าวต้องอยากรู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งเรื่อง ตรีไม่มา ทั้งเรื่องเลื่อนการประกาศผล”
อติรุจพยักหน้า “ก็น่าจะใช่ แล้วนี่ไม่คิดจะโทร.ไปหานายนนท์จริงๆ เหรอ”
อรสินียิ้ม “ไม่ล่ะค่ะ อรไม่อยากขัดใจคุณแม่”
“ก็ไม่ต้องบอกคุณแม่ซิ”
อรสินียิ้ม “อรกำลังฝึกความซื่อสัตย์ทั้งต่อหน้าและลับหลังอยู่ค่ะ พี่รุจ”
อรสินีขยับลุกขึ้น “อรไปนอนนะคะ”
อติรุจมองตามน้องสาวไป ประตูปิดลง
รถของดารินทร์แล่นมาจอด ตรีอัปสรลงจากรถ สีหน้าตรีอัปสร มีความสุข ตรีอัปสรเดินดูดอกไม้ต้นไม้ช้าๆ แล้วหยุดยืนนิ่ง สีหน้าตรีอัปสรครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
เวลานั้นชญานนท์เดินออกจากร้านมากับตรีอัปสร พอเดินออกมา ซัก 3-4 ก้าว ไฟในร้านก็ดับเหมือนรอแขกคนสุดท้ายออก ก็ปิดไฟเลย ทำให้ทางเดินมืดลงทันที ตรีอัปสรซึ่งกำลังเดินอยู่ก้าวผิดเซจะล้ม ชญานนท์คว้าตัวไว้ทัน
“อุ๊ย”
ตรีอัปสรมองชญานนท์สบตากันในระยะประชิด ชญานนท์เคลิ้มไปชั่วครู่กับความสวยของตรีอัปสร ก่อนจะรู้สึกตัว ขยับตัวออกห่าง ตรีอัปสรก็ขยับยืน พูดเบาๆ
“ขอบคุณค่ะ”
ชญานนท์เดินนำไปที่รถ ตรีอัปสรเกิดความรู้สึกประทับใจเล็กๆ ขณะเดินตามไปที่รถ
“พรุ่งนี้เจอกันนะครับ”
“ค่ะ พรุ่งนี้เจอกัน” ตรีอีปสรมองชญานนท์ “อันที่จริง ตรีควรจะขอบคุณคนที่วางยาตรีนะคะ”
ชญานนท์เลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าทำไม ตรีอัปสรยิ้มนิดๆ เขินหน่อยๆ
“อย่างน้อยเขาก็ทำให้คุณชญานนท์ที่เคยเฉยชากับตรี เปลี่ยนเป็นมาพูดกับตรีดีๆ บ้าง”
ชญานนท์มองตรีอัปสรนิ่งงันไป
ตรีอัปสรอมยิ้มอย่างมีเลศนัย เมื่อนึกถึงหน้าชญานนท์
“คิดอะไรอยู่เหรอ...หนูตรี”
ตรีอัปสรสะดุ้งนิดๆ เพราะไม่คิดว่านายพลอัศวินจะอยู่แถวนี้
“คุณลุง ยังไม่นอนอีกเหรอคะ”
“ถ้านอนแล้ว ลุงจะมายืนตรงนี้ให้หนูตรีเห็นหน้าได้ยังไงล่ะ”
ตรีอัปสรยิ้มนิดๆ รู้สึกถึงความแพรวพราวของท่านอัศวิน ที่ผิดไปจากเดิม
“แม่ล่ะคะ หลับแล้วเหรอคะ”
“หลับไปตั้งแต่หัวค่ำแล้ว วันนี้ทั้งเหนื่อยทั้งลุ้น ไม่ได้หยุดเลย”
“แล้วคุณลุงล่ะคะ ไม่เหนื่อยเหรอคะ ตรีกับแม่กวนคุณลุงตั้งแต่เช้าวุ่นวายทั้งวัน”
“แค่นี้เล็กน้อย ลุงไม่เหนื่อยง่ายๆ หรอก” ท่านนายพลทำท่ามีเลศนัย “ลุงยังแข็งแรงอยู่เลยนะ”
ตรีอัปสรยิ้ม “เห็นแบบนี้ ตรีเชื่อแล้วค่ะ”
“ถ้าไม่เชื่อ ก็ไปถามแม่หนูได้เลยนะ” นายพลชราพูดเย้า
ตรีอัปสรยิ้มนิดๆ พยายามทำสีหน้าให้นายพลอัศวินรู้สึกว่าตัวเธอเองไม่เข้าใจความนัยนั้นของเขา ตรีอัปสรทำท่าหาว เอามือปิดปาก แล้วทำเป็นหัวเราะนิดๆ ท่าทีน่ารัก
“ตรีง่วงแทนคุณลุงซะแล้วค่ะ ตรีขอตัวไปนอนก่อนนะคะ”
“เข้าบ้านพร้อมกันเลยละกัน เห็นหนูตรีหาว ลุงก็ชักจะง่วงเหมือนกัน”
ตรีอัปสรยิ้มให้แล้วเดินนำเข้าไปในบ้าน
รถของดารินทร์แล่นเข้ามาจอดบริเวณหน้าสถานีโทรทัศน์ไทยเท็นเช้านี้ แลเห็นนักข่าวยืนออรอกันอยู่ ดารินทร์ลงจากรถมากับตรีอัปสร นักข่าวกรูเข้าไปสัมภาษณ์ส่งเสียงเซ็งแซ่
“ขอสัมภาษณ์หน่อยนะคะ” / “ขอสัมหน่อยครับ”
ศรศรี ถาม “เมื่อวานนี้มีกระแสข่าวว่า น้องตรีอัปสรโดนวางยาทำให้มารายงานตัวคัดเลือกรอบแรกไม่ได้จริงรึเปล่าคะ”
ตรีอัปสรเล่นลิ้นตอบยิ้มๆ “ถูกครึ่งเดียวค่ะ”
นักข่าวแย่งถามเซ็งแซ่ “เรื่องเป็นยังไงคะ” / “ครึ่งไหนถูก” / “แล้ครึ่งไหนไม่ถูกคะ”
ตรีอัปสรยิ้มอย่างใจเย็น วางท่าสงบสุขุม คุมเกมอย่างดี พูดทีเล่นทีจริง
“ถ้าถามแบบนี้ ตรีเล่าไม่ได้อ่ะค่ะ รบกวนเงียบแล้วฟังตรีดีกว่าไม๊คะ
ตรีอัปสรพูดแล้วยิ้มเอียงคอนิดๆน่าเอ็นดู
ศรศรี มณีศิลป์ บอก “เอ้า...พวกเราเงียบ ฟังน้องตรี”
นักข่าวไมค์รวมเงียบกันทั้งแถบ ตรีอัปสรมองแล้วยิ้มหวาน ยกมือไหว้สวยงาม
“ขอบพระคุณ พี่ๆ ทุกท่านมากค่ะ”
ตรีอัปสรเปิดใจ ในใบหน้าอันยิ้มแย้ม พูดจาอย่างสุขุมฉะฉาน
โดยภาพการให้สัมภาษณ์เปิดใจของตรีอัปสร ปรากฏทางจอทีวีช่องไทยเท็นในห้องพักสาวงาม
“ที่ตรีบอกว่าถูกต้องครึ่งเดียว ก็คือ เรื่องที่ตรีถูกวางยาค่ะ มีคนเอาน้ำส้มใส่ยานอนหลับอย่างแรงมาให้ตรี แล้วบอกว่าคุณพี บ.ก.หนังสือบีลิฟสั่งมาให้ค่ะ หลังจากนั้นตรีก็หลับไป มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อวานตอนกลางวัน แต่ตรีกลับมาทันได้สัมภาษณ์และก็แสดงความสามารถนะคะ....นาทีสุดท้ายเลยค่ะ”
ระหว่างที่ตรีอัปสรให้สัมภาษณ์ เห็นกลุ่มสาวงาม พี่เลี้ยง แม่เลี้ยง ออกอาการต่างๆ ตามจริตใครมัน
อรสินีตั้งใจฟัง สีหน้าเห็นใจ ส่วนสลิลทิพย์มีสีหน้ารังเกียจ เจ็บใจ ยิ่งตอนตรีอัปสรพูดคำว่า “นาทีสุดท้ายเลยค่ะ” สลิลทิพย์ทำปากไม่มีเสียงว่า “ตอแหล”
ตรีอัปสรพูดเปิดใจในจอ “ตรีขอตัวก่อนนะคะ” ยกมือไหว้สื่อ “ขอบพระคุณพี่ๆ ทุกคนนะคะ ที่เป็นห่วงตรี หวังว่าความห่วงใยของพี่ๆ จะเป็นกำลังใจ เป็นแรงส่งให้ตรีได้เข้ารอบ 20 คนนะคะ”
ตรีอัปสรหยอดคำพูด พร้อมกับยิ้มหวาน เรียกเสียงฮือฮาจากสื่อมวลชนไมค์รวม
ดารินทร์ยิ้มหวาน จูงมือตรีอัปสรเดินเข้าไปด้านในสาสมใจ เพราะภาพลูกสาวออกมาดูดีมาก
วรัญญากับเจ๊หนึ่ง ภารดีกับทิปปี้มองอย่างทึ่ง อึ้งกันไป วรัญญาทนไม่ไหว
“เจ๊ นังสตรอเบอรี่นี่ มันกลับมาตอนไหน ทำไมเราไม่เห็น”
เจ๊หนึ่งประชดนิดๆ “ก็คงกลับมา ตอนเราคล้อยหลังไปแล้วน่ะซิ”
วรัญญามองเจ๊พี่เลี้ยง “นี่เจ๊ประชดมันหรือประชดรัญเนี่ย”
ภารดีขัดขึ้น “ประท้วงไม๊....ประท้วงให้มันหมดสิทธิ์ไปเลย”
ทิปปี้ งง “ประท้วงยังไง”
ระหว่างที่พี่เลี้ยง และนางงามพูดคุยกันอยู่ สลิลทิพย์กับอรสินีหันมาฟัง โดยเฉพาะสลิลทิพย์ตั้งใจฟัง
ภารดีบอก “ก็ประท้วงว่า พวกเราไม่เชื่อว่า ยัยนั่นมันจะมาที่นี่จริง เมื่อคืนนี้”
วรัญญาท้วง “แล้วรู้ได้ยังไงว่า ไม่จริง มันต้องมีหลักฐานนะ”
ภารดีแย้ง “แต่ถ้าเราประท้วงกันเยอะๆ รวมตัวกันทุกคน มันก็ต้องชะงัก แล้วถ้าข่าวออกมาเป็นลบ กองประกวดก็ต้องตัดสิทธิ์มันออกไป”
ทิปปี้เห็นด้วย “ใช่ ขอให้พวกเรารวมตัวกันให้ติด ประท้วงให้สุดๆ ว่าเราไม่เชื่อ”
เจ๊หนึ่งโพล่งขึ้นมา “ชั้นนึกออกแล้ว”
ทุกคนหันไปมองเจ๊หนึ่ง รวมทั้งสลิลทิพย์กับอรสินีก็หันไปมองด้วย
“ชั้นมีเรื่องเด็ดจะประท้วง แรงกว่านั้นเยอะ”
เจ๊หนึ่งทำหน้าเจ้าเล่ห์ เหมือนถือไพ่เหนือกว่า
ในห้องประชุมสถานีโทรทัศน์ไทยเท็นเวลานี้ บรรยากาศมาคุกรุ่นๆ คุณดิษฐ์ทรุดตัวลงนั่งหน้าเครียด ชญานนท์นั่งตาม โดยมีสลิลทิพย์ เจ๊หนึ่ง ทิปปี้ และนางงามตัวเก็งเข้ามารวมตัวอยู่ด้วย
“ใครเป็นตัวแทนที่จะคุยกับผมครับ” คุณดิษฐ์เอ่ยขึ้น
เจ๊หนึ่ง ทิปปี้ วรัญญา ภารดีหันมามองหน้ากันเลิกลัก ก่อนจะหันไปทางสลิลทิพย์
“ดิชั้นให้เกียรติคุณสลิลทิพย์เป็นตัวแทนแล้วกันฮ่ะ ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่และไฮโซกว่า”
สลิลทิพย์มองเจ๊หนึ่ง แล้วหันมามองอรสินีก่อนจะเชิดหน้าวางมาด ลุกขึ้นยืน
“เอาเป็นว่าดิชั้นเป็นตัวแทนให้แล้วกัน แต่ไม่ใช่ตัวตั้งตัวตีนะคะ...คุณดิษฐ์”
ประโยคสุดท้าย สลิลทิพย์จงใจสื่อกับคุณดิษฐ์
“ผมทราบครับ”
ภารดีโพล่งขึ้นมา “พวกเราไม่เชื่อว่าตรีอัปสรจะกลับมาทันคัดเลือกตัวค่ะ”
ทิปปี้ทำเสียงดุ “หนูดี”
คุณดิษฐ์พูดกับภารดีเสียงขุ่น “จะให้ผมคุยกับคุณหรือคุยกับคุณสลิลทิพย์ครับ”
ภารดีหน้าจ๋อยเล็กน้อย “ขอโทษค่ะ”
ชญานนท์ขยับลุกขึ้น “ผมว่าผู้เข้าประกวด ออกไปรอด้านนอกดีกว่าไม๊ครับ”
ทิปปี้บอก “แต่ขอพี่เลี้ยงอยู่ฟังด้วยนะคะ”
“ใช่ค่ะ ขอเราอยู่ด้วยนะฮะ” เจ๊หนึ่งไม่ยอม
ชญานนท์หันไปทางบิดา คุณดิษฐ์พยักหน้า ชญานนท์หันไปสบตาอรสินีก่อนจะมองไปที่สาวงามคนอื่น
“ถ้างั้น เชิญออกไปด้านนอกก่อนนะครับ”
วรัญญา ภารดี อรสินี และคนอื่นๆ ทยอยเดินออกไป
รัตน์เดินมาตามทางในสถานีกับมุกตาภา ทั้งคู่มองไปที่กลุ่มนางงามที่ทยอยเดินออกมาออกันอยู่
“มีอะไรรึเปล่าคะ คุณมุก ทำไมสาวๆถึงมายืนออกันเต็มไปหมด”
มุกตาภาแปลกใจ “นั่นซิคะ มารวมตัวทำอะไรกันเนี่ย หรือจะมาประท้วง”
รัตน์มองไปอีกด้าน เห็นตรีอัปสรกับดารินทร์ กำลังเดินมากับกลุ่มนักข่าวที่มาสัมภาษณ์อยู่อีกด้าน
“ดิชั้นไปกันนักข่าวไว้ก่อนดีกว่าค่ะ ท่าทางจะไม่ค่อยดี”
“มุกไปด้วยค่ะ”
รัตน์พยักหน้าและเดินไปทางกลุ่มนักข่าว ตรีอัปสร และดารินทร์ มุกตาภาเดินตามไปติดๆ
สลิลทิพย์พูดขึ้น “พวกสาวงามกับพี่เลี้ยง เค้าไม่เชื่อว่า ตรีอัปสรกลับมาทันรอบคัดเลือก 20 คน...แล้วข่าวที่ออกมาว่าโดนมอมยาก็ไม่เป็นความจริง”
“ถ้าคิดว่าไม่จริง ก็ต้องหาหลักฐานมานะครับ การพูดลอยๆ มันจะเกิดความเสียหายกับตัวผู้เข้าประกวด กรรมการตัดสินและก็สถานีโทรทัศน์” คุณดิษฐ์บอกเสียงเรียบ
“ทางเราอยากให้คุณดิษฐ์เอาหลักฐานมาให้ดูมากกว่าค่ะ ว่าตรีอัปสรมาคัดเลือกตัวจริง”
คุณดิษฐ์ตอบ “ได้ครับ ไม่มีปัญหา”
เจ๊หนึ่งขัดขึ้น “ถึงมีหลักฐานมาให้ดู แต่เราก็มีอีกเรื่องค่ะ ที่คลางแคลงใจ”
ชญานนท์ถาม “เรื่องอะไรครับ”
“เรื่องคุณดารินทร์ แม่ของตรีอัปสรกับท่านอัศวิน กรรมการตัดสินค่ะ”
สลิลทิพย์เสริมทันที “พูดตรงๆ แบบไม่อ้อมค้อมเลยนะคะ...พวกเราทุกคนพอจะทราบมาว่าดารินทร์มีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างลึกซึ้งกับท่านอัศวินซึ่งมันอาจจะทำให้การตัดสินครั้งนี้ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม”
เสียงดารินทร์ดังสวนขึ้นมา “พูดแบบนี้ ก็เหมือนดูถูกท่านนะคะ”
ทุกคนในห้องหันไปมอง เห็นดารินทร์เดินเข้ามา สลิลทิพย์ชักสีหน้ากับเจ้าหน้าที่ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ดารินทร์เป็นเชิงตำหนิว่าเปิดประตูให้มันเข้ามาทำไม
“เธอเข้ามาได้ยังไงเนี่ย ใครอนุญาต”
“ก็ชั้นกับลูกชั้นกำลังเป็นจำเลยของพวกคุณอยู่ไม่ใช่เหรอ ชั้นก็ควรอยู่รับรู้ในฐานะเป็นแม่ และก็ในฐานะผู้ถูกปรักปรำด้วย” ดารินทร์หันไปมองคุณดิษฐ์ “ใช่ไม๊คะ คุณดิษฐ์”
คุณดิษฐ์ยังคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี พยักหน้า “ครับ”
เจ๊หนึ่งกับทิปปี้ พอเจอดารินทร์จังๆ ก็จ๋อยลง ประมาณว่าไม่อยากเป็นศัตรูกันซึ่งๆ หน้า เจ๊หนึ่งหันไปทางสลิลทิพย์
“คุณสลิล พูดต่อเลยฮ่ะ”
สลิลทิพย์หันไปมองดารินทร์อย่างดูถูก “ชั้นไม่ได้ดูถูกท่านอัศวินแต่เรื่องแบบนี้ ถ้ามองข้ามไป ก็โลกสวยไปนิดนะ”
เจ๊หนึ่งกับทิปปี้หันมามองหน้ากัน แล้วยกมือทั้ง 2 ข้างตีกันอย่างพอใจ ก่อนจะหันมามองสลิลทิพย์
“แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องจริง พวกเธอทุกคนอาจจะโดนฟ้องในข้อหาหมิ่นประมาทได้” ดารินทร์ว่า
สลิลทิพย์สวนคำ “แล้วถ้าเป็นเรื่องจริงล่ะ”
ดารินทร์มองอย่างรู้ทันกัน “ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยตอบคำถามชั้นหน่อย ถ้าคนใหญ่คนโตในสถานีโทรทัศน์ไทยเท็น เป็นคนรักของผู้เข้าประกวดล่ะ เราก็ไม่ควรมองข้ามเหมือนกันใช่ไม๊คะ คุณชญานนท์”
ท้ายเสียงดารินทร์หันไปทางชญานนท์มองนัยน์ตาเข้ม สีหน้าชญานนท์เปลี่ยนไปนิด ความรู้สึกของเขาเหมือนโดนดูถูกมากกว่า
ดารินทร์หันกลับไปมองสลิลทิพย์พูดเน้นคำ “ใช่ไม๊ สลิลทิพย์”
สลิลทิพย์หน้าเสียไปถนัดตา เจ๊หนึ่งหันมามองหน้ากับทิปปี้
ทิปปี้กระซิบเบาๆ “นี่เราตกข่าวอะไรอีกรึเปล่าเนี่ย”
เจ๊หนึ่งงงๆ เหมือนกันกระซิบกลับ “นั่นซิ”
คุณดิษฐ์เห็นท่าไม่ดีรีบตัดบทสีหน้าเคร่ง
“ผมขอยืนยันว่า การประกวดนางสาว ณ สยาม ครั้งนี้ บริสุทธิ์ยุติธรรมแน่นอน”
“ดิชั้นจะแน่ใจได้ยังไงล่ะคะ ขนาดว่าลูกสาวดิชั้นโดนสกัดจนแทบจะกลับมาคัดเลือกตัวไม่ทัน” ดารินทร์ย้อนแย้ง แล้วหันมาชี้ทางเจ๊หนึ่ง ทิปปี้และสลิลทิพย์ “แล้วยังมาเจอคนพวกนี้ ชักแถวมาประท้วงหาว่าลูกชั้นเข้ามาได้เพราะเล่นเส้น ยังไงดิชั้นก็สู้ยิบตาค่ะ ถ้าแฉมาก็ต้องแฉกลับค่ะ”
ดารินทร์มองทุกคนอย่างท้าทายไม่หวั่นเกรง เหมือนพร้อมจะมีเรื่องสุดๆ คุณดิษฐ์หันไปสบตากับลูกชายเหมือนต้องให้เขาจัดการเรื่องนี้ให้เคลียร์
ไม่นานต่อมา ประตูห้องประชุมเปิดออก เห็นเจ๊หนึ่งกับทิปปี้เดินออกมา วรัญญากับภารดีพุ่งเข้าไปหาทันที
“เป็นยังไงบ้างเจ๊”
ภารดีถาม “ตกลงมันถูกตัดสิทธิ์ใช่ไม๊....พี่ทิปปี้”
ทิปปี้มองภารดีแล้วหันไปมองตรีอัปสร
อรสินีจับมือตรีอัปสรเหมือนจะให้กำลังใจ ตรีอัปสรค่อยๆ คลายมือออกอย่างสุภาพ
“ตรีไม่เป็นไรค่ะ...คุณอร”
ภารดีเดินมาทางตรีอัปสรพูดจาเชือดเฉือน
“ตรีอัปสร...เธอโดนตัดสิทธิ์แน่ ชั้นว่าเธอกลับไปเถอะ”
ตรีอัปสรตอกกลับนิ่มๆ
“ชั้นว่าเธอกลับไปอยู่ข้างๆ พี่เลี้ยงเธอดีกว่า ชั้นจะถูกตัดสิทธิ์หรือไม่ถูกก็ไม่เกี่ยวกับเธอ”
ภารดีของขึ้นทันที รัตน์รีบเข้ามาแทรกกลาง สีหน้าเคร่ง
“ถ้ามีเรื่องกัน เธออาจจะโดนตัดสิทธิ์ด้วยนะ...ภารดี”
ภารดีชะงักเดินกลับไปหาทิปปี้อย่างไม่พอใจ มุกตาภามองภารดีแอบพอใจเล็กๆ ก่อนจะปรับสีหน้านิ่งเรียบ
มุกตาภาบอก “ถ้ามีข่าวเสียหายออกไป เราทุกคนก็ได้รับผลกระทบกันหมด”
ทุกคนมีสีหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของมุกตาภา แต่วรัญญาก็หันไปทางเจ๊หนึ่ง
“แล้วตกลงสรุปว่ายังไงอ่ะเจ๊”
เจ๊หนึ่งมองวรัญญาแต่ไม่ตอบ
เจ๊หนึ่งเล่าว่า ทุกคนนั่งอยู่ในห้องประชุมช่อง สีหน้าเคร่งเครียด คุณดิษฐ์เอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
“ผมเชื่อว่า ทั้งท่านอัศวิน ทั้งชญานนท์ ต่างก็มีเกียรติพอที่จะแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกัน”
สลิลทิพย์พูดต่อทันที “และที่สำคัญ นนท์ไม่ได้เป็นคณะกรรมการ ต่อให้สนิทกับลูกอรยังไง ก็ทำอะไรไม่ได้”
ดารินทร์มองสลิลทิพย์อย่างสังเวชใจ “ที่พูดมาเนี่ย...แกล้งโง่...หรือว่าโง่จริงๆ ห๊ะ” ดารินทร์พูดต่อโดยไม่สนใจท่าทางไม่พอใจของสลิลทิพย์ “ลูกชายเจ้าของสถานีโทรทัศน์ ใหญ่โตกว่าคณะกรรมการตัดสินไม่รู้
เท่าไหร่ จะสั่งเป็นสั่งตายยังไงก็ได้ ถ้าคิดจะสั่ง”
ชญานนท์บอกท่าทีจริงจัง “ผมไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนครับ”
“ผมมีทางออกให้นะครับ ถ้าพวกคุณยังคิดแบบนี้”
สลิลทิพย์กับดารินทร์หันขวับมามองคุณดิษฐ์รอฟัง
คุณดิษฐ์พูดอย่างจริงจังชัดเจน “คุณให้ลูกสาวคุณถอนตัวจากการประกวดทั้งคู่”
สลิลทิพย์กะดารินทร์ตกใจร้องขึ้นพร้อมกัน “คุณดิษฐ์”
ประตูห้องประชุมเปิดออก ชญานนท์กับคุณดิษฐ์เดินนำออกมา มุกตาภากับรัตน์เดินเข้าไปหา คุณดิษฐ์พยักหน้าให้แล้วเดินนำไป สลิลทิพย์กับดารินทร์เดินตามออกมา ดารินทร์ตรงมาหาตรีอัปสร ส่วนเจ๊หนึ่ง ทิปปี้ วรัญญา ภารดีและนางงามคนอื่นๆ หันมาสนใจสลิลทิพย์
เจ๊หนึ่งถามขึ้นทันที “ตกลงว่ายังไงฮะ คุณสลิล”
ทิปปี้ยิ้มสมใจ “โดนตัดสิทธิ์ใช่ไม๊ฮะ”
ทิปปี้พูดจบก็หันไปทางตรีอัปสรกับดารินทร์ก่อนบอก
“เสียใจด้วยนะฮะ คุณแม่ คุณลูก ของแบบนี้ หน้าตาดีอย่างเดียวไม่พอนะคะ”
เจ๊หนึ่งเสริม “แข่งรถ แข่งเรือ ยังแข่งได้แต่แข่งวาสนานี่มันแข่งกันไม่ไหวจริงๆ เนอะ”
“ถ้าตรีอัปสรถูกตัดสิทธิ์ อรก็ขอถอนตัวค่ะ”
ขาดคำของอรสินี ดาราวรรณกับกัลยาณีหันมามองหน้ากันเหมือนดีใจที่คู่ต่อสู้หายไป
ตรีอัปสรทำเป็นตกใจแต่เนียนมาก “คุณอร”
“อรไม่เห็นด้วยกับการประท้วงตั้งแต่แรก ถ้าการประท้วงทำให้ตรีถูกตัดสิทธิ์ อรยืนยันว่าอรขอถอนตัวค่ะ”
วรัญญามองสลิลทิพย์ มองอรสินีแล้วตัดสินใจ เพราะคิดว่าอรสินีสร้างภาพ
“ถ้าอรถอนตัว รัญก็ถอนตัวด้วย”
ดาราวรรณกับกัลยาณีตาโตมากยิ่งขึ้นอย่างดีใจ ภารดีมองวรัญญาอย่างหมั่นไส้
ภารดีกระซิบแขวะวรัญญา “ผีนางเอกเข้าสิงรึไงยะ ดี...ถอนตัวไปให้หมดเลย...ใครไม่มีใจให้การประกวดครั้งนี้ ก็ออกไปให้หมดเลย”
ชญานนท์เอ่ยขึ้น “ผมขอสรุปเรื่องทั้งหมดดีกว่านะครับ”
ทุกคนหันมามองชญานนท์เป็นตาเดียว
“หลังจากที่พูดคุยกันแล้ว เรายังไม่มีการตัดสิทธิ์ผู้เข้าประกวดนะครับ”
เจ๊หนึ่ง ทิปปี้ ภารดี ถึงกับหน้าเหวอ ดาราวรรณกับกัลยาณีหันมามองหน้ากันเซ็งๆ
“ทำไมล่ะคะ” ภารดีหันมาทางทิปปี้กับเจ๊หนึ่ง “เรามีทั้งหลักฐาน ทั้งคนอ้างอิง”
ชญานนท์ขัดขึ้น “คุณเข้าใจผิดแล้วครับ คุณภารดี ทุกคนที่เข้าไปประท้วง รวมทั้งคุณ 2 คนด้วย” ชายหนุ่มมองไปทางเจ๊หนึ่งกับทิปปี้ “ไม่มีใครมีหลักฐานอะไรทั้งนั้นนอกจากคำพูดลอยๆ”
ภารดีทักท้วง “แต่ว่า...”
ทิปปี้เข้ามาดึงภารดี “พอเถอะ หนูดี...พี่ทิปปี้ว่า เราไปรอฟังผลผู้เข้ารอบ 20 คนดีกว่านะฮะ”
“ใช่ ไปกันเถอะพวกเรา”
เจ๊หนึ่งคว้าแขนวรัญญาเดินไป ดาราวรรณหันมามองกัลยาณี
กัลยาณีบ่นเบาๆ “พลิกไปพลิกมา ชั้นตามไม่ทันเลย”
“ก็รีบเดินซิ จะได้ตามทัน...ไป”
ดาราวรรณลากแขนกัลยาณีไป
ชญานนท์เอ่ยขึ้น “เชิญผู้เข้าประกวดทุกคนไปที่ห้องประชุมใหญ่ได้แล้วครับ อีกประมาณ 1 ชั่วโมง จะประกาศผลผู้เข้ารอบ 20 คน แล้วครับ”
บรรดาเหล่าสาวงามที่ยังยืนอยู่ พยักหน้าชวนกันเดินไป
ชญานนท์หันไปพยักหน้ากับรัตน์และมุกตาภา ก่อนจะเดินแยกไปอีกทาง
อรสินีและสลิลทิพย์นิ่งงันกันไป
ในห้องออดิชั่นเวลานี้ เหล่าสาวงามยืนเรียงกัน อรสินีกับตรีอัปสรจะยืนอยู่ตรงกลาง ถัดมาก็เป็น วรัญญา ภารดี ดาราวรรณ กัลยาณีและคนอื่นๆ ที่เข้ารอบ ครบทั้ง 20 คน ศรศรี ผู้สื่อข่าวยืนอยู่มุมหนึ่ง
“คุณผู้ชมคะ ในที่สุดสาวงามที่เข้ารอบ 20 คน ก็ปรากฏโฉมให้เห็นแล้วนะคะ ซึ่งก็ค่อนข้างจะเป็นไปตามความคาดหมาย และสาวงามก็มีหมายเลขประจำตัวแล้วนะคะ หลังจากการจับฉลากเมื่อซักครู่ ซึ่งนับจากนี้ไปคุณผู้ชมส่งคะแนนเชียร์และให้กำลังใจสาวงามในดวงใจได้ และหลังจากนี้อีก 2 สัปดาห์ สาวงามทั้ง 20 คนจะเดินทางไปจังหวัดเชียงรายเพื่อเก็บตัวและทำกิจกรรมเป็นเวลา 1 สัปดาห์ค่ะ และที่สุด หนึ่งในสาวงามที่ยืนเรียงรายอยู่ด้านหลังของดิชั้นนี้ก็จะเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดที่ได้ครองมงกุฎนางสาว ณ สยาม ค่ะ”
ระหว่างที่ศรศรีรายงาน มีภาพข่าวสาวงามจับเบอร์ประจำตัวประกอบข่าวด้วย โดย อรสินีได้เลข 9 ตรีอัปสรได้เลข 8 วรัญญา เบอร์ 1 ภารดี เบอร์ 11 ดาราวรรณ เบอร์ 18 และ กัลยาณี ได้เบอร์ 5
“ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของการประกวด นางสาว ณ สยาม ได้ทางช่องไทยเท็นนะคะ ศรศรี มณีศิลป์ ข่าวไทยเท็น รายงาน”
คุณดิษฐ์กับชญานนท์นั่งดูทีวีอยู่ด้วยกันในห้องกรรมการผู้จัดการ สีหน้าคุณดิษฐ์ดูผ่อนคลายไปเยอะ
“ในที่สุดก็เรียบร้อย”
“ตอนนี้กระแสการประกวดแรงมากเลยครับ พ่อ”
“พ่ออยากให้ปล่อยข่าวเรื่องผู้เข้าประกวดประท้วงไม่พอใจตรีอัปสรแต่ปล่อยลงเว็บอย่างเดียวนะ ให้มันมีกระแสไปเรื่อยๆ”
“ครับพ่อ”
“ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องของตรีอัปสรจะกลายเป็นประโยชน์มหาศาลสำหรับเรา”
“ครับ”
“พ่ออยากให้นนท์ลงไปคุมเรื่องนี้เอง โดยเฉพาะช่วงเก็บตัวที่เชียงราย หาทีมงานมืออาชีพมาเสริมทีมงานของเรา จัดกิจกรรมให้น่าสนใจที่สุดสรุปให้พ่อด่วนเลย พ่ออยากนำเสนอลูกค้าฟัง”
“ครับ”
คุณดิษฐ์ยิ้มอย่างพอใจ
บรรดาสาวงามทยอยเดินออกมาจากห้องประกาศผล บางคนก็เดินคุยกันมา ตรีอัปสรเดินคู่มากับอรสินี ดูสวยงามไม่แพ้กัน แต่คนละสไตล์ วรัญญาเดินมากับเจ๊หนึ่ง ภารดีเดินมากับทิปปี้
ชญานนท์เดินมาหยุดยืนมองดู มาดเด่น หล่อ เป็นสง่า บรรดาสาวงามสะกิดกันดู ส่งสายตาให้ชญานนท์เป็นแถบๆ ชญานนท์ยิ้มตอบนิดๆ ตามมารยาท จนตรีอัปสรกับอรสินีเดินคู่กันมา ชญานนท์ส่งสายตาให้อรสินีแล้วมองเลยมาที่ตรีอัปสรด้วย
ทั้ง 3 ส่งสายตาให้กันอย่างมีความหมาย แต่ไม่ได้พูดคุยทักทายกัน
สลิลทิพย์ยืนหน้าตึงอยู่หน้าทางออก สักครู่หนึ่ง เห็นตรีอัปสรเดินมากับอรสินี ตรีอัปสรเห็นสลิลทิพย์ก็ยิ้มสะใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มหวานเดินเข้าไปหา แล้วยกมือไหว้อย่างอ่อนช้อย สลิลทิพย์ยกมือรับไหว้ครึ่งอก ใบหน้านิ่งเฉย
ตรีอัปสรพูดกับสลิลทิพย์ “สวัสดีค่ะ คุณป้า เมื่อซักครู่ มัวแต่ยุ่งๆเลยไม่ได้สวัสดีคุณป้า”
สลิลทิพย์ชะงักคอแข็งทันที ที่ตรีอัปสรเรียกป้า ตรีอัปสรยิ้มหวาน เหน็บต่ออีกดอก
“ได้ยินชื่อคุณป้ามานานแล้ว วันนี้เพิ่งได้เห็นตัวจริง...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
สลิลทิพย์เลิกคิ้ว “ได้ยินชื่อชั้น คงเป็นแม่เธอล่ะซิ ที่พูดถึงชั้น”
“ค่ะ แม่เล่าให้ฟังละเอียดเลยค่ะ”
สลิลทิพย์ของขึ้นทันที “งั้นเธอก็รู้แล้วล่ะซิ ว่าแม่เธอทำอะไรไว้บ้าง”
“ทราบค่ะ แล้วก็ทราบด้วยว่า คุณป้าทำอะไรเอาไว้บ้าง”
สลิลทิพย์หน้าตึงไม่พอใจอย่างแรง หันไปทางอรสินี
“ยัยอร กลับกันเถอะ”
“แม่มาพอดีเลยค่ะ จะไม่ทักทายกันอีกซักรอบเหรอคะ”
สลิลทิพย์คว้าแขนอรสินี “ไป๊ ยัยอร”
สลิลทิพย์ดึงแขนอรสินีไป โดยอรสินีไม่ทันพูดกับตรีอัปสรได้แต่โบกมือให้ สลิลทิพย์กับอรสินีเดินสวนกับดารินทร์ที่เดินมา
สลิลทิพย์สะบัดเมินหน้าไปทางอื่น ดารินทร์มองตามแล้วหันมาทางตรีอัปสร ซึ่งยืนอมยิ้มอย่างสะใจ
วรัญญาเข้ามานั่งในรถ ในขณะที่เจ๊หนึ่งเข้ามานั่งที่คนขับอย่างแรง ดูออกมากะเทยพิโรธ
“จะกระแทกให้รถทรุดไปเลยไม๊...เจ๊”
“อย่ามาทำปากดี ยัยรัญ นึกบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้ดัดจริตไปถอนตัวตามยัยอรสินี”
“ก็รัญว่าทำแล้วมันดูดีอ่ะ รัญรู้หรอกน่า ว่ายังไง กองประกวดเค้าก็ไม่ยอมให้ออกหรอก เรื่องอะไรรัญจะปล่อยให้ยัยอรสินีเด่นอยู่คนเดียว”
“โห....คิดได้นะเนี่ย” เจ๊หนึ่งถอนหายใจเซ็งๆ “เฮ้อ...ชั้นอุตส่าห์ขุดเรื่องฉาวโฉ่เอาไปแฉ ที่ไหนได้ กลายเป็นว่าจบสั้นๆ ง่ายๆ ซะงั้น”
“เอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง ยังไงก็ไม่สำเร็จหรอกเจ๊”
เจ๊หนึ่งทำท่าคิด “ยัยดารินทร์มันต้องรู้เรื่องอะไรของยัยสลิลทิพย์แน่ๆ”
“เรื่องอะไรเหรอเจ๊”
“เจ๊ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่นังไฮโซสองคนนั่น มันต้องมีลับลมคมในอะไรกันแน่ๆ”
เจ๊หนึ่งมาดมั่นจะต้องรู้ให้ได้
สลิลทิพย์กลับถึงบ้าน เดินเข้ามานั่งในห้องโถงอย่างหงุดหงิดสุดขีด อรสินีเดินตามมา
“หน้าด้านทั้งแม่ทั้งลูก”
อรสินีขยับจะเดินแยกไป สลิลทิพย์หันมามอง
“จะไปไหน ยัยตัวดี นี่แม่ยังไม่ได้ชำระความเรื่องที่เราจะถอนตัวถ้านังตรีอัปสรมันโดนตัดสิทธิ์เลยนะ”
“อรจะไปดูว่าน้อยทำอาหารอะไรไว้มั่งค่ะ”
“จะหลบหน้าชั้นน่ะซิ รู้ก็รู้อยู่ว่าชั้นเกลียดมัน ยังไปเข้าข้างมัน ยิ้มหัวกับมันอีก”
“แม่คะ...อรว่าตรีอัปสรไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่แม่เค้าทำหรอกนะคะ อีกอย่าง...เราสองคนก็เข้ารอบ 20 คนมาด้วยกัน แม่จะไม่ให้อรคุยกับตรีเลย มันคงเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ถึงอรกับตรีจะไม่ได้สนิทกันมากแต่เราก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กนะคะ”
สลิลทิพย์หมั่นไส้ “ชั้นพูดนิดเดียว ขยายความซะยาว นี่ขนาดไม่สนิทกันยังแตะไม่ได้”
เสียงอาชัญดังขัดขึ้น “คุยอะไรกันอยู่...แม่ลูก”
สลิลทิพย์กับอรสินีหันไปมอง เห็นอาชัญเดินเข้ามาอารมณ์ดี
สลิลทิพย์ขมวดคิ้ว “กลับมาตอนไหน ทำไมชั้นไม่ได้ยินเสียงรถคุณ”
“ก็มัวแต่คุยกับลูกน่ะซิ ถึงไม่ได้ยิน” อาชัญพูดเล่นๆ ไม่ซีเรียส แล้วหันมาทางอรสินี “เข้ารอบ 20 คนแล้วนะ ลูกสาวพ่อ” พลางดึงอรสินีเข้ามากอดหอม “ดีใจด้วยนะ ลูกสาวคนสวย”
อรสินียิ้มชื่น “ขอบคุณค่ะ พ่อ”
สลิลทิพย์มองอย่างหมั่นไส้ “รอให้เป็นนางสาว ณ สยามก่อนดีกว่าน่ะ ค่อยมาแสดงความยินดี”
อาชัญมองสลิลทิพย์อย่างแปลกใจในความหงุดหงิดของผู้เป็นภรรยา
“หงุดหงิดอะไรอีก ลูกผ่านด่านแรกไปได้แล้ว ก็ควรจะดีใจให้กำลังใจลูก ไม่ดีกว่าเหรอ”
“มันน่าหงุดหงิดไปหมดละ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนังดารินทร์กับนังตรีอัปสรลูกมัน”
อาชัญได้ยินชื่อดารินทร์ก็ถอนหายใจ สลิลทิพย์ยิ่งหงุดหงิดขึ้นมาอีก ทำเสียงประชด
“ตอนนั้นคงไม่รู้ตัวล่ะซิ ว่าโดนมันย้อมแมวขาย มีลูก มีผัว แล้วแต่มาทำแบ๊ว ไร้เดียงสา ว่าเป็นสาวบริสุทธิ์ เป็นไงล่ะพอมันโผล่มาอีกที ลูกมันก็โตพอๆ กับลูกสาวเรา”
อาชัญหันไปพูดกับอรสินี “พ่อเพิ่งซื้อกล้วยไม้มาใหม่ ไปดูกับพ่อไม๊ลูก”
“ค่ะ”
อาชัญเดินไปกับอรสินี สลิลทิพย์มองตามไปอย่างโกรธๆ
“พอพูดเรื่องจริงละ ทนฟังไม่ได้ พอกันทั้งพ่อทั้งลูก” สลลิลทิพย์พูดเสียงดังตามไป “ดูเสร็จแล้วก็รีบมาอาบน้ำแต่งตัวน่ะคุณอาชัญ คืนนี้ต้องไปงานเลี้ยง”
ไม่มีเสียงตอบรับ สลิลทิพย์ยิ่งหงุดหงิด หันซ้ายหันขวาแล้วตะโกนเรียก
“น้อย...น้อย...หายไปไหนกันหมดเนี่ย”
สลิลทิพย์หงุดหงิดไปหมด หันรีหันขวางอยู่คนเดียว
ในสวนสวย ต้นกล้วยไม้ออกดอกสวยงาม อาชัญมีสีหน้าสลด อรสินีซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เห็นหน้าพ่อ ก็ขยับเข้ามาจับมือปลอบอย่างอ่อนโยน
“พ่อคะ”
อาชัญหันมามอง “พ่อขอโทษนะลูก พ่อเสียใจที่ทำให้ลูกกับแม่ผิดหวัง”
“อรเข้าใจค่ะ ใครๆก็ทำเรื่องผิดพลาดกันได้ทั้งนั้นล่ะค่ะ ไม่ใช่เฉพาะพ่ออีกอย่างเรื่องมันก็ผ่านไปตั้งนานแล้ว คุณพ่อก็รู้สึกผิด แล้วก็ไม่คิดจะทำอีก อรว่าแค่นี้ก็มากพอแล้วล่ะค่ะ”
อาชัญมองอรสินีแล้วยิ้มนิดๆ แววตามองอรสินีอย่างเห็นใจ
“ลูกก็เลยกลายเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นของแม่ เพราะพ่อแท้ๆ”
อรสินีพยายามพูดให้เป็นเรื่องขำ “อย่าคิดมากซิคะพ่อ บางทีแม่อาจจะมีสัญชาติญาณในเรื่องการแข่งขันสูงก็เลยดึงอรเข้ามาด้วย”
“ดารินทร์ก็คงมีสัญชาตญาณเอาชนะสูงซินะ ถึงได้ดึงลูกตัวเองเข้ามาเหมือนกัน”
อรสินีมีสีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
เย็นนั้น บริการเอาอาหารมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ซึ่งดารินทร์ นั่งอยู่กับตรีอัปสรและพีรวัชร์ พอบริกรเดินออกไป ดารินทร์หันมาทางคุณพี
“ขอซ้อมเลี้ยงฉลองเล็กๆ ไปก่อนนะคะ คุณพี”
“ด้วยความยินดีฮ่ะ...” พีรวัชร์หันมาทางตรีอัปสร “ขอแสดงความยินดีกับน้องตรีอีกครั้งอย่างเป็นทางการนะฮะ” คุณพีหยิบแก้วน้ำขึ้นมาเหมือนจะขอชนแก้ว ตรีอัปสรยกแก้วขึ้นมาชนด้วย ดารินทร์ก็ยกแก้วน้ำขึ้นชนเหมือนกัน
“ดีใจด้วยนะฮะ ที่รอดปากเหยี่ยวปากกาออกมาได้”
“ขอบคุณค่ะ”
ทั้ง 3 ยกแก้วน้ำขึ้นดื่มพร้อมกัน เกย์บอกอวางแก้วลงแล้วทำหน้าอยากรู้อยากเห็นกับตรีอัปสร
“อืม...น้องตรี พี่ถามนิ้ดเถอะฮ่ะ ใครกันฮะ ที่มันคิดจะสกัดจุดดาวรุ่งน้องตรี”
ตรีอัปสรมองพีรวัชร์แล้วหันไปมองดารินทร์ คุณพีเห็นท่าทางของสองคนก็พูดต่อทันที
“หันมาสบตากันแบบนี้ ต้องมีอะไรแน่ๆ เลย น้องตรีไปเผลอเหยียบเท้าใครมาฮะ มันถึงได้เล่นกลับขนาดนี้”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับยัยตรีหรอกค่ะ มันเป็นเรื่องเก่า แค้นฝังหุ่นมานานแล้ว แต่มันมาเอาคืนกับยัยตรี” ดารินทร์บอก
พีรวัชร์ตบอกผาง “อุ๊ยตาย...อุ๊ยตาย เรื่องมันเป็นยังไงฮะ เล่าให้พีฟังได้ไม๊ฮะ พีสัญญานะฮะ ว่าจะปิดสนิท ไม่แพร่งพรายเปิดปากให้ใครฟังแน่นอนฮ่ะ”
ดารินทร์มองหน้าพีรวัชร์ อย่างครุ่นคิด
ในเวลาต่อมา รถของดารินทร์แล่นเข้ามาจอดในบ้าน ดารินทร์ลงจากรถกับตรีอัปสร เสียงโทรศัพท์มือถือของตรีอัปสรดังขึ้น หล่อนมองโทรศัพท์ในมือ
ดารินทร์ถาม “ใครโทร.มาอีกล่ะ”
“เพื่อนค่ะ”
ดารินทร์ขัดใจ “ตอบกว้างจริงๆ ไม่คิดจะเฉพาะเจาะจง ลงไปหน่อยเหรอว่าใคร”
“แม่จะรู้ไปทำไม บอกไปแม่ก็นึกไม่ออกหรอก”
ตรีอัปสรขยับจะกดรับสาย แต่ดารินทร์รีบพูดดักคอไว้ก่อน
“เดี๋ยวก่อน คืนนี้แม่ต้องไปงานเลี้ยงนะ...รถไม่ว่างให้แกยืม”
“ค่ะ...วันนี้ตรีไม่เอารถแม่ไปหรอก”
ตรีอัปสรเดินแยกไปรับโทรศัพท์ ดารินทร์มองตามไปอย่างสนใจใคร่รู้ว่าใครโทร.มา
ชญานนท์กดโทรศัพท์มือถือเหมือนเพิ่งคุยเสร็จ สีหน้าเขายิ้มนิดๆ เหมือนเพิ่งคุยกับคนที่ถูกใจมา
มุกตาภาเรียกขึ้น “พี่นนท์คะ”
ชญานนท์หันมามองเห็นมุกตาภาเดินตามมา
“พี่นนท์...กลับบ้านรึเปล่าคะ”
“เปล่า...มีนัด”
มุกตาภาอมยิ้ม “ไม่ต้องบอกก็รู้เลยค่ะ ว่านัดกับใคร”
“แล้วมุกล่ะ...ไปไหนกับนะหรือเปล่า”
มุกตาภาทำหน้าเซ็งๆ บ่นตามประสา “ไม่อ่ะค่ะ พักนี้ คุณนะไม่โทร.หามุกเลย มุกไปหาที่ออฟฟิศก็งานยุ่งตลอด มุกขี้เกียจตามแล้วค่ะ เหมือนเป็นคู่หมั้นกันแต่ในนาม”
มุกตาภายกมือซ้ายขึ้น เห็นแหวนเพชรที่นิ้วนางข้างซ้าย พลิกมือไปมา
“มีแต่แหวนหมั้นอยู่กับตัว แต่คู่หมั้นไปอยู่ไหนก็ไม่รู้”
ชญานนท์ดึงมุกตาภาเข้ามากอดคอ เหมือนจะปลอบโยน
“บางทีจินตนาการของเราเอง มันก็ทำให้เราทุกข์ได้นะ มุก คิดไปต่างๆ นานา จริงหรือไม่จริง ก็ไม่รู้ เพราะไม่เห็น”
“พี่นนท์ก็ช่วยมุกซิคะ สืบให้มุกทีว่า มันเกิดอะไรขึ้น มีใครแทรกเข้ามารึเปล่า”
“โอเค พี่จะช่วยๆ ดูให้ แต่พี่ว่าตอนนี้มุกลองโทร.หานายนะ แล้วชวนไปทานข้าวดีไม๊ เป็นคู่หมั้นกันแล้ว ไม่ต้องมีฟอร์ม ใครชวนใครก่อนก็เหมือนกัน”
มุกตาภาทำท่าครุ่นคิดแล้วค่อยๆ ยิ้มออกมาเหมือนเห็นด้วย
ยามค่ำ ในมุมแสงสวยๆ นั้น อรสินีกำลังนั่งจัดผลไม้ดินปั้นจิ๋วลงในกระจาดจิ๋วอยู่อย่างมีสมาธิ สีหน้ามีความสุข
ชญานนท์เดินเข้ามาพร้อมกับน้อย น้อยขยับจะเรียกอรสินี แต่ชญานนท์ทำท่าบอกให้เงียบแล้วโบกมือให้น้อยไปทำงานต่อ น้อยอมยิ้มพยักหน้าแล้วเดินออกไป
ชญานนท์หันมามองต่อ อรสินีค่อยๆ วางผลไม้ลูกเล็กๆ ลงในกระจาดเป็นชิ้นสุดท้าย มองกระจาดผลงานอย่างพอใจ
ชญานนท์ตบมือให้ อรสินีเงยหน้าขึ้นมองแล้วยิ้มอย่างดีใจ
“พี่นนท์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย”
ชญานนท์หัวเราะเบาๆ “มาตั้งแต่น้องอรเริ่มวางผลไม้ชิ้นที่ 2 อ่ะค่ะ”
อรสีนีมองชญานนท์อย่างรู้ทันว่าชญานนท์พูดเล่น “เชื่อได้ไม๊คะเนี่ย”
ชญานนท์เดินเข้ามาหาอรสินีใกล้ๆ ชญานนท์มองซ้ายมองขวา เหมือนดูว่ามีใครรึเปล่า แล้วดึงอรสีนีเข้ามากอด
“ขอกอดให้หายคิดถึงหน่อยนะ”
“อุ๊ย พี่นนท์ ปล่อยค่ะ”
อรสินีเงยหน้าขึ้นมอง ชญานนท์ฉวยโอกาสก้มลงจูบหน้าผากอรสินีอย่างเร็ว ก่อนจะปล่อยตัว อรสินีค้อนขวับ
“ถ้าคุณแม่เห็นล่ะก้อ ไม่ได้เข้าบ้านแน่ๆ เลยค่ะ”
“พี่รู้แล้วว่าคุณน้าไม่อยู่ ยามปลอด”
อรสินีค้อนอีกครั้ง ชญานนท์ขยับเข้าไปอ้อน
“ก็พี่คิดถึงนี่ อยู่ที่สถานีก็ต้องทำเป็นไม่รู้จัก ไม่รักกัน...มันทรมานนะ”
อรสินีอดขำคำพูดของชญานนท์ไม่ได้
“พูดซะน่าสงสารเชียว หิวรึยังคะ...ทำไก่อบไว้ตั้งแต่ตอนที่พี่นนท์โทร.มา”
“ตอนเห็นหน้าน้องอรก็ไม่หิว แต่ตอนนี้ชักหิวแล้ว”
“งั้นทานเลยนะคะ วันนี้ไม่มีใครอยู่ เราทานกัน 2 คน”
“ครับผม”
อรสินีเดินไปกับชญานนท์
รถแท็กซี่แล่นมาจอดตรงจุดที่นัดหมาย ตรีอัปสรเดินลงมาจากรถ มองไปเห็นรถสปอร์ตจอดอยู่ห่างออกไป หล่อนเดินตรงไปที่รถคันนั้น
ประตูด้านคนนั่งข้างเปิดออก ตรีอัปสรเข้ามานั่ง เป็นณเดชย์ที่นั่งอยู่ประจำที่คนขับ
“คอยนานไม๊คะ”
“นานแค่ไหน ผมก็คอยได้”
“วันนี้แม่ต้องใช้รถค่ะ ตรีเลยมาแท็กซี่”
“ผมไม่อยากให้ตรีนั่งแท็กซี่เลย มันอันตรายน่ะ”
“ก็ตรีไม่มีรถส่วนตัวนี่คะ คุณนะจะให้ตรีนั่งรถหนุ่มที่ไหนล่ะคะ”
“หนุ่มไหนก็ไม่ให้นั่งทั้งนั้น...ผมหึง”
ตรีอัปสรหัวเราะอย่างมีจริต “หนุ่มที่ขับแท๊กซี่ คงไม่เป็นไรมังคะ”
ณเดชย์จับมือตรีอัปสรขึ้นมาลูบเบาๆ “ตรีอยากได้รถรุ่นไหน บอกผมมา...ผมซื้อให้เอง”
ตรีอัปสรมองณเดชย์อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว
“ไม่ได้หรอกค่ะ ตรีไม่อยู่ในฐานะที่จะรับของแพงจากคุณนะ นะคะ”
“ตรีก็รู้ว่าผมรักตรีแค่ไหน อะไรที่มันจะทำให้ตรีสะดวกสบาย มีความสุข ผมยินดีทำให้ตรี”
“ตรีไม่อยากรบกวนคุณนะ”
“สำหรับตรี ผมยินดีและเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง”
“แต่ถ้าคุณลุงกับแม่รู้...”
ตรีอัปสรพูดค้างไว้แค่นั้น ณเดชย์ดึงหล่อนเข้ามากอดหอม ตรีอัปสรขืนตัวอย่างมีจริต
“คุณนะ” ตรีอัปสรเรียกเหมือนเตือนสติกลายๆ
“ให้รู้ไปเลย....ผมจะได้ถอนหมั้นกับมุก”
ตรีอัปสรชะงักทำเป็นตกใจ “คุณนะ...ทำอย่างนั้นไม่ได้นะคะ”
“ทำไมล่ะ...ตรีไม่อยากแต่งงานกับผมเหรอ”
ตรีอัปสรไม่ตอบ แต่ขยับเข้าไปซบณเดชย์ พูดอ้อน
“คุณมุกเธอไม่ได้ทำอะไรผิดนะคะ คุณจะทำอย่างนั้นกับเธอได้ยังไง และที่สำคัญ ตรีมาทีหลังนะคะ”
ตรีอัปสรทำหน้าเศร้า ตาปรอยขณะสบตาเขา ณเดชย์มองอย่างสงสาร ดึงตรีอัปสรเข้ามากอดกระชับ
“ตรี...ของผม”
ณเดชย์เรียกตรีอัปสรอย่างแสนรัก สีหน้าตรีอัปสรยิ้มสมใจ ที่ณเดชย์ตกหลุมพรางของหล่อน
ต่อจากตอนที่แล้ว
น้อยเก็บจานอาหารออกไป สองคนทานมือค่ำอิ่มแล้ว อรสินีถือแก้วกาแฟเข้ามาวางตรงหน้าชญานนท์
“ของดกาแฟนะคะ เปลี่ยนเป็นชาสมุนไพรแทน”
ชญานนท์ยิ้ม “ขอบคุณครับ”
“พี่นนท์ไม่ต้องกังวลเรื่องคุณแม่นะคะ คุณแม่โกรธง่ายหายเร็ว”
“แล้วคุณน้าพูดอะไรถึงพี่บ้าง”
อรสินีส่ายหน้า “ก็ไม่ได้พูดอะไรนะคะ”
“แล้วกับตรีอัปสรล่ะ...คุณน้าว่ายังไงบ้าง”
อรสินีถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะยิ้มปลอบใจ “ก็นิดหน่อยอ่ะค่ะ แต่อรว่าในที่สุด คุณแม่ก็ต้องเข้าใจ พี่นนท์ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
ชญานนท์ยกแก้วชาขึ้นดื่มก่อนจะขยับลุกขึ้น
“พี่กลับก่อนดีกว่า น้องอรจะได้พักผ่อน พรุ่งนี้ก็ต้องเข้าไปถ่ายรูป ทำโปรไฟล์อีก”
อรสินียิ้มหวาน “ค่ะ พี่นนท์ก็ต้องไปทำงานแต่เช้าเหมือนกัน”
อรสินีเดินคู่ไปกับชญานนท์
รถของอติรุจแล่นเข้ามาจอดในบ้าน เขาลงจากรถพร้อมๆ กับที่ชญานนท์เดินออกมากับอรสินี อติรุจเดินเข้าไปทัก
“ว่าไง นายนนท์ มาแสดงความยินดีที่น้องสาวชั้นติด 1 ใน 20 เหรอ”
อรสินีเขินหัวเราะเบาๆ “พี่รุจก้อ”
ชญานนท์หัวเราะ “ใช่ แล้วก็มีเรื่องจะให้นายช่วยด้วย”
อติรุจฉงน “เรื่องอะไร”
“พรุ่งนี้ช่วงบ่ายนายว่างรึเปล่า ไปคุยกันที่ช่องได้ไม๊”
“ได้ซิ...อืม...แล้ว...ตรีเป็นไงบ้าง” อติรุจอดถามถึงไม่ได้
“ทำไมนายไม่โทร.ไปถามเค้าเองล่ะ”
“เมื่อคืนชั้นโทร.ไปแล้ว...แม่ตรีบอกว่า ออกไปเจอนาย”
ชญานนท์หันมามองอรสินีนิดหนึ่ง แต่อรสินีทำหน้าเฉยๆ ไม่ออกอาการใดๆ ชญานนท์มีท่าทางผ่อนคลายขึ้น
“ใช่...ซักซ้อมกันเรื่องตอบคำถามนักข่าว”
“อรก็บอกเหมือนกัน” อติรุจหันไปแหย่น้อง “รู้ใจกันจริงๆ นะ”
ชญานนท์หันมามองอรสินี แล้วยิ้มให้ มองอย่างรักใคร่ อรสินียิ้มตอบ
“แน่นอน”
“กลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ พี่นนท์”
“ใช่ อย่ามาหวานโชว์แถวนี้ เดี๋ยวมดขึ้น” อติรุจแซว
ชญานนท์หันมาทางอรสินี “พรุ่งนี้เจอกันนะ” เขาหันมาทางอติรุจ “นายด้วยนะ”
“ขับรถดีๆ นะคะ”
“ค่ะ”
ชญานนท์ตอบเสียงหวาน ก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถแล้วขับออกไป อติรุจกับอรสินีมองส่งแล้วพากันเดินเข้าบ้าน
ตรีอัปสรเดินทอดอารมณ์อยู่ใกล้ๆ ที่จอดรถ กับณเดชย์ ครู่ใหญ่แล้ว
“ตรีต้องกลับแล้วล่ะค่ะ”
พลางตรีอัปสรเดินออกไปทางที่เป็นถนนรถวิ่ง ณเดชย์จับมือหล่อนไว้
“ตรีจะไปไหน”
ตรีอัปสรเลิกคิ้ว “ก็ไปเรียกรถแท็กซี่ไงคะ”
“ผมไม่ให้ตรีนั่งแท็กซี่กลับแล้ว ผมไปส่งตรีเอง แล้วเรื่องรถก็เลือกไว้เลย ที่เหลือผมจัดการเอง”
“แค่คุณนะดีกับตรีอย่างทุกวันนี้ ตรีก็พอใจแล้วค่ะ ตรีไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”
“ตรียิ่งไม่เรียกร้อง ไม่ต้องการอะไร ผมยิ่งอยากให้ อยากตอบแทน สิ่งดีๆที่ตรีให้ผม”
ตรีอัปสรยิ้มให้ ณเดชย์ดึงหล่อนเข้ามากอด แล้วเดินพาไปที่รถ
ฝ่ายชญานนท์เดินเข้ามาในบ้าน เห็นคุณดิษฐ์นั่งอ่านหนังสือและดูทีวีช่องไทยเท็นอยู่
“คุณพ่อยังไม่นอนอีกเหรอครับ...หรือว่ารอยัยมุก”
“ยัยมุกไม่ได้ไปไหน พ่อจะรอทำไม”
“อ้าว เหรอครับ ผมนึกว่ายัยมุกไปกินข้าวกับนายนะ”
“พ่อกลับมาก็เจอยัยมุกหน้าบึ้งไม่พูด ไม่จา อยู่ในห้องนอน ไม่ออกมากินข้าวกินปลาเลย”
“ผมขึ้นไปดูน้องก่อนนะครับ”
“นนท์ลองคุยกับมุกดูนะ พ่อว่าถ้างอนกันไป งอนกันมา แบบนี้ แต่งๆ กันไปเลยดีกว่า...อยู่ด้วยกัน อาจจะดีขึ้น”
ชญานนท์พยักหน้ารับ แต่ไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะเดินแยกขึ้นบันไดไป คุณดิษฐ์หันไปดูทีวีต่อ
รถของณเดชย์จอดเลยประตูหน้าบ้านดารินทร์ไปนิด
“ขอบคุณค่ะ” ตรีอัปสรบอก
“แล้วผมจะโอนเงินเข้าบัญชีให้ตรีไปซื้อรถนะ”
ตรีอัปสรยิ้มนิดๆ “ขับรถดีๆ นะคะ”
ตรีอัปสรพูดจบก็เปิดประตูลงจากรถ ก่อนที่เขาจะคว้าตัวไว้อีก ณเดชย์อมยิ้มนิดๆ ที่คว้าหล่อนไม่ทัน
ตรีอัปสรเดินเข้าไปในบ้านช้าๆ ยิ้มอย่างพอใจ
เสียงดารินทร์ดังขึ้น “ใครมาส่ง”
ตรีอัปสรสะดุ้ง เพราะไม่คิดว่าดารินทร์จะมาดักรอ หันไปมองทางเสียง
“แม่...มายืนมืดๆ ตรีตกใจหมด”
ดารินทร์คาดคั้น “ชั้นถามว่าใครมาส่ง”
“คุณนะ มาส่ง”
ดารินทร์ขยับเข้ามาใกล้จ้องตา ตรีอัปสร หน้าเสีย
“คุณณเดชย์จริงๆเหรอเนี่ย ถ้างั้นเรื่องที่เค้าพูดกันแกกับคุณนะ เป็นเรื่องจริงน่ะซิ”
ตรีอัปสรฉุน “เค้าที่ว่าน่ะใครกัน แล้วเค้าพูดถึงตรีกับคุณนะว่ายังไง ไม่เห็นแม่เล่าให้ตรีฟังเลย”
“เพราะชั้นไม่คิดว่ามันจะเป็นความจริงน่ะซิ ชั้นไม่คิดว่าคนอย่างแกจะแย่งแฟนคนอื่น”
ตรีอัปสรมองดารินทร์หน้าตึง ไม่พอใจคำพูดของแม่
“ถึงตรีจะเป็นลูกแม่ แต่ตรีก็ไม่คิดจะทำอะไร แบบที่แม่ทำหรอกนะคะ”
ดารินทร์โกรธจัด “ตรีอัปสร แกไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้กับชั้นนะ ลืมไปแล้วรึไงว่าชั้นเป็นแม่แก”
“แล้วแม่ล่ะ ลืมไปแล้วรึไงว่าแม่กับคุณลุงอัศวินเป็นอะไรกัน คิดว่าตรีจะเหมือนแม่เหรอ”
ดารินทร์ช็อกไปกับคำพูดนั้นถึงกับปากสั่น น้ำตาเอ่อ ด้วยความแค้นใจ เสียใจที่ตรีอัปสรพูด
แบบนั้น
“ชั้นนี่มันเป็นแม่ที่ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ แค่จะเป็นตัวอย่างที่ดี ทำตัวให้ลูกเคารพนับถือ ชั้นยังทำไม่ได้”
ดารินทร์พูดเสียงสั่นพร่า ด้วยความเจ็บปวด เสียใจ ตรีอัปสรรู้สึกผิดกับคำพูดที่แรงไปของตัวเอง ท่าทางอ่อนลง สำนึกผิด
“แม่...ตรี”
ดารินทร์ขัดขึ้นเสียงสั่น “ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกตรีอัปสร ชั้นรู้ แกคิดยังไงแกก็พูดออกมาอย่างนั้น ตลอดเวลาที่แกอยู่กับชั้น แกก็คิดว่าชั้นหาเงินมาเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงแกจากการที่ชั้นไปยุ่งกับผัวชาวบ้าน คนอย่างชั้นมันก็คิดได้แค่นี้ ทำได้แค่นี้ละ”
ตรีอัปสรยกมือไหว้ “ตรีขอโทษ ตรีไม่ได้ตั้งใจ...ตรีแค่อยากจะบอกแม่ว่าตรีกับคุณนะไม่ได้มีอะไรกัน”
ดารินทร์มองตรีอัปสรอย่างจับสังเกต “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ดีแล้ว เพราะชั้นไม่อยากให้แกได้ชื่อว่าเป็นเมียน้อย เหมือนที่ชั้นเป็น ชั้นไม่อยากให้ใครมาชี้หน้าแกว่า แม่มันเป็นเมียน้อยแล้วลูกมันก็ไม่ต่างกับแม่มันแกเข้าใจชั้นใช่ไม๊ ตรีอัปสร”
“ตรีเข้าใจ แล้วตรีก็สัญญาว่าตรีจะไม่มีวันเป็นเมียน้อยใครเด็ดขาด”
ดารินทร์มองตรีอัปสรอย่างพอใจ โล่งอก สีหน้าตรีอัปสรไม่สบายใจ
ชญานนท์เดินเหนื่อยๆ เครียดๆ เข้ามาในห้องนอน แล้วเดินไปนั่งที่เตียง ยกมือขึ้นลูบหน้า ก่อนจะถอนหายใจ สีหน้าชญานนท์ครุ่นคิด กังวล สภาพน้องสาวที่เห็นเมื่อครู่นี้
สภาพ มุกตาภาตาบวม หน้าตาเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
“คุณนะ เค้าไม่ว่าง พอเค้ารับโทรศัพท์ เค้าก็รีบบอกเลยว่าถ้าจะนัดกินข้าว เอาไว้วันหลัง วันนี้เค้าไม่ว่าง มีนัดสำคัญ”
“พี่ว่าบางทีนายนะอาจจะ...”
ชญานนท์ยังพูดไม่ทันจะจบ มุกตาภาก็ขัดขึ้นมาอย่างหมดความอดทน
“พอเถอะค่ะ พี่นนท์ เลิกปลอบมุกซะทีเถอะค่ะ”
ชญานนท์หยุดชะงักไป มุกตาภามองพี่ชาย น้ำตาร่วง สภาพน่าสงสาร ชญานนท์ดึงน้องเข้ามากอด มุกตาภาซุกอยู่กับอกพี่ชาย
“พี่นนท์พูดให้มุกทำใจได้ยอมรับสภาพที่เค้ามีคนอื่น หรือไม่ก็พูดให้มุกตัดใจจากคุณนะให้ได้ไปเลยจะดีกว่าค่ะ”
“พี่บอกแล้วไง บางทีความคิดของเรา ก็อาจจะทำร้ายเราได้ อย่าเพิ่งตีโพยตีพาย ร้องไห้ดักไว้ก่อน ทั้งๆที่ยังไม่รู้ว่า นายนะ ไปไหน”
มุกตาภาละตัวออก มองหน้าชญานนท์ ใบหน้ายังนองน้ำตาอยู่
“มุกก็บอกแล้วไงคะ ว่ามุกเชื่อสัญชาติญาณของมุก คุณนะ ต้องมีคนอื่นแน่นอนค่ะ”
สีหน้ามุกตาภาเชื่อมั่นเหลือเกิน ชญานนท์มองหน้านองน้ำตาของน้องสาวนิ่งนาน
คิดแล้วชญานนท์ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง พึมพำอย่างค้างคาใจออกมาว่า
“ใครกัน”
สีหน้าชญานนท์หมกมุ่นครุ่นคิดหนัก ทั้งกังวลและห่วงน้องสาว
ขณะเดียวกัน ประตูห้องนอนดารินทร์เปิดออกเห็นตรีอัปสรเดินเข้ามา ดารินทร์ซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้งหันไปมอง
“ยังไม่นอนอีกเหรอ พรุ่งนี้มีถ่ายงานแต่เช้านะ”
“ตรีมีเรื่องจะคุยกับแม่”
“ถ้าแกยังรู้สึกผิดที่แกว่าชั้น แกไม่ต้องคิดมากหรอก ชั้นลืมไปหมดแล้ว”
“เปล่า...ตรีจะมาปรึกษาแม่เรื่อง ซื้อรถ”
“ซื้อรถ...แกจะซื้อรถไปทำไม ใช้รถชั้นก่อนก็ได้ อีกอย่าง พอแกได้เป็น นางสาว ณ สยาม แกก็มีรถฟรีมาให้ขับแล้ว รออีกหน่อยแล้วกัน”
“โอย...อีกตั้งหลายเดือน อีกอย่างตรีอยากขับรถยุโรปด้วย”
ดารินทร์ทำหน้าเอือม “เรื่องมาก หัวสูง”
“ตรีรักษาหน้าแม่เลยนะเนี่ย ตรีเป็นลูกสาวดีไซเนอร์ชื่อดัง แม่จะให้ตรีขับรถกระป๋อง กระแป๋ง ได้ยังไง”
“แต่ชั้นไม่ได้มีเงินถุง เงินถังให้แกไปซื้อรถแพงๆ นะ เงินที่มีก็ต้องเอามาหมุนในร้าน”
“แม่ก็ให้มาพอ ดาวน์รถกับผ่อนซัก 2-3 เดือนละกัน พอตรีมีงานทำ ตรีก็ผ่อนเองได้ นะแม่นะ”
ดารินทร์ถอนหายใจ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ ตรีอัปสรโล่งอกยิ้มอย่างพอใจ
เช้าวันนี้ ที่สระว่ายน้ำใหญ่ในโรงแรมหรู ทีมงานช่องไทยเท็นกำลังจัดเตรียมอุปกรณ์เพื่อถ่าย VTR มอลลี่เป็นผู้กำกับและครีเอทีฟของการถ่ายทำ โดยมีข้าวตังกับข้าวตู เป็นผู้ช่วย นอกจากนั้นยังมีช่างภาพทีมจัดแสง ทีมบูมบันทึกเสียงอยู่ด้วย
มอลลี่ร้องเรียก “ข้าวตัง...ข้าวตู”
ข้าวตังกะข้าวตูประสานเสียง “ขา...”
“เข้าไปดูข้างในซิ...สาวงามทั้ง 20 นางของชั้นมากันครบรึยัง”
ข้าวตังกะข้าวตูพูดพร้อมกันอีก “ครบแล้วค่ะ” / “ยังไม่ครบค่ะ” แต่ตอบกันคนละอย่าง แล้วหันมามองหน้ากัน มอลลี่ขมวดคิ้ว งงกับคำตอบ
“ไปตกลงกันให้ดีก่อนไม๊ แล้วค่อยมาตอบชั้น”
ข้าวตูยิ้มแห้งๆ “คือเมื่อกี้ตอนข้าวตูเข้าไปดู ยังขาดอีก 2-3 คนค่ะ”
“แต่ตอนข้าวตังเข้าไปดู ล่าสุด มากันครบแล้วค่ะ...พี่มอลลี่” ข้าวตังว่า
“ถ้างั้นก็ไปตามมา ทีละ 5 คนนะ เรียงตามเลขเลย”
สองคนรับ “ค่ะ”
จากนั้นข้าวตังกับข้าวตู เดินกลับไปพร้อมกัน มอลลี่มองตามแล้วส่ายหน้า
ภายในห้องอเนกประสงค์ของโรงแรม
เสื้อผ้า รองเท้า ถูกจัดแยกไว้เป็นชุดๆ สาวงามทั้ง 20 คน นั่งอยู่ด้วยกัน เรียงตามหมายเลขประกวดของสาวงาม มีพี่เลี้ยงกองประกวด 5 คน ชื่อ นก ปู ไก่ ส้ม และแจ๋ว ยืนอยู่ด้านหน้าห้อง โดยมีผู้จัดการกองประกวด คืออาจารย์ดรีม ยืนพูดอยู่ด้านหน้าแนะนำตัวเอง
“สวัสดีค่ะ น้องๆทุกท่าน ก่อนอื่นต้องของแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการก่อนนะคะ...อาจารย์ชื่อ อาจารย์ดรีมริกาค่ะ เรียกสั้นๆ ว่า อาจารย์ดรีมก็ได้ค่ะ...อาจารย์จะทำหน้าที่ผู้จัดการกองประกวด นางสาว ณ สยามโดยมีพี่เลี้ยงที่จะคอยช่วยดูแลน้องๆทั้งหมด 5 คนนะคะ พี่เลี้ยง 1 คนจะดูแลน้องๆ 4 คนนะคะ”
ข้าวตูกับข้าวตังเดินเข้ามา อาจารย์ดรีมหันไปมอง
“พร้อมแล้วใช่ไม๊คะ”
ข้าวตูว่า “พร้อมแล้วค่ะ”
“ขอเบอร์ 1 ถึง เบอร์ 5 ก่อนค่ะ” ข้าวตังบอก
วรัญญาลุกขึ้นยืนเป็นคนแรก เหมือนผู้ชำนาญผ่านเวทีมาเยอะ เบอร์ 2 เบอร์ 3 และ เบอร์ 4 ลุกขึ้นช้าๆ มองเพื่อนซ้ายขวาก่อน กัลยาณีก็ลุกขึ้นเร็วรี่ ตามวรัญญามาติดๆ
ไม่นานต่อมา วรัญญาในชุดสวยงาม อันเป็นชุด Concept ของกองประกวดที่จัดเตรียมให้สาวามใส่กันทุกคน แตกต่างกันเฉพาะสีเท่านั้น
วรัญญายกมือไหว้ แนะนำตัว
“ดิชั้น วรัญญา พงษ์รุ่งเรือง หมายเลข 1 ค่ะ”
วรัญญาเดิน 2-3 ก้าว มาหยุดยืนโพส
ภาพจากในมอนิเตอร์จับไล่ตามสัดส่วนของวรัญญา
ต่อมา กัลยาณี ยกมือไหว้แนะนำตัว
“สวัสดีค่ะ ดิชั้น กัลยาณี คชพรม หมายเลข 5 ค่ะ” กัลยาณีเดินโชว์สัดส่วน ยิ้มหวาน จากนั้นเป็นคิวสาวงามเบอร์ 2 เบอร์ 3 เบอร์ 4
ภายในห้องพัก อรสินีนั่งนิ่งอยู่ดูออกว่าประหม่า หันไปทางตรีอัปสร ที่นั่งสบายๆ มองมายังอรสินี
“ตื่นเต้นเหรอคะ คุณอร”
“ใช่...ตรีไม่ตื่นเต้นเหรอ”
ตรีอัปสรยิ้ม “ก็ตื่นเต้นเหมือนกันค่ะ แต่ตรีพยายามเก็บอาการ”
ตรีอัปสรพูดขำๆ ให้เป็นเรื่องตลก อรสินีมองตรีอัปสรอย่างชื่นชมแล้วยิ้ม
“ตรีเก่งมากเลย อรทำแบบตรีไม่ได้หรอก”
พลางอรสินีจับมือตรีอัปสรมาบีบ
“ดูซิ มือตรีอุ๊นอุ่น มืออรน่ะ เย็นเฉียบเลย”
“ตรีก็ไม่ได้เก่งอะไรหรอกค่ะ เพียงแต่ตรีพยายามบอกตัวเองว่าที่เราทำกันอยู่มันเป็นเรื่องปกติ ไม่มีอะไรตื่นเต้นแล้วก็หายใจลึกๆ ไว้ค่ะ คุณอร ทำใจให้สบาย”
เสียงข้าวตังดังขึ้น “หมายเลข 6 ถึงหมายเลข 10 เชิญค่ะ”
อรสีนีหันมามองหน้าตรีอัปสรเหมือนขอกำลังใจ
“หายใจลึกๆ ค่ะ หายใจลึกๆ”
อรสินีหันมายิ้มแหยๆ ให้ตรีอัปสร
กลุ่มนักข่าว 2 กลุ่มๆ ละ 5 คน เดินเข้ามาในลอบบี้ ดารินทร์ซึ่งนั่งอยู่มุมด้านหนึ่งของลอบบี้ หันไปเห็นก็ลุกขึ้นเดินไป สลิลทิพย์ซึ่งนั่งอยู่อีกมุมหนึ่งก็เดินไปหาเช่นกัน
ดารินทร์ทักขึ้นก่อน “สวัสดีค่ะ น้องๆ”
สลิลทิพย์หรือจะยอม “สวัสดีค่ะ”
ทั้งคู่เดินมาหานักข่าวไล่ๆ กัน ทั้งดารินทร์ กับสลิลทิพย์ ชะงักค้างเมื่อเจอกัน แต่ก็ต้องเก็บอาการ ดารินทร์รีบชิงพูดก่อนทันที
“มาได้เวลาพอดีเลยค่ะ น้องตรีกำลังถ่ายภาพพอดีเลย เสร็จแล้วจะได้ให้พี่ๆ นักข่าวสัมภาษณ์”
สลิลทิพย์ขัดขึ้นทันที “ใช่ค่ะ น้องอรก็ถ่ายเหมือนกัน น้องอรหมายเลข 9 นะคะ เลขดี๊ ดี นะคะ เลขมงคล พี่ว่าเราไปที่สระน้ำกันเลยไม๊คะ”
ดารินทร์แทรกขึ้น “ตามพี่มาเลยค่ะ”
จากนั้นดารินทร์เดินนำไป กลุ่มนักข่าวเดินตามไป สลิลทิพย์มองตามไป สีหน้าโกรธจัดแต่เก็บอาการไว้ ก่อนจะรีบเดินตามไปทันที
ชญานนท์เดินเข้ามาที่ริมสระว่ายน้ำ มองไปทางกองถ่ายเห็นตรีอัปสร กำลังยกมือไหว้ แนะนำตัวอย่างคล่องแคล่ว เดินเข้ามาหยุดยืนโพสท่าได้สวยงาม มอลลี่นั่งดูมอนิเตอร์อย่างพอใจ
“คัท โอเค...ดีมากเลยค่ะ....น้องตรี”
“ขอบคุณค่ะ”
ตรีอัปสรเดินไปนั่งกับกลุ่มนางงามหมายเลข 6-7 คน
มอลลี่ร้องขึ้น “น้องอรสินี....5...4...3...2...”
อรสินียิ้มสวยงาม เดินมาแนะนำตัวอย่างมั่นใจ ยกมือไหว้อ่อนช้อย
“สวัสดีค่ะ อรสินี วัณณุวรรธน์ หมายเลข 9 ค่ะ”
อรสินีเดินมาหยุดยืนโพสท่าอย่างสวยงามมั่นใจ ตรีอัปสรลอบมองอย่างหมั่นไส้นิดๆ ไม่คิดว่าคำแนะนำของหล่อนจะทำให้อรสินีเก่งกาจขึ้นเร็วขนาดนี้ ชญานนท์ซึ่งยืนอยู่กับทีมงานมองอรสินีอย่างชื่นชม
ดารินทร์กับสลิลทิพย์เดินนำนักข่าวเข้ามาริมสระน้ำ สลิลทิพย์เห็นลูกสาว ยังยืนโพสท่าให้ถ่ายภาพอยู่ ก็รีบชี้ไปที่อรสินี ดารินทร์เดินเลยไป
“นั่นไงคะ น้องอร แหม...เข้ามาเห็นพอดีเลย ต๊าย...ดูซิคะ...ดูดีจริงๆ”
นักข่าวมองตาม “สวยจริงๆ ด้วยค่ะ โดดเด่นเลย”
สลิลทิพย์หันไปมองนักข่าว 1 “ใช่ค่ะ เดี๋ยวพอถ่ายเสร็จก็สัมภาษณ์เลยนะคะ”
ดารินทร์เดินเข้ามาพร้อมกับตรีอัปสร
“น้องๆ จะคุยกับน้องตรีอัปสรก่อนก็ได้นะคะ”
เสียงของดารินทำให้ นักข่าวหันมามองแล้วเดินเข้ามาหา ตรีอัปสรยกมือไหว้อย่างอ่อนช้อย ยิ้มหวาน
“สวัสดีค่ะ พี่ๆ”
นักข่าวรุมสัมภาษณ์และถ่ายรูปตรีอัปสร
นักข่าว 1 ถาม “เป็นยังไงบ้างคะ ตื่นเต้นไม๊”
“ตื่นเต้นซิคะ นี่เป็นครั้งแรกของตรีเลยนะคะ”
นักข่าวแย่งกันถามความรู้สึกกับตรีอัปสรไป ดารินทร์หันมามองสลิลทิพย์อย่างสะใจที่สามารถชิงเด่นทำให้นักข่าวสัมภาษณ์ตรีอัปสรได้ก่อนอรสินี
อีกมุมหนึ่งไม่ห่างจากสระว่ายน้ำ กลุ่มสาวงามที่ถ่าย VTR เสร็จแล้ว และที่กำลังรอถ่าย มองมาทางนักข่าวช่างภาพที่กำลังสัมภาษณ์ตรีอัปสรกับอรสินีอยู่ วรัญญาลุกขึ้น ภารดีรีบดักไว้
“จะไปไหนเหรอรัญ”
“ชั้นจะไปทางโน่น จะไปเข้าห้องน้ำ”
วรัญญาพูดจบก็รีบเดินไป เหมือนไม่อยากให้ซักต่อ ภารดีมองตามไปอย่างรู้ทัน
“นึกว่าชั้นไม่รู้เหรอ ว่าจะเดินไปเฉียดนักข่าว ฮึ ชั้นก็ทำเป็นย่ะ”
พูดจบภารดีก็เดินตามวรัญญาไป นางงามคนอื่นๆที่นั่งอยู่ละแวกนั้น รวมทั้งดาราวรรณ กัลยาณีด้วยมองตามไป
ดาราวรรณลุกขึ้น “ไปเข้าห้องน้ำบ้างดีกว่า”
“ดี ชั้นไปด้วย” กัลยาณีบอก
จากนั้นดาราวรรณและกัลยาณี รวมถึงสาวงามอีก 2-3 คน ขยับเดินตามไปมั่ง
ด้านตรีอัปสรและอรสินียืนคู่กัน โดยมีช่างภาพถ่ายรูปคู่กันอยู่ ตรีอัปสรโพสท่าไม่ซ้ำ ในขณะที่อรสินีก็จะโพสท่าปกติเรียบๆ วรัญญา ภารดีเดินเข้ามาพอดี
วรัญญาไหว้อ่อนช้อย “สวัสดีค่ะ พี่ๆ”
“สวัสดีค่ะ” ภารดีไหว้ตาม
ช่างภาพหันมามองเชื้อชวน “มาเลย มาถ่ายรูปด้วยกันเลยครับ”
“ได้ค่ะ”
วรัญญา กับภารดี เข้ามาแทรกกลางระหว่างตรีอัปสรกับอรสินี แต่ยังไม่ทันจะเริ่มถ่าย ดาราวรรณ กัลยาณี และสาวงามเป็นขบวนก็เดินตามเข้ามา
ดาราวรรณส่งเสียง “มาแล้วค่ะ มาแล้ว เมื่อกี้พี่นักข่าวคนไหนเรียกดาราคะ”
กัลยาณีเสียบต่อทันที “นี่ก็มาแล้วค่ะ”
เหล่าสาวงามเข้าไปแทรกถ่ายรูป ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่รู้ไม่ชี้ ดารินทร์กับสลิลทิพย์ไม่พอใจ แต่ต่างฝ่ายต้องเก็บอาการ
ประตูห้องเก็บตัวนางงามเปิดออก เหล่านางงามในชุดของตัวเอง เพิ่งถ่ายทำวีทีอาร์เสร็จ แล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน ทยอยเดินกันออกมา คุยกัน เม้าท์กัน บางคนก็ไม่คุยกับใครเดินงุดๆ ไป
วรัญญาเดินออกมาพร้อมกับภารดี เจ๊หนึ่งกับทิปปี้เดินสวนสาวงงามแหวกเข้าไปประกบเด็กในสังกัดของตัวเอง ดึงแยกออกมา
เจ๊หนึ่งถามทันที “เป็นยังไงมั่ง รัญ โอไม๊”
“โอดิ๊เจ๊ เจ๊ไม่อยู่ รัญก็ต้องต่อสู้ฝ่าฟันด้วยตัวเอง”
“ดีมาก จะมางอมืองอเท้า รอโชคชะตาวาสนาก็ไม่เกิดแน่”
ไม่ไกลกันนัก ภารดีเอ่ยขึ้นเล่าเรื่องให้ฟัง
“ดี ไม่นิ่งอยู่แล้ว ยัยรัญมันเดินไปเฉียด ดีก็พุ่งตามไปขโมยซีนด้วยเหมือนกัน”
“เออ ดีแล้ว...อย่าได้เผลอไผลให้ใครมันแซง ล้ำหน้าไปล่ะ” ทิปปี้บอก
“แน่นอนอยู่แล้ว”
ขณะที่อรสินีเดินมากับกลุ่มนางงาม 2-3 คน ดาราวรรณกับกัลยาณี ชญานนท์เดินมากับทีมงาน 2-3 คน คือ มอลลี่ ข้าวตู ข้าวตัง ทีมออร์แกไนซ์ ดาราวรรณ และกัลยาณี ยกมือไหว้ชญานนท์อ่อนช้อย
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ”
อรสินีซึ่งเดินมาในกลุ่ม จำเป็นต้องยกมือไหว้ชญานนท์เช่นกัน
“สวัสดีค่ะ”
ชญานนท์ยิ้มให้ “เหนื่อยไม๊ครับ”
อรสินียังไม่ทันตอบ ถูก ดาราวรรณ กัลยาณีและสาวๆ ที่เดินมา 2-3 คนตอบก่อน
ดาราวรรณบอก “ไม่เหนื่อยค่ะ”
กัลยาณีบอก “เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ”
“ไม่เหนื่อยค่ะ สบายมากค่ะ”
อรสินีอมยิ้ม ขำนิดๆ ชญานนท์ยิ้มให้ พยายามเก็บอาการให้ความสนใจกับทุกคน
อรสินีมองไปทางออก เห็นสลิลทิพย์ จึงหันมาพูดกับชญานนท์
“ขอตัวกลับก่อนนะคะ” พลางหันมาพูดลากับเพื่อนๆ นางงาม “กลับก่อนนะคะ”
จากนั้นอรสินีจึงเดินแยกไปหาสลิลทิพย์ที่ยืนรออยู่ ชญานนท์ถูกกลุ่มสาวๆ ชวนคุยต่อ ชายหนุ่มมองตามไปแวบหนึ่ง แล้วหันกลับมาคุยกับสาวๆ โดยมีมอลลี่ ข้าวตู ข้าวตัง อยู่ด้วย
ด้านตรีอัปสรเดินออกมาจากห้องน้ำโรงแรมพร้อมกับดารินทร์
“เดี๋ยวแม่ไปเอารถก่อน แกไปรอด้านหน้านะ”
“ตรีเดินไปที่รถพร้อมแม่ก็ได้นี่”
“ไม่ต้อง...ไม่ต้อง แกไปเดินออกสื่อ แถวล็อบบี้เถอะ คนจะได้คุ้นตา”
ตรีอัปสรขำๆ “โอ้โฮ้ แม่เก็บทุกเม็ดเลยนะ”
“ก็ใช่น่ะซิ ทุกชั่วโมงนาทีมีค่า ต้องใช้ให้คุ้มที่สุด แม่ไปเอารถก่อน”
ตรีอัปสรยิ้มแล้วพยักหน้ารับ ก่อนเดินแยกไปด้านหน้า ดารินทร์เดินแยกไปอีกทาง
ชญานนท์ยืนอยู่ด้านหน้าโรงแรม กับ มอลลี่ ข้าวตู และข้าวตัง แลเห็นกลุ่มนางงามที่รุมล้อม แยกย้ายไปกันหมดแล้ว
“คุณนนท์จะกลับเลยรึเปล่าคะ” มอลลี่ถาม
“ผมนัดทีมออแกไนซ์มาคุยงานที่นี่ พวกคุณกลับไปพักผ่อนเถอะ”
“จะให้มอลลี่อยู่ฟังก็ได้นะฮะ”
“ไม่เป็นไร ผมขอคุยกว้างๆ กับเค้าก่อน แล้วพอลงรายละเอียด คงต้องคุยพร้อมกันหมด”
มอลลี่บอก “ได้ฮ่ะ ถ้างั้นมอลลี่ขอตัวก่อน”
ข้าวตู ข้าวตังประสานเสียง “ขอตัวด้วยนะคะ”
ชญานนท์ยิ้มนิดๆ แล้วพยักหน้าให้ มอลลี่ ข้าวตู ข้าวตัง เดินแยกไป ชญานนท์มองไปทางด้านหน้าอย่างพิจารณา
สายตาชญานนท์แลเห็นตรีอัปสรยืนอยู่คนเดียว สักครู่เห็นรถเก๋งสปอร์ตหรูราคาแพงแล่นเข้ามาจอด ใกล้ๆ กับที่ตรีอัปสรยืนรอดารินทร์อยู่ ตรีอัปสรขยับถอยท่าทางตกใจนิดๆ กระจกรถเลื่อนลงเผยให้เห็นณเดชย์ใส่แว่นกันแดดพรางหน้าอยู่ในรถคันดังกล่าว
“ตรี...ขึ้นมาเร็ว”
ตรีอัปสรมองเห็นณเดชย์ก็ตกใจด้วยนึกไม่ถึง “คุณนะ”
“ขึ้นมาเร็ว เร็วซิตรี” ณเดชย์คะยั้นคะยอ
ตรีอัปสรเหลียวซ้าย มองขวา ณเดชย์ก็เร่งอีก “มา เร็ว เร็วซิตรี”
ตรีอัปสรลังเลชั่วขณะ ก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถ รถแล่นทะยานออกไปทันที
ชญานนท์ซึ่งอยู่ในโรงแรม เดินออกมามองตามรถคันนั้นไปด้วยสีหน้าครุ่นคิด
อ่านต่อตอนที่ 4