นางกลางไฟ ตอนที่ 15
ธวัชกับวัลลภาวิ่งลงมาจากบนสะพาน สีหน้าร้อนรน ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น
"ช่วยด้วย ช่วยด้วย มีคนตกน้ำ"
ธวัชชะงัก มองไปข้างหน้า เห็นชายหาปลา 2 คนลากดวงสุดาที่หมดสติขึ้นมาบนฝั่ง
เรือหาปลาจอดอยู่ใกล้ๆ
"ดา / ยัยดา"
ทั้งสองวิ่งถลาไปหาดวงสุดา ธวัชเขย่าตัว
" ดาครับ...ดา"
วัลลภาร้องไห้
"ไม่นะ..ยัยดาต้องไม่ตาย นายต้องช่วยยัยดานะ นายจะปล่อยให้ยัยดาตายไม่ได้"
ธวัชรีบปั๊มหัวใจและผายปอด ครู่หนึ่งดวงสุดาฟื้น ธวัชยิ้มดีใจ
"ยัยดาฟื้นแล้ว"
"นี่ดายังไม่ตายเหรอ... คุณไม่รักฉัน ไม่เห็นค่าของฉัน แล้วคุณมาช่วยฉันไว้ทำไม" ดวงสุดาร้องไห้ ตีธวัช "ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันตาย ฉันไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ ฉันอยากตาย ได้ยินไหม ฉันอยากตาย"
ธวัชรวบมือเธอไว้
"แต่คุณจะเอาความผิดหวังมาทำลายตัวเองไม่ได้ คุณต้องรู้จักรักตัวเองนะดา"
ดวงสุดาแค่นยิ้มประชด
"รักตัวเองงั้นเหรอ ถ้ารักตัวเองแล้วไม่มีใครรัก แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร"
"ไม่จริง...ทุกคนรักดานะลูก"
ดวงสุดามองธวัช
"แต่ยกเว้นวัช ถ้าคุณไม่รักฉัน ก็ปล่อยให้ฉันตายไปซะ ฉันขอตาย ดีกว่าต้องทนเจ็บปวดทุกข์ทรมานไปตลอดชีวิต"
ดวงสุดาผลักออก แล้ววิ่งลงน้ำไปทันที ทุกคนตกใจ
"ยัยดา อย่าทำอย่างนั้นนะลูก"
ธวัชรีบวิ่งไปดึงดวงสุดาไว้
"ปล่อย ! ฉันอยากตาย ๆ...ฮือๆ"
ดวงสุดาดิ้นรนขัดขืน พลางร้องไห้ปานจะขาดใจ ธวัชสงสารดึงดวงสุดามากอด
"ผมไม่ยอมให้คุณตาย..เราจะอยู่ด้วยกัน"
"หมายความว่ายังไง นายจะไม่หย่ากับยัยดาแล้วใช่ไหม"
"ผมจะไม่ทิ้งคุณไปไหน"
"วัชจะไม่หย่ากับดา วัชจะไม่เลิกกับดาจริงๆนะคะ"
"ครับ เราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม"
ดวงสุดาโผกอดธวัชอย่างดีใจ ชาย 2 คนยิ้มให้ดวงสุดากับวัลลภาอย่างรู้กัน
ดวงสุดากับวัลลภายิ้มพอใจ
ย้อนเวลากลับไปก่อนหน้านี้ ดวงสุดาและวัลลภายืนคุยกับนักดำน้ำหลายคน ทุกคนใส่ชุดดำน้ำเตรียมพร้อมแล้ว
" พอหลานฉันกระโดดลงมาจากสะพาน พวกนายจะต้องเข้าไปช่วยหลานฉันทันที"
ตอนที่ร่างของดวงสุดาตกลงมาที่น้ำ เห็นว่าพวกนักดำน้ำว่ายเข้ามาช่วยดวงสุดา นักดำน้ำพาดวงสุดามาหาคนหาปลา 2 คนที่รออยู่ที่ฝั่งแล้ว
บริเวณลานวิปัสสนา ตะวันกับสุนทรีย์นั่งสมาธิ สินกับเมฆซุ่มรอตะวันอย่างใจจดจ่อ
"ทำไมมันไม่ออกมาสักทีวะ" เมฆว่า
"ใจเย็นๆ ยังไงวันนี้นังนางแบบมันไม่รอดแน่"
ธวัชประคองดวงสุดาเข้ามายังถนนริมแม่น้ำ วัลลภาเดินตามมา
"หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะลูก"
" ขอบคุณวัชมากนะคะที่เมตตาดา ต่อไปนี้ดาจะทำตัวเป็นภรรยาที่ดี อะไรที่เป็นความสุขของวัช ดาจะไม่ขัดขวาง ดาจะไม่ทำอะไรให้วัชไม่สบายใจอีก ดาสัญญาค่ะ"
ดวงสุดาพูดพลางห่อตัว ปากสั่น ท่าทางหนาว
"อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลยครับ รีบกลับบ้านดีกว่า ก่อนที่ดาจะไม่สบาย"
"แต่กว่าจะถึงบ้าน ยัยดาได้ปวดบวมก่อนแน่ๆ ดูสิ...หนาวจนปากซีดตัวสั่นขนาดนี้ จริงสิ...ในรถน้ามีเสื้อผ้าอยู่หลายชุด งั้นดาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในรถน้าแล้วกัน"
" เดี๋ยวผมไปรอที่รถนะครับ"
"ค่ะ"
วัลลภาพาดวงสุดาไปที่รถ ธวัชเดินแยกที่ไปที่รถตัวเอง แต่ทันใดนั้นมีสิบล้อคันหนึ่งพุ่งเข้ามาที่ธวัช
ดวงสุดากับวัลลภาหันมองอย่างตกใจ
"วัช"
ธวัชไม่รู้เรื่อง หันมองดวงสุดา ระหว่างนั้นสิบล้อพุ่งชนธวัชเข้าอย่างจัง !
ตะวันฉายนั่งสมาธิอยู่ จู่ๆก็สะดุ้งสุดตัว ลืมตาขึ้นมา เธอแตะแขนสุนทรีย์
"คุณป้าคะ"
สุนทรีย์ลืมตาจากสมาธิ เห็นตะวันสีหน้าไม่ดี
"มีอะไร...ทำไมสีหน้าเธอดูไม่ดีเลย"
"อยู่ๆตะวันก็ใจหายวูบ ตะวันรู้สึกใจคอไม่ดีเลยค่ะ"
"งั้นกลับบ้านกันดีกว่า"
สินกับเมฆมองเข้าไปในวัดอย่างหงุดหงิด
"ท่าทางวันนี้จะฤกษ์ไม่ดีซะแล้ว ถอยกันก่อนดีกว่า"
ทั้งสองกลับมาที่บ้านและนั่งลง
"เป็นยังไงบ้าง สบายใจขึ้นบ้างรึยัง"
"ตะวันยังรู้สึกใจหวิวๆอยู่เลยค่ะคุณป้า ตะวันสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีน่ะค่ะ"
สุนทรีย์บีบมือตะวัน
"อย่าคิดมากสิ บางทีอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้"
ทันใดนั้น มือถือของตะวันดัง เธอกดรับ
"ว่าไงคะคุณคม...อะไรนะ คุณธวัชถูกรถชน"
สุนทรีย์ตกใจ
"ตาวัช"
หน้าห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาล ทุกคนจ้องดวงสุดาอย่างไม่พอใจ
"ที่แท้ก็เพราะคุณนี่เอง ที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณธวัชเจ็บหนักปางตาย"
"ถ้าลูกชายฉันเป็นอะไรไป ฉันจะไม่มีวันให้อภัยเธอตลอดชีวิต"
ดวงสุดาอึ้ง
"คุณแม่"
วัลลภาเดือด
"สิ่งที่เกิดขึ้นกับนายธวัชเป็นอุบัติเหตุ ไม่เกี่ยวกับยัยดา พวกแกจะมาโทษหลานฉันอย่างงี้ไม่ได้"
"ใช่ครับ..มันเป็นอุบัติเหตุ แต่ถ้าคุณดายอมหยุด ยอมปล่อยไอ้วัชไป เรื่องบ้าๆพวกนี้ก็ไม่มีทางเกิดขึ้นหรอกครับ" นิคมบอก
"หัดยอมรับความจริงซะบ้าง ผู้ชายเค้าไม่รัก ก็ควรจะปล่อยเค้าไปซะ เธอไม่ใช่เจ้าของชีวิตของคุณธวัช เธอไม่มีสิทธิ์จะเอาโซ่ล่ามเค้าไว้แบบนี้" ซูซี่บอก
"ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ ในเมื่อวัชเป็นผัวฉัน วัชเป็นสมบัติของฉัน ใครหน้าไหนก็พรากวัชไปจากฉันไม่ได้ทั้งนั้น"
"แต่คุณธวัชก็เป็นสามีฉันเหมือนกัน ฉะนั้นฉันก็มีสิทธิ์ในตัวเค้าพอๆกับคุณ"
ดวงสุดาสวนทันที
"แต่แกเป็นแค่เมียน้อย"
"คุณกล้าเรียกฉันว่าเมียน้อย ทั้งๆที่ฉันนอนกับคุณธวัช ก่อนที่คุณจะนอนกับเค้า อย่างงั้นเหรอ"
ดวงสุดายิ้มเยาะตะวันฉาย
"เมียนอกกฏหมายมันก็ความหมายเดียวกับเมียน้อยนั่นแหล่ะ แกไม่มีวันเทียบชั้นกับฉันได้หรอก เพราะทะเบียนสมรสเป็นสิ่งยืนยันว่าฉันมีสิทธิ์ในตัววัชเหนือกว่าแกทุกอย่าง"
" เหนือกว่างั้นเหร งั้นฉันขอถามหน่อย คุณกล้าพูดได้อย่างเต็มปากรึเปล่าว่าคุณได้ครอบครองทั้งตัวและหัวใจของคุณธวัช"
ดวงสุดาชะงัก พูดไม่ออก
"ที่คุณมีชื่ออยู่ในทะเบียนสมรส ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมีสิทธิ์ความเป็นเมียเหนือกว่าฉัน อย่าสำคัญตัวเองผิดไปหน่อยเลย อย่างมากคุณก็แค่ได้นอนกอดทะเบียนสมรส แต่เมียนอกกฏหมายอย่างฉันต่างหากที่ได้ทั้งตัวและหัวใจของคุณธวัชไปครอบครอง"
ดวงสุดาจ้องตะวันอย่างเจ็บแค้น พลางกำมือแน่น ก่อนจะโต้เถียงอย่างไม่ยอมแพ้
"ถึงยังไง..สังคมก็ไม่มีวันยอมรับพวกที่แอบลักกินขโมยกินอยู่วันยังค่ำ หรือแกจะเถียงว่าแกกล้าเชิดหน้าชูคอบอกใครต่อใครว่าแกเป็นเมียน้อยวัช"
ตะวันชะงัก พูดไม่ออก
"ผู้หญิงอย่างแกจะต้องกินน้ำใต้ศอกฉันไปตลอดชีวิต..วัชเป็นผัวฉัน เค้าเป็นของๆฉัน วัชไม่มีสิทธิ์จะรักใคร นอกจากฉันคนเดียว"
"คุณดวงสุดา..คุณควรจะหยุดวิ่งไล่หาความรักจากคุณธวัชได้แล้ว ต่อให้หาทั้งชีวิต คุณก็ไม่มีวันหามันเจอ เพราะคุณธวัชไม่เคยรักคุณเลย"
"นังตะวัน"
ดวงสุดาเดือด ง้างมือจะตบ ซูซี่กับนิคมขยับจะเข้าช่วย แต่ตะวันฉายจับมือดวงสุดาไว้ ดวงสุดาง้างมืออีกข้างก็โดนอีกฝ่ายจับมือไว้อีก ก่อนจะเหวี่ยงดวงสุดาออกอย่างแรง
"เลิกดิ้นรนที่จะเอาคุณธวัชไปเป็นของคุณได้แล้ว เพราะฉันจะไม่ยอมให้คุณพรากของรักไปจากอกฉันเหมือนกัน"
ทั้งคู่ต่างจ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ดวงสุดาแค้นจัดจะพุ่งเข้าทำร้ายตะวันฉาย สุนทรีย์เข้ามาขวางไว้
"อย่าเอากิริยาต่ำๆมาประจานตัวเอง ถ้าเธอไม่รู้จักอายชาวบ้านเค้า ก็รู้จักเคารพสถานที่ซะบ้าง"
ดวงสุดาเจ็บใจที่สุนทรีย์ปกป้องตะวัน ก่อนจะเดินกระฟัดกระเฟียดออกไป
วัลลภาบอกกับทุกคน
"พวกแกไม่มีวันเอาชนะหลานฉันได้หรอก"
วัลลภาจ้องทุกคนอย่างไม่พอใจ แล้วเดินตามดวงสุดาไป ตะวันฉายส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
อ่านต่อหน้า 2
นางกลางไฟ ตอนที่ 15 (ต่อ)
ในที่เปลี่ยว ดวงสุดาเอาเรื่องสินกับเมฆ วัลลภายืนอยู่ด้วย
"ใครใช้ให้แกยกเลิกแผนการ ทำไมไม่ฆ่านังตะวัน"
"ก็นังนางแบบนั่นมันไม่ออกมาจากวัดสักที" สินบอก
"ใช่ครับ..ไม่รู้มันทำบ้าอะไรอยู่ พวกผมรอเป็นชั่วโมง" เมฆว่า
"มันไม่ออกมา พวกแกก็ตามไปฆ่ามันข้างในวัดซะสิ แค่นี้ก็คิดไม่ได้ โง่...!" วัลลภาบอก
"มันไม่ง่ายอย่างงั้นหรอก ขืนสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปแล้วเกิดพลาดขึ้นมา มันเสี่ยงตะรางนะครับคุณนาย"
วัลลภาเถียงไม่ออก
"อีกอย่าง...แถวนั้นพอเลยบ่าย คนยิ่งพลุกพล่านมากขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้พวกผมทำงานลำบาก"
ดวงสุดาฮึดฮัดไม่พอใจ
"เจ็บใจจริงๆ พลาดโอกาสทองจนได้"
ทุกคนยืนมองธวัชที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างเป็นห่วง ตะวันฉายนั่งอยู่ข้างๆ
สุนทรีย์ลูบหัวลูกชาย
"ป่านนี้แล้ว...ทำไมวัชไม่ฟื้นสักที วัชต้องไม่เป็นอะไรนะลูก"
"พี่วัช ป่านกับแม่เป็นห่วงพี่วัชมาก พี่วัชได้ยินไหม"
"ไอ้วัช...แกอย่าหลับนานแบบนี้สิวะ ฉันใจคอไม่ดี..แกต้องรีบตื่น ได้ยินไหม..
ตะวันฉายจับมือธวัช
"ฉันกับลูกรอคุณอยู่ ฉันอยากได้ยินเสียงคุณ อยากเห็นรอยยิ้มของคุณ คุณต้องฟื้นขึ้นมา อย่าทิ้งฉันกับลูกนะคะ"
ทันใดนั้นดวงสุดาเปิดประตูเข้ามากับวัลลภา
"มาทำไม" ซูซี่ถาม
"อย่ามาหาเรื่องหลานฉันนะ อีกะเทยคางคก"
สุนทรีย์บอกวัลลภา
"ที่นี่โรงพยาบาล ควรจะสำรวมกิริยาวาจาบ้าง"
วัลลภาไม่พอใจ จะด่าสุนทรีย์ ดวงสุดาดึงแขนไว้ พร้อมส่ายหน้าห้าม
"ยัยดา..เค้ามีสิทธิ์ที่จะมาเยี่ยมผัวเค้า"
ดวงสุดาโผไปหาธวัช น้ำตาไหล เขย่าตัว
"วัชอย่าเป็นอะไรนะคะ ถ้าวัชเป็นอะไรไป ดาคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้ วัชต้องฟื้น วัชได้ยินไหมคะวัชต้องฟื้นๆ"
ซูซี่ดึงดวงสุดาออก
"เธอมาเยี่ยมคุณธวัช หรือจะมาทำให้คุณธวัชตายกันแน่"
"พี่ดาสงบสติอารมณ์ก่อนนะคะ"
สายป่านดึงดวงสุดาออกไป ตะวันห่มผ้าให้ ทันใดนั้นธวัชค่อยๆลืมตาฟื้น
"คุณธวัชฟื้นแล้วค่ะ" มะปรางบอก
ทุกคนดีใจกรูไปหาธวัช ตะวันฉายจับมือธวัชอย่างดีใจ น้ำตาไหล
"แม่ดีใจที่สุดเลยที่วัชฟื้น"
ดวงสุดาโผมาจับมือธวัช
"วัชคะ"
ธวัชมองรอบห้อง
"ที่นี่ที่ไหน"
"ที่นี่โรงพยาบาลค่ะ คุณประสบอุบัติเหตุ"
ธวัชกวาดตามองทุกคน ก่อนจะหยุดมองตะวันฉายกับดวงสุดาที่จับมือตัวเองอยู่คนละข้าง
"พวกคุณเป็นใคร"
ทุกคนชะงัก
"สงสัยแกจะหลับนานจนเบลอนะเนี่ย ลองนึกดูดีๆสิวะ" นิคมว่า
ธวัชมองทุกคนนิ่งๆ พยายามคิด แล้วเกิดอาการปวดหัวขึ้นมา จนต้องกุมหัว
"โอ๊ย"
"ธวัช / วัช"
ทุกคนตกใจ เป็นห่วงธวัช
"คุณเป็นอะไรคะ ธวัช"
"ปวดหัว..ปวดมาก"
นิคมรีบกดกริ่งเรียกหมอ ครู่หนึ่งหมอเข้ามากับพยาบาล
"คุณหมอคะ...ช่วยลูกชายดิฉันด้วยค่ะ"
"อยู่ๆคนไข้ก็ปวดหัวค่ะคุณหมอ" ตะวันฉายบอก
หมอดูอาการธวัช แล้วบอกทุกคน
"ญาติออกไปรอข้างนอกก่อนนะครับ"
บริเวณหน้าห้องพักฟื้น ทุกคนยืนคุยกับหมอ
"คุณหมอคะ... ลูกชายดิฉันเป็นอะไรมากไหมคะ"
"จากการตรวจก่อนหน้านี้ เป็นไปได้อย่างมากนะครับ ที่สมองคนไข้จะได้รับการกระทบกระเทือน จนถึงขั้นความจำเสื่อม"
ทุกคนตกใจ !
"เมื่อกี้… คุณหมอว่าอะไรนะคะ"
"สามีดิฉัน…ความจำเสื่อมเหรอคะ"
"หมอยังให้คำตอบที่แน่ชัดตอนนี้ไม่ได้นะครับ คงต้องรอประเมินอาการคนไข้ไปสักระยะ"
ทุกคนต่างนิ่งเครียด เป็นห่วงธวัชกันมาก พลางมองเข้าไปในห้อง เห็นว่าธวัชหลับอยู่
ตะวันฉายนั่งเศร้า นึกถึงเหคุการณ์ก่อนหน้านี้
"พวกคุณเป็นใคร ? ผมนึกไม่ออกจริงๆว่าพวกคุณเป็นใคร ผมเคยรู้จักพวกคุณด้วยเหรอ"
"คุณเป็นภรรยาผม แล้วเราก็มีลูกด้วยกันด้วยเหรอครับ"
ตะวันฉายน้ำตารินอย่างเศร้าสะเทือนใจ ครู่หนึ่งสุนทรีย์เดินเข้ามา
"อย่าคิดมากเลยนะ โชคดีแค่ไหนแล้วที่ตาวัชไม่พิกลพิการ หรือจากพวกเราไป"
"ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นด้วย ทำไมโชคชะตาต้องเล่นตลกกับพวกเราขนาดนี้ด้วยคะคุณป้า"
สุนทรีย์ถอนใจ
"คงจะเป็นกรรมของตาวัช และกรรมของพวกเราทุกคนที่เกี่ยวโยงถึงกัน เราทุกคนล้วนมีกรรม ไม่มีใครหนีกรรมของตัวเองพ้นหรอก"
"ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เรื่องร้ายๆจะพัดผ่านไปสักที"
"แต่หมอบอกว่ามีโอกาสที่ความจำของตาวัชจะกลับคืนมา เรายังมีหวังนะ"
"ไม่ว่าจะนานแค่ไหนน่ะเหรอคะ"
"ฉันเชื่อว่าตาวัชจะกลับมาเป็นคนเดิม เมื่อถึงเวลานั้นทุกอย่างก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เธอต้องเข้มแข็งนะ ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เราก็ต้องรอรออย่างอดทน" สุนทรีย์พูดพลางบีบมือให้กำลังใจ
"ค่ะคุณป้า... ตะวันจะเข็มแข็ง ตะวันจะอดทน รอวันที่คุณธวัชกลับมาเป็นคนเดิม"
ตะวันเช็ดน้ำตา ทั้งสองยิ้มให้กำลังใจกัน
ทางด้านดวงสุดาก็นั่งเศร้า วัลลภากับสาลี่พลอยหดหู่ไปด้วย
"นานแค่ไหนที่วัชจะกลับมาเป็นคนเดิม นานแค่ไหนที่วัชจะจำดาได้"
"ทุกอย่างกำลังจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมอยู่แล้วเชียว แต่คุณธวัชไม่น่าเป็นแบบนี้เลย เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริงๆ" สาลี่บอก
วัลลภาบีบมือดวงสุดา
"เวรกรรมอะไรของดานักหนาก็ไม่รู้"
ดวงสุดาสะเทือนใจ น้ำตาไหล
"แค่วัชไม่รักดา ดาก็เจ็บปวดมากพอแล้ว แต่นี่ดายังกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับวัชอีก"
"สิ่งที่ดาจะทำได้ตอนนี้คือต้องอดทน อดทนให้มาก"
"ถ้าคุณธวัชเป็นคนใหม่ที่รักคุณดาคนเดียว รักเดียวใจเดียว ไม่มีนังตะวันฉายเข้ามาแทรกกลาง ก็คงจะดีนะคะ"
ดวงสุดาชะงัก นิ่งคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะยิ้มออกมา
"ขอบใจมากนะสาลี่ที่ชี้ทางสว่างให้ฉัน... ฉันรู้แล้วว่าจะพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสได้ยังไง"
ดวงสุดายิ้มมีแผน
ภายในห้องพักฟื้น เช้าสายของวันใหม่ ธวัชยังหลับอยู่ ตะวันฉายดึงผ้าห่มห่มให้แล้วจับมือด้วยความห่วงใย
"ฉันรักคุณ… คุณต้องกลับมาเป็นคนเดิมให้เร็วที่สุด ฉันจะรอคุณนะคะ"
ตะวันฉายจูบหน้าผากธวัชอย่างอ่อนโยน
เมื่อเธอเปิดประตูห้องออกมา พยาบาลคนหนึ่งเดินมาพอดี
พยาบาล 2 บอก
"อ้าว...คุณตะวัน มาเยี่ยมสามีตั้งแต่เช้าเลยนะคะ"
" ค่ะ คุณพยาบาลคะ ฉันจะลงไปซื้อของใช้ข้างล่าง ฉันฝากสามีด้วยนะคะ"
"ได้ค่ะ"
ธวัชที่หลับอยู่ ค่อยๆรู้สึกตัวตื่น ในห้องน้ำธวัชเข้ามาหยุดที่หน้ากระจก มองสภาพตัวเอง พยายามนึกว่าตัวเป็นใคร แม้จะมีภาพของตะวันฉายกับลูกผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาไม่อาจรู้ได้ว่า สองแม่ลูกนั้นเป็นใคร มีความสัมพันธ์อย่างไรกับตัวเอง
ธวัชวักน้ำล้างหน้า แล้วมองกระจกอีกที ภาพดวงสุดาผ่านไปอย่างเร็ว เขายิ่งงุนงงมากขึ้น เพราะไม่รู้ว่าดวงสุดาเป็นใคร
ธวัชพยายามคิดอยู่นาน จนปวดหัวขึ้นมาอีก
"โอ๊ย !"
ธวัชออกจากห้องน้ำ ตรงมานั่งที่เตียง แล้วยิ่งปวดหัวมากขึ้นจนต้องกุมหัวร้องเสียงดัง
" โอ๊ย!"
พยาบาล 2 คนเปิดประตูเข้ามา
"คุณธวัชเป็นอะไรคะ"
ธวัชปวดหัวมาก ดิ้นไปมา พยาบาลรีบเข้าดูอาการ
พยาบาล 1 ฉีดยาให้ธวัช แล้วกำชับว่า
"คนไข้ต้องพักผ่อนให้มากๆ แล้วก็ทำใจให้สบายนะคะ อย่าคิดมาก ไม่อย่างงั้น จะปวดหัวขึ้นมาอีก"
"ครับ"
พยาบาล 2 คนออกจากห้องพักฟื้น แล้วจะตรงไปที่ห้องพักพยาบาล ตะวันฉายถือถุงของ เดินเข้ามาพอดี
"สามีฉันตื่นรึยังคะ"
พยาบาล 1บอก
"ตื่นแล้วค่ะ แต่เมื่อกี้คนไข้มีอาการปวดหัว"
เธอตกใจ เป็นห่วงธวัช
"เหรอคะ"
"ตอนนี้คนไข้ต้องการพักผ่อน คุณตะวันอย่าเพิ่งเข้าไปรบกวนคนไข้เลยนะคะ"
"ค่ะ"
พยาบาลออกไป ตะวันมองเข้าไปในห้องอย่างเป็นห่วงธวัช แล้วเดินออกไป
คล้อยหลังตะวัน ดวงสุดาเดินเข้ามากับวัลลภาและสาลี่
อ่านต่อหน้า 3
นางกลางไฟ ตอนที่ 15 (ต่อ)
ภายในห้องพักฟื้น สาลี่วางกระเช้าเยี่ยมไข้ ดวงสุดากับวัลลภายืนอยู่ตรงหน้า
"วัชเป็นยังไงบ้างคะ"
"คุณเป็นใครครับ"
"ดาก็เป็นภรรยาคุณไงคะ"
ธวัชงง
"ภรรยา... นี่มันอะไรกัน ผมงงไปหมดแล้ว วันก่อนคุณตะวันฉาย เธอก็บอกว่าเธอเป็นภรรยาผม"
พวกดวงสุดาสบตากันอย่างรู้กัน
" ใช่.. ตะวันฉายเป็นเมียของนาย แต่เค้าเป็นเมียน้อย" วัลลภาบอก
"เมียน้อยเหรอครับ"
"ดาเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของวัช เราแต่งงานกันอย่างถูกต้องค่ะ แต่ตะวันฉายเค้ามาแย่งวัชไปจากดา" ดวงสุดาตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ
"ใช่..แย่งอย่างหน้าด้านๆ ผู้หญิงคนนั้นตั้งใจจะจับนาย แล้วลูกของมันก็เป็นลูกของผู้ชายคนอื่นที่ติดท้องมันมา ไม่ใช่ลูกของนาย"
"จริงเหรอครับ"
"ก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนนั้นถูกผู้ชายทิ้งมา เค้าไม่มีที่ไปเลยคิดจะจับคุณธวัชค่ะ"
"ก่อนที่ตะวันจะเจอกับวัช เค้าคบผู้ชายมากหน้าหลายตา ตะวันเป็นผู้หญิงรักสนุก ไม่คิดจะผูกพันกับใคร คบผู้ชายไปเรื่อยจนวันนึงเกิดพลาดท่าตั้งท้องขึ้นมา แต่พอหาพ่อให้ลูกไม่ได้ เค้าก็เบนเข็มมาที่วัช เค้าตั้งใจจะจับวัชให้ได้"
"เค้าตั้งใจจะจับผม เพื่อหาพ่อให้ลูกงั้นเหรอ"
"ตะวันฉายใช้เล่ห์กลมารยาต่างๆนานาหลอกให้วัชรัก หลอกให้วัชเชื่อว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของวัชกับเค้า"
"ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจมาก มันย่ำยีหัวใจยัยดา มันแย่งนายไปจากยัยดา มันไม่สนว่ายัยดาจะชอกช้ำระกำใจแค่ไหน" วัลลภาบอก
ธวัชนิ่งครุ่นคิด จนปวดหัวอีกครั้ง แต่ดวงสุดาแอบชอบใจ
แม้จะต่างสถานที่ แต่วาทินกับดำรงต่างนั่งครุ่นคิดเรื่องธวัช แล้วยิ้มร้ายออกมา
"ในเมื่อนายไม่ใช่นายธวัชคนเดิม งั้นนายก็ไม่มีสิทธิ์ในตัวตะวันอีกต่อไป" ดำรงว่า
" ในที่สุดสวรรค์ก็ยื่นโอกาสให้ฉัน..แกเตรียมตัวแพ้ได้เลย ไอ้ธวัช" วาทินบอก
ธวัชถือสายน้ำเกลือ ยืนอยู่ที่ระเบียง นึกถึงเรื่องราวที่ย้อนหลังกลับไปเมื่อสักครู่
"ดาเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของวัช เราแต่งงานกันอย่างถูกต้องค่ะ แต่ตะวันฉายเค้ามาแย่งวัชไปจากดา"
"ดาไม่ได้มาพูดปากเปล่า ดามีหลักฐานมายืนยันว่าดาเป็นภรรยาของวัชจริงๆ" ดวงสุดายื่นอัลบั้มรูปให้ธวัช "นี่คือรูปแต่งงานของเรา"
ธวัชเปิดดูรูปแต่งงาน ครู่หนึ่ง ดวงสุดาดึงใบทะเบียนสมรสออกมา
"และนี่ใบทะเบียนสมรสของเราค่ะ"
ธวัชครุ่นคิดอย่างสับสน
มุมหนึ่งในโรงพยาบาลตะวันเดินถือถุงผลไม้และถุงของ พร้อมคุยมือถือเข้า
"ตะวันกะว่าจะอยู่เฝ้าคุณธวัชจนถึงเย็นเลยค่ะคุณป้า ยังไงฝากคุณป้าดูตาสายฟ้าด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ"
ตะวันวางสายแล้วจะเดินไป ทันใดนั้นวาทินโผล่เข้ามา
"คุณมาทำอะไรที่นี่"
"ผมมาปลอบใจคุณ"
"ปลอบใจเรื่องอะไร"
"เรื่องที่ผัวคนปัจจุบันของคุณความจำเสื่อม คนที่จำอะไรไม่ได้ก็เหมือนกับคนที่ตายไปแล้ว จากนี้ไปคุณจะใช้ชีวิตกับนายธวัชยังไง ในเมื่อคุณกลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเค้าไปแล้ว"
"พูดแบบนี้...ต้องการอะไร"
"ตอนนี้นายธวัชคนเดิมตายไปแล้ว คุณจะมีความสุขเหรอที่ต้องทนอยู่กับผัวที่ไม่รู้จักแม้กระทั่งตัวเอง กลับมาหาผมดีกว่า ผมยังรอคุณเสมอนะ"
"ไม่ว่าคุณธวัชจะเป็นยังไง ฉันก็ไม่มีวันทิ้งเค้า เพราะเค้าคือผู้ชายที่ฉันเลือกแล้วต่อให้คุณธวัชตาย ฉันก็ไม่มีวันกลับไปหาคุณเด็ดขาด"
วาทินโมโห กระชากข้อมือตะวันฉาย
"พอมีผัวใหม่ก็ลืมผัวเก่ายังงั้นเหรอ"
ห่างออกไป เห็นธวัชเดินเล่นเข้ามา ธวัชเห็นวาทินจับมือตะวันก็หยุดมอง
"ใช่...ฉันลบเรื่องราวระหว่างเราออกไปจากใจตั้งนานแล้ว สำหรับฉัน..คุณคืออดีต อดีตที่ฉันไม่อยากจะจดจำ"
"ไม่อยากจะจดจำงั้นเหรอ"
วาทินโมโห ดึงตะวันเข้ามาจะจูบ
"คุณวาทิน"
วาทินตกใจ
"สายป่าน"
ตะวันผลักวาทินกระเด็นออกไป แล้วเดินหนีไป ธวัชยืนมองเหตุการณ์อย่างไม่พอใจ
บริเวณโถงโรงพยาบาล วาทินเดินมาดึงมือสายป่านไว้
"ป่านฟังผมก่อนซิ....มันไม่ไช่อย่างที่ป่านคิดนะ"
"ไม่ไช่อย่างที่ป่านคิด คุณทินรู้เหรอว่าป่านคิดอะไร"
"ทำไมจะไม่รู้ ป่าน ที่ผมมาที่นี่เพราะอยากเจอป่านนะ ป่านก็รู้ว่าผมไปหาป่านที่บ้านไม่ได้และผมรู้ว่าป่านต้องมาที่นี่แน่"
"เหรอค่ะ มาหาป่านแล้วทำไมถึงต้อง..."
วาทินแทรก
"ผมยอมรับว่าผมทำอย่างที่ป่านเห็น แต่ป่านฟังเหตุผลผมหน่อยได้ไหม"
"ป่านไม่อยากฟัง"
สายป่านจะเดินไป วาทินดึงสายป่านไปกอด
"ตะวันเค้าไม่เชื่อว่าผมไม่รักเค้าแล้วเค้าเลยจะพิสูจน์"
"ไปโกหกเด็กอมมือเถอะ....ป่านไม่เชื่อหรอก"
วาทินจูบสายป่าน
"เชื่อหรือยัง"
สายป่านอายวิ่งหนีไป วาทินมองตามอย่างชอบใจ
ตะวันถือถุงผลไม้เข้ามาในห้อง แต่แปลกใจที่ไม่เห็นธวัช
"คุณธวัชไปไหน"
ธวัชเปิดประตูเข้ามา
"คุณไปไหนมาคะ"
ธวัชหน้านิ่ง
"ผมออกไปเดินเล่นมา แล้วก็เห็นคุณยืนคุยกับผู้ชายคนหนึ่ง"
ตะวันตกใจ
"คุณเห็นเหรอคะ"
ธวัชมองอาการตะวันฉายอย่างแปลกใจ
"ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย"
ตะวันฉายรีบทำตัวปกติ
"เปล่าค่ะ ฉันไม่ได้ตกใจอะไร"
"ผมเห็นผู้ชายคนนั้นไกลๆน่ะ เห็นแค่แว่บเดียว แล้วเค้าก็ออกไป" ตะวันฉายโล่งอก "ผู้ชายคนนั้นเป็นใครเหรอ"
"เค้าคือคุณวาทินค่ะ เป็นลูกชายของคุณวัลลภา"
"น้องชายดานี่เอง...แล้วเค้าคุยอะไรกับคุณเหรอ"
ตะวันอึกอัก
"เค้าก็ทักทายฉัน ตามประสาคนรู้จักกันน่ะค่ะ" เธอรีบเปลี่ยนเรื่อง "อ้อ...ฉันซื้อผลไม้มาให้คุณ เดี๋ยวฉันจัดใส่จานให้นะคะ"
ตะวันฉายเดินไปหยิบจาน ธวัชสับสน ไม่แน่ใจว่าตะวันฉายเป็นคนดีหรือร้ายกันแน่
เวลาต่อมา มะปรางเดินเข้ามากับช่างทำผม
"วันนี้คุณมะปรางจะทำทรงไหนดีคะ"
มะปรางไม่ทันตอบ เจ้าของร้านก็พาวัลลภาเข้ามา
"เชิญค่ะคุณวัลลภา"
วัลลภาเห็นมะปรางก็มองอย่างไม่ชอบหน้า มะปรางทำยิ้มให้
"สวัสดีค่ะคุณวัลลภา วันนี้เราสองคนใจตรงกันอีกแล้วนะคะ มาร้านเดียวกัน เวลาเดียวกันอีกแล้ว ท่าทางเราสองคนจะมีบุญวาสนาต่อกันนะคะ"
"บุญวาสนาบ้าบออะไร เป็นคราวซวยของฉันมากกว่าที่เจอเธอที่นี่ สงสัยจะต้อง
ไปไหว้พระ 9 วัดล้างซวยสักหน่อยแล้ว"
"อย่างงี้คุณวัลลภาคงต้องวิ่งรอกไปไหว้พระจนมือหงิกมือหงอแล้วล่ะค่ะ เพราะฉันชอบมาทำผมที่นี่ และคงจะมาบ่อยๆ"
"งั้นฉันจะเรียกช่างไปทำผมให้ที่บ้าน จะได้ไม่ต้องซวยซ้ำซวยซาก"
มะปรางทำเป็นยิ้ม ไม่ถือสา วัลลภาสะบัดหน้าใส่ ไม่อยากคุยด้วย
"คุณวัลลภานั่งรอก่อนนะคะ พอดีว่าวันนี้มีช่างแค่คนเดียวน่ะค่ะ" เจ้าของร้านบอก
วัลลภาชะงัก
"อะไรนะ"
"ยัยอุ๋ยไม่สบาย มาทำงานไม่ได้ ส่วนยัยแป้งก็ลาไปเยี่ยมแม่ที่ต่างจังหวัดค่ะ"
วัลลภามองช่างทำผม
" งั้นก็ให้ยัยคนนี้ทำผมให้ฉันเดี๋ยวนี้..เพราะฉันจะรีบไปงาน"
มะปรางแทรกทันที
"คงจะไม่ได้หรอกค่ะคุณวัลลภา...ฉันมาก่อน ช่างก็ต้องทำผมให้ฉันก่อน คุณจะมาลัดคิวแบบนี้ไม่ได้"
"ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อฉันเป็นลูกค้ารายใหญ่อุดหนุนร้านนี้มานาน จริงไหม" เจ้าของร้านอึกอัก "งั้นเธอก็ต้องเลือก ระหว่างลูกค้าขาประจำเงินหนาอย่างฉัน กับลูกค้าขาจรไม่มีหัวนอนปลายเท้า
คิดดูให้ดีแล้วกันว่าจะเลือกใคร"
เจ้าของร้านกับช่างทำผมสบตากันอย่างลำบากใจ
" ถึงฉันจะเป็นลูกค้าขาจรไม่มีหัวนอนปลายเท้า แต่ก็ฉันมีเงิน"
"ลูกค้าร้านนี้ไม่ใช่แค่มีเงิน แต่ต้องมีเกียรติ มีชื่อเสียงในวงสังคม จะได้เป็นที่เชิดหน้าชูตา แล้วก็ช่วยดึงลูกค้าเข้าร้านได้ด้วย ถ้าเธอไม่มีคุณสมบัติเหล่านี้ก็ไสหัวไปให้ไกลๆ"
"ลูกค้าไม่ว่าระดับไหนก็มีความสำคัญไม่แพ้ แต่ถ้าร้านนี้จะเลือกที่รักมักที่ชังล่ะก็ ฉันจะป่าวประกาศให้ใครต่อใครรู้ แค่โพสต์ข้อความในอินเตอร์เน็ตแค่ไม่กี่ประโยค ชื่อเสียงของร้านนี้ก็ป่นปี้ไม่มีชิ้นดีแล้ว"
เจ้าของร้านสีหน้าลำบากใจมาก ไม่รู้จะทำยังไง
เจ้าของร้านคิดๆครู่หนึ่ง
"งั้นดิฉันขออนุญาตทำผมให้คุณวัลลภาเองนะคะ"
"เธอทำผมเป็นด้วยเหรอ"
"ก่อนที่จะมาเปิดร้าน ดิฉันเป็นช่างทำผมมาก่อนค่ะ คุณวัลลภาตกลงไหมคะ"
วัลลภาจำใจ
"เอาอย่างงั้นก็ได้"
มะปรางยิ้มเยาะวัลลภา
"คนที่เป็นใหญ่ ใช่ว่าจะเหนือกว่าคนอื่นเสมอไป วันนึงคนที่เป็นใหญ่ อาจจะถูกคนที่เป็นน้อยขึ้นมาแทนที่ โลกนี้ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน แล้วอะไรที่เป็นของคุณ อาจจะเป็นของฉันสักวันก็ได้"
วัลลภาชะงัก ไม่เข้าใจ
"พูดบ้าบออะไรของแก"
มะปรางยิ้มไม่ตอบ หันไปคุยกับช่างทำผม
"ไปสระผมดีกว่าค่ะ"
มะปรางยิ้มเย้ยวัลลภาแล้วเดินออกไป วัลลภามองตามอย่างไม่พอใจ
อ่านต่อหน้า 4
นางกลางไฟ ตอนที่ 15 (ต่อ)
ช่างทำผมเตรียมจะสระผมให้มะปราง ทันใดนั้นวัลลภาปราดเข้ามาดึงแขนมะปราง
"ที่แกพูดว่า อะไรที่เป็นของฉัน อาจจะเป็นของแกสักวัน แกหมายความว่ายังไง"
มะปรางยิ้ม
"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ"
"แต่แกพูดแปลกๆ แกต้องการจะบอกอะไรฉัน"
"ฉันแค่จะบอกคุณว่า ลูกค้าขาจรไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างฉันก็สำคัญไม่แพ้ใครเหมือนกัน"
วัลลภาบีบแขนมะปราง
"แกต้องการจะเป็นศัตรูกับฉันใช่ไหม"
"เปล่านะคะ ฉันไม่บังอาจเป็นศัตรูกับคุณหรอกค่ะ"
มะปรางทำยิ้มใจเย็น แต่สะบัดมือวัลลภาออกอย่างแรง จนวัลลภาเสียหลักเซล้ม ช่างทำผมตกใจ มะปรางทำเป็นตกใจ รีบเข้าไปประคอง
"ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ"
วัลลภาโมโห ผลักมะปรางเซล้มไปชนข้าวของดังโครม !!
"ไม่ต้องมาทำตอแหล แกจงใจจะแกล้งฉันเหมือนคราวที่แล้ว คราวนี้ถึงตาฉันเอาคืนแกบ้าง"
วัลลภาฉีดน้ำใส่มะปราง ช่างทำผมจะเข้าไปห้าม แต่กลัวเปียกเลยไม่กล้า มะปรางเดือด ผลักวัลลภาล้มลง ฉีดน้ำใส่ แล้วเอาแชมพูเทราดหัววัลลภา ก่อนจะขยำอย่างแรง จนฟองแชมพูฟูฟ่องเต็มหัววัลลภา
วัลลภาได้แต่ร้องกรี๊ดๆ ช่างทำผมตกใจ ทำอะไรไม่ถูก เจ้าของร้านวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา
" ว๊าย ! คุณวัลลภา ... มาช่วยกันแยกสิ"
เจ้าของร้านกับช่างทำผมดึงวัลลภากับมะปรางออกจากกัน ยกมือไหว้ทั้งสองฝ่าย
"อย่ามีเรื่องกันเลยนะคะ ดิฉันขอร้องล่ะค่ะ"
"ฉันก็ไม่อยากจะมีเรื่องนักหรอก ถ้าไม่มีใครมาทำอะไรฉันก่อน"
"แกนั่นแหล่ะที่จงใจแกล้งฉันก่อน"
ทั้งคู่จ้องกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
"เดี๋ยวดิฉันพาไปล้างเนื้อล้างตัวนะคะ"
เจ้าของร้านรีบดึงวัลลภาออกไป
ช่างทำผมถาม
"คุณจะทำผมต่อไหมคะ"
มะปรางตวาด
"บ้าเหรอ..ใครจะมีอารมณ์"
มะปรางคว้ากระเป๋า แล้วเดินหัวเสียออกไป ช่างทำผมโล่งอก ถอนหายใจเฮือกใหญ่
รถติดยาวเหยียดบนถนน มะปรางนั่งอยู่ในรถ ในสภาพเลอะเทอะไปทั้งตัว ซูซี่ขับรถเข้ามาใกล้รถมะปรางพลางคุยโทรศัพท์ แต่มะปรางกับซูซี่ยังไม่เห็นกัน
" โอเค... คืนนี้เจอกันนะคะ ดาร์ลิง..รักนะ จ๊วบจ๊วบ"
ซูซี่ยิ้มมีความสุข ระหว่างดึงบลูทูธออกจากหู ซูซี่เหลือบเห็นมะปราง และแปลกใจกับสภาพที่เห็น
"ยัยชะนีมะปราง อุ้ยตาย..ทำไมสภาพนางเป็นแบบนั้นน่ะ ไปฟัดกับหมาที่ไหนมาเนี่ย"
ทันใดนั้นมะปรางก็ขับรถออกไป ซูซี่มองตามมะปรางอย่างแปลกใจ
"นี่ไม่ใช่ทางกลับคอนโดนางนี่นา แล้วนางจะไปไหน"
ซูซี่นิ่งคิดอย่างสงสัยอยากรู้ แล้วรีบขับรถตามมะปรางไป
มะปรางเดินหน้าบึ้งเข้ามาที่ล็อบบี้ พนักงานต้อนรับเห็นสภาพมะปรางก็รีบถาม
"อุ้ย..คุณมะปรางไปทำอะไรมาคะ"
มะปรางตะคอก
เรื่องของฉัน ไม่ต้องยุ่ง"
มะปรางรีบเดินไปที่ลิฟต์อย่างหัวเสีย แล้วเข้าลิฟท์ไป
" ถามดีๆทำไมต้องเหวี่ยงกันด้วย"
ซูซี่แอบดูอยู่ข้างหน้าทางเข้า
"มะปรางย้ายคอนโดใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วอย่างมะปรางมีเงินซื้อคอนโดหรูๆแบบนี้ได้ยังไง หรือว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับการที่มะปรางนัดเจอกับยัยดวงสุดาวันก่อน"
ซูซี่ยิ่งสงสัยมะปรางมากขึ้นอีก
บริเวณสนามหญ้าบ้านธวัช เวลากลางคืน สายป่านนั่งคิดถึงตอนโดนจูบ เสียงโทรศัพท์ดัง สายป่านไม่รับ วาทินส่งไลน์มา “ผมขอโทษอย่าโกรธผมเลยนะ...ผมรักป่านมากจนห้ามใจไม่ไหว” พร้อมกับส่งสติ้กเกอร์น่ารักๆมาอีก ป่านยิ้มเขิน
ดำรงส่งของเล่นให้สายฟ้าที่นั่งอยู่ในรถเข็น
"ลุงซื้อของเล่นมาให้สายฟ้าเยอะเลยนะ"
"จะไปไหนก็ไป ไป...ฉันไม่รู้จักนาย ไป"
ทุกคน เดินออกมา
"ใช้เด็กเป็นเครื่องมือเพื่อหวังจะเข้าหาแม่ เริ่ดที่สุด" ซูซี่ว่าแดก
"ตาสายฟ้าน่ารักมากเลย แล้วผมก็เป็นคนรักเด็กซะด้วย คุณคงจะไม่ว่าอะไร
ใช่ไหม ถ้าผมจะมาเล่นกับตาสายฟ้าบ่อยๆ"
"อย่าเลยค่ะ ฉันไม่สะดวก อีกอย่างคงจะไม่เหมาะ ถ้าคุณจะมาเพ่นพ่านที่บ้านคุณธวัชบ่อยๆ"
ดำรงชะงักไม่พอใจตะวันฉาย
"พูดแบบนี้...ไม่คิดว่าคนฟังจะเสียใจบ้างเหรอ"
"บอกแล้วไงว่าฉันไม่ต้องการให้คุณเข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตของฉัน"
"ที่ผมทำทุกอย่าง เพราะผมปรารถนาดีกับคุณนะ..ตะวัน"
"แต่ฉันไม่ต้องการ"
"ยังไงผมก็จะไม่ละความพยายาม ผมจะเอาชนะใจคุณให้ได้"
"ผู้ชายอะไรหน้าด้านหน้ามากๆ ทน ตื๊อไม่เลิก" ซูซี่บอก
"ตอนนี้นายธวัชไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว แถมยังหลงยัยดาจนโงหัวไม่ขึ้น ในขณะที่คุณเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเค้า แล้วอีกไม่นาน...คุณก็จะถูกนายธวัชปล่อยลอยแพทั้งแม่ทั้งลูก"
"ธวัชไม่มีทางทำแบบนั้นกับฉันแน่นอน"
"นายธวัชไม่มีทางกลับมาเป็นคนเดิม คุณเลิกหวังลมๆแล้งๆได้แล้ว...รับความปรารถนาดีจากผมเถอะ ผมยินดีจะเป็นที่พึ่งพิงให้คุณ อย่าปฏิเสธผมอีกเลย เพราะถ้าคุณปฏิเสธผม คุณก็จะไม่เหลือใครแล้ว"
"คุณ เฒ่าหัวงู คุณแก่ ตัณหากลับ เนี๊ยะ เขามีเพื่อนยืนหัวโด่ อยู่ เขาไม่ต้องการ ใครหรอก" ซูซี่บอก
"เพื่อน จะช่วยอะไรได้มากมาย"
มะปรางหน้าแค้น เพิ่งเข้ามา
"แล้วคุณ ช่วยอะไร ตะวันได้มากมายเหรอค่ะ"
ทุกคนไม่สงสัยอะไร เว้นแต่ซูซี่ที่มองอย่างสงสัย
อ่านต่อตอนที่ 16