อนิลทิตา ตอนที่ 16
ท่ามกลางความเงียบสงัดกลางดึก เสียงหมาหอนดังโหยหวนไปทั่วบริเวณป่าช้าแห่งหนึ่ง ไอ้โล้นแบกจอบพาหมาผีดิบวิ่งตะลุยเข้าไปในป่าช้า หมาผีดิบดมกลิ่นไป
เวลาผ่านไปจนใกล้รุ่ง ไอ้โล้นไปป่าช้ามาหลายที่แล้ว หมาผีดิบยังก้มดมไปตามพื้นป่าช้าเพื่อหาหุ่นโฉมสุรางค์ให้เจอ
รุ่งเช้า ที่โถงบ้านพักรชา ในเม้าน์เท่นรีสอร์ท นายิกีบอกต่อหน้าทุกคนอย่างมุ่งมั่น
“ข้าจะบุกถ้ำ ตอนนี้นังโฉมมันอ่อนแอและกำลังทำสมาธิอยู่ในถ้ำ มันลุกขึ้นมาทำอะไรข้าไม่ได้”
รชาครุ่นคิด “หรือว่าเราจะทำลายถ้ำซะเลยครับ สิ่งชั่วร้ายทุกอย่างจะได้ถูกทำลายไปพร้อมกันเลยทีเดียว”
“ถ้าเราทำลายถ้ำ...คุณป้าก็ต้องตายอยู่ในนั้น” เจ้าพงษ์นครมั่นใจ “ถ้าน้องดารู้ น้องดาต้องไม่ยอมแน่ๆ”
นายิกียิ้มอย่างไม่กังวลเพราะคาดการณ์ไว้แล้ว “เราก็ไม่ต้องให้เจ้าดาเรศรู้สิ”
เจ้าพงษ์นครมีสีหน้ากังวล เป็นห่วงจิตใจของเจ้าดาเรศ แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไร พนักงานของรีสอร์ทก็เดินเข้ามาหาเจ้าพงษ์นคร
“มีตำรวจมาขอพบเจ้าครับ”
สองคนอยู่ในร้านกาแฟของรีสอร์ท
หมวดจิ๊บเอ่ยขึ้นทันทีที่เจอหน้า “นี่ก็ครบกำหนดตามที่เราตกลงกันไว้แล้ว ถึงเวลาที่ฉันจะต้องไปเอาตัวคุณโฉมมาดำเนินคดีแล้ว”
เจ้าพงษ์นครตัดสินใจพูดความคิดของตนออกมาตรงๆ จริงจัง ไม่ทีเล่นทีจริงเหมือนครั้งก่อนๆ
“ผมมีเรื่องจะขอร้องคุณ....ผมอยากให้คุณวางมือจากเรื่องนี้”
หมวดจิ๊บไปไม่ถูก นึกไม่ถึงว่าเจ้าพงษ์นครจะขอร้องแบบนี้ พอได้สติก็โวยทันที
“คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง คุณก็รู้ว่าคดีนี้สำคัญขนาดไหน ฉันอุตส่าห์เชื่อใจคุณมาตลอด คุณให้รอฉันก็รอ แล้วอยู่ดีๆคุณก็จะให้ฉันวางมือจากคดีนี้ คุณบ้าไปหรือเปล่า” หมวดสาวห้าวนึกขึ้นมาได้ “หรือว่าแม่เฒ่าของคุณยังปราบคุณโฉมสุรางค์ไม่ได้”
“ที่ผมให้คุณวางมือ ก็เพราะแม่เฒ่าถอนอาคมของคุณป้าได้แล้ว เพราะฉะนั้น ตั้งแต่นี้คุณป้าไม่มีทางจะไปทำร้ายใครได้อีก”
เจ้าพงษ์นครมองหมวดจิ๊บเป็นเชิงขอร้อง พยายามพูดให้หมวดสาวเห็นใจและเข้าใจ
“ผมอยากให้เรื่องนี้มันเงียบไป ผมสงสารเจ้าดาเรศ แค่นี้เธอก็เสียใจในสิ่งที่คุณป้าทำมากพอแล้ว ผมไม่อยากให้เธอต้องมาสะเทือนใจอีกถ้าใครๆในเมืองนี้จะพูดกันไปทั่ว...ว่าแม่เธอเป็นฆาตกร”
หมวดจิ๊บหน้าสลดลงอย่างเข้าใจเพียงครู่เดียว แล้วก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นเอางานเอาการ
“ฉันก็เห็นใจเจ้าดาเรศ แต่ฉันคงทำตามที่คุณขอร้องไม่ได้...ฉันเป็นผู้รักษากฎหมาย ใครผิดก็ต้องว่ากันไปตามผิด จะให้ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเพราะความสงสารก็คงจะไม่ได้...ฉันขอโทษด้วยนะ”
หมวดจิ๊บพูดจบก็เดินออกไปทันที เจ้าพงษ์นครมองตามอย่างหนักใจ
เวลานั้นไอ้พันวิ่งไล่จับผีเสื้ออยู่หน้ากระท่อม แต่พอหันไปเห็นเห็นเจ้าดาเรศกับกระถินเดินมา ก็หยุดจับผีเสื้อ ยิ้มอย่างดีใจ
“ลูก...ลูกมา”
กระถินเอาปิ่นโตวางไว้บนแคร่พลสงบอก
“ไอ้พัน กินข้าวนะ”
“ข้าว หิวข้าว กิน กิน”
ไอ้พันรีบไขว่คว้าปิ่นโตเอามาไว้ตรงหน้า เจ้าดาเรศเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้
“ดาทำให้จ้ะ”
เจ้าดาเรศเปิดปิ่นโตข้าวออกมาวางให้ ไอ้พันรีบตักข้าวกินด้วยความหิว
“กินช้าๆ ก็ได้ไอ้พัน เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก”
เจ้าดาเรศใจลอยมองไอ้พันที่กำลังกินข้าว ในใจก็นึกเป็นห่วงโฉมสุรางค์กับบันดาสาที่หายไป
“คุณแม่กับยายหายไปไหนกันนะ ทำไมยังไม่กลับมาอีก...ฉันเป็นห่วงคุณแม่จังเลยกระถิน ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”
กับข้าวในปิ่นโต ถูกไอ้พันกินจนหมดเกลี้ยง
“อิ่ม ยา กินยา” ไอ้พันพูดตามความเคยชิน
“ยาอะไรจ๊ะลุงพัน”
ไอ้พันชี้ที่หัวตัวเอง “ยา กินแล้วหาย”
เจ้าดาเรศกับกระถินมองหน้าไอ้พัน ก่อนจะหันมามองหน้ากันเอง
“เจ้าคิดว่ามันเป็นยาอะไรคะ”
ไอ้พันทำท่าทำทางชี้มือไปที่หมอดินที่บันดาสาเก็บยาไว้
“นั่นไงยา กินยา”
กระถินเดินเข้าไปตามที่ไอ้พันชี้ แล้วเปิดหม้อ หยิบรากไม้ที่ตัดไว้เป็นแท่งๆ ขึ้นมาดู ก่อนจะส่งให้เจ้าดาเรศ
เจ้าดาเรศพิจารณารากไม้ในมือ ตาเป็นประกายอย่างมีความหวัง
“ยายอาจจะกำลังรักษาลุงพันอยู่ก็ได้นะ”
ไอ้พันรีบพยักหน้าหงึกหงัก ตบมือดีใจ ชี้ที่หัวตัวเอง
“ยา กินแล้วหาย”
เจ้าดาเรศมองไอ้พันสลับกับยาในมืออย่างไม่แน่ใจ
“นั่นสิคะ แกอาจจะเอายานี่ให้ไอ้พันกินทุกวัน มันถึงจำได้”
เจ้าดาเรศคิดปราดเดียว ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
“งั้นเราเอาให้ลุงพันกินเลยก็แล้วกัน”
เจ้าดาเรศส่งรากไม้ในมือให้ไอ้พัน ไอ้พันรับมากินทันที แล้วทำหน้าตาเหยเก
เจ้าดาเรศมองไอ้พันยิ้มขำ ปนเอ็นดู แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของเจ้าดาเรศก็ค่อยๆ จางลง กลายเป็นเจ้าดาเรศจ้องหน้าจ้องตาไอ้พันอย่างพินิจพิจารณา
กระถินมองเจ้าดาเรศอย่างแปลกใจ
“เจ้ามองไอ้พันทำไมคะ มีอะไรหรือเปล่าคะเจ้า”
ไม่นานต่อมา ที่ลานซักล้างหลังเรือนครัวคุ้มเชียงแมน เจ้าดาเรศพาไอ้พันมานั่งที่เก้าอี้ตรงนั้น ส่งก้านกล้วยให้ไอ้พันเล่น
“ลุงพันนั่งดีๆ นะจ๊ะ” เจ้าหันไปเรียกกระถิน “กระถิน ได้หรือยังจ๊ะ”
กระถินเดินแกมวิ่งเข้ามา ส่งกรรไกรให้
“เจ้าให้เอากรรไกรมาทำไมเหรอคะ”
“ฉันอยากพิสูจน์อะไรบางอย่างน่ะกระถิน”
เจ้าดาเรศพูดกับไอ้พันที่นั่งทำม้าก้านกล้วยอยู่บนเก้าอี้
“อยู่เฉยๆ นะลุงพัน”
เจ้าดาเรศขยับกรรไกรในมือ ก่อนจะเริ่มลงมือตัดผมให้ไอ้พันอย่างตั้งใจ
เวลาผ่านไป ไอ้พันถูกตัดผมกระเซิงจนสั้นดูดีมีสีดอกเลาตามวัย หนวดเคราถูกโกนเกลี้ยงหายไปจนสิ้น เจ้าดาเรศมองอย่างตกตะลึงพรึงเพริศ กระถินมองไอ้พันสลับกับมองเจ้าดาเรศในท่าทีงวยงง
“เจ้า มีอะไรหรือเปล่าคะ”
เจ้าดาเรศไม่ตอบ แต่ออกอาการดีใจมาก “เจ้าพ่อ เจ้าพ่อจริงๆ ด้วย”
ขาดคำเจ้าดาเรศโผเข้ากอดไอ้พัน น้ำตาร่วง พรั่งพรูความรู้สึกดีใจออกมา
“เจ้าพ่อ...ดาดีใจที่สุดเลย เจ้าพ่อยังไม่ตาย เจ้าพ่อจำดาได้ใช่มั้ยคะ”
ไอ้พันงงที่เจ้าดาเรศมากอดตัวเองร้องไห้ แต่ก็กอดตอบไว้พยายามปลอบ
“ลูก...ลูก อย่าร้องไห้ เล่นนี่ เล่น”
เจ้าดาเรศยิ่งเห็นความห่วงใยของไอ้พัน แถมได้ยินไอ้พันเรียกตัวเองว่าลูก ก็ยิ่งน้ำตาไหล ซบหน้าลงกับอกของไอ้พัน
“เจ้าพ่อ...”
กระถินงงอยู่นั่นแล้ว “อะไรคะเจ้า เจ้าพ่อของใครคะ”
“ก็เจ้าพ่อของฉันน่ะสิ...นี่ไงล่ะ เจ้าพงษ์สุริยันต์ เจ้าพ่อของฉัน”
กระถินตกใจ
“เจ้าพงษ์สุริยันต์! ที่เป็นเจ้าของคุ้มเชียงแมนน่ะเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ”
กระถินไม่อยากจะเชื่อ มองภาพดาเรศกอดไอ้พันตาค้าง
อ่านต่อหน้า 2
อนิลทิตา ตอนที่ 16 (ต่อ)
ตกตอนเย็น ทั้งสามคนอยู่ตรงลานจอดรถเมาน์เทนรีสอร์ท รชากับเจ้าพงษ์นครกำลังช่วยกันยกถังน้ำมันใส่รถ
“น้ำมันพร้อมแล้วครับ”
นายิกีที่ยืนอยู่ด้วยยิ้มอย่างพอใจ “ดีแล้ว ข้าจะเผาทุกอย่างในถ้ำซะให้สิ้นซากภายในคืนนี้เลย”
สีหน้าเจ้าพงษ์นครยังไม่คลายกังวล
“แต่ถ้าเราเผาถ้ำ...ก็เท่ากับว่าเราเผาคุณป้าทั้งเป็น”
“เจ้าไม่เคยได้ยินหรือไง ที่เค้าว่าตีงูต้องตีให้ตาย...ถึงนังโฉมมันจะหมดฤทธิ์ไปแล้ว แต่ข้าก็คงตายตาไม่หลับ ถ้าไม่ได้เห็นร่างของมันไหม้เป็นจุลไปต่อหน้าต่อตาข้า”
แม่เฒ่านายิกีบอกอย่างมุ่งมั่นมาดหมาย
เกิดความวุ่นวายโกลาหลขึ้นที่ห้องพักแขกบนเรือนใหญ่คุ้มเชียงแมน ในขณะที่จักราพยายามพาไอ้พันเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ กว่าจะแล้วเสร็จเล่นเอาเหนื่อยหอบ
ระหว่างนี้เจ้าดาเรศและกระถินช่วยกันหาเสื้อผ้า รองเท้า เตรียมไว้ให้
ไม่นานนัก เจ้าดาเรศบรรจงติดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายให้ไอ้พัน ที่แต่งตัวเป็นเจ้าพงษ์สุริยันต์แล้ว ก่อนมองเจ้าพ่อด้วยความรัก แล้วเข้าไปกราบที่อก
เจ้าดาเรศรู้สึกผิด “ดาขอโทษนะคะเจ้าพ่อ ดาน่าจะจำเจ้าพ่อได้ตั้งแต่แรก...แต่เจ้าพ่อจำดาได้ใช่มั้ยคะ เจ้าพ่อถึงได้เรียกดาว่าลูก”
“ลูก รักลูก” เจ้าพงษ์สุริยันต์ยิ้มเหมือนเข้าใจที่ลูกบอก
เจ้าดาเรศประคองเจ้าพงษ์สุริยันต์ไปนั่งที่เก้าอี้ จับมือไว้ ค่อยๆ ตะล่อมถามเพื่อหาความจริง
“ทำไมเจ้าพ่อถึงความจำเสื่อมคะ ใครทำอะไรเจ้าพ่อ”
เจ้าพงษ์สุริยันต์งงๆ ปะติดปะต่อเรื่องไม่ได้ “จำได้ ลูก”
เจ้าดาเรศมองเจ้าพ่ออย่างสงสารและเสียใจที่พ่อต้องตกอยู่ในสภาพนี้โดยที่ตนไม่สามารถช่วยเหลือได้
จักรามองด้วยความสงสารและเห็นใจ “หมายความว่าเจ้าพงษ์สุริยันต์อยู่ในคุ้มเชียงแมนมาตลอดเวลา 20 ปี แต่ไม่มีใครรู้”
กระถินคิดปราดเดียว “มีสิคะ อย่างน้อยคุณโฉมก็ต้องรู้แน่ๆ อีกคนนึงก็ยายที่กระท่อม”
เจ้าดาเรศคิดตามขณะฟังที่กระถินพูด พร้อมๆ กับมองไปที่เจ้าพงษ์สุริยันต์ ก่อนจะเปรยออกมา
“เจ้าพี่เคยบอกว่าคุณแม่เอายาทำลายความทรงจำให้เจ้าพี่กินหรือว่า...” เจ้าดาเรศมองหน้าเจ้าพงษ์สุริยันต์ “ที่เจ้าพ่อเป็นอย่างนี้เพราะคุณแม่เอายาทำลายความทรงจำให้เจ้าพ่อทานหรือเปล่าคะ
พอเจ้าพงษ์สุริยันต์ได้ยินคำว่ายาก็ยิ้มดีใจ พยักหน้าหงึกหงัก ชี้ที่หัวตัวเอง
“กินยา หาย”
เจ้าดาเรศรู้ว่าเจ้าพงษ์สุริยันต์คงจะจำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ แต่ก็ยังไม่หมดความพยายาม ครุ่นคิดก่อนจะพูดออกมาอย่างตัดสินใจแล้ว
“ดาจะพาเจ้าพ่อไปหาหมอค่ะ เผื่อว่าหมอจะบอกได้ว่าเจ้าพ่อเป็นอะไรกันแน่”
เจ้าพงษ์สุริยันต์ยิ้มให้เจ้าดาเรศ โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร เจ้าดาเรศผุดลุกขึ้นทันทีเหมือนนึกอะไรออก
“คุณจักรช่วยพาเจ้าพ่อไปขึ้นรถก่อนนะคะ เดี๋ยวดาตามไปค่ะ”
เจ้าดาเรศผลุนผลันออกไปจากห้องเลย ด้วยท่าทีร้อนใจ
“เจ้าคะ เจ้าจะไปไหน รอกระถินด้วยค่ะ”
กระถินวิ่งตามเจ้าดาเรศออกไปด้วย
ทางฝ่ายเจ้าพงษ์นครกับรชาถือถังน้ำมัน เดินนำนายิกีมาตามทางเดินในป่าหลังคุ้มเชียงแมน
“ทางนี้ครับแม่เฒ่า อีกไม่ไกลก็จะถึงถ้ำแล้ว”
นายิกีเดินไปด้วยความมุ่งมั่น
อีกมุมหนึ่งตามทางเดินในป่าหลังคุ้มเชียงแมน เจ้าดาเรศเดินแกมวิ่งไปที่กระท่อมบันดาสา โดยมีกระถินวิ่งตามไปด้วย
“เจ้าจะพาเจ้าพงษ์สุริยันต์ไปหาหมอไม่ใช่เหรอคะ แล้วจะไปเอายาที่กระท่อมยายมาอีกทำไมคะ”
“ฉันจะเอายานั่นไปให้คุณหมอดูด้วยน่ะสิ ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าที่เจ้าพ่อกลายเป็นคนความจำเสื่อม ฟั่นเฟือนเพราะอะไร”
เจ้าดาเรศเดินๆ อยู่แล้วต้องชะงัก เมื่อเห็นกลุ่มของนายิกีเดินอยู่ไกลๆ หญิงสาวหยุดมองอย่างแปลกใจ
“เอ๊ะ นั่นแม่เฒ่านายิกี กับคุณรชา แล้วก็เจ้าพี่ด้วย...”
กระถินมองตาม “ใช่จริงๆ ด้วยค่ะ แล้วเค้ามาที่คุ้มเราทำไม” กระถินฉุกคิดแล้วสะดุดใจขึ้นมา “แถมยังแอบเข้ามาโดยไม่ได้บอกให้เรารู้ซะด้วย”
ขณะที่เจ้าพงษ์นครถือถังน้ำมันเดินนำหน้ามา แม่เฒ่านายิกี และ รชาถือถังน้ำมันตามมาด้วย
เสียงเจ้าดาเรศดังขึ้น “แม่เฒ่าจะไปไหนกันคะ”
สามคนชะงัก หันไปตามเสียง เห็นเจ้าดาเรศกับกระถินเดินแกมวิ่งตามมาอย่างร้อนใจ
“น้องดา”
เจ้าดาเรศมองถังน้ำมันในมือเจ้าพงษ์นครกับรชาอย่างสงสัย
“นั่นถังอะไรคะ...เจ้าพี่คิดจะทำอะไรกัน”
เจ้าพงษ์นครอึกอัก รชานิ่ง เมินหน้าไปมองทางอื่น
นายิกีตัดสินใจตอบตามตรง “ข้าก็จะไปจัดการแม่ของเจ้าน่ะสิ”
ทั้งๆ ที่ระแวงอยู่แล้ว แต่เจ้าดาเรศก็อดตกใจไม่ได้ มองนายิกี รชาและเจ้าพงษ์นครอย่างเสียใจและผิดหวัง
“แต่แม่เฒ่าสัญญาแล้วว่าจะไม่ทำอะไรคุณแม่”
“ข้ายอมรับว่าข้าผิดสัญญา...แต่ตราบใดที่นังโฉมยังมีลมหายใจข้าก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดีว่าวันนึงมันอาจจะแก้อาคมของข้าได้ แล้วออกมาเข่นฆ่าผู้คนเพื่อสังเวยให้กับความสาวอันเป็นอมตะของมันอีก”
เจ้าดาเรศรู้ทั้งรู้ว่าโฉมสุรางค์เคยทำบาปทำกรรมอย่างหนักจนไม่น่าให้อภัย แต่ด้วยความที่เป็นลูก ก็ไม่สามารถจะยอมให้ใครมาทำร้ายแม่ตัวเองได้ คิดดังนั้นเจ้าดาเรศก็ก้าวไปยืนตรงหน้านายิกี พูดเสียงเด็ดเดี่ยว
“ถ้าแม่เฒ่ายืนยันว่าจะฆ่าคุณแม่ให้ได้ ก็ฆ่าดาซะก่อนเถอะค่ะ เพราะตราบใดที่ดายังมีชีวิตอยู่ ดาจะไม่มีวันยอมให้ใครมาทำร้ายคุณแม่แน่ๆ” เจ้าดาเรศสลดใจ รู้สึกผิด “ไม่ว่าคุณแม่จะทำผิดมากแค่ไหนก็ตาม”
นายิกีเข้าใจเจ้าดาเรศ แต่ก็ใจแข็ง ไม่ยอมเปลี่ยนใจ
“เจ้าก็รู้ว่าข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า อย่ามาใช้วิธีนี้บีบข้าเลย ไม่สำเร็จหรอก”
นายิกีปัดเจ้าดาเรศออกไปให้พ้นทาง แล้วเดินต่อไปอย่างไม่แยแส รชามองเจ้าดาเรศอย่างเห็นใจก่อนจะตัดใจเดินตามแม่เฒ่าไป
นายิกีกับรชาเดินเร็วรี่ตรงไปที่ถ้ำ เจ้าดาเรศวิ่งตามมาดึงแขนแม่เฒ่าไว้
“แม่เฒ่าคะ ดาขอร้อง ดารู้ว่าคุณแม่ทำเรื่องเลวร้ายเอาไว้มาก แต่ยังไงท่านก็เป็นแม่บังเกิดเกล้าของดา...ไม่มีลูกคนไหนหรอกค่ะ ที่จะทนเห็นแม่ของตัวเป็นอะไรไปต่อหน้าต่อตาได้”
นายิกีไม่ฟัง สะบัดแขนสุดแรงจนเจ้าดาเรศเสียหลักล้มลง กระถินกับเจ้าพงษ์นครปราดเข้ามาช่วยกันประคองไว้อย่างเป็นห่วง
“เจ้าคะ”
“น้องดา เป็นอะไรหรือเปล่า”
นายิกีชะงัก อดชำเลืองมองมาที่เจ้าดาเรศด้วยความเป็นห่วงไม่ได้ ก่อนจะตัดใจเดินไปต่อ เจ้าดาเรศผละจากเจ้าพงษ์นคร ไม่สนใจว่าตัวเองจะบาดเจ็บหรือไม่ ผวาเข้าไปเกาะขานายิกีไว้
“ได้โปรดเถอะค่ะ ได้โปรดไว้ชีวิตคุณแม่ดาซักครั้ง ดาจะดูแลคุณแม่อย่างดีไม่ให้ไปทำร้ายใครได้อีก”
นายิกีขยับจะเดินต่อ เจ้าดาเรศเกาะขาไว้ไม่ยอมปล่อย
“ดาขอร้องนะคะแม่เฒ่า นึกว่าเห็นแก่ดาซักครั้ง”
เจ้าดาเรศพูดจบก็ก้มลงกราบที่เท้าของนายิกี แม่เฒ่าพูดไม่ออก มองอย่างอึดอัดใจ
อ่านต่อหน้า 3
อนิลทิตา ตอนที่ 16 (ต่อ)
สุดท้ายรชากับเจ้าพงษ์นครต้องขนถังน้ำมันเก็บคืนใส่ท้ายรถ โดยมีแม่เฒ่านายิกียืนหน้าเครียดอยู่ด้วยท่าทางหงุดหงิด สับสน ไม่ได้ดั่งใจ สองหนุ่มมองหน้ากัน
รชาเดินไปหานายิกี พยายามพูดปลอบใจแม่เฒ่าพร้อมๆ กับที่ปลอบใจตัวเองไปด้วย
“ถ้าคุณโฉมมีสภาพอย่างที่แม่เฒ่าเห็นตอนที่เพ่งกสิณ ผมว่าเธอคงจะลุกขึ้นมาทำร้ายใครไม่ได้อีกแล้วล่ะครับ”
“แต่ใครจะรับรองได้ล่ะ” นายิกีไม่วางใจ และนึกโมโหตัวเอง “ข้าไม่น่าใจอ่อนกับเจ้าดาเรศเลย”
“แต่ก็ไม่น่าจะมีใครแก้อาคมที่แม่เฒ่าลงไว้ได้” เจ้าพงษ์นครว่า
รชาเสริม “ใช่ครับ อีกอย่าง...ถึงคุณโฉมจะรู้ว่าแม่เฒ่าทำพิธีตัดคอเธอ แต่คุณโฉมก็ไม่มีทางรู้แน่ๆว่าแม่เฒ่าฝังหุ่นของเธอไว้ที่ไหน”
“ข้าก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น”
สีหน้าท่าทางนายิกียังเป็นกังวลไม่คลาย และสังหรณ์ใจโดยประหลาด
ดวงจันทร์กลมโตบนท้องฟ้า หลังคืนวันเพ็ญในค่ำคืนนี้ เป็นสีเหลืองปนแดง แลดูน่ากลัว ยินเสียงหมาหอนรับกันโหยหวนไปทั่วป่าช้าแห่งนี้
คืนนี้เป็นคืนที่สองแล้ว ไอ้โล้นเดินตามหมาผีดิบที่ดมกลิ่นไปตามพื้นดินในป่าช้าอย่างไม่ย่อท้อ สักครู่หมาผีมาหยุดตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ มันทำอาการฟึดฟัดตะกุยดินให้ไอ้โล้นรู้ ไอ้โล้นลงมือขุดทันที
ฟากโฉมสุรางค์ยังนอนนิ่งบริกรรมอยู่บนแท่นหินในถ้ำ โดยมีผลึกเกลือเพชรหุ้มร่าง ห่างออกไปเห็นบันดาสากำลังจัดเตรียมแท่นบูชายัญ ดอกไม้แดง เทียนดำ สายสิญจน์ ก่อนจะหยิบมีดปลายแหลมขนาดใหญ่ขึ้นมาตรวจดูเป็นสิ่งสุดท้าย
เสียงหมาหอนรับกันโหยหวน ไอ้โล้นขุดดินอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยจนจอบไปกระทบกับของแข็งอะไรบางอย่าง อมนุษย์ผู้ซื่อสัตย์ชะงัก ตะกุยดินออกก่อนจะหยิบกล่องไม้ขนาดไม่ใหญ่นักขึ้นมา ที่ฝากล่องมีผ้ายันต์ปิดอยู่ และมีสายสิญจน์พันรอบๆ กล่อง ไอ้โล้นดึงสายสิญจน์ออกโดยไม่แยแส และเปิดกล่องดู หน้าเรียบเฉย
เวลาเดียวกันนี้ แม่เฒ่านายิกีที่กำลังนั่งสมาธิอยู่หน้าแท่นบูชาในกระท่อม แม่เฒ่าสะดุ้งเฮือกรับรู้โดยญาณ ลืมตาขึ้นทันที
“มีคนทำลายยันต์ของข้า ต้องมีคนมาเจอหุ่นนังโฉมแล้วแน่ๆ”
นายิกีรีบร้อนลุกขึ้นปราดออกไปจากกระท่อมทันที
ไอ้โล้นถือกล่องในมือเดินออกจากปากช้า มีหมาผีเดินตามมาด้วย
ทางด้านหมวดจิ๊บเดินลัดเลาะเข้ามาในป่าหลังคุ้มเชียงแมน เรื่อยมาจนถึงบริเวณที่เคยเจอเจ้าพงษ์นคร หมวดจิ๊บหยุดเดิน มองไปรอบๆ อย่างลังเล
“ถ้ำนั้นมันไปทางไหนนะ”
หมวดจิ๊บหยิบมือถือขึ้นมาเปิด Google Map แล้ว search ชื่อ “คุ้มเชียงแมน”
เห็นประตูใหญ่ของคุ้มเชียงแมนในจอ หมวดจิ๊บค่อยๆ เลื่อนดูรายละเอียด
“ด้านนี้มาจากถนนใหญ่ที่เราจอดรถไว้ ด้านนี้เป็นคุ้มเชียงแมน...ทางนี้ติดแม่น้ำ แนวเขาอยู่ทางด้านโน้น...”
หมวดจิ๊บเงยหน้าขึ้นดูภูมิประเทศอีกครั้ง มองไปทางทิศทางที่ตั้งของถ้ำ
“ถ้างั้นถ้ำต้องอยู่ทางนี้แน่ๆ”
หมวดจิ๊บตัดสินใจเดินต่อไป
หมวดจิ๊บเดินมาตามทาง จนแลเห็นถ้ำอยู่ลิบๆ ตา หมวดสาวชะงัก เพ่งมองให้แน่ใจว่าเป็นถ้ำจริงๆ
“มีถ้ำอยู่จริงๆ ด้วย”
หมวดจิ๊บหลบวูบเข้าไปหลังต้นไม้ เริ่มระวังตัวมากขึ้น สายตายังจับจ้องอยู่ที่ปากทางเข้าถ้ำ
“ต้องเป็นถ้ำนี้แน่ๆ ที่เจ้าพงษ์พูดถึง”
หมวดจิ๊บมองไปรอบๆ ตัวอย่างประเมินสถานการณ์ ไม่เห็นคนหรือสิ่งผิดปกติใดๆ หมวดจิ๊บหยิบปืนพกออกมาจากซองใส่ปืนที่เอว ถือไว้อย่างเตรียมพร้อม ก่อนจะเดินตรงไปที่ถ้ำ
ห่างจากปากถ้ำออกไปอีกมุมหนึ่ง ไอ้โล้นกำลังเดินดุ่มๆ มาอย่างรีบเร่ง มีหมาผีเดินตามมาด้วย ไอ้โล้นแลเห็นปากถ้ำอยู่อีกไกล อยู่ดีๆ มันก็ชะงักนึกถึงคำสั่งบันดาสา
“ถ้าได้หุ่นแม่หญิงมาแล้ว ก็หาเหยื่อที่เป็นหญิงสาวมาให้ข้าด้วย”
ไอ้โล้นเปลี่ยนทาง เดินตัดไปทางที่จะไปสู่ถนนใหญ่ บริเวณที่หมวดจิ๊บจอดรถแอบไว้
ไอ้โล้นเดินเร็วตัดป่าจะออกไปทางถนนใหญ่ หมาผีที่วิ่งคู่มากับไอ้โล้น หยุดชะงัก ทำจมูกฟุดฟิดแล้วเดินไปอีกทาง
ไอ้โล้นชะงัก มองตามหมาผีไป รู้ว่าต้องมีสิ่งผิดปกติแน่ๆ ไอ้โล้นตัดสินใจเดินตามหมาไป
หมวดจิ๊บยืนอยู่ที่หน้าปากถ้ำ
“ปากถ้ำปิดอยู่นี่นา”
หมวดสาวพยายามจะดันหินที่อยู่ปากถ้ำให้เปิดอออก แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าหินก้อนนั้นจะเขยื้อนได้
“หรือว่ามันจะมีกลไกอยู่ที่ไหนซักแห่ง”
หมวดจิ๊บหันซ้ายหันขวา ใช้ไฟฉายส่อง ก้มๆ เงยๆ สำรวจดูตามซอกหินต่างๆ เพื่อมองหากลไกเปิดถ้ำแต่ไม่เจอ ในจังหวะที่หมวดจิ๊บยืดตัวขึ้น กำลังจะเดินไปหากลไกเปิดถ้ำอีกทางหนึ่ง มือไอ้โล้นถือท่อนไม้ใหญ่กระหน่ำตีลงมาที่ท้ายทอยหมวดจิ๊บจังๆ หมวดสาวสลบไปทันที
ไอ้โล้นเดินหน้านิ่งตรงดิ่งเข้าไปหาร่างหมวดจิ๊บ อุ้มพาดบ่าแล้วเดินต่อไป
ไม่นานต่อมาร่างไร้สติของหมวดจิ๊บถูกวางไว้ที่พื้นถ้ำ บันดาสาเดินเข้ามาหาไอ้โล้นด้วยความร้อนใจ
“แล้วหุ่นแม่หญิงล่ะ”
ไอ้โล้นยื่นกล่องไม้ให้ บันดาสารับมาเปิดดู เห็นหุ่นดินเหนียวอยู่ในกล่องไม้หัวขาดออกจากตัว บันดาสาหันไปสั่งไอ้โล้น
“เอาร่างของแม่หญิงผู้นี้ไปที่บ่อน้ำ ข้าต้องอาบน้ำชำระร่างกายของนางให้บริสุทธิ์ซะก่อน”
ไอ้โล้นอุ้มร่างหมวดจิ๊บเดินออกไป บันดาสาหันไปพูดกับโฉมสุรางค์ที่นอนอยู่โดยมีผลึกเกลือเพชรหุ้มกายอยู่อีกมุมหนึ่ง
“ข้าจะถ่ายพลังชีวิตจากร่างกายและโลหิตของนางผู้นี้ส่งไปให้แม่หญิง เพื่อที่แม่หญิงจะกลับมาเป็นสาวได้อีกครั้ง”
โฉมสุรางค์นอนนิ่ง มีผลึกเกลือปกคลุมร่าง ปากยังขมุบขมิบบริกรรมคาถาอยู่
สามคนอยู่ในป่าช้า นายิกีมองหลุมที่เพิ่งถูกขุดเอากล่องใส่หุ่นไปอย่างตกใจและร้อนใจ
“หุ่นของนังโฉมหายแล้ว มันคงจะส่งคนมาเอาไปเพื่อแก้อาคมของข้าแน่ๆ”
“แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะครับ” เจ้าพงษ์นครถามขึ้น
“เราต้องไปทำลายพิธีแล้วเอาหุ่นของนังโฉมกลับมาให้ได้ก่อนที่มันจะทำพิธีสำเร็จ” แม่เฒ่าอดหวั่นใจไม่ได้ “ไม่เช่นนั้นนังโฉมจะกลับมามีฤทธิ์อีกครั้ง”
ระหว่างที่นายิกีกับเจ้าพงษ์นครหารือกันอยู่ รชาก็มองสำรวจรอบๆ เห็นรอยเท้าคนที่พื้นเดินห่างออกไป
“มีรอยเท้าเดินไปทางนี้ครับ”
นายิกีมองตามรอยเท้าไปอย่างครุ่นคิด
“มันต้องกลับไปที่ถ้ำแน่ๆ”
รชาพูดขึ้นอย่างร้อนใจ
“งั้นเราก็รีบตามไปเถอะครับ”
นายิกี รชา และเจ้าพงษ์นครรีบเดินออกไปที่รถทันที
อ่านต่อหน้า 4
อนิลทิตา ตอนที่ 16 (ต่อ)
ในความมืดสลัว เสียงโทรศัพท์มือถือของจักราดังขึ้น ไฟข้างเตียงสว่างขึ้น จักราในชุดนอน มีอาการงัวเงียตื่นขึ้นมาควานหาโทรศัพท์ขึ้นมาดู ที่หน้าจอโทรศัพท์ เห็นชื่อเจ้าพงษ์นคร จักราตาสว่างทันที รีบกดรับสาย
“เจ้าพงษ์...มีอะไรหรือเปล่าครับ”
เจ้าพงษ์นครนั่งคู่กับรชาที่กำลังขับรถอยู่ มีแม่เฒ่านายิกีนั่งอยู่ทางตอนหลังของรถ
“มีคนเอาหุ่นคุณป้าไปแล้วครับ”
จักราตกใจมาก “แต่เรื่องนี้ไม่มีใครรู้นอกจากพวกเรา”
“ก็คงจะเป็นคนที่พยายามจะช่วยคุณป้าด้วยการแก้อาคมที่แม่เฒ่านายิกีทำพิธีไว้น่ะครับ”
จักรารับฟังอย่างเป็นกังวล
จักราเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดออกไปข้างนอก ค่อยๆ เปิดประตูห้องออกมา มองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง ก่อนจะรีบเดินแกมวิ่งลงบันไดไป
บังเอิญว่าเจ้าดาเรศเปิดประตูออกมาเห็นพอดี
“คุณจักรจะรีบไปไหนนะ”
หญิงสาวมองตาม สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
จักราเดินแกมวิ่งมาถึงชายป่าตรงจุดนัดพบ เห็นรถของรชาเคลื่อนเข้ามาจอด สามคน ลงมาจากรถ
จักรารีบเข้าไปสมทบ รชามองไปด้านหลังจักราอย่างเป็นกังวล
“เจ้าดาเรศไม่รู้ใช่มั้ยว่าแกออกมาที่นี่”
จักรารู้สึกผิดแต่ก็ต้องทำ “ผมไม่ได้บอกคุณดาครับ”
“ดีแล้ว เพราะครั้งนี้ข้าจะไม่ยอมปล่อยให้นังโฉมมันหลุดมือไปได้เป็นอันขาด ตอนนี้มันคงกำลังจะทำพิธีอยู่แน่ๆ เรารีบไปกันเถอะ”
เจ้าดาเรศแอบดูอยู่ที่มุมหนึ่ง ฟังด้วยสีหน้าหนักใจ
หมวดจิ๊บนอนอยู่บนแท่นทำพิธีกลางวงเทียน และถูกเปลี่ยนเป็นชุดเขมรโบราณคล้ายชุดของอนิลทิตา ที่คอสวมมาลัยดอกไม้แดง ข้างตัวมีหุ่นดินของโฉมสุรางค์ที่วางหัวกับตัวไว้ใกล้ๆ เกือบจะต่อกันติด แต่ก็เห็นว่าแยกกัน
ส่วนโฉมสุรางค์นอนนิ่ง มีผลึกเกลือเพชรหุ้มร่างรอบกายมีวงเทียนสีดำอีกวงหนึ่ง บันดาสาค่อยๆ จุดเทียนต่อรอบๆ ตัวหมวดจิ๊บ
เจ้าพงษ์นครเดินนำ ตามด้วยจักรา นายิกี รชา ทุกคนตรงไปที่หน้าถ้ำ
“กลไกเปิดปากถ้ำอยู่ทางโน้นครับ”
เจ้าพงษ์นครเปิดกลไกถ้ำ ประตูเปิดออก เจ้าดาเรศแอบตามมาและดูอยู่
ขณะเดียวกันไอ้โล้นเดินเฝ้ายามอยู่บริเวณทางแยกที่ไปยังกรงขังนักโทษกับอ่างอาบโลหิต มีไล่ไฟไปตามทางเดินทั้ง 2 ทาง หมาผีเดินไปเดินมาคอยระวังภัยอยู่ใกล้ๆ ไอ้โล้นได้ยินเสียงไม้ไผ่ที่ทำไว้เป็นสัญญาณเตือนภัยดังกระทบกัน ก็ชะงัก
“มีคนมา”
บันดาสาเริ่มพิธีจากร่ายมนต์ ใช้มีดปลายแหลม เคาะหัวกะโหลกที่อยู่ในมือไปด้วย โดยเดินวนเป็นเลข 8 รอบแท่นบูชายัญที่มีหมวดจิ๊บนอนนิ่งอยู่และแท่นที่โฉมสุรางค์นอนบริกรรมสมาธิโดยมีผลึกเกลือเพชรห่อหุ้มตัว ซึ่งแท่นทั้ง 2 แท่นตั้งอยู่กลางวงล้อมของเทียนสีดำที่จุดแล้ว
เสียงไม้ไผ่กระทบกันดังแว่วเข้ามา บันดาสาชะงักนิดหนึ่ง ชำเลืองมองไปทางปากถ้ำ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่สามารถหยุดพิธีได้ ต้องรวบรวมสมาธิท่องมนต์ต่อไป
จักรา นายิกี รชา และเจ้าพงษ์นคร เดินเข้ามาถึงทางแยกในถ้ำที่โล้นกับหมาดำเฝ้าอยู่ แต่ตอนนี้ไอ้โล้นกับหมาผีไม่อยู่ตรงนี้แล้ว นายิกีหยุดยืนมองทาง 2 แพร่งอย่างใช้ความคิด
“เราต้องแยกกันหาว่ามันเอาหุ่นนังโฉมไปไว้ที่ไหน”
“ผมกับคุณรชาจะไปดูทางโน้น”
เจ้าพงษ์นครหยิบปืนพกขึ้นมาถือไว้
รชากับเจ้าพงษ์นครมองหน้ากันอย่างเตรียมพร้อม แล้วเดินแยกไปทางห้องขัง
“งั้นเราแยกไปอีกทาง”
จักรามองไปรอบๆ คว้าไม้ท่อนหนึ่งขึ้นมาเป็นอาวุธ ก่อนจะเดินตามนายิกีไปทางอ่างอาบน้ำโลหิต
รชากับเจ้าพงษ์นครเดินระแวดระวังไปตามทางจนถึงห้องขังที่เจ้าพงษ์นครเคยถูกจับตัวมาขังไว้
“ผมเคยถูกจับมาขังไว้ที่นี่ล่ะครับ”
ทันใดนั้นไฟจากไต้ที่ให้แสงสว่างมาตามทางก็ดับวูบลง สองหนุ่มตกใจ
“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้นน่ะ...” รชาร้องบอกเจ้าพงษ์นคร “เจ้า ระวังตัวนะครับ”
เจ้าพงษ์นครยังไม่ทันตอบ ในความมืด ไอ้โล้นใช้กระบองตีหัวเจ้าพงษ์นครฟุบไป รชาได้ยินเสียงคล้ายไม้ตีอะไรสักอย่าง แต่มองไม่เห็นอะไรเลย นอกจากความมืด
“เจ้าพงษ์ เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง รชาก็ถูกไอ้โล้นตีหัวเต็มแรง ทุกอย่างดับวูบลงไปในความมืด
ด้านจักรากับนายิกีเดินมา ใกล้จะถึงอ่างอาบน้ำโลหิตมากขึ้นทุกที ทันใดนั้นหมาผีก็เห่ากรรโชกและกระโจนเข้าโจมตีจักราและนายิกีทันที
เสียงหมาผี ทำให้บันดาสาที่กำลังเดินวนเป็นเลข 8 รอบแท่นบูชายัญ ชะงัก และ เสียสมาธิไปนิดหนึ่ง แล้วพยายามรวบรวมสมาธิจดจ่ออยู่กับการทำพิธี จำต้องฝากความหวังไว้กับโล้นและหมาผีในการป้องกันไม่ให้ใครมาทำลายพิธีได้
ในผลึกเกลือเพชร เห็นโฉมสุรางค์นอนบริกรรมคาถานิ่ง แต่ใบหน้าตึงเครียด คิ้วขมวด เหงื่อซึมออกมา
ส่วนนายิกีที่ได้จังหวะตอนที่หมาผีทะยานเข้าหา จับหมาผีเหวี่ยงไปกระทบผนังถ้ำ แต่หมาผีพลิกตัวกระโจนกลับมาใส่ทันที จักราซึ่งระวังตัวอยู่แล้ว ใช้ไม้ฟาดหมาเต็มแรง
นายิกีควักผงหินภูเขาไฟออกมาแล้วขว้างไปที่หมาผี ทันใดนั้นก็เกิดไฟไหม้ท่วมตัวมัน ลงไปนอนดิ้นพราดๆ ร้องครวญคราง นายิกีหันมาพูดกับจักรา
“ไอ้จักร ทางนี้...เร็วเข้า”
จักรากับนายิกีวิ่งไปทางอ่างอาบน้ำเลือด
สองคนวิ่งไปถึงบริเวณที่กำลังจะทำพิธีบูชายันต์ก่อนจะหลบวูบเข้าไปหลังก้อนหินใหญ่เพื่อสังเกตการณ์
ทั้งคู่แลเห็นบันดาสากำลังทำพิธี โดยเดินวนเป็นเลข 8 รอบแท่นบูชายัญที่มีหญิงสาวนอนนิ่งอยู่และแท่นที่โฉมสุรางค์นอนบริกรรมสมาธิในผลึกเกลือเพชรที่ห่อหุ้มตัว
นายิกีชะงัก เมื่อเห็นหญิงสาวนอนสลบอยู่ แต่อยู่ไกลเกินกว่าจะเห็นว่าเป็นหมวดจิ๊บ
“ไม่ได้การละ เราต้องรีบช่วยผู้หญิงคนนั้นก่อน มันต้องฆ่าผู้หญิงเพื่อเอาเลือดมาทำพิธีแก้อาคมให้นังโฉมแน่ๆ”
ทันใดนั้นเองบันดาสาก็มาหยุดยืนอยู่หน้าแท่นที่หมวดจิ๊บนอนอยู่ เงื้อมีดที่ใช้เคาะกะโหลกขึ้น หมายจะแทงไปที่หัวใจของจิ๊บ นายิกีกระโดดออกมาจากที่ซ่อนตัว แล้ววิ่งตรงไปที่บันดาสาทันที
แม่เฒ่าตะโกนก้อง “หยุดนะ”
บันดาสาแทงมีดลงไปที่หัวใจจิ๊บทันที เห็นเลือดค่อยๆ ซึมไหลออกมาจากหน้าอกของหมวดจิ๊บ
นายิกีชะงักไปเสี้ยววินาทีด้วยความตกใจ แล้วก็รีบพุ่งเข้าไปหมายจะเอามีดออกจากอกหมวดจิ๊บ ปากก็ตะโกนสั่งจักรา
“ไอ้จักร รีบเอาหุ่นของนังโฉมออกไปจากแท่น เร็วเข้า”
สิ้นเสียงของนายิกี จักราก็วิ่งไปที่แท่น แต่หมาผีซึ่งมีรอยไฟไหม้เกรียมกระโจนเข้าใส่จักราอย่างดุร้าย จักราเหวี่ยงไม้ต่อสู้กับหมาผี บันดาสาพูดสั่งเสียงเข้มขึ้นมาลอยๆ
“กันพวกมันไว้ให้ได้ อย่าให้ใครเข้ามาถึงแท่นพิธีเป็นอันขาด”
ก่อนที่นายิกีจะพุ่งไปถึงมีดที่ร่างหมวดจิ๊บ ไอ้โล้นก็ปราดเข้ามาจับตัวนายิกีเหวี่ยงออกไปเต็มแรง
ระหว่างการต่อสู้ เลือดไหลออกจากร่างหมวดจิ๊บไปท่วมหุ่นดินที่วางอยู่ข้างๆ จนเกือบมิด แต่หัวกับตัวหุ่นยังแยกกันอยู่ วงเทียนรอบตัวหมวดจิ๊บและหุ่นดินกระพริบๆ แล้วก็ดับ
เทียนรอบกายโฉมสุรางค์ติดพรึ่บขึ้นแทน บันดาสายืนอยู่ข้างๆ แท่นที่โฉมสุรางค์นอนอยู่ในผลึกเกลือเพชร มองไปที่ผลึกเกลือเพชรโดยไม่ให้คลาดสายตา เห็นเลือดซึมเข้าไปในผลึกเกลือที่หุ้มกายโฉมสุรางค์ ค่อยๆ เปลี่ยนจากสีขาวกลายเป็นสีแดง
ฝ่ายนายิกีลุกขึ้นมาได้ พยายามหาทางจะเข้าไปเอาหุ่นจากแท่น ไอ้โล้นหันไปยกหินก้อนใหญ่มาทุ่มใส่ นายิกีหันขวับมาจ้องหินแล้วบริกรรมคาถา
ก้อนหินหยุดกลางอากาศ นายิกีชี้นิ้วหินพุ่งใส่โล้นและระเบิดเป็นผุยผง ไอ้โล้นโดนแรงอัดจากระเบิดของสะเก็ดหินจนกระเด็นไปกระแทกผนังถ้ำร่วงลงมานอนจุก นายิกีชี้ไปที่หินใหญ่ก้อนหนึ่ง หินหล่นลงมาทับไอ้โล้นอีกชั้น มันพยายามดิ้นรนอยู่ใต้หินนั้น
นายิกีตรงไปที่แท่นพิธี บันดาสาไม่ยอมให้แม่เฒ่าเข้าไปใกล้แท่นพิธี หยิบมีดขึ้นมาฟันใส่สุดแรงแต่นายิกีหลบทัน และใช้พลังกระแทกร่างบันดาสากระเด็นออกไปกระแทกผนังถ้ำจนกระอักเลือด
จังหวะเดียวนี้ จักราเสียท่าหมาผีล้มลง หมาผีตั้งท่าจะกระโจนเข้าใส่ นายิกีกำลังจะปราดเข้าไปที่แท่น แต่หมาผีผละจากจักรา กระโจนเข้าหานายิกีทันที
จักรากระเสือกกระสนลุกขึ้น วิ่งเข้าไปที่แท่นที่มีหุ่นคุณโฉมวางอยู่ นายิกีควักหินภูเขาไฟ ขว้างไปที่หมาผี
“ไอ้หมาผี กินหินภูเขาไฟเสกซะ”
หมาผีกระโดดงับขี้ค้างคาวเสก ฉับพลันนั้นเองหัวหมาผีระเบิดเป็นจุณเหลือแต่ตัววิ่งพล่านแล้วก็ล้มลงตายคาที่
จักราจะวิ่งไปหยิบหุ่น แต่มาหยุดอยู่ระหว่างแท่นสองแท่น แลเห็นโฉมสุรางค์ในสภาพแก่หง่อมนอนอยู่ในเกราะเกลือเพชรที่เกือบจะเป็นสีแดงทั้งก้อนแล้ว จักรามองอย่างลังเล และรู้สึกผิด
นายิกีจัดการหมาผีเสร็จ กำลังจะวิ่งตามจักราไป ไอ้โล้นกระโจนเข้ามาล็อกตัวนายิกีไว้ แม่เฒ่าดิ้นรนปากก็ร้องตะโกน
“ไอ้จักร เอาหุ่นนังโฉมออกมาเดี๋ยวนี้ เร็วเข้า จะไม่ทันแล้ว”
ไอ้โล้นบีบคอนายิกีแน่น
จักราได้สติวิ่งมาถึงแท่น ควานมือหาหุ่นโฉมสุรางค์ที่ตอนนี้เลือดหมวดจิ๊บท่วมไปแล้วเรียบร้อย
นายิกีดิ้นสุดกำลัง รวบสติหยิบกริชออกมาจากย่าม แทงฉึกเข้าที่คอไอ้โล้นจังๆ ไอ้โล้นชะงัก นายิกีดึงกริชออกมาจากคอไอ้โล้น เป่ามนต์ลงที่กริช และถือโอกาสที่ไอ้โล้นนิ่งชะงักแทงกริชลงไปที่หัวใจไอ้โล้นอย่างถนัดถนี่ ร่างไอ้โล้นทรุดฮวบลง
จักราหยิบหุ่นขึ้นมาจากเลือด พบว่าตัวกับหัวหุ่นที่เคยขาดออกจากกัน ตอนนี้ต่อกันสนิทแล้ว นายิกีผวาตามเข้ามาชะงักมองหุ่นในมือจักราอย่างตกตะลึง
บันดาสาซึ่งถูกพลังของนายิกีจนบาดเจ็บสาหัส หันมาพูดด้วยเสียงนิ่งๆ
“พิธีสำเร็จแล้ว พวกเจ้าคงจะทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ”
โฉมสุรางค์ในอาภรณ์สีแดงเพลิงนอนอยู่บนแท่นพิธี เห็นผลึกเกลือเพชรซึ่งตอนนี้กลายเป็นสีแดงทั้งก้อนท่วมศีรษะโฉมสุรางค์ ก่อนที่ผลึกเกลือแตกกระจายเกิดเสียงดังเปรื่องปร่างสะท้านสะเทือนไปทั้งถ้ำ
อ่านต่อตอนที่ 17