กี่เพ้า ตอนที่ 7
อี่เหวินชี้ที่หน้าจอคอมพ์ในห้องทำงานให้หมิงเทียนและลี่ผิงดูภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณหน้าห้องเพกา ทางเดินว่างเปล่าตลอดทั้งคืน
“ดูเวลาสิครับ เมื่อคืนนี้ทั้งคืน ไม่มีความเคลื่อนไหวหน้าห้องคุณเพกาเลย” อี่เหวินบอก
“ไม่ได้เดินเข้าทางประตูหน้า แล้วมันจะเข้าทางไหนได้อีก”
หมิงเทียนงุนงง ลี่ผิงสีหน้าเครียดตามทันที
เพกากับซิ่วหลานยืนมองเจิ้นหลุนใส่ถุงมือทั้งสองข้างกำลังเก็บหนูตายใส่ถุงดำและกำลังผูกปากถุงอยู่ มีดที่ใช้แทงวางอยู่ข้างๆ หมิงเทียน ลี่ผิงและอี่เหวินเดินตามมาสมทบ
“ได้เรื่องมั้ยค่ะ”
“กล้องวงจรปิดไม่มีเบาะแสอะไรเลย ชุดกี่เพ้าโบตั๋นนั่นล่ะคุณพิ้งค์” หมิงเทียนบอก
“ฉันเอาไปซักน้ำสบู่แล้วค่ะ โชคดีตรงที่เลอะซักออกหมด”
“หมิงเทียน ลูกไม่ควรเก็บชุดกี่เพ้าโบตั๋นเอาไว้นะ” ลี่ผิงบอก
“อย่าห้ามผมเลยครับ ผมขอให้คุณพิงค์ช่วยซ่อมให้เหมือนเดิมครับ”
ลี่ผิงกำลังจะทักท้วง แต่หมิงเทียนบอก
“ถึงคุณแม่ห้าม ผมก็ไม่เปลี่ยนใจ”
ลี่ผิงมองหมิงเทียนที่ดื้อดั้นอย่างเซ็งๆ เจิ้นหลุนจะเอาหนูตายออกไปทิ้ง มือถือมีดอยู่ข้างหนึ่ง
“อาหลุน ส่งมีดนั่นมาให้ฉัน” เพกาบอก
“เอาไปทำอะไรครับ”
“เก็บไว้จับตัวคนทำ”
เจิ้นหลุนกำลังจะส่งมีดให้เพกา แต่หมิงเทียนใช้ผ้าเช็ดหน้าตัวเองจับมีดแย่งมาจากมือหลุน
“ผมจะเอาไปให้ตำรวจเอง อาจมีรอยนิ้วมือเหว่ย”
“ฉันมั่นใจว่าไม่ใช่เหว่ย”
“ผมก็มั่นใจไม่ใช่ฝีมือเพ่ยเพ่ย”
“แต่ฉันเป็นผู้เสียหาย ฉันมีสิทธิ์เก็บหลักฐานไว้”
“เพกา ให้หมิงเทียนเอาไป”
เพกาทำหน้าเซ็งที่ลี่ผิงเข้าข้างหมิงเทียน
“งั้นฉันขอถ่ายรูปไว้”
เพกาเอามือถือมาถ่ายรูปมีดเก็บไว้ และอดคิดไม่ได้ว่า ใครเป็นคนทำ
ทุกคนเดินออกจากห้อง
ภายในห้องอาหาร วันนี้ทุกคนนั่งกินข้าวกันพร้อมหน้า เพกามองไล่ทุกคนและใช้ความคิด
“ใครสักคนในบ้านตระกูลเจ้าคือฆาตกรฆ่าเมย์ลีแล้วซัดทอดไปให้เหว่ย ใครสักคนนั้นกำลังกลัวเรารู้ความจริงเลยเอามีดมาปักหนูทิ้งไว้ในห้องเรา เพื่อขู่ให้เรากลับเมืองไทย ใครสักคนที่ใส่กำไลหยกต้องเป็นกำไลหยกมีสายทองรัดด้วย เราต้องตามหาคนคนนั้น"
เพกามองไปที่ซิ่วหลาน อี่เหวิน เจิ้นหลุน เป่าหลินที่ยืนเรียงแถวกันอยู่ในมุมหนึ่งเพื่อรอรับใช้ เพกามองทุกคนที่มีกำไลหยก
“พวกคนงานไม่มีใครน่าสงสัย กำไลก็ปรกติ ของซิ่วก็แตกเพราะช่วยเรา”
สายตาของเพกาเลื่อนมาที่ข้อมือของหลินเพ่ยและเหวินเยี่ยตามลำดับ
“เพ่ยเพ่ย คุณเยี่ย กำไลไม่แตก ไม่มีสายทองรัดตัดทิ้งไปก่อน”
เพกามองจิ้นเจิน หม่ยอิงตามลำดับ
“คุณจิ้น คุณอิงไม่มีกำไล ทำไมถึงไม่ใส่ ไม่ใส่เพราะมันแตกตอนฆ่าเมย์ลีหรือเปล่า น่าสงสัยมาก"
เพกาเลื่อนสายตาต่อไปอีก ที่กำไลหมิงเทียนและของเหลียน ทั้งคู่เป็นกำไลที่มีสายทองรัดมาตั้งแต่ต้น
“คุณเหลียน คุณหมิงเทียน สองคนนี้กำไลเคยแตก อาจแตกเพราะฆ่าเมย์ลี เฮ้อ สองคนนี้เนี่ยนะ ดูไม่น่าใช่เลย เฮ้อ ปวดหัว"
จู่ๆ เหวินเยี่ยก็พูดขึ้นจนเพกาหน้าซีด
“ถ้ายังไม่เลิกมองกำไล ไม่เลิกสงสัยคนในบ้านนี้ ทีหลังไม่ต้องมากิน”
เพกาหน้าจ๋อยยิ้มแห้งๆให้เหวินเยี่ย เหม่ยอิงกับหลินเพ่ยสะใจ
ในวันใหม่ ช่วงเวลากลางวัน เพกาเดินเล่นอยู่ในสวนหน้าบ้าน เห็นอวี้เหลียนกำลังจะออกไปทำงาน
“วันนี้ออกสายนะคะ” เพกาทักทาย
“หมอนัดตรวจค่ะ เลยเข้างานสายหน่อย”
“ไม่สบายเป็นอะไรคะ”
“โรคประจำตัวน่ะค่ะ”
อวี้เหลียนกำลังจะหยิบกุญแจรถในกระเป๋าถือ เพกาเหลือบไปเห็นมีดพับในกระเป๋าเหลียนซึ่งมีด้ามคล้ายมีดพับที่ปักบนหนูตาย เพกาเห็นแค่แว้บเดียวไม่ชัดเจน ไม่มั่นใจจึงพูดขึ้น
“เอ๊ะมีดนั่น ขอดูหน่อยได้ไหมคะ”
“ทำไมหรือคะ”
“เอ้อ มันเหมือนกับมีดที่”
หนูที่มีมีดปักนั้น ด้ามมีดเป็นลายเดียวกับของเหลียน เป็นมีดแบบชุด หนึ่งกล่องมีหลายขนาด มีดบนตัวหนูมีขนาดใหญ่กว่าที่อยู่ในพวงกุญแจของอวี้เหลียน
อวี้เหลียนจะรีบไปจึงรูดซิปปิดกระเป๋า แล้วพูดตัดบท
“วันนี้ฉันรีบ มีประชุมค่ะ ไปก่อนนะคะ”
ความรีบเร่งของอวี้เหลียนกลายเป็นมีพิรุธในสายตาของเพกา
“ฆาตกรที่ฆ่าเมย์ลีมีกำไลสายทองรัด ตรงกับคุณเหลียน หรือว่าคือคุณเหลียน”
เพกามองอวี้เหลียนขับรถออกไป ในใจมีแต่เรื่องฆาตกร
เพกาเดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง และเจอกับหมิงเทียนที่จะออกไปทำงานพอดี
“มีดที่ปักหนู อยู่ไหนคะ”
“ผมเอาให้ตำรวจไปแล้ว บอกคุณแล้วนี่”
เพกามองหมิงเทียนอย่างระแวงแล้วถาม
“แน่ใจหรือคะว่าให้ตำรวจไปแล้ว”
“อะไรของคุณอีกล่ะ ผมต้องไปทำงาน”
หมิงเทียนเดินออกไป เพกามองตามอย่างไม่ไว้ใจ
“ถ้าเขาไม่เอาไป แต่เอากลับไปคืนคุณเหลียนล่ะ เขาอาจจะปกปิดให้คุณเหลียน เหมือนเรื่องซิ่วส่งกี่เพ้าดอกโบตั๋นกลับเมืองไทยก็ได้”
เพกานั่งลงอย่างกลัดกลุ้ม
ภายในตึกบริษัท เจ้าฟาร์มาซี ได้แบ่งเป็นแผนกต่าง ๆ อวี้เหลียนนั่งกดเครื่องคิดเลขอยู่ที่โต๊ะหัวหน้าแผนกบัญชี เสียงหัวเราะจิ้นเจินดังเข้ามา อวี้เหลียนเงยหน้าดูก็เห็นสามีกำลังหัวเราะหัวใคร่กับพนักงานสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม จิ้นเจินนั่งบนโต๊ะทำงานของพนักงานสาวและคุยกันอย่างสนิทสนม
อวี้เหลียนเกิดอาการหึงและลุกไปหาจิ้นเจินแต่แสร้งยิ้มประจบ
“ใกล้เวลาประชุมแล้วนะคะ”
“รู้แล้ว” น้ำเสียงจิ้นเจินแสดงความรำคาญ
จิ้นเจินยิ้มให้พนักงานสาวแล้วเดินไป อวี้เหลียนตาเขียวปั้ดใส่พนักงาน จนพนักงานสาวหงอด้วยความกลัว รีบก้มหน้าทำงานต่อไป
ภายในห้องประชุมของบริษัทยา จิ้นเจินหยดน้ำหอมใส่แผ่นกระดาษทดสอบให้ทุกคนดมกลิ่นน้ำหอมใหม่ของบริษัท
“กลิ่นดอกไลแลค”
“หือ หอมแรงมาก” หมิงเทียนบอก
จิ้นเจินบอกต่อ
“ส่วนผสมยังไม่คงที่ต้องปรับปรุงอีกเล็กน้อย และนี่ กลิ่นดอกจัสมินนำเข้าดอกมะลิจากประเทศฝรั่งเศส”
หมิงเทียนดมกลิ่นจัสมินแล้วบอก
“หอมละมุน มีเสน่ห์ไปคนละแบบกับกลิ่นดอกไลแลค ทุกคนเห็นว่ายังไงครับ”
พนักงานคนหนึ่งบอกว่า
“กลิ่นดอกไลแลคเหมาะทำน้ำมันหอมระเหยมากกว่าครับ หอมแรงดี”
พนักงานผู้หญิงอีกคนแสดงความเห็น
“60 % ของฐานลูกค้าเราเป็นผู้หญิงนะคะ ผู้หญิงชอบน้ำหอมกลิ่นอ่อนๆ”
“เราเคยทำน้ำมันหอมระเหยกลิ่นกุหลาบ หอมอ่อนๆ ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร” พนักงานคนแรกบอก
อวี้เหลียนเป็นคนเดียวในที่ประชุมที่ไม่แสดงความเห็น
“ในความเห็นผม กลิ่นจัสมินทำตลาดได้ทั่วเอเชีย เพราะแทบทุกประเทศในเอเชียมีดอกมะลิ เป็นกลิ่นที่คุ้นเคยดีอยู่แล้ว” จิ้นเจินว่า
หมิงเทียนเห็นอวี้เหลียนนั่งเงียบอยู่ก็ถามขึ้น
“น้าเหลียนชอบกลิ่นไหนครับ”
“เหมือนคุณจิ้นค่ะ กลิ่นจัสมิน”
จิ้นเจินส่งสายตามองอวี้เหลียนอย่างเอือมระอาที่เธอไม่เคยมีความคิดเห็นเป็นของตัวเอง
“แต่กลิ่นไลแลค ก็เอาไปขายฝรั่งได้นี่ครับคุณจิ้น” พนักงานคนแรกว่า
“จากที่ผมไปดูงานที่ยุโรป ฝรั่งนิยมกลิ่นลาเวนเดอร์มากกว่า ไลแลคทำตลาดยาก”
ภายในที่ประชุมถกเถียงกันต่อเพื่อหาข้อสรุป อวี้เหลียนได้แต่นั่งฟังอย่างเดียวไม่กล้าแสดงความเห็น
ในเวลาต่อมา อวี้เหลียนเข้ามาหาจิ้นเจินในห้องทำงาน ขณะนั้นเขากำลังจัดเอกสารใส่กระเป๋า
“วันนี้กินร้านไหนคะ”
“ผมนัดลูกค้าไว้”
“ลูกค้าผู้หญิงหรือผู้ชาย” อวี้เหลียนถามด้วยความหึงหวง
จิ้นเจินไม่พอใจกระแทกกระเป๋าเอกสาร อวี้เหลียนไม่กล้าหือ เกรงใจขึ้นมาทันที
“ขอโทษค่ะ เย็นนี้อยากกินอะไรคะ ฉันจะสั่งให้อาซิ่วทำ”
จิ้นเจินขึ้นเสียง
“ก็บอกแล้วว่านัดลูกค้าคุยเสร็จกี่โมงไม่รู้”
“กลับดึกมั้ยคะ”
“อะไรกันนักกันหนา ผมไม่ใช่ลูกคุณนะ ผมเป็นสามีคุณ”
อวี้เหลียนน้ำตาคลอยิ่งทำให้จิ้นเจินหงุดหงิดไม่พอใจ เขาส่ายหัวดิกอย่างระอา เพราะเบื่ออวี้เหลียนมาก จิ้นเจินเดินออกไปอย่างไม่แยแส อวี้เหลียนได้แต่น้ำตาซึมด้วยความน้อยใจ
ภายในพิพิธภัณฑ์ในคฤหาสน์ตระกูลเจ้าเวลากลางคืน เพกายังนั่งค้นข้อมูลเกี่ยวกับมาดามซ่งชิงหลินจากอินเตอร์เน็ต
“ไม่มีข้อมูล มาดามซ่งตัดกี่เพ้าร้านไหนเลย เฮ้อ”
เพกานั่งอ่าน iPad มาทั้งวันจนปวดคอ เพกาปิด iPad เลิกงาน
เพกากำลังจะขึ้นข้างบนก็เห็นอวี้เหลียนในชุดนอนยืนตรงประตูบ้าน เพกาแอบดูอยู่
“ดึกดื่นป่านนี้ยังไม่นอน มีพิรุธ”
ซิ่วหลานเดินมาหาอวี้เหลียนแล้วพูดขึ้น
“ปิดประตูรั้วแล้วนะคะ คุณเหลียนขึ้นนอนเถอะค่ะ ซิ่วอยู่รอเอง”
“ฉันอยากรอ”
ซิ่วหลานปล่อยให้อวี้เหลียนรอจิ้นเจิน ซิ่วหลานกำลังจะเดินผ่านไป เพกากวักมือเรียกซิ่วหลานมาหาก่อนดึงคนรับใช้หลบไม่ให้อวี้เหลียนเห็น
“ทำอะไรคะ ลับ ๆ ล่อ ๆ” ซิ่วหลานถามเพกา
“คุณเหลียนรอใครคะ”
“คุณจิ้นค่ะ”
“อ้อ … รอสามี”
เพกาเริ่มสนใจอวี้เหลียนอย่างจริงจัง
เมื่อคืนก่อนก็เช่นเดียวกับคืนนี้ อวี้เหลียนถูกจิ้นเจินทิ้งให้นอนคนเดียวอย่างเปล่าเปลี่ยว เธอได้แต่ร้องไห้กระซิกพลางลูบผ้าปูที่นอนในฝั่งที่เคยมีจิ้นเจินเคียงกาย ทว่า...ว่างเปล่า
กี่เพ้า ตอนที่ 7 (ต่อ)
อีกหลายวันต่อมา เพกาตามดูชีวิตประจำวันของอวี้เหลียน
เป่าหลินเข็นรถเข็นแขวนชุดมาให้แล้วเดินออกไป เหลียนรับมาและเริ่มจัดชุดทำงานจิ้นเจิน ให้เข้าเซต เสื้อเชิ้ตตัวไหนใส่กับเนคไทอันไหน และกางเกงสแล๊คตัวไหน เธอมีความตั้งใจทำอย่างดี เพกาแอบดูอวี้เหลียนแล้วคิด
“ผู้หญิงคนนี้เป็นช้างเท้าหลังขนานแท้ ถึงเป็นผู้หญิงทำงาน ก็ดูแลปรนนิบัติสามีไม่ขาดตกบกพร่อง”
ที่มุมพักผ่อนของวันใหม่ จิ้นเจินนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ อวี้เหลียนยกกาแฟมาให้แล้วนั่งลงข้างๆ อวี้เหลียนปักผ้า จิ้นเจินกำลังเอื้อมมือหยิบคุกกี้ในจาน เธอรีบวางมือจากผ้าที่ปักอยู่เอื้อมหยิบคุกกี้ส่งให้
“ช่างเอาใจเป็นภรรยาแสนดี”
ที่ห้องโถงในวันหนึ่ง อวี้เหลียนไม่สบายเอนนอนซม ไอแค่กๆ ลี่ผิงดูแลเอายาจีนให้กิน จิ้นเจินแต่งตัวหล่อจะออกไปข้างนอก จิ้นเจินมองอวี้เหลียนอย่างไม่ใส่ใจ ไม่เป็นห่วง เพกาที่แอบดูอยู่อดเคืองไม่ได้
“ทั้งที่สามีไม่ค่อยเอาใจใส่ แย่มาก”
ในสวนอีกวันหนึ่ง อวี้เหลียนหยิบยาจากถาดมากินและดื่มน้ำตาม
“คุณเหลียนอ่อนแอป่วยบ่อย หรือนี่เป็นสาเหตุให้สามีเบื่อหน่าย”
บริเวณเฉลียงด้านหน้าบ้านในเวลากลางคืน อวี้เหลียนไม่สบาย ยืนไอรออยู่จนดึก รอจนจิ้นเจินกลับบ้าน เพกาแอบดูอยู่
“ให้ป่วยยังไง ก็อดหลับอดนอนรอสามี”
จิ้นเจินเมากึ่มกลับมาบ้าน อวี้เหลียนเข้าไปประคองสามีเข้าบ้านแล้วถอดรองเท้าให้ จิ้นเจินทำนามบัตรตกจากกระเป๋า อวี้เหลียนหยิบนามบัตรมาอ่านแล้วโวยวายหึงหวง พลางปลุกจิ้นเจินมาถามเรื่องนามบัตร เขาลุกขึ้นโวยวายตอบแล้วทะเลาะกัน
“คุณเหลียนขี้หึง ระแวง หาว่าคุณจิ้นแอบมีผู้หญิงนอกบ้าน”
จิ้นเจินด่าจนภรรยาร้องไห้ จิ้นเจินเดินขึ้นข้างบนปล่อยทิ้งอวี้เหลียนไว้ อวี้เหลียนขยำนามบัตร เพกาที่แอบดูอยู่ก็พึมพำ
“เมย์ลีเป็นคนสวย เป็นไปได้ไหม คุณเหลียนระแวง หึงเมย์ลีกับคุณจิ้น ฆ่าเมย์ลีตาย”
ภายในสวน เพการดน้ำต้นโบตั๋นพลางมองซ้าย มองขวาดูว่า มีคนมองมาไหม เพราะกำลังจะทำอะไรเพี้ยนๆ
เพกาพูดกับดอกโบตั๋น
“คุณหมิงเทียนบอกว่าดอกโบตั๋นเป็นตัวแทนคุณ คุณเมย์ลี ส่งสัญญาณบอกฉัน ฆาตกรใช่คุณเหลียนหรือเปล่า ถ้าใช่ขอให้ดอกโบตั๋นร่วงเดี๋ยวนี้"
ดอกโบตั๋นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หมิงเทียนเดินเข้าพอดีและพูดขึ้น
“ดูคุณชอบดอกโบตั๋นเหมือนเมย์ลี”
เพกาปวดใจจี๊ดที่หมิงเทียนเอาเธอไปเปรียบเทียบกับสุคนธา
“ฉันชอบดอกทานตะวันค่ะ” เพกาตั้งใจบอกหมิงเทียนเป็นนัยๆ ว่า เธอไม่ใช่สุคนธา
“ผมมาชวนคุณออกไปหาอะไรกินกัน”
เพกายังอยู่ในอารมณ์งอน
“ไม่ไปค่ะ”
“โกรธอะไรผมอีก เอางี้ให้คุณเลือกร้านก็ได้”
เพกาคิด เสียงแทรกในใจว่า
“ไปหาที่คุยกับเขานอกบ้านก็ดีจะได้ถามเรื่องคุณเหลียน”
“อยากกินอะไร” หมิงเทียนถามย้ำ
หลินเพ่ยกับเหม่ยอิงเดินตามมาดูหมิงเทียนกับเพกาที่สวนโบตั๋น
“เพ่ยเพ่ยอยากกินติ่มซำค่ะ”
“ยังไม่หายดีอย่าออกไปเลย พี่จะซื้อมาฝาก”
“ถ้าพี่หมิงเทียนไม่พาเพ่ยเพ่ยไปด้วย เพ่ยเพ่ยจะไม่กินยา” หลินเพ่ยพูดขู่
เหม่ยอิงได้โอกาสก็ช่วยลูกสาวขู่หมิงเทียนด้วย
“อยากให้อาการเพ่ยเพ่ยกำเริบ ฆ่าตัวตายอีกหรือคะ คุณชายรอง"
หมิงเทียนถอนหายใจ หลินเพ่ยยิ้มอย่างคนมีแต้มต่อ เพกามองอย่างเซ็งๆ
หมิงเทียนพาเพกากับหลินเพ่ยมากินติ่มซำ เพกามองไปรอบๆ อย่างสนใจ หมิงเทียนเอากาน้ำร้อน ลวกจานชาม แล้วเททิ้งในอ่างแก้ว เพกามองแล้วทำตามแบบคนฮ่องกงทีละขั้นตอน หมิงเทียนยิ้มเอ็นดู
“น้ำร้อนหมดเราก็วางฝาอย่างนี้ เดี๋ยวบริกรจะมาเติมให้”
หมิงเทียนทำให้ดู เพกายิ้ม หลินเพ่ยมองค้อนขวับ
หลินเพ่ยนั่งฝั่งเดียวกับหมิงเทียน เมื่อบริกรยกติ่มซำมาเสริฟ หลินเพ่ยวางติ่มซำฝั่งตัวเองกับหมิงเทียน ทำเหมือนกับว่าเพกาไม่ได้มากินด้วย
“เพ่ยเพ่ย พี่ขอสงบศึกกันซักวัน” หมิงเทียนบอก
หลินเพ่ยอมเลื่อนติ่มซำให้เพกา ทั้ง 3 คนเริ่มทาน
“ฉันเห็นคุณเหลียนกินยาเป็นกำ เป็นโรคอะไรคะ” เพกาถาม
“เอสแอลอี ภูมิคุ้มกันบกพร่อง” หมิงเทียนบอก
“มิน่า ป่วยบ่อย คุณเหลียนกับคุณจิ้นแต่งงานกันมากี่ปีแล้วคะ”
“10 กว่าปี”
หมิงเทียนเห็นหน้าตาเพกาเหมือนกำลังบันทึกข้อมูลอยู่ก็พูดขึ้น
“อย่าบอกนะ คุณสงสัยน้าเหลียนเป็นฆาตกร”
“เปล่าค่ะ คนอยู่บ้านเดียวกัน ฉันก็อยากรู้ ใครเป็นยังไง”
“ขอให้แค่นั้นจริง ๆ เถอะ สั่งฮะเก๋าไส้กุ้งเพิ่มมั้ย”
“พี่หมิงเทียนสั่งมาชุดหนึ่งแล้วนี่คะ ยังกินไม่หมด” หลินเพ่ยบอก
“นึกว่าจะชอบกัน ตอนพี่พาเมย์ลีมา เมย์ลีกินคนเดียว 2 ชุด”
เพกากับหลินเพ่ยชักสีหน้าตึงและบึ้งขึ้นพร้อมกันด้วยความหึง หลินเพ่ยวางตะเกียบ เพกาวางตามเช่นกัน
“ลมหายใจเข้าหายใจออกของพี่มีแต่เมย์ลี ไปไหนก็นึกถึง” หลินเพ่ยบอก
“ไม่สั่งก็ไม่สั่ง อย่าโวย”
“เมื่อไหร่พี่จะเลิกคิดถึงเมย์ลีคะ หรือเพ่ยเพ่ยต้องทนฟังชื่อเมย์ลี เมย์ลี เมย์ลีไปตลอดชีวิต”
หมิงเทียนหยิบเมนูขึ้นมาดูเพราะไม่อยากทะเลาะด้วย
“พี่จะสั่งอย่างอื่น”
หลินเพ่ยมองค้อนหมิงเทียนก่อนสังเกตเห็นว่า สีหน้าเพกาก็มีอาการหึงหมิงเทียนเรื่องเมย์ลีเช่นเดียวกับตน หลินเพ่ยยิ้มร้ายเพราะมีอาวุธไว้เล่นงานเพกาแล้ว
จากร้านติ่มซำ หมิงเทียนพาเพกากับหลินเพ่ยเดินมาถึง Central Ferry Pier
“รอตรงนี้นะ จะไปเอารถ ห้ามทะเลาะกันล่ะ”
เพกากับหลินเพ่ยพยักหน้ารับปาก หมิงเทียนเดินไปแต่อดกังวลไม่ได้ สองสาวส่งยิ้มให้หมิงเทียนเหมือนรับปากว่า ไม่ทะเลาะกันตามสัญญา แต่พอหมิงเทียนเดินหายไปเท่านั้น หลินเพ่ยก็เปิดศึกก่อนทันที
“กรรมสนองเธอแล้ว พ่ายแพ้ให้ผีนังเมย์ลี เหมือนกับฉัน”
“กินยาจนเพี้ยนแล้วคุณ ฉันไม่เคยกระโดดขึ้นสังเวียนยื้อแย่งคุณหมิงเทียนกับใคร”
“เชอะ ทำเป็นพูด พี่หมิงเทียนดูเธอไม่ออก แต่ผู้หญิงด้วยกันดูออก ฉันรู้ เธอหึงพี่หมิงเทียนกับนังเมย์ลี จะบอกให้ ในฐานะผู้มีประสบการณ์มาก่อน เธอกับฉัน เราไม่มีวันแทนที่นังผีนั่นได้”
เพกาถูกจี้ใจดำก็โพล่งออกมาเป็นชุด
“ฉันไม่อยากแทนที่ใคร ใครรักฉันก็ต้องรักที่ตัวฉัน ไม่ได้รักเพราะฉันหน้าตาเหมือนคนรักเก่า”
“น้าน เปิดเผยความในใจออกมาหมดเปลือก น้อยใจที่ถูกพี่หมิงเทียนใช้เป็นตัวแทนเมย์ลี โชคร้ายของเธอ หน้าดันเหมือนนังเมย์ลีอย่างกับแกะ”
“อย่างฉันนี่เรียกโชคร้าย คุณก็ต้องซวยสุดขีด ถึงกับใช้วิธีขู่ฆ่าตัวตายเรียกร้องความสนใจจากคุณหมิงเทียน ทุเรศ”
หลินเพ่ยโกรธผลักเพกาจนเกือบล้ม แต่เพกาเอามือจับยันตัวไว้
“แกกับฉันมันต้องตายกันไปข้าง”
“ไม่อยากทะเลาะกับคนบ้า”
เพกาสะบัดมือออกแรงผลักหลินเพ่ยออก และหนีกลับก่อนโดยไม่รอหมิงเทียน
เพกาแยกตัวกลับคฤหาสน์ตระกูลเจ้า มาถึงเพิ่งจะนั่งลง หมิงเทียนสีหน้าบึ้งก็เดินตามมาติดๆ
“ทำไมไม่รอผม”
เพการีบชิงอธิบาย
“คุณเพ่ยเพ่ยเขาหาเรื่องฉันก่อน ฉันโมโหเลยกลับ”
หมิงเทียนเสียงอ่อนลงบอก
“อ้าว เพ่ยเพ่ยเล่าตรงกันข้าม ผมเชื่อคุณ ผมขอไถ่โทษพาคุณไปดินเนอร์พรุ่งนี้”
หมิงเทียนกำลังเดินออกไปที่ประตู เพกาเดินตามแล้วพูดขึ้น
“ถ้าไปร้านที่เคยพาคุณเมย์ลีไป ฉันไม่ไป”
“ติดนิสัยเพ่ยเพ่ยมาอีกคน ชอบประชดผมเรื่องเมย์ลี”
“ใช่สิ ฉันนิสัยไม่ดี ไม่น่ารัก”
เพกาปิดประตูใส่หมิงเทียนที่ยืนอยู่หน้าห้องดอกไม้ ไม่เข้าใจเพกาว่างอนอะไรหนักหนา
“วันก่อนยังคุยกันดี ผู้หญิงนี่เข้าใจยากชะมัด”
หมิงเทียนเดินออกไปอย่างเซ็งๆ แต่ภายในห้อง เพกาสีหน้าเซ็งและเศร้า
“ฮึ่ย ทำอะไรไม่นึกถึงใจฉันเลย”
เย็นวันใหม่ อวี้เหลียนเพ่งกลับจากบริษัท และเดินเศร้าซึมจากหน้าตึกมาลงนั่งที่โต๊ะสนามตรงเทอเรซด้านห้องโต๊ะมังกร สีหน้าเหม่อเศร้า เพกาเดินเข้ามาแอบดูพิรุธ อวี้เหลียนมองเห็นเสื้อตัวเองมีด้ายยาวออกมา ก็เลยล้วงมีดพกออกมาตัดออก เพกามองมีดในมืออวี้เหลียนแล้วนึก
อวี้เหลียนวางมีดบนโต๊ะ
เพกานึกถึงมีดที่ปักอยู่ที่ตัวหนู มีดในมือหมิงเทียนที่เพกาถ่ายรูปไว้
“มีดแบบเดียวกับที่ปักบนตัวหนู คุณหรือเปล่าที่ขู่ฉัน เพราะเห็นว่าฉันกำลังสืบหาฆาตกร"
จู่ๆ อวี้เหลียนก็น้ำตาเอ่อร้องไห้ เพราะเธอกำลังนึกภาพที่จิ้นเจินจีบผู้หญิงที่แผนกบัญชีต่อหน้าต่อตา นึกถึงคืนที่นอนอย่างเปลี่ยวเหงาในห้องนอน
อวี้เหลียนขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งก็เห็นเพกาเข้าพอดีก็ทักทาย
“อ้าว คุณพิ้งค์ มานั่งสิคะ”
เพกาเดินมาหาอวี้เหลียน
“วันนี้คุณเหลียนกลับเร็วจังเลยนะคะ”
“ค่ะ คุณพิ้งค์เลิกงานแล้วหรือคะ”
“ค่ะ มีดคุณเหลียนกะทัดรัดดีนะคะ”
“บริษัทแจกมีดแบบนี้เป็นของที่ระลึกค่ะ” อวี้เหลียนบอก
“ของแจก”
“คุณเยี่ยไปสวิสก็เลยซื้อมาแจกพนักงาน แจกคนในบ้าน”
“แปลว่ามีดนี้ใครๆก็มี”
อวี้เหลียนพยักหน้าแล้วบอก
“เฉพาะพนักงานของเราก็ประมาณพันคน”
เพกาอึ้ง เสียงความคิดบอกว่า
“พันคน แปลว่าใครก็ได้ที่เอามีดมาปักหนู ไม่จำเป็นต้องเป็นคุณเหลียน ชมพูไม่ออกแล้ว เฮ้อ”
อวี้เหลียนมองเพกาอย่างสงสัย
เพกาเดินกลับมานั่งคอตกอยู่ในห้องตัวเอง
“คุณเหลียนเป็นผู้หญิงอ่อนแอมาก ไม่เคยมีปากมีเสียง เป็นเบี้ยล่างให้ครอบครัว คนแบบนี้ไม่น่าโหดเหี้ยมฆ่าเมย์ลีได้ คุณเหลียนไม่ใช่ฆาตกรแน่ๆ ไม่ใช่คุณเหลียนที่เป็นฆาตกร อุตส่าห์ตามดูเธอมาตั้งนาน ต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่อีกแล้ว จะกลับไปเริ่มที่ไหนดีล่ะ”
เพกาเห็นกระดาษที่เขียนว่าสื่อที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานพลางคิดถึงเหว่ย
“เหว่ยคือคนที่อยู่กับเมย์ลีคนสุดท้าย เขาจึงถูกตำรวจสงสัยว่าเป็นฆาตกร เหว่ยอาจจะมีข้อมูลให้เรา เราต้องหาทางเจอเหว่ยอีกครั้ง แต่เขาเป็นคนเร่ร่อน เราจะไปหาเขาที่ไหน"
เพกาเครียดอยู่แล้วนึกแวบขึ้นมาถึงสุสานตระกูลเจ้าที่เธอเคยพบเหว่ยเหอที่นั่น เพกาลุกออกไปจากห้อง
เพกาเดินมาที่สุสานตระกูลเจ้าแล้วมองไปรอบๆ
“อาเหว่ย คุณเคยลักลอบเข้ามาหาฉันแถวนี้ คุณจะมาอีกมั้ยนะ ฉันอยากเจอคุณจริงๆ”
เพกาเดินสะเปะสะปะไปเรื่อยๆ แล้วสายตาไปเห็นอะไรบางอย่างที่พื้นบริเวณที่เคยต่อสู้กับ เพกาหยิบกล่องไม้ขีดขึ้นมาจากพงหญ้า บนกล่องไม้ขีดมีชื่อโรงแรม
“กล่องไม้ขีด ชื่อโรงแรม ... หรือว่าจะเป็นของที่เหว่ยทำตก”
เพกาคิดมีหวังขึ้นมาหน่อยก่อนเดินออกไป
วันต่อมา เพกาเดินหาเกสต์เฮ้าส์บนถนนควีนส์ Road ที่มีชื่ออยู่บนกล่องไม้ขีด
“ฮ่องกงมีโรงแรมเพียบไอ้โรงแรมนี้ก็ทำท่าจะเป็นแค่โรงแรมจิ้งหรีดเพราะหาชื่อในอินเตอร์เน็ตไม่เจอ เฮ้อ จะหาเจอมั้ยเนี่ย"
เพกาหลับตาอธิษฐานถึงเมย์ลี
“คุณเมย์ลีคะ ช่วยดลบันดาลให้ฉันเจอเหว่ยทีเถอะคะ”
เพกาลืมตาขึ้น เห็นผู้ชายสวมหมวกใส่แว่นตาเดินก้มหน้า ถือหนังสือพิมพ์ไปตามทาง ผู้ชายคนนั้นคุ้นตามาก เพกาดีใจมาก ตะโกนเรียก
“เหว่ย โฮ้ย เป็นไปได้ไงเนี่ย”
เพกานึกได้ก็รีบปิดปาก เก็บอาการดีใจ เดินตามไปทันที
เพการีบข้ามถนน เดินเร่งฝีเท้าตามเหว่ยเหอ เธอเดินไล่ตามเหว่ยเหอเข้าตรอกซอกซอย เหว่ยก้าวเดินเร็วมาก ออกซอยโน้น เข้าตรอกนี้อย่างแคล่วคล่อง เพกาพลัดกับเหว่ยเหอที่เดินหายไปในตรอกๆ หนึ่ง เพกาวิ่งตามหามาเจอทางแยกพอดี
“ช่วยฉันอีกครั้งนะคะคุณเมย์ลี”
เพกาหลับตาชี้นิ้วเลือกไปทางหนึ่งก่อนตัดสินเดินไปทางนั้น
กี่เพ้า ตอนที่ 7 (ต่อ)
เพกาเดินโผล่จากตรอกมาเจอถนนใหญ่ อีกฝั่งเป็นสถานที่จอดเรือยอร์ช มีลานให้นั่งที่พักผ่อนหย่อนใจ เพกาเห็นเหว่ยเหอนั่งอ่านหนังสือพิมพ์บนม้านั่ง หนังสือพิมพ์บังใบหน้าเกือบครึ่ง แต่เพกาก็มั่นใจว่าใช่เหว่ยเหอ เพกาเดินไปหาแล้วดึงหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษมาจากเหว่ย
“คุณ หาผมเจอได้ยังไง”
เพกาโชว์กล่องไม้ขีดโรงแรม
“ฉันเจอหลังฮวงซุ้ย คงเป็นตอนที่คุณลากฉันเข้าไปในพงหญ้า ไหนคนบ้านเจ้าว่า คุณเป็นคนเร่ร่อน ตกลงนอนโรงแรมนี้หรือ"
“ช่วงไหนหุ้นทำกำไร ผมจะมีเงินนอนโรงแรม ช่วงไหนหุ้นขาดทุน ฟุตบาธคือ เตียงนอนแสนสุขของผม"
เพกาดูหน้าหนังสือพิมพ์
“อ้อ เล่นหุ้น มิน่าถึงอ่านข่าวธุรกิจ ตำรวจสืบความเคลื่อนไหวคุณจากบัญชีธนาคารได้นะคะ"
“ผมวานให้เพื่อนที่เป็นคนเร่ร่อนเหมือนกันเปิดบัญชีธนาคารให้ ใช้มือถือชื่อเพื่อน ซื้อหุ้นทางอินเตอร์เน็ต”
เหว่ยเหอโชว์มือถือให้เพกาดู
“เหว่ย คุณเป็นคนมีความรู้มาก ทำไมคุณไม่หาทางหนีไปจากฮ่องกง เสี่ยงอยู่ให้ถูกจับทำไมคะ"
“ดูคุณมั่นใจว่าผมไม่ใช่ฆาตกรเพราะอะไร”
“ก็คุณไม่มีกำไลหยกตระกูลเจ้า”
“กำไลหยกตระกูลเจ้า พิสูจน์ความบริสุทธิ์ผมได้ยังไง”
“เอาเป็นว่าฉันเชื่อคุณแล้วกัน หนีไปจากฮ่องกงซะเถอะค่ะ พวกตระกูลเจ้าไม่มีทางปล่อยคุณ"
เหว่ยเหอทอดสายตามองตามทางยาวออกไปทะเลของยอร์ชคลับด้วยดวงตาเศร้า
“ตรงโน้น ผมกับหมิงซานเคยมีอดีตด้วยกัน ที่จริงก็ทั้งเกาะฮ่องกง นั่นล่ะ”
เหว่ยเหอเดินไป เพกาเดินตาม ทั้งสองคนปีนขึ้นมานั่งเล่น
“แถวนี้ไม่ค่อยมีใครมานัก เขาเคยยืนรอผมอยู่ตรงโน้น”
ตรงที่เหว่ยเหอชี้ไปนั้น กลายเป็นภาพอดีตที่หมิงซานยืนอยู่
หมิงซานรอเหว่ยเหออย่างกระวนกระวายใจ
“ผมจำวันนั้นได้ดีเหมือนเพิ่งเกิดเมื่อวาน คุณหมิงซานรอผมอยู่ตรงนั้น”
เหว่ยเหอเดินหน้าเศร้าคอตกมาในมือถือจดหมาย หมิงซานเห็นอาการก็ใจไม่ดี ยิ่งเหว่ยเหอเงียบ หมิงซานก็ใจเสีย
“บอกมาซะทีซิอาเหว่ย”
เหว่ยเหอแกล้งตีหน้าเศร้า
“ผม ผมพูดไม่ออก คุณชายดูเอาเองดีกว่าครับ”
หมิงซานคิดว่า เหว่ยเหอสอบชิงทุนไม่ได้จึงมีสีหน้าห่อเหี่ยว เหว่ยเหอส่งจดหมายให้ หมิงซานเปิดอ่านอย่างเสียไม่ได้ แต่แล้วหมิงซานก็ต้องตกใจและดีใจ
“เรายินดีรับคุณเข้าเรียนคณะเศรษฐศาสตร์”
เหว่ยเหอแกล้งหลอกและยิ้มแป้นให้หมิงซาน
“ผมสอบชิงทุนไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับคุณหมิงซานได้ครับ”
“คนเก่งของผม”
หมิงซานอุ้มเหว่ยเหอตัวลอย
“ปล่อยครับ เดี๋ยวใครมาเห็น”
หมิงซานตกใจลืมตัวรีบปล่อย ทั้งคู่เปลี่ยนมาเป็นนั่งชิดกันกับพื้นแล้วหัวเราะร่าเริง หมิงซานจับจมูกเหว่ยอย่างเอ็นดู
“หลอกกันได้ ใจเสียหมด”
“เราสองคนจะได้อยู่ด้วยกันแล้วนะครับ”
เหว่ยเหอมองซ้ายมองขวาแล้วแอบดึงมือหมิงซานมาจูบแล้วจับวางไว้อย่างทะนุถนอม
“พอไปถึงอเมริกา ดินแดนแห่งเสรีภาพ เราจะเลือกทางเดินชีวิตของเราเอง ผมจะอยู่กับคุณทุกวินาทีตักตวงความสุขให้มากที่สุด”
หมิงซานบอกพลางดึงเหว่ยเหอมากอด เขาซบหน้ากับไหล่หมิงซาน แววตาเหว่ยเหอกับหมิงซานเปล่งประกายความสุขมองฮ่องกงด้วยความงดงาม
เหว่ยเหอน้ำตาคลอเมื่อนึกถึงหมิงซาน
“ที่ตรงนี้ไม่มีคุณอีกแล้ว ที่ตรงไหนก็ไม่มี เมื่อไม่มีคุณ ชีวิตผมทุกวันก็เหมือนเดิม จะนอนโรงแรม จะนอนข้างถนน จะมีเงิน ไม่มีเงิน มันก็ไม่แตกต่าง ทุกๆวันมันไม่เคยมีความหมายอะไร"
เหว่ยเหอร้องไห้สะอึกสะอื้น เพกาสงสารบีบบ่าเขาเบา ๆ อย่างปลอบใจ
“การใช้ชีวิตอยู่บนความทรงจำอันเจ็บปวดมีแต่จะทำร้ายตัวเองนะคะ ไปจากฮ่องกงเถอะ ฉันจะช่วยหาทางหนี"
“ฮ่องกง คือที่ ๆ ผมได้เจอคุณหมิงซานได้รักกัน มีความทรงจำดี ๆ ร่วมกันมากมาย ผมจะไปจากฮ่องกงได้ด้วยเหตุผลเดียว คือผมตาย”
เหว่ยเหอแววตาจริงจัง มั่นคงในสิ่งที่พูด ความตายเท่านั้นที่ทำให้เขาทิ้งฮ่องกงไปได้ เพกายอมรับไม่คิดจะหว่านล้อมเหว่ยเหออีกต่อไป
“เอ้า ไม่ยอมหนีก็ได้ งั้นก็มาช่วยฉันจับคนร้ายให้ได้ คุณจะได้พ้นข้อกล่าวหา”
เพกาท่าทางขึงขัง จริงจังเหมือนตำรวจสายสืบทำคดีฆาตกรรม หยิบสมุดโน้ตออกมาจากระเป๋าถือ เหว่ยเหอกรีดนิ้วเช็ดน้ำตา เพกาเตรียมจดข้อมูลจากเขา
“เล่าเหตุการณ์วันที่คุณเมย์ลีตายอีกครั้งสิคะ เอาให้ละเอียดยิบ นาทีต่อนาที วันนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
“หยุดสืบหาฆาตกรเถอะครับ ชีวิตผมจบแล้ว ผมไม่อยากให้ชีวิตคุณจบไปด้วย”
“เราท้อแท้วางมือตอนนี้ นั่นต่างหากล่ะคะ คือจุดจบของเรา”
“ที่จริงผมจำอะไรไม่ได้มากนัก ... วันนั้นผมไปหาเมย์ลีที่ห้อง”
เพกาจดข้อมูลใส่สมุดโน้ตยิกๆ เหว่ยเหอมองอย่างคุ้นเคยกับภาพนี้
“นอกจากหน้าเหมือน คุณยังชอบทำอะไรเหมือนเมย์ลี เมย์ลีก็ชอบขีดเขียน ผมเห็นเมย์ลีเขียนไดอารี่บ่อยๆ”
เพกาเงยหน้าจากสมุดโน้ตถลึงตาโตจนเหว่ยเหองง เพกาได้ข้อมูลใหม่ที่มีประโยชน์มาก
“ไดอารี่ ทำไมไม่มีใครบอกฉัน เมย์ลีมีไดอารี่”
เพกาเพิ่งกลับมาถึงหลังจากเจอเหว่ยเหอ เธอวางกระเป๋าลง สีหน้ากำลังใช้ความคิด
“เราต้องหาไดอารี่ของเมย์ลีให้เจอ ในนั้นต้องมีเรื่องของฆาตกรบันทึกไว้แน่ๆ”
เพกาคิดว่าจะไปหาจากที่ไหน
ในวันใหม่ เพกาเดินมาหยุดที่หน้าห้องเก็บของ แล้วมองซ้ายมองขวาเห็นว่าไม่มีใคร จากนั้นก็เช็กประตูห้อง เห็นว่า ประตูไม่ได้ล็อกก็รีบเปิดประตูเข้าไปแล้วปิดลงทันที
“อาซิ่วเคยบอกว่า หลังเมย์ลีตาย ข้าวของบางส่วนถูกเอามาไว้ที่ห้องเก็บของนี้”
ภายในห้องเก็บของมีทั้งลังไม้ ลังกระดาษ เพกาเปิดค้นหาไดอารี่เมย์ลี เพกาจามเพราะห้องเก็บของฝุ่นฟุ้ง ภายในลังมีสมุด หนังสือเก่าๆ เพกายิ้มอย่างมีหวังว่าจะได้เจอไดอารี่ เพกาหยิบหนังสือขึ้นดูเป็นหนังสือเรียนทั้งภาษาอังกฤษและภาษาจีนของหมิงซาน
“หนังสือเรียน คุณผิงเก็บหนังสือเรียนลูกตอนเด็กๆ ไว้ในห้องเก็บของเหมือนแม่เราเลย”
เพกาไล่ดูหนังสือและสมุดทุกเล่มในลังแต่ไม่มีไดอารี่เมย์ลี สักครู่ก็มีเสียงผู้หญิงร้องไห้ดังลอดเข้ามามา เพกาย่องออกไปดู ข้าวของที่รื้อในลังสุดท้ายยังไม่ได้เก็บ ข้าวของวางอยู่นอกลัง เพกาเปิดประตูออกไปแล้วไม่ได้ปิด ย่องไปแอบต้นไม้แถวนั้นเพื่อแอบดู
เพกาแอบมอง เห็นอวี้เหลียนนั่งร้องไห้ สายตาไปสะดุดกับรอยช้ำทั้ง 2 ข้าง ตั้งแต่ข้อมือถึงต้นแขนทั้งรอยเก่าและรอยใหม่ เพกาจะเดินไปปลอบ แต่จิ้นเจินเดินเข้ามาพอดี เพกาชะงักแอบดู
จิ้นเจินฉุดอวี้เหลียนและดุเสียงดัง
“ขึ้นห้อง เดี๋ยวใครมาเห็น”
อวี้เหลียนสะบัดมือออก
“ทีคุณยังไม่อาย ฉันก็ไม่อาย ให้คนทั้งบ้านรู้ไปเลย คุณทำอะไร”
“อย่าแม้แต่จะคิดเชียว” จิ้นเจินพูดพลางบีบแขนอวี้เหลียน
จิ้นเจินไม่ยอมปล่อยบีบแขนอวี้เหลียนอย่างแรงจนเมียร้องโอยและพยายามจะดึงแขนออก เพกามองด้วยสายตาเคือง
“ทั้งซ้อมทั้งกดขี่ผู้หญิง”
“คุณมีฉันคนเดียวไม่พอหรือไง”
“หึงสามีนี่เอง” เพกาพึมพำ
“ถึงยังไงคุณก็เป็นภรรยาตามกฎหมายของผม”
“ภรรยาที่ถูกทิ้งให้นอนเดียวดายทุกคืน ฉันไม่อยากเป็น ถ้าคุณไม่หยุด ฉันจะพูด”
จิ้นเจินได้ยินก็โกรธยกมือขึ้นจะบีบคอ อวี้เหลียนเชิดหน้าชูคอให้จิ้นเจินบีบอย่างถนัด
“เอาซีคะ คุณไม่รักฉันแล้วนี่”
จิ้นเจินลดมือลง
ทางด้านเพกา สายตาเหลือบเห็นแมลงสาบเกาะอยู่ที่บ่าก็ร้อง “ว้าย”
จิ้นเจินหันขวับอย่างสงสัย เดินอย่างรวดเร็วมายังจุดที่เพกายืนอยู่ทันที อวี้เหลียนตามมาด้วยเพกาไม่รู้เรื่องรู้ราวเพราะมัวแต่ปัดแมลงสาบออกแล้วลูบผมดูเสื้อผ้า
เมื่อ 2 ผัวเมียเดินมาถึง ที่ตรงนั้นว่างเปล่าเพราะเพกาเดินหนีไปได้อย่างหวุดหวิด จิ้นเจินมองไปที่ห้องเก็บของที่ประตูห้องเปิดอ้าอยู่ ภายในห้องเก็บของ จิ้นเจินเห็นของในลังถูกรื้อออกมาวางอยู่ด้านนอก
“ใครมาหาอะไร”
“เสียงผู้หญิงร้องคงเป็นอาซิ่ว ไม่ก็อาเป่าค่ะ”
จิ้นเจินด่าอวี้เหลียน
“ถ้าสองคนนั่นเห็น เอาไปฟ้องพี่เยี่ย คุณกับผม เรามีเรื่องกันแน่”
จิ้นเจินเสียงดุชี้หน้าขู่ อวี้เหลียนมองอย่างตัดพ้อเสียใจ จิ้นเจินฉุดอวี้เหลียนกลับห้อง เพกาโผล่จากที่ซ่อนแล้วเป่าปากโล่งอก
ในห้องอาหารวันเดียวกัน ทุกคนรอกินข้าว จัด 8 ที่ จิ้นเจินกับอวี้เหลียนเดินมาหลังสุด เพกามองทั้งสองคนอย่างโล่งใจที่รอดมาได้หวุดหวิด
“ขอโทษครับพี่เยี่ย”
เหวินเยี่ยเริ่มลงมือกิน ทุกคนกินตาม เพกาสังเกตเห็นสีหน้าอวี้เหลียนหน้าเศร้ามาก ส่วนจิ้นเจินร่าเริงเหมือนไม่ได้ทะเลาะกับเมียมา จิ้นเจินคีบกับข้าวให้หลินเพ่ย
อวี้เหลียนขยับแขนเสื้อเพื่อคีบอาหารที่อยู่ไกลก่อน เพกาเห็นรอยจ้ำแดงที่แขนมากมายทั้งสองข้าง เพกาฉุนขาด หลับตาสูดลมหายใจลึก ๆ พยายามสงบจิตสงบใจ ไม่ยุ่งเรื่องผัวเมียเค้า
“ไม่ใช่เรื่องของเรา ไม่ใช่เรื่องของเรา” เพกาเตือนตัวเอง
จิ้นเจินเห็นเพกาหลับตาจึงถาม
“เป็นอะไรคุณพิ้งค์ อาหารไม่ถูกปากเหรอ”
ยังไม่ทันเพกาจะตอบ เหม่ยอิงก็แทรกขึ้น
“เรื่องมาก ไม่ต้องไปสนหรอกค่ะ คุณจิ้น กินได้ก็กิน กินไม่ได้ก็ไม่ต้องกิน”
เพกาลืมตาเห็นดวงหน้าเศร้าสร้อยเหมือนขอความช่วยเหลือของอวี้เหลียนมองมา เลือดสิทธิสตรีฉีดขึ้นหน้าเพกาทันทีแล้วตัดสินใจพูด
“ขอโทษนะคะ คุณจิ้น คุณไม่ควรใช้กำลังกับผู้หญิง”
ทั้งโต๊ะอึ้งไป จิ้นเจินแสร้งยิ้มพูดดีกับเพกา
“ล้อเล่นอะไรครับคุณพิ้งค์”
“นี่ไม่ใช่การล้อเล่น สามีทำร้ายร่างกายภรรยา กฎหมายเอาผิดได้ผู้หญิงไม่ใช่ทาสในเรือนเหมือนสมัยก่อน เรามีกฎหมายคุ้มครอง"
“ผีเข้าหรือไงยายบ้า” หลินเพ่ยพูดขึ้น
“คุณพิ้งค์ไม่เอาน่า กินข้าวเถอะ” หมิงเทียนปราม
“คุณทำร้ายคุณเหลียนอีกหนเดียว ฉันจะแจ้งตำรวจ”
จิ้นเจินมีอารมณ์โกรธบอก
“ผมก็จะแจ้งตำรวจว่าคุณแจ้งความเท็จ”
“ความเท็จเหรอ”
เพกาเดินไปหาอวี้เหลียน
“ขอโทษค่ะคุณเหลียน”
เพาพูดพลางเปิดแขนเสื้ออวี้เหลียนเผยให้ทุกคนเห็นรอยแดงจ้ำ ทุกคนตกใจ
“แผลรอยช้ำนี่มีทั้ง 2 ข้าง พวกคุณไม่เห็นกันบ้างหรือ คนบ้านนี้เป็นอะไรกันไปหมด เมื่อคราวเมย์ลีก็เหมือนกัน พวกคุณทนกับเรื่องกดขี่ข่มเหงในบ้านได้ยังไง ทนได้ยังไง”
“หนักขึ้นทุกที” เหม่ยอิงเยาะ
จิ้นเจินใช้สายตากำหลาบอวี้เหลียน
“คุณพิ้งค์ ฉันอาการภูมิแพ้กำเริบ มันคัน เลยเกาจนแดงค่ะ”
“โธ่คุณเหลียน ลุกขึ้นสู้สิคะ อย่ายอมถูกกดขี่”
เหวินเยี่ยตบโต๊ะพูดเสียงดุตัดบท
“อาเหลียนเขาบอกแล้วว่าไม่ได้ถูกทำร้าย เธอจะเอายังไงอีก พอได้แล้ว กลับไปนั่งที่”
เพกาหน้าจ๋อยจำใจกลับไปนั่ง หมิงเทียนถอนใจพลางส่ายหน้า เหม่ยอิงกับหลินเพ่ยสะใจ
วันใหม่ บริเวณห้องรับแขกใหญ่ชั้นล่าง จิ้นเจินยื่นกล่องชาโบราณให้เหวินเยี่ยที่รับมาเปิดดู แล้วดมใบชาแห้งที่จิ้นเอามาให้
“ลูกค้าที่ผมรู้จักมีไร่ชาที่เมืองจีน กล่องนี้เป็นชาเก่าแก่ของตระกูลเขาครับ ผมอ้อนวอนขอซื้อมาเป็นปี เพราะรู้ว่าพี่เยี่ยชอบ”
“หอม ดูลักษณะใบชาบ่มมาอย่างดี ขอบใจมากจิ้น”
“ผมชงชามาให้พี่เยี่ยลองด้วยครับ”
เยี่ยเปิดฝาถ้วยชาสูดดมก่อนซดชา
“หอม กลมกล่อมชุ่มคอดีจริง”
“เอ่อ...พี่เยี่ยครับ พี่คงไม่เชื่อคำพูดคุณพิ้งค์นะครับ”
“ผู้หญิงคนนั้นไร้สาระขึ้นทุกวัน”
“ให้ทางเมืองไทยส่งคนมาแทนเถอะครับ เค้าสร้างปัญหาไม่หยุดไม่หย่อน”
“เราก็อย่าไปใส่ใจ”
“ถึงเราไม่ใส่ใจ ผู้หญิงคนนั้นก็หาเรื่องเราอยู่ดี”
“พี่ไม่อยากรับคนใหม่มาให้ยุ่งยาก งานเขาอีกไม่นานก็เสร็จ”
“แล้วแต่พี่เยี่ยครับ”
เหวินเยี่ยจิบชาที่จิ้นเจินชงให้ แม้ว่าจิ้นเจินจะยิ้มรับแต่แววตายังมีความกังวล
กี่เพ้า ตอนที่ 7 (ต่อ)
ภายในห้องดอกไม้ เวลาต่อมา เพกาสีหน้าจริงจังกำลังเขียนบันทึกไดอารี่ของตัวเองอยู่ จิ้นเจินเคาะแล้วเปิดประตูห้องเข้าไป เพกายืนตาขุ่น จิ้นเจินชักสีหน้าใส่
“ผมอยากคุยด้วย”
“ไม่ต้องมาแก้ตัวหรอกค่ะ”
“หยุดกล่าวหาผมได้แล้ว รอยช้ำๆพวกนั้นผมไม่ได้ทำ คุณไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า”
“หยุดโกหกเถอะค่ะ ความลับไม่มีโลก ฉันรู้ ฉันเห็น คุณทำอะไรลับหลังคนอื่น”
จิ้นเจินออกอาการร้อนรน เดินไปหาเพกาทันที ด้วยความอยากรู้ว่า เพการู้ความลับตนหรือไม่
“คุณรู้อะไรบ้าง เมย์ลีบอกอะไรคุณ”
เพกาตีหน้าตายถามกำกวม
“คุณมีความลับอะไรล่ะ”
ทั้งสองประสานสายตากันครู่หนึ่ง
“พี่เยี่ยพูดถูก คุณมันไร้สาระ แต่ขอเตือนคุณไว้ อย่ายุ่งกับครอบครัวผม”
จิ้นเจินตัดใจเดินออกไป เพกานั่งลงครุ่นคิด
“หรือว่า... คุณจิ้นคือฆาตกร”
วันใหม่ หมิงเทียนสีหน้านิ่งสงบแวะมาหาเพกาที่พิพิธภัณฑ์ ก่อนไปทำงาน เพกานั่งอ่านหนังสือประวัติมาดามซ่งชิงหลินฉบับภาษาไทยที่แฮรี่กับเดซี่ส่งมาจากเมืองไทย
“ขอโทษครับที่มารบกวน”
“คุณมานี่มีอะไรจะว่าฉันใช่มั้ย”
“เรื่องที่ห้องกินข้าว”
“คุณเชื่อฉันไหม น้าชายคุณซ้อมภรรยาตัวเอง”
จิ้นเจินเดินมาแอบฟัง หมิงเทียนพูดขึ้น
“เรื่องนี้เป็นเรื่องไร้สาระที่สุดเท่าที่คุณเคยทำมา น้าจิ้นเป็นคนสุภาพให้เกียรติผู้หญิง เขาทำงานดี รับผิดชอบ เป็นคนโปรดของคุณพ่อ”
จิ้นเจินยิ้มพอใจ
“คอยดู ฉันจะหาหลักฐานมายัน คุณเก็บไดอารี่คุณเมย์ลีไว้หรือเปล่าคะ”
จิ้นเจินเครียดขึ้นมาทันที เมื่อเพกาถามถึงไดอารี่เมย์ลี
“หลังเมย์ลีตาย อาซิ่วเป็นคนเก็บของห้องดอกไม้ ผมแทบไม่ได้เข้าไปอีกเลย”
“ฉันถามแล้วค่ะ อาซิ่วไม่รู้ไดอารี่อยู่ไหน อาซิ่วบอกว่าไม่ได้เก็บ”
“อาจถูกทิ้งไปแล้ว”
“หวังว่ายัง เพราะมันอาจเป็นหลักฐาน จับฆาตกรตัวจริง”
จิ้นเจินโมโหกำหมัดแน่นบ่นพึมพำ
“ผู้หญิงบ้า หาเรื่องให้อีกแล้ว”
ห้องทำงานในบริษัทเจ้าฟาร์มาซี หมิงเทียนส่งแฟ้มนโยบายการตลาดภาษาอังกฤษคืนให้กับจิ้นเจิน
“ไม่มีแก้ไขอะไรครับ”
“งั้นน้าถ่ายก็อปปี้ให้พนักงานเลยนะจะได้เรียกประชุมทีมการตลาด”
“ประชุมวันไหนแจ้งผมด้วยนะครับ”
หมิงเทียนก้มหน้าทำงาน จิ้นเจินยังไม่เดินออกไปจนหมิงเทียนถามขึ้น
“มีอะไรอีกครับคุณน้า”
“หมิงเทียนสนิทกับคุณพิ้งค์ เตือน ๆ เธอบ้าง อย่าหาเรื่องให้คนในบ้านวุ่นวาย”
“เค้าดื้อมากไม่ฟังใคร น้าจิ้นก็เห็น ขนาดกับคุณพ่อ เค้ายังพยศไม่ทำตามที่คุณพ่อสั่ง"
“น้าว่าผู้หญิงคนนั้นโกหกเรื่องติดต่อวิญญาณเมย์ลีได้ เพราะถ้าติดต่อได้จริงก็ต้องรู้ ไดอารี่เมย์ลีอยู่ไหน”
“น้าจิ้นแอบฟังผมคุยกับคุณพิ้งค์”
“เมื่อเช้าน้าจะไปเคลียร์กับเขา เรื่องที่เขากล่าวหาน้าทำร้ายเหลียน เลยได้ยินหมิงเทียนคุย หมิงเทียนคิดว่า คุณพิ้งค์ติดต่อวิญญาณเมย์ลีได้จริงมั้ย”
“เรื่องเหนือธรรมชาติพิสูจน์ยากครับ ปกติน้าจิ้นไม่สนใจเรื่องไสยศาตร์ ผีสางนี่ครับ"
“เอ่อ น้าก็แค่อยากถามความเห็นหมิงเทียนน่ะ ไม่มีอะไรทำงานเถอะ”
จิ้นเจินเดินออกไปด้วยใบหน้ามีพิรุธ หมิงเทียนไม่ได้คิดอะไร ทำงานต่อ
ภายในคฤหาสน์ตระกูลเจ้า อี่เหวินกับเจิ้นหลุนทำงานอยู่ เพกากำลังถามทั้งคู่เรื่องไดอารี่เมย์ลี ซิ่วก็อยู่ด้วยก็ช่วยเพกาซัก
“ผ่านมาตั้งหลายปีจำไม่ได้แล้วครับ คุณพิ้งค์จะเอาไปทำอะไรครับ” เจิ้นหลุนบอก
“อี่ล่ะ ตอนช่วยอาซิ่วเก็บของในห้องคุณเมย์ลี เห็นไดอารี่เธอมั้ย”
หลังต้นไม้เจิ้นเจินแอบดู เพราะสุคนธาเห็นล่วงรู้ความลับบางอย่างของเขา ฉะนั้น ในไดอารี่เล่มนั้นย่อมต้องมีข้อความที่พูดถึงเขา
“คุณเยี่ยสั่งให้เอาข้าวของของคุณเมย์ลีออกไปจากห้องดอกไม้ให้หมด บางส่วนทิ้ง บางส่วนเก็บไว้ที่ห้องเก็บของ แต่ไม่เห็นสมุดไดอารี่นะครับ” อี่เหวินบอก
“ไม่มีผ่านตาบ้างหรืออาอี่ ฉันน่ะไม่เห็นแน่ๆ” ซิ่วหลานว่า
“ไม่เห็นนะอาซิ่ว”
“ว้า หรือปะปนกับของที่ถูกทิ้ง”
“เป็นไปได้ครับ”
เจิ้นหลุนเห็นต้นไม้ไหวผิดปกติมุมที่จิ้นเจินแอบอยู่ก็ร้องทักขึ้น
“เฮ้ย ใครน่ะ”
ทุกคนหันมองตาม คนแอบดูวิ่งหนีไปแล้ว เจิ้นหลุนวิ่งมาดูหลังต้นไม้ คนอื่นๆก็ตามมาด้วยแต่ไม่เจอใคร
“ไม่เห็นมีใครเลย” อี่เหวินว่า
“ฉันเห็นกิ่งไม้ไหวเหมือนมีคนแอบอยู่นะ”
“ลมพัดมั้ง” อี่เหวินบอก
“ไม่ใช่ลม รอยเท้าคนนี่ไง”
เพกาชี้ให้ดูรอยรองเท้าบนพื้นดิน
“รอยไม่ชัดว่าเป็นรองเท้าผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่เมื่อกี้มีคนยืนอยู่ตรงนี้แน่ๆ”
“คุณเพ่ยเพ่ยหรือเปล่า” ซิ่วหลานพูดขึ้น
“คุณหนูไปโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า ยังไม่กลับครับ” อี่เหวินบอก
“หรือว่าอาเหว่ย” เจิ้นหลุนบอก
“ไม่ใช่เหว่ยหรอกค่ะ เป็นคนในบ้าน ฉันบอกแล้ว ฆาตกรอยู่ในบ้านหลังนี้ ไม่ใช่เหว่ย”
พวกคนใช้ตกใจ
“ฆาตกรแอบมองฉันทุกฝีก้าว” เพกาบอก
ทุกคนมีสีหน้ากังวลใจแทนเพกา
ที่หน้าห้องในเวลาต่อมา หมิงเทียนเดินมาห้องดอกไม้ด้วยสีหน้าเป็นห่วงเพกา เขาบิดลูกบิดประตูแต่ประตูล๊อกจึงเคาะประตูห้อง
“คุณพิ้งค์ ผมเองเปิดประตูหน่อย”
ภายในห้อง เพกานั่งอ่านหนังสือประวัติมาดามซ่งฉบับภาษาไทยที่แฮรี่ส่งมาให้แล้วรู้สึกเซ็งที่หมิงเทียนไม่เชื่อเรื่องจิ้นซ้อมเมียกับยังงอนอยู่ที่หมิงเทียนใช้ตนเป็นตัวแทนเมย์ลี จึงไม่เปิดประตูให้ แต่กลับลุกเพื่อไปเอาปากกามาร์คเกอร์มาใช้
หมิงเทียนรัวเคาะประตูอีกด้วยความเป็นห่วง
“คุณพิ้งค์ คุณเป็นยังไงมั่ง เห็นอาซิ่วบอกว่าวันนี้มีคนคอยตามแอบดูคุณอยู่”
ภายในห้อง เพกาเปิดลิ้นชักจะเอาปากกามาร์กเกอร์ แต่ต้องเจอกับรูปวาดของตัวเองที่ Avanue of Stars เลยพาลโกรธ อารมณ์เสียและปิดลิ้นชัก
ที่หน้าห้อง หมิงเทียนเคาะประตูต่อเนื่อง
“คุณพิ้งค์ เปิดหน่อยสิครับ”
เพกาโกหกบอก
“ฉันกำลังจะอาบน้ำค่ะ”
“อาบอะไรแต่หัววัน ออกมาคุยหน่อยสิ”
“โป๊อยู่ค่ะ สักครู่”
มือถือในห้องดังขึ้น หมิงเทียนใช้วิธีโทรหา เพกาหยิบมาดูเบอร์โชว์
“พยายามจริง”
เพกากดรับสาย
“โกรธอะไรผม”
“ไม่ได้โกรธซะหน่อย” เพกาพูดแต่น้ำเสียงสะบัด
“ทำตัวเป็นเด็ก”
เพกายัวะ ร่ายเป็นชุด
“ว่าฉันเด็ก คุณเป็นผู้ใหญ่ตายล่ะคุณหมิงเทียน คนโต ๆ เค้าไม่จมกับอดีต เค้ารู้จักเรียนรู้ชีวิต ก้าวต่อไปข้างหน้าMove on น่ะ เคยได้ยินมั้ย การคร่ำครวญถึงแต่อดีตทั้งที่ตัวยังไม่แก่ เป็นพฤติกรรมของคนไม่รู้จักโต”
พูดแล้ว เพกาก็วางสายใส่ หมิงเทียนยืนงงอยู่ที่หน้าห้อง
“พูดบ้าอะไรของเค้า”
ซิ่วหลานกำลังทำงาน หมิงเทียนหน้าบูดเดินเข้าห้องมาอย่างหงุดหงิด รู้สึกเซ็งที่เพกางอนไม่เลิก ซิ่วกำลังจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ พลางมองหมิงเทียน
“เป็นอะไรไปคะคุณชายรอง”
“คุณพิ้งค์คนดีของอาซิ่วงอนผม ไม่รู้ผมเผลอไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจ”
“ผู้หญิงงอนได้ทุกเรื่องแหละค่ะ ผู้ชายถึงต้องมีหน้าที่ง้อยังไงล่ะคะ ไปง้อเธอสิคะ”
“เผอิญผมไม่ใช่ผู้สันทัดกรณี วิธีง้อผู้หญิง ช่างเค้า อยากโกรธ โกรธไป งานการผมเยอะแยะ ใครจะไปนั่งสนใจไหว”
หมิงเทียนเอาไอแพดออกมากดดูทบทวนงาน เลิกคิดเรื่องเพกา ซิ่วหลานพูดลอยๆ
“ง้อผู้หญิงน่ะง่ายจะตาย มีสารพัดวิธี”
หมิงเทียนเงี่ยหูฟัง
“เช่น พาไปกินข้าว”
หมิงเทียนตอบในใจ “พาไปแล้ว” แต่ตายังทำเป็นดูเอกสารในไอแพด
“ดูหนัง” - “ดูแล้ว”
“ซื้อดอกไม้ให้” - “โจ่งแจ้งเกินไป”
“หรือไม่ก็ ซื้อของขวัญให้ ขี้คร้านผู้หญิงจะยิ้มแฉ่ง”
หมิงเทียนกรอกตาแล้วยิ้มออกมา “น่าสนใจแฮะ” ซิ่วหลานยิ้มรู้ว่าหมิงเทียนฟังคำแนะนำ แต่ทำฟอร์มไม่ใส่ใจ
หมิงเทียนคิดซื้อของขวัญให้เพกา
เย็นวันใหม่ เพกานั่งอ่านหนังสือประวัติมาดามซ่งฉบับภาษาไทยอยู่ มีปากกามาร์กเกอร์อยู่ในมือด้วย หมิงเทียนมาเคาะประตูเรียกที่หน้าห้องอีก
“คุณพิ้งค์ คุณพิ้งค์ครับเปิดประตูหน่อยสิครับ”
เพกาสีหน้าเซ็งเบื่อหน่าย
“ฉันยุ่งอยู่”
หมิงเทียนส่ายหัวบอก
“ผมจะไม่ไปไหนจนกว่าคุณจะออกมา คุณพิ้งค์ เปิดมาคุยกันหน่อยเถอะครับ”
เพกาหน้างอลุกเดินไปเปิดประตู
“ปล่อยให้ฉันอยู่สงบๆ สักวันไม่ได้หรือคะ”
หมิงเทียนยื่นกล่องของขวัญเล็ก ๆ ให้เพกา
“เนื่องในโอกาสอะไรคะ”
“ไม่มี ผมอยากให้”
“ขอบคุณค่ะ”
เพกายื่นมือไปรับกล่องของขวัญ แต่หมิงเทียนดึงมือคืนไม่ให้กล่องของขวัญแล้วบอก
“ต้องไปรับมอบกันที่อื่น”
เพกางง
“พี่รองซื้อให้”
“ฉันไม่ยอม ถอดออกเดี๋ยวนี้”
หลินเพ่ยเข้าแย่งกำไลหยกที่ข้อมือ เพกาผลักหลินเพ่ยล้มร้องโอ๊ย
“ยืนเฉยทำไมนังเป่า จับมันสิ”
เป่าหลินจับตัวเพกา หลินเพ่ยหยิบมีดปอกผลไม้ที่วางอยู่ในถาดผลไม้เดินเข้าหา เพกาตกใจ
“เป่า เอามือมันพาดบนโต๊ะ”
เป่าหลินจับมือเพกาพาดบนโต๊ะเครื่องแป้ง เพกากลัวมากบอก
“ถอดแล้ว ถอดแล้ว”
หลินเพ่ยสีหน้าเหี้ยม
“สายไปแล้ว ฉันจะสับมือแกให้ขาดให้กำไลหลุดออกมา”
หลินเพ่ยเงื้อมีดขึ้นสูง
“อย่า” เพกาหลับตาร้องลั่น
เสียงมีดสับดังปั่ก ตามด้วยเสียงหัวเราะร่วนของหลินเพ่ยและเป่าหลิน เพกาลืมตาดู หลินเพ่ยสับมีดลงบนขอบโต๊ะ
“อุ๊ยตาย ฉี่ราดหรือเปล่ายะ”
เป่าหลินและหลินเพ่ยหัวเราะเยาะอย่างสะใจ เพกาคับแค้นใจ สะบัดตัวหลุดไปได้
“คุณทำเกินไปแล้ว”
หมิงเทียนกับซิ่วหลานเดินเข้ามาเห็นมีดปักบนขอบโต๊ะเครื่องแป้ง หมิงเทียนจับมือหลินเพ่ยอย่างโมโห
“ครั้งนี้พี่ไม่ใจอ่อน พี่จะลงโทษเพ่ยเพ่ย”
“เพ่ยเพ่ยป่วยอยู่นะคะ”
“ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่ ยังมารังแกคุณพิ้งค์ได้”
“เพ่ยเพ่ยจะฆ่าตัวตาย”
“อยากตายก็ตายไปเลย แต่อย่ามาใช้คำคำนี้ขู่พี่”
หมิงเทียนหน้าดุมาก หลินเพ่ยยืนอึ้ง ช็อกตกใจ คาดไม่ถึง
“พี่รอง ทำไมพี่รองพูดแบบนี้”
หมิงเทียนมองหน้าเอาจริง
“พอเถอะค่ะ อย่ามีเรื่องกันเพราะฉันอีกเลย ไม่ใช่แค่คุณสองคนที่เหนื่อย ฉันเองก็เหนื่อย รู้ไว้นะคะคุณเพ่ยเพ่ย ฉันไม่เคยสนใจพี่รองของคุณ”
เพกาประกาศเด็ดขาดจนหมิงเทียนอึ้งไป เพกาถอดกำไลหยกคืน หมิงเทียนไม่ยอมรับคืน “อย่าทำลายวันดี ๆ ของเรา”
“คุณต่างหากทำลายวันดี ๆ ทั้งของคนเป็น คนตาย ฉันทนไม่ไหวแล้ว”
เพกาน้ำตาคลอ หมิงเทียนงง ตามไม่ทัน เพกาส่งกำไลหยกให้ หลินเพ่ยรับมายึดไว้
“แกรู้อย่างนั้นได้ ฉันก็สบายใจ อย่าผิดคำพูดแล้วกัน พี่หมิงเทียนก็เหมือนกันได้ยินเต็มสองหูแล้วใช่ไหมคะ”
หมิงเทียนเสียใจยืนนิ่งพูดไม่ออก
“ต่อไปนี้ ฉันจะไม่ไปไหนกับคุณอีก เอาเวลาที่ให้ฉันไปดูแลคุณเพ่ยเพ่ยเถอะค่ะ เธอเป็นคนที่ต้องการคุณไม่ใช่ฉัน”
หมิงเทียนเดินออกไปด้วยความน้อยใจ เพกาเชิ่ดหน้าทำไม่แคร์ หลินเพ่ยยิ้มพอใจ ซิ่วหลานกลุ้มใจแทน
“เฮ้อ ไปกันใหญ่”
จบตอนที่ 7
อ่านต่อตอน ที่ 8 เวลา 18.00น.