xs
xsm
sm
md
lg

กี่เพ้า ตอนที่ 11

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กี่เพ้า ตอนที่ 11

 
ภายในห้องรับแขกชั้นล่าง เพกาตามดูชีวิตเหม่ยอิงที่หลังเคาน์เตอร์

เหม่ยอิงนอนสะอิ้งกายอ่านนิตยสารผู้หญิงบนม้านั่งยาวชุดมุก เป่าหลินยกผลไม้สดมาให้
เหม่ยอิงชี้นิ้วสั่งให้เอาส้อมจิ้มผลไม้ให้ด้วยเพราะไม่ถนัด เป่าหลินเอาส้อมจิ้มผลไม้ส่งให้ เหม่ยอิงกินทีละชิ้น
“กรีดกราย ทำตัวเป็นคุณนายยิ่งกว่าคุณผิงเมียใหญ่ซะอีก เราเป็นคุณผิงหน่อยไม่ได้จะไล่ไปล้างครัวซะให้เข็ด”

วันใหม่ เหม่ยอิงเพิ่งกลับมาจากช้อปปิ้งและกำลังจะเดินขึ้นบันได เป่าหลิน เจิ้นหลุนหิ้วของพะรุงพะรังตามมา เจิ้นหลุนทำถุงของแบรนด์เนมของเธอหล่น เหม่ยอิงจิกตาดุใส่ เจิ้นหลุนยิ้มแหยรีบเก็บขึ้นมา เหม่ยอิงเดินเชิดขึ้นบันได เป่าหลินกับเจิ้นหลุนรีบตาม เพกาแอบดูอยู่ที่ประตูกลางด้านห้องอาหารแล้วส่ายหัว
“วัน ๆ ไม่ทำสวยนอนเอ้อระเหยอยู่บ้านก็ออกไปถลุงเงิน ผู้หญิงหลงตัวเอง บ้าเงินคนนี้โหดร้ายพอจะฆ่าคุณเมย์ลีหรือเปล่านะ” เพกาคิด

วันใหม่ อวี้เหลียนนั่งเหม่อเศร้าอยู่ตรงโซฟาบริเวณประตูทางเข้า สักครู่เป่าหลินเปิดประตูเข้ามาถือถุงแบรนด์เนมหลายถุง มีเหม่ยอิงเดินตามมาด้วย ทั้งคู่ชะงักเมื่อเห็นอวี้เหลียน ทั้งคู่ออกเดินต่อเพื่อขึ้นชั้นบน เป่าหลินสอพลอเมาท์ให้เหม่ยอิงฟังระหว่างทางเดิน
“คุณเหลียนนั่งอยู่ตรงไหน ตรงนั้นจืดสนิท วันๆไม่รู้เศร้าอะไรนักหนา”
เหม่ยอิงหยุดเดินหันมาพูดกับเป่าหลิน
“หาเรื่องทำสนุกๆดีกว่า”
เหม่ยอิงเดินกรีดกรายไปนั่งกับอวี้เหลียนที่ชักสีหน้าบึ้งตึง อวี้เหลียนขยับลุกจะหนีไป เหม่ยอิงมองชุดเก่าเชยที่อวี้เหลียนสวมอยู่อย่างรังเกียจ
“ชอบชุดนี้หรือคะ เห็นใส่บ่อยจัง”
“ทำไมหรือคะ”
เหม่ยอิงหยิบถุงเสื้อแบรนด์เนมมาถุงหนึ่งยืนให้
“ฉันยกชุดนี้ให้ ชุดนี้เน้นหุ่นสวยๆของผู้หญิง อืม”
เหม่ยอิงมองหน้าอกอวี้เหลียนแล้วพูดต่อ
“ถึงจะแบนไปนิด”
อวี้เหลียนจับหน้าอก บัง ตามสัญชาติญาณ
“แต่ก็พอได้ค่ะ ยกให้นะคะ ฮึฮึ”
เหม่ยอิงส่งสายตาเย้ยหยันวางถุงเสื้อลงบนโต๊ะแล้วเดินจากไป เหม่ยอิงคิดว่าอวี้เหลียนโง่และไม่รู้เรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับจิ้นเจิน พอเหม่ยอิงเดินไปได้สักพัก อวี้เหลียนก็กรีดร้องยาวและดังมากจนคุณนายรองตกใจต้องหันกลับไปดู
อวี้เหลียนเอาเสื้อออกจากถุงมาปาทิ้งลงกับพื้นแล้วก็เอาเท้าขยี้ๆลงไปบนชุด
“แอร๊ย....นี่แน่ะนี่นี่”
“นี่คุณทำบ้าอะไรของคุณ ชุดใหม่ราคาเป็นหมื่นทำแบบนี้ได้ยังไง”
อวี้เหลียนมองเหม่ยอิงอย่างเกลียดชังก่อนจะเดินไป ทิ้งให้เหม่ยอิงและเป่าหลินยืนมองตามด้วยสายตางงๆ หน้าเหวอๆ
“ฮู้ย ทุกทีจืดๆ หงิมๆ วันนี้เธอผีเข้าหรือไงคะคุณนายรอง”
“ยายนี่ อาการท่าจะหนัก เป็นอะไรของเขา”

เหม่ยอิงเอะใจ สีหน้าครุ่นคิด



 
ภายในห้องเวลาต่อมา อวี้เหลียนเทยาคลายเครียดลงบนฝ่ามือ เพกามานั่งคุยด้วยและรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว
 
“เครียดทุกครั้งต้องมากินยา คุณคงต้องกินยาคลายเครียดไปตลอดชีวิต”
อวี้เหลียนล้มตัวลงนอนไม่อยากคุยด้วย เพกาไม่ยอมไม่อยากให้อวี้เหลียนหนีปัญหาจึงดึงลุกขึ้นมา
“สู้สิคะคุณเหลียน อย่าให้คนเลวได้ใจ สู้กับคนเลวเราต้องใจแข็ง ใจเด็ดแฉมันไปเลย”
“ฉันอาย”
“คุณไม่ใช่คนผิดไม่เห็นต้องอาย คุณจิ้นกับคุณนายรองต่างหากต้องอับอาย แต่อย่างว่าแหละ คนเราลองมียางอายซักหน่อยก็ไม่ลักลอบแอบเป็นชู้กันหรอก”
อวี้เหลียนล้มตัวลงนอนจนได้สายตาลอยเหม่อเศร้า เพกาครุ่นคิด
“ไม่มีสาเหตุอะไรก็ให้ร้ายคนอื่นได้ คุณนายรอง...คนชั่วอย่างคุณต้องเจอกับฉัน”
เพกายิ้มร้ายอย่างมีแผน

วันใหม่ ภายในห้องอาหารคฤหาสน์ตระกูลเจ้า ทุกคนทานอาหารตามปรกติ สักครู่เหวินเยี่ยถามจิ้นเจิน
"งานเยอะหรือจิ้น อาทิตย์นี้ไม่ค่อยกลับมากินข้าวบ้าน"
"ครับพี่เยี่ย"
เพกาได้โอกาสตัดสินใจพูดกับเหวินเยี่ยเพื่อยั่วประสาทจิ้นเจินเล่น
"ท่าทางคุณจิ้นงานเยอะมากจริงๆ ค่ะ วันก่อนดิฉันออกไปซื้อของ เห็นคุณจิ้นนั่งกินข้าวกับผู้หญิงกลางค่ำกลางคืน"
จิ้นเจิน อวี้เหลียน หมิงเทียน ลี่ผิงต่างผวาไปตาม ๆ กัน ไม่แน่ใจว่า เพกาจะแฉอะไรอีก จิ้นเจินเหงื่อแตกทันที เหม่ยอิงมีสีหน้าสนใจฟัง
"ดิฉันรีบแจ้นมาฟ้องคุณเหลียน ปัดโธ่เอ๊ย ที่ไหนได้...”
เพกาหยุดพูดไปเฉย ๆ แสร้งยั่วให้คนอยากรู้ซะอย่างนั้น ทุกคนใจจดใจจ่อรอฟังต่อ เพกาดื่มน้ำ พอดื่มเสร็จก็จะกินข้าว ไม่ยอมเล่า เหวินเยี่ยเป็นคนแรกที่ทนไม่ไหวก็ถามขึ้น
"ที่ไหนได้อะไร"
เพกายิ้มแล้วบอก
"ที่ไหนได้ ผู้หญิงคนนั้นเป็นเลขาคุณจิ้นค่ะ นั่งรอลูกค้ากันอยู่"
เพกาโปรยยิ้มยั่ว จิ้นเจินโมโหแต่พยายามเก็บอาการไม่แสดงออกอะไรมาก เหวินเยี่ยดุ
"เรื่องที่ออกจากปากเธอไม่เคยมีสาระ"
"คนบ้าคิดว่าตัวเองเห็นผี พูดจามีสาระไม่เป็นหรอกค่ะคุณพ่อ" หลินเพ่ยบอก
เพกาลอยหน้าทำเป็นไม่สนใจ ลี่ผิงกับหมิงเทียนโล่งอก เหม่ยอิงมีสีหน้าแค้นมองจิ้นเจินอย่างโกรธมากแต่เก็บอาการอยู่

ในเวลาต่อมา เหม่ยอิงลากจิ้นเจินมาที่สวนหลังบ้าน
“มีอะไรก็รีบ ๆ พูดมา เดี๋ยวใครมาเห็น”
เหม่ยอิงโวยวายด้วยความหึง
“เลิกกับอีนังเลขานั่นซะ”
“ไปเชื่ออะไรกับคำพูดผู้หญิงคนนั้น” 
“ฉันไม่โง่เหมือนเมียคุณนะคุณจิ้น ฉันดูคุณออก เวลาคุณทำผิดกลัวถูกจับได้ คุณจะโกรธ ถ้าไม่เลิกกับอีนั่น ฉันจะไปอาละวาดมันถึงบ้านให้เลิกยุ่งกับผัวฉัน”



“อย่านะเหม่ยอิง คุณจะทำให้เราเดือดร้อน เกิดเรื่องมาถึงพี่เยี่ย”
 
“ยอมรับแล้วว่าจริง ใช่ไหมๆ”
เหม่ยอิงทุบจิ้นเจิน
“นี่แน่ะ นี่นี่ หนอย ที่หมู่นี้คุณไม่นอนกับฉันเพราะมีผู้หญิงอื่นนี่เอง”
เหม่ยอิงทุบอีก
“ใจเย็นสิเหม่ยอิง”
“ฉันไม่ยอมใช้คุณร่วมกับคนอื่น ห้ามนอนกับมันอีก”
“เหม่ยอิง ผมมีเหตุผลอื่นที่ต้องห่างคุณ”
“เหตุผลอะไร”
จิ้นเจินมองหน้าครู่หนึ่งแล้วไม่ตอบ
“ออกมานานแล้ว เดี๋ยวพี่เยี่ยสงสัย”
จิ้นเจินรีบเข้าบ้าน
“คุณจิ้นพูดอย่างนี้หมายความว่าไง เดี๋ยวสิ”
เหม่ยอิงคิดหนัก ทำไมมีเงื่อนงำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพกาที่แอบดูอยู่นานแล้ว ยิ้มอย่างสะใจ

เวลากลางคืน ภายในห้องดอกไม้ เพกาดูแผนภูมิที่ทำไว้เหลือผู้ต้องสงสัย 4 คน คือ เหม่ยอิง หมิงเทียน ลี่ผิงและเหวินเยี่ย เพกามองรูปที่วงชื่อเหม่ยอิงไว้แล้วเดินวนไปวนมารอบห้อง คิดไม่ออก
“หาผู้ช่วยนักสืบดีกว่า”
เพกาหยิบโทรศัพท์มือถือมาส่งข้อความหาเหว่ยเหอ
“พรุ่งนี้...โมงเจอกันที่ Museum of Art”
เพกาพิมพ์เสร็จกด Send ในทันที

วันใหม่ตามเวลานัดหมาย เหว่ยเหอนั่งมองไปที่มุมหนึ่ง อารมณ์คิดถึงอดีตที่สวยงาม เพกาเดินเข้ามาหา
“ที่นี่คุณมีอดีตกับหมิงซานอีกงั้นสิ”
เหว่ยเหอพยักหน้า
“จับมือครั้งแรกในชีวิต”
เหว่ยเหอมองไปที่มุมหนึ่ง เรื่องราวในอดีตเกิดขึ้นตรงหน้าเขา

บริเวณ Museum of artในอดีต หมิงซานกับเหว่ยเหอนั่งอ่านหนังสือกัน ข้างๆตัวมีเป้ มีขนม เครื่องดื่ม ต่างคนต่างอ่าน

“เวลาส่วนใหญ่ของเราหมดไปกับการเรียนหนัก ตั้งแต่เด็ก เขากับผม ผลัดกันสอบได้ที่หนึ่งกับที่สอง แต่สำหรับเราไม่มีคำว่าที่หนึ่งที่สอง โลกนี้มีเพียงหนึ่งคือมีแค่เราเท่านั้น”

เหว่ยเหอเอื้อมมือไปหยิบถุงขนม แต่มันหมดถุงแล้วเพราะฝีมือหมิงซาน
“เอ๊า หมดแล้วหรือ เพิ่งเปิดแท้ๆ”
หมิงซานโยนกระเป๋าเงินให้ แต่สายตายังก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่
“เอาเงินไปซื้อมาใหม่ทีสิ”
“ทำไมต้องไปซื้อ คุณน่ะกินเก่งชะมัด ผมอดกินทุกที คราวนี้เลยซื้อมาเผื่ออยู่ในเป้”
เหว่ยล้วงมือเข้าไปในเป้ หมิงซานที่ก้มหน้าอ่านอยู่ จู่ๆ ก็เอื้อมมือไปจับมือของเหว่ยที่อยู่ในเป้เหว่ยตกใจมากเพราะเป็นการจับมือกันครั้งแรก หมิงซานมองที่เหว่ยเหอด้วยสายตาเต็มไปด้วยความรู้สึกรัก
ภายในเป้ มือทั้ง 2 คนยังกุมกันอยู่ เหว่ยเหอตกตะลึงงง
“คุณชายใหญ่”
หมิงซานจ้องหน้าเหว่ยเหอบอกรักเป็นนัย

“หัวใจนายสั่นเหมือนฉันไหม สัมผัสแค่บางเบา โลกของนายเปลี่ยนเหมือนโลกของฉันไหม”



 
เหว่ยเหอยังเล่าเรื่องให้เพกาฟังต่อเนื่อง
 
“ซึ้งจังเหมือนบทกวีเลย” เพกาบอก
“เพลงน่ะ เพลงเก่าของคนจีน เพลงที่เขาชอบ... จูบเพียงแผ่วเบาแค่ครั้งหนึ่ง สั่นสะเทือนหัวใจตลอดกาล อยู่ด้วยกันแค่เสี้ยวเวลาหนึ่งจดจำไปทั้งชีวิต”
เสียงฮัมเพลงของหมิงซานผ่านแว่วเข้ามา

บริเวณ Golden Bauhinia ในมุมเงียบๆกลางดึกเงียบสงบที่ไม่มีใครเดินผ่าน หมิงซานนอนตัก
เหว่ยเหอ ทั้งสองนั่งมองพระจันทร์ มือกุมกันและกัน หมิงซานฮัมเพลงพระจันทร์แทนใจ
“ชอบเพลงนี้จังนะ”
“ถ้าโลกนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับเรา ฉันจะไปยืนรอนายบนดวงจันทร์นะ” หมิงซานบอก
“ไปยังไง ขึ้นยานอวกาศไปหรือ”
“ไม่รู้ แต่เราจะเจอกันที่นั่น ที่ที่ไม่มีใครมองเราเหมือนตัวประหลาด”
มือของทั้งสองจับกันแน่นขึ้น

เมื่อนึกถึงอดีต เหว่ยเหอน้ำตารินไหล เพกาจับมือปลอบเหว่ยเหอ
“ฉันอยากให้คุณเล่าเรื่องคุณหมิงซาน ในส่วนที่เป็นความสัมพันธ์กับคุณ ฉันถามใคร ครึ่งหนึ่งไม่รู้ อีกครึ่งหนึ่ง"
“ไม่อยากพูดถึง” เหว่ยเหอชิงตอบ
เพกาพยักหน้ายอมรับ
“ตั้งแต่เด็กคุณหมิงซานเป็นคนรับผิดชอบ การเรียน ชีวิตส่วนตัว ไม่มีขาดตกบกพร่อง เขาเป็นความหวังของพ่อ เป็นที่รักของแม่ เขาสนิทกับแม่มาก”

เวลากลางวัน ภายในห้องลี่ผิงในอดีต แม่ของเขากำลังร้องไห้อยู่ หมิงซานเข้ามาหา ลี่ผิงรีบเช็ดน้ำตาไม่อยากให้ลูกเห็น ลี่ผิงเก็บเสื้อปักของเหวินเยี่ยแบบจีนใส่กล่อง
หมิงซานพูดอย่างสงสารแม่
“เพราะคุณพ่ออีกแล้วใช่มั้ยครับ”
“พ่อไม่ชอบเสื้อปักที่แม่ทำให้ ชอบของเหม่ยอิงมากกว่า”
หมิงซานเอาเสื้อปักของลี่ผิงมาสวม
“ขอผมนะครับ ผมจะใส่ให้คุณพ่อดู คุณพ่อไม่ชอบแต่ผมชอบ ฝีมือปักผ้าของคุณแม่สวยที่สุด เหม่ยอิงเทียบไม่ได้”
“หมิงซาน ลูกเป็นคนเดียวที่เห็นใจแม่ คอยปลอบใจแม่ พ่อเค้าไม่รักแม่แล้ว เค้าหลงแต่นังนั่น”
ลี่ผิงร้องไห้ซบหน้าอกลูกชาย หมิงซานกอดแม่
“พ่อไม่กอดแม่นานแล้ว”
“อย่าไปสนใจความรักของคุณพ่อเลยครับ คุณแม่มีอ้อมกอดของผมอยู่แล้ว ผมจะอยู่เคียงข้างคุณแม่ อ้อมกอดของผมจะเป็นอ้อมกอดของคุณแม่เสมอ”
“แม่โชคดีมาก มีลูกชายแสนดีอย่างลูก”

หมิงซานเป็นที่พึ่งของแม่ กอดแม่ให้แม่ร้องไห้กับอกของตน

กี่เพ้า ตอนที่ 11 (ต่อ)

“คุณหมิงเทียนรู้เรื่อง คุณกับคุณหมิงซานไหมคะ” เพกาถาม

เหว่ยเหอพยักหน้า
“ตอนนั้นเรากำลังเตรียมตัวไปเรียนต่ออเมริกา”

บริเวณสวนหลังบ้าน เหว่ยเหออ่านหนังสือภาษาอังกฤษเกี่ยวกับประเทศอเมริกา หมิงซานกินขนม
“พอไปอยู่อเมริกา ฉันจะพานายไปเที่ยวซานฟรานซิสโก ที่เมืองนั้น คู่รักผู้ชายสามารถคบกันแบบเปิดเผย เราสามารถทำอย่างนี้ได้โดยไม่มีใครมอง”
หมิงซานนอนตักเหว่ยเหอที่ลูบผมหมิงซานอย่างรักใคร่ หมิงซานเงยหน้าสบตาเหว่ยเหอพลางกุมมือเหว่ยวางบนหัวใจ เหว่ยเหอก้มลงจูบหน้าผากหมิงซาน หมิงเทียนเดินมาเห็นพอดีก็ชะงัก
หมิงเทียนตะลึง เหว่ยเหอเหลือบไปเห็นก็ตกใจ
“คุณหมิงเทียน”
หมิงซานรีบลุกปล่อยมือเหว่ยเหอ หมิงเทียนทำตัวไม่ถูกรู้สึก กระอักกระอ่วนมากที่พี่ชายเป็นเกย์
หมิงเทียนจะเดินหนี หมิงซานวิ่งไปขวางไว้ไม่ให้ไป สองพี่น้องต่างลำบากใจ โดยเฉพาะหมิงเทียนไม่กล้าสบตาหมิงซาน เพราะอายแทน
“พี่”
“คิดซะว่าผมไม่เห็น ไม่รู้แล้วกันนะครับ”
หมิงเทียนจะเดินไป หมิงซานพรั่งพรูออกมา
“รังเกียจพี่มากสินะ พี่ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ แต่พี่บังคับตัวเองไม่ได้ พี่ไม่รู้ ความรักระหว่างชายหญิง กับชายรักชายต่างกันยังไง พี่รู้แต่ว่าพี่รักเหว่ย”
หมิงเทียนอึ้งมากที่พี่ชายสารภาพว่ารักผู้ชายด้วยกัน หมิงซานสีหน้าเศร้าบอก
“ถ้าหมิงเทียนจะเลิกนับถือพี่ พี่ก็เข้าใจ พี่ไม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้น้อง จะเกลียดพี่เลยก็ได้ พี่ไม่ว่า”
หมิงเทียนหันมาสบตาหมิงซาน
“พี่ใหญ่เป็นพี่ชายที่ดีของผม คอยปกป้องผม สอนผม พี่ยังเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เรียนเก่ง ผมยึดถือพี่เป็นแบบอย่าง ส่วนเรื่องส่วนตัวของพี่ผมไม่ก้าวก่าย ไม่ว่าพี่จะเป็นยังไง ผมก็รักเคารพพี่ใหญ่ของผมเสมอครับ”
“หมิงเทียนน้องพี่”
หมิงซานร้องไห้กอดหมิงเทียน เหว่ยเช็ดน้ำตาป้อยๆอย่างสะเทือนอารมณ์กับความรักระหว่างพี่น้อง
“หมิงเทียนต้องปิดเรื่องพี่กับเหว่ยเป็นความลับนะ ห้ามบอกคุณพ่อคุณแม่ ห้ามบอกใครทั้งนั้น”
“ผมสัญญาครับ ต่อให้ผมต้องตาย ผมก็ขอตายไปกับความลับนี้”
“ขอบใจ ขอบใจมาก”

หมิงซานกอดน้องชายอีก

เพกาคุยกับเหว่ยต่อเนื่อง

“เขาสัญญาที่จะปกปิดเรื่องนี้ มิน่าไม่ยอมพูดเรื่องนี้กับฉัน”
“เฮ้อ จะพูดว่ายังไง คนพิการยังได้รับความสงสาร แต่สำหรับพวกเราได้รับแต่การเหยียดหยาม”
“คนบ้านนั้นพอจะรู้ แต่ไม่ยอมรับถูกไหมคะ”
“สำหรับคนจีน เกย์ไม่ได้รับการยอมรับนักหรอก เจ้าหมิงซานคือประธานบริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง หากใครรู้ว่าเขาเป็นเกย์ คงกระทบถึงภาพลักษณ์ขององค์กร ธุรกิจที่สืบทอดมาสามชั่วอายุคนจบสิ้นแน่”
เพกาพยักหน้าอย่างเข้าใจอะไรๆมากขึ้น

ภายในร้านอาหารตึกแถวเล็กๆในฮ่องกง เพกานั่งกินอาหารกับเหว่ยเหอด้วยกัน เหว่ยเหอก้มหน้ากิน เอาหมวกบังหน้า เพราะร้านนี้มีคนมากเกินไป
“ทานเถอะค่ะ ไม่มีใครมาเห็นเราหรอก คุณน่ะผอมไปแล้ว”
“มันเป็นนิสัยไปแล้ว หวาดระแวงคนทั้งโลก”
“ถ้าเราพบฆาตกร คุณจะมีชีวิตเหมือนคนอื่น นั่งที่ไหนก็ได้ อยู่ที่ไหนก็ได้ เหมือนคนบริสุทธ์ทั่วไป วิญญาณของคุณเมย์ลีก็จะไม่มีอะไรค้างคาใจอีก เธอจะได้รู้ตัวฆาตกรเสียที"
เหว่ยเหอพูดอย่างงงๆ
“วิญญาณเมย์ลี คุณพูดว่าวิญญาณเมย์ลีหรือ”
“เอ้อ เรื่องนั้นช่างเถอะค่ะ ที่ฉันอยากถามคุณวันนี้ก็คือ คุณนายรองมีสิทธิ์เป็นฆาตกรฆ่าคุณเมย์ลีไหม”
“คุณเจอหลักฐานอะไรหรือ”
“ฉันแค่อยากถามว่าเป็นไปได้ไหม แรงจูงใจน่ะค่ะมีไหมเช่น ถ้าคุณเมย์ลีตาย คุณนายรองจะได้อะไรบ้าง”
“ที่จริงก็มีแรงจูงใจอยู่ ตำแหน่งภรรยาประธานบริษัทมีทั้งเงินและอำนาจ เป็นประมุขของบ้านคนต่อไป ถ้าเมย์ลีแต่งงานกับคุณชายใหญ่ก็จะมีอำนาจใครที่ทำกับเธอไว้คงอยู่ลำบาก”
เพกานึกออก
“คุณเพ่ยเพ่ย”
เหว่ยเหอกับเพกาต่างพยักหน้าเห็นด้วย
“แบบนี้นี่เอง”

วันใหม่ เพกานั่งอ่านหนังสืออยู่ในศาลา หมิงเทียนเพิ่งกลับจากทำงานเดินยิ้มกรุ้มกริ่มเข้ามาหาและยื่นกล่องช็อกโกแลตให้
“ที่โรงแรมฮาร์เบอร์แกรนด์ฮ่องกง มีเชฟฝรั่งมาใหม่ทำช็อกโกแล็ตอร่อยมาก”
“ฉันชอบช็อกโกแล็ตค่ะ ขอบคุณนะคะ”
เพกาเปิดกล่องช็อกโกแลต ด้านในเป็นช็อกโกแลตอันเล็ก ๆ ทุกอันเป็นรูปหัวใจ เพกายิ้มแก้มปริแล้วหยิบกินมองหน้ายิ้มหวานให้หมิงเทียน
หลินเพ่ยแอบดูอยู่
“หัวใจช็อกโกแล็ตของแกต้องแหลกใต้เท้าฉันเดี๋ยวนี้แหละ”
หลินเพ่ยจะไปราวี แต่เหม่ยอิงโผล่มาดึงไว้
“อย่าเพ่ยเพ่ยเปลืองตัวเปล่าๆ”
“คุณแม่”
“ยืมมือฆ่าคนง่ายกว่าเยอะ เชื่อแม่สิ”
หลินเพ่ยแม้จะแค้นใจแต่จำใจต้องหยุดมือไว้อยู่อย่างนั้น เพราะถูกเหม่ยอิงลากออกไป

เพกากินช็อกโกแลตอย่างมีความสุข หมิงเทียนมองไป ภาพอดีตรักตนกับสุคนธา เคยมีอยู่แถวนี้อีกแล้ว

ที่มุมหนึ่งของสวน สุคนธาตัดดอกโบตั๋นใส่ตะกร้าหมิงเทียนเข้าไปจับมือที่จับกรรไกรช่วยตัดจนสุคนธาเขินมาก ทั้งคู่ยืนคุยกันอย่างกระหนุงกระหนิง

หมิงเทียนกลุ้มใจที่ไม่ลืมสุคนธาเสียที เพกายื่นช็อกโกแลตให้หมิงเทียน
“คุณกินด้วยสิ”
“คุณกินเถอะ ผมตั้งใจซื้อมาให้คุณ”
เพกากินต่อ หมิงเทียนลึกๆแล้วรู้สึกไม่สบายใจ

ภายในห้องรับแขก เหม่ยอิงลงนั่งคุยกับเหวินเยี่ยและลี่ผิงซึ่งจิบน้ำชาอยู่ก่อนแล้ว
“ฉันมีเรื่องสำคัญอยากปรึกษาคุณพี่กับคุณนายใหญ่ค่ะ เกี่ยวกับ...คุณชายรอง”
“หมิงเทียนทำไม” ลี่ผิงถาม
“คุณชายรองเป็นทายาทคนเดียวของตระกูลเจ้า ควรได้แต่งงานกับผู้หญิงที่เหมาะสมคู่ควร ไม่รู้คุณนายใหญ่ได้สังเกตบ้างหรือเปล่า ระยะหลังมานี่คุณชายรองสนิทสนมกับเพกามาก”
เหวินเยี่ยฟังแล้วไม่ชอบใจมาก
“อะไรกัน ไหนหมิงเทียนบอกว่า แค่ล้อเล่นไง”
“คุณชายรองล้อเล่นกับเมย์ลีแค่คนเดียวจำไม่ได้หรือคะคุณพี่”
เหวินเยี่ยอึ้งไปรู้สึกกลุ้มขึ้นมาทันที
“อิจฉาล่ะสิถึงมาฟ้อง ช่วยลูกสาวจับหมิงเทียนไม่สำเร็จ พยายามอยู่ตั้งหลายปี เพกามาเดี๋ยวเดียว จับหมิงเทียนติดหมัด มือตกไปเยอะนะเหม่ยอิง” ลี่ผิงพูดแล้วส่งยิ้มเย้ยหยัน
ลี่ผิงด่าตรงไปตรงมา แต่เหวินเยี่ยทำเป็นไม่ได้ยิน เหม่ยอิงค้อนคุณนายใหญ่แล้วหันไปหาเหวินเยี่ยแทน
“คุณพี่ จะยอมให้สะใภ้ใหญ่ตระกูลเจ้าเป็นยายเพกานี่จริงๆหรือคะ”
ลี่ผิงเสียงอ่อนบอกเหวินเยี่ย
“คนอย่างหมิงเทียนยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ เขาเคยเชื่อเราที่ไหนกัน ยิ่งไปพูดก็ยิ่งไปกันใหญ่ อีกไม่นานเดี๋ยวคุณพิ้งค์ก็กลับเมืองไทยแล้ว อีกหน่อยก็คงเลิกราไปเองแหละ”
เหม่ยอิงนิ่วหน้าไม่ได้ดังใจ เหวินเยี่ยวางแผนในใจและไม่ได้คิดจะหยุดแค่นี้

วันใหม่ในพิพิธภัณฑ์ตระกูลเจ้า อาหัวยื่นกล่องไม้ให้เพกาเปิดดู เพกากำลังดูไหมสีต่างๆหลายเฉดในกล่องเพื่อให้เทียบกับชุดมาดามซ่ง
"ผมให้ญาติที่อยู่เซี่ยงไฮ้ค้นไหมเก่าแก่ของครอบครัวส่งมาให้ ไม่รู้จะมีสีที่ใช่หรือเปล่า"
เพกาลองเทียบกับชุดจนเจอ เพกาดีใจ
"เจอแล้วค่ะอาหัว เหมือนเลยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ อาหัว" เพกาพูดพลางยกมือไหว้
เหวินเยี่ยหน้าตาขึงขังเดินเข้ามา เพกากับหัวรีบลุกขึ้นยืนต้อนรับ
"อาหัวช่วยหาเส้นไหมสีที่ขาดอยู่ได้แล้วค่ะ"
เหวินเยี่ยพูดกับหัว
"ขอบใจมาก ออกไปได้แล้ว อ้อ ให้อาซิ่วเอายาบำรุงชุดใหญ่ติดมือไปด้วย บอกว่าฉันให้"
"โอ ขอบคุณครับท่านเจ้าสัว"

หัวเดินออกไปโดยใช้ไม้เท้าแต่เชื่องช้าตามประสาแก่ เหวินเยี่ยไม่รอเปิดฉากด่าเพกาทันที หัวเลยได้ยินด้วย

เหวินเยี่ยเสียงเข้ม

"ฉันจ้างเธอมาซ่อมกี่เพ้า แต่เธอกลับทำเกินหน้าที่”
"ดิฉันทำอะไรคะ"
"หมิงเทียน"
เหวินเยี่ยจ้องเพกาอย่างไม่พอใจมาก แววตากร้าวดุน่าเกรงขาม เพกาโดยลึกๆแล้วไม่ได้รู้สึกกลัวหรือยี่หระใดๆ
"เรื่องนั้นดิฉัน"
หัวที่ไปถึงประตู จู่ๆพูดขึ้น
"สุภาษิตจีนกล่าวว่า จงเก็บอารมณ์ไว้เถิดจะเห็นความสว่างข้างหน้า"
เหวินเยี่ยหันไปทันที
"ขอโทษครับ จู่ๆนึกได้"
เหวินเยี่ยค้อน หัวยิ้มกริ่มเดินออกไป หัวตั้งใจเตือนสติเพกาให้อ่อนลง คำพูดของหัวทำให้เพกาได้สติและพยายามใจเย็น เพกาก้มหน้าแสดงความเคารพบอก
"ดิฉันขอโทษที่ทำให้ท่านไม่พอใจ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้วางแผนให้เกิดขึ้นค่ะ มันเป็นไปเองตามธรรมชาติ"
"ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านนี้ ฉันคนเดียวเท่านั้นเป็นผู้กำหนด เรื่องไหนฉันไม่ต้องการให้เกิดก็ต้องไม่เกิด"
"ดิฉันตอบได้แค่หัวใจคนไม่ใช่เครื่องจักร จะกดปุ่ม ให้เลิกคิด เลิกรู้สึกเป็นเรื่องยาก"
เหวินเยี่ยตวาดสั่ง
"เธอต้องเลิก"
เพกาก้มหัวให้
"ขอโทษจริงๆค่ะ ดิฉันไม่ใช่สมาชิกตระกูลเจ้า คุณเยี่ยไม่มีอำนาจสั่งดิฉันนอกจากเรื่องงาน ดิฉันมีสิทธิ์คิด มีสิทธิ์ฝัน มีสิทธิ์ทำอะไรก็ได้ที่ใจต้องการ"
เหวินเยี่ยโกรธมากบอก
"เธอเป็นคนที่สองที่กล้าท้าทายอำนาจฉัน รู้มั้ย คนแรกคือใคร เมย์ลี"
เหวินเยี่ยโมโหและเดินออกไป เพการู้สึกกลัวเหวินเยี่ยขึ้นมาทันที
"เผด็จการชัดๆ"

ภายในห้องอาหาร ซิ่วหลานเอาขนมใส่ถ้วยมาให้หมิงเทียนพร้อมน้ำเปล่า
“ลูกเดือยร้อนที่คุณชายชอบ”
“รู้ใจ”
ซิ่วหลานยิ้มแซว
“แต่คงไม่อร่อยเท่าช็อกโกแล็ต”
“ปากสว่างจริง ยายนั่นเขาเล่าให้ฟังหรือ”
ซิ่วหลานหัวเราะ
“น่ารักออกค่ะ คุณพิ้งค์คงดีใจ ไม่รู้จะเล่าให้ใครฟังดี”
หมิงเทียนยิ้มสักพักก็เศร้าลง
“ตั้งแต่ผมเริ่มคบกับคุณพิ้งค์ จากที่เคยแค่ฝันร้ายถึงเมย์ลีกลายเป็นว่า ผมจำทุกอย่างเกี่ยวกับเมย์ลีได้ ไม่ว่าผมพาคุณพิ้งค์ไปไหน ผมก็เห็นภาพเมย์ลีที่นั่น อดีตตามหลอกหลอนผม”
“คุณชายรองรู้สึกผิดต่อคุณหนูเมย์ลี”
หมิงเทียนพยักหน้า
“ซิ่วกลับมองตรงกันข้ามค่ะ คุณชายจมอยู่กับความทุกข์ วิญญาณคุณหนูเมย์ลีรับรู้ต้องรู้สึกผิดว่าเธอเป็นสาเหตุ ซิ่วรู้จักคุณหนูเมย์ลีดีพอๆกับคุณชาย ซิ่วว่าคุณหนูดีใจที่คุณชายคบกับคุณพิ้งค์ค่ะ”
“ซิ่วคิดอย่างนั้นหรือ”
“อย่ากังวลอะไรอีกเลยนะคะ อย่าหยุดแค่นี้ ปล่อยใจไปตามที่มันปราถนาเถอะนะคะ”

หมิงเทียนพยักหน้ากับซิ่วหลานว่าจะพยายามต่อไป

อ่านต่อพรุ่งนี้ เวลา 09.30น.

กี่เพ้า ตอนที่ 11 (ต่อ)

ภายในห้อง เวลากลางวัน เหม่ยอิงนอนสะอิ้งกาย อ่านนิตยสารผู้หญิง
มีกระดาษแผ่นหนึ่งถูกสอดผ่านช่องใต้ประตู เหม่ยอิงหยิบมาอ่าน “เที่ยงคืนเจอกันที่สวนหลังบ้าน”
เหม่ยอิงเปิดประตูห้องไม่เห็นใครก็ยิ้มกริ่ม
“แล้วคุณจิ้นก็กลับมาตายรัง”

เวลาดึก เหม่ยอิงแต่งหน้าทาปากสวยเดินออกมาจากห้อง เพกาซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด เหม่ยอิงเดินย่องผ่านไปชั้นล่างโดยไม่เห็นเพกา
“หือ เอาผู้ชายมาล่อล่ะ ติดกับง่าย”
เพกาเข้าไปในห้องเหม่ยอิงทันที

เพกาเข้าไปค้นหาของตามลิ้นชักและตู้ต่างๆ พลางบ่นไป หาไป
“เราต้องหากำไลที่มีสายทองรัด หลักฐานที่แสดงว่าอิงเป็นฆาตกรฆ่าเมย์ลี กำไล กำไล”

บริเวณสวนหลังบ้าน ซึ่งเป็นจุดนัดพบประจำ เหม่ยอิงเดินมาอย่างรวดเร็ว และใช้เวลากับการรอจิ้นเจินครู่ใหญ่ บรรยากาศคืนนี้ เหน็บหนาว เยือกเย็นจนเธอต้องกอดอกรอ จนสีหน้าบึ้งด้วยความโกรธและเดินกลับตึกในทันที

ภายในห้อง เพกาหาหมดทุกมุมแล้ว แต่ไม่เจอกำไล
"เอาไปเก็บไว้ไหนนะ"
เพกาก้มดูใต้เตียง เจอเซฟเครื่องประดับ เพกาหยิบออกมาแต่เปิดไม่ได้
“ต้องอยู่ในนี้แน่ๆ”
เพกามองนาฬิกาแล้วบอกตัวเอง ก่อนใส่เซฟกลับเข้าไปให้เหมือนเดิม
"กลับห้องก่อนดีกว่า"
จากการสำรวจในค่ำคืนนี้ แผนการล้มเหลวแต่ปลอดภัย

เช้าวันใหม่ เหม่ยอิงลากแขนจิ้นเจินมาคุยที่สวนหลังบ้าน จิ้นเจินกลัวใครมาเห็นเข้าก็พยายามดึงแขนออก
“มีอะไรก็พูดมา เร็ว ๆ”
เหม่ยอิง โวยวายใส่
“เมื่อคืนทำไมถึงเบี้ยวนัดฉัน”
จิ้นเจินมีสีหน้างงๆแล้วถาม
“นัดอะไร”
“อย่ามาตีหน้าตายกับฉันนะ ฉันไม่ใช่นังโง่เหลียน เมียคุณ”
เหม่ยอิงขยำกระดาษที่ได้เมื่อวานปาใส่ด้วยความโกรธ
“อะไรของคุณน่ะเหม่ยอิง”
“อีนังคู่ขาคนใหม่มันโทรมาออดอ้อนให้ออกไปหาล่ะสิ ถึงปล่อยฉันให้รอเก้อ คราวหน้าคุณส่งจดหมายมานัดอีก ฉันจะเบี้ยวนัดคุณมั่ง”
จิ้นเจินชักสงสัยจึงหยิบขยุ้มกระดาษมาคลี่อ่าน
“ฉันรออยู่เกือบชั่วโมงหนาวจนปากคอสั่น”
จิ้นเจินเดาว่าเป็นฝีมือเพกากลั่นแกล้งจึงเดินไป
“หนอย”
“เอ้าจะไปไหนน่ะ กลับมาก่อนคุณจิ้น ฉันยังพูดไม่จบ คุณจิ้น”

เหม่ยอิงกำหมัดแน่นด้วยความโมโห

ภายในพิพิธภัณฑ์ เพกานั่งซ่อมชุดกี่เพ้ามาดามซ่ง กับเส้นไหมสีเหลืองที่อาหัวเอามาให้
สายตาเหลือบไปเห็นจิ้นเจินเดินลิ่วตรงมาหาด้วยหน้าตาบึ้งตึง ในมือถือกระดาษยับๆ จากโดนขยำ เพกาเชิดหน้ารอรับสถานการณ์เพราะรู้อยู่แล้ว
จิ้นเจินชี้หน้าเพกาถาม
“แกล้งผมกับเหม่ยอิงอีก ผมจะเล่นงานคุณจนเผ่นกลับเมืองไทยแทบไม่ทัน"
จิ้นเจินยื่นกระดาษให้ เพกายิ้มชอบใจ
"แผนนี้ฉันใช้ความพยายามมากเลยนะคะ ให้อาซิ่วเขียนเป็นภาษาจีนให้ดูก่อนแล้วไปพิมพ์ที่ห้องทำงาน อักษรจีนบนแป้นพิมพ์ หาย๊ากยากค่ะ ประโยคเดียวฉันใช้เวลาพิมพ์ตั้งชั่วโมงกว่าแน่ะ"
เพกาลอยหน้ายิ้มยั่ว จิ้นเจินโกรธตรงเข้าคว้าแขนเพกา
"ลองดีกับผมเหรอ"
จิ้นเจินบีบแขนแรงขึ้นเรื่อย ๆจนเพกาเจ็บอวี้เหลียนเดินมาเห็นเข้าพอดี
"นี่ หยุดนะคุณจิ้น คุณทำฉันได้เพราะฉันเป็นภรรยาคุณ แต่กับผู้หญิงอื่น คุณรังแกเค้าไม่ได้"
"ขอแก้ไข ถึงเป็นสามีก็ไม่มีสิทธิ์รังแกค่ะ"
จิ้นเจินตวาดเพกา
"เงียบ เรื่องของผัวเมีย คนนอกอย่ายุ่ง"
จิ้นเจินยอมปล่อยมือเพกา และมองอวี้เหลียนที่ใส่ชุดเตรียมไปทำงาน
"ไปทำงานได้แล้วเหรอ เห็นกินยาโรคจิตนึกว่าเป็นบ้าไปแล้วซะอีก"
"อันที่จริง ฉันก็อยากบ้าไปจริง ๆ จะได้กล้าแฉเรื่องคุณกับเหม่ยอิง"
จิ้นเจินสีหน้าเหี้ยมเงื้อมือขึ้นเตรียมพร้อม
"พูดอีกทีซิ จะแฉใคร"
เพกาเดินมาขวางปกป้อง สีหน้าเอาเรื่อง จนจิ้นเจินไม่กล้า
"ได้ยินชัดแล้วไม่เห็นต้องถาม"
"อย่าให้ฉันหมดความอดทนกับคุณนะคุณจิ้น ฉันจะประจานความชั่วของคุณกับเหม่ยอิงให้คนทั้งฮ่องกงรู้"
จิ้นเจินชี้หน้า
"ฮึ่ย จำไว้ อยู่คนเดียวเมื่อไหร่เจอดีแน่"
จิ้นเจินจำต้องรามือ เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไป เพกาโล่งอก
"ความรุนแรงในครอบครัวจะมากขึ้นและบ่อยขึ้น คุณจะทนได้จริงหรือคะคุณเหลียน"

อวี้เหลียนนั่งลงแล้วคิดหนัก

วันเดียวกัน ท่ามกลางบรรยากาศย่านช้อปปิ้งหรูที่ฮ่องกง

ภายในร้านเพชร หมิงเทียนเลือกซื้อแหวนเพชร คนขายหยิบแหวนหลายวงจากในตู้โชว์ให้หมิงเทียนดู หมิงเทียนดูด้วยสีหน้าที่มีความสุขขณะเลือกแหวน

วันใหม่ บริเวณวิกตอเรีย พีค การ์เด้น หมิงเทียนเดินเล่นกับเพกาในบรรยากาศของคนรัก เขานัดเพกามาเพื่อจะให้แหวนที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ
“วันนี้หมอกจัดแล้วค่อนข้างเย็นด้วยนะคะ”
“อากาศของฮ่องกงมีตั้งแต่เย็นถึงร้อนชื้น คุณต้องปรับตัวเรื่องเสื้อผ้าบ้าง ถ้าจะมาอยู่ที่นี่ตลอดชีวิต"
“หือ”
หมิงเทียนจับมือเพกาแล้วกรุ้มกริ่มต่อ
“แต่ที่อันตรายก็คือลมแรงมากในบางฤดู สามีภรรยาก็ต้องขลุกอยู่แต่ในบ้านไปไหนมาไหนไม่ได้"
เพกาเขินดึงมืออก
“สามีภรรยาอะไร เพ้อเจ้อ คุณเคยมาที่นี่ไหม”
เพกาถามเล่นๆ แต่หมิงเทียนสีหน้าเศร้าลงมองไปที่มุมหนึ่งซึ่งห่างไป

สุคนธานั่งคุยกับเขาที่มุมหนึ่ง กินอาหารปิกนิกในวันพักผ่อน หมิงเทียนอ้าปากขอ สุคนธาอายมาก แต่ก็ยอมป้อนหมิงเทียน

“ว่าไงคะ เคยมามั้ย”
“ฮ่องกงเล็กนิดเดียว ต้องเคยอยู่แล้ว”
“ทำท่าแปลกๆ มีอะไรคะ”
“ไปที่อื่นกันเถอะ”
หมิงเทียนสีหน้าเศร้าเดินนำเพกาไป

ทั้งสองเดินมามองเห็นสัญลักษณ์ชงโคสีทอง
“อันนี้คือ...”
“Golden Bohemian ดอกชงโคสีทองแถวๆนี้ เมื่อหลายปีก่อนคือสถานที่จัfงานส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนสู่จีน ดอกชงโคเป็นดอกไม้ประจำชาติ และมีปรากฏบนธงประจำชาติฮ่องกงด้วย”
“คุณพิ้งค์ผม”
หมิงเทียนล้วงมือเข้าไปหยิบกล่องแหวนในกระเป๋าเสื้อ พยายามรวบรวมความกล้าหาญเพื่อบอกรัก
“อะไรคะ”
หมิงเทียนมองไปดันเห็นสุคนธายืนกับเขาตรงนั้นเมื่ออดีต

ทั้งสองกอดกันมองวิว คุยกันเรื่องสัพเพเหระ

หมิงเทียนอึ้งไปอีก มือที่จับกล่องแหวนกำแน่นชักไม่แน่ใจในการกระทำขึ้นมา

“ผม”
“ตรงนั้นมีอะไรหรือคะ” เพกาพูดพลางมองไป
“เรากลับบ้านกันเถอะ”
“เอ๊า ไหนบอกจะพาไปกินข้าว เดี๋ยวคุณ อะไรของเค้า”
ในที่สุดหมิงเทียนบอกรักเพกาไม่ได้ เพราะความทรงจำในอดีตเข้ามารบกวน เขาเดินหน้าเครียดกลับไป

เวลาอาหารค่ำ ทุกคนทานอาหารกันพร้อมหน้า เหม่ยอิงคีบกับข้าวให้เหวินเยี่ย จิ้นเจินมองเพกาอย่างแค้นๆ เพกาแกล้งอีก
“คุณจิ้นมีปัญหาอะไรเหรอคะ ดูเครียดๆ กินข้าวไม่ค่อยได้”
จิ้นเจินจ้องหน้าเพกาเขม็งเพราะรู้ว่าเพกาแกล้ง ส่วนเหม่ยอิงไม่รู้เรื่อง
“นิสัยประจำตัวเธอ ปากเปราะ ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน”
อวี้เหลียนเสียงแข็งกับจิ้นเจิน
“ให้เกียรติคุณพิ้งค์บ้างซีคะ เธอเป็นแขก”
ทั้งโต๊ะรู้สึกประหลาดใจที่อวี้เหลียนกล้าตำหนิจิ้นเจิน เป่าหลินกระซิบเจิ้นหลุน
“ผีเข้าคุณเหลียนรึไงเนี่ย”
“นั่นสิ กล้าว่าฝาละมี”
“เหลียน มีปัญหาอะไรเดี๋ยวไปคุยกันที่ห้อง” จิ้นเจินพูดพลางใช้สายตาข่มขู่
“ทำไมคะ จะทำอะไรฉันดีล่ะคะวันนี้ บีบแขนหรือตบ ถ้าคุณทำอะไรฉัน ฉันจะไม่ปิดปากเงียบ อยู่เฉยอีกแล้ว”
ทั้งโต๊ะ ช็อกอึ้งไป ซิ่วหลานกระซิบอี่เหวิน
“เหมือนคุณเหลียนจะติดนิสัยคุณพิ้งค์มา”
จิ้นเจินโมโหลุกขึ้นกลางวงอาหาร
“ไปคุยกันที่ห้องเดี๋ยวนี้”
จิ้นเจินบังคับเหลียนด้วยสายตาจะให้ลุกตาม
เหวินเยี่ยวางตะเกียบลุกขึ้นยืน เสียงเก้าอี้เลื่อนดังจนคนทั้งโต๊ะตกใจ ชะงัก
“ห้ามทำอะไรเหลียน แกเป็นคนผิด อย่าคิดนะจิ้นว่า ฉันไม่รู้เรื่องแก”
จิ้นเจินตกใจมากเพราะคิดว่า เหวินเยี่ยรู้แล้ว ลี่ผิงกับหมิงเทียนมองหน้ากันอย่างตระหนก เหม่ยอิงเริ่มระแวงเรื่องลักลอบเป็นชู้
“ยกโทษให้น้องชายฉันนะคะคุณพี่ จิ้นมาคุกเข่าขอขมาพี่เยี่ยสิ” ลี่ผิงบอก
จิ้นเจินกุมมือรีบไปคุกเข่าต่อหน้าเหวินเยี่ย
“ผมผิดไปแล้วครับพี่เยี่ย ผมขอโทษ ผมเสียใจ”
เหม่ยอิงเริ่มลนลานหน้าซีดมือสั่น ลุกหนีไปเฉยๆ
“ไปไหนคะคุณแม่” หลินเพ่ยถาม
เหวินเยี่ยออกคำสั่ง
“เลิกกับเลขาซะ”
จิ้นเจิน เหม่ยอิง หมิงเทียน ลี่ผิงหน้าเหวอ เหวินเยี่ยหมายถึงเลขาของจิ้นเจินไม่ใช่เหม่ยอิง
“ฉันมีคนคอยเป็นหูเป็นตาที่บริษัท เค้ารายงานเรื่องแก การมีความสัมพันธ์กับลูกน้องในที่ทำงาน ทำให้เสียงาน เสียความน่าเชื่อถือ"
จิ้นเจินกุมมือรีบก้มหัวคำนับแล้วคำนับอีก
“ครับ ผมจะเลิกกับเลขาตามที่พี่เยี่ยสั่ง เลิกทันทีครับ”
จิ้นเจินลุกขึ้นยืน หายใจหายคอคล่องขึ้น
“พอใจหรือยังอาเหลียน” เหวินเยี่ยถาม
“ค่ะคุณพี่”

จิ้นเจินเก็บอาการหวาดวิตก พยายามสู้สายตาเหวินเยี่ย เพกากับอวี้เหลียนเหยียดสายตามองเหม่ยอิงที่มีความหวาดระแวงไม่สบายใจ

กี่เพ้า ตอนที่ 11 (ต่อ)

เวลากลางคืน เหม่ยอิงกระวนกระวายใจรอจิ้นเจินที่รีบเดินมาหา
“โทรตามผมมาทำไม พี่เยี่ยคอยดูผมอยู่”
เหม่ยอิงถามอย่างร้อนใจ
“คุณเยี่ยระแคะระคายเรื่องเราหรือเปล่า”
“ไม่”
“แน่ใจเหรอ”
“พี่เยี่ยรู้ ป่านนี้ผมกับคุณไม่ได้อยู่เป็นสุขหรอก”
“แล้วเหลียนกับเพกาล่ะรู้หรือเปล่า สายตาที่พวกมันมองฉันดูแปลก ๆ”
จิ้นเจินไม่ตอบแต่เดินหนี เหม่ยอิงรีบจับไว้
“คุณจิ้นจะไปไหน”
“เราไม่ควรพบกันอีก ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย”
จิ้นเจินสะบัดมือ เดินออกไป
“แย่แล้ว คราวนี้แย่แน่” เหม่ยอิงพูดอย่างหวาดกลัว

ภายในห้องดอกไม้ เพกาดูแผนภูมิที่ทำไว้
"กำไลหยกคุณนายรองต้องเก็บอยู่ในเซฟใบนั้นแน่ๆ ทำไงจะเปิดดูได้"
เพกาเดินครุ่นคิด แล้วก็นึกแผนออก
"ต้องยืมมือคนใกล้ตัว”

วันใหม่ บริเวณกึ่งกลางบันไดขึ้นลง เพกายืนคอยใครบางคนพลางชะเง้อมองไปชั้นบนอย่างลุ้นๆ สักครู่เพกาเห็นหลินเพ่ยเดินออกมา เพกายิ้มรีบลงบันไดมาหาอาซิ่วซึ่งกำลังใช้ผ้าแห้งเช็ดฝุ่นแท่นมุกที่ใช้วางป้ายชื่อร้านยาอยู่
เพกาแกล้งพูดเสียงดังให้รู้ถึงหูของหลินเพ่ย
"อาซิ่วคะ"
"มีอะไรคะคุณพิ้งค์"
"อาซิ่วเคยนึกสงสัยคุณนายรองไหมคะว่าเธอรักคุณเพ่ยเพ่ยมาก อาจฆ่าคุณเมย์ลีเปิดทางให้คุณเพ่ยเพ่ยได้แต่งงานกับคุณหมิงซาน หรืออย่างน้อย คุณหมิงเทียน"
ซิ่วหลานตกใจ
"คุณนายรองน่ะหรือคะ"
"ค่ะ เพราะถ้าคุณเมย์ลีได้เป็นสะใภ้ตระกูลเจ้า พอหมดคุณเยี่ย คุณนายรองต้องถูกเฉดหัวออกจากบ้านแน่"
หลินเพ่ยเขว สีหน้าคิดตามเพกา
"อีกอย่างภาพนิมิตที่วิญญาณคุณเมย์ลีให้ฉันเห็นตอนเธอถูกฆ่า กำไลหยกฆาตกรแตก ฉันไม่เคยเห็นคุณนายรองใส่กำไลหยกเลย คงเป็นเพราะกำไลหยกของเธอแตกตอนฆ่า เดี๋ยวนี้วิทยาการของตำรวจก้าวหน้าขึ้นทุกวัน หากมีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาแล้วพบว่าฆาตกรไม่ใช่เหว่ยแต่เป็นคุณนายรอง อนาคตคุณนายรองกับคุณเพ่ยเพ่ยคงแย่นะคะอาซิ่ว"
หลินเพ่ยเครียดขึ้นมาทันทีรีบเดินขึ้นบันไดกลับไปทางห้องแม่
"คุณหมกมุ่นกับเรื่องฆาตกรมากขนาดนี้เลยหรือคะคุณพิ้งค์" ซิ่วหลานถาม
เพกาหันไปมองเห็นหลินเพ่ยหายตัวไปแล้ว
"ไปล่ะอาซิ่ว ไม่กวนแล้ว"
เพกาขึ้นบันไดชั้นบนตามหลินเพ่ยไป
"เอ้า ไม่คุยต่อแล้วหรือคะ ทีเมื่อกี้ล่ะพูดจ๋อยๆ"

ซิ่วหลานได้แต่ยืนงงอยู่ต่อไป

ประตูห้องเปิดอยู่เพราะเหม่ยอิงลืมปิดประตูห้อง หลินเพ่ยเดินเร็วด้วยสีหน้ากังวลใจเข้ามา เพกาตามมาแอบดูที่ประตูห้อง ภายในห้อง หลินเพ่ยยกตู้เซฟใบเล็กออกมาจากใต้เตียงแล้วหมุนรหัสเปิดตู้เซฟ หยิบกล่องเครื่องประดับออกมาเทให้กระจายบนเตียง หลินเพ่ยมองหากำไล แต่ไม่พบ

“ไม่มีกำไลหยก”
เพกาเซ็งมองอย่างขัดใจ
หลินเพ่ยเก็บของใส่ตู้เซฟดังเดิม เพการีบหลบหายไปจากประตู หลินเพ่ยเดินออกไปห้องเพื่อตามหาแม่ เพกาออกจากที่ซ่อนเดินตามหลินเพ่ยไป

ภายในห้องนั่งเล่น ข้างโต๊ะมังกร เหม่ยอิงนั่งจิบชาอ่านนิตยสาร หลินเพ่ยเดินเข้ามาถาม เพกาตามมาแอบฟังอยู่
“คุณแม่ กำไลหยกคุณแม่อยู่ไหนคะ”
เหม่ยอิงคิดสักครู่
“ในเซฟมั้ง”
“ไม่มีค่ะ เพ่ยเพ่ยเปิดดูแล้ว”
“ลูกจะเอากำไลแม่ไปทำอะไร”
หลินเพ่ยกลั้นใจถาม
“คุณแม่ฆ่าเมย์ลีหรือเปล่าคะ”
“เพ่ยเพ่ย เอาที่ไหนมาพูด แม่ไม่ได้ฆ่าเมย์ลี”
“งั้นกำไลหยกอยู่ที่ไหนคะ”
“แม่ทำหล่นหาย”
“หายที่ไหนคะ”
เหม่ยอิงพูดบอกตามเรื่องจริง
“แม่จำไม่ได้”
“กำไลไม่ได้หาย แต่มันแตกตอนฆ่าเมย์ลีใช่มั้ยคะ”
“เอ๊ะ เพ่ยเพ่ยวันนี้เป็นอะไร ยายเมย์ลีมันตายไปแล้ว ต่อให้แม่เป็นคนฆ่ามัน แล้วไง มันก็สมควรตายอยู่แล้วนี่”
เพกาสีหน้าแค้นมากพลางนึกในใจ
“หนอยพูดออกมาได้ ชีวิตคนทั้งคนนะ”
“เพ่ยเพ่ยก็แค่อยากรู้ ยายพิ้งค์มันยืนยันว่าเหว่ยไม่ได้ทำ เกิดคุณพ่อให้ตำรวจรื้อคดีขึ้นมาใหม่ แล้วพบว่าคุณแม่เป็นคนทำ คุณพ่ออาจเฉดหัวเราออกจากบ้านไปก็ได้ ถึงยังไงเมย์ลีก็ลูกคนหนึ่งนะคะ”
“โธ่นึกว่าอะไรที่แท้ก็กลัวเรื่องนี้ อย่าบ้าตามยายพิ้งค์ไปหน่อยเลยน่า ฆาตกรก็คือเหว่ยนั่นล่ะ”
เพ่ยเพ่ยมองอิงจะเชื่อดีไหม
“แน่ใจนะคะคุณแม่ ไม่มีเรื่องเดือดร้อนมาถึงเราแน่นะ”
“ลูกก็จับคุณชายรองให้ได้เสียทีสิ จะได้ไม่ต้องมากังวลอยู่อย่างนี้”
หลินเพยนั่งลงอย่างกลัดกลุ้ม เหม่ยอิงช่วยคิด เพกาว้าวุ่นใจ

“ไม่เจอกำไลก็ไม่มีหลักฐานว่าคุณนายรองเป็นฆาตกรหรือเปล่า เจอทางตันอีกแล้ว ยายพิ้งค์เอ๊ย เฮ้อ”

วันใหม่ ภายในห้อง หมิงเทียนมองแหวนที่ซื้อให้เพกาอย่างกลัดกลุ้ม ซิ่วหลานยกน้ำชามาให้

“น้ำชาค่ะ”
ซิ่วหลานมองแหวนเพชร
“ยังไงคะเนี่ย”
“สุดท้าย ผมก็ยังไม่ได้ให้เขา”
หมิงเทียนสีหน้าเครียด ซิ่วหลานกลุ้มใจตาม

ภายในห้องครัว ซิ่วหลาน อี่เหวิน เจิ้นหลุนนั่งกินข้าวกันอยู่ ซิ่วหลานกินไป ขบคิดไป
“หน้าเครียดเชียว ถ่ายไม่ออกหรืออาซิ่ว” เจิ้นหลุนถาม
“ไอ้บ้า ฉันกำลังกลุ้มใจเรื่องคุณชายรอง เธอซื้อแหวนเพชรมาให้คุณพิ้งค์ แต่ไม่ยอมให้ซะทีเพราะรู้สึกผิด ผิดตรงไหนนักหนา เฮ้อ”
“คราวที่แล้วกำไล คราวนี้แหวนเพชรเลยหรือ”
ซิ่วหลานพยักหน้า
“เรื่องนี้พูดยากอาซิ่ว หลังคุณเมย์ลีตาย คุณชายรองตั้งใจจะไม่รักใครอีกเลย ไม่เคยมองใครจริงๆนะ นี่ถ้าไม่มีคุณพิ้งค์ ฉันว่าคุณชายรองไม่แต่งงานแน่ๆ” อี่เหวินบอก
เป่าหลินยืนแอบฟังอยู่นอกครัวแล้วพึมพำ
“ต้องรีบไปรายงานคุณหนู”
เป่าหลินวิ่งแจ้นออกไปทันที

พอรู้เรื่องจาเป่าหลิน หลินเพ่ยก็เดินสีหน้าเครียดไปเปิดประตูห้องหมิงเทียนในทันที เป่าหลินตามเข้ามาและปิดประตูให้ หลินเพ่ยค้นของ เปิดตู้นั้น ตู้นี้จนเจอกล่องแหวนของหมิงเทียนที่เก็บไว้ หลินเพ่ยหยิบขึ้นมาดูด้วยความเจ็บใจมาก
“เห็นมั้ยคะคุณชายรองซื้อแหวนไว้จริงๆด้วย สวยด้วยค่ะคุณหนู”
หลินเพ่ยน้ำตารินไหลลงมาทั้งเสียใจในตัวหมิงเทียนและแค้นเพกา หลินเพ่ยเก็บแหวนไว้ที่เดิมแล้วกระแทกลิ้นชักเก็บก่อนจะเดินออกจากห้องไป

หลินเพ่ยเดินมายังห้องดอกไม้เพื่อหาเพกาเป็นเป้าหมายต่อไป
“นังเพกา”
“มันไม่อยู่ค่ะคุณหนู ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า” เป่าหลินบอก
หลินเพ่ยเข้าไปกวาดของบนโต๊ะเครื่องแป้งของเพกาลงพื้น
“พังข้าวของของมันให้หมด ดูซิมันจะทนได้แค่ไหน”
“งานง่ายๆ แถมสนุกอีกด้วย” เป่าหลินบอก
เป่าหลินช่วยกวาดของบนโต๊ะทำงานลงมา ทั้งยังฉีกเอกสารเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนเกลื่อนพื้น
หลินเพ่ยสะใจกดโทรศัพท์หาเพกา
“อีกชั่วโมงไปเจอฉันที่ท่าเรือ Central Ferry ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
พูดแค่นั้น หลินเพ่ยที่สีหน้า แววตาเอาเรื่องก็กดวางสาย

ในเวลาต่อมา เพกามาตามนัดพลางมองหารอบตัวหลินเพ่ยที่เดินเข้ามา
“มองอะไร”
“นักเลง มือปืน อาวุธทำลายล้าง”
“เอามาฆ่าแกน่ะหรือก็อยากอยู่ เสียดาย ประเทศนี้มีความปลอดภัยสูง”
“คุณนัดฉันทำไม”
หลินเพ่ยยื่นเช็คธนาคารฮ่องกงจำนวน 250,000 HK$ ให้
“เช็คเงินสดคิดเป็นเงินไทยหนึ่งล้านบาท เอาไปซะแล้วกลับบ้านไป”
“คุณหนูตระกูลเจ้าแจกเงินคนทีละล้าน รวยจริ๊ง”
“ถ้าไม่มีแก สักวันหนึ่งพี่หมิงเทียนก็ต้องเป็นของฉัน”

“ใช้กำลัง ใช้เงิน ซื้อความรักไม่สำเร็จหรอก”

“ใช้ความสงสารซื้อความรักสำเร็จแน่ แค่ใช้เวลา พี่หมิงเทียนรักและสงสารฉันมาตลอด ชีวิตของเขา เขาเห็นฉันเป็นน้องเสมอ ถ้าแกคบกับเขา แกจะมีฉันเป็นน้องสะใภ้ แกคิดว่าชีวิตของแกจะมีความสงบสุขหรือ จะเอาชีวิตแบบนั้นจริงๆหรือ”

เพกาคิดตามชักตระหนกเหมือนกัน
“คุณเพ่ยเพ่ย”
“รับเงินนี่แล้วไปซะ”
เพกามองเช็คเกิดลุกฮึดสู้
“คุณขู่เมย์ลีแบบนี้เหมือนกันใช่ไหม”
“ใช่ อยากฟังไหมล่ะว่าแม่นั่นโดนอะไรบ้าง”

ในอดีต หลินเพ่ยอาละวาด กวาดหนังสือเรียนบนโต๊ะสุคนธาลงมาที่พื้น ข้าวของตกเกลื่อนกระจายบนพื้นห้อง สุคนธาไม่กล้าห้าม ได้แต่ยืนหน้าซีดอยู่
“เก็บ”
“คะ”
“ฉันสั่งให้แกเก็บ นังโง่”
สุคนธาก้มเก็บของที่หลินเพ่ยรื้อจนเก็บเสร็จ หลินเพ่ยก็รื้อโยนข้าวของไประเกะระกะทั่วห้องอีก
“เก็บขึ้นมาอีก”
“เลิกแกล้งกันซะทีเถอะค่ะคุณเพ่ยเพ่ย”
“ถ้าแกยังคงสถานะเป็นลูกบุญธรรมคุณพ่อ ฉันก็จะอยู่บ้านนี้กับแกอย่างสันติ แต่เมื่อไหร่ที่แกพยายามเลื่อนฐานะเป็นคุณนายรอง ฉันก็จะทำแบบนี้กับแก"
หลินเพ่ยโยนหนังสือเรียนของสุคนธาทิ้งไปนอกหน้าต่าง
“จำไว้นะ แกได้พี่รอง แกก็จะได้ฉันจองล้างจองผลาญแกไปชั่วชีวิต แกมีลูก ฉันก็จะรังแกลูก ๆ ของแก ให้แกเป็นห่วง นอนไม่หลับผวาตื่นทุกวินาที”
“คุณใจร้ายมาก”
สุคนธาร้องไห้โฮ
“ยังอยากได้พี่รองอีกมั้ยล่ะ”

หลินเพ่ยยิ้มร้ายหันมาพูดกับเพกา
“ทีนี้รู้แล้วใช่มั้ย รับไปสิ”
เพกาฟังแล้วนึกสงสารสุคนธาจับใจ ที่ชีวิตมีแต่คนรังแก
“คุณนี่มันนางมารร้ายจริงๆ เมย์ลีต้องอยู่กับความกลัวตลอดชีวิต บทเรียนจากชีวิตแสนเศร้าของเมย์ลีสอนฉันเรื่องอะไรรู้ไหม เขาสอนฉันให้เข้มแข็ง สอนให้เราอย่าตกเป็นเหยื่อความกลัว”
เพกาดึงเช็คมาฉีกกระจุยไปต่อหน้า
“ฉันจะไม่ไปจากฮ่องกงเพราะกลัวคุณ ไม่มีวัน”
เพกายิ้มเยาะแล้วเดินจากไป หลินเพ่ยโกรธจัดแทบกรี๊ด
“นังเพกา”

เพกากลับเข้ามาในห้อง เจอข้าวของที่กระจายอยู่ก็ตกใจ
“เอ๊ะนี่มัน”
เพกานึกได้
“คุณนี่มันโรคจิตจริงๆเลย เพ่ยเพ่ย”

เพกาเริ่มเก็บของอย่างรวดเร็ว ไม่เสียใจ แต่โกรธและไม่ยอมแพ้

จบตอนที่ 11

อ่านต่อตอนที่ 12 เวลา 17.00น.
กำลังโหลดความคิดเห็น