กี่เพ้า ตอนที่ 12
บริเวณ Queen’s street ของวันใหม่ เพกาคุยโทรศัพท์กับเหว่ยเหอ
“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
เพกาซื้อของประเภทอาหารจานด่วน ขนมหวานไปฝากเหว่ยเพราะนัดเหว่ยไว้ หลินเพ่ยเดินชอปปิ้งมาเจอเข้าก็สังเกตการณ์ที่มุมหนึ่งห่างไปโดยที่เพกาไม่รู้ตัว
“นังเพกามันออกมาเที่ยวอีกแล้วหรือ”
หลินเพ่ยเดินตามด้วยความสงสัย
เพกาเดินมายัง Aberdeen street หลินเพ่ยสะกดรอยตามอยู่ห่างๆ
“ไม่ใช่ทางกลับบ้าน ซื้อของเยอะแยะแต่ไม่ได้กลับบ้าน”
จู่ๆเพกาก็เดินหายไป
“เอ้าหายไปไหนแล้ว”
เพกากับเห่วยเหอนั่งคุยกันที่มุมเงียบๆ เพกาปิดข้าวของออกมากินกัน
“ฉันไม่รู้ว่าคุณชอบทานอะไร เห็นอะไรก็ซื้อมา”
“คุณเหมือนเมย์ลี ตรงความใจดีน่ะ”
เหว่ยเหอเริ่มลงมือกิน
“ความใจดีของฉันไม่เท่าคุณหรอก คุณกำลังลำบากแต่ก็ยังห่วงใยฉัน เสี่ยงอันตรายมาเตือนฉัน คนจิตใจดีอย่างคุณมีชีวิตตกต่ำอย่างนี้ได้ยังไง”
“เป็นคำถามที่ผมชอบถามตัวเองมากที่สุด ผมก็เหมือนหมิงซานพยายามทำดีกับโลก เพื่อขอให้โลกทั้งโลกยกโทษให้เรา ยกโทษให้ความผิดปรกติที่เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่ดูเหมือน...โลกจะไม่ยอม ผมถึงเป็นแบบนี้”
หลินเพ่ยมองมาเห็นเพกานั่งคุยอยู่เหว่ย ทว่าหลินเพ่ยเห็นแต่ด้านหลังแถมยังใส่หมวกฮู้ดมิดชิดจนเดาไม่ออกว่าเป็นใคร
“มันอยู่กับใครต้องรู้ให้ได้”
หลินเพ่ยเดินอ้อมไปเพื่อหาทางเข้า
“เรามาช่วยกันนะ ถ้าหาฆาตกรตัวจริงพบ คุณก็จะพ้นผิด กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ”
“ผมเคยพยายามมาก่อนคุณ แต่ก็ไม่สำเร็จ”
“อย่าท้อสิ มาเริ่มต้นกันใหม่ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฉันฟังทีว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น เล่าให้ละเอียดที่สุด”
หลินเพ่ยเดินหาจนเจอทางเข้า พอวิ่งมาตามทางจนถึงก็เห็นเพกานั่งอยู่คนเดียว
“สวัสดีค่ะ คุณหนูเจ้า”
เพการออยู่แล้วยกมือทักทาย ยิ้มเยาะ อาหารเครื่องดื่มวางอยู่ครบ แต่ที่ตรงนั้นไม่มีเหว่ยเหอแล้ว
“แกแอบนัดใครมา ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงนี้ ใคร”
“ฉันนั่งคนเดียว มองนั่นมองนี่และมองกระจกนั่น เห็นคุณวิ่งหน้าตั้งมา คิดถึงฉันขนาดนั้นเลยหรือ” เพกาพูดพลางชี้ไปที่กระจกข้างของรถคันหนึ่งที่อยู่ในมุมซึ่งทำให้ เพกาเห็นเพ่ยเพ่ยวิ่งมาพอดี
“มันเป็นใคร แกนัดผู้ชายที่ไหนมา มันไปไหนแล้ว”
เพกาลุกขึ้นชี้ขนม
“ของกินยังเหลือ อร่อยมากฉันยกให้ ยกให้แต่ของกินนะ ผู้ชายดีๆอย่างหมิงเทียนน่ะ ไม่ยก”
เพกาหัวเราะเยาะสะใจที่ได้แกล้งก่อนเดินจากไป หลินเพ่ยยกเท้าถีบขนมโวยวายด่า
“อี๊ นังเพกา นังตัวดี คอยดูไปเถอะ”
ในเวลาต่อมา หมิงเทียนนั่งอ่านนสพ.อยู่ตรงโต๊ะมุกกลม หลินเพ่ยเข้ามาฟ้องหมิงเทียนเรื่องเพกาแอบนัดเจอผู้ชาย
“จริงๆนะคะพี่รอง เพ่ยเพ่ยเห็นเค้านั่งคุยอยู่กับผู้ชายสองต่อสอง แต่มันไกลมาก เพ่ยเพ่ยเลยเห็นหน้าผู้ชายไม่ชัด”
“ไม่น่าเป็นไปได้เพราะคุณพิ้งค์เค้าไม่มีเพื่อนที่นี่”
“ไม่ใช่เพื่อนหรอกค่ะ ต้องเป็นคู่รักกันแน่ๆ เพราะยัยเพกาโน้มคอผู้ชายมาจูบปากดังจ๊วบ” หลินเพ่ยใส่สีตีไข่
“ไหนบอกว่าอยู่ไกลแล้วทำไมได้ยินเสียง”
หลินเพ่ยอึกอัก
“ก็ ก็”
“ขอบใจที่มาบอกพี่นะเพ่ยเพ่ย”
หมิงเทียนสีหน้าเฉยเมย จนหลินเพ่ยรู้สึกผิดหวังมาก หมิงเทียนลุกขึ้น
“นี่ พี่รองไม่รู้สึกอะไรเลยหรอคะ แม่นั่นแอบมีผู้ชายอื่นนะคะ”
“พี่รู้จักคุณพิ้งค์ดีน่า”
หมิงเทียนจะเดินไป แต่หลินเพ่ยรั้งแขนไว้
“ไม่ พี่รองไม่รู้จักนังนั่นดี เพกาไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยอย่างที่พี่คิด มันสร้างภาพหลอกพี่ ความจริงมันมั่วผู้ชาย มันบ้าผู้ชาย มันต้องมีคนอื่น ๆ อีก เชื่อเพ่ยเพ่ยสิ”
“พี่มีเรื่องสำคัญต้องไปทำ”
หมิงเทียนแกะมือหลินเพ่ยออกแล้วเดินไป หลินเพ่ยสุดแค้นกระทืบเท้าที่ไม่ได้ดั่งใจ
“หึย รักมันจนหน้ามืดตามัว”
วันใหม่ ภายในพิพิธภัณฑ์ เพกากำลังยืนพิจารณาจุดรอยขาดของชุดมาดามซ่งอยู่ หมิงเทียนเดินนำมาหาเพกาที่กำลังซ่อมกี่เพ้าอยู่ อาหัวเกาะอี่เหวินเดินเข้ามาตามทางเพราะวันนี้อาหัวตั้งใจจะมาช่วยงานเพกา อี่เหวินประคองอาหัวให้นั่งลงแล้วออกไป
เพกายกมือไหว้อาหัว
“สวัสดีค่ะอาหัว”
เพกาหันมาพูดกับหมิงเทียน
“ขอบคุณนะคะที่ให้อี่ไปรับมา”
หมิงเทียนพยักหน้า
“มีปัญหาอะไรเหรอครับ” อาหัวถาม
“ตอนที่ซ่อม ตอนปักนะค่ะ ทำยังไงก็ไม่เหมือนต้นฉบับ”
“เฮ้อ ถ้าตอนที่ตาดีๆ งานแค่นี้คงไม่ยาก”
“อาหัวคอยบอกก็พอค่ะ มันมีวิธีปักยังไงบ้าง เดี๋ยวเราลองทำไปด้วยกัน”
หัวพยักหน้า เพกาเอากี่เพ้าให้หัวมองด้วยแว่นขยาย หัวทั้งมอง ทั้งคลำ เพกาเตรียมจด หัวนั่งอธิบาย
หมิงเทียนเห็นทั้งสองกำลังเพลินเลยเดินไปที่โต๊ะข้างๆ มองมือถือเพกา เสียงเพ่ยเพ่ยดังแทรกเข้ามาในความคิด
“ไม่ใช่เพื่อนหรอกค่ะ ต้องเป็นคู่รักกันแน่ๆ”
หมิงเทียนคิดเล็กน้อยแล้วความระแวงสงสัยก็มีมากกว่า จึงแอบเอามือถือเพกาติดมือ แล้วเดินออกมานอกห้องโดยที่เพกาไม่รู้เรื่อง เพราะมัวแต่สนใจกับชุดของมาดามซ่งอยู่
หมิงเทียนแอบมากดหาเบอร์ในมือถือของเพกาที่ใช้โทรออก เบอร์ที่โทร.ออกส่วนใหญ่เป็นเบอร์มือถือของแม่ที่เมืองไทย แต่เบอร์สุดท้ายเป็นเบอร์มือถือของฮ่องกง
“ใช้มือถือโทรกลับเมืองไทยอย่างเดียว เอ๊ะ....เบอร์นี้เป็นของคนฮ่องกง”
หมิงเทียนแอบมองเห็นเพกานั่งฟังอาหัวอธิบายอยู่ หมิงเทียนใช้จังหวะนั้นลองกดโทรออก
ภายในสวนสาธารณะในมุมปลอดภัย เหว่ยเหอนั่งกินแซนวิชอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจเรื่องหุ้น เสียงมือถือดังขึ้น เหว่ยเหอดูเบอร์ที่โชว์อยู่บนเครื่อง
“คุณพิ้งค์ ฮัลโหลๆ”
หมิงเทียนหน้าตาตกใจกดปิดทันที
“เสียงอาเหว่ย”
เหว่ยเหอมีสีหน้างงๆ
“สงสัยกดผิด”
เหว่ยเหอไม่สนใจอีกวางมือถือลง และหันไปสนใจหนังสือพิมพ์ที่อ่านค้างอยู่
หมิงเทียนมองไปเพกาที่อยู่ในห้องด้วยความกังวล สีหน้าครุ่นคิด หมิงเทียนยิ้มร้าย ยกมือถือขึ้นมอง พิมพ์ข้อความภาษาอังกฤษแล้วส่ง SMS
เหว่ยเหอยังคงอ่านหนังสือต่อเนื่อง ได้รับข้อความเข้ามือถือ อ่านแล้วก็พึมพำกับตัวเองว่า
“คุณพิ้งค์นัดเจอที่สุสานพรุ่งนี้”
เหว่ยเหอคิดหนักจะไปดีไหม
วันใหม่ที่บริเวณฮวงซุ้ยหมิงซาน-สุคนธา เหว่ยเหอมาตามนัดหมายที่สุสานตระกูลเจ้าพลางมองหาเพกาแต่ไม่พบ เหว่ยเหอกำลังจะกดโทร.หาเพกา แต่หมิงเทียนเดินออกมาจากที่ซ่อน เหว่ยเหอผงะ
“ไม่ต้องโทรตามคุณพิ้งค์หรอก ฉันเป็นคนส่งข้อความนัดนายมาที่นี่เอง”
“คุณรู้ได้ยังไงว่าคุณพิ้งค์แอบติดต่อผม”
“คุณพิ้งค์คงเชื่อเรื่องที่นายหลอกใช่ไหม ถึงติดต่อนาย แถมยังเที่ยวพูดกับใครๆว่านายไม่ใช่ฆาตกร”
“ผมไม่ได้ฆ่าเมย์ลีจริงๆ ผมถูกใส่ร้าย เชื่อผมเถอะนะครับคุณหมิงเทียน”
“ถ้างั้นก็มอบตัวกับตำรวจแล้วไปสู้คดีในศาล”
เหว่ยเหอเห็นตำรวจ 2 นายกำลังวิ่งมาแต่ไกลก็ตกใจ
“ยอมมอบตัวซะดีๆ อาเหว่ย”
“ไม่”
เหว่ยเหอรีบวิ่งหนี ตำรวจยกปืนจะยิง
“ห้ามจับตายนะครับ”
ตำรวจชะงักไม่ยิงแต่วิ่งไล่ตามเหว่ยเหอแทน หมิงเทียนวิ่งตามด้วย
เหว่ยเหอวิ่งลัดเลาะมาในป่าหลังสุสาน แล้วหายไปที่มุมหนึ่งหลังพุ่มไม้ หมิงเทียนและตำรวจวิ่งตามมา ตำรวจส่งสัญญาณกันแล้วแยกย้ายกันคนละทิศออกหาเหว่ย แต่ยังไม่ทันได้ไปไหน
เสียงมอเตอร์ไซด์บรืนๆ ดังขึ้น ทั้งสองหันไป ห่างออกไปที่ราวป่ามุมหนึ่ง เหว่ยเหอขี่จักรยานยนต์คันเก่าออกไปตามราวป่า หมิงเทียนที่ตามหาอีกมุมหนึ่งก็เห็นเหมือนกัน
ตำรวจคนหนึ่งยิงปืนสกัดออกไป เหว่ยเหอโดนยิงที่ต้นขาขวาเลือดไหลออกมา
“โอ๊ย”
เหว่ยเหอตกใจจนรถเซไปเล็กน้อยแล้วก็ประคองตัวขึ้นใหม่ขับออกไป เหว่ยเหอรีบวิ่งรถไปอย่างชำนาญทางออกไป หมิงเทียนและตำรวจทั้งสองคนวิ่งไปบนหญ้ารกยากลำบากและตามไม่ทัน
“หายไปแล้ว โธ่โว้ย”
ที่น่องขวาของเหว่ยเหอถูกยิงอย่างถากๆ เดินขากระเผลกหนีมาที่มุมซอกหลืบพร้อมถุงชุดทำแผล เขานั่งลงอย่างเหนื่อยอ่อนและเจ็บปวด เปิดขากางเกงชุ่มเลือดออกมา เปิดชุดทำแผลที่หาซื้อมาจากข้างทางมาทำแผลด้วยตัวเองด้วยความยากลำบาก เพราะไม่กล้าไปโรงพยาบาล
“โอ๊ย”
บริเวณ Golden Bauhinia ในเวลากลางคืน เหว่ยเหอนอนขดตัวบนกระดาษหนังสือพิมพ์ พิษไข้จากบาดแผล ทำให้เขาหนาวสั่น หน้าซีด ปากซีด ข้างตัวมีถังไฟจุดอยู่ข้างๆ เหว่ยเหอน้ำตารินพึมพำคนเดียว
“ผมจะตายอยู่ข้างถนนจริงหรือหมิงซาน ผมจะตายอย่างฆาตกรใจร้าย ทั้งที่ผมไม่ได้ทำมันจะเป็นแบบนั้นใช่ไหม คิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้เจอคุณเสียที หมิงซาน โลกนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับเรา ไม่มีจริงๆ” เหว่ยเหอพึมพำแล้วสะอึกสะอื้นร้องไห้
วันใหม่ บริเวณทางเดินหน้าห้อง เพกาเดินหน้าตาบึ้งตึงมาจะมาเคลียร์กับหมิงเทียน ซิ่วหลานกับเจิ้นหลุนตามมาติดๆ พลันเจิ้นหลุนก็วิ่งไปขวางประตูหน้าห้องหมิงเทียนไว้
“คุณพิ้งค์ครับ คุณชายรองทำทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยของคุณนะครับ ขอล่ะครับ มีอะไรก็ค่อยๆคุยนะครับ”
เพกาเสียงเข้ม
“หลีกไปอาหลุน”
เจิ้นหลุนค่อยๆหลีกหลบ เพกาเคาะแล้วเปิดประตูห้อง หมิงเทียนนั่งทำงานอยู่ เพกาโวยวายด้วยความโมโหมาก
“คุณอำมหิตมาก ล่อเหว่ยออกมาฆ่า”
“ฉันสั่งห้ามพูด ใครปากเปราะบอกคุณพิ้งค์....อาหลุน”
หมิงเทียนมองหน้า เจิ้นหลุนสะดุ้ง
“ผมเปล่านะครับ”
“ตำรวจเขามาขอตรวจสุสานอีกครั้ง คุณพิ้งค์อยู่ตรงนั้นพอดีเลยถามคุณตำรวจค่ะ” ซิ่วหลานบอก
หมิงเทียนโวยวายกลับ
“คุณแอบติดต่อกับเหว่ย เหว่ยใช่ไหมที่ยุยงคุณ เหว่ยใส่ร้ายว่าฆาตกรคือคนในครอบครัวผมใช่ไหม”
“ฉันเห็นทุกอย่างในนิมิตต่างหาก บอกไปตั้งหลายครั้งแล้ว”
“คุณพิ้งค์ คุณไว้ใจใครไม่ได้ทั้งนั้น ถ้าผมไม่จับเหว่ย เหว่ยอาจจะหลอกคุณไปฆ่าเมื่อไหร่ก็ได้ ถ้าเหว่ยเขาบริสุทธิ์ใจจริงให้เขามอบตัวสิ ไปต่อสู้กันในศาล”
“ฮึ ต่อสู้ในศาล ดูคุณสิ พูดกี่ครั้งคุณไม่เคยเชื่อ ไม่เคยฟังฉันด้วยซ้ำไป ตระกูลเจ้าใหญ่โตจะตาย พวกคุณปกป้องกันแค่ไหน ฉันก็เห็นอยู่ แล้วเหว่ยจะรอดได้ยังไง”
“มีเหตุผลหน่อยสิคุณพิ้งค์ ผมทำเพราะเป็นห่วงคุณนะ เหว่ยปั่นหัวคุณ เหว่ยเป็นฆาตกร”
“คุณนั่นแหละฆาตกร คุณฆ่าฉันทางอ้อม”
“ฆ่ายังไง ผมปกป้องคุณต่างหาก”
“คุณแอบใช้มือถือฉันส่งข้อความไปล่อเหว่ยออกมาให้ถูกยิง ถ้าเหว่ยเป็นอะไรไปเท่ากับฉันมีส่วนด้วย คุณทำให้ฉันมือเปื้อนเลือด เลือดของคนดี ๆ ที่น่าสงสาร ฉันต้องอยู่กับความรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต เหมือนตายทั้งเป็น”
เพกาน้ำตาคลอด้วยความเสียใจ หมิงเทียนเห็นแล้วก็ตกใจเสียงอ่อนลง
“ผมขอโทษที่ทำโดยพลการ”
หมิงเทียนจับมือ เพกาสะบัดมือหนี
“ไม่ต้องยุ่งกับฉันอีก เราไม่ได้เป็นอะไรกัน คุณไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายชีวิตฉัน ห่วงก็ไม่ต้อง ฉันจะเป็นจะตายยังไง มันก็ชีวิตฉัน”
เพกาจ้องหมิงเทียนอย่างโกรธมากแล้วออกไป
อวี้หลุนพูดกับซิ่วหลาน
“ไม่เคยเห็นคุณพิ้งค์โมโหขนาดนี้เลย”
ซิ่วหลานปลอบหมิงเทียน
“อีกเดี๋ยวเธอก็หายโกรธค่ะ”
“ตราบใดที่เค้ายังเชื่อว่าอาเหว่ยบริสุทธิ์ ผมกับเค้าก็ต้องมีเรื่องกันไปตลอด เฮ้อ”
หมิงเทียนถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม
เพกาเดินด้วยความโมโหเข้ามาในห้องและพยายามโทร.หาเหว่ยเหอ แต่ปลายสายเงียบสนิท
“ปิดเครื่อง เหว่ยคงไม่ไว้ใจเราแล้ว”
เพกาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างเหนื่อยใจด้วยความเป็นห่วงเหว่ยเหอมาก
วันใหม่ บริเวณ วิคทอเรีย พีค เพกาเห็นชายคนนหึ่งใส่เสื้อคล้ายเหว่ยเหอก็ดีใจรีบวิ่งไปหาแล้วจับไหล่
“เหว่ย”
ชายคนนั้นหันมา แต่ไม่ใช่เหว่ย
“ขอโทษค่ะ”
กี่เพ้า ตอนที่ 12 (ต่อ)
ตรงบริเวณที่เพกากับเหว่ยเหอเคยนัดเจอกัน เพกาเดินมองหาแต่ไม่เจอใคร เสียงความคิดของเพกาดังแทรกขึ้น
“เหว่ยคุณอยู่ไหน คุณเป็นอะไรมากมั้ย”
บริเวณท่าเรือยอร์ช เพกาเดินมามองหาแต่ ไม่เจอเหว่ยอีก เพกาสีหน้าเศร้านั่งลง
“เหว่ย คุณอย่าตาย อย่าเป็นอะไรนะ”
เพกาเป็นห่วงเหว่ยเหอมาก
ภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เพกายืนคอยอยู่หน้าเคาน์เตอร์ นางพยาบาลมองข้อมูลหน้าคอมพ์ส่ายหน้าไม่พบชื่อเหว่ย
“เช็คดูให้ละเอียดแล้วค่ะ 3-4 วันมานี้ไม่มีคนชื่อ “เหลียงเหว่ยเหอ” มาเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลของเรา”
“ขอบคุณค่ะ”
เพกาเดินห่างมากดโทรศัพท์มือถือแล้วฟังเสียงสัญญาณ ปลายทางมือถือไม่เปิด เพกาเดินมานั่งร้องไห้ที่เก้าอี้
“ฉันทำให้คุณถูกยิง เหว่ย คุณคงไม่ให้อภัยฉันแล้วใช่ไหม ฮือ”
วันใหม่ ภายในห้อง จิ้นเจินกำลังแต่งตัวอยู่ เหม่ยอิงเดินเข้ามาหาจิ้นเจินในห้องนอน เพราะประตูเปิดไว้ เหม่ยอิงสีหน้าเครียดถาม
“ตกลงคนในบ้านนี้มีเรื่องอะไรกันแน่”
“ออกไป เดี๋ยวพี่เยี่ยมาเห็น”
“ทางสะดวกค่ะ ตาแก่นั่นเพิ่งออกไปสโมสร เมียคุณไปช้อปปิ้ง คุณชายรองพาคุณแม่ไปหาหมอ ส่วนเพ่ยเพ่ยกับเป่าอยู่ในสวนหลังบ้าน”
จิ้นเจินรีบไปที่ประตูแล้วปิดล็อก
“หมู่นี้ทุกคนทำท่าแปลกๆกับฉัน มีอะไรที่ฉันไม่รู้หรือเปล่า”
จิ้นเจินครุ่นคิดว่าจะบอกดีไหม
“ว่าไงคะคุณจิ้น”
จิ้นเจินอ้ำอึ้ง เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“คุณจิ้น เปิดประตูหน่อยค่ะ”
ที่หน้าห้องอวี้หลียนเพิ่งกลับมาจากช้อปปิ้ง หิ้วถุงข้าวของมา ภายในห้อง จิ้นเจินรีบผลักเหม่ยอิงเข้าไปในตู้เสื้อผ้า แต่เหม่ยอิงยังไม่ยอมจึงยื้อกันอยู่
“ไปซ่อนก่อน ห้ามส่งเสียง” จิ้นเจินพูดเสียงเบาบอก
“จะซ่อนทำไมก็แค่บอกเขาว่าเราคุยธุระกัน นังโง่นั่นมันไม่รู้เรื่องของเราสักหน่อย”
“เชื่อผมสิ”
จิ้นเจินพยายามดันอิงไปหาที่ซ่อนแต่เหม่ยอิงไม่ยอม
เพกาเพิ่งกลับมาจากตามหาเหว่ยเหอ เห็นอวี้เหลียนวุ่นอยู่กับการเปิดกระเป๋าหากุญแจห้อง เลยเดินเข้ามาดู
“เข้าห้องไม่ได้หรือคะ”
“เจอแล้ว เข้าไปคุยกันในห้องก่อนสิคะ”
“ไม่ล่ะค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
อวี้เหลียนใช้กุญแจไขเข้าห้องไป ก็เจอกับเหม่ยอิงกับจิ้นเจินวุ่นวายกันอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า
“คุณนายรอง คุณเข้ามาในห้องฉันทำไม”
เหม่ยอิงทำสีหน้าเรียบไม่สะทกสะท้าน เพกาชะงักมามองที่ประตู
“ฉันเข้ามาคุยธุระกับคุณจิ้น”
อวี้เหลียนไม่ฟังตบหน้าเหม่ยอิงฉาดใหญ่จนหน้าหัน ทั้งจิ้นเจินและเหม่ยอิงช็อกด้วยตกใจคิดไม่ถึง
เพกายืนแอบดูอยู่ที่ประตูกลับชอบใจมากเป็นพิเศษ
“นี่คุณจะบ้าหรือ มาตบฉันทำไม”
“ที่ผ่านมา ฉันพยายามทำตัวเป็นคนหูหนวกตาบอด แต่ตอนนี้ฉันทนไม่ไหวแล้ว”
เหม่ยอิงตกใจมากที่อวี้เหลียนรู้ จึงรีบลนลานถาม
“นี่แกรู้ แล้วคุณเยี่ยรู้มั้ย แกฟ้องคุณเยี่ยหรือเปล่า”
“ถ้าเธอไม่เลิกเป็นชู้กับคุณจิ้น เรื่องนี้ถึงหูคุณเยี่ยแน่”
“ลองดูสิ เรื่องนี้แดงชีวิตคู่เราก็จบ คนอย่างคุณถ้าไม่มีผม คุณไปไหนไม่รอดหรอก” จิ้นเจินบอก
“มีคนอื่นในบ้านรู้อีกไหม มีใครรู้อีกบ้าง”
เหม่ยอิงมองออกไปนอกประตูเห็นเพกาหลบวูบจะหนี เหม่ยอิงตามไปจับตัวเพกาไว้ได้
“นังเพกา แกได้ยินอะไรบ้าง”
เพกาจนใจก็เลยต้องเผชิญหน้า
“เรื่องคุณเป็นชู้กับคุณจิ้นน่ะหรือคะ ฉันรู้มาตั้งนานแล้ว โอ๊ย เค้ารู้กันทั้งบ้านมีแค่คุณเยี่ย ลูกสาวคุณ แล้วก็เป่าเท่านั้นแหละ ที่ไม่รู้”
เหม่ยอิงตะลึงหันไปถามจิ้นเจิน
“คุณนายใหญ่กับคุณชายรองก็รู้”
เหม่ยอิงเขย่าตัวคาดคั้นถาม จิ้นเจินพยักหน้า
“ทำไมคุณไม่บอกฉัน แล้วฉันจะทำยังไง ทุกคนรู้หมดแล้ว ฮึ่ย”
เหม่ยอิงสติแตกวิ่งออกไป
เหม่ยอิงวิ่งสติแตกมาชนซิ่วหลานที่ยกตระกร้าผ้าขึ้นมาส่งห้องอวี้เหลียนพอดี อี่เหวินกับเจิ้นหลุนช่วยหิ้วของตามมา เหม่ยอิงมองพวกซิ่วหลานอย่างประหวั่นใจมาก คิดว่าพวกซิ่วหลานรู้เรื่องเหมือนกัน เหม่ยอิงบีบแขนซิ่วหลานแล้วออกคำสั่ง
“อย่าบอกคุณเยี่ยนะอาซิ่ว ห้ามบอกเด็ดขาด”
“บอกเรื่องอะไรคะ คุณนายรอง”
เพกา จิ้นเจิน อวี้เหลียน เดินตามมา
“บอกเรื่องคุณนายรองตระกูลเจ้าคบกันฉันท์ชู้กับคุณจิ้นน่ะสิ” อวี้เหลียนพูดขึ้น
ทั้งสามคนมองหน้ากันอย่างตกใจมาก
ซิ่วหลานร้อง “หา” แล้วก้มหน้าพูดต่อ
“เรื่องคอขาดบาดตายขนาดนี้ ซิ่วไม่พูดหรอกค่ะ”
“ผมก็ไม่พูดครับ” อี่เหวินบอก
เจิ้นหลุนตกใจมาก พร่ำพูดแบบคนหยุดไม่ได้
“คุณนายรองเป็นชู้กับคุณจิ้น คุณนายรองเป็นชู้กับคุณจิ้น”
อี่เหวินกับซิ่วหลานรีบปิดปากเจิ้นหลุน
“เครื่องอาหลุนเออร์เรอร์แล้ว ขอเอาตัวไปซ่อมก่อนนะครับ”
เจิ้นหลุนยังมีทีท่าตกใจช็อก พูดประโยคเดิมซ้ำๆไปมา จนซิ่วหลานกับอี่เหวิต้องปิดปากคนหนึ่ง ส่วนอีกคนลากออกไป
อวี้เหลียนสะใจ เหม่ยอิงยังยืนไม่หายตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“คนในบ้านนี้เขาคงไม่พูด แต่สำหรับฉัน ฉันเป็นคนอื่น ถ้าคุณยังไม่หยุดพฤติกรรมสกปรก ยังไม่เลิกแกล้งคุณเหลียน ฉันจะบอกคุณเยี่ย”
หลินเพ่ยเดินเข้ามาเห็นเหม่ยอิงโดนเพกากับอวี้เหลียน ยืนล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ก็ถาม
“มีเรื่องอะไรกันคะคุณแม่”
“ฉันว่าคุณเพ่ยเพ่ยก็น่าจะรู้ซะทีนะ”
เพกาแกล้งเดินเข้าไปหาหลินเพ่ยทำท่าคล้ายจะบอก เหม่ยอิงรีบขวาง
“อย่านะเพกา”
“เลิกเขย่าประสาทพวกเราเล่นซะที มีความสุขนักรึไง เห็นคนคลั่งเพราะเธอ” จิ้นเจินว่า
“พวกคุณก็สมควรโดนแล้วนี่” อวี้เหลียนบอก
หลินเพ่ยยังงงๆ
“สมควรโดนอะไรคะน้าเหลียน”
“ไม่มีอะไรลูก เรื่องของผู้ใหญ่น่ะ”
หลินเพ่ยเห็นเหม่ยอิงมีท่าทีตื่นตระหนกมากก็สงสัย
“นังเพกาแกแกล้งอะไรแม่ฉัน”
“ไปลูก....ไปห้องเราดีกว่า”
“คุณแม่ทำไมต้องกลัวมันด้วย มีอะไรก็บอกเพ่ยเพ่ยสิ”
“มานี่ มากับแม่”
เหม่ยอิงลากหลินเพ่ยกลับห้องตัวเอง จิ้นเจินยืนกำหมัดเครียดมองเมียตัวเองกับเพกาด้วยสายตาโกรธ
เหม่ยอิงลากหลินเพ่ยเข้ามาในห้อง หลินเพ่ยสะบัดหลุดจากเหม่ยอิงแล้วเถียงกันใหญ่โต
“นังเพกามันทำอะไรคุณแม่ ทำไมไม่บอกหนู”
เหม่ยอิงมองหน้าลูกสาว
“ลูกอย่ารู้เลย”
“คุณแม่ไม่บอก งั้นเพ่ยเพ่ยจะไปถามน้าจิ้น น้าเหลียน”
“นี่อย่านะ ไม่เชื่อฟังแม่แล้วหรือเพ่ยเพ่ย”
“หรือ...เป็นเรื่องที่มันสงสัยคุณแม่ว่าคุณแม่ฆ่านังเมย์ลี มันสืบจนเจอหลักฐานว่าคุณแม่เป็นฆาตกรตัวจริง”
ด้วยความเครียด เหม่ยอิงตบหน้าหลินเพ่ย
“ฉันเป็นแม่แกนะ อย่าบังอาจตราหน้าฉันเป็นฆาตกร”
หลินเพ่ยทั้งตกใจและเสียใจ
“คุณแม่”
“แม่ขอโทษ”
“คุณแม่จะมีความลับอะไรก็ตาม แต่คุณแม่ห้ามทำให้คุณพ่อเสียใจ เพ่ยเพ่ยเป็นคุณหนูตระกูลเจ้า ถ้าคุณแม่ทำให้เพ่ยเพ่ยต้องกระเด็นไปจากบ้านนี้ คุณแม่จะไม่ได้เห็นหน้าเพ่ยเพ่ย เพ่ยเพ่ยจะโกรธคุณแม่ไปชั่วชีวิตได้ยินไหม”
เหม่ยนอิงสีหน้าเครียดเพราะความกลัว หลินเพ่ยพูดแล้วก็เดินออกจากห้องเหม่ยอิงไป
กลางคืนวันเดียวกัน เหม่ยอิงอยู่ในห้องมืด ๆ จมกับความเครียด กดดัน นั่งทบทวนเรื่องต่างๆ นึกถึงคำพูดของเพกาที่ขู่ไว้
“คนในบ้านนี้เขาคงไม่พูด แต่สำหรับฉัน ฉันเป็นคนอื่น ถ้าคุณยังไม่หยุดพฤติกรรมสกปรก ยังไม่เลิกแกล้งคุณเหลียน ฉันจะบอกคุณเยี่ย”
คิดแล้วเหม่ยอิงก็เครียด อาละวาดระบายอารมณ์ กวาดข้าวของบนโต๊ะเครื่องสำอางลงกับพื้น เหม่ยอิงยืนใต้เงามืดด้วยสีหน้าโหดเหี้ยม น่ากลัว
“ฉันไม่มีวันกลัวแกเหมือนจิ้น ฉันจะไม่ยอมนั่งหวาดระแวงเหมือนจิ้น นังเพกา แกต้องตาย ตายเหมือนเมย์ลี”
วันใหม่ ภายในพิพิธภัณฑ์ เพกากำลังซ่อมกี่เพ้ามาดามซ่งที่ปักไหมสีเหลืองคาสะดึงอยู่ อาหัวนั่งอยู่ด้วยคอยเป็นที่ปรึกษาและใช้แว่นขยายส่องดูรอยปัก ซิ่วหลานเสิร์ฟกาแฟ 1 ถ้วยให้เพกา เสิร์ฟชาแบบมีฝาปิด 1 ถ้วยให้อาหัว
“สิ่งที่คุณนายรองกับคุณจิ้นทำต้องเรียกว่าอกตัญญู แค่คิดก็ขยะแขยงเต็มที ฮึ่ย ทำเข้าไปได้ยังไง” ซิ่วหลานบอก
“ตัณหาหน้ามืดไม่เข้าใครออกใคร ตอนแรกคงแค่นึกสนุก พอหลงติดไปแล้ว อยากจะเลิกก็คงเลิกไม่ได้”
“แล้วนี่คุณพิ้งค์ยังสงสัยคุณนายรองอยู่ไหมคะ ว่าเป็นฆาตกรฆ่าคุณหนูเมย์ลี”
เพกาพยักหน้ารับบอก
“ฉันจะพยายามยั่วโมโหเขาให้เขาเผลอหลุดปากพูดออกมา”
เพกาหมายมั่น อาหัวส่ายหน้าว่าไม่ดีพร้อมพูดเตือนสติ
“คุณเพกา ผมอยากเตือนคุณมาหลายครั้งแล้ว คุณจะทำอะไรอย่าให้บุ่มบ่ามนักเลย”
เพกาอึ้งไป
“อาหัว”
“ขอโทษเถอะนะ คิดซะว่าคนแก่ผ่านโลกมามากกว่าแล้วกันนะ ความกล้าทุกครั้งต้องประกอบด้วยสติปัญญาอย่าให้อารมณ์พาไป หากเป็นอันตรายขึ้นมาความกล้าจะกลายเป็นความโง่เขลา”
เพกามีสีหน้ายอมรับ หมิงเทียนเดินเข้ามาพร้อมแฟ้มเอกสาร
“อาหัวพูดถูกที่สุด คุณต้องฟังอาหัวให้มากๆ”
เพกาบึ้งตึงใส่หมิงเทียนยังโกรธเรื่องเหว่ยถูกยิงอยู่ เธอหันมาพูดกับหัว
“ขอตัวเดี๋ยวนะคะอาหัว”
เพกาลุกขึ้นเดินหนีออกไปจากห้อง
“รีบตามไปง้อสิคะ คุณชายรอง” ซิ่วหลานบอก
หมิงเทียนเดินตามไป อาหัวยิ้มๆเพราะรู้ใจคนทั้งสองดี
เพกาเดินงอนมาที่สวนโบตั๋น หมิงเทียนเดินตามถือแฟ้มมาด้วย
“คุณคงไม่ลืมนะว่าอาทิตย์หน้าวัดเกิดคุณพ่อผม ท่านจัดเลี้ยงเป็นการภายในเชิญเฉพาะญาติสนิทเท่านั้น เนี่ย...ผมตั้งใจจะมาชวนคุณออกไปหาซื้อเสื้อผ้าสวยๆ ให้คุณใส่ในวันงาน”
เพกาเงียบจะเดินหนี ไม่ยอมตอบหรือพูดใดๆทั้งสิ้น
“ใจคอคุณจะโกรธผมไปจนตายเลยหรือไง”
เพกาเงียบอีก หมิงเทียนจึงวางแฟ้มที่ถือมาลงบนโต๊ะต่อหน้าเพกา
“นี่คือรายงานที่ผมให้คนหามา ไม่มีคนตายหรือคนเจ็บจากกระสุนปืนในฮ่องกงช่วงนี้ ตรงกับลักษณะของอาเหว่ยเลย ผมเชื่อว่าอาเหว่ยรอดยังมีชีวิตอยู่”
เพกาสนใจขึ้นมาทันที รีบเอาแฟ้มมาเปิดดูทันทีจนหมดทุกหน้า ภายในแฟ้มเป็นรายงานภาษาอังกฤษเกี่ยวกับสถิติการตายและบาดเจ็บในแต่ละวันจากสำนักงานตำรวจฮ่องกง หัวกระดาษแต่ละหน้ามีโลโก้ มีรูปถ่ายหน้าชายชาวฮ่องกง ถัดจากรูปถ่ายมีข้อมูลบุคคลเช่น ชื่อ อายุ ที่อยู่ สาเหตุการตาย มีวันที่ระบุ ทั้งหมดประมาณ 4-5 แผ่น
“ผมโตมากับเขา ผมไม่ดีใจหรอกถ้าเขาตาย สิ่งที่ผมกับคุณคิดไม่เหมือนกันคือ ผมต้องการให้เขามอบตัวเพื่อสู้คดี หนีอยู่แบบนั้นไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก"
เพกาวางแฟ้มทิ้งไว้บนโต๊ะแล้วลุกเดินหนีไป หมิงเทียนรีบเข้ามาสวมกอดจากด้านหลังเพกาเพื่อง้อ
“เอ๊ะคุณนี่จะทำบ้าอะไร ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้”
หมิงเทียนกอดรัดแน่นขึ้น
“ก็คุณไม่ยอมพูดกับผมเลย ผมก็แค่อยากจะรู้ว่าคุณเอาปากมาไหม ร้องเป็นไหม”
เพกากระทืบเท้าลงไปที่เท้าหมิงเทียนอย่างแรง
“โอ๊ย....เจ็บ” เพกาคลายมือปล่อยตัวเพกา
“ฉันเอามาทั้งปากทั้งเท้านั่นแหละ”
หมิงเทียนยิ้มๆบอก
“ตกลงพูดได้แล้ว งั้นเราออกไปซื้อเสื้อผ้ากันนะ”
“ไม่... ยังไงฉันก็ไม่ให้อภัยคุณง่ายๆหรอก”
พูดจบเพกาก็เดินหนีเข้าบ้านไป หมิงเทียนอมยิ้มว่า อย่างน้อยเพกาก็เริ่มพูดด้วยแล้ว พอมีความหวังขึ้นมาบ้าง
กี่เพ้า ตอนที่ 12 (ต่อ)
บริเวณสวนหลังบ้าน เหม่ยอิงยืนรอใครบางคนอย่างกระวนกระวายใจ เพียงครู่หนึ่ง แมสเซนเจอร์ชาวจีนหน้าเข้มวัย 30 เศษ แต่งกายเรียบร้อยก็เดินมาจากหมู่ต้นไม้รกมองซ้าย มองขวาอย่างระวังก่อนตรงมาหาเหม่ยอิง
“มีใครเห็นแกหรือเปล่า”
“ไม่มีครับ ผมจอดรถไว้ข้างหลังแล้วเดินเข้ามา นี่ครับของที่ต้องการ”
ชายผู้นั้นล้วงซองสีทึบขนาดเล็กที่อยู่ในเสื้อส่งให้เหม่ยอิง เธอหยิบซองเงินจากในเสื้อส่งให้ ชายผู้นั้นก้มหัว “ขอบคุณ” แล้วรีบเดินหนีออกไปทางเดิม
เหม่ยอิงแกะซองหยิบขวดแก้วใสเล็กๆ ไม่มีสลากใดๆ ออกมา ขวดแก้วนั้นบรรจุ “ผงยา” เหม่ยอิงสีหน้าร้ายเหี้ยมเกรียม ยกขวดผงยานั้นชูระดับใบหน้าแล้วบอก
“ทีนี้ ก็แค่รอวันที่เหมาะสม”
วันเกิดเจ้าเหวินเยี่ย ประมุขใหญ่แห่งคฤหาสน์ตระกูลเจ้า
ภายในห้องรับแขก ชุดมุกชั้นล่างแต่จัดเป็นตัว U และที่เคาน์เตอร์บาร์ประดับตกแต่งพิเศษให้เป็นงานฉลองวันเกิด มีโต๊ะวางของขวัญ
เหยินเยี่ยในชุดหรูแบบจีนอนุรักษ์นิยม ลี่ผิงในชุดจีนเช่นเดียวกัน เหม่ยอิงชุดสวยที่มีกระเป๋า 2 ใบดูกระฉับกระเฉง จิ้นเจินใส่กำไลหยกมาด้วย เหล่าคนรับใช้ ไม่ว่าจะเป็นซิ่วหลาน เป่าหลิน และเจิ้นหลุนต่างสวมชุดที่ดูพิเศษกว่าวันปกติ บรรดาคนสนิทของเหวินเยี่ยกับลี่ผิง เช่น หมอเหวิน อายุรุ่นราวคราวเดียวกับประมุขตระกูลเจ้า และคนอื่นๆในรุ่นเดียวกันอีกประมาณ 5-6 คน ต่างสวมชุดสากล สวยหรู
ลี่ผิงยื่นกล่องของขวัญให้เหวินเยี่ย
“สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณพี่”
เหวินเยี่ยรับมาแล้วบอก
“ขอบใจ ขอบใจ”
เหวินเยี่ยส่งต่อกล่องของขวัญให้ซิ่วหลานรับไปวางที่โต๊ะ เหม่ยอิงเดินถือกล่องของขวัญขนาดเดียวกับลี่ผิงยื่นให้เหวินเยี่ย
“Happy Birthday ค่ะคุณพี่ ขอให้คุณพี่มีความสุขมากๆนะคะ”
เหวินเยี่ยรับมาแล้วบอก “ขอบใจ” เช่นเดียวกัน
เหวินเยี่ยส่งของขวัญให้ซิ่วหลานเอาไปวางที่โต๊ะเช่นเดิม
“เชิญครับหมอเหวิน เชิญทุกคนเลยครับ” จิ้นเจินบอก
จิ้นเจินเดินนำหมอเหวินและคณะรวมทั้งหมด 7 คนเดินเข้ามาพร้อมกล่องของขวัญ ทุกคนต่างยื่นของขวัญให้ เหวินเยี่ยรับมาแล้วส่งต่อให้ซิ่วหลานและเป่าหลินเอาไปวางที่โต๊ะ พอเสร็จลี่ผิงกับเหม่ยอิงลงนั่งประกบสามีทั้งซ้ายและขวา เหม่ยอิงแสร้งทำหน้ายิ้มสดชื่น แต่ลึกๆในใจร้อนรุ่มกลัวความลับจะแตก คณะของหมอเหวินยืนตั้งแถวมือซ้ายกุมมือขวากล่าวอวยพรวันเกิดเหวินเยี่ยพร้อมกัน
“ขอให้พี่เยี่ยมีวันนี้ทุกปี สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาวดุจขุนเขา”
“ขอบใจๆ ทุกคนเชิญนั่ง เชิญนั่ง”
แขกทุกคนแยกย้ายกันนั่ง ระหว่างนั้นเจิ้นหลุนยกถาดใส่ถ้วยชาแบบมีฝาปิดส่งให้ซิ่วหลานและเป่าหลินที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์เพื่อมาเสิร์ฟบรรดาแขก
“สบายดีนะหมอเหวิน เจอกันกี่ทีๆก็หนุ่มตลอดเลยนะ” เหวินเยี่ยบอก
“ยังไงก็สู้พี่เยี่ยไม่ได้หรอกครับ คุณผิง คุณอิงสบายดีนะครับ”
ทั้งสองคนพยักหน้าซิ่วหลานและเป่าหลินต่างแยกเสิร์ฟชาให้แขกแต่ละฝั่ง
เพกาในชุดสวยรัดกุม เดินจากชั้นบนลงมาที่โถงบันไดชั้นล่างเพื่อจะไปไหว้เสาฟ้าดิน ส่วนหมิงเทียนเดินเข้ามาจากทางหน้าตึก
“ผมกำลังจะขึ้นไปตามคุณมาร่วมพิธีไหว้ฟ้าดินอยู่พอดี”
“ฉันรู้เวลาหรอกน่ะ อาซิ่วบอกฉันแล้ว”
พูดจบเพกาก็เดินเลี่ยงหนีหมิงเทียนไปทันที แต่เขาดึงไว้
“คุณพิ้งค์ ถ้าคุณหมั่นท่องไว้ว่าที่ผมทำไปทั้งหมดเพื่อรักษาความปลอดภัยให้คนบ้าบิ่นอย่างคุณ คุณจะหายโกรธผมเร็วขึ้น"
“จนกว่าฉันจะรู้ว่าเหว่ยปลอดภัย ฉันถึงจะหาย”
เพกาเดินไปทางหน้าตึกอย่างเร็ว หมิงเทียนไม่ละความพยายามที่จะเดินตามง้อ
เหม่ยอิงเดินออกจากประตูเคาน์เตอร์บาร์ มองไปตามทิศทางที่เพกาเดินออกไปด้วยสายตาดุร้าย
“วันนี้วันดีทุกคนอยู่ในงานหมด แกเสร็จฉันแน่ นังเพกา”
เหม่ยอิงเดินไปหน้าตึกเพื่อไปที่ศาลไหว้ฟ้าดินเหมือนทุกคน
บริเวณลานไหว้ฟ้าดินมีการจัดโต๊ะเครื่องเซ่นไหว้ชุดใหญ่ เหวินเยี่ยยืนหน้าสุดต่อด้วยลี่ผิงและเหม่ยอิงอยู่ด้านหลังทั้งซ้าย-ขวา แถวลำดับต่อไปเป็นหมิงเทียน หลินเพ่ย จิ้นเจิน อวี้เหลียนและเพกา สองแถวหลังสุดเป็นแขกทั้ง 11 คน
ซิ่วหลาน เป่าหลิน อี่เหวิน เจิ้นหลุนถือธูปที่จุดแล้วกำใหญ่เดินเข้าแจกส่งให้ทุกคนตามแถวคนละ 3 ดอก ซิ่วหลานรับผิดชอบแจกธูปเหวินเยี่ยและคุณนายทั้งสอง
เมื่อทุกคนได้รับธูปแล้วก็ตั้งจิตอธิษฐานไปที่เสาไหว้ฟ้าดินโดยมีเหวินเยี่ยเป็นผู้นำ ทั้งหมดยกมือไหว้แบบจีนพร้อมกัน 3 ครั้งจนครบ เหล่าคนรับใช้ทั้งสี่เดินเข้าไปเก็บธูปของแต่ละคนตามแถวมาปักกระถาง จากนั้นจิ้นเจินเชิญแขกทุกคนเข้าบ้าน
“เชิญทุกคนในบ้านเลยครับ”
แขกทุกคนทยอยเดินกลับเข้าตึกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส โดยมีจิ้นเจินกับอวี้เหลียนเดินรั้งท้าย
“เมื่อกี้หมอเหวินถามฉันว่าทำไมยังไม่มีลูก ฉันก็เลยบอกไปว่าเธอมีลูกไม่ได้ ตอนนี้กำลังคิดจะหาเมียน้อยอยู่ หมอเหวินกับพวกหัวเราะกันใหญ่”
อวี้เหลียนหลับตาสูดหายใจลึกอย่างอดทน
“หมั่นทำร้ายฉันเข้าไว้ ดีเหมือนกันจะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น”
จิ้นเจินขู่ทันที
“เธอทำร้ายฉันก่อน นังเมียทรยศ อย่าคิดนะว่าฟ้องพี่เยี่ยแล้วเธอจะรอด ฉันไม่เอาเธอไว้แน่”
พูดจบจิ้นเจินก็เดินไป อวี้เหลียนมีสีหน้าทั้งรักทั้งแค้นเดินตามไป
บนโต๊ะอาหาร ทุกคนต่างกินอาหารและคุยกันอย่างร่าเริงแจ่มใสรวม เหวินเยี่ยนั่งเป็นประธานอยู่หัวโต๊ะ สมาชิกตระกูลเจ้ากินไปคุยไปกับแขกที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
เหม่ยอิงฝืนยิ้มอย่างระวังตัวตลอดเวลาด้วยใจคุกรุ่นกลัวความลับเรื่องชู้จะถูกเปิดโปง อวี้เหลียนคีบของกินให้เพกาซึ่งตอนนี้ใช้ตะเกียบเป็นแล้วแต่ยังไม่ค่อยคล่อง หลินเพ่ยคีบอาหารเอาใจหมิงเทียน จิ้นเจินชวนแขกคุยเพื่อกลบเกลื่อนพิรุธของตัวเองต่อหน้าเหวินเยี่ย
ในเวลาต่อมา เหวินเยี่ยเดินอยู่กับหมอเหวินและเพื่อนๆออกมาที่ประตูห้องอาหาร เพื่อนๆต่างชมว่าอาหารอร่อยมาก ภายในห้องอาหาร อี่เหวิน ซิ่วหลาน เป่าหลินต่างถือถาดเก็บแก้วน้ำกันไป ส่วนเจิ้นหลุนตอนนี้อยู่ที่เคาน์เตอร์บาร์แล้ว ทั้งหมดต่างเดินมุ่งหน้าข้ามฝั่งไปทางห้องรับแขก กลางกลุ่มแขกเห็นเหม่ยอิงเดินมาแล้วแยกตัวออกไป เมื่อเธอสังเกตว่า ไม่มีใครสนใจจึงเดินเลี้ยวออกไปทางประตูข้าง แขกกลุ่มสุดท้ายพร้อม เพกาและหมิงเทียนเดินออกมา พอถึงกลางโถงเพกาเดินเลี้ยวเพื่อจะขึ้นบันไดไปห้องดอกไม้ หมิงเทียนเห็นเดินเร็วมาคว้ามือไว้
“เดี๋ยวสิครับคุณพิ้งค์จะรีบขึ้นไปไหนผมจะพาคุณไปรู้จักญาติๆผมหน่อย”
“ไม่จำเป็นค่ะ”
“งั้นถ้ามีใครถามว่าคุณเป็นแฟนผมใช่มั้ย ผมจะตอบว่าใช่นะ”
“นี่คุณ”
หลินเพ่ยเดินมาจากทางห้องรับแขกส่งเสียงมาก่อน
“พี่รองคะ คุณพ่อให้มาตาม เพกา เธอกินอิ่มแล้วก็กลับขึ้นห้องไปซะ อย่าสะเออะเสนอหน้าเพราะเธอไม่ใช่คนตระกูลเจ้า"
“เพ่ยเพ่ย พี่ขอร้องล่ะ วันนี้วันมงคล”
“ก็ได้...ไปค่ะพี่รอง”
หลินเพ่ยคว้าแขนหมิงเทียนพาไปทางห้องรับแขก เพกามองตามอย่างไม่สนใจ เพื่อจะเดินขึ้นบันไดจะกลับห้อง เจิ้นหลุนเดินออกจากประตูเคาน์เตอร์บาร์มาร้องเรียกเพกาไว้ ในถือเจิ้นหลุนถือซองจดหมายซึ่งไม่ได้ปิดผนึก หน้าซองมีชื่อภาษาอังกฤษเป็นตัวพิมพ์ว่า “Pink”
“คุณพิ้งค์ครับคุณพิ้งค์”
เพกาหยุดรอเจิ้นหลุนเอาซองส่งให้
“ของคุณครับ”
เพการับมามองซองอย่างงๆ แล้วเปิดออกมาเจอการ์ดข้อความ เพกาหยิบออกมาอ่าน “ ไปพบกันที่สุสาน”
เพกาถามเจิ้นหลุน
“ใครส่งมาคะ”
“ไม่ทราบครับ มันอยู่ที่บาร์เครื่องดื่มเสียบปักไว้ครับ ผมเห็นเป็นชื่อคุณ”
เสียงในใจของเพกา... “หรือว่าจะเป็นเหว่ย”
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณพิงค์ ให้ผมตามคุณชายรองไหมครับ”
“ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรค่ะ”
เพการีบเดินออกไปทางประตูรถเข็นอีกด้านหนึ่งทันที เจิ้นหลุนมองตามแต่ไม่ค่อยสนใจนักรีบกลับไปที่เคาร์เตอร์บาร์เพื่อทำหน้าที่ต่อไป
เพกาถือซองจดหมายมุ่งหน้าไปสุสานอย่างรวดเร็ว ด้วยความหวังว่าจะได้เจอเหว่ยเหอซึ่งถูกตำรวจยิงแล้วหายตัวไป เมื่อมาถึง บริเวณนั้นมีแต่ความเงียบ ไร้ผู้คน เพกาหมุนมองหาเหว่ยรอบๆ และหยุดรอคอยอยู่
เหวินเยี่ยคุยกับหมอเหวินและแขกอย่างอารมณ์ดี แขกบางส่วนจับกลุ่มคุยกับหมิงเทียน ลี่ผิงและหลินเพ่ย จิ้นเจินและอวี้เหลียน อี่เหวิน ซิ่วหลานและเป่าหลินเข้ามาเสิร์ฟเครื่องดื่มและของว่างหลังมื้ออาหารให้แขกที่ยืนบ้าง นั่งอยู่บ้าง สักครู่หมิงเทียนเดินมาเคาน์เตอร์บาร์ซึ่งเจิ้นหลุนทำงานอยู่
“อาหลุน ขึ้นไปตามคุณพิ้งค์ที่ห้องดอกไม้นะ บอกว่าคุณนายใหญ่ให้ตาม”
“คุณพิ้งค์ออกไปข้างนอกครับ”
“ไปไหน”
“ไม่ทราบครับ มีคนส่งจดหมายมาให้คุณพิ้งค์ แต่ไม่ได้ลงชื่อ พอคุณพิ้งค์อ่านเสร็จก็รีบออกไปเลยครับ"
หมิงเทียนพึมพำเบาๆ
“เหว่ย”
หมิงเทียนไม่สบายใจรีบออกไปจากห้องทันที เจิ้นหลุนมองตามอย่างงงๆ
บริเวณสุสานตระกูลเจ้า เพกายืนลุ้นคอยเหว่ยเหอว่าจะมาตามนัดหรือเปล่า มีคนเดินออกจากที่ซ่อน ในมือถือกิ่งไม้แห้งมาทางด้านหลังของเพกา แล้วตีลงกลางสะบักหลัง เพการ้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมทรุดลงไปนอนหน้าคว่ำกับพื้น
เหม่ยอิงโยนกิ่งไม้ที่ตีทิ้งพร้อมกับโดดขึ้นคร่อมด้านหลังเพกาที่นอนคว่ำอยู่ เหม่ยอิงล้วงกุญแจมือออกมาจากชุดที่สวมอยู่แล้วจับมือเพกาไพล่หลังใส่กุญแจมือในทันที
เพกาดิ้นรนตะแคงหันหน้ามาเห็นเหม่ยอิง
“คุณนั่นเองที่ส่งจดหมายหาฉัน”
เหม่ยอิงใช้มือจับต้นคอเพกาพร้อมพูดขึ้น
“เพื่อลูก เพื่อความมั่นคงในชีวิต แกบังคับให้ฉันทำแบบนี้เอง”
เหม่ยอิงพูดจบก็ล้วงกระเป๋าหยิบเข็มฉีดยาขนาดเล็กที่มีฝาเล็กครอบเข็มอยู่ออกมา กระบอกนั้นบรรจุน้ำยาสีใส่หลอดเรียบร้อยแล้ว
“คุณจะทำอะไรฉันน่ะ”
เหม่ยอิงเอาเข็มจ่อไปที่ใบหน้าแล้วบอก
“นี่คือพิษงูจงอางภายใน 5 นาที ขากรรไกรแกจะแข็ง แน่นหน้าอก ตาพร่า เป็นอัมพาต หัวใจล้มเหลวและตายภายในครึ่งชั่วโมง"
“คุณอย่าทำอะไรบ้าๆนะ”
เหม่ยอิงใช้นิ้วดีดฝาครอบเข็มออกพร้อมดันสลิงไล่ลม เห็นยาพ่นกระเซ็นเป็นฝอยๆ
“อย่านะ”
หมิงเทียนวิ่งเข้ามาตามหาเพกาที่สวนโบตั๋น
“คุณพิ้งค์ คุณพิ้งค์”
หมิงเทียนไม่สบายใจวิ่งไปหาที่อื่นต่อ
บริเวณสุสาน เหม่ยอิงเปลี่ยนตำแหน่งเข็มจากใบหน้ามาที่แขน เพการ้องเรียกให้คนช่วย
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”
“ร้องไปก็ไม่มีใครได้ยินหรอก ทุกคนเขากำลังสนุกสนานอยู่ในงาน กว่าจะหาแกเจอ แกก็กลายเป็นศพไปแล้ว"
พูดจบเหม่ยอิงฉีดยาเข้าที่แขน เพกาหวีดร้องสุดเสียงตาเหลือกลาน
“อย่า”
กี่เพ้า ตอนที่ 12 (ต่อ)
หมิงเทียนวิ่งตามหาเพกามาที่สวนด้านซ้ายของตัวตึก แล้วได้ยินเสียงเพการ้อง “อย่า” มาทางสุสาน หมิงเทียนหันขวับไปทางเสียง
“คุณพิ้งค์”
หมิงเทียนวิ่งไป
เพกาตาเหลือกลาน ยาถูกฉีดเข้าเส้นเลือดจนเหลือแต่กระบอกว่างเปล่า เหม่ยอิงขว้างกระบอกเข็มฉีดยาที่ว่างเปล่าทิ้งไปไกล
“ฉันไล่แกให้กลับเมืองไทยแกก็ไม่กลับ แกมันดื้อแส่หาเรื่องเอง ก็ต้องเจอจุดจบแบบนี้”
หมิงเทียนวิ่งมาหยุดชะงักตกใจกับภาพเหตุการณ์เบื้องหน้า
“ทำอะไรน่ะ คุณนายรอง”
เหม่ยอิงตกใจหันไป
“คุณชายรอง”
หมิงเทียนวิ่งเข้ามาผลักเหม่ยอิงซึ่งกำลังจะลุกขึ้นจากร่างเพกาที่กำลังสะลึมสะลือเพราะฤทธิ์ยา หมิงเทียนเห็นรีบประคองเพกา
“คุณพิ้งค์”
หมิงเทียนเห็นเพกาถูกใส่กุญแจมือล็อคไพล่หลังจึงหันไปเสียงดังใส่อิง
“เอากุญแจมาเดี๋ยวนี้”
เหม่ยอิงอึกอักตกใจว่าจะให้หรือไม่ให้ดี
“กุญแจ”
เหม่ยอิงรีบล้วงกุญแจจากชุดส่งให้ หมิงเทียนกระชากกุญแจมารีบไขกุญแจมือออกพร้อมกับประคองเพกาไว้ในอ้อมกอด เพกากำลังใกล้หลับ
“มันบังคับให้ฉันทำแบบนี้เอง”
หมิงเทียนโกรธจัดบอก
“ความชั่วที่คุณกับน้าจิ้นทำยังไม่พออีกหรือ นี่ถึงกับคิดฆ่าคน มันมากไปแล้วนะ”
“คุณชายรอง”
เหม่ยอิงตกใจเพราะมั่นใจว่า หมิงเทียนรู้เรื่องชู้จริง
หมิงเทียนหันขวับไปหาเหม่ยอิง
“คุณทำอะไรเธอบอกมา”
เหม่ยอิงเห็นสายตาเกลียดชังของหมิงเทียนก็เกิดห่วงสวัสดิภาพของตัวเองรีบวิ่งหนีกลับตึกไปทันที
หมิงเทียนเขย่าตัวเรียก
“คุณพิ้งค์ คุณพิ้งค์”
เพกาสลบไปด้วยฤทธิ์ยาในที่สุด
“คุณอย่าเป็นอะไรไปนะ”
หมิงเทียนรีบอุ้มเพกาวิ่งกลับตึกทันที
เหม่ยอิงวิ่งเข้าห้องและตรงไปยกตู้เซฟออกมาวางบนเตียง เปิดรหัสเซฟและเปิดฝาตู้ออกมา หลินเพ่ยเดินอย่างเร็วเข้ามาหาแม่
“เกิดเรื่องอะไรคะคุณแม่ ทำไมต้องวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาด้วย”
“แม่ต้องหนี”
เหม่ยอิงพูดจบรีบเดินไปคว้ากระเป๋าถือสะพายขนาดพอใส่ของในเซฟได้มาที่เตียง
“หนี ทำไมต้องหนี “ หลินเพ่ยถามอย่างงงๆ
“ถึงมาเก๊าแล้วแม่จะโทรหานะลูก”
เหม่ยอิงกวาดเครื่องเพชรจากตู้เซฟใส่กระเป๋า
หลินเพ่ยเสียงเข้มถาม
“คุณแม่ บอกเพ่ยเพ่ยมาเดี๋ยวนี้ว่าทำไมต้องหนี”
“อย่าเพิ่งมาเซ้าซี้แม่ตอนนี้เลยลูก แม่ไม่มีเวลาอธิบาย”
หลังจากที่เหม่ยอิงเก็บเครื่องเพชรใส่กระเป๋าแล้วก็คว้ากระเป๋าอีกใบเตรียมเก็บเสื้อผ้า
ทุกคนในห้องรับแขกคุยกันยิ้มแย้ม เสียงหมิงเทียนก็ดังมาจากด้านนอก
“ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย”
ทุกคนในห้องหันไปที่ประตูเห็นหมิงเทียนอุ้มเพกาที่สลบไสลเข้ามา เหวินเยี่ย ลี่ผิง จิ้นเจินและอวี้ เหลียนและแขกทุกคนในห้องต่างตกใจ ลี่ผิงได้สติก่อนรีบบอก
“วางตรงนี้ก่อนลูก”
แขกที่อยู่บริเวณเก้าอี้มุกยาวรีบเดินหนีลุกให้หมิงเทียนวางเพกาลงนอน ซิ่วหลานรีบเอาหมอนอิงมาหนุนหัวให้
“ช่วยเธอด้วยนะครับหมอเหวิน”
หมอเหวินรีบไปจับชีพจรดูอาการเพกา
“คุณพิ้งค์เป็นอะไรไปลูก” ลี่ผิงถาม
“เมื่อกี้ยังนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันดีๆเลย” อวี้เหลียนบอก
หมิงเทียนไม่ตอบยังจดจ่ออยู่กับการตรวจชีพและใช้มือแหวกดูม่านตาทั้ง 2 ข้างของเพกาดู
“เธอเป็นอะไรครับหมอเหวิน”
หมอเหวินแปลกใจ
“ชีพจรก็ปกติ”
“ซิ่ว โทรเรียกรถพยาบาลมาด่วน” เหวินเยี่ยบอก
“ค่ะ คุณเยี่ย”
ซิ่วลานรีบออกไปโทรศัพท์หน้าห้อง
“แล้วลูกไปเจอเธอที่ห้องหรือ” ลี่ผิงถาม
“เปล่าครับ ผมเจอเธอที่สุสาน ไม่รู้คุณนายรองทำอะไรเธอครับถึงได้เป็นแบบนี้”
ทุกคนตกใจเมื่อได้ยินว่าคุณนายรองเป็นคนทำ
ลี่ผิงเสียงแข็งบอก
“แล้วตอนนี้เหม่ยอิงอยู่ที่ไหน”
หมิงเทียนคิดอะไรได้ รีบออกไปจากห้องไปทางหน้าบ้าน ลี่ผิงสั่ง
“อาเหลียน ไปเอาน้ำมันหอมระเหยที่กระตุ้นระบบประสาทของเรามาเร็ว”
“ค่ะ คุณพี่”
เหม่ยอิงสะพายกระเป๋าแบบแฮนด์แบ็คเดินเร็วมาทางหลังบ้านโดยมีหลินเพ่ยตามมาถามคาดคั้น
“คุณแม่หนีอะไร ทำไมถึงบอกเพ่ยเพ่ยตอนนี้ไม่ได้”
“เอาเถอะน่า นี่ แต่แกห้ามบอกใครนะว่าฉันหนีไปมาเก๊า”
พูดจบเหม่ยอิงจะรีบเดินต่อ แต่หมิงเทียนพาอี่เหวินและเจิ้นหลุนเข้ามาดักขวางไว้ สองแม่ลูกชะงัก เหม่ยอิงตกใจมาก
“คุณชายรอง”
หมิงเทียนสั่งการอี่เหวินกับเจิ้นหลุนทันที
“จับตัวไว้”
“พี่รอง”
เหม่ยอิงทิ้งกระเป๋าจะวิ่งหนี อี่เหวินกับเจิ้นหลุนไล่ตามจับตัวไว้ได้ เหม่ยอิงดิ้น หลินเพ่ยเข้าไปตีคนรับใช้ทั้งสองให้ปล่อยแม่
“ปล่อยๆ บังอาจมาก นี่คุณนายรองนะ พี่รอง บอกให้สองคนนี้ปล่อยคุณแม่เดี๋ยวนี้นะ”
หมิงเทียนสั่ง
“เอาตัวไป”
“พี่รอง”
“คุณชายรอง ฉันแค่ฉีดยานอนหลับเพื่อขู่มันเท่านั้น เดี๋ยวก็ฟื้นไม่มีอันตรายอะไรหรอก”
“ยังไงผมก็ต้องจับคุณไว้ก่อน เอาตัวไป”
อี่เหวินจับเหม่ยอิงที่พยายามฝืนตัวมายังตึก เจิ้นหลุนไปคว้ากระเป๋าแฮนด์แบ็คที่เหม่ยอิงทิ้งไว้ตามมา
หมิงเทียนเดินตามเป็นคนสุดท้าย
เพกายังหลับอยู่ ลี่ผิงเอาน้ำมันหอมระเหยประจำตระกูลของบริษัทให้เพกาดมจ่อจมูก หมอเหวินพูดกับเหวินเยี่ย
“จากการตรวจเบื้องต้นเหมือนคนนอนหลับปกติครับพี่เยี่ย”
ทุกคนเข้ามาในห้องรับแขก
“ปล่อยคุณแม่ฉันได้แล้ว”
เหม่ยอิงมีสีหน้าตาตื่นตระหนกท่ามกลางคนในตระกูลเจ้าที่จ้องมองมาอย่างไม่เป็นมิตร อวี้เหลียนจ้องเหม่ยอิงด้วยแววตาแข็งกร้าว เหวินเยี่ยมองเหม่ยอิงด้วยความไม่พอใจที่ก่อเรื่องในวันมงคล
“เธอทำอะไรเพกา”
เหม่ยอิงอึกอัก กลัวความผิด
“คุณนายรองบอกว่าเธอแค่ฉีดยานอนหลับ”
“ฉันต้องการจะขู่มัน อยากให้มันกลับเมืองไทยไปซะ คุณพี่ก็เห็นมันกวนประสาทแค่ไหน เที่ยวกล่าวหาว่าคนอื่นเป็นฆาตกร ฉันทนไม่ไหวก็เลยอยากสั่งสอนมัน นี่ถ้าคุณชายรองไม่เข้ามายุ่งมันก็ต้องหนีกลับเมืองไทยแน่ๆ ฉันต้องการแค่นั้นจริงๆนะคะคุณพี่”
เหวินเยี่ยพูดกับเหม่ยอิง
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าเดี๋ยวเขาก็ต้องกลับ ใจร้อนไม่เข้าเรื่อง”
เพกาตื่นขึ้นอย่างสะลึมสะลือ เพราะกลิ่นน้ำมันหอมระเหยในมือลี่ผิงฉุนมากจนเพกาเบือนหน้าหนี ลี่ผิงใช้มือจับหน้าเพกาให้มาดมอีก
“เธอต้องดม น้ำมันหอมระเหยตัวนี้ช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้เธอฟื้น”
“คุณพิ้งค์เป็นไงบ้าง” หมิงเทียนถาม
เพกายังไม่รู้ว่าเหม่ยอิงอยู่ในห้อง
“คุณนายรองจะฆ่าฉัน คุณนายรองเอาพิษงูจงอางฉีดใส่ตัวฉัน”
“ถ้าเป็นพิษงูจริงๆ แกไม่ได้ฟื้นอย่างนี้หรอก นังโง่”
เพกาตกใจ ดันตัวลุกขึ้น ลี่ผิงช่วยประคอง
“คุณทำร้ายฉันทำไม หรือว่าคุณกลัวฉันจะรู้ว่าคุณฆ่าคุณเมย์ลี”
ทุกสายตาในห้องจับจ้องไปที่เหม่ยอิงที่รีบโวยวายด่าเพกา
“ฉันไม่ได้ฆ่า”
“ถ้าคุณไม่ได้ฆ่าก็เอากำไลหยกตระกูลเจ้าออกมาให้ดูสิคะ”
“กำไลหยกฉันหาย”
“หายหรือว่าแตกตอนแทงคุณเมย์ลี”
“บอกว่าหายก็หายสิ หายตอนไหนไม่รู้ จำไม่ได้”
“เป่า แกเป็นคนสนิทคุณนายรอง ไม่เห็นเลยรึไง”
เป่าหลินอึกอักมีพิรุธ เหวินเยี่ยเห็นผิดสังเกตก็ซักต่อ
“ไม่ใช่แกขโมยไปนะ”
“เปล่าค่ะคุณเยี่ย เป่าไม่ได้ขโมย”
เป่ามีพิรุธหนักขึ้น
“ถ้าฉันไปค้นที่ห้องแกแล้วเจอกำไลหยก ฉันจะเอาตำรวจมาจับแกเข้าคุก”
เป่าหลินได้ยินคำว่าคุกก็ตกใจกลัว
“หลุน ไปค้นห้องมันเดี๋ยวนี้” เหวินเยี่ยบอก
“ครับ” เจิ้นหลุนรับคำ
“คุณเยี่ยคะ คือ...คือ...กำไลหยกอยู่กับเป่าค่ะ เป่าเก็บได้ที่สวนหลังบ้าน เป่าไม่ได้ขโมยไปจริงๆนะคะ” เป่าหลินจวนตัวต้องสารภาพแล้ว
“นังเป่า แกเก็บได้แล้วทำไมไม่เอามาคืนฉัน” เหม่ยอิงถาม
“เป่ากลัวเอาไปคืนแล้ว คุณนายรองจะรู้ว่า เอ่อ รู้ว่า เป่าเห็นคุณนายรองกับคุณจิ้น...”
ทั้งเหม่ยอิงกับจิ้นเจินต่างมีสีหน้าตกใจด้วยกันทั้งคู่
“จิ้นกับเหม่ยอิงอะไร” เหวินเยี่ยถามคาดคั้น
เหม่ยอิงถลึงตาดุใส่เป่าหลินเป็นเชิงบอกว่าห้ามพูด เหวินเยี่ยตวา
“แกเห็นอะไร จิ้นกับเหม่ยอิงทำอะไร”
เป่าหลินไม่กล้าพูดเอาแต่ร้องไห้เพราะกลัวเหวินเยี่ยมาก
“ว่ายังไงจิ้น แกทำอะไรกับเหม่ยอิงในสวนหลังบ้าน”
จิ้นเจินหน้าซีด ไม่ยอมเล่าอีกคน
“ถ้าไม่มีใครพูด ฉันจะไล่ตะเพิดออกจากบ้านให้หมด รวมทั้งเพกาด้วย”
ฝ่ายหมิงเทียน เพกาและลี่ผิงมีสีหน้าหนักใจ อวี้เหลียนมองหน้าจิ้นเจินที่ส่งสายตาดุมาข่มขู่ ก่อนตัดสินใจ
“คุณจิ้นกับคุณเหม่ยอิง แอบมีอะไรกันในสวนค่ะ”
เหวินเยี่ยช็อก ตาค้าง หลินเพ่ยก็ช็อกที่ได้ยินเรื่องนี้ แขกที่อยู่ในห้องฮือฮาซุบซิบเสียงดัง ซิ่วหลานได้สติก่อนรีบตรงไปเชิญแขกออกจากห้องทันที
“เอ้อ....เชิญทุกท่านด้านนอกก่อนนะคะ เชิญค่ะๆ”
หมอเหวินและแขกคนอื่นๆถอยไปยืนอยู่นอกห้องโดยมีอี่เหวินกับเจิ้นหลุนช่วยเชิญแขก ดังนั้นในห้องนี้ก็เหลือแต่คนในครอบครัวเท่านั้น
อวี้เหลียนบอกเหวินเยี่ยและลี่ผิงถามลำดับ
“คุณพี่คะ ฉันขอโทษที่ปิดเรื่องนี้ ฉันละอายใจเกินกว่าจะพูด … คุณพี่คะฉันขออนุญาตนะคะ ฉันไม่อยากให้ใครเดือดร้อนเพราะการกระทำ เลวๆ ของสามีฉันอีก”
ลี่ผิงเครียด จำใจเอ่ยปากและพยักหน้าอนุญาต
“มาถึงขั้นนี้แล้ว”
“เค้าสองคนลักลอบเป็นชู้กันมาหลายปีแล้วค่ะ”
“ไม่จริง น้าเหลียนใส่ร้ายคุณแม่หนู น้าเหลียนเป็นพวกนังเพกา” หลินเพ่ยว่า
เหวินเยี่ยเห็นลี่ผิงก้มหน้าอย่างละอายใจก็นึกรู้ขึ้นมาได้ทันที
“อาผิง เธอรู้ แต่ปกปิด”
“จิ้นเป็นน้องชายคนเดียวของฉัน พี่ยังไงก็ต้องปกป้องน้อง ฉันขอโทษ ฉันเลี้ยงน้องไม่ดีค่ะคุณพี่”
เหวินเยี่ยมั่นใจว่าเป็นเรื่องจริงจึงจ้องจิ้นเจินด้วยแววตาวาวโรจน์ โกรธแค้น จิ้นเจินรีบคุกเข่าต่อหน้าเหวินเยี่ยทันที
“ผมผิดไปแล้วครับพี่เยี่ย ผมขอโทษ เหม่ยอิงยั่วยวนผม”
“อย่าโยนความผิดให้ฉันคนเดียวสิ คุณไม่เล่นด้วย ฉันยั่วยวนยังไงก็ไม่สำเร็จ”
หลินเพ่ยได้ยินก็ตกใจ
“นี่คุณแม่เป็นชู้กับน้าจิ้นจริง ๆ”
หลินเพ่ยช็อก ร้องกรี๊ดเพราะยอมรับความจริงไม่ได้ หมิงเทียนจับหลินเพ่ยมาอยู่ใกล้ๆตัวเอง
“เพ่ยเพ่ย แม่ขอโทษ”
หลินเพ่ยร้องไห้โฮคร่ำครวญลั่น
“คุณแม่สอนให้เพ่ยเพ่ยทำตัวดีๆ กับคุณพ่อ ทำให้คุณพ่อรัก ทุกสิ่งทุกอย่างของตระกูลเจ้าจะได้เป็นของเรา แล้วทำไมคุณแม่ถึงทำแบบนี้ ทำไม ทำไม”
เหวินเยี่ยยืนกำหมัดแน่นมองทอดสายตาออกไป แขกด้านนอกคงได้ยินหมดแล้วเพราะยังยืนออกันอยู่ หมดกันชื่อเสียง ในชีวิตเหวินเยี่ยไม่เคยโกรธมากเท่านี้มาก่อน ใบหน้าของประมุขตระกูลบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ หายใจแรง แผ่นอกเหวินเยี่ยยกขึ้นลงอย่างเห็นได้ชัด
จบตอนที่ 12