xs
xsm
sm
md
lg

จากเวทีนางงามสู่เส้นทางดารา "เม-นิศาชล" ขอพิสูจน์ฝีมือการแสดง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ข่าวละคร "ธิดาแดนซ์"
 

จากเวทีนางงามสู่เส้นทางดารา
"เม-นิศาชล" ขอพิสูจน์ฝีมือการแสดง

ถือเป็นหนึ่งใน 3 นางเอกจากละครเรื่อง “ธิดาแดนซ์” ของค่ายเพ็ญพุธ ที่กำลังถูกจับตามองมากที่สุด สำหรับ เม-นิศาชล ต้วมสูงเนิน กับคาแร็กเตอร์ละครเรื่องแรกก็ท้าทายฝีมือด้านการแสดงของสาวเจ้าเสียด้วย งานนี้หนูเมบอกว่า สู้ไม่ถอย พร้อมก้าวแรกกับการแสดงที่เธอบอกว่าสุดท้าทาย

ขอถามเรื่องส่วนตัวก่อนนะ เมมีพี่น้องกี่คน ?
"เมเป็นคนอุดรธานี คนอีสานค่ะ มีพี่น้อง 2 คนค่ะ เมเป็นพี่คนโตแล้วมีน้องสาว 1 คน ซึ่งตอนนี้น้องสาวเรียนอยู่ประเทศจีน ไปเรียนมหาวิทยาลัยที่นั่น ซึ่งน้องเป็นคนที่เก่งภาษามากเรียนภาษาจีนมาตั้งแต่มัธยมต้นๆ เมก็เรียนแต่เก่งสู้น้องไม่ได้ แต่ในเวลานั้นเมก็สอบติดได้ทุนไปเรียนภาษาที่อเมริกาเหมือนกัน 1 ปี แม่ก็ให้ไปทีละคนซึ่งเมไปก่อนตอนม.6 พอกลับมาน้องเรียนจบแม่ก็ให้น้องไปเรียนต่อหาวิทยาลัยที่นั่นเลยเพราะสอบไปได้ค่ะ"

ตอนเด็กๆ เมเป็นคนอย่างไรบ้าง ?
"เมเป็นเด็กที่ซนมาก ชอบแกล้งคน ซนถึงขนาดครูไม่ยอมให้ทำกิจกรรมเพราะกลัวจะไปแกล้งเพื่อน แต่เมเป็นคนชอบแสดงออกเป็นคนที่ชอบทำกิจกรรมมาก สุดท้ายแม่ต้องมาขอครูจนครูยอม จากนั้นเมก็เลยได้ทำมาตลอด ตลอดเวลาแม่จะคอยสนับสนุนทุกอย่าง ตอนเด็กๆ ก็จะให้เรียนนาฎศิลป์ เรียนดนตรี เรียนร้องเพลง แล้วก็เลยทำให้คนอื่นมองว่าแม่เวอร์ ทำไมต้องให้ลูกเรียนมากขนาดนั้น แต่แทนที่จะไปเน้นเรื่องวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เรื่องการเรียนกับไปเน้นพวกการแสดงมากกว่า ซึ่งแม่ก็บอกว่าลูกชอบเลยให้ลูกได้เรียน เมตอนนั้นก็ชอบจริงๆนะแต่ไม่เคยคิดเลยว่าเรียนแล้วต้องมาเข้าวงการ มาวันนี้ได้เข้าวงการก็ยอมรับว่าสิ่งที่เรียนมามันก็ได้ใช้เป็นประโยชน์กับเมมาก อย่างตอนประกวดเมก็ใช้การรำเป็นการโชว์ ไม่เสียใจที่เรียนมาเลยจริงๆ ค่ะ"

เห็นว่าเด็กๆ ค่อนข้างจะห้าวแก่น โชว์อะไรจะต้องรับบทตัวผู้ชายตลอด ?
"ใช่ค่ะ ไม่รู้เป็นเพราะบุคลิกหรือเปล่า ตอนเรียนประถมเมก็เรียนโรงเรียนสหนะ ตอนมัธยมเมเรียนโรงเรียนหญิงล้วน แต่เพื่อนๆ เมเรียบร้อยกันทั้งนั้น มีเมนี่แหละที่ห้าวแก่นเซี้ยวซ่าส์ที่สุด เวลามีกีฬาสี งานกิจกรรมของโรงเรียนเงานคริสมาส คือโรงเรียนเมเป็นโรงเรียนคริสต์ เวลาโชว์อะไรเมมักจะได้รับบทผู้ชายตลอด เต้นลีลาศก็จะเป็นผู้ชายไม่เคยเป็นผู้หญิง เล่นละครก็เป็นผู้ชาย มีคนบอกว่าเป็นเพราะบุคลิกของเมห้าวๆ ดูสูง แล้วก็ตัวเล็กเลยเหมาะ ซึ่งสมัยก่อนใครได้เล่นละครก็อยากจะเล่นเป็นนางฟ้า เล่นเป็นพระมารดา ลูกของพระเยซู แต่เมไม่เคยได้เลยได้เล่นแต่บทผู้ชายตลอดก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเหมือนผู้ชายตรงไหน แต่ถ้าคิดอีกแบบนึง มันก็ท้าทายดีนะ"

จากการชอบแสดง เคยฝันอยากเป็นนักแสดงหรือไม่ ?
"ไม่เลย แรกๆ เมเคยฝันแต่อยากเป็นแอร์โฮสเตรส ได้แต่งตัวสวยๆ พูดจาเพราะๆ ได้บินไปต่างประเทศ ได้ใช้ภาษาอื่นพูดกับชาวต่างชาติรู้เรื่อง ในตอนนั้นรู้สึกว่าถ้าทำได้ มันเจ๋งมาก แต่ไม่คิดว่าการที่เราได้ไปรำ ได้เต้น หรือเล่นละครงานโรงเรียนมันคือการเป็นนักแสดงคิดแต่ว่ามันเพียงเป็นแค่กิจกรรมเท่านั้น"

ที่บอกว่าเคยผ่านงานประกวดมา ประกวดอะไรมา ?
"ตอนเด็กๆ เมเคยประกวด “หนูน้อยโฮม เคเบิ้ล” เป็นช่องเคเบิ้ลที่ทำรายการทีวีที่อุดรธานี ตอนนั้นดังมาก ใครประกวดได้เขาก็จะเอาเด็กๆ ที่ได้ไปทำรายการทีวี 1 ปี เมตอนนั้นอายุประมาณ 11-12 ปี ผลประกวดเมได้รองอันดับหนึ่งเลยได้ไปจัดรายการทีวีชื่อ “โฮม คิด” เป็นรายการศิลปะนำสิ่งของที่ไม่ใช้แล้วมาประดิษฐ์ใหม่ ในตอนนั้นเมชอบมากแล้วก็เลยหวังว่าสักวันเมต้องทำได้ได้มากกว่านี้"

แล้วเข้ามาเป็นนักแสดงได้อย่างไร ?
"หลังจากที่ไปเรียนที่อเมริกามา 1 ปี พอกลับมาเมก็อยากลองขึ้นเวทีการประกวดนางงามที่จังหวัดอุดรธานี มันเป็นเวทีที่ใหญ่มากซึ่งสาวๆที่บ้านอยากเข้าประกวดและได้ตำแหน่ง ซึ่งหลังจากเข้าประกวดเมก็ได้รางวัลรองอันดับหนึ่งของธิดาผ้าหมี่ขิด แล้วได้รางวัลผิวเนียนและขวัญใจช่างภาพด้วย
จากนั้นพี่ปุ๋ย (อนุรี อนิลล) ที่เป็นกรรมการ ตอนนี้เป็นผู้จัดการอยู่ที่โรงเรียนสอนแต่งหน้าเอ็ม ที ไอ ก็เห็นแววเม ซึ่งตอนนั้นเด็กสุดของผู้เข้าประกวดคือ อายุ 18 ปี ทาบทามให้ไปเทสต์งานของเทสโก้ โลตัส คอนเซ็ปท์เกี่ยวกับสุขภาพใช้นางแบบ 12 คน หลังจากนั้นพี่ปุ๋ยก็เอาเบอร์เมไปให้ป๋าสัมพันธ์ ซึ่งป๋าเขาดูแลเด็กๆหลายคน ป๋าก็บอกว่าถ้าขึ้นมาเรียนที่ม.รังสิตเมื่อไหร่ให้มาทำโปรไฟล์ ตอนนั้นเมกลัวมากเลยให้คุณพ่อกับคุณแม่ลงมาด้วยซึ่งการทำโปรไฟล์ก็ผ่านไปได้ด้วยดี แล้วก็ได้งานเทสโก้ โลตัสด้วย
หลังจากนั้นเมก็ไปประกวดมิสไทยแลนด์เวิร์ดปี 2513 ตอนนั้นเขาบอกว่ากำลังค้นหานางงามและนักแสดงด้วยมันเป็นอะไรที่น่าสนใจ แต่เมก็ยังลังเลเพราะตอนนั้นเมกำลังถ่ายหนังให้ อาพันนา ฤทธิไกร เรื่อง “ เร็วทะลุเร็ว” อยู่ เป็นนางเอกหนังเรื่องแรกแล้วย้อมผมเป็นสีทอง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจประกวดแล้วก็สามารถผ่านการคัดเลือกไปถึงรอบ 50 คน ในตอนนั้นเกือบถอนตัวแล้วเพราะกลัวไปหมด ความที่ผมก็ยังไม่ย้อม อีกทั้งเพิ่งไปผ่าซีสที่ข้างหูยังเป็นแผลเลย แต่ป๋าบอกว่ามีหลายคนฝันอยากมีโอกาสแบบนี้แล้วทำไมเมถึงอยากจะทิ้งล่ะ อยากให้ลองดูผมย้อมแล้วก็ย้อมกลับได้
ท้ายสุดเมก็ไปย้อมผมเข้าประกวดต่อรอบสื่อมวลชนติดเข้ารอบ 20 คนสุดท้าย แต่ได้รางวัล “นางงามรูปร่างดี” พอหลังจากการประกวดพี่งัด ก็ให้มาลองแคสติ้งละครเรื่อง “ธิดาแดนซ์” ผลก็ได้เล่นบท “บัว” ความรู้สึกตอนนั้นเมถามตัวเองว่า ฝันไปเปล่าตื่นหรือยัง นี่เป็นความจริงที่จะได้เล่นละครแล้วหรือ...ก็ต้องขอบคุณผู้ใหญ่พี่งัด (สุพล วิเชียรฉาย) คุณแดง (สุรางค์ เปรมปรีดิ์) และค่ายเพ็ญพุธ ที่ให้โอกาสค่ะ"

พูดถึงบทเรื่องนี้หน่อย ?
"บัว จะต้องเป็นนักมวย ซึ่งชีวิตจริงไม่เคยต่อยมวยก็เลยต้องฝึกก่อนถ่าย แล้วยังต้องร้องเพลงและเต้นอีก ก็ต้องฝึกทั้งการเต้นการร้องเหมือนกัน เรียกว่าเป็นบทที่เหนื่อยมากแต่เมก็ต้องพยายามทำให้คนดูๆแล้วเชื่อว่าเราคือ “บัว” แต่จะดีตรงที่คาแร็กเตอร์มันจะแก่นเซี้ยวง่ายหน่อย ในเรื่องเราต้องคอยดูแลแม่แจ่มจันทร์ ปกป้องพี่สาวแล้วก็เป็นคู่กัดกับประวิทย์ ซึ่งจริงๆ เราแอบชอบกันแต่ต่างปากแข็งไม่พูด ถามว่าการแสดงยากมั้ยก็ยากนะ แต่ยากตรงที่เป็นบัวแล้วชอบต่อยมวย ชอบการเป็นนักร้องและแดนเซอร์นี่แหละ แม้จะเคยเรียนมาแต่ในเรื่องต้องเก่งมากมันก็เลยไม่ง่ายที่ต้องแสดงออกมาให้เป็นแบบนั้นค่ะ"

ในละครมีเพลงของตัวเองด้วย ?
"ชื่อเพลง “นางเอกนักมวย” เป็นเพลงลูกทุ่งสไตล์อินเตอร์ ใช้เวลาซ้อมนานมากหลายอาทิตย์ก่อนจะไปอัดเสียงเพราะมันก็ไม่ใช่แนวที่เราถนัดเท่าไหร่นัก ตอนอัดเสียงก็ใช้เวลาเกือบครึ่งวัน แต่พอได้ฟังเพลงของตัวเองก็ชอบเลยนะ รู้สึกมันติดหูง่าย เช่นเดียวกับเพลงของคนอื่นๆก็ติดหูเหมือนกัน เมภูมิใจมากที่เล่นละครเรื่องแรกก็มีเพลงของตัวเองแล้ว นอกจากนี้ก็มีเพลงที่ร้องกับสามสาวชื่อเพลง “ธิดาแดนซ์” อีกหนึ่งเพลงด้วยค่ะ"

ฉากที่คิดว่าลำบากที่สุด ?
"เป็นฉากที่เกี่ยวกับซีนอารมณ์ ไม่รู้ว่าต้องเล่นยังไง มากน้อยแค่ไหนเพราะความที่ยังใหม่ แล้วเจอเปิดฉากแรกๆ มาเป็นฉาก “ป๋าเขียว”ตาย มันดราม่ามาก แต่โชคดีที่เมได้ร่วมงานกับนักแสดงเก่งๆ พี่ฝน (ฝน ธนสุนธร) พี่โจ้ (โจโจ้ ไมอ็อกซิ) แล้วก็นักแสดงคนอื่นๆ ช่วยส่งอารมณ์มาก มันทำให้เรารู้สึกรักพี่ฝนเหมือนแม่จริงๆ เห็นเขาเสียใจเราก็ร้องไห้ตามมันเป็นไปตามอารมณ์ได้จริงๆ เลยผ่านไปได้ ฉะนั้นจะรู้สึกยากก็เหล่าซีนอารมณ์นี่แหละ"

รู้สึกยังไงเมื่อต้องร่วมงานกับ 2 สาวธิดาแดนซ์ ?
"รู้สึกดีนะเหมือนเป็นเพื่อนกันไปแล้ว ทั้งยีนส์ (เกวลิน) ทั้ง เฟื้อง มีอะไรก็คุยกันเวลาทำงานเลยไม่เกร็ง ถามว่าใครซนที่สุดเมว่าทุกคนซนเหมือนกันหมด แต่ในกองบอกว่าถ้าเวลาเมอยู่กับพี่เฟื้องเราทั้งคู่จะซนกันมากชอบแหย่คนนั้นคนนี้ ซึ่งเมกับพี่เฟื้องตอนนี้เราสนิทกันมาก กับพี่ยีนส์ก็สนิทเหมือนกันแต่พี่เขาเป็นคนนิ่งๆ หน่อยไม่ซนเหมือนพวกเราค่ะ"

แล้วกับอะตอม ที่เป็นคู่กัดในละครล่ะ ?
"ตอนแคสติ้งได้แคสติ้งกับพี่อะตอม ซึ่งเมเคยดูละคร ดูเอ็มวีที่พี่เขาเล่น เป็นดาราที่เรารู้จัก ก็รู้สึกตื่นเต้นเกร็งไปหมด ซึ่งฉากที่แคสติ้งจะดราม่า สมมุติเราเป็นแฟนกัน พี่เขาก็ส่งอารมรณ์ทางสายตาดีมาก ทำให้เมรู้สึกว่าพี่เขาเหมือนเป็นคนรักจริงๆ ร้องไห้ก็ร้องได้ พอให้รักกันก็รู้สึกว่าเรารักพี่เขานะ พอมาเล่นละครได้เล่นคู่กันอีกก็รู้สึกดีนะได้คำสอนจากพี่อะตอมเยอะเลยเพราะพี่เขาเก่งอยู่แล้ว ถ้าชีวิตจริงได้เจอผู้ชายแบบ “ประวิทย์” ที่ดูกระล่อนนิด ชอบกวนๆก็น่ารักดีนะ ไม่แน่ถ้าชีวิตเจอแบบนี้ก็อาจจะ “รัก” ก็ได้นะ"

ในเรื่องมีฉากกุ๊กกิ๊กกันมั้ย ?
"มีค่ะ ในเรื่องวิทย์จะพยายามกุ๊กกิ๊กกับบัวตลอด แต่เราก็คอยเบรกเขาทั้งๆ ที่ใจก็แอบชอบ ซึ่งทุกครั้งที่ต้องเล่นฉากแบบนี้เมยอมรับว่าเขินจริงๆ เพราะพี่เขาคอยส่งอารมณ์ให้เลยทำให้เราคล้อยตามไปด้วย"

ความจริงเราเล่น “ธิดาแดนซ์” ก่อน แต่กลับมีเรื่อง “คุณชายรักเร่” ที่เพิ่งจบไปอีกเรื่อง ?
"ใช่ค่ะ เรื่องนั้นเมก็บทห้าวแก่นๆ หวงพี่สาวต้องคอยปกป้อง เป็นชาวไร่ชาวสวน คู่กับพี่แก๊บ ก็พ่อแง่แม่งอนเหมือนกัน ถ้าเทียบกับ ธิดาแดนซ์ เมว่าเรื่องหลังนี้เล่นยากกว่ามีหลากหลายอารมณ์ ทั้งแก่นห้าวแต่มีความหวานอยู่ข้างใน เป็นทั้งนักร้อง แดนเซอร์ นักมวย มีเหตุการณ์เกิดเยอะมาก"

ทราบว่าเซ็นสัญญาไปแล้ว ?
"เซ็นสัญญากับช่อง 3 เป็นเวลา 3 ปี เมรู้สึกว่าผู้ใหญ่ให้โอกาสดีขนาดนี้เมก็ควรรับไว้และรักษามันให้ดี ซึ่งเมคิดว่าถ้าเราทำผลงานออกมาให้ดีผู้ใหญ่ก็คงจะเมตตาไปเรื่อยๆ ค่ะ"

เห็นว่ามีผลงานเรื่องที่ 3 รับบทเป็นนางเอกเต็มตัว ?
"ค่ะ เรื่อง “เทพบุตรสุดเวหา” ของบริษัท ดี วัน ทีวี เล่นกับ พี่โฬม-พัชฎะ ต้องขอบคุณที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสดีๆ อีกครั้งให้เมได้เป็นนางเอกเต็มตัวครั้งแรก ซึ่งเมรู้สึกว่าเรามาไกลกว่าที่คิดไว้แถมเร็วมาก อารมณ์ตอนนี้มีทั้งดีใจและก็แอบกลัวว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า แต่ถ้าผู้ใหญ่เชื่อในตัวเมๆ ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดค่ะ"

มีนักแสดงคนไหนที่อยากร่วมงานหรือไม่ ?
"พี่แอน ทองประสม กับ พี่พลอย-เฌอมาลย์ ค่ะ พี่แอน นี่เมชอบมานานมากแล้ว ส่วนพี่พลอยหลังๆก็ติดตามดูผลงานพี่เขาทุกเรื่อง ชอบพี่เขาเวลารับบทเป็นอะไรก็จะเป็นแบบนั้นเลย ต่างจากตัวจริงมาก เป็นนักแสดงที่เนียนกับบทที่รับสุดๆ ตอนนี้เมติดละครเรื่อง “สามีตีตรา” มาก ถ้าวันไหนดูไม่ทันก็จะตามดูย้อนหลังทุกครั้งไม่เคยพลาดสักตอนค่ะ"

งานแสดงมีต่อเนื่องแบบนี้แล้วเรื่องเรียนมีปัญหาไหม ?
"ก็มีบ้าง คือตอนนี้เมเรียนปี 3 แล้ว แต่มีเสียเวลาย้ายคณะ คือก่อนหน้าเมเรียนคณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ แต่เรียนมา 2 ปี เมก็ได้เข้ามาทำงานตรงนี้ ด้วยเวลาไม่ตรงกัน โอกาสก็มาถึงแบบนี้ แม้เมจะรู้สึกเสียดายแต่งานตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่เราชอบเหมือนกัน จึงทำให้ตัดสินใจย้ายคณะมานิเทศาสตร์ เพราะช่วงเวลาเราสามารถเลือกได้ ทำให้เราทำงานและก็เรียนควบคู่ไปพร้อมกันได้ ผลการเรียนตอนนี้ก็กลางๆ เมก็ต้องทำรายงานเยอะมาก อาจารย์ช่วยติวนอกเวลารวมทั้งเพื่อนๆก็ช่วยเยอะมากคอยบอกว่าต้องทำงานอะไรบ้าง คอยตามเรา ยอมรับว่าที่ผ่านมา 2 เรื่องหนักมากแต่ก็ผ่านไปได้ ยังไงเรื่องเรียนเมไม่ทิ้งแน่ค่ะ"

มาถึงวันนี้คุณพ่อคุณแม่ว่าอย่างไรบ้าง ?
"คุณพ่อคุณแม่บอกว่าภูมิใจและดีใจในตัวลูกมาก เราได้ยินแล้วน้ำตาจะไหล รู้สึกขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่ได้เกิดมาอยู่กับท่าน ซึ่งตลอดเวลาท่านสนับสนุนทุกอย่างถ้าเมอยากทำอะไร ไม่เคยห้าม แต่จะคอยดูแลใส่ใจกับเรามาก รู้นะว่าทุกวันนี้ท่านเป็นห่วงลงมาหาบ่อยมาก ฉะนั้นจะทำอะไรก็ต้องนึกถึงตัวเองแล้วก็คนที่อยู่ข้างเรามากๆ ด้วย"

เป้าหมายในชีวิต ?
"เมอยากพยายามเล่นละครทุกบาทและทำให้ดีที่สุด ซึ่งถ้าคนดูชอบเมก็คงจะดีใจมากค่ะ หลังจากนั้นถ้าประสบความสำเร็จในเรื่องการแสดงเมก็อยากจะเปิดร้านเสื้อผ้าของตัวเอง เพราะเป็นความฝันอีกอย่างหนึ่งที่อยากทำนะ"

แล้วเรื่องความรักกับหนุ่มๆ ล่ะ ?
"ส่วนมากก็เป็นเพื่อนเป็นพี่ เป็นน้องกันมากกว่าที่มหาวิทยาลัย เมยังเป็นเด็กยังไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก ที่สำคัญเราก็ต้องรู้จักวางตัวให้ดีให้เหมาะสม ตอนนี้ขอทำงานให้ดีที่สุดก่อนยังไม่คิดถึงเรื่องนี้จริงๆ แต่ถ้าอนาคตจะมีเมก็ขอให้เขารักเรา เข้าใจในสิ่งที่เราทำ สิ่งเราเป็น และคิดตรงกันก็พอแล้วค่ะ"

สุดท้ายอยากพูดอะไรทิ้งท้าย ?
"ขอฝากผลงานเรื่อง “ธิดาแดนซ์” ช่วยติดตามกันเยอะๆ นะคะ ส่วนผลงานภาพยนตร์ข่าวว่าฉายโชว์ที่เมืองคานส์ไปแล้ว แต่ที่เมืองไทยกำลังรอคิวฉายอยู่ ยังไงก็ฝากผลงานทุกเรื่องของเม ขอฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนด้วยนะคะ"




กำลังโหลดความคิดเห็น