xs
xsm
sm
md
lg

"ปุ๊กลุก" เขาว่า She แรง..เหวี่ยงวีน ติดหรู ดังแล้วลืมตัว?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปุ๊กลุก เขาว่า She แรง..เ้หวี่ยงวีน ติดหรู ดังแล้วลืมตัว?!
เอ่ยถึงนางงามที่แซบที่สุดในประเทศไทย ตำแหน่งนี้คงไม่มีใครสู้เธอได้ ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์ วัชรตระกูล อดีตมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สปี 2010 ที่เปิดตัวอย่างแรงต่อชาวโลกในการประกวดนางงามจักรวาลด้วยท่าฉีกขาสุดเปรี้ยวจนชาวเน็ตต่างเรียกขานเธอว่า "นางงามจอมฉีกขา" ซึ่งถือเป็นภาพพลิกประวัติศาสตร์นางงามไทยกันเลยทีเดียว

แม้ไฟบนเวทีการประกวดจะมอดดับลงไปแล้ว แต่ด้วยการพูด การวางตัว ท่าทีมั่นอกมั่นใจเกินร้อย ประกอบกับข่าวเมาท์มอย ขี้เหวี่ยง ขี้วีน ดังแล้วลืมตัว แถมพยายามอัปเกรดตัวเองด้วยการถอยของแบรนด์เนมออกมาใช้จนมีข่าวว่า "ถังแตก" รวมถึงกระแสข่าวแบบถี่ๆ กับพระเอกร่วมช่อง

ไม่แปลกที่ใครหลายคนจะมองว่าเธอร้าย และแรง ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนนางงาม หรือเพื่อนในวงการด้วยกันเอง ครั้งนี้ ทีมงาน M-Lite ได้มีโอกาสนั่งคุยกับเธอถึงละคร ผู้ชาย ความรัก และมรสุมข่าวที่ถาโถมเข้ามา รวมไปถึงชีวิต และมุมคิดที่ไม่ค่อยมีสื่อไหนล้วงลึกไปถึง

"ผีกาหลง" มาแรง บทนี้ฮอตเวอร์

ไม่พูดไม่ได้ถึงละครเรื่อง เรือนกาหลง ละครผีพีเรียดที่ออกอากาศทางช่อง 7 ผลงานจากค่ายพอดีคำ ซึ่งถือว่ามีกระแสตอบรับดีทั้งต่างจังหวัด และในกรุงเทพฯ โดยมีการพูดถึงในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์กกันมาก ส่งผลให้ "ผีกาหลง" (รับบทโดย ปุ๊กลุก-ฝนทิพย์) กลายเป็น "ผีฮอตเวอร์" ไปไหนคนก็รู้จัก และนี่คือความรู้สึกของผีสาวจากเรือนกาหลงกับกระแสตอบรับที่ดีจนชวนให้หน้าบาน

"กาหลงได้รับเสียงตอบรับดีมากค่ะ ไปไหนคนก็พูดถึงแต่เรื่องนี้ ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่หนูทุ่มเทมากๆ หนูอยากให้คนดูรักในตัวละคร เหมือนรู้สึกว่าเขารู้จักตัวละครตัวนี้มากๆ แม้ตอนถ่ายจะเหนื่อย แต่พอได้เล่น และเห็นผลงาน มันชื่นใจ และมีความสุขมากค่ะ โดยเฉพาะเวลาละครออนแอร์แล้วมีประชาชนตอบรับกลับมาจากละครของเรา พูดเลยว่า ชื่นใจจนหายเหนื่อยไปเลยค่ะ หรืออย่างเวลาไปเจอแฟนละคร บางคนเรียกทั้งชื่อเรา เรียกทั้งชื่อตัวละคร คำเรียก และคำชื่นชมเหล่านี้ ทำให้หนูมีกำลังใจขึ้นเยอะ ต่อให้ทำงานหนักแค่ไหน ก็ไม่เหนื่อยค่ะ"

สำหรับกระแสละคร เรือนกาหลง ที่ดังเกินคาด ปุ๊กลุกให้เหตุผลว่า เป็นเพราะบทละครที่ดี ประกอบกับการได้เล่นในบทที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ

"หนูไม่มี 'ของ' อะไรเลยค่ะ เพียงแต่เราตั้งใจกับบทนี้อย่างมาก บางทีที่ผ่านมา ความตั้งใจมากๆ ของเรา มันอาจเป็นความกดดัน มันก็เลยทำให้เราหาจังหวะในการเล่นละครได้ไม่ค่อยดี ส่วนตัวค่อยๆ จับต้นชนปลายมาเรื่อยๆ หาจังหวะให้มันตรงกับสิ่งที่เราควรจะเป็นในคาแร็กเตอร์ของตัวละคร มันคงเป็นประสบการณ์ของเราด้วยค่ะ บวกกับบทละครที่ดีด้วย อย่างเรื่องเรือนกาหลง บทละครเขาดี ผลตอบรับก็เลยดีตามไปด้วย"

และแน่นอนว่า การได้เล่นบท "กาหลง" ในเรือนกาหลง ทำให้คนรู้จักเธอมากกว่าแค่ข่าวแรงๆ ตามสื่อต่างๆ

"ที่ผ่านมาคนอาจจะรู้จักหนูในมุมของข่าวมากกว่า ซึ่งภาพที่ออกมาก็เลยดูเป็นคนที่มั่นใจ ต่อให้เราพูดอธิบายมากแค่ไหน ว่าเราก็มีมุมอื่นนะ เขาอาจไม่ได้เข้าใจมุมนั้นๆ แต่พอได้เล่นเป็นตัวละครกาหลง คนที่เดินเข้ามา สายตาเขาจะเป็นสายตาแบบรักเรา รักตัวละครตัวนี้ เขาเชื่อจริงๆ ว่ามันมีตัวละครตัวนี้อยู่

ถึงขนาดที่ว่า มีคนดูแล้วร้องไห้ตาม ซึ่งมันไม่ง่ายนะ ที่คนจะอินกับอะไรได้มากมายขนาดนี้ ดังนั้น การที่คนดู ดูแล้วร้องไห้ตาม แสดงว่าเขาต้องรู้จักตัวละครตัวนั้นจริงๆ หรือไม่ก็คงติดตามมาไม่ต่ำกว่าตอนหรือสองตอน อย่างตอนนี้ มีแฟนคลับตั้งแต่ 3 ขวบจนอายุมากสุดถึงขั้นต้องนั่งรถวีลแชร์ ซึ่งเรื่องนี้ สำหรับหนู ถือว่าประสบความสำเร็จมากค่ะ"


เมื่อถามถึงกระแสที่ใครหลายคนบอกว่า เรือนกาหลง เป็นละครที่สร้างเรตติ้งให้ทางช่องได้พอหายใจหายคอขึ้นมาบ้าง เรื่องนี้เธอจะว่าอย่างไร ไปฟังคำตอบกัน

"หลายๆ คนก็ถามหนูแบบนี้นะคะ แต่ถ้าถามหนูแล้ว จริงๆ ละครของทุกๆ ค่าย ทุกๆ เรื่อง เขาตั้งใจทำละครที่ดี และได้ใจคนดูมากที่สุด เพียงแต่เรื่องนี้ ลงจังหวะพอดีก็เท่านั้นค่ะ ถ้าให้คะแนนกับชีวิตตอนนี้ ส่วนตัวมองว่า ชีวิตมันต้องมีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ต้องดีแบบว่า สุดมากๆ แต่ควรเก็บเกี่ยวระหว่างทางให้มากที่สุด โดยเฉพาะช่วงเวลาแห่งความสุข เพราะหนูก็ไม่รู้ว่า ละครที่หนูเล่นต่อไปจะได้ใจคนดูได้มากมากขนาดนี้หรือเปล่า"

สำหรับบทที่อยากเล่นจริงๆ เธอบอกแค่ว่า ขอค้นหาตัวเองไปเรื่อยๆ ก่อน

"บทที่อยากเล่นจริงๆ พูดตรงๆ นะคะ ยังไม่รู้ว่าตัวเองถนัดเล่นบทแบบไหนเลย หนูอยากลองเล่นไปเรื่อยๆ ในแบบที่มันไม่ซ้ำกับบทที่เราเคยเล่นมาอ่ะค่ะ ดังนั้นขอหาตัวเองไปเรื่อยๆ ก่อนดีกว่า" เธอตอบ พร้อมกับอัปเดตผลงานละครเรื่องต่อไปให้แฟนๆ ได้ฟังกัน "ตอนนี้มีเรื่องอตีตาที่กำลังเปิดกล้องปีหน้า แต่ว่ามีอีกเรื่องที่กำลังคุยๆ กันอยู่ แต่ทางค่ายยังไม่ได้ออกมาพูด เดี๋ยวรอทางค่ายออกมาพูดดีกว่าว่าจะเป็นละครเรื่องอะไร"

นางงามขี้วีน ติดหรู ดังแล้วลืมตัว?

จบประเด็นเรื่องกระแสของละคร มาเข้าประเด็นเมาท์มอยที่ใครหลายคนอยากรู้ว่า "ปุ๊กลุก" เธอคือนางงามเรื่องเยอะ ดังแล้วลืมตัว แถมพยายามอัปเกรดตัวเองด้วยการถอยของแบรนด์เนมมาใช้จนมีข่าวว่า "ถังแตก" ถึงขนาดต้องมีคนคุมเรื่องการใช้เงินกันเลยหรือ นี่คือการเปิดใจของเธอ

"บางคนอาจรู้สึกว่า พอละครดัง เราต้องเปลี่ยนไป แต่หนูกลับรู้สึกว่า หนูยังเป็นคนเดิม แฟนคลับทุกคนยังสามารถเข้าถึงตัวหนูได้เหมือนเดิม และช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่หนูมีความสุขที่สุด เพราะมีคนรักเรามากที่สุด ถึงยังไงตัวละครกาหลงก็คงค่อยๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา ฉะนั้น ช่วงเวลานี้ ไม่ใช่ว่าเราจะหนีแฟนคลับ แต่เป็นช่วงเวลาที่เราจะต้องเก็บเกี่ยวความสุข แล้วก็รู้จักกับแฟนคลับให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้

อย่างเมื่อก่อน เขาแค่เจอเรา เฮ้ย! ดารา แต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนจาก เฮ้ย! ดารา และอยากถ่ายรูปกับเรา มาเป็น ฉันอยากกอดคุณนะ คือรู้เลยว่าดูละครของเราจริงๆ อย่างละครเรือนล้อมรัก แม้จะฉายในช่วงน้ำท่วม คนดูไม่เยอะ แต่ก็จะมีแฟนละครเข้ามาขอจับมือเราแล้วบอกเราว่า อย่าให้คุณย่าเป็นอะไรนะ"

ส่วนเรื่องที่เป็นข่าวว่าใช้เงินเปลือง เลือกใช้แต่ของแบรนด์เนมจนมีข่าวอยู่ช่วงหนึ่งว่า "ถังแตก" นั้น เรื่องนี้ เธอเคลียร์ซ้ำอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยออกมาชี้แจงไปแล้ว

"ตอนนี้ก็ยังคุมอยู่ค่ะ เพราะหนูก็มีความสุขแบบที่มีคนคุมเรื่องเงินให้หนูนะ เพราะการคุมการเงิน สุดท้ายแล้วเงินมันก็เป็นของเราอยู่ดี ส่วนตัวไม่มีเวลานั่งเลือกของ ราคาแบบ..ถูกที่สุดเท่าที่ทำได้ บางทีเราต้องใช้ และก็รีบซื้อเลย อย่างบางช่วง หนูถ่ายละครหนักก็เลยรีบซื้อของมาตุนไว้ เพราะต้องรีบไปงาน วันนี้มีคนมาช่วยดูเรื่องสภาพการเงิน ทำให้หนูไม่ต้องมานั่งหักค่าใช้จ่ายเรื่องเสื้อผ้าเอง ส่วนเรื่องถังแตก หนูใช่คำศัพท์ผิดเอง จริงๆ ไม่ได้ถึงขนาดนั้นค่ะ หนูใช้คำว่าถังแตกเพราะเข้าใจว่าเป็นการใช้เงินสิ้นเปลือง"

ผู้ชาย/ความรัก/คราบน้ำตา

ไม่เพียงแต่เรื่องความแรง มาดมั่นจนใครหลายคนมองว่า เหวี่ยง รวมไปถึงข่าวเมาท์มอยในข้างต้น ยังมีมรสุมข่าวเกี่ยวกับความรักที่ตกเป็นข่าวแบบถี่ๆ กับหนุ่มๆ ร่วมช่องหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็น วีรภาพ สุภาพไพบูลย์ รักแรกที่เลิกร้างกันไป หรือเวียร์ ศุกลวัฒน์ ก็เคยตกเป็นข่าวด้วยเหมือนกัน

"คนอาจจะมองว่าหนูเป็นคนเปรี้ยว และมั่นใจ ต้องมีคนคุยตลอดเวลา แต่ถ้าคนที่รู้จักหนูจริงๆ เขาจะรู้ว่า หนูแทบจะไม่เอาใครเลยนอกจากคนในบ้าน เพราะหนูชอบอยู่กับตัวเองมากกว่า แล้วก็ไม่ชอบนอนดึก จนตอนหลังหนูพยายามให้ตัวเองได้อยู่กับคนรอบข้างมากขึ้น อย่างบางคน แต่ก่อน นัดกินข้าว หนูก็ไม่ไป เพราะว่าเราชอบอยู่กับบ้าน

แต่หลังๆ เวลามีคนมาชวนก็จะไป เพราะด้วยมารยาท บวกกับที่เขาชวนเราหลายๆ รอบ ซึ่งบางครั้งก็ปฏิเสธนะ ถามว่าสวยเลือกได้เหรอ ไม่นะ ถ้าวันหนึ่งหนูโดนน้ำกรดสาดมา หนูก็เลือก เพราะมันไม่คุ้มเลยกับการเอาใจไปแลกกับผู้ชายที่ไม่ดี จริงอยู่ที่บางทีมันอาจจะพลาดไปรักกับคนที่ไม่ดี แต่สุดท้ายคนที่เจ็บมันคือเรา" ปุ๊กลุกเผยความรู้สึก ก่อนจะบอกต่อไปว่า ไม่มีเรื่องไหนจะทำให้เสียน้ำตาได้เท่ากับเรื่องความรัก

"ที่เสียน้ำตาให้มากๆ นี่ต้องคนในวงการด้วยนะ เพราะมีแต่คนเก่ง และคนสวยๆ เวลาทำงานก็จะวนไปเจอคนที่เพอร์เฟกต์ตลอดอยู่แล้ว ฉะนั้น จะให้มานั่งระแวง มันเหนื่อยนะพี่ แต่ถ้าเกิดคนนอกวงการก็จะเจอน้อยหน่อย เลือกเอาคนนอกดีกว่า"

รักคนในวงการ "ต้องใช้สมองมากกว่าหัวใจ"

ถึงวันนี้ บทเรียนจากความรักในอดีต ไม่เพียงแต่ฝังรอยแผลเป็นในหัวใจเธอแล้ว ยังสอนให้รู้อีกว่า ถ้าจะมีรักครั้งใหม่ ต้องใช้สมองมากกว่าหัวใจ

"เข็ดนะ เข็ดจนหนูรู้สึกว่า เราต้องเรียนรู้ให้มากขึ้น เรียนรู้ว่า เราต้องไม่ใช้หัวใจในการที่จะเลือกว่าคนนี้ดีหรือไม่ดี แต่เราต้องใช้สมองมองว่า คนคนนี้เขาเรียกว่าดีหรือเปล่า คือหนูเคยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ใช้ใจ และอารมณ์มากกว่าสมอง ยอมรับว่า ตอนนั้นใสมาก ใสมากจริงๆ เจอใครเขาก็ดีไปหมด ถึงวันนี้ผ่านมาเกือบ 3 ปีแล้วค่ะ ดังนั้น ถ้าอารมณ์มันพาไป จะพยายามสกัดให้ทันก่อนที่จะหลวมตัวเข้าไปค่ะ"

"ที่สำคัญ บทเรียนความรักที่ผ่านมา ทำให้หนูระมัดระวังมากขึ้นนะ บางคนมองว่า หนูปิดใจ แต่ไม่นะ หนูไม่ได้ปิดใจ จริงๆ หนูแค่รู้สึกว่า หนูไม่ค่อยเจอคนดีๆ อ่ะค่ะ ซึ่งบางที หนูอาจมีมาตรฐานสูงป่ะ เขาอาจไม่ได้ดูแย่อะไรหรอก แต่หนูแค่รู้สึกว่าไม่ดี คือ เหมือนเราไม่เคยคิดว่าถ้าคบแล้วจะต้องเลิก เพราะหนูจะต้องฝากชีวิตไว้กับเขาได้ คิดเผื่ออนาคตไปไกลแล้ว ซึ่งมันคงไม่เวิร์กป่ะคะ ถ้าวันหนึ่งเราแต่งงานโดยที่มีแฟนไปแล้ว 10 คน" เธอขยายความ

ดังนั้น ความรักมีหลายระยะ หลายช่วงเวลา สำหรับปุ๊กลุกแล้ว ช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้กันและกันสำคัญที่สุด

"ถ้าเจอผู้ชายที่เดินหน้าจีบอย่างจริงจัง หนูก็คงทำให้เขาเป็นพี่หนูให้ได้ในช่วงเวลาหนึ่งจนกว่าเราจะรู้สึกว่าคนนี้โอเคจริงๆ จากนั้นค่อนขยับความสัมพันธ์กันไป ซึ่งผู้ชายที่โอเคสำหรับหนูก็ต้องคุยได้ทุกเรื่อง เข้าใจชีวิตของหนู และใช้ชีวิตกับหนูได้ ไม่ใช่มานั่งหวานกันอยู่สองคน เพราะชีวิตหลักๆ ของเราคือการทำงาน จะมาจับมือถือแขนในที่สาธารณะไม่ได้ ส่วนภาพที่หลุดออกมาว่าจูงมือคนนั้นคนนี้ เป็นแค่มุมภาพเท่านั้นค่ะ"

แจ็ค AF หนุ่มคนใหม่ที่ตกเป็นข่าว

ส่วนกระแสข่าวที่ว่า แจ็ค-เมธัส ตรีรัตนวารีสิน หรือ แจ็ค เอเอฟ 4 แสดงทีท่าว่าจะจีบ เรื่องนี้ ปุ๊กลุกออกมาบอกว่า เคยคุยไลน์กัน ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มห่างๆ กันไปแล้ว พร้อมกับย้ำสถานะว่า ยังเป็นแค่พี่ชายที่แสนดี ส่วนฝ่ายชายก็ออกมาบอกแล้วว่า ไม่ได้ตามจีบ แค่คุยไลน์กันเฉยๆ พร้อมยันสถานะแค่เพื่อนเท่านั้น

"หนูยังไม่เคยเจอตัวจริง และนั่งคุยกันจริงๆ จังๆ เลยค่ะ แต่ ณ วันนี้ยังไม่มีอะไรจริงๆ ขนาดมีการสัมภาษณ์พี่เขาตั้งแต่ครั้งแรก หนูยังไม่ได้ตามไปอ่านเลยค่ะ ซึ่งหนูคิดว่า ข่าวมันคงไม่ดังมาก คือถ้าจะจีบหนูก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ เพียงแต่หนูยังไม่ได้รู้สึกว่าเขาจีบ อีกอย่าง หนูไม่ได้ติดตามข่าวด้วย และไม่ค่อยได้คุยกันด้วย แต่ถ้ามีข่าวออกไปแบบนี้ แล้วดูเหมือนหนูพูดโกหก คงต้องกลับไปดูบทสัมภาษณ์ละ"

ถามต่อไปว่ากลัวแฟนคลับของฝ่ายชายแอนตี้ไหม เธอบอกว่า "แฟนคลับของพี่เขาก็ไม่มีมาคอมเมนต์ต่อว่าอะไรนะ หนูว่าแฟนคลับพี่แจ็คเขาน่ารักนะคะ"

3 ปีในวงการ เธอแรงดีไม่มีตก

ถึงวันนี้ 3 ปีแล้วกับการทำงานในเส้นทางสายบันเทิง ตั้งแต่ได้เป็นมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์สปี 2553 และเป็นผู้เข้าประกวด มิสยูนิเวิร์ส 2010 ซึ่งได้รับรางวัลในการประกวดมาทั้งหมด 3 รางวัล คือ ขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน รางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยม และรางวัล Miss People's Choice Award กระทั่งมาเล่นละครที่สร้างเรตติ้งให้แก่ช่องอย่าง "เรือนกาหลง" แม้จะมีมรสุมข่าวมากมาย แต่เธอก็มองว่า เป็นบทเรียนที่สอนให้โตขึ้น

"ส่วนตัวรู้สึกว่าจริงๆ แล้ว ชีวิตที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่ปีที่ผ่านมา แต่มันเริ่มต้นจากการที่เราก้าวเข้ามาในวงการบันเทิง แน่นอนว่า ทุกวันเราได้มีโอกาสเรียนรู้กับสิ่งที่มันผ่านมาแล้ว แต่ถามว่าหนูอยากแก้ไข เปลี่ยนแปลงอะไรไหม หนูไม่อยากแก้ เพราะทุกอย่างมันทำให้โตขึ้น แล้วก็ทุกๆ อย่างมันทำให้เรามีวันนี้ค่ะ"

"ดังนั้น หนูก็เป็นคนคนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นผ้าสีขาวที่มันดีเลิศเลอ คือในคนหนึ่งคนมันมีหลายๆ มุมอยู่แล้วค่ะ ซึ่งมีทั้งคนชอบ และไม่ชอบ แต่แค่ว่า จุดที่เรายืนอยู่ มันเป็นจุดที่ 60 ล้านคนมองเห็น เพราะฉะนั้น คอมเมนต์ต่างๆ นานาก็ต้องมีเข้ามาอยู่แล้ว ซึ่งมันอยู่ที่ว่า เราจะมีใจรักที่จะอยู่ตรงนี้หรือเปล่า ซึ่งถ้าถามหนู หนูมีใจที่จะอยู่ตรงนี้ มันอยู่ที่ว่า เราจะปรับตัวให้เข้ากับตรงนี้ได้อย่างไร ถามว่ากดดันไหม ไม่เลย ไม่เลยค่ะ ไม่เลยจริงๆ" เธอเผยความรู้สึก ก่อนบอกต่อไปว่า ถ้าเลือกได้ระหว่างชีวิตนอกวงการ กับในวงการ เธอขอเลือกอย่างหลัง

"หนูเลือกอยู่ในวงการค่ะ ในมุมของหนูนะ หนูว่าบางคนเข้ามาด้วยความรู้สึกว่า ฉันอยากอยู่ในจุดที่ทุกคนต้องรู้จักฉันแต่สำหรับหนู หนูรักงานในวงการ และพยายามที่จะอยู่อย่างมีความสุข และความสุขของหนูก็คือ ได้เล่นละคร ได้ร้องเพลง ได้เดินแบบ เพราะเป็นสิ่งที่หนูรักตั้งแต่เด็กๆ"

ถามว่า อะไรในวงการบันเทิงที่ทำให้รู้สึกกดดันมากที่สุด เธอนิ่งคิดก่อนจะตอบว่า "คงเป็นข่าวค่ะ แม้ว่าหนูจะรักในการเล่นละคร ชอบเดินแบบ ชอบร้องเพลง แต่สิ่งที่มาควบคู่กันก็คือข่าวที่เราต้องเจอคำถามโหดๆ นี่คือสิ่งที่หนูรู้อยู่แล้วว่าต้องเจอ แต่อยู่ที่ว่าเรามอง และเรียนรู้กับข่าวที่ถาโถมเข้ามาอย่างไร ถึงตอนนี้ หนูเริ่มรู้สึกว่าพอตัวเราเองยิ่งโตขึ้น หนูก็ยิ่งรู้จัก และมีความสุขกับมันมากขึ้นค่ะ"

ดังนั้น การอยู่ในวงการอย่างมีความสุข โดยไม่เจ็บตัว และไม่เจ็บใจ นี่คือสิ่งที่เธอได้เรียนรู้ตลอดการทำงาน 3 ปีในวงการบันเทิง

"อย่างตอนเข้าวงการมาใหม่ๆ มันเหมือนเป็นช่วงปรับวิธีคิด แต่ก่อนเราเด็กๆ มักจะอยู่กับคนรอบข้างที่แบบ โห ใครๆ ก็รักเรา อยู่กับพ่อแม่ และคนที่เป็นญาติเรา คือเราไม่เคยคิดเลยว่า ใครพูดอะไรมาแล้วเราต้องมานั่งคิดว่าจริงหรือไม่จริง แต่พอได้เข้ามาอยู่ตรงนี้ แรกๆ ก็ไม่คิด ใครพูดอะไรก็เชื่อ อือๆ จริงๆ คนนั้นก็ดี คนนี้ก็ดี พอสุดท้าย คนที่เจ็บปวดคือเรา คือเราไปเชื่อเขา ซึ่งจริงๆ เราเลือกจะไม่เชื่อเขาก็ได้ แต่ตอนนั้นเราเลือกที่จะเชื่อ

เพราะฉะนั้น หนูแค่รู้สึกว่า แต่ละคนที่เข้ามาไม่ใช่ว่าเราไม่เชื่อนะ แค่ว่าเราให้เวลาในการที่จะเชื่อดีกว่า ซึ่งเราไม่ได้มองว่าเขาพูดความจริง แต่เราแค่ให้เวลา และเว้นช่องให้เหมาะสม โดยเฉพาะเพื่อนที่ต้องมีหลายจุด เช่น เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนหน้าบ้าน เพื่อนคนนี้เป็นเพื่อนหน้าประตูรั้วเลย ซึ่งไกลออกไปอีก ในขณะที่บางคนเป็นเพื่อนในห้องนั่งเล่น เพื่อนในห้องนอน แต่ละคนมีสเตปที่แตกต่างกัน และรู้เรื่องเราไม่เท่ากัน ดังนั้นเวลาเราเจ็บ เราจะไม่เจ็บอยู่กับเพื่อนหน้ารั้วบ้าน เพราะเขาจะไม่รู้เรื่องราวอะไรเกี่ยวกับเรา" นี่คือสิ่งที่เธอได้เรียนรู้จากห้องเรียนในโลกมายา

พ่อแม่ เพื่อน กำลังใจของปุ๊กลุก

เรื่องมรสุมข่าวที่ถาโถมเข้ามา แม้จะเป็นคนแรง และดูมั่นใจ แต่ข่าวบางข่าวก็ทำเอานางเอกสาวคนนี้เสียการทรงตัวอยู่เหมือนกัน ซึ่งจุดๆ นี้ เธอบอกว่า กำลังใจจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะครอบครัว คือแรงใจสำคัญ ประกอบกับความโชคดีส่วนตัวที่จะมองปัญหาทุกอย่างให้เป็นข้อดี

"กำลังใจของหนู มาจากคนรอบข้างนี่แหละค่ะ เพื่อน พ่อแม่ ส่วนตัวมองว่า เราไม่จำเป็นต้องรอรับกำลังใจจากคน 60 ล้านคน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว แต่คนรอบข้าง คนในครอบครัว พวกเขาทำให้หนูมีแรงใจ มีแรงสู้ รวมถึงบทเรียน หรือประสบการณ์ที่ผ่านๆ มา ก็เป็นอีกหนึ่งบทเรียนที่สอนให้เราแข็งแกร่ง ไม่ใช่ว่าพอมีเรื่องไม่ดีเข้ามา แล้วก็มองแต่สิ่งไม่ดี แต่หนูกลับมองว่า สิ่งไม่ดี หรือเรื่องร้ายๆ นี่แหละ คือสิ่งที่ดี เพราะมันฝึกให้เราโตขึ้น แล้วก็เรียนรู้ ปรับปรุงตัวเองจนเรามีวันนี้ ถ้ายิ่งไปแย่กับมัน เราก็จะยิ่งแย่ตามไปด้วย"

ปุ๊กลุก ให้เหตุผลว่า ที่เธอเติบโตมาบนบุคลิกดังกล่าวได้นั้น เป็นเพราะการได้ทำอะไรด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็ก

"หนูอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ แต่หนูจะโต และทำอะไรด้วยตัวเองมาตั้งแต่เด็กค่ะ ซึ่งหนูชอบทำกิจกรรม จะไม่ค่อยเชื่อพ่อแม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะทุกก้าวที่เราเดิน เรารู้ว่าเราควรจะทำอะไร และรับผิดชอบอะไร เช่น การทำกิจกรรมต่างๆ พ่อแม่อาจจะมองว่าเสียการเรียน แต่หนูก็ทำให้เห็นว่า ไม่เสียการเรียนแน่นอน ซึ่งเราจะพยายามลบความคิดเขาในสิ่งที่เราคิดว่ามันไม่ผิดให้เขาเห็น ซึ่งจริงๆ ก็อยู่ในสายตาพ่อแม่ตลอดนะ เพียงแต่ไม่ค่อยเชื่อฟังร้อยเปอร์เซ็นต์ ลึกๆ ท่านคงคิดว่าเราดื้อแหละ แต่วันนี้เขาคงเห็นความตั้งใจของหนูแล้ว"

สำหรับ ความเข้มแข็ง และความอดทนที่มีอยู่เต็มเปี่ยม ปฎิเสธไม่ได้ว่า พ่อแม่คือต้นแบบคนสำคัญ

"คุณพ่อเป็นทนายความค่ะ เป็นคนที่เรื่องเรียนสำคัญที่สุด เพราะเขามีความเชื่อว่า ความรู้จะทำให้ชีวิตของเราพัฒนา ดังนั้น ลูกจะต้องเรียนปริญญาตรี เรียนนิติศาสตร์ เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ เพราะคุณพ่อเป็นคนเก่ง ทำงานเก่ง ขยัน อดทน ตรงเวลา เช่นเดียวกับคุณแม่ที่จะอดทน และทุ่มเทมาก ที่สำคัญ ทั้งพ่อและแม่เป็นคนประหยัดมาก จะใช้ทีหนูว่าไม่เกิน 50 บาท ถ้าไม่รวมค่าน้ำมันนะ

ถึงวันนี้ หนูก็อยากให้พ่อแม่บ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นอสังหาฯ หรือไม่ก็เป็นรถยนต์ โดยตั้งแต่เข้าวงการมา หนูก็ให้รถคุณพ่อคันนึง คุณแม่คันนึง แล้วก็บ้านอีก 1 หลัง เพราะหนูรู้สึกว่า ในเมื่อท่านไม่ค่อยใช้เป็นสิ่งของ หนูก็เลยซื้อของที่มันอยู่ได้ตลอดชีวิตให้แทน"

ปิดท้ายกันด้วยตัวตนที่แท้จริงของ "ปุ๊กลุก" เห็นดูเป็นคนแรง และมั่นใจในตัวเองสูงแบบนี้ จริงๆ แล้ว เธอเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย

"หนูเป็นคนไม่มั่นใจในตัวเอง เนี่ย เห็นป่ะ ไม่มีใครรู้ เห็นมั่นๆ แบบนี้ ไปไหนคนเดียวไม่ได้นะ อย่างตอนไปประกวดนางงามจักรวาล ใช่ว่าหนูจะมั่นใจนะ แต่ด้วยใจรัก ประกอบกับความมุ่งมั่น คือเวลาจะทำอะไร ก็ต้องทำให้ได้ แต่ก่อนทำนี่..ไม่มั่นใจเอามากๆ เลย กลัวโน่น กลัวนี่ไปหมด แต่งหน้าไป ร้องไห้ไป แต่พอได้ขึ้นเวทีก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุด ภาพที่ออกมามันก็เลยดูมั่นใจ หรือเวลาไปงาน เห็นคนไปมุงคนอื่น ส่วนเรานั่งอยู่คนเดียว เฮ้ย! ทำไงดีอ่ะ จะนั่งอยู่ยังไงดี ทำอะไรไม่ถูกเลย" เธอเผยให้เห็นอีกมุมที่ใครหลายคนยังไม่รู้

เรื่องโดย : ASTVผู้จัดการ Lite 
ขอบคุณภาพประกอบจากแฟนเพจ ปุ๊กลุก ฝนทิพย์ วัชรตระกูล และภาพบางส่วนจากสยามบันเทิง

////////////////////////

ประวัติส่วนตัว

ชื่อ-นามสกุล ฝนทิพย์ วัชรตระกูล

ชื่อเล่น ปุ๊กลุก

วัน/เดือน/ปีเกิด 19 กรกฎาคม พ.ศ.2533

น้ำหนัก 52 กก. ส่วนสูง 170 ซม.

การศึกษา

- ประถมศึกษาจากโรงเรียนสุขเจริญผล
- มัธยมศึกษาจากโรงเรียนราชวินิตบางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ
- อุดมศึกษาจากคณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาจิตวิทยา มหาวิทยาลัยรามคำแหง

รางวัลที่ได้รับ

- มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2553
- ขวัญใจช่างภาพสื่อมวลชน จากการประกวด มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส 2553
- ชุดประจำชาติยอดเยี่ยม จากการประกวด มิสยูนิเวิร์ส 2010
- Miss Photogenic จากการประกวด มิสยูนิเวิร์ส 2010
- ขวัญใจมหาชน Miss People's Choice Award จากการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2010
- มิสไมเคิล แจ้คสัน บาย ป้าแชร์
- The Sexiest Beauty Pageant in Thailand 2011 จากนิตยสาร FHM
- The Sexiest Beauty Pageant in Thailand 2012 จากนิตยสาร FHM
- The Sexiest Beauty Pageant in Thailand 2013 จากนิตยสาร FHM
- รางวัล The Nine Fever Awards ครั้งที่ 1 สาขา Beauty Queen Fever นางงามที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด
- รองชนะเลิศจากรายการ แดนซิงวิทเดอะสตาร์ไทยแลนด์
- Best Female’s Healthy Hair Award จากนิตยสาร Hair World

รางวัลพระราชทาน

- โล่รางวัล "ส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมความกตัญญูกตเวที ลูกกตัญญู แม่ดีเด่น"จากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
- เข็มเชิดชูเกียรติ "แม่ลูกผูกพัน สร้างสายใยรักแห่งครอบครัว" จากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

ผลงานละคร

- พ่อหนูเป็นซูเปอร์สตาร์
- คุณพ่อหวานแหวว
- ทวิภพ
- เรือนล้อมรัก
- เพลงรักบ้านนา
- มนต์รักแก้บน
- อุบัติเหตุ
- สุภาพบุรุษบ้านทุ่ง
- เรือนกาหลง
- อตีตา (รอเปิดกล้อง)







ขอบคุณภาพจากสยามบันเทิง
นางงามสุดแซ่บกับซุปตาร์ตัวแม่











กำลังโหลดความคิดเห็น