อนิลทิตา ตอนที่ 19
ในถ้ำทำพิธีตอนนี้ ใบหน้าเจ้าดาเรศมีควันสีขาวที่ค่อยๆ ลอยออกจากจมูกทอดสายยาวและลอยหายเข้าไปในลูกแก้ว จนเห็นดวงจิตเจ้าดาเรศนั่งสมาธิอยู่ในนั้น โฉมสุรางค์มองลูกแก้วอย่างพอใจ
“ตอนนี้ดวงจิตของนังดาเรศก็อยู่ในลูกแก้วแล้วสินะ ข้าจะได้ถอดจิตของข้าเข้าไปอยู่ในร่างของมันแทน”
โฉมสุรางค์เดินไปนั่งขัดสมาธิตรงหน้าเจ้าดาเรศและจับมือเจ้าไว้ ก่อนจะหลับตาลง
บันดาสาเครียดจัด มองโฉมสุรางค์ด้วยความหวั่นกลัว
ทั้งเจ้าพงษ์สุริยันที่บัดนี้ความจำกลับมาหมดแล้ว และ กระถิน ต่างหน้าเสียที่เห็นโฉมสุรางค์เตรียมตัวจะถอดจิตเข้าไปอยู่ในร่างของเจ้าดาเรศ
“ทำไงดีคะเจ้า คุณโฉมกำลังจะเอาร่างเจ้าดาเรศไปแล้ว”
เจ้าพงษ์สุริยันปราดเข้าไปเขย่าลูกกรง กระชากประตู พยายามจะออกไปจากห้องขังเพื่อช่วยดาเรศ
เจ้าพงษ์สุริยันตะโกนลั่น “คุณโฉมหยุด อย่าทำร้ายลูกดา...คุณโฉม...”
โฉมสุรางค์นั่งหลับตานิ่ง ไม่เคลื่อนไหว
เจ้าพงษ์สุริยันยังเขย่าลูกกรง ตะโกนเรียกโฉมสุรางค์อย่างไม่ยอมแพ้
“หยุดทำพิธีเดี๋ยวนี้...ปล่อยลูกดาไป”
กระถินเครียดหนัก หาทางออกไม่ได้ ได้แต่มองเจ้าดาเรศด้วยความเป็นห่วง ร้อนใจ ภาวนายกมือขึ้นท่วมหัว
“สาธุ คุณพระคุณเจ้า ใครก็ได้มาช่วยลูกด้วย”
กระถินกับเจ้าพงษ์สุริยันร้อนรนกระวนกระวาย
ด้านนายิกีปราบไอ้โล้นเสร็จ กำลังจะแยกตัวออกไปช่วยจักรา
“ข้าต้องไปแล้ว”
“แม่เฒ่าจะไปไหนครับ”
นายิกีท่าทางเป็นกังวล “ข้าต้องไปตามหาไอ้จักร”
เจ้าพงษ์นครบอกกับรชา “งั้นเราก็รีบบุกเข้าถ้ำเถอะครับ”
นายิกีมองรชากับเจ้าพงษ์นครด้วยสายตาเป็นกังวล
“ระวังตัวด้วยล่ะ ข้าไม่รู้ว่านังโฉมมันกำลังทำอะไรอยู่ แต่มันต้องเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุดแน่ๆ”
ฝ่ายโฉมสุรางค์นั่งหลับตาจับมือเจ้าดาเรศไว้ ควันไหลออกจากจมูกโฉมสุรางค์เข้าไปในจมูกดาเรศ
บันดาสามองควันที่ไหลออกจากจมูกโฉมสุรางค์ ลอยวนเข้าไปในจมูกดาเรศอย่างต่อเนื่องด้วยความกังวล กระสับกระส่าย พูดกับตัวเองอย่างตัดสินใจแล้ว
“ขอสมาเถอะนะแม่หญิง พี่ทำไม่ได้จริงๆ พี่จะไม่ยอมให้สิ่งเลวร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นกับเจ้าดาเรศเด็ดขาด”
บันดาสาปราดเข้าไปปัดลูกแก้วที่บรรจุดวงจิตของเจ้าดาเรศจนตกลงมาแตก ก่อนจะดึงมือโฉมสุรางค์ออกจากเจ้าดาเรศและผลักโฉมสุรางค์ออกไปจากเจ้าดาเรศสุดแรง โฉมสุรางค์เสียหลักล้มลง
ทันทีที่ลูกแก้วตกลงมาแตก ควันสีขาวในลูกแก้วก็ลอยกลับเข้าไปในจมูกของเจ้าดาเรศจนหมด
โฉมสุรางค์ทรงตัวขึ้นมาก่อนจะหันขวับมามองบันดาสาอย่างโกรธเกรี้ยว
“พี่บันดาสา พี่ทรยศข้า ข้าคิดไม่ผิดเลยจริงๆ”
บันดาสาเสียใจมาก “พี่ขอโทษนะแม่หญิง แต่พี่ยอมให้แม่หญิงทำแบบนี้กับเจ้าดาเรศไม่ได้ พี่ขอร้อง ปล่อยเจ้าดาเรศไปเถอะ”
ร่างเจ้าดาเรศพับร่วงลงไปทันทีที่ควันไหลเข้าไปในจมูกจนหมดแล้ว โฉมสุรางค์ผุดลุกขึ้นทันที
“ไม่...มันแย่งคนรักของข้า ข้าจะฆ่ามัน ถ้าไม่มีมัน สินธุก็ต้องกลับมาหาข้า”
บันดาสามองโฉมสุรางค์ด้วยสายตาทั้งรักทั้งผิดหวัง แต่ก็ไม่ยอมจำนนให้ พูดอย่างตัดสินใจแล้ว
“ถ้าแม่หญิงจะฆ่าเจ้าดาเรศ แม่หญิงก็ต้องข้ามศพพี่ไปก่อน”
โฉมสุรางค์ยิ่งโกรธเกรี้ยวเหมือนงูถูกตีขนดหาง
“พี่อย่านึกว่าข้าไม่กล้าทำอะไรพี่นะ”
บันดาสาเสียใจแต่ก็จำต้องชักกริชที่เหน็บไว้ออกมา มองโฉมสุรางค์อย่างตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว แต่ยังพูดด้วยเสียงนุ่มนวลเหมือนที่เคยพูดกับโฉมสุรางค์มาตลอด
“ตราบใดที่พี่ยังมีชีวิตอยู่ พี่จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเจ้าดาเรศเด็ดขาด”
โฉมสุรางค์มองกริชในมือบันดาสาอย่างนึกไม่ถึง พูดกับบันดาสาด้วยความรักระคนแค้น
“นี่พี่กล้าหยิบอาวุธมาสู้กับข้ารึ”
โฉมสุรางค์น้ำตารื้น เสียใจสุดซึ้ง เดินตรงเข้าไปหาบันดาสา
“ได้ ถ้าพี่ต้องการอย่างนั้นก็ได้ เพื่อเห็นแก่ความรักและความผูกพันที่เราเคยมีต่อกันมานับร้อยๆปี ข้าจะฆ่าพี่ด้วยมือของข้าโดยไม่ใช้อาคมใดๆ”
บันดาสาจำใจเงื้อกริชขึ้น ตัดใจจ้วงไปที่โฉมสุรางค์ แต่ถูกโฉมสุรางค์จับข้อมือ บิดจนกริชหล่นออกจากมือแล้วบีบคอบันดาสาไว้ เจ้าดาเรศเพิ่งรู้สึกตัว เห็นโฉมสุรางค์กำลังบีบคอบันดาสาก็ตกใจ
โฉมสุรางค์มองบันดาสาที่ตาเหลือก หายใจไม่ออกอย่างกึ่งแค้นกึ่งสะเทือนใจ ก่อนจะเหวี่ยงบันดาสาล้มลง เดินตรงเข้าไป หยิบกริชของบันดาสาที่ตกอยู่ที่พื้น เงื้อจะแทง
เจ้าดาเรศผวาเข้ามาผลักโฉมสุรางค์ออกไปเต็มแรง โฉมสุรางค์เสียหลัก แทงพลาดไป กริชหล่นพื้น
“ยาย ยายรีบหนีไปเถอะค่ะ...ไม่ต้องเป็นห่วงดา”
บันดาสาผวาเข้ามาขวางเจ้าดาเรศไว้
“เจ้านั่นแหละ รีบหนีไป เจ้าไม่มีทางสู้แม่หญิงได้”
“ไม่ค่ะ ดาจะไม่ยอมให้ยายต้องมาเดือดร้อนเพราะดาอีก”
เจ้าดาเรศขยับจะเดินไปคว้ากริชที่พื้น โฉมสุรางค์ใช้พลังดูดดึงกริชที่ตกมาไว้ในมือ
“ไม่ต้องเกี่ยงกันหรอก แกสองคนได้ตายพร้อมกันแน่” โฉมสุรางค์เหยียดยิ้มเย้ยหยัน “ก็ดี ถือว่าฉันทำบุญ แม่ลูกจะได้ขึ้นสวรรค์ไปอยู่ด้วยกันซะที”
เจ้าดาเรศชะงัก “แม่ ลูก...หมายความว่ายังไงคะ”
บันดาสานิ่ง ไม่ตอบ
โฉมสุรางค์ยิ้มหยัน ปรายตามองบันดาสา “ถูกขังอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน พี่ยังไม่ได้บอกมันอีกรึ ว่าพี่เป็นแม่มัน”
เจ้าดาเรศตกใจคาดไม่ถึง หันไปมองบันดาสาที่สบตาเจ้าดาเรศด้วยความรู้สึกผิดและละอายแก่ใจ อย่างตื่นตะลึง
ส่วนเจ้าพงษ์สุริยันกับกระถินก็ตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเช่นกัน
เจ้าพงษ์สุริยันครางออกมาเบาๆ “บันดาสาเป็นแม่ของดาเรศ”
กระถินหันไปพูดกับเจ้าพงษ์สุริยัน “เป็นไปได้ยังไงคะเจ้า”
เจ้าดาเรศได้สติ หันไปถามบันดาสา
“ยาย...ยายเป็นแม่ของดาจริงๆเหรอคะ”
บันดาสาน้ำตารื้น พยักหน้ารับ รู้สึกผิดต่อลูกมากมายที่เป็นคนทำให้เจ้าดาเรศต้องประสบกับชะตากรรมแบบนี้
“นี่หมายความว่า ยายกับเจ้าพ่อ...” เจ้าดาเรศไม่เข้าใจ “มันเป็นไปได้ยังไงคะ”
บันดาสาพูดไม่ออก
โฉมสุรางค์บอก “เพราะว่าฉันต้องการจะรักษาถ้ำแห่งนี้ไว้ ฉันเลยต้องยอมแต่งงานกับเจ้าพงษ์ แต่ฉันไม่ได้รักเจ้าพงษ์ และฉันจะไม่ยอมเป็นของใคร นอกจากสินธุคนเดียว...”
โฉมสุรางค์พูดจนเห็นเป็นภาพความหลังครั้งอดีต ในตอนส่งตัวโฉมสุรางค์กับเจ้าพงษ์สุริยันเข้าหอ บันดาสาเปลี่ยนตัวเข้าหอแทนโฉมสุรางค์
“ในวันแต่งงาน...พี่บันดาสาใช้มนต์ลวงตาให้เจ้าพงษ์เห็นว่าเค้าเป็นฉัน” โฉมสุรางค์หันไปพูดกับเจ้าพงษ์สุริยัน “คนที่เป็นเมียแกมาตลอดคือพี่บันดาสาไม่ใช่ฉัน” แล้วหันกลับมาหาเจ้าดาเรศ “เจ้าพงษ์ต้องการมีลูก ด้วยความรัก พี่บันดาสาก็เลยปล่อยให้มีแกขึ้นมา เพื่อหลอกทุกคนว่าเป็นลูกฉัน ตั้งแต่นั้นมาอาคมของพี่บันดาสาก็เสื่อมและมีสภาพอย่างที่แกเห็น”
เจ้าดาเรศอึ้งไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ มองบันดาสาด้วยความสับสนในใจ
โฉมสุรางค์มองเจ้าดาเรศอย่างโกรธเกรี้ยว
“แต่แกมันเกิดมาเพื่อทำลายชีวิตทุกคน แกไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป”
โฉมสุรางค์เดินช้าๆ เข้าไปหาเจ้าดาเรศ อย่างแน่ใจว่าเจ้าดาเรศไม่มีทางเอาชนะตนได้ บันดาสากอดลูกไว้อย่างปกป้อง
เจ้าดาเรศนิ่งอย่างมีสติ คิดหาทางสู้ ใช้มือดึงปิ่นด้ามแหลมที่ปักผมอยู่จดสายตาจ้องมองโฉมสุรางค์ไม่ลดละ
ทั้งคู่มองสู้สายตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
อ่านต่อหน้า 2
อนิลทิตา ตอนที่ 19 (ต่อ)
อีกฟากหนึ่ง ร่างโปร่งแสงของแม่เฒ่านายิกีปรากฏขึ้นในห้องนอนโฉมสุรางค์ นายิกีมองไปรอบๆห้อง เห็นแต่ความว่างเปล่า
“เป็นไปได้ยังไง ก็ในเมื่อสัญญาณชีพของไอ้จักรมันอยู่ที่นี่”
นายิกีท่องมนต์ขมุบขมิบ แล้วร่างของจักราที่นอนสลบอยู่ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนเตียง
“ที่แท้ มันก็ถูกนังโฉมใช้มนต์บังตาไว้นี่เอง”
นายิกีท่องมนต์แล้วเป่าไปที่จักรา
จักราค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างงุนงง ก่อนจะเห็นร่างโปร่งแสงของนายิกียืนอยู่ข้างๆ
“แม่เฒ่านายิกี”
“ข้าเอง...รีบไปกันเถอะ เพื่อนของเจ้ากำลังรออยู่” แม่เฒ่าบอก
รชากับพงษ์นครช่วยกันเดินสายชนวนระเบิดที่ปากถ้ำจนเสร็จ ก่อนจะเข้าไปหลบหลังก้อนหินก้อนใหญ่พยักหน้าให้กันอย่างเตรียมพร้อม
โฉมสุรางค์เดินตรงเข้าไปหาดาเรศและบันดาสาด้วยสายตาโหดเหี้ยม ดาเรศเอามือกันบันดาสาให้อยู่ข้างหลังตน เรียกบันดาสาว่าแม่เต็มปาก
“ในเมื่อคุณโฉมเกลียดฉัน ก็ฆ่าฉันคนเดียวเถอะ ปล่อยแม่ฉันไป แม่ฉันทำทุกอย่างเพื่อคุณมามากแล้ว”
“ไม่ต้องขอ ยังไงวันนี้แกได้ตายสมใจแน่” โฉมสุรางค์มองหน้าบันดาสา “ส่วนคนทรยศฉันก็ไม่ปล่อยไว้”
เจ้าดาเรศหันไปจับมือบันดาสาไว้ ปลอบโยน
“ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะแม่” แล้วหันไปประจันหน้าโฉมสุรางค์ “ถ้าฉันจะต้องตายไปพร้อมๆ กับคนที่รักฉัน ก็ดีกว่าต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยที่ไม่มีใครต้องการ”
โฉมสุรางค์ยิ่งโกรธจัด เพราะถูกเจ้าดาเรศพูดแทงใจดำ
“ก็ดี ในเมื่อแกอยากตาย ก็ตายไปพร้อมกันเลยก็แล้วกัน”
โฉมสุรางค์เงื้อกริชกำลังจะแทงเจ้าดาเรศ ทันใดนั้นเองก็เกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง ทุกอย่างในถ้ำสั่นสะเทือนราวกับเกิดแผ่นดินไหว
เจ้าดาเรศ โฉมสุรางค์ และบันดาสา กระเด็นไปคนละทิศคนละทาง
กระถินกับเจ้าพงษ์สุริยันกระเด็นกลิ้งขลุกขลักอยู่ในกรงขัง ก่อนที่กระถินจะเข้าไปประคองเจ้าพงษ์สุริยันไว้อย่างเป็นห่วง ดีใจ และเริ่มมีความหวัง
“เสียงระเบิด ต้องมีคนมาช่วยเราแล้วแน่ๆ”
จนทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติ เจ้าดาเรศผวาเข้าไปประคองบันดาสาไว้อย่างเป็นห่วง โฉมสุรางค์ทรงตัวลุกขึ้น มองไปที่ปากถ้ำอย่างหวาดระแวง ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งใกล้เข้ามา
โฉมสุรางค์ยิ้มเหี้ยม “ใครนะ ช่างเลือกเวลาเข้ามาหาที่ตายได้พอดิบพอดี”
โฉมสุรางค์มองไปตามเสียงที่หยุดลงตรงบริเวณทำพิธี แต่ไม่เห็นใครก็อึ้งไป และแปลกใจมาก
เจ้าดาเรศประคองบันดาสาอยู่ก็หันไปมองตามเสียง เห็นแต่ความว่างเปล่าเช่นกัน
โฉมสุรางค์ตะโกนก้อง “ใครบุกรุกเข้ามาในถ้ำของข้า”
รชากับพงษ์นครยืนนิ่งสังเกตการณ์ เห็นโฉมสุรางค์ ดาเรศ บันดาสา มองมาด้วยท่าทางแปลกใจ รชากับพงษ์นครมองหน้า ให้สัญญาณกันเงียบๆ
รชาหยิบสายสิญจน์ออกมาจากเป้อย่างช้าๆ ใช้มือทำสัญญาณให้พงษ์นครรู้ว่าจะเอาสายสิญจน์ไปมัดโฉมสุรางค์ เจ้าพงษ์นครรับรู้
ใบหน้าโฉมสุรางค์ยามนี้เริ่มกลัว หวั่นไหว เจ้าดาเรศเห็นเลยขู่เป็นเชิงให้โฉมสุรางค์ยิ่งใจเสีย
“กลัวเหรอคะ สงสัยจะเป็นวิญญาณของคนที่คุณโฉมฆ่าแน่ๆ ผีสางเทวดาคงไม่เข้าข้างคนชั่วหรอกค่ะ วิญญาณพวกนั้นคงอาฆาตแค้น และมาจัดการกับคนเลวๆอย่างคุณโฉมยังไงล่ะ”
โฉมสุรางค์หน้าเสีย “ไม่จริง”
รชากับเจ้าพงษ์นครค่อยๆ ย่องตรงไปที่โฉมสุรางค์ มือถือสายสิญจน์กันคนละข้าง ตรงเข้าไปหาโฉมสุรางค์ที่ยืนนิ่งมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง
สองหนุ่มย่องเข้ามาจนใกล้ตัวโฉมสุรางค์ พยักหน้าให้สัญญาณ ก่อนจะวิ่งเข้าไปหมายจะเอาสายสิญจน์รัดตัวโฉมสุรางค์ไว้
โชคร้ายนัก เพราะว่านบังตาหมดฤทธิ์พอดี ร่างของรชาและพงษ์นครปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาโฉมสุรางค์ ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเอาสายสิญจน์มัดโฉมสุรางค์อยู่
โฉมสุรางค์โกรธ “นึกว่าใคร ที่แท้ก็แกสองคนนี่เอง”
เจ้าดาเรศนึกไม่ถึง “เจ้าพี่ คุณรชา”
รชากับเจ้าพงษ์นครชะงัก มองหน้ากัน
เจ้าพงษ์นครตกใจ “เฮ้ย...คุณรชาว่านหมดฤทธิ์แล้ว”
โฉมสุรางค์ยิ้มเหี้ยมเกรียม “อาศัยว่านบังตาเข้ามา ก็อย่าหวังเลยว่าจะมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้”
เจ้าดาเรศร้องเตือนอย่างเป็นห่วง “เจ้าพี่ระวังตัวด้วยค่ะ”
รชากับเจ้าพงษ์นครหลบไม่ทัน โฉมสุรางค์พูดจบก็ใช้ฝ่ามือซัดพลังไปที่สองหนุ่ม ทั้งคู่ลอยไปกระแทกกับกรงขังสลบไป แต่มือรชายังกำสายสิญจน์ไว้มั่น กระถินกับเจ้าพงษ์สุริยันตกใจสุดขีด
กระถินร้องลั่น “คุณรชา เจ้าพงษ์นคร”
โฉมสุรางค์หันขวับมาที่เจ้าดาเรศกับบันดาสา
“ทีนี้ก็ถึงเวลาของแกแล้ว”
โฉมสุรางค์ปากริชที่มือออกไปอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าไปหาเจ้าดาเรศทันที โดยที่เจ้ายังไม่ทันระวังตัว แต่บันดาสาซึ่งระวังอยู่แล้วผวาเข้าไปเอาตัวบังลูกไว้ จึงถูกกริชแทงทะลุกลางอก ล้มลงทันที
โฉมสุรางค์ตะลึงตาค้าง คาดไม่ถึง “พี่บันดาสา”
บันดาสามีสีหน้าเจ็บปวด เจ้าดาเรศช็อก พอได้สติก็ปราดเข้าไปประคองแม่ด้วยความเป็นห่วงสุดหัวใจ
“คุณแม่...”
บันดาสาเจ็บปวดเจียนตายรีบบอก “เจ้า...รีบหนีไป อย่าห่วงแม่”
โฉมสุรางค์ซึ่งยืนตะลึง เมื่อเห็นบันดาสาเอาตัวเข้ารับกริชแทนลูก พอได้สติ ก็ยิ้มเหี้ยมออกมาก่อนจะยื่นมือไปข้างๆ ตัว บริกรรมคาถาเพื่อให้กริชหลุดออกจากอกบันดาสาลอยเข้ามาอยู่ในมือตนอีกครั้ง
“พี่บันดาสา พี่รักลูกของพี่มากไม่ใช่รึ ไม่ต้องห่วงนะ ข้าจะรีบส่งมันไปอยู่กับพี่เดี๋ยวนี้”
“หยุดนะคุณโฉม”
โฉมสุรางค์หันไปตามเสียง ประหลาดใจที่เห็นจักราเดินตรงเข้ามา
“สินธุ...”
จักราพูดด้วยเสียงหนักแน่น จริงจัง “ถ้าคุณทำร้ายเจ้าดาเรศ ผมสาบานว่าผมจะเกลียดคุณ และเป็นศัตรูกับคุณไปทุกภพทุกชาติ”
โฉมสุรางค์ชะงัก ทั้งโกรธ ทั้งเสียใจ
อ่านต่อหน้า 3
อนิลทิตา ตอนที่ 19 (ต่อ)
ระหว่างนั้น รชากับเจ้าพงษ์นครนอนสลบอยู่ กระถินกับเจ้าพงษ์สุริยันช่วยกันเขย่าร่างสองคนจนฟื้น กระถินกับเจ้าพงษ์สุริยันดีใจมาก
“ฟื้นแล้ว”
รชามองไปยังกรงขังร้องเรียก “กระถิน”
รชากับเจ้าพงษ์นครลุกขึ้น สำรวจรอบๆ ตัวเอง
“สายสิญจน์อยู่ไหนครับเจ้า”
เจ้าพงษ์นครชูสายสิญจน์ขึ้น
“อยู่นี่ครับ”
โฉมสุรางค์ละสายตาจากเจ้าดาเรศ เดินตรงเข้าไปหาจักรา พูดตัดพ้ออย่างเสียใจ
“ข้าจะฆ่าดาเรศหรือไม่ฆ่า ท่านก็หมดรักในตัวข้าแล้วไม่ใช่รึสินธุ แล้วข้าจะเก็บมันไว้ทำไม”
จักรามองโฉมสุรางค์อย่างเข้าใจ เห็นใจ แต่ไม่ใจอ่อน
“แต่คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น”
โฉมสุรางค์เจ็บปวดยิ่งนัก “ที่ข้าทำไปก็เพราะรักท่าน ท่านทรยศกับความรักของข้า เสียแรงที่ข้ารักและภักดีต่อท่านคนเดียวตลอดมา”
“ผมไม่เคยทรยศ ในวันที่ผมเป็นสินธุ ผมรักอนิลทิตาด้วยหัวใจทั้งหมดจนลมหายใจสุดท้าย ผมหวังว่าผมจะได้เกิดมาพบ มารักผู้หญิงคนนั้นตลอดไปทุกชาติ”
โฉมสุรางค์น้ำตารื้นเมื่อคิดถึงความรักระหว่างตนกับสินธุ
“แต่ผมไม่คิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะเห็นแก่ตัว เลือกที่จะฆ่าคน เอาเลือดมารักษาชีวิตตัวเองเพื่อรอผม”
“ก็เพราะข้ารักท่านอย่างไรล่ะ ข้ากลัวว่าจะไม่ได้พบกับท่านอีก”
จักราพูดสวนขึ้นมาทันที “แต่ผมไม่มีวันจะรักผู้หญิงที่โหดร้ายอย่างคุณได้อีก”
โฉมสุรางค์หน้าเสีย จักรามองโฉมสุรางค์ด้วยความเสียใจ พูดด้วยเสียงอ่อนลง
“ผมขอร้อง...ขอให้เรื่องทุกอย่างมันจบลงแค่นี้ และปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่มันควรจะเป็น ซักวันนึงเราอาจจะได้เกิดมาพบกันอีก”
โฉมสุรางค์กล้ำกลืนน้ำตาและความรักลงไป เหลือแต่ความเคียดแค้นที่มีต่อชายคนรัก
“ไม่...ข้าไม่มีวันหลงเชื่อคำพูดของผู้ชายตระบัดสัตย์อย่างท่านอีก...ในเมื่อชีวิตข้าต้องอับปางเพราะท่าน ท่านก็อย่าหวังเลยว่าท่านจะได้สมรักกับหญิงคนอื่น”
พูดจบโฉมสุรางค์ก็หลับตาท่องมนต์
ระหว่างนั้นทุกอย่างก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง หินหลายก้อนหล่นร่วงลงมาราวกับห่าฝน เหมือนกับถ้ำกำลังจะถล่มทลาย
รชา กับเจ้าพงษ์นคร พยายามหลบหลีกก้อนหินที่หล่นลงมา วิ่งไปมาหาร่างโปร่งใสของนายิกี
“แก 2 คนต้องเอาสายสิญจน์ไปมัดตัวมันให้ได้ เราต้องหยุดมันเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นตายกันหมดแน่”
สองหนุ่มพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะพยายามหาทางลัดเลาะหลบก้อนหินเข้าไปหาโฉมสุรางค์
โฉมสุรางค์ยืนท่องมนต์ท่ามกลางก้อนหินที่ตกลงมาเป็นระยะ จักรากอดเจ้าดาเรศกับบันดาสาไว้ พยายามจะหาที่หลบก้อนหิน
“เจ้า หนีไปเร็วๆเข้า ไม่ต้องห่วงแม่”
เจ้าดาเรศประคองบันดาสาไว้ไม่ยอมปล่อยพูดอย่างหนักแน่น
“ไม่ค่ะ ดาไม่มีวันทิ้งคุณแม่”
รชากับเจ้าพงษ์นครโผล่ออกมาจากซอกหินอีกด้าน
“ไอ้จักร...” จักราหันไปชูก้อนสายสิญจน์ให้จักราเห็น “รับด้วย”
พลันรชาโยนกลุ่มสายสิญจน์ข้ามโฉมสุรางค์ไปให้จักรา ในขณะที่เจ้าพงษ์นครถือปลายสายสิญจน์อีกด้านไว้มั่น พอจักรารับม้วนสายสิญจน์จากรชา
รชากับพงศ์นครถือสายสิญจน์วิ่งอ้อมโฉมสุรางค์ จนสายสิญจน์ต่อกันเป็นวงล้อมรูปสามเหลี่ยม และเกิดเส้นแสงรูปสามเหลี่ยมตามเส้นสายสิญจน์
โฉมสุรางค์มองจักรา รชา และเจ้าพงษ์นครอย่างคั่งแค้น แต่ออกไปนอกวงล้อมของสายสิญจน์ไม่ได้
“ดีเหมือนกัน วันนี้ล่ะที่ท่านจะต้องตายด้วยน้ำมือของข้า...สินธุ และข้าก็จะยอมตายด้วยน้ำมือของท่านเช่นเดียวกัน”
โฉมสุรางค์หลับตา ใช้พลังและสมาธิท่องคาถาเร็วขึ้นๆ ด้วยแรงแค้น น้ำตาไหลรินเป็นสาย
ทุกอย่างในถ้ำสั่นสะเทือน ก้อนกินใหญ่ๆ ร่วงตกลงมาแตกกระจาย
ร่างโปร่งใสของนายิกีปรากฏขึ้นที่หน้ากรงขัง กระถินกำลังประคองเจ้าพงษ์นครที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่ หันมาเห็นนายิกีก็ดีใจ
“แม่เฒ่า...”
นายิกีสะเดาะกลอนห้องขังให้พลางบอก “รีบหนีออกไป”
เจ้าพงษ์สุริยันเป็นห่วงเจ้าดาเรศ “แต่ลูกดา...”
นายิกีพูดเสียงแข็ง “ข้าจัดการเอง พวกแกออกไปก่อน อย่ามาทำให้พะว้าพะวังกันไปหมด”
ฝ่ายจักรากับรชาถือปลายสายสิญจน์ทั้ง 2 ด้าน ดึงสายสิญจน์นั้นรัดรอบตัวโฉมสุรางค์ไว้แล้ว
โฉมสุรางค์เหงื่อแตก หน้าซีดด้วยความเจ็บปวดทรมาน ไม่สามารถท่องมนต์ต่อไปได้
เจ้าพงษ์นครวิ่งเข้าไปช่วยเจ้าดาเรศประคองบันดาสาออกไปรวมกลุ่มกับนายิกี เจ้าพงษ์สุริยัน และกระถิน โดยจักราเข้าไปขมวดปมสายสิญจน์ที่มัดอยู่รอบตัวโฉมสุรางค์เข้าด้วยกัน
โฉมสุรางค์จดสายตามองจ้องจักราอย่างปวดร้าว ตัดพ้อด้วยความเสียใจ
“สินธุ นี่ท่านตอบแทนความรักของข้าแบบนี้น่ะหรือ”
นายิกีปรากฏตัวขึ้น ใช้สมาธิและพลังทั้งหมดท่องมนต์กักดวงจิตและวิญญาณของโฉมสุรางค์ไว้ในบ่วงสายสิญจน์ จนสายสิญจน์ร้อนแดงวาบราวกับเส้นไฟที่กำลังลุกโชน โฉมสุรางค์ร้องกรี๊ดเสียงดังโหยหวนด้วยความเจ็บปวดสุดจะประมาณ
จักรามองโฉมสุรางค์ด้วยสายตาปวดร้าวและเสียใจไม่แพ้กัน
นายิกีแข็งใจบริกรรมคาถาจนเสร็จ ก่อนที่ร่างนายิกีจะโปร่งแสงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายหายวับไป
อ่านต่อหน้า 4
อนิลทิตา ตอนที่ 19 (ต่อ)
แลเห็นกายหยาบของนายิกีนั่งสมาธิอยู่ในห้องพักที่รีสอร์ท ทันใดนั้นร่างโปร่งแสงของนายิกีก็กลับเข้าไปในกายหยาบนั้นแล้วฟุบลงอย่างหมดแรง
จักรากับรชาตามมาสมทบกับ เจ้าพงษ์สุริยัน กระถิน ในขณะที่เจ้าดาเรศกับเจ้าพงษ์นครกำลังช่วยกันประคับประคองบันดาสาไป
รชาบอกกับเจ้าพงษ์นคร “เจ้า เราต้องไปจัดการเรื่องของเราให้เสร็จก่อน” แล้วหันมาทางเจ้าดาเรศกับกระถิน “คุณสองคนรีบพาเจ้าพ่อกับคุณยายออกไปก่อนนะ”
“แล้วพวกคุณล่ะ” กระถินสงสัย
จักรา เจ้าดาเรศ กระถิน เจ้าพงษ์สุริยัน มองหน้ารชากับเจ้าพงษ์นครอย่างสงสัย
เจ้าพงษ์นครกับรชาและจักราเอาระเบิดไปวางไว้ที่ต่างๆ ในถ้ำ แล้วเดินสายชนวน เห็นสายชนวนระโยงระยางไปตามพื้นถ้ำ
เจ้าพงษ์นคร รชา และจักราวิ่งออกจากถ้ำมาถึงชายป่า ตรงบริเวณที่เจ้าดาเรศ กระถิน เจ้าพงษ์สุริยัน และ บันดาสารออยู่
“ทุกคนออกมาครบแล้วนะครับ”
รชามองให้แน่ใจอีกที ก่อนจะมองรีโมทในมือ
โฉมสุรางค์ที่กลายเป็นหญิงแก่อายุ 300 ปีถูกสายสิญจน์พันไว้ ฟุบอยู่ที่พื้นถ้ำ มีเสียงตูมใหญ่ดังขึ้น ทุกอย่างรอบตัวโฉมสุรางค์ระเบิดกระจุยกระจาย
ทุกคนอยู่บริเวณชายป่าไกลออกมา จักรา เจ้าดาเรศ รชา เจ้าพงษ์นคร เจ้าพงษ์สุริยัน และกระถิน มองภาพถ้ำระเบิดอย่างโล่งใจที่ทุกอย่างจบลงไปได้
เจ้าดาเรศซึ่งพะว้าพะวังอยู่กับบันดาสาตลอดเวลา ละล่ำละลักพูดขึ้นย่างกังวลมาก
“เรารีบพาคุณแม่ไปหาหมอกันเถอะค่ะ”
ทุกคนเห็นด้วย จักราปราดเข้าไปจะอุ้มบันดาสา แต่บันดาสาส่ายหน้า พูดเสียงแผ่วอย่างอ่อนแรง
“ไม่มีประโยชน์หรอกเจ้า แม่รู้ตัวดีว่าแม่คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน”
เจ้าดาเรศพูดขัดขึ้นทันทีอย่างไม่ยอม
“แต่ดาจะไม่ยอมให้คุณแม่เป็นอะไร คุณแม่จะต้องอยู่กับดา”
“เชื่อแม่เถอะ...ร่างกายของแม่ทนต่ออีกไม่ไหวแล้ว แม่ขอร้อง ขอให้แม่ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่กับลูก” บันดาสามองไปที่เจ้าพงษ์สุริยัน “และกับคนที่แม่รัก”
เจ้าพงษ์สุริยันมองบันดาสาด้วยความสงสาร ไม่ได้รักแต่ผูกพัน
“ฉันขอบใจนะบันดาสา ที่เธอทำทุกอย่างเพื่อฉัน และดูแลฉันมาตลอด”
บันดาสามองเจ้าพงษ์นครด้วยสายตาที่แสดงถึงความรักและภักดี
“เจ้าไม่สมควรต้องขอบคุณฉัน ฉันทำให้ชีวิตเจ้าต้องเป็นแบบนี้”
บันดาสาน้ำตารื้น รู้สึกผิดบาปในใจอย่างที่สุด
“ถ้าฉันไม่สอนมนต์ดำให้แม่หญิง และปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ควรจะเป็น ทั้งเจ้า เจ้าดาเรศ คุณจักราและทุกๆ คนก็คงไม่ต้องมาเผชิญกับชะตากรรมที่เลวร้ายแบบนี้”
เจ้าดาเรศกุมมือบันดาสาไว้ ไม่ได้โกรธหรือเกลียดเลย มีแต่ความดีใจที่ได้รู้ว่าแม่ที่แท้จริงเป็นใครและรักตนมากแค่ไหน แต่เศร้านักที่เหลือเวลาอยู่ด้วยกันอีกไม่นาน
เจ้าพงษ์สุริยันกุมมืออีกข้างของบันดาสาไว้
“อย่าโทษตัวเองเลยนะ ฉันเข้าใจว่าเธอทำไปด้วยความรัก ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เธอทำให้คุณโฉม หรือทำให้ลูกดากับฉัน...เธอทำทุกอย่างให้คนที่เธอรักโดยไม่ได้คิดถึงความสุขของตัวเองเลย”
เจ้าดาเรศจับมือบันดาสามาแนบแก้มด้วยความรัก
“ดารักคุณแม่นะคะ คุณแม่คงไม่รู้ว่าดาดีใจแค่ไหนที่รู้ว่าดาเป็นลูกของคุณแม่”
เจ้าดาเรศคิดถึงสิ่งที่บันดาสาทำให้ตนมาตลอดแล้วน้ำตาไหล
“เป็นลูกของคนที่ดารู้ว่ารัก และคอยปกป้องดามาตลอด แต่ดาก็ยังไม่มีโอกาสได้ตอบแทนพระคุณ”
บันดาสาอ่อนแรงเต็มที แต่ยิ้มอย่างมีความสุขอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาหลายร้อยปีแล้ว
“แค่ลูกปลอดภัยและมีความสุข ก็ถือว่าได้ตอบแทนแม่แล้ว”
เจ้าดาเรศน้ำตาไหลพราก “ดาจะมีความสุขได้ยังไงถ้าคุณแม่ทิ้งดาไป”
บันดาสาค่อยๆ เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้ลูก เพ่งมองใบหน้าเจ้าดาเรศให้เต็มตาอย่างพยายามจะจดจำไว้ในหัวใจ
“แม่จะไม่ทิ้งลูกไปไหน...ถึงแม่จะจากไปก็แต่เพียงกาย แต่หัวใจของแม่จะอยู่กับลูกเสมอ”
ในสำนึกสุดท้ายนั้นบันดาสายิ้มให้ลูก แล้วหลับตาลงอย่างอ่อนแรง มือที่เช็ดน้ำตาให้เจ้าดาเรศค่อยๆ ร่วงตกลงมา
และสิ้นใจตายไปในอ้อมกอดเจ้าดาเรศกล่องดวงใจของนางนั่นเอง
พอแยกจากเจ้าดาเรศที่พาเจ้าพงษ์สุริยัน และกระถินกลับคุ้ม ในค่ำคืนนั้น สามหนุ่ม รชา จักรา และเจ้าพงษ์นคร ก็รีบกลับมารีสอร์ท วิ่งกรูเข้ามาในห้องพักนายิกี เห็นแม่เฒ่าสะพายย่ามนั่งฟุบจมกองเลือดอยู่ ทั้งสามคนพากันตกใจ
จักราร้องเรียก “แม่เฒ่า แม่เฒ่าเป็นอะไรหรือเปล่า”
รชารีบเข้าไปพลิกตัวนายิกีขึ้น ใช้มืออังที่จมูก
“ยังมีลมหายใจอยู่”
“รีบพาแม่เฒ่าไปโรงพยาบาลดีกว่าครับ” จักราบอก
รชารีบอุ้มนายิกีแล้วรีบออกจากห้องไป
เช้าแล้ว จักรา รชา และเจ้าพงษ์นครเฝ้าดูอาการนายิกีอยู่ในห้องพักผู้ป่วยของโรงพยาบาลอย่างเป็นห่วง แม่เฒ่านายิกีค่อยลืมตาขึ้น กลอกตามองดูรอบๆ ทำเสียงอึกอัก
รชาแลเห็นก่อนใคร “แม่เฒ่าฟื้นแล้ว”
ทั้งสามคนรีบปรี่เข้าไปใกล้เตียงนายิกี นายิกีถามเสียงอ่อนแรง
“นังโฉมมันเป็นยังไงมั่ง”
“ทุกอย่างเรียบร้อยครับ ถ้ำระเบิดแล้ว และร่างคุณโฉมก็ระเบิดแหลกไปพร้อมกับถ้ำออกมาอีกไม่ได้แล้วครับ” รชาบอก
“แม่เฒ่าเบาใจได้ครับ เรื่องร้ายๆ จบลงแล้ว”
นายิกีพยายามพูด
“มันยังไม่จบง่ายๆ พวกเจ้าอย่าเพิ่งนิ่งนอนใจ”
สามหนุ่มชะงัก ด้วยความสงสัย
“แม่เฒ่าหมายความว่ายังไงครับ”
“ถึงร่างมันจะแหลกไปพร้อมกับถ้ำ แต่ก็เป็นเพียงกายเนื้อ คนที่มีอาคมแข็งกล้าอย่างนังโฉมดวงจิตมันยังไม่แตกสลายไปง่ายๆ หรอก”
จักรามองนายิกี คิดไม่ถึง
“หมายความว่าคุณโฉมยังมีโอกาสกลับมาทำร้ายพวกเราได้อีกเหรอครับแม่เฒ่า”
“ใช่ ดวงจิตอาฆาตแค้นของนังโฉมมันไม่ปล่อยพวกเราไว้แน่ ตราบใดที่มันถอดดวงจิตเอาไปไว้ในรูปวาด มันก็จะใช้มายาภาพนั้นออกมาทำร้ายคนได้อีก”
นายิกีนิ่งคิด เหลือบไปมองย่ามของตนที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง จึงค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบสายสิญจน์อาคมขึ้นมาส่งให้จักรา
“ไอ้จักร เอาสายสิญจน์นี้ไป แล้วไปเอารูปวาดของนังโฉมที่คุ้มเชียงแมนมาให้ข้าทำลายให้เร็วที่สุด”
จักรารับสายสิญจน์จากนายิกี สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
สายวันเดียวกันนี้ รถขนศพคนงานคุ้มเชียงแมนที่ถูกอนิลทิตาฆ่าแล่นออกจากคุ้ม มุ่งหน้าไปทางวัดใกล้ๆ เจ้าดาเรศ กับ เจ้าพงษ์สุริยัน สองพ่อลูกอยู่ในชุดดำไว้ทุกข์ มองตามอย่างสลดหดหู่ใจ
“ดาจะให้เงินช่วยเหลือทางครอบครัวของแต่ละคนที่เสียชีวิตไปตามสมควรนะคะเจ้าพ่อ”
“ดีแล้วลูกที่เค้าต้องมาตายก็เพราะเรา” ประมุขคุ้มเชียงแมนเศร้าใจ “รวมถึงบันดาสาแม่ของลูก”
เจ้าดาเรศน้ำตาซึม
“พอเสร็จจากนี้ เราจะทำยังไงต่อไปดีคะเจ้าพ่อ”
เจ้าพงษ์สุริยันน้ำตารื้น
“พ่อไม่อยากอยู่ที่นี่ ที่นี่มีแต่เรื่องเศร้า ตอนนี้เราก็เหลือกันแค่สองคน ถ้าลูกดาไม่ขัดข้อง พ่ออยากขายคุ้มนี้ ขายกิจการไร่ชาทั้งหมด แล้วลงไปอยู่กรุงเทพฯ ดีมั้ยลูก”
เจ้าดาเรศนิ่งคิด รู้สึกสับสน ก่อนตัดสินใจแน่วแน่
“แล้วแต่เจ้าพ่อเถอะค่ะ ดาก็ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้วเหมือนกัน”
เจ้าพงษ์สุริยันใจหาย มองคุ้มที่ตัวเองสร้างมากับมือหน้าหมองเศร้า
“ลูกเหนื่อยมามากแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวพ่อกับกระถินไปจัดการเรื่องศพที่วัดก่อน”
เจ้าพงษ์สุริยันเดินออกไป ดาเรศเหลียวมองไปรอบคุ้ม ใจหายเช่นกัน
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เจ้าดาเรศหยิบขึ้นมาดู ที่หน้าจอเป็นชื่อจักรา หญิงสาวรีบกดรับ
“ว่าไงคะคุณจักร”
จักราคุยสายขณะกำลังเดินมาที่ลานจอดรถของโรงพยาบาล
“คุณดายังอยู่ที่คุ้มใช่มั้ยครับ”
เจ้าดาเรศกำลังเดินกลับเข้าเรือนใหญ่
“ใช่ค่ะ คุณจักรมีอะไรเหรอคะ”
“เดี๋ยวผมจะเข้าไปเอารูปวาดของคุณโฉมที่คุ้มนะครับ”
เจ้าดาเรศสงสัย
“คุณจักรจะเอาไปทำไมเหรอคะ”
“แม่เฒ่าสั่งให้เอาไปทำลายครับ”
เจ้าดาเรศอึ้ง ชะงัก
“ทำลายรูปเหรอคะ ดีเหมือนกันค่ะ เรื่องจะได้จบซะที”
เจ้าดาเรศวางสาย รู้สึกโล่งใจ จากนั้นเดินต่อเข้าไปในตัวเรือนใหญ่
อีกฟาก มองจากบริเวณหน้าถ้ำอาบน้ำโลหิต แลเห็นควันสีดำกลุ่มใหญ่ค่อยๆ ลอยออกมาจากปากถ้ำ ต่อเนื่องเป็นสายยาว ไหลไปทางคุ้มเชียงแมน
เจ้าดาเรศก้าวเข้ามาในห้องลับของโฉมสุรางค์ บรรยากาศเงียบสงัดดูทึบทึมและอึมครึม เจ้าดาเรศเดินมาหยุดที่หน้ารูปวาดอนิลทิตา จ้องมองใบหน้างามในรูปนั้น อดรู้สึกสงสารไม่ได้
“คุณโฉม คุณได้รับผลกรรมที่คุณก่อไว้แล้ว ไปผุดไปเกิดซะเถอะนะคะ อย่าอาฆาตพยาบาทต่อกันเลย”
ระหว่างนี้ควันสีดำลอยลอยเข้ามาในคุ้มเชียงแมน ไหลพันมาตามเสาเรือนใหญ่ เลื่อนไปตามขื่อคาน
เจ้าดาเรศเดินลงมาที่โถงเรือน เหลียวมองสิ่งต่างๆ รอบตัว ด้วยความรู้สึกหดหู่ที่ต้องจากที่นี่ไป ควันสีดำไหลเข้ามาที่โถง โดยที่เจ้าดาเรศไม่เห็น
เจ้าดาเรศมองไปยังตู้โชว์เห็นกรอบรูปครอบครัวที่ถ่ายร่วมกันตั้งอยู่ มีเจ้าพงษ์สุริยัน โฉมสุรางค์ และเจ้าดาเรศในวัยเด็ก โฉมสุรางค์วางหน้านิ่งเฉยไม่ยิ้มยินดีเช่นเดียวกับพ่อลูก เจ้าดาเรศหยิบขึ้นมาดู
“ดาเข้าใจแล้วค่ะ ว่าทำไมคุณโฉมถึงไม่เคยรักดาเลย”
เจ้าดาเรศวางกรอบรูปลงที่เดิมหันหลังกลับ ในจังหวะเดียวกับควันสีดำลอยหลบสายตาเจ้าดาเรศขึ้นไปชั้นบน
ควันสีดำลอยลอดผ่านช่องใต้ประตูเข้ามา ม้วนตัวอยู่ในห้องก่อนจะพุ่งตรงไปยังหน้าห้องลับ
พอควันนั้นลอยเข้ามาในห้องลับ ก็ไหลไปที่รูปวาดอนิลทิตา ม้วนรวมตัวอยู่ตรงหน้ารูปวาดครู่หนึ่ง แล้วพุ่งเข้าไปในรูปวาดอนิลทิตาทันที
พริบตานั้นเอง ใบหน้าอนิลทิตา นัยน์ตาในรูปวาดเป็นประกายเหมือนมีชีวิต แสยะยิ้มเหี้ยมโหดออกมา ชวนขนลุกขนพองเป็นที่ยิ่ง
อ่านต่อตอนที่ 20