กี่ เ พ้ า ตอนที่ 1
อาคารทันสมัยสวยงามหลังนั้นเป็น ที่ตั้งของ “สถาบันอาภรณ์แห่งเอเชีย” ด้านหน้าเป็นสวนอันร่มรื่นด้วยแมกไม้สวยงามซึ่งมีคนนั่งเล่นอยู่ ผ่านเข้ามายังล็อบบี้ด้านในก็จะเห็นถึงความทันสมัย สถานที่แห่งนี้จึงไม่ใช่พิพิธภัณฑ์ที่น่าเบื่อ
ด้านในของสถาบัน มีตู้จัดแสดงชุดเสื้อผ้าและผ้าจากเอเชีย ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาเดินชม บนจอภาพแสดงวิดีทัศน์ และมีตู้ทัชสกรีนฯลฯ
ภายในห้องผ้าไทย เด็กนักเรียนชั้นป.4-ป.5 กลุ่มหนึ่งยืนมุงหน้าตู้ชุดไทยสมัยอยุธยา ซึ่งมีรายละเอียดของผ้ากำกับไว้บนสแตนตั้ง
"พี่คะ นั่นผ้าอะไรคะ” เด็กคนหนึ่งถาม
เพกาใส่เฮดโฟนสวมชุดเจ้าหน้าที่ของสถาบันฯ กำลังย่อตัวคุยกับเด็กคนหนึ่งอยู่ก็ลุกขึ้นและหันมาทางเด็กที่ตั้งคำถามคนนั้น...
เพกามีรอยยิ้มสดใสขณะบรรยาย มือไม้เคลื่อนไหวอย่างเป็นธรรมชาติ
“ผ้านี้เค้าเรียกว่า...”
เพกายังพูดไม่ทันจบ เด็กคนที่ 2 ก็ยกมือขึ้นแล้วบอก
ผ้าตาดทองค่ะ
เพกานำลูกกวาดสีชมพูมอบให้แก่เด็กคนนั้น
"สีชมพูมากค่ะ ปรบมือให้เพื่อนหน่อย” เพกาบอก
เพื่อนๆ ปรบมือ เพกาถามต่อ
“ว่าแต่น้องรู้ได้ไง”
เด็กคนนั้นชี้ที่ป้ายข้อมูลที่ติดอยู่หน้าตู้โชว์แล้วบอก
“อ่านตรงนี้ค่ะ”
“อ้าว... แต่ก็ดีค่ะ ที่รู้จักสังเกตและกล้าแสดงออกในสิ่งที่ถูกต้อง พี่พิ้งค์ชอบ เอาไปอีกหนึ่งสีชมพูค่ะ” เพกาพูดพลางมอบลูกกวาดให้อีกแท่ง
"ขอบคุณค่ะ ทำไมต้องสีชมพูด้วยคะ”
"เพราะพี่ชื่อพิ้งค์ไงคะ พิ้งค์แปลว่าสีชมพู สีของความสดใส อารมณ์ดีมีความสุข"
เด็กนักเรียนพากันยิ้มขำๆ และเริ่มรู้สึกเป็นกันเองกับเพกา
"เรากลับมาที่ผ้าตาดทองต่อนะคะ ผ้าตาดทองเป็นผ้าที่ทอด้วยทองแล่ง หรือทองคำแท้ๆ ที่นำมาทำให้เป็นเส้นบางๆ ค่ะ”
เด็กๆตื่นเต้น
“ทอด้วยทอง ! โห...งั้นชุดไทยของเราก็เจ๋งกว่าของคนอื่นเลยสิคะ”
“คุณค่าของชุดต่างๆ ไม่ได้อยู่ที่วัตถุดิบที่นำมาใช้ทอหรอกนะคะ แต่อยู่ที่เรื่องราวในอดีตที่เกิดขึ้นกับชุดๆ นั้น และบางเรื่องราวก็เกี่ยวข้องกับชีวิตของใครหลายคนด้วยนะคะ”
เด็กๆพยักหน้าอย่างเข้าใจ
รถลิมูซีนคันยาวสีดำขับแล่นเข้ามาจอดด้านหน้าของ “สถาบันอาภรณ์แห่งเอเชีย” อี่เหวินลงจากรถวิ่งอ้อมมาเปิดประตูให้ เจ้าหมิงเทียนก้าวลงจากรถเงยหน้ามองสถาบันฯด้วยแววตานิ่ง
ภายในสถาบันฯ เพกาเดินนำนักเรียนมาบรรยายต่อเนื่อง
“เสื้อผ้าโบราณนอกจากเป็นงานศิลปะที่สวยงาม ยังบันทึกวิถีชีวิตของผู้สวมใส่และสังคมในยุคนั้นด้วย คนสมัยก่อนไม่มีร้านเสื้อผ้าให้เดินเลือกซื้อเหมือนในยุคนี้หรอกนะคะ พวกเขาต้องทอเอง ทำเองกันทั้งนั้น”
เดซี่ก้าวเดินอย่างเร็วเข้ามาพลางหันซ้ายหันขวามองหาเพกา พอเจอเพกายืนอยู่กับเด็กๆ ก็ปรี่เข้ามากระซิบอย่างตื่นเต้น
“พิ้งค์ๆๆ มาแล้วๆ”
“น้องๆดูกันไปก่อนนะคะ ...เอาไปแจกกันค่ะ”
เพกาส่งถุงอมยิ้มให้เด็กๆ ก่อนจะเบิกตาโตด้วยความดีใจ
เพกากับเดซี่วิ่งจับมือกันเข้ามาในห้องทำงาน ภายในห้องทำงานของเพกากับเดซี่มีโต๊ะกลางยาวไว้สำหรับซ่อมผ้า รีดผ้า มีหุ่นโชว์เตรียมไว้จำนวนหนึ่ง ทั้งสองสาวต่างตื่นเต้นที่จะได้เจอชุดกี่เพ้า แต่ต้องเจอกับแฮรี่ที่กำลังสวมชุดกี่เพ้าสีแปร๋นที่สัดส่วนไม่พอดีกับตัว
แฮรี่ยืนตรงกลางระหว่างกล่องโลหะใส่ชุดกี่เพ้าทั้งสามสิบกล่องก่อนจะผายมือทั้งสองข้างออก หน้าเชิดสวยมั่นอย่างสุดๆ
“ทะแด๊ม ขอเชิญทุกท่านพบกับชุดกี่เพ้าที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลจากคฤหาสน์ตระกูลเจ้าบนเกาะฮ่องกงสู่อ้อมอกของพวกเราชาวสถาบันอาภรณ์แห่งเอเชีย...” แฮรี่ทำเสียงเอคโค่
เดซี่หัวเราะชอบใจ แต่เพกาตะลึงร้องลั่น
“หัวหน้า! คุณทำบ้าอะไรของคุณเนี่ย”
แฮรี่ทำสีหน้างงๆ แล้วถาม
“ทำไม ชั้นไปเหยียบหางใคร”
“หัวหน้าเอาชุดกี่เพ้ามาใส่เล่นได้ยังไง กว่าเราจะทำเรื่องขอชุดกี่เพ้าโบราณจากคุณเจ้าเหวินเยี่ยมาได้เลือดตาแทบกระเด็น หัวหน้าควรจะให้เกียรติชุดของเขานะคะ ไม่ใช่เอามาใส่เล่น ถ้าเกิดชุดชำรุดเสียหายขึ้นมา เราจะเดือดร้อนนะคะ รีบถอดออกมาเถอะค่ะ"
เพกากับเดซี่ปราดเข้าไปจะช่วยแฮรี่ถอดชุดทันที แฮรี่ดิ้น
“อยู่เฉยๆ สิคะ เดี๋ยวชุดขาด เดซี่มาช่วยกันเร็ว”
“โอ๊ย ! ปล่อยชั้นเดี๋ยวนี้นะนังชะนี”
แฮรี่ดิ้นสุดแรง เหวี่ยงเพกากับเดซี่กระเด็นไป
“นี่มันชุดกี่เพ้าของชั้นเองย่ะ ชั้นตัดมาใส่ไปงานแฟนซีคืนนี้ ไม่ใช่ชุดกี่เพ้าของคุณเจ้าเหวินเยี่ย”
เพกากับเดซี่ร้อง “อ้าว...” ขึ้นพร้อมกัน
เดซี่รีบเปลี่ยนเรื่องแก้สถานการณ์
“อุ้ย ! ชุดกี่เพ้าชุดนี้หัวหน้าตัดมาหรือคะ มิน่าเกร๋ไกร๋เข้ากับหัวหน้ามั่กๆ ใส่แล้วสวยปิ้งอย่างกับซูสีไทเฮา ถ้าคืนนี้มีรางวัลชุดแฟนซียอดแย่ เอ้ย ยอดเยี่ยม หัวหน้าของพวกเราต้องได้แน่นอน”
แฮรี่ถึงกับเขิน
“ฉันก็ว่างั้นแหละ พิ้งค์ ฉันสวยจริงปะ”
เพกามองแฮรี่ตั้งแต่หัวจรดเท้า สารรูปของแฮรี่ไม่ได้เป๊ะอย่างที่เดซี่พูดเลยสักนิด แต่เพกาก็โกหกไม่เป็น กำลังจะขยับปากพูดความจริงว่าไม่สวยเลย
“พิงค์ว่า...”
เดซี่ปิดปากเพกาทันที เพราะรู้ว่านิสัยของเพื่อนนั้นเป็นคนตรง
“ไม่ต้องไปถามยายพิ้งค์หรอกค่ะ ยายนี่เป็นกูรูซ่อมผ้าโบราณ แต่เรื่องแฟชั่นต้องยกให้หนูรู้ อย่างเดซี่ค่ะ”
เพกามองเดซี่ด้วยสายตาดุ เดซี่ขยิบตาส่งสัญญาณให้เฉยไว้
“ฉันก็ว่างั้น งั้นเธอก็เริ่มงานที่เธอถนัดเลยแล้วกัน เอาชุดออกมาเช็คดูความเรียบร้อย เตรียมจัดงาน งานนี้จะต้องออกมาเลิศเฟอร์เฟ็คสมกับการรอคอยของฉัน เข้าใจมั้ย” แฮรี่ว่า
“เข้าใจค่ะ”
“เดซี่...มาช่วยฉันถอดชุดที่ห้องทำงานซิ ฉันดึงซิบไม่ถึง อย่าให้ใครเข้ามาในนี้เด็ดขาด ชุดโบราณๆ ประมาณราคาไม่ได้อย่างนี้นะ พวกหัวขโมยกระหายนักล่ะ”
“ขโมยไปทำไมคะ” เดซี่ถาม
“ไปขายสิ”
เพกากับเดซี่รับคำขึ้นพร้อมกัน
“ค่ะ หัวหน้า”
แฮรี่เดินออกไปทางห้องทำงานของเขา เดซี่เดินตามออกไป
เพกายกกล่องหนึ่งวางบนโต๊ะยาวกลางห้องแล้วเปิดผ้าที่หุ้มกล่องออก เพกาตกตะลึงกับความงามของชุดกี่เพ้าเจ้าหญิงเหวินซิ่วที่วางอยู่ในกล่องงดงาม เพกาประคองชุดขึ้นมาจากกล่องด้วยความตื่นเต้นและปลาบปลื้ม
“ชุดกี่เพ้าของมาดามซ่งชิงหลิง ภรรยาอดีตประธานาธิบดี (ซุนจงซาน หรือ ดร. ซุนยัดเซ็น - ผู้เรียบเรียง)สวย สวยจริงๆ”
โทรศัพท์ของสถาบันฯที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเพกาดังขึ้น เพกาวางพาดชุดกี่เพ้าไว้บนโต๊ะ ก่อนวิ่งไปรับโทรศัพท์
“สวัสดีค่ะ สถาบันอาภรณ์เอเชียค่ะ จะพานักศึกษาเข้ามาชมนิทรรศการ ได้ค่ะ จะมาเมื่อไหร่คะ"
เพกาหนีบหูโทรศัพท์แนบหู และหันหลังไปหยิบสมุดปากกาบนโต๊ะ แล้วนั่งลงจดข้อมูลจากปลายสาย
หมิงเทียนเดินผ่านเข้ามาแล้วหยุดชะงักเมื่อเห็นชุดกี่เพ้าวางพาดอยู่บนโต๊ะ หมิงเทียนมองชุดเหมือนตกตะลึงแล้วเข้าไปจับชุดกี่เพ้าขึ้น
เพกาวางสายโทรศัพท์หันมาเห็นเจ้าหมิงเทียนพอดี
“นี่คุณ วางชุดลงเดี๋ยวนี้นะ”
หมิงเทียนหันหน้ามาหาเพกาที่มีสีหน้าไม่พอใจ ขณะที่ทายาททายาทตระกูลเจ้าตกตะลึงประหนึ่งโลกจะหยุดหมุน สาวไทยตรงหน้าช่างเหมือนสุคนธา หรือที่เขาเรียกเธอว่า “เมย์ลี” อดีตคนรักจะฟื้นชีพขึ้นมามีชีวิตอีกครั้ง
หมิงเทียนตกตะลึงจนเผลอปล่อยชุดกี่เพ้า เพกาปราดเข้าไปรับชุดกี่เพ้าเอาไว้ได้ทันก่อนที่มันจะร่วงลงพื้นอย่างไม่คิดชีวิต ทำให้เพกาชนกับหมิงเทียนอย่างแรงจนเกือบจะเซล้ม แต่หมิงเทียนแข็งแรงกว่าจึงโอบยึดร่างเพกาเอาไว้ได้
ทั้งสองสบตากันในระยะใกล้ ดวงตาของหมิงเทียนสั่นไหว ไม่อยากละสายตาจากหน้าเพกา เพราะดีใจที่เมย์ลีกลับมาหาเขาแล้ว
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” เพกาบอก
เพกาผละจากอ้อมกอดของชายแปลกหน้า หมิงเทียนรู้สึกตัวกลับมาสู่โลกของความเป็นจริงอีกครั้ง
“คุณเป็นใคร คุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง”
“เดินเข้ามา” หมิงเทียนบอก
“กวนประสาทอีก ฉันไม่สนุกด้วยหรอกนะ ออกไปเดี๋ยวนี้ ที่นี่เป็นเขตหวงห้าม”
“ผมไม่ออก ธุระของผมยังไม่เสร็จ”
หมิงเทียนมองไปที่กล่องกี่เพ้า
“คุณคิดจะเข้ามาขโมยชุดกี่เพ้า”
เพกาหันซ้ายหันขวาหาอาวุธ แล้วคว้าคัตเตอร์อันเล็กบนโต๊ะขึ้นขู่
“ถ้าคุณคิดจะแตะต้องกี่เพ้าพวกนี้ คุณข้ามศพฉันไปก่อน ออกไป ไม่ออกใช่ไหม”
เพกาวางชุดกี่เพ้าแล้วจะเอาคัตเตอร์ไปฟัน หมิงเทียนคว้าข้อมือเพกาไว้ด้วยท่าทางนิ่งๆ เพกายกมืออีกข้างจะชก หมิงเทียนคว้าเอาไว้อีก เลยกลายเป็นว่า มือเพกาทั้งสองข้างถูกหมิงเทียนยึดไว้
เพกาไม่ยอมแพ้จะยกเข่ากระทุ้งเป้าหมิงเทียน แต่ระยะห่างมากเกินไป เข่าของเพกาไม่ถึงเป้าหมาย หมิงเทียนกระชับมือเพกาแน่นแล้วถาม
“หมดฤทธิ์ได้หรือยัง”
เพกาเจ็บปวดจนน้ำตาคลอ
“ก็ได้ โอ๊ย...ปล่อยฉันเถอะ แขนฉันจะหักอยู่แล้ว”
หมิงเทียนใจอ่อนคลายมือจากข้อมือเพกาทันที
ทันใดนั้น เพกาก็ผลักหมิงเทียนอย่างแรงแล้วคว้าแฟ้มใกล้มือฟาดๆๆ และตะโกน
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย มีโจรเข้ามาขโมยกี่เพ้า”
เพกาฟาดหมิงเทียนแบบไม่ยั้ง หมิงเทียนยกมือป้องหลบเป็นพัลวัน
“นี่แน่ๆๆ รู้จักฉันน้อยเกินไป ไอ้โจรห้าร้อย”
แฮรี่ในสวมชุดทำงานใหม่ในฐานะผอ.ใหญ่ของสถาบันฯกับเดซี่วิ่งเข้ามา
“ไหนๆๆ ขโมย บังอาจมาก มันต้องโดนไอยราหักศอก อ๊าก...” แฮรี่ว่า
ทันทีที่แฮรี่เห็นหมิงเทียนก็ชะงัก
“อุ๊ย คุณหมิงเทียน พิ้งค์หยุดๆๆ”
เพกายังไม่หยุดฟาดหมิงเทียน ปากก็ว่า
“ไม่หยุด เขาจะมาขโมยกี่เพ้าต้องจัดการ”
“เขาไม่ขโมยหรอก เขาเป็นลูกชายคุณเจ้าเหวินเยี่ย เจ้าของกี่เพ้าพวกนี้”
หมิงเทียนมองเพกาด้วยสายตาดุ เพกาชะงักปั้นหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว
บริเวณมุมรับแขก ภายในห้องทำงานของเพกา หมิงเทียนนั่งอยู่บนโต๊ะ เพกากับเดซี่นั่งอยู่ตรงข้าม เพกายิ้มเจื่อนอย่างรู้ความผิดของตัวเอง แต่เดซี่มองหมิงเทียนตาหวานเยิ้ม...ราวกับเห็นเทพบุตรสุดหล่อ
หมิงเทียนจ้องเพกาไม่วางตา แฮรี่นำแก้วน้ำมาเสิร์ฟให้อย่างพินอบพิเทา
“ดื่มน้ำเย็นๆ ดับความร้อนก่อนนะครับ”
หมิงเทียนนิ่งเฉยไม่ดื่ม
“ผมวางไว้ตรงนี้นะครับ”
แฮรี่ขยิบตาให้เพกา เพการู้ตัวยกมือไหว้หมิงเทียน
“คุณหมิงเทียนคะ ขอโทษค่ะ เรื่องเมื่อตะกี้ที่ฉันทำร้ายคุณ ฉันตั้งใจ”
แฮรี่กับเดซี่ร้อง“หือ”
“แต่ไม่ได้มีเจตนาร้าย ก็คิดว่าเป็นโจรอ่ะค่ะ แต่ถ้าคุณโกรธฉันก็ยินดีรับโทษค่ะ”
“คุณชื่ออะไร” หมิงเทียนถาม
“เพกาค่ะ”
“นามสกุล”
“สุพัคกุล”
“คุณมีญาติอยู่ที่ฮ่องกงหรือเปล่า”
การซักไซ้ไล่เรียงของหมิงเทียน ทำให้เพกางงไม่เข้าใจว่าจะถามไปทำไมมากมาย
“ไม่มีค่ะ”
“แน่ใจ”
“แน่ใจค่ะ”
หมิงเทียนนิ่งเพราะได้คำตอบแล้วว่า เพกาไม่ได้รู้จักกับสุคนธา หมิงเทียนลุกขึ้นและสั่งแฮรี่
“คุณแฮรี่ช่วยเซ็นรับมอบชุดด้วย ส่วนสถานที่จัดงานเท่าที่ผมเช็ก ไม่มีปัญหาอะไร แต่คุณจะต้องถ่ายรูปส่งอีเมลไปให้คุณพ่อผมดูด้วย”
“ได้ครับ”
“ไม่ต้องไปส่ง ผมกลับเองได้”
หมิงเทียนเดินออกไป เพกา เดซี่ แฮรี่ต่างก็รู้สึกงง
“แล้วเขาจะถามชื่อยายพิ้งค์ไปทำไม”
“หรือว่าเขาจะไปบอกให้แก๊งมาเฟียมาเล่นงานเราคะ ยายพิ้งค์แกตายแน่ๆ”
ด้วยความอยากรู้ เพกาตัดสินใจเดินตามไปหมิงเทียนไป
หมิงเทียนเดินออกมาจากด้านในตัวตึก อี่เหวินรีบปิดประตูรถลีมูซีนให้หมิงเทียน เพกาวิ่งตามมา
“เดี๋ยวค่ะคุณหมิงเทียน”
หมิงเทียนและอี่เหวินหันไปมองเพกา อี่เหวินสะดุ้งตกใจเหมือนเห็นผี แต่เพกายังไม่สังเกตเห็นท่าทาง กลับเดินเข้าไปหาหมิงเทียน
“เมื่อตะกี้ฉันทำร้ายคุณ คุณไม่โกรธฉันเหรอคะ”
“คุณขอโทษผมแล้ว และอีกอย่าง สิ่งที่คุณทำไปก็เพื่อปกป้องชุดกี่เพ้าของคุณพ่อผม อย่างน้อยคุณพ่อผมก็วางใจได้แล้วว่า กี่เพ้าจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี”
“แล้วคุณถามชื่อนามสกุล แล้วก็เรื่องของครอบครัวฉันทำไม”
“ผมก็แค่อยากรู้ว่าคุณเป็นใคร”
หมิงเทียนขึ้นรถ อี่เหวินปิดประตูแล้ววิ่งอ้อมไปประจำที่คนรถก่อนจะขับรถออกไป เพกามองตามอย่างงงๆ ด้วยความสงสัย
ภายในรถ หมิงเทียนนั่งทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างด้วยความเศร้า อี่เหวินมองเจ้านายทางกระจกส่องหลัง ก็รู้ว่าเจ้านายคิดสิ่งใดอยู่
“เธอเหมือนมากเลยนะครับ”
หมิงเทียนได้สติชักสีหน้าตึงขึ้นมาทันที
“ไม่เหมือน ไม่มีใครเหมือนเมย์ลี”
อี่เหวินถอนลมหายใจเบาๆ นึกสงสารเจ้านายหนุ่มที่ไม่เคยลืมเมย์ลีได้สักที
ในเวลากลางคืน ภายในห้องทำงาน เพกากำลังใส่กี่เพ้าโบราณชุดหนึ่งให้หุ่น ส่วนที่บริเวณหูหนีบโทรศัพท์มือถือคุยกับเดซี่ไปด้วย
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเดซี่ ฉันอยู่คนเดียวได้ แค่นี้สีชมพูอยู่แล้ว เธอดูแลคุณแม่ไปเถอะ ฝากเยี่ยมไข้คุณแม่ด้วยนะ พรุ่งนี้เจอกันจ้ะ”
ระหว่างเพกาวางสายแล้วเดินไปก้มหยิบกล่องโลหะกล่องหนึ่งเพื่อเตรียมทำชุดต่อไป หางตาของเพกาก็หันไปเห็นท่อนขาผู้หญิงใส่ชุดกี่เพ้าโบตั๋นสีชมพูยืนอยู่ข้างหลัง !
เพกาสะดุ้งหันขวับไปมอง แต่ไม่เห็นอะไรผิดปกติ บริเวณนั้นมีแค่หุ่นเปล่าๆตั้งอยู่ เพกาถอนหายใจโล่งอก
“ตาฝาดแล้วไงล่ะพิ้งค์เอ้ย”
เพกาหยิบกล่องโลหะเดินไปทางโต๊ะทำงานอย่างไม่ได้สนใจอะไร แต่ทว่าขาท่อนล่างของผู้หญิงสวมชุดกี่เพ้าโบตั๋นสีชมพูยืนอยู่ที่เดิม
ในวันใหม่ หมิงเทียนนั่งคุยงานกับนักธุรกิจ นักธุรกิจเปิดแคตตาล็อกดูผลิตภัณท์ยาจากบริษัทของหมิงเทียนแล้วว่า
“ผลิตภัณฑ์ยาของมิสเตอร์เจ้าน่าสนใจมากจริงๆ”
แต่หมิงเทียนกลับใจลอยไปถึงเพกา
หมิงเทียนเผลอตัวยิ้มนิดๆ ให้กับตัวเอง จึงไม่ได้ยินที่นักธุรกิจเรียก
“มิสเตอร์เจ้าคะ”
หมิงเทียนรู้สึกตัว
“ขอโทษครับ คุณว่ายังไงนะครับ”
“ที่ผ่านมาบริษัทของดิฉันขายแต่ผลิตภัณฑ์ยาจากยุโรป ถ้าจะให้ดิฉันเปลี่ยนมาขายสินค้าของมิสเตอร์เจ้าแทน สินค้าสามล็อตแรก ดิฉันขอลดราคาสินค้าสามสิบเปอร์เซ็นต์ คิดเสียว่า เราลงทุนด้านความเสี่ยงด้วยกัน”
“ประสบการณ์ ความรู้ หยาดเหงื่อของครอบครัวผมตลอดสามสิบปีที่ผ่านมา เราเสี่ยงมามากพอแล้วครับ” หมิงเทียนบอกอย่างสุภาพ
นักธุรกิจนิ่งคิดเล็กน้อยก่อนตัดสินใจ
“โอเคค่ะ ดิฉันสั่งสินค้าของมิสเตอร์เจ้า”
“ขอบคุณครับ”
หมิงเทียนยิ้มนิดๆ เป็นการขอบคุณ
หมิงเทียนเดินออกมาจากในตัวตึก อี่เหวินยืนคอยอยู่ที่รถลีมูซีนต่อพร้อมเปิดประตูรถให้
“กลับโรงแรมเลยไหมครับ”
“ยัง”
อี่เหวินแปลกใจ
ภายในสถาบันอาภรณ์แห่งเอเชีย ที่ห้องผ้าอินเดีย เพกากำลังเดินนำนักเรียนชมนิทรรศการ ด้วยหน้าตาสดใสมาก
“มาถึงตรงนี้ ชุดนี้เรียกว่า...”
เด็กๆ นักเรียนพากันพูดขึ้นพร้อมกัน
“ส่าหรี”
“สีชมพูมากค่ะ ปรบมือให้ตัวเองหน่อย”
เพกากับเด็กๆ ปรบมือกัน หมิงเทียนแอบยืนดูเพกาอยู่ด้านหนึ่ง
“น้องๆ ดูกันไปก่อนเลยนะคะ ถ้ามีคำถาม ถามพี่พิ้งค์ได้เลย”
เพกายิ้มสดใสกับเด็กๆ แต่พอหันหลังก็หาวหวอดเพราะเมื่อคืนอดนอนจากการทำชุดกี่เพ้า เพกาหลบเข้าไปในซอก ซึ่งยังเป็นมุมที่หมิงเทียนเห็นอยู่
“หัวหน้านะหัวหน้า ก็บอกแล้วว่าเราเพิ่งได้กลับบ้านตอนตีสี่ ยังจะมาให้เราทำงานอีก แต่ในเมื่อเป็นหน้าที่ เราจะง่วงไม่ได้ เราต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด"
เพกาหาวิธีให้ตัวเองหายง่วงด้วยการตบหน้าตัวเองทั้งสองข้าง แล้วกระโดดๆ
“ตื่นๆๆ ร่าเริงๆ เข้าไว้”
เพกากำลังกระโดดอยู่ก็หันไปเห็นเด็ก 2-3 คนยืนมองอยู่ เพกาชะงักได้แต่ทำตาปริบๆ หมิงเทียนมองแล้วก็อมยิ้มขำ เด็กคนหนึ่งถามอย่างสงสัย
“พี่ทำอะไรคะ”
“เอ่อ พี่ พี่กำลังออกกายบริหารจ้ะ พี่ปวดขาน่ะจ้ะ ว่าแต่น้องๆ มีอะไรหรือเปล่าคะ"
“พวกเราอยากรู้ว่า พี่อยู่ที่นี่ อยู่กับชุดคนตายไปแล้วทั้งนั้น พี่เคยเจอผีไหมคะ”
“น้องอยากรู้ไปทำไมคะ”
“พวกเราไม่กล้าเดินไปดูห้องอื่นค่ะ พวกเรากลัวผี”
“น้องๆ ฟังพี่พิ้งค์นะคะ เราควรจะศึกษาอดีตเพื่อจัดการปัจจุบัน และสร้างอนาคตที่ดีกว่าเดิม อดีตที่ผิดพลาดจึงเป็นครู ไม่ใช่ผีที่ตามหลอกหลอน น้องๆต้องจำไว้นะอย่ายอมให้อดีตที่ผิดพลาด กลายเป็นผีที่หลอกหลอนเรา... ไหนพูดตามซิ - อดีตเป็นครูไม่ใช่ผี” !
“อดีตเป็นครูไม่ใช่ผี” เด็กๆพูดตามขึ้นพร้อมกัน
“สีชมพูมากค่ะ” เพกาแจกอมยิ้มอีก
รอยยิ้มบนหน้าใบหน้าของหมิงเทียนหายไปจนกลายเป็นเศร้า
ในเวลาต่อมา หมิงเทียนเดินมาหยุดมองที่โลหะปราสาทด้วยสีหน้าเศร้า พลางนึกถึงอดีตที่สุคนธาเคยมองวิวบริเวณนี้ด้วยความสดชื่น และเมื่อหมิงเทียนตามมาถึงก็ตรงเข้าโอบไหล่ สุคนธาชี้ชวนดูวิวสวยเบื้องหน้าด้วยกัน ทว่าวันนี้ … คงเหลือเพียงหมิงเทียนที่โดดเดี่ยว อ้างว้าง และเศร้าซึม
ที่สวนสันติชัยปราการ อีกแห่งหนึ่งที่ทั้งคู่เคยมาด้วยกัน หมิงเทียนกลับมาเยือนอีกครั้ง เบื้องหน้าเห็นสะพานแขวน ในบริเวณนี้ เมื่อหมิงเทียนหันกลับมามองก็สะดุดสายตากับแผงขายว่าว พลางนึกถึงวันวานในอดีต … สุคนธาลีกำลังจ่ายเงินซื้อว่าวพร้อมกระป๋องที่มีเชือกว่าวม้วนอยู่ด้วย หมิงเทียนถ่ายกล้องวีดีโออยู่
ในเวลาต่อมา สุคนธาส่งว่าวขึ้นฟ้าแล้วมายืนอยู่ใกล้กับหมิงเทียนที่คอยชัก
บริเวณพระที่นั่งฯ สุคนธายืนให้หมิงเทียนถ่ายรูป จากนั้นหมิงเทียนก็ตั้งขากล้องถ่ายอัตโนมัติ โดยมีหมิงเทียนเข้าไปถ่ายร่วมเฟรมด้วย หมิงเทียนแกล้งหอมแก้ม สุคนธาไล่ตีอย่างสนุกสนาน
สุคนธาวิ่งมาหยุดมองหาหมิงเทียน เบื้องหลังเป็นป้อมพระสุเมรุ สายตาของสุคนธาเห็นคนเต้นแอโรบิคผ่านสายตาไปเรื่อยๆ แล้วก็สะดุดสายตา จนต้องเหวี่ยงสายตากลับมาใหม่ก็เห็นหมิงเทียน ที่กำลังเต้นยั่วยิ้มมองมา สุคนธาเข้าไปลากหมิงเทียนออกมา ทั้งคู่หัวเราะกันอย่างร่าเริง
ที่ม้านั่งเขียว หมิงเทียนจูงมือสุคนธาที่ถือถุงของกินแบบไม้เสียบเข้ามาให้ แต่หมิงเทียนส่ายหน้า แต่เมื่อสุคนธาจะกิน หมิงเทียนก็แกล้งไม่ให้กิน
ทั้งคู่นั่งกินหยอกล้อ แล้วภาพในอดีตเหล่านั้นก็เลื่อนหายไป
หมิงเทียนเดินเข้ามาหยุดมองที่ม้านั่งเขียวตัวเดิมซึ่งตอนนี้ว่างเปล่า หมิงเทียนซึมเศร้าลงมานั่งตำแหน่งเดิมแล้วรำพึงกับตัวเอง
“เมย์ลี ผมเจอคนที่เหมือนคุณมาก เหมือนเหลือเกิน เหมือนจน ...จนผมแทบจะตายเพราะความคิดถึงคุณ”
หมิงเทียนนึกถึงเพกาในหลายอิริยาบถที่น่ารัก เช่นปรบมือกับเด็กๆ รวมถึงเรื่องที่เพกาสอนเด็กๆว่า
“จำคำพี่ไว้นะคะ - อดีตเป็นครูไม่ใช่ผี”
หมิงเทียนเอื้อมมือไปจับที่นั่งข้างๆ ก่อนมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าอาลัยรักยิ่ง
“อดีตไม่ใช่ครู ไม่ใช่ผี อดีตคือความรักและความเจ็บปวด”
คืนวันเดียวกัน บรรยากาศรอบอาคารที่ตั้งสถาบันฯเงียบสงัด หมู่เมฆค่อยๆเคลื่อนตัวเข้าบดบังพระจันทร์ สายลมเอื่อยพัดยอดไม้ระริกไหวในความมืด
เพกาอยู่ในห้องทำงาน เอากล่องโลหะใบที่ 30 ออกมาวางตรงโต๊ะ แล้วอ่านกระดาษที่ปิดอยู่ที่ฝากล่อง
“กล่องที่สามสิบชิ้นสุดท้ายแล้ว กี่เพ้ามาดามเจียงชิง ภรรยาอดีตประธานาธิบดี”
เพกาค่อยๆหยิบชุดออกมาทั้งผ้ากำมะหยี่ เห็นห่อผ้าสีเขียวอยู่ด้านล่างของชุดกี่เพ้าเจียงชิง
“ห่ออะไรน่ะ”
เพกาวางชุดของมาดามเจียงชิงไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบถุงออกมาดูมาเปิดดู แต่พอเปิดถุงผ้าจะก้มมองของในถุงก็ได้กลิ่น
“กลิ่นดอกไม้ หอมจัง”
เพกาดึงของในถุงออกมา เห็นกี่เพ้าอีกชุดหนึ่ง
“กี่เพ้า เอ๊ะ มันครบสามสิบชุดแล้วนี่นา”
เพกาคลี่ชุดกี่เพ้าออกลงบนโต๊ะจนเห็นเต็มตัว กี่เพ้าสีแดงเลือดนก ปักลวดลายดอกโบตั๋นสีชมพู เพกาก้มลงมองอย่างสังเกตใกล้ชิด
“สวยจริงๆ ผ้าสีแดงเลือดนกลายดอกโบตั๋น”
เพการีบกดมือถือโทร.หาแฮร์รี่ทันที
“ปิดมือถือทำไมเนี่ย”
เพกากดมือถือเข้าโหมดการบันทึกเสียงเพื่อส่งข้อความ
“หัวหน้าคะ เรื่องด่วนค่ะ มีกี่เพ้าเกินมาชุดหนึ่ง เป็นกี่เพ้าที่สวยมาก ไม่ใช่ของโบราณแต่เพิ่งทำขึ้นมาไม่เกินสิบปีนี้ชุดนี้เป็นงานระดับมาสเตอร์พีซของทศวรรษนี้เลยก็ว่าได้ จะทำยังไงดีคะ รีบโทรกลับมานะคะ”
เพกากดปิดมือถือแล้ววางลง และหันมาพิจารณากี่เพ้าชุดนั้นอีก เพกาเอื้อมมือไปกำลังจะจับผ้ายังไม่ทันได้แตะ ยินเสียงหมาหอนดังขึ้น … ลมพัดโชยแรงจนเพกาสะดุ้งเฮือก
“อุ๊ยหมาบ้า มาหอนอะไรตอนนี้นะ... ลมมาจากไหนเนี่ย”
กี่ เ พ้ า ตอนที่ 1 (ต่อ)
เพกาขนลุกซู่ รู้สึกถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนลงอย่างฉับพลันจนต้องลูบแขนตัวเอง จากนั้นเพกาก็เริ่มแตะลงที่ชุดกี่เพ้าอย่างแผ่วเบา เริ่มจากชายกระโปรง เพกามีความรู้สึกไหลหลงไปกับทุกเส้นไหม
มือของเพกาไปหยุดที่แถวอกเสื้อ ยังไม่ถึงรูขาด ก็ถอนมือเสียก่อน
“กี่เพ้าชิ้นนี้ทำขึ้นใหม่โดยช่างฝีมือหาตัวจับยาก คนใส่ต้องเป็นคนสำคัญหรือมีเงิน และต้องใช้ในวันสำคัญ ยิ่งสีแดงแบบนี้ต้องใช้ในงานสำคัญแน่ๆ หรือว่าเป็นงานแต่งงาน ผู้หญิงที่ใส่กี่เพ้าสวยแบบนี้ได้ก็ต้องสวยไม่แพ้กันแน่ๆเลย”
เพกาก้มลงคลำลายปักรูปดอกโบตั๋นต่อ จนมาเจอรอยขาดเป็นรูที่หน้าอก
“เอ๊ะ.. มีรอยขาดตรงหน้าอกพอดี น่าเสียดาย ทำไมถึงขาดเป็นรูแบบนี้ได้ รอยอะไร”
เพกาเอามือสัมผัสแตะที่รูขาดซ้ำอีกครั้ง ทันใดนั้น ภาพตัวเพกาก็ดั่งต้องมนตร์สะกด
เพกามีอาการสะดุ้งเล็กน้อย ยืนนิ่งตัวตรงเหมือนโดนสะกดจิต แววตาแข็งกระด้างขึ้นมา พูดเหมือนคนเหม่อลอย
“ผู้หญิงทุกคน ถ้าได้เห็นของสวยแบบนี้ ต้องพ่ายแพ้ต่อมนต์เสน่ห์ที่ฝังอยู่ในเนื้อผ้า ไม่มีใครอดใจได้หรอก”
เพกาเดินถือชุดกี่เพ้าลายโบตั๋นเดินออกไป
เบื้องนอก พระจันทร์เต็มดวงถูกหมู่เมฆลอยเข้ามาบดบังแสงอย่างมิดชิด
เพกาในชุดกี่เพ้าดอกโบตั๋นที่มีรอยขาดเดินสวยสง่าเข้ามามองที่หน้ากระจกยาวอย่างพอใจมาก ดวงตาประหนึ่งต้องมนตร์สะกด
“สวย สวยเหลือเกิน แปลก เราใส่ได้พอดีเป๊ะแทบทุกจุด เจ้าของกี่เพ้านี้เป็นใครกัน ใครนะเป็นคนส่งมา ส่งมาที่นี่เพื่ออะไร ต้องการอะไรกันนะ”
จู่ๆไฟในห้องก็ดับมืดสนิท เพกาเหลียวมองรอบห้อง แต่พอหันกลับมาที่กระจก เพกาก็ตกใจที่เห็นทรงผมตัวเองเปลี่ยนไป
ในกระจกคือสุคนธาในชุดโบตั๋นที่ยังสมบูรณ์พร้อม ไม่มีรูขาด วงหน้าและแววตาจะยังปกติ แต่ในแววนั้นแฝงด้วยความเศร้าสร้อยอยู่
เพกามึนงงกับภาพตรงหน้าค่อยๆยก 2 มือขึ้นมาจับทรงผมตัวเองอย่างช้าๆ
ในกระจก สุคนธายังยืนทิ่งแขนแนบลำตัว แววตาเศร้าสร้อยอย่างเดิม ไม่มีการยกมือจับผมเหมือนเพกาที่ยืนอยู่ เห็นแล้ว... เพกาก็ชักปอด เพกาลองเอา 2 มือโบกส่ายไปมาอีกที ในกระจกสุคนธายังคงยืนนิ่งเฉยเฉกเช่นเดิม เพกาแน่ใจแล้วว่าไม่ใช่ตนเองแน่ !!
“ใครกัน ไม่ใช่ฉันนี่”
ทันใดนั้น ในกระจก หน้าของสุคนธาก็เปลี่ยนสีหน้าจากปกติเป็นขาวซีดทีละน้อยจนกลายเป็นหน้าผี ตาขาว อารมณ์ของสีหน้ายังเศร้าสร้อยเหมือนเดิม ทว่าชุดกี่เพ้านั้นกลับขาดเป็นรู
เพกาตกใจ ผงะถอยหลังไป 2-3 ก้าว ร้องอุทานเสียงดัง
“ผี”
ในกระจก สุคนธายังยืนนิ่งแต่น้ำตาไหลพรากส่งสายตาวิงวอนขอความช่วยเหลือ เพการวบรวมความกล้าก่อนถามออกไป
“เธอป็นใคร ต้องการอะไร”
ในกระจก สุคนธาร้องไห้สะอื้นหนักขึ้น ลึกลงไปในลูกตาดำของเพกาก็เห็นบางภาพผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็ว
สุคนธาในสภาพคนปกติ สวมชุดกี่เพ้าโบตั๋นที่ยังไม่ขาด ยืนร้องไห้น้อยใจในชีวิตของตนเองเพราะทะเลาะกับ”เหว่ย”
ร่างของคนในชุดเสื้อคลุมกันฝนสีดำซึ่งคลุมตั้งแต่หัวลงมาตลอดลำตัว สวมถุงมือหนังสีดำยาวมิดชิดถึงข้อศอก มือขวาถือมีด เดินพุ่งเข้ามาจิกหัวสุคนธาด้วยมือซ้ายจนเธอหงายหลังร้อง “โอ๊ย...”
ภายในในห้องทำงาน เพกาผงะหงายรู้สึกเจ็บไปดั่งกิริยาเหมือนสุคนธาไม่ผิดเพี้ยน ความเจ็บปวด ความกลัวของสุคนธากลายมาเป็นของเพกาไปด้วย“โอ๊ย...”
เฉพาะมือขวาของฆาตกรที่สวมกำไลหยกเงื้อมีดสูงประกายวาบ
ทั้งสุคนธาในอดีตและเพกาในปัจจุบันต่างกรีดร้องขึ้นพร้อมกัน “ ไม่...”
มือที่ถือมีดเล่มนั้นของฆาตกรหมายจะจ้วงลงมาแทง แต่ 2 มือของสุคนธาจับแขนยึดไว้ และมองไปที่กำไลหยกลายมังกรบนข้อมือของฆาตกร
เพกาในปัจจุบันก็ออกแรงยันไว้ มีอาการเหมือนสุคนธา สายตาเพ่งมองไปที่กำไลหยกลายมังกรวงนั้น
สุคนธาออกแรงดิ้นรนต่อสู้ จนเหวี่ยงข้อมือฆาตกรหลุดไป
ฆาตกรที่ถือมีดเหวี่ยงเข้ามาอีก กำไลหยกเผลอไปกระทบโดนกระจกบานงามมีกรอบเป็นลวดลายดอกไม้ ทำให้กรอบกระจกแตก มีรอยขีดร้าว ฆาตกรที่พยายามจะแทงให้ได้ แต่ 2 มือของสุคนธาก็ยังพยายามจับต่อสู้ยันไว้ ดิ้นรนจนเลื่อนไปกำกำไลหยกทั้งวง สุคนธาออกแรงขืนสู้ เช่นเดียวกับเพกา
กำไลหยกลวดลายมังกรที่ถูกยึดไว้อย่างแรงหักเป็น 2 ท่อนร่วงหล่นสู่พื้น มีดที่เงื้ออยู่สูงของฆาตกรจ้วงแทงลงมาอย่างแรงที่อกด้านซ้ายของสุคนธา ใบมีดแทงทะลุเสื้อเข้าไปมิดด้าม
สุคนธาสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บปวด เช่นเดียวกับเพกาที่เอามือกำอกข้างซ้ายที่ถูกแทงก่อนที่ใบมีดจะถูกฆาตกรชักออก ร่างของสุคนธาล้มลงพื้น เจ็บปวด ทุกข์ทรมาน หลับตาลงและสิ้นใจตายในทันที
ร่างเพกาล้มลงพื้นกิริยาเจ็บปวดเช่นกัน เพกาค่อยๆ หลับตาลงและสลบไป
เช้าวันใหม่ ซึ่งเป็นวันเปิดนิทรรศการ ภายในห้องทำงานของเพกา เดซี่กำลังปลุกเพกาที่หลับไหลอยู่ที่พื้นห้องตั้งแต่เมื่อคืน
“พิ้งค์ๆ พิงค์เป็นอะไรไป พิ้งค์”
เพกาทะลึ่งพรวดจับเดซี่ไว้แล้วลุกขึ้น
“เดซี่”
“ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ล่ะ ไม่สบายหรือเปล่า”
เพกามองไปรอบข้าง มองตัวเอง และยังมีสีหน้าตื่นตระหนกตกใจเล็กน้อย
“กี่เพ้าชุดนี้ แย่แล้ว ใครมาเห็นเข้าโดนไล่ออกแน่”
เพการีบลุกไปห้องน้ำทันที
“เอ้าเดี๋ยวสิพิงค์ อะไรกันน่ะ อะไรกัน”
เดซี่ยืนงงอยู่ตรงนั้น
ภายในห้องน้ำ เพกาครุ่นคิดเรื่องเมื่อคืน … ทำไม ตอนโดนแทงที่อกเหมือนโดนที่อกตัวเองก็ไม่ปาน
“ฝันร้าย ฝันร้ายอะไรน่ากลัวอย่างนี้”
เพกาพยายามสลัดความคิดนั้นแล้วเปิดน้ำจะล้างหน้าก็เห็นมือตัวเองข้างที่กำกำไลหยกแน่นมีร่องรอยอยู่
“คุณพระช่วย”
เพกานึกถึงภาพที่สุคนธากดลงกับกำไลหยกเพื่อยึดไว้ เช่นเดียวกับตัวเองที่กดกำไลหยกลวดลายมังกรวงนั้นไว้
เพกาตกใจมาก รีบเอาน้ำล้าง ถูๆ แต่มันไม่ใช่รอยธรรมดาเป็นรอยกด มันจึงล้างไม่ออก เพกามองรอยที่มือนั้น แล้วก็อึ้งไป
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้นกับฉัน”
เพกาได้แต่ตะลึง มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้กันแน่
รถลีมูซีนนั่งอยู่แล่นอยู่บนถนนในย่านสวนสามพราน หมิงเทียนมองนาฬิกาข้อมือแล้วบอกอี่เหวิน
“ขับเร็วกว่านี้ได้ไหมอี่”
“ครับ”
อี่เหวินเหยียบคันเร่ง โทรศัพท์มือถือของทายาทตระกูลเจ้าดังขึ้น หมิงเทียนรับสาย
“ฮัลโหล”
แฮรี่คุยโทรศัพท์ด้วยท่าทางตื่นตระหนก
“สวัสดีครับคุณหมิงเทียน ผมจะโทรมาปรึกษาเรื่องชุดกี่เพ้าชุดที่สามสิบ”
ยังไม่ทันที่แฮรี่จะอธิบายต่อ … โทรศัพท์ของหมิงเทียนก็มีสายซ้อนเข้ามา หมิงเทียนจึงพูดตัดบท
“คุณพ่อผมมอบกี่เพ้าให้อยู่ในความรับผิดชอบของพวกคุณ ไม่ใช่ของผม”
หมิงเทียนกดวางสายของแฮรี่แล้วรับสายต่อ
“ผมใกล้ถึงแล้วครับคุณพ่อ”
หลังวางสาย แฮรี่พูดกับตัวเองด้วยแววตามุ่งมั่น
“ก็จริงของเขา งั้นมากี่ชุดก็จัดไปเท่านั้นก็แล้วกัน”
บริเวณเฉลียงด้านหน้าของสถาบันอาภรณ์แห่งเอเชีย แขกในงานกำลังทยอยเดินทางมา บางคนรอด้านหน้า ยืนคุยกันบ้าง ถือแก้วน้ำบ้าง ทุกคนถือโบว์ชัวร์งานนิทรรศการ แฮรี่และเดซี่มีดอกไม้ติดที่หน้าอก แสดงตนเป็นเจ้าภาพยืนรอแขกคนสำคัญต่างๆ อยู่
บริเวณด้านหน้า รถลีมูซีนเคลื่อนเข้ามา ทุกคนมองรถเป็นตาเดียว
“มาแล้วค่ะ” เดซี่บอก
“มีดารามาด้วยหรือ” แขกคนหนึ่งพูดถามขึ้น
“ยิ่งกว่าดาราอีก เจ้าของกี่เพ้าครับ”
แขกแถวนั้นพยักหน้าอย่างเข้าใจ
เมื่อรถลีมูซีนแล่นเข้ามาจอด อี่เหวินลงมาเปิดประตู เจ้าเหวินเยี่ยเดินลงมา ตามด้วยทายาท หมิงเทียนและเจ้าหลินเพ่ย ผู้เป็นน้องสาวบุญธรรมของหมิงเทียน
“สวัสดีครับ คุณเจ้าเหวินเยี่ย” แฮรี่กล่าวต้อนรับทักทาย
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคุณ แฮรี่”
เหวินเยี่ยยิ้มทักทาย แฮร์รี่หันไปทัก หมิงเทียนและหลินเพ่ยที่ควงแขนหมิงเทียนแทบจะตลอดเวลา
“สวัสดีครับ คุณเจ้าหมิงเทียน”
“นี่ลูกสาว เจ้าหลินเพ่ย” เหวินเยี่ยแนะนำกับแฮรี่
“คุณเจ้าหลินเพ่ย ผมเห็นรูปคุณอยู่บ้างในนิตยสารของฮ่องกง”
หลินเพ่ยเชิดใส่มีท่าทางสง่างาม ไฮโซมีระดับอยู่ตลอดเวลา
“กรุณาเรียกฉันว่าคุณหนูเหมือนคนอื่น”
แฮร์รี่หน้าแตกเล็กน้อย
“เอ้อครับ ขอโทษครับ สถาบันอาภรณ์แห่งเอเซียต้องขอบคุณท่านจริงๆที่มอบกี่เพ้าล้ำค่าให้มาแสดงในงาน เชิญทุกท่านเข้าไปข้างในครับ"
แฮรี่และเดซี่เดินนำทั้งหมดเข้าไปในงาน
บริเวณล็อบบี้ถูกจัดให้มีเก้าอี้เรียงรายให้แขกนั่ง แฮรี่พูดกับกลุ่มของเหวินเยี่ย
“เชิญครับ เชิญนั่งตรงนี้ก่อน”
เมื่อเหวินเยี่ยนั่งลงประจำที่แล้ว
เดซี่บอกแขกคนอื่นๆ
“เชิญค่ะ เชิญทางนี้ พิธีเปิดงานจะเริ่มแล้วค่ะ” เดซี่บอก แขกคนอื่นๆลงนั่งตาม
ที่มุมหนึ่ง ตรงประตูทางเข้าด้านในมีริบบิ้นร้อยเป็นสายเอาไว้ให้ประธานตัดออกเพื่อเปิดงาน ข้างๆกันมีโพเดียม ดนตรีเบาๆดังขึ้น งานเริ่มต้นขึ้นแล้ว
เพกาในชุดกี่เพ้าสวยงาม เดินมาที่โพเดียมในฐานะวิทยากร พิธีกร
“สวัสดีท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน สถาบันอาภรณ์แห่งเอเซียขอขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามางานในวันนี้นะคะ ดิฉันเพกา หรือเรียกสั้นๆว่าพิงก์ก็ได้ค่ะ"
ทันทีที่เพาปรากฏตัวขึ้น หลินเพ่ยก็ยืนขึ้นเป็นคนแรกด้วยความตกใจ เหวินเยี่ยก็ตะลึงงันไม่แพ้กัน
“เมย์ลี”
หลินเพ่ยหลุดปากเหวินเยี่ยยืนตะลึงอยู่
เพกามองเหวินเยี่ยที่ยืนอึ้งอยู่ก็พูดไม่ออกได้แต่ยืนจ้องกันไปมา หมิงเทียนเห็นเช่นนั้นก็เดินเข้าไปกระซิบทั้งสองคนและทำสัญญาณให้นั่งลง
“แค่คนหน้าเหมือนน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก”
ทั้งสองรู้สึกตัวหันไปมองแขกอย่างขอโทษและยอมนั่งลง เพการู้สึกตัวก่อนตั้งสติแล้วพูดต่อ
“เอ้อ เสื้อผ้าและผ้าโบราณคืองานศิลปะ คือหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ที่สำคัญผู้หญิงในสมัยโบราณ นิยมบันทึกเรื่องราวชีวิต และสังคมของเธอลงบนผืนผ้า เสื้อผ้าและผืนผ้าแต่ละผืน ไม่จำเป็นต้องมีตัวหนังสือ ก็บ่งบอกอารมณ์ บ่งบอกยุคสมัย บ่งบอกภูมิลำเนาของผู้สร้างได้เป็นอย่างดี"
ระหว่างนั้นทั้ง เหวินเยี่ย หลินเพ่ยและหมิงเทียนเพ่งมองเพกาอย่างไม่วางตา
ในเวลาต่อมา เหวินเยี่ยตัดริบบิ้นเปิดงาน นักข่าวถ่ายรูปกันใหญ่ มีกล้องทีวีมาทำข่าวด้วย จากนั้น เหวินเยี่ยก็เดินเข้าไปในงาน ตามด้วยคนอื่นๆ
บรรยากาศในห้องนิทรรศการแสดงกี่เพ้าห้องแรก
“ขอเชิญทุกท่านเข้าชมกี่เพ้าชุดต่างๆ ได้ตั้งแต่บัดนี้เลยครับ เชิญครับ” แฮรี่บอก
"เชิญค่ะ เชิญ” เพกาเชื้อเชิญ
ทั้งสามคนมองตามเพกาเป็นระยะๆ เพกาได้แต่ยิ้มและค้อมหัวให้
อีกมุมหนึ่ง เพกาเดินนำกลุ่มคนส่วนใหญ่ให้มาฟังบรรยายที่หน้าตู้ บริเวณตู่แสดงกี่เพ้าห้องที่หนึ่ง
“กี่เพ้า 2 ชุดนี้เป็นของพระสนมของจักรพรรดิองค์สุดท้ายค่ะ”
ทั้งสามคนยังคงมองเพกาไม่หยุด
“เชิญห้องถัดไปเลยครับคุณเจ้าเหวินเยี่ย” แฮรี่บอก
ภายในห้องแสดงกี่เพ้า ห้องที่สอง … เพกาไล่เรียงจนมาถึงกี่เพ้าชุดสุดท้ายในห้องนี้ก่อนเคลื่อนเข้าไปอีกห้องหนึ่ง เพกาอธิบาย อยู่ข้างตู้ กลุ่มของตระกูลเจ้าทั้ง 3 คนยังคงจับจ้องเพกาอยู่เหมือนเดิม
“กี่เพ้าที่ส่งมาให้แสดงทั้งหมดนี้ โดยส่วนตัวแล้วผมรักชุดกี่เพ้ามาดามซ่งมากที่สุด” เหวินเยี่ยบอก
“ครับ” แฮรี่ขานรับ
เพกาแอบบ่นกับเดซี่เสียงเบาๆ
“นี่เดซี่ ไม่รู้จะมองอะไรกันนักหนา อึดอัดจะตายอยู่แล้ว เฮ้อ”
“อ้าว เธอเป็นวิทยากรไม่ให้คนฟังมองเธอ แล้วให้มองสุนัขที่ไหนล่ะจ๊ะ”
“ไม่ใช่ ไม่ใช่แขกฉันหมายถึงพวกตระกูลเจ้าสามคนนั้นต่างหาก”
เพกาบุ้ยใบ้ให้ดู สามคนจากตระกูลเจ้าที่มักมองเพกาเสมอๆ
“เชิญห้องสุดท้ายเลยครับ”
แฮรี่เชิญพวกตระกูลเจ้าสามคนที่ห้องถัดไป
เพกาพูดเชื้อเชิญแขกตาม
“เชิญห้องถัดไปเลยค่ะ เป็นห้องแสดงกี่เพ้าชุดพิเศษของเรา”
เพกาพาคนมาดูงานไปห้องถัดไป ตามกลุ่มบ้านตระกูลเจ้า
เพกาเดินนำทุกคนมาที่กลางห้อง ซึ่งเป็นตู้ตกแต่งพิเศษ มีผ้าคลุมมีปุ่มสำหรับกดเปิดผ้า ทั้งยังมีดอกไม้ล้อมรอบไว้ แสดงให้เห็นว่าเป็นไฮไลท์ของงานนิทรรศการนี้ นักข่าวเข้ามารุมล้อมเตรียมถ่ายรูป
“เชิญครับคุณเยี่ย” แฮรี่กล่าวเชื้อเชิญ
“มาถึงกี่เพ้าชุดสุดท้าย ชุดนี้เราถือเป็นชุดไฮไลท์ของงานเลยก็ว่าได้ หลังการกวาดล้างของกองทัพแดง ช่างฝีมือถูกฆ่าตาย ถูกไล่ล่า ภูมิปัญญาการตัดเย็บกี่เพ้าแทบล่มสลายไปจากโลก แต่ในวันนี้คุณจะได้เห็นกี่เพ้าที่หลุดลอดมาจากศิลปินที่ไม่ยอมแพ้ สิ่งที่ท่านจะได้เห็นในตู้นี้คือ กี่เพ้าที่สวยที่สุดในทศวรรษ คือสัญลักษณ์แห่งการไม่ยอมจำนน ไม่ยอมแพ้”
ระหว่างนั้น แฮรี่กระซิบให้เหวินเยี่ยมายืนเพื่อเตรียมกดปุ่ม เหวินเยี่ยทบทวนความจำกี่เพ้าของตัวเองมีกี่ชุดที่เป็นเหมือนเพกาว่า พลางพึมพำอยู่คนเดียว
“กี่เพ้าหลังกองทัพแดงงั้นหรือ”
“ขอเชิญคุณเจ้าเหวินเยี่ยกดปุ่มได้เลยค่ะ”
เหวินเยี่ยยังยืนคิดเรื่องกี่เพ้าอยู่ คิดไม่ออกว่าชุดไหน ทุกคนในงานมองลุ้นระทึกปรบมือรอให้เหวินเยี่ยกดปุ่มเปิด จนแฮรี่ต้องกระซิบเตือน
“กดปุ่มครับคุณเยี่ย เชิญครับ”
ผ้าขาวเคลื่อนออเผยกี่เพ้าไฮไลท์ของงาน
“และนี่คือความภูมิใจแห่งเอเซีย กี่เพ้าชุดลายดอกโบตั๋นสีชมพูค่ะ”
เสียงดนตรีบรรเลงกระชั้นแรงอย่างยิ่งใหญ่ ทุกคนปรบมือ ทันทีที่เห็นกี่เพ้าตรงหน้าทั้งสามคนแห่งตระกูลเจ้าต่างตกใจกันหมด หลินเพ่ยพุ่งเข้าไปชี้
“นี่มัน กี่เพ้านี่มันของ ของ....กี่เพ้าชุดนี้มาได้ยังไง มาได้ยังไงคะพี่รอง”
“นี่แก แก แกส่งมันมาหรือ...”
เจ้าเหวินเยี่ยโมโหจัด เดินมาชี้หน้ามือสั่นใส่หมิงเทียน
“ไม่ใช่ครับ”
“แกส่งชุดนี้มาที่นี่เพื่อหักหน้า เพื่อท้าทายฉัน”
เหวินเยี่ยตบหน้าหมิงเทียนด้วยความโมโห !แขกในงานตกใจร้องฮือ ทุกคนถ่ายรูปกันใหญ่ แฮรี่ทำอะไรไม่ถูกรีบเดินมากระซิบถามเหวินเยี่ย
“เอ้อ ขอโทษครับ เกิดอะไรขึ้นครับ”
เหวินเยี่ยชี้หน้าแฮรี่และด่าเสียงดังจนทั้งห้องอึ้งกันไปหมด
“คราวนี้พวกคุณทำเกินไปแล้ว ผมส่งกี่เพ้ามาแค่สามสิบชุด ชุดนี้มาจากไหน คุณทำแบบนี้ทำไม"
“ก็...” แฮรี่อ้ำอึ้ง
“ผมขอยกเลิกสัญญาทั้งหมด หลังเสร็จงานวันนี้ เก็บกี่เพ้าทุกชุด ส่งคืนผมภายในสามวัน”
“สามวัน ไม่ได้นะคะ พวกเราออกข่าวไปแล้วว่าจะมีการจัดแสดงตลอดทั้งเดือน ถ้าเราแสดงไม่ครบ เราโดนสปอนเซอร์ปรับเงินเป็นล้านเลยนะคะ" เพกาว่า
“แต่กี่เพ้าทั้งหมดนี่มันเป็นของผม ผมมีสิทธิ์ ในสัญญาก็ระบุว่าเป็นอำนาจผมที่จะยกเลิกงานเมื่อไหร่ก็ได้ ผมบอกว่าขอคืน ก็ต้องส่งคืน ถ้าไม่ผมจะเอาเรื่องพวกคุณทางกฎหมาย”
เหวินเยี่ยโมโหจัดเดินออกไป หลินเพ่ยเดินตาม หมิงเทียนและแขกได้แต่ยืนตะลึงที่เดิม เพกาโวยวายแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร
“เอ้อ เดี๋ยวสิคะ คุณเยี่ย คุณเยี่ยนี่มันอะไรกันเนี่ย กี่เพ้าชุดนี้ ทำไมต้องเป็นเรื่องใหญ่ด้วย”
แฮรี่พึมพำ
“ส่งคืน ส่งคืน เฮ้อ เป็นลม” แฮรี่เซไป เดซี่รับไว้
เพกาหันมองชุดกี่เพ้าดอกโบตั๋นในตู้นิทรรศการอย่างนิ่งงัน
กี่ เ พ้ า ตอนที่ 1 (ต่อ)
ภายในสถาบันอาภรณ์แห่งเอเชียเวลากลางคืน ภายในห้องมีลังใส่ชุดกี่เพ้าทั้ง 30 ชุดวางซ้อนกันอยู่ ทั้งเพกาและเดซี่นั่งจ๋อง สีหน้าบ่งบอกถึงความเหนื่อยอ่อนแถมเศร้าสร้อย
“หมด หมดกัน ทุ่มเทเพื่องานนี้มาเป็นปี ได้จัดแสดงแค่วันเดียว แถมโดนสปอนเซอร์ปรับเงินเป็นล้าน" เดซี่ว่า
“เป็นไงบ้างคะ เจรจาสำเร็จไหม” เพกาถามแฮรี่
แฮรี่เดินถือโทรศัพท์มือถือเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเครียด
“คุณเยี่ยกับคุณเพ่ยเพ่ยกำลังจะบินกลับฮ่องกง ติดต่อไม่ได้”
“แล้วคุณหมิงเทียนล่ะ”
“คุณหมิงเทียนมีพบลูกค้าที่เมืองไทยเลยอยู่ต่อ แต่ก็ไม่ยอมรับสายฉันอยู่ดี”
“อะไรเนี่ย ก็ตัวเองส่งมา เราก็เอาขึ้นแสดงก็ถ้าไม่อยากให้แสดงแล้วส่งมาทำไมกัน เฮ้อ ฉันงงไปหมดแล้วนะ คนครอบครัวนี้น่ะ”
“แต่ท่าทางเขาตกใจกันมากนะ ทั้งสามคนน่ะหรือว่ามันเกิดความผิดพลาดตอนจัดส่ง คนหยิบผิดมาให้เราหรือเปล่า”
“ก็แล้วไง ตัวเองชอบกี่เพ้าอยู่แล้ว กี่เพ้าสวยขนาดนั้น แค่จัดแสดงขึ้นไปต้องถึงกับตบหน้าลูกชายด้วยหรือ” เพกาว่า
“กี่เพ้าชุดนี้คงเป็นของสำคัญของครอบครัวไม่ใช่ของสะสม ดูจากอาการคุณเยี่ยที่ด่าลูกน่ะ" เดซี่บอก
“เป็นของส่วนตัว มีความสำคัญบางอย่างงั้นหรือ เอ มันเกี่ยวกับเรื่องในนิมิตของเราไหมนะ”
เพกานึกถึงตอนที่สุคนธาถูกแทง
“นิมิตอะไร” เดซี่ถามอย่างอยากรู้
“เปล่าๆ อย่ารู้เลย”
จู่ๆแฮรี่ก็เกิดอาการนอยด์ขึ้นมา คร่ำครวญสติแตก
“ฮือ ฉันต้องโดนปลด โดนไล่ออก สถาบันต้องผลักหนี้มาให้ฉัน ฉันต้องล้มละลาย ฉันต้องตกงาน อกหัก รักคุด ตุ๊ดเมิน ฮือ”
แฮรี่คร่ำครวญ ร้องไห้ฮือๆเสียงดังอย่างคนเสียสติ ประหนึ่งว่าโลกกำลังจะแตกในบัดดล ดูน่าอเนจอนาถ
“โหย หัวหน้า ใจเย็นๆ เอางี้เดี๋ยวพิงค์ไปเอง พิงค์จะไปเจรจากับคุณหมิงเทียนให้ เขาพักอยู่โรงแรมอะไรบอกมาสิ”
แฮรี่เงยหน้าและยิ้มออกมาทันที ไม่มีความรู้สึกละอายสักนิดว่าตนเป็นนาย ควรจัดการอะไรเพื่อแก้ปัญหานื้
บริเวณคอฟฟีชอปของโรงแรมเลอคองคอร์ด ในเวลากลางคืน เหวินเยี่ยนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อังกฤษ หลินเพ่ยนั่งเล่นโทรศัพท์รอเวลา อี่ติดต่อที่เคาน์เตอร์เสร็จเดินมาบอก
“กระเป๋าคุณเยี่ยกับคุณหนูพร้อมแล้ว ไปสนามบินเลยไหมครับ”
เหวินเยี่ยพยักหน้าพร้อมวางหนังสือพิมพ์ลงเตรียมเดินทาง
หมิงเทียนเดินเข้ามาสบตากับพ่อ เหวินเยี่ยยังโกรธอยู่ ขณะที่หมิงเทียนหน้าบึ้ง หลินเพ่ยเลยเจรจาแทน
“พี่รองไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนี้หรอกค่ะ ไม่มีใครอยากเห็นกี่เพ้าชุดนั้นหรอก พี่รองจะทำแบบนั้นเพื่อท้าทายคุณพ่อทำไมกัน"
“กี่เพ้าชุดนั้น ที่ถูกมันต้องอยู่ในฮวงซุ้ย จะมีใครบ้าเก็บมันเอาไว้ ถ้าไม่ใช่”
หมิงเทียนชิงตอบแทรก
“ลูกเลวๆอย่างผม พ่อจะบอกอย่างนี้ใช่ไหม”
“ตั้งแต่เด็ก แกเป็นอย่างนั้นมาตลอด เกเร ทำแต่เรื่องแผลงๆ”
“ไม่เหมือนพี่ใหญ่ที่ทำแต่เรื่องดีๆ เสียใจด้วยนะ พ่อเหลือผมแค่คนเดียวคงต้องทนผมไปอีกนาน"
เจ้าเหวินเยี่ยโมโหแล้วชี้หน้าด่า
“ไอ้ .... เห็นไหม พ่อเคยคุยกับมันรู้เรื่องที่ไหน”
อี่เหวินเข้าไปเตือนสติเสียงเบาๆ หมิงเทียนจึงยอมอ่อนลง
“คุณชายรองครับ ถ้าไม่ได้ทำก็บอกท่านไปสิครับว่าไม่ได้ทำ พูดอย่างนี้ท่านยิ่งโมโห”
“คุณพ่อครับ ผมไม่ได้ทำ ไม่รู้กี่เพ้ามาได้ยังไง ผมจะเก็บกี่เพ้าไว้เองแล้วจะตามสืบให้ว่าใครเป็นคนส่งกี่เพ้ามา เขาต้องการอะไร”
เหวินเยี่ยพยักหน้ายอมใจเย็นลงแล้วกำลังจะเดินออกไปขึ้นรถ หลินเพ่ยเดินมาเกาะแขนประจบหมิงเทียน
“ไม่เป็นไรนะคะพี่รอง เจอกันที่บ้านเรานะคะ พี่รอง บ๊ายบาย”
หมิงเทียนพยักหน้า หลินเพ่ยกับหมิงเทียนกอดกันแล้วโบกมือบ๊ายบายก่อนเดินตามเหวินเยี่ยไป
เพกานั่งแท็กซี่มาคนเดียว บริเวณล็อบบี้โรงแรม เจ้าหน้าที่ที่ฟรอนต์กำลังเช็คชื่อในจอคอมพิวเตอร์ให้ พลางบอก
“คุณเจ้าหมิงเทียน แขกห้องสวีท เอ้อ มีคำสั่ง ห้ามรบกวนหลังสี่ทุ่มค่ะ”
“เอ๊า ทำไมล่ะคะ”
“นี่เที่ยงคืนแล้ว ยิ่งโทรขึ้นไปไม่ได้ใหญ่ รบกวนคุณโทรเข้ามือถือท่านได้ไหมคะ” เจ้าหน้าที่บอก
“เอ้อ ก็....มือถือปิด”
เจ้าหน้าที่เสนอ
“เอ ถ้าอย่างนั้นคุยกับคนของท่านไหมคะ ท่านมีผู้ติดตามคนหนึ่ง”
“แหมมันเป็นเรื่องส่วนตัว”
“งั้นฝากเรื่องไว้ได้ไหมคะ”
เจ้าหน้าที่ส่งเอกสารพร้อมกระดาษให้
ความคิดของเพกาบอกกับตัวเองว่า “สงสัย ต้องเล่นเล่ห์เพทุบายหน่อยแล้ว”
เจ้าหมิงเทียนเดินตรงมาหาเพกาทางข้างหลังจึงได้ยินเสียงเพกาตลอด
เพกาทำท่าเชิด เซ็กซี่นิดๆ แล้วบอกเจ้าหน้าที่โรงแรมว่า
“นี่จะบอกอะไรให้นะคะ สำหรับคุณหมิงเทียน ฉันน่ะเป็นคนพิเศษ ถ้าคุณไม่ให้ฉันพบท่าน คุณอาจจะโดนตำหนิได้”
เจ้าหน้าที่งง คิดตามไม่ทัน “คะ”
“ผู้หญิงมาหาผู้ชายตอนเที่ยงคืน ผู้หญิงสวยๆเซ็กซี่อย่างฉันเนี่ยต้องให้อธิบายไหมคะว่า เราเป็นอะไรกัน”
หมิงเทียนได้ฟังก็ยิ้มที่มุมปากจึงพูดขึ้นที่ข้างหลังของเพกา จนเพกาสะดุ้ง
“เป็นแฟนหรือไม่ก็เป็นผู้หญิงอย่างว่า คุณเป็นอย่างไหนล่ะ”
เพกาหันมาเจอหน้าหมิงเทียนก็ดีใจ
“คุณหมิงเทียน จำฉันได้ไหมคะ”
หมิงเทียนเก๊กสีหน้าเย็นชืดแล้วแกล้งบอก
“คุ้นๆ แต่จำชื่อไม่ได้”
เจ้าหน้าที่โรงแรมมองเพกาหัวจรดเท้าแล้วว่า
“ผู้หญิงอย่างว่า หนอย”
เจ้าหน้าที่โรงแรมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมทำหน้าดุใส่เพกา ก่อนถามหมิงเทียน
“เรียกร.ป.ภ.ไหมคะคุณเจ้า”
เพการีบโบกมือให้พัลวัน
“เปล่านะเปล่า ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่านะ เปล่า”
“เอ๊าก็เมื่อกี้พูดเอง ผู้หญิงมาหาผู้ชายตอนเที่ยงคืน ถ้าไม่รู้จักกันดี ก็เป็นผู้หญิงอย่างว่า”
เจ้าหน้าที่ผู้รักในความถูกต้อง รีบบอกลงไปในโทรศัพท์ทันทีด้วยสีหน้าเข้มเอาเรื่องเพกา
“ร.ป.ภ.คะ ขอเชิญที่ฟรอนต์หน่อยค่ะ”
“ไม่ใช่ๆ ฉันเพกา เจ้าหน้าที่สถาบันที่ยืนอธิบายมาทั้งคืน ไหนจะที่เรามีเรื่องกันอีก ที่ฉันตีหัวคุณไง”
หมิงเทียนหน้านิ่งหันหลังให้ด้วยแววตาแพรวพราวเกือบยิ้ม ก่อนจะเก๊กพูดต่อ
“ก็ตามมาสิ”
หมิงเทียนเดินนำ เพกากำลังเดินถามอย่างงงๆ
“หา ... ให้ฉันพบได้แล้วหรือคะ”
เจ้าหน้าที่ก็งงเหมือนกัน
“เอ้าแล้ว ร.ป.ภ.”
เพการีบบอกเจ้าหน้าที่
“ก็ยกเลิกไปสิคะ ฉันไม่ใช่จริงๆนะ ฉันไม่ใช่”
เพการีบวิ่งต๊อกๆ ตามหมิงเทียนที่เดินจ้ำอ้าวไปโน่น
หมิงเทียนเดินมากดลิฟต์แล้วเดินเข้าไป เพกาเดินตามมางงๆ
“เอ้าจะไปไหนคะ ไม่ไปคุยกันที่คอฟฟีชอปหรือคะ”
“เดี๋ยวเจอคน เจอนักข่าว ไม่ชอบ”
“หา เอฉันว่า”
“ไม่ไปก็ไม่เป็นไร กู๊ดไนท์นะ”
หมิงเทียนพูดพลางโบกมือ เข้าลิฟต์ไป
“โอ้ ไปค่ะไป”
เพการีบกระโดดตามเข้าลิฟต์แทบไม่ทัน
ภายในห้องสูท หมิงเทียนในท่าทางสบายๆเดินนำเข้ามา เพกามองอย่างหวาดๆไปรอบๆ ห้อง ภายในห้องไม่มีคนอื่นเลย มีเพียงเขากับเธอเท่านั้น
“เชิญนั่ง เครื่องดื่มอยู่ในตู้เย็น ผมขอน้ำเปล่าแก้วหนึ่ง”
หมิงเทียนเดินไปในห้องด้านใน ถอดสูท ดึงไทค์ ชาร์จโทรศัพท์ปรกติ และใช้งานเพกาเหมือนเป็นคนใช้คนหนึ่ง
“หา อ้อค่ะ”
เพกาลุกไปจัดการเครื่องดื่มมาวางไว้สองแก้ว หมิงเทียนเดินมานั่งคุยที่ชุดรับแขกด้วยท่าทางเคร่งขรึมเหมือนปรกติ
“เรื่องจัดงานต่อใช่ไหม ผมอุตส่าห์ไม่รับสาย ทำไมยังไม่เข้าใจอีก”
“คุณก็รู้นี่คะ สถาบันเราเกิดขึ้นมาเพื่อการศึกษา การจัดงานครั้งนี้เราเตรียมกันมาเป็นปี มีนักวิชาการหลายประเทศในแถบนี้ จองตั๋ว เตรียมมาชมกันหลายคน ถ้าเราไม่ได้แสดงต่อในวันพรุ่งนี้ ชื่อเสียงคงไม่มีเหลือ”
“เจ้านายคุณบอกหรือเปล่าว่ากี่เพ้าทุกชุดเป็นของพ่อ ไม่ใช่ของผม”
“บอกค่ะ แต่ท่านดูเป็นคนอ่อนโยน มีเมตตาจิตใจดี”
“หือ”
สีหน้าเย็นๆของหมิงเทียนหันมาส่งเสียงหือ เพกายิ้มแหะ ยอมรับความจริงว่าตัวเองโกหกเลยพูดเหตุผลที่แท้จริง
“เอ้อ เราติดต่อคุณเยี่ยไม่ได้”
“คุณก็เลยบุกเดี่ยวมาหาผมกลางดึกแถมปลอมตัวเป็นผู้หญิงอย่างว่า”
“ก็แค่หวังว่าจะได้พูดสายกับคุณ หรืออย่างดีก็พบกันที่ล็อบบี้ ไม่นึกว่าต้องขึ้นมาที่นี่”
หมิงเทียนส่งสายตาตำหนิว่าใช้ไม่ได้ ต่อหน้าหมิงเทียนทำท่าทางวางอำนาจ หยิ่งยโส ไม่พอใจ ไม่ถูกใจเพกาแทบจะตลอดเวลาจนเพกาซีดเหลือตัวนิดเดียว ซึ่งเป็นท่าทางปรกติที่หมิงเทียนทำกับทุกคน แต่ลับหลัง ในบางมุมจึงได้เห็นว่าจริงๆแล้ว หมิงเทียนเอ็นดูเพกา ซึ่งนิสัยอันหลังเป็นความรู้สึกพิเศษที่หมิงเทียนมีต่อเพกาคนเดียว
“ผมคุยกับพ่อให้ก็ได้ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ”
“คุณต้องการอะไร บอกมาได้เลยค่ะ”
หมิงเทียนย้ายที่นั่งจากห่างเหินเดินมานั่งที่พนักเก้าอี้ตัวเดียวกับเพกาด้วยสีหน้าเรียบเฉย จนเพกางงๆ
ในใจลึกๆ หมิงเทียนคิดจะหยอกเพกาเล่นเพราะรู้สึกสนุกที่จะอยู่และเล่นกับผู้หญิงคนนี้ อยากแกล้งอำ แกล้งหยอกตามนิสัยเดิมที่จะทำกับสุคนธา สีหน้าหมิงเทียนบ่งบอกอารมณ์ยาก
นั่นทำให้เพกาไม่สามารถคาดเดาได้ว่า หมิงเทียนต้องการอะไร อารมณ์ไหนกันแน่ ระหว่างจริงจัง ตำหนิ ดูถูกหรือแค่หยอกเล่น
[ต่อจากตอนที่แล้ว]
หมิงเทียนโค้งตัวเข้ามาใกล้ เพกาหดตัวลง หมิงเทียนจ้องหน้าเข้าไปที่ดวงตาเพกา พูดออกมาด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม
“ผู้หญิงมาหาผู้ชายที่โรงแรมคนเดียวตอนเที่ยงคืน เขามาทำอะไรกันล่ะ”
“คะ...คุณ”
หมิงเทียนเอื้อมมือมาเหมือนจะจับที่ใบหน้า เพกายิ่งถอยกรูด หัวแทบจมหายไปในเก้าอี้เพื่อหนีมือนั้น ดวงตาตะลึงพรึงเพริศ ปากพูดออกมา
“อย่านะ คุณมีหลักมีฐาน มีหน้ามีตา คุณไม่จำเป็น”
หมิงเทียนมองสภาพเพกาที่ตัวถดลงไปกอง ทั้งสองสบตากันครู่หนึ่ง แล้วหมิงเทียนหัวเราะขำเล็กๆ เลิกกลางคันทันที ก็แค่จะหยอกเล่นและรู้สึกอยากใกล้ชิดสุคนธาอีกครั้ง ก็แค่นั้น...
“ที่แท้ก็กลัว เป็นผู้หญิงอย่าทำบ้าบิ่นนัก ถ้าไม่ใช่ผม คุณแย่แน่”
หมิงเทียนถอยตัวเองออก พอชัดเจนว่าเขาไม่คิดจะทำอะไร เพกาใจเต้นรีบลุกขึ้นหนีไปยืนห่างๆทันที ฉีกยิ้มแห้งๆละล่ำละลักบอก
“ค่ะ ค่ะ ขอโทษอีกครั้งค่ะ”
หมิงเทียนดื่มน้ำแล้วเดินไปจัดการเรื่องของตัวเองราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปากก็บอกไปว่า
“คุณไปเถอะ ผมง่วงจะนอนแล้ว พรุ่งนี้ ผมจะโทรหาพ่อให้”
เพกาตามอารมณ์ไม่ทัน แล้วนึกได้ สะดุ้งรีบบอก
“หา โอเคค่ะ พรุ่งนี้ค่ะ งั้นวันนี้ไปก่อนนะคะ ขอบคุณมากค่ะ”
เพกาเดินไปที่ประตูแล้วรีบเปิดออกด้วยความตื่นกลัวสุดๆ หมิงเทียนยิ้มขำอยู่คนเดียวในห้อง
เพกาออกมาหน้าห้องยืนนิ่ง ใจเต้นแรง ดวงตาสับสน
“โหย อะไรของเขานะ ตามอารมณ์ไม่ถูกเลย น่ากลัวชะมัด”
เพกาขนลุกไม่หายและรีบเดินออกไปทันที
วันรุ่งขึ้น เวลา 9 โมงเช้าโดยประมาณ บริเวณประตูทางเข้าสถาบันอาภรณ์แห่งเอเชีย มีกลุ่มนักศึกษามายืนรอเพื่อชมนิทรรศการ ตรงสแตนตั้งป้ายประกาศงดการจัดนิทรรศการ เพกาถอนใจพลางมองที่มือถือตัวเองด้วยความสงสารคนที่มายืนรอเหล่านั้น
เพกาตัดสินใจ...
เวลาเดียวกัน ภายในรถลีมูซีน เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น หมิงเทียนกดรับสาย
“ฮัลโหล”
“ฉันเพกาค่ะ”
หมิงเทียนมองนาฬิกาแล้วตอบเสียงขุ่น
“โทรมาเร็วไปรึป่าวคุณ”
“เอ้อ คือ ขอโทษค่ะ พอดีมีคนมารอเข้าชม ถ้าไม่เป็นการรบกวนคุณหมิงเทียนจนเกินไป คือถ้าเป็นไปได้เปิดแสดงวันนี้เลย ทางสถาบันเราจะขอบคุณมากเลยค่ะ”
“ผมก็มีธุระของผมเหมือนกันนะ”
“ให้ดิฉันคุยกับคุณเยี่ยเองก็ได้นะคะ แค่ให้คุณเป็นคนต่อสายให้ เพราะถ้าเป็นทางเราโทร เอ้อ... รู้สึกท่านจะไม่รับสายน่ะค่ะ”
“เอาอย่างนี้แล้วกัน คุณมาเจอผมที่สวนสาธารณะ พอดีผมกำลังจะไปที่นั่น”
หมิงเทียนตั้งใจไปสวนสาธารณะแห่งนั้นไปดูอีกครั้งเป็นความตั้งใจส่วนตัวและกำลังเดินทางอยู่
“ได้สิคะได้ ที่ไหนคะ ค่ะ ได้ค่ะ ไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
เพกาสีหน้ามีความหวังเดินออกไปในทันทีโดยไม่คิดอะไรมาก
ภายในสวนสาธารณะ หมิงเทียนเดินช้าๆด้วยสีหน้านิ่ง ในใจคิดถึงอดีต เขาเดินมาจนถึงบริเวณที่จะหลบ หมิงเทียนได้ยินเสียงมีคนมา หมิงเทียนยืนหลบแอบดู เห็นเพกาเดินเข้ามาเร็วๆหยุดมองหาอยู่บนเนินนิดนึงแล้วเดินลงบันไดมาหยุดมองหาหมิงเทียนแต่ไม่พบ เพกายืนรอคอยด้วยสีหน้ามีความหวังว่า สถาบันอาภรณ์แห่งเอเชียจะมีโอกาสได้เปิดแสดงอีกครั้ง
หมิงเทียนแอบมองอยู่ด้วยความเจ็บปวดใจเมื่อนึกถึงอดีต
สุคนธาเดินมาหยุดบนเนินนิดนึงด้วยสีหน้ามีความสุขก่อนเดินลงบันไดมาหยุดมองเรือนไทยด้านหน้าด้วยความสุขที่ได้กลับมาเมืองไทยพร้อมคนรักอีกครั้ง
หมิงเทียนบันทึกภาพวีดีโอพร้อมเสียงของสุคนธาตลอดเวลาด้วยสีหน้ามีความสุข
“เลิกถ่ายฉันได้แล้วค่ะ คุณชายรอง”
หมิงเทียนถือกล้องวีดีโอถ่ายอยู่ก็ละสายตาจากจอภาพมาพูดงอนๆ
“เรียกฉันว่าอะไรนะ”
“หมิงเทียน มาตรงนี้ดีกว่าค่ะ”
หมิงเทียนยิ้มแล้วมองจอภาพต่อพร้อมเดินเข้าหาช้าๆ
“เมย์ลี บอกสิว่ารักฉัน”
สุคนธาอายไม่ยอมพูด
“ฉันจะถ่ายเก็บไว้ดู ตอนฉันไปเรียนต่อ บอกสิว่ารักฉัน เมย์ลี”
“ฉันรักคุณค่ะ หมิงเทียน” เมย์ลีพูดเบาๆอย่างเขินอาย
หมิงเทียนออกจากห้วงปวดร้าวในอดีตมองไปที่เพกาด้วยความเศร้าสร้อย ก่อนเผลอตัวเดินออกมาจากที่หลบอยู่อย่างช้าๆ เข้ามาหาเพกา
เพกายังมัวแต่มองนั่งรอและชมวิวเพราะนัดกับหมิงเทียนที่สะพานแห่งนี้ เพกามองเวลาที่นาฬิกาข้อมือก่อนหยิบมือถือขึ้นมาดูด้วยว่าจะมีใครโทรมาหามั้ย
หมิงเทียนเดินมาหามองเพกาไม่วางตา คิดอยากให้สุคนธากลับมามีชีวิตอีกครั้ง เพกาหันมาเห็นเข้าพอดี
“คุณหมิงเทียน”
หมิงเทียนยืนมองเพกานิ่ง ดวงตามีน้ำตาคลอหน่วย
เสียงในใจของหมิงเทียนร่ำร้อง...
“บอกสิว่ารักฉัน ช่วยบอกอีกครั้งเพราะฉันไม่อยากลืมมัน ไม่อยากลืม”
เพการับรู้ได้ว่า หมิงเทียนสีหน้าผิดปรกติเมื่อเห็นน้ำตาคลอก็ตกใจ
“คุณหมิงเทียนเป็นอะไรไปคะ”
หมิงเทียนรู้สึกตัวแล้วน้ำตาก็หยดไหลลงมา ทายาทตระกูลเจ้ารีบหันหลังให้แล้วบอก
“ไปคอยผมที่ร้านกาแฟตรงนั้น ผมจะโทรหาพ่อให้ ได้เรื่องยังไง แล้วจะไปบอก”
เพกามองอย่างงงๆ ก่อนเดินตรงไปร้านกาแฟ
หมิงเทียนน้ำตาซึมยืน ปล่อยอารมณ์ไปกับความเศร้าของตนเอง
เพกานั่งดื่มกาแฟรออยู่ด้วยความมึนงง สงสัยที่เห็นหมิงเทียนร้องไห้ หมิงเทียนเดินกลับมาพร้อมมือถือในสีหน้าปรกติ ชาเย็นขรึมเหมือนคนเดิม มาถึงก็พูดธุระที่ตนจัดการให้แล้ว
“ผมโทรคุยกับพ่อแล้ว ท่านใจเย็นลง ท่านตกลงให้คุณจัดแสดงต่อได้”
“คะ”
“มีข้อแม้ ผมจะไปรับกี่เพ้าโบตั๋นคืนด้วยตนเองในอีกสามวันข้างหน้า คุณห้ามแสดงชุดดอกโบตั๋น ห้ามเด็ดขาด”
เพกาสีหน้าดีใจอย่างเห็นได้ชัด
“ได้เลยค่ะ ฉันจะเก็บให้อย่างดี รอคุณมารับ สามสิบชุดที่ส่งมา มีค่ามากพอแล้ว ฉันเปิดแสดงต่อได้ตั้งแต่วันนี้เลยถูกต้องไหมคะ”
หมิงเทียนพยักหน้ารับ
“ขอบคุณมากเลยค่ะ ฉันขอไปโทรบอกพวกเขาเดี๋ยวนี้เลยนะคะ”
เพกาดีใจมากรีบเปิดกระเป๋าคว้ามือถือลุกขึ้นกดโทรหาแฮรี่ทันที
“มัวทำอะไรอยู่นะหัวหน้า ทำไมไม่รับสาย”
หมิงเทียนมองเพกาแบบตัดใจก่อนหันหลังเดินกลับไปที่จอดรถ
หมิงเทียนเดินมาตามทาง เพการีบเดินตามมาอย่างเร็วทางด้านหลัง หมิงเทียนหันมาเจอเข้า
“เดี๋ยวค่ะ คุณหมิงเทียน”
“มีอะไรอีก”
“เอ้อ จะมาบอกลา มาขอบคุณอีกครั้งค่ะ”
หมิงเทียนพยักหน้ารับอย่างชาเย็นแล้วเดินต่อ เพกาอดไม่ได้ก็พูดขึ้นทั้งที่รู้สึกว่าไม่สมควร
“คุณโอเคหรือเปล่า เอ้อ ผู้ชายคนหนึ่งจะร้องไห้สักกี่ครั้งในชีวิตคะ”
หมิงเทียนอึ้งไป หยุดเดินทันทีแต่ยังไม่หันกลับไป
“เราเป็นแค่คนผ่านมาแล้วพบกัน คุณได้สิ่งที่คุณต้องการแล้วกลับไปเถอะ”
เพกาอึดอัดเลยพูดออกมาด้วยความคับข้องใจ
“มันอะไรกันนักหนา ที่สถาบันพวกคุณมองฉันเหมือน อืม มองฉันทำไม”
หมิงเทียนหันมาแล้ววว่า
“ถ้าต้องการคำขอโทษ ผมขอโทษ”
หมิงเทียนจะเดินหนีอีก เพกายังคาใจและไม่หายสงสัย
“ฮึ่ย โธ่เอ๊ย”
อี่เหวินรออยู่ที่รถ พอเห็นหมิงเทียนเดินมาก็เดินไปเปิดประตูให้ หมิงเทียนเดินมาจะขึ้นรถ เพกาตามมาโวย
“คุณหมิงเทียน ทำไมคะ ฉันแค่อยากรู้ ทำไมถึงบอกฉันไม่ได้ ใช่สิ สำหรับเศรษฐีอย่างคุณ คนต้อยต่ำอย่างฉัน คุณไม่อยากแม้แต่จะจำชื่อด้วยซ้ำ คุณจะมาเสียเวลากับฉันทำไมนักหนา โอเค ในเมื่อเราแค่คนผ่านมาแล้วผ่านไป ถ้าอย่างนั้นก็...สวัสดีค่ะ”
เพกาบอกลา หมิงเทียนตัดสินใจ
“เดี๋ยวก่อน”
หมิงเทียนหันไปเปิดประตูรถหยิบไอแพตออกมาแล้วเปิดให้เพกาดูที่ท้ายรถ
“คุณมาดูนี่แล้วจะรู้ว่าทำไม”
ภาพในวิดีโอปรากฏขึ้นมาเป็นภาพนิ่งของสุคนธาในอิริยาบถน่ารักต่างๆ ในกรุงเทพฯ เช่นที่สนามหลวง และสวนแห่งนี้
“เอ๊ะนี่”
เพกาตะลึงเห็นคนหน้าเหมือนกันเห็นอีกครั้งเป็นครั้งที่ 2 หมิงเทียนบอก
“ที่เราสามคนมองคุณแปลกๆ ที่ผมทำอะไรไปหลายอย่างก็เพียงเพราะคุณหน้าเหมือนเธอ"
“มีคนหน้าเหมือนกันมากขนาดนี้เลยหรือ”
เพกาจ้องลงไปดูรูปสุคนธาใกล้ๆ แทบไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน
“ทั้งหน้าตา ส่วนสูง รูปร่าง ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อ”
“เธอคือ...”
“เธอชื่อเมย์ลี น้องสาวของผม”
เพกาคิดแล้วมองหน้าหมิงเทียนก่อนส่ายหน้า
“ไม่ใช่ สายตาเวลาคุณมองฉัน ไม่ใช่สายตาของพี่ชาย”
หมิงเทียนอึ้ง จำต้องบอก
“เธอเป็นน้องสาวบุญธรรม เป็นคนไทย ชื่อไทยคือ สุคนธา พ่อแม่ของเธอแท้ๆตาย พ่อผมเลยรับเธอมาเลี้ยงตั้งแต่เล็ก"
“แล้วที่สวนนั่น เธอกับคุณ”
หมิงเทียนเปิดไอแพดให้ดูภาพวิดีโอที่หมิงเทียนถ่ายไว้ เสื้อผ้าของสุคนธาในวันนั้นคล้ายกับชุดของเพกาในวันนี้ เพกาตะลึงหันไปมองภาพวีดีโอได้ยินเสียงเมย์ลีที่บอกรักตามคำสั่งของหมิงเทียน เพกาสับสนงุนงง - - “ฉันรักคุณค่ะ หมิงเทียน”
เพกานึกหวั่นใจกับภาพในนิมิต
“แล้วตอนนี้คุณเมย์ลี เอ้อ...”
“เธอตายไปแล้ว”
เพกาตกใจ
“เธอตายยังไงคะ”
“เรื่องพวกนี้คุณอย่าฟังเลย คุณกลับไปเถอะ”
“เธอถูกแทงตายในชุดกี่เพ้าดอกโบตั๋น ใช่มั้ยคะ” เพกาโพล่งขึ้น
หมิงเทียนตกใจจับแขนเพกาเขย่าถาม
“คุณรู้เรื่องเมย์ลีตายได้ยังไง...รู้ได้ยังไง”
“คุณเมย์ลีตายเพราะถูกแทงในชุดกี่เพ้า จริงหรือคะ ฉันจะขอบใจมาก ถ้าคุณบอกว่าไม่ใช่ ฉันอยากแค่ฝันไป แค่ความฟุ้งซ่าน ฉันอยากให้มันเป็นแค่นั้น”
“ไม่มีใครบอกสื่อฉบับไหนเลยว่า เมย์ลีถูกแทงในชุดกี่เพ้า คุณรู้ได้ยังไง คุณรู้ได้ยังไงบอกมานะ”
“โอ๊ย ฉันบอกแล้วบอกแล้ว ที่ฉันรู้เพราะ... เพราะ”
มือเพกากำลังจับข้อมือหมิงเทียนให้ปล่อยและแล้วหล่อนเห็นบางอย่างที่ข้อมือ “กำไลหยก”ที่มีสายทองรัดไว้ เพกามองเห็นกำไลหยกตัวจริงครั้งแรก มันเป็นของหมิงเทียน เพกาตกใจ
“กำไลหยก”
เพกาผงะแล้วรีบสะบัดเพราะจำได้ว่า ฆาตกรที่ถือมีดคนนั้นก็ใส่กำไลหยกเหมือนกัน!
กี่ เ พ้ า ตอนที่ 1 (ต่อ)
เพกาดิ้นจนร่วงลงไปนั่งกับพื้น ด้วยความเข้าใจไปว่า หมิงเทียนคือฆาตกร
“ปล่อยๆ”
หมิงเทียนจะเข้าไปประคอง เพกาหันมาแว๊ดใส่ทันที
“คุณเพกา”
“ไปให้พ้น อย่ามาแตะต้องตัวฉัน”
หมิงเทียนงงที่กริยาของเพกาเปลี่ยนไป
“คุณเป็นอะไรไป”
เพกาถอยกรูดมองหมิงเทียนอย่างเกลียดชัง
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันจะเรียกให้คนช่วย อย่าตามมานะ”
เพกาหันหลังเร่งรีบเดินกลับไป แต่ไม่วายระแวงและหันมามองว่า หมิงเทียนตามมาหรือเปล่า
หมิงเทียนได้แต่ยืนอึ้ง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ภายในสถาบันอาภรณ์แห่งเอเชีย คนดูหุ่นกี่เพ้าที่เปิดให้บริการเป็นปรกติแล้ว แฮรี่ เดซี่ ยืนมองปลื้มดูอย่างพอใจ เพกาที่ยืนอยู่อยู่ไกลๆ เหม่อลอย เครียดกับสิ่งที่ได้รับรู้ในสวนสาธารณะ แฮรี่ เดซี่เดินไปหาเพกา
“ขอบใจมากนะพิ้งค์” แฮรี่ว่า
เพกาไม่ได้ยิน แฮรี่เรียกเสียงดังพลางมือแตะไหล่
“พิ้งค์”
เพกาสะดุ้งรู้สึกตัว
“ใจลอยนึกถึงพระเอกฮ่องกงอยู่หรือ” เดซี่ถาม
“ไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า คนเราน่ะ รู้หน้าไม่รู้ใจ ฉันน่ะเกือบโดนเชือดแล้วยังมาพูดเล่นกันอยู่ได้”
แค่คิดเพกาก็สยองเมื่อเจอกับฆาตกรแบบนั้น พูดเสร็จเพกาเดินไป
“โดนเชือด โดนเชือดอะไรของเขาอ่ะหัวหน้า” เดซี่ถาม
แฮรี่ยักไหล่ไม่รู้เหมือนกัน
วันใหม่ ช่วงตอนกลางวัน เพกาทำกับข้าวเมนูอาหารไทยอยู่ในครัวที่บ้าน
“โอ๊ย หอมจังลูก หิวเลยนะเนี่ย” พร้อมว่า
พร้อม แม่ของเพกาเพิ่งกลับมาจากที่ทำงาน แต่งตัวสวย เก๋ ทันสมัย ดูสาวกว่าอายุ
“วันนี้ที่ร้านเป็นไงบ้างคะแม่”
“ก็เหมือนเคย เงียบๆ ปลายเดือนน่ะ คุณแทนไทกับคุณภุมรีจะมากี่โมงน่ะลูก ของชอบของอาเค้าเลยนะเนี่ย”
“เดี๋ยวคงถึงแล้วล่ะค่ะ”
ในเวลาต่อมา พร้อม เพกา แทนไทผู้เป็นอาแท้ๆของเพกา และภุมรี ผู้เป็นภรรยาทานอาหารเย็นเสร็จพอดี
“เฮ้อ อิ่ม บอกแล้วว่าไม่ต้องทำอะไร อาลดหุ่นอยู่ เสียเลยคราวนี้” แทนไทว่า
ทั้งหมดหัวเราะกัน
“นานๆทีน่ะ หลานอุตส่าห์ทำ” ภุมรีว่า
“คุณแทนไทกับคุณภุมรี ยังดูดีอยู่เลย กลัวไปได้” พร้อมว่า
“วันอาทิตย์พรุ่งนี้ อาจะแว่บไปดูกี่เพ้านะ อยากดูม้ากมาก คุณพร้อมไปเป็นเพื่อนกันนะ คุณแทนไทติดงาน" ภุมรีว่า
“ได้สิคะ อยากดูเหมือนกัน เผื่อได้ไอเดียไปทำงานที่ร้าน”
“เพราะอาแทนไทไม่มา พิ้งค์เลยต้องเชิญมาวันนี้”
“มีอะไรหรือลูก” แทนไทถาม
“หนูเป็นหลานแท้ๆของคุณอา ตั้งแต่เล็กหนูไม่เคยขอใช้บริการจากความสามารถพิเศษของคุณอาเลย สารภาพตามตรงว่า กราบขอโทษนะคะ พิ้งค์ไม่ค่อยเชื่อ คนเราจะมีซิกเซ็นส์ได้ยังไง ดูไม่มีเหตุผลเลย" เพกาว่า
“ขอบคุณที่พูดตรงๆ อาถือเป็นความจริงใจอย่างหนึ่ง ไม่โกรธกันจ้ะ”
“ช่วงนี้มีเรื่องหรือจ๊ะ”
“ผีสิงในผ้าโบราณ แบบที่คุณอาภุมรีเคยเจอ พิงค์เรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง ไม่เคยเฉียดเลยแม้แต่นิดเดียว แต่จู่ๆก็ เมื่อสองสามวันนี้เอง"
“หนูไม่เห็นเล่าเลย” พร้อมบอก
“ก็ว่าจะเล่าพร้อมกันนี่แหล่ะค่ะ”
ภายในห้องนั่งเล่น หลังจากที่เพกาเล่าเรื่องมาได้ส่วนหนึ่งแล้ว
“หนูรู้สึกว่า ตัวเองกลายเป็นคุณเมย์ลีหรือ” พร้อมถาม
“ถูกจิกผมเจ็บ ถูกแทงเจ็บมาก แม้แต่ความกลัวของเมย์ลี พิ้งค์เข้าใจทุกอย่าง”
“เป็นเคสที่แปลกมาก” ภุมรีพูดพลางมองแทนไทที่พยักหน้ารับ
“หนูเชื่อว่า ที่หนูเห็นคือวิญญาณของเมย์ลีหรือ” พร้อมถาม
“หนูพยายามบอกตัวเองว่าเป็นฝัน ทั้งที่รู้สึกลึกๆว่าไม่ใช่ เพราะมันเหมือนจริงมาก แม้กระทั่งเกิดรอยที่มือเพราะการต่อสู้”
“คุณพระช่วย” พร้อมร้องขึ้น
เพกาบอกแทนไทและภุมรี
“พิ้งค์ไม่มีอาการประสาทหลอนมาก่อนหน้านี้นะคะ พิ้งค์ยืนยันได้”
“วิญญาณที่ปรากฎตัวให้คนเห็นไม่มีหรอกนะ ที่มาหลอกเล่นๆ ส่วนใหญ่มีเหตุผลมาเพราะห่วง มาเพราะแค้น กับอีกบางส่วนมาเพราะขอ" แทนไทอธิบาย
“ขออะไรคะ”
“ขอส่วนบุญ ขอความช่วยเหลือ” แทนไทบอก
“พิ้งค์มีความเชื่อมโยงบางอย่างกับเมย์ลี มันบอกไม่ถูก บางครั้งเหมือนพิงค์จะรู้ว่าเขาคิดอะไร”
“ทำไมล่ะลูก ลูกถูกเขาหลอกบ่อยหรือ” พร้อมถาม
“ไม่ค่ะ เขามาแค่ครั้งเดียว แต่เพียงเวลาสั้นๆ หัวใจของเราสองคนเหมือนเชื่อมโยงกัน พิงค์รู้สึกสงสารเขา ไม่รู้ทำไม”
“คุณแทนจะรู้ไหมคะว่า เมย์ลีมาหาพิ้งค์เพราะอะไร” ภุมรีถาม
“นั่นสิ ไม่ใช่มาเข้าสิงเหมือนเรื่องเจ้าอะไรนะ ที่คุณเล่าให้ฉันฟัง” พร้อมถาม
“เรื่องเจ้าสีเกดที่สิงไหมพิม เพื่อให้ไปช่วยแก้แค้นน่ะหรือ”
“นั่นล่ะค่ะ ถ้ามาด้วยจุดประสงค์ร้าย คุณแทนไทจะรู้ไหมคะ” พร้อมถาม
“ขอมือหน่อย”
แทนไทจับมือพิ้งค์แล้วหลับตา ใช้สัมผัสที่ 6 ของตนเองสื่อ
“คงเป็นอย่างที่พิ้งค์บอก ผมไม่เห็นแววประสงค์ร้าย แต่ว่า...”
“อุ๊ย ทำไมต้องมีแต่ ชักสีชมพูไม่ออกแล้วสิ” เพกาว่า
พร้อม ภุมรี และแทนไทหัวเราะ
“อาไม่ได้รู้ทุกอย่าง อารู้แต่ว่า ชีวิตหนูในช่วงนี้กำลังมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ”
“ดีหรือไม่ดีคะ” พร้อมถามแทนลูกสาว
“ดีที่สุดและแย่ที่สุด”
“คุณพระช่วย” พร้อมอุทาน
“คุณพร้อม คนเป็นพ่อเป็นแม่ให้ชีวิต ให้ความรัก แต่ไม่ใช่เจ้าของที่แท้ เจ้าของชีวิตที่แท้คือกรรมเวรที่เขาสร้างมา น้องต้องตั้งสติให้มั่นคงเข้าไว้ เข้าใจใช่ไหม"
พร้อมพยักหน้าอย่างเข้าใจ พิ้งค์ยิ้มแห้งๆ
ในเวลาต่อมา ทั้งหมดเข้ามาในห้องพระ พร้อมหยิบสร้อยมาจากถุงผ้าที่ตนเก็บไว้อย่างดีในกล่องไม้บนหิ้งพระเอาออกมาให้เพกา
“ดิฉันเก็บไว้เป็นอย่างดี ชิ้นนี้ใช่ไหมคะ” พร้อมถาม
ภุมรีพยักหน้า
“ค่ะ”
พร้อมส่งสร้อยสิงห์หยกให้ เพการับมาดูเห็นสร้อยทองเส้นเล็กน่ารัก และจี้รูปสิงโตจีนทำด้วยหยกสีเขียวเข้มตัวเล็กๆ ภุมรีบอกเพกา
“อาเคยให้แม่หนูไว้”
“จีนเรียกว่าซือ คนไทยเรียกว่าสิงห์เป็นสัตว์มงคล ให้คุณทางด้านแคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง” แทนไทอธิบาย
“คนจีนเชื่อว่าสิงห์สีเขียวเป็นพาหนะของพระโพธิสัตว์ในพุทธมหายาน จึงมีอำนาจขจัดภูตผีปีศาจได้อย่างดีเยี่ยม” ภูมรีว่า
“แม่ยกให้หนูใส่ติดตัวไว้ให้แม่สบายใจนะลูก” พร้อมว่า
“ทุกคนพูดจน... แบบว่า ทำให้พิ้งค์กลัวแล้วสิ” เพกาบอก
“อย่ากลัว ไม่มีอะไรน่ากลัวสำหรับคนจิตใจดี หนูเป็นนักต่อสู้ เป็นคนรักความถูกต้องโดยนิสัย ความดีของหนู จะปกป้องและจะทำให้หนูรอดปลอดภัย นี่คือคำยืนยันจากอาแท้ๆของหนู" แทนไทบอก
เพกาพยักหน้าค้อมหัวให้แม่ พร้อมใส่สร้อยใส่คอให้ เพกากราบพระ 3 ครั้งและยกมือพนมต่อหน้าพระพุทธรูปทั้งหลาย
“ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้รักของแม่ปกป้องให้ลูกปลอดภัย ขอให้ลูกเดินผ่านจุดเปลี่ยนชีวิตครั้งนี้อย่างสวยงามด้วยค่ะ”
เพกาก้มกราบพระ 3 หน แม้หวาดกลัวอยู่บ้างแต่ก็มีความใจฮึดสู้
ในเวลากลางคืน บริเวณมุมกาแฟเงียบๆของโรงแรมระดับห้าดาว หมิงเทียนนั่งบนเก้าอี้ภายในห้องมืดๆ ทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง เห็นบรรยากาศอันสวยงามของกรุงเทพฯยามค่ำคืน แต่มันไม่ได้อยู่ในสายตาของหมิงเทียนเลย เพราะเขากำลังคิดถึงเพกาที่ยืนอยู่บนสะพาน
หมิงเทียนยิ้มนิดๆ สักพักเขาก็ขยับตัวจะลุกขึ้น แล้วนิ้วก็ไปโดนหน้าจอไอแพดที่อยู่บนตัก
ภาพที่สุคนธาบอกรักหมิงเทียนปรากฏบนจอ
“ฉันจะถ่ายเก็บไว้ดูตอนฉันไปเรียนต่อ บอกสิว่ารักฉันเมย์ลี”
“ฉันรักคุณค่ะหมิงเทียน”
หมิงเทียนหุบยิ้มอย่างสะเทือนใจพลางคิดว่าสุคนธามาเตือน
“คุณอย่าว่าผมเลยนะเมย์ลี ตั้งแต่พรุ่งนี้ ผมกับคุณพิ้งค์ก็จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ผมจะคิดถึงคุณคนเดียวเหมือนเดิม”
หมิงเทียนยกมือแตะภาพเมย์ลีบนหน้าจอและพยายามบอกตัวเองให้รักสุคนธาคนเดียวเท่านั้น
เวลากลางคืนในบรรยากาศทมึนน่ากลัว ภายในห้องจัดแสดงนิทรรศการที่มีชุดกี่เพ้ามาดามซ่งตั้งอยู่ “ใครบางคน” เดินไปตามทางเดิน ภายในห้องที่มืดสนิท มีเพียงแสงจากดวงไฟหลอดเล็กๆ ที่ส่องชุดกี่เพ้าที่อยู่ในตู้กระจก ทำให้ดูเหมือนว่า มีคนสวมใส่ชุดกี่เพ้าเหล่านั้นอยู่
สายตาของใครบางคนไปหยุดอยู่ที่ชุดกี่เพ้ามาดามซ่ง ซึ่งตั้งสวยเด่นเป็นสง่าอยู่สุดทางเดิน แล้วเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ตู้กระจก ภาพสะท้อนจากตู้กระจก “ใครคนนั้น” คือ ผีสุคนธา !
เพกาสะดุ้งตื่น
“เมย์ลี”
เพการู้ตัวว่าแค่ฝันไปก็ถอนหายใจโล่งอก แต่ก็ยังมีสีหน้าไม่สบายใจนัก
"คุณเมย์ลี คุณต้องการจะบอกอะไรกับฉัน”
เพกาคิดไม่ตก
เช้าวันต่อมา ภายในห้องทำงานของเพกา ชุดกี่เพ้าโบตั๋นสีชมพูวางอยู่ เพกาลูบไล้บอกเมย์ลี
“ฉันดีใจและเป็นเกียรติมากจริงๆ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้พบชุดกี่เพ้าที่สวยที่สุด เดินทางโดยสวัสดิภาพนะคะ”
เพกาเอาชุดใส่ถุงผ้าปิดฝากล่องแล้วยกขึ้นเพื่อจะนำออกไปข้างนอก แต่พบหมิงเทียนยืนอยู่ตรงหน้า เพกาสะดุ้งร้อง “ว้าย”
“หน้าผมเหมือนผีมากนักหรือไง”
เพกาไม่ตอบคำถามนั้น แต่ขยับขาถอยเหมือนระแวงในตัวหมิงเทียน
“คุณเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“ถ้าคุณไม่มัวแต่เพ้อเจ้อ คุณก็จะรู้ว่าผมเข้ามาตอนไหน”
เพกาหน้าบึ้งที่โดนด่าซะงั้น
“นี่ค่ะ ชุดกี่เพ้าดอกโบตั๋นสีชมพู คุณลองเปิดเช็กดูความเรียบร้อยก่อนก็ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไร ผมไว้ใจคุณ”
หมิงเทียนยื่นมือไปรับ ดวงตาจับจ้องเพกาอย่างไม่วางตาด้วยความอาลัยอาวรณ์ มือของหมิงเทียนวางทาบทับมือของเพกาโดยบังเอิญ เพกาตกใจรีบชักมือออก หมิงเทียนก็ทำหน้าไม่ถูก เขาให้เกียรติผู้หญิงและไม่ได้ชอบฉวยโอกาสกับใคร
“ผมขอโทษ ผมขอตัว”
หมิงเทียนโค้งให้นิดๆ แล้วกำลังจะเดินออกไป
เสียงความคิดเพกาบอกว่า
“อย่าได้พบได้เจอกันอีกเลย ทั้งคน ทั้งผี สาธุ”
ทันใดนั้นเสียงแฮรี่กรีดร้องดังลั่นมาจากด้านในห้องนิทรรศการ
“ม่าย...จริง”
เพกากับหมิงเทียนตกใจกับเสียงกรีดร้อง ต่างวิ่งเข้าไปในห้องแสดงนิทรรศการอย่างรวดเร็ว เดซี่ประคองแฮรี่ที่กำลังจะเป็นลมอยู่หน้าตู้โชว์ชุดของมาดามซ่ง
“เกิดอะไรขึ้นคะหัวหน้า” เพกาถาม
แฮรี่ชี้ไปที่หุ่นมาดามซ่ง
“ดูนั่น ดูนั่น”
เพกากับหมิงเทียนมองตามไป สายตาของทั้งสองเห็นชุดกี่เพ้าของมาดามซ่งมีรอยขาดด้านข้างยาวเป็นตะเข็บ
เพกากับหมิงเทียนตกใจ
“ชุดมาดามซ่ง”
“ชุดขาดได้ยังไงคะ”
“ไม่รู้ ฉันกับหัวหน้าเข้ามาตรวจเช็กความเรียบร้อย พอมาถึง ชุดมันก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว" เดซี่บอก
“มีใครเปิดตู้หรือเปล่า” เพกาถาม
“ไม่มี กุญแจอยู่ที่หัวหน้า” เดซี่บอก
“ถ้าไม่มีใครเปิด แล้วชุดจะขาดได้ยังไง” หมิงเทียนถาม
เพกานึกไปถึงความฝันเมื่อคืนที่สุคนธายืนจ้องมองอยู่ตรงหน้าตู้ใบนี้ เพกาอึ้ง รู้ว่าสาเหตุที่ชุดมาดามซ่งขาดเพราะเหตุนี้
“ชุดมาดามซ่งเป็นชุดที่พ่อผมห่วงมากที่สุด คุณจะมาอ้างว่าชุดขาดโดยไม่มีสาเหตุไม่ได้ ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องมีคนรับผิดชอบ” หมิงเทียนบอกแล้วเดินไป
“ฮือ หมดจบกัน ฉันโดนไล่ออกแน่” แฮรี่ฟูมฟาย
“แล้วเดซี่จะตกงานด้วยใช่ไหมคะ ฮือๆ” เดซี่ร้องไห้สมทบอีกคน
สองเจ้านายลูกน้องกอดคอกันร้องไห้ เพการีบตามหมิงเทียนออกไป
เพกาวิ่งตามหมิงเทียนที่ถือกล่องใส่ชุดกี่เพ้าโบตั๋น
“คุณหมิงเทียนใจเย็นๆ ก่อนนะคะ ปัญหาแค่นี้เราจัดการได้ค่ะ”
“แค่ดูแลชุดให้ดี พวกคุณยังทำไม่ได้”
“แต่นี่มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ กว่าเราจะได้ชุดกี่เพ้าของคุณพ่อคุณมาจัดแสดง พวกเราต้องแลกกับอะไรมาตั้งมากมาย พวกเราไม่ได้อยากให้สิ่งที่พวกเราทุ่มเทลงไปต้องพังทลายหรอกนะคะ”
หมิงเทียนยังวางเฉย เพกาพูดต่อ
“งานในอาชีพของเราเจอชิ้นงานที่ขาดตลอดเวลา หนักกว่านี้ก็เคยเจอมาแล้ว ฉันสามารถซ่อมกี่เพ้านั่นได้ค่ะ รับรองได้เลยว่า จะไม่มีใครเห็นความแตกต่างให้โอกาสพวกเราเถอะนะคะคุณหมิงเทียน”
หมิงเทียนมีสีหน้าลังเล
“นะคะคุณหมิงเทียน นะคะ”
เพกาพูดพลางส่งสายตาเว้าวอน หมิงเทียนใจอ่อนยวบกับสายตาคู่นั้นในทันที
“แต่ผมไม่ใช่เจ้าของกี่เพ้า”
เพกามีสีหน้าดีใจที่เห็นหมิงเทียนใจอ่อน
“ฉันจะคุยกับคุณเยี่ยเอง ขอบคุณมากค่ะ”
“คุณมีเบอร์ติดต่อพ่อผมเหรอ” หมิงเทียนถาม
เพกากำลังจะเดินไปก็ชะงัก นึกขึ้นได้
“ไม่มีค่ะ”
หมิงเทียนส่ายหน้าปนเอ็นดู
ในเวลาเดียวกันที่บริเวณสโมสรสุภาพบุรุษบนเกาะฮ่องกง เหวินเยี่ยกำลังเล่นไพ่นกกระจอกกับเพื่อนๆ และรู้เรื่องจากหมิงเทียนทางโทรศัพท์
“อะไรนะ กี่เพ้าขาด ชุดไหน”
“ชุดของมาดามซ่ง” หมิงเทียนบอก
เหวินเยี่ยโวยวายด้วยน้ำเสียงโมโหมาก
“แย่ แย่ที่สุด คนพวกนั้นมันทำงานกันยังไง หน้าที่ของพิพิธภัณฑ์คือดูแลรักษาไม่ใช่ทำลาย มีคนทำงานแบบนี้ ปิดสถาบันไปเลยดีกว่า”
“มันเป็นอุบัติเหตุน่ะครับ” หมิงเทียนบอก
เพกามองหน้าหมิงเทียนไม่คาดว่าเขาจะแก้ต่างให้ หมิงเทียนมองหน้าเพกา
“แล้วนี่จะมาเถียงแทนพวกนั้นทำไม” เหวินเยี่ยถาม
“เขาบอกว่าเขาจะซ่อมคืนให้ เขารู้วิธี”
หมิงเทียนยื่นโทรให้เพกาที่ยิ้มหวานให้
“ขอบคุณค่ะ คุณเยี่ยคะ ดิฉันเพกาค่ะ ที่เป็นวิทยากรในวันงาน ฉันเรียนจบด้านนี้โดยตรง ซ่อมกี่เพ้าและผ้าโบราณเป็นงานถนัดเลยค่ะ”
“แต่ไม่ถนัดดูแลชุดให้ดีงั้นสิ ถึงได้สะเพร่าทำให้มันขาด”
“คุณเยี่ยคะ ฉันจะซ่อมชุดให้คุณจนคุณแทบมองไม่ออกเลยว่าเคยขาดตรงไหน” เพกาบอก
“ไม่ เอาหมิงเทียนมาคุย ฉันจะให้หมิงเทียนส่งชุดทั้งหมดกลับคืนมาเดี๋ยวนี้”
“แต่ชุดที่คุณได้คืนก็จะไม่สมบูรณ์ คุณก็ต้องไปหาช่างมาซ่อมชุดใหม่อยู่ดี ช่างฝีมือดีๆ ราคาก็คงไม่ใช่ถูกๆ ยิ่งทำให้ตระกูลเจ้าด้วยแล้ว คุณอาจจะโดนโก่งค่าตัวขึ้นอีกหลายเท่า สู้คุณให้ฉันซ่อมให้ฟรีๆ ซ่อมจนกว่าคุณจะพอใจ น่าจะคุ้มกว่านะคะ"
หมิงเทียนมองเพกาแล้วยิ้มนิดๆ ที่เธอกล้าต่อรองกับพ่อเขา
เหวินเยี่ยนิ่งคิดตามที่เพกาบอก
“เธอจะใช้เวลาซ่อมนานเท่าไหร่”
“ฉันขอเวลาสามเดือน แล้วจะส่งคืนให้ในสภาพไม่มีที่ติเลยค่ะ”
“ไม่ ฉันจะไม่ทิ้งกี่เพ้าของฉันไว้ที่สถาบันบ้าๆนั่นอีก”
“งั้นคุณจะให้ฉันทำยังไง”
เพกาฟังเงื่อนไขแล้วก็ตกใจ
“หา งั้นฉันขอคิดดูก่อน”
แล้วเพกาก็สะดุ้งเพราะเหวินเยี่ยกระแทกหูใส่ เพกาอึ้งช็อกไป จนหมิงเทียนต้องถาม
“พ่อผมว่ายังไง”
“ฉันต้องเดินทางไปทำงานที่บ้านคุณสามเดือน”
“หา”
หมิงเทียนชาวาบไปทั้งร่างเช่นกัน หันหลังแล้วพึมพาไม่ให้เพกาได้ยิน
“ไม่...ไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้”
เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง ด้านนหึ่ง หมิงเทียนก้กลัวใจตัวเองที่ต้องอยู่ร่วมบ้านเดียวกับเพกานานถึง 3 เดือน อีกด้านหนึ่ง ครอบครัวของเขาจะคิดอย่างไรกับผู้หญิงที่ถอดแบบจากสุคนธาราวกับพิมพ์เดียวกัน หมิงเทียนยืนนิ่งคิดด้วยสายตากังวลอย่างหนัก
เพกายังยืนอึ้งพอๆ กับหมิงเทียนกับชะตากรรมที่อาจจะต้องเดินทางไปฮ่องกง
หรือว่าเธอจะหนีทั้งคน ทั้งผีไม่พ้น!?
โปรดติดตาม กี่ เ พ้ า ตอนที่ 2