กี่เพ้า ตอนที่ 8
วันถัดมา เวลากลางวัน บริเวณสวนหลังบ้าน อวี้เหลียนกำลังจะเผาชุดนอนของจิ้นเจิน เขาเข้าไปยื้อแย่งไฟแช็ก
“อย่าบ้าน่า”
“ฉันไม่อยากได้กลิ่นมัน เมื่อคืนคุณไปนอนกับมันด้วยเสื้อผ้าชุดนี้”
อวี้เหลียนจุดไฟเผาชุดนอน บริเวณนี้ต้นไม้เยอะ จิ้นเจินกลัวไฟไปติดต้นไม้ใบไม้
“โธ่เอ๊ย เดี๋ยวไฟก็ไหม้บ้าน”
จิ้นเจินใช้เท้ากระทืบผ้าเพื่อดับไฟ
มุมหนึ่งซึ่งห่างออกไป เพกาวิ่งจ็อกกิ้งออกกำลังกายเข้ามาก็ได้ยินเสียงจิ้นเจิน
“อยากตายนักหรอไง”
“เสียงคุณจิ้น คนซาดิสต์ทำร้ายเมียอีกแล้ว”
เพกาวิ่งไปดู
ภาพที่เพกาเห็นคือ เหลียนกำลังกรี๊ดๆ ด้วยกริยาเกร็งทั้งตัว มือทั้งสองตีแขนตัวเอง เพกาตกตะลึงมากไม่เคยเห็นมุมนี้ของเหลียนมาก่อน สีหน้าเศร้าสร้อยน่าสงสารแปรเปลี่ยนเป็น ดุดันถมึงทึง เหลียนเวลานี้ดูเหมือนคนโรคจิตมากกว่าคนปรกติ ดูน่าตกใจมาก
อวี้เหลียนตบหน้าตัวเองอย่างแรง
“แอร๊ย...คุณเกลียดฉัน คุณเกลียดฉัน นี่แน่ะ อยากทำแบบนี้กับฉันใช่ไหม ฉันทำให้คุณดูเลย ฉันทำเอง นี่นี่”
เพกาอึ้งที่เห็นอวี้เหลียนกำลังทำตัวเอง แทนที่จะถูกจิ้นเจินทำร้ายอย่างที่เธอเข้าใจ
“ช่วยหน่อยครับคุณพิ้งค์”
เพกาอ้อมมาทางด้านหลังแล้วจับตัวอวี้เหลียนไว้
“เรื่องผัวเมีย คนนอกอย่ายุ่ง” อวี้เหลียนโวยวายด่าเพกาแล้วตบหน้าตัวเองต่อ
“แอร๊ยๆ สะใจไหม สะใจไหม เอาแบบนี้ใช่ไหม”
เพกาหน้าเหวอ เมื่อประจักษ์แก่สาวตาว่า อวี้เหลียน ผู้สุภาพเรียบร้อย อ่อนแอ ถูกสามีรังแก มีด้านมืดของตัวเองที่ดุดันและก้าวร้าว
“มาสิครับ”
เพกาสะดุ้ง รีบเข้าไปกับจิ้นเจินเพื่อจับตัวอวี้เหลียนไม่ให้ทำร้ายตัวเอง อวี้เหลียนเริ่มร้องไห้ สะอื้นฮักด้วยความกดดันและร้องไห้คร่ำครวญ
“ฮือ ฉันรักคุณ ทำทุกอย่างเพื่อคุณ ทำไมทำกับฉันอย่างนี้ ไม่รักฉันแล้วหรือ ฮือ”
จิ้นเจินมีสีหน้าเบื่อเหนื่อยหน่ายมาก ไม่กอดและตอบเมียรัก เพกามองอวี้เหลียนอย่างพินิจพิเคราะห์ และคิดว่า
“ผู้หญิงคนนี้ภายนอกอ่อนแอ เปราะบาง แต่ภายในเก็บกด ก้าวร้าว รอวันระเบิดเข้าข่ายบุคลิกฆาตกร ที่สำคัญกำไลหยกเธอแตก”
เพกามองที่กำไลหยก
“หรือว่าเธอคือคนที่ฆ่าเมย์ลี”
ภายในห้องครัว ซิ่วหลานล้างจานชามด้วยน้ำเปล่าซึ่งเป็นน้ำสุดท้าย เพกาช่วยซิ่วหลานเช็ดจานที่ล้างแล้ว
“อาซิ่วคะ เมย์ลีเคยมีเรื่องกับคุณเหลียนมั้ยคะ”
“ไม่นี่คะ เธอสองคนมีนิสัยยอมคนทั้งคู่ ออกจะเห็นใจกันและกันมากกว่าค่ะ”
“คุณเหลียนเป็นโรคซึมเศร้าถึงขั้นทำร้ายตัวเอง มีคนรู้ไหมคะ”
“อืม พวกคนงานอย่างเราระแคะระคายแต่ไม่กล้ายุ่ง”
“ส่วนพวกตระกูลเจ้าก็ซุกปัญหาไว้ใต้พรมเหมือนเคย”
“คุณเหลียนกับคุณจิ้นชอบไปทะเลาะกันหลังบ้านเพื่อหลบคุณเยี่ย ส่วนคนอื่นๆ คงเห็นว่าเป็นเรื่องของสามีภรรยา”
“ฮึ คฤหาสน์ตระกูลเจ้ามีคนเป็นโรคจิตสองคน คุณเพ่ยเพ่ยกับคุณเหลียน มีคนถูกฆ่าตายโดยไม่รู้ตัวฆาตกรอีก 1คน เฮอะ เงินไม่ช่วยอะไรสินะ อ้อจริงสิ เมย์ลีเป็นคนสวย คุณเหลียนที่ขี้หึงมาก เคยหึงเมย์ลีไหมคะ"
ซิ่วหลานส่ายหน้า รู้สึกเป็นเรื่องเหลวไหล
“คิดอะไรแผลงๆ ขึ้นมาอีกล่ะคะ”
“โหย อาซิ่ว ว่าฉันเหมือนที่คุณหมิงเทียนชอบว่าเลย”
“ถ้าสงสัยว่าคุณเหลียนเป็นฆาตกรล่ะก็ คิดผิดแล้วค่ะ ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้าน คุณเหลียนไม่เคยทะเลาะกับใครนอกจากสามีตัวเอง เธออยู่ของเธอเงียบๆ”
“อาซิ่วไม่รู้อะไรซะแล้ว เวลาคลั่ง คุณเหลียนน่ากลัวพอกับคุณเพ่ยเพ่ยเลยนะ ฉันเห็นมากับตา”
“จริงหรือคะ”
“ค่ะ”
ซิ่วหลานอึ้งไปกับข้อมูลของเพกาเหมือนกัน
วันใหม่ที่เป็นวันหยุด ภายในพิพิธภัณฑ์ เพกากำลังจดช๊อตโน้ตใจความสำคัญจากหนังสือมาดามซ่ง ที่แฮรี่กับเดซี่ส่งมาจากเมืองไทย
จิ้นเจินเดินมาหาเพกา
“ขอโทษนะครับที่เข้ามารบกวน”
“มีอะไรเหรอคะ”
“รู้แล้วใช่มั้ยครับ ผมไม่ได้ทำร้ายภรรยาตัวเอง”
“ค่ะ ต้องขอโทษนะคะที่ต่อว่าคุณวันนั้น”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็พูดไม่ดีกับคุณพิ้งค์ต้องขอโทษด้วย นี่คุณพิ้งค์ซ่อมชุดมาดามซ่งไปถึงไหนแล้ว”
“ยังหาเส้นไหมได้ไม่ครบสี นี่กำลังคิดจะย้อมเอง แต่มันต้องใช้วัสดุจากธรรมชาติกับสมุนไพรบางตัว ว่าจะชวนอาซิ่วไปร้านขายยาจีนดูค่ะ”
“ซิ่วไม่ค่อยรู้หรอกครับ ต้องใช้คนที่โตมากับยาจีนอย่างผม ผมช่วยงานตระกูลเจ้าขายยาทุกอย่างมาตั้งแต่เรียนจบ ผมพอช่วยคุณพิ้งค์ได้ครับ"
พิ้งค์ดีใจอย่างมีความหวัง
ภายในร้านขายยาจีนที่ฮ่องกง มิสเตอร์โจวเจ้าของร้านกำลังดูคอมพิวเตอร์ โดยมีลูกน้องคอยจัดยาให้ลูกค้าอยู่ในเคาน์เตอร์ จิ้นเจินพาเพกาเดินเข้ามาในร้านแล้วทักทายโจวอย่างสนิทสนม
“ขยันจริงๆ เถ้าแก่ใหญ่”
มิสเตอร์โจวหันมามองแล้วทักทาย
“อ้าว คุณจิ้น สวัสดีครับ”
จิ้นเจินเดินเข้าไปหาแล้วยื่นมือไปเช็คแฮนด์
“คุณพิ้งค์นี่มิสเตอร์โจว เจ้าของร้านยาจีนที่ใหญ่ที่สุดในย่านนี้ครับ... มิสเตอร์โจวนี่คุณพิ้งค์ เพื่อนผมเองครับ”
โจวยื่นมือให้เพกาเช็คแฮนด์ ทั้งสองจับมือทักทายกัน
“คุณจิ้นมาถึงร้านผมนี่ คงไม่ได้แวะมาเที่ยวใช่มั้ย”
จิ้นเจินหัวเราะที่โจวรู้ทัน
“คุณพิ้งค์เธอกำลังหาสมุนไพรไปย้อมเส้นไหม ผมเลยนึกถึงคุณเป็นคนแรก ยังไงคุณช่วยแนะนำคุณด้วยนะครับ”
“ยินดีๆ มีอะไรบ้างครับคุณพิ้งค์”
เพกายื่นกระดาษรายการสมุนไพรเป็นภาษาอังกฤษ 4-5 ชื่อให้ โจวรับมาอ่าน
ในเวลาต่อมา จิ้นเจินพาเพกามาทานอาหารมื้อเที่ยงจำพวก หมูแดง เป็ดย่าง ระหว่างที่กำลังกินกันอยู่ จิ้นเจินแสดงความเป็นสุภาพบุรุษคีบอาหารให้เพกาอย่างคล่องแคล่ว
“ผมเห็นคนไทยมาที่ฮ่องกงต้องกินหมูแดง เป็ดย่าง หรือไม่ก็โจ๊ก รู้สึกคนไทยชอบเมนูพวกนี้นะครับ”
“ที่เมืองไทยมีร้านชื่อ โจ๊กฮ่องกง เป็ดย่างฮ่องกงเยอะมาก ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับฮ่องกงเลย"
จิ้นเจินหัวเราะ
“คุณเป็นคนมีอารมณ์ขัน ผมอยากให้ลองทุกอย่างแบบไม่ต้องกลัวอ้วนนะครับ”
จิ้นเจินในมาดสุภาพบุรุษบรรจงตักอาหารต่างๆ ทีละคำบนจานวางให้เพกาอย่างเอาใจ เพกามองตามแล้วบอก
“คุณเป็นคนไนซ์มาก สมควรอยู่ที่คุณเหลียนจะไม่สบายใจ”
“ขอบคุณครับ”
เสียงข้อความเข้ามาในมือถือ จิ้นเจินเปิดอ่านแล้วบอก
“คุณโจวที่ร้านขายยา เขาส่งข้อความมาบอกว่า เขาหาสมุนไพรให้ได้แล้ว แต่พวกวัสดุธรรมชาติต้องใช้เวลาหน่อย เมื่อรวบรวมได้แล้วจะเอาไปส่งให้ที่บ้านตระกูลเจ้า"
“ขอบคุณมากเลยค่ะ”
จิ้นเจินคีบอาหารให้เพกา แล้วลองแย้มถาม
“เห็นหมิงเทียนว่าคุณพิ้งค์หาไดอารี่ของเมย์ลีอยู่ เจอหรือยังครับ”
จิ้นเจินลุ้นคำตอบ เพกาเพ่งมองจิ้นเจิน ทั้งคู่ประสานสายตาที่เปลี่ยนเป็นระแวดระวังต่อกันในเวลานี้
“ยังค่ะ คุณจิ้นเคยเห็นผ่านตาบ้างมั้ยคะ”
จิ้นเจินนึกถึงอดีต ในเวลากลางวัน ที่สวนโบตั๋นเมื่อหลายปีก่อน วันนั้นเขาเดินมาเห็นเมย์ลีนั่งเขียนไดอารี่ จิ้นเจินไม่พอใจมาก โวยวายฉีกไดอารี่ทิ้งโดยมีอวี้เหลียนอยู่ด้วย
ภายในร้านอาหาร จิ้นเจินโกหกหน้าตายใส่เพกา
“ไม่เคยเห็นเลยครับ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำ เมย์ลีมีไดอารี่”
“ฉันว่าไดอารี่ยังอยู่ในบ้าน ตรงไหนซักแห่ง”
“ผมจะช่วยดู ๆ ให้ครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
เพกายิ้ม เริ่มรู้สึกดีกับจิ้นเจินเพราะเธอเชื่ออย่างสนิทใจว่า เขาไม่ใช่คนทำร้ายอวี้เหลียน
ในเวลาต่อมา เพกากับจิ้นเจินกลับมาจากข้างนอก เจออวี้เหลียนยืนตาขวางอยู่หน้าห้องอาหารด้วยความหึงหวง
“ไปไหนกันมา”
“ผมพาคุณพิ้งค์ไปธุระเรื่องงาน”
“งานคุณสองคนไม่เกี่ยวกันสักหน่อย”
เพกาดูออกว่าอวี้เหลียนหึงจึงรีบบอก
“คืออย่างนี้ค่ะ” เพายังไม่ทันพูดอะไรต่อ จิ้นเจินก็พูดขึ้น
“ไม่ต้องอธิบาย คนเราต้องอยู่ด้วยความเชื่อใจ ผมไม่ใช่เด็กๆ ถึงต้องมานั่งบอกทุกอย่างว่าไปทำอะไรมา”
“ใครทำให้ฉันเป็นแบบนี้ล่ะ ผู้หญิงเป็นบ้า เพราะผู้ชายมันเลว”
เพกาตกใจที่อวี้เหลียนถลึงตาใส่จิ้นเจิน ดูเป็นคนละคนกับที่เคยเห็น จิ้นเจินเดินเข้าไปใกล้ ทำเสียงดุอย่างไม่แยแส พลางส่งสายตาเยาะดูถูก
“แล้วทนได้ไหมล่ะ ทนไม่ได้ก็ไปเสียสิ ฮึ หรือว่าไม่มีทางไป”
จิ้นเจินด่าจนอวี้เหลียน ปิดปากร้องไห้อย่างคาดไม่ถึง น้ำตาไหล หมิงเทียนเดินเข้ามาจากทางห้องอาหารเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี
“มีเรื่องอะไรครับ น้าเหลียนเป็นอะไร”
อวี้เหลียนฟ้องหมิงเทียน
“ผู้หญิงไทยคนนี้ให้ท่าคุณจิ้น”
“เอ้ย”
“เหลียนระแวงไปเอง คุณพิ้งค์ไม่ได้ทำอะไร”
“หายไปกันสองคนทั้งวันยังบอกไม่ทำอะไรอีก คุณจิ้นไม่เคยนึกถึงหัวอกฉันเลย”
อวี้เหลียนปล่อยโฮอย่างอัดอั้น
“ขอโทษนะครับคุณพิ้งค์ มานี่ไปคุยกันที่ห้อง”
จิ้นเจินลากอวี้เหลียนไปทางบันได เพกามองอย่างงงๆ
เพกาบ่นพึมพำ
“เฮ้ย นี่คุณเหลียนจริงหรือ เปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน”
“ออกไปไหนกับน้าจิ้น” หมิงเทียนถามเสียงดุอย่างจับผิด
“คุณจิ้นพาฉันไปหาของมาย้อมเส้นไหมค่ะ”
“ทำไมไม่ขอให้ผมช่วย ดันไปหาสามีชาวบ้าน”
“คุณก็ว่าที่สามีคุณเพ่ยเพ่ย” เพกาพูดประชด
“นี่ เถียงกันด้วยเหตุผลเป็นมั้ย เอะอะก็ประชด คุณทำตัวไม่เหมาะสม ยังไม่ยอมรับผิดอีก”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรน่าเกลียดซะหน่อย”
“ดื้อ ทีหลังให้ผมพาไป ห้ามไปกับน้าจิ้น”
“ไปกับคุณจิ้นสบายใจกว่าค่ะ คุณจิ้นคุยสนุก ช่างเทคแคร์ผู้หญิง อยู่ใกล้ ๆ แล้วอบอุ่น”
“หลงเสน่ห์น้าจิ้นเข้าหรือไง”
“ฉันไม่มีแฟนมีสิทธิ์คลั่งไคล้ผู้ชายคนไหนก็ได้”
“รวมทั้งผู้ชายที่มีครอบครัวแล้วงั้นหรือ”
เพกาลอยหน้ากวนประสาทแล้วเดินไปทางบันได หมิงเทียนโกรธ
บ้านเพกาที่เมืองไทยในบรรยากาศเงียบเชียบ พร้อมนั่งกินข้าวคนเดียวตามลำพัง พร้อมมองรูปถ่ายเพกาแล้วคิดถึงลูกสาว ที่ห้องนั่งเล่น พร้อมโทร.หาเพกา ขณะที่เพกานั่งเขียนไดอารี่ด้วยอารมณ์ขุ่นเพราะถูกหมิงเทียนกล่าวหาว่าให้ท่าจิ้นเจิน
“วันนี้คุณหมิงเทียนไม่มีเหตุผลกับฉันอีกแล้ว ทั้งๆที่ฉันไม่ได้คิดอะไรกับคุณจิ้นเลย”
เสียงโทรศัพท์มือถือดัง เพกาดูเบอร์โชว์ ก็ดีใจรีบกดรับสายทันที
“สวัสดีค่ะแม่”
“งานใกล้เสร็จหรือยังพิ้งค์ แม่คิดถึงพิ้งค์มาก อยากให้พิ้งค์กลับบ้านซะที”
“ท่าจะอีกนานค่ะ ไม่มีคนช่วยแล้ว”
เพกาพูดบ่นให้แม่ฟัง
“วันนี้น้าชายคุณหมิงเทียนพาพิ้งค์ไปหาของมาย้อมไหมสีที่ขาดอยู่ คุณหมิงเทียนหาว่าพิ้งค์ทำตัวไม่เหมาะสม น้าชายเค้าแต่งงานแล้ว เฮ้อ คิดมากไปกันใหญ่”
“พิ้งค์ เวลาแม่ไปหาเพื่อนที่บ้าน แล้วเพื่อนไม่อยู่อยู่แต่สามี แม่จะรีบกลับทันที เรื่องแบบนี้ต้องระวัง เราไม่คิดแต่คนอื่นอาจมองไม่ดีได้ พิ้งค์ทำไม่ถูกนะลูก”
เพกาหน้าจ๋อยที่โดนแม่ว่า พร้อมพูดต่อ
กี่เพ้า ตอนที่ 8 (ต่อ)
“เรารู้ว่าเราบริสุทธิ์ใจ เราคิดแค่นี้ไม่พอ เราต้องดูแลจิตใจคนอื่นเขาด้วย”
“แหะ ก็จริง ไม่น่าปากไวประชดเค้าเลย ยัยปากพาจนเอ๊ย”
เพกาหน้าจ๋อยตีปากตัวเอง พร้อมยิ้มแล้วถาม
“แคร์เค้าขนาดนี้ ลูกสาวแม่มีใจให้เขาเข้าแล้วสิ”
เพกาเถียงคอเป็นเอ็นบอก
“ไม่ใช่นะคะ พิ้งค์กลัวเสียลุค คนบ้านนี้มองว่าพิ้งค์เป็นสาวมั่นยุคใหม่ไม่ต้องพึ่งผู้ชาย อยู่ ๆ ถูกมองว่าไปหลงรักสามีชาวบ้าน บั่นทอนภาพลักษณ์ดี ๆ ที่พิ้งค์อุตส่าห์สร้างสมมาค่ะแม่”
พร้อมขำคำแก้ตัวเพกา
“คุณหมิงเทียนบินมารับพิ้งค์ถึงเมืองไทยแสดงว่าเขาแคร์พิ้งค์มาก แม่ดีใจที่มีเขาคอยดูแลพิ้งค์แทนแม่ ไปปรับความเข้าใจกับเขาซะนะลูก อย่าให้แม่ต้องเป็นห่วงอยู่ทางนี้”
“ค่ะแม่”
เพการ้องเฮ้อด้วยความอ่อนใจและยอมรับผิด
วันหยุด ภายในห้อง หมิงเทียนหอบงานกลับมาทำที่บ้าน เขานั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน มือถือแฟ้มเอกสารกางอยู่ แต่ตาไม่ได้มอง สีหน้าเครียดเรื่องเพกากับจิ้นเจิน
ที่หน้าห้อง เพกามาตั้งใจจะปรับความเข้าใจกับหมิงเทียน แต่บอกกับตัวเองว่า
“เรามาขอโทษเพื่อไม่ให้แม่เป็นห่วง ไม่ได้แคร์เค้า”
เพกาจะเคาะประตูห้อง พลันนึกถึงตอนที่ประกาศตัดขาดหมิงเทียน
“ต่อไปนี้ ฉันจะไม่ไปไหนกับคุณอีก เอาเวลาที่ให้ฉันไปดูแลคุณเพ่ยเพ่ยเถอะค่ะ เธอเป็นคนที่ต้องการคุณ ไม่ใช่ฉัน”
เพกาคิดอย่างใช้สติมากขึ้นแล้วคิดในใจ
“ปรับความเข้าใจแล้วไง เรากับเค้าก็ไม่ได้ลงเอยกันอยู่ดี ใจเขามีแต่เมย์ลี ชีวิตเขาก็ต้องดูแลเพ่ยเพ่ย”
เพกาเปลี่ยนใจไม่ง้อและเดินกลับห้องตัวเองไป
ขณะที่ หมิงเทียนทำงานไม่ได้เพราะมีเรื่องเพกากวนใจ ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจปิดแฟ้มเอกสาร ลุกขึ้นเดินไปหา
“คุณเห็นทุกคนดีหมด แต่กับผมทำอะไรไม่เคยถูกใจคุณซักอย่างคุณพิ้งค์”
หมิงเทียนนึกน้อยใจเพกา
ภายในครัว ของกลางวันถัดมา เพกากับซิ่วหลานช่วยกันหาไดอารี่เมย์ลี เปิดดูทุกตู้ ทุกลิ้นชัก
“ซิ่วว่าในนี้ไม่มีไดอารี่หรอกค่ะ”
“คุณเมย์ลีชอบขลุกอยู่ในครัวอาจซ่อนไว้ในนี้ก็ได้”
“ทำไมเธอถึงต้องซ่อนคะ”
“พอทุกอย่างกระจ่างแล้ว ฉันจะบอกเหตุผลค่ะ”
เพกาและซิ่วหล่านเปิดตู้ค้นต่อ
อวี้เหลียนเดินเข้ามาจ้องเพกาตาขวาง เพกากลัวจนตัวลีบ ซิ่วหลานสังเกตด้วยความแปลกใจ
อวี้เหลียนมองสภาพห้องครัวที่บานตู้ทุกบานถูกเปิดออก เพกากำลังหาของบางอย่าง
“จะเอาอะไรคะคุณเหลียน” ซิ่วหลานถาม
“ฉันต้องกินยาหลังอาหารเที่ยง อาซิ่วทำโจ๊กหมู เอาขึ้นไปให้ฉันบนห้องทีนะ”
“ได้ค่ะ”
อวี้เหลียนเดินไป ซิ่วหลานถามเพกาทันที
“คุณเหลียนไม่พอใจอะไรคุณพิ้งค์คะ”
“หึงฉันกับคุณจิ้นค่ะ”
“อะไรๆ เธอก็ดีหมด เสียอย่างเดียวขี้หึงมาก สงสัยที่เครียดจนไม่สบายไม่ไปทำงาน เพราะหึงคุณพิ้งค์กับคุณจิ้น”
“ขี้หึงขนาดนี้ คุณเหลียนต้องเคยหึงเมย์ลีกับคุณจิ้น”
“เธอรู้ว่าคุณเมย์ลีรักกับคุณหมิงเทียนไม่หึงหรอกค่ะ”
“ก็ไม่แน่”
เพกามองตู้ที่เปิดออกหมดแล้วก็ถอนใจ
“เฮ้อ ค้นหมดทุกตู้แล้ว ไม่เจอแฮะอาซิ่ว”
เพกามีสีหน้าผิดหวัง
วันใหม่ เวลากลางวัน บริเวณหลังบ้าน มุมหนึ่งมีหม้อตั้งไฟต้มสีย้อมไหม บนโต๊ะมีวัสดุธรรมชาติที่ให้สี มีสมุนไพร มีเส้นไหมสีขาว มีโถแก้วไว้ใส่สีเหมือนนักวิทยาศาสตร์ เพกากำลังทดสอบหาสีที่ขาดอยู่จากความหลากหลายของวัสดุต่างๆ
เมื่อคืน เพกาสับครามอย่างละเอียดแล้วแช่น้ำค้างคืนทิ้งไว้ เพกานำหม้อครามตั้งเตาและใช้ไฟแรงต้มให้เดือด เพื่อใช้ครามย้อมเส้นไหม
“ซิ่วเห็นพ่อย้อมเส้นไหมมาตั้งแต่เด็กไม่เคยเห็นสีน้ำเงินแบบนี้” ซิ่วหลานบอก
“นี่สีครามค่ะ เป็นภูมิปัญญาย้อมเส้นไหมของไทย เดี๋ยวฉันจะลองใส่นั่นนี่เพิ่มลงไป เผื่อจะได้สีน้ำเงินแบบเดียวกับชุดมาดามซ่ง ของพวกนี้คุณจิ้นหามาให้นะคะเนี่ย"
ผ่านเวลา หม้อครามถูกต้มจนเดือด สีน้ำเงินในหม้อครามเข้มข้น เพกาละลายเกลือในน้ำแล้วเทน้ำเกลือลงผสมน้ำครามเดือดอยู่
“เกลือทำปฏิกิริยาให้สีติดเส้นไหมค่ะ”
เพกาคนน้ำเกลือให้เข้ากับน้ำคราม ลำดับต่อมา เพกานำเส้นไหมสีขาวลงย้อมในหม้อคราม จากนั้นก็ใช้ไม้ยกเส้นไหมขึ้นมาให้โดนอากาศ ขึงเส้นไหมให้ตึง จากนั้นแช่เส้นไหมในน้ำครามต่อ ทำซ้ำเช่นนี้หลายรอบ จนกระทั่งสีครามติดเส้นไหมเสมอกันทุกเส้น
เวลาต่อมา ภายในพิพิธภัณฑ์ เพกานำเส้นไหมสีครามที่ย้อมเสร็จและแห้งแล้วเทียบกับสีเส้นไหมของชุดมาดามซ่ง
“สีไม่เท่ากัน เซ็งเลย เฮ้อ หมดมุกแล้วนะเนี่ย”
เพกาสีหน้าเมื่อย เหนื่อยและผิดหวัง
บริเวณสวนโบตั๋นเพกาพักจิบกาแฟกินของว่างกับซิ่วหลาน เพกาวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะพลางถอนหายใจอย่างเซ็งๆ
“ไม่ได้ดั่งใจซักอย่าง หาไดอารี่คุณเมย์ลีก็ไม่เจอ ย้อมสีก็ไม่สำเร็จ”
“นักรบที่ลังเลออกศึกกี่ครั้งก็พ่ายแพ้ นักรบที่ท้อแท้ไม่ทันออกศึกก็แพ้ตั้งแต่หน้าประตูบ้าน อย่าท้อนะคะคุณพิ้งค์ พรุ่งนี้ลองใหม่”
ซิ่วหลานมองดอกโบตั๋นชูช่อสวย ซิ่วหลานเพิ่งนึกออก
วันหนึ่งในอดีต ซิ่วหลานเอาขนมมาให้เมย์ลีในห้องดอกไม้ เมย์ลีกำลังเขียนไดอารี่ เมย์ลียิ้มขอบคุณ เมย์ลีเก็บไดอารี่ใส่กล่องไม้สีขาว ฝากล่องเขียนลายดอกโบตั๋นสีชมพู ซึ่งกล่องใบนี้ หมิงเทียนสั่งทำกล่องเป็นพิเศษให้เมย์ลี
ซิ่วหลานมีสีหน้าตื่นเต้นจำได้
“นึกออกแล้วค่ะ คุณเมย์ลีเก็บไดอารี่ไว้ในกล่องไม้สีขาวค่ะ ฝากล่องเป็นลายดอกโบตั๋นสีชมพู”
“ไดอารี่อยู่ในกล่องลายดอกโบตั๋น ในห้องนอนไม่มี ห้องอื่นๆที่ไปค้นก็ไม่มี”
เพกาพยายามขบคิดว่า กล่องไม้ลายโบตั๋นน่าจะอยู่ที่ไหน เธอมองทอดสายตาไปยังสวนโบตั๋นของเมย์ลีเบื้องหน้าแล้วฉุกคิด ดีดนิ้วมืออย่างมั่นใจ
“เรื่องง่าย ๆ แค่นี้ ทำไมฉันคิดไม่ออกนะ คุณเมย์ลีรักสวนโบตั๋นที่สุด เธอต้องซ่อนไดอารี่ไว้ที่สวนโบตั๋นนี่ อาซิ่วไปหาอะไรมาให้ฉันขุดที”
ซิ่วหลานเดินเร็วๆถือพลั่วมา 2 อันเมื่อมาถึงศาลาก็ส่งให้เพกา 1 อัน แล้วถาม
“แล้วเราจะขุดตรงไหนดีล่ะคะ”
เพกามองไปรอบๆประเมิน
“ถ้าเราจะฝังอะไรสักอย่างก็ต้องมีจุดบ่งชี้...ใต้ต้นไม้นั้นค่ะ"
บริเวณใต้ต้นไม้ซิ่วหลานกับเพกากำลังใช้พลั่วช่วยเพกาขุดหากล่องไม้ใส่ไดอารี่ หลุมดินที่ขุดนั้นลึกพอสมควร แต่ยังไม่เจอกล่องเก็บไดอารี่
อวี้เหลียนเดินมาโวยด่าเพกา
“หยุดเดี๋ยวนี้ อย่าทำลายสวนโบตั๋นของเมย์ลี”
“คุณพิ้งค์กำลังหาไดอารี่คุณเมย์ลีค่ะ” ซิ่วหลานบอก
อวี้เหลียนสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้ว่า เพกากำลังตามหาไดอารี่เมย์ลีที่มีความลับดำมืดซ่อนอยู่ อวี้เหลียนตวาดต่อ
“อ้อ ที่เห็นค้นในครัวก็หาไดอารี่เมย์ลีสินะ ฉันว่า เธอกำลังหาเรื่องใส่ตัว”
“กลัวฉันเจอไดอารี่หรือคะ”
“เชื่อฉัน ปล่อยให้ทุกอย่างในไดอารี่ ตายไปกับเมย์ลี”
“พูดอย่างนี้แสดงว่าคุณรู้ คุณเมย์ลีบันทึกอะไรในไดอารี่ มันกระทบถึงคุณ คุณมีเรื่องกับคุณเมย์ลี ให้ฉันสันนิษฐานคุณหึงเมย์ลีกับคุณจิ้นแบบนี้หรือเปล่าคะ"
อวี้เหลียนอารมณ์เปลี่ยนอย่างฉับไวกลายเป็นความเศร้าขึ้นมาทันที
“นี่คุณจิ้นกับเมย์ลี คุณจิ้นเล่าให้ฟังว่ายังไงบ้าง เค้าชอบเมย์ลีตอนไหน”
ซิ่วหลานรีบบอก
“อย่าคิดไปเองสิคะคุณเหลียน คุณเมย์ลีกับคุณจิ้นไม่มีทางทำเรื่องบัดสี คุณพิงค์แค่ถามน่ะค่ะ”
อวี้เหลียนร้องไห้จนเซไป
“ฉันเจ็บปวดเหลือเกินอาซิ่ว”
“ขึ้นห้องเถอะค่ะ”
ซิ่วหลานพาอวี้เหลียนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นเข้าบ้านไป เพกาพึมพำ
“ผู้หญิงคนนี้ป่วยทางใจต้องไปให้จิตแพทย์รักษาแล้วนะนี่”
เพกามองหลุมที่ขุดพลางทุบแขนแล้วบ่นฮุบ
“คุณเมย์ลี คุณซ่อนมันไว้ที่ไหน”
เพกาทุบไปตามตัวเพราะความปวดเมื่อย
ในเวลาต่อมา เพกาเดินเลี้ยวไปยังห้องซาวน่าโดยไม่ได้สังเกตเงาของคนที่ทอดตัวอยู่บนผนัง
ภายในห้องอบ เพกานั่งอยู่คนเดียวด้วยท่าทางสบายๆ แล้วเธอก็ได้ยินเสียงคลิ๊ก ประตูห้องอบไอน้ำถูกล็อกจากด้านนอกด้วยบุคคลที่สวมถึงมือสีดำ
“ใครเล่นตลกอะไร คุณเพ่ยเพ่ย คุณใช่มั้ย” เพกาถาม
ไม่มีเสียงตอบจากคนข้างนอก เพกามองผ่านช่องหน้าต่างกระจกก็ไม่เห็นใครที่หน้าห้อง เธอเริ่มรู้สึกกลัวจนต้องเอาตัวดันประตู ทุบหน้าต่างกระจกเป็นการใหญ่พลางตะโกนร้องบอกคนข้างนอก แต่ไม่มีใครได้ยินเสียง!!
“ไม่สนุกนะคุณเพ่ยเพ่ย”
ผู้สวมถุงมือยาวสีดำนั้น เอื้อมมือไปหมุนเปิดปรับอุณหภูมิให้ร้อนขึ้น
ภายในห้อ เพการู้สึกได้ถึงอุณหภูมิความร้อนที่สูงขึ้นกว่าเดิม เธอยกฝ่ามืออังเครื่องทำความร้อนในห้อง ไอร้อนแผ่พวยพุ่งออกมาจนต้องชักมือหนี
“แกล้งกันเกินไปแล้ว คุณเพ่ยเพ่ยเปิด ฉันบอกให้เปิด”
เพกาทุบประตูห้องปังๆ
ไอน้ำพวยพุ่งออกมาจากท่อที่ฝังอยู่รอบห้องจนเพกาเริ่มรู้สึกอึดอัด อากาศในห้องมีน้อยลง เพกาทุบหน้าต่างกระจกแรง แต่เพราะบานกระจกหนาจึงไม่แตก ไม่ร้าว เพกากลับไปที่ประตูแล้วออกแรงดันชนเต็มที่ แต่บานประตูไม่ขยับ
มือคนร้ายหมุนปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นอีก
ภายในห้อง เพกาหน้าเริ่มแดง ร้อนวูบ ผิวตัวแดงก่ำเพราะความร้อน ไอน้ำฟุ้งทั่วห้องจนเริ่มหายใจไม่สะดวก
เพกาเอาหน้าแนบหน้าต่างกระจก ปากร้องตะโกน “ช่วยด้วย ช่วยด้วย “ จากนั้นไอน้ำก็บดบังใบหน้าเพกาจนมองไม่เห็น เพกาทรุดนั่งลงอย่างหมดแรงอยู่ตรงนั้น
ลมหายใจของเพกาเริ่มแน่นขึ้นทุกขณะ นัยน์ตาพร่าใกล้หมดสติ ก่อนล้มตัวลงบนนอนพื้นห้องซาวน่า
เพกาพร่ำเสียงพร่า
“เมย์ลี ช่วย...ด้วย ฉัน...ไม่อยากตายในนี้”
จู่ๆ ประตูห้องซาวน่าก็ถูกเปิดออก เพกาเรียกชื่อ “เมย์ลี”
เพกาพยายามปรือตามองก็เห็นเหลียนยืนหน้าห้อง
“อย่า”
เพการ้องอย่างหวาดกลัวเพราะคิดว่าอวี้เหลียนจะมาหมายมาดเอาชีวิต เพกาคลานหนีไปมุมห้อง
อวี้เหลียนเข้ามาในห้องซาวน่าได้ครึ่งก้าวก็สะดุ้งวาบกับความร้อนในห้อง อวี้เหลียนรีบออกไปปิดปุ่มเปิดอุณหภูมิและกลับเข้าห้องซาวน่าอีกครั้ง อวี้เหลียนจับข้อมือเพกาที่ไม่มีแรงขัดขืนเพราะสลบไป เพกาถูกอวี้เหลียนลากออกจากห้องซาวน่าในทันที
ภายในห้องรับแขกใหญ่ชั้นล่าง เพกาค่อย ๆ ลืมตาเห็นคนในบ้านยืนรายล้อมมองมา แต่พอเห็นหน้าอวี้เหลียน เพกาก็สะดุ้งพรวดลุกนั่งด้วยความกลัว
ลี่ผิงพูดปลอบเพกา
“ไม่ต้องกลัว เธอปลอดภัยแล้ว โชคดี เหลียนไปเจอเข้า”
“คุณเหลียนช่วยชีวิตฉัน” เพกาพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจมาก
“คุณเพกาไม่เป็นไรแล้ว ฉันขอตัวขึ้นข้างบนนะคะคุณพี่”
ลี่ผิงพยักหน้าอนุญาต อวี้เหลียนเดินออกไป เพการู้สึกสับสน มึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลางคิดหากอวี้เหลียนเป็นฆาตกร ทำไมถึงช่วยชีวิตเธอ
ลี่ผิงส่งถ้วยยาสมุนไพรให้เพกา
“ดื่มซะหน่อย หล่อฮั้งก้วยช่วยขับความร้อนออกจากร่างกาย”
เพกายกดื่ม
“ซิ่วไม่คิดเลยว่าอาเหว่ยจะเลวถึงขนาดนี้”
“นี่ถ้าคุณเหลียนไม่ไปหาคุณพิ้งค์ที่ห้องซาวน่า คุณพิ้งค์ต้องเป็นเหยื่อรายที่ 2
ของมัน" อี่เหวินบอก
“ฉันว่าฝีมือคุณเพ่ยเพ่ย” เพกาบอก
“คุณหนูเพ่ยเพ่ยกับคุณนายรองออกไปข้างนอกแต่เช้ายังไม่กลับครับ” เจิ้นหลุนบอก
เพกาอึ้งแล้วบอก
“คนทำต้องการฆ่าฉัน คราวนี้ไม่ใช่หนู แต่เป็นชีวิตฉัน”
ลี่ผิงตบไหล่ปลอบ
“ดื่มอีกจะได้หายใจสะดวก”
เพกาซดหล่อฮั้งก้วย
“ทีนี้ก็หายใจลึก ๆ ยาว ๆ”
เพกาทำตามคำแนะนำลี่ผิง
“หายใจคล่องขึ้นมั้ย”
“ค่ะ”
เพกายิ้มขอบคุณลี่ผิง
กี่เพ้า ตอนที่ 8 (ต่อ)
กลางคืนวันเดียวกัน เมื่อเพกาได้พักผ่อนมาสักพักใหญ่แล้วอาการก็ดีขึ้นมาก เพกาลุกมาเอนหลังอยู่บนเตียง ซิ่วหลานยื่นแก้วหล่ออั้งก้วยให้ เพกาส่ายหน้าไม่ยอมกิน
“พุงกางแล้วค่ะ”
“คุณนายใหญ่กำชับให้คุณพิ้งค์ดื่มหล่อฮั้งก้วยให้หมดหม้อ นี่ยังเหลืออีก 3 ถ้วยค่ะ”
“งั้นวางไว้ก่อนค่ะ เดี๋ยวค่อยทาน ขอบคุณนะคะ”
หมิงเทียนเดินพุ่งเข้ามาในห้องดอกไม้ด้วยสีหน้าเป็นห่วงเพกามาก
“อาอี่โทรไปบอกที่บริษัท คุณเป็นอะไรหรือเปล่า เนื้อพองตรงไหนมั้ย”
หมิงเทียนสำรวจเนื้อตัวและจับแขนเพกาดู
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
หมิงเทียนรู้สึกกลัวความสูญเสียเพกาอย่างจับใจ เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้น
“คุณรู้มั้ย ผม...” หมิงเทียนห่วงจนพูดไม่ออก
“ขอบคุณค่ะที่เป็นห่วง”
หมิงเทียนมองอยู่สักพักก็ลืมตัวดึงเพกาเข้ามากอดจนแน่น เพกาซาบซึ้ง ซิ่วหลานตกใจจนต้องเมินหน้าหนี
หมิงเทียนเมื่อปล่อยตัวเพกาแล้วก็หันมาโวยวายตำหนิซิ่วหลาน
“ผมฝากให้อาซิ่วดูแลคุณพิ้งค์ แต่อาซิ่วกลับทิ้งให้คุณพิ้งค์ตกอยู่ในอันตราย”
ซิ่วหลานหน้าเสีย
“ฉันไม่ใช่เด็กเล็ก ๆ อาซิ่วไม่จำเป็นต้องเฝ้าฉันทุกฝีก้าว แล้วฉันก็ไม่ชอบให้ใครคอยตามด้วยค่ะ ไม่เป็นส่วนตัว”
“อยู่ตามลำพังเปิดโอกาสให้เหว่ยมาทำร้ายได้”
“คนบ้านนี้ อะไร ๆ ก็โยนความผิดให้เหว่ย ฉันหกล้มทุกคนต้องหาว่าเหว่ยผลัก ฉันเป็นหวัดต้องหาว่าเหว่ยเอามาติด”
“ผมจะทำยังไงกับคุณดี”
หมิงเทียนเริ่มเซ็งๆกับเพกาที่พูดไม่รู้ฟังอีกแล้ว
วันใหม่ เวลากลางวัน เพกามาหาอวี้เหลียนที่ห้อง อวี้เหลียนกำลังกินยาและมองด้วยสายตาไม่เป็นมิตรกับเพกา
“มีอะไร”
“ฉันมาขอบคุณค่ะ ไม่ได้คุณเหลียนช่วย ฉันคงกลายเป็นผีเพกาไปซะแล้ว”
“แค่นี้ใช่มั้ย”
“เอ้อ คุณเหลียนไปเจอฉันที่ห้องซาวน่าได้ยังไงคะ”
อวี้เหลียนคิดนิดหนึ่งแล้วบอก
“อืม ที่จริงฉันตั้งใจจะไปที่สวนโบตั๋นน่ะค่ะ แต่เหมือนเห็นคุณแว่บๆก็เลยเดินตาม คิดอยากคุยกับคุณเรื่องคุณจิ้น”
อวี้เหวียนนึกย้อนถึงเหตุการณ์ก่อนไปเจอเพกาในห้องซาวน่า
ขณะที่อวี้เหลียนเดินออกไปจะออกไปข้างนอก ก็ปรากฏ วิญญาณเมย์ลีผ่านหลัง วูบหนึ่ง เงาของเมย์ลีเลี้ยวหายไปข้างเสา เหลียนเห็นด้วยหางตานึกว่าเป็นเพกา
“ฉันนึกอยากคุยกับคุณเรื่องคุณจิ้นก็เลยเดินตาม”
ทางเดินอีกมุม อวี้เหลียนเดินตามมองหา วิญญาณเมย์ลีหายเลี้ยวไปตามทาง อวี้เหลียนเดินตามจนถึงหน้าห้องซาวน่าแต่ไม่เห็นใคร เธอมองไปที่ประตูห้องซาวน่า เห็นเพกาอยู่ในห้องนั้นที่พยายามผวาขึ้นมาที่ประตูเฮือกหนึ่ง
“คุณพิ้งค์”
อวี้เหลียนตกใจวิ่งไปจัดการเปิดล็อกแล้วเข้าไปช่วยเพกา
“อืม มาคิดอีกที ที่ฉันเห็นตอนนั้นแวบๆ ใครอ่ะใส่ชุดกี่เพ้าสีแดงด้วย”
เพกายิ้มดีใจที่เมย์ลีมาช่วยเธอ
“เมย์ลี เมย์ลีมาช่วยชีวิตฉันไว้หรือนี่”
“อะไรนะคะ”
“เอ้อ เปล่าคะ แล้วเรื่องที่คุณจะมาคุย เรื่องอะไรคะ”
“ฉันจะขอร้องให้คุณเลิกยุ่งกับคุณจิ้น”
เพกามองอย่างเห็นใจอวี้เหลียน
“คุณเหลียนฉันกับคุณจิ้นไม่มีอะไรกัน ผู้หญิงอย่างเพกาไม่มีวันยุ่งกับสามีชาวบ้าน”
“แต่คุณจิ้นเป็นผู้ชายเจ้าเสน่ห์ ผู้หญิงคนไหนก็อยากอยู่ใกล้คุณจิ้น”
“เพื่อให้คุณสบายใจ ฉันจะเลี่ยงไม่ไปไหนกับคุณจิ้นอีก”
“คุณรับปากแล้วนะ”
“วันไหนคุณเห็นฉันออกไปกับคุณจิ้นเอาปืนมายิงฉันได้เลยค่ะ”
อวี้เหลียนมองหน้าเพกาแล้วคิด
“ฉันจะยอมเชื่อคุณ”
อวี้เหลียนที่สีหน้าเศร้าเริ่มยิ้มออก เพกายิ้มให้อวี้เหลียนเพื่อแสดงความจริงใจ
“เพกา วันนี้คุณเหลียนช่วยชีวิตเรา ถ้าเขาปองร้ายเราเขาจะช่วยเราทำไม คุณเหลียนไม่ใช่ฆาตกรฆ่าเมย์ลี” ความคิดของเพกาบอกอย่างนั้น
เพกานั่งมองอวี้เหลียนอย่างสงสาร
ในเวลาต่อมาที่ห้องคอลโทรล อี่เหวินเพลย์เทปจากกล้องวงจรปิด และดูจากคอมพิวเตอร์ บริเวณตรงทางเดินไปห้องซาวน่า เห็นแต่เพกาเดินไปแต่ไม่ปรากฎว่ามีใครตาม
“เห็นมั้ยไม่เห็นมีอาเหว่ยตรงไหนเลย”
“ดูภาพจากกล้องอีกตัว” หมิงเทียนบอก
“ทางเดินไปห้องซาวน่าติดกล้องตัวเดียวครับ” เจิ้นหลุนบอก
“ทางเข้าห้องซาวน่ามีทางเดียว เหว่ยหลุดรอดไปได้ยังไง”
“ไม่มีเหว่ยไม่มีใครเลย”
“แต่ฉันได้ยินเสียงคนล็อกประตูจากด้านนอก”
หมิงเทียนเริ่มคิดถึงการส่งเพกากลับเมืองไทยเพื่อความปลอดภัย
“บ้านนี้ไม่ปลอดภัยอาจถึงเวลาที่เราต้องทำบางอย่าง”
หมิงเทียนมองหน้าเพกาคิดอยู่พักหนึ่ง
“มองหน้าฉันทำไมคะ”
“พรุ่งนี้ไปเที่ยวกัน”
“หา เที่ยวหรือคะ”
หมิงเทียนมองหน้าเพกาด้วยแววเศร้า
วันใหม่ หมิงเทียนพาเพกามานั่ง บิ๊ก-บัส (Big Bus) เที่ยวชมรอบเกาะฮ่องกง เพกาไม่รู้เรื่องว่าหมิงเทียนจะบอกลา นึกว่ามาเที่ยวกันตามปรกติ
รถแล่นชมเกาะฮ่องกง เพการ่าเริงมากย้ายไปนั่งแถวหน้าเพื่อถ่ายรูปตึกทรงแปลก ๆ หมิงเทียนมองเพกาอย่างอาลัยอาวรณ์สีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้า พอเพกาหันมาหาเขาก็ฝืนยิ้มให้ เธอกวักมือเรียกเขาไปนั่งด้วย หมิงเทียนย้ายไปนั่งข้างเพกาและช่วยถ่ายรูปให้
“ดูตึกนั่นสิ สังเกตรูปทรงของตึกนะ ตึกแต่ละตึกที่ตั้งประจันหน้ากันมักจะออกแบบเป็นฮวงจุ้ย เอาไว้สู้กัน ข่มกันแบบไม่มีใครยอมใคร”
อาคารแบงก์ออฟไชน่าและอาคารโดยรอบที่มีลักษณะเป็นอาวุธในบริเวณนั้น หมิงเทียนอธิบายเรื่องฮ่องกงกับเพกาและชี้ชวนให้ดูวิว เพกาเพลิดเพลินถ่ายรูป
“โน่นอาคารรูปดาบ แบงก์ ออฟ ไชน่า (Bank of China) บางตึกก็มีปืนใหญ่ บางตึกใช้กระจก บางตึกใช้ความสูง อยู่ในฮ่องกงคุณต้องอยู่กับสิ่งเหล่านี้ ก้อนหิน น้ำพุ กระเบื้องที่พื้น สัญลักษณ์ต่างๆ ล้วนมีความหมายของมัน”
รถแล่น...เพกาเดินโคลง หมิงเทียนประคองเธอเดินมานั่งที่เดิม เขานั่งจับมือเธอพลางส่งสายตาอย่างเว้าวอน ที่สุดเธอใจอ่อนให้เขานั่งกุมมือไปตลอดทาง เพกามีความสุข สีหน้ามีแววเขินๆ ได้ออกมาเที่ยวกับหมิงเทียน ขณะที่เขาสุขปนเศร้าเพราะอีกไม่นานเธอต้องจากเขาไป
เพกาเพลิดเพลินเดินถ่ายรูปเล่น อยู่ในฮ่องกงปาร์ค
“ที่นี่เรียกว่าอะไรคะ”
“ฮ่องกงปาร์คตรงนั้นมีพิพิธภัณฑ์ชาด้วย ตึกส่วนใหญ่ที่นี่เป็นตึกเก่ายุคที่ฮ่องกงเป็นอาณานิคม เป็นที่ตั้งของค่ายทหารอังกฤษเมื่อก่อนนี้”
“เป็นสวนสวยกลางตึกสูงที่โดดเด่นมากเลยค่ะ ฮ่องกงออกแบบผังเมืองได้ดีมาก”
ทั้งสองคนเพลิดเพลินไปบรรยากาศรายรอบ อาทิ ดอกไม้ ปลา เต่า มุมสวยงามของสวน
เพกาเห็นตึกสีเหลืองสวย เป็นตึกแมริเอจ รีจิสตรี (Mariage Registry) หมิงเทียนเดินมาถึงก็ชะงัก
“ไปถ่ายรูปให้ฉันหน้าตึกนั้นทีค่ะ สวยดี”
เพกาโบกมือเรียกหมิงเทียน เขาไม่มาตามที่เธอเรียกแต่กลับหันหน้าเดินหนีไป เพกามองอย่างงงๆ
หมิงเทียนเดินมานั่งหน้าเศร้า เพกาวิ่งกลับมาหา
“หลายปีมานี้ผมพยายามเลี่ยงไม่ผ่านแถวนี้” หมิงเทียนบอก
“เพราะอะไรคะ”
หมิงเทียนเงียบไปไม่อยากพูดถึงอดีต เพกาตั้งตารอฟังด้วยความอยากรู้ เธอรู้ว่า การที่เขาเงียบไปนานแบบนี้ต้องเป็นเรื่องสำคัญ เพกาทวงถาม
“คุณหมิงเทียน”
หมิงเทียนตัดสินใจเล่า
“ตึกนั้นเป็นที่จดทะเบียนสมรส วันที่ผมกลับจากอเมริกา ผมนัดเมย์ลีแถวนั้น เราจะจดทะเบียนสมรสกัน ผมมองไปที่ทางเดินหวังจะเห็นเขาใส่กี่เพ้าโบตั๋นเดินเข้ามา แต่ เมย์ลีก็ไม่มา ผมรออยู่ครึ่งวันถึงกลับบ้าน และรู้ว่า เมย์ลีตาย”
วันนั้นหมิงเทียนในชุดสูททางการ มือถือช่อดอกไม้เจ้าสาวนั่งรอ ยืนรออยู่ตามมุมต่างๆ บางขณะมองเวลา บางคราวมองทางเดิน ใบหน้าที่สดชื่นสมหวังเริ่มเศร้าลงทุกขณะ
เพกาเอามือไปจับหมิงเทียนและเดินออกไปด้วยกัน
“คุณต้องไปค่ะ”
เพกาจูงหมิงเทียนเดินมาหน้าตึก หมิงเทียนยังก้มหน้า
“ไม่กล้าสู้ความจริงก็ต้องจมอยู่กับความเจ็บปวดนะคะ คุณต้องเผชิญหน้ากับอดีตเพื่อวันนี้ พรุ่งนี้คุณจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข คุณเมย์ลีรักคุณ เธอไม่ต้องการให้คุณทนทุกข์อยู่อย่างนี้หรอกค่ะ ฉันเองก็เหมือนกัน”
หมิงเทียนมองหน้า เพกากลัวว่า นั่นคือประโยคสารภาพรักก็รีบปฏิเสธ
“เอ่อ อย่าเข้าใจผิดนะคะ ฉันแค่เป็นห่วงคุณก็เท่านั้นเอง”
หมิงเทียนมองอย่างซาบซึ้ง ถึงเพกาไม่บอกว่ารักแต่ก็แสดงความเป็นห่วงอย่างจริงใจ เขาตัดสินใจหันไปมองบริเวณที่เขาเคยมารอสุคนธาด้วยสีหน้าสลดอมทุกข์ มองได้ไม่นานก็ต้องเบือนหน้าจากบริเวณนั้นและเดินออกไปทันที เพกามองตามอย่างเข้าใจ
“สิ่งที่คุณเจอเลวร้ายมากเริ่มต้นได้แค่นี้ก็ดีแล้วค่ะ”
เพกายิ้มให้กำลังใจหมิงเทียน
กี่เพ้า ตอนที่ 8 (ต่อ)
ทั้งสองคนเดินถ่ายรูปเล่นจนเมื่อย หมิงเทียนมองเพกาด้วยสายตาละห้อย อาลัยอาวรณ์โหยหาไม่อยากจากกัน
“ตามสบายค่ะ ตอนนี้ฉันอารมณ์ดี อยากมองก็มองไปไม่จับเวลา”
หมิงเทียนยื่นซองให้เพกาแล้วบอก
“ข้างในเป็นตั๋วเครื่องบินกลับเมืองไทย ผมไม่ลงวันเดินทาง คุณจะกลับเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าถามผม ผมแนะนำให้คุณกลับเร็วที่สุด”
เพกาหน้าเหวอที่อยู่ ๆ ก็โดนไล่
“นี่คุณไล่ฉัน”
เพกาโกรธจนต้องลุกหนี หมิงเทียนลุกตามดึงแขนเพกามาสวมกอดแน่นด้วยความอาลัย
“โปรดอย่าเข้าใจผมผิด ผมไม่ได้ให้คุณไปเพราะไม่ชอบคุณ ผมทำไป เพราะผม...ผม”
หมิงเทียนยังคงปากหนักไม่สารภาพว่ารัก เพกามองเขาด้วยแววตางุนงงสับสน เขาเคยบินไปตามเธอมาจากเมืองไทย แต่วันนี้เขาไล่เธอกลับเมืองไทย หมิงเทียนบรรจงจูบหน้าผากเพกาอย่างแผ่วเบา
“ผมจะคิดถึงคุณตลอดไปครับ”
เพกาผลักหมิงเทียนออก
“เห็นฉันเป็นตัวอะไร อยากให้กลับมาก็บินไปง้อถึงเมืองไทย พอไม่พอใจก็ไล่ส่ง”
“เชื่อผมเถอะครับ นี่เป็นสิ่งสุดท้ายในโลกที่ผมอยากทำ ช่วยคิดให้ดี คุณไม่ควรอยู่ที่นี่ ที่ที่มีแต่อันตราย”
หมิงเทียนอาลัยจะกอดเพกาอีกครั้งแต่เธอเบี่ยงตัวหนี
“ผมเข้าใจที่คุณโกรธ ผมเองก็เสียใจ เสียใจมาก”
ขณะที่เขาเศร้ามาก แต่เธอกลับน้อยใจที่โดนตัดรอน
“ผมไปรอที่รถนะครับ”
หมิงเทียนเดินเศร้าจากไป เพกานั่งน้ำตาซึมอย่างหมดแรง
“คนบ้า ที่ฉันต้องการคือให้คุณอยู่ข้างฉัน เชื่อใจฉัน ถ้าแม้แต่คุณยังไม่เชื่อ แล้วฉันจะทำต่อไปได้ยังไง ที่ฉันทำอยู่เนี่ย ฉันก็เหนื่อย ฉันก็กลัวเป็นนะคุณ”
เพกานั่งร้องไห้ในที่สุด
ในเวลาต่อมา เพกาฮึดฮัดเข้ามาในห้องดอกไม้ พอนั่งลงภาพอดีตต่างๆระหว่างเขากับเธอก็เข้ามา
หมิงเทียนกับเพกาเจอกันครั้งแรก เมื่อตอนที่เพกาอธิบายให้เด็กฟังที่สถาบันอาภรณ์แห่งเอเชีย
ภายในห้องเก็บของในห้องทำงานเพกาที่สถาบันฯ เพกาใช้ไม้ตีหัวหมิงเทียนนึกว่าขโมย
ห้องพักของโรงแรม เพกามาขอร้องหมิงเทียนเพื่อจะจัดการแสดงนิทรรศการกี่เพ้าต่อ
ที่คฤหาสน์ตระกูลเจ้า หมิงเทียนหลอกเพกาให้กลัว และเพกาอยู่ในอ้อมกอด
ห้องดอกไม้ หมิงเทียนเอาผ้าห่อน้ำแข็งประคบแก้มเพกาที่ถูกตบ
ห้องดอกไม้ หมิงเทียนเอากี่เพ้าอดีตมาให้ซ่อม “เราจะซ่อมอดีตด้วยกัน”
บริเวณวิคตอเรีย พีค หมิงเทียนเอาเสื้อคลุมห่มให้เพกาเพื่อแก้หนาวและโอบไว้
ห้องดอกไม้ หมิงเทียนนอนถอดเสื้อมานอนเตียงเดียวกับเพกา
หมิงเทียนให้กำไลหยกที่ริมอ่าวฮ่องกง
สองคนดูไลต์ แอนด์ ซาวนด์
ทั้งคู่ซื้อของกินเครื่องในที่ฮ่องกง
ที่เลดี้ มาร์เกต ทั้งคู่ช่วยกันต่อราคา
กี่เพ้า ตอนที่ 8 (ต่อ)
น้ำตาเพกาไหลพรากกดโทรศัพท์มือถือหาพร้อม เสียงร้องไห้สะอื้นของเพกาแว่วมาตามสาย
“แม่”
พร้อมรีบวางมือจากเสื้อผ้าในร้านด้วยความตกใจมาก
“ร้องไห้ทำไมลูก เกิดอะไรขึ้น”
“เขาไล่พิ้งค์ คุณหมิงเทียนเขาไล่พิ้งค์กลับเมืองไทย”
“เขาโทรหาแม่เรื่องที่ห้องซาวน่าแล้ว”
“ในหัวพิ้งค์ตอนนี้มันมีแต่ภาพเราสองคน เรื่องราวที่เราผ่านมาด้วยกัน ภาพพวกนั้นพิ้งค์จดจำได้หมดเลยค่ะแม่”
“โธ่ ลูก” พร้อมพูดอย่างสงสาร
“บางครั้งเขาทำเหมือน พิ้งค์มีความสำคัญแล้วทำไมวันนี้เขาถึงไล่พิ้งค์”
“เขาไล่ลูกกลับกรุงเทพ แต่เขาไม่ได้บอกว่าเกลียดลูกนี่นา”
“แต่เขาไม่อยากเจอพิ้งค์อีก เขาไม่อยากเจอพิ้งค์อีกแล้วใช่ไหมคะ”
“เขาพูดอย่างนั้นหรือ กรุงเทพ ฮ่องกงน่ะใกล้นิดเดียวเอง เขามาเจอลูกเมื่อไหร่ก็ได้”
“ไม่จริงหรอก พิ้งค์เป็นแค่ตัวแทนของเมย์ลี พิ้งค์ไม่เคยมีความสำคัญ...ฮือ”
“พิงค์ ทำไมร้องไห้ขนาดนี้ ลูกรักเขาใช่ไหม”
“ไม่ ไม่ใช่ แม่เข้าใจผิดแล้วค่ะ เขาเป็นผู้ชายที่มีแต่ปัญหา เขามีทั้งเมย์ลี มีทั้งเพ่ยเพ่ย เรารักกันไม่ได้ ฮือๆๆ”
พร้อมเห็นใจเพกามาก และปล่อยให้เพการ้องไห้ระบายความอัดอั้นตันใจ
กลางวัน วันถัดมา ภายในห้องโถงตระกูลเจ้า อาหัวใช้นิ้วลูบลายบนผ้าปัก ฝีมือลี่ผิง
“ที่คุณนายใหญ่ปักละเอียดมากครับ”
“ช่างตัดกี่เพ้าอันดับ 1 ชมฉัน ดีใจนะนี่” ลี่ผิงกล่าวชม
“ผมไม่เคยมองตัวเองว่ามีชื่อเสียง โบราณว่าเก่งกาจ จงอย่าโอ้อวดสูงส่ง จงอย่าเหย่อหยิ่ง ชนะจงอย่าลำพองปราดเปรื่อง แต่จงรู้จักลงเวที ผมลงจากเวทีเลิกตัดกี่เพ้ามาหลายปีแล้วครับ” อาหัวบอก
“คุณนายใหญ่คะ เดี๋ยวซิ่วขอพาพ่อไปหาหมอตานะคะ” ซิ่วหลานว่า
“เอารถที่บ้านไปสิ”
“พ่อซิ่วเหมารถมาจากหมู่บ้านค่ะ จอดรออยู่ แวะมารับซิ่วก่อน”
ภายในพิพิธภัณฑ์ เพกากำลังปักซ่อมรอยขาดบนชุดกี่เพ้ามาดามซ่งด้วยอารมณ์หงุดหงิดจนต้องเลาะเส้นไหมออก วันนี้ทั้งวันปักไม่ได้อย่างใจ ซิ่วหลานประคองอาหัวเข้ามา
“อาหัวมาทำอะไรคะ”
“หมอนัดพ่อซิ่วมาตรวจดวงตาค่ะ พ่ออยากมาทักทายคุณพิ้งค์”
“เวลาหงุดหงิดอย่าปักผ้าครับ เราต้องปักด้วยความรักงานถึงจะออกมาดี”
“ถ้าเรากำลังเสียใจเศร้าใจแล้วต้องปักผ้าล่ะคะ”
เพกานึกถึงตอนคุยกับแม่ทางโทรศัพท์เมื่อวาน
“ไม่จริงหรอก หนูเป็นแค่ตัวแทนของเมย์ลี หนูไม่เคยมีความสำคัญ ฮือ”
“พิ้งค์ ทำไมร้องไห้ขนาดนี้ พิ้งค์ หนูรักเขาใช่ไหม”
“ไม่ ไม่ใช่ แม่เข้าใจผิดแล้วค่ะ เขาเป็นผู้ชายที่มีแต่ปัญหา เขามีทั้งเมย์ลี มีทั้งเพ่ยเพ่ย เรารักกันไม่ได้ ฮือๆๆ”
อาหัวสอนเพกา
“เมื่อเสียหลักก็ต้องหลบอย่างฉลาด เมื่อพลั้งพลาดต้องรู้หลีกใส่ปีกหาง ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำคลำหาทาง จึงจะย่างสู่จุดหมายเมื่อปลายมือ”
“อาหัวบอกให้ฉันค่อย ๆ ปักอย่างช้า ๆ ใช่มั้ยคะ”
อาหัวยิ้มพยักหน้า
เพกาลดความเร็วในการทำงานจรดเข็มปักเส้นไหมให้ช้าลง
“การค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ทำช่วยให้มีสมาธิ เวลามีสมาธิ สติก็กลับมา จดจ่ออยู่ที่งาน”
เพกาเริ่มสงบลงมีสติมากขึ้น
ภายในห้องอาหารตระกูลเจ้า ทุกคนนั่งรอตามเวลาอาหารเย็น เหวินเยี่ยยังไม่มา หลินเพ่ยกับเหม่ยอิงมานั่งลงด้วยสีหน้าระรื่นและมองเพกาที่นั่งก่อนแล้ว
“เหว่ยร้ายกาจมากหาทางเข้ามาฆ่าเธอจนได้ หนนี้เธอรอดหวุดหวิด คราวหน้าเหว่ยต้องสรรหาวิธีใหม่ๆมาฆ่าเธออีก” หลินเพ่ยว่า
หมิงเทียนส่งเสียงดุปราม
“เพ่ยเพ่ย”
เหม่ยอิงยิ้มเยาะแล้วบอก
“เพ่ยเพ่ยหวังดี พูดเตือนเพกาไว้ก่อนค่ะคุณชายรอง”
“เตือนหรือแช่ง” ลี่ผิงว่า
“ลูกสาวฉันเป็นคนจิตใจดี ไม่แช่งให้ใครตายหรอกค่ะคุณนายใหญ่”
ลี่ผิงเหยียดยิ้มตรเหม่ยอิงหมั่นไส้อยากด่าคุณนายใหญ่
“พรุ่งนี้ผมพาไปไหว้พระสะเดาะเคราะห์นะครับคุณพิ้งค์” จิ้นเจินรับอาสา
อวี้เหลียนจ้องจับผิดเพกาอยู่ เพกาเหลือบมองเหลียนอย่างเกรงใจ
“ฉันไปกับอาซิ่วได้ค่ะ ไม่รบกวนคุณจิ้นขอบคุณมากนะคะที่มีน้ำใจ”
อวี้เหลียนยิ้มตอบ พอใจที่เพการักษาสัญญา
“นึ่งเธอให้สุกไม่สำเร็จ เหว่ยมันต้องเปลี่ยนวิธีฆ่าใหม่” หลินเพ่ยว่า
“ยังไม่จบ” เพกาบอก
“เหว่ยต้องฝังเธอทั้งเป็น อยู่ใต้ดินไม่มีใครเห็นไปช่วยเธอไม่ได้”
“ลืมกินยาแล้วล่ะค่ะคุณเพ่ยเพ่ย อาการกำเริบ คิดวิธีฆ่าคน โรคจิต”
ลี่ผิงหัวเราะเสียงดังที่เพกาย้อนได้สะใจ เหม่ยอิงถลึงตาด้วยความโกรธ
“แกนั่นแหละโรคจิต” หลินเพ่ยบอก
“ผู้ป่วยทางจิตมักไม่ยอมรับตัวเอง”
“ฉันอยากให้เหว่ยฆ่าแกให้ตาย แกจะได้หุบปากเน่า ๆ ของแกซะที คอยดูนะมันฆ่าเธอเมื่อไหร่ ฉันจะให้รางวัลมัน”
เหวินเยี่ยเดินมานั่งเก้าอี้หัวโต๊ะ ทุกคนรีบปิดปากพูดในทันที เหวินเยี่ยบอกเพกา
“หมิงเทียนเล่าให้ฉันฟังแล้ว เป็นไปได้ไหมเครื่องปรับอุณหภูมิห้องซาวน่าขัดข้อง”
เพกามองหน้าอวี้เหลียน
“ตอนที่ฉันเข้าไปห้องล็อกอยู่ เหมือนมีคนล็อก อุณหภูมิก็ถูกปรับให้สูงด้วย”
“แต่กล้องวงจรปิดไม่เห็นใครเลยเป็นไปได้ยังไง ช่วงนี้ขอให้ทุกคนหยุดใช้ห้องซาวน่าแล้วก็ตามช่างมาดูด้วย” เหวินเยี่ยว่า พลางมองจิ้นเจิน
“ได้ครับพี่เยี่ย”
“เหตุการณ์นี้ หมิงเทียนยังเชื่อว่าเป็นเหว่ยงั้นหรือ”
“ครับ เหว่ยอาจจะรู้วิธีเข้ามาในบ้านโดยหลบกล้องวงจรปิด เขาก็เหมือนผม โตมาในบ้านนี้”
“ดิฉันไม่เชื่อว่าเป็นเหว่ยค่ะ” เพกายืนยัน
“งั้นเธอคิดว่าใคร”
อ่านต่อเวลา 17.00น.
เพกาไล่สายตามองคนในบ้านที่นั่งรายล้อมอยู่ ต้องมีคนหนึ่งที่เป็นฆาตกรฆ่าเมย์ลี และขังเธอในห้องซาวน่าหวังฆ่าให้ตาย
“ตอนนี้ยังไม่รู้ค่ะ แต่ดิฉันต้องหาหลักฐานให้ได้ว่าใครทำ”
เหวินเยี่ยถอนใจกับเกิดเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นไม่เว้นในแต่ละวัน
“คุณพ่อ ผมอยากขอให้คุณเพกากลับเมืองไทย เปลี่ยนคนอื่นมาแทน”
หลินเพ่ยรีบเสนอหน้ายกมือทันที
“เห็นด้วย เห็นด้วยค่ะ”
“ฉันไม่กลับ งานฉันเหลืออีกแค่ครึ่งเดียว อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว คุณเยี่ยคะ”
เหวินเยี่ยหยุดคิดครู่หนึ่งแล้วยกมือห้ามเพราะขี้เกียจฟัง หันมาพูดกับหมิงเทียน
“เขาไม่กลับก็ช่างเขาเถอะ อีกแค่เดือนกว่าๆ งานเขาก็เสร็จแล้ว”
จิ้นเจินมีสีหน้าผิดหวัง
“ฉันเข้าไปดูแล้ว เธอซ่อมกี่เพ้าเก่งมาก ดูไม่ออกเลยว่ามันเคยขาด นี่เป็นข้อดีข้อเดียวของเธอ เรื่องงาน” เหวินเยี่ยบอก
หมิงเทียนถอนใจอย่างเซ็งๆ ที่เอาเพกากลับไม่ได้ซักที เพกามองเยาะเย้ยหมิงเทียน
ยามเช้าวันใหม่ เพกากำลังออกมาจ๊อกกิ้ง และมองไปข้างหน้าห่างออกไปตามถนนที่ไปสวนหลังบ้าน
จิ้นเจินกำลังเดินไปด้วยท่าทางมีพิรุธ เพกาเดินตามไปด้วยความอยากรู้มาก
“ท่าทางแปลกๆ นัดไปทะเลาะกับคุณเหลียนอีกแล้วหรือ”
เพการีบจ้ำตาม แต่แล้วใครคนหนึ่งก็โผล่พรวดออกมา ลี่ผิงนั่นเอง
“คุณพิ้งค์”
“คุณนายใหญ่ ตกใจหมด”
“จะไปไหนคะ”
“ไปเอ้อ ก็ เดินออกกำลังค่ะ”
ลี่ผิงมองตามจิ้นเจินไปด้วยสายตาเศร้าระคนแค้น คุณนายใหญ่รู้ว่าน้องชายกำลังจะไปไหน เพื่ออะไร ดังนั้นจึงหันมาบอกเพกา
“เข้าบ้านไปกับฉันเถอะ”
“ที่จริงฉันเคยเห็นคุณจิ้นไปทะเลาะกับคุณเหลียนที่สวนหลังบ้าน ก็เลยคิดว่าจะไปดู เผื่อสองคนนั้นมีอะไรให้ช่วย”
“อาเหลียนยังอยู่บนห้อง ฉันเห็น”
“อ้าว แล้วคุณจิ้นไปไหนคะ”
ลี่ผิงมองตามจิ้น ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น ท่าทางของลี่ผิงทำให้เพกาสงสัยมากขึ้น
“อย่าไปที่สวนหลังบ้านอีก แถวนั้นมีแต่เรื่องสกปรก ไม่มีเรื่องที่คุณอยากรู้หรอก เข้าบ้าน มากับฉัน”
เพกาลังเลเพราะยังอยากรู้ จนลี่ผิงต้องเรียกเสียงเข้ม
“คุณเพกาเข้าบ้าน”
“เอ้อ ค่ะ”
เพกามองตามทางที่จิ้นเจินเดินไปอย่างเสียดายแล้วจำใจเดินตามลี่ผิงไป
ภายในห้องโถง ลี่ผิงนั่งคุยกับเพกา เธอจะรินชาให้เพกาอย่างมีเมตตา แต่เพการีบรับมาทำเองด้วยความเกรงใจ
“ฉันทำดีกว่าค่ะ”
“โลกนี้ไม่ยุติธรรม ผู้หญิงเกิดมาเป็นเบี้ยล่างผู้ชาย”
จู่ๆ ลี่ผิงก็รำพึง คร่ำครวญตัดพ้อโลก
“ผู้ชายเห็นผู้หญิงเป็นที่ระบายอารมณ์ พอเบื่อก็ทิ้งไปหาคนที่สวยกว่า เย้ายวนกว่า”
“ผู้ชายไม่ดีเก็บไว้ทำซากอะไรล่ะคะ ทิ้งขยะไปเลย ไม่ต้องรีไซเคิลด้วย”
“อย่ามาทำปากเก่ง”
“อ้าว”
“เธอยังโสดไม่เข้าใจหัวอกผู้หญิงที่ถูกสามีหมางเมินหรอก ความรักมากมาย วันหนึ่งจู่ๆก็หายไป ยากนะที่จะรับไหว”
ลี่ผิงจิตตกน้ำตาคลอ เพกาพูดปลอบใจ
“นิ้วก้อยคุณเหม่ยอิงสั้นกว่าขีดบนสุดข้อนิ้วนาง ตามตำราโหงวเฮ้งว่า ผู้หญิงประเภทนี้ชีวิตลำบาก อีกไม่นานคุณเหม่ยอิงต้องตกกระป๋องค่ะ”
ลี่ผิงยิ้มขำเอ็นดูเพกา
“พิเรนทร์แอบดูนิ้วก้อยคนอื่น”
“สังเกตทีเผลอค่ะ ฉันเป็นพวกชอบสอดรู้สอดเห็น”
“รู้ตัวนี่”
เพกายิ้มรับบอก
“ปล่อยให้เวรรกรรมจัดการนะคะคุณผิง ผู้หญิงไม่ดีต้องได้รับโทษ”
“ขอบใจ”
ลี่ผิงคลายยิ้ม แตะที่มือเพกาอย่างเมตตารักใคร่ ขณะเดียวกันลี่ผิงก็นึกสงสารตัวเองและอวี้เหลียนที่ตกที่นั่งบนชะตากรรมเดียวกัน
จิ้นเจินกับอวี้เหลียนกำลังจะไปทำงาน ทั้งคู่ด่าทะเลาะกันก่อนขึ้นรถ
“ตอนรักกันใหม่ๆ ฉันดูไม่ออก คุณเป็นผู้ชายไม่รู้จักพอ”
จิ้นเจินรำคาญมากบอก
“ชวนทะเลาะมาเป็นชั่วโมงแล้ว ไม่เหนื่อยหรือไง”
ทั้งคู่ทะเลาะกันตั้งแต่ยังอยู่ในบ้าน เพกาเดินมาเห็นเข้าพอดีก็แอบดู
“คุณจิ้นคะ ให้ฉันทำอะไรฉันก็ยอม เลิกเถอะนะคะ”
“อย่างคุณจะทำอะไรให้ผมได้ จืดชืด น่าเบื่อ ผมทนนอนกับคุณไม่ได้ อีกครั้งเดียวก็ไม่ไหว มันเอียน”
อวี้เหลียนแค้นใจ ตะโกนบอก
“ฉันจะบอกให้เขารู้ให้หมด ไอ้ผู้ชายมักมาก”
จิ้นเจินโกรธสุด หันตบหน้าอวี้เหลียนจนเซไปกระแทกรถและล้มลง
“เอ้ย” เพการ้องสะดุ้ง
เพกาวิ่งมาหาพยุงอวี้เหลียนให้ลุกขึ้น จิ้นเจินตกใจที่เห็นเพกาก็รีบแก้ตัว
“คุณเหลียนทำร้ายตัวเองอีกแล้วครับ”
“โกหก เมื่อกี้ฉันเห็นกับตา ไหนว่าไม่รังแกผู้หญิงไง”
จิ้นเจินถูกจับได้คาหนังคาเขาจึงแก้ตัวไม่ออก
“หลงชื่นชมว่าเป็นสุภาพบุรุษ ถอดรูปออกมาซาตานชัดๆ”
อวี้เหลียนอารมณ์ขึ้นแล้วแฉสิ้น
“สามีฉันเป็นนักสร้างภาพค่ะ ภายนอกเค้าดูเป็นคนดีน่าคบหา แต่ลับหลัง เค้าแอบทำสิ่งเลวร้ายในบ้าน”
เพกาตาลุกด้วยความอยากรู้ จิ้นเจินทำสิ่งเลวร้ายในบ้านคืออะไร
“คุณจิ้นทำอะไรคะ”
“เค้า”
“หยุดนะเหลียน”
“ ไม่ต้องกลัวค่ะ ฉันไม่ให้คุณจิ้นทำร้ายคุณ พูดมาค่ะ”
“ห้ามพูด”
“ทีนี้ล่ะกลัวถูกแฉ ทีตอนทำ ไม่ยั้งคิด คุณสำนึกผิดให้ฉันเห็นซักครั้ง ฉันจะไม่แฉคุณ”
เพกาลุ้นคิดในใจ
“แฉมาซะทีซี่ รออยู่”
“ความลับที่คุณปิดมานานจะถูกเปิดเผยวันนี้แล้วถ้าคุณไม่สำนึกผิด” อวี้เหลียนว่า
“ฆ่าเมย์ลีใช่มั้ย ใช่มั้ย” เสียงความคิดของเพกาเร่งเร้า
“คุณเพกาคะ คุณจิ้นเค้า...”
จิ้นเจินลากอวี้เหลียนขึ้นรถ เพกาพยายามดึงอวี้เหลียนไว้ แต่สู้แรงไม่ได้
“มานี่ ยายตัวดี”
เพการีบตาม
“เดี๋ยว คุณเหลียนยังพูดไม่จบ”
“มันจบแล้ว เหลียนจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น”
จิ้นเจินเปิดประตูรถ ขับรถพาอวี้เหลียนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกไป ระหว่างทางเธอยังร้องไห้อยู่อย่างนั้น
“โธ่เอ๊ย เกือบรู้แล้วเชียว คราวนี้ไปถามใครได้ล่ะเนี่ย”
เพกานึกถึงซิ่วหลานก็รีบเดินเข้าบ้านในทันที
จบตอนที่ 8
อ่านต่อตอนที่ 9 พรุ่งนี้ เวลา 09.30น.