xs
xsm
sm
md
lg

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หยกเลือดมังกร ตอนที่ 11

ตงหันไปสั่ง ลูกน้องเอากล่องของเล่นที่เตรียมไว้มาให้ดุจแพรแต่ระหว่างนั้นเก่งเข้ามาขัดจังหวะ

“เสี่ยครับ”
เก่งเข้าไปกระซิบบางอย่างกับตง หลังจากบอกแล้วสีหน้าของตงเปลี่ยนไป เอาเรื่องขึ้นมาทันที
“เดี๋ยวฉันตามไปจัดการเอง...”
เก่งออกไปตงหันมาบอกลูกสาว
“รอป๋าแป๊บนึงนะ เดี๋ยวป๋าไปจัดการธุระก่อน แล้วค่อยมาแกะของขวัญด้วยกัน”
“เร็วๆนะคะป๋า”
ตงยิ้มให้แล้วเดินออกไป ดุจแพรมองกล่องของขวัญอย่างดีใจโดยมีป้าจั่นเฝ้าอยู่ใกล้ๆ

ปัจจุบัน...ดุจแพรหลับอยู่ที่เตียงในห้องพักของหยกและกำลังฝันเห็นความทรงจำในอดีต
“ป๋า...”
ดุจแพรมีอาการเพ้อเหมือนคนไม่ค่อยสบาย หยกเดินเข้ามาเห็นก็สงสัย
“คุณหนู”
หยกแตะตัวเรียกแล้วรู้สึกว่าตัวเธอมีไข้รุมๆ
“ตัวร้อนนี่...” เขามองแล้วถอนใจ “เฮ้อ...”
ดุจแพรยังเพ้อเพราะความฝันอยู่

ในอดีต...ดุจแพรกอดกล่องของขวัญแน่น ในขณะที่ป้าจั่นพยายามคะยั้นคะยอป้อนอาหารให้กิน
“ทานอีกหน่อยนะคะคุณหนู เดี๋ยวเสี่ยทำธุระเสร็จก็ออกมา”
“ไม่เอา...แพรไม่กิน แพรจะรอป๋ามาแกะของขวัญ”
“อย่าดื้อสิคะคุณหนู คุณหนูไม่ทานอะไรเลย เดี๋ยวหัวก็โตตัวก็ลีบหรอก”
“ก็บอกว่าไม่กินไง”
ดุจแพรปัดมือไม่ยอมกินทำให้อาหารเลอะใส่เสื้อผ้าของป้าจั่น
“ว้าย! คุณหนู ทำป้าเลอะไปหมดแล้ว”
“เลอะก็ไปล้างสิจ๊ะป้า...”
“คุณหนูเนี่ย...น่าตีที่สุดเลย เดี๋ยวป้ากลับมานะคะ อย่าซนล่ะ ไม่งั้นป้าจะฟ้องเสี่ย”
ป้าจั่นสั่งแล้วรีบเดินออกไป ดุจแพรมองไปทางห้องวีไอพีอย่าง อยากรู้อยากเห็น

ดุจแพรถือกล่องของขวัญเข้ามาที่หน้าห้องวีไอพี ประตูห้องแง้มอยู่ทำให้เธอก้มลงไปแอบดูอยากรู้ว่าพ่อทำอะไรอยู่ในนั้นถึงไม่ออกมาแกะของขวัญกับเธอสักที สายตาของเธอเห็นหญิงสาวคนหนึ่งถูกเก่งลากตัวเข้ามาหาพ่อ สภาพของหญิงสาวคนนั้นถูก ทำร้ายมาจนหน้าตาฟกช้ำน่าเวทนา แต่พ่อก็เข้าไปจิกหัวขึ้นมา
“ฉันเสียเงินลงทุนกับแกไปแล้ว คิดว่าจะปล่อยให้แกหนีไปง่ายๆงั้นเหรอ”
“เสี่ย...ปล่อยหนูไปเถอะ...หนูรับแขกไม่ไหวแล้วจริงๆ”
“คนอย่างไอ้ตงลงทุนแล้วต้องมีกำไร ไม่มีคำว่าขาดทุน”
ตงตบผั๊วะทีเดียวหญิงสาวล้มลงไปเลือดกบปาก ดุจแพรที่แอบดูอยู่ถึงกับตกใจ ระหว่างนั้นป้าจั่นเข้า มาตามพอดีเสียงเรียกเลยดังเข้าไปในห้อง
“คุณหนู...มาทำอะไรตรงนี้คะ”
ตงชะงักรีบเดินออกมาเปิดประตูเห็นลูกสาวกับป้าจั่นอยู่ด้วยกัน ก็ชักสีหน้าไม่พอใจอารมณ์ยังค้างจากเมื่อครู่
“ฉันสั่งให้ดูลูกฉันไว้ไง”
“ขอโทษค่ะเสี่ย...ป้า...ป้าไม่ทันระวัง”
“ใครเหรอคะป๋า...ทำไมป๋าต้องตีเขาด้วย...เขาเป็นผู้หญิงนะ ป๋าตีผู้หญิงได้ยังไง ป๋าใจร้าย ใจร้ายที่สุด”
ตงไม่พอใจบีบแขนลูกมาสั่งเสียงแข็ง
“เวลาป๋าสั่งอะไรแพรต้องทำตามที่สั่งเข้าใจมั้ย”
“ป๋า...แพรเจ็บ...ป้า...ช่วยแพรด้วย...ฮือๆ”
“ตอบป๋ามาสิ!”
ป้าจั่นสงสารดุจแพร
“เสี่ยคะ...ปล่อยคุณหนูเถอะค่ะ คุณหนูเจ็บแขนแล้ว”
ตงชะงักลืมตัวที่เผลอใช้แรงกับลูก
“แพร...ป๋า...”
ดุจแพรแกะมือจากพ่อแล้ววิ่งร้องไห้ออกไป ป้าจั่นรีบตามไปดูแล...คุณหนู

วันใหม่...ป้าจั่นเอาผ้ามาเช็ดตัว เช็ดหน้าและเรียกสติดุจแพร
“คุณหนู...คุณหนูคะ”
ดุจแพรเริ่มรู้สึกตัว
“ป้า...ป้าจั่น”
“เป็นยังไงบ้างคะ ป้าเป็นห่วงคุณหนูแทบแย่”
ดุจแพรตกใจ
“นี่...นี่ป้ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ป้าจั่นมองดุจแพรนิ่งไม่ตอบ

ป้าจั่นเอายากับน้ำมาให้ดุจแพรกิน
“นายหยกโทรไปบอกว่าคุณหนูไม่ค่อยสบาย เสี่ยก็เลยสั่งให้ป้ามาคอยดูแลคุณหนู”
“นี่นายหยกต้องคอยรายงานป๋าตลอดเลยเหรอว่า เกิดอะไรขึ้นกับแพรบ้าง”
“เสี่ยเป็นห่วงคุณหนูจริงๆนะคะ”
“ถ้าป๋าห่วงแพรจริงๆ ป๋าต้องไม่ทำร้ายความรู้สึกของแพรด้วยการโกหกหรอกค่ะป้า”
ป้าจั่นชะงักอึ้ง
“คุณหนู...”
“ป้าเองก็เหมือนกัน เมื่อกี้นี้แพรฝันถึงตอนเป็นเด็ก จำได้ว่าเคยเห็นป๋าทำร้ายคนอื่น ป้าเองก็รู้มาตลอดแต่ป้าก็ไม่ยอมบอกแพร”
ป้าจั่นถอนใจ

“เรื่องบางเรื่องไม่รู้ซะเลยจะดีกว่านะคะ”

“เรื่องที่ป๋าเป็นคนไม่ดีเนี่ยนะคะที่แพรไม่ควรรู้ ถ้าจะมาพูดเข้าข้างป๋า ป้าก็กลับไปเถอะ แพรดูแลตัวเองได้”

“แต่ว่าคุณหนูคะ...”
ดุจแพรเมินหน้าไปทางอื่นไม่สนใจไม่พูดด้วยทำให้ป้าจั่นถอนใจ
“งั้นป้าไปนะคะ”
ป้าจั่นเดินออกไปอย่างเศร้าๆ ดุจแพรเห็นป้าจั่นออกไปแล้วก็หันไปมองหาหยก
“นายหยก...นายหยก...นายอยู่ไหน”

หยกนัดพบกับผู้การสมิงและณรงค์ ที่บริเวณใต้ทางด่วน
“นี่เป็นรายชื่อเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายที่เสี่ยตงเป็นเจ้าของ อยู่ แต่ยังไม่ใช่ทั้งหมดเป็นแค่ที่ผมรวบรวมมาได้ตอนนี้เท่านั้น” หยกยื่นซองเอกสารให้ผู้การ
ผู้การสมิงรับเอกสารมาพลิกดูคร่าวๆ ณรงค์เห็นแล้วอดบ่นไม่ได้
“มาซะหนาเป็นปึกแบบนี้ ธุรกิจชั่วของมันยังไม่หมดอีกเหรอ”
“เดี๋ยวนี้ไอ้เสี่ยตงไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วหมวด หลังจากที่เกิดศึกกับพวกสี่เจ้าเวหา พรรค พวกเก่าๆของพวกนั้นไม่ยอมอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าสัวเล้ง เลยหันมาทำงานให้ เสี่ยตงแทน”
หยกพยักหน้ารับ
“ครับ...เพราะเจ้าสัวเล้งไม่ชอบทำธุรกิจผิดกฎหมาย เลยทำให้เสี่ยตงขยายอิทธิพลได้เพิ่ม มากขึ้น”
ผู้การสมิงฟังที่หยกพูดมาแล้วหนักใจเดินไปยืนเครียดๆ
“ก่อนหน้าที่เราจะส่งหยกเข้ามาเป็นสายสืบเพื่อรวบรวมหลักฐานไปจับมัน นั่นก็ว่ายาก มากแล้ว มาตอนนี้มันมีทั้งกำลังคนเพิ่ม เครือข่ายธุรกิจที่ต้องตรวจสอบเพื่อเอาผิดมาก ขึ้น ฉันคงบอกเธอไม่ได้จริงๆว่าต้องใช้เวลานานมากขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าไหร่”
หยกหน้าเครียด ณรงค์มองหน้า
“ถึงจะต้องใช้เวลานานมากขึ้นอีกเป็นปีๆ แกก็ต้องทนนะไอ้หยก เพราะนอกจากแกแล้ว เราไม่มีความหวังอื่นเลย”
“ชีวิตผม...ผมไม่ห่วงหรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง แต่กับพ่อผมกับ กิ่งเหมยล่ะ ผมอยากดูแลพวกเขาก่อนที่ผมจะไม่มีโอกาสได้ทำ”
ผู้การสมิงกับณรงค์ ได้ยินความต้องการของหยกแล้วก็พากันเงียบไป

ส้มเช้งจูงมือพากิ่งเหมยเข้ามาหยุดที่หน้าร้านขายรังนก หูฉลามรถเข็นร้านหนึ่ง
“น่าจะใช่ร้านนี้แหละแก ตามเบอร์โทรศัพท์ที่แกได้มาจากภัตตาคารของไอ้เสี่ยตง”
กิ่งเหมยพยายามเพ่งตามองไปที่ร้านมองหาใครบางคน ส้มเช้งหนักใจ
“สายตาแกแย่ลงทุกวันมองไม่ค่อยจะเห็นแล้วแบบนี้ เดี๋ยวฉันเข้าไปถามให้ดีกว่า”
“ขอบใจนะส้มเช้ง”
“ขอบใจทำไมแก...จะว่าไปตามมาขนาดนี้แล้ว ฉันก็ชักอยากรู้ความลับในอดีตของอาม่า แกแล้วเหมือนกัน”
ส้มเช้งบอกกิ่งเหมยแล้วเข้าไปคุยกับกุ๊กที่กำลังผัดหมี่ฮ่องกงอยู่หน้าเตา
“อาแปะ...ใช่อาแปะย้งรึเปล่าคะ”
“ใช่...ลื้อถามหาอั้วทำไมอาหมวย”
“หนูไม่ได้มีอะไรอยากคุยกับแปะหรอก เพื่อนหนูต่างหากที่เขามีเรื่องอยากถามอาแปะ”
แปะย้งงงๆ
“เพื่อนลื้อ”
ส้มเช้งยิ้มรับแล้วจูงมือพากิ่งเหมยเข้ามา กิ่งเหมยยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะอาแปะ หนูชื่อกิ่งเหมย แม่หนูชื่อหงส์ อากงหนูชื่ออาเหลาเคยเป็นกุ๊กอยู่ที่ ภัตตาคารเดียวกับอาแปะ”
แปะย้งชะงักอึ้งไปทันที
“ลื้อ...ลื้อเป็นหลานสาวของอาเหลา”

ตงจุดธูปไหว้เจ้าอยู่ข้างใน ระหว่างนั้นเก่งพาป้าจั่นเข้ามารอจนตงคำนับไหว้เทพเจ้าเสร็จ
“ยังไงลูกสาวฉันก็ไม่ยอมตามกลับมาเหรอ”
“ค่ะเสี่ย...คราวนี้คุณหนูจริงจังมาก ไม่ว่าดิฉันจะพูดยังไงคุณหนูก็...”
ตงยกมือห้าม
“พอแล้วไม่ต้องอธิบาย เวลาที่มันดื้อฉันรู้ดีว่าดื้อด้านขนาดไหน แล้วที่ไอ้ หยกบอกว่าไม่สบายล่ะ เป็นยังไงบ้าง”
“มีไข้นิดหน่อยค่ะ ดิฉันให้ทานยาไปแล้ว เดี๋ยวก็คงหาย แต่สภาพที่อยู่ในที่แบบนั้น ดิฉันห่วงคุณหนู”
“ปล่อยให้อยู่ลำบากแบบนั้นไปนั่นแหละ สบายมาทั้งชีวิตจะได้ทนอยู่ได้แค่ไม่กี่วัน”
ตงบอกป้าจั่นไปแล้วก็หันไปถามลูกน้องต่อ
“แล้วทำไมคนดูแลศาลเจ้ายังไม่มาอีก วันนี้ฉันตั้งใจมาบริจาคทำบุญนะเว้ย”
“ครับเสี่ย เดี๋ยวผมไปตามให้”
เก่งเดินออกไป ตงหันไปมองรูปปั้นเทพเจ้ากวนอูแล้วยิ้มอย่างร้ายเจ้าเล่ห์

ณรงค์พยายามจะอธิบายให้หยกเข้าใจ
“เรื่องที่เกิดขึ้นกับกิ่งเหมยคราวที่แล้วมันเป็นเหตุสุดวิสัย ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะ เกิดขึ้น ถ้าแกจะเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างเพื่อขอเลิกเป็นสายสืบ ฉันว่าแกขี้ขลาดไม่ สมกับที่ผู้การไว้ใจ”
หยกฉุนกึก
“หมวดว่าผมขี้ขลาดเหรอ...แล้วทำไมหมวดไม่มาลองเป็นผมดูมั่งล่ะ วันๆต้องเอาชีวิต ไปเสี่ยงอยู่กับพวกมาเฟีย ต้องทำร้ายคนดีๆ ต้องยอมให้คนอื่นเกลียดขี้หน้า แล้วถ้าวัน นึงผมเกิดถูกจับได้ ผมก็ต้องตาย เหลือแค่ธงชาติผืนเดียวที่ทิ้งไว้ให้คนข้างหลัง”

หยกขึ้นเสียงใส่อย่างจริงจังทำเอาณรงค์ถึงกับเถียงไม่ออก ผู้การสมิงรีบบอก

“เอาล่ะ...ฉันเข้าใจ ภารกิจที่นายทำมันคือการเสียสละเพื่อความถูกต้อง ในเมื่อเวลานี้ สถานการณ์มันเลยเถิดมากเกินไปกว่าที่เราวางแผนไว้ ฉันจะให้โอกาสนายตัดสินใจ”
“แต่ผู้การครับ!”
ณรงค์จะแย้งแต่ผู้การสมิงยกมือห้าม
“ไม่เป็นไรหรอกหมวด อันตรายรออยู่ข้างหน้า ถ้าใจไม่กล้าก็อย่าส่งทหารของเราให้เขา ไปตายเปล่าเลย”
“โธ่เว้ย!”
ณรงค์มองหน้าหยกอย่างหงุดหงิดเดินเลี่ยงออกไปสงบอารมณ์ ผู้การสมิงหันมาหาหยก
“ฉันจะให้นายกลับไปคิดดูอีกทีแล้วกัน แล้วค่อยมาให้คำตอบ ส่วนเรื่องที่ฉันรับปากนาย ไว้ถึงจะทำงานไม่สำเร็จฉันก็ยังทำตามสัญญา ฉันจะทำเรื่องให้นายกลับไปเป็นตำรวจ”
ผู้การสมิงตบบ่าหยกอย่างเข้าใจ ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของณรงค์ดังขึ้นเขากดรับสายได้ครู่ก็เดินเข้ามาบอกผู้การสมิง
“ผู้การครับ...รีบไปกันเถอะครับ หลานชายผู้การกำลังหาเรื่องให้งานเข้าเราแล้ว”
หยกแปลกใจ
“หมวดธงรบไปทำอะไรเหรอครับ”
“ถ้าแกอยากถอนตัว แกก็ไม่เกี่ยวอีกแล้ว”
ณรงค์ไม่ยอมบอกเพราะไม่พอใจหยก ก่อนที่จะออกไปพร้อมกับผู้การสมิง หยกได้แต่มองตาม อย่างสงสัย

กิ่งเหมยนั่งอยู่กับอาแปะย้งและส้มเช้ง อาแปะถอนหายใจยาวแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ
“อั้วว่าลื้อกลับไปเถอะ เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว อย่าให้อั้วต้องรื้อฟื้นมันขึ้นมาเลย”
“แต่เหมยต้องรู้ให้ได้นะคะอาแปะ เวลาของเหมยเหลืออีกแค่ไม่เท่าไหร่”
แปะย้งชะงัก
“ลื้อหมายความว่ายังไง”
“เหมยกำลังจะเป็นเหมือนกับแม่ มันเป็นโรคทางกรรมพันธุ์ค่ะ”
แปะย้งตกใจ
“งั้นก็หมายความว่าตาลื้อกำลังจะบอด”
กิ่งเหมยพยักหน้ารับ อาแปะย้งมองอย่างสงสารแล้วถอนหายใจ
“เฮ้อ...นึกว่าที่เคยช่วยครอบครัวลื้อไว้คราวนั้นแล้ว พวกลื้อจะพ้นเคราะห์พ้นโศกแล้ว ซะอีก”
“อาแปะเคยช่วยอะไรอาม่าเหรอคะ”
แปะย้งมองหน้ากิ่งเหมยอย่างลังเล
“เหมยขอร้องล่ะค่ะอาแปะ...เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของเหมย ทำไมอาม่าจะต้องหนี เสี่ยตงด้วย”
แปะย้งมองกิ่งเหมยอย่างสงสาร

ในอดีต...ในห้องวีไอพีของภัตตาคารอาหารจีน หงส์แม่ของกิ่งเหมยใส่ชุดกี่เพ้าสวยงามกำลังทำงานจัดเรียงถ้วยกับตะเกียบตามความชำนาญที่ทำ เป็นประจำ ระหว่างนั้นตงเปิดประตูเข้ามา
“ใครน่ะ...อาม้าเหรอ”
“ฉันเองจ้ะหงส์”
หงส์ตกใจหน้าถอดสี รีบคลำทางจะออกจากห้องแต่โดนตงจับตัวเอาไว้
“จะไปไหนล่ะจ๊ะหงส์ เราก็คุ้นเคยเป็นผัวเมียเป็นเมียกันไปแล้วก็น่าจะคุ้นเคยกันได้แล้ว นะจ๊ะ”
ตงระดมจูบหอมปลุกปล้ำหงส์เป็นการใหญ่
“อย่าค่ะเสี่ย อย่าทำหงส์เลย หงส์ขอร้อง”
หงส์ผลักตงออกจนเซทำให้เขาไม่พอใจอารมณ์เสีย
“เว้ย ! อีนังบอด ฉันจะบอกให้นะพิการอย่างแกชาตินี้ใครมันจะมาสนใจ มีแต่ฉันเท่านั้นที่เห็นค่าแก”
ตงโมโหแล้วผลักหงส์ลงไปที่โต๊ะจัดการกระชากกี่เพ้าจนหลุดลุ่ยอย่างหื่น
“เลิกร้องไห้...แล้วตามใจฉันจะดีกว่า ถ้าแกทำให้ฉันถูกใจ ฉันสัญญาว่าต่อไปฉันจะเลื่อน ตำแหน่งจากลูกจ้างให้มาเป็นเมียน้อยฉัน”
ตงหัวเราะชอบใจแล้วเข้าไปปลุกปล้ำหงส์อย่างเมามันส์ หงส์ไม่อาจขัดขืนขืนแรงได้จำต้องยอมถูกทำร้าย

หงส์ร้องห่มร้องไห้อยู่กับพ่อแม่และแปะย้งอยู่ในครัว อาม่าเจ็บใจมากเมื่อลูกสาวเล่าให้ฟัง
“นี่ไอ้เสี่ยสันดานหมามันยังข่มเหงรังแกลื้ออีกเหรออาหงส์”
“หงส์ หงส์สู้เขาไม่ได้จ้ะอาม้า...ฮือๆ”
“อั้วทนเห็นลื้อถูกมันรังแกไม่ไหวแล้ว มันกับอั้วต้องตายกันไปข้าง”
อาม่าคว้าปังตอที่ปักเขียงอยู่จะออกไปเอาเรื่อง แต่อาเหลารีบห้าม
“ลื้ออย่าทำโง่ๆอย่างนั้นน่า”
“อั้วจะปกป้องลูก ลื้อหาว่าอั้วทำเรื่องโง่เหรออาเหลา”
แปะย้งเข้าห้ามอีกคน
“อาเหลามันไม่ได้ว่าลื้อหรอก แต่มันพูดเพราะเป็นห่วงชีวิตลื้อกับลูกต่างหากล่ะ”
อาเหลามองหน้าเมีย
“ลื้อคิดดูนะ...ไอ้เสี่ยตงมันเป็นมาเฟีย ถ้าลื้อไปทำให้มันได้เลือด ทั้งลื้อกับอั้วก็ต้องโดน มันฆ่า แล้วอาหงส์จะอยู่ยังไง”
อาม่าฟังผัวทักท้วงแล้วก็ได้สติครุ่นคิด น้ำตาไหลอย่างเสียใจที่ไม่มีทางออกหันไปกอดลูกสาวร้องไห้เสียใจ
“อาหงส์...นี่มันเวรกรรมอะไรของลื้อ...ฮือๆ”
แปะย้งนึกบางอย่างได้
“เอาอย่างนี้...คืนนี้พวกลื้อพากันหนีไปให้หมด อั้วจะหาทางช่วยเอง”
อาเหลาชะงัก
“ไอ้ย้ง อั้วไม่อยากให้ลื้อต้องลำบากเพราะพวกอั้ว”
“พวกลื้อเป็นเพื่อนรักอั้ว ลำบากมาจากเมืองจีนด้วยกัน มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน”
คำแนะนำของแปะย้งทำให้อาม่ากับอาเหลาเห็นพ้องตรงกัน อาม่ากุมมือลูกสาวให้กำลังใจ
“อาม้าจะพาลื้อหนีไปให้ได้นะอาหงส์ ลื้อจะต้องมีชีวิตใหม่ อาม้าสัญญา”

หงส์พยักหน้ารับอย่างมีความหวัง

กิ่งเหมยฟังแล้วสนใจถามต่อ

“แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่อาม่ากับทุกคนหนีไปแล้วคะ”
“ไอ้เสี่ยตงมันโมโหเป็นบ้าเป็นหลังเพราะมันติดใจอาหงส์ หลังจากอาเหลาพาอาม่าลื้อ กับอาหงส์หนีหายไปได้หลายปี แต่พอมันรู้ว่าอาหงส์หนีไปอยู่ที่ไหนมันก็ยกพวกตาม ไปถึงที่จนเกิดเรื่องเศร้าขึ้นเพราะฝีมืออาม่าลื้อที่พลั้งมือ”
กิ่งเหมย หน้าตื่น
“อาม่าทำอะไรเหรอคะ”
แปะย้งมองกิ่งเหมยแล้วถอนใจ

อาม่าเดินตามชาวบ้านเข้ามาที่หน้าศาลเจ้า
“เร็วสิอาม่า...เขาจะมาติดต่อเรื่องทำบุญ ก็รออาม่าอยู่คนเดียวนี่แหละ”
“ก็วันนี้ที่ร้านอั้วไม่มีคนช่วยนี่ ลื้อก็น่าจะช่วยรับเรื่องเอาไว้ให้”
“ฉันไม่รู้เรื่องหรอก ก็อาม่าแค่จ้างให้มาเฝ้าศาลเจ้าเฉยๆไม่ใช่เหรอ”
“ขี้เกียจซะมากกว่าน่ะสิ...ไปๆ จะไปไหนก็ไป เดี๋ยวอั้วจัดการเอง”
อาม่าบ่นแล้วเดินเข้าไปข้างในศาลเจ้าระหว่างนั้นเองก็เห็นตงกับลูกน้องยืนรออยู่ อาม่าชะงักหน้าเสียจะ หนีก็ไม่ทันเพราะตงหันมาพอดี
“มาแล้วเหรอคนดูแลศาลเจ้า”
ตงถึงกับอึ้งเมื่อเห็นหน้าอาม่าชัดถนัดตา
“นี่...นี่แก อีแก่!”
อาม่าหน้าเสียรีบวิ่งออกไปทันที ตงรีบหันไปสั่งเก่ง
“อย่าให้หนีไป ไปตามมันมาให้ได้”
เก่งกับลูกน้องรีบพากันตามอาม่าไป ตงมองตามอาม่าหน้าตาเอาเรื่องสุดฤทธิ์

อาม่าวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนล้มลุกคลุกคลานอย่างตื่นกลัวมาตามทางในตรอก ระหว่างนั้นลูกน้องตง วิ่งเข้ามา อาม่าหลบที่ซอกหลืบหน้าตาตกอยู่ในความกลัวพยายามไม่ให้พวกมันเห็น เก่งกับลูกน้องเดินหาดูรอบๆจนผ่านอาม่าไปแล้ว อาม่าถอนใจโล่งอกแต่แค่ประเดี๋ยว เก่งก็โผล่มาข้างหลัง
“คิดว่าจะหนีพ้นเหรออีแก่”
อาม่าตกใจหน้าเสียภาพในอดีตแวบเข้ามาตอกย้ำ...อาม่ากลับมาจากไปหาบขายกระเพาะปลาเสร็จร้อนๆเหนื่อยๆ
“อั้วกลับมาแล้ว วันนี้ขายกระเพาะปลาหมดเกลี้ยงเลย ได้เงินมาเยอะแยะ อั้วว่าจะไป ซื้อของเล่นให้อาเหมยซะหน่อย”
อาม่าเก็บของไปก็พูดเรื่อยไปก่อนจะรู้สึกผิดสังเกตเพราะได้ยินเสียงร้องไห้กระซิกๆของกิ่งเหมยในวัยเด็กดังมาจากในตู้เก็บของเลยเดินไปเปิดดูเห็นหลานสาวตัวน้อยๆนั่งร้องไห้อยู่ในนั้น
“กิ่งเหมย...ลื้อมาอยู่ในนี้ได้ยังไง”
กิ่งเหมยเอาแต่ร้องไห้ไม่หยุดตามประสาเด็กที่อยู่ในอาการตกใจไม่รู้เรื่อง อาม่าเห็นท่าทางไม่ดีก็ชักสังหรณ์ใจ พอคิดขึ้นได้ก็รีบวิ่งเข้าไปดูข้างในบ้านเห็นอาเหลากับหงส์นอนตายจมกองเลือดอย่างน่าเวทนา
“อาเหลา...อาหงส์!”
อาม่าเข้าไปกอดศพปริ่มว่าจะขาดใจตายตาม

ค่ำคืนหนึ่งในอดีต...เมียของตงเกี่ยวแขนเดินตามตงเข้ามาหน้าโกดังสินค้า
“ลูกกำลังเล็ก ผมว่าคุณกลับไปดูลูกเถอะ เสร็จงานที่นี่แล้วผมจะรีบกลับ”
“มีป้าจั่นดูแลอยู่ไม่เป็นไรหรอก ฉันห่วงคุณมากกว่า”
“ห่วงอะไร”
“ก็บรรดาอีหนูของคุณไง ฉันรู้นะว่าคุณซุกไว้กี่คน...ขนาดคนตาบอดคุณยังไปคว้ามัน มาทำเมียเลย”
“ไม่เอาน่าคุณ...ก่อนแต่งผมก็บอกแล้วไง ผมต้องดูแลคนเยอะ มันก็ต้องมีบ้างล่ะที่มา เสนอตัวให้ผมเอง”
“แต่ตอนนี้คุณมีลูกแล้ว...ต่อไปนี้ฉันจะตามประกบไม่ให้คุณไปยุ่งกับใครอีกเด็ดขาด”
เมียไม่สนใจควงแขนตงพาเข้าไปข้างใน...อาม่าซึ่งแอบซุ่มดูอยู่อย่างเคียดแค้นจงเกลียดจงชังตงมาก
“ไอ้ชาติหมา...ลื้อฆ่าผัวฆ่าลูกอั้ว...อั้วต้องลากคอลื้อลงนรกแก้แค้นให้ได้”
อาม่าหันไปหยิบแกลลอนน้ำมันขึ้นมาพร้อมกับไฟแช็คหน้าตาเหี้ยมเกรียม

กิ่งเหมยตกใจหน้าเสียเมื่อได้ฟังสิ่งที่แปะย้งเล่า
“เสี่ยตงฆ่าอากงกับแม่เหรอคะ”
“ใช่...เพราะความโมโหตามนิสัยหมาบ้าของมัน มันต้องการฆ่าทุกคนแต่อาม่าลื้อดวงไม่ ถึงฆาตรอดมาได้ ด้วยความอยากแก้แค้น อาม่าลื้อเลยคิดจะไปฆ่าเสี่ยตง แต่เกิดอุบัติ เหตุขึ้น คนที่รับเคราะห์กลับกลายเป็นเมียไอ้เสี่ยตงที่ตายในกองไฟแทน”
ส้มเช้งพูขึ้นลอยๆ
“มิน่าล่ะไอ้เสี่ยตงถึงได้พยายามตามล่าอาม่าแก”
“แต่อาม่าไม่ใช่ฆาตกร มันต่างหากที่เป็น”
กิ่งเหมยทนไม่ไหวกับความจริงที่ได้รู้ลุกพรวดขึ้น ส้มเช้งตกใจ
“แกจะทำอะไรน่ะไอ้เหมย”
“แกต้องพาฉันไปหาเสี่ยตงเดี๋ยวนี้”
“เฮ้ยแก...แกจะไปรนหาที่ตายเหรอ”
“ถ้าแกไม่ไป ฉันหาทางไปเอง”
กิ่งเหมยรีบเดินออกไป ส้มเช้งหันไปขอบคุณแปะย้ง
“ขอบคุณมากนะคะอาแปะ”
ส้มเช้งขอบคุณแล้วรีบตามกิ่งเหมยไป
“ไอ้เหมย...รอฉันด้วย!”
ส้มเช้งรีบตามออกมาที่หน้าถนนแต่เห็นกิ่งเหมยเพิ่งจะขึ้นแท็กซี่ออกไป

“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย..โธ่เว้ย งานเข้าแล้วสิเนี่ย”

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 11 (ต่อ)

ภายในโกดังร้าง...อาม่าถูกจัดมัดมือเอาผ้าดำปิดตาพาเข้ามาผลักลงพื้น

“โอ๊ย !...ไอ้พวกเก๋าเจ้ง ปล่อยอั้วนะ...บอกให้ปล่อย...ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
อาม่าพยายามดิ้นและร้องโวยวายจนเก่งรำคาญเข้าไปดึงผ้าปิดตาออก
“หุบปากได้แล้วอีแก่ กล้ามาด่าพวกฉันว่าเก๋าเจ้ง...เดี๋ยวก็ได้ปากแตกหรอก”
“สันดานหมาๆอย่างพวกลื้อ อั้วด่าว่าเก๋าเจ้งมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
“อีแก่!”
เก่งเงื้อมือตบผั๊วะ อาม่าหน้าหันเลือดซิบๆมุมปากระหว่างนั้นตงเข้ามา
“เฮ้ย...มันแก่ใกล้จะเฉียดโลงอยู่แล้วเบาๆกับมันหน่อยเดี๋ยวก็ช็อคหัวใจวายตายหรอก”
อาม่าได้ยินเสียงตงก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องเขม็งอย่างเจ็บใจ
“ไอ้เสี่ยตง...ลื้อไม่ต้องมาทำพูดดี ไอ้ฉายาว่าหมาบ้าตงของลื้อไม่ได้มาเพราะว่าลื้อเก่ง กว่าใครหรอก แต่ได้มาเพราะปากเน่าๆเหมือนซากหมาตายต่างหาก”
“อีแก่...ปากแกนี่มันไม่สมควรโดนแค่ตบอย่างเดียวแล้ว” ตงชักปืนจากเอวตัวเองแล้วจ่อไป ที่อาม่า “มันน่าจับยิงกรอกปากให้สมองกระจายมากกว่า”
อาม่าตกใจเพราะท่าทางตงเอาจริงพร้อมเหนี่ยวไกใส่ ตงยิ้มร้ายแล้วนิ้วลั่นไกทันที อาม่าหลับตาปี๋ตกใจร้องเสียงหลง
“อั้วซี้เลี้ยว...อั้วซี้เลี้ยว!”
แชะ !! ปืนในมือตงไม่มีกระสุน อาม่าค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นตงหัวเราะชอบใจ
“เป็นไงล่ะอีแก่...กลัวจนขี้ขึ้นสมองเลยใช่มั้ย...ฮ่าๆๆๆๆ”
“ไอ้...ไอ้ชิงหมาเกิด ลื้อมันเลวชาติทรามต่ำช้าที่สุด”
ตงจิกหน้าเอาเรื่องแล้วเข้าไปจิกหัวอาม่า
“แกฆ่าเมียฉัน ทำให้ลูกสาวฉันเป็นกำพร้า เมื่อกี้มันแค่น้ำจิ้มเท่านั้นหรอกเว้ย...อีแก่!”
ตงมองอาม่าด้วยสายตากราดเกรี้ยวน่ากลัว

ในบ่อนแห่งหนึ่งนักพนันกำลังเล่นพนันกันอย่างหนาตา ธงรบถูกตรวจค้นตัวอย่างละเอียดบริเวณหน้าบ่อน นักเลงคุมบ่อนตรวจจนแน่ใจว่าไม่มีอาวุธ และกล้องเข็มติดตัวเข้ามาด้วย จึงปล่อยให้เขาเดินเข้าไป ธงรบกวาดตามองตำรวจของตัวเองที่เข้ามาปะปนอยู่ก่อนหน้าแล้ว จ่าเล่นรูเล็ตเสียทำทีเป็นหัวเสีย
“อะไรวะเนี่ย...แทงดำออกแดง แทงแดงออกดำ หมดตัวแล้วเว้ย”
จ่าเดินหงุดหงิดมานั่งที่เคาท์เตอร์สั่งเครื่องดื่มมากระดก ข้างๆกับธงรบที่เข้ามานั่งดื่มเพื่อคุยกัน
“พวกมันเข้มงวดตรวจคนที่เข้ามาเล่นละเอียดยิบ ถ้าเกิดอะไรขึ้นพวกเราจบเห่แน่”
“คอยระวังตัวเอาไว้อย่างที่วางแผนกันนั่นแหละจ่า...เห็นกล้องวงจรปิดที่อยู่ข้างหลังจ่า รึเปล่า”
จ่าทำเป็นกระแอมแล้วหันไปมองกล้องวงจรปิดที่ถูกติดตั้งเอาไว้
“เห็นครับหมวด มันคงเอาไว้คอยดูว่ามีใครโกงพวกมันรึเปล่า”
“แต่นั่นแหละหลักฐานอย่างดีเลย ที่ผมจะเอาไปมัดตัวพวกมันให้หมด”
“แล้วหมวดจะไปเอามาได้ยังไงครับ จะเข้าไปข้างในคงไม่ง่าย”
“ไม่ต้องห่วงผม ผมจัดการได้แน่ จ่าเปิดทางให้ผมก็พอ”
“ได้ครับ...ระวังตัวด้วยนะครับหมวด” บอกแล้วก็แยกไปตามแผน

จ่าปาชิบลงบนโต๊ะอย่างหัวเสีย
“อะไรวะเนี่ย เสียอีกแล้ว บ่อนนี้มันขี้โกงนี่หว่า ผู้จัดการบ่อนอยู่ไหน ออกมาคุยกันหน่อย”
นักเลงเข้ามา
“พี่ชาย...เสียแล้วก็ไปนั่งสงบสติอารมณ์ดีกว่า รบกวนแขกคนอื่นเขา”
จ่าปัดมือ
“เฮ้ย...อย่ามาโดนตัวอั้วนะเว้ย ไอ้กระจอกอย่างพวกลื้อ อั้วไม่อยากเสียเวลาด้วย ไปตามผู้จัดการมา”
“ไม่เอาน่าพี่ชาย”
“พวกลื้อไม่รู้ซะแล้วว่าอั้วน่ะพวกไหน ถ้าไม่อยากมีปัญหาก็รีบไปตามผู้จัดการมา”
จ่าเล่นละครโวยวายจะเอาเรื่องไม่ยอมสุดฤทธิ์ นักเลงเลยต้องวิทยุเรียกไป ครู่หนึ่งผู้จัดการบ่อนเปิดประตูออก มาจากประตูที่มีคนเฝ้าอยู่แล้วตรงไปที่จ่าทันที จึงเปิดโอกาสให้ธงรบฉวยจังหวะเล็ดลอดเข้าไปได้

ในห้องควบคุมกล้องวงจรปิดนักเลงคนหนึ่งเฝ้าหน้าจอกล้องแต่ไม่ได้สนใจมองเพราะมัวคุยโทรศัพท์กับแฟน
“น้องตุ้ยก็...พี่เบื่อดูจอแล้ว ขอพี่ดูใจน้องตุ้ยบ้างได้ป่ะ”
ธงรบแอบเข้ามาข้างหลังเงียบๆแล้วใช้มือเปล่าทุบเข้าไปที่ต้นคอทีเดียวนักเลงฟุบหน้าสลบเหมือด ธงรบหันไปดูที่เครื่องฮาร์ดดิสก์ ที่บันทึกภาพในบ่อนเลยรีบจัดการจะเอาแผ่นข้อมูลทั้งหมดออกมา แต่ยังไม่ทันจะได้ก็ได้ยินเสียงนักเลงบ่อนอีกคนที่กำลังเข้ามาพอดี ธงรบหน้าเสีย
“เฮ้ยไอ้ปิ๊ก...เลิกคุยโทรศัพท์กับแฟนมึงซะที เดี๋ยวเสี่ยมาเห็นมึงก็โดนกระทืบอีกหรอก”
นักเลงพูดไปก็เข้ามาแล้วเห็นพรรคพวกตัวเองสลบเหมือด ธงรบหลบอยู่หลังประตู พอเห็นมันหันมาก็ชกเปรี้ยงเข้าหน้าทีเดียวจังๆ แถมถีบยอดอกกระเด็นก่อนจะฉวย โอกาสวิ่งหนีไปทันที นักเลงเลือดกลบปากรีบลุกขึ้นชักปืนโมโหสุดๆ
ธงรบรีบวิ่งออกมา นักเลงวิ่งไล่ตามหลังพร้อมยิงปืนใส่...เปรี้ยง! เสียงปืนดังสนั่น พวกนักพนันตกใจร้องเสียงหลงวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น พวกนักเลงคนอื่นๆเปิดฉากระดมยิงใส่ธงรบ ที่ต้องกระโจนหลบเข้าไปที่หลังเคาท์เตอร์ในสภาพไร้อาวุธต่อสู้ พวกนักพนันวิ่งหนีเอาตัวรอดออกไปหมดแล้ว เหลือธงรบคนเดียวกับพวกนักเลงบ่อนอีก 4-5 คน พวกนักเลงตีวงล้อมกรอบรอบๆเคาท์เตอร์ที่ธงรบหลบอยู่ พวกมันคนนึงพยักหน้าให้นักเลงคนหนึ่งเข้าไปดู ธงรบรอจังหวะอยู่แล้วพอมันโผล่เข้ามาใกล้ก็ลุกพรวดพร้อมขวดเหล้าปาใส่ ขวดแตกเพล้งกลางศีรษะ แล้วรีบฉวยโอกาสเข้าไปใช้มือเปล่าเล่นงานและแย่งปืนมาจนได้
“ฆ่ามัน!”

พวกนักเลงระดมยิงใส่เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ธงรบกระโจนหลบแล้วยิงสวนกลับไปหลายนัดโดนพวกมันและ ช่วยเปิดทางให้ตัวเองวิ่งหนีออกไปจากบ่อนได้ แต่พวกมันก็ยังยกพวกตาม

ธงรบวิ่งหนีการไล่ยิงของพวกนักเลงบ่อนที่ไล่ตามมาอย่างกระฉันชิด เขาพยายามยิงสวนกลับไป
แต่ก็โดนบ้างไม่โดนบ้าง จนกระสุนปืนหมด นักเลงคนหนึ่งเล็งยิง...เปรี้ยง ! กระสุนเฉียดไหล่จนได้เลือด ธงรบกระเสือกกระสนไปหลบที่หลังเสาในลานจอดรถ สถานการณ์ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาก
“คิดกระตุกหนวดเสือมันไม่ง่ายหรอกเว้ย...ฆ่ามัน!”
นักเลงสั่งพรรคพวกให้รุมเข้าไปยิง แต่ทันใดนั้น ผู้การสมิงสวมแว่นดำควงปืนสองกระบอกเข้ามา ยิงใส่พวกนั้น เปิดฉากช่วยเหลือธงรบ เสียงปืนดังสนั่นพวกกิจชัยแตกฮือ ผู้การสมิงยิงเปิดทางจนไปถึงตัวธงรบ
“อาสมิง...นี่อามาได้ยังไงครับเนี่ย”
“แกกับฉันมีเรื่องต้องคุยกันยาว”
“งั้นเราคงต้องรอดไปให้ได้ก่อนล่ะครับอา”
สมิงยัดปืนใส่มือธงรบ สองอาหลานหยักหน้าให้กันแล้วกระโจนออกมายิงใส่พวกนักเลงบ่อน...เปรี้ยง ๆๆๆ ณรงค์ขับรถฝ่าตามเข้ามาจอดเอี๊ยดขวางทางระหว่างพวกนั้นกับผู้การสมิง
“ขึ้นรถเร็วครับผู้การ”
สมิงช่วยประครองพาธงรบขึ้นรถแล้วออกไปพร้อมกับณรงค์ พวกนักเลงวิ่งไล่ยิงตามหลังแต่ทำอะไรไม่ได้

ในโต๊ะสนุกเกอร์...กิจชัยแทงลูกแดงพลาดไม่ลงหลุมเลยหงุดหงิด ลูกน้องหัวเราะชอบใจ กิจชัยหัวเสีย หันไปกระชากคอมาตบกะบาลผั๊วะ !
“หัวเราะเยาะข้าเหรอวะ...อยากเจ็บตัวใช่มั้ย”
ระหว่างนั้นลูกน้องอีกคนเข้ามาบอกกิจชัย
“ลูกพี่...นังกิ่งเหมยมันมาที่นี่ มันบอกว่ามีเรื่องอยากคุยกับลูกพี่”
กิจชัยแปลกใจดึงลูกน้องมาถามอย่างกลัวๆ
“มันมาคนเดียวหรือว่ามากับไอ้หยก”
“มาคนเดียวพี่ ไม่เห็นไอ้หยกมาด้วยเลย”
กิจชัยค่อยโล่งอกแล้วมองผ่านลูกน้องไปเห็นกิ่งเหมยยืนอยู่ มันยิ้มร้ายกวนสุดฤทธิ์
“นังกิ่งเหมย ติดใจอะไรฉันเหรอถึงได้กล้ามาหาฉันถึงที่แบบนี้คนเดียว”
“ฉันมีเรื่องต้องพึ่งแก”
“พึ่งฉัน...ฮ่าๆๆ” กิจชัยยื่นหน้ากวนๆเข้าไปเหน็บแนม “อย่าบอกนะว่าไอ้หยกมันทำให้แกไปไม่ ถึงสวรรค์ แกก็เลยคิดถึงฉันขึ้นมา”
กิ่งเหมยตบหน้ากิจชัยจนหน้าหัน
“นังตัวแสบ ! ตากำลังจะบอดอยู่แล้วยังกล้ามาตบหน้าฉันอีก คิดว่าไม่กล้าตบคนพิการ เหรอวะ”
กิจชัยจะตบหน้าคืนแต่เจอกิ่งเหมยเอามีคัทเตอร์ขึ้นชูขู่
“อย่านะไอ้กิจชัย...ตาฉันยังพอมองเห็นอยู่ ถ้าเข้ามาใกล้ล่ะก็ฉันจะกรีดหน้าแกให้เละ เหมือนหน้าเค้กเลย แล้วถ้าหยกรู้ว่าแกทำร้ายฉันอีก นอกจากหน้าแกจะเสียโฉมแล้ว หยกจะทำให้แกพิการเดินไม่ได้อีกด้วย”
กิจชัยเจ็บใจ
“นังนี่”
กิจชัยกับกิ่งเหมยจ้องหน้ากัน ท่าทางของกิ่งเหมยเอาจริง ทำให้กิจชัยหัวเราะออกมา
“แกมันแสบสมกับไอ้หยกจริงๆ มีอะไรก็ว่ามา”
“ฉันอยากรู้ว่าเสี่ยตงอยู่ไหน” กิ่งเหมยบอกเสียงเข้ม

ตงยืนรออีกด้านหนึ่งของโกดัง เก่งลากตัวอาม่าเข้ามา
“จะทำอะไรอั้ว...ปล่อยอั้วนะ...ช่วยด้วย...ช่วยด้วย”
“ร้องให้เสียงแหบไปเลยอีแก่ ร้องยังไงก็ไม่มีใครมาช่วยแกได้หรอก”
เก่งจับอาม่ามานั่งที่เก้าอี้ตัวเดียวโดดๆที่เตรียมเอาไว้ แล้วจับอาม่ามัดมือไขว้หลัง และจับมัดเท้ากับขาเก้าอี้
“ปล่อยอั้ว...อั้วไม่ยอมให้พวกลื้อทำอะไรอั้วหรอก”
อาม่าพยายามดิ้นขัดขืน ตงเข้าไปมาจับหน้าบีบปากแรงๆ
“อยู่นิ่งๆดีกว่าน่าอีแก่...อย่าหาเรื่องต้องเจ็บตัวมากกว่านี้เลย”
อาม่าชะงักตัวสั่นหน้าเสีย เก่งมัดอาม่าเสร็จเรียบร้อย
“เรียบร้อยแล้วครับเสี่ย”
“เอาของที่ฉันสั่งไว้มา”
เก่งรับคำแล้วเดินออกไป ตงยิ้มร้ายรออยู่ครู่ เก่งก็หิ้วแกลลอนน้ำมันเข้ามา อาม่าเห็นเข้าก็ตกใจ
“นี่...นี่ลื้อจะเผาอั้วทั้งเป็นเหรอ”
“ไอ้หน้าไหนที่กล้าหือกับเสี่ยตง มันต้องได้รับบทเรียนแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน แกทำให้เมียฉันต้องตายในกองไฟ ทำให้ลูกสาวฉันต้องกำพร้าแม่ เพราะฉะนั้น...”
ตงไม่พูดต่อ หันไปพยักหน้าให้เก่งเอาน้ำมันมาเทรอบๆตัวอาม่าเป็นวงกว้างกลิ่นน้ำมันคละคลุ้ง อาม่าหน้าตื่น
“ไม่นะ..อย่า !...อั้วไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าเมียลื้อ อั้วแค่จะแก้แค้นให้ลูกกับผัวอั้ว”
“แก้แค้นเหรอ...ฉันอุตส่าห์ให้โอกาสคนพิการอย่างลูกสาวแกได้มีงานทำ ยังแถมตำแหน่งเมียน้อยให้อีก แต่แกกลับเสี้ยมให้มันเกลียดขี้หน้าฉัน แล้วยังพามันหนีไปอีก แค่นั้นมันยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
“ลื้อ...ลื้อมันไม่ใช่คน ใจคอลื้อมันอำมหิตเกินไปแล้ว”
“ถ้าไม่อำมหิตแล้วฉันจะเป็นเจ้าพ่ออย่างทุกวันนี้ได้ยังไง”
ตงยิ้มร้ายแล้วเอาไฟแช็คขึ้นมาจุด อาม่าเห็นเปลวไฟจากไฟแช็คก็ตกใจหน้าซีด ตงหัวเราะน่ากลัว อาม่าหลับตาปี๋กลัวจนเสียงสั่น
“อย่า...อย่าทำอั้ว...อั้วกลัวแล้ว...อย่า...อย่า”
ตงจะโยนไฟแช็คลงน้ำมัน แต่ระหว่างนั้นเสียงโทรศัพท์ของเขาดังขัดจังหวะ ตงชะงัก หงุดหงิดเอา โทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย
“ว่าไง...” ตงฟังอยู่ครู่แล้วตกใจ “อะไรนะ! พวกแกทำงานยังไงวะ ถึงปล่อยให้ตำรวจบุก ไปได้...โธ่เว้ย”
ตงอารมณ์เสียมากกดปิดสายแล้วมองอาม่าอย่างหงุดหงิด
“โชคยังช่วยต่อชีวิตแกไปได้อีกหน่อยนะอีแก่ ไว้เสร็จธุระกลับมา ฉันจะเผาแกให้เหลือ แต่ขี้เถ้าเหมือนเผาแบงค์กงเต๊กเลย” ตงหันไปสั่งลูกน้อง “เฮ้ย...เฝ้ามันไว้”

ตงออกไปพร้อมกับเก่งทิ้งอาม่าให้อยู่ในการเฝ้าจับตาดูของลูกน้องคนหนึ่ง

กิจชัยสงสัยกิ่งเหมย

“แกมีธุระอะไรถึงอยากเจอเสี่ย”
“เป็นธุระของฉันกับเขา แกไม่เกี่ยว”
“นังนี่...แกรู้มั้ยว่าเสี่ยเขาระดับไหน เขาไม่มีเวลาว่างมาคุยด้วยหรอก”
“แกไม่ใช่คนตัดสินใจว่าฉันควรจะได้เจอหรือไม่ได้เจอเสี่ย แค่พาฉันไปหาเขาก็พอ”
กิจชัยมองกิ่งเหมยแล้วนิ่งคิดอยู่ครู่ก่อนจะยิ้มร้ายอย่างเจ้าเล่ห์
“ก็ได้...ฉันจะโทรถามพรรคพวกดูให้ว่าตอนนี้เสี่ยอยู่ที่ไหน แล้วจะพาแกไป”
ลูกน้องเข้ามากระซิบ
“ลูกพี่...ไม่ต้องพามันไปหาเสี่ยหรอก หลอกพามันไปบ้านลูกพี่ดีกว่า สนุกกว่าเยอะ”
“สนุกห่าอะไรล่ะ...คราวที่แล้วไอ้หยกเล่นข้าเกือบตาย ที่ข้ายอมพามันไปหาเสี่ยเพราะข้า จะขอให้เสี่ยจัดการส่งมันไปอยู่ซ่อง...ดูสิ...ทีนี้ไอ้หยกจะกล้าหือกับเสี่ยมั้ย”
“โห...แผนลูกพี่แหล่มเลย”
กิจชัยยิ้มชอบใจ หันมาบอกกิ่งเหมย
“แกรอฉันเดี๋ยวนะนังกิ่งเหมย ขอฉันโทรเช็คก่อนว่าตอนนี้เสี่ยอยู่ที่ไหน”

ตงกับเก่งเข้ามาเจอกับลูกน้องเฝ้าบ่อนที่รออยู่บริเวณอู่ซ่อมเรือ
“เสี่ยครับ”
ลูกน้องไม่ทันจะพูดอะไรต่อ ตงก็กระชากคอมาแล้วชกหน้ามันไปเปรี้ยงเดียวมันกระเด็นเลือดกลบปาก แค่นั้น ไม่พอตงตามไปถลุงเตะอัดไม่ยั้ง
“ทำงานภาษาอะไรของพวกแกวะ ถึงปล่อยให้ตำรวจบุกไปถล่มบ่อนฉันได้ เลี้ยงแล้ว ไม่ได้เรื่องแบบนี้ เปลืองเงินเว้ย”
ตงฉุนเฉียวหงุดหงิดสุดๆหันไปเอาปืนจากเอวเก่งมาง้างไกแล้วยิงใส่ลูกน้องบ่อนตัวเองทันที...เปรี้ยง ! ลูกน้องตายคาที่ ลูกน้องบ่อนคนอื่นๆถึงกับสะดุ้งโหยงคิดว่าไม่พ้นคิวตัวเองแน่ คนหนึ่งเลยรีบเข้าไปไหว้
“เสี่ยครับ...ไว้ชีวิตพวกผมด้วยนะครับ พวกผมผิดไปแล้ว ให้โอกาสพวกผมได้แก้ตัวด้วย”
“แก้ตัวเหรอ...บ่อนนั่นมันทำเงินให้ฉันตั้งเท่าไหร่ พวกแกจะแกตัวให้ฉันได้ยังไง...หา!”
“ได้สิครับเสี่ย”
ลูกน้องพยักหน้าให้พรรคพวกลากตัวจ่ากับหมู่ที่ถูกจับตัวเอาไว้ได้จากในบ่อนในสภาพถูกเอาผ้าดำปิดตาเข้ามา
“สองคนนี้เป็นพวกตำรวจที่บุกเข้าไปถล่มบ่อน...ผมได้ตัวมาตั้งใจว่าจะแก้แค้นครับ”
ตงเข้าไปมองสองตำรวจที่ถูกจับมาในสภาพโดนซ้อมมาหนักแล้ว ตงยิ้มร้าย

รถแท็กซี่คันเก่าๆคันหนึ่งจอดอยู่ที่ริมกำแพงบริเวณหนึ่งในตรอกศาลเจ้า คมทวนกำลังง่วนอยู่กับการซ่อมเครื่องยนต์ที่ฝากระโปรงหน้ารถ อ่างกับสลึงดูแล้วอยากช่วย
“พี่คมทวน...ให้ฉันดูให้ดีกว่ามั้ยพี่ ของพวกนี้มันงานถนัดพวกฉัน” อ่างอาสา
“ขอบใจ แต่พวกเอ็งไปซ่อมรถให้ลูกค้าเอ็งเถอะ ข้าแค่ขอยืมเครื่องมือเอ็งใช้ก็พอ”
สลึงมองคมทวน
“ฉันถามจริงๆเถอะพี่ นี่พี่เอาจริงเหรอเนี่ย แท็กซี่คันนี้มันเก่าพอๆกับอายุพี่อยู่แล้วนะ ขืนพี่เอาไปรับผู้โดยสาร มีหวังขับไปซ่อมไปแน่”
“ของมันยังใช้การได้อยู่เว้ย ปรับแต่งอีกนิดหน่อยถ้าไม่เจอน้ำท่วมลุยฉลุยได้อยู่แล้ว”
อ่างแย้ง
“แต่ฉันไม่เห็นด้วยเลยนะ ตอนนี้พี่มีโรคประจำตัวแล้ว ไปขับแท็กซี่ทั้งวันทั้งคืน เกิด ความดันทะลึ่งพรวดขึ้นมาอีก...พวกฉันจะซวย”
“ถ้าข้าจะเป็นอะไรขึ้นมา มันก็เวรกรรมของข้า คนมันถึงเวลาก็ต้องตาย...พวกเอ็งจะซวย ไปด้วยได้ยังไง”
คมทวนหันมาตั้งคำถาม กับทั้งคู่ที่มองหน้ากันไม่กล้าตอบลูกพี่เก่าจนคมทวนชักสงสัย
“นี่ไอ้หยกมันยังไม่เลิกที่สั่งให้พวกเอ็งมาคอยจับตาดูข้าอีกเหรอ”
อ่างกับสลึงไม่กล้าตอบเพราะกลัวโดนด่า ระหว่างนั้นหยกเข้ามา
“ใช่พ่อ...ฉันต้องขอให้พวกน้าเขาช่วยเพราะฉันกลัวต้องหามพ่อส่งโรงพยาบาลอีก”
คมทวนหันมามองหน้าลูกชายอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

คมทวนเข้ามาสตาร์ทเครื่องในที่นั่งคนขับ แต่พอลองสตาร์ทแล้วรถก็ยังติดๆดับๆใช้ไม่ค่อยได้
“เว้ย...ไอ้รถเฮงซวย เดี๋ยวก็ส่งขายเชียงกงเลย”
คมทวนบ่นไปแล้วเปิดประตูลงมาเปิดฝากระโปรงรถดูเครื่องเพื่อหาจุดเสียแล้วซ่อมต่อ หยกกับอ่างและสลึงได้แต่ยืนดูอยู่ใกล้ๆ
“น้าว่าเอ็งต้องเด็ดขาดกับพ่อเอ็งแล้วว่ะไอ้หยก” อ่างสะกิดหยก
สลึงเห็นด้วย
“เออว่ะ...อย่าปล่อยให้พ่อเอ็งไปขับแท็กซี่เลย เกิดวันไหนอารมณ์เสียเจอรถติด เจอม๊อบ เจอน้ำท่วมขึ้นมา ถ้าความดันไม่พุ่งผู้โดยสารก็ต้องซวยฟังแกบ่นหูตูบ”
หยกฟังคำแนะนำของสองน้าแล้วเดินเข้าไปหาพ่อ
“ถือว่าฉันขอแล้วกันนะพ่อ อย่าไปขับแท็กซี่เลย”
“เอ็งมาขอร้องข้าตอนนี้มันสายไปแล้วไอ้หยก”
“แต่ถ้าพ่ออยากได้เงินใช้ ฉันหาให้ได้นะ”
“ข้าไม่เคยอยากได้เงินของเอ็ง ไม่ว่าเอ็งจะหามาด้วยวิธีไหน ข้าก็ไม่อยากได้”

คมทวนปฏิเสธไม่สนใจเดินเลี่ยงไปหยิบประแจที่กล่องเครื่องมือ หยกรีบตามไปหยิบประแจออกมาก่อน

“ไอ้หยก...เอาประแจมาให้ข้า”

“ฉันอยากให้พ่อฟังฉันบ้าง ฉันห่วงพ่อจริงๆนะ”
“ไม่ต้องห่วงไปหรอกไอ้หยก ข้ารู้จักสังขารข้าดี ถ้าข้าไม่อยู่เห็นหน้าเอ็ง ไอ้โรคความ ดันก็ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
อ่างสงสัยรีบเข้ามาถาม
“พี่พูดแบบพี่จะไปไหน”
“ข้าจะไปอยู่กับพราวแสง”
สลึงกับอ่างฟังแล้วตกใจรีบวิ่งเข้ากอดรัดเอวคมทวนเอาไว้แน่
“ไม่ได้นะพี่...พี่จะคิดสั้นตามไปอยู่กับพราวแสงไม่ได้เด็ดขาด พวกฉันไม่ยอม”
“เฮ้ย...ข้าไม่ได้บอกว่าข้าจะฆ่าตัวตายตามไปอยู่กับพราวแสงสักหน่อย ปล่อยข้านะเว้ย”
คมทวนแกะมืออ่างกับสลึงแล้วยันโครมทั้งคู่ไปไกลๆ หยกเลยยิ่งสงสัย
“แล้วที่พ่อพูดมาหมายความว่ายังไง”
คมทวนมองหน้าหยกแล้วไม่ยอมพูดต่อ แย่งเอาประแจจากมือหยกมาแล้วหันไปซ่อมรถต่อ

บริเวณใต้ทางด่วนณรงค์ช่วยพันผ้าพันแผลที่แขนให้ธงรบเสร็จเรียบร้อย
“ขอบคุณครับ”
“ไม่ต้องมาขอบคุณผมหรอกหมวด เพราะที่คุณทำลงไปมันสร้างความยุ่งยากให้ผู้การ”
ณรงค์พูดเปิดประเด็นแล้วเดินออกไปให้ผู้การสมิงเข้ามาคุยกับธงรบแทน
“ถ้าไม่ใช่เพราะแกเป็นหลานชายของฉัน แล้วฉันไม่รับปากพ่อแกไว้ว่าฉันจะดูแลแกให้ ป่านนี้แกโดนไอ้พวกนั้นเก็บไปแล้ว”
“ถึงอาไม่มาช่วยผม ผมก็เอาตัวรอดได้”
“นี่แก”
ผู้การสมิงเข้าไปกระชากคอเสื้อมาจ้องหน้า
“ผมเป็นตำรวจนะครับอา...ในเมื่อผมรู้เห็นว่ามีการทำผิดกฎหมาย ผมก็ต้องเข้าไปหา หลักฐานเล่นงานมัน”
“ก็เพราะแกคิดแต่แบบนี้ไง ฉันถึงไม่เอาแกมาทำงานกับฉัน จะเล่นพวกตัวใหญ่ๆให้ อยู่หมัด แต่ไปจับเล็กๆให้มันรู้ตัว ก็เท่ากับหาเรื่องทำให้ตัวเองเดือดร้อน โชว์โง่ให้พวก มันเห็น”
“ไอ้พวกใหญ่ๆที่อาพูดถึง...หมายถึงไอ้พวกมาเฟียอย่างเสี่ยตงที่อากำลังวางแผนจับมัน อยู่ใช่มั้ยครับ”
ผู้การสมิงนิ่งไปมองหน้าธงรบ ณรงค์เข้ามาคุยด้วยอย่างหนักใจและไม่ต้องการให้ธงรบได้ยิน
“นับวันหลานชายของผู้การจะรู้เรื่องงานของเรามากขึ้น ผมว่าเราควรต้องใช้ไม้แข็ง หา ทางทำให้เขาเลิกยุ่งอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นทุกอย่างต้องพังเพราะเขาแน่”
ผู้การสมิงนิ่งไปอย่างครุ่นคิดว่าจะต้องทำยังไงกับธงรบดี ระหว่างนั้นโทรศัพท์ธงรบดังพอดี
“ว่าไง...” เขาฟังอยู่ครู่แล้วตกใจ “แน่ใจเหรอ...ผมจะหาทางช่วย พวกเขาเอง”
ธงรบวางสายไป ผู้การสมิงเข้ามาถามอย่างสงสัย
“มีเรื่องอะไร”
“คนของผมยังไม่กลับจากปฏิบัติการ สงสัยว่าพวกไอ้เสี่ยตงคงจะได้ตัวพวกเขาไป ผมต้องช่วยพวกเขาให้ได้”
“งั้นเป็นหน้าที่ของฉันเอง แกไม่ต้องยุ่ง”
“แต่เขาเป็นคนของผม ผมต้องรับผิดชอบชีวิตพวกเขา”
ผู้การสมิงเหลืออดกับความดื้อด้านของหลานชาย เลยเข้าไปบีบแขนตรงแผลที่เพิ่งช่วยรักษาไปจนธงรบเจ็บ
“พอได้แล้วไอ้ธงรบ...เหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าแกไม่เลิกคิดแต่จะหลับหูหลับตา ลุยกับพวกมัน”
ผู้การสมิงออกแรงบีบจนธงรบเจ็บปวดมากแล้วผลักธงรบกระเด็นก่อนจะชี้หน้ากำชับเอาจริง
“ฉันมีวิธีที่จะใช้ช่วยคนของแก แต่แกต้องห้ามมายุ่งอีกเด็ดขาด”
ผู้การสมิงสั่งธงรบแล้วออกไปกับณรงค์ ธงรบเจ็บแผลที่แขนเลือดไหลซึมออกมาผ่านผ้าพันแผลอย่างเจ็บใจ

คมทวนก้มหน้าก้มตาซ่อมเครื่องยนต์รถแท็กซี่จนเกือบจะเสร็จ อ่างกับสลึงและหยกคุยกันอยู่ห่างๆ อ่างพอจะนึกออก
“ที่พ่อเอ็งพูดมาเมื่อกี้ ข้าว่าข้าพอจะรู้แล้วว่ะว่าหมายความว่ายังไง”
“ยังไงเหรอน้า”
“ตอนเอ็งยังเล็กๆ ข้าจำได้ว่าพ่อเอ็งเคยบ่นอยากไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านเกิดแม่เอ็ง เขาคิดถึงตอนเป็นหนุ่มที่เคยเจอแม่เอ็งครั้งแรกที่นั่นสมัยไปตระเวณชกมวย”
สลึงก็นึกขึ้นได้
“เออๆ...ใช่ข้าก็นึกออกแล้ว โธ่เอ้ย...มิน่าล่ะพี่คมทวนถึงอยากทำงานเก็บเงิน คงคิดจะไป ซื้อที่ปลูกบ้านอยู่ที่นั่นเพื่อจะรำลึกถึงอดีต”
สองน้าเล่าให้ฟัง หยกอดสงสารพ่อไม่ได้เลยตัดสินใจเข้าไปหาพ่ออีกครั้งจังหวะที่คมทวนกำลังจะเข้าไปนั่งที่คนขับลองสตาร์ทเครื่องอีกครั้ง
“นี่เอ็งยังป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้อีกทำไม จะไปทำระยำตำบอนอะไรของเอ็งก็ไป ข้าไม่ อยากจะสนใจเอ็งอีกแล้ว”
“พ่อไม่ต้องไปขับรถแท็กซี่แล้วล่ะ ถ้าพ่ออยากจะไปใช้ชีวิตสงบๆที่บ้านเกิดของแม่ ฉันจะไปกับพ่อด้วย ฉันจะซื้อที่ปลูกบ้านให้พ่อเอง”
“นี่เอ็ง...”
“ฉันพูดจริงๆนะพ่อ มันถึงเวลาที่ฉันจะต้องทำหน้าที่ดูแลพ่อแล้ว”
“เอ็งจะดูแลข้าเหรอ...อย่าดีแต่พูดเลยไอ้หยก ถ้าเอ็งยังเลิกคบกับไอ้พวกเลวๆไม่ได้ เอ็งก็ไม่มีวันตอบแทนบุญคุณข้าได้หรอก”
“ได้สิพ่อ เรื่องที่ฉันทำให้พ่อต้องโกรธและเสียใจเพราะฉันมาตลอด มันถึงเวลาที่ฉันจะ อธิบายให้พ่อฟังได้แล้ว”
“อธิบายอะไร”
หยกมองพ่ออย่างตั้งใจพร้อมจะเล่าความจริงเรื่องงานสายตำรวจให้ฟัง แต่ระหว่างนั้นผู้การสมิงกับณรงค์ สวมแว่นดำเดินเข้ามา หยกชะงักไปเพราะรู้ดีว่าถ้าสองคนนี้มาหาถึงที่นั่นหมายความว่าต้องมีเรื่องสำคัญ คมทวนมองหน้า
“เอ็งมีอะไรจะอธิบายให้ข้าฟัง”
หยกนิ่งไปหนักใจ อ่างเข้ามาเรียก

“ไอ้หยก...ไอ้หยก”

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 11 (ต่อ)

หยกตัดสินใจ
 

“เดี๋ยวฉันมานะพ่อ ฉันมีธุระ”
หยกรีบเดินไปทางที่ผู้การสมิงกับณรงค์หน้าตาเคร่งเครียด คมทวน อ่างและสลึงพากันแปลกใจ

หยกแปลกใจเมื่อรู้เรื่องจากผู้การสมิงและณรงค์ว่า ตำรวจถูกคนของบ่อนตงจับตัวไป
“แน่ใจเหรอครับผู้การว่าเสี่ยตงได้ตัวตำรวจไป”
“ฉันก็ไม่อยากให้เป็นอย่างที่สงสัยหรอกนะหยก แต่คนอย่างไอ้เสี่ยตงเธอก็รู้ว่าสันดาน หมาบ้าของมันเป็นยังไงเวลาที่มีคนมาทำให้มันโกรธ”
ณรงค์หนักใจ
“สถานการณ์ตอนนี้ก็มีแต่แกเท่านั้นที่จะหยุดไม่ให้เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้นได้”
หยกชะงัก
“แต่ว่า...”
“นี่แกอย่าเอาเรื่องที่แกจะอยากจะถอนตัวมาพูดตอนนี้ได้มั้ย ความเป็นความตายของ ตำรวจ เพื่อนร่วมอาชีพของเรามันขึ้นอยู่แกแล้วนะเว้ย”
ณรงค์พูดไปก็ผลักไหล่หยกเพราะเริ่มหัวเสีย แต่ผู้การสมิงขวางไม่ให้ณรงค์ลงมือกับหยก
“หมวด...ผมจะคุยกับหยกเอง หมวดออกไปรอก่อนไป”
ณรงค์เซ็ง
“ครับผู้การ...” ณรงค์มองหน้าหยกและย้ำก่อนออกไป “ถ้าแกยังเคารพตราตำรวจอยู่ แกต้องไม่ทอดทิ้งพวกเดียวกัน”
ณรงค์เดินออกไปทิ้งให้หยกอยู่กับผู้การตามลำพัง หยกหน้าเครียดเป็นอย่างมาก

ภายในบริเวณอู่ซ่อมเรือ กิ่งเหมยเดินตามกิจชัยเข้ามา เธอมองไปรอบๆด้วยสายตาที่ต้องเพ่งมอง ภาพรอบๆตัวเธอเบลอจนแทบจะมองไม่เห็น เธอเอามือขยี้ตาเพื่อหวังว่าจะจะเห็นดีขึ้นได้บ้างแต่ก็ไร้ผล อาการวันนี้ของเธอยิ่งแย่ลงมากกว่าทุกวัน
“ให้ฉันจูงมือพาเธอเดินเข้าไปมั้ยกิ่งเหมย”
“แกไม่ต้องมายุ่ง ฉันเดินเองได้”
“ฉันหวังดีกับเธอจริงๆนะ เลิกคิดแล้วไอ้เรื่องจะเล่นงานเธอ บอกตรงๆไม่อยากมีเรื่อง กับไอ้หยก”
“แกไม่ต้องมาพล่ามมาก รีบๆพาฉันไปหาเจ้านายแก”
“มาถึงนี่แล้วยังไงเธอก็ต้องได้เจอเสี่ยแน่นอน แต่ว่าจะไม่บอกให้รู้กันหน่อยเหรอว่าเธอมี เรื่องอะไรกับเสี่ย เพราะคนอย่างเสี่ยคงไม่ให้เขาใครถึงตัวง่ายๆ”
กิ่งเหมย นิ่งคิดอยู่ครู่
“ฉันมีเรื่องต้องสะสางกับเขา แกไปบอกให้เขารู้ว่าฉันมาเรื่องของอาเหลา กับอาหงส์”
“ใครวะ”
“แกไม่จำเป็นต้องรู้ ไปบอกตามที่ฉันว่าไปนั่นแหละ”
“ก็ได้...แกนี่มันช่างกล้าจริงๆ คิดอยากจะสะสางกับเสี่ย เป็นแค่หนูแต่อยากท้าทาย ราชสีห์...หึๆๆแล้วจะหาว่าไม่เตือน รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวจะไปบอกเสี่ยให้”
กิจชัยเดินออกไป กิ่งเหมยเอาคัทเตอร์ที่เตรียมมาขึ้นมามอง สายตาของเธอพร่าเลือนจนมองแทบจะไม่เห็นแล้ว
“แม่คะ...ช่วยกิ่งเหมยด้วย ขอเวลาให้เหมยอีกนิดเดียวเท่านั้น อย่าเพิ่งให้เหมยตาบอด ตอนนี้เลยเหมยจะแก้แค้นให้แม่ ให้อากง อาม่าจะได้ไม่ต้องหนีไอ้เสี่ยตงไปอีก ตลอดชีวิต”
กิ่งเหมยกำมีดแน่นแม้ความหวังจะเลือนลาง แต่กำลังใจเธอสู้

หยกยังคุยกับผู้การสมิงอย่างเครียดๆ
“ตอนที่ฉันเข้ามาฉันเห็นนายอยู่กับพ่อ เข้าใจว่านายคงคิดจะบอกเรื่องงานสายสืบ”
“ท่านให้ทางเลือกผมแล้ว ผมไม่อยากทำให้พ่อต้องเสียใจอีก”
“ฉันเข้าใจ และไม่ได้คิดจะผิดคำพูด แต่สถานการณ์ตอนนี้ฉันพึ่งใครไม่ได้ มีแต่นายคน เดียวที่จะพาเราไปช่วยตำรวจที่ถูกจับตัวไว้ได้”
หยกนิ่งไปหน้าครุ่นคิด ระหว่างนั้นเสียงของส้มเช้งดังเข้ามา
“หยก...หยก...”
ส้มเช้งเข้ามาไม่ได้เพราะเจอณรงค์กันเอาไว้ หยกรีบเข้าไปหา
“เธอเป็นเพื่อนผมเอง...”
ณรงค์ยอมปล่อยส้มเช้ง หยกรีบถาม
“มีอะไรเหรอส้มเช้ง”
“ไอ้กิ่งเหมยน่ะสิ หาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัวเข้าแล้ว”
หยกสงสัย
“กิ่งเหมยไปทำอะไร”
“มันไปหาเสี่ยตง คิดจะแก้แค้นให้แม่กับอากงมัน”
หยกตกใจ
“ว่าไงนะ!”

จ่ากับหมู่ถูกพวกลูกน้องบ่อนของตงซ้อมจนสะบักสะบอมลงไปนอนกองที่พื้น ตงเข้าไปจิกหัวจ่าขึ้นมาอย่างชอบใจ
“ไงล่ะครับคุณตำรวจ เก่งนักไม่ใช่เหรอ เจอแค่นี้ถึงกับนอนจุกพูดไม่ออกเลย ฮ่าๆๆ”
จ่าเจ็บใจ

“ถุย !! เลือดตำรวจไม่มีคำว่ากลัวคนเลวหรอกเว้ย”

จ่าถุยน้ำลายที่มีเลือดปนอยู่ใส่หน้าตงทำให่เลอะหน้าเต็มๆ ตงโกรธจัดเอาผ้ามาเช็ดคราบน้ำลายปน เลือดออกแล้วหันปากกระบอกปืนยิงทันที...เปรี้ยงๆๆๆ กระสุนเจาะร่างหมู่ที่อยู่ข้างๆจ่าตายคาที่อย่างน่าอนาถทำเอาจ่าอึ้งตะลึง ตงกระชากผมให้เข้าไปดูใกล้ๆ

“ดู ! แหกตาดูเอาไว้ ตำรวจดีๆอายุไม่ยืนหรอกเว้ย มีแต่ตายเร็วทั้งนั้น”

ตงโวยวายใส่แล้วเตรียมจะยิงจ่าทิ้ง แต่ระหว่างนั้นกิจชัยเข้ามา
“เสี่ยครับ”
ตงชะงัก
“ไอ้กิจชัย...นี่แกมาที่นี่ทำไม ฉันไม่ได้ตามให้มานี่หว่า”
เก่งเข้าไปกัน
“เสี่ยกำลังยุ่งออกไปก่อนไป”
“แต่นังกิ่งเหมยเด็กของไอ้หยกมันขอให้ฉันพามาพบเสี่ย ตอนนี้รออยู่ข้างนอก”
เก่งกระชากคอเสื้อกิจชัย
“แกเห็นเสี่ยเป็นอะไรวะ...ใครคิดจะอยากเจอเสี่ยแกก็ชวนมา ง่ายๆแบบนี้”
“ก็นังนั่นมันบอกว่ามีเรื่องต้องสะสางกับเสี่ย ฉันเห็นท่าทางมันไม่น่าไว้ใจเลยพามาให้ เสี่ยจัดการ” กิจชัยแกะมือเก่งแล้วผลักออกไป “แต่ถ้าเสี่ยไม่ว่างสั่งผมมาได้เลยครับ ผมจะพา มันส่งไปทำงานในซ่องเอง”
ตงสงสัย
“แกว่ามันมีเรื่องอยากสะสางกับฉันเหรอ”
“ครับ ท่าทางมันเอาเรื่องน่าดู มันให้ผมมาบอกเสี่ยว่ามันเพราะเรื่องอาเหลากับอาหงส์”
ตงชะงัก
“แกว่าไงนะ...มันรู้จักไอ้สองคนนั้นได้ยังไง”
กิจชัยงง
“เอ่อ...มีอะไรเหรอครับเสี่ย”
ตงโยนปืนให้กิจชัย
“แกกับพวกที่เหลือจัดการไอ้ตำรวจนี่ให้ฉัน สำหรับนังกิ่งเหมยฉันจะ ไปจัดการเอง”
ตงรีบออกไปพร้อมกับเก่งเหลือกิจชัยกับพวกลูกน้องบ่อน กิจชัยยิ้มชอบใจพยักหน้าให้พวกลูกน้องบ่อนเข้าไปพยุงตัวจ่าขึ้นมาส่วนมันก็เอาปืนมาควงเล่นอย่างกวนๆ
“เสี่ยมอบหมายงานสนุกๆแบบนี้ให้...มีรึที่ข้าจะทำให้เสี่ยผิดหวัง...”
กิจชัยยกปืนเล็งไปที่ตำรวจอย่างเหี้ยมเกรียม

หยกขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดอีกด้านหนึ่งของอู่ซ่อมเรือ เขามองไปรอบๆอย่างแน่ใจว่าไม่มีคนของตงอยู่ใกล้ๆก็หันไปส่งสัญญาณมือให้ผู้การสมิงกับณรงค์ที่ตามมาเข้ามาสมทบ
“ที่นี่แน่นะหยก” ณรงค์ถาม
“ครับ...ข่าวจากพรรคพวกของเสี่ยตงไม่มีผิด พวกมันพาตัวตำรวจที่จับมาได้จากในบ่อน มาไว้ที่นี่”
ผู้การสมิงหน้าเครียด
“แล้วกิ่งเหมยล่ะ”
“น่าจะอยู่ที่นี่ด้วยครับ”
“ถ้างั้นฉันจะจัดการเรื่องตำรวจเอง ส่วนนายหาทางไปหยุดกิ่งเหมยเถอะ”
“ครับผู้การ”
หยกกับผู้การสมิงกำลังจะแยกกันไปแต่ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้น...เปรี้ยงๆๆๆ ทั้งสามคนถึงกับชะงักมองหน้ากัน

ทั้งหมดรีบเข้ามา ณรงค์เจอศพของหมู่นอนตายอยู่เป็นศพแรก
“หมู่...หมู่...”
ณรงค์แตะจมูกเช็คชีพจรแล้วหันไปรายงานผู้การสมิง
“ตายแล้วครับผู้การ”
ผู้การสมิงเจ็บใจได้ครู่หยกก็เรียกให้รีบมาดูจ่าเขาพบนอนหายใจรวยรินอยู่ใกล้ๆ
“ทางนี้ครับผู้การ”
“ช่วย...ช่วยผม...ด้วย”
จ่าโดนยิงจนเลือดนองไปทั้งตัว เจ็บปวดทรมานจนกระอักเลือด
“ไม่ต้องห่วงนะจ่า...ผมจะช่วยชีวิตคุณให้ได้ หมวด...ช่วยกันพาเขาไปโรงพยาบาล”
ณรงค์รับคำสั่งเข้าไปช่วยพยุงจ่า ส่วนผู้การสมิงหันไปสั่งหยก
“ไม่ต้องห่วงทางนี้ ฉันจะรีบพาเขาไป นายรีบไปช่วยกิ่งเหมยเถอะ”
สมิงพาจ่าออกไปพร้อมกับณรงค์ หยกมองตามตำรวจผู้รักษาสันติราษฎร์ต้องมาบาดเจ็บล้มตาย เพราะการปฏิบัติหน้าที่กับคนเลวๆ ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย

ตงกับเก่งเข้ามาหากิ่งเหมยแต่เห็นเงียบเชียบ ไร้เงาของกิ่งเหมย
“กิ่งเหมย...ฉันมาแล้ว ออกมาสิ เธอมีเรื่องจะคุยกับฉันไม่ใช่เหรอ”
เก่งระแวง
“ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจนะครับเสี่ย มันรู้เรื่องอดีตของเสี่ยแล้วกล้ามาหาถึงที่แบบนี้ ผมว่าระวังไว้ดีกว่า”
เก่งเอามือกันข้างหน้าคอยช่วยดูให้ ตงเลยค่อยๆถอยหลังช้างๆโดยไม่รู้ว่ากิ่งเหมยแอบซ่อนตัวรออยู่ ในมือของเธอกำคัทเตอร์ไว้เอาไว้แน่น
“อาม่าคะ...เหมยจะไม่ให้มันตามล่าอาม่าได้อีกแล้ว”
กิ่งเหมยเพ่งมองรอจนตงเข้ามาใกล้จนพอจะเห็นได้ชัด เธอก็รีบเข้าไปล็อคคอเอาคมคัทเตอร์จ่อคอหอยทันที
“อย่าขยับนะ...ไม่งั้นฉันปาดคอแกจริงๆ”
“นังกิ่งเหมย!”
เก่งรีบชักปืนออกมาเล็ง แต่กิ่งเหมยกดคมมีดลงที่คออย่างเอาจริง
“บอกลูกน้องแกให้ทิ้งปืน...บอกสิ!”
“เฮ้ย...ทิ้งปืน”
เก่งยอมทำตามที่เจ้านายสั่งโยนปืนออกไป ตงเริ่มเจรจาให้กิ่งเหมยตายใจ
“ใจเย็นๆกิ่งเหมย เธอเป็นเพื่อนลูกสาวฉันก็เหมือนลูกสาวฉันคนนึง ถ้าเรามีเรื่องเข้าใจ ผิดอะไรกันอยู่ก็ให้โอกาสฉันอธิบายแบบค่อยๆคุยกันมั้ย”
“ให้โอกาสเหรอ...ถ้าคนอย่างแกให้โอกาสคนจริงๆ แกคงไม่ฆ่าแม่กับอากงฉันอย่างโหด เหี้ยมหรอก ไอ้คนใจทราม”
ตงชะงัก
“แม่...อากง...นี่...ที่แท้เธอก็เป็นลูกของอาหงส์เหรอ”
“ใช่...ผู้หญิงตาบอดที่แกข่มขืนเขา ฆ่าพ่อเขา ทำลายครอบครัวเขา วันนี้ลูกสาวเขาจะมา แก้แค้นส่งแกให้ไปชดใช้กรรมในนรก”
กิ่งเหมยจะกดคมมีดเตรียมปาดแต่ตงรีบร้องขอชีวิต
“เดี๋ยวๆๆ ฟังฉันก่อนนะกิ่งเหมย ถ้าเธอฆ่าฉัน เธอจะไม่มีวันได้เจอกับอาม่าของเธออีก”
กิ่งเหมยชะงัก
“หมายความว่ายังไง”
ตงยิ้มร้าย
“อาม่าเธอถูกฉันจับตัวเอาไว้แล้วไง”
“ไม่จริง แกโกหก”
“ไม่เชื่อเหรอ...หึ...ไอ้เก่ง”
“ครับเสี่ย”
เก่งเอาโทรศัพท์ออกมากดเบอร์โทรออก รอสายอยู่ครู่
“ให้อีแก่นั่นมาพูดสาย บอกมันว่าหลานสาวของมันอยากคุยด้วย”
รออยู่ครู่เก่งก็กดสปีกเกอร์โฟนให้กิ่งเหมยได้ยินชัดๆ เสียงอาม่าดังมา
“อา...อาเหมย...นั่น...นั่นลื้อจริงๆเหรอ”
กิ่งเหมยตกใจ
“อาม่า!”
อาม่าที่ถูกจับมัดร้องตะโกนใส่โทรศัพท์หลังจากได้ยินเสียงหลานสาว

ตงโวยวายใส่แล้วเตรียมจะยิงจ่าทิ้ง แต่ระหว่างนั้นกิจชัยเข้ามา

“เสี่ยครับ”
ตงชะงัก
“ไอ้กิจชัย...นี่แกมาที่นี่ทำไม ฉันไม่ได้ตามให้มานี่หว่า”
เก่งเข้าไปกัน
“เสี่ยกำลังยุ่งออกไปก่อนไป”
“แต่นังกิ่งเหมยเด็กของไอ้หยกมันขอให้ฉันพามาพบเสี่ย ตอนนี้รออยู่ข้างนอก”
เก่งกระชากคอเสื้อกิจชัย
“แกเห็นเสี่ยเป็นอะไรวะ...ใครคิดจะอยากเจอเสี่ยแกก็ชวนมา ง่ายๆแบบนี้”
“ก็นังนั่นมันบอกว่ามีเรื่องต้องสะสางกับเสี่ย ฉันเห็นท่าทางมันไม่น่าไว้ใจเลยพามาให้ เสี่ยจัดการ” กิจชัยแกะมือเก่งแล้วผลักออกไป “แต่ถ้าเสี่ยไม่ว่างสั่งผมมาได้เลยครับ ผมจะพา มันส่งไปทำงานในซ่องเอง”
ตงสงสัย
“แกว่ามันมีเรื่องอยากสะสางกับฉันเหรอ”
“ครับ ท่าทางมันเอาเรื่องน่าดู มันให้ผมมาบอกเสี่ยว่ามันเพราะเรื่องอาเหลากับอาหงส์”
ตงชะงัก
“แกว่าไงนะ...มันรู้จักไอ้สองคนนั้นได้ยังไง”
กิจชัยงง
“เอ่อ...มีอะไรเหรอครับเสี่ย”
ตงโยนปืนให้กิจชัย
“แกกับพวกที่เหลือจัดการไอ้ตำรวจนี่ให้ฉัน สำหรับนังกิ่งเหมยฉันจะ ไปจัดการเอง”
ตงรีบออกไปพร้อมกับเก่งเหลือกิจชัยกับพวกลูกน้องบ่อน กิจชัยยิ้มชอบใจพยักหน้าให้พวกลูกน้องบ่อนเข้าไปพยุงตัวจ่าขึ้นมาส่วนมันก็เอาปืนมาควงเล่นอย่างกวนๆ
“เสี่ยมอบหมายงานสนุกๆแบบนี้ให้...มีรึที่ข้าจะทำให้เสี่ยผิดหวัง...”
กิจชัยยกปืนเล็งไปที่ตำรวจอย่างเหี้ยมเกรียม

หยกขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดอีกด้านหนึ่งของอู่ซ่อมเรือ เขามองไปรอบๆอย่างแน่ใจว่าไม่มีคนของตงอยู่ใกล้ๆก็หันไปส่งสัญญาณมือให้ผู้การสมิงกับณรงค์ที่ตามมาเข้ามาสมทบ
“ที่นี่แน่นะหยก” ณรงค์ถาม
“ครับ...ข่าวจากพรรคพวกของเสี่ยตงไม่มีผิด พวกมันพาตัวตำรวจที่จับมาได้จากในบ่อน มาไว้ที่นี่”
ผู้การสมิงหน้าเครียด
“แล้วกิ่งเหมยล่ะ”
“น่าจะอยู่ที่นี่ด้วยครับ”
“ถ้างั้นฉันจะจัดการเรื่องตำรวจเอง ส่วนนายหาทางไปหยุดกิ่งเหมยเถอะ”
“ครับผู้การ”
หยกกับผู้การสมิงกำลังจะแยกกันไปแต่ทันใดนั้นเสียงปืนดังขึ้น...เปรี้ยงๆๆๆ ทั้งสามคนถึงกับชะงักมองหน้ากัน

ทั้งหมดรีบเข้ามา ณรงค์เจอศพของหมู่นอนตายอยู่เป็นศพแรก
“หมู่...หมู่...”
ณรงค์แตะจมูกเช็คชีพจรแล้วหันไปรายงานผู้การสมิง
“ตายแล้วครับผู้การ”
ผู้การสมิงเจ็บใจได้ครู่หยกก็เรียกให้รีบมาดูจ่าเขาพบนอนหายใจรวยรินอยู่ใกล้ๆ
“ทางนี้ครับผู้การ”
“ช่วย...ช่วยผม...ด้วย”
จ่าโดนยิงจนเลือดนองไปทั้งตัว เจ็บปวดทรมานจนกระอักเลือด
“ไม่ต้องห่วงนะจ่า...ผมจะช่วยชีวิตคุณให้ได้ หมวด...ช่วยกันพาเขาไปโรงพยาบาล”
ณรงค์รับคำสั่งเข้าไปช่วยพยุงจ่า ส่วนผู้การสมิงหันไปสั่งหยก
“ไม่ต้องห่วงทางนี้ ฉันจะรีบพาเขาไป นายรีบไปช่วยกิ่งเหมยเถอะ”
สมิงพาจ่าออกไปพร้อมกับณรงค์ หยกมองตามตำรวจผู้รักษาสันติราษฎร์ต้องมาบาดเจ็บล้มตาย เพราะการปฏิบัติหน้าที่กับคนเลวๆ ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไม่น้อย

ตงกับเก่งเข้ามาหากิ่งเหมยแต่เห็นเงียบเชียบ ไร้เงาของกิ่งเหมย
“กิ่งเหมย...ฉันมาแล้ว ออกมาสิ เธอมีเรื่องจะคุยกับฉันไม่ใช่เหรอ”
เก่งระแวง
“ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจนะครับเสี่ย มันรู้เรื่องอดีตของเสี่ยแล้วกล้ามาหาถึงที่แบบนี้ ผมว่าระวังไว้ดีกว่า”
เก่งเอามือกันข้างหน้าคอยช่วยดูให้ ตงเลยค่อยๆถอยหลังช้างๆโดยไม่รู้ว่ากิ่งเหมยแอบซ่อนตัวรออยู่ ในมือของเธอกำคัทเตอร์ไว้เอาไว้แน่น
“อาม่าคะ...เหมยจะไม่ให้มันตามล่าอาม่าได้อีกแล้ว”
กิ่งเหมยเพ่งมองรอจนตงเข้ามาใกล้จนพอจะเห็นได้ชัด เธอก็รีบเข้าไปล็อคคอเอาคมคัทเตอร์จ่อคอหอยทันที
“อย่าขยับนะ...ไม่งั้นฉันปาดคอแกจริงๆ”
“นังกิ่งเหมย!”
เก่งรีบชักปืนออกมาเล็ง แต่กิ่งเหมยกดคมมีดลงที่คออย่างเอาจริง
“บอกลูกน้องแกให้ทิ้งปืน...บอกสิ!”
“เฮ้ย...ทิ้งปืน”
เก่งยอมทำตามที่เจ้านายสั่งโยนปืนออกไป ตงเริ่มเจรจาให้กิ่งเหมยตายใจ
“ใจเย็นๆกิ่งเหมย เธอเป็นเพื่อนลูกสาวฉันก็เหมือนลูกสาวฉันคนนึง ถ้าเรามีเรื่องเข้าใจ ผิดอะไรกันอยู่ก็ให้โอกาสฉันอธิบายแบบค่อยๆคุยกันมั้ย”
“ให้โอกาสเหรอ...ถ้าคนอย่างแกให้โอกาสคนจริงๆ แกคงไม่ฆ่าแม่กับอากงฉันอย่างโหด เหี้ยมหรอก ไอ้คนใจทราม”
ตงชะงัก
“แม่...อากง...นี่...ที่แท้เธอก็เป็นลูกของอาหงส์เหรอ”

“ใช่...ผู้หญิงตาบอดที่แกข่มขืนเขา ฆ่าพ่อเขา ทำลายครอบครัวเขา วันนี้ลูกสาวเขาจะมา แก้แค้นส่งแกให้ไปชดใช้กรรมในนรก”
กิ่งเหมยจะกดคมมีดเตรียมปาดแต่ตงรีบร้องขอชีวิต
“เดี๋ยวๆ ฟังฉันก่อนนะกิ่งเหมย ถ้าเธอฆ่าฉัน เธอจะไม่มีวันได้เจอกับอาม่าของเธออีก”
กิ่งเหมยชะงัก
“หมายความว่ายังไง”

ตงยิ้มร้าย

“อาม่าเธอถูกฉันจับตัวเอาไว้แล้วไง”

“ไม่จริง แกโกหก”
“ไม่เชื่อเหรอ...หึ...ไอ้เก่ง”
“ครับเสี่ย”
เก่งเอาโทรศัพท์ออกมากดเบอร์โทรออก รอสายอยู่ครู่
“ให้อีแก่นั่นมาพูดสาย บอกมันว่าหลานสาวของมันอยากคุยด้วย”
รออยู่ครู่เก่งก็กดสปีกเกอร์โฟนให้กิ่งเหมยได้ยินชัดๆ เสียงอาม่าดังมา
“อา...อาเหมย...นั่น...นั่นลื้อจริงๆเหรอ”
กิ่งเหมยตกใจ
“อาม่า!”
อาม่าที่ถูกจับมัดร้องตะโกนใส่โทรศัพท์หลังจากได้ยินเสียงหลานสาว
“ลื้ออยู่กับพวกมันเหรออาเหมย...ปล่อยหลานอั้วไปนะ อย่าทำอะไรอาเหมยของอั้ว จะให้อั้วทำอะไรอั้วยอมแล้ว...ปล่อยอาเหมยของอั้วไปเถอะ...อั้วขอร้อง...อาเหมย”
ลูกน้องตงให้อาม่าพร่ำจนพอแล้วก็ปิดโทรศัพท์ทันที กิ่งเหมยเป็นห่วงอาม่ามาก
“อาม่า...อาม่า! ปล่อยอาม่าไป...แกต้องปล่อยอาม่าไปเดี๋ยวนี้”
“อยากให้ฉันปล่อยอาม่าของเธอไป ก็ปล่อยฉันก่อนสิ”
กิ่งเหมยเครียด
“ไม่ ! แกต้องโทรไปบอกให้คนของแกปล่อยอาม่าเดี๋ยวนี้...โทรสิ!”
“ก็ได้! ไอ้เก่ง”
เก่งรับคำแล้วทำทีเป็นกดโทรศัพท์ให้กิ่งเหมยเห็น จังหวะนั้นเอง ตงอาศัยว่ากิ่งเหมยกำลังสนใจเรื่อง โทรศัพท์กระแทกศอกใส่ทำให้กิ่งเหมยผงะแล้วตบหน้าผั๊วะ กิ่งเหมยเซล้มคัทเตอร์กระเด็นไปคนละทิศ เธอพยายามคลานเอามือแตะๆๆๆไปทั่วเพื่อหาคาเตอร์
“เสี่ย...ดูท่าทางมันสิครับ”
ตงมองอย่างสงสัยก่อนจะเข้าใจ
“นี่ตาของแกมองไม่เห็นงั้นเหรอนังกิ่งเหมย”
กิ่งเหมยตกใจรีบลุกขึ้นจะวิ่งหนีแต่เพราะมองไม่เห็นเลยสะดุดล้ม ตงเลยแน่ใจหัวเราะดังลั่น
“ฮ่าๆ เลือดนังบอดแม่แกมันข้นจริงๆ เอาเลยฉันจะให้แกหนี...ไปสิ...หนีไปเลย ถ้าหนี รอดนะฮ่าๆ”
กิ่งเหมยเจ็บใจพยายามจะคลานหนี เก่งเลยเข้าไปจิกผมให้ลุกขึ้น
“ปล่อย...ปล่อยฉัน”
ตงเข้ามาจ้องหน้า
“ชู่ว์...ไม่ต้องร้องเสียงดังไปหรอกนังกิ่งเหมย เดี๋ยวฉันจะพาไปหาอาม่าแกเอง จะให้พวก แกได้รวมญาติกันก่อนวันเชงเม้ง แต่ไปเจอกันในนรกเลยนะ...ฮ่าๆ”
ตงหัวเราะสะใจแล้วชกเข้าที่ท้องน้อยกิ่งเหมยทีเดียวจุกสลบเหมือด

หยกเข้ามาพยายามมองหากิ่งเหมยกับตง
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย”
หยกมองดูรอบๆแต่ไม่มีวี่แววจนเริ่มกังวลมากก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นคัทเตอร์ตกอยู่ หยกหยิบขึ้นมาดูใจ คอไม่ดีคิดว่าต้องเกิดเรื่องกับกิ่งเหมยแน่ๆ แต่พอจะตามออกไปกลับเจอกิจชัยถือปืนเข้ามาจ่อหน้าขวางทาง
“จะรีบไปไหนวะไอ้หยก”
“ไอ้กิจชัย...ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่ายุ่งกับกิ่งเหมยอีก”
“เฮ้ยๆๆ...ฉันไม่ได้ยุ่งกับเด็กแกเลยนะเว้ย เด็กแกต่างหากที่หาเรื่องใส่ตัวเอง”
“ฉันไม่อยากอยู่เสียเวลากับแก...หลบไป”
“ไม่ได้ว่ะไอ้หยก ฉันไม่รู้ว่านังกิ่งเหมยมันไปรู้เรื่องอะไรมา แต่ท่าทางหลังจากที่เสี่ยรู้ เสี่ยคงไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่ เพราะฉะนั้นแกอย่าไปขวางทางเสี่ยดีกว่า”
“ฉันบอกให้หลบไป”
“เสี่ยเป็นนายของพวกเรา ถ้าแกคิดจะไปขวางเสี่ย แก็ต้องเจอกับพวกฉันก่อน”
กิจชัยพูดไปแล้วยิ้มร้าย พวกลูกน้องบ่อนของตงสองสามคนก้าวเข้ามายืนเป็นแผงอยู่ข้างหลัง หยกชะงัก กิจชัยยิ้มเยาะ
“คิดดดูดีๆนะไอ้หยก...คราวนี้คนที่เล่นงานนังกิ่งเหมยไม่ใช่ฉัน ถ้าแกฉลาด แกคงไม่หา เรื่องตาย”
“จะหน้าไหนก็มาแตะต้องกิ่งเหมยของฉันไม่ได้”
หยกไม่หวั่นเกรงตั้งท่าเชิงมวยพร้อม
“ได้...อยากให้จัดหนักให้ใช่มั้ย...เฮ้ย...สั่งสอนมัน”
กิจชัยสั่งเสียงดังพวกลูกน้องแห่เข้าไปเล่นงาน หยกงัดเชิงมวยออกมาสู้เต็มที่ไม่มียั้งมือ

ผู้การสมิงกับหมวดณรงค์กำลังรออย่างกังวลอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ระหว่างนั้นธงรบรีบตามเข้ามา
“คนของผมเป็นยังไงบ้างครับอา”
“หมอกำลังพยายามช่วยจ่าอยู่ ส่วนหมู่ที่โดนจับไปด้วย...เขาตายแล้ว”
ธงรบตกใจ
“ตายยังไงครับอา”
“ถูกพวกมันยิงทิ้ง”
ธงรบเริ่มโกรธ
“พวกมันรู้ใช่มั้ยครับว่าคนที่พวกมันฆ่าเป็นตำรวจ”
ผู้การสมิงพยักหน้ารับ
“อาพยายามไปให้ถึงให้เร็วที่สุดแล้วแต่ก็ไม่ทัน ตอนนี้คงต้องรอให้จ่ารอด จะได้เป็นพยานปากสำคัญไว้ให้การเล่นงานพวกมันให้ดิ้นไม่หลุด”
ระหว่างนั้นหมอออกมาจากห้องผ่าตัดพอดี ณรงค์รีบเข้าไปถามทันที
“เป็นยังไงบ้างครับหมอ”

“หมอเสียใจด้วยนะครับ หมอช่วยจ่าเขาไว้ไม่ได้จริงๆ”

หยกเลือดมังกร ตอนที่ 11 (จบตอน)
ทุกคนพากันหน้าเสียโดยเฉพาะธงรบที่แสดงอาการกราดเกรี้ยวออกมา ตำรวจที่มากับ ธงรบก็แสดงอาการเดียวกัน

“ไอ้เสี่ยตง! มึงตาย”
ธงรบหุนหันออกไปพร้อมกับตำรวจที่มาด้วยกัน ผู้กาสมิงมองอย่างเป็นห่วง

ธงรบหน้าตึงโกรธจัดเดินดิ่งจะไปเอาเรื่องสุดฤทธิ์ ตำรวจที่มาด้วยตามธงรบไป
“หมวดครับ...ถ้าหมวดจะไปลุยกับไอ้พวกมาเฟียสารเลวพวกนั้น พวกผมไปด้วย”
“ผมให้พวกคุณไปกับผมไม่ได้ ผมขอเสี่ยงกับอาชีพผมแค่คนเดียวก็พอ”
“ไม่ครับ...ผมจะไม่ยอมให้พวกมันดูถูกศักดิ์ศรีของตำรวจเด็ดขาด”
ตำรวจสองคนหน้าตาเอาจริงพร้อมลุย ธงรบเห็นความมุ่งมั่นของลูกน้องแล้วจะตัดสินใจยอมให้ไปด้วยแต่ผู้การสมิงกับ ณรงค์เข้ามาขัด
“แกไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ฉันสั่งแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้แกยุ่งกับเรื่องนี้อีก”
“อาจะไม่ให้ผมยุ่งได้ยังไง ลูกน้องผมสองคนถูกไอ้สารเลวพวกนั้นฆ่าตายนะครับ”
ผู้การสมิงกระชากคอเสื้อ
“พวกเขาไม่ควรจะต้องมาตายแบบนี้ ถ้าแกไม่เป็นคนพาเขาไปตาย”
ธงรบอึ้ง
“อา!”
ผู้การสมิงไม่พอใจหลานชายลากคอเสื้อดึงออกไปด้วยกัน ตำรวจที่มาด้วยจะตามไป แต่ณรงค์ขวางเอาไว้
“พวกคุณกลับไปทำงานของคุณเถอะ เรื่องนี้ผู้การจะจัดการเอง”

ผู้การสมิงกระชากคอเสื้อธงรบเข้ามากระแทกกับผนังที่มุมปลอดคน บริเวณโรงพยาบาล
“แกต้องฟังฉันแล้วรู้จักสงบสติอารมณ์บ้าง ไม่อย่างนั้นแกจะพาลูกน้องแกไปตายอีก”
“ถ้างั้นผมจะไม่พาใครไปกับผม แต่ผมจะไปลุยกับมันเอง อาห้ามผมไม่ได้หรอก”
ธงรบพยายามแกะมือสมิงแต่กลับถูกสมิงชกเปรี้ยงเข้าที่หน้าแรงๆ จนเลือดกลบปาก
“ถ้าแกไม่ฟังฉัน แกก็เตรียมตัวรอรับคำสั่งพักราชการได้เลย”
“อา! แทนที่อาจะจะใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือไปเล่นงานไอ้พวกมาเฟียสารเลวพวกนั้น แต่อากลับใช้มันทำลายอาชีพผมเนี่ยนะ อาทำให้ผมหมดศรัทธา”
“ฉันไม่ได้อยากทำลายอาชีพแก แต่ถ้าฉันไม่จัดการให้แกเลิกขวางทางฉัน แล้วฉันจะ กวาดล้างมาเฟียพวกนั้นไปได้ยังไง”
“ผมถามจริงๆเถอะครับ อาเสียเวลากับพวกมันมากี่ปีแล้ว ตำรวจดีๆต้องตายเพราะ ฝีมือพวกมันไปกี่คนแล้ว จะต้องมีอีกกี่ศพอาถึงจะกวาดล้างพวกมันได้อย่างที่คุย”
ผู้การสมิงนิ่งไป
“มันต้องใช้เวลา”
“ไม่มีเวลาแล้วครับอา...พวกมันฆ่าตำรวจตายได้ พวกมันก็ได้ใจ คิดว่าตำรวจไร้ฝีมือ สำหรับไอ้พวกหมาลอบกัด ดีแต่แอบซุ่มกัดในที่ลับแบบนั้น ลองให้ประกาศเคอร์ฟิว แล้วออกมาวัดกันตัวต่อตัวสิ ผมจะถล่มพวกมันไม่ให้เหลือเลย”
ผู้การสมิงโมโห
“ไอ้ธงรบ!”
ธงรบเช็ดเลือดที่ริมฝีปากมองหน้าผู้การสมิงอย่างเขม็งก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่สนใจคำเตือน ผู้การสมิงมองตาม หลานชายอย่างหนักใจ

ธงรบเดินหน้าตาเอาจริงกลับมาที่รถจัดการเปิดฝากระโปรงหลังหยิบปืนลูกซอง ปืนสั้น และเครื่องกระสุน มากกมายมาหน้าตาเอาจริง
“แกกับฉันได้เห็นดีกันแน่ไอ้พวกมาเฟีย”
ธงรบกำลังจะปิดกระโปรงท้ายแต่ระหว่างนั้นผู้การสมิงกับณรงค์เข้ามาเอาปืนจ่อหลัง
“ยกมือขึ้น”
“อา!”
“ฉันสั่งให้ยกมือขึ้น!”
ธงรบเจ็บใจยอมยกมือเอามือประสานที่ท้ายทอย ผู้การสมิงพยักหน้าให้ณรงค์เข้าไปจับธงรบใส่กุญแจมือ
“อาจับผมไปคราวนี้ก็หยุดผมไม่ได้หรอก”
“ฉันรู้คนอย่างแกถ้าไม่ถอดเขี้ยวเล็บ แกก็ยังบ้าไล่กัดไปทั่วไม่หยุดสักที”
ณรงค์มองหน้าธงรบ
“ผู้การยอมให้หมวดมาตลอด แต่คราวนี้ผมเสียใจด้วยจริงๆ อาชีพตำรวจของหมวด จบลงแล้ว”
ธงรบอึ้ง
“หมายความว่ายังไง...อาทำไม่ได้นะครับ อาไม่มีสิทธิ์”
“ฉันเป็นคนพาแกเข้ามาเป็นตำรวจได้ แล้วทำไมฉันจะทำให้แกเลิกเป็นตำรวจไม่ได้”
ผู้การสมิงจับแขนธงรบที่ถูกใส่กุญแจมือแล้วพาตัวออกไปด้วยกัน
“ปล่อยผมนะครับอา...ปล่อยผม...อาทำกับผมแบบนี้ไม่ได้!”

ลูกน้องในบ่อนของตงนอนร้องโอดโอยครวญคราง ปากแตกหน้ายับเพราะฝีมือหยก กิจชัยถูกหยกจระเข้ฟาดหางกระเด็นตัวลอยก่อนจะตกลงมากระแทกพื้น มันพยายามยันตัวลุกขึ้นตั้งท่าจะสู้อีกยืนโงนเงน
“เข้ามาเลย...แค่...แค่นี้...จิ๊บๆ เว้ย”
หยกตั้งท่าเชิงมวยจะซัดอีกสักหมัดแต่หมัดยังไม่ถึงตัวกิจชัยก็ร่วงผล่อยหมดแรงไม่ไหวแล้ว หยกเข้าไปกระชากคอเสื้อมันขึ้นมา
“เสี่ยพากิ่งเหมยไปไหน”
“ถึงแกรู้ แกก็หยุดเสี่ยไม่ได้หรอก นังกิ่งเหมยมันรนหาที่ทำให้เสี่ยโกรธขนาดนั้น หึๆ”
หยกเจ็บใจทิ่มหมัดเข้าหน้าทีเดียวกิจชัยสลบเหมือด หยกหันมาหน้าเคร่งเครียดครุ่นคิดหาทางช่วยกิ่งเหมย
อาม่าถูกคุมตัวเอาไว้โดยลูกน้องของยตง อาม่าเป็นห่วงกิ่งเหมยไม่ว่าจะโดนทำร้ายอะไรเลยหาทาง เอาตัวรอด เห็นพวกมันกำลังเล่นไพ่กันอยู่เลยคิดอุบาย
“นี่...พวกลื้อมาปลดเชือกให้อั้วก่อนได้มั้ย”
“อยู่เฉยๆดีกว่าน่าอีแก่ อย่าทำตัวมีปัญหา”
“แต่อั้วแน่นหน้าอก...อั้วหายใจไม่ออก”

“คิดว่าจะเชื่อเหรอ ลูกไม้ตื้นๆ”

พวกลูกน้องไม่สนใจหันไปเล่นไพ่กันต่อ อาม่าแกล้งทำเป็นหายใจติดขัด ตัวเกร็งชักกระตุกก่อนจะแน่นิ่งไป ลูกน้องตกใจ

“เฮ้ย...ดูนั่น...มันนิ่งไปแล้วว่ะ”
“มันก็แกล้งไปงั้นแหละ ข้ามือกำลังขึ้นอยู่นะเว้ย”
ลูกน้องสนใจลุ้นไพ่ในมือต่อ แต่ลูกน้องอีกคนชักไม่แน่ใจ
“แต่มันแก่แล้วนะเว้ย เสี่ยสั่งให้ดูมันให้ดีเพราะเสี่ยจะกลับมาจัดการกับมันเอง ขืนปล่อย ให้ตายก่อน เสี่ยกระทืบเราแน่”
ว่าแล้วพวกมันก็พากันเดินเข้าไปดูอาม่า พยายามเขย่าตัวเรียกอาม่าก็ไม่รู้สึกตัว พวกมันกลัวอาม่าจะตายเลยรีบ ช่วยกันแก้เชือก อาม่าได้โอกาสที่พวกมันเผลอเลยแย่งปืนจากเอวมันมาคนหนึ่งแล้วจ่อทันที
“อยู่เฉยๆนะ ไอ้พวกสันดานหมา”
“อีแก่...เล่ห์เหลี่ยมนักนะ เอาปืนมา อย่างแกยิงปืนไม่เป็นหรอก”
“อย่ามาดูถูกอั้ว...อั้วไม่ได้ชอบดูงิ้วอย่างเดียว อั้วชอบดูโจเหวินฟะด้วยนะเว้ย”
อาม่านิ้วแตะไกแล้วหลับหูหลับตาลั่นไก...เปรี้ยงๆ กดไปหลายนัดลูกปืนโดนลูกน้องคนหนึ่งเข้าหัวไหล่เข้าขาล้มลง พวกมันอีกคนรีบกระโจนหลบ อาม่าตกใจโยนปืนทิ้งแล้วรีบวิ่งหนีทันที

อาม่ารีบวิ่งหนีแล้วมาหลบที่หลังเสา ลูกน้องตงที่ไม่ได้ถูกยิงรีบตามเข้ามา อาม่าคว้าท่อเหล็กไว้ ในมือเตรียมพร้อม พอมันโผล่เข้ามาใกล้อาม่าก็โผล่มาฟาดมือมันจนปืนหลุด แล้วทุบตีมันไม่ยั้งจนมันสลบ อาม่าโยนท่อเหล็กทิ้งแล้วถอนหายใจเหนื่อยหอบแทบจะหมดแรง
“ทีหน้าทีหลังอย่ามาดูถูกคนแก่ๆอย่างอั้ว...อั้วไม่ใช่พวกแก่แล้วแก่เลยนะเว้ย...อาเหมย อาม่าจะไม่ยอมให้พวกมันทำอะไรลื้อเด็ดขาด”
อาม่าจะรีบออกไปแต่ต้องชะงักเมื่อเจอเก่งเข้ามายืนขวาง
“ฤทธิ์เยอะนักนะอีแก่”
อาม่าตกใจรีบถอยหลังจะหนีต่อ แต่ต้องชะงักหนักกว่าเดิมเพราะเจอตงที่ลากตัวกิ่งเหมยมาด้วย
“คิดจะหนีแล้วทิ้งหลานสาวเอาไว้แบบนี้ จะไม่ใจจืดใจดำไปหน่อยเหรออีแก่”
“อาเหมย”
กิ่งเหมยตกใจ
“อาม่า...เสี่ย...ปล่อยอาม่าไปเถอะ ฉันยอมแล้ว จะทำอะไรฉันก็ได้ แต่ปล่อยอาม่าไป เถอะ ฉันขอร้อง”
“ไม่นะ...ลื้อต้องปล่อยอาเหมยไป...อาเหมยไม่รู้เรื่องด้วย ถ้าลื้ออยากแก้แค้นอั้ว ลื้อก็ลง ที่อั้วคนเดียวเถอะ อย่าทำอะไรอาเหมยเลย”
ตงยิ้มหยัน
“รักกันเหลือเกินนะ อาม่ากับหลานสาว นี่ถ้าเป็นงิ้วคงน้ำหูน้ำตาไหลพราก แต่นี่ มันมันชีวิตจริงเว้ย จะไม่มีใครรอดจากที่นี่แม้แต่คนเดียว”
ตงข่มขู่จิกผมกิ่งเหมยแรงๆทำให้ร้องเจ็บจนอาม่าตกใจเป็นห่วงมาก
“อาเหมย!”
“อย่าเพิ่งรีบร้องไห้ไปเลยอีแก่...ตอนฉันฆ่าลูกสาวแก แกไม่มีโอกาสได้ร่ำลากัน คราวนี้ฉันจะใจดีให้แกกับหลานได้คร่ำครวญกันก่อนที่ฉันจะ เผาส่งพวกแกให้ไปเป็น คนรับใช้เมียฉันในปรโลก ฮ่าๆ”

ดุจแพรจามเพราะฝุ่นที่เกิดจากการปัดกวาดทำความสะอาดที่พักของหยกขนานใหญ่ สองมือถือทั้งไม้ ปัดฝุ่นและไม้กวาด
“อื้อฮือออ...อยู่เข้าไปได้ยังไงเนี่ย ทั้งฝุ่น ทั้งหยักไย่ ขี้จิ้งจกก็เยอะแยะ ต้องทำความสะอาดขนานใหญ่แล้ว”
ดุจแพรกวาดตามองไปรอบๆ เห็นกองหนังสือเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ที่ตั้งเรียงอย่างระเกะระกะก็ใช้มือกวาดลงถัง ขยะหมดเกลี้ยง หันไปเห็นกองเสื้อผ้าที่หยกถอดทิ้งไว้ก็หยิบขึ้นมาแล้วเหม็นฉุน
“อี๋...ไม่ได้ซักมาเป็นชาติแน่ๆเลย...โสโครก”
ดุจแพรขยะแขยงจัดการโยนลงถังขยะเหมือนกัน

อาม่าถูกผลักเข้ามาที่อีกมุมหนึ่งของโกดังร้าง
“หลานอั้วอยู่ไหน...พวกลื้ออย่าทำอะไรหลานอั้วเลยนะ อั้วขอร้องล่ะ อยากได้อะไรบอก อั้ว อั้วจะหามาให้พวกลื้อหมดเลย”
อาม่าพยายามจะอ้อนวอนขอร้องจากเก่ง แต่มันกลับยิ้มร้ายกวนๆ
“อย่างแกเนี่ยนะอีแก่...แค่จะหายใจต่อไปยังลำบากเลย ฮ่าๆๆ”
เก่งผลักไสอาม่าไปไกลๆจนล้มลงไปกับพื้น ระหว่างนั้นตงจับแขนพาตัวกิ่งเหมยเข้ามา
“ปล่อยนะ...ปล่อย!”
“ถ้าไม่หยุดแหกปากโวยวาย ฉันจะส่งเธอให้พวกลูกน้องฉันไปจัดการ”
อาม่าหน้าตื่น
“อย่านะ...ลื้อทำกับอาเหมยแบบนั้นไม่ได้นะ”
ตงหัวเราะร่า
“ฮ่าๆๆ…สิบกว่าปีที่ฉันตามล่าแกมาตลอด รู้มั้ยว่าสิ่งที่ฉันอยากเห็นก่อนแกตายต่อหน้า มากที่สุดคืออะไร ฉันอยากดูแกเจ็บปวดทรมานเหมือนกับที่เมียฉันต้องโดนก่อนตายไง”
ตงพยักหน้าให้เก่งเข้าไปจับอาม่าพยุงขึ้นแล้วจับตัวไว้
“ถ่างตาดูหลานสาวแกให้ดีนะอีแก่”
“แกจะทำอะไรอาเหมย!”
เก่งสั่งเสียงเข้ม
“อยู่เฉยๆ”
เก่งจับตัวอาม่าไว้แน่นไม่ให้ขยับ ตงยิ้มร้ายแล้วผลักกิ่งเหมยให้ล้มลงบนพื้น พวกลูกน้องคนอื่นๆรู้อยู่แล้ว ว่าต้องทำอะไร พวกมันเอาขวดเบียร์หลายขวดโยนลงพื้นให้แตกกระจาย…เพล้ง ๆๆๆ เศษแก้วจากขวดเบียร์เกลื่อนพื้นเต็มไปหมด จากนั้นพวกมันก็เข้ามาที่กิ่งเหมยแล้วช่วยกันจับกิ่งเหมยมาถอด รองเท้าให้เหลือแต่เท้าเปล่า ตงหันมาสั่งเสียงเข้ม

“ไปสินังกิ่งเหมย...เดินไปหาอาม่าแก”

กิ่งเหมยร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนา อาม่าเห็นแล้วก็อดสงสัยไม่ได้เพราะยังไม่รู้เรื่องตาของกิ่งเหมย

“นี่...นี่ลื้อเล่นบ้าๆอะไรของลื้อ จะทำอะไรอาเหมย”
“อ๋อ...นี่แสดงว่าแกยังไม่ได้บอกอาม่าน่ะสินังกิ่งเหมย ฮ่าๆ สะใจเป็นบ้าเลยว่ะ ดี...อาม่าแกจะได้เจ็บปวดทรมานเวลาที่เห็นหลานมันเจ็บแต่ช่วยไม่ได้”
ตงดึงกิ่งเหมยขึ้นมาแล้วผลักให้เดิน
“ไปสินังกิ่งเหมย...เดินไปหาอาม่าแก ฉันอุตส่าห์ใจดีให้แกได้กอดกันเป็นครั้งสุดท้าย เพราะฉะนั้นอย่าทิ้งโอกาสดีๆแบบนี้ไป...ไปสิ!”
กิ่งเหมยน้ำตาอาบแก้ม ค่อยๆเดินเท้าเปล่าฝ่าดงเศษแก้วที่บาดเท้าเธออย่างจำยอมเพราะสายตาที่มองไม่เห็น อาม่าแทบช็อค
“อา...อาเหมย...นี่...นี่ตาลื้อ...ตาลื้อมองไม่เห็นเหรออาเหมย”
“อาม่า...ฮือๆ”
กิ่งเหมยล้มลง เศษแก้วบาดเท้าบาดมือเลือดโชกเป็นภาพที่น่าเวทนาสุดๆ แต่ตงกลับหัวเราะชอบใจสะใจ

ดุจแพรตากเสื้อผ้าของหยกที่เอาไปซักมา สะบัดผ้าแล้วดมกลิ่น
“หมดน้ำยาปรับผ้านุ่มไปเป็นขวด กลิ่นแบบนี้ค่อยหอมชื่นใจหน่อย”
ระหว่างที่เธอกำลังชื่นชมผลงานตัวเอง หยกก็เข้ามาเสียงขึงขังหน้าตึงใส่
“คุณหนู!”
“นายหยก กลับมาแล้วเหรอ เป็นไง เห็นแล้วอึ้งไปเลยเหรอ...ฉันต้องเอาเสื้อผ้าของนาย ออกมาซักใหม่หมดเพราะเสื้อผ้าของนายน่ะเหม็นอับ ราก็ขึ้น ฉันไม่รู้ว่านายอยู่ได้ยังไง โสโครกมากๆ”
หยกไม่ยอมตอบ จ้องหน้าดุจแพรเขม็งแล้วเดินเข้าหาเหมือนจะเอาเรื่อง ดุจแพรตกใจถอยไปพูดไป
“นี่...อย่ามองหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อฉันสิ ฉันหวังดีนะ บ้านนายสกปรกอย่างกับ รังหนู ฉันต้องล้างทำความสะอาดใหม่หมด นายจะได้อยู่ในที่สะอาดๆบ้างไง”
ดุจแพรกลัวหยกจะเอาเรื่องเลยถอยไปจนล้มก้นจ้ำเบ้า หยกรีบเข้าไปจับมือเธอกระชากตัวขึ้นมา
“โอ๊ยฉันเจ็บนะ...นี่นายเป็นบ้าอะไรเนี่ย”
“คุณต้องโทรไปหาพ่อคุณเดี๋ยวนี้ แล้วบอกเขาว่าคุณกำลังตกอยู่ในอันตราย ต้องการ ความช่วยเหลือด่วน”
“ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้นด้วย”
“ไม่ต้องถาม...ทำตามที่ผมสั่ง!”
ดุจแพรนิ่งไปมองหน้าหยกที่หน้าตาจริงจังมาก
“ไม่ ! ฉันจะไม่คุยกับป๋า ต่อให้นายบังคับยังไงฉันก็ไม่คุย”
ดุจแพรแกะมือเขาแล้วรีบเดินหนี หยกหงุดหงิด

อาม่าเห็นกิ่งเหมยเลือดเต็มเท้าและมือก็ร้องไห้สงสารหลาน
“อาเหมย...ไม่จริงใช่มั้ย บอกอาม่ามาสิว่าลื้อไม่ได้เป็นเหมือนแม่ลื้อ”
“อาม่า...เหมย...เหมยมองไม่เห็นแล้ว...ฮือๆๆ”
“อาเหมย!”
“สมน้ำหน้าแกแล้ว นี่แหละผลจากการที่แกทำให้เมียฉันตายอย่างทรมาน”
ตงสมเพชใส่แล้วพยักหน้าให้ลูกน้องเข้าไปพยุงกิ่งเหมยออกจากกองเศษแก้ว พาไปให้อาม่าใกล้ๆ อาม่ารีบ กอดหลานสาวอย่างเป็นห่วงทันที
“อาเหมย...ตาลื้อเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกอาม่า”
“เหมยขอโทษค่ะอาม่า เหมยอยากจะแก้แค้นให้แม่ให้อากง อาม่าจะได้ไม่ต้องหนีอีก”
“แต่ลื้อควรจะห่วงตัวเอง ไม่ใช่มาห่วงอาม่า”
“อีกหน่อยเหมยก็ต้องเป็นคนพิการ อยู่ไปก็มีแต่จะทำให้อาม่าต้องเหนื่อย ต้องเดือดร้อน เหมยไม่อยากเป็นภาระให้อาม่าอีก”
“อาเหมย...ลื้อไม่น่าทำแบบนี้เลย...ฮือๆๆๆ”
อาม่ากอดหลานสาวแล้วร้องห่มร้องไห้กันสองคน
“เศร้าโศกเสียใจกันพอได้แล้ว ถึงเวลาที่พวกแกจะต้องชดใช้ที่ทำไว้กับเมียฉัน”
ตงสั่งให้ลูกน้องเข้าไปแยกอาม่ากับกิ่งเหมยออกจากกัน แต่อาม่ากอดหลานสาวเอาไว้แน่น
“ไม่...อั้วไม่ขอให้พวกลื้อทำอะไรอาเหมย...ถ้าอยากแก้แค้นก็ฆ่าอั้วคนเดียว อย่าฆ่า อาเหมย”
“แกนี่มันหัวแข็งน่ารำคาญชะมัด หลานสาวแกก็พูดอยู่เมื่อกี้ว่าอยู่ไปมันก็เป็นได้แค่คน พิการ สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น แกต้องขอบคุณฉันต่างหากที่ช่วยเป็นธุระสนอง ความต้องการของหลานแก”
พวกลูกน้องกระชากตัวอาม่าออกจากกิ่งเหมย แล้วเก่งก็เข้าไปเอาปืนจ่อที่กิ่งเหมยพร้อมรอคำสั่งจากเสี่ย อาม่าหน้าตื่นตกใจ
“อาเหมย...อาเหมย!”
“ไม่ต้องกลัวหรอกอีแก่...อีกอึดใจเดียวแกก็จะได้ตายตามไปดูแลหลานแกในปรโลกแล้ว”
ตงหัวเราะชั่วร้าย เก่งรอแค่คำสั่งฆ่าจากเจ้านาย

หยกตามมาฉุดแขนกระชากตัวดุจแพรอย่างแรง
“คุณต้องทำตามที่ผมสั่งเดี๋ยวนี้ โทรไปหาพ่อคุณ...โทรสิ!”
“ไม่! ฉันไม่อยากได้ยินเสียงเขา ไม่อยากขอความช่วยเหลืออะไรจากเขาอีก”
“แต่คุณต้องทำ”
ดุจแพรผลักหยกออกไปแรงๆ
“ไม่...ต่อให้นายอ้างเหตุผลอะไรมาขอร้องฉันก็จะไม่ยุ่งกับเขาอีก”
“โธ่เว้ย! ผมไม่มีเวลามาเถียงกับคุณแล้วนะ”
หยกตัดสินใจจับไหล่ดุจแพรมาบีบแล้วผลักไปกระแทกกับผนังยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆจ้องเขม็งเอาเรื่อง ดุจแพรตกใจ

“จะทำอะไรฉัน ปล่อยนะ...ฉันเจ็บ”

“หุบปาก ! เลิกทำตัวเอาแต่ใจตัวเองซะทีได้มั้ย ถ้าคุณไม่ทำตามที่ผมสั่งจะต้องมีคน ตายเพราะฝีมือพ่อคุณและคุณจะต้องมีส่วนรับผิดชอบ”

ดุจแพรอึ้ง
“หมายความว่ายังไง...พ่อฉันกำลังจะฆ่าใคร”
หยกตัดสินใจบอก
“กิ่งเหมย”
ดุจแพรตกใจหน้าเสีย

ตงนิ้วแตะไกปืนพร้อมจะยิงกิ่งเหมยทิ้งอย่างโหดเหี้ยม อาม่าร้องไห้อ้อนวอนยื้อสุดฤทธิ์
“อั้วขอร้อง...อย่าฆ่าอาเหมยเลย ถ้าลื้ออยากแก้แค้นก็ฆ่าอั้ว”
“อาม่า...ฮือๆๆๆ”
“เฮ้ย...รำคาญเสียงมันชะมัด...หาอะไรอุดปากมันซะ”
เก่งจะเอามือปิดปากไม่ให้อาม่าส่งเสียง แต่เจออาม่างับมือจนมันต้องลงมือตบสั่งสอน...ผั๊วะ! อาม่าหน้าหัน เลือดกลบปาก เก่งหงุดหงิดจิกหัวอาม่าขึ้นมา
“นังแก่นี่ฤทธิ์มันเยอะนัก ผมว่าฆ่ามันก่อนดีกว่าครับเสี่ย”
“ยังไงมันก็ต้องตาย แต่มันต้องเจ็บปวดเหมือนกับที่ฉันเห็นเมียฉันตายต่อหน้าต่อตา”
อาม่าไม่ยอมให้ตงฆ่ากิ่งเหมย พยายามกระเสือกกระสนเข้าไปเกาะขอร้อง
“ไม่นะ...อั้วขอร้อง ลื้อจะฆ่าอาเหมยไม่ได้เด็ดขาด...ลื้อทำไม่ได้นะอาเสี่ย”
“หลบไป...ต่อให้แกก้มกราบเท้าฉัน แกก็ช่วยหลานแกไม่ได้หรอก”
“ไม่ได้!...ลื้อจะฆ่าอาเหมยไม่ได้จริงๆ เชื่ออั้วเถอะ...ลื้อฆ่าอาเหมยไม่ได้เด็ดขาด”
ตงไม่สนใจ
“ไอ้เก่ง...เอามันไป”
เก่งมาลากตัวอาม่าจากขาตง อาม่าเลยตัดสินใจตะโกนบอกเสียงดังก่อนที่ตงจะเหนี่ยวไกใส่กิ่งเหมย
“ลื้อฆ่าอาเหมยไม่ได้!...เพราะอาเหมยเป็นลูกสาวลื้อ”
นิ้วของตงที่กำลังเหนี่ยวไกถึงกับชะงักหยุด แล้วหันไปมองอาม่าอย่างสงสัย
“แกว่ายังไงนะ...นังกิ่งเหมยเนี่ยน่ะเหรอ ลูกสาวฉัน”
“ใช่…กิ่งเหมยเป็นลูกสาวลื้อกับอาหงส์ ไว้ชีวิตลูกสาวลื้อถือว่าทำบุญให้อาหงส์เถอะ อาเสี่ย อย่าทำบาปทำกรรมอีกเลยนะอั้วขอร้อง”
ตงหันไปมองกิ่งเหมยด้วยสายตาสงสัย
“ฉันไม่เชื่อ...แกโกหก”
“อั้วไม่ได้โกหกนะอาเสี่ย…อาหงส์ตั้งท้องกับลื้ออั้วเลยต้องพาหนีเพราะถ้าเมียลื้อรู้เรื่อง อาเหมยก็คงจะไม่รอด...อาเหมยเป็นลูกสาวลื้อจริงๆ”
ตงยังไม่ค่อยปักใจเชื่อนักเลยยังนิ่งคิดสงสัย ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของตงดังขึ้น

ดุจแพรเสียงแข็งใส่โทรศัพท์
“ป๋า...ป๋าห้ามทำอะไรกิ่งเหมยเด็ดขาดนะ”
ตงชะงักสงสัยแต่ทำปฏิเสธ
“แพร...นี่ลูกพูดเรื่องอะไร”
“ป๋าไม่ต้องมาโกหก แพรรู้ว่ากิ่งเหมยอยู่กับป๋าตอนนี้ เขาเป็นเพื่อนของแพรนะ”
“ป๋าว่าแพรอย่ามายุ่งกับเรื่องนี้กว่า”
“ป๋า ถ้าป๋าทำอะไรกิ่งเหมยแม้แต่นิดเดียวล่ะก็ แพรจะฆ่าตัวตาย”
ตงชะงัก
“ยัยแพร!”
“ป๋าอย่าคิดว่าแพรไม่กล้านะ แพรยอมตายซะดีกว่าต้องทนมีชีวิตอยู่กับการถูกตราหน้า ว่าเป็นสายเลือดของคนเลว ฆ่าได้แม้กระทั่งผู้หญิงไม่มีทางสู้”
ตงกำโทรศัพท์แน่นเจ็บใจก่อนจะกดตัดสายทิ้ง
“ป๋า...ป๋า!”
หยกถามอย่างร้อนใจ
“ว่ายังไงคุณหนู...เสี่ยยอมปล่อยกิ่งเหมยรึเปล่า”
ดุจแพรได้แต่นิ่งมองหยกเพราะไม่รู้คำตอบจากพ่อ

ตงเดินหน้าตาเอาเรื่องเข้ามาที่อาม่า จ้องเขม็งคิดว่าจะเอายังไงดี
“ลื้ออย่าทำบาปทำกรรมต่อไปอีกเลยนะอาเสี่ย เวทนาสงสารมันเถอะ พ่อแท้ๆของมัน ฆ่าแม่มันกับมือ แล้วยังจะฆ่ามันอีกคน...อั้วขอร้อง...สงสารลูกลื้อเถอะอาเสี่ย”
“แกรู้ใช่มั้ยว่าเดี๋ยวนี้ตรวจดีเอ็นเอแป๊บเดียวก็บอกได้แล้วว่าแกโกหกฉันเพื่อเอาตัว รอดรึเปล่า”
“อั้วรู้...แต่ที่อั้วบอกความจริงลื้อ อั้วไม่ได้ต้องการอะไรจากลื้อเลย แค่อยากให้ลื้อเมตตา สายเลือดของลื้อ วิญญาณของอาหงส์จะได้หมดห่วง ส่วนเรื่องความแค้นที่อั้วทำให้ เมียลื้อตาย อั้วยอมให้ลื้อแก้แค้นอั้วได้ตามสบาย”
“อาม่า !...ไม่นะ เหมยจะไม่ยอมมีชีวิตอยู่ต่อไปถ้าไม่มีอาม่าอยู่ด้วย”
กิ่งเหมยน้ำตาพรากแล้วสะบัดตัวจากลูกน้องตงคว้าเอาเศษแก้วที่แตกบนพื้นขึ้นมาจ่อคอตัวเอง อาม่าตกใจ
“อย่านะอาเหมย...ลื้อต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป อาม่าฆ่าคนอื่นตายก็ต้องชดใช้เวรกรรม...อาเสี่ย ถึงอาเหมยจะเป็นลูกสาวลื้อ แต่อั้วรับปากว่าอาเหมยจะไม่เรียกร้องอะไรจากลื้อ ไว้ชีวิต อาเหมยเถอะนะ”
กิ่งเหมยร้องไห้น้ำตาไหลพราก
“อาม่า…ฮือๆๆๆๆ”
ตงหันมาตวาด
“พอได้แล้ว !ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ได้...น่ารำคาญ”
เก่งหันมาถาม
“จะเอายังไงกับพวกมันครับเสี่ย”
ตงนิ่งมองอาม่ากับกิ่งเหมยขบกราม กำหมัดแน่นอย่างครุ่นคิด

บริเวณหน้าโกดังหยกกับดุจแพรรีบเข้ามาตามหากิ่งเหมย
“กิ่งเหมย...กิ่งเหมย!”
หยกเรียกหาได้ครู่ก็หันไปเห็นอาม่าประครองพากิ่งเหมยเดินออกมาในสภาพน่าเวทนาทั้งย่าหลาน
“กิ่งเหมย!”

หยกรีบเข้าไปช่วยรับกิ่งเหมยมาอุ้มเอาไว้อย่างเป็นห่วง
“รีบพาอาเหมยไปหาหมอเถอะอาหยก”
“ครับอาม่า”
หยกรีบอุ้มกิ่งเหมยออกไป ดุจแพรหันมาแตะตัวเป็นห่วงอาม่า
“แล้วอาม่าล่ะคะ เป็นอะไรรึเปล่า”
อาม่าหันมาสายตาเกรี้ยวกราดใส่
“เตี่ยลื้อเกือบจะฆ่าพวกอั้ว ลื้อยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ”

อาม่าขึ้นเสียงตะคอกใส่หน้าดุจแพรแล้วรีบเดินตามหยกไปทันที ดุจแพรเสียใจหน้าสลด
กำลังโหลดความคิดเห็น