กี่ เ พ้ า ตอนที่ 4
ค่ำแล้วในห้วงเวลาแห่งอดีต หมิงซานยังนั่งคุกเข่าหน้าป้ายบรรพบุรุษ หมิงเทียนเดินมาหา ด้วยความละอายใจ
“อย่าทำตัวดีนักเลยน่า พี่ยิ่งดีเท่าไหร่ผมยิ่งรู้สึกเลวเท่านั้น”
“หมิงเทียน เมื่อไหร่ที่น้องมีทุกข์ พี่ใหญ่คนนี้จะอยู่กับน้องเสมอ”
“พี่หมิงซาน”
หมิงเทียนซาบซึ้งในตัวพี่ชาย
หมิงซานยื่นมือออกไป
“มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน”
หมิงเทียนคิดเล็กน้อยแล้วยื่นมาจับ
“มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน”
“นี่คือคำสัญญาระหว่างเรา หมิงซาน หมิงเทียน”
หมิงเทียนพยักหน้ารักษาคำมั่น
ภายในห้องครัว เพกายังคุยกับซิ่วหลานอย่างต่อเนื่อง
“คุณหมิงซานกับคุณหมิงเทียนเป็นพี่น้องที่รักกันมาก ตลอดชีวิตคุณหมิงซานเธอช่วยเหลือ ปกป้องน้องชาย คุณหมิงเทียนก็เลยสนิทกับพี่ชายมากกว่าพ่อของตัวเอง”
“แล้วคุณเมย์ลีล่ะคะ เธอถูกรังแกตลอดชีวิตไม่เคยลุกขึ้นสู้เลยหรือคะ”
“คุณเมย์ลีสำนึกในพระคุณคุณเยี่ยกับคุณผิง เธอเรียบร้อย เป็นเด็กดี เชื่อฟังคุณเยี่ยคุณผิง คุณผิงก็เลยเอ็นดูเธอมาก”
วันใหม่ในอดีต ทุกคนนั่งกินข้าวร่วมกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร
“ฉันต้องการให้เมย์ลีแต่งงานกับหมิงซาน” ลี่ผิงพูดขึ้นแล้วมองอิงอย่างเยาะๆ
“หือ” เหวินเยี่ยอุทานขึ้นเบาๆ
สุคนธาและหมิงซานชะงักเช่นเดียวกับเหม่ยอิง หมิงเทียนมีสีหน้าเครียดไปทันที
“เมย์ลีเรียบร้อย สอนง่าย มีความรับผิดชอบ เด็กคนนี้จะช่วยหมิงซานรักษาตระกูลเจ้าของเราไว้ได้”
“ฉันไม่เห็นด้วย ทั้งคุณหมิงซานและหนูเมย์ลียังเรียนอยู่ ไม่เห็นต้องรีบ” เหม่ยอิงว่า
“ลูกคนดีมีตระกูลเขาหมั้นหมายลูกผู้ดีด้วยกันเอาไว้ก่อนทั้งนั้น เขากลัวจะไปคว้าเอาพวกฉวยโอกาสมาเป็นเมีย” ลี่ผิวพูดกระทบ
“คุณกับคุณเยี่ยก็คงเป็นแบบนี้ มิน่า จืดชืดไม่มีรสชาติ” เหม่ยอิงว่า
“คุณนายรอง”
เหวินเยี่ยกระแอมขึ้น ลี่ผิงกับเหม่ยอิงจึงยอมหยุดการปะทะคารม
“คุณพี่เคยสัญญากับฉันว่าจะให้ฉันเป็นผู้ปกครองที่มีสิทธิ์ขาดในบ้านใช่ไหม”
เหวินเยี่ยพยักหน้า
“ฮึ กะอีแค่คำขู่ว่าจะหย่า” เหม่ยอิงโพล่งขึ้น
“ฉันจบเภสัชจากอเมริกาที่เดียวกับคุณพี่ ฉันมาจากตระกูลเชิดหน้าชูตา น้องชายและน้องสะใภ้ฉันต่างทำงานหนัก ไม่ได้มีดีแต่อวัยวะครึ่งล่างเหมือนใครบางคน”
“คุณนายใหญ่”
“ฉันขอยืนยันให้หมิงซานหมั้นหมายกับเมย์ลี”
“ตกลง ฉันเห็นด้วยเพราะฉันก็เคยบอกคุณสุชาติ พ่อของเมย์ลีเอาไว้อย่าเรื่องมากกันนัก ปวดหัว” เหวินเยี่ยส่งสายตาดุมองเหม่ยอิง
เหม่ยอิงแค้นหน้าแตก หมิงซานกำหมัดมองสุคนธาอย่างเกลียดชังจนอีกฝ่ายต้องหลบสายตา หมิงเทียนมองสุคนธาด้วยสีหน้าเศร้า
ภายในห้อง เหม่ยอิงกลุ้มใจในเรื่องที่เหวินเยี่ยหมั้นหมายให้หมิงซานกับสุคนธา แล้วเดินบ่นไปมา
“คิดจะให้เพ่ยเพ่ยได้กับหมิงซานเสียหน่อย นังเมย์ลีดันเข้ามาเป็นเสี้ยนหนาม”
“พี่หมิงเทียนใจดี เพ่ยเพ่ยชอบพี่หมิงเทียน เกลียดพี่หมิงซาน”
“เมื่อสิ้นคุณพ่อ ตามกฎพี่หมิงซานเป็นลูกคนโตจะได้ครอบครองทุกอย่างของตระกูลเจ้า บ้าน บริษัท เงินในธนาคาร พี่หมิงเทียนแค่ได้ส่วนแบ่ง เพ่ยเพ่ย ลูกต้องเป็นสะใภ้ใหญ่ไม่ใช่สะใภ้รอง”
“แล้วเราจะทำไงดีล่ะคะคุณนายรอง” เป่าหลินถาม
“นังเมย์ลี ชีวิตแกนับจากนี้ไม่เป็นสุขแน่” เหม่ยอิงคำรามในลำคอ
ในวันใหม่ สุคนธาปักลายดอกไม้บนปลอกหมอน ลี่ผิงปักลายบนเสื้อนั่งอยู่เคียงข้างกัน ลี่ผิงเหลือบสายตามองลายปักของสุคนธา
“ปักลายละเอียดดี หมิงซานต้องชอบ”
“ถ้าพี่หมิงซานไม่รับล่ะคะ”
“ต้องรับสิ เมย์ลีเป็นว่าที่เจ้าสาว เมย์ลีต้องหมั่นเอาใจพี่หมิงซานนะ พี่เค้าจะได้รักเอ็นดู”
“ค่ะคุณแม่”
สุคนธายิ้มเศร้า ๆ ชีวิตเธอขึ้นอยู่กับการบงการของคนตระกูลเจ้า
ที่มุมพักผ่อน … หมิงซานขยำปลอกหมอนและเขวี้ยงใส่สุคนธา ขณะนั้นหมิงซานกำลังนั่งอ่านหนังสือกับเหว่ยเหอ
“พี่หมิงซานไม่ชอบ ฉันจะปักผืนใหม่ให้ค่ะ”
“ฉันไม่เอา”
เหม่ยอิง หลินเพ่ย กับเป่าหลินมาแอบดูอย่างสะใจ
ลี่ผิงเดินเข้ามาดุลูกชายคนโตทันที
“น้องใช้เวลาปักตั้งหลายวันนะหมิงซาน เก็บขึ้นมา พ่อกับแม่เลือกผู้หญิงให้หมิงซานแล้ว หมิงซานไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ”
หมิงซานนิ่ง
“ต่อให้คุณพ่อคุณแม่บังคับ ผมก็ไม่แต่งงานกับเมย์ลี ผมไม่ชอบเมย์ลี”
หมิงซานหันไปเห็นเพ่ยเพ่ยพอดีก็พูดต่อ
“ไม่ชอบเพ่ยเพ่ยด้วย ห้ามเธอสองคนมาใกล้ฉัน”
กลุ่มของเหม่ย ทั้ง 3 คนหน้าเสียไปทันที
หมิงซานหันหนีไปนั่งที่อื่น สุคนธาเศร้ายืนหน้าเสียอยู่ตรงนั้น ลี่ผิงโกรธไม่รู้จะไปลงที่ใครเลยเข้าไปด่าเหว่ยเหอที่นั่งอยู่ด้วยเสียงอันดัง
“ลูกชายฉันติดนิสัยก้าวร้าวมาจากเธอ คนชั้นต่ำ ลูกชาวประมง เธอทำให้เขาเสียคน”
เหว่ยเหอน้อยใจเศร้าไปอีกคน ลี่ผิงสะบัดหน้าเดินหนี สุคนธาก้มหน้าเดินตามผิง หมิงซานมองเหลียงเหว่ยเหอที่เดินหนีไปอย่างสงสาร
เหว่ยเหอเดินมานั่งน้ำตารินพลางยกมือเช็ดน้ำตาที่มุมหนึ่ง หมิงซานตามมาปลอบใจ
“คุณแม่โมโหเราเลยมาลงที่เหว่ย อย่าคิดมากเลยนะ”
“ผมไม่คู่ควรเป็นเพื่อนกับคุณหมิงซาน”
“ไม่เอา อย่าว่าตัวเองสิ”
“ผมจะกลับแล้ว คุณหมิงซานไม่ต้องให้รถที่บ้านไปส่งนะครับ”
หมิงซานไม่ยอมให้เหลียงเหว่ยเหอกลับ หมิงซานดึงตัวมากอดแน่น
“เราไม่ให้เหว่ยไป เหว่ยต้องอยู่กับเรา อยู่บ้านนี้”
“คุณหมิงซาน”
ซิ่วหลานเดินมาเห็นเข้าพอดีก็เอะใจ ยืนแอบมองที่มุมหนึ่งเห็นมือของเพื่อนชายกอดเอวหมิงซาน ทั้งสองสบสายตากันเนิ่นนานกว่าปกติ และแล้วเหว่ยเหอก็น้ำตาริน หมิงซานเช็ดน้ำตาให้ด้วยความรักอย่างสุดซึ้ง เหว่ยเหอซบหน้าแนบอกหมิงซานแล้วร้องไห้ หมิงซานกอดกระชับแน่นขึ้น สีหน้าทั้งสองเต็มไปด้วยความรักอันลึกซึ้ง
ซิ่วหลาน เอามือจับที่ปากด้วยความตกใจ กิริยาที่แสดงออกของชายหนุ่ม 2 คนเหมือนคู่รักไม่มีผิด
เพกาได้ยินเรื่องราวอันสลับซับซ้อนจากซิ่วหลานก็ร้องเสียงหลง
“หา... อย่าบอกนะคะว่าคุณหมิงซานกับเหว่ยเป็นเกย์”
“เบา ๆ ค่ะ เดี๋ยวใครมาได้ยิน” ซิ่วหลานเตือน
“โอยตาย จริงหรือคะนี่ คนในบ้านไม่รู้หรือคะ คุณชายใหญ่ตระกูลเจ้าเป็นชายรักชาย” เพกาน้ำเสียงกระซิบกระซาบ
“รู้ค่ะ แต่ไม่มีใครกล้าพูด คุณท่านกับคุณนายใหญ่ก็ไม่ยอมรับความจริง”
“ความรักของพวกเค้าลงเอยยังไงคะ”
“พอเรียนจบ คุณท่านบังคับให้คุณหมิงซานแต่งงานกับคุณเมย์ลี อาเหว่ยคลั่งเลยฆ่าคุณเมย์ลีตายค่ะ”
“พวกเพศที่สามอารมณ์รุนแรง รักแรง เกลียดแรง แล้วยิ่งเหว่ยรักคุณหมิงซานตั้งแต่เด็ก เป็นรักแรกย่อมรักมากเป็นธรรมดา คุณเมย์ลีเลยต้องมารับเคราะห์”
“บังเอิญว่า คุณหมิงซานเกิดอุบัติเหตุ รถตกเขาตายเสียก่อน คราวนี้เหว่ยสติแตกเข้าไปใหญ่ มีคนพบกลายเป็นคนเร่ร่อน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายหนีการจับกุมของตำรวจจนถึงทุกวันนี้”
“เฮ้อ ความรักทำให้โลกเป็นสีชมพูได้ฉันใด ก็เปลี่ยนโลกให้เป็นสีดำทะมึนได้ฉันนั้น”
ซิ่วหลานหยักหน้าอย่างเห็นด้วย เพกามีสีหน้าเครียด
“เรื่องในบ้านพวกนี้มีแต่เรื่องเครียดๆ อย่างฟังเลยค่ะ ไหนบอกจะออกไปเดินเล่นในเมืองไม่ใช่หรือคะ”
วันนี้... เพกาออกมาพักผ่อนเดินเล่นนอกบ้านในบริเวณโกลเด้น โบฮิเนีย ที่มีประติมากรรมรูป ดอชงโคสีทองบานตลอดกาล อันเป็นสัญลักษณ์ของเขตปกครองพิเศษ ฮ่องกง เพกากำลังคิดครุ่น
“คุณเมย์ลี คุณปั่นหัวฉันเล่น ทำให้ฉันไขว้เขวว่าคนในบ้านเป็นฆาตกร ที่จริงฆาตกรคือเหว่ย ใจคอคุณจะให้ฉันจับเหว่ยเข้าคุกหรือคะ เฮ้อ ถ้าเราใส่ชุดกี่เพ้าชุดนั้นอีกครั้ง จะได้เจอวิญญาณเมย์ลีอีกไหมนะ จะได้คุยกันให้รู้แล้วรู้รอด จริงสิ กี่เพ้าชุดนั้น อยู่ไหนนะ”
หมิงเทียนเพิ่งกลับจากที่ทำงาน เพกาที่รออยู่รีบเดินมาหา
“ทำงานเหนื่อยไหมคะ”
“รบกับคุณเหนื่อยกว่า”
“หือ พูดเข้า ฉันไม่ใช่นักสู้แกลดิเอเตอร์แห่งโรมนะคะ”
“แกลดิเอเตอร์ใช้อาวุธประหัตประหาร แต่คุณ...ใช้ปาก”
“ใครกันแน่มีวาจาเป็นอาวุธ คุณว่าฉันสารพัด จุ้นจ้านบ้าง แกว่งปากหาเรื่องมั่ง สอดรู้สอดเห็นบ้าง”
หมิงเทียนอมยิ้ม
“หรือไม่จริง ที่พูดมาทั้งหมด คุณสมบัติประจำตัวคุณทั้งนั้น คุณทำท่าเหมือนรอผม มีอะไรหรือ”
“กี่เพ้าชุดดอกโบตั๋นอยู่กับคุณใช่ไหมคะ ฉันขอยืมหน่อยได้ไหม”
“ไม่ได้”
“เอ๊า จะไปไหนล่ะ เดี๋ยวสิคะคุณ”
หมิงเทียนเดินมานั่งเล่นในสวน เพกาตามซักไซ้
“ฉันยังมีคำถามอีก กี่เพ้าชุดนั้นคุณเป็นคนส่งไปที่เมืองไทยหรือเปล่า”
“หน้าที่ของคุณมาที่นี่เพื่อซ่อมกี่เพ้าเท่านั้น หวังว่าคงจำได้”
“ถ้าไม่ใช่คุณ ใครกันคะที่ส่งไป”
คราวนี้หมิงเทียนจับแขนเพกาแล้วดุใส่ทันที
“ห้ามคุณสืบหาคนที่ส่งชุดกี่เพ้าลายโบตั๋นไปเมืองไทยนะ ห้ามเด็ดขาด”
หมิงเทียนรู้ว่าเป็นฝีมือซิ่วหลานจึงปกป้องไว้ เพกาคิดตาม
“สถาบันของฉันขอกี่เพ้าไปสามสิบชุด แต่มีใครบางคนเอากี่เพ้าของเมย์ลีใส่ลงไป ทันทีที่กี่เพ้าชุดสำคัญนี้ปรากฏก็เกิดเรื่องวุ่นวายกับชีวิตของพวกเรา”
ภาพในวันเปิดนิทรรศการผุดพรายขึ้นในความทรงจำ
“และนี่คือความภูมิใจแห่งเอเซีย กี่เพ้าชุดโบตั๋นสีชมพูค่ะ”
เสียงดนตรีแรง เร่งเร้าแสดงความยิ่งใหญ่ ทุกคนปรบมือ สามคนแห่งตระกูลเจ้าตกใจกันหมด หลินเพ่ยพุ่งเข้าไปชี้
“นี่มัน กี่เพ้านี่มันของ ของ...”
“เป็นไปไม่ได้”
“กี่เพ้าชุดนี้มาได้ยังไง มาได้ยังไงคะพี่รอง”
“นี่แก แก แกส่งมันมาหรือ”
เหวินเยี่ยโมโหจัดเดินมาชี้หน้ามือสั่นใส่หมิงเทียน
“ไม่ใช่ครับ”
“แกส่งชุดนี้มาที่นี่ เพื่อหักหน้า เพื่อท้าทายฉัน”
เหวินเยี่ยตบหน้าหมิงเทียน แขกตกใจร้องฮือ ทุกคนถ่ายรูปกันใหญ่
เพกาพูดต่อ
“คน ๆ นั้นทำให้คุณถูกพ่อ เอ่อ พ่อคุณหักหน้าคุณต่อหน้าคนเยอะแยะ ไม่อยากจับตัวมาแก้แค้นหรอคะ”
“เค้าไม่เจตนาทำให้ผมเดือดร้อน”
“เอ๊ะ พูดอย่างนี้แสดงว่า คุณรู้ ฝีมือใคร ใครคะคุณหมิงเทียน เขาต้องการอะไร คนคนนั้นจะช่วยเมย์ลีหาฆาตกรเหมือนฉันหรือเปล่าคะ”
“คุณเก็บความลับได้ไหม”
“ฮู้ย ไม่อยากจะโม้ เพื่อนคนไหนมีความลับต้องเล่าให้ฉันฟังค่ะ เพราะฉันเก็บความลับเก่ง”
“ความลับเช่นอะไร”
“จำเดซี่ เพื่อนร่วมงานฉันที่สถาบันได้ไหมคะ”
“จำได้”
“เล่าแล้วอย่าพูดต่อนะคะ ยัยเดซี่กรนดังมาก คนข้างบ้านขู่จะร้องเรียนสำนักงานหมู่บ้าน เพราะเค้านอนไม่ได้ ยัยเดซี่เลยต้องเปลี่ยนหน้าต่างห้องนอนเป็นกระจกเก็บเสียงค่ะ”
หมิงเทียนหัวเราะหึๆออกมาแล้วส่ายหน้าให้เพกา
“บอกฉันมาได้แล้วค่ะ ใครขุดชุดกี่เพ้าขึ้นมา”
“คุณเพิ่งพิสูจน์ให้ผมเห็นว่าเป็นคนเก็บความลับไม่อยู่ เอาความลับเพื่อนมาแฉ”
เพกาหน้าเจื่อนตกใจจับปาก เถียงไม่ออก
“โธ่ คุณน่ะ”
“อย่ามัวแต่สนใจเรื่องคนอื่น สิ่งที่คุณต้องระวังในเวลานี้คือความปลอดภัยของตัวคุณเอง อย่าลืมสิ คุณประกาศบอกว่าจะจับเหว่ย วันที่เหว่ยแอบอยู่ในบ้าน เหว่ยเองก็ได้ยิน เขาจะทำร้ายคุณเมื่อไหร่ก็ได้”
หมิงเทียนเดินไป เพกายืนจ๋อยอยู่ที่เดิมและเริ่มโวย
“แต่ว่า”
หมิงเทียนเดินกลับมาลากแขน
“ถ้าไม่อยากถูกเหว่ยฆ่าตายอยู่เฉยๆ ทำงานตามหน้าที่ของคุณ ห้ามหาเรื่องใส่ตัวอีก ไม่อย่างนั้น ผมนี่แหละจะเป็นคนส่งคุณกลับเมืองไทยเข้าใจไหม”
หมิงเทียนมองเพกาด้วยสีหน้าดุ เพกาประจัญสายตา ทั้งสองยืนมองหน้ากัน
ที่กรุงเทพฯ ในวันใหม่ ณ สถาบันอาภรณ์แห่งเอเชียที่เพิ่งจบงานนิทรรศการแสดงกี่เพ้า ตอนนี้ทางสถาบันฯ ยังไม่มีงานแสดงใดๆ แฮรี่ไม่มีงานทำนั่งถือเครื่องโกนหนวดถูหน้าไปมา
“หัวหน้าทำอะไรน่ะ” เดซี่ถาม
“คิดได้หรือยัง คราวหน้าจะแสดงอะไร”
เดซี่หัวเราะแหะๆ เพราะยังคิดไม่ออก
“ขาดพิ้งค์เหมือนฉันขาดแขนขา ไม่มีใครช่วยคิดงานสักคน”
ชายวัย 60 แต่งตัวภูมิฐานเดินเข้ามาที่หน้าสถาบันฯ พลางด้อม ๆ มอง ๆ อยู่
“ทำงานหน่อยแม่เดซี่ ไปบอกเค้า ช่วงนี้ไม่มีงานแสดง” แฮรี่บอก
“ลุงคนนั้นแต่งตัวดีต้องเป็นคนรวยแหง ๆ ขอให้เค้าช่วยบริจาคให้สถาบันสิคะ หัวหน้า”
“เออ จริงๆ”
แฮรี่ยิ้มรับแล้วเปลี่ยนท่าที รีบเดินออกไปต้อนรับทันที
“สวัสดีครับ สถาบันอาภรณ์แห่งเอเชียยินดีต้อนรับ”
“ผมมาจากเซี่ยงไฮ้”
ลุงวัย 60 แนะนำตัว เดซี่หันไปกระซิบแฮร์รี่
“ว้าว เศรษฐีเซี่ยงไฮ้”
แฮรี่ตาลุกวาว
“มีคนส่งจดหมายไปให้ผมที่บ้านที่เซี่ยงไฮ้”
เขาส่งจดหมายให้แฮรี่ จดหมายฉบับนั้นเขียนเป็นภาษาจีน
“ในจดหมายบอกให้ผมมาชมงานแสดงที่จัดที่นี่ เดือนนี้ หากไม่มาผมต้องเสียใจไปตลอดชีวิต เผอิญผมมาประชุมงานที่เมืองไทยเลยแวะมาดู”
“ปิดการแสดงไปแล้วครับ แต่เราพิมพ์เอกสารแจก ไปเอามาสิเดซี่”
เดซี่หยิบเอกสารงานแสดงกี่เพ้าออกมาให้ดู ชายผู้นั้นมองรูปชุดกี่เพ้าในเอกสารต่างๆของเหวินเยี่ยที่จัดแสดงไปแล้ว รวมทั้งชุดโบตั๋นที่เป็นภาพใหญ่
“เอ๊ะนี่”
แฮรี่กระซิบเดซี่
“ถึงกับตะลึง งานนี้ฉันต้องได้ผู้บริจาครายใหม่”
ชายผู้นั้นเปลี่ยนสีหน้าเป็นโกรธเกรี้ยวขยำเอกสารแล้วฉีกๆๆ แฮรี่กับเดซี่เหวอไป
“ชุดพวกนี้ควรถูกทำลายเหมือนระบบศักดินาที่ต้องโค่นล้ม ประเทศจีนต้องไม่มีชนชั้น”
จากนั้นก็เดินไปหยิบเอกสารงานแสดงกี่เพ้าที่ตั้งอยู่แถวมาฉีกทิ้งเพิ่มอีกจนเดซี่ต้องรีบห้าม
“อุ๊ย คุณ คุณทำลายสมบัติของสถาบันไม่ได้นะคะ”
“คนส่งจดหมายไปหาฉัน ต้องการเยาะเย้ยฉัน ต้องการให้ฉันมาเห็นของพวกนี้ใครกัน หา”
แฮรี่ เดซี่ ส่ายหน้าดิ๊กๆไม่รู้เรื่อง ชายผู้นั้นแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว คลั่ง ทำให้แฮรี่กับเดซี่ไม่กล้าห้าม เอกสารงานนิทรรศการแสดงกี่เพ้าถูกฉีกจนหมด
ในเวลาต่อมา เดซี่คุยโทรศัพท์กับเพกาและเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
“อาแป๊ะขายเก๊กฮวยที่ร้านปากทาง อ่านจดหมายให้ฟัง ถึงรู้ว่าตาแก่นั่นชื่อ มิสเตอร์หลี่เซียน”
เพกาคุยโทรศัพท์ไปพลางก็หาไหมสีเดียวกับชุดกี่เพ้าที่ต้องซ่อมในกล่องเส้นไหมไปด้วย
“ฟังจากที่เธอเล่า คุณหลี่คนนี้มีความเชื่อทางการเมืองตามลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุคปฏิวัติวัฒนธรรม”
“ปฏิวัติวัฒนธรรมอะไร ไม่เคยได้ยิน”
“ฉันคุยมั่ง”
แฮรี่แย่งโทรศัพท์จากเดซี่ไปคุยกับเพกา
“นี่หัวหน้าพูดนะ ลืมฉันหรอยัง”
“คิดถึงทุกลมหายใจค้า” เพกาพูดอย่างประชด
“งั้นรีบซ่อมกี่เพ้าคุณเยี่ยให้เสร็จ แล้วกลับมาช่วยฉันทำงาน แม่ดอกเดซี่เนี่ยพึ่งไม่ได้”
เดซี่ทำหน้าเบ้
“พิ้งค์ ฉันว่าตาแก่โรคจิตหลี่เซียนต้องเป็นอดีตทหารแดง”
“หัวหน้ารู้ได้ยังไงคะหรือดูจากโหงวเฮ้ง”
“วิเคราะห์จากคำพูด ตาแก่หลี่พูดว่าพวกเราต้องทำลายกี่เพ้าให้สิ้นซาก ยุคปฏิวัติธรรม พวกทหารแดงมีหน้าที่ทำลายกี่เพ้า”
เพกาคิดตามแล้วบอก
“ใช่ ยุคนั้น กี่เพ้าถูกทำลายเป็นพันๆ หมื่นๆ ชุด โดยเฉพาะที่เซี่ยงไฮ้ ใครเล่นตลกร้ายส่งจดหมายเชิญอดีตทหารแดงมาชมงานแสดงกี่เพ้าคะเนี่ย”
“ทีแรกฉันคิดว่าเป็นแขกของผู้สนับสนุนสถาบัน แต่โทรถามทุกคนแล้ว ไม่มีใครรู้จักอีตาแก่หลี่”
เหวินเยี่ยเดินเข้ามา
“อุ๊ยๆ แค่นี้ก่อนนะคะหัวหน้า”
เพกาวางสายแล้วลุกเดินไปต้อนรับ
“อ้าว วางสายไปดื้อๆ” แฮรี่บอก
เหวินเยี่ยเดินมาดูชุดกี่เพ้าที่สถาบันของเพกาทำขาด กี่เพ้าชุดนั้นสวมไว้ในหุ่นเพื่อรอซ่อม
“ยังไม่เริ่มซ่อมอีกหรือไ
“งานส่วนที่ใช้เวลาคือหาเส้นไหม หาผ้า ที่เหมือนของเดิมที่สุดค่ะ”
“อาหย่งเข้าออกโรงพยาบาลไม่มีใครช่วยสินะ ฮึ ไหนบอกว่าชำนาญด้านนี้ไง”
เหวินเยี่ยตำหนิตามนิสัย เพกาหน้าเสีย
กี่ เ พ้ า ตอนที่ 4 (ต่อ)
เหวินเยี่ยเดินไปดูกี่เพ้าในตู้ด้วยสายตาชื่นชม เพกาพูดขึ้น
“พิพิธภัณฑ์ของคุณสุดยอดมาก ทำไมคุณถึงชอบกี่เพ้านักล่ะคะ”
“แม่ของฉันใส่ชุดกี่เพ้าสวยที่สุดในเมืองเสมอ จนกระทั่งวันนั้น วันที่ครอบครัวของเรา ร้านขายยาที่ใหญ่ที่สุดในเซี่ยงไฮ้ถูกพวกนั้นทำลาย”
“สมัยปฏิวัติวัฒนธรรม พรรคคอมมิวนิสต์กวาดล้างครอบครัวคุณ คุณคงถูกยึดทรัพย์ด้วย”
เหวินเยี่ยพยักหน้ารับแล้วบอก
“ฉันจำภาพนั้นได้ กี่เพ้าทั้งหมดของแม่ถูกพวกนั้นทำลาย”
ภาพในอดีต ที่เรดการ์ดหลายคนต่างช่วยกันโยนชุดกี่เพ้าลงในกองไฟที่ลุกโชน
“ครอบครัวเราหนีมาอยู่ฮ่องกง พ่อแม่ส่งฉันไปเรียนต่อที่อเมริกา ฉันเรียนเภสัชเพื่อกลับมารื้อฟื้นกิจการของตระกูล ภาพความเจ็บปวดในวันนั้นสอนให้ฉันมุ่งมั่นจนมีวันนี้ วันที่ตระกูลเจ้ากลับมาผงาดอีกครั้ง ตลอดชีวิตฉันยึดคติ ผู้มีใจตั้งมั่นย่อมชนะฟ้า ผู้มีความกล้าย่อมชนะศัตรู”
“ดิฉันก็มีคติประจำใจ อดีตเป็นครู ไม่ใช่ผี เราควรเรียนรู้จากอดีตแต่ไม่ควรยึดติดกับมัน”
“เหตุการณ์ช่วงปฏิวัติวัฒนธรรมได้เปลี่ยนความคิดฉัน ฉันเริ่มรักการสะสมกี่เพ้าจากเคยมองว่าเป็นแค่เครื่องแต่งกายผู้หญิง”
“ดิฉันไม่เข้าใจค่ะ”
“พวกนั้นทำลายชุดกี่เพ้า ฉันตามเก็บรักษาเมื่อโลกเห็น กี่เพ้าพวกนี้พวกเขาจะได้เห็นจิตวิญญาณของคนจีน”
สีหน้าเพกาดูมีประกายความหวังว่าจะค้นพบความจริง เสียงความคิดของเพกาดังขึ้น
“หรือว่าคุณเยี่ยจะเป็นคนส่งจดหมายไปเชิญอดีตทหารแดงที่เซี่ยงไฮ้มาดูการแสดง คุณเยี่ยหรือเปล่าที่เชิญตาแก่หลี่เซียนคนนั้นมา”
“คุณเยี่ยรู้จักทหารแดงที่ยังมีชีวิตอยู่ในเซี่ยงไฮ้ไหมคะ”
“ฉันไม่คบค้าสมาคมกับพวกนั้น ฉันไม่รู้จัก”
เพกามองหน้าเหวินเยี่ยเพื่อค้นหาความจริง เพกาไม่ปักใจ เหวินเยี่ยอาจจะใช่หรือไม่ใช่ คนที่ส่งจดหมายไปเชิญทหารแดงที่เซี่ยงไฮ้
ใกล้เที่ยงวันเดียวกัน ได้เวลาพักของเพกา เพกาจะขึ้นห้องก็สะดุดสายตาที่เห็นลี่ผิงนั่งปักผ้าห่มลายดอกโบตั๋นจึงหยุดดู ซิ่วทำงานอยู่แถวนั้นก็ทักขึ้น
“อ้าว....คุณพิ้งค์พักแล้วหรือคะ”
“ค่ะ”
ลี่ผิงชักชวน
“มาดื่มชาด้วยกันก่อนสิ”
เพกาเดินเข้ามาจนเห็นลายปักผ้า
“คุณนายใหญ่ปักสวยมากค่ะ”
“ตอนสาว ๆ ฉันปักเก่งกว่านี้อีก แก่แล้วตาไม่ค่อยดี ต้องปักลายง่ายๆ”
“ลายดอกโบตั๋นนี่ง่ายหรือคะ”
“ง่ายกว่าลายนกกะเรียน ลายมังกร สมัยโบราณผ้าปักลายมังกรฮ่องเต้เท่านั้นถึงสวมใส่ได้” ลี่ผิงบอก
เพกานั่งคุยอย่างคนที่ชอบผ้าเหมือนกัน
“แล้วสามัญชนใส่เสื้อผ้าลายอะไรคะ”
“โดยมากก็ลายดอกไม้ใบไม้ ตัดเย็บด้วยผ้าแพรต่วน”
เพกาเพิ่งสังเกตอย่างจริงจัง ลี่ผิงมักแต่งตัวแบบหญิงจีนสมัยก่อนแถมมีความรู้มากมาย เสียงความคิดของเพกาบอกว่า
“นี่ก็ผู้ต้องสงสัยอีกคน คุณนายใหญ่หลงใหลเสื้อผ้าโบราณจีน หรือคุณนายใหญ่เป็นคนส่งจดหมายไปให้อดีตทหารแดง”
“คุณนายใหญ่มีอดีตกับพวกทหารแดงหรือเปล่าคะ”
ซิ่วหลานชะงักเงี่ยหูฟังทันที
“อยากรู้ไปทำไม” ลี่ผิวถาม
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไรขอตัวนะคะ”
ลี่ผิงพลางมองเพกาอย่างกังวล กลัวเพกาสืบถามว่า ใครส่งกี่เพ้าลายโบตั๋นไปเมืองไทย เพกายังครุ่นคิดต่อ มองลี่ผิงอย่างไม่วางตา
จากนั้น เพกาค่อยๆลุกขึ้นชั้นบนกลับห้องตัวเอง
เพกาหน้านิ่วคิ้วมวดเดินขึ้นบันไดเพราะอยากรู้ว่า ใครส่งจดหมายเชิญทหารแดงไปชมกี่เพ้าที่เมืองไทย เพกาเดินไป พูดไป คิดไป
“คนที่ส่งกี่เพ้าของเมย์ลีไปแสดง เขาหวังให้พวกทหารแดงได้มาเห็น แล้วส่งจดหมายเชิญนายหลี่มา แต่การแสดงจบไปเสียก่อน นายหลี่เลยมาเก้อ”
ภาพของวันเปิดนิทรรศการเข้ามาในความคิดแวบหนึ่ง
“มาถึงกี่เพ้าชุดสุดท้าย ชุดนี้เราถือเป็นชุดไฮไลท์ของงานเลยก็ว่าได้ หลังการกวาดล้างของกองทัพแดง ช่างฝีมือถูกฆ่าตาย ถูกไล่ล่า ภูมิปัญญาการตัดเย็บกี่เพ้าแทบล่มสลายไปจากโลก แต่ในวันนี้ คุณจะได้เห็นกี่เพ้าที่หลุดลอดมาจากศิลปินที่ไม่ยอมแพ้ สิ่งที่ท่านจะได้เห็นในตู้นี้ คือกี่เพ้าที่สวยที่สุดในทศวรรษ คือสัญลักษณ์แห่งการไม่ยอมจำนน ไม่ยอมแพ้”
ขณะที่เพกาเดินไปทางห้องดอกไม้ ความอยากรู้ ทำให้เพกาหันไปมองประตูห้องใกล้ ๆ ห้องดอกไม้
“คุณหมิงเทียนบอกว่า ห้องดอกไม้อยู่ใกล้ห้องคุณนายใหญ่ ต้องใช่ห้องนี้”
เพกาเดินไปหน้าห้องลี่ผิง
“คุณนายใหญ่มาจากตระกูลสำคัญของเซี่ยงไฮ้เหมือนคุณเยี่ย อาจจะมีอดีตเกี่ยวข้องกับพวกทหารแดงเหมือนคุณเยี่ย และหลักฐานต่างๆอาจอยู่ในห้องนี้”
เพกามองซ้าย ขวาอย่างชั่งใจว่าจะเข้าไปห้องลี่ผิงดีไหม ใจหนึ่งก็ค้าน
“อย่าหาเรื่องใส่ตัวดีกว่าเรา”
เพกาหายลับเข้าหลืบตรงบริเวณทางไปห้องดอกไม้ได้แค่สองสามนาที แล้วก็ถอยออกมาใหม่ พูดอยู่คนเดียว
“แต่คุณนายใหญ่อยู่ข้างล่างทางสะดวก”
เพกาตัดสินใจก้าวเท้าเดินต่อไป แอต่อีกความคิดหนึ่งก็ทำให้เธอต้องถอยเท้าออกมา
“แต่ถ้าโดนจับได้ล่ะ โดนตำรวจจับหมดอนาคต”
แล้วก็ก้าวเดินต่อไป
“แต่ถ้าไม่ทำตอนนี้ก็ไม่มีโอกาสแล้ว”
อีกความคิดหนึ่งก็ทำให้เธอชักเท้าถอยออกมา
“แต่เราเพิ่งแอบเข้าห้องคุณเพ่ยเพ่ยไปนะ”
“โฮ้ย ยายพิ้งค์เอ๊ย หล่อนนี่เหมือนคนบ้าจริงๆเลย”
เพกาตัดสินใจเด็ดขาดพุ่งไปในห้องผิงแล้วเปิดประตูในทันที
ภายในห้องนอนผิง เพการีบเปิดดูอัลบั้มรูปเก่าๆ ดูเอกสาร ดูตู้เสื้อผ้าพยายามหาหลักฐาน
“ต้องมีหลักฐานอะไรสักอย่าง รูปถ่าย เอกสาร สำเนาจดหมาย”
เสียงผิงกำลังคุยกับลี่ผิงดังจากหน้าประตูห้อง
“ฉันต้องปักผ้าห่มให้เสร็จทันวันเกิดคุณพี่ ตั้งใจจะให้เป็นของขวัญคุณเยี่ย”
“ทันอยู่แล้วค่ะ” ซิ่วหลานบอก
“แย่แล้ว” เพกาพึมพำอย่างร้อนรน
“ปีนี้คุณเหม่ยอิงต้องปักปลอกหมอนให้คุณเยี่ยอีกตามเคย แม่นั่นน่ะช่างเอาอกเอาใจ รู้ว่าคุณเยี่ยชอบผ้าปัก”
“ตามฉันเข้าไปดูอะไรนี่สิอาซิ่ว”
“ค่ะ”
เพกาจะหลบซ่อนใต้เตียงแต่ไม่ทัน ประตูเปิดเข้ามา เพกาจึงเข้าไปซ่อนในตู้เสื้อผ้าทันที
ทั้งคู่เดินเข้ามาในห้อง ลี่ผิงเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า
เพกาสยองกลัวโดนจับได้อยู่ในตู้เสื้อผ้า แต่แล้ว ลี่ผิงก็ไม่ได้เปิดประตูตู้บานที่เพกาหลบอยู่ ลี่ผิงเปิดบานถัดไปแล้วค้นหาของในตู้ เพกากลั้นหายใจ กลัวผิงได้ยินเสียง
ลี่ผิงหยิบปลอกหมอนที่ปักเสร็จแล้วออกจากในตู้เสื้อผ้ามาให้ซิ่วหลานดู เพการอดหวุดหวิด
“เพิ่งปักเสร็จเมื่อวานซืน ดูซิ คุณท่านจะหนุนปลอกหมอนฉัน หรือปลอกหมอนนังเหม่ยอิง”
“สวยเก๋ค่ะ ต้องหนุนของคุณนายใหญ่อยู่แล้วค่ะ ฝีมือปักผ้าของคุณนายใหญ่สวยกว่าเป็นไหน ๆ”
“ฮึ ผ้าปักของเหม่ยอิง ฝีมือหยาบเหมือนผ้าปักที่วางขายริมถนน”
ลี่ผิงเอาปลอกหมอนและผ้าห่มที่ยังปักไม่เสร็จเก็บใส่ตู้เสื้อผ้า เพกากระถดตัวชิดฝาตู้เสื้อผ้าอีกด้านไม่ให้ผิงเห็น ผิงปิดตู้เสื้อผ้า เพการอดหวุดหวิดเป็นครั้งที่สอง
“ไป เราลงลงไปจัดโต๊ะอาหารกันเถอะอาซิ่ว”
ลี่ผิงกับซิ่วหลานเดินออกจากห้องไป เพกาหน้าตาตื่นออกจากตู้เสื้อผ้า
เพกาแง้มประตูห้องนอน รอจนทั้งคู่เดินลงบันไดไป เพการีบแจ้นออกจากห้องผิง
เพการีบเดินออกมายืนที่ทางเดินมุมหนึ่ง มองซ้ายขวาไม่มีใครก็ถอนใจอย่างโล่งอก
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ”
วันใหม่ซึ่งเป็นวันหยุด อี่เหวินเช็ดรถอยู่หน้าบ้าน หมิงเทียนแต่งตัวหล่อในชุดลำลองเดินมาที่รถ
“คุณเพ่ยเพ่ยยังไม่ลงมาเหรอ”
“ยังครับ คุณชายรองแต่งตัวไปดูคอนเสิร์ตหรือไปเล่นคอนเสิร์ตครับ แต่งหล่อว่านักร้องอีก”
“ก็ธรรมดา”
“ระดับนี้ธรรมดา อย่างผมนี่ต้องเรียกซำเหมานะครับ หล่อขั้นเทพอย่างคุณชายน่าเป็นพระเอกทีวีบี”
หมิงเทียนขำอี่เหวินที่ชมไม่หยุดปาก
“เอาล่ะ ๆ ตรุษจีนปีนี้ ฉันจะให้อั่งเป่านายพันเหรียญ”
“ชมจากใจจริงครับ ไม่ได้หวังรางวัล”
เพกาเดินออกมาจากตัวบ้านในชุดสวย
“นี่คุณจะไปไหน” หมิงเทียนถาม
“ไปเที่ยวสิคะ วันนี้วันหยุด”
“ไปคนเดียว ไม่กลัวเหว่ยหรือไง”
เพกาตบกระเป๋าบอก
“ฉันเตรียมพร้อมไว้แล้ว มีของป้องกันตัวด้วย ไปนะคะ บาย”
เพกาเดินออกไป หมิงเทียนมองตามด้วยสายตากังวล
ในเวลาต่อมา ภายในวัดหยวนหยวน
“วัดหยวนหยวนเป็นวัดที่รวมกันของศาสนาทั้งสาม คือ พุทธ เต๋า และขงจื๊อ คนฮ่องกงใช้หลักปรัชญาของศาสนาทั้งสามในการดำเนินชีวิต โดยไม่ยึดศาสนาใดเป็นศาสนาประจำชาติ”
เพกายืนดูป้ายพลาสติกสีแดงขนาดใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ที่ลานวัดตรงข้ามที่ขายธูปแสดงนักษัตรแต่ละปี
“หลักยึดเหนี่ยวของคนฮ่องกงคือ หลักการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับพลังธรรมชาติ พลังฟ้า พลังดินและดวงชะตาของตน หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อฮวงจุ้ย อย่างป้ายนี้แสดงให้เห็นว่า ปีนี้ตามรอบปฎิทินเป็นปีที่ได้รับพลังชนิดใด ผู้ที่เกิดในรอบนักษัตร หรือวันเกิดใด ถูกโฉลกหรือไม่ถูกโฉลก ถ้าไม่ถูกโฉลกหรือชงกัน ควรไหว้เทพเจ้าองค์ใดเพื่อให้ท่านคุ้มครอง”
เพกาเพลิดเพลินถ่ายรูปวัด จึงไม่รู้ตัวว่ามีคนแอบจ้องมองเธออยู่ เหว่ยเหอแอบมองเพกาลอดผ่านหนังสือพิมพ์ด้วยสีหน้าร้ายกาจ
เพกาเดินมาตามทาง เหลียงเหว่ยเหอเดินตาม เพกาเอะใจหันหลังมอง เขาหลบเข้าหลืบ
“เราคงคิดไปเอง”
เพกาเดินต่อไปแต่ไม่วายรู้สึกว่ามีคนตาม เพกาตัดสินใจหลบเข้าหลืบ เอามือล้วงกระเป๋าถือเตรียมพร้อม เสียงฝีเท้าดังใกล้มา เพกาหน้าตาตื่น ทั้งกลัวและอยากสู้ระคนกัน ทันทีที่มีคนโผล่มา เพกาก็ฉีดสเปรย์พริกไทยใส่ทันที
“โอ๊ย แสบ”
“คุณหมิงเทียน”
หมิงเทียนโดนสเปร์ยพริกไทยที่หน้าไม่มากเพราะตัวสูง เพกาฉีดโดนเสื้อซะมากกว่า เพการีบเอาน้ำดื่มในกระเป๋าชุบผ้าเช็ดหน้าให้หมิงเทียน
“เช็ดหน้าค่ะ เช็ดหน้าก่อน”
หมิงเทียนเช็ดหน้าแล้วอาการดีขึ้น แต่ยังแสบหน้าอยู่เล็กน้อย
“เป็นบ้าอะไรน่ะคุณ มาฉีดใส่ผม”
“ฉันคิดว่าคุณเป็นเหว่ยค่ะ ชอบสะกดรอยตามฉันจริงนะคะที่เมืองไทยก็หนหนึ่งแล้ว ให้ฉันวิเคราะห์ตอนเด็ก ๆ คุณต้องฝันอยากเป็นยอดนักสืบแต่โตขึ้น พ่อแม่ไม่ให้เป็นเลยเก็บกด”
“ก่อนวิจารณ์คนอื่นพิจารณาตัวเองมั่ง เพ้อเจ้อ ชอบคิดเองเออเอง ผมกำลังจะไปธุระ ผ่านวัดหยวนหยวน เลยแวะสักการะไม่ได้ตามใคร”
เพกามองเครื่องแต่งกายหมิงเทียนที่แต่งอย่างหล่อ เหมือนจะไปออกงานมากกว่ามาวัด
“แต่งตัวมาวัดเต็มยศแบบนี้เนี่ยนะ”
หมิงเทียนโดนมองอย่างจับผิด แต่ตีหน้าขรึมตามนิสัยผู้ชายฟอร์มจัดก่อนชี้หน้าตัวเอง
“ทำผิด ขอโทษหรือยัง”
“ขอโทษค่ะ” เพกาคำนับหมิงเทียนแบบจีน
“เล่นอีก”
หมิงเทียนทำตาดุใส่ เพกายิ้มปะเหลาะสำนึกผิด
เพกากับหมิงเทียนซื้อธูป หมิงเทียนแตะหน้าตัวเองเพราะยังแสบกับสเปรย์พริกไทย
“อุ๋ย ยังไม่หายแสบอีก ฉันออกค่าธูปให้นะคะ เป็นการไถ่โทษ”
หมิงเทียนพยักหน้า เพกาหยิบเงินในกระเป๋าปรากฏว่า มีแต่เงินไทย เพกาควานหาเงินฮ่องกงทุกซอกหลืบของกระเป๋าก็ไม่เจอซักเหรียญ เพกายิ้มประจบประแจงหมิงเทียน
“แหะ แหะ คุณหมิงเทียน ฉันลืมเอาเงินดอลล่าร์ฮ่องกงมาค่ะ มีแต่เงินบาท”
หมิงเทียนส่ายหน้าระอาความเป๋อของเพกา
เพกา หมิงเทียนกำลังสักการะเทพเจ้า จากนั้นทั้งสองก็เดินออกมาตามทาง
“ไว้เราไปวัดอื่น ฉันออกค่าธูป ค่าเทียน ค่าดอกไม้ ให้นะคะ”
“เข็ด ไม่ไปกับคุณแล้ว”
เพกาเบ้ปากใส่หมิงเทียนที่ชอบพูดแรง ๆ
“รอตรงนี้นะ ผมจะไปห้องน้ำ ล้างหน้าจะได้หายแสบ”
“เชิญตามสบายค่ะคุณเจ้าหมิงเทียน”
เพกาโค้งผายมือให้ หมิงเทียนทำท่ารำคาญแต่มีแอบอมยิ้ม
ตรงบริเวณที่รอเป็นที่จุดธูป ควันธูปจึงฟุ้งไปทั่ว ทุกคนที่มาสักการะเทพเจ้าในวัด ต่างจุดธูปคนละเป็นสิบ ๆ ดอก เพื่อไหว้เทพเจ้าให้ครบทุกองค์
เพกาหยีตาเพื่อไม่ให้ควันเข้าตา หลังควันธูป เหลียงเหว่ยเหอปรากฏตัวขึ้นและมองเพกาที่ยืนอยู่ เขามองไม่เห็นหมิงเทียน เหลียงเหว่ยเหอยิ้มเพราะทางสะดวก เพกาเดินไป เขาก็เดินตามไปทันที
เหว่ยเหอเข้าประชิดตัวเพกาทางด้านหลัง เพกาหันมามองหน้าและสบตากัน
“นี่คุณ”
แววฆาตกรส่งสายตาดุ เพกาพูดด้วยเสียงประหวั่น
“คุณต้องการอะไร”
เหว่ยเหอเงื้อมือขึ้น เพการีบยกมือขึ้นปัดป้องและร้องทันที
“ไม่”
มือที่เงื้อขึ้นนั้น ไม่ได้ถือมีด หากแต่กำกระดาษแผ่นเล็ก ๆ ยัดใส่มือเธอ ทั้งสองจ้องหน้ากัน เพกาทั้งงงและแปลกใจ เหว่ยเหอกำลังจะพูด
“ผม”
หมิงเทียนเดินกลับมาพอดีก็ตะโกนลั่นบอกเพกา
“อาเหว่ย”
เพกาสะดุ้งเฮือกรีบผลักเหว่ยเหอออกจนล้มลงกับพื้น
“หยุดนะ”
เหว่ยเหอลุกขึ้นวิ่งหนี หมิงเทียนไล่ตาม เพกายืนงงอยู่กับที่
“เขาคืออาเหว่ยจริงๆหรือ ฉันเกือบตายแล้วไหมล่ะ”
ภายในวัด หมิงเทียนวิ่งไล่ เหลียงเหว่ยเหอวิ่งชนถังขยะจนตัวเองล้มลง ทำให้หมิงเทียนไล่ทัน หมิงเทียนเข้าจับตัว เหว่ยเหอขัดขืนและโดนหมิงเทียนต่อยหน้า เขาสู้หมิงเทียนไม่ได้
“เหว่ยเหอมอบตัวซะ”
“ไม่ ปล่อยนะ”
เหว่ยเหอชักมีดออกมาแล้วสะบัดออกไป หมิงเทียนผงะถอยห่าง เพกาที่วิ่งตามมาก็ร้องวี้ด
“ระวังค่ะคุณหมิงเทียน”
เหว่ยเหอถือมีดขู่ และเดินถอยหลังไปเรื่อย ๆ ก่อนวิ่งหนีหายไป หมิงเทียนจะตาม แต่เพกาห้ามไว้
“อย่าค่ะ เป็นอะไรขึ้นมา ไม่คุ้ม”
“มันทำร้ายคุณหรือเปล่าคุณพิ้งค์”
“คุณมาทันเวลาค่ะ เค้ายังไม่ได้ทำอะไรฉัน แต่ เค้ายัดกระดาษแผ่นนี้ใส่มือฉันค่ะ”
หมิงเทียนรับกระดาษมาอ่านก็หน้าเสียในทันที
“เขียนว่ายังไงคะ”
“ไม่มีอะไร”
“ต้องมี สีหน้าคุณเปลี่ยนไปทันทีที่อ่าน เหว่ยเขียนอะไรคะ”
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้ ไปเถอะ”
“เดี๋ยวค่ะบอกฉันมาก่อน เหว่ยเขียนอะไรให้ฉัน”
“ตัวอักษร สื่อ แปลว่า ความตาย”
เพกาใจหายวาบ หน้าซีด หวาดกลัวเพราะถูกขู่ฆ่า
“ความตาย เขาขู่ฆ่าฉัน”
ทั้งหมิงเทียนและเพกาขวัญเสีย
ในเวลากลางคืน เพกาเดินไปมาอยู่ในห้องเพราะกลุ้มใจเรื่องที่โดนขู่ฆ่า หลินเพ่ยเดินนำเหม่ยอิงเข้ามา
“คุณเพ่ยเพ่ย”
หลินเพ่ยตบหน้าเพกาทันที
“นี่คือบทลงโทษที่แกแย่งพี่รองไปจากฉัน”
“เลิกหึงหวงแบบไร้สติเสียทีคุณเพ่ยเพ่ย ฉันไม่เคยคิดแย่งพี่ชายรองของคุณ”
“อาอี่บอกว่าพี่รองไปวัดหยวนหยวนกับแก แกตั้งใจหลอกพี่รองไป เพราะรู้ว่าพี่รองนัดฉันไปดูคอนเสิร์ต”
“พี่ชายรองของคุณตามฉันไปเอง”
“โกหก”
เหม่ยอิงเข้าสมทบ
“เพกา เธอเลิกใช้ประโยชน์ที่หน้าเหมือนเมย์ลีเข้าหาคุณชายรองซะที ไม่อย่างนั้นเธอต้องเสียโฉม”
เพกาป่วยการจะเถียงเพราะสองแม่ลูกไม่มีทางรับฟังแน่
“กลับเมืองไทยไปซะ ก่อนจะไม่มีโอกาสกลับ ไปค่ะคุณแม่”
เพกานั่งลงอย่างเซ็งๆ มองกระจกแล้วถอนใจด้วยความหนักใจ
“ถูกขู่แถมยังโดนตบอีกหรือนี่”
กี่ เ พ้ า ตอนที่ 4 (ต่อ)
ภายในห้องโถงคฤหาสน์ตระกูลเจ้า ในเวลากลางวันของวันใหม่ หมิงเทียนวางสายที่โทรคุยกับตำรวจ อี่เหวินยืนสีหน้าเครียดอยู่ด้วย
“ตำรวจตรวจสอบแถววัดหยวนหยวน แต่ไม่เจอร่องรอยอาเหว่ย” หมิงเทียนบอก
“อาเหว่ยเป็นคนฉลาด ตำรวจตามเขาไม่เคยทัน”
เจิ้นหลุนเดินมาบอก
“ติดล็อกประตูหลังบ้านเพิ่มแล้วครับคุณชายรอง”
“หมั่นตรวจดูว่าล็อกแน่นหนาหรือเปล่า”
“ครับ”
หมิงเทียนออกเดินไป เจิ้นหลุนพูดกับอี่เหวิน
“เก็บคุณพิ้งค์ไว้ในบ้านไม่ได้ตลอดหรอก ทางที่ดีควรส่งเธอกลับเมืองไทย”
หมิงเทียนยังก้าวไม่พ้นห้องได้ยินความเห็นก็หันมามองเจิ้นหลุนที่สะดุ้งหัวหด จ๋อยไป รู้ทั้งรู้อยู่ว่า หมิงเทียนชอบเพกาดันแนะให้ส่งกลับ หมิงเทียนสีหน้าเครียด
ประตูห้องดอกไม้แง้มอยู่ หมิงเทียนเดินมาหา เพกากำลังคุยโทรศัพท์เสียงดังมาจากในห้องลอดออกมา หมิงเทียนยืนแอบฟัง
“พิ้งค์ปลอดภัยค่ะแม่ … ไม่ได้หรอกค่ะ พิ้งค์ยังทำงานให้เค้าไม่เสร็จค่ะแม่ ไม่อยากทิ้งงาน”
ภายในบ้านเพกาที่เมืองไทย พร้อมคุยโทรศัพท์อยู่
“ให้คุณแฮรี่ส่งคนอื่นไปทำแทนสิลูก กลับบ้านเราเถอะ แม่เป็นห่วง”
“ตัวหนังสือนั่นอาจจะแค่ขู่ คงไม่มีอะไรมั้งคะ”
“ทำไมเป็นคนดื้ออย่างนี้นะ”
“ทำไมหรือคะ อ๋อนึกออกแล้ว ตอนอายุ 12 แม่ของพิ้งค์พาพิ้งค์ไปนั่งประท้วงเรื่องโรงงานปล่อยสิ่งสกปรกลงแม่น้ำ ทำให้ชุมชนที่แม่โตมา มีแต่คนป่วย”
“แล้วมันเกี่ยวอะไร”
“ตอนนั้นแม่และเพื่อนๆที่ไปนั่งประท้วงดูเป็นฮีโร่มาก ที่สำคัญเราชนะ โรงงานยอมจ่ายเงินบำบัดน้ำเสีย เด็กๆแถวบ้านคุณยายกระโดดลงเล่นน้ำได้แล้ว”
พร้อมเสียงเข้มถาม
“นี่จะโทษแม่ที่แม่เป็นคนทำให้หนูเป็นแบบนี้หรือ”
เพกาหัวเราะร่วนแล้วบอก
“อย่าเสียงเขียวสิคะ คนแบบเราๆน่ะน่ารำคาญ หนูรู้แต่สังคมของเรามาไกลได้ขนาดนี้เพราะคนแบบเรานี่แหละค่ะ แม่ขาพิ้งค์อยากให้แม่เข้าใจและเอาใจช่วยพิ้งค์นะคะ ยังไงพิ้งค์กลับบ้านเราแน่ๆค่ะแม่ แต่จะกลับเมื่อไหร่ต้องดูอีกทีนะคะ”
พร้อมถอนหายใจเฮ้อเสียงดัง จนมุมไม่รู้จะพูดอะไรอีก
“ค่ะแม่ พิ้งค์จะระวังตัว”
ที่หน้าห้อง หมิงเทียนได้ยินว่าเพกาจะกลับเมืองไทย หมิงเทียนสีหน้าเศร้าและคิดหนัก
หลังวางสาย พร้อมเดินเข้าห้องพระ จุดธูปไหว้พระด้วยสีหน้าแววตาวิตกกังวลมากที่ลูกสาวถูกขู่ฆ่า
“ขอให้ความดีที่ข้าพเจ้าทำมาตลอดชีวิต ปกป้องลูกสาวให้แคล้วคลาดปลอดภัยด้วยเถอะ”
วันใหม่ เวลากลางวัน ภายในห้องพิพิธภัณฑ์พี่เจ้าในคฤหาสน์ตระกูลเจ้า เพกาเทียบสีไหมที่ค้นมาจากห้องเก็บของหลังพิพิธภัณฑ์กับชุดกี่เพ้ามาดามซ่งที่ขาด
“ว้า อันนี้ก็สีไม่ตรง”
เพกาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายที่หาเส้นไหมสีตรงกับชุดไม่ได้เสียที
คนเปิดประตูผัวะเข้ามา เพกาสะดุ้งโหยง เพราะหลังถูกเหลียงเหว่ยเหอขู่ฆ่า เพกากลายเป็นขวัญกระเจิงง่ายๆ เป่าหลินยกถาดอาหารมาให้เพกา
“ไม่ใช่คุณนายรองหรอกค่ะ ไม่ต้องทำเป็นขวัญอ่อน” เป่าหลินแขวะ
เพกาชักสีหน้าไม่พอใจ
“เจ้านายเป่ายังพอมีเหตุผลที่ไม่ชอบฉัน แล้วเป่าล่ะ หือ”
“เจ้านายเกลียดใคร บ่าวก็เกลียดด้วยค่ะ”
เพกาเบื่อ ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเป่าหลิน
“ทำไมอาซิ่วไม่ยกมา”
“อาซิ่วไปข้างนอก”
“อาเป่ารู้เบอร์โทรศัพท์คุณหย่ง คนดูแลพิพิธภัณฑ์ไหม ฉันจะโทรไปปรึกษาเรื่องซ่อมกี่เพ้า”
“ไม่รู้ ถึงรู้ก็ไม่บอก”
เป่าหลินพูดกวนประสาท ลอยหน้าลอยตาใส่เพกา เพกาเซ็งความงี่เง่าของสาวใช้คุณนายรอง
ในเวลาต่อมา เพกาเดินหาคนในบ้านเพื่อจะขอเบอร์ติดต่อหย่งซาน บ้านเงียบเชียบ ไม่มีคน
“หายไปไหนกันหมด”
เพกาเดินไปเคาะประตูห้องลี่ผิง
“คุณนายใหญ่คะ คุณนายใหญ่ ฉันอยากได้เบอร์ติดต่อคุณหย่งค่ะ”
ห้องลี่ผิงไม่ได้ล็อกจึงแง้มประตูดู คุณนายใหญ่ไม่อยู่ในห้อง สายตาของเพกาไปสะดุดกับผ้าทอจีน 1 พับบนเตียง เพกาเดินเข้าไปในห้อง หยิบผ้ามาดูลายใกล้ ๆ พลางลูบเนื้อผ้าอย่างแผ่วเบา
“ทอละเอียดมากใช้ไหมอย่างดี เนื้อนุ่ม เบา”
เพกามองหนังสือที่เมื่อครู่ถูกผ้าวางทับอยู่ ปกหนังสือเป็นชุดกี่เพ้าโบตั๋น
“กี่เพ้าลายโบตั๋น มีคนมาขอรูปจากสถาบันไปพิมพ์เป็นหนังสือแล้วหรือนี่ ดังใหญ่แล้ว กี่เพ้าชุดนี้”
เพกาสนใจมาก เปิดหนังสือดูเนื้อหาด้านใน เป็นหนังสือแบบชุดกี่เพ้าทรงต่าง ๆ มี แพทเทิร์นการตัดเย็บให้ดูเป็นตัวอย่าง
“คุณนายใหญ่ตามข่าวกี่เพ้าโบตั๋น คุณผิงต้องเป็นคนส่งกี่เพ้าลายโบตั๋นไปเมืองไทยแน่ เจอตัวแล้ว ฮึ่ม”
เป่าหลินเดินเข้ามาทำความสะอาดที่ห้องลี่ผิงพอดี
“คุณเข้ามาทำอะไรน่ะ”
เพกายืนหน้าซีด จ๋อย เป่าหลินเอ็ดตะโรลั่น
“ขโมย คุณเพกาขโมยของคุณนายใหญ่”
เพกามองของสองชิ้นในมือแล้วบอก
“ฉันไม่ได้ขโมย ชั้นแค่เข้ามาหยิบดูเฉย ๆ”
“โดนจับได้คาหนังคาเขายังแถอีก ขโมยๆ คุณเพกาขโมยของคุณนายใหญ่”
หลินเพ่ยกับเหม่ยอิงแจ้นมาก่อนใครๆ
“แม่นี่ขโมยอะไร” หลินเพ่ยถาม
“ผ้ากับหนังสือของคุณนายใหญ่ค่ะ ที่ถืออยู่นั่นไงคะ” เป่าหลินว่า
“ของแค่นี้ฉันมีเงินซื้อเองน่า”
“ผ้าชิ้นนี้เป็นผ้าสั่งทอพิเศษหาซื้อไม่ได้ เธอเห็นแล้วอยากได้เลยขโมย เพ่ยเพ่ยไปรายงานคุณพ่อกับคุณแม่ใหญ่เร็วเข้า” เหม่ยอิงบอก
หลินเพ่ยยิ้มร้ายแล้วรีบไปทันที
“พวกขี้อิจฉา ชอบใส่ร้ายคนอื่น”
“ไม่ต้องพูดมาก ฉันจะจับแกส่งตำรวจ”
เป่าหลินรีบเข้าไปจับตัวล็อกไว้
“โหย ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้หรอก ฉันไม่ได้หนี”
“เอาตัวไป”
ภายในห้องโถง เวลาต่อมา เพกาถูกสอบสวนเหมือนขึ้นศาล ทุกคนในบ้านถูกเรียกมาพร้อมเพรียงกันเพื่อฟังการไต่สวน
“ดิฉันยอมรับผิดที่เข้าห้องคุณผิงโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ดิฉันไม่ได้ขโมยผ้ากับหนังสือของคุณผิงนะคะ”
“พวกขโมยของในห้างก็อ้างแบบเธอนี่แหละ คราวที่แล้วก็แอบเข้าห้องฉันทีหนึ่งแล้ว”
“แจ้งตำรวจให้มาจับเลยค่ะคุณพี่ แม่นี่มือไว ขี้ขโมย”
“ฉันไม่ใช่คนขี้ขโมย”
เหวินเยี่ยถาม
“ในเมื่อรู้ว่าคุณผิงไม่อยู่ในห้อง ทำไมถึงถือวิสาสะเข้าไป”
“คือว่า ดิฉันเห็นผ้าผืนหนึ่งวางอยู่บนเตียงสวยมาก เลยเข้าไปดูค่ะ พอเข้าไป ก็เลยเจอหนังสือที่ดิฉันสงสัย คุณผิงได้หนังสือเล่มนี้มาจากไหนคะ”
ลี่ผิงมีสีหน้างงเล็กน้อยกับคำถามของเพกา
“หนังสือ หนังสือ ทำไม”
เพกาตัดสินใจพูดความจริง
“ที่ดิฉันเซ้าซี้ถามคุณผิง เพราะคิดว่าคุณผิงเป็นคนส่งกี่เพ้าลายโบตั๋นไปเมืองไทยค่ะ”
หมิงเทียนมีสีหน้าเซ็งมากที่เพกาหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว คนอื่นในห้องงงหมด
“สั่งแล้วใช่ไหม ห้ามขุดคุ้ยเรื่องนี้” หมิงเทียนบอก
“คุณผิงส่งจดหมายไปหาอดีตทหารแดงที่เซี่ยงไฮ้ด้วยใช่ไหมคะ”
ลี่ผิงยิ่งงงหนัก
“เธอพูดอะไรของเธอน่ะ”
ซิ่วหลานเพิ่งกลับมาจากข้างนอกก็เห็นเพกาถูกคนในบ้านรุมพิพากษาอยู่
“คุณผิงต้องการให้อดีตทหารแดงคนนั้นเห็นชุดกี่เพ้าลายโบตั๋น”
เหวินเยี่ยโมโหขึ้นมาทันที
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะเพกา”
“คุณเยี่ยไม่อยากรู้หรือคะ ใครแอบส่งกี่เพ้าชุดนั้นไปเมืองไทยปะปนกับกี่เพ้าของคุณ”
ซิ่วหลานลุ้นว่า เหวินเยี่ยจะตอบว่าอะไร
“มันไม่ใช่ธุระกงการของเธอ”
“กี่เพ้าชุดนั้นถูกส่งไปถึงมือดิฉัน ถือเป็นธุระของดิฉันโดยปริยายค่ะ”
“คุณพิ้งค์” หมิงเทียนส่งสายตาห้ามเพกาให้หยุดพูด แต่เธอไม่หยุด
“คุณผิงต้องเคยเจ็บปวดจากช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม เลยอยากแก้แค้นอดีตทหารแดง มันเป็นแบบนี้ใช่ไหมคะ ไม่งั้นคุณจะมีหนังสือเล่มนี้ไว้ทำไม”
เหวินเยี่ยตวาดเพกา
“พอกันที ฉันใกล้หมดความอดทนกับเธอแล้วนะ”
หลินเพ่ย เหม่ยอิงและเป่าหลินยิ้มอย่างสะใจ เพกาเงียบลงได้ ซิ่วหลานเดินซึมเข้ามาหาเหวินเยี่ย
“คุณท่านคะ ซิ่วเป็นคนส่งกี่เพ้าลายโบตั๋นไปเมืองไทยเองค่ะ”
ทุกคนได้ยินก็อึ้ง ตกใจ เพกามองหน้าซิ่ว งง อ้าว... สรุปว่าไม่ใช่ลี่ผิง
ลี่ผิงบอกเพกา
“ผ้าผืนนั้นอาซิ่วหามาให้ฉันรวมทั้งหนังสือด้วย ฉันจะตัดกี่เพ้า หนังสือเล่มนั้นเป็นแบบชุดกี่เพ้า ส่วนเรื่องหน้าปก ฉันเพิ่งนึกออกตอนที่เธอพูดนี่ล่ะว่า มันเป็นกี่เพ้าของเมย์ลี”
“ไม่ใช่คุณผิง ไม่ใช่คุณเยี่ย แต่เป็นซิ่วงั้นหรือ เป็นไปได้ยังไง ซิ่วมาเกี่ยวอะไรด้วย”
เหวินเยี่ยโกรธซิ่วหลานทันที
“บังอาจมาก”
“ซิ่วทำเรื่องทรยศตระกูลเจ้า ซิ่วขอลาออกค่ะ”
ซิ่วหลานถอดกำไลหยกเข้ามานั่งคุกเข่าแล้วยื่นคืนให้เหวินเยี่ย
“ยกโทษให้อาซิ่วซักครั้งนะครับคุณพ่อ อาซิ่วทำไปเพราะอยากให้ฝีมือของพ่อตัวเอง ได้ไปแสดงที่ต่างประเทศ พ่อของอาซิ่วเป็นคนตัดชุดกี่เพ้าลายโบตั๋นชุดนั้นครับ”
ทุกคนยิ่งงงหนักเข้าไปอีกเพราะไม่เคยมีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน
“หา เพิ่งรู้นะว่ามาจากตระกูลคนทำกี่เพ้า” อวี้เหลียนว่า
“พ่อของซิ่วเป็นช่างทำกี่เพ้าเก่งที่สุดในเซี่ยงไฮ้ แต่ต้องปกปิดตัวเองในคราบชาวประมง นายหลี่ทำลายร้านของเราที่เซี่ยงไฮ้ ไล่ล่าพ่อและฆ่าแม่ของซิ่ว”
ซิ่วหลานเล่าเรื่องราวในอดีตของตนเองให้ทุกคนฟัง
ร้านตัดเย็บกี่เพ้าในเซี่ยงไฮ้ในยุคปฏิวัติวัฒนธรรม
“ผู้นำการเมืองในยุคนั้นต้องการโค่นล้มทุนนิยม และ ศิลปวัฒนธรรมที่แสดงถึงระบบศักดินา พวกเขาตามล่าศิลปินและปัญญาชน ตอนซิ่วยังเด็ก ทหารแดงชื่อหลี่เซียนบุกเข้ามาจับพ่อ หลี่เซียนเคยมีเรื่องส่วนตัวกับพ่อ มันยิงแม่ตายต่อหน้าซิ่วและพ่อ”
หลี่เซียนนำพวกทหารแดงคนอื่นๆซึ่งเป็นเยาวชนที่เติบโตในคอมมูน บุกเข้ามาพร้อมอาวุธ วิ่งมาตามทางในซอกซอย ภายในร้าน หลี่เซียนมองหา... พบแต่ห้องว่างเปล่า ภายในร้าน มีจักรเย็บผ้า ที่ตัวจักรมีกี่เพ้าปักดอกโบตั๋นสีชมพู 1 ดอกที่คาสะดึงอยู่ หลี่เซียนฉีกทึ้งและมองหาอาหัว พ่อของซิ่วหลาน เท้ากระทืบๆไปบนพื้นอย่างโมโห
อาหัวกำลังอุ้มลูกหนีไปทางด้านหลังร้านพร้อมภรรยา หลี่เซียนตามมาเจอหยิบปืนขึ้นมาแล้วยิงออกไป
“หยุดนะอาหัว”
จู่ๆอาหงภรรยาของอาหัวก็โผล่มาขวางไว้จึงถูกยิงล้มลง อาหัวอุ้มซิ่วหลานหันมาตะโกนลั่น
“อาหง”
หลี่เซียนตกใจแทบช็อกที่เห็นอาหงใกล้สิ้นใจด้วยน้ำมือตัวเอง อาหงบอกอาหัวก่อนสิ้นใจว่า
“ไป พาลูกไป”
อาหัวได้สติรีบอุ้มลูกหนีไปอีกซอยหนึ่งทันที หลี่เซียนพุ่งเข้าไปกอดอาหงน้ำตารินเพราะแอบรักอาหงเลยคิดจะฆ่าอาหัว
“อาหง ฉันรักเธอๆ”
ซิ่วหลานร้องไห้ต่อหน้าทุกคนระหว่างเล่าเรื่องของตนเอง
“คนที่มีอดีตกับทหารแดงคนนั้นคือซิ่วนี่เอง โธ่เอ๊ย ทำไมฉันไม่เอะใจนะ”
ในอดีต ซิ่วหลานเคยพูดกับเพกาว่า
“ซิ่วรู้จักกี่เพ้าทุกชุดดีเหมือนลมหายใจของตัวเอง ฉันจะช่วยค่ะ”
“วันนี้ฝันของพ่อ ฝันของซิ่วเป็นจริง พ่อของซิ่วปักเย็บกี่เพ้าลายโบตั๋นให้คุณเมย์ลี เพื่อให้เป็นชุดที่สวยที่สุด ชุดสุดท้ายของชีวิตพ่อ พอคุณเมย์ลีตาย คุณเยี่ยสั่งให้ซิ่วทำลายชุดนี้ ซิ่วเลยเก็บไว้ ซิ่วสืบจนรู้ว่า หลี่เซียนจะไปเมืองไทยช่วงเวลาใกล้กับงานแสดง ก็เลยเขียนจดหมายไปตามเขามาดูการแสดง”
“ซิ่ววางแผนส่งมันไปที่สถาบันของฉัน อยากให้มันออกแสดงต่อสายตาชาวโลกและนายหลี่เซียนงั้นหรือ”
ซิ่วหลานพยักหน้า
“เมื่อไหร่ที่เขาเห็นกี่เพ้าโบตั๋น เขาจะรู้ทันทีว่า พ่อของซิ่วยังไม่ตายช่างทำกี่เพ้าที่เขาอยากฆ่า ยังไม่ตาย ความงามแห่งอารยธรรม ภูมิปัญญาของคนจีน ไม่เคยตาย”
ซิ่วหลานน้ำตาไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง
ซิ่วหลานประเมินไม่ผิด เพราะตอนหลี่เซียนเห็นกี่เพ้า...
“ชุดพวกนี้ควรถูกทำลายเหมือนระบบศักดินาที่ต้องโค่นล้ม ประเทศจีนต้องไม่มีชนชั้น”
“อุ๊ย คุณ ....คุณทำลายสมบัติของสถาบันไม่ได้นะคะ” เดซี่ว่า
“คนส่งจดหมายไปหาฉัน ต้องการเยาะเย้ยฉัน ต้องการให้ฉันมาเห็นของพวกนี้ ใครกัน หา”
ซิ่วหลานโชว์รูปบนปกหนังสือ
“ดูหนังสือเล่มนี้สิคะ มีคนขอรูปถ่ายจากสถาบันคุณที่เอามาแสดงในวันนั้น เอาไปทำปกหนังสือ กี่เพ้าโบตั๋น ความสามารถของพ่อได้ปรากฏตัวออกมาให้โลกได้เห็น แค่นี้พ่อและซิ่วก็ตายตาหลับ”
“แต่กี่เพ้าชุดนั้นเป็นอัปมงคล เมย์ลีใส่ชุดนั้นแล้วถูกฆ่าตาย เธอรู้นี่นาถ้ามันปรากฏตัวขึ้น พวกเราจะรู้สึกยังไง” จิ้นเจินบอก
“ดิฉันขอโทษและยินดีรับโทษค่ะ”
“คุณพ่อรักกี่เพ้ามาก น่าจะเข้าใจอาซิ่วนะครับ” หมิงเทียนบอก
เหวินเยี่ยตอบทันที
“มันคนละเรื่องกัน ซิ่วกระทำการโดยพลการ อยู่บ้านเขาแต่ทำลายเกียรติของเขา คนแบบนี้เลี้ยงไม่ได้”
“คุณพ่อ”
“กฎคือกฎ แกมันใจอ่อน อีกหน่อยใครจะเคารพ”
เหวินเยี่ยยื่นมือออกไปรับกำไลหยกที่ซิ่วหลานยื่นให้ อันหมายถึงเหวินเยี่ยยอมให้ซิ่วลาออก ซิ่วคำนับเหวินเยี่ยกับลี่ผิงเป็นการอำลา
หมิงเทียนโกรธพ่อ พาลไปเรื่องของหมิงซานและเหว่ย
“ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเกียรติของตระกูลเจ้าสินะ มันเป็นอย่างนั้นมาตลอด”
ลี่ผิงปรามหมิงเทียนให้ระวังคำพูดกับพ่อ
“หมิงเทียน”
“เราเสียทุกสิ่งไปเพราะเกียรติยศ เพราะกฎที่คุณพ่อสร้าง นี่คือเงาร้ายของบ้านหลังนี้”
เหวินเยี่ยขบกรามเป็นสันด้วยความโกรธหมิงเทียนแล้วเดินไป คนอื่นเงียบจ๋อย
“มันกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง แล้วยายผู้หญิงคนนี้ล่ะคะ เรามาคุยกันเรื่องไล่เขาไม่ใช่หรือคะ” หลินเพ่ยว่า
กลายเป็นว่า ทุกคนต่างตกใจกับเรื่องของซิ่วหลาน จนเรื่องของเพกาเล็กลงไป ไม่มีใครพูดอะไรอีก เพกามองซิ่วหลานอย่างละอายใจพลางพึมพำ
“เพราะเรา เราทำให้อาซิ่วถูกไล่ออก”
ภายในห้อง ซิ่วหลานเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าด้วยสีหน้าเศร้าเพราะกำลังจะไปจากคฤหาสน์ตระกูลเจ้า เป่าหลินเข้ามาเจ้ากี้เจ้าการ สาระแน
“ชุดนี้คุณนายใหญ่ซื้อให้อาซิ่ว ถือเป็นสมบัติตระกูลเจ้า ชุดนี้ด้วย นี่ก็ด้วย”
เป่าหลินแย่งเสื้อผ้าซิ่วหลานหลายชุดดึงออกมาจากกระเป๋ามากอดไว้ ซิ่วหลานมองอย่างเซ็งๆ
“อยากได้ก็เอาไปนังเป่า”
เพกาเดินเข้ามา เป่าหลินยิ้มย่องขนเสื้อผ้าซิ่วหลานไปหลายชุด
“เป่าหลินนี่เป็นคนไร้น้ำใจที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา”
“คิดๆ ไปก็ดีนะคะ ซิ่วจะได้ไม่เจอมันอีก”
“อาซิ่ว ฉันขอโทษนะคะที่ทำให้อาซิ่วเดือดร้อน ขอโทษจริงๆ” เพกาพูดพลางยกมือไหว้
“ตอนแอบใส่กี่เพ้าลายโบตั๋นส่งไปเมืองไทย ซิ่วเตรียมใจไว้แล้วล่ะคะว่าต้องโดนไล่ออก โชคดีคุณหมิงเทียนช่วยปิดความลับให้”
“มิน่าเค้าถึงห้ามฉันขุดคุ้ย กลัวเรื่องถึงอาซิ่ว แล้วนี่ อาซิ่วจะไปอยู่ไหนคะ”
“กลับไปอยู่บ้านพ่อค่ะ”
“พ่อที่เป็นช่างกี่เพ้า ที่ทำชุดโบตั๋น ฉันขอไปส่งอาซิ่วที่บ้านนะคะ”
เมื่อพูดถึงพ่อซิ่วที่เป็นช่างตัดกี่เพ้า เพกาก็ตาวาวอยากรู้จัก ตามประสาคนหลงใหลผ้าโบราณ
บริเวณหมู่บ้านชาวประมงในฮ่องกง เพกานั่งจิบน้ำชารอ พลางมองสำรวจบ้านพ่อซิ่ว แม้เป็นบ้านช่างตัดกี่เพ้า แต่กลับไม่มีจักรเย็บผ้าและอุปกรณ์เย็บผ้าใดๆ มีแต่รูปแม่ซิ่วและป้ายคนตายบูชาอยู่
ซิ่วหลานกับฟ่งประคองอาหัว พ่อซิ่วที่เป็นต้อหิน ตาบอดเลือนรางมานั่ง เพกาตื่นเต้น คำนับอาหัวหลายครั้ง
“สวัสดีค่ะ ดีใจจริงๆ ได้พบช่างตัดกี่เพ้าฝีมือชั้นครู”
“เอ๊ะ”
“ดิฉันชื่อเพกาไม่ใช่เมย์ลี บังเอิญหน้าเหมือนกันค่ะ”
“ใช่จ้ะพ่อ”
อาหัวดูเป็นคนแก่ใจดี มีเมตตายิ้มรับคำชม
“พ่ออาซิ่วเลิกตัดกี่เพ้าแล้วหรือคะ ไม่เห็นมีจักร”
“ชุดโบตั๋นนั่นเป็นชุดสุดท้าย ตาผมไม่ค่อยดีเป็นต้อหิน เพราะรู้ว่าชุดของคุณเมย์ลีจะเป็นชุดสุดท้าย ผมจึงตั้งใจอย่างที่สุด”
“มิน่า กี่เพ้าชุดโบตั๋นจึงกลายเป็นกี่เพ้าที่สวยที่สุดของทศวรรษนี้ เอ๊ะ นั่นคงเป็นรูปของ...”
เพกาหันไปดูรูปอาหงที่วางอยู่บนโต๊ะ
“แม่ของซิ่วเองค่ะ”
อาหัวมีสีหน้าเศร้าเพราะคิดถึงเมียเก่าที่ตายจากไป ...“อาหง”
“นายหลี่เซียนเป็นทหารแดงที่แอบรักแม่ซิ่ว พอแม่แต่งงานกับพ่อมันก็เลยไล่ล่าพ่อ มันอ้างเหตุผลทางการเมืองเพื่อจะฆ่าพ่อแต่กลับพลาดไปโดนแม่ตาย”
“แล้วที่มาอยู่ที่ฮ่องกงนี่”
“มันไล่ล่าจนพ่อต้องปลอมตัวเป็นชาวประมงพาซิ่วหนีมาอยู่ที่เกาะแห่งนี้ พ่อไม่ได้ตัดกี่เพ้าอีกเลย จนคุณเมย์ลีมาขอให้ตัดให้”
อาหัวตกใจ เพิ่งรู้เรื่อง
“อาซิ่วทำอะไรน่ะ กี่เพ้าโบตั๋นทำไม นายหลี่ทำไมหรือ”
“ฉันอยากแก้แค้นตาหลี่เซียนจ้ะพ่อ มันเกลียดกี่เพ้านัก ฉันเลยให้มันไปเห็นว่า กี่เพ้าของพ่อได้รับการชื่นชมขนาดเอาไปจัดแสดงต่างประเทศ”
อาหัวตกใจมาก
“อาซิ่วอย่าผิดหวังนะคะ วันที่นายหลี่ไปดู กี่เพ้าทั้งหมดถูกส่งกลับฮ่องกงแล้ว”
ซิ่วหลานผิดหวังมาก จับปาก ร้องไห้
“โอว จริงหรือคะ โธ่”
อาหัวกอดซิ่วหลานร้องไห้ด้วยกันพ่อลูก
“ลูกพ่อ ขอบใจนะ ขอบใจมาก ลูกลืมความทุกข์ความโศกเศร้าในอดีตเสียเถิด ความเศร้าเปรียบเหมือนนก เราห้ามนกบินไปมาบนหัวเราไม่ได้ แต่เราห้ามนกไม่ให้ทำรังบนหัวเราได้”
“ฉันทำใจอย่างพ่อไม่ได้”
เพกากับฟ่งสะเทือนใจ
เพกาอยากช่วยให้ซิ่วหลานสมหวัง เพกาเปิดกระเป๋าหาพาสปอร์ต เธอเอาพาสปอร์ตติดกระเป๋ามาด้วยจึงพูดพลางชูพาสปอร์ต
“อาซิ่ว ฉันมีความคิดดี ๆ ค่ะ อาซิ่วกับพ่อมีนี่มั้ย”
เพกาคิดจะชวนซิ่วหลานและอาหัวไปหาหลี่ที่เมืองไทย ให้หลี่เห็นว่าช่างกี่เพ้าที่เคยไล่ล่า ยังมีชีวิตอยู่ งานฝีมือกี่เพ้าไม่ได้ตายไปจากโลก
ซิ่วมองอย่างงงๆ
กี่ เ พ้ า ตอนที่ 4 (ต่อ)
วันใหม่ เพกาในชุดเดินทางนั่งคุยกับลี่ผิง มีกระเป๋าเดินทางใบเล็กอยู่ข้างๆ
“เธอจะขอลาหยุด กลับเมืองไทยงั้นหรือ” ลี่ผิงถาม
หมิงเทียนกำลังเดินมาหาผิงก็ชะงักเท้า ยืนฟังอยู่
“ค่ะ ฉันมีธุระด่วนนิดหน่อย เดี๋ยวจะไปซื้อตั๋วแล้วไปเลยค่ะ”
“นี่แปลว่าเธอจะลาออกหรือ”
“ฉันรีบนิดหน่อยไปก่อนนะคะ ฝากกราบลาคุณเยี่ยด้วย”
เพกาคำนับลาลี่ผิง เพกาเดินมาและยิ้มให้หมิงเทียนที่ยืนมองอยู่
“ไปก่อนนะคะ” เพกาคำนับลาหมิงเทียน
หมิงเทียนช็อก ลี่ผิงถาม
“เกิดอะไรขึ้นน่ะหมิงเทียน ทำไมจู่ๆก็ไป เขาโกรธเรื่องเพ่ยเพ่ยวันนั้น หรือว่ากลัวอาเหว่ยจะฆ่าเอา มันยังไงกันแน่”
“ผู้หญิงบ้าท่าทางรีบร้อน ไม่มีแม้แต่คำลา ฮึ” หมิงเทียนว่าด้วยความน้อยใจ
“หมิงเทียนโกรธหรือลูก”
“เปล๊า พนักงานที่บริษัทลาออกบ่อย ๆ ใครอยากลาออกก็ออกไปซิ ทำไมต้องไปแคร์”
หมิงเทียนหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด ผิงมองอย่างงงๆ
เป่าหลินที่แอบฟังอยู่กระดี๊กระด๊าดีใจ รีบออกไปรายงานคุณนายรองกับหลินเพ่ยทันที
ภายในห้อง หลินเพ่ย เหม่ยอิงและเป่าหลิน หัวเราะร่าอย่างดีใจสุด ๆ ที่เพกาออกไปจากบ้านตระกูลเจ้าแล้ว
“ฮึๆ หมดเสี้ยนหนามซะที”
“เอ แต่ข้าวของของมันยังอยู่ในห้องดอกไม้ เป่าว่ามันต้องกลับมาค่ะ” เป่าหลินว่า
หลินเพ่ยอารมณ์บูดทันทีที่ได้ยิน เหม่ยอิงตบปากเป่าหลิน
“ปากพาเสียเรื่อง เพ่ยเพ่ย นังเพกาไม่กล้ามาเหยียบบ้านตระกูลเจ้าอีกแล้วล่ะ มันโดนคุณพ่อด่า โดนเราเอาเรื่อง โดนทั้งอาเหว่ย มันคงกลัวจัดรีบร้อนไป เลยเก็บข้าวของไม่หมด”
หลินเพ่ยสีหน้าเครียด อดวิตกกังวลไม่ได้
“ขอให้มันไปจริงๆเถอะ เพ่ยเพ่ยไม่อยากเห็นหน้ามันแม้แต่วันเดียว”
ในเวลากลางคืน วันเดียวกัน หมิงเทียนนอนไม่หลับจึงออกมาที่สวนโบตั๋นหลังบ้าน ดอกโบตั๋นสีชมพูบานสวยอยู่ในสวนของสุคนธา แต่หมิงเทียนกลับคิดถึงเพกา เมื่อเจอกันครั้งแรกที่สถาบันอาภรณ์แห่งเอเชีย
หมิงเทียนสลัดหัวไม่อยากคิดถึงเพกา แต่กลับคิดถึงในตอนที่หมิงเทียนแกล้งให้เพกากลัว หมิงเทียนเกือบหอมแก้ม แต่โดนเพกาศอกใส่
หมิงเทียนนึกถึงความน่ารัก แสบทรวงเพกา แล้วอมยิ้มจนเห็นลักยิ้ม พลันทันใด หมิงเทียนก็รู้สึกผิดต่อสุคนธา หมิงเทียนกำลังปันใจให้เพกา
หมิงเทียนพูดกับดอกโบตั๋น อันเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนสุคนธา
“ฉันขอโทษ เมย์ลี ฉันไม่ควรคิดถึงผู้หญิงคนนั้น เขาไปแล้วก็ดีแล้ว ผู้หญิงคนนั้นแค่ผ่านมาแล้วจากไป มันก็แค่นั้น”
มือถือหมิงเทียนดังขึ้น หมิงเทียนรับสาย
“ซิ่วหรือ เป็นไงบ้าง”
“ดิฉันอยากรบกวน ขอยืมกี่เพ้าชุดโบตั๋นหน่อยค่ะ”
“กี่เพ้าโบตั๋นหรือ จะเอาไปทำไม”
ล็อบบี้ของโรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เพกา แฮรี่ เดซี่ เที่ยวตามหาหลี่เซียน อดีตทหารแดง
“โหย เมื่อย ไปมากี่โรงแรมแล้วเนี่ย”
“เมื่อยส่วนไหนของร่างกายคะหัวหน้า ยัยพิ้งค์ขับรถ หัวหน้านั่งสบายตรงเบาะหลัง” เดซี่ถาม
“เมื่อยก้นย่ะ”
“ฮู้ย จะอวดว่าใช้ก้นเยอะ”
แฮรี่เขวี้ยงของใส่
“สู่รู้ ! พิ้งค์ เหลือโรงแรมนี้โรงแรมเดียวนะ”
“แน่ใจนะ ว่ามีแขกเข้าพักชื่อมิสเตอร์หลี่เซียน เพี้ยง .... ขอให้เจ้าที่เจ้าทาง ดลบันดาลให้ใช่ทีเถ๊อะ” เพกาว่า แฮรี่พยักหน้า
หลี่เซียนอดีตทหารแดงลงมาที่ล้อบบี้โรงแรมพอดี
“เอาพวงมาลัยมาไหว้เจ้าที่ด้วยล่ะพิ้งค์ คนนั้น” เดซี่บอกแล้วเหลือบไปเห็นก็ชี้บอกเพกา
หลี่เซียนจำแฮรี่กับเดซี่ได้ก็หน้าบึ้งตึงใส่เหมือนโกรธเกลียดแฮรี่ เดซี่มาแต่ชาติปางก่อน
แฮรี่อ้าปากจะทัก
“อ้า คุณ”
หลี่เซียนทำเมินเดินผ่านหน้าแฮรี่ไป แฮรี่ทำปากขมุบขมิบ ด่า
เพกาแม้จะรู้ว่าหลี่เซียนโหดร้ายฆ่าคนตาย แต่ก็เดินไปขวางไว้และมองอย่างไม่เป็นมิตร
“เดี๋ยวค่ะ พวกเรามาเชิญคุณไปที่สถาบันอาภรณ์แห่งเอเชียอีกครั้งค่ะ”
หลี่เซียนเดินหนีไม่อยากเสวนาด้วย เพกาเดินตามตื๊อ
“เพื่อนเก่าคุณต้องการพบ คุณจะไม่ไปพบเพื่อนเก่าคุณหน่อยหรือคะ”
หลี่เซียนไม่สนใจ
“เพื่อนเก่าจากเซี่ยงไฮ้ คุณไม่อยากพบเขาจริงหรือคะ”
คราวนี้หลี่เซียนหยุดฟังเพกาด้วยดวงหน้าดุถมึงทึง! แต่มีแววสงสัยใคร่รู้
เพกา แฮรี่ เดซี่ พาหลี่เซียนมาสถาบันอาภรณ์แห่งเอเชีย สีหน้าหลี่เซียนบ่งบอกถึงความไม่เต็มใจมา ซิ่วสวมชุดกี่เพ้าเดินประคองอาหัวออกมา อาหัวจำหลี่เซียนได้ทันที หลี่เซียนคุ้นหน้า
ซิ่วหลานจ้องหลี่เซียนด้วยความแค้น
“ในที่สุดก็ได้เจอฆาตกรที่ฆ่าแม่”
หลี่เซียนมองหน้าอาหัวอย่างครุ่นคิดรวมกับคำพูดของซิ่วหลานก็จำได้ หลี่เซียนอึ้ง ด้านหนึ่งแฮรี่และเดซี่ช่วยกันดึงผ้า กี่เพ้าโบตั๋นถูกใส่อยู่ในหุ่นสวยงาม
“สถาบันอาภรณ์แห่งเอเซียภูมิใจเสนอ กี่เพ้าที่สวยที่สุดในทศวรรษนี้ กี่เพ้าสีเลือดนกลายดอกโบตั๋นสีชมพู”
อาหัวบอก
“หลี่เซียน หลายปีที่พวกแกทำลายกี่เพ้า แต่เห็นไหม กี่เพ้ายังอยู่ยังงดงามผ่านกาลเวลา”
หลี่เซียนมองชุดกี่เพ้าที่หุ่นสวม
“ฉันมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้นนอกจากสัญลักษณ์ของศักดินา”
“แต่ฉันมองเห็น. เห็นทั้งที่ตากำลังจะบอด แกฆ่าคนที่แกรัก”
ภาพหลี่เซียนยิงอาหงเข้ามาในความทรงจำ หลี่เซียนเบือนหน้าหนีอย่างเจ็บปวด บาดแผลในใจลึกซึ้ง
“ความรู้สึกผิดติดตามหลอกหลอนเขายิ่งกว่าเรา ลูกเห็นไหม ซิ่ว เขาตกนรกทั้งเป็นมาตลอดชีวิต”
หลี่เซียนน้ำตาคลอ สีหน้ายากลำบากยิ่ง
“ฉันทำกี่เพ้าที่สวยที่สุดแล้ว ฉันนอนตายตาหลับ”
“ฉันทำให้กี่เพ้าของพ่อเป็นที่รู้จัก ฉันก็นอนตายตาหลับ แต่แก อาหลี่ แม้อยู่ในนรก ตาแกก็ยังปิดไม่สนิท”
หลี่เซียนน้ำตาไหลริน จากนั้นเขาก็ควบคุมความรู้สึกอยู่สองสามนาที แล้วกลับมาเป็นหลี่เซียนคนเดิม ด้วยนิสัยของความเป็นทหาร เขาเลิกเศร้า กลับมาประกาศจุดยืนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงและเป็นสิ่งที่ถูกต้องในสายตาของเขา
“ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น โลกนี้ สังคมนี้ มนุษย์ทุกคนต้องเท่าเทียมระบอบศักดินา ระบอบทุนนิยม ควรจะหมดไปเสียที”
หลี่เซียนเดินจากไป ด้วยท่วงท่าเข้มแข็งของทหารประธานเหมาเจ๋อตง
ซิ่วหลานและอาหัวยิ้มอย่างพอใจและจับมือกัน
“แค่นี้แหล่ะพ่อ แค่นี้เองที่ซิ่วต้องการ”
“เราชนะแล้วอาซิ่ว ความจริงที่ว่า คนอ่อนแอกว่าเอาชนะคนแข็งแรงกว่าได้ คนหยาบกระด้าง ต้องพ่ายแพ้แก่คนอ่อนโยน เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้แต่มักไม่มีใครทำตาม”
“แต่อาหัว อาซิ่ว ทำได้แล้วจริงๆค่ะ เหมือนอย่างที่ฉันบอกเสมอ กี่เพ้าชุดนี้คือสัญลักษณ์การไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา กี่เพ้าชุดนี้จะเป็นแรงบันดาลใจของทุกคนที่รู้จักมัน และเป็นแรงบันดาลใจของฉันตลอดไป” เพกาว่า
เพกาพยักหน้า แฮรี่เดซี่ยิ้ม ทุกคนมองไปที่กี่เพ้าชุดสวย
ภายในห้องเก็บตำรายาของคฤหาสน์ตระกูลเจ้า ลี่ผิงเดินเข้ามาเอาน้ำมันหอมระเหยจากในตู้ เมื่อมองไปก็เห็นเป่าหลินใช้ผ้าเช็ดตำรายาโบราณ ผิงตกใจมาก
“ตายแล้วนังเป่า”
เป่าหลินตกใจที่ลี่ผิงโวยวายเข้าไปตี
“แกทำอะไรลงไปรู้ไหม”
เป่าหลินตกใจ
“โอ๊ย คุณนายใหญ่ เป่าทำอะไรผิดคะ”
เวลาต่อมา ตำรายาโบราณสมบัติพ่อของเหวินเยี่ยถูกนำมาวางเรียงเพื่อทำความสะอาด ทุกเล่มวางบนผ้าขาว เจิ้นหลุนกับอี่เหวินใช้สำลีก้อนชุปแอลกอฮอล์ 95% เช็ดคราบสกปรก และฝุ่น โดยเช็ดเบา ๆ ทีละหน้า
“ตำรายาพวกนี้ ต้องเช็ดด้วยแอลกอฮอล์ ใครสั่งใครสอนให้แกใช้ผ้าธรรมดาเช็ดตำรายาหา”
“เป่าผิดไปแล้ว เป่าขอโทษค่ะ”
“เมื่อเช้า อาหารเช้าก็ตั้งไม่ทันเกือบไปประชุมสาย เฮ้อ ซิ่วไม่อยู่บ้านเราวุ่นวายไปหมด” อวี้เหลียนว่า
เหวินเยี่ยหันมามองดุ อวี้เหลียนหลบตาขอโทษ
“ที่จริงเรื่องของซิ่วก็น่าเห็นใจอยู่ คุณพี่คะ” ลี่ผิงบอก
“หยุดพูดได้แล้ว เพราะทำงานมานานนี่แหละ เขาถึงควรจะสำนึกในบุญคุณของเรา”
อี่เหวินกับเจิ้นหลุนมองหน้ากัน ทั้งตื่นเต้นและลุ้น มือก็ขยับทำงานไปด้วย
“อาซิ่วเป็นคนงานของเราตั้งแต่เด็ก ทำงานดีที่สุดกว่าจะฝึกคนแบบนี้ขึ้นมาได้...อืม เป็นไปได้ไหมครับที่จะลงโทษแค่ตัดเงินเดือน” จิ้นเจินว่า
อวี้เหลียนพยักหน้าเห็นด้วย
ทุกคนมองหน้าเหวินเยี่ยด้วยแววตาขอร้อง
“นี่ทุกคน”
“ความดีของอาซิ่วมีอยู่มาก หากคุณพี่ยกโทษให้ซิ่ว คนงานก็จะมีกำลังใจ”
ลี่ผิงบอก
เหวินเยี่ยสีหน้าเซ็งลุกขึ้นโวยวาย
“พอๆ ไม่ต้องพูดแล้ว ไปถามมัน ทำงานฟรีๆหกเดือน ถ้ามันยอมก็กลับมาได้ ถ้าไม่ยอมจะไปไหนก็ไป”
เยี่ยพูดเสร็จเดินออกไป อี่เหวิน เจิ้นหลุนยิ้มแทบกระโดดอย่างดีใจ จิ้นเจินกับอวี้เหลียนพอใจ ลี่ผิงถอนใจอย่างโล่งอก
หมิงเทียนยืนแอบฟังอยู่มุมหนึ่งก็มีสีหน้าดีใจเช่นกัน
วันใหม่ ที่บ้าน เพกากับพร้อมปรึกษา แทนไท ภุมรี ระหว่างทานอาหารเช้า
“เมื่อคืน อาซิ่วกับพ่อนอนที่บ้านญาติ แต่วันนี้เขาจะไปเที่ยวกับเรา เดี๋ยวเขาไปเจอเราที่สถาบันค่ะแม่”
พร้อมพยักหน้า
“เสียดาย ตอนบ่าย อาสองคนติดประชุม ไม่งั้นคงได้เจออาหัวคนทำกี่เพ้าชุดสวยชุดนั้น ฝากเที่ยวด้วยนะคุณพร้อม” ภุมรีบอก
พร้อมยิ้มและพยักหน้ารับ
“เห็นบอกพิ้งค์อยากคุยเรื่องวิญญาณเมย์ลี” แทนไทว่า
“วิญญาณเมย์ลีไม่เหมือนวิญญาณอื่นเลย เขาไม่เคยพูดกับพิ้งค์ด้วยซ้ำ ทุกอย่างพิ้งค์สัมผัสเขาด้วยความรู้สึก อืม... พิ้งค์เจอเขาน้อยมาก ทำไมล่ะคะ”
“การที่วิญญาณจะปรากฎตัว จะสื่อสารกับคนธรรมดาเป็นเรื่องยากมากนะ วิญญาณเมย์ลีไม่เหมือนวิญญาณแค้นทั้งหลาย เขาแค่ต้องการขอความช่วยเหลือ เขาจึงไม่สามารถปรากฏตัวบ่อยๆได้”
“พิ้งค์ก็เลยต้องตามจับฆาตกรอยู่คนเดียว”
“เป็นตำรวจหรือ นึกว่าภัณฑ์รักษ์” พร้อมว่า
“แหม แม่อ่ะ”
“แล้วที่หนูมาเมืองไทยนี่จะพาอาซิ่วกับพ่อมาเที่ยวหรือว่าจะลาออกเพราะถูกขู่ที่วัดหยวนหยวนล่ะ” พร้อมถาม
“บอกตรงๆนะคะ ถ้าพิ้งค์ไม่ได้กลับไปทำงานนี้ต่อ พิงค์คงฝันร้ายถึงคุณเมย์ลีไปชั่วชีวิต”
“เฮ้อ เรานี่มันจริงๆเลย ไม่ต้องมาอ้อนเลย ไป๊”
ทั้งหมดหัวเราะกัน
ที่สถาบันอาภรณ์แห่งเอเชีย เพกาเดินนำแฮรี่และเดซี่เข้ามา หมิงเทียนยืนข้างกี่เพ้าที่ยังโชว์อยู่ในตู้ ทันทีที่เห็นเพกาก็เดินเข้ามาด่าแบบไม่ยั้ง
“ซิ่วบอกแค่ว่าจะยืมกี่เพ้ามาให้พ่อ แต่สุดท้ายก็มาโผล่ที่นี่ ดีนะที่ฉันเอะใจ ตามสืบจนรู้เรื่อง ฮึ แม่คนเจ้ากี้เจ้าการพาซิ่วมาถึงที่นี่ หวังอะไรในชีวิตหา รางวัลโนเบลสันติภาพหรือไง”
แฮรี่พูดพลางชี้ที่แขนตัวเอง
“ซี้ด นี่ขนาดยืนห่างๆ ยังบาดมาโดนเป็นริ้ว ดูสิดู๊ ปากคออย่างกับกรรไกร”
“ฉันแค่ทำในสิ่งที่คิดว่าถูกต้อง แล้วคุณล่ะ คนที่บ้านนั้นอีกทำอะไรกันเป็นบ้าง นอกจากซุกปัญหาไว้ใต้พรม”
“อย่ามาใส่ร้ายครอบครัวผม คุณแม่และทุกคนช่วยกันพูด พ่อยอมยกโทษให้ซิ่วแล้ว ซิ่วถูกลงโทษแค่ตัดเงินเดือน”
ซิ่วหลานเดินเข้ามาได้ยินพอดี
“จริงหรือคะคุณชายรอง คุณเยี่ยยอมให้ซิ่วกลับไปทำงานแล้วจริงหรือคะ”
ซิ่วหลานดีใจ หมิงเทียนพยักหน้าตอบ
“อาซิ่ว ความดีไม่สิ้นสูญเห็นไหมลูก พ่อดีใจเหลือเกิน พ่อไม่อยากเป็นสาเหตุให้ลูกตกงาน ” อาหัวบอก
“ฉันบินมารับ ซิ่วกับพ่อกลับฮ่องกงกับฉันวันนี้เลยนะ”
“เอ้อ แล้วมารับแค่สองคนนี้หรือคะ แล้วเพกาเพื่อนฉันล่ะคะ” เดซี่ถาม
หมิงเทียนและเพกามองหน้ากันนิ่งอย่างวัดใจขึ้น ไม่มีใครพูดอะไร
“ต้องแล้วแต่เค้า ถ้าเค้าลาออกหาคนมาทำแทนด้วยเอาที่หาเรื่องน้อยๆหน่อยแล้วกัน แบบคนเดิมน่ะ ไม่เอา”
หมิงเทียนหันหนีเดินออกไปทันที เพราะเข้าใจไปเองว่า เพกาอยากลาออก เพกาหน้าเสีย โวยตามหลังทันที
“หนอย รีบไล่ฉันเลยนะ”
“คุณคะ ฝากพ่อฉันหน่อยนะคะ” ซิ่วหลานบอก
ซิ่วหลานคิดอะไรเล็กน้อยแล้วรีบเดินตามไป ทิ้งให้เพกาหน้างออยู่ตรงนั้น
ซิ่วหลานเดินตามหมิงเทียนมา
“คุณชายรองไม่ได้มารับฉันหรอก ฉันรู้”
“รถอยู่ตรงโน้น พักที่ไหนล่ะ รีบไปเก็บของสิ”
“คุณชายรู้อยู่แล้วว่า ซิ่วอยากกลับบ้านตระกูลเจ้า แค่โทรมาบอก ยังไงฉันก็กลับ แต่ที่มาเมืองไทยครั้งนี้เพราะอยากมาเจอคุณเพกาต่างหาก อยากรู้ว่าเขาคิดยังไง เขาจะลาออกจริงไหม”
“ถ้าพูดมากกว่านี้อีกคำเดียว ออกค่าเครื่องบินกลับเองแล้วกัน”
“คุณเพกายังอยากกลับไปทำงานค่ะ ที่รีบมาไม่ได้ลาเนี่ย เพราะกลัวว่านายหลี่จะกลับเมืองจีนไปก่อน”
ข้อมูลของซิ่วหลานทำให้หมิงเทียนรู้ความจริงแล้วอึ้งไป
อี่เหวินเดินมาหา ทักทายซิ่วหลานหน้าตายิ้มแย้ม
“มาเที่ยวเมืองไทยสนุกไปเลยนะเจ๊ เห็นรถตู้อยู่ตรงนั้น กำลังจะไปไหนกันหรือ”
ไจะพาพ่อไปหัวหินน่ะ ไปด้วยกันสิ ขับพาคุณชายรองไปด้วยกัน”
“หา คุณชายรองจะไปเที่ยวกับเขาหรือครับ”
หมิงเทียนยืนนิ่ง
“ไปด้วยกันนะคะ ไปคุยกับคุณเพกาซะ ไปเช้าเย็นกลับแค่นั้น ไม่เสียเวลาหรอกค่ะ”
หมิงเทียนถอนใจ ไปก็ไป
ทุกคนมาเที่ยวเพลินวานที่บรรยากาศโดยรอบจำลองข้าวของในอดีต ที่วางอยู่ตามร้านรวงต่างๆ ซิ่วหลานที่เล่าให้หมิงเทียนฟัง
“ตอนเล็กๆ พ่อเคยพาซิ่วมาอยู่กับญาติที่เมืองไทยหลายเดือน มาคราวนี้ ซิ่วบอกคุณพิ้งค์ว่า เมืองไทยเปลี่ยนไป ไม่เหมือนตอนที่ซิ่วมาตอนเป็นเด็กน่ะค่ะ คุณพิ้งค์ก็เลยพาซิ่วกับพ่อมาเที่ยวที่นี่ เพื่อให้เห็นว่าอดีตมีความงามในตัวเองอย่างไร”
ซิ่วหลานประคองพ่อเดินนำหมิงเทียนมา ตามด้วยเพกาและพร้อม เดซี่ แฮรี่ และอี่เหวินรั้งท้าย
หมิงเทียนหันมามองเพกาแล้วแขวะตามประสา
“ตัวตั้งตัวตีเหมือนเคยสินะ”
เพกาโดนเหน็บก็หน้างอ ลากแม่ไปต่อแถวท้ายแล้วดันแฮรี่ อี่เหวิน กับเดซี่ขึ้นมาแทน
“เอ้าจะไปไหนล่ะลูก”
“ไม่อยากหายใจร่วมกับคนที่ไม่ชอบหน้าเรา ฮึ ฉันกับแม่ไปเดินทางโน้นนะ เผื่อใครต่อใครแถวนี้จะได้ไม่ต้องอึดอัด”
เพกาลากพร้อมไป หมิงเทียนยิ้มๆออกมา อารมณ์ดีขึ้นหน่อยแล้วเดินตามไป
“เอ๊า คุณหมิงเทียนไม่เดินไปทางนี้หรือ ข้างบนมีโรงแรมด้วยนะ พักสักคืนไหม ผมพักเป็นเพื่อน” แฮรี่บอก
“ตายแล้วหมู่นี้ เอ้า กินน้ำดับกระหายก่อน ตกลงจะเปิดตัวแน่นอนแล้วใช่ไหม” เดซี่ว่า
แฮรี่ดื่มน้ำอย่างกระหายด้วยทำท่าซี้ดซ้าด แล้วเอาน้ำมาแปะหน้าดับร้อนสมดังที่เดซี่ทัก ดูท่าทางน่ากลัวขึ้นทุกที
แฮรี่ยักไหล่ ทำหน้าไม่สะทก ไม่แคร์ต่อเสียงแดกดันใดๆทั้งสิ้น
บริเวณมุมนั่งเล่น หมิงเทียนเดินมาหาเพกาที่กำลังซื้อขนมมาวางให้แม่กิน
“ขนมอะไรขอชิมหน่อยสิ” หมิงเทียนว่า
เพกาจิ้มถือขนมค้าง หมิงเทียนเดินมานั่งลงข้างๆ จับมือเพกาแล้วเอาใส่ปากตนทันที
“อืม อร่อยดี คุณแม่ลองสิครับ”
เพกาสะบัดมือสองสามทีกว่ามือหมิงเทียนจะออกจากมือตน
“เอ๊ะคุณนี่ ฉันอุตส่าห์อยู่ห่างๆแล้วนะ ยังตามมากวนประสาทกันอีก”
“คุณไม่อยากหายใจร่วมกับผม ก็เลยตามมาดูว่า ไอ้อากาศของคุณน่ะมันดีกว่าของผมตรงไหน”
หมิงเทียนเข้าไปใกล้อีก เอาหน้ามาแนบชิดประมาณจะหายใจอากาศเดียวกัน
“อืม อากาศของคนจนเป็นอย่างนี้นี่เอง”
เพกาผลักหมิงเทียน
“อี๊ ออกไป ออกไปนั่งไกลๆเลยนะ”
พร้อมอึ้งและอึดอัด
“เอ้อ แม่ไปทางโน้นดีกว่านะ คุยกันไปก่อน”
พร้อมเดินทำหน้าไม่ถูกออกไปเพราะเจอลูกจีบของหมิงเทียนซึ่งหน้า พร้อมเดินไปหาแฮรี่ เดซี่
กลุ่มของซิ่วหลานยืนเล่นของเล่นโบราณกันอย่างสนุกสนาน
พร้อมเดินกลับมาหาด้วยอาการงง อึ้ง พร้อมบ่นพึมพำ
“ทำไมไม่มีใครบอกแม่ ทำไมแม่ถึงไม่รู้เรื่องนี้นะ”
“อะไรคะคุณแม่” เดซี่ถาม
“ความสัมพันธ์ของสองคนนี้ ไม่ใช่เจ้านายกับลูกน้อง มันเลยเส้นแบ่งไปแล้วใช่ไหม”
พร้อมพูดตรงๆ จนคนอื่นหน้าจ๋อยไป ไม่มีใครกล้าตอบ
โปรดติดตาม "กี่เพ้า" ตอนที่ 5