xs
xsm
sm
md
lg

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปีกมงกุฎ ตอนที่ 7

กลับถึงบ้านค่ำคืนนั้น ดารินทร์นอนไม่หลับ นั่งหน้าเครียด ครุ่นคิดจะจัดการปัญญาเรื่องที่กล้าโผล่มาแสดงตัวอยู่ในห้องโถง นายพลอัศวินในชุดนอน เดินลงบันไดมาจากชั้นบน มองดารินทร์อย่างแปลกใจ

“คิดอะไรอยู่เหรอ คุณดา ผมรออยู่ตั้งนาน จนต้องลงมาตาม”
ดารินทร์หันไปมองแล้วยิ้มกลบความเครียดและไม่สบายใจ
“ก็คิดหลายเรื่องค่ะ”
ดารินทร์ขยับลุกขึ้นมากอดแขนอัศวิน ก่อนจะพูดต่อ
“เรื่องยายตรี เรื่องห้องเสื้อ เรื่องคุณ”
นายพลอัศวินเลิกคิ้ว “เรื่องหนูตรี ไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงผมก็ช่วยเต็มที่ เรื่องห้องเสื้อคุณก็ไม่เห็นมีอะไรต้องกังวลนี่ ส่วนเรื่องผม คุณคิดอะไร”
ดารินทร์ใส่จริต อ้อนเล็กๆ “ก็คิดว่า ถ้าคุณไม่รักดาแล้ว ดาจะอยู่ต่อไปได้ยังไงน่ะซิคะ”
ท่านนายพลหัวเราะเบาๆ “ทำไมคิดไปไกลขนาดนั้น ผมจะไม่รักคุณได้ยังไง ผมรักคุณมากนะ แล้วผมก็รู้ว่า คุณตั้งความหวังไว้มากเรื่องหนูตรี ผมรับรองว่าจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
ดารินทร์มองอย่างพอใจ “สัญญานะคะ”
นายพลอัศวินพยักหน้ายิ้มๆ “สัญญา ไปนอนกันเถอะ”
“ค่ะ”
ดารินทร์ลุกเดินกอดคลอเคลียนายพลอัศวินขึ้นบันไดไป

พระอาทิตย์ยามเช้าสาดแสงทั่วลานบ้านเช่าของกล้า ชบานั่งหน้าบึ้งอยู่ในบ้าน ประตูบ้านเปิดออก เห็นกล้าหนีบขวดเหล้า เดินโซเซเข้ามา ชบาลุกขึ้นยืน
“กลับมาแล้วเหรอ ไอ้พี่กล้า หายหัวไปไหนมาทั้งคืน ห๊ะ”
กล้ามองชบาแล้วเมินไม่สนใจ เดินเซไปที่ฟูก ทำท่าจะล้มตัวลงนอน แต่ชบาพุ่งเข้าไปดึงเสื้อไว้ไม่ให้ล้มลงไป
“ยังนอนไม่ได้ ชั้นไม่ให้นอน จนกว่าจะตอบชั้นมาว่า แกหายไปไหนมานี่ชั้นส่งแมวไปหาปลาย่างใช่ไม๊เนี่ย ให้ไปหาลูกสาว แต่แอบดอดไปนอนกับแม่มันมาใช่ไม๊”
กล้ารำคาญหมดความอดทน “โอ๊ย หุบปากซะทีเหอะ ข้าไม่ได้ไปไหนทั้งนั้น ง่วงนอนโว้ย ขอนอนก่อนได้ไม๊”
“แล้วเจอลูกแกไม๊ เจอนังตรีไม๊ ทำตามที่ชั้นบอกรึเปล่า แล้วได้อะไรมามั่งเนี่ย โอย ตอบมาเดี๋ยวนี้”
กล้าควักกระเป๋าหยิบเงินออกมากระแทกใส่หน้าชบา
“เอาไป แล้วหุบปากซะที ข้าง่วง”
ชบารีบตะครุบเงินคว้าอย่างเร็ว กล้าล้มตัวลงนอนหลับทันที ชบามองเงินอย่างพอใจ ก่อนจะมองกล้าซึ่งหลับไปแล้ว
“ใครให้เงินมาวะ หรือว่า” ชบาทำท่าคิด “นังดารินทร์” พลางยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมาชั้นรู้แล้ว จะหาเงินมาจากไหน สบายกว่าขายของเยอะเลย”
ชบาสบายอุรา เห็นช่องทางหาเงินง่ายๆ

คุณดิษฐ์นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร มีโน้ตบุ๊คตัวเล็กวางอยู่ตรงหน้าเพื่อนั่งเช็คข่าว โดยมีชญานนท์นั่งอยู่ด้วย
“โฆษณางานถ่ายทอดสดคืนนี้ เต็มจนล้นเลย”
“ครับพ่อ”
คุณดิษฐ์เงยหน้าขึ้นมองชญานนท์ ก่อนจะยิ้มอย่างพอใจ ภูมิใจ
“คืนนี้เรตติ้งเราควรจะมาเป็นอันดับหนึ่งนะ นนท์”
“กระแสของงานคืนนี้ มาแรงมากครับพ่อ เรื่องเรตติ้งคงไม่มีปัญหา” ชญานนท์ยิ้ม
“ดีมาก” คุณดิษฐ์มองไปเห็นมุกตาภาเดินเข้ามา “ยายมุก”
มุกตาภาหันไปบอกกับแม่บ้าน “ขอกาแฟอย่างเดียว”
“ค่ะ”
มุกตาภาทรุดตัวลงนั่ง คุณดิษฐ์มองลูกสาวอย่างอารมณ์ดี
“พ่อกำลังคุยกับพี่นนท์ เรื่องงานคืนนี้”
“อ๋อ...ค่ะ”
คุณดิษฐ์ชม “มุกเก่งขึ้นมากเลยนะ คุมงานใหญ่ๆ ได้แล้ว ถึงจะมีคุณรัตน์ช่วยแต่พ่อก็ต้องให้เครดิตลูกด้วยนะ”
มุกตาภาหันมามองชญานนท์ แล้วหันไปทางดิษฐ์ ยิ้มแห้งๆ
“ขอบคุณค่ะ พ่อ”
“หลังจากคืนนี้ ลูกยังทำข่าวผลประกวดไปได้อีกหลายวันแล้วตามเรื่องกิจกรรมของ นางสาว ณ สยาม ต่อ”
“ได้ค่ะ”
คุณดิษฐ์มองท่าทีมุกตาภาอย่างเป็นห่วง “พ่อว่ามุกหน้าซีดนะลูก ไม่สบายรึเปล่า หรือว่าพ่อกับพี่นนท์ใช้งานมุกหนักเกินไป”
มุกตาภายิ้มแห้งๆ “มุกนอนไม่ค่อยหลับค่ะ”
มุกตาภาพูดเหมือนหยั่งเชิง เพื่อให้พ่อถาม แล้วจะได้เล่าเรื่องตรีอัปสรกับณเดชย์
“ทำไมถึงนอนไม่หลับล่ะลูก มีอะไรรึเปล่า”
มุกตาภาสบตากับชญานนท์ ก่อนจะหันมาตอบดิษฐ์
“ก็...”
ชญานนท์ชิงตัดหน้าตอบแทนทันที “ก็คงตื่นเต้นนะครับพ่อ งานใหญ่งานแรก แล้ววันนี้ก็เป็นงานสำคัญที่สุดด้วย...ใช่ไม๊ มุก”
ชญานนท์มองมุกตาภาเป็นเชิงบังคับกลายๆ มุกตาภามองพี่ชาย เห็นท่าทางเอาจริงของพี่ก็อ่อนลง
“ใช่ค่ะ”
คุณดิษฐ์หัวเราะร่วน “พ่อเชื่อว่ามุกต้องทำได้ แล้วทำได้ดีด้วย พ่อเป็นกำลังใจให้นะ”
“ค่ะ”
ชญานนท์มองมุกตาภานัยน์ตาเข้ม ปรามๆ

รถนายพลอัศวินแล่นเข้ามาจอดหน้าคฤหาสน์ นายพลอัศวินเดินลงจากรถ คนขับรถ ขับไปจอดยังโรงรถ ท่านนายพลเดินเข้าบ้านไป เจอคุณหญิงสุดสวาทแต่งตัวสวยงาม เตรียมออกจากบ้าน
“จะไปไหนแต่เช้า ห๊ะ คุณหญิง”
คุณหญิงเมินๆ “ชั้นยังไม่ถามเลยว่าคุณไปไหนมาทั้งคืน”
นายพลอัศวินยักไหล่ “ก็คุณไม่ถามเองนี่ ไอ้เด็กหนุ่มของคุณมันตื่นเช้าเหรอ คุณถึงได้รีบออกไปหา”
คุณหญิงหัวเราะ “ทำเสียงแบบนี้ อย่าบอกนะ ว่าหึง”
ท่านนายพลมองคุณหญิงแล้วยิ้มนิดๆ ไม่ตอบ เปลี่ยนเรื่องพูดไปเลย
“คืนนี้ต้องไปงาน นางสาว ณ สยาม ด้วยกันนะ”
คุณหญิงสุดสวาทหันมามอง “ชั้นต้องไปด้วยเหรอคะ”
“งานใหญ่ของตระกูลคู่หมั้นลูกชายคุณ คุณควรจะต้องไปรึเปล่าล่ะ เตรียมตัวให้พร้อม 6 โมงเย็นเจอกัน”

นายพลอัศวินพูดจบก็เดินขึ้นบันไดไป คุณหญิงมองตามอย่างหมั่นไส้ ท่าทีหมางเมิน

รถจอดอยู่ที่ลานจอดรถ เห็นชญานนท์เดินมากับมุกตาภา ท่าทางชญานนท์เอาจริง

“พี่อยากให้มุกล้มเลิกความคิดที่จะบอกคุณพ่อเรื่องตรีอัปสรนะ”
มุกตาภาหยุดเดินหันมามองจับตาพี่ชาย “นี่ถ้ามุกไม่รู้มาก่อนว่าพี่นนท์รักอยู่กับอร มุกต้องคิดว่าพี่นนท์แอบชอบยายตรีอัปสรแน่ๆ เลย”
ชญานนท์ชะงักไปนิด “อย่านอกเรื่อง มุก พี่กำลังคุยเรื่องงาน แล้วที่พี่พูดเตือนเพราะพี่หวังดี ถ้ามุกยังไม่มีหลักฐานว่า 2 คนนั่นมีอะไรกัน มุกก็ไม่ควรพูดให้เค้าเสียหาย”
มุกตาภาเริ่มของขึ้น “ต้องให้มุกบุกเข้าไปเจอตอนมันนอนอยู่กับคุณนะเหรอคะ พี่นนท์ถึงจะเชื่อ ถ้าถึงขนาดนั้น มุกถอนหมั้นเลยดีกว่ามั้งคะ”
ชญานนท์ถอนหายใจ “อย่าให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล มุกตาภา พี่เตือนด้วยความหวังดี ถ้ามุกไม่มีหลักฐาน คำพูดของมุกมันก็จะไม่มีน้ำหนัก อีกอย่างพี่เชื่อว่าตรีอัปสรต้องติด 1 ใน 3 ของ นางสาว ณ สยาม แน่ๆ มุกต้องทำงานร่วมกับตรีอีกนาน อย่าให้มีปัญหาดีกว่า ไป๊ ขึ้นรถ”
ชญานนท์พูดจบก็เดินไปขึ้นรถ มุกตาภายังยืนนิ่งด้วยความโกรธ เสียงแตรที่ชญานนท์กดเร่งดังขึ้น
มุกตาภาจึงขยับเดินไปขึ้นรถอย่างเคืองๆ

บนเวทีในห้องบอลรูม สถานที่จัดงานช่วงบ่าย การแสดงที่มีอรสินีกับตรีอัปสร และสาวงามผู้เข้าประกวด ออกมาซ้อมเป็นครั้งสุดท้าย โดยมีครูสอนเต้น และทีมออร์แกไนซ์ดูแลอยู่ มีอติรุจยืนอยู่กับแมน แมนทำท่าเหมือนมารายงานให้อติรุจรับทราบ ซักครู่หนึ่ง ชญานนท์ มุกตาภาและคุณรัตน์เดินเข้ามา แมนหันไปมองแล้วหันมาทางอติรุจ
“ผมไปดูความเรียบร้อยทางโน้นก่อนนะครับ”
อติรุจพยักหน้า “ไปเถอะ”
ชญานนท์เดินเข้ามาหา “เป็นยังไงบ้าง รุจ เรียบร้อยไม๊”
“ตอนนี้ก็ 90% แล้ว ที่เหลือก็เก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อย”
“เยี่ยม ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ที่ยกงานนี้ให้นายทำ”
อติรุจยิ้มรับ “รอไว้จบงานก่อนดีกว่า ค่อยชม ใช่ไม๊ มุก”
มุกตาภายิ้มตามมารยาท “ใช่ค่ะ”
มุกตาภามองไปบนเวที เห็นอรสินีกับตรีอัปสรกำลังซ้อม โดยมีวรัญญากับภารดีอยู่ด้วย
“แต่มุกว่าเท่าที่เห็นก็ค่อนข้างสมบูรณ์แล้วนะคะ ใช่ไม๊คะ คุณรัตน์”
“ค่ะ...อืม...คุณมุกคะ เรามีนัดประชุมทีมข่าวตอนบ่ายโมงนะคะ” รัตน์บอก
“ค่ะ” มุกตาภายกนาฬิกาขึ้นดู “อีก 10 นาที” พลางหันมาทางชญานนท์และอติรุจ “มุกขอตัวก่อนนะคะ...เจอกันคืนนี้นะคะ”
“โอเค” อติรุจยิ้มให้
มุกตาภาขยับใกล้ๆ อติรุจยิ้มแซว “ขอให้ได้เป็นพี่ชายของ นางสาว ณ สยาม นะคะ พี่รุจ”
พูดจบมุกตาภาก็เดินแยกไป รัตน์รีบตามไป อติรุจยิ้มนิดๆ ขำที่มุกตาภาเชียร์อรสินีออกนอกหน้า ชญานนท์ถอนใจ ส่ายหน้า เอือมระอาน้องสาวเล็กๆ
“นี่ถ้าใครมาได้ยินผู้บริหารกองประกวดเอียงขนาดนี้....มีหวังเป็นข่าวแน่”
“ก็ไม่มีใครได้ยินนี่” อติรุจตบบ่าชญานนท์ “อย่าเครียดมากน่ะ นนท์ หายใจเข้าออกเป็นงานแบบเนี่ย แต่งงานกันแล้ว น้องสาวชั้นจะพลอยเครียดไปด้วยนะ”
ชญานนท์ยิ้มขำนิดๆ กับคำพูดเย้าแหย่ของอติรุจ
“ชั้นแยกเรื่องงานกับเรื่องหัวใจได้น่ะ”
ชญานนท์เหลียวมองไปบนเวที เห็นอรสินีกับตรีอัปสรยืนหัวเราะร่าเริงคู่กัน อติรุจ ก็ดูอยู่เหมือนกัน ทั้งชญานนท์กับอติรุจ หันมามองหน้ากัน แล้วเดินแยกกันไปคนละทาง

งานประกวด นางสาว ณ สยาม รอบตัดสิน เริ่มขึ้นในตอนค่ำ
ภายในห้องบอลรูม โต๊ะเก้าอี้ จัดวางเรียบร้อย สวยงาม บนเวที อลังการ สมเกียรติ มีโลโก้ช่องไทยเท็นและตัวหนังสือ นางสาว ณ สยาม เด่นเป็นสง่า เจ้าหน้าที่ของกองประกวดเดินตรวจดูความเรียบร้อยไปมา รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทีมออร์แกไนซ์และแมนด้วย
ด้านหน้าห้องบอลรูม แขกเริ่มทยอยเดินเข้ามาในหน้าประตูเข้างาน รวมทั้งกรรมการตัดสินเดินเข้ามาพร้อมๆ กับแขกวไอพี กรรมการทุกท่านมีดอกไม้และโบว์เข็มกลัดติดเสื้อให้เห็น ซักครู่หนึ่ง นายพลอัศวินในมาดภูมิฐานเดินมากับคุณหญิงสุดสวาทในชุดหรูหราทรงเสน่ห์
มีแขกในงานและกรรมการคนอื่นๆ เข้ามาทักทาย คุณดิษฐ์เดินมากับชญานนท์ ทักทายกัน สักครู่หนึ่งคุณดิษฐ์เชิญนายพลอัศวินเข้าไปด้านใน คุณหญิงสุดสวาทยังไม่ตามเข้าไป เพราะยังยืนคุยกับ ไฮโซหญิง 1 อยู่ จังหวะนี้แมนเดินดูความเรียบร้อยผ่านไปยืนคุยกับทีมงานอีกด้าน
คุณหญิงเห็นแมน ก็หันมาขอตัวกับหญิง 1 แล้วเดินแยกไป

แมนกำลังยืนคุยกับเจ้าหน้าที่ออร์แกไนซ์ เจ้าหน้าที่เดินแยกไปแล้ว แมนหมุนตัวมาแล้วชะงักเมื่อเห็นคุณหญิงสุดสวาทยืนจ้องอยู่
“พี่สุด”
“ถึงกับตกใจเลยเหรอ”
“ไม่ได้ตกใจครับ แมนรู้อยู่แล้วว่าพี่ต้องมางานนี้”
“ไหนบอกว่า กลับจากพัทยาแล้วจะโทร.หาพี่ ทำไมปล่อยให้พี่รอ แมนอยากให้พี่ทิ้งแมนใช่ไม๊”
“แมนทำงานนะครับ ตั้งแต่กลับมาก็ไม่ได้หยุดเลย”
“แล้วแมนจะทำงานทำไม พี่บอกแล้วไง ว่าพี่เลี้ยงแมนได้”
“แต่แมนก็อยากทำงานนะครับ”
“ถ้างั้นพี่ฝากให้ อยากทำงานอะไร ตำแหน่งไหน บริษัทอะไรก็เลือกมา”
เสียงอติรุจดังขึ้น “ขอโทษนะครับ”
คุณหญิงหันไปมองเห็นอติรุจยืนอยู่ แมนหน้าจ๋อย เหมือนลูกน้องกลัวเจ้านายดุ
“มีอะไรรึเปล่าครับ คุณหญิง พนักงานของผมทำอะไรให้คุณหญิงไม่พอใจรึเปล่าครับ”
คุณหญิงบอก “เปล่า ไม่มีอะไร ชั้นแค่อยากรู้รายละเอียดงานเท่านั้น”
“เรามีใบสูจิบัตรแจกอยู่ที่โต๊ะครับ”
แมนเห็นอติรุจเข้ามาแทรก ก็เลยถือโอกาสขอตัวเดินแยกไป คุณหญิงหันมามองแมน ทำท่าจะเรียก แต่ก็เปลี่ยนใจ หันมาทางอติรุจ
“เชิญคุณหญิงฯข้างในดีกว่าครับ ท่านอัศวินถามถึงเมื่อซักครู่ด้วยครับ”
“ขอบใจ”

คุณหญิงสุดสวาทฝืนยิ้มแล้วเดินเข้าไปในงาน อติรุจมองตามไป รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เขาถอนหายใจเบาๆ

ในขณะที่นายพลอัศวินยืนคุยอยู่กับกรรมการด้วยกันตรงมุมหนึ่งในห้อง เห็นสลิลทิพย์เดินเข้ามายกมือไหว้

“สวัสดีค่ะท่าน คุณหญิงไม่ได้มาด้วยเหรอคะ”
“มา...แต่คุณหญิงเค้ารู้จักคนเยอะ แวะทักคนนู้นคุยกับคนนี้”
สลิลทิพย์หัวเราะ สัพยอก “แหม ก็คุณหญิงท่านเป็นเซเลบของแท้ ไม่ใช่ของเทียมแบบที่เห็นกันอยู่เกลื่อนนี่คะ”
นายพลอัศวินยิ้มแล้วมองไปทางประตู “มาโน่นแล้ว”
สลิลทิพย์หันไปมอง เห็นคุณหญิงเดินมา คุณหญิงยิ้มแย้มรับแขก สลิลทิพย์ยกมือไหว้สวยงาม
“สวัสดีค่ะ คุณหญิง ไม่ได้เจอคุณหญิง น้าน...นาน ยังสวยงามเหมือนเดิมนะคะ”
คุณหญิงสุดสวาทเยื้อนยิ้ม “ขอบคุณ...ดิชั้นก็แก่ไปตามสภาพนั่นละ”
เจ้าหน้าที่ 1 เดินเข้ามาหา “เชิญคุณหญิง คุณสลิลทิพย์ ทางด้านนี้เลยค่ะ”
เจ้าหน้าที่ 2 ตามมาบอก “เชิญท่านที่โต๊ะกรรมการด้านหน้าเลยค่ะ”
นายพลอัศวินพยักหน้าแล้วเดินไป
“เชิญค่ะ...คุณหญิง”
คุณหญิงสุดสวาทพยักหน้า แล้วเดินนำสลิลทิพย์ไป ดารินทร์ซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าเวที หันมาเห็นก็ลุกขึ้นยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ...คุณหญิง”
คุณหญิงรับไหว้อย่างห่างเหิน ไม่พูดด้วย แต่หันไปทางเจ้าหน้าที่
“ชั้นอยากนั่งโต๊ะโน้นมากกว่า”
คุณหญิงชี้ไปที่อีกโต๊ะหนึ่ง เจ้าหน้าที่ชะงักไปนิดก่อนจะพยักหน้า
“ได้ค่ะ....เชิญเลยค่ะ”
คุณหญิงเดินผ่านไป สลิลทิพย์เดินมาพูดเบาๆ เหน็บเอากับเจ้าหน้าที่
“คราวหน้า จะจัดแขกนั่ง ก็หัดเช็คประวัติก่อนนะ จะได้ไม่เจออะไรแบบนี้”
สลิลทิพย์พูดจบก็หันมามองดารินทร์อย่างดูถูก ก่อนจะเดินตามคุณหญิงไป เจ้าหน้าที่จ๋อยลง ดารินทร์ แค้นพยายามเก็บอาการ ก่อนจะนั่งลง

ด้านหลังเวที กำลังวุ่นได้ที่ พี่เลี้ยงและเจ้าหน้าที่เดินกันขวักไขว่ ส่วนผู้เข้าประกวดบางคน แต่งหน้า เติมหน้า ดูแลทำผมกันอยู่ ทุกคนใส่ชุดเดรสสีเดียวกัน แต่คนละแบบ อรสินีกำลังเติมปาก โดยช่างแต่งหน้าอยู่
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
อรสินีไหว้ “ขอบคุณค่ะ”
อรสินีขยับลุกขึ้นยืนดูความเรียบร้อย วรัญญาเดินมาหา อรสินียิ้มให้ มองชุดวรัญญาอย่างชื่นชม
“ชุดของรัญสวยนะ”
“ชุดอรก็สวย วันนี้อรสวยมากเลยน่ะ”
อรสินียิ้ม “ขอบคุณค่ะ”
อรสินีหันไปอีกด้าน เห็นตรีอัปสรยืนนิ่งอยู่คนเดียว ดาราวรรณกับกัลยาณีช่วยกันดูความเรียบร้อยให้กันและกันอยู่ไม่ไกล
“อรไปดูตรีก่อนนะ”
วรัญญาพยักหน้า อรสินีเดินแยกไปหาตรีอัปสร “ตรี เป็นอะไรรึเปล่า”
ตรีอัปสรหันมามอง “เปล่าค่ะ ตรีไม่ได้เป็นอะไร ทำไมคุณอรถามอย่างนั้นล่ะคะ”
“อรเห็นตรีเครียดๆ”
ตรีอัปสรยิ้มนิดๆ “เหรอคะ ตรีว่า ตรีก็สบายๆ นะคะ ไม่ได้เครียดอะไร”
อรสินีจับมือตรีอัปสร “ยังไง ตรีก็ต้องได้เข้ารอบอยู่แล้วค่ะ”
ตรีอัปสรยิ้มรับ “ค่ะ”
แมนและเจ้าหน้าที่ของทีมออร์แกไนซ์ เดินเข้ามาหาพี่เลี้ยง
“ผู้เข้าประกวดจัดแถวตามที่ซ้อมไว้เลยครับ...ใกล้เวลาแล้วครับ”
อรสินีและตรีอัปสรหันไปมอง แมนและทีม
“เตรียมตัวเถอะค่ะ”
อรสินียิ้มให้แล้วเดินนำไป ตรีอัปสรมองตามไป
“ชั้นต้องได้เป็น นางสาว ณ สยาม ไม่ใช่แค่เข้ารอบเหมือนหล่อนย่ะ นังอรสินี”
ตรีอัปสรบอกตัวเองในใจอย่างมุ่งมั่นมาดหมาย

บนเวทีสาวงามทั้ง 20 คน ออกมาโชว์เปิดงาน โดยมีอรสินีกับตรีอัปสรเป็นตัวเด่น ทุกอย่างเป๊ะ ตามที่ซ้อมมา และดูอลังการยิ่งใหญ่ เว่อร์วังมากกว่าตอนซ้อม ด้วยชุด ฉาก และแสงสี
ภารดีนั้นพยายามทำเด่นด้วยแอคติ้งที่แรงกว่าปกติ วรัญญา มองอย่างหมั่นไส้เล็กๆ

ด้านผู้ชม ไม่ว่าจะเป็น นายพลอัศวิน ดารินทร์ สลิลทิพย์ เจ๊หนึ่ง ทิปปี้ ตลอดจนพี่เลี้ยงคนอื่นๆ ต่างนั่งเชียร์ ชื่นชม สาวงามของตัวเองอยู่
โชว์พิเศษจบลงอย่างสวยงาม บรรดาสาวงามมายืนล้อมอรสินีและตรีอัปสร ซึ่งเป็นจุดเด่นอยู่ตรงกลางตามซ้อม
ทิปปี้กับเจ๊หนึ่ง มองหน้ากัน
“เห็นท่าจบ ชั้นก็รู้แล้วว่า ยายน้องอรกับยายตรีนั่น ต้องได้ตำแหน่งแน่แต่ไม่รู้ว่าใครจะล้ำกว่ากัน”
“ชั้นก็ว่างั้น”
เจ๊หนึ่งยิ้มเยาะ “แต่ชั้นเชื่อมั่นน่ะ ว่าคนที่ได้ตำแหน่งต่อจากยาย 2 คนนั่นต้องเป็นหนูรัญของชั้นแน่ๆ”
“โห คิดได้นะยะ เอาแค่ติด 1 ใน 5 ชั้นว่าหล่อนก็ควรจะไปแก้บนได้แล้ว อย่าไปคิดเยอะ”
ทิปปี้พูดจบก็เมินไปมองที่เวที เจ๊หนึ่งหมั่นไส้ สะบัดหน้าไปอีกด้าน

สาวงามเดินกลับเข้าหลังเวที พิธีกรชาย และพิธีกรหญิง ของการประกวด เดินออกมายืนที่โพเดียม กล่าวดำเนินรายการไปมา
“เป็นโชว์ที่สวยงาม และแสดงถึงความสามารถของผู้เข้าประกวดทั้ง 20 คน จริงๆ นะคะ”
“ใช่ครับ และอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เราก็จะมีนางสาว ณ สยาม คนใหม่แล้วนะครับ”
“และเธอจะเป็นผู้ครอบครองมงกุฎเพชรมูลค่ากว่า 1 ล้าน 5 แสนบาท รวมทั้งรถยนต์ บ้านพร้อมที่ดิน และรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาทค่ะ”
“และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่เราจะประกาศผู้เข้ารอบนางสาว ณ สยาม 10 คนสุดท้ายครับ”
“ขอเชิญผู้เข้าประกวดทั้ง 20 คนค่ะ”
ผู้เข้าประกวดเดินออกมาเรียงตามหมายเลขจนครบ
พีธีกรชายมองมาทางโต๊ะกรรมการ “ผมเชื่อว่าท่านคณะกรรมการต้องทำงานหนักกันแล้วล่ะครับ ตอนนี้”
มีเจ้าหน้าที่เอาซองขึ้นมาให้พิธีกรหญิง
“ดิชั้นขอประกาศรางวัลพิเศษ 2 รางวัล ก่อนนะคะ สำหรับสาวงามที่ได้ตำแหน่ง ขวัญใจประชาชนจากการโหวตของผู้ชมทั่วประเทศ จริงๆ ต้องบอกว่าผู้ชมทั่วโลกที่ชมอยู่ และทางเว็บไซต์ของ นางสาว ณ สยามนะคะ”
พิธีกรชายเสริม “ส่วนอีกรางวัลคือรางวัลขวัญใจช่างภาพครับ”
พิธีกรหญิงยกซองขึ้นเปิดอ่าน “และผู้เข้าประกวดที่ได้รับการโหวตมากที่สุด จนได้เป็นขวัญใจประชาชน คือ...หมายเลข 9 นางสาว อรสินี วัณณุวรรธน์ ค่ะ” บรรดาสาวงามยิ้มยินดีกับอรสินี “และขอเรียนเชิญ คุณหญิงสุดสวาท เพชรภาสกรณ์ ให้เกียรติมอบสายสะพาย และเงินรางวัล 1 แสนบาทด้วยค่ะ”
คุณหญิงสุดสวาทเดินขึ้นมา ใส่สายสะพายให้กับอรสินี

พิธีกรชายประกาศรางวัล
“และผู้ที่ได้รับตำแหน่งขวัญใจช่างภาพ คือ หมายเลข 8 ครับ นางสาว ตรีอัปสร พัชรกานต์กุล”
ตรีอัปสรยิ้มหวาน และเดินออกมายืนด้านหน้า
พีธีกรชายบอกต่อ “เรียนเชิญท่านนายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพ ให้เกียรติมอบรางวัลและสายสะพายด้วยครับ”
นายกฯขึ้นมาใส่สะพายให้ ตรีอัปสรยิ้มอย่างภูมิใจ ภารดีมีสีหน้าอิจฉาไม่พอใจสุดๆ นายพลอัศวิน ดารินทร์ และสลิลทิพย์ ยิ้มดีใจตามจริตใครมัน

พิธีกรชาย หญิง ดำเนินรายการ และประกาศรายชื่อต่อไป
“และตอนนี้รายชื่อผู้เข้ารอบทั้ง 10 คนอยู่ในมือของดิชั้นเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราประกาศกันเลยไม๊ครับ” พิธีกรชายบิ้วท์คนดู
“ด้วยความยินดีค่ะ” พิธีกรหญิงพูดไปก็เปิดซองไป “หมายเลขผู้เข้าประกวดที่ประกาศต่อไปนี้นะคะ ไม่ได้เรียงตามคะแนนนะคะ สาวงามผู้เข้ารอบ 10 คน...หมายเลขแรก หมายเลข 6 ค่ะ นางสาว ดาราวรรณ พิไลเลิศ”
ดาราวรรณทำท่าดีใจเว่อร์ เหมือนประกาศชื่อได้เป็น นางสาว ณ สยาม ยังไงยังงั้น กัลยาณีมองดาราวรรณอย่างหมั่นไส้เล็กๆ ในความโอเว่อร์ ออกอาการเกินเหตุ
พิธีกรชายแหย่ “อย่าเพิ่งดีใจเยอะครับ ถ้าเข้ารอบลึกไปกว่านี้ จะหมดท่าดีใจนะครับ”
พิธีกรหญิงหัวเราะเบาๆ “สาวงามคนต่อไปนะคะ...หมายเลข 13 นางสาว ภารดี มีสมทรัพย์ หมายเลข 1 นางสาววรัญญา พงษ์รุ่งเรือง หมายเลข 5 นางสาวกัลยาณี คชพรม หมายเลข 9 นางสาว อรสินี วัณณุวรรธน์ หมายเลข 8 นางสาวตรีอัปสร พัชรกานต์กุล”
ระหว่างที่พิธีกรประกาศ สาวงามเดินออกมาเรื่อยๆ จนครบ 10 คน ทั้ง 10 คนยืนเรียงกันในจุดมาร์ครอบ 10 คน สาวงามที่ตกรอบ 10 คน เดินกลับเข้าหลังเวทีไป ส่วน 10 คนยังยืนอวดโฉมอยู่ ผู้ชมและกองเชียร์ตบมือให้เกรียวกราว รวมทั้งคณะกรรมการด้วย

มุมแต่งตัวหลังเวที ชุดไทยเรียงกันเป็นแถว พี่เลี้ยงนำเอาชุดไปให้สาวงามที่ตัวเองดูแลเปลี่ยน ผู้เข้ารอบทั้ง 10 คน ตรีอัปสรถอดรองเท้าออกแล้วเข้าไปหลังฉากเพื่อเปลี่ยนชุด อรสินีก็เปลี่ยนเสื้อผ้า

แต่ละคนวุ่นวายกับหน้าที่ของตัวเอง ช่างหน้า ช่างผม คอยดูแลความสวย เติมหน้า จัดทรงผมให้ 10 สาวงามเพื่ออกไปประชันโฉมรอบต่อไป

อ่านต่อหน้า 2

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 7 (ต่อ)

พิธีกรชาย หญิง ยืนคู่กันที่โพเดียม เห็นสาวงามทั้ง 10 คน เดินออกมายืนเรียงแถวกันตามหมายเลข ทุกคนยืนประชันสวย ส่งยิ้มหวานจิกไปถึงกรรมการอย่างไม่ยอมกัน

พิธีกรหญิงเอ่ยขึ้น น้ำเสียงตื่นเต้นชวนลุ้น
“และก็ถึงเวลาจะประกาศผลสาวงาม 5 คน เพื่อเข้าไปชิงตำแหน่ง ผู้หญิงที่สวยที่สุดในสยาม นางสาว ณ สยามและรองอีก 2 คนนะคะ”
“ผมขอประกาศเองนะครับ”
“ได้เลยค่ะ ประกาศได้เลย ดิชั้นว่าตอนนี้ไม่แต่เฉพาะสาวงามที่ยืนอยู่บนเวทีเท่านั้นนะคะ ที่ตื่นเต้น ดิชั้นว่าคุณผู้ชมทางบ้านท่านผู้มีเกียรติที่อยู่ที่นี่ก็ตื่นเต้นไม่แพ้กันค่ะ”
พิธีกรชายประกาศด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “และสาวงามผู้เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย...หมายเลข 1 ครับ นางสาววรัญญา พงษ์รุ่งเรือง หมายเลข 9 นางสาว อรสินี วัณณุวรรธน์ หมายเลข13 นางสาวภารดี มีสมทรัพย์ หมายเลข 5 นางสาวกัลยาณี คชพรม และ หมายเลขสุดท้าย...”
คนดูทั้งห้องเงียบกริบ ภารดีมีสีหน้าลุ้น สะใจ เหมือนไม่อยากให้ตรีอัปสรได้ตำแหน่ง
พิธีกรชายพูดต่อ “และหมายเลขสุดท้ายที่เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย คือ...หมายเลข 8 นางสาวตรีอัปสร พัชรกานต์กุล ครับ
ตรีอัปสรเดินออกมาจากกลุ่มสาวงามที่ไม่ได้ถูกเรียก เดินอย่างสง่างามมายืนข้างภารดี ภารดียิ้มด้วยปากแต่สายตามองตรีอัปสรอย่างหมั่นไส้ เสียงคนดูปรบมือกันเกรียวกราว
“ขอให้สาวงามทั้ง 5 ของเรา เดินให้คณะกรรมการดูชัดๆ อีกซักครั้งค่ะ เชิญเลยค่ะ”
สาวงามเดินเป็นแถวกันทั้ง 5 คน ส่วนที่เหลือรวมทั้งดาราวรรณ เดินเข้าหลังเวทีไป วรัญญา ภารดี อรสินี ตรีอัปสร และกัลยาณีเดินรอบเวทีอีกครั้ง

คณะกรรมการที่นั่งอยู่ รวมทั้งนายพลอัศวิน ซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางระหว่างทุกคน หันมาทำท่ากระซิบกับกรรมการข้างๆ ทั้ง 2 ข้าง กรรมการพยักหน้ารับเหมือนเห็นด้วย
บนเวที ตรีอัปสรเดินเป็นคนสุดท้าย มองมายังโต๊ะกรรมการ นายพลอัศวินมองสบตา ตรีอัปสรเยื้อนยิ้มอย่างมีความสุข หมุนตัวอย่างงามสง่าเดินระเหิดระหงกลับเข้าไปด้านหลังเวที

คุณดิษฐ์นั่งอยู่กับแขกระดับผู้บริหาร และสปอนเซอร์หลัก สีหน้าดิษฐ์มีความสุขมาก ชญานนท์กับมุกตาภานั่งอยู่ที่โต๊ะเดียวกัน หันมาคุยกับแขกด้วย บนเวที มีการแสดงโชว์คั่นรายการ จากนักร้องค่ายดังบรรดาสปอนเซอร์มองบนเวทีอย่างพอใจ

หลังเวทีตอนนี้ สาวงามที่เข้ารอบทั้ง 5 คน กำลังแต่งตัวในชุดราตรีสวยงาม ภารดีมองดูความเรียบร้อยของตัวเองก่อนจะบอกพี่เลี้ยง
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ พี่”
พี่เลี้ยงมองภารดีอย่างแปลกใจ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร ภารดีก็เดินไปทางอื่น พี่เลี้ยงทั้ง 2 คนจึงหันมาทางวรัญญา วรัญญามองตามภารดีไปอย่างสงสัย
ดาราวรรณที่ยังอยู่ในชุดไทยเดินผ่านวรัญญาไปหากัลยาณี
“ดีใจด้วยนะ นี”
กัลยาณียิ้ม พยักหน้า “ขอบใจนะ ชั้นอยากให้เธอมาแสดงความยินดีอีกครั้ง ตอนชั้นได้เป็น นางสาว ณ สยาม มากกว่า”
ดาราวรรณหุบยิ้ม มองกัลยาณี หน่ายๆ “ชักเยอะไปแล้ว ได้แค่นี้ก็ต้องรีบไปแก้บนแล้ว”
กัลยาณีงอน “อ้าว แทนที่จะอวยพรเพื่อน กลับมาพูดให้หมดกำลังใจ”
“ชั้นพูดเพื่อไม่ให้เธอเสียใจ เพราะผิดหวัง รีบแต่งตัวเข้าเถอะ” ดาราวรรณมองผ่านกัลยาณีไป “ดูตัวเก็งของแท้ซะก่อน จัดเต็มมาเลย”
กัลยาณีหันไปมองตามสายตาดาราวรรณ

อรสินีเดินออกมาจากหลังฉาก ในชุดราตรีสวยหวานสุดๆ มีพี่เลี้ยงตามออกมาดูแลความเรียบร้อย ตรีอัปสรเดินออกมาจากหลังฉากอีกอันในชุดราตรีสวยแต่ดูเรียบๆ พี่เลี้ยงมาดูแลความเรียบร้อย
แมนเดินเข้ามาบอก “อีก 3 นาทีนะครับ”
ทุกคนหันไปมอง แล้วหันกลับมาเร่งมือกัน
แหวว พี่เลี้ยงถาม “รองเท้าอยู่ไหนคะ น้องตรี”
ตรีอัปสรบุ้ยใบ้ไปทางหนึ่ง “ทางโน้นค่ะ”
“เดี๋ยวพี่ไปเอาให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ...ตรีไปเอาเอง”
ตรีอัปสรเดินไป แหววหันมาช่วยพี่เลี้ยงอีกคนซึ่งดูอรสินีอยู่
“เรียบร้อย สวยจริงๆ”
“ขอบคุณค่ะ”

รองเท้าส้นสูงวางเรียงอยู่เป็นตับ ตรีอัปสรเดินมาจะถึงที่วางรองเท้าอยู่แล้ว แต่โดนวรัญญาเดินมากระแทกจนเซไป
ตรีอัปสรร้อง “ว้าย”
ทุกคนหันมามอง ตรีอัปสรเซไป คว้าของใกล้ตัวไว้เพื่อไม่ให้ล้ม
ตรีอัปสรฉุน “อะไรเนี่ย จะแกล้งกันเหรอ”
วรัญญามองตรีอัปสรอย่างท้าทาย เหมือนจะหาเรื่อง ตรีอัปสรเซไปไม่ห่างจากรองเท้าที่จะใส่
วรัญญาไม่ตอบใดๆ แต่เดินเข้าไปหาตรีอัปสร ทุกคนมองอย่างลุ้นๆ ว่าจะมีตบกันหลังเวทีรึเปล่า ไม่เว้นแม้แต่พี่เลี้ยง
วรัญญาเดินไปหยุดยืนตรงหน้าตรีอัปสร จ้องหน้ากันชั่วครู่ ก่อนจะก้มลงไปหยิบรองเท้าของตรีอัปสรขึ้นมา บรรยากาศมาคุ ทุกคนลุ้นกันอีกว่า สองสาวจะเอารองเท้ามาตบหน้ากันรึเปล่า
สุดท้ายวรัญญาพลิกรองเท้าคว่ำลง มีเป๊กหมุดหัวโต ที่เอาไว้ติดบอร์ด 2-3 ตัว หล่นออกมาจากในรองเท้า คราวนี้ตรีอัปสรถึงกับตกตะลึง ทุกคนก็ตกใจ อรสินีซึ่งยืนอยู่ไม่ห่างนัก ก้มลงดูรองเท้าของตัวเอง
วรัญญาส่งรองเท้าคืนให้ตรีอัปสร ตรีอัปสรรับมาถือไว้ วรัญญาหันไปทางอรสินี
“ดูให้ดีก่อนใส่ด้วยนะ...อร”
อรสินีพยักหน้า “ขอบใจน่ะ...รัญ”
อรสินีหยิบรองเท้าขึ้นมายกเท มีเป๊กหมุดหล่นลงมา 2 อัน
จังหวะนี้เห็นสีหน้าภารดียืนแค้นใจอยู่ห่างๆ บรรดาสาวงามคนอื่นๆ ก็หยิบรองเท้าขึ้นมาพลิกดูกันหมด แต่ไม่มีหมุดตกลงมา

สาวงามทั้ง 5 คน ออกมาเดินอีกครั้ง พิธีกรยืนอยู่ที่โพเดียม เดินออกมาหาสาวงาม
“คุณผู้ชมครับและที่อยู่ในมือผมคือ ซองคำถามที่สาวงามทั้ง 5 ท่าน จะต้องตอบคำถามจากในซองนี้นะครับ...คำตอบของพวกคุณมีผลกับคะแนนที่คุณจะได้รับด้วยนะครับ”
“เริ่มเลยนะคะ สาวงามที่เลือกได้ซองหมายเลข 1 เชิญเลยค่ะ”
กัลยาณีเดินออกมาส่งซองคำถามให้ กัลยาณีทำท่าหญิงมั่นฉลาด โบกมือให้คนดู พิธีกรชายเปิดซองคำถาม
“คุณคิดว่าเงินกับสุขภาพอย่างไหนสำคัญกว่ากันครับ”
กัลยาณียิ้มอย่างมั่นใจ ตอบอย่างฉาดฉาน
“ถ้าคิดแบบตื้นๆ ไม่ลึกซึ้งนะคะ ก็ต้องตอบว่า สุขภาพสำคัญกว่า เพราะถ้าเราสุขภาพดี เราก็สามารถทำมาหากินได้ แต่ต้องไม่ลืมนะคะว่าให้สุขภาพดียังไง วันนึงเราก็ต้องแก่ ต้องเจ็บแน่นอน ถ้าเรามีเงินเราก็สามารถจะเอาเงินมารักษาตัวได้ สุขภาพดีก็ยังหนีไม่พ้นการเจ็บไข้ค่ะ แต่ถ้ามีเงินเราก็หนีไม่พ้นความตาย”
คณะกรรมการหันมามองหน้ากัน ส่ายหัวสีหน้าบ่งบอกว่าเป็นคำตอบที่ห่วยมาก
กัลยาณียกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะ”
พิธีกรหญิงประกาศ “คุณกัลยาณี คชพรม หมายเลข 5 ค่ะ”
กัลยาณีเดินหน้าเชิด กลับไปยืนข้างภารดี ภารดีเบ้ปากพึมพำเบาๆ
“ตอบได้ปัญญาอ่อนมาก”
ภารดีพูดจบก็ยิ้มหวานให้กัลยาณี ก่อนจะเดินออกไปหาพิธีกร
“คุณภารดี มีสมทรัพย์ หมายเลข 13 ค่ะ”
พิธีกรชายเย้า “ลัคกี้นัมเบอร์นะครับ” พลางเปิดซองที่ภารดีส่งให้ อ่านคำถาม “ถ้าคุณได้รับตำแหน่ง นางสาว ณ สยาม คุณจะทำอะไรเพื่อเป็นประโยชน์กับส่วนรวมบ้างครับ”
ภารดียิ้มหวานแล้วตอบว่า “ดิชั้นมีความตั้งใจมาตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้ามาสู่การประกวดนี้แล้วค่ะ ว่าถ้าดิชั้นได้ตำแหน่ง ดิชั้นจะทำทุกอย่างเพื่อส่วนรวม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเด็ก เรื่องยาเสพติด เรื่องความเท่าเทียมกันในสังคม เรื่องการรักษาพยาบาล”
“คุณภารดีจะทำอะไรบ้างครับ”
ภารดียิ้มหวาน “ทันทีที่ได้รับตำแหน่ง ดิชั้นจะเปิดเผยนโยบายทั้งหมดของดิชั้นค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ”

ภารดียกมือไหว้ แล้วเดินกลับไปจุดยืนตัวเอง

สปอร์ตไลท์สาดส่อง ตรีอัปสร อรสินี และ วรัญญา ที่ยืนเด่นอยู่บนเวที ดูสวยงามคนละแบบ ทุกสายตาของคนดูมองลุ้นไปบนเวที

พิธีกรชายเอ่ยขึ้น “และเวลาที่พวกเราทุกคนรอคอยก็มาถึงแล้วนะครับ สำหรับสาวงาม 3 ท่าน”
สาวงามทั้ง 3 คนเดินออกมายืนจรงจุดมาร์คไว้ รอบ 3 คน
“ในรอบนี้ สาวงามทั้ง 3 จะต้องตอบคำถามซึ่งอยู่ในซองนี้นะคะ”
พิธีกรหญิงเดินไปหาสาวงามทั้ง 3 คน แล้วยื่นซองให้เลือกคนละ 1 ซอง
“เราเริ่มกันเลยนะครับ”
พิธีชายเดินไปที่วรัญญา วรัญญาส่งซองให้ พิธีชายเปิดซองของวรัญญา
“คุณคิดว่าคุณมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นได้ยังไงบ้างครับ”
“เอ่อ...ก็ต้อง...เริ่มจากตัวเองก่อนนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการประหยัดพลังงาน นำของที่ใช้แล้วมาใช้ซ้ำ หรือดัดแปลงไม่ว่าจะเป็นการ Reuse, Recycle ค่ะ”

อรสินียืนอยู่ด้านหน้า พิธีชายเปิดซอง แล้วอ่านคำถาม
“ถ้าคุณมีโอกาสได้เป็นผู้นำ คุณจะใช้หลักการใดในการนำผู้คนครับ”
อรสินีตอบสั้น กระชับ ตรงคำถามว่า “ใช้หลักความจริงใจ และมีคุณธรรมเป็นพื้นฐานค่ะ และจะต้องมีความรู้ความสามารถที่เราจะต้องแสวงหา ศึกษาให้ถ่องแท้ เมื่อผู้นำมีสมอง มีความฉลาด มีความจริงใจ และมีคุณธรรม ดิชั้นเชื่อว่า ต้องเกิดความเจริญก้าวหน้าขึ้นแน่นอนค่ะ”
เสียงปรบมือดังกึกก้อง ชญานนท์ มองแฟนสาวอย่างเป็นปลื้ม ส่วนสลิลทิพย์ยิ้มอย่างพอใจ

ถึงคิวตรีอัปสร พิธีกรหญิงเอ่ยขึ้น “และก็มาถึงคำถามสุดท้าย กับผู้เข้ารอบคนสุดท้ายนะคะ น้องตรีอัปสร” พลางเปิดซองแล้วอ่านคำถาม “เราจะเห็นว่าปัจจุบันนี้มีปัญหาเกิดขึ้นมากมายในสังคมไทยของเรา ถ้าคุณมีโอกาสเข้าไปช่วยแก้ปัญหาเหล่านั้น คุณคิดว่าคุณจะเริ่มต้นแก้ปัญหาจุดไหนก่อน และเพราะอะไรคุณถึงเลือกเช่นนั้น”
“คำถามอาจจะยาวไปหน่อยนะครับ”
พิธีกรชายว่า พลางยิ้มเหมือนให้กำลังใจตรีอัปสร ตรีอัปสรสูดลมหายใจและผ่อนช้าๆ ก่อนจะตอบด้วยท่าทางมั่นใจในตัวเอง ยิ้มหวานก่อนตอบ
“ต้องยอมรับนะคะ ว่าปัญหาในบ้านเมืองเรามีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการคอรัปชั่น การขาดคุณธรรม จริยธรรม ผู้คนให้ความสำคัญกับวัตถุมากขึ้นแต่ดิชั้นเชื่อว่าปัญหาทั้งหมดจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเราดูแลตั้งแต่เริ่มต้น ดิชั้นคิดว่าเราควรจะเริ่มแก้ปัญหาเด็กก่อนค่ะ เพราะเด็กคือจุดเริ่มต้น เป็นอนาคตของสังคม สิ่งที่เราต้องทำคือ การให้ความรัก ให้ความอบอุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กด้อยโอกาส เด็กกำพร้า เด็กที่พ่อแม่ทอดทิ้งถ้าพวกเราช่วยกันดูแล ให้การศึกษา เพื่อให้เด็กพวกนี้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ถ้าก้าวแรกเริ่มต้นอย่างมีพื้นฐานที่ดี ก้าวต่อไปก็จะมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ”
สิ้นเสียงตรีอัปสร คนดูทั้งห้องตบมือให้อย่างกึกก้อง ตรีอัปสรยิ้มให้ทุกคน ดารินทร์ตบมือสุดแรงเกิด ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียว สลิลทิพย์และคุณหญิงสุดสวาท ตบมือแปะๆ ตามมารยาท สีหน้าออกแนวหมั่นไส้มากกว่า ชญานนท์กับดิษฐ์หันมามองหน้ากันอย่างพอใจ
ดารินทร์ตบมือและยิ้มอย่างภูมิใจ บอกกับตัวเอง
“อีกนิดเดียว ตรีอัปสร อีกนิดเดียว เราต้องชนะนังสลิลทิพย์ให้ได้ แกต้องชนะแน่”
ไม่ต่างจากสลิลทิพย์ที่มองไปบนเวที
“ยายอร ลูกต้องได้เป็น นางสาว ณ สยาม ลูกต้องได้เป็น นางสาว ณ สยามนะ ต้องเอาให้ได้นะ”

ส่วนนายพลอัศวินมองกระดาษคะแนน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองตรีอัปสรบนเวที กรรมการอีกคนขยับเข้ามากระซิบ
“คะแนนห่างกันไม่มากนะ ลุ้นน่าดู”
นายพลนักรักยิ้มให้แต่ไม่ตอบ บอกตัวเองในใจ
“ถึงยังไงชั้นก็ไม่ยอมให้เธอหลุดมือชั้นแน่นอน ตรีอัปสร”

พิธีกรชายดำเนินรายการต่อ “และก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอยแล้วนะครับ เรากำลังจะได้ นางสาว ณ สยาม คนใหม่ในไม่กี่นาทีนี้แล้วครับ”
“ตื่นเต้นเป็นที่สุดค่ะ”
“ผมดูคุณจะตื่นเต้นกว่าสาวงามทั้ง 5 นะครับ”
“ใช่ค่ะ...ประกาศผลเลยค่ะ” พิธีกรหญิงยิ้ม
พิธีกรชายประกาศ “ขอเริ่มที่ตำแหน่งรองอันดับ 2 นางสาว ณ สยาม หมายเลข 1 นางสาว วรัญญา พงษ์รุ่งเรือง”
แขกวีไอพีหญิง 2 เดินถือสายสะพาย รองอันดับ 2 มาคาดให้วรัญญา
พิธีกรชายประกาศต่อ “และตำแหน่ง นางสาว ณ สยาม คือ...”
อรสินีกับตรีอัปสร จับมือกันแน่นยิ้มให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
พิธีกรชายประกาศด้วยน้ำเสียงสุดจะตื่นเต้น “หมายเลข 8 นางสาว ตรีอัปสร พัชรกานต์กุล ครับ”
เสียงเพลงประจำการประกวดดังคลอขึ้น ตรีอัปสรหันมามองอรสินี ท่าทางอรสินีดีใจกับตรีอัปสรจากใจจริง นางสาว ณ สยาม ปีที่แล้ว ถือมงกุฎออกมาสวมให้ตรีอัปสร พร้อมกับสายสะพาย
ดารินทร์ลุกขึ้นตบมืออย่างดีใจเป็นที่สุด ตรีอัปสรชายตามองมายังนายพลอัศวิน ท่านนายพลยิ้มอย่างพอใจ

ด้านสาวงามที่ตกรอบด้านหลังเวที ถูกแหวว และแมน ต้อนให้เดินออกมายืนด้านหลัง นางงามหน้าเวที

ตรีอัปสรสวมมงกุฎยืนยิ้มกับอรสินีและวรัญญาคนละข้าง มีช่างภาพยืนถ่ายรูปอยู่หน้าเวทีด้านล่าง เต็มไปหมด
บนเวทียังมีการมอบรางวัลจากสปอนเซอร์รายต่างๆ ให้กับตรีอัปสร โดยไม่มีใครสังเกต จังหวะนี้ภารดีเดินเข้าจากด้านหลัง คว้ามงกุฎบนหัวตรีอัปสร แต่ตรีอัปสรหมุนตัวมาเพื่อโพสท่าให้นักข่าวถ่ายรูป ทำให้ภารดีซึ่งตั้งใจจะหยิบมงกุฎ กลายเป็นปัดมงกุฎลอยหวือขึ้นไป
มีเสียงร้อง “ว้าย” ด้วยความตกใจ ทุกคนเห็นมงกุฎลอยลงมา ตรีอัปสรหมุนตัวมาดู ยกมือขึ้นจับศีรษะพบแต่ความว่างเปล่า หันขวับไปมอง วรัญญาเห็นมงกุฎลอยอยู่อยู่ใกล้ตัวเอง จึงเอื้อมมือไปคว้ามงกุฎได้ก่อน ภารดีคว้าลมแล้ง ทุกคนเหมือนหยุดนิ่ง มองบนเวทีอย่างตกตะลึงพรึงเพริด
วรัญญาถือมงกุฎอยู่ในมือ มองมงกุฎแล้วจู่ๆ ก็เอาไปใส่ให้อรสินี แสงไฟจากแฟลชวูบวาบๆ อรสินีตกตะลึง ไม่คิดว่าวรัญญาจะทำอย่างนั้น รีบหันมามองตรีอัปสร ซึ่งยืนงง หน้าซีดอยู่ด้วยความตกใจขวัญกระเจิงอยู่
อรสินีหยิบมงกุฎบนศีรษะตัวเอง เอาไปวางบนศีรษะตรีอัปสร แล้วจับมือให้กำลังใจพร้อมกับดึงตรีอัปสรออกมายืนด้านหน้าให้นักข่าวถ่ายรูปชัดๆ ทีมงานกองประกวดรีบมาดึงภารดีเข้าไปด้านในทันที
วรัญญาเดินมายืนฉีกยิ้มขนาบอีกข้างของตรีอัปสร

มีการแถลงข่าวด่วน ตรงมุมหนึ่งบนเวที
พี่เลี้ยงกองประกวด 2-3 คน เดินมากับอรสินี ตรีอัปสรและวรัญญา มีนักข่าวกรูตามเข้ามาทั้งกล้องภาพนิ่ง และกล้องวิดีโอ พี่เลี้ยงจัดนักข่าวให้นั่งเป็นระเบียบเท่าที่จะทำได้ ตรีอัปสรยิ้มหวานเหมือนพยายามเก็บอาการ เสียงนักข่าวถามเซ็งแซ่เรื่องการได้ตำแหน่ง และการถูกกระชากมงกุฎ ตรีอัปสรตั้งสติคุมเกมได้ และเอาอยู่ โดยไม่ต้องอาศัยพี่เลี้ยงเลย
“ตรีขออนุญาตตอบคำถามเดียวนะคะ คือความรู้สึกของตรีในค่ำคืนนี้เป็นความรู้สึกที่ทั้งดีใจที่สุดและเสียใจที่สุดค่ะ ตรีดีใจที่ได้รับเกียรติเป็น นางสาว ณ สยาม เพราะตำแหน่งนี้ ไม่ได้เป็นสิ่งที่บอกว่าตรีสวยที่สุด แต่หมายถึงตรีมีคุณสมบัติครบถ้วนที่จะเป็นตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศสู่เวทีนานาชาติ และสำหรับเรื่องที่ตรีเสียใจที่สุด ก็เป็นเรื่องที่พี่ๆรู้เห็นอยู่แล้ว”
ตรีอัปสรหยุดพูดไปเหมือนพยายามรวบรวมความเข้มแข็ง ไม่ให้ตัวเองร้องไห้ต่อ
“ตรีไม่โกรธเพื่อนหรอกนะคะ แต่เสียใจที่ตรีไม่เคยทราบมาก่อนเลย ตรีทำอะไรผิด ทำอะไรให้เพื่อนไม่พอใจ ตรีอยากจะฝากพี่ๆ ไปบอกหนูดีด้วยนะคะ ว่าตลอดเวลาที่เก็บตัวและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ตรีไม่เคยรู้สึกไม่ดีกับหนูดีเลยนะคะ ถึงแม้ตรีจะโดนด่า โดนทำร้าย หรือแม้แต่โดนกระชากมงกุฎ”
นักข่าวถามเซ็งแซ่ “โดนทำร้ายด้วยเหรอคะ” / “เมื่อไหร่ ยังไงคะ”
อรสินีกับวรัญญาที่นั่งอยู่ด้วยแอบสบตากันนิดหนึ่ง ตรีอัปสรส่ายหน้า น้ำตาคลอนิดๆ
“ตรีอยากให้เรื่องจบค่ะ ตรีไม่อยากพูด”
นักข่าวหันมาทางวรัญญา “ขอคุยกับน้องรัญหน่อยนะคะ ทำไมถึงเอามงกุฎไปใส่ให้น้องอรล่ะคะ”
“มันชุลมุนวุ่นวาย จนรัญงงไปหมดน่ะค่ะ รัญรู้แต่ว่ามงกุฎไม่ใช่ของรัญรัญไม่ใช่ นางสาว ณ สยาม พอรัญคว้าได้ รัญก็รีบเอาไปใส่ให้ตรี แต่รัญใส่ให้ผิดคนค่ะ”
มุกตาภากับรัตน์ ซึ่งยืนอยู่แถวนั้นหันมามองหน้ากัน รัตน์แทรกเข้าไปตัดบทก่อน
“คืนนี้ คงต้องพอแค่นี้ก่อนนะคะ น้องเหนื่อยมากแล้ว พรุ่งนี้เช้า10 โมง เรียนเชิญสื่อทุกท่านที่ห้องประชุมเล็กที่สถานีโทรทัศน์ไทยเท็นเลยนะคะ ตอนนี้ขอให้น้องๆ พักผ่อนก่อนนะคะ ขออนุญาตนะคะ”
ตรีอัปสรซับน้ำตา โดยช่างภาพยังถ่ายภาพอยู่

วรัญญาหยิบทิชชูส่งให้และโอบไหล่ตรีอัปสร ทำท่าปลอบโยนขโมยซีนทันที แต่ตรีอัปสรไม่รับ และเบี่ยงตัวออกพองาม

แขกเหรื่อทยอยเดินออกมา แยกย้ายกันกลับ มีคุณดิษฐ์ และ ชญานนท์ เดินมาส่งแขกวีไอพี สปอนเซอร์ แขกเหรื่อเดินออกไปแล้ว คุณดิษฐ์หันไปมองด้านใน เห็นนักข่าวกรูจากด้านหนึ่ง ไปอีกด้าน สองพ่อลูกมองตามไป

“นักข่าวตามสัมภาษณ์ใคร”
“น่าจะเป็นภารดีนะครับ”
คุณดิษฐ์ยิ้ม ขำนิดๆ “มือตบมงกุฎน่ะเหรอ”
“ครับ คุณพ่อจะให้ดึงออกมาก่อนไม๊ครับ เพราะดูเหมือนจะรายงานสดด้วยนะครับ”
“ให้สัมภาษณ์ไปเลย ตามสบาย พรุ่งนี้ค่อยนัดคุย นางงามที่เข้ารอบ 5 คนสุดท้าย พ่อจะให้เซ็นสัญญากับเรา ที่เหลือก็รับเป็นงานไป”
“ครับ”
“อยากรู้จริงๆ ว่าให้สัมภาษณ์ยังไงบ้าง”
คุณดิษฐ์และชญานนท์หันไปมองทางที่นักข่าวไมค์รวมที่มุงภารดีอยู่

ภารดีซับน้ำตาตอบสื่ออยู่มุมหนึ่งในโรงแรมจัดงาน โดยมีทิปปี้ดูแลอยู่ใกล้ๆ
“พี่ๆ อาจจะคิดว่าหนูดีแก้ตัวนะคะ แต่หนูดียืนยันว่าทุกคำพูดของหนูดีคือเรื่องจริงค่ะ หนูดีไม่ได้มีเจตนาจะปัดมงกุฎตรีเลยนะคะ หนูดีตั้งใจจะออกมาร่วมแสดงความยินดีกับเพื่อนๆ ทั้งอร ทั้งรัญและก็ตรี”
นักข่าวซัก “แต่ภาพที่ออกมาคือหนูดี ปัดมงกุฎของตรีนะคะ”
ภารดีส่ายหน้า “ไม่ค่ะ หนูดีเห็นมงกุฎเอียงอยู่ หนูดีก็กลัวว่าจะตกลงมาก็เลยเอื้อมมือไปจะจัดมงกุฎให้ดีอ่ะค่ะ หนูดีไม่เคยทำร้ายใครนะคะ แม้แต่จะคิด ยังคิดไม่ได้เลยค่ะ”
“ใช่ค่ะ พี่ทิปปี้เป็นพยานได้ค่ะ”

กลางดึก ภาพเปิดใจภารดีในจอทีวีดับวูบลง เจ๊หนึ่งนั่งดูอยู่กับวรัญญา ดาราวรรณ และกัลยาณี ทุกคนสุมหัวกันอยู่ในห้องพักของโรงแรมนั่นเอง
เจ๊หนึ่งหมั่นไส้ “นังนี่มันตอแหลได้โล่จริงๆ”
ดาราวรรณท้วง “เจ๊ อย่าพูดคำหยาบซิ”
“นี่ นังวรรณ อย่ามากระแดะสร้างภาพแถวนี้ ตรงนี้ไม่มีกล้อง...ไม่มีสื่อย่ะ”
กัลยาณีถามขึ้น “แล้วตรีอัปสรเป็นไงมั่ง”
วรัญญาเบ้ปาก “ยายนั่นเค้านักแสดงลูกโลกทองแดงอยู่แล้ว โกหกเป็นไฟ แอคติ้งเป็นเลิศ ยิ่งได้เป็น นางสาว ณ สยามแล้วด้วย คอยดูเหอะ มันต้องสร้างกระแสเรียกเรตติ้งสุดๆแน่ๆ”
“มันจะยังไงก็ช่าง เรามีหน้าที่เกาะกระแสมันไว้ อย่าให้มันดังโดดอยู่คนเดียว”
วรัญญาพยักหน้าช้าๆ อย่างเข้าใจ ดาราวรรณกับกัลยาณีมองหน้ากันแล้วพยักหน้าให้กัน
เช้านี้ บริเวณทางเดินหน้าทางเข้าสถานีโทรทัศน์ไทยเท็น แลเห็นตรีอัปสรเดินมากับดารินทร์ อรสินีมากับสลิลทิพย์ และ วรัญญาเดินมากับเจ๊หนึ่ง มีนักข่าวกรูเข้ามาสัมภาษณ์ ถามกันเซ็งแซ่เรื่อง...
ความรู้สึกหลังได้ตำแหน่ง / ตอนเช้าทานอาหารอะไรมื้อแรก / ชุดนี้สีนี้นำโชครึเปล่า
สลิลทิพย์พยายามดึงอรสินีเข้ามาใกล้ๆ นักข่าว เจ๊หนึ่งก็ไม่ยอม ดันวรัญญาเข้ามา ดารินทร์รีบเข้ามาทำหน้าที่ทันที
“น้องๆ คะ ใจเย็นค่ะ ถามพร้อมๆ กันแบบนี้ น้องตรีตอบไม่ถูกแน่ค่ะ ขออนุญาตถามทีละคน ได้ไม๊คะ”
นักข่าว 1 ถามว่า “รู้สึกยังไงบ้างคะ สำหรับเช้าวันแรกของการได้รับตำแหน่ง นางสาว ณ สยามค่ะ”
นักข่าว 2 ถามอีก “เมื่อคืนที่บอกว่าเสียใจที่สุด ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นรึยังคะ”
“คำถามแรกก่อนนะคะ วันนี้เป็นวันแรกของการรับตำแหน่ง นางสาว ณ สยาม ตรีมีหน้าที่ที่จะต้องทำในฐานะที่อยู่ในตำแหน่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างชื่อเสียง และภาพพจน์ที่ดีให้กับพี่น้องคนไทย รวมทั้งสถานีโทรทัศน์ไทยเท็นด้วยค่ะ ส่วนคำถามที่ 2 วันนี้ตรีก็ทำใจได้เยอะแล้วค่ะ ก็ได้คุณแม่ปลอบใจว่าเราไปบังคับให้ใครรักเราไม่ได้ แต่เราต้องมีความรักให้กับทุกคนค่ะ” ตรีอัปสรปิดท้ายด้วยยิ้มหวาน
ดารินทร์ยิ้ม “ใช่ค่ะ”
ระหว่างที่ตรีอัปสรตอบคำถาม สลิลทิพย์ปรายตามองอย่างหมั่นไส้ ระหว่างนี้ มีนักข่าว 2-3 คน สัมภาษณ์อรสินีและวรัญญากันอยู่

คุณดิษฐ์เดินมาพร้อมกับชญานนท์ มุกตาภา มีรัตน์และทีมพีอาร์อีก 2-3 คน ตามมา
“คุณรัตน์ ให้เด็กเชิญนักข่าวไปที่ห้องแถลงข่าวได้แล้ว” คุณดิษฐ์บอก
“ได้ค่ะ”
รัตน์หันไปพยักหน้ากับลูกน้องชาย ลูกน้องพยักหน้าแล้วเดินไปกับลูกน้องหญิง
“วันนี้คงยังคุยเรื่องกระชากมงกุฎกันอยู่อีกไม๊เนี่ย” คุณดิษฐ์ปรารภ
ชญานนท์บอก “ข่าวยังมีอยู่เกือบทุกสื่อครับ แต่นักข่าวอาจจะไม่ถามเรื่องนี้แล้ว เพราะภารดีตอบไปหมดแล้วครับ”
มุกตาภาเสริม “จะมีเม้าท์กันลึกๆ ก็ในเว็บค่ะ คุณพ่อ”
“งานเลี้ยงคืนนี้ พ่ออยากให้ภาพตรีอัปสรกับภารดีออกมาคู่กัน แบบว่าเข้าใจกันแล้ว เอาเป็นว่า ทั้ง 5 คนที่เข้ารอบสุดท้ายให้ดูดี สามัคคี ปรองดองน่ะ”
“ค่ะ”
“ไปที่ห้องแถลงข่าวเถอะครับ คณะกรรมการมากันครบแล้ว”
คุณดิษฐ์พยักหน้าแล้วเดินไป
นักข่าวพากันทยอยเดินเข้าไปนั่งประจำที่ ทีมกล้องทีวีตั้งกล้องรออยู่มุมหนึ่ง โดยที่โต๊ะด้านหน้าเวที มีคุณดิษฐ์ ชญานนท์ นายพลอัศวินและกรรมการอีก 2 ท่าน ซักครู่หนึ่ง ตรีอัปสร อรสินี และ วรัญญา เดินเข้ามา ส่วนสลิลทิพย์ ดารินทร์ และ เจ๊หนึ่ง เดินเข้ามานั่งด้านหน้า 3 สาวเดินไปนั่งโต๊ะคุณดิษฐ์ ซึ่งตรีอัปสรนั่งติดกับนายพลอัศวิน หล่อนหันไปยกมือไหว้ชดช้อย
ต่อมาชญานนท์เปิดใจให้สัมภาษณ์ไมค์รวมกับนักข่าว มีนักข่าวยกมือถามไปมา ชญานนท์ตอบอย่างมาดมั่น
เวลาผ่านไปอีก แลเห็นบรรดานักข่าวทยอยออกมาที่บริเวณด้านหน้าห้องแถลงข่าว สลิลทิพย์ เจ๊หนึ่ง ดารินทร์ ตามออกมาให้ข่าวด้วย โดยมีมุกตาภากับรัตน์คุมประกบนักข่าว คุณดิษฐ์ ชญานนท์
อรสินี ตรีอัปสรและวรัญญา ทยอยเดินมา นายพลอัศวินซึ่งยังอ้อยอิ่งช้าอยู่ เรียกตรีอัปสรไว้ เมื่อเห็นว่าตรีอัปสรพยายามจะรีบเดินออกไป
“หนูตรี”
ตรีอัปสรหันไปหา “คะ คุณลุง”
“ลุงยังไม่ได้แสดงความยินดีกับหนูเป็นการส่วนตัวเลยนะ”
ตรีอัปสรรู้ถึงความนัยดังกล่าวของนายพลอัศวิน
“ดีใจด้วยนะ ที่หนูได้เป็น นางสาว ณ สยาม” นายพลนักรักพูดเบาลง “ลุงพยายามช่วยหนูเต็มที่ ลุงดีใจที่สุดที่ความพยายามของลุงประสบความสำเร็จ”
ตรีอัปสรยกมือไหว้ “ขอบพระคุณ คุณลุงมากค่ะ”
“ลุงทำทุกอย่างให้หนูอย่างเต็มที่ ว่าแต่...หนูตรีอย่าลืมเรื่องที่เราตกลงกันไว้ล่ะ”
ตรีอัปสรยิ้มหวาน “ค่ะ ตรีไม่ลืมค่ะ”
นายพลอัศวินยิ้มพอใจ “น่ารักที่สุด แล้วเราค่อยนัดกันนะ”

พูดจบท่านนายพลก็เดินไป ตรีอัปสรเครียดจัด สีหน้าเป็นกังวลอย่างที่สุด

อ่านต่อหน้า 3

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 7 (ต่อ)

ดารินทร์เดินเข้ามาหยุดตรงมุมหนึ่งในห้องพัก แล้วหมุนตัวหันมาทางลูกสาว เดินเข้ามา มองมงกุฎบนศรีษะตรีอัปสร ไล่สายตามองสายสะพาย นางสาว ณ สยาม ที่ใส่อยู่อย่างชื่นชม

ดารินทร์ดึงตรีอัปสรเข้ามากอด ตรีอัปสรนิ่งขึงไปชั่วครู่ก่อนจะผ่อนตัวลง ดารินทร์คลายอ้อมกอดออกมองลูกสาวอย่างภาคภูมิใจ
“ในที่สุด แกก็ทำสำเร็จ...แกเก่งมาก ยายตรี”
“ถือว่าเป็นของขวัญที่ตรีให้แม่แล้วกันค่ะ”
ดารินทร์ยิ้มพอใจ “สมน้ำหน้านังสลิลทิพย์ จืดจ๋อยเป็นหมาหงอยไปเลย...สะใจชั้นจริงๆ”
ตรีอัปสรยิ้มให้ดารินทร์แล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ “ขอนั่งพักก่อนนะแม่....ตรียืนฉีกยิ้มจนเมื่อยไปหมดแล้ว”
“เพิ่งจะเริ่มต้น บ่นซะแล้ว” ดารินทร์ค้อนอย่างหมั่นไส้นิดๆ แล้วนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วเดินมานั่งข้างๆตรีอัปสร “เมื่อกี้ชั้นเห็นแกคุยกับคุณอัศวิน”
ตรีอัปสร พยายามเก็บอาการพิรุธ “ค่ะ”
“คุยอะไรกัน...คุณลุงแสดงความยินดีกับแกล่ะซี”
“ค่ะ”
ดารินทร์ไม่ทันสังเกตอาการถามคำ ตอบคำของลูก เพราะมัวแต่ดีใจ
“แกขอให้เค้าช่วยใช่ไม๊”
ตรีอัปสรหันขวับมามอง นึกไม่ถึงว่าดารินทร์จะพูดคำนี้
“แม่”
ดารินทร์เห็นท่าทางตกใจของตรีอัปสร ก็ขมวดคิ้วแปลกใจ
“แกจะตกใจทำไมเนี่ย” ดารินทร์ลดเสียงเบาลง “แกนึกว่าชั้นไม่รู้เหรอ ที่แกแอบคุยกับคุณอัศวิน”
ตรีอัปสรพูดค่อยๆ “คุณลุงบอกแม่เหรอคะ”
“เปล่า แต่ชั้นรู้ว่าแกต้องเข้าทางคุณอัศ แล้วแกก็มาถูกทางจริงๆ ด้วย สมแล้วที่เป็นลูกชั้น”
ดารินทร์ยิ้มย่อง ตรีอัปสรค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ สีหน้าโล่งอก ที่แม่ไม่รู้ข้อตกลงของหล่อนกับนายพลอัศวิน

ทีมงานช่องไทยเท็นเดินมา เห็นอรสินีเดินมากับสลิลทิพย์จากอีกด้าน อรสินีมองไปอีกด้านแล้วยิ้มกว้าง วิ่งเข้าไปหาอย่างดีใจ
“คุณพ่อ”
อาชัญยืนอยู่กับอติรุจ อรสินีวิ่งเข้าไปกอดอาชัญ สลิลทิพย์เดินตามมาช้าๆ
“คุณพ่อกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ อรนึกว่าคุณพ่อจะกลับมาพรุ่งนี้ซะอีก”
อาชัญยิ้มให้ “งานเสร็จเร็ว พ่อก็เลยเลื่อนตั๋วกลับ เสียดายที่กลับมาไม่ทันงานเมื่อคืน”
สลิลทิพย์พูดเหมือนบ่น “มาเร็ว มาช้า ยายอรมันก็ได้เท่านี้ละ”
อาชัญมองตำหนิสลิลทิพย์ สีหน้าอรสินีสลดลง อาชัญยิ้มให้กำลังใจลูก
“อรทำดีที่สุดแล้วลูก...พ่อภูมิใจในตัวลูกนะ”
“พี่ก็เหมือนกัน”
สลิลทิพย์หมั่นไส้ “เป็นพ่อพระกันไป ชั้นเลยกลายเป็นนางมารร้ายอยู่คนเดียว”
อติรุจขยับเข้ามาโอบสลิลทิพย์หลวมๆ
“ใครบอกละครับว่าคุณแม่เป็นนางมารร้าย คุณแม่น่ะ...เป็นแม่พระประจำบ้านเราเลยนะครับ”
สลิลทิพย์ค้อนขวับรู้ทันลูกชาย “อย่ามาทำเป็นพูดดีเลย จะบอกว่าแม่พระเพลิงน่ะซิ ใช่ไม๊
อติรุจหัวเราะขำ “คุณแม่รู้ทันตลอดเลย...ครับ..คุณพ่อ”
สลิลทิพย์ตีอติรุจ “นึกแล้วเชียว....ตารุจ”
อาชัญ อติรุจ อรสินีหัวเราะขำ สลิลทิพย์ ดูเป็นครอบครัวแสนอบอุ่น กลุ่มนักข่าวเดินเข้าไปหา
นักข่าว 1 บอก “ขอถ่ายรูปครอบครัวไว้หน่อยนะคะ...น้องอร”
อรสินียิ้มให้ ยังไม่ทันตอบอะไร สลิลทิพย์รีบพูดทันที
“ได้เลยค่ะ ด้วยความยินดีค่ะ” พลางหันไปจัดแจงทางอาชัญและอติรุจ “มาค่ะคุณ คุณยืนข้างๆลูกสาวนะคะ ตารุจมายืนข้างแม่ทางนี้ลูก”
ทั้งอาชัญและอติรุจ ทำตามที่สลิลทิพย์บอก นักข่าวมายืนถ่ายรูปครอบครัวรอง 1 สลิลทิพย์มีหน้าตายิ้มแย้มแช่มชื่นขึ้น เมื่อเห็นนักข่าวสนใจ

ตรีอัปสรเดินมากับดารินทร์ ตรีอัปสรหยุดยืนมอง เห็นภาพอรสินี สลิลทิพย์ อาชัญและอติรุจ ยืนให้นักข่าวถ่ายรูปกัน จะเห็นถึงความอบอุ่นในครอบครัว ตรีอัปสรน้ำตารื้น แล้วก็กล้ำกลืนลงไป สูดลมหายใจ เรียกความเข้มแข็งกลับมา ดารินทร์ มองภาพอย่างหมั่นไส้ ขวางหูขวางตา
“ทุเรศ ทำเป็นสร้างภาพครอบครัวอบอุ่น ผัวซุกเมียน้อยไว้ที่ไหนมั่งก็ไม่รู้”
ตรีอัปสรหันมามองดารินทร์เป็นเชิงตำหนิ แววตาเจ็บปวด
“แม่จะพูดให้ตรีรู้สึกแย่ลงไปอีกทำไมเนี่ย”
ตรีอัปสรหมุนตัวจะเดินไปอีกทาง ข้าวตูเดินมาหา
“หนูตรี คุณรัตน์เชิญที่ห้องประชุมค่ะ”
“ค่ะ”

ภายในห้องประชุมเล็กที่ช่องไทยเท็น รัตน์นั่งอยู่หัวโต๊ะ มีอรสินี ตรีอัปสร และวรัญญา นั่งอยู่ด้วยพร้อมกับข้าวตังและพี่เลี้ยงคนอื่นๆ
“หลังจากงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งคืนนี้แล้ว เราจะต้องเดินสาย ขอบคุณสื่อมวลชน แล้วก็สปอนเซอร์ที่ให้การสนับสนุนเรานะคะ เพราะฉะนั้น เราต้องพักอยู่ด้วยกันที่โรงแรมอีกซัก 2-3 วัน เพื่อสะดวกกับการนัดหมายแล้วก็เดินทาง”
“อยู่นานๆก็ได้ค่ะ...รัญไม่มีอะไรต้องห่วง”
“แค่ 2-3 วันค่ะ หลังจากนั้น ก็กลับบ้านได้ ส่วนภารกิจของ นางสาว ณ สยาม และรอง เราจะมีเจ้าหน้าที่แจ้งให้ทราบ เพื่อนัดหมายนะคะ”
อรสินีกะตรีอัปสรรับพร้อมกัน “ค่ะ”
“นับจากนี้ไป คุณทั้ง 3 คน คงต้องเจอหน้ากันบ่อย อาจจะเกือบทุกวันเลยก็ได้นะคะ...พี่อยากให้ทั้ง 3 คน รักใคร่ สามัคคีกัน...คิดเสมอว่า คุณทั้ง 3 คือตัวแทนของสาวไทย และเป็นหน้าตาของสถานีโทรทัศน์ไทยเท็น คุณตรีอัปสรจะต้องเป็นตัวแทนไปประกวด มิสเวิลด์ ส่วนคุณอรสินี เป็นตัวแทนไปประกวดมิสเอเชียนะคะ”
อรสินีกับตรีอัปสรรับคำ วรัญญามองทั้ง 2 คนแล้วหันไปทางคุณรัตน์
“แล้วระหว่างที่ 2 คนนี้ไปประกวดนางงาม รัญก็จะทำหน้าที่ตัวแทน นางสาว ณ สยาม ในเมืองไทยเอง...ถูกต้องไม๊คะ”
รัตน์ยิ้ม “สมแล้วที่ผ่านมาหลายเวที...รู้งานจริงๆ เดี๋ยวเราไปลองชุดงานเลี้ยงคืนนี้กัน แล้วช่วงบ่ายก็เริ่มเดินสายขอบคุณสปอนเซอร์”
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ข้าวตูเดินเข้ามา
“ชุดราตรีสำหรับงานเลี้ยงคืนนี้มาแล้วนะคะ”
รัตน์พยักหน้ารับแล้วหันมาทางสาวๆ “ดี งั้นไปลองกันเผื่อมีอะไรจะได้แก้ไขทัน”

หัวหน้าพีอาร์ช่องไทยเท็น ลุกขึ้นเดินนำ อรสินี ตรีอัปสร วรัญญา ออกจากห้องไป

ที่ห้องลองชุดในสตูดิโอไทยเท็น มีชุดราตรีแขวนอยู่ พี่เลี้ยงเข้ามาหยิบชุดให้ตรีอัปสร อรสินี วรัญญา ยังมีชุดราตรีแขวนอยู่อีก 2 ชุด

“ภารดีกับกัลยาณียังไม่มาเหรอ” รัตน์ถาม
“ยังค่ะ แต่โทร.มาบอกว่าจะเข้ามาตอนเย็นเลย” พี่เลี้ยง 1 บอก
ระหว่างที่รัตน์ถาม ตรีอัปสรชะงักไปนิดหนึ่ง แต่ก็ถือชุดไปลองแยกคนละห้องกัน ประตูห้องลองอีกห้องเปิดออก วรัญญาเดินออกมาในชุดราตรี ตามด้วยอรสินีและตรีอัปสร ซึ่งสวยงามโดดเด่นตามลำดับ รัตน์และทีมงานมองอย่างพอใจ
“สวยมาก”
พี่เลี้ยง 1 ว่า “ถ้ามีมงกุฎกับสายสะพาย จะสวยมากกว่านี้อีกค่ะ”
วรัญญา บอก “แล้วถ้ามีแต่สายสะพายไม่มีมงกุฎล่ะคะ...จะสวยรึเปล่า”
รัตน์หันมามอง “เพิ่งจะอบรมไปหยกๆ ให้รู้รัก สามัคคีน่ะ”
วรัญญายิ้ม “รัญก็แค่อยากรู้...ไม่มีความคิดแตกแยกนะคะ”
รัตน์ยิ้มอย่างรู้ทัน “ค่ะ...คุณวรัญญา”
วรัญญายิ้มหวานก่อนจะหยิบรองเท้าส้นสูงที่วางอยู่ขึ้นมาพลิกดู ก่อนจะพูด
“คราวนี้ไม่มีตะปูแถมมา”
ตรีอัปสรว่า “ไม่มีการแข่งขัน...การต่อสู้ก็จบลง”
รัตน์ยิ้มพอใจในคำพูดของตรีอัปสร “ใช่ จริงๆ ควรจะพูดว่า การต่อสู้แบบสกปรกก็จบลงด้วยนะ”
วรัญญากระซิบเบาๆ กับอรสินี “ขอให้มันจบจริงๆ เถอะ”
อรสินีมองวรัญญาเหมือนเป็นคำถาม แต่ไม่พูดอะไร

ประตูห้องประชุมอีกห้องถูกเปิด คุณดิษฐ์กับชญานนท์เดินเข้ามา คุณดิษฐ์มองเห็นมุกตาภานั่งหน้าง้ำอยู่คนเดียว คุณดิษฐ์มองอย่างแปลกใจ
“อ้าว มุก ทำไมมานั่งอยู่คนเดียว มีอะไรรึเปล่า...ทำไมไม่ไปขอบคุณสปอนเซอร์กับ นางสาว ณ สยาม ล่ะลูก”
มุกตาภาหน้าง้ำยิ่งขึ้น “ก็มีคุณรัตน์ไปแล้วไงคะ”
คุณดิษฐ์หันมามองหน้ากับชญานนท์ รับรู้ถึงความผิดปกติ
“มีปัญหาอะไรกับคุณรัตน์รึเปล่า มุก”
มุกตาภาหันมามองหน้าชญานนท์ หน้าตาท่าทางเอาแต่ใจตัวเอง ของขึ้นสุดๆ
“พี่นนท์เห็นมุกเป็นพวกชอบหาเรื่อง เป็นอันธพาลรึไงคะ พอมีอะไรผิดปกติ ก็โทษมุกตลอด”
“พี่ก็แค่ถาม...ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เห็นต้องโกรธนี่”
คุณดิษฐ์เข้ามานั่งข้างๆมุกตาภา มองมุกตาภาอย่างเอ็นดู และใจเย็น
“พ่อเพิ่งชมไปหยกๆว่ามุกเก่ง...ทำงานใหญ่ได้”
“กะอีแค่มุกไม่ได้ไปขอบคุณสปอนเซอร์ มันคงไม่ทำให้เราเสียหายมั้งคะ พ่อ”
คุณดิษฐ์อบรมลูกสาวเจ้าอารมณ์ “ใครบอกล่ะ สปอนเซอร์เป็นเหมือนเลือดที่หล่อเลี้ยงไทยเท็นเลยนะ มุกตาภา...ลูกเป็นผู้บริหาร เป็นลูกสาวเจ้าของสถานี การที่ลูกพา นางสาว ณ สยาม ไปขอบคุณสปอนเซอร์ด้วยตัวเอง...มันเป็นการให้เกียรติสปอนเซอร์....ทำให้เค้าเห็นว่าเราให้เกียรติเค้า จริงใจกับเค้า”
มุกตาภามองพ่อแล้วมองเลยไปที่ชญานนท์ ก่อนจะหันมาทางพ่ออย่างรู้สึกผิดนิดๆ เพราะท่าทาง คุณดิษฐ์จริงจังมาก
“มุกขอโทษค่ะ”
“ถ้าไม่คิดจะตามไป พ่อว่ามุกไปวางแผนประชาสัมพันธ์ กับทีมพีอาร์ ดีไม๊ ข่าว นางสาว ณ สยามจะได้มีต่อเนื่อง”
มุกตาภายิ้มนิดๆ อย่างมีเลศนัย “ถ้าเป็นเรื่องข่าว ไม่ต้องห่วงค่ะ มีต่อเนื่องแน่นอน”
มุกตาภาพูดแค่นั้น แล้วยิ้มร้ายในสีหน้า คุณดิษฐ์กับชญานนท์มองมุกตาภาอย่างแปลกใจ

ขณะเดียวกัน ที่ห้องส่วนตัวในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ทิปปี้นั่งอยู่คนเดียวเหมือนแถลงข่าว มีนักข่าวนั่งอยู่ 8-10 คน
“ทิปปี้จะเริ่มแถลงข่าวแล้วนะฮะ”
นักข่าว 1 ถาม “ได้เลยค่ะ รอนานแล้ว”
“ใครมาช้าก็อดข่าวไปละกันฮ่ะ”
นักข่าว 2 บอก “แล้วใครเป็นคนแถลงข่าวล่ะ หนูดีไม่มาเหรอครับ”
ทิปปี้มองนักข่าว 2 แล้วหันไปทางประตู ประตูเปิดออกเผยให้เห็นหนูดีในชุดเซ็กซี่ สวยงามเดินเข้ามา ภารดียิ้มหวาน ยกมือไหว้นักข่าวทุกคนอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆทิปปี้
“สวัสดีค่ะ พี่ๆ สื่อทุกท่าน อันที่จริงเมื่อคืนหนูดีก็ให้สัมภาษณ์พี่ๆ ไปแล้ว แต่หนูดีอยากแถลงข่าวให้เป็นทางการมากกว่า เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตของหนูดีที่ถูกปรักปรำค่ะ หนูดีขอยืนยัน หนูดีไม่ได้ปัดมงกุฎตรีอัปสร ไม่เคยแม้แต่จะคิด ถึงแม้หนูดีจะถูกใส่ร้ายป้ายสีต่างๆ นานา แต่หนูดีก็อดทนมาตลอด ไม่เคยคิดจะแก้ข่าว แต่ครั้งนี้มันเกินทนจริงๆค่ะ เรื่องราวมันถาโถมจนหนูดีคิดอยากจะอำลาวงการนางงามไปเลย”
นักข่าวฮือฮา บ้างเห็นด้วย บ้างก็ลังเล พยายามจับพิรุธ แต่ภารดีตีหน้าใสซื่อ แววตาเศร้า เหมือนโดนกระทำ สีหน้าเหมือนจะร้องไห้
“แล้วงานเลี้ยงคืนนี้ล่ะครับ คุณหนูดีจะไปร่วมงานด้วยรึเปล่า” นักข่าว 1 ถาม
“หนูดีแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกค่ะ....คืนนี้พี่ๆ เจอหนูดีแน่นอนค่ะ”
นักข่าวถ่ายรูปภารดี ซึ่งโพสท่าแบ๊ว ซื่อใสไร้เดียงสาสุดฤทธิ์

งานเลี้ยงฉลองตำแหน่งแสดงความยินดี นางสาว ณ สยาม จัดขึ้นตอนค่ำ เป็นงานเลี้ยงค็อกเทล ดารินทร์มาคนเดียว เห็นสลิลทิพย์มากับอาชัญและอติรุจ อัศวินมากับคุณหญิงสุดสวาท มีคุณดิษฐ์ มุกตาภา และชญานนท์ออกมาต้อนรับ และเชิญเข้าไปด้านใน ดารินทร์เดินไปทักทายอาชัญ สลิลทิพย์ ทำให้อติรุจเดินแยกไปอีกทาง
“สวัสดีค่ะ คุณอาชัญ วันนี้ว่างเหรอคะ ถึงออกงานกับภรรยาได้”
อาชัญอึดอัด แต่พยายามรักษามารยาท
“งานเลี้ยงฉลองให้ลูกสาว ยังไงก็ต้องพยายามเคลียร์คิวมา”
“อ๋อ ค่ะ ดีใจด้วยนะคะ...ที่หนูอรได้ตำแหน่งรอง นางสาว ณ สยาม”
ดารินทร์จงใจเน้นคำว่า “รอง” ชัดๆ ก่อนจะยิ้มหวานหันไปทางสลิลทิพย์
“ถ้าปีนี้ลูกตรีไม่ได้ลงประกวด หนูอรก็คงได้มงกุฎนะคะ แหม น่าเสียดาย....ไม่น่าใจร้อนให้ลูกสาวรีบประกวดเลยนะคะ ถ้าช้าไปอีกซักปี รับรองได้แน่”
สลิลทิพย์โกรธจนหน้าเขียว แต่พยายามระงับอารมณ์ไว้ หันไปพูดกับอาชัญ
“คุณอาชัญคะ ไปทักทายคุณหญิงสุดสวาทกันเถอะค่ะ ดิชั้นไม่อยากให้ท่านเข้าใจผิดคิดว่าเรามาเสวนากับพวกเมียน้อย”
พูดจบสลิลทิพย์ก็คล้องแขนกับอาชัญเดินแยกไป ดารินทร์ โกรธปรี๊ดเพราะไม่คิดว่าสลิลทิพย์
จะเอาคืนในทันที

ภารดีกับทิปปี้เดินเข้ามาในห้องแต่งตัว มีชุดราตรีแขวนอยู่ 5 ชุด กัลยาณีเดินตามมา เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในห้องหันไปเห็น
เจ้าหน้าที่ 1 ร้องทัก “อ้าว....2 สาวมาแล้ว”
ทิปปี้ขัดขึ้น “3 สาวค่ะ ไม่ใช่ 2 สาว”
เจ้าหน้าที่ 1 หัวเราะขำ “เปลี่ยนชุดได้เลยน่ะ มีชื่อบอกอยู่แล้วว่าชุดไหนของใคร”
“ขอบคุณค่ะ” กัลยาณีเดินไปเลือกชุดของตัวเองแล้วเดินแยกไป
พี่เลี้ยง บอก “ดูกันเองเลยนะ...เดี๋ยวพี่มา”
ภารดีรับ “ค่ะ”
พี่เลี้ยงเดินออกไป ภารดีเดินไปเลือกดูชุด ทิปปี้หยิบชุดที่เขียนว่า ตรีอัปสรขึ้นมาดู
“ต๊าย ชุดนังตรีอัปสร มันจะสวยเด่นไปถึงไหนเนี่ย แล้วดูชุดของเราซิ ง่อยเปลี้ยเทียบไม่ได้กับชุดมันเลย”

ภารดีซึ่งกำลังดูชุดของตัวเองอยู่ หันมามองชุดของตรีอัปสร สีหน้าครุ่นคิด เห็นแววชั่วร้ายฉายโชนในดวงตาของหล่อน

รัตน์เพิ่งกลับจากขอบคุณสปอนเซอร์ และกำลังเดินนำสามสาว ตรีอัปสร อรสินีและวรัญญามาตามทาง มุกตาภาเดินแกมวิ่งมาจากอีกด้าน

“ทำไมมาถึงช้าจังคะ คุณรัตน์...แขกมาเต็มงานแล้วนะคะ”
“สปอนเซอร์ขอคุยกับสาวๆ ของเราน่ะค่ะ ไม่ยอมให้กลับ”
มุกตาภาหน้าตึง “สงสัยต้องส่งไปอบรมเรื่องการขอตัว ปลีกตัวแบบไม่น่าเกลียดกันแล้วล่ะค่ะ”
รัตน์หน้าตึงเหมือนกันกับคำพูดของมุกตาภา แต่ยังไม่ทันพูดอะไร โทรศัพท์ของตรีอัปสรก็ดังขึ้น ตรีอัปสรหยิบออกมาเห็นชื่อณเดชย์ ปรายตามองมุกตาภาซึ่งมองตรีอัปสรอย่างเข้มงวด
“ถ้าจะกรุณา รับสายแล้วคุยสั้นๆ นะคะ...เพราะมีงานสำคัญรออยู่”
“ค่ะ”
วรัญญากับอรสินีหันมาสบตากัน ตรีอัปสรรับสาย
“ฮัลโหล ตรีกำลังยุ่งค่ะ...เอาไว้เลิกงานแล้วตรีโทร.หานะคะ บ๊ายบายค่ะ”
ตรีอัปสรตัดสายแล้วหันมาทางมุกตาภาอย่างเชือดเฉือนในที “สั้นพอไม๊คะ”
มุกตาภามองตรีอัปสรแล้วเมินหน้าไปทางคุณรัตน์
“ให้ไวเลยนะคะ...คุณรัตน์”
รัตน์ยังไม่ทันจะตอบ มุกตาภาหันไปยิ้มให้อรสินี
“แต่งให้สวยเด่นที่สุดในงานเลยนะ...อร”
อรสินียิ้มจางๆ มุกตาภาเหมือนสะใจที่ได้พูดก่อนจะเดินหน้าเชิดไป วรัญญามองตามไปแล้วหันมาทางคุณรัตน์กับอรสินี
“ยายนี่ มีปัญหาเรื่องความรักรึเปล่าเนี่ย ดูเพี้ยนๆ นะ”
“คงงั้นมั้ง เอ๊ย” รัตน์นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรพูด “รีบไปเหอะ เดี๋ยวจะโดนดุก๊อกสองอีกหรอก”
รัตน์เดินนำไป ตรีอัปสรอมยิ้มหันมาทางวรัญญา
“เธอนี่น่าไปเป็นหมอดูน่ะ ท่าทางจะทายแม่น”
ตรีอัปสรเดินตามรัตน์ไป วรัญญาหันมามองอรสินีอย่างแปลกใจว่าทำไมถึงพูดแบบนี้ ก่อนที่อรสินีจะรีบดึงวรัญญาให้รีบเดินไป

ภารดีเดินออกมาจากห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า หน้าผมจัดเต็มสวยงาม ทิปปี้มองอย่างตื่นตะลึง กัลยาณีตามมาติดๆด้วย
“โอ้โฮ้.....สวยโดดเด้งมาเลยนะยะ”
“นี่ยังไม่ได้แต่งเต็มที่เลยนะ...สวยโดดเด้งแล้วเหรอ พี่ทิปปี้” กัลยาณีว่า
ทิปปี้เซ็ง “ชั้นหมายถึง หนูดีคนเดียวย่ะ”
กัลยาณีค้อนขวับ “แหม....ไม่มีเผื่อแผ่ รักษาน้ำใจกันเลยนะ”
ภารดีเมินหน้าเชิดๆ ก่อนจะหันไปทางเจ้าหน้าที่
“หนูดีออกไปได้เลยไม๊คะ”
“รอซักครู่นะคะ....ออกไปพร้อมๆ กันดีกว่า” เจ้าหน้าที่บอก
ภารดีย้อนแย้ง “ป่านนี้ยังไม่มาเลย....ไม่ต้องรอกันขาแข็งเลยเหรอคะ”
เจ้าหน้าที่ บอก “ก็นั่งรอซิ....ขาจะได้ไม่แข็ง”
เสียงรัตน์ดังขึ้นมา “มาแล้วจ๊ะ....มาแล้ว”
ทุกคนหันไปมองเห็น ตรีอัปสร อรสินี วรัญญา เจ๊หนึ่ง เดินตามหลังคุณรัตน์มา ทั้ง 3 คนแต่งหน้าทำผมมาเรียบร้อยแล้ว
“แต่งหน้า ทำผมมาเรียบร้อย เปลี่ยนชุดอย่างเดียวก็เสร็จ...ไม่เกิน 20 นาทีออกไปได้แน่”
ภารดีมองทุกคนอย่างหมั่นไส้ ตรีอัปสร อรสินีและวรัญญา เดินไปหยิบชุดมา
รัตน์พูดกับภารดี “ได้ข่าวว่าวันนี้จัดงานแถลงข่าวเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ ภารดี”
ภารดียังไม่ทันตอบ เสียงกรี๊ดของเจ๊หนึ่งก็ดังขึ้น
“ต๊าย...ตายๆๆๆๆ ฉีกขาดไม่เหลือดีเลย”
คุณรัตน์หันไปมองทางเจ๊หนึ่ง ซึ่งยืนอยู่ที่ราวผ้ากับนางงามทั้ง 3
“อะไรกัน”
เจ๊หนึ่งยกชุดซึ่งมีรอยตัดขาดให้ดู “ชุดของตรีอัปสรค่ะ...คุณรัตน์”
ภารดีทำท่าตกใจ “ตายจริง นั่นชุดขาด หรือเป็นดีไซน์คะ แต่ดูลักษณะแล้วท่าจะโดนตัดนะ โถ...น่าสงสารจังเลย...แล้วจะทำยังไงล่ะทีนี้”
ตรีอัปสรหันมามองภารดี วรัญญาก็มองภารดี เหมือนจะรู้ทันว่าเป็นฝีมือใคร

อรสินีเดินเข้ามากับตรีอัปสรและวรัญญา
“ถ้าหาชุดใหม่ไม่ได้ ตรีเอาชุดอรไปใส่ก็ได้นะ งานนี้ นางสาว ณ สยามสำคัญที่สุด”
“ขอบคุณคุณอรมากค่ะ แต่จริงๆแล้ว เราสามคนก็สำคัญสำหรับงานนี้ไม่ต่างกันหรอกค่ะ” ตรีอัปสรว่า
วรัญญาหนักใจนิดๆ “แล้วจะทำยังไง”
ตรีอัปสรมองไปที่ชุดราตรี ซึ่งถูกตัดขาดเป็นริ้วๆ อย่างครุ่นคิด

เจ้าหน้าที่วิ่งกระหืดกระหอบมาตามทาง เห็นรัตน์ยืนรออยู่ด้านหน้า
“ได้เรื่องไม๊....หาชุดได้รึเปล่า”
“ได้ค่ะ แต่กว่าจะมาถึงที่นี่ก็ประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ”
“อะไรกัน ทำไมนานขนาดนั้น”
“ทางคุณไก่ ต้องขยับชุดให้พอดีกับไซด์ของน้องตรีก่อนค่ะ”
รัตน์เครียดสุดขีด “โอย แล้วจะทำยังไงเนี่ย”

ภารดีนั่งไขว่ห้างรออยู่กับกัลยาณี โดยมีทิปปี้และเจ๊หนึ่งนั่งอยู่ด้วย คุณรัตน์เดินเข้ามาในห้องแต่งตัวกับเจ้าหน้าที่1
“ตกลงจะให้รออีกนานไม๊คะ...คุณรัตน์”
รัตน์มองภารดีอย่างพยายามระงับอารมณ์ “ก็น่าจะซักชั่วโมง”
ภารดีกับกัลยาณีร้องพร้อมกัน “โอ้โฮ้”
“ชั่วโมงนึงเลยเหรอคะ แล้วแขกในงานจะไม่สงสัยเหรอคะ ว่าทำไมพวกเราถึงออกไปช้า”
“ถ้าตรีอัปสรไม่โดนแกล้ง ก็คงเข้าไปในงานนานแล้วล่ะ พรุ่งนี้เช็ควงจรปิด ก็รู้ว่าใครเป็นคนทำ”
ภารดีหันมาสบตากับกัลยาณีแล้วเมินหน้าเก็บอาการพิรุธสุดฤทธิ์
“จะให้เราออกไปก่อนไม๊คะ จะได้ไม่น่าเกลียด”
เสียงตรีอัปสรดังขึ้น “ออกไปพร้อมกันเลยก็ได้”
ทุกคนหันไปมอง แทนสายตาเห็นตรีอัปสร อรสินีและวรัญญา ในชุดราตรีสวยงาม ตรงจุดที่ขาดเป็นริ้ว ได้ถูกนำมาผูกเป็นโบว์ ดูเก๋ สวยงามทันสมัยไปอีกแบบ

ภารดีมองตรีอัปสร นึกไม่ถึงว่าจะแก้ชุดที่ยับเยินด้วยฝืมือหล่อน ให้ออกสวยได้ถึงขนาดนี้

อ่านต่อหน้า 4

ปีกมงกุฎ ตอนที่ 7 (ต่อ)

ในงานเลี้ยงที่ดำเนินไปอย่างชื่นมื่น นายพลอัศวินกำลังคุยกับคุณดิษฐ์ คุณหญิงสุดสวาท ณเดชย์ มุกตาภา ชญานนท์ ส่วนดารินทร์คุยอยู่กับแขกในงานอีกมุม สลิลทิพย์ อาชัญ อติรุจ อยู่ด้วยกันอีกมุม

มีเสียงฮือฮาดังขึ้น ทุกคนหันไปมอง เห็นตรีอัปสรในชุดราตรีสวยงาม สวมมงกุฎเพชร คาดสายสะพาย นางสาว ณ สยาม มีอรสินีเดินประกบมากับวรัญญาคนละด้าน
ชญานนท์เองยังอดเผลอไผลมองอย่างชื่นชมในความสวยงามไม่ได้ คุณดิษฐ์มองภาพอย่างพอใจ ภารดีกับกัลยาณีเดินประกบมา นักข่าวกรูกันเข้าไปถ่ายรูป แสงแฟลชวูบวาบตลอด
นักข่าวขอให้ภารดีถ่ายรูปคู่กับตรีอัปสร โดยมีรัตน์จัดแจงให้ คุณดิษฐ์มองภาพนั้นอย่างพอใจ ในกระแสความสนใจของสื่อที่มีต่อ นางสาว ณ สยาม และ รองทั้ง 2 ในปีนี้

ฟากภารดีเดินหน้าตาบึ้งตึงหนีมายังมุมหนึ่ง มีทิปปี้ตามมา
“ทำไมออกมาจากงานล่ะ เมื่อกี้ยังเห็นประกบถ่ายรูปกับยายตรีอัปสรอยู่เลย”
“นักข่าวรุมสัมภาษณ์แต่นังตรีอัปสร ไม่มีใครสนใจหนูดีเลย”
“ก็เราเพิ่งแถลงข่าวไปหยกๆนี่” ทิปปี้ว่า
“เจ็บใจจริงๆ นังตรีนี่มันพกของดีอะไรห๊ะ พี่ทิปปี้ มันถึงได้แคล้วคลาด รอดมาได้ทุกครั้ง”
น้ำเสียงเยาะหยันวรัญญาแหลมเข้ามา “คนดีผีคุ้มไง”
ภารดีหันขวับไป มองเห็นวรัญญายืนกอดอกมองอยู่ ภารดีเบ้ปากหมั่นไส้
“นังจิ้งจกพิษ”
“ชั้นอาจจะเปลี่ยนสีเหมือนจิ้งจก แต่พิษสงคงสู้เธอไม่ได้หรอก...นังปีศาจขาอ่อน”
ภารดีตาโต ไม่คิดว่าจะถูกวรัญญาตั้งฉายาให้เหมือนกัน หันขวับไปทางพี่เลี้ยง
“พี่ทิปปี้...จะยืนนิ่งให้นังนี่ มันด่าหนูดีอยู่คนเดียวรึไง”
ทิปปี้ขยับปากจะช่วยด่า แต่วรัญญาหันมาชี้หน้าทิปปี้
“ไม่ต้องช่วย” แล้วหันไปทางภารดี “เพราะชั้นไม่ทะเลาะกับเธอให้เสียชื่อรองนางสาว ณ สยาม แน่นอน แต่จะมาเตือนด้วยความหวังดี ยังไงเธอก็ไม่ได้ดีไปกว่าที่เป็นอยู่หรอก อย่าดิ้นนักเลย หัดพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีมั่งเหอะ”
พูดเท่านั้นวรัญญาก็เดินหนีไป ภารดีมองตามอย่างเข่นเขี้ยวแล้วหันมาทางทิปปี้
“พี่ทิปปี้ ปล่อยให้มันด่าหนูดีได้ยังไงเนี่ย โอ๊ย ไม่ได้อย่างใจเลย”
ทิปปี้มองภารดีอาละวาดอย่างเอือมระอา แต่ไม่รู้จะพูดอะไร

ช่างภาพและนักข่าวยังรุมถ่ายรูปตรีอัปสรและอรสินีอยู่โดยมีคุณดิษฐ์ และชญานนท์ ยืนดู นักข่าวหันมาทางคุณดิษฐ์
“ขอถ่ายรูปนางสาว ณ สยามกับผู้บริหารไทยเท็นหน่อยได้ไม๊ครับ
“ได้เลยครับ ด้วยความยินดี ไป นนท์ ไปถ่ายรูปด้วยกัน”
ชญานนท์เดินไปทางด้านอรสินีแต่คุณดิษฐ์ไปยืนก่อนแล้ว
“คุณชญานนท์ เชิญทางด้านนี้เลยครับ ภาพจะได้ออกมา สวยๆ”
ช่างภาพชี้มาทางฝั่งตรีอัปสร ชญานนท์เดินมายืนข้างตรีอัปสร ส่วนคุณดิษฐ์ อยู่ข้างอรสินี ช่างภาพมารุมถ่ายรูปกัน มีเสียงนักข่าวกำกับให้ขยับเข้ามาใกล้ๆ กัน ตรีอัปสรขยับตัวเข้าไป ในขณะที่ชญานนท์ก็ขยับตัวเข้ามาเหมือนกัน ทำให้สองคนชนกัน ชญานนท์จับตัวตรีอัปสรด้วยมาดสุภาพบุรุษ ทำให้เหมือนโอบตรีอัปสรไว้ นักข่าวรุมถ่ายภาพกัน

ฝ่ายสลิลทิพย์มองภาพที่ชญานนท์ยืนข้างตรีอัปสร อย่างไม่พอใจนัก ก่อนจะหันไปทางอาชัญซึ่งยืนมองภาพที่เห็นอย่างชื่นชม อย่างหมั่นไส้
“มัวแต่ดูลูกตัวเองอยู่นั่น เห็นรึเปล่าว่า มีคนจ้องจะฉกว่าที่ลูกเขยอยู่”
อาชัญมองสลิลทิพย์อย่างเอือมๆ “ผมไม่เห็นว่าจะมีใครฉกใครเลย เลิกมองคนในแง่ร้ายได้แล้ว คุณสลิล”
อาชัญพูดจบก็เดินไปหยิบแก้วเครื่องดื่มจากบริกร ที่เดินอยู่ห่างๆ หาทางแยกตัวออกไป สลิลทิพย์มองตามอย่างเคืองๆ ก่อนจะหันไปมองทางกลุ่มของนักข่าวที่ถ่ายรูปอยู่

จากปัญหาเมื่อคืนนี้ คุณดิษฐ์นัดประชุมที่ห้องในตอนเช้าวันถัดมา มีชญานนท์ มุกตาภา และรัตน์ นั่งอยู่ สีหน้า ท่าทางคุณดิษฐ์ค่อนข้างเครียด
“งานเลี้ยงเมื่อคืน ถือว่ารอดตัวไป แต่ผมอยากให้คุณ 2 คน” คุณดิษฐ์มองไปยังรัตน์และมุกตาภา เป็นเชิงตำหนิ “ทำงานกันเป็นทีมเวิร์คหน่อย ไม่ใช่ต่างคนต่างทำปรึกษาวางแผนกันให้ดี ข่าวที่ออกมามันจะได้ไปในทิศทางเดียว เรื่องภารดีแถลงข่าว แบบเอาดีเข้าตัว แล้วโยนความผิดไปให้ตรีอัปสร มันจะเป็นผลเสียกับภาพลักษณ์ของ นางสาว ณ สยามนะ ดีที่เรื่องชุดของตรีอัปสรถูกตัด ไม่ไปถึงนักข่าว ไม่งั้นล่ะเสียหายแน่”
มุกตาภาฉุน ไม่พอใจที่โดนตำหนิ “แล้วคุณพ่อจะให้มุกทำยังไงล่ะคะ มุกพยายามทำเต็มที่แล้ว แต่ก็ไม่ถูกใจคุณพ่อ”
ชญานนท์เอ่ยขึ้น “ถ้ามุกจะให้ภารดีแถลงข่าว มุกก็ควรจะคุมให้อยู่ ไม่ใช่ปล่อยให้ภารดีพูดไปเรื่อยแบบนั้น แล้วที่มุกทำไป คุณรัตน์ก็ไม่รู้เรื่อง พี่ก็ไม่รู้เรื่อง”
มุกตาภาปรายตามองรัตน์อย่างไม่พอใจ
“เหตุการณ์แบบนี้ มันจะเป็นประโยชน์กับสถานี ถ้าเรากำลังทำละคร แต่สำหรับ นางสาว ณ สยาม พ่อว่าไม่เหมาะ”
“คุณพ่อจะทำละครต่อเหรอครับ”
“ใช่ เราจำเป็นต้องรุกหนัก ไม่งั้นไม่ทันแน่ หลังจากการประกวดมิสเอเชียกับ มิสเวิลด์ เราจะเปิดกล้องทำละครทันที ช่วงนี้อย่าให้มีเรื่องเกาเหลาของนางงามออกมาอีก เข้าใจไม๊”
รัตน์รับคำ “ค่ะ” ส่วนมุกตาภารับเสียงอ่อย “ค่ะ”
ชญานนท์มองมุกตาภาแล้วหันมาทางคุณดิษฐ์ อย่างใคร่ครวญครุ่นคิด

บริเวณมุมพักผ่อนพนักงานของช่อง รัตน์ถือแก้วกาแฟเดินมาทรุดตัวนั่งตรงนั้น สีหน้ากังวล หนักใจ รัตน์ยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มแล้วรู้สึกเหมือนมีคนยืนอยู่ จึงหันไปมอง เห็นมุกตาภายืนหน้าบึ้ง ไม่พอใจอยู่ รัตน์ออกอาการอึดอัด มุกตาภาเดินเข้ามาหา
“ถ้ามุกเป็นคุณรัตน์ แล้วโดนเจ้านายตำหนิ...มุกลาออกไปแล้วค่ะ”
รัตน์มองมุกตาภา ย้อนอย่างไม่เกรง “แล้วคุณมุกล่ะคะ”
“ถ้ามุกเป็นลูกจ้างเหมือนคุณรัตน์ มุกก็จะลาออกค่ะ แต่บังเอิญ มุกเป็นลูกสาวเจ้านายของคุณรัตน์...จนใจจริงๆ ที่ลาออกไม่ได้”
มุกตาภาเดินไปเลย รัตน์มองตามไปอย่างโกรธขึ้ง และ เจ็บใจ

ไม่นานต่อมา เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ชื่อ มั่น ยื่นทัมไดร์ฟให้คุณรัตน์
“ภาพจากวงจรปิดในห้องแต่งตัวครับ”
รัตน์รับมาแล้วเสียบกับโน้ตบุ๊คทันที ในจอเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งติดอยู่มุมด้านบน แลเห็นภารดีกับกัลยาณีเดินเข้ามาหยิบชุดขึ้นมาดู แล้วเบ้ปาก แล้วก็เดินออกไป ซักครู่เดินกลับมาหยิบชุดขึ้นมาดูอีก ก่อนจอภาพดับวูบไป รัตน์มองภาพแล้วขมวดคิ้ว หันมาทางเจ้าหน้าที่มั่น
“ทำไมภาพมีแค่นี้ล่ะ”
“เครื่องมันมีปัญหาครับ เลยได้ภาพมาแค่นี้” มั่นบอก
รัตน์อารมณ์เสีย “โธ่เอ๊ย แล้วชั้นจะไปหาหลักฐานที่ไหนเนี่ย คนผิดมันก็ลอยนวล”
“คุณรัตน์....เชื่อเรื่องเวรกรรมไม๊ครับ” มั่นถาม
“ทำไม จะบอกว่าใครทำอะไรไว้ ก็จะได้รับกรรมเหรอ” รัตน์หมั่นไส้ “แล้วเมื่อไหร่กรรมจะตามทัน...ห๊ะ...เฮ้อ...”
รัตน์ถอนหายใจเซ็งๆ

มงกุฎวางอยู่บนที่วางกำมะหยี่สีน้ำเงินในห้องแต่งตัว มือของตรีอัปสรหยิบขึ้นมาวางบนศีรษะตัวเอง มีอรสินี วรัญญา แต่งตัวเรียบร้อยแล้วยืนอยู่ด้วย รัตน์เดินเข้ามาดูความเรียบร้อย
“เรียบร้อยกันรึยัง สาวๆ”
เจ้าหน้าที่ 1 บอก “ภารดีกับกัลยาณียังมาไม่ถึงเลยค่ะ”
ขาดคำ ภารดีเดินเข้ามาท่าทางรีบร้อน
“มาแล้วค่ะ มาแล้ว ขอโทษทีค่ะ รถติดม้าก” ภารดีทำเสียงสูง
“แล้วพี่ทิปปี้ของเธอล่ะ”
“หาที่จอดรถอยู่ค่ะ”
“รีบแต่งตัวเลย ชุดสีชมพูน่ะ ถ้ากัลยาณียังไม่มา ก็ไม่ต้องรอแล้ว” รัตน์สรุป

ตรีอัปสรปรายตามองภารดียิ้มนิดๆ อย่างมีเลศนัย แล้วหันมาช่วยจัดเสื้อผ้าให้อรสินี

ภารดีกรี๊ดเสียงดังลั่นห้อง ทุกคนในห้องตกใจ หันไปมองเป็นตาเดียว ยกเว้นตรีอัปสรที่ไม่ตกใจ แต่ยิ้มเยื้อนสวยงาม ภารดีถือชุดซึ่งขาดวิ่นให้ทุกคนดู

รัตน์ตกใจ “ตายจริง”
“ชุดหนูดี...ขาด” ภารดีเหลียวขวับมาทางตรีอัปสร “นังตรีอัปสร แกใช่ไม๊ แกตัดชุดชั้นขาด ใช่ไม๊”
ไม่พูดเปล่าภารดีพุ่งเข้ามาใส่ตรีอัปสร แต่เข้าไม่ถึงเพราะรัตน์กับเจ้าหน้าที่พุ่งเข้ากันและจับภารดีไว้ แต่ภารดียังดิ้นหมายจะตบตรีอัปสรให้ได้
ตรีอัปสรพูดขึ้น “อย่ามาปรักปรำ ชั้นจะไปตัดชุดเธอทำไม”
ภารดีลืมตัว “ก็คิดจะแก้แค้นชั้นไง นึกว่าชั้นไม่รู้เหรอ”
ตรีอัปสรใจเย็นเหมือนหลอกล่อให้พูด “ชั้นจะแก้แค้นเธอทำไม เธอทำอะไรชั้นเหรอ”
“ก็ชุดของแกมันขาด แกก็เลยเอาคืน แกล้งชั้นกลับ นึกว่าชั้นไม่รู้เหรอ...นังมารร้าย”
“พูดแบบนี้ก็แสดงว่า เธอตัดชุดชั้นน่ะซิ”
วรัญญาขัดขึ้น “ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว นึกว่าคนอื่นจะเหมือนตัวเองรึไง”
ภารดีหันมาแว้ดใส่วรัญญา “พูดอะไรห๊ะ....นังรัญ...นายว่าขี้ข้าพลอย”
“นังหนูดี”
วรัญญาของขึ้นขยับเข้าไปจะตบภารดี รัตน์กับเจ้าหน้าที่ต้องขวางไว้
“โอย...หยุดๆๆๆ เป็นนางงามหรือว่านักมวยกันห๊ะ...ถ้าเป็นนักมวยชั้นจะได้ส่งไปค่ายมวย”
คราวนี้ทุกคนหยุดนิ่งแต่สีหน้ายังพร้อมจะมีเรื่อง ด่ากันทางแววตา อรสินีมองทุกคนก่อนจะพูดเสียงจริงจัง
“อรว่า เราแก้ปัญหาเรื่องชุดกันก่อนเถอะค่ะ”
รัตน์เห็นด้วย “ใช่”
ภารดีเขย่าชุดในมือ “ชุดขาดแบบนี้ แล้วจะแก้ปัญหายังไงล่ะ เอาชุดเธอมาให้ชั้นใส่ไม๊ อรสินี”
ภารดีของขึ้น ตวาดแว้ดใส่ อรสินีตกใจมองอย่างนึกไม่ถึงว่าจะเจอภารดีพาลใส่ ตรีอัปสรมองภารดีแล้วหันไปทางอรสินี
“อย่าไปยุ่งกับหมาบ้าค่ะ คุณอร...อาการแบบนี้ ถ้าโดนกัด ฉีดวัคซีน 10 เข็ม ก็เอาไม่อยู่”
ภารดีกรี๊ด “แอร๊ยยย นังตรี”
รัตน์สุดทน ขึ้นเสียง “หยุดกรี๊ดซักทีได้ไม๊ ภารดี”
“คุณรัตน์ห้ามหนูดี ก็ต้องห้ามนังตรีมันด้วยซิคะ”
รัตน์พูดเสียงเย็น เอาจริง “พูดจาให้มันสุภาพหน่อย ภารดี”
ภารดียังหน้าบึ้งอยู่ แต่ก็หยุดอาละวาดมองชุดในมือแล้วหันไปทางที่แขวนชุด มองชุดที่เหลืออยู่
“ถ้าคุณรัตน์ไม่อยากให้หนูดีโวยวาย ก็หาชุดมาให้หนูดีซิคะ”
รัตน์มองภารดีนิ่งๆ ตรีอัปสรมองเยาะภารดีอย่างหมิ่นๆ ไม่สนใจ

ไม่นานต่อมา ตรงหน้าแบคดร็อปโลโก้ร้าน ตรีอัปสร อรสินี และวรัญญา ยืนมอบกระเช้าให้กับสปอนเซอร์ทั้ง 3 สาว ถ่ายรูปกับลูกค้า ตรีอัปสรขอบคุณสปอนเซอร์ที่ให้การสนับสนุนการจัดประกวดครั้งนี้ มีการถ่ายภาพเก็บไว้ และมีสปอนเซ่อร์คนหนึ่งถามถึงนางงามอีก 2 คนว่า หายไปไหน

ที่ไม่ไปด้วยเพราะ ภารดีกำลังดึงแย่งชุดของกัลยาณีจะเอามาใส่ ต่างคนต่างไม่ยอมกัน
“เอาชุดชั้นมานะ ชั้นไม่ให้ ชุดของแกมันขาดไปแล้ว”
“นี่มันชุดชั้น....ชุดแกนั่นล่ะ ขาดแล้ว
กัลยาณียื้อไว้ไม่ยอมให้ เถียงกันลั่นห้องแต่งตัว
“แกทำชุดนังตรีขาด มันก็ทำชุดแกขาด ไม่เกี่ยวกับชั้น”
ภารดีแว้ดใส่ “แกก็ช่วยต้นทางเหมือนกัน...แกนั่นแหละ”
ทั้ง 2 คนยื้อแย่ง และทุ่มเถียงกันไปมา รัตน์ซึ่งยืนมองอยู่หน้าห้อง ออกอาการเซ็งๆ
“ชั้นเชื่อแล้วว่า กรรมมีจริง มาเร็ว มาแรงแบบติดจรวดเลย”
ภารดี กับ กัลยาณี ยังแย่งเสื้อผ้ากันอยู่อย่างนั้น ท่าทีน่าขำ

อีกวันหนึ่งสลิลทิพย์นั่งหน้าเครียดอยู่ มีอรสินีก้มหน้านิ่งอยู่ข้างๆ
“เรื่องไม่ได้มงกุฎ นางสาว ณ สยาม แม่จะให้อภัยอร เพราะบ่นว่าไป ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แต่เป้าหมายข้างหน้าสำคัญกว่า แล้วอรก็จะต้องทำให้สำเร็จ”
“เรื่องอะไรคะ”
“การประกวดมิสเอเชีย แม่ไม่กดดันให้อรต้องได้ตำแหน่งมิสเอเชียหรอกนะ ขอแค่ได้ตำแหน่งที่เหนือกว่านังตรีอัปสร ตอนมันไปประกวดมิสเวิลด์ก็แล้วกัน”
อรสินีมองสลิลทิพย์แล้วเงียบไม่พูดอะไร
“อรของแม่ สวยไม่แพ้ใครอยู่แล้ว ลูกแค่ฝึกฝนความสามารถพิเศษที่จะต้องไปโชว์ให้ดีแล้วกัน”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สลิลทิพย์ยกโทรศัพท์ขึ้นมา
“ฮัลโหล จ๊ะ กำลังจะออกไปแล้ว โอเค เดี๋ยวเจอกัน”
สลิลทิพย์พูดจบก็ลุกขึ้น คว้ากระเป๋าเงินไปด้วย หันมาทางอรสินี แล้วโบกมือให้ก่อนจะเดินออกไป ปากก็พูดโทรศัพท์ไปด้วย
“ได้จ้ะ รับรองไม่เกินครึ่งชั่วโมงถึงแน่”
อรสินีมองตามสลิลทิพย์ไป ก่อนจะผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ และขยับลุกขึ้น น้อยเดินเข้ามาหา
“คุณอรคะ”
“ไม่ต้องเตรียมอาหารนะ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่กองประกวดจะมารับ”
“ค่ะ อืม คุณอรเหนื่อยไม๊คะ ตั้งแต่กลับมาจากประกวด คุณอรยังไม่ได้หยุดเลยนะคะ”
อรสินียิ้มให้ “ไม่เหนื่อยหรอกจ้ะ ขอบใจนะ ที่เป็นห่วง”
น้อยยิ้มตอบแล้วเดินออกไป อรสินีเปลี่ยนสีหน้าเป็นเซ็งๆ ก่อนจะหมุนตัวไปแล้วยิ้มอย่างดีใจ เมื่อเห็นชญานนท์ยืนยิ้มอยู่
“พี่นนท์”

สองคนอยู่ข้างสระน้ำบ้านอรสินี ชญานนท์จับมืออรสินีขึ้นมาจูบ อรสินีดึงมือกลับมาอย่างอายๆ
“พี่นนท์มาหาอรได้ยังไงคะ....ไม่ทำงานเหรอคะ”
“ก็ทำอยู่นี่ไง ในฐานะผู้จัดการประกวด กำลังแสดงความยินดีกับ นางสาว ณ สยาม”
อรสินียิ้ม “อรได้ตำแหน่งรองอันดับ 1 ค่ะ...ไม่ใช่ นางสาว ณ สยาม”
ชญานนท์พูดขำๆ “จะเป็นรองที่ไหน แต่เป็นหนึ่งในใจพี่เสมอ”
อรสินีหัวเราะขำ “โอ้โฮ้....ฟังแล้วเหมือนกำลังอ้อนแม่ยกเลยค่ะ”
ชญานนท์บอก “แต่งงานกันเถอะ”
อรสินีมองชญานนท์อย่างแปลกใจ ไม่คิดว่าชญานนท์จะพูดประโยคนี้
“เกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย”
“พี่อยากแต่งงาน”
“ตอนนี้น่ะเหรอคะ...พี่นนท์ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”
“หลังจากประกวดมิสเอเชีย อรยังมีงานต้องทำต่อเนื่องกับไทยเท็นอีก”
“งานอะไรคะ”
ชญานนท์ยังไม่ตอบ

ด้านตรีอัปสรขยับเข้ามาหาดารินทร์ ด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“เล่นละครเหรอคะ”
“ใช่ แม่ได้ข่าวจากวงในมา ว่า แกต้องเซ็นสัญญากับช่องไทยเท็น เล่นละคร”
ตรีอัปสรยิ้มพอใจ “ก็ดีซิคะ...ตรีจะได้มีงาน มีเงิน”
ดารินทร์พูดต่อ “แล้วก็มีชื่อเสียง เผลอๆ ถ้าละครที่แกเล่นโด่งดัง มีเรตติ้ง แกก็จะกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์”
ตรีอัปสรทำท่าคิดตามแล้วยิ้มอย่างพึงพอใจ
“การแข่งขันยังไม่จบนะ ตรีอัปสร แม่ต้องการให้มันแพ้แบบหมดสภาพแพ้แบบไม่ต้องผุดต้องเกิด”
ตรีอัปสรนึกถึงภาพที่ตัวเองชนะ ก็มีสีหน้ามุ่งมั่นเยาะหยัน
“ไปกันเลยไม๊...คุณดา”
เสียงของอัศวินทำให้ตรีอัปสรมีสีหน้าเปลี่ยนไป แม่ลูกหันไปมอง เห็นอัศวินเดินลงมาจากบันได
“ไปค่ะ....ดาไปหยิบกระเป๋าก่อนค่ะ”
ดารินทร์เดินไปด้านใน อัศวินหันมา มองตรีอัปสรด้วยแววตาเปิดเผย ชัดเจน
“ลุงรอหนูอยู่นะ หนูตรี...เราจะนัดกันเมื่อไหร่ดี”
“ช่วงนี้ตรีต้องเตรียมตัวไปประกวดมิสเวิลด์ค่ะ มีคิวงานทุกวันเลย”
“จะให้ลุงรอจนหนูกลับจากประกวดมิสเวิลด์เลยเหรอ ลุงรอไม่ไหวหรอกนะ”
เสียงดารินทร์ดังขัดขึ้น “มาแล้วค่ะ”
ตรีอัปสรกับนายพลอัศวินหันไปมอง เห็นดารินทร์เดินมาพร้อมกระเป๋าถือ แล้วเข้ามาควงแขนท่านนายพล อย่างไม่สังเกตความผิดปกติ
“ไปค่ะ”
ดารินทร์ดึงนายพลอัศวิน เดินไปทางหน้าบ้าน ก่อนจะนึกอะไรได้ หันมาทางตรีอัปสร
“ยายตรี ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยนะ...เมื่อกี้พี่เลี้ยงโทร.มาบอกว่ากำลังมารับแล้ว”
“ค่ะ”
นายพลอัศวินสบตาตรีอัปสรลึกซึ้ง ก่อนจะถูกดารินทร์พาเดินออกไป

ตรีอัปสรมองตามไป สีหน้าดูออกว่าหนักใจเหลือเกิน

ฟากคุณหญิงสุดสวาทเดินเข้ามาคนเดียว ซักครู่จึงเห็นแมนเดินมาจากมุมห้างอีกด้าน คุณหญิงซึ่งเดินเริดเชิดหยิ่ง เมื่อเห็นแมนก็เปลี่ยนท่าทีราวกับเป็นเด็กสาวทันที เร่งฝีเท้าเข้าไปหาจับมือแมนด้วยความดีใจ

“แมน....ตรงเวลาจริงๆ”
แมนยิ้มให้แล้วค่อยๆ ปลดมือออก แต่คุณหญิงยังไม่รู้สึก เปลี่ยนเป็นเกาะแขนแมน
“พี่คิดถึงใจจะขาด...รู้ไม๊”
แมนยิ้ม “ครับ”
คุณหญิงมองแมนด้วยแววตาร้อนแรง “หิวจัง”
แมนหันมามองเหมือนเข้าใจความหมายลึกซึ้ง
“ไปทานข้าวก่อนก็ดีครับ...แมนก็หิวเหมือนกัน”
คุณหญิงหัวเราะเบาๆ ใส่จริต “พี่ไม่ได้หิวข้าว พี่หิวแมน แต่ถ้าแมนหิวข้าว เราทานข้าวก่อนก็ได้”
คุณหญิงเกาะแขนแมนเดินไป โดยไม่สนใจผู้คน

ฝ่ายนายพลอัศวินก็เดินควงมากับดารินทร์ ท่าทางนายพลนักรัก กรุ้มกริ่ม กระตือรือร้น ดูมีความสุขมาก ดารินทร์หันมามอง อดแปลกใจไม่ได้
“มีอะไรรึเปล่าคะเนี่ย ดูคุณสดชื่น แจ่มใสเป็นพิเศษ”
นายพลอัศวินหัวเราะ "อยู่กับคุณผมก็มีอะไรพิเศษทุกวันละ"
ดารินทร์หัวเราะขำ พูดเล่นๆ “ยิ่งพูดแบบนี้ ยิ่งไม่ปกติเลยค่ะ บอกมานะคะ ตามดามาร้านเนี่ย มีอะไรรึเปล่า”
“สงสัยจะปิดไม่มิดแล้ว” นายพลอัศวินหัวเราะมองดารินทร์ “ผมจะพาคุณไปเลือกแหวนเพชรซักวง”
ดารินทร์หยุดเดิน ตาโต ดีใจ ด้วยนึกไม่ถึง “แหวนเพชรเหรอคะ เนื่องในโอกาสอะไรคะ”
“โอกาสที่คุณให้สิ่งดีๆ กับผมมาตลอดไง” ท่านนายพลพูดเป็นนัย
“สิ่งดีๆ เหรอคะ...อะไรมั่งคะ”
“เอาน่ะ อย่าให้ผมแจกแจงเลย ถามละเอียดแบบนี้..เดี๋ยวผมเปลี่ยนใจนะ”
“โอ๊ะ โอ...ไม่ถามแล้วค่ะ”
“ไปร้านเพชรกันเถอะ”
ดารินทร์พยักหน้ามีความสุข “ค่ะ”

คุณหญิงสุดสวาทเดินควงคู่จับมือถือแขนมากับแมน จนถึงทางเลี้ยว ดารินทร์กับนายพลอัศวินเดินควงแขนกันมาจากอีกด้าน ทั้ง 2 ฝั่งเดินมาเห็นกันและกัน ต่างฝ่ายต่างชะงักมองกัน ดารินทร์มองคุณหญิงสุดสวาท แล้วมองเลยไปที่แมนซึ่งยังจับมือกับคุณหญิงอยู่ ดารินทร์ยิ้มเยาะ ขยับเดินเข้าไปหา ยกมือไหว้ทักสวยงาม
“สวัสดีค่ะ คุณหญิง” ดารินทร์มองไปทางแมน “ตอนแรกคิดว่าคุณนะซะอีกพาหลานชายมาชอปปิ้งเหรอคะ”
คุณหญิงสุดสวาท หน้าตึง เสียรังวัดไปชั่วครู่ ก่อนจะตั้งหลักได้
“แล้วเธอล่ะ ควงสามีของชั้นมาทำอะไรที่นี่”
ดารินทร์ยิ้มใจเย็น “คุณหญิงอาจจะไม่ทราบว่า ดาเปิดห้องเสื้ออยู่ที่นี่ค่ะ...คุณอัศวินก็เลยมาส่ง”
คุณหญิงสุดสวาทมองดารินทร์แล้วมองเลยไปทางอัศวิน
“เชิญ...ตามสบายนะคะ...คุณอัศ”
พอคุณหญิงสุดสวาทพูดจบก็เดินควงแมนไปอย่างไม่แคร์ นายพลอัศวินยืนนิ่งไม่หันไปมอง ดารินทร์มองแล้วขยับเข้าไปเกาะแขน
“หึงรึเปล่าคะ”
“ผมจะไปหึงทำไม”
“ก็เห็นคุณหน้าเครียด หรือว่าเสียฟอร์มคะ...ที่คุณหญิงมากับเด็ก”
นายพลอัศวินหัวเราะ “ผมก็มากับเด็กเหมือนกัน อย่างน้อยก็เด็กกว่า สาวกว่าคุณหญิงละ ใช่ไม๊”
ดารินทร์ยิ้มอย่างเป็นปลื้มๆ เดินควงแขนไปกับท่านนายพล

คุณหญิงสุดสวาทเดินหน้าตึงมา แมนมองหน้าอย่างกังวล
“พี่ครับ ถ้าพี่ไม่สบายใจ...ผมกลับก่อนก็ได้นะครับ”
คุณหญิงหยุดเดิน หันมามองหน้าแมน สีหน้าคลายความตึงลง
“ใครบอกว่าพี่ไม่สบายใจ พี่สบายใจที่สุดเวลาที่อยู่กับแมน...ทุกอย่างยังเหมือนเดิมจ้ะ”
แมนมีท่าทีหนักใจ “แล้ว...ท่านอัศวิน”
“เค้าก็ไปของเค้า ไม่เกี่ยวกับเรา”
“แต่ผม...เอ่อ...ผมรู้สึกไม่ดี”
“อย่าคิดมากซิจ๊ะ แมน พี่รักแมน แมนรักพี่ แค่นี้ก็พอแล้ว ทานข้าวเสร็จแล้ว เราไปหาที่เงียบๆ คุยกันดีกว่า”
คุณหญิงส่งสายตาหวานฉ่ำมีเลศนัย ก่อนจะกอดแขนแมนเดินอี๋อ๋อกันออกไป

ไม่นานต่อมา สองคนอยู่บนเตียงในห้องพักหรู คุณหญิงสุดสวาทนอนหนุนหน้าท้องของแมน เอามือลูบไล้แขนกำยำที่พาดอยู่กับไหล่ตัวเอง อย่างหลงใหล
“พี่อยากให้โลกหยุดหมุน อยากอยู่กับแมนแบบนี้นานๆ”
“พี่ก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เราไม่มีทางอยู่ด้วยกันได้ เราต่างกันทุกอย่างนะครับ” แมนบอกอย่างเจียมตัว
คุณหญิงขยับตัวออกหันมามองหน้าแมนอย่างพิจารณา
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ เราก็อยู่กันแบบนี้ไปเรื่อยๆ พี่บอกแล้วไง ว่าพี่เลี้ยงแมนได้”
“ผมอยากทำงานครับ ผมไม่อยากให้พี่เลี้ยง”
คุณหญิงขยับลุกขึ้นนั่ง มองแมนอย่างเอ็นดู เป็นปลื้ม
“แมนก็ทำงานอยู่นี่ไง แมนทำให้พี่มีความสุข แมนมาเป็นเพื่อนทานข้าวกับพี่ คุยกับพี่” คุณหญิงฉอเลาะ
“แบบนี้มันไม่ใช่งานนะครับ มันเหมือนผู้ชายขายตัว แมนอยากทำงานงานที่บอกทุกคนได้...ไม่ต้องปิดบัง”
“เหมือนงานที่แมนรับจ้างจัดประกวด นางสาว ณ สยาม น่ะเหรอ”
“ครับ”
“เอาเป็นว่า พี่จะหางานให้แมนแล้วกันนะ แต่ว่าตอนนี้แมนนวดไหล่ให้พี่หน่อยนะ พี่เมื่อย”
“ครับ”
คุณหญิงสุดสวาท ขยับตัวพิงอกแกร่ง แมนขยับตัวนวดไหล่ให้ สีหน้าคุณหญิงสุขล้น ฟินสุดๆ

ด้านตรีอัปสรกลับถึงบ้านตอนค่ำ เดินเข้ามาทรุดตัวลงนั่งที่เก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้ง มงกุฎวางเด่นอยู่ตรงนั้น ตรีอัปสรมองมงกุฎแล้วเอื้อมมือไปลูบไล้ สีหน้าครุ่นคิด อยู่ในภวังค์ชั่วครู่ ก่อนจะมองไปที่ใต้กำมะหยี่วางมงกุฎอย่างพิจารณา พบว่ามีโน้ตวางอยู่
ตรีอัปสรเอื้อมมือหยิบมาอ่าน เป็นโน้ตสั้นๆ เขียนว่า “เสาร์หน้าเจอกันที่บ้านสามร้อยยอดนะ...ถ้าช้ากว่านี้ลุงขาดใจตายแน่”
ใบหน้าของตรีอัปสร แสดงความขยะแขยง คับแค้นใจ ในความหื่นกามของนายพลอัศวิน เสียงประตูเปิด ตรีอัปสรสะดุ้งรีบพับโน้ตใส่ลิ้นชักปิดอย่างรวดเร็ว
ดารินทร์เดินเข้ามาหา ใบหน้ายิ้มแย้ม แววตาสดชื่น
“ทำอะไรอยู่...ยายตรี”
“เปล่าค่ะ”
ดารินทร์ยื่นมือที่มีแหวนเพชรประดับอยู่ที่นิ้วนางให้ตรีอัปสรดู “สวยไม๊”
“สวยค่ะ”
ดารินทร์เดินไปนั่งบนเตียง สีหน้าเปี่ยมสุข น้ำเสียงเริงรื่น
“คุณอัศวินซื้อให้แม่ อยู่ดีๆ ก็จูงมือพาเข้าร้านเพชร เก๋ไม๊ล่ะ ถามว่าให้เนื่องในโอกาสอะไร ก็บอกว่า แม่ให้สิ่งดีๆ กับเค้า”
ตรีอัปสรสะดุดหู “สิ่งดีๆ เหรอคะ”
“ใช่ คุณอัศ เค้าคงมองเห็นความดี ความจริงใจ ที่ชั้นมีให้เค้าตลอดมาเค้าก็เลยอยากตอบแทนชั้น”
ตรีอัปสรรู้ทันทีถึงความหมายที่นายพลอัศวินพูดว่า สิ่งดีๆนั้น หมายถึงหล่อน ตรีอัปสรเหยียดยิ้มนิดๆ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นสงบนิ่งดังเดิม ดารินทร์มองมงกุฎที่วางอยู่
“มงกุฎ นางสาว ณ สยาม นี่สวยจริงๆ นะ”
ตรีอัปสรหยิบมงกุฎแล้วเดินไปวางบนศีรษะของดารินทร์ ก่อนจะจูงแม่มายืนหน้ากระจก
“สำหรับแม่ค่ะ”
ดารินทร์มองตัวเองในกระจกอย่างพอใจ ปลาบปลื้ม
“นอกจากจะเป็นมงกุฎสำหรับผู้หญิงที่สวยที่สุดแล้ว มันยังเป็นมงกุฎแห่งเกียรติยศ มงกุฎที่กู้ศักดิ์ศรีของแม่คืนมาด้วย...ขอบใจแกมากนะตรี”
“ค่ะ”
ดารินทร์หยิบมงกุฎไปใส่ให้ตรีอัปสร แล้วมองอย่างพอใจ
“สวยมาก แม่อยากให้ตรีใส่มงกุฎลงไปให้คุณอัศดู อย่างน้อยคุณอัศก็มีส่วนทำให้แกได้มงกุฎนี่มานะ”
“เอาไว้ก่อนเถอะค่ะแม่...วันนี้ตรีเหนื่อยมาทั้งวัน...ตรีขอพักนะคะ”
ตรีอัปสรบ่ายเบี่ยง หยิบมงกุฎไปวางไว้ที่เดิม
ดารินทร์เซ็ง “ซะงั้น แม่นึกว่าจะฉลองมงกุฎเพชรกับแหวนเพชรของแม่ พร้อมๆ กันซะหน่อย”
“เอาไว้ก่อนเถอะค่ะ ตรีขออาบน้ำนอนดีกว่า กู๊ดไนท์ค่ะ”
“ตามใจ งั้นแม่ลงไปก่อน ไม่อยากให้คุณอัศรอ”
ดารินทร์เดินออกไป ตรีอัปสรมองตามแม่ไปแล้วมองมาที่มงกุฎ นึกถึงคำพูดของดารินทร์ที่บอกว่า
“นอกจากจะเป็นมงกุฎสำหรับผู้หญิงที่สวยที่สุดแล้ว มันยังเป็นมงกุฎแห่งเกียรติยศ มงกุฎที่กู้ศักดิ์ศรีของแม่คืนมาด้วย...ขอบใจแกมากนะตรี”
“แต่มันทำให้ชั้นหมดศักดิ์ศรี”

ตรีอัปสรพึมพำกับตัวเองเบาๆ ใบหน้าสวยหมองจัด

อ่านต่อตอนที่ 8
ปีกมงกุฎ ตอนที่ 6
ปีกมงกุฎ ตอนที่ 6
รุ่งเช้า ขณะที่อติรุจกำลังคุยงานกับรัตน์อยู่ที่ด้านในล็อบบี้ มอลลี่เดินหน้าตาตื่นเข้ามาพร้อมกับข้าวตู และ ข้าวตัง “คุณรุจคะ คุณรุจ เกิดเรื่องแล้วค่ะ” อติรุจแปลกใจ “มีอะไร” “น้องแซนที่จะมาถ่าย VTR กับสาวๆ ของเรา เกิดอุบัติเหตุเมื่อเช้านี้ค่ะ” มอลลี่หมายถึง แซน นายแบบชื่อดัง อติรุจถาม “แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่า” “แขนหักค่ะ ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล ผู้จัดการของแซนเพิ่งแจ้งมาค่ะ” “อ้าว แล้วจะทำยังไงล่ะ” “นั่นซิคะ จะถามใครมาตอนนี้ก็คงไม่ทัน ถ้าเราอยู่กรุงเทพฯว่าไปอย่างนะคะ” มอลลี่ว่า อติรุจมองมอลลี่อย่างใช้ความคิด ก่อนจะหันไปเห็นชญานนท์เดินมา อติรุจคิดบางอย่างออก
กำลังโหลดความคิดเห็น