อนิลทิตา ตอนที่ 11
เวลาผ่านไปอีกสักระยะหนึ่ง ภายในกระท่อมบันดาสา เจ้าพงษ์นคร ลืมตาตื่นอย่างช้าๆ เห็นทุกอย่างตรงหน้าเป็นภาพพร่ามัว ไปหมด ชายหนุ่มกระพริบตาจนภาพชัดขึ้น แต่นึกแปลกใจว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
“ที่นี่ที่ไหน”
เจ้าพงษ์นครยันกายลุกขึ้นมามองไปรอบๆ เห็นว่าตัวเองอยู่ภายในกระท่อมเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยกิ่งไม้แห้งพิงอยู่ข้างผนัง มีครกโกร่งบดยา และมีใบไม้แห้ง ห้อยลงมาจากหลังคา
พอมองไปอีกมุม ก็พบว่าบนโต๊ะตัวหนึ่งในนี้ มีโหลแก้วดองตะขาบ แมงป่อง คางคก แมงมุม วางอยู่ ชายหนุ่มตกใจ
“เฮ้ย! นี่มันอะไรกันวะ”
เจ้าพงษ์นครค่อยๆ ลุก เดินไปทางประตู สอดตามองลอดช่องประตูที่แง้มอยู่ออกไปหน้ากระท่อม แลเห็นหญิงชราคนหนึ่งกำลังตั้งหม้อบนเตาไฟ ก่อนจะจับงูเป็นๆ ใส่ลงไปในหม้ออย่างช้าๆ เจ้าพงษ์นครผงะออกไปด้วยความตกใจ
“เฮ้ย!”
เจ้าพงษ์นครมองไปรอบๆ ท่าทีหวั่นใจ แต่ยังมีสติ พยายามจะหาทางเอาตัวรอด
“แล้วจะหนีออกไปยังไงวะ”
เสียงเกรี้ยวกราดของโฉมสุรางค์ดังเข้ามาถึงในกระท่อม
“พี่บันดาสา”
เจ้าพงษ์นครชะงัก สีหน้าดีใจ “เสียงคุณป้า”
ชายหนุ่มปราดไปแอบมองที่ประตูให้แน่ใจ เห็นโฉมสุรางค์เดินหน้าเรียบเฉยแต่ดวงตาโกรธเกรี้ยวเข้ามาหาหญิงชราหน้ากระท่อม
ที่ด้านนอกกระท่อมเวลานี้ โฉมสุรางค์มองบันดาสาอย่างเอาเรื่อง พูดถามชัด และช้า น้ำเสียงเข้ม
“เจ้าพงษ์อยู่กับพี่ใช่มั้ย”
บันดาสาอึกอัก ถูกโฉมสุรางค์มองอย่างคาดคั้น
“เจ้ามาอยู่กับพี่ได้ยังไง”
“ข้า...ข้าเจอเจ้าพงษ์นอนสลบอยู่ในป่า ก็เลยพามาที่นี่”
โฉมสุรางค์มองจ้องบันดาสาอย่างจับผิด แต่บันดาสาตีหน้าซื่อ สบตาโฉมสุรางค์นิ่ง
“เจ้าพงษ์คงจะถูกใครทำร้ายมาแน่ๆ ข้ากำลังคิดจะหาทางไปบอกแม่หญิงอยู่พอดี”
“จะใคร ก็ไอ้โล้นน่ะสิ มันจับเจ้าพงษ์นครไปขังไว้ในถ้ำ แต่เจ้าหนีออกมาได้” โฉมสุรางค์เหลียวขวับมาสั่งบันดาสา ด้วยแววตาเหี้ยมโหด “พี่ต้องฆ่ามัน มันเห็นความลับของข้า เราจะปล่อยมันไว้ไม่ได้”
เจ้าพงษ์นครอยู่ในกระท่อมได้ยินและเห็นทุกอย่าง ตกใจมาก “เฮ้ย”
บันดาสาห้าม “ไม่ได้นะแม่หญิง เจ้าพงษ์เป็นญาติของแม่หญิง แม่หญิงจะฆ่าเจ้าพงษ์ไม่ได้”
“แล้วถ้ามันไปบอกคนอื่นล่ะ”
“แม่หญิงไม่ต้องห่วง พี่จะจัดการเรื่องนี้เอง”
“พี่จะทำอย่างไร”
“ก็เอายาลบความจำให้เจ้ากิน...เหมือนกับที่เคยให้เจ้าพงษ์สุริยันกินอย่างไรล่ะ แค่นี้ เจ้าพงษ์นครก็ไม่สามารถจะแพร่งพรายความลับของเราได้อีก”
สีหน้าเจ้าพงษ์นครตกใจ หวาดกลัวสุดขีด “ยาลบความจำ”
เวลาผ่านไปสักระยะ บันดาสาปั้นยาลูกกลอนลบความจำเสร็จ ถือถ้วยยามาวางไว้ข้างๆ เจ้าพงษ์นคร พร้อมน้ำ
“กินยาซะหน่อยนะเจ้า”
เจ้าพงษ์นครแกล้งทำเป็นสะลืมสะลือถาม “ยาอะไร”
“ยานี้จะช่วยให้เจ้าหายจากการบาดเจ็บ” บันดาสาว่า
“ไม่กิน ฉันไม่กิน” เจ้าพงษ์นครบอก
โฉมสุรางค์ยืนดูอยู่ ออกอาการใจร้อน
“เร็วๆ เข้าสิพี่บันดาสา ชักช้าเดี๋ยวก็ไม่ได้การหรอก”
บันดาสามองหน้าเจ้าพงษ์นครด้วยไม่อยากทำ
“ถ้าพี่ไม่ทำ เดี๋ยวข้าทำเอง”
โฉมสุรางค์ขัดใจ ปราดเข้าไปหยิบยาลูกกลอนยัดใส่ปากเจ้าพงษ์นครเอง ชายหนุ่มสะดุ้ง ดิ้นไปดิ้นมาแล้วสลบไป บันดาสาสลดหดหู่ใจยิ่งนัก
“ยกโทษให้ข้าด้วย ถ้าข้าไม่ทำแบบนี้เจ้าก็ต้องตาย
จบที่หน้าพงษ์นครแน่นิ่ง
เช้าวันต่อมา เจ้าดาเรศร้อนใจ เดินทางไปหานายิกีที่กระท่อมกลางป่า พร้อมกับกระถิน
“เจ้าพี่ของเจ้าถูกขังอยู่ในถ้ำ และจะให้ข้าดูว่าถ้ำอยู่ที่ไหน” แม่เฒ่าถาม
เจ้าดาเรศร้อนรน เป็นห่วงเจ้าพงษ์นครมาก
“ใช่ค่ะ เพราะดาไม่รู้ว่าจะไปหาที่ไหน คุณแม่บอกจะจัดการป่านนี้ก็ยังไม่ได้เรื่อง”
“มันไม่ใช่เรื่องของข้า ข้าไม่อยากยุ่ง”
เจ้าดาเรศยกมือขึ้นพนมอ้อนวอนขอร้อง
“นะคะแม่เฒ่า ช่วยดาด้วยนะคะ ดาไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว”
นายิกีเมินหน้าหนี
กระถินมองอยู่ เอ่ยขึ้นว่า “แม่เฒ่าอยากรู้เรื่องอนิลทิตาไม่ใช่เหรอ ถ้ำนี้อาจจะเกี่ยวกับอนิลทิตาก็ได้”
นายิกีสนใจ มีสีหน้าครุ่นคิด
“ก็ได้ ข้าจะช่วยเจ้า”
เจ้าดาเรศกับกระถินมองหน้ากันด้วยความดีใจ
ที่หน้าโต๊ะบูชา ในกระท่อม แม่เฒ่านายิกีจุดเทียนเล่มใหญ่ตรงหน้า แล้วหลับตาเพ่งสมาธิ สักครู่ก็ลืมตาขึ้นเพ่งมองไปที่เปลวเทียน
ภาพในเปลวเทียนเห็นเป็นภาพบันดาสากำลังทำแผลที่ศีรษะให้เจ้าพงษ์นครอยู่ นายิกีทำหน้าแปลกใจ
“เจ้าพี่ของเจ้าไม่ได้อยู่ในถ้ำ”
สองสาวตกใจ
“แม่เฒ่าดูผิดหรือเปล่า” กระถินถาม
นายิกีบอกอย่างมั่นใจ “มนตราของข้าไม่เคยผิดพลาด”
เจ้าดาเรศถามขึ้นว่า “แล้วเจ้าพี่อยู่ที่ไหนคะ ปลอดภัยดีหรือเปล่า”
“มันปลอดภัยดี อยู่กับยายแก่คนนึงในกระท่อม”
เจ้าดาเรศโล่งใจแต่ยังไม่คลายกังวล
“ยายแก่ ใครกัน”
กระถินนิ่งคิด “กระท่อมยายแก่ ก็มีอยู่ที่เดียวนะเจ้า”
เจ้าดาเรศเหลียวมองหน้ากระถิน รู้ว่าหมายถึงบันดาสานั่นเอง
อ่านต่อหน้า 2
อนิลทิตา ตอนที่ 11 (ต่อ)
ตอนสายวันเดียวกัน เจ้าพงษ์นครมีผ้าพันแผลที่ศีรษะ กำลังนั่งกินข้าวอยู่บนแคร่หน้ากระท่อม สีหน้าโรยราเหมือนคนไม่มีแรง บันดาสามองอย่างเวทนา
“เจ้า เจ้าจำอะไรได้มั้ย”
บันดาสาตื่นเต้น รอลุ้น
เจ้าพงษ์นครไม่ตอบ นิ่งตาลอย
“ยายเป็นใคร ที่นี่ที่ไหน ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
บันดาสาฟังแล้วโล่งใจ ไอ้พันมีท่าทางดีใจ
“หลาน...หลานไม่ตาย”
บันดาสาเศร้าใจนัก “แต่เจ้าความจำเสื่อม ก็เหมือนตายทั้งเป็น”
ห่างออกไป เจ้าดาเรศกับกระถินเดินเข้ามา สองสาวเห็นเจ้าพงษ์นครอยู่ที่หน้ากระท่อม
“เจ้าพงษ์นครอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วยค่ะเจ้า”
เจ้าดาเรศเดินแกมวิ่งเข้าไปหาเจ้าพงษ์นครทันที
“เจ้าพี่ เป็นยังไงบ้างคะ”
บันดาสาตกใจ “เจ้ามาได้ยังไง”
“ดามาตามเจ้าพี่ เกิดอะไรขึ้นคะ เจ้าพี่มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
บันดาสาอึกอัก
“ยาย...เห็นเจ้าพงษ์นครนอนสลบอยู่ในป่าเลยพามาที่นี่”
เจ้าดาเรศหันไปทางเจ้าพงษ์นคร ด้วยความเป็นห่วง
“เจ้าพี่บอกดาว่าถูกจับอยู่ในถ้ำ แล้วออกมาได้ยังไงคะ”
เจ้าพงษ์นครนิ่ง มองด้วยสีหน้างุนงง เหมือนไม่รู้จักเจ้าดาเรศ
“เธอเป็นใคร”
เจ้าดาเรศอึ้ง ตกใจ “เจ้าพี่เป็นอะไร ดาไงคะ ดาน้องของเจ้าพี่”
เจ้าพงษ์นครเงียบ ไม่สนใจเจ้าดาเรศเอาเลย
จนเจ้าดาเรศต้องหันไปถามบันดาสา “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าพี่คะยาย”
บันดาสาอ้ำอึ้งอยู่ชั่วขณะ “เจ้าพงษ์นครถูกตีที่หัว เลยทำให้ความจำเสื่อม”
เจ้าดาเรศตกใจมาก
“ความจำเสื่อม เป็นไปได้ยังไง ก่อนหน้านั้นเจ้าพี่บอกดาว่าถูกขังไว้ในถ้ำ แล้วถ้ำอยู่ที่ไหนคะ ยายรู้มั้ย”
บันดาสาตกใจ “ถ้ำที่ไหนเจ้า ไม่มี ที่นี่ไม่มีถ้ำ”
ไอ้พันคิดอยู่แล้วโพล่งขึ้นมา
“ถ้ำ...เลือด...ถ้ำ...กลัว...”
จากนั้นไอ้พันก็วิ่งเตลิดหนีไป เจ้าดาเรศมองตามด้วยความแปลกใจ
“อะไรกันคะยาย ลุงพันเป็นอะไร ถ้ำอะไร เลือดอะไร”
บันดาสาร้อนรนกลัวเจ้าดาเรศจับได้ รีบตัดบท
“ไม่มีอะไรหรอกเจ้า พาเจ้าพงษ์นครกลับไปเถอะ”
เจ้าดาเรศมีสีหน้าครุ่นคิด ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าพี่พงษ์นครของเธอกันแน่
โฉมสุรางค์กำลังเดินลงบันไดมา เห็นเจ้าดาเรศกับกระถินกำลังประคองเจ้าพงษ์นครเข้ามาในโถงเรือนใหญ่ ก็ตื่นเต้น กลัวเจ้าพงษ์นครจำได้
“หาตัวเจ้าพงษ์เจอแล้วเหรอ”
“ค่ะ คุณแม่”
โฉมสุรางค์ มีท่าทีกล้าๆกลัวๆ พูดหยั่งเชิงถามเจ้าพงษ์นคร
“หายไปไหนมาล่ะเจ้าพงษ์ ทำให้คนอื่นเค้าตามหากันให้วุ่น”
เจ้าพงษ์นครมองโฉมสุรางค์สีหน้าเลื่อนลอย
“คุณเป็นใคร รู้จักผมด้วยเหรอ”
โฉมสุรางค์แสร้งทำท่าตกใจ แต่ลึกๆ โล่งอก
“เจ้าพี่ถูกตีศีรษะจนความจำเสื่อมค่ะ ดาไปพาออกมาจากกระท่อมในป่า แปลกจริงๆ เจ้าพี่หนีออกมาจากในถ้ำได้ยังไง”
“เจ้าพงษ์คงพูดเลอะเลือน ที่นี่ไม่มีถ้ำอะไรทั้งนั้น พาเจ้าพงษ์ขึ้นไปข้างบนเถอะ” โฉมสุรางค์ตัดความ
เจ้าดาเรศมองเจ้าพี่ด้วยความสงสาร
เจ้าดาเรศกับกระถินพาเจ้าพงษ์นครเข้ามาในห้องพักบนเรือนใหญ่
“เจ้าพี่อยู่ที่นี่นะคะ ไม่ต้องกลัว ดาเชื่อว่าซักวันเจ้าพี่ต้องหาย”
เจ้าพงษ์นครมองดูรอบๆห้อง ท่าทีเหมือนไม่คุ้นเคยเอาเลย
“สงสารเจ้าพงษ์นะคะ ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ๆ ไม่น่าความจำเสื่อมเลย” กระถินสงสารจับใจ
เจ้าดาเรศเศร้าใจ
“เราออกไปกันเถอะกระถิน จะได้ให้เจ้าพี่พักผ่อน” เจ้าดาเรศหันมาบอกกับเจ้าพงษ์นคร “เจ้าพี่อยากได้อะไรบอกดานะคะ”
จากนั้นเจ้าดาเรศกับกระถินก็ออกจากห้องไป
เจ้าพงษ์นครมองตาม รอจนประตูปิดลง แล้วรีบลุกขึ้น หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง เดินไปชาร์จแบตกดเครื่องเปิดขึ้น แล้วเข้าไปที่อัลบั้มรูปในโทรศัพท์ คลิกดูรูปที่ถ่ายไว้ตอนอยู่ในถ้ำ มันเป็นรูปภายในถ้ำ และรูปกรงขัง 3-4 รูป
เจ้าพงษ์นครครุ่นคิด ที่แท้เขาไม่ได้กินยาลบความจำ!
ที่ศาลาในสวนสวยคุ้มเชียงแมน เจ้าดาเรศนั่งครุ่นคิด กลุ้มใจเรื่องเจ้าพงษ์นครอยู่ในนั้น
“น้องดา ช่วยพี่ด้วย พี่ถูกทำร้าย มีคนจับพี่มาขังไว้” เสียงเจ้าพงษ์นครจากปลายสายโทร.เข้ามา ผุดขึ้นมาในห้วงคิด เจ้าดาเรศเครียด กังวล
“ทำไมอยู่ดีๆ เจ้าพี่ความจำเสื่อม เจ้าพี่โดนอะไรตอนที่อยู่ในถ้ำ”
กระถินที่นั่งอยู่ด้วยก็สงสัย
“เจ้าเชื่อเหรอคะว่ามีถ้ำจริงๆ กระถินอยู่ที่คุ้มตั้งหลายปียังไม่เคยเห็นเลย”
“ฉันเชื่อ เจ้าพี่ไม่โกหกฉันหรอก แต่ถ้ำมันอยู่ที่ไหน”
“ถ้าที่คุ้มมีถ้ำจริง ไอ้โล้นต้องรู้แน่ๆ” กระถินว่า
เจ้าดาเรศกับกระถินมองหน้ากันอย่างใช้ความคิด
อ่านต่อหน้า 3
อนิลทิตา ตอนที่ 11 (ต่อ)
ส่วนในห้องนอนโฉมสุรางค์ จักรากำลังนัวเนียอนิลทิตาในคราบโฉมสุรางค์อยู่บนเตียง แต่ถูกอีกฝ่ายพยายามปัดป้อง หักห้ามใจอย่างรุนแรง เพราะกลัวร่างกายจะเหี่ยวย่นให้จักราเห็น
“คุณโฉมยอดรักของผม”
โฉมสุรางค์เขิน ยิ้มหน้าแดง
“ดิฉันก็รักคุณจักรเหมือนกันค่ะ”
จักราหอมแก้มแล้วค่อยๆ โน้มตัวลง โฉมสุรางค์ชะงัก
“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณจักร”
“มีอะไรหรอกครับ”
“วันนี้ดิฉันไม่พร้อมค่ะ”
โฉมสุรางค์ลุกเดินออกจากห้องไปเลย จักรามองตามไม่เข้าใจ
สองนายบ่าวคุยกันอยู่หน้ากระท่อม
“ข้ารอไม่ไหวแล้ว ข้าต้องอาบน้ำเลือดสมุนไพร”
“แต่ร่างกายของแม่หญิงยังอยู่ในสภาพสวยงามอยู่เลยนะ”
โฉมสุรางค์ออกอาการหงุดหงิด
“เพราะข้าต้องหักห้ามใจไม่มีความสัมพันธ์กับสินธุ แต่ข้าจะให้เป็นแบบนี้อีกต่อไปไม่ได้ ข้ารอสินธุมาสามร้อยปี ตอนนี้สินธุมาอยู่ตรงหน้าข้า ข้าจะปล่อยเวลาให้ผ่านพ้นไปไม่ได้”
บันดาสาเห็นใจ “เดี๋ยวข้าจะจัดการให้”
โฉมสุรางค์ยิ้มมีสีหน้าพอใจ
เย็นนั้นเด็กแว้นหนุ่มหล่อ ชะตาขาด 2 คน มีสก๊อยสาวสวย 1 คน ซ้อนท้ายมากับมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง แข่งกันซิ่งมาตามถนนนอกเมืองเชียงราย เสียงรถดังกระชั้นเข้ามา
มอเตอร์ไซค์ 2 คันยังขับแซงกันมา ดูไม่ออกว่าใครจะแพ้ ใครจะชนะ
แว้นคันที่มีสก๊อยซ้อนท้าย บิดคันเร่งแซงหน้าไป แว้นอีกคนมองเห็นเส้นชัยที่เป็นป้ายบอกทางอยู่ตรงหน้า รีบบิดคันเร่งตามไป
มอเตอร์ไซค์ 2 คันขับไล่กวดกันมา มอเตอร์ไซค์คันที่ไม่มีสก๊อยขับผ่านป้ายบอกทางไป เป็นฝ่ายชนะ แว้นอีกคันหนึ่งตามมา ท่าทางเซ็งๆ สก๊อยสาวทำหน้าหงุดหงิดใส่
เด็กแว้นที่ชนะเบรกมอเตอร์ไซค์ดังเอี๊ยด เด็กแว้นอีกคันตามมา จอดข้างๆ
“ไอ้ต่อ มึงชนะ”
ต่อยิ้มทำหน้ากวนบาทาว่าตนอยู่เหนือกว่า เก่งกว่า
ชินหันหน้าไปทางสก๊อยที่ซ้อนท้ายอยู่ พยักหน้าเป็นเชิงบอกให้รู้ชะตา
“ก้อย มึงไปกับมัน”
สก๊อยก้อยโอดครวญ
“โอ้ย...พี่ชิน แพ้แล้วเป็นแบบนี้ทุกทีเลย”
ก้อยลงจากมอเตอร์ไซค์ชิน แล้วขึ้นซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ต่อสีหน้าเซ็งๆ ต่อขับมอเตอร์ไซค์ออกไป
ต่อจอดรถพาก้อยลงมาที่โพลงหญ้า ในป่าเปลี่ยว
“พี่จะทำให้น้องลืมไอ้ชินไปเลย”
ก้อยทำหน้าไม่พอใจ ต่อก้มลงจูบไซ้ที่ซอกคอ ก้อยจั๊กจี้ หัวเราะคิกคัก
“อุ้ย พี่ต่อ”
ก้อยดีดดิ้นขัดขืนเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็เคลิ้มตาม
ระหว่างที่ไฟกามารมณ์สุมทรวงสองหนุ่มสาวอยู่นั้นเอง จู่ๆ ต่อก็ถูกตีที่หัวด้วยท่อนไม้เต็มแรง เอนตัวล้มลง สีหน้าเจ็บปวดสุดจะประมาณ ก้อยตกใจ และยิ่งตาเหลือกเมื่อเห็นไอ้โล้นยืนจังก้าหน้าถมึงทึงอยู่ด้านหลัง
ก้อยร้องกรี๊ด หวาดกลัวสุดขีด ไอ้โล้นใช้ไม้ทุบเข้าที่ลำตัวต่ออีกครั้งหนึ่ง ต่อสลบไป
ก้อยตื่นกลัว ร้องกรี๊ดๆๆ วิ่งเตลิดหนีไป ไอ้โล้นเข้าไปแบกร่างของต่อขึ้นบ่าเดินหายไปในความมืด
เวลาผ่านไป ต่อยังคงสลบอยู่ และถูกมัดขึงบนเตียงศิลา
โฉมสุรางค์ในสภาพร่างกายเริ่มเหี่ยว ผมมีปอยขาวแซม ยืนมองด้วยความพอใจ
“ดีมากไอ้โล้น”
ไอ้โล้นก้มหัวคำนับ โฉมสุรางค์เดินไปที่ขอบบ่อโลหิต บันดาสากำลังผสมสมุนไพรอยู่ที่มุมหนึ่ง
“เริ่มพิธีได้”
ต่อรู้สึกตัวตื่นขึ้น เด็กหนุ่มร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดทรมานเมื่อถูกไอ้โล้นกรีดแขนขา และเนื้อตัว บันดาสาท่องมนต์เป่าพรวดลงไปที่น้ำสมุนไพร เลือดสีแดงฉานไหลมาตามร่องหิน ไปปนกับน้ำสมุนไพรที่บันดาสาเทลง น้ำเลือดผสมสมุนไพรพุ่งออกมาที่ปากงูศิลา จนเต็มบ่อโลหิต
โฉมสุรางค์ค่อยๆ ปลดผ้าคลุมตัวออก บอกกับตัวเองอย่างหมายมาด
“สินธุ ข้าไม่มีวันให้ท่านเห็นข้าในสภาพแบบนี้”
โฉมสุรางค์ก้าวลงไปในบ่อโลหิตจนจมมิดศีรษะ สักครู่จึงโผล่ขึ้นมา หน้าตาสวยสาวอ่อนวัยดังเดิม โฉมสุรางค์มองแขน และเนื้อกายตัวเอง อย่างพึงพอใจ
“ท่านจะต้องรักข้าและชื่นชมในเรือนร่างของข้าตลอดไป”
สีหน้าแววตาของโฉมสุรางค์มีความสุขล้น เธอค่อยๆ หย่อนกายจมลงไปในน้ำอีกครั้ง
โฉมสุรางค์เปิดประตูเข้ามาในห้อง เดินไปที่เตียงเห็นจักรานอนหลับอยู่ จึงลงนั่งข้างๆ ใช้มือลูบไล้ใบหน้าของจักราอย่างแสนรัก
จักรารู้สึกตัวตื่น มองหน้าโฉมสุรางค์ด้วยแววตาหวานฉ่ำ รักหมดใจ โฉมสุรางค์ก้มตัวลงจูบจักราอย่างดูดดื่ม
อ่านต่อหน้า 4
อนิลทิตา ตอนที่ 11 (ต่อ)
คืนเดียวกันนั้นสก๊อยก้อย กำลังนั่งให้ปากคำกับตำรวจอยู่ที่สน. ท้องที่เกิดเหตุ ท่าทางสก๊อยก๋ากั่น ตัวสั่น หวาดกลัวไม่คลาย
“ตัวมันใหญ่ๆ หัวโล้นๆ ค่ะคุณตำรวจ อยู่ๆมันก็เข้ามาตีหัวแฟนหนูจนสลบ ตอนนั้นหนูตกใจมาก ไม่รู้จะทำยังไง”
ตำรวจจ่าเวรเขียนบันทึกตามคำในการของก้อย
“น้องเคยมีเรื่องกับใครมาก่อนหรือเปล่า”
ก้อยนึกถึงพวกแว้น และสก๊อยด้วยกันแล้วตอบทันทีว่า
“ไม่เคยค่ะ”
หมวดจิ๊บ หมวดสาวที่เพิ่งย้ายมาประจำที่สน. นี้ เดินเข้ามาพอดี
“เดี๋ยวฉันดูแลน้องคนนี้เองจ่า”
“ครับ”
หมวดจิ๊บมองสก๊อยก้อยอย่างครุ่นคิด
ไม่นานต่อมา หมวดเสก นายตำรวจเจ้าของคดีสุรเดชน้องชายจักรา นั่งอยู่ในห้องทำงาน ปิดแฟ้มเอกสาร ส่งคืนให้หมวดจิ๊บด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ
“หมวดจิ๊บ คุณเพิ่งมารับตำแหน่งใหม่อย่าไฟแรงนักเลย คดีพวกนั้นมันปิดไปไปแล้ว จะมาฟื้นฝอยหาตะเข็บอะไรอีก”
หมวดจิ๊บสงสัย ไม่เข้าใจ
“ที่ฉันขอย้ายมาที่นี่ ก็เพราะได้ข่าวว่าพื้นที่นี้มีคนหายไปหลายคน แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย”
หมวดเสกทำท่ายโสและไม่แยแส
“หมวดคงเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ ที่นี่อ่ะนะ...คนที่หายไปก็มีแต่คนที่ป่วยตาย หรือไม่ก็แก่ตาย ผมว่าคุณเอาเวลาไปทำคดีอื่นดีกว่า อย่าวุ่นวายนักเลย”
หมวดจิ๊บไม่พอใจนักมองประเมินหมวดเสก ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังไม่ยอมแพ้
“งั้นก็เอาข้อมูลทั้งหมดมาให้ฉัน ฉันจะทำต่อเอง...ถ้าหมวดไม่อยากทำคดีนี้ก็ไม่ต้องทำ แต่อย่าเอาเท้ามาราน้ำก็แล้วกัน”
บนบอร์ดในห้องทำงานหมวดจิ๊บ มีแผนที่ของอำเภอในเชียงราย อันเป็นท้องที่ ที่เกิดเหตุคนหายตัวไป มีเครื่องหมายกากบาทเล็กๆ หลายอันในบริเวณใกล้ๆ กัน ซึ่งทุกเหตุการณ์ล้วนอยู่แถวๆ คุ้มเชียงแมน
หมวดจิ๊บนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องนี้ บนโต๊ะเต็มไปด้วยแฟ้มเอกสารมากมาย
หมวดเสกเดินมายืนมองหมวดจิ๊บอย่างดูแคลน
หมวดจิ๊บดูข้อมูลในแฟ้มอย่างตั้งใจ จดบันทึกทุกเงื่อนงำในสมุดพก ก่อนจะเงยหน้าขึ้น มองไปที่กระดานบอร์ด แล้วเดินไปพิจารณาดูใกล้ๆ
“จุดเกิดเหตุทุกที่อยู่ไม่ไกลจากคุ้มเชียงแมน คนที่หายไปทุกคนเป็นผู้ชายวัยรุ่นถึงวัยฉกรรจ์...หายไปทุกเดือน เดือนละคน”
หมวดจิ๊บเขียนบนกระดานว่า ชายวัยรุ่นถึงวัยฉกรรจ์ เดือนละ 1 คน ด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“แต่ครั้งสองครั้งหลังนี่ห่างกันไม่ถึงเดือน”
หมวดจิ๊บหยิบแฟ้มคดีล่าสุด แว้นต่อที่หายไปคืนนี้ขึ้นมาเปิดดู
“แฟนของเหยื่อคนล่าสุดบอกว่า คนร้ายเป็นผู้ชายตัวใหญ่หัวโล้น ตีหัวเหยื่อจนสลบแล้วก็จับตัวไป...มีกระเป๋าสตางค์ตกอยู่ ทั้งเงิน ทั้งบัตรต่างๆ ยังอยู่ครบ แสดงว่าไม่ใช่การปล้น” หมวดสาวใช้ความคิด “นี่มันต้องเป็นฆาตรกรรมต่อเนื่องแน่ๆ”
หมวดเสกหัวเราะเยาะ
“โถ...หมวด ดูซีเอสไอมากไปรึเปล่า เป็นผู้หญิงน่ะ หัดเอาซีรี่ส์เกาหลีมาดูซะบ้างนะจะได้ไม่เครียด เดี๋ยวก็สติแตกหรอกคุณ”
หมวดจิ๊บมองหน้าหมวดเสกอย่างท้าทาย
“คุณก็คอยดูละกัน ฉันจะพิสูจน์ให้ได้ว่าฉันคิดไม่ผิดแน่ๆ และฉันก็จะลากคอไอ้ฆาตกรต่อเนื่องคนนี้มาเข้าคุกให้ได้ด้วย”
หมวดสาวไฟแรงบอกอย่างมุ่งมั่น
เช้าวันนี้ ทุกคนหารือกันอยู่ในกระท่อมนายิกี หลังประมวลข้อมูลแล้ว แม่เฒ่าบอกออกมาด้วยท่าทางมั่นใจ
“ข้ารู้แล้วว่าจะถอนเสน่ห์ในตัวไอ้จักรได้ยังไง”
ทุกคน รชา เจ้าดาเรศ และ กระถิน พลอยตื่นเต้นไปด้วย
“ทำยังไงคะแม่เฒ่า” เจ้าดาเรศ
“อาคมของนังโฉมอยู่ที่เหรียญท้าวเวสสุวัณ เราต้องเอาเหรียญออกจากคอไอ้จักรให้ได้ แล้วก็เอามาให้ข้าทำพิธี” แม่เฒ่าบอก
กระถินลังเล “แต่คุณจักรใส่เหรียญนั่นติดตัวตลอดเวลา แล้วคุณโฉมกับคุณจักรก็อยู่ด้วยกันไม่เคยห่าง แล้วเราจะเข้าถึงตัวคุณจักรได้ยัง ไงล่ะคะแม่เฒ่า”
รชาห่วงรุ่นน้องมาก พูดสวนขึ้นมาทันทีอย่างใจร้อน “งั้นผมไปเอาเองครับ”
“ไม่ได้นะคะ คุณรชากับคุณจักรมีเรื่องกันอยู่ กระถินว่าคุณจักรคงไม่ให้คุณรชาเข้าถึงตัวได้ง่ายๆหรอก”
เจ้าดาเรศคิดตาม และเห็นด้วย
“ให้ดาจัดการเองดีกว่าค่ะ ยังไงดาน่าจะหาโอกาสเข้าใกล้คุณจักรได้ง่ายกว่าคุณรชาอยู่แล้ว”
นายิกีมองหน้ารชา บอกกับสองสาวว่า “งั้นข้ากับไอ้รชาจะถ่วงเวลานังโฉมไว้ที่คุ้มก็แล้วกัน เผื่อมันคิดจะไปหาไอ้จักรขึ้นมา”
แม่เฒ่านายิกีมีสีหน้าเด็ดเดี่ยว จริงจัง และมุ่งมั่นมาก
อ่านต่อตอนที่ 12