xs
xsm
sm
md
lg

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปีกมงกุฎ ตอนที่ 8

เช้านี้ ภายในห้องประชุมช่องไทยเท็น เห็นตรีอัปสร วรัญญา นั่งอยู่กับรัตน์ อีกด้านเป็นชญานนท์และมุกตาภา

“ทางกองประกวดมิสเอเชียกับมิสเวิลด์ ส่งหมายกำหนดการมาให้เราแล้วนะครับ ปีนี้การประกวดทั้งสองงานจัดไล่เลี่ยกันนะครับ”
มุกตาภาพูดต่อ “ดิชั้นจัดโปรแกรมเก็บตัวไว้ให้เรียบร้อยแล้วนะคะ คุณรัตน์จะดูแลให้คุณทั้งคู่ทำตามตารางที่กำหนดไว้”
“ช่วงนี้คุณ 2 คนต้องมาฝึกการแสดงความสามารถพิเศษที่จะไปโชว์บนเวทีการประกวด ทุกวันที่ว่างจากการออกงาน คุณรัตน์ช่วยดูด้วยนะครับ”
รัตน์รับคำ “ได้ค่ะ บางงานดิชั้นอาจจะให้น้องรัญไปแทน”
มุกตาภาพูดดักคอขึ้นมา “มุกขอเป็นคนตัดสินใจเองค่ะ ว่างานไหน นางสาว ณ สยาม ควรไปหรือไม่ควรไป”
มุกตาภามองรัตน์อย่างเหนือกว่า แล้วหันไปมองตรีอัปสรเหมือนจะข่มๆ แต่ตรีอัปสรไม่สนใจ ชญานนท์ออกอาการไม่ปลื้มน้องสาวนัก แต่ไม่พูดอะไร

สลิลทิพย์นั่งอยู่ที่มุมหนึ่งในช่องไทยเท็น ซักครู่ หันไปมองเห็น รัตน์เดินนำอรสินีมา สลิลทิพย์ขยับลุกขึ้น ยิ้มหวาน แต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นตรีอัปสรเดินตามหลังมา คุณรัตน์ยกมือไหว้สลิลทิพย์ สลิลทิพย์รับไหว้ ตรีอัปสรยกมือไหว้ แต่สลิลทิพย์เมินไม่มอง โดยไม่สนใจ ตรีอัปสรมองสลิลทิพย์ยังยกมือไหว้ค้างอยู่อย่างนั้น
“คุณป้าจะไม่รับไหว้ซักหน่อยเหรอคะ”
สลิลทิพย์หันมามอง ไม่คิดว่าตรีอัปสรจะพูดแบบนั้น ตรีอัปสรพูดต่ออย่างอ่อนหวาน
“ถึงไม่ชอบหน้าก็ควรจะรับไหว้ตามมารยาทของผู้ดี” ตรีอัปสรว่า
สลิลทิพย์มองตรีอัปสรอย่างแค้นใจ ก่อนจะหันไปมองอรสินีซึ่งมีสีหน้าอึดอัด แล้วคว้าแขนอรสินีดึงไป
“ไป๊ ยายอร กลับ”
สลิลทิพย์ดึงอรสินีไปโดยไม่ได้บอกลารัตน์ ด้วยโกรธตรีอัปสรจัด ตรีอัปสรมองตามไป ยิ้มอย่างสะใจที่ยั่วสลิลทิพย์ขึ้น รัตน์มองตามไปแล้วหันมามองตรีอัปสร
“นอกจากจะเป็นนางงามแล้วยังเป็นดาวยั่วด้วยเหรอ...เรา”
ตรีอัปสรยิ้ม “ยั่วอารมณ์น่ะเหรอคะ”
รัตน์เตือนดีๆ “ตรีต้องทำงานกับอรอีกนานนะ พี่ว่าอย่าไปแหย่แม่อรเลย สงสารคนกลางมั่ง ยังไงก็เพื่อนเรา”
ตรีอัปสรยิ้มรับ “ค่ะ ตรีกลับนะคะ สวัสดีค่ะ”
“จ้ะ...พรุ่งนี้เจอกัน”
รัตน์เดินแยกไป ตรีอัปสรมองตามแล้วมองไปอีกทาง สีหน้าครุ่นคิด หยิบโทรศัพท์ออกมากดสายโทร.ออก
“ฮัลโหล แม่เหรอคะ แม่ไม่ต้องมารับตรีนะ เดี๋ยวตรีกลับเอง”

สลิลทิพย์เดินนำอรสินีมาตามทางเดินไปลานจอดรถไทยเท็น สีหน้าหงุดหงิด อารมณ์เสียมากๆ สลิลทิพย์หันไปมองอรสินีซึ่งเดินตามหลังมา
“เดินให้มันเร็วๆ หน่อยได้ไม๊...ยายอร...แกจะมาเดินตามหลังชั้นเป็นคนใช้ทำไม”
“ค่ะ” อรสินีเร่งฝีเท้าขึ้นมาเดินคู่กับแม่
“แม่ไม่อยากจะด่านังตรีอัปสรให้ฟังหรอกนะ แต่อรได้ยินมันพูดกับแม่ไม๊”
“ได้ยินค่ะ”
“แม่ไม่อยากจะคิดเรื่องที่อรต้องอยู่กับมันไปอีกเป็นปีๆ ให้จิตตกนะ แต่มันก็อดคิดไม่ได้ เพราะแม่ก็ต้องเจอหน้ามันด้วย”
“ค่ะ”
“จะไม่พูดอะไรเลยรึไง นอกจาก ค่ะ...ค่ะ...เนี่ย”
อรสินีย้อน น้ำเสียงเรียบๆ “แม่จะให้อรพูดอะไรล่ะคะ ถ้าอรบอกแม่ว่าเราแก้ที่คนอื่นไม่ได้ แต่เราแก้ที่ตัวเราได้ แม่ก็จะโกรธอรอีก ทั้งๆ ที่มันเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เราไม่ทุกข์”
สลิลทิพย์มองอรสินีตาขวางพยายามข่มอารมณ์ “เก็บไว้บอกตัวแกเองแล้วกัน”
สลิลทิพย์ค้อนขวับ เร่งฝีเท้าเดินเร็วขึ้น อรสินีมองสลิลทิพย์ก่อนจะเดินตามไป

ชญานนท์เดินมาตามทางในตึก มีพนักงานเดินผ่านไป 2-3 คน ชญานนท์มองไปเห็นตรีอัปสรยืนอยู่คนเดียว เขาเขม้นมองอย่างแปลกใจก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหา
“ตรีอัปสร”
ตรีอัปสรหันมามอง “คุณนนท์”
“ยังไม่กลับเหรอ....หรือว่ารอใครมารับ”
ตรีอัปสรกลับบอกว่า “แม่โทร.มาบอกว่าติดธุระค่ะ....มารับไม่ได้”
“แล้วคุณจะกลับยังไง...หรือว่าโทร.ให้นายรุจมารับ”
ตรีอัปสรยิ้มขำ “ตรีจะโทร.ให้คุณรุจมารับในฐานะอะไรคะ...ตรีเป็นแค่เพื่อน จะไปกวนเวลาทำงานของคุณรุจได้ยังไงล่ะคะ”
ชญานนท์เลิกคิ้ว “อ้อ...ให้รถตู้ของช่องไปส่งแล้วกัน เดี๋ยวผมเช็คให้ว่ารถอยู่รึเปล่า”
ตรีอัปสรทำเป็นเกรงใจ “ไม่เป็นไรค่ะ อย่าลำบากเลย...ตรีกลับเองได้ค่ะ”
“เราคงปล่อยให้ นางสาว ณ สยาม นั่งแท๊กซี่กลับเองไม่ได้หรอก รอซักครู่เดี๋ยวผมจัดการให้”
ตรีอัปสรมองชญานนท์ที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร.ออก แววตาเจ้าเล่ห์เพทุบาย

ฝ่ายรัตน์เดินมาหยุดยืนกดลิฟท์รอ ซักครู่ประตูลิฟท์เปิด เห็นมุกตาภาเดินออกมา มุกตาภาเห็นรัตน์ก็มองอย่างเชิดหยิ่ง วางอำนาจ
“ช่วงบ่ายมุกขอคุยเรื่องงานด้วยนะคะ คุณรัตน์เอาตารางงานของ นางสาว ณ สยาม มาให้มุกดูทั้งหมดด้วยค่ะ”
“ได้ค่ะ”
“ขอรายละเอียดงานทุกอย่างเลยนะคะ เผื่อถ้าคุณรัตน์ไม่อยู่ มุกจะได้ส่งต่อให้คนอื่นทำงานได้”
มุกตาภาพูดจบก็เดินไปเลย รัตน์มองตาม ชักสีหน้าไม่พอใจ
“มันบีบออกกันชัดๆ เลยนี่หว่า นึกว่าชั้นจะยอมง่ายๆ เหรอ”
รัตน์สะบัดหน้าเดินเข้าลิฟท์ไป

ด้านชญานนท์เดินนำตรีอัปสรมาที่ลานจอดรถ ตรีอัปสรแอบกระหยิ่ม ยิ้มย่องนิดๆ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นกังวล เกรงใจ ขยับเดินไปคู่กับชญานนท์
“คุณนนท์ ไม่มีงานด่วนแน่นะคะ ตรีเกรงใจจริงๆเลยค่ะ”
“ไม่เป็นไร การดูแล นางสาว ณ สยาม ก็ถือเป็นหน้าที่ของผม”
“ถ้าตรีไม่มีนัดที่ห้องเสื้อของแม่ ตรีก็รอรถตู้ของสถานีให้ไปส่งได้...แต่...”
ชญานนท์ตัดบทอย่างสุภาพ “ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ ผมไปส่งได้...ไม่ลำบากอะไร”
ตรีอัปสรยิ้มบางๆ “ได้ยินคุณนนท์พูดแบบนี้ ตรีก็สบายใจค่ะ”
ชญานนท์เดินไปถึงรถ เปิดล็อคฝั่งคนนั่งข้างให้ตรีอัปสร “เชิญ”
ตรีอัปสรยิ้มโปรยเสน่ห์เต็มที่ “ขอบคุณค่ะ”
ตรีอัปสรขึ้นนั่งบนรถ ชญานนท์อ้อมมาขึ้นรถฝั่งคนขับ

สองคนเดินเข้าห้องจากลานจอดรถ ตรีอัปสรใส่แว่นตาดำ เดินเคียงชญานนท์มา
“ตรีขอแวะหาอะไรทานก่อนได้ไม๊คะ...ตรีหิวอ่ะค่ะ”
ชญานนท์มองตรีอัปสรเหมือนจะถามว่าจะผิดเวลานัดรึเปล่า ตรีอัปสรถอดแว่นตาออก ท่าทีดูสบายๆ ไม่วางท่า ไม่วางมาด
“ยังไม่ถึงเวลานัดค่ะ พอมีเวลาหาอะไรทานได้ 1 อิ่มอะค่ะ”
ชญานนท์อดขำกับคำพูดของตรีอัปสรไม่ได้ ชายหนุ่มเองก็เผลอทำตัวสบายๆ ไม่ได้ตั้งกำแพงกั้นเหมือนทุกครั้งที่เจอกัน
“ก็ดีเหมือนกัน...ผมก็ชักหิวแล้ว”
“โอเค ค่ะ งั้นเราไปทางนี้ดีกว่า มีร้านอาหารอร่อย คนไม่เยอะ ทานได้สบายๆ ไม่มีใครมากวนขอถ่ายรูปด้วยค่ะไปค่ะ”
ตรีอัปสรเดินนำไปอย่างร่าเริง ชญานนท์มองตามไป อดยิ้มกับท่าทีหล่อนไม่ได้ ส่วนตรีอัปสรที่เดินนำหน้า แอบยิ้มอย่างสมใจ ที่สามารถทำลายกำแพงความเย็นชาของชญานนท์ขี้เก๊กได้

บริกรเอาบิลไปเก็บเงินที่โต๊ะริสา เพื่อนของสลิลทิพย์ ริสาซึ่งเล่นไอแพดอยู่ เงยหน้าขึ้นหยิบบิลมาแล้วจ่ายเงินให้ ริสามองเลยไปแล้วทำตาโตเมื่อเห็นชญานนท์เดินเข้ามาในร้านกับตรีอัปสร ทั้ง 2 คน เดินเข้าไปนั่งมุมด้านในอีกด้านหนึ่ง ริสาขาเม้าท์มองอย่างครุ่นคิด ก่อนจะรีบลุกขึ้นเดินออกจากร้านไป

สองคนลงนั่ง บริกรยืนจดออเดอร์แล้วเดินไป ชญานนท์หันมาทางตรีอัปสร แล้วชะงักเมื่อพบว่าตรีอัปสรมองเขาอยู่
“หน้าผมมีอะไรรึเปล่า”
“เปล่าค่ะ ทำไมเหรอคะ”
“ก็คุณมองเหมือนหน้าผมมีอะไรผิดปกติ”
ตรีอัปสรอดขำไม่ได้ “ไม่มีอะไรผิดปกติหรอกค่ะ ตรีแค่คิดถึงตอนที่เรายังเด็กๆ น่ะค่ะ”
ชญานนท์หน้าหมองลง ด้วยรู้สึกผิดติดค้างในใจ “เมื่อไหร่คุณจะลืมเรื่องนั้นซะที”
ตรีอัปสรยิ้ม “คุณจะให้ตรีลืมเรื่องที่ตรีโดนปรักปรำได้ยังไงคะ”
ชญานนท์ถอนหายใจ “ตอนนั้นเรายังเด็ก ผมเห็นคุณถือตุ๊กตาของน้องอร ผมก็คิดว่าคุณ...”
ตรีอัปสรต่อให้ “ขโมยตุ๊กตา”
ชญานนท์ถอนหายใจเบาๆ เหมือนยอมจำนน ไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไร
“ผมขอโทษที่เข้าใจคุณผิด”
“กว่าตรีจะได้คำขอโทษของคุณ ตรีต้องรอนานเป็น 10 ปีเลยนะคะ” ตรีอัปสรสัพยอก
“คุณทำให้ผมรู้สึกแย่ลงไปอีกนะเนี่ย”
“อย่าบอกนะคะ ว่าคุณรู้สึกผิด”
ชญานนท์สบตาตรีอัปสร “ใช่...ผมรู้สึกผิด...ผิดที่ผลักคุณแล้วก็เข้าใจคุณผิดด้วย”
“สภาพตรีตอนนั้น ก็สมควรที่คุณจะเข้าใจผิดหรอกค่ะ เด็กสลัม สกปรก มอมแมมเบบนั้น...ใครเห็นก็ต้องคิดว่าขโมยตุ๊กตามากกว่าเก็บตุ๊กตามาคืนค่ะ”
“ถ้าลืมเรื่องนี้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร...แต่อย่าคิดถึงมันอีกได้ไม๊”
“แต่มันเป็นเรื่องเดียวของเราในวัยเด็กนะคะ”
ตรีอัปสรพูดเหมือนเปิดใจ เผยความรู้สึกของตัวเอง ชญานนท์สบตาตรีอัปสรสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้น

สลิลทิพย์มีสีหน้าโกรธ ไม่พอใจสุดขีด เมื่อฟังที่ริสารายงานข่าวจบ
“มันไปกินข้าวกับตานนท์ได้ยังไง ห๊ะ....ยายอร”
อรสินีนั่งอยู่ข้างๆสลิลทิพย์ โดยมีริสานั่งอยู่ด้วย
อรสินีตอบเรียบๆ “อรก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
สลิลทิพย์ของขึ้น “อย่าตอบแม่แบบนี้น่ะ อร”
“แล้วคุณแม่จะให้อรตอบยังไงล่ะคะ อรอยู่กับคุณแม่ตลอดเวลา ถ้าคุณป้าริสาไม่มาบอก เราก็ไม่ทราบด้วยกันทั้งคู่” อรสินีว่า
ริสาเอ่ยขึ้น “ก็จริงของหลานนะ สลิล”
สลิลทิพย์เจ็บใจ “มันจองล้าง จองผลาญตั้งแต่รุ่นแม่มันจนมาถึงรุ่นลูกจริงๆ”
ริสาคาใจ “ทำไม ยายดารินทร์มันมีเรื่องอะไรกับเธอ หรือที่เค้าพูดกันว่า มันเคยฉกผัวเธอ เป็นเรื่องจริง”
สลิลทิพย์ไม่ตอบ หน้าตึงเปรี๊ยะ หงุดหงิดเต็มที่
“อรขอตัวก่อนนะคะ”
อรสินีขยับลุกขึ้นเดินไป ริสาหันมาทางสลิลทิพย์
“ไหนเล่ามาซิ...เรื่องมันเป็นยังไง”
สลิลทิพย์มองริสา ซึ่งทำท่าตั้งใจฟังสุดฤทธิ์

หลังทานอิ่มสองคนเดินมาหน้าร้านเสื้อ Ouiset ของดารินทร์ ตรีอัปสรหยุดเดินหันมาทางชญานนท์
“ขอบคุณนะคะ...ที่มาส่ง”
ชญานนท์พยักหน้า “ผมบอกแล้วไงว่าเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว”
ตรีอัปสรยิ้ม “ค่ะ ตรีก็ขอบคุณตามหน้าที่เหมือนกัน”
ชญานนท์ยิ้ม พลางก้มหัวให้ แล้วเดินไป ตรีอัปสรมองตามแล้วยิ้มอย่างพอใจ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ตรีอัปสรมองโทรศัพท์ก่อนจะรับสาย
“ฮัลโหล...คิดถึงคุณนะ จังเลยค่ะ...จริงซิคะ”
ตรีอัปสรพูดเสียงหวาน ยิ้มนิดๆ ที่ปั่นหัวผู้ชายได้

มุกตาภาเปิดประตูเข้ามาในห้องคุณดิษฐ์ เห็นรัตน์เดินสวนออกไป โดยไม่ได้ทักทายหรือมองมุกตาภาแม้แต่น้อย มุกตาภาขมวดคิ้ว หน้าบึ้งไม่พอใจกับท่าทางนั้น หล่อนเดินไปนั่งกับพ่อ รีบชิงพูดขึ้นก่อน
“ยายคุณรัตน์มาฟ้องอะไรคุณพ่อรึเปล่าคะ”
คุณดิษฐ์มองมุกตาภานิ่งๆ แล้วเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ก่อนจะถามต่อ
“แล้วมุกไปทำอะไรให้คุณรัตน์ต้องมาฟ้องพ่อรึเปล่าล่ะ”
มุกตาภาหงุดหงิดทันที “มุกก็แค่ให้เค้าส่งตารางทั้งหมดของ นางสาว ณ สยาม แล้วก็ขอตัดสินใจเองว่างานไหนจะให้ นางสาว ณ สยามไป งานไหน จะให้รองไป”
“พ่อว่ามุกกำลังล้วงลูกคุณรัตน์นะ ไปยุ่งกับงานในส่วนของคุณรัตน์ ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา”
“แต่คุณพ่อบอกให้มุกช่วยคุณรัตน์นะคะ...พอมุกช่วยคุณพ่อก็หาว่ามุกล้วงลูก”
“พ่อให้ไปช่วย ไม่ได้ให้ไปดึงงานมาทำเอง” คุณดิษฐ์ตำหนิ
มุกตาภาแค้นใจ “ยายคุณรัตน์นี่ ขี้ฟ้อง สอพลอจริงๆ”
“พ่อมีคำถาม” มุกตาภาชะงักหยุดด่ารัตน์ มองหน้าพ่อ “ทำไมมุกไม่พา นางสาว ณ สยามไปงาน”
มุกตาภาอึกอักก่อนจะตอบว่า “ก็มุกเห็นคุณรัตน์ไปแล้ว...มุกก็เลยไม่ไป”
คุณดิษฐ์พูดเสียงเข้มจริงจัง “อย่าเอาความรู้สึกส่วนตัว มาพัวพันกับงาน อย่าใช้อารมณ์ในการทำงานมันจะเสียการใหญ่ แล้วคุณรัตน์ก็ไม่ได้มาฟ้องอะไร พ่อเรียกเค้ามาคุยเรื่องโปรเจ็คท์ใหม่”
มุกตาภาหน้าม้าน มองคุณดิษฐ์อึ้งๆ รู้สึกพลาดที่เผลอเล่าเรื่องที่ตัวเองปัญหากับรัตน์

ตรีอัปสรนั่งอ่านหนังสือแฟชั่นอยู่ในห้องทำงานดารินทร์ แลเห็นพนักงานในร้านกำลังดูแลลูกค้าอยู่ ดารินทร์แนะนำชุดให้ลูกค้าเสร็จแล้วเดินมาหา มองตรีอัปสรซึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่อย่างไม่สนใจใคร
“ทำไมแกถึงไม่ให้ชั้นไปรับแก”
ตรีอัปสรเงยหน้าขึ้นมอง “ก็แม่ทำงานอยู่นี่...ตรีไม่อยากให้แม่ทิ้งงานไปรับตรี”
ดารินทร์ไม่เชื่อนัก “แล้วทำไมคุณนนท์ถึงมาส่งแกได้”
ตรีอัปสรมองดารินทร์ยิ้มๆ “ถามเหมือนตรีเป็นจำเลย...เลยน่ะแม่”
ดารินทร์มองลูกสาวอย่างพิจารณา “แกมีแผนการอะไรห๊ะ ยายตรี”
ตรีอัปสรทำท่าเซ็งๆ เงยหน้าขึ้นมองดารินทร์
“แม่เห็นตรีเป็นคนยังไง ตรีจะไปมีแผนการอะไร ตรีเห็นแม่ยุ่งเรื่องงานก็เลยจะให้รถตู้ของช่องมาส่ง แต่รถตู้ไม่ว่าง คุณนนท์ก็เลยอาสามาส่งให้ ก็แค่นี้”
ดารินทร์ดักคอ “ขอให้มันแค่นี้จริงๆเถอะ แกก็รู้อยู่ว่าคุณนนท์เป็นคู่รักกับยายน้องอรถึงยายนั่นจะเป็นลูกนังสลิลศัตรูของชั้น แต่ลูกสาวมันก็ไม่มีพิษสงอะไร”
ตรีอัปสรขยับลุกขึ้น “จะมาเทศนาให้เสียเวลาทำงานทำไมเนี่ย ตรีไปเดินเล่นเช็คเรตติ้งดีกว่า”
พูดจบตรีอัปสรก็เดินออกไปจากร้านเลย ดารินทร์มองตามก่อนจะส่ายหน้าเอือมๆ

เย็นแล้วขณะอรสินีนั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างสระน้ำ อติรุจรู้เรื่องแล้ว ทรุดตัวลงนั่ง ตรงข้ามกับอรสินี มองน้องสาวอย่างเป็นห่วง
“กำลังคิดถึงเรื่อง นนท์อยู่รึเปล่า”
อรสินียิ้มบางๆ “เรื่องที่ตรีไปกับพี่นนท์น่ะเหรอคะ”
“ใช่”
“อรไม่คิดอะไรหรอกค่ะ พี่รุจ พี่นนท์ก็แค่ไปส่งตรี ไม่มีอะไร”
อติรุจหัวเราะเบาๆ “อรนี่ไม่ได้เชื้อขี้หึงจากคุณแม่เลยน่ะ”
อรสินีหัวเราะ “เรารู้จักกับพี่นนท์มาตั้งแต่เด็กนะคะ พี่รุจ โตมาด้วยกัน เห็นกันเกือบทุกวัน อรว่า....อรรู้จักพี่นนท์ดีค่ะ...อรไว้ใจพี่นนท์...แล้วพี่รุจก็ต้องเชื่อใจ ไว้ใจตรีด้วย”
อติรุจเลิกคิ้ว “วกมาที่พี่ได้ยังไงเนี่ย”
อรสินีมองอติรุจแล้วทำหน้าล้อๆ
“อรว่าไม่มีใครเหมาะกับพี่รุจเท่ากับตรีแล้วล่ะค่ะ อรแอบเชียร์อยู่นะคะ แล้วก็ยินดีที่จะเป็นแม่สื่อให้...ถ้าพี่รุจต้องการ”
อติรุจยิ้มนิดๆ ไม่พูดอะไร

รถสปอร์ตของตรีอัปสรแล่นเข้ามาจอดตรงจุดนัด ตรีอัปสรลงมาจากรถ เดินไปหาณเดชย์ซึ่งยืนรออยู่แล้ว ณเดชย์หันมาเห็น ก็เดินเข้ามาจะกอด ถูกตรีอัปสรรั้งไว้
“อย่าค่ะ...เดี๋ยวใครเห็น”
ณเดชย์มองไปรอบๆ แล้วหันมาทางตรีอัปสร
“ไม่มีใครหรอก...ตรงเนี้ยปลอดคน ผมอยากแสดงความยินดีกับ นางสาวณ สยาม คนสวยของผม”
ณเดชย์ดึงร่างหล่อนเข้ามากอด ตรีอัปสรยังขืนตัวอยู่
ณเดชย์กอดและพูดไปด้วย “คุณอยากได้อะไรเป็นของขวัญ...ผมจะซื้อให้”
ตรีอัปสรยิ้มอย่างพอใจเมื่อได้ยินคำพูดของณเดชย์
“ตรีไม่อยากได้อะไรแล้วล่ะค่ะ คุณซื้อรถให้ตรีแล้ว...นั่นก็มากแล้วค่ะ”
ณเดชย์ดึงตรีอัปสรออก มองอย่างรักใคร่ “แต่ผมอยากซื้อให้นี่ ค่อยๆคิด...ไม่ต้องรีบ”
ตรีอัปสรเย้า “ตรีไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ใช่ไม๊คะ”
“ใช่”
ณเดชย์ดึงตรีอัปสรเอามากอด แล้วพาเดินไปที่รถตน
“ไปคุยกันทางโน้นดีกว่า...นะ”
ตรีอัปสรไม่ตอบ แต่เดินกอดแขนณเดชย์ไป

ในขณะที่คุณหญิงสุดสวาทแต่งตัวสวยงามเดินลงบันไดมา เห็นมุกตาภานั่งรออยู่ในห้องรับแขก ก็เข้าไปทักทาย
“หนูมุก”
มุกตาภาหันมาลุกขึ้นยืน ยกมือไหว้สวยงาม “สวัสดีค่ะ”
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก ไม่เห็นมีใครขึ้นไปบอกแม่เลย”
“มุกบอกเด็กเองค่ะ ว่าไม่ต้องรบกวนคุณหญิงแม่”
“นัดกับตานะไว้เหรอลูก แล้วนี่เค้ายังไม่กลับมาอีกเหรอ”
“ไม่ได้นัดค่ะ....มุกมาเอง”
คุณหญิงฉงนมากขึ้น “อ้าว แล้วโทร.หากันรึยังล่ะ” มุกตาภาส่ายหน้า “แล้วทำไมมุกไม่โทร.หาล่ะลูก นายนะจะรู้เหรอว่ามุกมาอยู่นี่ มะ แม่โทร.ให้เอง”
คุณหญิงหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าออกมากดสาย

โทรศัพท์ของณเดชย์วางอยู่ในรถ เห็นชื่อ MOM แต่โทรศัพท์ปิดเสียงไว้

ที่สุดคุณหญิงสุดสวาทวางโทรศัพท์ลง ก่อนจะหันไปมองมุกตาภา
“สงสัยจะประชุมอยู่”
“คุณแม่โทร.ไปแล้วไม่รับแบบนี้ ก็คงจะยุ่งอยู่...อาจจะประชุมอย่างที่คุณแม่ว่าก็ได้ค่ะ”
“มุกอยู่รอตานะดีไม๊...ลูก”
“ไม่ดีกว่าค่ะ คุณแม่จะออกไปข้างนอกด้วย ใช่ไม๊คะ”
“ใช่จ้ะ เออ....แม่มีนัดคุยเรื่องงานแชร์ริตี้...เพื่อเด็กกำพร้าซะด้วยซิ อืม...แม่อยากให้มุกรอน่ะ....จะได้เจอกัน”
“ไม่เป็นไร มุกกลับบ้านดีกว่า แล้วมุกค่อยโทร.หาคุณนะอีกทีค่ะ”
คุณหญิงพยักหน้า “ไป๊....งั้นเราออกไปพร้อมกัน”
“ค่ะ” มุกตาภาเดินตามคุณหญิงสุดสวาทออกไป

ฟากนายพลอัศวินออกมาจากห้องอาหารเพิ่งทานมื้อค่ำอิ่ม เดินตรงมาที่ห้องรับแขกกับดารินทร์
“ดาขอไปอาบน้ำก่อนนะคะ...คุณจะขึ้นไปพร้อมกันเลยไม๊คะ”
“คุณขึ้นไปก่อนเถอะ...ประเดี๋ยวผมตามขึ้นไป”
“ค่ะ”
ดารินทร์เดินขึ้นบันไดไป นายพลอัศวินมองตามแล้วเดินไปที่เก้าอี้รับแขก หยิบหนังสือขึ้นมาเปิด ซักครู่ เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอด ปิ๋มเดินมาจากหลังบ้านออกไปทางหน้าบ้าน นายพลอัศวินมองตามเห็น ปิ๋มเดินเข้ามาพร้อมถุง ข้าวของ ตรีอัปสรเดินตามเข้ามา นายพลนักรักมองอย่างดีใจ
“วันนี้หนูตรีว่างเหรอถึงไปชอปปิ้ง”
“มีงานยกเลิกน่ะค่ะ...ตรีก็เลยว่าง”
“คุยกันหน่อยได้ไม๊”
“ได้ค่ะ” ตรีอัปสรหันมาทางปิ๋ม “เอาของขึ้นไปไว้ที่ห้องก่อนนะ...แล้วไปพักเถอะ”
“ค่ะ”
ปิ๋มหิ้วของเดินขึ้นบันไดไป ตรีอัปสรหันมาทางนายพลอัศวิน
“ไปคุยในสวนดีกว่า...นะ”
“ค่ะ”
อัศวินเดินนำตรีอัปสรไป

สองคนอยู่ในสวนมุมลับตา นายพลอัศวินหันมาทางตรีอัปสรซึ่งเดินตามมา
“หนูตรีอ่านโน้ตของลุงแล้วใช่ไม๊”
“ค่ะ”
“ตกลงตามนั้นนะ”
ตรีอัปสรมองนายพลหื่น ยิ้มหวานให้ “ถ้าตรีไม่ติดงาน ตรีอยากไปกับคุณลุงวันนี้เดี๋ยวนี้ เลยด้วยซ้ำไปค่ะ....แต่คุณลุงก็ทราบว่าภารกิจ นางสาว ณ สยามมีมากแค่ไหน”
นายพลอัศวินถอนหายใจ “ลุงเข้าใจ”
“อาทิตย์หน้า ตรีก็ต้องบินไปประกวดมิสเวิลด์....คุณลุงรอให้ตรีกลับมาก่อนได้ไม๊คะ”
อัศวินค่อนขอด “หนูตรีอยากให้ลุงขาดใจเพราะหนูรึไงจ๊ะ อย่าให้ลุงคอยเลยนะ ขอนัดเดิมแล้วกัน”
“แต่ตรีค้างไม่ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไร เราไปเจอกันแต่เช้า เย็นๆก็กลับ...ลุงอยากอยู่ตามลำพังกับหนู แค่ 5-6 ชั่วโมง ลุงก็มีความสุข ต่ออายุลุงได้แล้ว พอหนูกลับมาจากประกวดมิสเวิลด์...เราค่อยหาเวลาไปค้างด้วยกัน”

ตรีอัปสรอึ้ง มองชายแก่ตรงหน้านิ่งนาน พูดอะไรไม่ออก ยิ่งคับแค้นเพราะดูออกว่านายพลอัศวินจะต้องการจากหล่อนแบบไม่จบสิ้น

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 8 (ต่อ)

กลับถึงบ้านค่ำคืนนั้น ชญานนท์นั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานหน้าโน้ตบุ๊ค กำลังตรวจเช็คงานอยู่ มุกตาภาเดินเข้ามาในห้องโดยไม่เคาะประตู ชญานนท์เหลียวไปมองน้องสาว พบว่าหน้าตามุกตาภาค่อนข้างฉ่ำ เหมือนคนดื่มมากึ่มๆ

มุกตาภาเดินเซเข้ามาหา ชญานนท์เห็นอาการ ก็รีบลุกขึ้นไปคว้าตัว
“มุก” ชญานนท์ได้กลิ่นละมุดหึ่ง “นี่ ดื่มเหล้ามาเหรอเนี่ย”
มุกตาภาเสียงรั่วๆ อ้อแอ้ๆ “นิดหน่อยค่ะ ดื่มพอครึ้มๆ ชีวิตมันรันทด มันเจ็บช้ำ”
ชญานนท์ถาม “ทะเลาะกับนายนะ มาใช่ไม๊”
มุกตาภาหัวเราะหยันชีวิต “ทะเลาะกัน ทะเลาะกันซะยังดีกว่าค่ะ แต่นี่ คู่หมั้นมุกหาย หายไปไหน ก็ไม่รู้...หรือไปกกอยู่กับนังตรีอัปสร...ก็ม่ายรู้”
ชญานนท์ปรามเสียงเข้ม “มุก...เบาๆ หน่อย...เดี๋ยวคุณพ่อได้ยิน”
“พี่นนท์อย่ามาหลอกมุกค่ะ คุณพ่อไม่อยู่ ยังไม่กลับ มุกรู้หรอกค่ะ”
มุกตาภาเดินไปนั่งแล้วเริ่มต้นร้องไห้เหมือนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
“คุณนะไม่รักมุก ไม่เคยสนใจมุก ไม่เคยดูแล เทคแคร์มุกเลย...เค้าหายไปไหนก็ไม่รู้ ไปอยู่กับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ มุกไม่อยากจะสืบ มุกไม่อยากรู้...พี่นนท์ พี่นนท์ต้องช่วยมุกนะคะ คุณพ่อบอกให้มุกแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว อย่าเอามาปนกัน”
“พี่ว่ามุกไปอาบน้ำนอนดีกว่า อย่าให้คุณพ่อกลับมาเห็นมุกสภาพนี้เลยนะ”
ชญานนท์ดึงมุกตาภาให้ลุกขึ้น แล้วพาเดินไป
มุกตาภายังพร่ำบ่นต่อ “รอให้มันกลับมาจากประกวดมิสเวิลด์ก่อนเถอะ มุกไม่ปล่อยมันไว้แน่ ใครอย่ามาห้ามมุกน่ะ มุกแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้แค่เนี้ย”
ชญานนท์มองมุกตาภาที่พอพูดจบก็ซบไหล่ตนหลับไป สงสารน้องสาวจับใจ

เช้าวันค่อมา ภายในห้องพักนางงามในไทยเท็น อรสินีกับวรัญญานั่งรออยู่ในนั้นแล้ว ขณะที่รัตน์เดินเข้ามาแล้วถามหาตรีอัปสร
“ตรีอัปสรยังไม่มาอีกเหรอ”
“ยังค่ะ ระดับนางสาว ณ สยาม เค้าไม่มานั่งรอใครหรอกค่ะ...มาสายไว้เก๋สุด...พอมาถึงก็ไปเลย” วรัญญากัด
อรสินีหันมามองวรัญญาแล้วยิ้มให้ วรัญญาค้อนอรสินีเล็กๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงประชด
“ใช่ไม๊คะ....คุณหนูน้ำแข็ง”
อรสินียิ่งขำหัวเราะเบาๆ “อรน่ะเหรอ....คุณหนูน้ำแข็ง....
“ก็ใช่น่ะซิ ใจเย็นจนเป็นน้ำแข็งไปแล้ว” วรัญญาหมั่นไส้พลางหันมาทางรัตน์ “ใช่ไม๊คะ คุณรัตน์”
“เธอก็หัดทำให้ได้เหมือนอรสินีมั่ง” รัตน์บอก
เจ้าหน้าที่ 1 เดินเข้ามาในห้อง
“น้องตรีกำลังมานะคะ บอกว่ารถติดมาก”
รัตน์ทำหน้าเซ็งๆ พยักหน้ารับ ส่วนวรัญญาเบ้ปากอย่างเซ็งๆ

ตรีอัปสรเดินมาพร้อมกับดารินทร์
“เดินช้าหน่อยก็ได้ ยายตรี...เดินเร็วๆ มันเสียกิริยานางงาม”
ตรีอัปสรอดหัวเราะไม่ได้ “ตรีว่า แม่น่าจะเขียนคู่มือนางงามขายนะ”
“อืม...ไม่เลวนะ”
ดารินทร์อดขำไปกับความคิดของตรีอัปสรไม่ได้ สองคนเห็นชญานนท์เดินมากับมุกตาภาจากอีกด้าน มุกตาภาเห็นตรีอัปสรกับดารินทร์เดินมา ก็ชักสีหน้าทันที
ดารินทร์ยิ้มทักทาย “สวัสดีค่ะ คุณนนท์ คุณมุก”
“สวัสดีครับ”
“วันนี้โชคดีจริงๆ เจอคุณมุก” ตรีอัปสรนึกหมั่นไส้มุกตาภาจึงหันไปบอกดารินทร์ “ตั้งแต่ตรีได้ตำแหน่งเพิ่งจะได้เจอคุณมุกนี่ล่ะค่ะ แม่”
“อ๋อ...ค่ะ” ดารินทร์ยิ้มเรี่ยราด
มุกตาภาโพล่งขึ้นมาอย่างเหลืออด “ชั้นยุ่งเรื่องตามจับนังแมวขโมยอยู่น่ะ มันชอบแอบมาขโมยกินปลาย่างของชั้น ก็เลยไม่ค่อยว่าง”
ดารินทร์งงกับคำพูดของมุกตาภา แต่ตรีอัปสรกลับยิ้มอย่างใจเย็น ย้อนเจ็บ
“แล้วจับได้ไม๊คะ”
มุกตาภาจ้องหน้าตรีอัปสรอย่างเข่นเขี้ยว “สันดานแมวขโมย ต้องจับให้ได้ตอนปลาคาปากนั่นละ มันถึงจะยอมรับ แต่ชั้นต้องจับมันได้เร็วๆ นี้ แน่นอน”
ตรีอัปสรยิ้มเชือดเฉือน “ตรีเอาใจช่วยนะคะ”
ชญานนท์ตัดบท “ผมว่าคุณรีบไปหาคุณรัตน์เถอะ...เลยเวลามานานแล้ว”
“ค่ะ” ตรีอัปสรหันมาทางดารินทร์ “ไปค่ะแม่”
ตรีอัปสรยิ้มให้ทั้งสองคน ก่อนจะเดินไปกับแม่
มุกตาภามองตามไปอย่างแค้นใจ “นังหน้าด้าน”
ชญานนท์ปราม “มุก”
มุกตาภามองพี่ชายแล้วสะบัดหน้าเดินแยกไป ชญานนท์มองมุกตาภาอย่างกังวลและเป็นห่วง

ดารินทร์เดินมากับตรีอัปสร คาใจไม่หาย
“ยายนั่นมันว่ากระแทกแกใช่ไม๊”
“ตรีจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ แม่”
ดารินทร์ฉุกคิด หยุดเดิน “แกไปยุ่งกับคู่หมั้นมันใช่ไม๊ มันถึงได้พูดแบบนั้น”
ตรีอัปสรหงุดหงิด “แม่...จะพูดอะไรก็ให้สมกับที่เป็นแม่ตรีหน่อยเถอะ ตรีรู้จักกับคุณนะ แต่ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับเค้า ยายมุกตาภาก็หึงหน้ามืดตามัว ฟาดหัวฟาดหางไปเอง”
ดารินทร์ถอนหายใจ “ก็ขอให้จริงอย่างที่แกพูดเถอะ...อนาคตแกกำลังไปได้สวย อย่าให้เรื่องชู้สาว คาวโลกีย์มาถ่วงความเจริญก้าวหน้าของตัวเอง”
ตรีอัปสรตัดบท “ตรีรู้แล้ว ส่งตรีแค่นี้ก็พอ”
“เย็นๆ แม่มารับ”
“ค่ะ”
ดารินทร์หมุนตัวเดินกลับไปทางเดิม ตรีอัปสรผ่อนลมหายใจ ก่อนจะหมุนตัวเดินไป

ฟากมุกตาภาเดินมากระแทกตัวลงนั่งอย่างแรง เหมือนจะระบายอารมณ์ ชญานนท์มองมุกตาภา
“มุกจะหมดความอดทนกับนังนางงาม หน้าด้านนั่นแล้วนะคะ”
“มุกยังไม่เคยเห็นนะกับตรีเลยนะ แค่ข้อมูลว่าเค้าไปกินข้าวด้วยกันครั้งเดียว มุกก็เอาไปคิดเอง เครียดเอง”
มุกตาภาของขึ้น ระบดระบาย “พี่นนท์คะ ตั้งแต่คุณนะกลับมาจากอังกฤษ คุณนะก็เปลี่ยนไป แทบจะเจอกับมุกนับครั้งได้ และทุกครั้งที่เจอกันก็เพราะมุกเป็นฝ่ายดิ้นรนเองมันไม่ใช่แค่เรื่องงานยุ่งหรอกค่ะ แต่เป็นเพราะเค้ามีผู้หญิงคนอื่น คอยดูนะ ถ้ามุกจับได้คาหนังคาเขาล่ะก้อ มุกจะแฉให้เป็นข่าว เอาให้มันดังกว่าตอนได้มงกุฎอีก”
ชญานนท์มองมุกตาภาอย่างครุ่นคิด กังวลด้วยรู้ว่าน้องสาวอารมณ์ร้อนแค่ไหน

เย็นวันนั้นประตูห้องเปิดออก เห็นรัตน์เดินนำอรสินี ตรีอัปสร และวรัญญาออกมา
“พรุ่งนี้ตรงเวลาด้วยนะตรี”
“ตรีสัญญาว่าจะมาถึงเป็นคนแรกเลยค่ะ”
วรัญญาชายตามอง “สงสัยชั้นต้องเตรียมร่มมาด้วย ฝนอาจจะตกหน้าร้อนได้”
ตรีอัปสรหัวเราะขำ “เตรียมมาเผื่อคุณอรกับคุณรัตน์ด้วยนะ”
วรัญญาหมั่นไส้ “ย่ะ”
อรสินีหัวเราะเบาๆ “อรเอามาเองก็ได้”
ตรีอัปสรหันมาหัวเราะขำที่อรสินีเล่นด้วย
“วันนี้คุณแม่มารับรึเปล่าคะ”
เสียงชญานนท์ดังเข้ามา “เปล่า...วันนี้ผมไปส่งเอง”
ตรีอัปสร วรัญญา และรัตน์หันไปมองเห็นชญานนท์ยืนอยู่ วรัญญาอมยิ้มนิดๆ
ชญานนท์พูดต่อ “คุณน้าสลิลโทร.มาบอกว่าติดธุระด่วน ให้ผมช่วยไปส่งคุณอรสินี”
ตรีอัปสรหน้าตึงเหมือนไม่พอใจ แต่ก็ฝืนยิ้ม พูดแบบซื่อ ใส
“รถตู้ของช่องไม่อยู่อีกแล้วเหรอคะ” แล้วหันไปทางอรสินี “เมื่อวานคุณนนท์ก็กรุณาไปส่งตรีเหมือนกันค่ะ”
อรสินียิ้มให้ “ค่ะ”
“ขออนุญาตนะครับ” ชญานนท์หันไปพูดกับอรสินี “ไปค่ะ”
อรสินียิ้มให้ชญานนท์ แล้วหันมายกมือไหว้รัตน์ และบ๊ายบายเพื่อนๆ ก่อนจะเดินไปกับชญานนท์ ตรีอัปสรยิ้มให้แล้วมองตามไป แววตาเปลี่ยนเป็นหมั่นไส้ แค้นใจ
วรัญญาซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เห็นท่าทางของตรีอัปสรก็อมยิ้มนิดๆ ด้วยความสะใจ

สลิลทิพย์เดินเข้าบ้านมา ดูเหมือนว่าเพิ่งกลับจากข้างนอก ชญานนท์ซึ่งนั่งอยู่กับอรสินีลุกขึ้นยกมือไหว้สวัสดี สลิลทิพย์รับไหว้ ไม่วายกระทบกระเทียบ
“นี่ถ้าน้าไม่ขอให้มาส่งยายอร เราจะได้เจอกันไม๊เนี่ย”
“เจอซิครับ”
“คิดว่าต้องเดินสายพานางงามไปเดินห้างซะอีก” สลิลทิพย์แขวะอีกดอก
ชญานนท์ยิ้มเอาใจ “ถ้าคุณน้าอนุญาตให้ผมคบกับน้องอรได้เปิดเผยเหมือนเดิม ผมจะทำหน้าที่รับ-ส่ง น้องอร ให้คุณน้าเองครับ”
“คงต้องปรึกษาคุณดิษฐ์ก่อนล่ะ ถ้ามีข่าวรองนางสาว ณ สยาม ที่กำลังเตรียมตัวไปประกวดมิสเอเซียจะเปิดตัวเป็นคู่รักกับลูกชายเจ้าของช่อง...จะมีปัญหาอะไรรึเปล่า”
ชญานนท์พูดทีเล่นทีจริง “นี่ยังไม่นับที่ต้องกลับมาเล่นละครอีกนะครับ”
สลิลทิพย์ทำท่าคิดได้ “อืม...ใช่ พักเรื่องส่วนตัวมาใส่ใจเรื่องงานก่อนดีกว่า อาทิตย์หน้าก็ต้องเดินทางแล้ว นนท์ไปด้วยรึเปล่า...หรือว่าต้องไปกับนางสาว ณ สยาม”
“ไม่ได้ไปไหนทั้งนั้นครับ ผมรอให้กำลังใจน้องอรอยู่ทางนี้ ต้องประชุมเรื่องละครด้วยครับ”
“ฝากดูน้องนะ เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ยายอรด้วย”
“ครับ”
สลิลทิพย์เดินออกไป ชญานนท์มองตามแล้วหันมาทางอรสินี ยิ้มหวานให้กัน

ตุ๊กตาหมี เป็นหนึ่ง นอนอยู่บนเตียง ตรีอัปสรยื่นมือมาหยิบตุ๊กตาแล้วทรุดตัวลงนั่งบนเตียง
“ทำไมมันมีทุกอย่าง มันได้ทุกอย่าง ทำไม ห๊ะ เป็นหนึ่ง จนถึงวันนี้ตรีเป็น นางสาว ณ สยาม ตรีเป็นที่หนึ่ง....มันก็ยังได้รับความสนใจมากกว่าตรี...ตรีต้องเอาตัวเข้าแลกกับมงกุฎ แต่มันไม่ต้องเสียอะไรเลย...มันได้ทุกอย่าง”
ภาพบาดตาบาดใจตอนชญานนท์มองอรสินีอย่างรักใคร่ผุดขึ้นมาหลอกหลอน
ตรีอัปสรยิ่งแค้น “อรสินี....แกไม่ควรจะได้อะไรมากขนาดนั้น...ไม่ควรได้”
สีหน้าแววตาตรีอัปสรยามนี้ทั้งโกรธและเกลียดอรสินี สุดจะประมาณ

ตอนบ่าย ที่บ้านพักชายทะเลหลังนั้น แลเห็นนายพลอัศวินเดินออกมาจากในบ้าน หน้าตาสดชื่น มีความสุข มองไปอีกทาง เห็นตรีอัปสรเดินเข้ามาเหมือนเพิ่งมาถึง
นายพลอัศวินเดินไปหาอย่างเร็วรี่ สวมกอดตรีอัปสรไว้อย่างดีใจ
“หนูตรี...หนูตรีของลุง...ลุงรอวันนี้มานานแล้ว...วันที่เราจะอยู่ด้วยกัน”
ตรีอัปสรขืนตัว ดันออก “อย่าค่ะ คุณลุง...ปล่อยตรีก่อนค่ะ”
“เวลามีน้อย จะให้ลุงเสียเวลาทำไมล่ะ ไป เข้าไปข้างในกันดีกว่า”
ท่านนายพลประคองตรีอัปสรเข้าไปในบ้าน

ตรีอัปสรทรุดตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนที่โซฟาห้องรับแขก นายพลอัศวินตามลงมาติดๆ พยายามจะกอดรัด ตรีอัปสรพยายามบ่ายเบี่ยง
“เดี๋ยวค่ะ คุณลุง ตรีขอไปอาบน้ำก่อนได้ไม๊คะ”
“อาบทำไมล่ะ เสียเวลาเปล่าๆ แค่นี้ก็หอมยั่วยวนจนลุงปั่นป่วนไปหมดแล้ว”
ตรีอัปสรพยายามบ่ายเบี่ยงเลี่ยงหลบ อัศวินก็ไม่สนใจ สีหน้าหื่นกระหายก้มหน้าลงมาใกล้ หมายจะจูบ ตรีอัปสรพยายามดันออก แต่อัศวินก้มลงมาคลุกหน้ากับแก้มนวล
ตรีอัปสรขยับลุกขึ้น ผลักออก ร้องเสียงดังลั่น “อย่าค่ะ...อย่า”

ตรีอัปสรตกใจตื่น รู้สึกตัว มองไปรอบๆ อย่างประหวั่น และค่อยๆ ตั้งสติได้ว่าเป็นแค่ฝันไป ตรีอัปสรมองแขนเอามือลูบหน้าอย่างขยะแขยง รังเกียจ ในฝันยังรังเกียจขนาดนี้ แล้วถ้าเจอของจริง จะเป็นยังไง

เช้านี้ที่ชิงช้าบริเวณเทอเรสหลังบ้าน ตรีอัปสรนั่งเหม่ออยู่คนเดียวตรงนั้น ดารินทร์เดินมาจากในบ้านทางห้องอาหาร ปิ๋มซึ่งจัดอาหาร แป๋วอยู่ในครัวเตรียมอาหารอยู่ ปิ๋มเอาถาดใส่ชุดกาแฟไปวาง ดารินทร์มองหาลูกสาว ปิ๋มทำท่าบุ้ยใบ้ไปว่าอยู่
ดารินทร์เดินออกไปนอกบ้าน มองตรีอัปสรอย่างแปลกใจ
“ตื่นแต่เช้าเชียวนะ...ยายตรี”
“ตรีนอนไม่หลับค่ะ”
“ทำไม หรือตื่นเต้นเรื่องจะไปประกวดมิสเวิลด์ อะไรกัน ระดับตรีอัปสรยังตื่นเต้นอีกเหรอ”
ดารินทร์พูดเสียงกลั้วหัวเราะ ตรีอัปสรยังมีสีหน้ากังวลอยู่ ดารินทร์เริ่มมองลูกอย่างพิเคราะห์
“กังวลอะไรรึเปล่า นี่แม่ก็ไม่ได้กดดันอะไรแกนะ แค่ขอให้ชนะยายอรสินีซักนิด แม่ก็พอใจแล้ว”
“แม่คะ...ช่วงนี้ตรีขอรถแม่ไปขับนะ”
“อ้าว...แล้วรถสปอร์ตของแกล่ะ”
“แม่ก็เอาไปขับซิ...ตรีไม่อยากขับ ไปไหนมาไหนก็เป็นจุดสนใจ ก่อนไปประกวด ตรีอยากออกไปซื้อของ อยากไปเที่ยว เปิดหูเปิดตาบ้าง”
ดารินทร์มองจับสังเกต “มีอะไรมากกว่านี้รึเปล่า”
“ตรีจะมีอะไรล่ะ ถ้าแม่ไม่อยากให้ยืมก็แล้วไป”
“เอาเถอะ...เอาเถอะ...ชั้นขับรถแกก็ได้”
“ขอบคุณค่ะ”
ตรีอัปสรผ่อนลมหายใจ เบาๆอย่างโล่งอก

ฟากนายพลอัศวินแต่งตัวในชุดสบายๆ ดูหนุ่มกว่าเสื้อผ้าที่เคยใส่ เดินลงบันไดมาหน้าตาสดชื่น เบิกบาน คุณหญิงสุดสวาทนั่งกินอาหารเช้ากันอยู่กับณเดชย์ แม่ ลูก หันไปมองท่านนายพลอย่างแปลกใจ
“นึกครึ้มอะไรขึ้นมาคะ คุณอัศ แต่งตัวลดอายุเป็นหนุ่มน้อยขนาดนี้”
อัศวินหัวเราะ พูดเย้า “แต่งตัวแบบนี้ ถึงกับเป็นหนุ่มน้อยเลยเหรอ พอจะสู้กับเด็กๆ ของคุณหญิงได้ไม๊”
คุณหญิงสุดสวาทค้อนขวับ “อย่ามาเอาดิชั้นไปเกี่ยวข้องค่ะ”
ณเดชย์ขยับลุกขึ้น “ผมไปทำงานนะครับ”
“แล้วอย่าลืมไปรับหนูมุกตาภามาทานข้าวกับแม่เย็นนี้นะ” คุณหญิงกำชับ
“ครับ” ณเดชย์หันไปทางอัศวิน “วันนี้คุณพ่อจะเข้าออฟฟิศรึเปล่าครับ”
“มีอะไรรึเปล่าล่ะ ถ้าไม่มีอะไร พ่อก็ไม่เข้า”
“มีเอกสารเซ็น 2-3 ฉบับครับ แล้วก็มีโปรเจ็คท์ปรับปรุงห้างที่ผู้รับเหมาส่งมาให้”
“นะก็ดูแล้วก็ตัดสินใจไปได้เลย”
“ครับ...ผมไปนะครับ”
ณเดชย์เดินออกไป นายพลอัศวินเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหาร เด็กรับใช้เข้ามารินกาแฟเสิร์ฟอาหารเช้าให้ คุณหญิงมองสามีอย่างพิจารณา
“สงสัยจะมีเด็กสาวมาเป็นของเซ่น ถึงได้แต่งตัวลดอายุซะขนาดนี้”
นายพลอัศวินหัวเราะ “รู้ดีจริงๆ สมกับที่เป็นเมียเก่าเมียแก่”
คุณหญิงหน้าบึ้ง “นี่...อย่ามาว่าดิชั้นแก่นะ”
ท่านนายพลหัวเราะ “เอาเถอะน่ะ ถึงแก่แต่ก็ยังสวย”
คุณหญิงจดสายตามองจับสังเกต “นางงามเบอร์ไหนคะ แต่ถ้าให้ชั้นเดา น่าจะเป็นเบอร์ 1ตั้งใจจะใช้บริการทั้งแม่ทั้งลูกเลยเหรอคะ”
นายพลอัศวินมองคุณหญิงซึ่งพูดอย่างจริงจัง ก็เสยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มกลบเกลื่อน
“คุณจะลากผู้หญิงที่ไหนไปขึ้นสวรรค์ ลงนรก ดิชั้นก็ไม่สนใจหรอกค่ะ แต่ยายนั่น เคยเป็นคู่ควงของตานะ นะคะ”
“คุณรู้ได้ยังไง”
คุณหญิงเยาะ “ถึงชั้นจะเป็นยังไง แต่ชั้นก็ไม่เคยลืมว่าชั้นมีลูกที่ชั้นต้องดูแลปกป้อง”
“แล้วคุณมาบอกผมทำไม”
“ชั้นว่าชั้นเคยพูดเรื่องนี้ไปแล้วนะคะ ว่าชั้นไม่อยากให้คุณกับลูกใช้บริการผู้หญิงคนเดียวกัน”
ท่านนายพลมองคุณหญิงนิ่ง แต่ไม่ตอบ

รถของดารินทร์จอดอยู่หน้าบ้านแล้ว ตรีอัปสรแต่งตัวทะมัดทะแมงค่อนข้างมิดชิดออกมาจากในบ้าน ดารินทร์เดินตามมา
“แน่ใจนะ...ว่าจะไปซื้อของคนเดียว ให้แม่ไปเป็นเพื่อนก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ตรีไปได้...แม่จะได้ทำงาน”
ตรีอัปสรเดินไปขึ้นรถ สตาร์ทออกไป ดารินทร์มองตามอย่างแปลกใจ แล้วก็เดินกลับเข้าบ้านไปอย่างไม่คิดมาก

ตอนสายๆ นายพลอัศวินขยับลุกขึ้น คุณหญิงสุดสวาทมองตามอย่างหมั่นไส้
“ที่ดิชั้นเตือนก็เพราะไม่อยากให้คุณกับลูกผิดใจกัน”
“ขอบใจในความหวังดีนะ คุณหญิง ถามจริงๆ เถอะ ที่เตือนนี่เพราะอยากให้นายนะแต่งงานกับหนูตรีอัปสรรึไง”
“เรื่องอะไรดิชั้นจะให้ลูกไปแต่งงานกับผู้หญิงอย่างนั้น ตานะต้องแต่งงานกับหนูมุกตาภาเท่านั้นค่ะ”
“ก็แล้วคุณจะเดือดร้อนอะไร เอาเวลาไปยุ่งกับเรื่องหนุ่มๆของคุณดีกว่าอย่ามาสนใจเรื่องของผมเลย”
อัศวินพูดจบก็เดินออกไป คุณหญิงฯมองตามไป แทนสายตาเห็นอัศวินขึ้นรถฝั่งคนขับ คุณหญิงฯมองอย่างแปลกใจ
“ทำไมวันนี้ขับรถเอง”

ตรีอัปสรจอดรถเข้าริมทาง ถอนหายใจ สีหน้าเครียด
“นี่ชั้นต้องยอมจริงๆเหรอ นี่”
สีหน้าตรีอัปสรเต็มไปด้วยความกังวล ละอายใจ นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้
เวลานั้นตรีอัปสรคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องนอน “สวัสดีค่ะ”
เสียงนายพลอัศวินดังลอดออกมา “พรุ่งนี้แล้วนะ หนูตรี....อย่าลืมนัดของเราล่ะ”
“ตรีไม่ลืมหรอกค่ะ”
เสียงนายพลนักรักหัวเราะ “ลุงรู้ว่าหนูไม่ลืม แต่ลุงอยากให้ยินเสียงหนู พรุ่งนี้เจอกันนะ เราจะได้มีความสุขด้วยกัน”

ในรถที่จอดอยู่นั้น ตรีอัปสรหลับตาลงอย่างขยะแขยง ก่อนจะลืมตาขึ้น สูดลมหายใจลึกๆ บอกตัวเอง
“ไม่มีใครได้อะไรมา โดยที่ไม่เสียอะไรไป จำไว้...ตรีอัปสร”

ด้านนายพลอัศวินขับรถไปตามทาง สีหน้าเบิกบาน หยิบมือถือขึ้นมาโทร.ออก
“ฮัลโหล เจียมเหรอ ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วใช่ไม๊...ดี...เอากุญแจแอบไว้ใต้กระถางต้นไม้ เดี๋ยวชั้นไปเปิดเอง...ขอบใจมาก”
อัศวินกดสายทิ้ง แล้วยิ้มอย่างพอใจก่อนจะโทร.อีกครั้ง

ตรีอัปสรตรงเข้ามาหยิบกุญแจจากหลังกระถางต้นไม้ มองกุญแจในมือ แล้วมองเข้าไปในบ้านอย่างครุ่นคิด ตรีอัปสรผินหน้ามองไปที่ชายทะเลอันเงียบสงบ ก่อนจะหันมาทางบ้าน ตรีอัปสรทำท่าครุ่นคิด
คำพูดที่นายพลอัศวินเหมือนบังคับกลายๆ ให้ตรีอัปสรไปนอนด้วยดังก้องขึ้น
“หนูตรีอยากให้ลุงขาดใจเพราะหนูรึไงจ๊ะ อย่าให้ลุงคอยเลยนะ ขอนัดเดิมแล้วกัน”
“แต่ตรีค้างไม่ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไร เราไปเจอกันแต่เช้า เย็นๆก็กลับ...ลุงอยากอยู่ตามลำพังกับหนู แค่ 5-6 ชั่วโมง ลุงก็มีความสุข ต่ออายุลุงได้แล้ว พอหนูกลับมาจากประกวดมิสเวิลด์...เราค่อยหาเวลาไปค้างด้วยกัน”
ภาพชญานนท์ผู้หล่อเหลาและเพียบพร้อมผุดซ้อนแทรกเข้ามา ตอนเขาอวยพรให้เธอโชคดีในการประกวด รวมทั้งตอนที่ชญานนท์บอกว่ารู้สึกผิดกับเรื่องราวในวัยเด็กที่เขาเข้าใจตรีอัปสรผิด
ตรีอัปสรสับสน ดูเครียดหนัก อีกทั้งละอายแก่ใจเหลือเกิน หล่อนมองกุญแจนิ่งนาน สุดท้ายเดินไปวางกุญแจไว้ที่เดิม ตัดสินใจเดินไปที่รถ เพื่อกลับบ้าน

เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นในจังหวะนี้ ตรีอัปสรหยิบขึ้นมาดู เห็นเป็นชื่อนายพลอัศวินโทร.เข้า ถึงกับอึ้งนิ่งงันไป

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 8 (ต่อ)

นายพลอัศวินขับรถมาตามทาง มุ่งหน้าสู่ต่างจังหวัด กดมือถือรอสายไปโดยใช้อุปกรณ์ช่วยโทร. รอจนสายหลุดไป โดยที่ตรีอัปสรไม่ยอมรับสาย นายพลนักรักกดตัดสายโทรศัพท์พลางขมวดคิ้ว พลางบ่นพึมพำ

“ทำไมไม่รับสาย” ทำท่าครุ่นคิด “ทำอะไรอยู่...หรือจะขับรถ”
คิดดังนั้น นายพลอัศวินเปลี่ยนสีหน้าเป็นกรุ้มกริ่ม เมื่อคิดถึงสิ่งที่จะได้เจอ

ประตูบ้านพักตากอากาศเปิดออก ตรีอัปสรเดินเข้าไปในบ้าน มองไปรอบๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้รับแขกมุมห้องโถง
“นี่ชั้นทำอะไรลงไปเนี่ย”
ตรีอัปสร สับสน ว้าวุ่นหนัก มากที่สุดคือความละอายแก่ใจ กระเป๋าสะพายของตรีอัปสรใส่ตุ๊กตาหมีเป็นหนึ่งติดได้ด้วย

ด้านดารินทร์อยู่ที่ห้องเสื้อ Ouiset ในห้าง กำลังคุยจ๊ะจ๋ากับลูกค้าอยู่ พนักงานในร้านถือถุงเสื้อผ้ามาส่งให้ลูกค้า
“ขอบคุณมากนะคะ ส่วนชุดราตรีอีก 2 ชุด พรุ่งนี้บ่ายได้แน่นอนค่ะ”
“อย่าให้เกินบ่ายสองนะคะ” ลูกค้ากำชับ
“ค่ะ”
ลูกค้าเดินออกไป โดยมีพนักงานร้านไปส่ง และเดินสวนกับคุณหญิงสุดสวาทที่เดินหน้าเชิด ระเหิดระหงเข้ามา ดารินทร์หันไปเห็น เพ่งมองอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่าคุณหญิงจะมาที่ร้าน ดารินทร์ยิ้มหวานเดินเข้าไปต้อนรับ แต่ไม่ยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ คุณหญิง เป็นเกียรติมากเลยค่ะ ที่คุณหญิงมาอุดหนุนดิชั้นถึงร้าน คุณหญิงจะไปงานไหนคะ ดิชั้นจะได้แนะนำชุดได้ถูก”
คุณหญิงปรายหางตามองรอบๆ “เสื้อผ้าแบบนี้ชั้นไม่ใส่ ไม่ใช่สไตล์ชั้น”
ดารินทร์ซึ่งกำลังยิ้มๆอยู่ เปลี่ยนสีหน้าเป็นตึงเปรี๊ยะ ไว้ตัวทันทีเมื่อได้ยินคำพูดดูแคลนนั้น
“แล้วคุณหญิงมาที่นี่ทำไมคะ หรือมาตามคุณอัศ”
คุณหญิงยิ้มหยัน “ถ้าชั้นเป็นคนตามผัว จิกผัว คุณอัศคงไม่มีเมียเล็กเมียน้อยเรี่ยราดแบบนี้หรอก”
ดารินทร์ถึงกับอึ้งพูดไม่ออก คุณหญิงรู้สึกสะใจก่อนจะพูดต่อ
“ชั้นมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
ดารินทร์ฉงน “คุยกับดิชั้น เรื่องอะไรคะ”
คุณหญิงมองดารินทร์แล้วมองไปรอบๆ เห็นพนักงานที่ทำเป็นจัดเสื้อผ้าอยู่ไม่ห่าง

สองเมียน้อย เมียหลวง อยู่ด้วยกันในห้องทำงานส่วนตัวในร้านเสื้อดารินทร์ คุณหญิงสุดสวาทเดินเข้ามานั่งวางมาดหยิบพัดสวยงามออกมาคลี่แล้วพัดให้ตัวเอง พูดเล่นลิ้น
“อันที่จริงเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับชั้นโดยตรง แต่เกี่ยวกับคนในครอบครัวชั้น”
ดารินทร์ตีฝีปากกลับ “ก็พอจะทราบค่ะ...ว่าถ้าเป็นเรื่องของคนอื่น คุณหญิงคงไม่เสียเวลามาหาดิชั้น”
คุณหญิงเสียงแข็ง “อย่าปากดีนัก ชั้นไม่ได้มาต่อปากต่อคำกับเธอ”
“ถ้าอย่างนั้น คุณหญิงก็เข้าประเด็นเลยดีกว่าค่ะ...ดิชั้นมีงานต้องทำค่ะ”
“ชั้นไม่รู้นะ ว่าผู้หญิงที่เป็นเมียน้อยอย่างเธอ จะคิดอะไรดีๆเป็นรึเปล่า แต่ชั้นอยากให้เธอควบคุมลูกสาวเธอให้ดี รู้ใช่ไม๊ ว่าลูกเธอเคยอ่อยลูกชายชั้น”
ดารินทร์กระทบกระเทียบ “อ๋อ...หวงลูกชาย"
“ชั้นไม่ได้หวง เพราะชั้นรู้ว่ายังไงตานะก็แยกแยะออกว่าคนไหนเป็นเพชร คนไหนเป็นกรวด” คุณหญิงสุดสวาทพูด ชัด ช้า และเน้นคำ “แต่ชั้นไม่อยากให้พ่อกับลูกมั่วผู้หญิงคนเดียวกัน”
ดารินทร์ชักฉุน “คุณหญิงต้องการจะพูดอะไรคะ”
“ก็พูดความจริงน่ะซิ นี่ไม่รู้เลยรึไง ว่าลูกสาวเธอแอบอ่อยผัวชั้น ซึ่งเป็นผัวเธอด้วย”
ดารินทร์โกรธ “เป็นไปไม่ได้ ดิชั้นรู้จักลูกดิชั้นดี”
“รู้จักกันให้ดีไว้น่ะถูกต้องแล้ว อย่าให้ลูกสาวเธอทำตัวเป็นนางเทครัวกวาดทั้งพ่อทั้งลูก อย่าให้ศีลธรรมมันเสื่อมไปมากกว่านี้”
พูดจบคุณหญิงสุดสวาทก็ขยับเดินออกไป เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น คุณหญิงหยิบออกมารับ
“ฮัลโหล ใช่ค่ะ ดิชั้น คุณหญิงสุดสวาทค่ะ” สีหน้าคุณหญิงเปลี่ยนเป็นตกใจ “ค่ะ...อะไรนะคะ”
คุณหญิงตกใจถึงขีดสุด

ฝ่ายตรีอัปสรนั่งพิงเก้าอี้รับแขก กอดหมีเป็นหนึ่งเหมือนเป็นที่พึ่ง หลับตาอยู่ซักครู่ เสียงโทร
ศัพท์ดังขึ้น ตรีอัปสรตกใจสะดุ้งนิดๆ มองโทรศัพท์แล้วหยิบขึ้นมาดู ก่อนจะพึมพำออกมา
“แม่...”
ตรีอัปสรลุกขึ้น ชะเง้อมองออกไปนอกบ้าน ก่อนจะตัดสินใจรับสาย
“ฮัลโหล...ว่าไงคะแม่”
น้ำเสียงดารินทร์ซึ่งโทร.มาจากร้านเสื้อ ร้อนรนมาก “แกอยู่ไหน...ยายตรี”
ตรีอัปสรตั้งสติกลัวแม่จับได้ “ตรีเขียนโน้ตไว้แล้วไง ว่าออกมาข้างนอก”
จับน้ำเสียงได้ว่า ดารินทร์ดูจะตื่นตระหนกมากๆ “ชั้นถามว่าแกอยู่ไหน”
“แม่มีอะไรก็พูดมาเถอะ”
“แกกลับมาหาชั้นเดี๋ยวนี้เลย...คุณอัศ...” ดารินทร์พูดแค่นี้ก็สะอื้น ไม่พูดต่อ
ตรีอัปสรใจหล่นวูบ กังวลว่านายพลอัศวินเล่าเรื่องของเธอ “แม่คะ คุณลุงบอกอะไรแม่คะ แม่อย่าไปเชื่อนะคะ”
“เค้าไม่ได้บอกอะไรชั้น...แต่ว่าคุณอัศเค้า...”
ตรีอัปสรนิ่งฟัง เบิกตาโพลง ตกใจ กับสิ่งที่ได้ยินแม่พูด
“อะ...อะไรนะ...จริงเหรอแม่ ตรีไปเดี๋ยวนี้ล่ะ...แค่นี้นะแม่”
ตรีอัปสรตัดสาย สีหน้าซึ่งตกใจอยู่เมื่อครู่ ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสงบนิ่ง เยือกเย็น
“ไปสู่สุขคติเถอะ...ชั้นรอดแล้ว” ตรีอัปสรยิ้มกับตัวเอง “ชั้นรอดแล้ว”
ตรีอัปสรเหยียดยิ้มอย่างเลือดเย็น

บ่ายคล้อย ดารินทร์ซึ่งนั่งร้องไห้อยู่ตรงล็อบบี้ เงยหน้าขึ้น มองเห็นตรีอัปสรเดินแกมวิ่งเข้ามา ดารินทร์ถลาเข้าไปหาลูก
“ตรี”
“คุณลุงเป็นยังไงมั่งคะ”
ดารินทร์ยังคงร้องไห้ไม่ตอบ ตรีอัปสรกอดแม่ไว้ แววตาครุ่นคิด ก่อนจะถามเบาๆ
“ตายแล้วเหรอคะ”
ดารินทร์ตกใจ เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ดึงตัวออกมา มองตรีอัปสร “ยายตรี ทำไมพูดแบบนั้น”
ตรีอัปสรรีบปรับสีหน้าเป็นเสียใจ ไม่เจตนา
“ก็แม่ไม่ตอบ เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว...ตรีก็คิดว่า....คุณลุง...ไปแล้ว”
“ยัง คุณอัศยังอยู่ในห้องไอ.ซี.ยู. แต่อาการหนักมาก” ดารินทร์มองตรีอัปสรเหมือนไม่อยากพูดคำนี้ “เป็นตายเท่ากัน”
ตรีอัปสรมองดารินทร์อย่างเห็นใจ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ แล้วหันกลับมาถาม
“แล้วทำไมแม่ไม่ไปรอหน้าห้องไอ.ซี.ยู...มารอตรงนี้ทำไม”
ดารินทร์มองตรีอัปสรแต่ไม่พูดอะไร

ที่หน้าห้องไอซียู คุณหญิงสุดสวาทนั่งอยู่กับณเดชย์ มีมุกตาภานั่งอยู่อีกด้าน มองไปที่ประตูห้อง ตลอดเวลา โดยเฉพาะคุณหญิงซับน้ำตา ณเดชย์ดึงคุณหญิงเข้ามากอดปลอบใจ
“คุณพ่ออยู่กับหมอแล้ว...หมอต้องช่วยเต็มที่แน่นอนครับ”
“นะ อย่าไปไหนน่ะลูก...อยู่กับแม่นะ”
“ครับ”
คุณหญิงหันมาทางมุกตาภา “ขอบใจ มุก มากนะลูก...ที่มาอยู่เป็นเพื่อนแม่”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ณเดชย์มองไปที่ทางเดิน เผลอเรียกอย่างลืมตัว “ตรี”
ทั้งคุณหญิง และ มุกตาภาหันไปมอง เห็นดารินทร์เดินมากับตรีอัปสร สีหน้าดารินทร์สลด กังวล ส่วนตรีอัปสรจะหน้านิ่งกว่า ตรีอัปสรปล่อยมือจากการประคองดารินทร์ ยกมือไหว้คุณหญิงสุดสวาทคุณหญิงรับไหว้แบบไม่เต็มใจ ก่อนจะเมินหน้าหนีไปทางอื่น มุกตาภาหน้าบึ้ง ไม่พอใจที่เจอตรีอัปสรที่นี่
“เสียใจด้วยนะคะ...คุณนะ”
คุณหญิงเหลียวขวับมาทันที “คุณอัศวินยังไม่ตาย...เธอจะมาเสียใจทำไม”
ณเดชย์ส่งเสียงปราม “คุณแม่ครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ...คุณนะ” ตรีอัปสรหันมาทางคุณหญิง “ที่ตรีเสียใจด้วยหมายถึงเสียใจที่คุณลุงประสบอุบัติเหตุค่ะ”
คุณหญิงสุดสวาทคอแข็ง เมินหน้าไปทางอื่น
“มุกว่า คุณหญิงแม่กลับไปพักก่อนไม๊คะ ค่ำๆ เราค่อยมาอีกครั้ง...นะคะ” มุกตาภาว่า
ณเดชย์แห็นด้วย “ก็ดีเหมือนกันครับคุณแม่ นั่งรออยู่ตรงนี้ก็ยังไม่มีอะไร มุก...พาคุณแม่กลับบ้านด้วยนะ”
“อ้าว แล้วนะล่ะ จะไปไหน” คุณหญิงถาม
“ผมจะรออยู่ที่นี่ครับ ถ้าคุณพ่อปลอดภัยแล้ว ผมจะรีบโทร.บอกคุณแม่”
มุกตาภาคอแข็งทันที เพราะไม่อยากให้ณเดชย์จะอยู่กับตรีอัปสร
“แล้วเธอล่ะ ตรีอัปสร...วันนี้ไม่มีซ้อมการแสดงเหรอ...ใกล้วันเดินทางแล้วนะ”
“ไม่มีค่ะ วันนี้ตรีว่าง ตั้งใจว่าจะไปจัดกระเป๋าเตรียมไว้ก่อน”
“ก็ดี”
ณเดชย์หันมาทางคุณหญิง พูดตัดบททันที
“ไปครับ...คุณแม่...ผมไปส่งที่รถ”
ณเดชย์ประคองคุณหญิงเดินไป โดยมีมุกตาภาเดินไปอีกด้านหนึ่ง ดารินทร์มองไปที่ประตูห้องไอซียู ส่วนตรีอัปสรมองตามสามคนไป ยิ้มเยาะ อย่างสะใจ

ข่าวรู้ถึงคุณดิษฐ์ซึ่งอยู่ที่ช่องไทยเท็น และกำลังทรุดตัวลงนั่ง จากตกใจ สีหน้าครุ่นคิด คล้ายแปลกใจ ไม่อยากเชื่อ
“คุณอัศรถคว่ำเหรอ”
“ครับ” ชญานนท์นั่งตรงข้ามคุณดิษฐ์
“ปกติคุณอัศมีคนขับรถไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมคราวนี้ถึงได้ขับรถเองแล้วก็ไปคนเดียวด้วย”
“นั่นซิครับ บางทีคุณอัศวินอาจจะนัดพบกับใคร ผมว่า คุณหญิงสุดสวาทคงทราบครับ”

คุณหญิงสุดสวาทนั่งอยู่ที่เก้าอี้ห้องรับแขกในคฤหาสน์ ส่ายหน้าช้าๆ ตอบคำถามเดียวกันนี้กับมุกตาภา
“ไม่รู้...แม่ไม่รู้ว่า...คุณพ่อนัดพบกับใคร...แล้วกำลังจะไปไหน”
“คุณพ่อไม่ได้บอกอะไรคุณหญิงแม่เลยเหรอคะ”
คุณหญิงสุดสวาทส่ายหน้า “ไม่ได้บอก...ก่อนจะไปก็คุยเรื่อง...” คุณหญิงหยุดพูด เหมือนจะนึกถึงเรื่องที่คุยกันกับสามีเมื่อเช้า
มุกตาภามองจ้อง “เรื่องอะไรเหรอคะ”
“ก็เรื่องสัพเพเหระ...ไม่ได้มีอะไรพิเศษ”
“หรือคุณพ่อจะไปพักผ่อนคะ”
คุณหญิงนิ่งคิด “หรือจะไปบ้านสามร้อยยอด” แต่ไม่แน่ใจนัก “แล้วจะไปทำไม”

ตรีอัปสร ดารินทร์ ณเดชย์ อยู่ตรงหน้าห้อง ไอ.ซี.ยู ในโรงพยาบาล ดารินทร์หันไปมองณเดชย์
“นั่นซิคะ แล้วคุณอัศจะไปทำไม ไปคนเดียวอีกต่างหาก”
“คุณพ่อไม่ได้บอกอะไรคุณน้าเลยเหรอครับ”
“ไม่ค่ะ ไม่ได้บอกอะไร”
ตรีอัปสรซึ่งนั่งฟังอยู่ด้วย มองซ้าย มองขวา ก่อนจะขยับลุกขึ้นเดินไปที่หน้าห้องไอ.ซี.ยู ยืนมองนิ่งผ่านกระจก เหมือนจะให้ทะลุเข้าไปถึงนายพลอัศวิน มือตรีอัปสรแต่ที่ประตู ส่งความคิดไปยังนายพลหื่น
“ตายซะเถอะค่ะ คุณลุง เรื่องมันจะได้จบ ตรีอโหสิกรรมให้ อย่ามีเวรมีกรรมต่อกันเลย”
ณเดชย์เดินตรงมาหาตรีอัปสร มองอย่างรักใคร่ “ตรี”
ตรีอัปสรหันมามองณเดชย์ หน้าสวยดูเศร้าไปถนัด น้ำตาคลอจนเกือบหยด
“ไม่น่าเกิดเรื่องแบบนี้กับคุณลุงเลยนะคะ ตรีสงสารคุณลุงจริงๆ”
ขาดคำน้ำตาของตรีอัปสร ก็หยดร่วงทันที ณเดชย์มองตรีอัปสรอย่างซาบซึ้ง เอื้อมมือจะปาดน้ำตาให้ แต่ตรีอัปสรขยับตัว ยกมือปาดน้ำตาตัวเอง ก่อนดารินทร์เดินเข้ามาหา มองตรีอัปสรทีแล้วมองณเดชย์ที
“เมื่อไหร่ คุณหมอจะออกมาค่ะ คุณนะ”
ณเดชย์ส่ายหน้า “ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
“ตรีจะกลับบ้านก่อน แม่จะอยู่รอฟังอาการคุณลุง หรือจะกลับพร้อมกันคะ”
“กลับก็ได้” ดารินทร์หันมาทางณเดชย์ “ถ้าคุณนะทราบเรื่องจากคุณหมอ โทร.บอกด้วยนะคะ”
“ครับ”
ตรีอัปสรมองณเดชย์ ยิ้มให้กำลังใจ แล้วเดินไปกับดารินทร์ ณเดชย์มองตาม

แม่ลูกถึงบ้านตอนหัวค่ำ ตรีอัปสรเดินนำเข้ามา ดารินทร์เดินไปนั่งที่เก้าอี้รับแขก ในขณะที่ตรีอัปสร
ทำท่าจะแยกขึ้นบันไดไป มีปิ๋มเดินตามมา ถือรองเท้าเข้ามาเก็บข้างใน
“ยายตรี”
ตรีอัปสรหันมามอง เห็นหน้าตาดารินทร์ที่อมทุกข์ เลยทำหน้าเซ็งนิดๆ ที่แม่ดูอ่อนแอ ก่อนจะเดินไปหา
“อย่าบอกนะ...ว่าแม่เสียใจจริงๆที่คุณลุงรถคว่ำ”
ดารินทร์ตกใจคิดไม่ถึงว่าตรีอัปสรจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
“ยายตรี นี่แกคิดว่าชั้นดราม่า ต่อหน้านังคุณหญิงนั่นรึไง”
ตรีอัปสรยักไหล่พรืด “ตรีจะไปรู้เหรอ...ถึงคุณลุงจะทำให้เรามีความเป็นอยู่ดีขึ้น แต่แม่...รักคุณลุงจริงๆ หรือดีกับเค้าเพราะเค้าให้เงิน”
ดารินทร์ปรี๊ดเสียงดังใส่ “ยายตรี เมื่อกี้ชั้นยังเห็นแก น้ำตาหยด น้ำตาย้อยอยู่หยกๆ”
ตรีอัปสรยักไหล่ “คุณลุงนอนอยู่ใน ไอซียู จะเป็นจะตายก็ไม่รู้ แล้วแม่จะให้ตรีหัวเราะได้ไง ตรีก็ต้องร้องไห้ตามน้ำไป”
ดารินทร์ตะลึงนึกไม่ถึง “ยายตรี”
“ตรีถามจริงๆ เถอะแม่ ระหว่างพ่อกับคุณลุงอัศวิน แม่รักใครมากกว่ากัน”
“แกจะขุดเรื่องพ่อของแกมาพูดให้มันได้อะไรขึ้นมาห๊ะ ถ้าแกอยากจะเปรียบเทียบพ่อแกกับคุณลุงอัศวินนัก...ก็ได้”
ดารินทร์มองลูกนิ่ง ตรีอัปสรมองแม่แล้วเมินไปทางอื่น ดารินทร์พูดต่อ
“พ่อแก นอกจากไม่คิดจะช่วยให้แกได้มงกุฎแล้ว ยังมาขู่ชั้นว่าจะบอกนักข่าวว่าแกมีพ่อขี้เมา อยู่สลัม ส่วนคุณลุงอัศวินพยายามทำให้แกได้มงกุฎ นางสาว ณ สยาม แกก็มีสมองนี่ ลองคิดตรึกตรองเอาเองแล้วกันว่าใครที่หวังดีกับแกอย่างแท้จริง
ตรีอัปสรนิ่งอึ้งพูดไม่ออก บอกไม่ได้กับดารินทร์ ได้แต่อัดอั้น ดารินทร์จี้ต่อทันที
“แล้วแกคิดว่าชั้นควรจะรักใครมากกว่ากัน”
“ไม่ควรรักใครเลยค่ะ”
ตรีอัปสรพูดจบก็เดินขึ้นบันไดไป ดารินทร์มองตามตาขุ่น ไม่เข้าใจในความงี่เง่าไม่เข้าท่าของตรีอัปสร

ตรีอัปสรเข้าห้องนอน เดินมากระแทกตัวนั่งบนเตียง เปิดกระเป๋าหยิบตุ๊กตาหมีเป็นหนึ่งออกมา พูดเหมือนระบายอย่างขมขื่น
“หวังดีอย่างแท้จริงเหรอ ฮึ แม่ก็ต้องการแก้แค้น พ่อก็ต้องการเงิน นายอัศวินนั่นก็ต้องการตัว มีใครที่ไม่หวังประโยชน์จากชั้นบ้าง”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ตรีอัปสรหันไปมอง ตรีอัปสรรร้องบอก “เข้ามา”
เป็นปิ๋มโผล่หน้าเข้ามา เดินมาทรุดตัวนั่ง “คุณดาให้เชิญคุณตรีลงไปทานข้าวค่ะ”
“ชั้นไม่หิว”
“คุณตรีจะจัดกระเป๋าไม๊คะ...ปิ๋มจะได้ช่วยจัดให้ค่ะ”
ตรีอัปสรมองปิ๋มยิ้มๆ “ชั้นก็ไม่ได้เอาอะไรไปมากหรอก เพราะทางกองประกวดเตรียมให้หมดแล้ว”
ปิ๋มมองตรีอัปสรอย่างชื่นชม “คุณตรีของปิ๋ม ทั้งสวย ทั้งเก่ง ปิ๋มภูมิใจที่สุดเลยค่ะ ที่ได้รับใช้ใกล้ชิดคุณตรี”
ตรีอัปสรได้ฟังก็ยิ่งขำ “ขนาดนั้นเชียว”
“จริงๆ นะคะ ปิ๋มอยากไปรับใช้ถึงเวทีประกวดเลยด้วยซ้ำค่ะ ถ้าไม่เกรงใจพี่เลี้ยงกองประกวด”
ตรีอัปสรอดอีกขำไม่ได้ “เกรงใจแม่เธอด้วยเถอะ ถ้าเธอไป ใครจะช่วยแม่เธอทำงาน”
“ถ้าปิ๋มไปกับคุณตรี แม่ไม่ว่าหรอกค่ะ”
ตรีอัปสรพยักหน้า “งั้นพรุ่งนี้ก็มาช่วยชั้นจัดของแล้วกัน”
“ค่ะ”
ปิ๋มพูดจบก็เดินออกไป ตรีอัปสรผ่อนลมหายใจช้าๆ กลับสู่โหมดเครียดอีก หันไปมองตุ๊กตาหมีเป็นหนึ่ง พึมพำเบาๆ
“แกว่าเค้าจะตายไม๊...เป็นหนึ่ง”

ณเดชย์พาตัวเองมาอยู่ในห้องคุณหมอเจ้าของไข้ที่โรงพยาบาล แต่เช้า สีหน้าคุณหมอดูกังวลมาก ขณะที่ณเดชย์นั่งอยู่ตรงข้าม สีหน้าหมอง
“อาการของท่านอัศวิน พ้นขีดอันตรายแล้วนะครับ”
ณเดชย์ผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
“แล้วเมื่อไหร่จะออกจากห้อง ไอซียู ครับ แล้วเมื่อไหร่จะรู้สึกตัวครับ”
“ตอนนี้ปัญหาคือ สมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง จนทำให้เลือดคั่งและสมองบว”
“แล้วจะมีผลยังไงมั่งครับ”
“ท่านจะขยับเขยื้อนไม่ได้ และก็จะพูดไม่ได้ด้วยครับ”
ณเดชย์ตกใจ “อะไรนะครับ...แล้วจะหายไม๊ครับ”
คุณหมอลำบากใจที่จะตอบ “มันก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ กำลังใจของคนไข้ การผ่าตัด การดูแล ทำกายภาพ ทุกอย่างมีผลกับอาการของคนไข้ทั้งนั้นครับ”
“ต้องใช้เวลานานแค่ไหน แล้วต้องผ่าตัดกี่ครั้งครับ”
“ผมยังบอกไม่ได้ครับ...เราต้องประเมินหลังจากการผ่าตัดแต่ละครั้งไป”

ไม่ว่าจะอย่างไร ก็ถือเป็นข่าวดีของณเดชย์ คุณหญิงสุดสวาท และดารินทร์ แต่เป็นข่าวร้ายของ นางสาว ณ สยาม!

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 8 (ต่อ)

ณเดชย์เดินช้าๆ มาตามทางเดินในโรงพยาบาล สีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทร.หาตรีอัปสร

ในเวลาเดียวกันชญานนท์นั่งอ่านเอกสารอยู่ในห้องทำงาน มุกตาภาเดินเข้ามากระแทกตัวนั่งเก้าอี้อย่างไม่สบอารมณ์ ชญานนท์เงยหน้าขึ้น
“คุณลุงอัศวินเป็นยังไงบ้าง”
“พ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ”
“แล้ว...คุณหญิงป้าล่ะ”
“ก็ช็อกตกใจค่ะ...แต่วันนี้ก็คงทำใจได้มากขึ้น”
“คุณลุงยังอยู่ห้องไอซียูใช่ไม๊”
“ค่ะ”
“แล้วนายนะล่ะ อยู่ที่โรงพยาบาลเหรอ”
“ตอนแรกมุกก็คิดว่าอย่างนั้นล่ะค่ะ แต่เมื่อกี้มุกแวะไปที่โรงพยาบาลก็ไม่อยู่ โทร.ไปก็ปิดเครื่องหายไปไหนก็ไม่รู้”
“ก็คงจะยุ่งๆ มั้ง ไหนจะเรื่องคุณลุง ไหนจะเรื่องงาน”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มุกกลัวว่าจะอ้อนให้นังตรีอัปสรปลอบขวัญมากกว่า”
ชญานนท์ผ่อนลมหายใจ เหมือนเหนื่อยหน่ายกับความขี้หึงเจ้าอารมณ์ของมุกตาภา

บรรยากาศสวยงาม ร่มรื่น ของสถานที่นัดประจำระหว่างสองคน ตรีอัปสรทอดสายตามองพรายน้ำจากแม่น้ำที่ต้องแสงอาทิตย์ระยิบระยับ
ณเดชย์เดินมาหาด้วยสีหน้าหม่นหมอง แล้วเข้าไปกอดตรีอัปสรเหมือนจะหาที่พึ่ง
“ตรี ขอบใจตรีมากนะครับ ที่ยอมออกมาหาผม”
“คุณนะกำลังทุกข์แบบนี้ ตรีจะทิ้งคุณนะได้ยังไงล่ะคะ”
ณเดชย์ไม่ตอบ แต่ดึงตรีอัปสรเข้ามากอดอีกครั้ง เหมือนหาที่ยึดทางใจ ตรีอัปสรมีสีหน้านิ่งสงบ แววตาอยากรู้
“คุณลุง เป็นยังไงบ้างคะ”
ณเดชย์ถอนหายใจ จูงมือตรีอัปสรพาเดินไปช้าๆ
“คุณพ่อต้องอยู่โรงพยาบาลอีกนาน มีโอกาสจะเป็นอัมพาตสูงมากอาจจะเดินไม่ได้ตลอดชีวิต”
ตรีอัปสรตีบทแตกกระจุย ทำท่าตกใจสุดขีด “ตายจริง”
ณเดชย์พูดต่อ “แล้วที่สำคัญ...”
ตรีอัปสรสนใจมาก “อะไรคะ”
“คุณพ่อจะพูดไม่ได้ครับ”
ณเดชย์ยกมือขึ้นปิดหน้า เมื่อพูดจบ แล้วเบือนหน้าไปทางอื่น เพื่อไม่ให้ตรีอัปสรเห็นน้ำตา
ตรีอัปสรผ่อนลมหายใจเบาๆ โล่งอก แอบยิ้มนิดๆ อย่างพอใจ

เย็นแล้ว ดารินทร์เดินลงบันไดมาอย่างรีบเร่ง มองตรีอัปสรที่เดินเข้ามาในบ้าน
“แกไปไหนมา ชั้นโทร.ตามตั้งนาน...แทนที่จะรีบกลับ”
“ตรีก็มีงาน มีธุระของตรีมั่งซิแม่ แล้วนี่แม่มีอะไร...ถึงได้ใจร้อนเป็นไฟขนาดนี้”
“วันนี้ชั้นไปธนาคารมา”
ตรีอัปสรงง “แล้วไงคะ”
“คุณอัศ...โอนเงินเข้าบัญชีให้ชั้น 10 ล้าน”
ตรีอัปสรเงยหน้าขึ้นมองดารินทร์ รู้เหตุผลที่มาของเงินนั้นดี ก่อนจะยิ้มกลบเกลื่อน
“ก็ดีแล้วนี่แม่ มีเงิน 10 ล้านเพิ่มเข้ามา แม่ควรจะตื่นเต้นมากกว่าตกใจนะ”
“ชั้นไม่ได้ตกใจ แต่ชั้นแปลกใจว่าทำไมคุณอัศวินถึงโอนเงินมาให้ชั้นตั้ง 10 ล้าน วันก่อนก็เพิ่งซื้อแหวนเพชรให้หยกๆ”
“แม่ก็รอให้คุณลุงหายก่อน แล้วค่อยถามซิ”
ดารินทร์มองฉงน “นี่แกไม่ตื่นเต้นเลยเหรอ...ยายตรี”
“ถ้าคุณลุงให้ตรี ตรีก็คงตื่นเต้นล่ะ แม่”
ดารินทร์ยังคงครุ่นคิด “ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา คุณอัศไม่เคยให้เงินชั้นมากขนาดนี้มาก่อน”
“เค้าอาจจะรู้ตัวว่าจะต้องเป็นแบบนี้ก็ได้มั้งแม่”
ดารินทร์มองตรีอัปสรแล้วส่ายหน้า “ชั้นว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้น แล้วชั้นก็ต้องรู้ให้ได้”
ตรีอัปสรเห็นความมุ่งมั่นของดารินทร์ก็เครียด กลัวแม่จะรู้ความจริง
ศรศรีรายงานผลการประกวดที่สตูดิโอช่องไทยเท็น
“คุณผู้ชมคะ และในที่สุด สาวงามจากประเทศไทย อรสินี วัณณุวรรธน์รองอันดับ 1 นางสาว ณ สยาม ก็สามารถเอาชนะใจกรรมการจากการประกวดมิสเอเชีย คว้าตำแหน่งรองมิสเอเซีย อันดับ 2 มาครองครอง สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย เราไปฟังความรู้สึกของเธอกันค่ะ”
ภาพประกอบข่าง เป็นภาพ อรสินี ให้สัมภาษณ์อยู่หลังเวทีประกวดในญี่ปุ่น
“ขอบคุณพี่น้องชาวไทยทุกคนค่ะ...ที่ส่งกำลังใจมาให้อร ตำแหน่งและรางวัลที่อรได้รับ อรขอมอบให้กับพี่น้องชาวไทยทุกคนค่ะ แล้วพบกันที่เมืองไทยค่ะ ขอบคุณค่ะ”
อรสินียกมือไหว้สวยงาม ศรศรีซึ่งยืนรายงานอยู่หน้ากล้อง
“และก็เป็นอีกครั้งนึงนะคะ ที่สาวไทยของเราไปสร้างชื่อเสียงและสร้างความประทับใจให้ชาวต่างชาติ ด้วยการไหว้ที่สวยงามค่ะ จากเวทีมิสเอเชีย เราจะเกาะติดเวทีมิสเวิลด์ และรายงานให้คุณผู้ชมทันทีที่รู้ผลนะคะ ศรศรี มณีศิลป์ รายงานจากสถานีโทรทัศน์ไทยเทนค่ะ”

ตรีอัปสรเดินเข้ามาในบ้าน ไฟสว่างพรึ่บขึ้น ตรีอัปสรหันไปมองเห็นดารินทร์ยืนอยู่ที่สวิทซ์ไฟ
“แม่...ยังไม่นอนอีกเหรอ”
“แกเห็นข่าวยายอรสินีรึยัง”
ตรีอัปสรยักไหล่ “เห็นแล้ว...ก็แค่รองอันดับ 2”
ดารินทร์ถอนหายใจ “พรุ่งนี้ แกก็จะเดินทางแล้วนะ ถ้าไม่ติดเรื่องคุณอัศ แม่ก็อยากไปกับแกด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เรื่องคุณลุงสำคัญกว่าตรีอยู่แล้ว”
“ยายตรี แกอย่ามากวนประสาทชั้นตอนนี้ได้ไม๊...ที่ชั้นอยู่...ชั้นมีเหตุผลของชั้น”
“อยากรู้เรื่องเงิน 10 ล้านน่ะเหรอ”
“ชั้นอยากรู้เรื่องเงิน แต่ชั้นก็ห่วงเรื่องร้านมากกว่า”
ตรีอัปสรขมวดคิ้ว “เรื่องร้าน...ก็ร้านของแม่ไม่ใช่เหรอ”
“ร้านชั้น แต่ยังเป็นชื่อคุณอัศ ห้างของเค้า ร้านก็ของเค้า เราทำสัญญาเช่าไว้ เพียงแต่ชั้นไม่ต้องจ่ายเงิน แต่ถ้าคุณอัศเป็นอะไรไป ชั้นก็ต้องควักเนื้อมาจ่ายค่าเช่า หรือไม่ ยายคุณหญิงนั่น มันต้องเฉดหัวชั้นออกจากห้างมันแน่ๆ”
“ไม่เห็นแม่เคยบอกตรีเลย”
“ชั้นตั้งใจว่าพอแกกลับจากประกวดมิสเวิลด์แล้ว ชั้นจะให้แกช่วยอ้อนคุณลุง โอนร้านชั้นมาเป็นชื่อแก เป็นของขวัญให้แกน่ะซิ”
ตรีอัปสรหงุดหงิด “โอย แม่ คิดได้ยังไงเนี่ยะ ตรีเป็นแค่ลูกของเมียเบอร์ 2 เค้าจะมาให้ความสำคัญกับตรีทำไม”
“ก็แกยังอ้อนให้เค้าช่วยเรื่อง นางสาว ณ สยาม ทำไมแกจะช่วยชั้นอ้อนเรื่องนี้ไม่ได้”
ตรีอัปสรมองดารินทร์ “แม่ให้ตรีอ้อนคุณลุง แล้วแม่คิดจะยกตรีให้คุณลุงด้วยรึเปล่าคะ”
ดารินทร์มองตรีอัปสรอย่างตกใจ “ยายตรี คุณอัศเค้าเป็นผัวชั้นน่ะ นี่แกคิดอะไรบ้าๆ แบบนั้นได้ยังไง ชั้นเป็นแม่แกนะ ถึงชั้นจะไม่ใช่แม่ที่ดีนัก แต่ชั้นก็ไม่มีวันทำอะไรเลวๆ แบบนั้น จำไว้ ถ้าแกไม่อยากช่วยแม่ ก็ไม่เป็นไร แต่อย่าคิดแบบนี้อีก”
พูดจบดารินทร์ก็เดินหุนหันขึ้นบันไดไป ปล่อยตรีอัปสรยืนละอายใจอยู่คนเดียว

ประตูห้องพิเศษเปิดออก คุณหญิงสุดสวาทเดินเข้ามา เห็นณเดชย์กำลังดูแลพ่อ ซึ่งนอน
หลับตาอยู่บนเตียง สภาพนายพลอัศวินจะมีทั้งเครื่องช่วยหายใจ สายต่อจากจมูกเพื่อให้อาหาร และสายน้ำเกลือระโยงระยาง
“คุณพ่อเป็นยังไงมั่ง”
“เหมือนเดิมครับ คุณหมอบอกว่าอาการคงที่ ย้ายออกจากห้องไอซียูมาอยู่ห้องพิเศษจะสะดวกกว่า”
คุณหญิงสุดสวาทถาม “แล้วจะเป็นแบบนี้อีกนานไม๊เนี่ย”
ณเดชย์ยังไม่ทันตอบ ประตูห้องเปิดออก ดารินทร์เดินเข้ามา ด้วยสีหน้ามีความหวัง
“คุณอัศ เป็นยังไงบ้างคะ”
ดารินทร์ชะงักเมื่อเห็นคุณหญิงสุดสวาท ก่อนจะขยับเดินไปอีกด้านของเตียง ประจันหน้ากับคุณหญิงสุดสวาทโดยมีนายพลอัศวินอยู่ตรงกลาง นายพลอัศวินนอนหลับตาอยู่
“ตานะ...ลูกโทรฯบอกยายนี่เหรอ ว่าคุณพ่อออกจากไอซียูแล้ว”
“ครับ”
ดารินทร์ไม่สนใจ “คุณอัศ...เป็นยังไงมั่งคะ”

นายพลอัศวินค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองดารินทร์ แล้วขยับปากแต่ไม่มีเสียงลอดออกมา ดารินทร์มองอัศวินแล้วหันมาทางณเดชย์
“คุณอัศ...ยังพูดไม่ได้อีกเหรอคะ”
คุณหญิงสวนทันที “ก็ใช่น่ะซิ นอนนิ่งเป็นอัมพาต พูดไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ แต่รู้สึกตัว เข้าใจทุกคำพูด” พลางหันมาทางสามี “ใช่ไม๊คะ คุณอัศ อยากได้ผัวชั้นนักใช่ไม๊ งั้นชั้นยกให้ เธอมาดูแลคุณอัศได้ มาทุกวันได้เลย”
ดารินทร์ข่มอารมณ์เต็มที่ “คุณหญิง ก็เป็นเมียเหมือนกัน คุณหญิงก็ต้องดูแลคุณอัศซิคะ”
“ก็เห็นอยากได้นักไม่ใช่เหรอ ก็เอาไปซิ ดูแลกันเต็มที่เลย นอนนิ่งๆ แบบนี้ดูแลง่ายจะตาย”
ดารินทร์สุดจะทน “คุณหญิง”
คุณหญิงถลึงตาใส่ “จะเรียกชั้นทำไม ซาบซึ้งในความใจกว้างของชั้นรึไง เริ่มต้นวันนี้เลยไม๊ ชั้นอนุญาติ”
ณเดชย์ปราม “คุณแม่ครับ”
คุณหญิงไม่สนใจ “เงียบไปเลย ตานะ” แล้วหันมาทางดารินทร์แต่ดารินทร์รีบชิงพูดก่อน
“พอเถอะค่ะ คุณหญิง คุณอัศ อยู่ในสภาพนี้ คุณหญิงฯยังพูดจาทำร้ายจิตใจ คุณอัศได้ลงคออีกเหรอค่ะ”
นายพลอัศวินกรอกตามาทางคุณหญิง แล้วหันไปมองดารินทร์
“ประดิษฐ์ประโยคเป็นนางเอกเลยนะยะ”
ดารินทร์มองคุณหญิง แล้วหันมาถามณเดชย์ “แล้ว...เมื่อไหร่คุณอัศ จะดีขึ้นค่ะ”
คุณหญิงมองดารินทร์แล้วมองไปยังนายพลอัศวินซึ่งนอนอยู่

ณเดชย์เดินคู่มากับดารินทร์
“คุณหมอก็ตอบไม่ได้ครับ ว่าเมื่อไหร่คุณพ่อจะหาย แต่ก็มีโอกาสนะครับ”
ดารินทร์น้ำตาคลอ “เวรกรรมอะไรก็ไม่รู้”
“ใจเย็นๆ ครับ คุณน้า ผมเชื่อว่าคุณพ่อต้องหายแน่นอน”
“น้าอยากรู้จริงๆ ว่าวันนั้นคุณอัศไปไหน...ไปทำอะไร...ไปหาใคร”
ณเดชย์นิ่งคิดก่อนจะพูดขึ้นมา “ผมลืมเรื่องนี้ไปได้ยังไง”
“เรื่องอะไรคะ”

ณเดชย์ครุ่นคิดถึงหลายวันก่อน เขานั่งนิ่งอยู่ในรถฝั่งคนขับ เปิดถุงซิปล็อคที่มีกระเป๋าเงิน โทรศัพท์มือถือในนั้น ถุงซิปล็อคยังมีคราบเลือดแห้งกรัง ณเดชย์หยิบขึ้นมา โดยเขาได้รับถุงซิปล็อคนี้จากพยาบาล ขณะยืนเครียดอยู่หน้าห้อง
“ของคนเจ็บค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ณเดชย์มองกระเป๋าที่มีคราบเลือดอยู่ เหมือนไม่อยากดู

ณเดชย์หยิบโทรศัพท์ของอัศวินออกมาเปิดดู ณเดชย์ดูที่เบอร์โทรเข้า มีเบอร์ของคนอื่นๆ รวมทั้งดารินทร์ ณเดชย์กดเบอร์โทร.ออก เบอร์สุดท้ายเป็นเบอร์ตรีอัปสร ซึ่งพิมพ์ชื่อ เป็นภาษาอังกฤษ “TRI”
ณเดชย์พึมพำงงๆ เหมือนนึกไม่ถึง “ตรี”
คิดแล้วณเดชย์มีสีหน้าแปลกใจ มือกดชื่อ “ตรี” เพื่อดูหมายเลขโทรศัพท์ มองเบอร์โทร.อย่างแปลกใจ
“ตรีจริงๆด้วย พ่อโทร.หาตรีทำไม”
ณเดชย์พึมพำ ท่าทีงุนงงสงสัยมากๆ

สองคนยังอยู่หน้าห้องคนไข้ ดารินทร์ตอบคำถามณเดชย์ “ยายตรี....ไปประกวดมิสเวิลด์ที่นิวยอร์คค่ะ”
ณเดชย์เหมือนนึกออก “ใช่...ผมลืมสนิทเลย...ว่าตรีไปเมืองนอก”
“คุณนะ...มีอะไรกับยายตรีรึเปล่าคะ”
“ผมเพิ่งไปดูโทรศัพท์คุณพ่อ เบอร์สุดท้ายที่คุณพ่อโทร.คือเบอร์ของตรีครับ”
ดารินทร์มีท่าทีแปลกใจ แล้วรีบเก็บอาการทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
“อ๋อ...ใช่ค่ะ...ยายตรีลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน ไม่ได้เอาไป น้าเป็นคนรับสายเอง”
“แล้วคุณพ่อบอกรึเปล่าครับว่าโทร.หาตรีทำไม”
“ก็ไม่ได้บอกอะไรนะคะ อาจจะถามทางไปร้านอาหารที่ยายตรีรู้จักก็ได้ค่ะ หรืออาจจะถามเรื่องที่จะไปประกวดมิสเวิลด์”
ณเดชย์พยักหน้ารับ สีหน้ายังครุ่นคิด ส่วนดารินทร์ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก

เวลาผ่านไปอีกหนึ่งเดือน
ตอนสายวันนี้ที่สถานีโทรทัศน์ไทยเท็น
สลิลทิพย์เดินนายนาดมาดสง่างามมากับอรสินี ซักครู่สลิลทิพย์หันไปเห็นตรีอัปสรเดินมากับดารินทร์ สลิลทิพย์ยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะเดินไปหาตรีอัปสรและอรสินี ต่างยกมือไหว้แม่ของแต่ละฝ่าย
“กลับมาแล้วเหรอ เธอ เงียบเชียว ได้ตำแหน่งอะไรมาล่ะ”
อรสินีมองแม่แล้วรีบตัดบท หันไปคุยกับตรีอัปสร
“เราไม่ได้เจอกันเดือนกว่าแล้วน่ะ...ตรี”
“ค่ะ ตรีดีใจด้วยนะคะ ที่คุณอรได้ตำแหน่งรองอันดับ 2”
อรสินียิ้มให้ “ตรีก็ได้ตำแหน่งกลับมาเหมือนกันนะ เอาเป็นว่าเราดีใจด้วยกันทั้งคู่นะ”
“ค่ะ”
รัตน์เดินเข้ามาหา “น้องอร...น้องตรี เชิญที่ห้องคุณดิษฐ์เลยค่ะ” รัตน์หันมาพูดกับสลิลทิพย์ ดารินทร์ “คุณแม่ทั้งสอง เชิญรอที่ห้องรับรองก่อนก่อนนะคะ”
สลิลทิพย์กับดารินทร์ยิ้มจืดๆให้รัตน์ หัวหน้าพีอาร์ช่องไทยเท็นมองทั้งสองคนก่อนจะพูดต่อ
“ห้องรับรองมีชุดรับแขกหลายชุดค่ะ แยกกันนั่งได้ตามสบายเลยค่ะ”
พูดเท่านั้นรัตน์ก็หันมาพยักหน้ากับอรสินี ตรีอัปสร ให้เดินตามมา

ชญานนท์ อรสินี ตรีอัปสร คุณดิษฐ์ รัตน์ และมุกตาภา ทุกคนอยู่ในห้องประชุมช่องไทยเท็นแล้ว คุณดิษฐ์เอ่ยขึ้นเปิดประชุม
“ต้องขอโทษ คุณตรีด้วยนะ พอกลับมาปุ๊บผมก็เชิญให้ข้ามาหาเลย”
ตรีอัปสรบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ตรีไม่เหนื่อย สบายมากค่ะ”
คุณดิษฐ์ยิ้มพอใจ “ดีครับ งั้นผมขอเข้าเรื่องเลย คุณสองคนคงทราบเรื่องที่จะต้องแสดงละครแล้ว ใช่ไม๊ครับ”
อรสินีและตรีอัปสร รับ “ค่ะ” พร้อมกัน
ชญานนท์ มุกตาภา และรัตน์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
ชญานนท์บอก “ตอนนี้เราได้เรื่องที่จะทำละครแล้วนะครับ ชื่อเรื่อง “เล่ห์ร้าย สายสวาท” ผมจะให้คุณรัตน์ส่งหนังสือให้คุณ 2 คนอ่าน”
ตรีอัปสรแปลกใจปนสงสัย “เราสองคนแสดงเรื่องเดียวกัน หรือว่าคนละเรื่องคะ”
คุณดิษฐ์เป็นคนตอบ “เรื่องเดียวกันครับ ตอนนี้การแข่งขันสูง เราจำเป็นต้องขายเป็นแพคเอาให้อยู่...โอ เค ไม๊ หนูอร”
อรสินียิ้ม “โอเค มากเลยค่ะ ได้แสดงกับตรี อรจะได้มีเพื่อน”
พลางอรสินีหันมายิ้มให้ ตรีอัปสรยิ้มตอบ
ชญานนท์เสริม “เรามีกำหนดเปิดกล้องเดือนหน้านะครับ พวกคุณอาจจะเหนื่อยกันนิดเพราะภารกิจของ นางสาว ณ สยามก็ต้องทำ ละครก็ต้องเล่น ไหวใช่ไม๊ครับ”
ตรีอัปสรหันไปทางชญานนท์เหมือนจะตอบ แต่ก็ชะงักเมื่อพบว่า สายตาชญานนท์มองอรสินีอยู่ แววตาชญานนท์ทั้งอ่อนโยน และห่วงใย ตรีอัปสรพยายามเก็บอาการ เมินหน้าไปทางอื่น

ขณะเดียวกันสลิลทิพย์กับดารินทร์ นั่งกันคนละโต๊ะ แต่เยื้องๆ กัน ริสา คุณป้าขาเม้าท์เดินแกมวิ่งเข้ามาหา
“สลิล มาถึงนานรึยัง”
“ซักพักแล้ว ทำไมมาช้าจัง แล้วแบบนี้จะให้ตามดูแลยายอรยังไงเนี่ย” สลิลทิพย์ค่อนขอด
“แหม...พอถึงเวลาจริงๆ ชั้นก็รู้หน้าที่น่ะ”
สลิลทิพย์จงใจคุยข่มดารินทร์ “น้องอร ต้องเตรียมตัวเป็นนางเอกน่ะ”
“ต๊าย หลานสาวชั้น ได้ตำแหน่งรองมิสเอเชีย แล้วยังได้เล่นละครเป็นนางเอกอีก สวย เก่ง ฉลาด โชคดี...มีอะไรอีกไม๊เนี่ย”
ดารินทร์ซึ่งได้ยิน เบ้ปากอย่างหมั่นไส้ สลิลทิพย์บุ้ยใบ้ไปที่ดารินทร์ ริสาหันไปมองแล้วยิ้มอย่างรู้กัน ริสาทำทีเป็นเพิ่งหันไปเห็น รีบทักทาย
“ตายจริง คุณดารินทร์ มานั่งแอบอยู่ตรงนี้ ถึงว่า ชั้นมองไม่เห็นสบายดีไม๊คะ แต่คงไม่สบายเท่าไหร่มั่ง ได้ข่าวว่าคุณอัศยังนอนนิ่งไม่ติงไหว อยู่เลย ใช่ไม๊ค่ะ”
“ก็ดีขึ้นนิดหน่อยค่ะ”
“แต่ยังพูดไม่ได้ เดินไม่ได้ ขยับตัวไม่ได้ แล้วได้ไปเฝ้าคุณอัศบ้างรึเปล่า คุณหญิงสุดสวาทให้เข้าเยี่ยมรึเปล่าค่ะ” ริสาถอนหายใจ “พูดแล้วก็หดหู่ เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่าได้ข่าวว่าลูกสาวไปได้รางวัลเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมมาใช่ไม๊คะ”
“ใช่ค่ะ” ดารินทร์ตอบเรียบๆ
สลิลทิพย์เยาะหยัน “เก่งนะเธอ ยังรู้ข่าว นี่ถ้าลูกอรไม่บอก ชั้นไม่รู้เรื่องเลย ไม่เห็นสื่อออกข่าว หรืออาจจะลงกรอบเล็กๆ พอเหมาะพอสมกับรางวัลที่ได้”
“เอาน่า ก็ยังดี ถึงจะเป็นรางวัลเล็กๆแต่ก็ดีกว่ากลับมามือเปล่า ใช่ไม๊คะ คุณดารินทร์” ริสาผสมโรงแล้วหันมาทางสลิลทิพย์ทันที “ใช่ไม๊”
ริสาหันมาเอออวยกับสลิลทิพย์ ซึ่งสลิลทิพย์ก็อวยต่อทันที “ใช่มั้ง”
ดารินทรสุดทนลุกพรวดขึ้น “เห่าๆ กัดๆ งับๆ พอหายคันเขี้ยวกันรึยังคะ ถ้ารู้สึกดีขึ้นแล้ว ชั้นจะได้กลับ” ดารินทร์มองจ้องสลิลทิพย์ “ชีวิตที่เหมือนจะเป็นที่หนึ่ง แต่พอเอาเข้าจริงก็เป็นรองตลอดนี่มันน่าสมเพชจริงๆ ต้องดิ้นรน แส่ส่ายหาเรื่องตลอด เวลา”
ดารินทร์พูดจบก็เดินฉับๆ ไปเลย สลิลทิพย์กับริสาหันมามองหน้ากัน โกรธและเหวอ
“นังดารินทร์มันว่าเธอเป็นหมา” สลิลทิพย์ว่า
“แล้วมันก็ว่าเธอเป็นรองมัน หาเรื่องมัน” ริสาบอก
“รู้แล้ว”
สลิลทิพย์แว้ดใส่ใส่เพื่อน แล้วเหลียวมองตามดารินทร์ไปอย่างโกรธแค้นสุดขีด

กลับจากคุยเรื่องละคร ตรีอัปสรเดินนำเข้ามาในบ้าน แล้วเดินทะลุไปยังสระว่ายน้ำหลังบ้าน ดารินทร์เดินตามมาติดๆ
“แกไม่ต้องไปสนใจพวกปากหอยปากปูนะยายตรี แล้วก็ไม่ต้องเสียใจด้วย เวทีประกวดของแกใหญ่กว่าของยายอรสินีเยอะ ได้ตำแหน่งชุดประจำชาติมาก็ยังดีกว่ากลับบ้านมือเปล่า”
ตรีอัปสรเสียงขุ่น “ตรีไม่ได้เสียใจ...แต่ตรีเสียหน้า”
“เสียหน้าที่ยายนั่นได้รองอันดับ 2 แทนที่จะเป็นแกน่ะเหรอ”
“ตรีไม่อยากแพ้ยายนั่น”
“เรื่องยังไม่จบจะมานับว่าแพ้ ชนะ อะไรตอนนี้”
“แต่ตอนนี้ผู้คนกรี๊ดกร๊าด ล้อมหน้าล้อมหลังยายนั่นมากกว่าตรี แม่ก็เห็นที่สนามบิน ไม่มีใครสนใจตรีเลย”
“ก็เค้ากำลังตื่นเต้นกัน อีกซักพักพอมีเรื่องตื่นเต้นใหม่ ก็ลืมเรื่องเก่า คนสมัยนี้ขี้ลืมจะตาย”
“ตรีคงต้องมีเรื่องตื่นเต้นบ่อยๆ คนจะได้ไม่ลืม” ตรีอัปสรประชด
“ให้เป็นเรื่องตื่นเต้นในทางที่ดีแล้วกัน” ดารินทร์เหน็บ
ตรีอัปสรมองแม่แล้วยิ้มนิดๆ ก่อนจะหันตัวเดินกลับเข้าบ้าน ดารินทร์เรียกไว้
“เดี๋ยวก่อน ชั้นมีเรื่องจะถามแก”
ตรีอัปสรหันมามองหน้าดารินทร์

ด้านคุณหญิงสุดสวาทเดินเข้ามาในห้องพักฟื้น มองนายพลอัศวินซึ่งนอนแบบเป็นผักอยู่บนเตียง หมดสภาพ “ชั้นอยากรู้จริงๆ ว่าวันนั้นคุณไปไหนมา”
ณเดชย์ที่กำลังเปิดประตูเข้ามาถึงกับหยุดชะงัก
“เสียดายที่พูดไม่ได้ซะแล้ว ไม่งั้นชั้นคงได้ยินคุณโกหกคำโตเหมือนเคย” คุณหญิงเดินเข้าไปใกล้ๆ “ใครกันคะ นังผู้หญิงที่คุณตั้งใจไปหา”
นายพลอัศวินนอนนิ่ง มีเพียงสายตาที่กลอกไปมา คุณหญิงเดินเข้าไปใกล้ๆ
“แล้วมันรู้ไม๊ว่าคุณมีสภาพแบบนี้ มันโผล่หัวมาเยี่ยมคุณรึเปล่าคะ...มันรู้ไม๊คะ ว่าที่คุณเป็นแบบนี้ก็เพราะมัน”
เสียงขุ่นเขียวของณเดชย์ดังขึ้น “คุณแม่ครับ”
คุณหญิงหันไปมองเห็นณเดชย์เดินเข้ามา แววตาเจ็บช้ำ
“เท่านี้คุณพ่อก็ทุกข์มากแล้วนะครับ คุณแม่จะพูดให้คุณพ่อเจ็บปวดไปถึงไหนครับ”
“ก็ไม่ใช่เพราะความมักมากเหรอ พ่อของนะ ถึงได้มีสภาพอย่างนี้”
“เรายังไม่รู้เลยนะครับ...ว่าคุณพ่อไปไหน”

ทางฝ่ายดารินทร์มองตรีอัปสรอย่างพิจารณา จ้องตาลูกสาวค้นหาความจริง
“ตรีไม่ทราบค่ะว่าคุณลุงไปไหน”
“แล้วเค้าโทร.หาแกทำไม”
“ก็คุยเรื่องทั่วไป...ไม่ได้มีอะไรพิเศษ”
ดารินทร์มองตรีอัปสรนิ่งเหมือนชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา
“แกกับคุณอัศ มีอะไรกันรึเปล่า”
ตรีอัปสรตกใจ ไม่นึกว่าแม่จะพูดแบบนี้ “แม่”
“แล้ววันนั้น แกไปไหน”
“ตรีไปหาเพื่อน”
“เพื่อนที่ไหน” ดารินทร์คาดคั้น
ตรีอัปสรอึกอัก “เพื่อนที่ชลบุรี”
ดารินทร์มองตรีอัปสรอย่างรู้ทัน “แกไม่เคยมีเพื่อนที่ชลบุรี...ยายตรี”

น้ำเสียงดารินทร์เย็นจับกระดูก ตรีอัปสรมองหน้าแม่นิ่งไม่ตอบ
 
อ่านต่อต่อนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น