xs
xsm
sm
md
lg

นางกลางไฟ ตอนที่ 14

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางกลางไฟ ตอนที่ 14

ในห้องอัดรายการ ตะวันฉายกับทุกคนมองดวงสุดาอย่างตกใจ พวกนักข่าวนั่งจับกลุ่มกันอยู่ จับตามองอย่างสนใจ วัลลภาเดินเข้ามา พร้อมยิ้มร้าย เห็นว่าคนดู 2 ใช้มือถือแอบถ่ายคลิปไว้

ดวงสุดาพูดกับคนดู 2
"อยากรู้ใช่ไหมว่าใครเป็นหลวง ใครเป็นน้อย" ดวงสุดาชี้ไปที่ตะวันฉาย ".ก็นังผู้หญิงหน้าด้านคนนี้ไงล่ะที่เป็นเมียน้อย เพราะมันมาทีหลัง ฉันกับผัวฉันเรารักกันมานาน แล้วเราก็แต่งงานกันถูกต้องตามกฎหมาย แต่มันมาแย่งผัวฉันหน้าด้านๆ"
ตะวันฉายไม่พอใจ แต่พยายามข่มอารมณ์ไว้
"มันบุกไปทำลายงานแต่งของฉันอย่างไร้ยางอาย ผู้หญิง ร่าน แรด สำส่อนแล้วก็สกปรกอย่างมัน มีปัญญาเป็นได้แค่เมียน้อยเท่านั้นแหล่ะ"
ซูซี่ไม่พอใจ ปรี่เข้าไปเอาเรื่องดวงสุดา
"ไสหัวไปให้พ้น อย่ามาสร้างความวุ่นวาย คนอื่นเค้าจะทำงาน"
"พี่ซูซี่คะ ตะวันจัดการเองค่ะ" ตะวันฉายพูดกับดวงสุดา "คุณดวงสุดาคะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆคุณจะมาหาเรื่องฉัน กรุณาให้เกียรติฉันด้วย"
ดวงสุดาแค่นยิ้มเยาะ
"ผู้หญิงหน้าด้าน ไร้ยางอายที่เที่ยวแย่งผัวชาวบ้านเค้าอย่างแกเนี่ย มีเกียรติกับเค้าด้วยเหรอ"
"งั้นคุณก็ควรจะเกียรติคนอื่นบ้าง ทุกคนต้องการทำงาน เรื่องนี้เป็นปัญหาระหว่างคุณกับฉัน ไม่เกี่ยวกับใคร อย่าทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อนวุ่นวายไปด้วย ถ้าฉันทำงานเสร็จแล้ว เราค่อยเคลียร์เรื่องนี้กัน"
"แต่ฉันต้องการเคลียร์ ที่นี่ ตรงนี้ คนทั้งประเทศจะได้หายข้องใจกันสักที"
"ฉันขอร้องเถอะค่ะ..คุณดวงสุดา"
"หน้าด้าน แย่งผัวฉัน แล้วยังจะมีหน้ามาขอความกรุณาจากฉันอีกเหรอ" แล้วเธอก็กันไปพูดกับทุกคน "ทุกคนเห็นรึยังคะว่า นังนี่มันหน้าด้าน ไร้ยางอายมากแค่ไหน"
"ฉันบอกให้คุณหยุดไงคะ...คุณดวงสุดา"
"ทำไม...อายงั้นเหรอ ฉันนึกว่าแกจะหน้าด้านจนไร้ความรู้สึกซะอีก"
"แต่ตอนนี้คนที่หน้าด้านจนไร้ความรู้สึกน่าจะเป็นคุณมากกว่า หรือไม่ก็คงจะพูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง !"
"นังตะวัน"
ดวงสุดาง้างมือจะตบ ตะวันฉายจับมือดวงสุดาไว้ ดวงสุดาง้างมืออีกข้าง เธอจับไว้อีก แล้วเหวี่ยงดวงสุดาออกไป เมื่อดวงสุดาปรี่มาหา ก็ถูกตะวันฉายตบหน้าหัน
วัลลภาตกใจ
"ว๊าย...ยัยดา"
ทุกคนตกใจตามกัน ขณะที่นักข่าวรัวชัตเตอร์ถ่ายรูปไม่ยั้ง ดวงสุดาชี้หน้า
"ฉันจะฆ่าแก อีเมียน้อยหน้าด้าน"
ดวงสุดาพุ่งเข้าหาอีก แต่ถูกตะวันฉายตบจนเซล้มลง วัลลภารีบเข้าไปดู
"ฉันปล่อยให้คุณย่ำยีเกียรติและศักดิ์ศรีของฉันมามากพอแล้ว ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะลุกขึ้นมากอบกู้เกียรติ กอบกู้ศักดิ์ศรีของตัวเองคืนมา ฟังให้ดีนะคุณดวงสุดา ฉันไม่ได้แย่งสามีคุณ และ ฉันไม่ใช่เมียน้อย"
"แกแย่งผัวฉันไปทั้งคน ยังจะมีหน้ามาปฏิเสธว่าตัวเองไม่ใช่เมียน้อยอีกเหรอ"
"คุณเลิกเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเมียหลวงได้แล้ว จะบอกอะไรให้นะ ฉันกับคุณธวัชเรารักกัน และเราก็มีอะไรกันก่อนที่คุณธวัชจะแต่งงานกับคุณ ที่สำคัญ คุณธวัชไม่ได้รักคุณ ที่เค้าแต่งงานกับคุณก็เพื่อประชดฉัน เพราะตอนนั้นฉันกับคุณธวัชมีปัญหากัน"
"ตอแหล..! แกไม่ต้องมาตอแหลแต่งเรื่องเพื่อสร้างภาพให้ตัวเองดูดี คิดเหรอว่าคนเค้าจะเชื่อผู้หญิงมารยาหน้าด้านอย่างแก"
"คุณเลิกวาดวิมานกลางอากาศ หลอกตัวเองไปวันๆได้แล้วคุณดวงสุดา"
"ไม่จริง.. วัชเค้ารักฉัน"
"งั้นคุณก็กลับไปฟังความจริงจากปากคุณธวัชซะ แล้วคุณจะได้คำตอบว่าระหว่างคุณกับฉัน ใครกันแน่ที่เป็นเมียหลวง"
ตะวันฉายบอกด้วยสีหน้าจริงจัง ดวงสุดาชะงัก อึ้ง!

วันใหม่ วาทินนั่งหน้าตึงอยู่ในสวน ใน สำนักพิมพ์ Top star คิดถึงตอนเมื่อเรื่องกับธวัช

ธวัชซัดหมัดใส่หน้าวาทินเต็มแรง จนวาทินเซล้มไป เลือดกลบปาก
"ผมบอกคุณแล้วใช่ไหม ว่าอย่ามายุ่งกับน้องสาวผม"
"น้องสาวผม...ผมดูแลเองได้ ไม่ต้องให้ใครลำบากดูแลแทนหรอก แล้วผมก็เชื่อว่าผมจะดูแลยัยป่านได้ดีกว่าใครทั้งหมดด้วย"
ธวัชดึงกระเป๋าสายป่านจากมือวาทิน แล้วดึงแขนสายป่านออกไป...

วาทินกำมือแน่น สีหน้าเจ็บใจมาก ครู่นึงสายป่านเข้ามา
"ทำไมมานั่งเงียบๆคนเดียวคะ คุณทินมีเรื่องอะไรไม่สบายใจรึเปล่าคะ"
วาทินมองสายป่านนิ่งๆ แล้วทำเป็นถอนหายใจเฮือกใหญ่
"ผมกำลังถามตัวเองอยู่ครับ ว่าผมควรจะคบกับป่านต่อไปดีไหม"
สายป่านชะงัก
"คุณทินพูดแบบนี้ หมายความว่าคุณทินเบื่อป่านแล้วใช่ไหมคะ"
"ไม่ครับ...ความรู้สึกที่ผมมีต่อป่านยังคงเหมือนเดิม และยิ่งมากขึ้นทุกวันๆ แต่พี่ชายป่านเกลียดขี้หน้าผม แล้วคุณป้าเองก็คงจะไม่ชอบผมสักเท่าไหร่" สายป่านชะงักนิ่งไป "ถ้าเป็นอย่างนี้ เราคงคบกันลำบาก"
สายป่านมองวาทินนิ่งๆ
"งั้นป่านขอถามตรงๆ คุณทินจริงใจกับป่านแค่ไหนคะ"
เขาจับมือสายป่าน พร้อมส่งสายตาหวานซึ้ง
"ผมรักป่านครับ" สายป่านชะงัก "รักตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน แล้วผมก็ฝันไว้ว่า อยากจะแต่งงานใช้ชีวิตร่วมกับป่าน..ฉันท์สามีภรรยา"
สายป่านตะลึง
"คุณทิน"
วาทินเสียงหวาน
"ผมจริงใจกับป่านนะครับ"
สายป่านมองตาวาทินนิ่งๆ พยายามค้นหาความจริงใจ ก่อนจะจับมือวาทิน
"ถ้าคุณทินจริงใจกับป่าน ก็ไม่ต้องคิดมากนะคะ แค่คุณทินพิสูจน์ความจริงใจให้แม่กับพี่วัชเห็น ป่านเชื่อว่าแม่กับพี่วัชต้องยอมรับคุณทินแน่ค่ะ"
วาทินยิ้มดีใจ
"นี่หมายความว่า ป่านชอบผมใช่ไหมครับ"
สายป่าน อ้อมแอ้มตอบ
"ป่านรู้สึกดีกับคุณทินค่ะ"
"ความหมายเดียวกับคำว่าชอบ"
" คุณทินขี้ตู่ ป่านไม่คุยด้วยแล้ว"
สายป่านเขินมาก จนทนไม่ไหวรีบเดินหนีไป วาทินมองตาม ยิ้มพอใจ
"คนอย่างฉัน สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นอยู่แล้ว"

ภายในบ้านธวัช ทุกคนนั่งคุยกัน
"เจ็บใจจริงๆ ยัยหมาบ้าดวงสุดาโผล่มาจนได้ ... มัน ตามทุกก้าวของเราเลย นะ"
ทุกคนมองหน้ากันอย่างแปลกใจ
"แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้คลิปตะวันกับคุณดวงสุดาว่อนเน็ตไปหมด" มะปรางบอก
"แล้วพรุ่งนี้เช้าหนังสือพิมพ์ก็คงจะลงข่าวหน้าหนึ่งกันให้รึ่ม" นิคมว่า
"คงจะเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ไม่แพ้เหตุการณ์ในงานแต่งครั้งก่อน" ซูซี่บอก
สุนทรีย์ถอนใจ สีหน้าหดหู่
"เกิดเรื่องขึ้นจนได้"
สายป่านยิ้มเยาะตะวัน
"ในที่สุดคุณตะวันฉายก็ได้ดังสมใจอยาก ฉันขอแสดงความยินดีด้วย คุณคงจะอยากป่าวประกาศให้คนรู้จนตัวสั่นมานานว่าคุณน่ะเป็นเมียหลวง"
ตะวันฉายชะงักหน้าชาที่ถูกเหน็บแนม ธวัชไม่พอใจ รีบปรามสายป่าน ส่งเสียงดุ
"ป่าน"
สายป่านทำนิ่ง ตะวันฉายยกมือไหว้สุนทรีย์อย่างสำนึกผิด
"ตะวันขอโทษคุณป้า กับคุณธวัชด้วยนะคะ ตะวันผิดเองค่ะ ถ้าตะวันควบคุมสติอารมณ์ตัวเองให้มากกว่านี้ เรื่องคงไม่เลยเถิดไปกันใหญ่แบบนี้"
"เธอไม่ผิดหรอก คนที่ผิดคือหนูดา เค้าโผล่ไปที่นั่นเพราะเจตนาจะสร้างความวุ่นวาย เจตนาจะทำร้ายเธอ ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันก็คงจะลุกขึ้นมาปกป้องตัวเองเหมือนกัน"
สายป่านไม่พอใจที่สุนทรีย์เข้าข้างตะวันฉาย ธวัชไม่พอใจดวงสุดามาก
"ดาต้องได้รับบทเรียน..!"
ธวัชผลุนผลันเดินออกไป
"อย่าค่ะธวัช..อย่าไปซ้ำเติมคุณดวงสุดานะคะ"
ตะวันฉายจะตามไปห้ามธวัช สุนทรีย์ดึงตะวันฉายไว้
"แม่ว่า อย่าห้ามตาวัชเลย หนูดาสมควรจะได้รับบทเรียนซะบ้าง"

ทุกคนชะงัก ไม่อยากเชื่อว่า สุนทรีย์จะเห็นด้วยกับธวัช
 
อ่านต่อหน้า 2

นางกลางไฟ ตอนที่ 14 (ต่อ)

เวลาต่อมา ธวัชเข้ามาในห้อง ดวงสุดาดีใจโผเข้าไปกอด ธวัชแกะมือออก

"ผมไม่เข้าใจเลยทำไมคุณถึงมีจิตใจอาฆาตพยาบาทขนาดนี้"
"วัชพูดอะไรคะ"
ดวงสุดาพยายามแถ
"ทำไมคุณถึงต้องตามราวีตะวันเค้าถึงขนาดนี้"
"ทำไม มันเป็นนางฟ้านางสวรรค์มาจากไหนไม่ทราบ ทำไมฉันถึงจะแตะต้องมันไม่ได้"
"ดวงสุดา เราเคยพูดเรื่องนี้กันแล้วนะ"
"ฉันเกลียดมัน ได้ยินไหม มันแย่งทุกสิ่งทุกอย่างจากฉันไป มันแย่งความรักของคุณจากฉันไป เราแต่งงานกัน ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี มันกลับทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง ฉันเกลียดมันได้ยินมั้ย ชั้นเกลียดมัน ชั้นเกลียดมัน" ดวงสุดาตะโกนใส่
"คุณมันบ้าไปแล้วรู้ตัวหรือปล่าว"
"ใช่ฉันบ้า บ้าเพราะชั้นรักคุณ ชั้นถึงได้แต่งงานกับคุณ"
ดวงสุดาโผเข้าไปกอดธวัช
"ชั้นผิดด้วยหรือที่ชั้นรักคุณ"
ธวัชอึ้ง
"ไม่ คุณไม่ผิด ผมต่างหากที่ผิด ผมเห็นแก่ตัว ผมเอาความรู้สึกชั่ววูบมาทำร้ายคุณทั้งๆที่คุณไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ผมจะไม่ทำให้คุณเจ็บปวดอีกดวงสุดา"
ดวงสุดามองหน้าธวัช
"การที่เราแยกทางกันคือทางออกที่ดีที่สุด"
ดวงสุดาส่ายหน้า
"ไม่...ฉันไม่ยอม"
"ผมไม่ได้มีใจให้คุณ อยู่กันไปก็มีแต่จะเจ็บปวดกันทั้งสองฝ่าย"
"ไม่ ไม่ ไม่"
"คุณต้องยอมรับความจริง แล้วอยู่กับมันให้ได้ ดึงดันไปก็เปล่าประโยชน์เพราะไม่ว่ายังไง ผมก็เลิกรักตะวันไม่ได้...ผมขอหย่า"
ธวัชบอกอย่างจริงจัง ก่อนจะเดินออกไป ดวงสุดาอึ้ง !
"ไม่ ไม่ ไม่"ดวงสุดาตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

ภายในห้อง บก. สำนักพิมพ์ Top star วันใหม่ ทุกคนนั่งดูเทปที่ตะวันฉายออกรายการทีวี ครู่หนึ่ง บก.กดรีโมทปิดทีวี
"หลังจากเทปที่ตะวันฉายเป็นแขกรับเชิญในรายการคืนประดับดาวออกอากาศ ปรากฏว่ากระแสตอบรับจากคนดูดีมาก ดีเกินคาด ดีจนแฟนๆต่างเรียกร้องเป็นเสียงเดียวกันให้ตะวันฉายคัมแบ็ควงการอีกครั้ง"
"แล้วยังไงคะ บก" สายป่านถาม
"จะแล้วยังไง ในเมื่อตะวันฉายกำลังฮอตฮิต สำนักพิมพ์ของเราจึงไม่รอช้าที่จะติดต่อตะวันฉายกับลูกชายของเธอมาขึ้นปกนิตยสารเดอะ มัมของเราน่ะสิ"
วาทินกับสายป่านชะงัก
"อะไรนะคะ"
"คุณฟังไม่ผิดหรอก แล้วตะวันฉายก็ให้คิวมาแล้วด้วย ... คุณรับผิดชอบงานนี้ ในฐานะช่างภาพประจำนิตยสารของเรา ... ส่วนคุณ มีหน้าที่สัมภาษณ์ตะวันฉายลงคอลัมน์"
บก. สั่งและจ่ายงานให้วาทินและสายป่าน
สายป่านสีหน้าไม่ชอบใจ วาทินแอบดีใจที่จะได้ใกล้ชิดตะวันฉายอีกครั้ง แต่ทำนิ่ง ไม่แสดงอาการ
"แล้วตะวันฉายให้คิวเมื่อไหร่ครับ บก."

ภายในบ้าน ดวงสุดากระดกเหล้า สีหน้าเศร้า เจ็บปวดเสียใจเรื่องที่ธวัชขอเลิก ณ บริเวณที่จอดรถแห่งหนึ่ง ภายในรถคันหนึ่ง มือใครบางคน แล้วกดพิมพ์ข้อความผ่านมือถือแล้วส่งข้อความ
มือถือดวงสุดาที่วางอยู่มีเสียงข้อความดังขึ้น ดวงสุดารีบคว้ามาเปิดอ่าน
“ตอนนี้ตะวันฉายกำลังตีปีกดีใจ ที่จะได้ผัวคุณไปครอบครองอย่างถาวร คุณกำลังจะแพ้มัน… !”
ดวงสุดากำมือแน่นอย่างเจ็บแค้นใจ
วัลลภาเดินเข้ามานั่งข้างๆ
"ดาดูอะไรอยู่เหรอ"
ดวงสุดาไม่ตอบ สีหน้าเจ็บแค้น วัลลภาอยากรู้ เลยดึงมือถือมาอ่าน
"นี่ผู้หวังดีส่งข้อความมาอีกแล้วเหรอ คิดแล้วก็เจ็บใจจริงๆ"
"ดาอยากรู้ว่าผู้หวังดีเป็นใคร ทำไมถึงรู้ความเคลื่อนไหวเป็นไปของนังตะวัน"
"น้าเองก็แปลกใจอยู่เหมือนกัน"
"ดาโทร.หาผู้หวังดีหลายครั้ง แต่เค้าไม่เคยรับสายดาเลย"
วัลลภาคิดๆ
"ไม่แน่... เค้าอาจจะเป็นพวกเกลียดเมียน้อยอย่างที่นังสาลี่บอกก็ได้... ถ้าเค้าเป็นพวกเกลียดเมียน้อยจริงๆ หรือเป็นเมียหลวงที่เกลียดเมียน้อยเข้ากระดูกดำล่ะก็ งั้นเค้าก็มีประโยชน์ต่อเรา"
"เมียหลวงที่ถูกเมียน้อยแย่งผัว ย่อมเข้าใจหัวอกผู้หญิงด้วยกันดี ไม่แน่...ผู้หวังดีคนนี้อาจจะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยเราทำลายนังตะวันก็ได้"
ดวงสุดารีบกดพิมพ์ข้อความในมือถือ “รู้ความเคลื่อนไหวมันได้ไง.. ฉันอยากรู้จักคุณ.. กรุณาไปพบฉันที่ร้านฟูลมูน วันนี้..5 โมงเย็น”
ดวงสุดากดส่งข้อความ พร้อมยิ้มมีความหวัง

ลานจอดรถแห่งเดิม ใครบางคนกดดูข้อความที่ดวงสุดาส่งมา แล้วยิ้ม ที่แท้คือ มะปราง ที่ยืนอ่านข้อความอยู่ ซูซี่เดินหิ้วถุงของพะรุงพะรังเต็มมือเข้ามา
"มาแล้วๆ"
"โอ้โห... ช็อปอะไรนักหนาคะพี่ซูซี่"
"กะเทยซื้อของไปฝากผู้ชาย จบป๊ะ..." มะปรางขำ "ขำอยู่นั่น ไม่คิดจะมีน้ำใจช่วยเปิดท้ายรถให้หน่อยเหรอคะ คุณน้องชะนี"
"แหม.. พูดดีๆก็ได้ ไม่เห็นจะต้องประชดขนาดนี้เลย"
มะปรางเอากระเป๋าที่ถืออยู่ พร้อมมือถือวางไว้บนหลังคารถ แล้วเดินไปเปิดท้ายรถให้ซูซี่
ซูซี่ยัดของใส่ท้ายรถแล้วปิดกระโปรง มะปรางเข้าไปนั่งในรถ โดยลืมหยิบกระเป๋ากับมือถือ
ซูซี่เห็นกระเป๋ากับมือถือของมะปรางที่อยู่บนหลังคา เลยหยิบมาดู หน้าจอมือถือ เป็นข้อความที่ดวงสุดาส่งมา มีชื่อผู้ติดต่อว่า : ชะนีหาผัว
ซูซี่นิ่วหน้าอย่างแปลกใจ แล้วเข้าไปในรถ ยื่นกระเป๋ากับมือถือให้มะปราง
"หล่อนลืมกระเป๋ากับมือถือไว้ที่หลังคารถ"
มะปรางนึกได้
"ตายจริง. ปรางนี่ขี้ลืมจริงๆเลย ขอบคุณนะคะ"
ซูซี่อยากรู้ว่าใครส่งข้อความแปลกๆมาหามะปราง เลยแกล้งถาม
"เย็นนี้พี่มีนัดทานข้าวกับเพื่อน ปรางไปเป็นเพื่อนพี่หน่อยนะ"
"ปรางไม่ว่างค่ะ เย็นนี้ปรางก็มีนัดแล้วเหมือนกัน"
ซูซี่อยากรู้ ถามต่อ
"มีนัดแล้ว กับใครเหรอ"
มะปรางรีบโกหก
"กับแฟนน่ะค่ะ"
ซูซี่มองมะปรางคิดๆ
"ไม่น่าใช่แฟน"
ยิ่งมะปรางโกหก ซูซี่ก็ยิ่งอยากรู้
"โอเค... งั้นพี่ไม่รบกวนปรางก็ได้"
"ขอบคุณนะคะที่เข้าใจ งั้นกลับบ้านกันเลยนะคะ"
มะปรางพูดจบก็รีบขับรถออกไปทันที แต่ซูซี่ยังติดใจอยากรู้ไม่เลิก

เวลาเย็น ดวงสุดากับวัลลภานั่งรอผู้หวังดีอย่างกระวนกระวาย ในร้านฟูลมูน ดวงสุดามองนาฬิกา
"จะหกโมงเย็นอยู่แล้ว ทำไมยังไม่มาอีกนะ"
"นั่นสิ...จะมาช้ามาสาย ก็น่าจะบอกเราบ้าง"
มะปรางนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งใกล้ๆกัน มะปรางมองพวกดวงสุดาแล้วยิ้มสะใจ
ห่างออกไป เห็นว่าซูซี่แอบมองมะปรางและพวกดวงสุดาอยู่มุมหนึ่งอย่างแปลกใจ
"ท่าทางสองน้าหลานนั่น..เหมือนจะรอใครสักคน... ส่วนมะปรางไม่ได้มากับแฟนแน่ๆ"
มะปรางยิ้มพอใจ แล้วลุกขึ้นจะเดินไปหาพวกดวงสุดา แต่เหลือบเห็นเงาซูซี่สะท้อนอยู่ในกระจก
เธอชะงักตกใจ รีบกลับมานั่งที่โต๊ะ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วแอบกดมือถือพิมพ์ข้อความ
มะปรางคิดว่าซูซี่คงไม่เห็น แต่ทุกอย่างอยู่ในสายตาซูซี่ตลอด
ทันใดนั้นมือถือดวงสุดามีเสียงข้อความเข้า ดวงสุดารีบเปิดอ่าน
" ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีฉันมีธุระด่วน ไม่สะดวกมาพบ ไว้โอกาสหน้าแล้วกันนะคะ"
"พูดยังไม่ทันจะขาดคำ เสียเวลาจริงๆเลย" วัลลภาเซ็ง
"ยังไงดาก็ต้องรู้ให้ได้ว่าผู้หวังดีคนนี้ เป็นใครกันแน่"
ซูซี่พึมพำอย่างแปลกใจ
"ผู้หวังดี"
ดวงสุดาบอกกับพนักงาน
"เช็คบิล"
พนักงานเข้ามาคิดเงิน ดวงสุดาจ่ายเงินเสร็จก็เดินออกไปกับวัลลภา
มะปรางมองตามสองน้าหลาน สีหน้าผิดหวัง ซูซี่มองมะปรางอย่างแปลกใจสงสัย พึมพำ
"มะปรางคิดจะทำอะไรกันแน่"
มะปรางทำเป็นจะเดินไปห้องน้ำ แล้วทำเป็นเห็นซูซี่ ทั้งคู่ต่างแสแสร้งแกล้งทัก

"อ้าว...พี่ซูซี่ / อ้าว...ปราง"
 
อ่านต่อหน้า 3

นางกลางไฟ ตอนที่ 14 (ต่อ)

ทั้งคู่เดินคุยกันออกมานอกร้านฟูลมูน ซูซี่แกล้งโกหกมะปราง

"พี่นัดเพื่อนมาทานข้าว แต่บังเอิญเพื่อนพี่มีธุระด่วนเลยมาไม่ได้"
"แสดงว่าพี่ซูซี่เพิ่งมาเหรอคะ"
"ใช่...เพิ่งมา ยังไม่ทันได้หาโต๊ะนั่งเลย เพื่อนพี่ก็โทร.ยกเลิกนัดซะก่อน"
มะปรางแอบโล่งอก เข้าใจว่าซูซี่ไม่รู้เรื่องที่ตนมาเจอกับพวกดวงสุดา
ซูซี่แกล้งถาม
"แล้วปรางล่ะมาทานข้าวกับใคร"
มะปรางรีบโกหก
"กับแฟนน่ะค่ะ"
ซูซี่แกล้งถาม
"แล้วไหนล่ะ แฟนปราง"
มะปรางแถต่อ
"เค้ากลับไปแล้วล่ะค่ะ พอดีแม่เค้าไม่สบาย เค้าเลยอยู่กับปรางนานไม่ได้น่ะค่ะ"
ซูซี่ยิ้มๆ มะปรางแอบถอนใจโล่งอก ซูซี่ยิ่งสงสัย

วันถ่ายแบบ ที่บริเวณสวนสวย ตะวันฉายอุ้มสายฟ้านั่งโพสต์ท่าให้วาทินถ่ายแบบ เสียงชัตเตอร์ดังอย่างต่อเนื่อง กล้วยและทีมงานอยู่ใกล้ๆ
"เงยหน้าขึ้นนิดนึงครับ ... โอเคครับ"
วาทินถ่ายไป สั่งให้ตะวันโพสต์ท่าไปเรื่อย
"เอียงตัวไปทางซ้ายครับ... ขอโทษนะครับ"
วาทินเดินไปช่วยจัดท่าให้ พร้อมฉวยโอกาสลูบไล้ไหล่ตะวันฉาย แล้วส่งสายตาวาบหวาม เธอไม่พอใจ พูดเบาๆ
"อย่ามาทำรุ่มร่ามกับฉัน"
"ทำไมจะไม่ได้ เนื้อตัวคุณไม่ว่าจะตารางนิ้วไหนๆ ผมก็ลูบคลำมาหมดแล้ว"
"หยาบคาย... ปล่อยมือเดี๋ยวนี้"
"กลัวจะห้ามใจตัวเองไม่ไหวเหรอ อดใจไว้ก่อนนะครับที่รัก...ยังไงเตียงผมก็ยินดีต้อนรับคุณเสมอ"
"อย่าเอามือสกปรกๆ ของคุณมาแตะเนื้อต้องตัวฉัน"
วาทินไม่สน ยื่นหน้าไปใกล้ตะวัน
"ตัวคุณยังหอมเหมือนเดิม ผมจำกลิ่นกายคุณได้ จำได้ขึ้นใจ ไม่มีวันลืม"
"ฉันบอกให้ปล่อย"
วาทินไม่ปล่อยแต่เนียนเข้ามาใกล้อีก ตะวันฉายโมโห
"กล้วย มารับสายฟ้าหน่อย"
กล้วยเดินมามาหาตะวัน
"คุณสายฟ้าจะงอแงเหรอคะ คุณตะวัน"
ตะวันฉายมองหน้าวาทิน
"เปล่าหรอก... พอดีแถวนี้เห็บหมัดมันยั้วะเยี้ยะเต็มไปหมด ฉันเลยอยากจะเขี่ยมันไปให้พ้นๆ เพราะฉันรังเกียจ ขยะแขยงมันเต็มทนแล้ว"
วาทินสีหน้าไม่พอใจ รู้ว่าตะวันฉายตั้งใจด่า แต่กล้วยงง มองหาเห็บหมัด
"ไหนคะ กล้วยไม่เห็นเห็บหมัดเลยซักตัว"
กล้วยเห็นตะวันฉายจ้องวาทินอยู่ เลยเข้าใจ
"อ๋อ..ได้ค่ะ คุณตะวันเขี่ยไอ้พวกเห็บหมัดไปให้ไกลๆเลยนะคะ อย่าให้มันมาป้วนเปี้ยนวุ่นวายกับชีวิตคุณตะวันได้อีก"
กล้วยอุ้มสายฟ้าออกไป วาทินไม่พอใจแต่ทำเป็นยิ้มใจเย็น แล้วปล่อยมือจากตะวันฉาย
วาทินกระซิบ
"อย่าลืมนะครับ เตียงผมยินดีต้อนรับคุณเสมอ"
ตะวันฉายจ้องวาทินอย่างรังเกียจขยะแขยง วาทินเดินไปที่จุดตั้งกล้อง แล้วต้องชะงักตกใจ เมื่อเห็นสายป่านยืนจ้องมองอยู่ ด้วยสีหน้าไม่พอใจ วาทินรีบยิ้มกลบเกลื่อน ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
"ป่านมีอะไรรึเปล่าครับ"
"ป่านรบกวนเวลาทำงานคุณทินสักครู่นะคะ ... ฉันเตรียมที่สำหรับสัมภาษณ์คุณไว้แล้ว ถ้าคุณถ่ายแบบเสร็จแล้ว ก็เชิญด้านนู้น... ป่านรบกวนแค่นี้ล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะ"
"ไม่เป็นไรครับ"
สายป่านตาเขม็งมองตะวันฉายแล้วเดินออกไป

สายป่านวางเทปอัดเสียงและสมุดปากกา เตรียมจะสัมภาษณ์ตะวันฉาย
ตะวันฉายเดินมาจากทีมงานที่เซ็ตไฟกล้องไว้ถ่ายรูปสายฟ้า สายป่านเห็นวาทินแอบมองตามตะวันฉายก็สีหน้าไม่พอใจ เธอยิ้มเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ
" พี่พร้อมจะให้สัมภาษณ์แล้วจ๊ะ"
สายป่านมองตะวันนิ่ง
"ขนาดในที่สาธารณะ คุณก็ยังไม่วายให้ท่าคุณวาทิน คุณไม่กลัวคนเค้าจะนินทาคุณในทางเสียๆหายๆหรอกเหรอ หรือว่าที่คุณไม่แคร์เรื่องพวกนี้ เพราะคุณมันไม่มียางอาย"
ตะวันไม่พอใจ
"ป่าน... ป่านกำลังเข้าใจพี่ผิดนะ"
"ไม่ผิดหรอก เพราะฉันเห็นกับตา เลิกคิดที่จะรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆกับคุณวาทินสักที คุณวาทินเค้ากำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ และคุณก็ควรจะรู้จักพอได้แล้ว"
ตะวันข่มอารมณ์
"อย่าปล่อยให้ความหลงบังตา จนมองไม่เห็นความจริงสิป่าน"
"ระหว่างฉันกับคุณวาทิน คือความรัก ไม่ใช่ความหลง"
"พี่อยากให้ป่านได้เห็นธาตุแท้ของวาทินซะตั้งแต่ตอนนี้ ป่านจะได้เลิกเทิดทูนบูชาผู้ชายเลวๆคนนั้นสักที"
สายป่านตะคอก
"เลิกใส่ร้ายป้ายสีคุณวาทินได้แล้ว..!! ยิ่งคุณใส่ร้ายคุณวาทินเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรังเกียจคุณเท่านั้น"
ตะวันอึ้ง
"วันนึงป่านจะเข้าใจความหวังดีของพี่"
"ฉันไม่ต้องการความหวังดีที่แอบแฝงจุดประสงค์ร้าย ฉันจะทำทุกวิถีทางให้คุณวาทินเป็นของฉัน..และฉันจะไม่มีวันยอมเสียคุณวาทินให้ใครเด็ดขาด"
ตะวันอึ้ง นึกไม่ถึงว่าสายป่านจะลุ่มหลงวาทินถึงขนาดนี้

ภายในห้องครัวบ้านธวัชเวลาเย็น สุนทรีย์กำลังทำกับข้าว ธวัชจูงมือตะวันฉายเข้ามา
"มีอะไรเหรอลูก"
"ตะวันเค้าอยากมาช่วยแม่ทำกับข้าวน่ะครับ"
" จะไหวเหรอ"
"ไหวค่ะ ตอนอยู่ที่บ้านสวน ตะวันช่วยกล้วยทำกับข้าวบ่อยๆ คุณป้าให้ตะวันช่วยนะคะ ตะวันอยากตอบแทนที่คุณป้าให้ที่ซุกหัวนอนตะวันกับลูกน่ะค่ะ"
"พูดยังกับว่าฉันเคยลำเลิกบุญคุณกับเธอยังงั้นแหล่ะ ฉันทำอะไรไม่เคยหวังผลตอบแทนหรอกนะ เพราะฉะนั้นเลิกคิดมากได้แล้ว"
ตะวันยิ้มซาบซึ้ง
"ตะวันทราบค่ะ ยังไงตะวันก็อยากจะช่วยคุณป้าอยู่ดี ตะวันถือคติ อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ต้องปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่นน่ะค่ะ"
"เจ้าสำบัดสำนวนซะจริง ... งั้นก็ช่วยหั่นหมูแล้วกัน"
"เดี๋ยวผมช่วยตำพริกนะครับแม่"
"ดีเหมือนกัน แม่จะได้ไม่เหนื่อยคนเดียว"
ธวัชตำพริก ตะวันฉายหั่นหมูแต่ชิ้นหนามาก
"หั่นหมูต้องหั่นบางๆ จะได้สุกง่ายๆ แบบนี้..."
ตะวันหั่นหมูต่อ สุนทรีย์หั่นข่าและตะไคร้แล้วเทใส่ครกบอกธวัช
"ตำข่ากับตะไคร้ให้ละเอียดนะลูก"
ครู่หนึ่ง ธวัชสะดุ้งเพราะพริกกระเด็นเกือบเข้าตา
"พริกเกือบเข้าตาแล้วไหมล่ะ อย่าตำแรงสิลูก...ตำเบาๆ"
ตะวันมองสุนทรีย์กับธวัชยิ้มๆ รู้สึกได้ถึงความเป็นครอบครัวขึ้นมา

บนโต๊ะอาหาร ทุกคนเตรียมจะกินข้าว ธวัชตักกับข้าวให้ตะวันหลายอย่าง
"พอแล้วค่ะ...เดี๋ยวฉันทานไม่หมด"
"ไม่ต้องกลัวนะครับว่าจะทานไม่หมด เพราะกับข้าวฝีมือแม่ผมอร่อยทุกอย่าง ขนาดเชฟในโรงแรมหรูๆยังต้องยกนิ้วให้เลย"
"โฆษณาแม่เกินจริงไปรึเปล่า"
"อร่อยจริงๆค่ะ ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ตะวันได้ทานอาหารฝีมือคุณป้าทุกวันเลย ตอนนี้น้ำหนักตะวันขึ้นไปกี่กิโลแล้วก็ไม่รู้"
"เห็นไหมครับ ผมโฆษณาแม่เกินจริงที่ไหน"
"คุณป้าทำอาหารอร่อยขนาดนี้ ถ้าเปิดร้านอาหาร ต้องขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแน่ๆ"
"ปากหวานกันทั้งผัวทั้งเมีย" สุนทรีย์บอก ลูกชายกับลูกสะใภ้ขำๆ "ถ้าฝีมือฉันอร่อยถูกปากเธอ งั้นก็ทานให้เยอะๆ จะได้มีน้ำนมที่ดีให้ลูก"
"ค่ะคุณป้า"
สายป่านหมั่นไส้ตะวันฉาย กระแทกช้อนเสียงดัง ทุกคนชะงักมอง
"ขอโทษค่ะ ป่านทำช้อนหลุดมือน่ะค่ะ"
"ป่านเป็นอะไรรึเปล่าลูก เห็นนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา"
สายป่านมองๆตะวันฉาย แล้วตั้งใจพูดแดกดัน
"ป่านตื้นตันใจที่นางแบบดังอย่างคุณตะวันฉายให้เกียรติร่วมโต๊ะอาหารกับครอบครัวเราน่ะค่ะ แถมยังชื่นชมฝีมือการทำอาหารของแม่ด้วย " สายป่านหน้านิ่งแต่แววตาเชือดเฉือน "คุณตะวันฉายนี่น่ารักนะคะ มิน่าพี่วัชถึงได้ทั้งรักทั้งหลง"

ตะวันฉายชะงัก รู้ว่าถูกแดกดัน ธวัชกับสุนทรีย์มองสายป่านอย่างไม่พอใจ สายป่านทำเป็นกินข้าวไม่รู้ไม่ชี้
 
อ่านต่อหน้า 4

นางกลางไฟ ตอนที่ 14 (ต่อ)

สายป่านนั่งเล่นอยู่ในสวน ตะวันฉายเดินเข้ามา สายป่านจะเดินหนี

"พี่มีเรื่องอยากคุยกับป่าน ป่านถอยออกมาจากวาทินเถอะนะ ผู้ชายคนนั้นเค้าไม่ได้จริงใจกับป่านแม้แต่นิดเดียว"
"จะบอกว่าเค้าไม่ได้จริงใจกับฉัน แต่เค้าจริงใจกับคุณ...งั้นสิ"
"เชื่อพี่นะป่าน วาทินไม่เคยจริงใจกับผู้หญิงคนไหน เค้ากำลังขุดหลุม ล่อให้ป่านรักและไว้ใจเค้า ป่านอย่าตกหลุมพรางเค้าเด็ดขาดนะ"
"คุณมากกว่าล่ะมั้งที่กำลังขุดหลุมหลอกล่อฉันอยู่"
ทันใดนั้นสุนทรีย์เดินเข้ามา เห็นท่าทางสายป่านไม่พอใจตะวันฉายเลยแอบฟัง
ตัดอกตัดใจจากวาทินซะเถอะนะ ก่อนที่ป่านจะเจ็บไปมากกว่านี้
"ฉันไม่ใช่เด็กอมมือที่จะหลงกลคุณง่ายๆ เลิกหว่านล้อมฉันเพื่อที่จะแยกฉันออกจากคุณวาทินได้แล้ว"
"พี่เตือนป่านด้วยความหวังดีนะ"
"ฉันก็อยากจะเตือนคุณด้วยความหวังดีเหมือนกัน อย่ามายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของฉัน"
สุนทรีย์เดินเข้ามา
"ป่านไม่ควรจะก้าวร้าวกับตะวันฉายนะ ตะวันฉายเค้าเป็นผู้ใหญ่ แล้วเค้าก็เตือนป่านด้วยความหวังดี"
"หวังดีแต่ประสงค์ร้ายสิไม่ว่า"
"ประสงค์ร้ายอะไร"
"เรื่องมันยาวค่ะแม่... แม่รู้แค่ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้หวังดีกับป่าน และไม่ได้จริงใจกับครอบครัวเราจริงๆ แค่นี้ก็พอ"
"ป่าน... แม่ไม่คิดเลยว่าป่านจะหลงคุณวาทินจนหัวปักหัวปำไม่ฟังใครแบบนี้"
"ป่านก็ไม่คิดเหมือนกัน ว่าแม่จะเชื่อคนอื่น มากกว่าลูกตัวเอง"
สุนทรีย์อึ้ง
"อย่ามาย้อนแม่นะป่าน"
"ป่านไม่ได้ย้อนนะคะ ป่านแค่จะบอกแม่ว่า วันนึงป่านจะกระชากหน้ากากผู้หญิงคนนี้ให้แม่ดู แม่จะได้รู้ว่าตัวตนจริงๆของเค้าเป็นยังไงสักที"
ตะวันฉายนึกไม่ถึงว่า สายป่านจะอคติกับตัวเองมากขนาดนี้ สุนทรีย์ก็อึ้งไม่แพ้กัน
"แม่คอยดูธาตุแท้ของผู้หญิงคนนี้ก็แล้วกัน"
สายป่านจะเดินออกไป แต่นึกอะไรได้ หันมองตะวัน
"ที่จริงฉันจะคบหากับใคร คุณก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้ามายุ่งวุ่นวาย เพราะคุณไม่ใช่คนในครอบครัวของฉัน"
ตะวันสะอึก หน้าชา นึกไม่ถึงว่าสายป่านจะรังเกียจตัวเองขนาดนี้
สายป่านกระซิบตะวัน
"อย่าคิดว่ามีแม่ฉันคอยถือหางแล้วจะทำอะไรก็ได้ วันนี้คุณอาจจะครอบงำแม่ฉันได้ แต่ยังไงแม่ฉันก็ไม่มีวันเห็นคนอื่นดีกว่าลูกตัวเอง"
สายป่านยิ้มเยาะแล้วเดินออกไป ทิ้งให้อรกฝ่ายยืนอึ้ง ตะลึง พูดอะไรไม่ออก

สวนบ้านดวงสุดา สายป่านกับสองน้าหลานคุยกันอยู่
"พี่ดาดูซูบไปมากเลยนะคะ "
"คนถูกผัวทิ้ง ใครที่ไหนจะกินได้นอนหลับล่ะ" วัลลภาบอก
ดวงสุดาหน้าเศร้า
"พี่ไม่อยากจะหายใจด้วยซ้ำ ทำไมพี่ไม่ตายๆไปซะให้รู้แล้วรู้รอดก็ไม่รู้"
สายป่านเห็นใจสงสาร
"โธ่...พี่ดา"
"ขอบใจป่านมากนะที่เป็นห่วงพี่ มีแต่ป่านนี่แหล่ะที่เข้าใจหัวอกพี่"
"เพราะแม่ตะวันฉายคนเดียวที่ทำให้พี่ดาต้องเป็นแบบนี้"
" มันได้ครอบครองวัชทั้งตัวทั้งหัวใจ ตอนนี้พี่แพ้มันแล้ว พี่แพ้มันอย่างราบคาบ"
"ผู้หญิงคนนั้นมารยาเก่ง ช่างประจบประแจง พี่วัชถึงได้หลงเค้าจนโงหัวไม่ขึ้น แม่ก็ทำท่าจะหลงใหลได้ปลื้มเค้าอีกคน ล่าสุดก็ทำเป็นอาสาจะพาแม่ไปทำบุญที่วัด คงหวังจะทำดีเอาใจแม่"
"ผู้หญิงแพศยา มารยาสาไถอย่างนังตะวัน มันทำได้ทุกอย่างนั่นแหล่ะ"
ดวงสุดาเงียบไปครู่นึงอย่างเจ็บใจ ก่อนจะนึกอะไรได้ รีบถามสายป่าน
"ป่านรู้ไหมว่าคุณแม่จะไปทำบุญที่วัดไหน..เมื่อไหร่"

ตะวันฉายนั่งมองแหวนตะวัน 2 วงที่อยู่ในกล่อง เห็นแมวโดเรมอนอยู่ใกล้ๆ ครู่นึงธวัชเดินเข้ามา
"คิดอะไรอยู่เหรอครับ"
"ฉันกำลังคิดว่า โชคดีเหลือเกินที่ฉันเก็บแหวนของเราไว้ในตู้เซฟ เลยไม่ถูกไฟไหม้ไปพร้อมๆกับบ้านสวน"
ตะวันอุ้มโดเรมอนมากอด
"เจ้าโดเรมอนก็เหมือนกัน ถ้าคืนนั้นมันไม่ออกไปวิ่งเล่นนอกบ้าน มันก็คงจะไม่รอด..โชคดีจริงๆที่สองสิ่งที่ฉันรัก ยังอยู่กับฉัน ฉันคิดถึงบ้านสวน ฉันรักและผูกพันกับบ้านหลังนั้นมาก เพราะมันเป็นบ้านที่คุณซื้อให้ฉันอยู่ และมันก็เป็นวิมานของเรา"
ธวัชจับมือตะวันฉาย
"ถึงวิมานหลังเก่าจะไม่อยู่แล้ว แต่เราก็สร้างวิมานหลังใหม่ขึ้นมาได้นี่ครับ ฝันร้ายมันผ่านไปแล้ว จากนี้ไปเราสองคนจะไม่เจอกับเรื่องร้ายๆอย่างที่ผ่านมาอีก"
"ถ้าพายุร้ายพัดผ่านไปแล้วจริงๆ...ฉันก็ขอให้เราสองคนหมดทุกข์หมดโศกสักที"
ทั้งสองยิ้ม แล้วกอดให้กำลังใจกันและกัน

ดวงสุดาและวัลลภานั่งอยู่กับสินและเมฆที่มุมปลอดคน ดวงสุดายื่นแผนที่ให้
"นี่คือแผนที่วัดที่นังตะวันจะไปทำบุญ หลังจากที่มันทำบุญเสร็จ พวกแกก็จัดการฆ่ามันทิ้งซะ"
"อย่าปล่อยให้มันกลับมาเป็นเสี้ยนหนามหัวใจหลานฉันอีกเป็นอันขาด"
"ฆ่านังตะวันคนเดียว อย่าทำอะไรผู้หญิงแก่ๆที่ไปกับมันด้วยเด็ดขาด"
"ได้ครับ..ไม่มีปัญหา" ศินบอก
"งั้นก็รีบไปจัดการมันซะ" วัลลภาว่า
สินกับเมฆออกไป ดวงสุดากับวัลลภากระหยิ่มยิ้มย่อง
"ทีนี้ก็ถึงคิวที่ดาจะต้องสะสางบางอย่างให้เรียบร้อย"
ดวงสุดากับวัลลภายิ้มร้าย

ธวัชเดินมาที่รถซึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน ทันใดนั้นมือถือดัง ธวัชควักมากดรับ
"ไอ้คม...ฉันกำลังจะออกจากบ้าน ไม่ต้องโทรมาเร่งฉันหรอก โอเค"
ธวัชวางสายแล้วจะขึ้นรถ หน้าจอเป็นชื่อวัลลภา ธวัชกดรับ
"มีอะไรเหรอครับคุณวัลลภา"
ถนนริมแม่น้ำ วัลลภาที่นั่งอยู่ในรถ คุยโทรศัพท์กับธวัช น้ำเสียงร้อนรน
"นายธวัช..ช่วยยัยดาด้วย"
"ดาเป็นอะไรครับ"
"ยัยดาจะฆ่าตัวตาย"
ธวัชตกใจ
"อะไรนะครับ"

ตะวันฉายกับสุนทรีย์ไหว้พระพุทธรูปในโบสถ์ แล้วถวายสังฆทานกับหลวงพ่อ หลวงพ่อสวดมนต์ให้พร ทั้งสองกรวดน้ำ
นอกโบสถ์ ทั้งคู่เทน้ำที่กรวดแล้วที่โคนต้นไม้
"ได้ทำบุญแล้ว ตะวันสบายใจขึ้นเยอะเลยค่ะคุณป้า"
"หมั่นทำบุญและสร้างความดีเข้าไว้ บุญกุศลกับความดีจะเป็นเกราะปกป้องคุ้มครองเธอให้รอดพ้นจากภัย ไหนๆก็มาทำบุญทั้งทีแล้ว ไปนั่งสมาธิหน่อยไหม จิตใจจะได้สงบขึ้น"
บริเวณหน้าวัด เมฆขับมอเตอร์ไซค์เข้ามา สินนั่งซ้อนท้ายมาด้วย สินมองเข้าไปในวัด พร้อมกระชับปืนที่เหน็บเอวไว้ สีหน้าอำมหิต

ถนนริมแม่น้ำ วัลลภายืนอยู่ที่รถ ธวัชขับรถเข้ามา วัลลภาวิ่งไปหาธวัช
"นายธวัช...ช่วยยัยดาด้วย"
"ดาอยู่ไหนครับ"
วัลลภาชี้มือไปบนสะพาน ธวัชหันมองแล้วตกใจ
ดวงสุดายืนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ที่ราวสะพาน ธวัชวิ่งเข้ามากับวัลลภา ธวัชร้องเรียก
"ดา..."
ดวงสุดาหันมองธวัช แล้วรีบถอยไปเกาะราวสะพาน
"อย่าเข้ามานะ !"
"ดาอย่าทำอะไรโง่ๆเด็ดขาดนะ"
"ชีวิตดามีค่า ดาอย่าคิดสั้นนะลูก"
"ไม่..ชีวิตดามันไร้ค่า ไร้ค่าไม่ต่างจากเศษสวะ วัชคือทุกสิ่งทุกอย่างของดา แต่ดากลับเป็นแค่เศษเสี้ยวเล็กๆในชีวิตของวัช วัชไม่เคยเห็นค่าของดาแม้แต่นิดเดียว ทั้งๆที่ดารักวัชมาก มากเท่ากับชีวิตของดา"
ธวัชพูดไม่ออก นิ่งไปอย่างละอายใจและรู้สึกผิด
"ผมขอโทษ ผมรู้ว่าผมผิด แต่คุณอย่าเอาชีวิตมาทิ้งเพราะผู้ชายเลวๆอย่างผมเลยนะ ยังมีอีกหลายคนที่เค้ารักคุณ ถ้าคุณเป็นอะไรไป แล้วพวกเค้าจะรู้สึกยังไง"
"ใช่.. ดายังมีน้า มีตาทิน ถ้าดาตายไป แล้วน้ากับน้องจะอยู่กันยังไง"
"คนอื่นดาไม่สน ดาสนแค่วัชคนเดียว เพราะดารักวัช ดาขาดวัชไม่ได้ ได้ยินไหม ดาขาดวัชไม่ได้..!"
"แต่การที่คุณทำร้ายตัวเอง มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยนะครับ"
"ความตายไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา เลิกคิดสั้นเถอะนะยัยดา"
"ใช่...ความตายไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา แต่ถ้าต้องอยู่โดยที่ไม่มีวัช ชีวิตดาไม่ว่าจะอยู่หรือตาย มันก็มีค่าเท่ากัน ถ้าต้องเลิกกับวัช ดาขอตายซะดีกว่า"
ดวงสุดาปีนราวสะพานทันที
วัลลภาทำเป็นตกใจ
"ว๊าย... ยัยดา"
" อย่าทำอะไรบ้าๆนะดา"
"ไม่... ดาจะตายให้รู้แล้วรู้รอด"
วัลลภารีบบอกธวัช
"นายธวัช บอกยัยดาไปสิว่านายจะไม่หย่ากับยัยดา เร็วสิ..นายอยากให้ยัยดาตายหรือยังไง"
ธวัชก้มหน้านิ่ง อ้ำอึ้ง พูดไม่ออก ทันใดนั้นวัลลภาเห็นดวงสุดายืนอยู่บนราวสะพานแล้ว
"ยัยดา"
ธวัชเงยหน้ามอง เห็นว่าดวงสุดากระโดดลงน้ำ ตู้ม !
ธวัช / วัลลภาตกใจ กรีดร้อง "ดา...! / ยัยดา...!"
ธวัชมองลงไปยังแม่น้ำ เห็นว่าร่างของดวงสุดาหายไป ธวัชตกใจ ทำอะไรไม่ถูก
" รีบตามลงไปช่วยยัยดาข้างล่าง..เร็วสิ..!"

ธวัชกับวัลลภารีบวิ่งไปลงข้างล่างของสะพาน
 
อ่านต่อตอนที่ 15
กำลังโหลดความคิดเห็น