xs
xsm
sm
md
lg

อนิลทิตา ตอนที่ 17

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อนิลทิตา ตอนที่ 17

ทั่วทั้งถ้ำตกอยู่ในความมืด ได้ยินเพียงเสียงผลึกเกลือเพชรแตกกระจาย นั่นทำให้เจ้าพงษ์นครเริ่มรู้สึกตัว ชายหนุ่มลืมตาขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่ในความมืด และยังได้ยินเสียงผลึกเกลือแตกอยู่

“เสียงอะไร”
เจ้าพงษ์นครขยับตัวพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็รู้สึกเจ็บที่ศีรษะ พอได้สติเต็มที่ สิ่งแรกที่คิดถึงคือรชา
“คุณรชา! คุณรชาครับ”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบจากรชา
เจ้าพงษ์นครพยายามเพ่งฝ่าความมืดออกไป จนเมื่อสายตาเริ่มชินกับความมืดจึงพบว่ารชานอนกองอยู่อีกมุมหนึ่ง เจ้าพงษ์นครดีใจ ประคองตัวไปจนถึง พยายามเขย่าตัวรชาให้ได้สติ
“คุณรชาคุณรชาตื่นเถอะครับ คุณรชา”
รชารู้สึกตัว ผลุนผลันลุกขึ้น แต่ต้องเอามือกุมหัว ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย” หันมาเห็นเจ้าพงษ์นคร “เจ้าพงษ์ นี่มันเกิดอะไรขึ้น” นึกขึ้นมาได้ “เราถูกทำร้ายใช่มั้ยครับ”
เจ้าพงษ์นครเครียด “ครับ และตอนนี้เราก็กำลังถูกขังอยู่”
รชาเหลียวขวับไปเห็นลูกกรงเหล็กที่ประตูมีโซ่เหล็กคล้อง และล็อกด้วยกุญแจดอกใหญ่อีกชั้น ก็อึ้งไป
เวลานี้ผลึกแตกกระจายออกจนหมดแล้ว เผยให้เห็นโฉมสุรางค์กลายกลับเป็นสาวสวยเปล่งปลั่งในชุดสีแดง ลุกขึ้นยืนอยู่กลางผลึกเกลือเพชร ดูเต็มไปด้วยอำนาจและพลัง นายิกี และ จักรา ตกใจ โฉมสุรางค์ตวัดสายตา มองปราดมาที่นายิกี
“นังเฒ่านายิกี แกบังอาจทำพิธีตัดคอข้า แกอย่ามีชีวิตอยู่ต่อไปเลย”
ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคน โฉมสุรางค์ใช้สายตาหักผลึกเกลือเพชรที่แหลมคมออกมา แล้วตวัดสายตาไปที่นายิกีทันที
นายิกีหายจากอาการตกตะลึง ขยับตัวหลบ แต่ไม่ทัน โดนผลึกเกลือเฉี่ยวแขนจนเลือดออก แรงกระแทกทำให้นายิกีเสียหลัก
จักรารีบเข้าไปประคองนายิกีไว้อย่างเป็นห่วง
“แม่เฒ่า”
โฉมสุรางค์เพ่งมองไปที่นายิกี ตาเป็นประกายอย่างคั่งแค้น บริกรรมคาถา ตั้งใจจะเอาให้ถึงตาย จักราละสายตาจากนายิกี หันไปหมายจะห้ามโฉมสุรางค์ แต่เสียงเจ้าดาเรศดังขึ้นมาก่อน
“คุณแม่ อย่าค่ะ”
โฉมสุรางค์ชะงัก เหลียวขวับไปตามเสียงพร้อมๆ กับจักราและนายิกี
เจ้าดาเรศวิ่งเข้ามายืนขวางนายิกี และเผชิญหน้ากับโฉมสุรางค์ ทั้งจักรากับบันดาสาตกใจที่เห็นเจ้าดาเรศที่นี่ บันดาสาพยายามจะลุกขึ้น แต่ก็ลุกไม่ได้
“คุณดา” / “เจ้าดาเรศ” สองคนอุทางออกมา
“ดาขอร้อง คุณแม่อย่าทำร้ายใครอีกต่อไปเลยนะคะ”
โฉมสุรางค์มองเจ้าดาเรศอย่างโกรธแค้น
“อย่าทำร้ายใครงั้นเหรอ แล้วที่พวกแกมารุมทำร้ายฉันล่ะ”
“ดารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ดารู้ว่าที่คุณแม่ทำลงไปทุกอย่างก็เพราะความรัก...แต่สิ่งที่คุณแม่ทำมันฝืนธรรมชาติ แล้วก็บาปมาก”
“ต่อให้บาปกว่านี้อีกร้อยเท่าพันทวีฉันก็จะทำ ฉันเฝ้ารอสินธุมานานนับร้อยปี...เพื่อที่จะได้รัก ได้อยู่กับเค้า แต่พวกเธอกลับมาขัดขวางความรักของฉัน”
จักราเข้าใจ แต่ก็ตัดสินใจพูดตรงๆ
“คุณโฉมครับ ผมซาบซึ้งในความรักของคุณ แต่คุณก็รู้ว่าไม่มีสินธุอีกต่อไปแล้ว ชาตินี้ผมคือจักรา สัญญาระหว่างสินธุกับอนิลทิตามันจบไปแล้วตั้งแต่สินธุหมดลมหายใจไปเมื่อชาติก่อน”
“แต่สัญญาของข้าคือนิรันดร์ ข้าถึงได้ทำแบบนี้เพื่อที่จะได้มาเจอท่าน”
โฉมสุรางค์มองจักราอย่างวิงวอน ขอร้อง จักราหนักใจ

เจ้าพงษ์นครเอาปืนยิงกุญแจห้องขังจนแตกกระจาย ก่อนจะช่วยกันกับรชาดึงโซ่ที่ล่ามประตูไว้ออกแล้วเปิดประตูออกมา มองซ้ายมองขวาอย่างสังเกตการณ์
“คุณป้าต้องทำพิธีอยู่ทางด้านโน้นแน่ๆ เพราะนี่มันก็สุดทางแล้ว”
รชาร้อนใจ “งั้นเราก็รีบตามไปเถอะ ป่านนี้ไม่รู้ว่าไอ้จักรกับแม่เฒ่าจะเป็นยังไงบ้าง”
เจ้าพงษ์นครกับรชารีบเดินย้อนกลับออกไป

ส่วนหน้าแท่นพิธีบูชายัญ เจ้าดาเรศยังอ้อนวอนขอร้องโฉมสุรางค์อยู่
“คุณแม่ยอมรับความจริงเถอะนะคะ ยังไงคุณจักรก็ไม่มีวันจะกลับไปเป็นสินธุของคุณแม่ได้...”
โฉมสุรางค์หันไปมองเจ้าดาเรศอย่างเคียดแค้นชิงชัง
“สินธุกลับมาหาฉันแล้ว แต่เธอนั่นแหละที่เป็นคนทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง เพราะเธอต้องการจะแย่งเค้าไปจากฉัน”
เจ้าดาเรศมองโฉมสุรางค์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
“ดาไม่เคยคิดจะแย่งคุณจักรไปจากคุณแม่ค่ะ...ดาสัญญาว่าจะไม่พบ ไม่ติดต่อเกี่ยวข้องกับคุณจักร แต่ดาจะไม่ยอมให้คุณแม่ทำผิดอีก...”
โฉมสุรางค์มองด้วยสายตามุ่งร้าย “เธอจะไม่ได้พบเค้าอีกแน่ เพราะฉันจะไม่ปล่อยให้เธอมีชีวิตเป็นหนามตำหัวใจฉันอยู่แบบนี้อีกต่อไป”
โฉมสุรางค์พูดจบก็ก้าวออกมาจากซากผลึกเกลือเพชร เดินจะตรงเข้าไปหาเจ้าดาเรศ ซึ่งยืนนิ่งอย่างไม่คิดจะหนีหรือร้องขอชีวิต บันดาสาพยายามจะกระเสือกกระสนลุกขึ้นมาห้าม
“แม่หญิง อย่าทำอะไรเจ้าดาเรศเลยนะ พี่ขอร้อง”
โฉมสุรางค์ไม่ฟัง จักรากระชากมีดจากร่างหมวดจิ๊บขึ้นมาจ่อที่คอตัวเอง
“ถ้าคุณทำอะไรคุณดา ผมก็จะขอตายตามคุณดาไปด้วย”
โฉมสุรางค์ชะงัก มองจักราอย่างเจ็บช้ำ ผิดหวัง
“สินธุ นี่ท่านรักมันมากถึงขนาดจะยอมตายเพื่อมันเชียวรึ”
“ใช่ครับ ผมรักเธอ...ถ้าไม่มีคุณดา ผมก็คงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้”
โฉมสุรางค์น้ำตารื้น เจ็บปวดหัวใจอย่างที่สุด
“จะเอาอย่างนั้นก็ได้...ถ้าอย่างนั้นก็ตายตามมันไปเลย”
โฉมสุรางค์วาดมือเป็นเส้นตรงขนานกับพื้น เกิดผลึกเกลือเพชรสีแดงแหลมคมที่แตกอยู่รอบตัวลอยขึ้นมา พอโฉมสุรางค์พูดจบก็เขวี้ยงผลึกเกลือเพชรสีแดงแหลมคมในมือไปที่เจ้าดาเรศ
จักรากระชากตัวเจ้าดาเรศเข้ามากอดและเอาตัวเองบังไว้
นายิกีซึ่งคอยระวังอยู่แล้ว วาดมือทำกำแพงแก้วกั้นสองคนไว้ทัน ผลึกเกลือเพชรปะทะกำแพงแก้วตกลงมาแตกกระจายก่อนที่จะมาถึงตัวจักรากับเจ้าดาเรศ
สายตาโฉมสุรางค์จับจ้องอยู่ที่ภาพจักรากอดเจ้าดาเรศอย่างร้าวรานใจ ความโกรธเกรี้ยวก็ยิ่งเพิ่มทวีมากขึ้น โฉมสุรางค์ใช้อาคมส่งผลึกเกลือเพชรนับร้อยชิ้นพุ่งเข้าใส่ร่างนายิกีที่กำลังกั้นกำแพงแก้วให้จักรากับเจ้าดาเรศอยู่ไม่ยั้ง
นายิกีเลือดท่วม กระอักเลือด
รชากับเจ้าพงษ์นครวิ่งเข้ามาถึงพอดี ทั้งสองคนวิ่งหลบผลึกเกลือเพชรเข้าไปช่วยกันประคองนายิกีหลบเข้าไปหลังซอกหิน พร้อมๆ กับที่จักรากระชากเจ้าดาเรศให้หลบเข้าไปหลังซอกหินด้วยกัน
โฉมสุรางค์เห็นรชากับเจ้าพงษ์นครก็ยิ่งแค้น
“พวกแกรวมหัวจะกำจัดข้าใช่มั้ย ไม่มีวันซะล่ะ ข้าจะฆ่าพวกแกให้หมดทุกคน”
โฉมสุรางค์หลับตา ยกมือขึ้น ทันใดนั้นก็เกิดเสียงครืนๆ ราวกับแผ่นดินถล่ม หินจากทุกทิศทุกทางในถ้ำปลิวว่อนตรงไปที่คณะของนายิกีหลบอยู่
นายิกีหลับตา บริกรรมคาถา ทำมือวนเหนือหัวตัวเอง
“วาโย-กสิณัง วาโย-กสิณัง วาโย-กสิณัง”
เกิดลมพายุโหมพัดกระหน่ำอย่างรุนแรง ข้าวของรอบบริเวณ รวมทั้งหินในถ้ำปลิวว่อน
“ทุกคนจับมือกันไว้” แม่เฒ่าตะโกนก้อง
รชา เจ้าพงษ์นคร เจ้าดาเรศ จักรา และนายิกีจับมือกันลอยละล่องออกไปตามแรงลม
โฉมสุรางค์กางแขน ต้านลม บริกรรมคาถาจนพายุสงบ
“พวกแกหนีฉันไม่พ้นหรอก”

นายิกี จักรา เจ้าดาเรศ รชา และเจ้าพงษ์นคร ออกมานอกถ้ำแล้ว ทันทีที่ปากถ้ำปิดลง นายิกีก็บริกรรมคาถา ชี้ไปยังกลไกเปิดปิดประตูถ้ำจนระเบิดเป็นเสี่ยงๆ และหินเหนือประตูระเบิดร่วงลงขวางประตูไว้อีกชั้นหนึ่ง

โฉมสุรางค์ตามมาถึงหน้าถ้ำ แต่ไม่สามารถขยับกลไกถ้ำให้เปิดออกได้ บันดาสากระย่องกระแย่งตามมาด้วย
โฉมสุรางค์โกรธสุดขีดพูดออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “ถ้าข้าออกไปได้เมื่อไหร่ พวกแกจะต้องชดใช้ในสิ่งทำไว้กับข้า”
บันดาสาเป็นห่วงโฉมสุรางค์จากใจจริง แม้ลำบากใจแต่ต้องพูด
“แม่หญิง...เรื่องสินธุ พี่รู้ว่ามันยาก แต่พี่อยากให้แม่หญิงตัดใจ”
“พี่ไม่ต้องมาพูดเรื่องนี้ ก็เพราะลูกพี่น่ะแหละที่ทำให้สินธุเปลี่ยนไป” โฉมสุรางค์บอกอย่างหมายมั่น “ถ้าไม่มีมันซักคน สินธุก็ต้องกลับมาหาข้า”
บันดาสาหน้าเสียด้วยความกลัดกลุ้ม
“แม่หญิงอย่าทำอะไรเจ้าดาเรศเลยนะ พี่ขอร้อง...พี่ทำทุกอย่างเพื่อแม่หญิงนับร้อยปี วันนี้พี่จะขอแม่หญิงแค่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว เห็นแก่ความภักดีที่พี่ให้แม่หญิงตลอดมาด้วยเถิด”
โฉมสุรางค์โกรธ “นี่พี่กล้าลำเลิกบุญคุณกับข้าเลยรึ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะแม่หญิง...”
โฉมสุรางค์เดินเข้ามาหา มองบันดาสาอย่างรู้ทัน
“ข้ารู้ว่าพี่รักมัน ก็แน่ละ พี่ต้องเห็นมันสำคัญกว่าข้าอยู่แล้ว แต่พี่อย่าหวังเลยนะว่าจะปกป้องมันได้”
โฉมสุรางค์ตรงเข้าจับข้อมือบันดาสาลากไป
บันดาสาตกใจ “แม่หญิง...แม่หญิงจะทำอะไรเจ้าดาเรศ”
โฉมสุรางค์ลากบันดาสามาที่หน้าห้องขังเหยื่อ แล้วผลักหญิงชราเข้าไปอยู่ในกรงขัง ล็อกกุญแจ
“พี่ก็รู้ว่าฉันจะทำอะไรลูกพี่ แต่ก็ช่วยไม่ได้...ในเมื่อมันเข้ามาวุ่นวายกับเรื่องของฉันก่อน พี่อย่าว่าฉันเลยนะ”

พูดจบโฉมสุรางค์ก็เดินออกไปเลย บันดาสามองตามไป ทั้งกลุ้มใจและเป็นห่วงเจ้าดาเรศมาก

อ่านต่อหน้า 2

อนิลทิตา ตอนที่ 17 (ต่อ)

เช้าตรู่วันนี้ ภายในครัวคุ้มเชียงแมน ป้าอิ่มกำลังคนข้าวต้มที่อยู่บนเตาควันฉุย อ๋อยกับแอ๋วเป็นลูกมืออยู่ข้างๆ กระถินเดินเข้ามาสีหน้าท่าทางอารมณ์ดี

“ป้าอิ่ม ทำอะไรจ๊ะหอมออกไปถึงหน้าคุ้มเลย” กระถินเดินไปชะโงกดูที่เตา “ข้าวต้มกุ้ง ฉันขอก่อนถ้วยนึงนะป้า”
กระถินจัดแจงหาถ้วยมาตักข้าวต้ม อิ่มใช้ทัพพีตีไปที่หน้าผากกระถินเบาๆ
“นี่...นังกระถิน ไม่ช่วยทำ แล้วยังจะกินก่อนนายอีกเหรอ”
กระถินไม่สนพูดไปพลางตักข้าวต้มไป “ใครว่าฉันจะกินเองล่ะป้า”
อิ่มงง “แล้วเอ็งตักไปให้ใคร”
อ๋อยพูดสวนขึ้นมา
“นั่นนะสิ ฉันเห็นกระถินยกข้าวขึ้นไปบนคุ้มเช้า กลางวัน เย็น เอ็งยกขึ้นไปให้ใคร”
กระถินชะงัก อึ้ง นิ่งงันไปชั่วขณะ
“แขกของเจ้าดาเรศน่ะ”
อิ่ม แอ๋ว อ๋อย ทำหน้าสงสัย
“ใคร ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลย” แอ๋วถาม
“อย่ารู้เลย”
กระถินรีบวางถ้วยข้าวต้มลงถาดแล้วรีบยกออกไป
อิ่ม อ๋อย แอ๋ว มองตามหน้าตาเลิกลักสงสัย

ภายในห้องพักเจ้าพงษ์นครตอนนี้ เจ้าพงษ์สุริยันต์เคาะที่ประตูห้องเสียงดังระรัว
“เปิด...จะหาลูก...เปิดๆ เปิดประตู”
ประตูเปิดผัวะออก กระถินรีบแทรกเข้ามาวางถาดข้าวต้มบนโต๊ะ แล้วปิดประตูทันที บนโต๊ะที่วางถาดข้าวต้มมียาของเจ้าพงษ์สุริยันวางอยู่ด้วย
“เจ้าอย่าเสียงดังสิคะ เดี๋ยวก็มีคนรู้หรอกว่าเจ้าอยู่ที่นี่”
เจ้าพงษ์สุริยันพยายามจะเปิดประตู
“จะหาลูกข้างนอก ลูกอยู่ข้างนอก”
กระถินดันประตูไว้ ไม่ให้เจ้าพงษ์สุริยันเปิดออกได้
“ไม่ได้ค่ะเจ้า เจ้าดาเรศสั่งไว้ว่าให้เจ้าอยู่ในห้องนี้ ห้ามออกไปเด็ดขาด”
“จะหาลูก ลูกไปไหน วันนี้ไม่เห็นมา”
กระถินเอะใจที่เจ้าดาเรศยังไม่มา
“เอาอย่างงี้เจ้า เจ้ารออยู่ในห้อง แล้วกินข้าวกินยาให้หมด เดี๋ยวกระถินจะไปตามเจ้าดาเรศให้มาหาเอง”
กระถินเปิดประตูออกจากห้องไป โดยไม่ลืมปิดประตูลงอย่างเดิม

กระถินเดินมาเคาะประตูหน้าห้องนอนเจ้าดาเรศ
“เจ้าคะเจ้า”
รอนานแล้ว กระถินจึงเปิดประตูเข้าไปในห้อง มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นเจ้าดาเรศ
“เจ้าคะ”
กระถินมองไปที่เตียง พบว่าเตียงยังเรียบอยู่เหมือนไม่มีคนนอน ยิ่งแปลกใจ
“เจ้าหายไปไหนล่ะ”
กระถินครุ่นคิด ด้วยความสงสัย

ที่เมาน์เทนรีสอร์ท เช้าวันเดียวกัน แม่เฒ่านายิกีกำลังนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่บนเตียงในห้องพักรับรอง ร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผลแดงจากการถูกผลึกเกลือเพชรบาดเมื่อคืน
นอกห้องตอนนี้ยังมีเจ้าดาเรศ จักรา รชา และเจ้าพงษ์นคร ยืนออรออยู่อย่างเป็นห่วง
“ตอนนี้แม่เฒ่าอาการสาหัสมาก โชคดีที่แม่เฒ่ามีวิชาเลยไม่ตาย” จักราเอ่ยขึ้น
เจ้าพงษ์นครมีสีหน้าเครียดเคร่ง
“แล้วเราจะทำยังไงกันต่อไปดีครับ”
รชาสวนขึ้นทันควัน “เราบุกเข้าไปฆ่าคุณโฉมเลยดีมั้ย”
จักราครุ่นคิด
“ไม่ได้ คุณโฉมมีวิชาแก่กล้าขึ้นมาก ขนาดแม่เฒ่ายังเอาตัวเกือบไม่รอด ผมว่าเรารอให้แม่เฒ่าฟื้นอาคมก่อนดีกว่าครับ”
ทุกคนคิดตาม ต่างก็เห็นด้วย สีหน้าเจ้าดาเรศเต็มไปด้วยความกังวล

จู่ๆ เจ้าดาเรศรีบวิ่งออกมาที่หน้าเมาน์เทนรีสอร์ท จักราวิ่งตามออกมา ดึงมือไว้
“คุณดาจะไปไหนครับ”
เจ้าดาเรศร้อนรนใจ “ดาจะกลับไปที่คุ้มค่ะ”
“ไม่ได้ครับ ที่คุ้มมันอันตราย ไม่รู้ว่าคุณโฉมจะออกมาจากถ้ำได้หรือยัง”
“ดาต้องไปค่ะคุณจักร คุณแม่น่ากลัวแบบนี้ ดาจะทิ้งให้เจ้าพ่อกับกระถินอยู่ที่คุ้มได้ยังไง”
จักรากุมมือเจ้าดาเรศไว้ด้วยความเป็นห่วง

“ฟังผมนะครับคุณดา ถ้าคุณกลับไปแล้วเป็นอะไรขึ้นมา ผมก็ยอมไม่ได้ ยังไงผมก็ไม่ให้คุณไป”
เจ้าดาเรศลังเล

กระถินเดินออกมาหน้าเรือนใหญ่ ร้องเรียกหาเจ้าดาเรศ ตาก็มองสอดส่ายมองหาไปทั่ว
“เจ้าคะ เจ้า”
กระถินเห็นแอ๋วเดินผ่านมากำลังยกถาดข้าวต้มขึ้นไปบนตึก
“แอ๋วเห็นเจ้าดาเรศมั้ย ฉันเดินหาทั่วคุ้มแล้วไม่รู้ไปไหน”
แอ๋วส่ายหัว “ไม่เห็น เจ้ายังไม่ได้ลงมาข้างล่างเลย” แล้วเดินผ่านไป
กระถินแปลกใจ “เจ้าไปไหนแต่เช้า”
กระถินยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมากำลังกดโทร.ออก เสียงโทรศัพท์มือถือของกระถินดังขึ้นพอดี ที่จอเป็นชื่อ “เจ้าดาเรศ” กระถินรีบกดรับ
“เจ้าอยู่ไหนคะ กระถินตามหาให้ทั่วไปหมด”
เจ้าดาเรศโทร.มาจากเมาน์เท่นรีสอร์ท
“ฉันอยู่ที่รีสอร์ทของคุณรชา”
กระถินตกใจ “เจ้าไปทำอะไรที่นั่น”
“เรื่องมันยาวเดี๋ยวฉันค่อยเล่าให้ฟัง แต่ฉันมีเรื่องสำคัญจะถาม ตั้งแต่เช้ากระถินเห็นคุณแม่หรือยัง”
“ยังไม่เห็นเลยค่ะ สงสัยยังไม่ตื่นมั้งคะ”
เจ้าดาเรศถอนหายใจโล่งอก
“งั้นก็ดี กระถินช่วยพาเจ้าพ่อมาที่เมาน์เทนรีสอร์ทด่วนเลยนะ แล้วอย่าให้ใครเห็นเด็ดขาด”
กระถินสงสัย “ทำไมคะเจ้า”
“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลยกระถิน ทำตามที่ฉันบอกก่อน”
“ได้ค่ะๆ” กระถินกดวางสายสีหน้าคาใจไม่หาย

กระถินเปิดประตูเข้ามาในห้องพักเดิมของเจ้าพงษ์นครที่ซ่อนเจ้าพงษ์สุริยันไว้
“เจ้าคะ”
กระถินกวาดตามองหา จึงพบว่าทั้งห้องว่างเปล่าไม่มีพงษ์สุริยันในนั้น กระถินตกใจ รีบหาตามมุมห้อง
“เจ้าอยู่ไหนคะ กระถินมาแล้วค่ะเจ้า”
กระถินเดินหาจนทั่วห้องแต่ก็ไร้วี่แววของพงษ์สุริยัน กระถินรีบกดโทรศัพท์ไปหาเจ้าดาเรศทันที

ขณะที่เจ้าดาเรศเดินออกมาตามทางในรีสอร์ทเพื่อจะไปรอรับเจ้าพ่อ เสียงมือถือดังขึ้น เจ้าดาเรศกดรับ
“ว่ายังไงกระถิน”
กระถินพูดสายอยู่ในห้องพัก
“เจ้าพงษ์สุริยันหายไปค่ะเจ้า”
เจ้าดาเรศตกใจ “เจ้าพ่อหาย หายได้ยังไง กระถินดูดีแล้วหรือยัง”
“กระถินหาจนทั่วห้องแล้วค่ะ ไม่มีจริงๆเจ้า”
“ฉันจะรีบกลับไปที่คุ้มเดี๋ยวนี้”

สีหน้าเจ้าดาเรศเป็นกังวลมาก เธอรีบเดินไปที่รถทันที

อ่านต่อหน้า 3

อนิลทิตา ตอนที่ 17 (ต่อ)

เวลานั้นแอ๋วเดินถือถาดข้าวต้มกลับเข้ามาในครัว มีป้าอิ่มบ่นตามหลังมา

“วันนี้วันอะไรเนี่ย ทำไมไม่มีใครอยู่คุ้มซักคน ทั้งคุณโฉม เจ้าดาเรศ คุณจักรา หายไปไหนกันหมด”
แอ๋วนึกขึ้นมาได้ “ถึงว่าล่ะสิป้า กระถินถามหาเจ้าดาเรศตั้งแต่เช้า”
แอ๋ววางถาด ที่มีข้าวต้มเต็มอยู่ในถ้วย อ๋อยแกล้งหยอกอิ่มเล่นๆ
“ฉันว่าพวกคุณๆคงจะเบื่อฝีมือป้า เลยพากันออกไปทานข้างนอกหมดละมั้ง”
อิ่มฉุน “นังอ๋อย พูดแบบนี้อย่ามากินของฉันนะ ออกไปเลย ไปหากินเองที่อื่น”
“โถ่ป้า คนขี้จิ๊”
อ๋อยบ่นเป็นภาษาเหนือหมายถึงขี้งก แล้วรีบคว้าถ้วยข้าวต้มในถาดที่แอ๋วยกมาวิ่งออกไป สวนกับชดที่กำลังเดินเข้ามา
“อ้าวนายชด ไม่ได้ขับรถให้คุณโฉมกับเจ้าดาเรศหรอกเหรอ”
“ไม่นี่ ทำไมเหรอ”
“เจ้าดาเรศไม่อยู่ คุณโฉมก็ไม่อยู่ ถ้าไม่ได้ออกไปข้างนอก แล้วหายไปไหนกันล่ะ” แอ๋วบอก

โฉมสุรางค์เดินมาหน้าเรือนอย่างสวยงาม มั่นใจ สีหน้ามุ่งมั่น สายลมพัดเบาๆ ชุดสวยปลิว พลิ้วไปตามแรงลม
อ๋อยที่กำลังนั่งกินข้าวต้มอยู่ระเบียงหน้าเรือนใหญ่ เห็นโฉมสุรางค์ ก็มองตาโต
“คุณโฉมกลับมาแล้ว”
อ๋อยรีบวิ่งไปที่ครัวทันที

โฉมสุรางค์กำลังจะเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง อิ่ม แอ๋ว อ๋อย และ ชด กรูกันเข้ามา อ๋อยเรียกไว้
“คุณโฉมคะ”
โฉมสุรางค์หยุดชะงัก หันมาสีหน้านิ่งเรียบเฉย
“มีอะไร”
“คุณโฉมหายไปไหนมาคะ” อ๋อยถาม
“เรื่องของฉัน แล้วดาเรศกับคุณจักราล่ะอยู่ไหน”
“ไม่อยู่ค่ะ ป้ากำลังจะถามอยู่เหมือนกันว่าหายไปไหนกันหมด” อิ่มบอก
โฉมสุรางค์หน้านิ่งแต่แววตาแค้น เดินหนีไปอย่างเร็ว
พอก้าวเข้าห้องนอนมาโฉมสุรางค์ปิดประตูดังปัง
“พวกคนทรยศ คงจะหนีหน้าไม่กล้าสู้ล่ะสิ นึกเหรอว่าพวกแกจะหนีฉันพ้น”
โฉมสุรางค์พูดด้วยความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวสุดจะประมาณ

กระถินเดินไปเดินมารอเจ้าดาเรศอยู่หน้าคุ้ม
“เจ้าทางนี้ค่ะ”
เจ้าดาเรศรีบเดินเข้ามาหากระถิน “กระถินเจ้าพ่อหายไปไหน”
“ไม่รู้ค่ะ อยู่ๆก็หายไป แล้วเจ้าล่ะคะทำไมไปอยู่ที่เมาน์เทนรีสอร์ท มันเกิดอะไรขึ้นคะ”
“เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง แต่ตอนนี้เราช่วยกันตามหาเจ้าพ่อกันก่อนเถอะ”
“แล้วเจ้าจะไปตามหาที่ไหนคะ”
“เจ้าพ่อคงจะเข้าไปในป่าหลังคุ้ม เรารีบไปกันเถอะ ถ้าเจ้าพ่อเจอคุณแม่ก่อนต้องแย่แน่ๆ”
กระถินงงอยู่นั่น “ทำไมเหรอคะ คุณโฉมจะทำอะไร”
“กระถินคงจะไม่เชื่อ ว่าคุณแม่ทำเรื่องที่เลวร้ายมาก”
“คุณโฉมทำอะไรคะ เล่าให้กระถินฟังได้มั้ย”
สีหน้าเจ้าดาเรศเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น

ทางด้านไอ้พัน หรือ เจ้าพงษ์สุริยัน เที่ยวเดินตามหาเจ้าดาเรศอยู่ในป่าหลังคุ้ม
“ลูก...ลูกอยู่ไหน ออกมาเถอะ มาหาพ่อ พ่ออยู่นี่”
เจ้าพงษ์สุริยันอ่อนแรง ทำท่าจะร้องไห้
“ลูก พ่ออยู่นี่ อย่าทิ้งพ่อไป”
เจ้าพงษ์สุริยันเดินเรียกหาเจ้าดาเรศต่อไป

ครั้นพอกระถินฟังจบก็ตกใจมาก “ตายจริง! คุณโฉมทำได้ขนาดนี้เลยเหรอ ไม่น่าเชื่อว่าคุณโฉมจะโหดเหี้ยมแบบนี้”

“ฉันถึงไม่อยากปล่อยให้เจ้าพ่อกับกระถินอยู่ตามลำพังที่คุ้มยังไงล่ะ”
กระถินสงสารเจ้าดาเรศมาก
“โถเจ้า ตัวเองยังเกือบไม่รอด ยังเป็นห่วงคนอื่นอีก” พูดขึ้นมาแล้วนึกโกรธ “คุณโฉมนะคุณโฉมถึงกับจะฆ่าลูกแท้ๆ ได้ลงคอ”
เจ้าดาเรศนิ่งเงียบสีหน้าเศร้าจัด กระถินเห็นก็รู้สึกผิด ไม่น่าพูดเลย
“กระถินขอโทษนะคะเจ้า กระถินมันปากไม่ดี”
“ช่างเถอะ ตอนนี้เรามาช่วยกันตามหาเจ้าพ่อกันก่อนดีกว่า จะได้พาออกไปจากคุ้มนี่”
เจ้าดาเรศทั้งกังวลและเป็นห่วงเจ้าพงษ์สุริยัน

ทางฝ่ายเจ้าพงษ์สุริยันวิ่งเข้ามาหน้ากระท่อม
“หาลูก ช่วยหาลูก”
เจ้าพงษ์สุริยันเดินไปที่หน้าประตูกระท่อมแล้วเปิดเข้าไปหวังว่าจะเจอบันดาสา
“ตามหาลูก ลูกไม่อยู่”
แต่พอไม่เห็นบันดาสาก็รู้สึกผิดหวัง มองไปรอบกระท่อม
“ไม่มี ไม่มีคน ไม่มีลูก ลูกอยู่ไหน”
เจ้าพงษ์สุริยันทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง

โฉมสุรางค์เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้ว นั่งอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง เจ็บใจที่ถูกทุกคนรอบข้างทรยศ ลุกพรวดขึ้น เปิดประตูเดินเข้าไปที่ห้องลับ จากนั้นเดินตรงมาที่ขันน้ำมนต์ สีหน้าเครียดเคร่ง
“นังดาเรศ แกจะหนีไปไหน แกก็ไม่รอดสายตาฉันหรอก ฉันจะตามหาแกให้เจอ อย่าคิดว่าแกจะมีความสุข”
โฉมสุรางค์หลับตาทำสมาธิ ท่องคาถาปากขมุบขมิบ แล้วลืมตาขึ้นเพ่งมองไปที่ขันน้ำมนต์ ควันในขันค่อยๆ จางออก ปรากฏเป็นภาพเจ้าดาเรศกับกระถินอยู่ในป่าหลังคุ้มเชียงแมน
เจ้าดาเรศร้องตะโกนว่า “เจ้าพ่อ เจ้าพ่ออยู่ที่ไหนคะ ได้ยินดามั้ย”
โฉมสุรางค์เอะใจ “เจ้าพ่อ หมายความว่ายังไง” แล้วก้มลงไปดูที่ขันน้ำมนต์อีกครั้ง
คราวนี้เห็นกระถินตะโกนเรียก “เจ้าพงษ์สุริยัน เจ้าพงษ์สุริยันอยู่ไหนคะ”
โฉมสุรางค์ตกใจ
“มันตามหาเจ้าพงษ์สุริยัน มันรู้แล้วเหรอว่าเจ้าพงษ์คือไอ้พัน”
โฉมสุรางค์หลับตาทำสมาธิและท่องคาถาอีกครั้ง แล้วเพ่งมองไปยังขันน้ำมนต์
ภาพในขันเป็นภาพเจ้าพงษ์สุริยันกำลังเดินหาเจ้าดาเรศอยู่ในป่าหลังคุ้ม
“ลูก ลูกอยู่ไหน”
โฉมสุรางค์ตกใจ
“เจ้าพงษ์สุริยัน นังดาเรศ เห็นที่ฉันจะปล่อยแกสองคนไว้ไม่ได้แล้ว”

โฉมสุรางค์ลุกเดินออกไปจากห้องลับทันที

อ่านต่อหน้า 4

อนิลทิตา ตอนที่ 17 (ต่อ)

ตามหาอยู่นานสองนานจนทั่วแนวป่าหลังคุ้ม แต่ก็ไม่พบเจ้าพงษ์สุริยัน เจ้าดาเรศกับกระถิน พากันเดินมาหน้ากระท่อมบันดาสาในตอนบ่ายๆ ตะโกนร้องเรียกหา

“เจ้าพ่อคะ เจ้าพ่อ”
กระถินมองดูไปรอบๆ เห็นกระท่อมเงียบๆ
“เจ้าพงษ์สุริยัน ยาย อยู่หรือเปล่าจ๊ะ”
“เงียบจังเลยกระถิน เข้าไปดูข้างในกันเถอะ”
สองสาวมองหน้ากัน ก่อนจะเดินไปเปิดประตูกระท่อมบันดาสา แล้วพากันก้าวเข้ามาในกระท่อมบันร้องหาอย่างร้อนใจ
“เจ้าพ่อคะ” เจ้าดาเรศสอดสายตาไปทั่ว แต่ไม่มีใครอยู่ในกระท่อม “ไม่มีใครอยู่เลยกระถิน”
“นั่นสิคะเจ้า”
กระถินกับเจ้าดาเรศช่วยกันหาเจ้าพงษ์สุริยันทุกซอกในกระท่อม
“ข้างนอกก็ไม่มี ในกระท่อมก็ไม่มี ถ้าเจ้าพ่อไปเจอคุณแม่ต้องแย่แน่ๆ เลย”
“เจ้าพงษ์สุริยันไปอยู่ไหนเนี่ย หรือว่าจะไปแถวถ้ำ”
เจ้าดาเรศยิ่งกังวล
“ฉันว่าเราแยกกันหาดีกว่ากระถิน เดี๋ยวฉันไปที่ถ้ำ กระถินหาในป่าต่อ”
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ ถ้าใครเจอเจ้าพงษ์ก่อนก็โทร.บอกก็แล้วกัน”
เจ้าดาเรศพยักหน้า ทั้งคู่รีบเดินออกไปนอกกระท่อมทันที

ฟากเจ้าพงษ์สุริยันยังคงเดินร้องตะโกนเรียกหาเจ้าดาเรศอยู่ในป่า
“ลูก ลูกอยู่ไหน ออกมาเถอะ อย่าทิ้งพ่อ”
เจ้าพงษ์สุริยันมองซ้ายมองขวาหาเจ้าดาเรศ แต่แล้วก็ต้องหยุดชะงัก ตกใจสุดขีด เมื่อเห็นโฉมสุรางค์จ้องมองมาที่ตน
“คุณโฉม”
“จำน้องได้เหรอคะเจ้าพี่”
เจ้าพงษ์สุริยันกลัว ค่อยๆ ถดตัวขยับเท้าถอยหลังหนี
“จำได้สิ คุณโฉมทำร้ายพี่ คุณโฉมเอายาทำลายประสาทให้พี่กิน”
เจ้าพงษ์สุริยันถอยหลังด้วยความหวาดกลัว
“เจ้าพี่จะหนีไปไหนล่ะ ตามหาลูกอยู่ไม่ใช่เหรอ”
คราวนี้เจ้าพงษ์สุริยันหยุดนิ่ง สีหน้าตื่นตระหนก
“คุณโฉมเอาลูกไปใช่มั้ย คุณโฉมทำอะไรลูก เอาลูกไปไว้ที่ไหน”
สีหน้าโฉมสุรางค์ยิ้มหวานให้เจ้าพงษ์สุริยัน แต่แววตาร้ายกาจ
“ลูกของเจ้าพี่อยู่กับน้อง ถ้าอยากเจอก็ตามมาสิ”
เจ้าพงษ์สุริยันลังเล
“ถ้าไม่ตามมา อย่าหาว่าน้องใจร้ายนะ”
โฉมสุรางค์หันหลังเดินไป ใบหน้ายิ้มเหี้ยม เจ้าพงษ์สุริยัน ก้าวขาเดินตามไปท่าทีกล้าๆ กลัวๆ

ฝ่ายเจ้าดาเรศเดินมาตามทาง มุ่งหน้าไปทางถ้ำ ปากก็ร้องตะโกนเรียกหาเจ้าพงษ์สุริยันมาตลอดทาง
“เจ้าพ่อ เจ้าพ่ออยู่ไหนค่ะ”
เจ้าดาเรศมองไกลออกไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เห็นเจ้าพงษ์สุริยันถูกจับมัดไว้กับต้นไม้ โดยที่ปากถูกปิดด้วยผ้า ส่งเสียงอื้ออ้าพยายามดิ้นร้องขอให้ช่วย เจ้าดาเรศตกใจรีบวิ่งเข้าไปหา
“เจ้าพ่อเกิดอะไรขึ้น ใครทำกับเจ้าพ่อแบบนี้”
เจ้าดาเรศพยายามแก้มัดให้เจ้าพ่อ เจ้าพงษ์สุริยันพยายามให้สายตาบอกให้ลูกรับรู้ถึงอันตราย พยายามพูดด้วยแต่เสียงอู้อี้ฟังไม่รู้เรื่อง พอเจ้าดาเรศแก้มัดผ้าที่ปาก เจ้าพงษ์สุริยันก็ร้องบอก
“ระวัง”
เจ้าดาเรศหันไปตามสายตาเจ้าพ่อ เห็นโฉมสุรางค์ยืนประจันหน้าอยู่ใกล้ระยะประชิด จ้องตาสะกดจิต เจ้าดาเรศยืนนิ่ง ชะงักงัน แววตาไม่มีความรู้สึก

ในป่าหลังคุ้มเชียงแมน กระถินร้องตะโกนตามหาเจ้าพงษ์สุริยันอยู่บริเวณนั้น
“เจ้าพงษ์สุริยันคะ ได้ยินกระถินมั้ยคะ เจ้าพงษ์สุริยัน”
เหมือนมีคนเดินตามกระถินอยู่จากทางด้านหลัง กระถินรู้สึกได้ว่ามีคนเดินตาม เลยหันไป เห็นเป็นเจ้าดาเรศยืนอยู่ ซึ่งกระถินไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นโฉมสุรางค์แปลงร่างเป็นเจ้าดาเรศ
“โธ่ เจ้า กระถินตกใจหมด”
โฉมสุรางค์ในคราบเจ้าดาเรศยิ้มเยือกเย็นให้กระถิน
“เจอเจ้าพงษ์สุริยันหรือยังคะเจ้า”
โฉมสุรางค์ตอบเสียงเย็นเฉียบ “เจอแล้ว แต่เจ้าพ่อบาดเจ็บ กระถินไปช่วยฉันหน่อยสิ”
กระถินออกอาการกระตือรือร้น
“ไปค่ะเจ้า ไปเร็วค่ะ เจ้านำไปเลยค่ะ”
กระถินคิดว่าตัวเองกำลังเดินตามเจ้าดาเรศไป

โฉมสุรางค์ในคราบเจ้าดาเรศเดินนำกระถินมาถึงทางเข้าถ้ำ อันเป็นทางเข้าคนละทางกับที่ถูกแม่เฒ่านายิกีระเบิดหินปิดไว้ กระถินมองไปรอบๆ ด้วยท่าทีหวาดหวั่น และหวาดกลัว
“ถ้ำ! แต่ไม่ใช่ทางเข้านี่คะ”
โฉมสุรางค์บอกเสียงเรียบเย็น “มันเป็นทางลับอีกทางนึง”
กระถินแปลกใจ “เจ้ารู้ได้ยังไงคะ แล้วเรามาทำไมที่นี่”
โฉมสุรางค์เปลี่ยนเรื่อง “เจ้าพ่ออยู่ข้างใน” พลางมองไปยังปากทางเข้า กระถินมองตาม หน้าซีด
“คุณโฉมจับเจ้าพงษ์สุริยันมาอยู่ในถ้ำเหรอคะ”
“ใช่ ตามฉันมาสิ”
โฉมสุรางค์เดินนำเข้าไป กระถินแม้จะกลัวแต่ก็ห่วงเจ้าพงษ์สุริยันและจำต้องเดินตามเข้าไป

พอเดินนำมาถึงห้องขังเหยื่อ กระถินที่ ค่อยๆ เดินตามมา มองรอบๆ ตัว รู้สึกกลัว และไม่ปลอดภัย
“ไหนคะเจ้าพงษ์สุริยัน”
“เจ้าพ่อนอนเจ็บอยู่ในนั้น กระถินเข้าไปช่วยสิ”
กระถินมองเข้าไปในกรงขัง เห็นเจ้าพงษ์สุริยันนอนสลบอยู่ในความมืดสลัวก็ตกใจมาก
“เจ้าพงษ์สุริยัน”
กระถินรีบวิ่งเข้าไปในกรงขัง ประคองเจ้าพงษ์สุริยันขึ้น มีเสียงล็อคประตูจากด้านนอกดังขึ้น กระถินหันขวับไปดู แล้วก็ตกใจที่พบว่าประตูถูกปิดและล็อกขังตนเองไว้
“เจ้า เจ้าปิดประตูทำไม”
กระถินถลันไปที่ประตูเขย่าด้วยความแรง ใบหน้าเจ้าดาเรศค่อยๆ เปลี่ยนเป็นใบหน้าโฉมสุรางค์ แสยะยิ้มมองมาที่กระถินด้วยสีหน้าแลดูน่ากลัวยิ่งนัก
กระถินสยอง ขนลุกซู่ ตกใจกลัว “คุณโฉม”
“นังกระถิน ฉันเลี้ยงแกมาไม่คิดว่าแกจะหักหลังฉัน พวกคนทรยศอย่างแก ก็อยู่ด้วยกันที่นี่เถอะ”
พูดจบโฉมสุรางค์ก็เดินออกไป ไม่แยแสที่กระถินเขย่ากรง ตะโกนตามหลัง
“คุณโฉม คุณโฉม ปล่อยกระถินเถอะ คุณโฉม”
กระถินเขย่ากรงหวังว่าจะให้หลุดออกไป
มีเสียงบันดาสาดังมาจากความมืด “อย่าพยายามเลย จะวิงวอนยังไงคุณโฉมก็ไม่เห็นใจ”
กระถินหันไปตามเสียง เพ่งมองไปในความมืดสลัว จนเห็นบันดาสากำลังเช็ดหน้าเช็ดตาในดาเรศที่นอนสลบอยู่ บันดาสาวางมือจากเจ้าดาเรศหันไปหากระถินที่เกาะกรงขังอยู่ข้างๆ
“คุณโฉมไม่เห็นใจใครทั้งนั้น แม้กระทั่งเจ้าดาเรศ”
กระถินยืนเกาะกรงขังอยู่เห็นเจ้าดาเรศนอนสลบอยู่ก็ตกใจ
“เจ้า! ทำไมเจ้านอนนิ่งแบบนั้น คุณโฉมฆ่าเจ้าแล้วเหรอ”
“คุณโฉมยังไม่ได้ฆ่าเจ้าดาเรศ เพียงแค่สลบไปเท่านั้น”
“แล้วทำไมเจ้าถึงสลบไปล่ะยาย คุณโฉมทำอะไรเจ้า”
บันดาสาเศร้าใจ “คุณโฉมใช้มนต์มหานิทราสะกดให้เจ้าดาเรศสลบ แล้วใช้มนต์แปลงกายาปลอมเป็นเจ้าดาเรศไปหลอกกระถินให้มาที่นี่ยังไงล่ะ”
“ถ้ายังงั้นก็แสดงว่าคุณโฉมจะปลอมตัวเป็นใครก็ได้ยังงั้นเหรอจ๊ะยาย”
บันดาสาพยักหน้า
กระถินมีท่าทีหวาดหวั่น “แย่แล้ว คุณโฉมต้องทำเรื่องร้ายๆ อีกแน่เลย”
บันดาสาถอนใจยาว ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ
“ยายไม่น่าสอนมนต์พวกนี้ให้คุณโฉมเลย ถ้าไม่ใช่เพราะยาย คุณโฉมก็คงไม่มีวิชามาทำร้ายคนอื่นแบบนี้ ทั้งเจ้าพงษ์สุริยัน เจ้าดาเรศ หรือหนูเองก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เป็นความผิดของยายแท้ๆ”

สีหน้าบันดาสาเศร้าสลดลง รู้สึกผิดในใจต่อลูกสาวและสามีอย่างรุนแรง

อ่านต่อตอนที่ 17
กำลังโหลดความคิดเห็น