xs
xsm
sm
md
lg

นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 2

เมขลาตัดสินใจลากราม เข้าห้องของเธออย่างเป็นห่วง ก้มลงเอาหูแนบกับหน้าอก รามหรี่ตามอง พอเมขลาเงยหัวขึ้นเขาก็รีบหลับตาเหมือนเดิม

“นี่...นี่...” เมขลาเขย่า
รามนิ่ง เมขลาเอื้อมมือไปแกะกระดุมเสื้อของเขาออก รามสะดุ้งเฮือกรีบลืมตาตื่น รู้สึกตกใจ ที่เห็นกระดุมเสื้อเปิดหมดโชว์อกรีบตะครุบปิด
“เฮ้ย ทำอะไรน่ะคุณ”
เมขลามองรามตาเขียว
“คุณเป็นลม ฉันก็ต้องทำให้ชุดที่ใส่มันหลวมเข้าไว้น่ะสิ”
รามรีบรวบเสื้อเข้าหากันอย่างอายๆ
“ผมหายแล้ว”
“ดี...งั้นไปโรงพักกัน”
เมขลาลุกพรวดขึ้น รามตาเหลือก รีบแกล้งชัก
“โรงพักเหรอ อ๋อย...”
รามชักแดร็กๆ ทำตาเหลือกหมดสติไป เมขลาอ้าปากค้าง
“อ้าว...ไหนว่าหายแล้วไง นี่ๆ ๆ อย่าฟอร์มกับฉันนะ”
เมขลาตบแก้มซ้ายขวาแรงๆ แต่เขาไม่รู้สึกตัว เธอวิตกกังวลรีบจับชีพจร รามแอบมองทำเป็นกลั้นหายใจ
“หรือว่าหัวใจวาย”
เมขลาแนบหูที่หัวใจรามแล้วตาเหลือก ว้าวุ่นมาก
“เฮ้ย...อย่าเพิ่งตายนะ”
เมขลาทำท่านวดหัวใจให้ราม ท่องไปด้วย
“ตามหลักที่ถูกต้อง แอร์ต้องหัดทำ CPR ช่วยชีวิตผู้โดยสาร ด้วยการนวดหัวใจ 30 ครั้งแล้วเป่าปาก 2 ครั้งสลับกัน...” เมขลานวดหัวใจ “หนึ่ง...สอง...สาม...ยี่สิบเก้า...สามสิบ”
เมขลาจะเริ่มเป่าปากก้มต่ำลงมา รามลืมตาโพลงรีบเม้มปากแน่นเอามือยันหน้าเมขลาไว้
“เฮ้ย...อย่านะ”
เมขลานึกได้ ลืมตา
“รู้สึกตัวแล้วเหรอ”
รามพยักหน้าเจื่อนๆรีบลุก ขณะที่เมขลาโล่งใจ

ภาคภูมิกับตำรวจสายลับอยู่กันอีกห้องหนึ่ง ซึ่งติดกับห้องแสงกับเย็นอีกด้าน สายลับเกาหลียกฝาปิดช่องแอร์ขึ้นปิด หลังจากที่เข้าไปติดตั้งกล้องวงจรปิดที่ห้องแสง ทางช่องแอร์มาแล้ว สายลับเกาหลีพยักหน้าให้ ภาคภูมิเปิดทีวีแบบพกพาเครื่องเล็กๆแล้วนั่งล้อมวงดูภาพในจอทีวีซึ่งเป็นภาพภายในห้องแสงกับเย็น
แสงเดินนำ ชายเกาหลีสองคนที่หิ้วกระเป๋ามาด้วยใบหนึ่ง เข้ามาในห้อง เย็นถือปืนคุ้มกันด้านหลังด้วยท่าทางคร่ำเคร่งมาก เดี๋ยวหันซ้าย เดี๋ยวหันขวา ระวังตลอด แสงพยักหน้าให้ ชายเกาหลีนั่งลงเปิดกระเป๋ารูดซิบเสียงดังแคว่ก เย็นตกใจรีบหันมาจ้องกระบอกปืนใส่ ชายเกาหลีสองคนรีบชักปืนเล็งใส่เย็น แสงตาเหลือกรีบหันไปตบหัวเย็น
“แกจะบ้าเหรอ”
“ก็พี่บอกให้ผมระวัง”
“แต่ไม่ใช่ให้ระวังพวกเดียวกันเองแบบนี้โว้ย”
แสงตบหัวอีกที เย็นยิ้มเจื่อนๆ แสงส่ายหน้า หันไปนั่งลงพยักหน้ากับชายเกาหลีให้เริ่มได้ ชายเกาหลีหยิบถุงสีขาวๆ ออกจากกระเป๋า เย็นเตร่ๆ ไปดูความเรียบร้อยทางระเบียง

เมขลาเลื่อนขวดน้ำให้ รามจำใจดื่ม
“ผมดีขึ้นมากแล้วล่ะ...ขอบคุณนะ”
รามวางขวดจะไป เมขลารีบเรียกไว้
“เดี๋ยว!”
รามอึ้ง เครียด คิดว่าจะโดนลากไปโรงพักอีก
“เมื่อกี้คุณบอกว่าเป็นโรคอะไร ทำไมรักษาไม่หาย”
รามชะงัก คิดหาทางโกหกนิดนึง
“เอ่อ...มะเร็งสมองระยะสุดท้ายน่ะ”
เมขลานิ่วหน้า
“ฉันคิดว่าเป็นโรคลมชัก กับหัวใจเสียอีก”
“อ๋อ...ผมลิ้นหัวใจรั่วมาแต่กำเนิดแล้วล่ะคุณ พอโตมาหน่อยก็เป็นลมชักบ่อยๆ ส่วนมะเร็งสมองนี่เพิ่งตรวจเจอ” รามลื่นไหลไปเรื่อย
“แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ไม่ควรเป็นขโมยแบบนี้ แม่คุณที่ป่วยอยู่รู้เข้าคงเสียใจแย่”
รามอึ้ง เห็นเมขลาชักอินเกินเหตุ รีบพูดแก้ตัว
“คนกำลังจะตายไม่มีทางเลือกมากนักหรอกคุณ”
เมขลามองอย่างสงสาร
“ฉันว่าคุณน่าจะไปเช็คสุขภาพใหม่นะ ให้ฉันแนะนำหมอให้ดีไหม”
รามจะรีบไป
“ไม่เป็นไรผมไม่อยากรบกวนคุณ มากไปกว่านี้อีกแล้ว”
เมขลากดบ่ารามให้นั่งลง
“ไม่กวนหรอก พี่แอร์ที่บินมาด้วยกันมีแฟนเป็นหมอสมองเก่งมาก เขาเพิ่งให้นามบัตรฉันมาด้วย เอ...อยู่ไหนนะ”
เมขลาหันไปค้นหานามบัตรในกระเป๋าง่วน รามกระสับกระส่าย มองไปทางผนังห้องที่ติดกับห้องแสงกับเย็น พยายามฟังเสียง และกลัวไม่ทันการ รามกวาดตามองไปรอบๆ เห็นระเบียงห้องก็เบาใจได้บ้างพอมีหนทาง รามรีบแกล้งกุมขมับโผเข้าไปหา เมขลาหันมาพอดีหน้าเกือบชนกันเมขลาอึ้งไป ก่อนผลักเขาออกแรงๆ รามเสียหลักขาพันกัน สะดุดล้มลงเตียงคว้าเมขลาลงไปด้วย เมขลาหน้าแดง กรี๊ดลั่น
“คิดจะทำอะไรน่ะ”
เมขลาเงื้อมือจะซัด รามรีบปล่อยมือแล้วรีบทำเป็นกุมหัวปวดหัวมาก
“ขอโทษ พอดี...ผม...ผมปวดหัว...อยากได้ ผ้าชุบน้ำสักผืน”
เมขลาหน้าตื่นรีบลุกขึ้นมองอย่างเห็นใจ
“แล้วก็ไม่บอก”
เมขลาวิ่งเข้าไปในห้องน้ำ รามโล่งอก ดีดตัวขึ้นอย่างไว มองๆ ไปที่ประตูห้องจะเผ่นออกไปแต่เมขลาชะโงกหน้าออกเสียก่อน
“อ้าว แล้วนั่นลุกขึ้นมาทำไม” เมขลาเดินมากดบ่าลง “นอนซะ จะได้ไม่เวียนหัว ว่าแต่คุณยากได้ผ้าชุบน้ำเย็นหรือน้ำอุ่น”
รามยิ้มเจื่อน
“อะไรก็ได้”
เมขลาเข้าห้องน้ำไป รามคิดเครียด บ่นเบาๆ
“ทำไมต้องมาเจอยายนี่ด้วยวะ”
รามรีบไปที่ระเบียง ชะโงกไปดู เห็นเย็นยืนอยู่ในห้อง แต่เปิดประตูระเบียงไว้
“พี่เย็น” รามกระซิบ กลัวเมขลาได้ยิน
เมขลาเดินถือผ้าขนหนูชุบน้ำออกมาจากในห้องน้ำ แล้วชะงักเมื่อรามหายไปแล้ว เธอมองรอบๆ เห็นประตูระเบียงเปิดอยู่...
รามกำลังพยายามปีนระเบียงเรียกเย็น
“พี่เย็น...พี่เย็น”
เย็นไม่ฟัง หมกมุ่นกับการเล่นเกมในมือถือ รามปีนขึ้นไปบนขอบระเบียง
“พี่เย็น”
เย็นสะดุ้ง หันมาเห็นรามตกใจ
“ไอ้ราม”
รามรีบชูว์ปาก กวักมือเรียกให้เย็นมาหา เย็นค่อยๆ กระเถิบไปหารามถามอย่างแปลกใจ
“มีอะไรวะ”
“ตำรวจมา”
เย็นอ้าปากค้าง ตกใจ
“ฮะ!”
เมขลาออกจากห้องตามมาพอดี ตกใจนึกว่ารามจะฆ่าตัวตาย รีบวิ่งพรวดมาหาราม กอดเอวไว้
“อย่านะ...อย่าคิดสั้น”
รามตกใจ เกือบเสียหลักตกระเบียงแต่เมขลากอดเขาไว้แน่น
“เฮ้ย...อะไรกันคุณ”
เย็นตกใจลนลานไม่เห็นเมขลา รามบังไว้
“เกิดอะไรวะไอ้ราม ตำรวจมาเหรอ”
แสงกับพวกพ่อค้ายาเกาหลีได้ยินเสียงเย็นอุทานตกใจ รีบลุกพรวดขึ้นวงแตก
“เอ็งว่าอะไรนะไอ้เย็น”
เย็นวิ่งพรวดหน้าตาตื่นเข้ามา
“ตำรวจมาพี่ ตำรวจมา” เย็นหันไปบอกชายเกาหลี “police police”
ชายเกาหลีแตกตื่นวิ่งไป แสงวิ่งพรวดตามไป
ทางด้านรามเกือบหล่นระเบียง พยายามแกะมือเมขลา อย่างร้อนใจตามองไปที่ห้องแสง เมขลาพยายามห้าม
“อย่ากระโดดลงไปนะ ขอร้องล่ะ”

ภาคภูมิเห็นเหตุการณ์ ลุกขึ้นพยักหน้ากับตำรวจเกาหลี
“Plan B” (แผนสอง)
พวกภาคภูมิกรูออกจากห้อง เข้าไปปะทะกับพวกแสงและย็น ส่วนพวกพ่อค้ายาสู้กับตำรวจเกาหลี ภาคภูมิจับเย็นหักแขนไพล่หลังไว้ แสงเข้าช่วยเย็น ต่อสู้กับภาคภูมิ แล้วพากันฝ่าตำรวจวิ่งออกไปได้...
ขณะเดียวกัน เมขลาจับขารามไว้ รามพยายามสะบัด จะกระโดดระเบียงไปช่วยพวกแสง แต่ไม่สำเร็จ ติดเมขลา
“คุณพูดอะไร ผมไม่รู้เรื่อง ปล่อยผม”
เมขลาส่ายหน้า
“ไม่...ฉันไม่มีทางปล่อยให้คุณฆ่าตัวตายไปต่อหน้าหรอก”
รามแทบคลั่ง
“ผมไม่ได้จะฆ่าตัวตาย ปล่อย”
“ฉันไม่เชื่อ”
เมขลากอดแน่น
รามดิ้น
“โธ่โว้ย!”
รามเซไปมาแล้วหล่นไป เมขลาตาเหลือกกรี๊ดลั่น แต่เธอก็ไวทายาทจับแขนรามไว้ได้ทัน...ภาคภูมิจะตามแสงกับเย็นไปแต่ได้ยินเสียงเมขลากรี๊ด ภาคภูมิเลยวิ่งออกไปที่ระเบียง
รามห้อยต่องแต่งอยู่ที่นอกระเบียง เมขลาพยายามดึงไว้
“จับมือฉันให้แน่นๆ นะ ฉันจะดึงคุณขึ้นมาเอง”
รามแหงนมอง เห็นภาคภูมิออกมา สบตากัน ภาคภูมินิ่วหน้าคุ้นๆหน้า รามกลัวแผนแตก คิดๆ แล้วก้มมองข้างล่างเห็นรถบรรทุกแล่นผ่านมาพอดี รามเงยหน้ามองเมขลาแวบหนึ่ง
“ลาก่อน”
รามสะบัดมือจากเมขลาร่วงลงไป เมขลากรี๊ด ปิดตาทนดูไม่ได้
“ไม่...”
เมขลากรีดร้อง ก่อนเป็นลมฟุบไป ภาคภูมิมองเมขลาเครียดๆ
ทางด้านรามที่อยู่บนหลังรถบรรทุก สำรวจเนื้อตัวว่ากระดูกหลุด อะไรหักบ้างไหม พอเห็นปลอดภัยดีก็โล่งใจ หยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกหาก้องภพ
“ผมเองครับ...ผมจะโทรมาบอกว่าการแสดงวันนี้ยกเลิกนะครับ...พอดีมันมีอุปสรรคเกิดขึ้นน่ะครับ”

เมขลานอนสลบอยู่บนเตียง อยู่ในห้องพยาบาลของสถานีตำรวจเกาหลี โดยมีภาคภูมิยืนเฝ้าอยู่ เมขลาค่อยๆ รู้สึกตัวตื่น ผวาลุกขึ้น เห็นภาคภูมิก็ตกใจ
“What happened ?” (เกิดอะไรขึ้น)
“คุณเป็นลม”
เมขลาอึ้ง เห็นภาคภูมิตอบภาษาไทย ค่อยรู้สึกปลอดภัย ก่อนนึกถึงรามขึ้นมาได้
“แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะคะ ที่ตกไปจากระเบียงห้องฉันน่ะ”
“ทางเราก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง” ภาคภูมิบอกเสียงเครียด
เมขลางงๆ ภาคภูมิมองเมขลาครุ่นคิด
“ถ้าคุณค่อยยังชั่วแล้ว เชิญตามผมไปที่ห้องสอบสวนด้วย”
“ค่ะ” เมขลานึกได้ ตาตื่นตกใจ “ฮะ! ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลเหรอ”
ภาคภูมิส่ายหน้า
“ที่นี่เป็นสถานีตำรวจเกาหลีและคุณเป็นหนึ่งใน ผู้ต้องสงสัยในคดีค้ายาเสพติดข้ามชาติ”
เมขลาหน้าซีด
“ค้ายา...ค้ายาอะไรฉันไม่รู้เรื่อง”
“ผู้ชายคนที่คุณอยู่ด้วยท่าทางจะรู้เรื่องนี้ดีเชียวล่ะ”
“แต่ฉันไม่เคยรู้จักเขามาก่อนนะ กระทั่งชื่อยังไม่รู้จักเลย”
ภาคภูมิยิ้มเยาะ
“คุณให้คนที่ไม่รู้จักกระทั่งชื่อเสียง เรียงนามเข้าไปอยู่กับคุณในห้องพักตอนดึกๆ ดื่นๆ ด้วยหรือ”
“มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ฉันอธิบายได้”
ภาคภูมิไม่สนลุกขึ้นไปเปิดประตูห้อง
“คุณมีสิทธิเรียกทนายก่อนให้การ เชิญครับ”
“ทนายอะไรกัน ฉันไม่รู้จักเขาจริงๆนะ”
ภาคภูมิไม่ฟัง ผายมือให้เมขลาออกไปห้องสอบสวน เมขลาเซ็งๆ

เมขลาถูกสอบสวนอยู่ในห้องสอบสวน ของสถานีตำรวจเกาหลี เธอเล่าจบหน้าตามีหวัง
“ฉันบอกทุกอย่างกับคุณหมดแล้ว ทีนี้ฉันกลับไปได้แล้วใช่ไหมคะ ฉันต้องทำไฟลต์กลับกรุงเทพฯ แต่เช้า”
ภาคภูมิส่ายหน้า
“ถึงอย่างไรคุณก็ต้องรอจนกว่าทางเรา จะตรวจสอบประวัติคุณ กับดูภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงแรมก่อน”
ภาคภูมิออกไป ขณะที่เมขลาตามไปเขย่าประตู
“เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งไป ปล่อยฉันก่อนฉันต้องไปทำงาน ฉันตกไฟลต์ไม่ได้นะ ไม่งั้นบริษัทจะว่ายังไง”
เมขลาหมดแรง แทบทรุด

หลายวันต่อมา...เมื่อกลับมายังเมืองไทย ไอเอ็มเรียก เมขลาไปพบ
“ทางบริษัทขอสั่งให้คุณพักงานสักระยะหนึ่งก่อน”
เมขลาอึ้ง
“ทำไมล่ะคะ”
“คุณปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง”
“ก็ดิฉันแจ้งไอเอ็มแล้วว่า วันนั้นทางสถานีตำรวจเกาหลีกักตัวดิฉันไว้ ไม่ว่าทำอย่างไรเขาก็ไม่ยอมปล่อยดิฉัน”
ไอเอ็มถอนใจยาว มองเมขลาขรึมๆ
“เรื่องนั้นผมรู้แล้ว แต่การที่คุณเข้าไปพัวพันกับคดีค้ายาเสพติดแบบนี้ ทำให้ทางผู้บริหารไม่พอใจมาก พวกเขาเกรงว่าคุณจะทำให้ภาพลักษณ์บริษัทเสื่อมเสีย”
“แต่ทุกอย่างเป็นเรื่องบังเอิญ ดิฉันเป็นผู้บริสุทธิ์นะคะ”
ไอเอ็มไม่ฟังคำอธิบายของเมขลาเดินออกไป เมขลาเสียใจมาก

เมขลานังปรับทุกข์กับรุจที่โต๊ะทานอาหารของบริษัท รุจดึงทิชชู่ส่งให้เมขลาที่นั่งเสียใจร้องไห้ฟูมฟาย
“ทำไมนะ ฉันทำอะไรผิด ถึงต้องเจอแต่เรื่องแบบนี้”
รุจมองอย่างเห็นใจ
“แกไม่ได้ทำผิดหรอก แต่แกน่ะใจดีเกินไป แม่นางฟ้า”
“ฉันไม่ใช่นางฟ้า แล้วถ้าเป็นแกเจอคนเป็นลมชักตรงหน้า แถมด้วยโรคหัวใจกับมะเร็งสมอง แกจะไม่ช่วยหรือ”
“ฉันจะเรียกปอเต็กตึ้งหรือไม่ก็ร่วมกตัญญูให้” รุจประชด
เมขลามองขัดใจ รุจบีบมือ
“ฉันพูดจริงนะ โลกใบนี้มันสกปรกเกินกว่าคนดีอย่างแกจะอยู่ได้รอด ดังนั้นแกต้องหัดเลวซะบ้าง เมขลาส่ายหน้า
“ฉันทำไม่ได้หรอก”
“ทำได้สิ ถ้าแกทำไม่ได้ฉันจะพาแกไปถ้ำกระบอก”
“ฉันไม่ได้ติดยา” เมขลาแหวใส่
“แต่แกเสพติดการเป็นคนดี...นี่น่ะเลิกยากกว่ายาอีกนะ”
“แล้วฉันต้องทำยังไง” เมขลาเสียงอ่อย
“ถ้านึกไม่ออกลองเลียนแบบตัวอิจฉาในละครก็ได้”
เมขลาอึ้ง ทันใดนั้นเสียงมือถือเมขลาดัง

โรสนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องสอบสวน กดโทรศัพท์หาเมขลา โดยมีตำรวจมองตาเขม็ง
“เม...นี่ฉันเองนะ ฉันอยากให้แกมาหาฉันด่วนเลย”
“แกอยู่ที่ไหน แล้วเป็นอะไรน่ะโรส ทำไมเสียงไม่ดีเลย”
“โรงพัก...กับโจทก์เก่า...คดีเดิม”
เมขลาตาเหลือก
“นี่แกโดนจับอีกแล้วเหรอ”
รุจ สะกิดเมขลา ทำปากถามว่าอะไร เมขลาปิดโทรศัพท์บอกเบาๆ
“ยายโรสโดนจับให้ฉันไปประกันตัว”
รุจส่ายหน้าทำมือกากบาท เมขลาอึ้งไป
“รีบๆ มานะเม”
รุจขึงตาใส่ ทำท่าบิลท์ห้ามเด็ดขาด เมขลากลั้นใจ หลับตาตะโกนใส่
“ไม่...ฉันจะไม่ช่วยแกอีกแล้ว”
โรสตกใจ
“อะไรนะ”
รุจยกนิ้วให้ เมขลาฝืนพูดต่อ
“แกเคยสัญญากับฉันว่าจะเลิกขายของละเมิดลิขสิทธิ์ แต่แกกลับผิดสัญญาแบบนี้ ฉัน...ฉันจะไม่ช่วยแกอีกแล้ว”
รุจพยักหน้าว่าใช่ แบบนี้ล่ะ เมขลาโล่งใจเมื่อพูดจบ
โรสอึ้ง...ทำบีบน้ำตาเสียงเศร้า
“ก็ได้ ไม่ช่วยก็ได้ แต่ถ้ายังไงฝากดูแลแม่ฉันทีนะ คราวนี้ ฉันคงไม่ได้กลับไปดูหน้าแม่อีกแล้ว ลาก่อน”
เมขลาตกใจรีบถาม รุจเอามือปิดปากห้ามไม่สำเร็จ เมขลาแกะออก
“เดี๋ยว อย่าเพิ่งวาง นี่แกขายอะไรแน่ ทำไมโทษแรงนัก ยาบ้าเหรอ”
โรสอมยิ้มทำเสียงเศร้า
“ในเมื่อแกไม่ช่วยฉัน ก็ไม่ต้องรู้หรอกว่าฉันขายอะไร แค่นี้นะเม ขอให้แกโชคดีนะ แล้วจำไว้ ฉันรักแกเสมอ”
โรสตัดสายยิ้มกริ่ม ว่ามุขนี้จะทำให้เมขลารีบมาช่วยแน่
“โรส...เดี๋ยวสิโรส กลับมาคุยกันก่อน”
รุจมองส่ายหน้า กระชากมือถือไปจากมือเมขลา กดปิดให้
“จำไม่ได้หรือว่าฉันบอกให้แกทำอะไร”
เมขลาอึ้ง จ๋อยๆ
“เป็นแม่มด”
“ใช่ เป็นแม่มด...ท่องไว้”
เมขลาสับสนลังเล ก่อนกลั้นใจหลับหูหลับตาท่อง
“เป็นแม่มด ฉันต้องเป็นแม่มด”
รุจยกนิ้วให้อย่างพอใจ

ค่ำนั้น...รามเดินเดี้ยงๆ สะพายเป้เข้ามา แถวๆตึกที่เขาเช่าห้องพัก พวกสาวๆ ที่อยู่บาร์เบียร์รีบถลาเข้ารุม สาวคนหนึ่งเข้ากอดเอว
“หายไปไหนมาเสียหลายวันเชียวพี่ราม หนูคิดถึงรู้ไหม”
รามยิ้มให้ สาวอีกคนเข้ามากอดอีกข้าง
“แล้วไหนของฝากหนูล่ะ”
รามจุ๊บผมสาวๆ
“นี่ไงจ๊ะ”
สาวๆหัวเราะกันคิกคัก มาม่าซังเดินออกมามองอย่างดีใจ
“อ้าว มาแล้วเหรอจ๊ะราม แล้วนั่นไปทำอะไรมา”
สาวๆปลีกตัวไปอย่างเกรงใจ
“อุบัติเหตุนิดหน่อยครับ”
มาม่าซังพยักหน้า ทำตาหวานใส่
“ให้เจ๊ช่วยดูไหม เจ๊จับเส้นเก่งนะ”
“ผมกลัวว่าแค่จับเส้นอย่างเดียวจะไม่พอน่ะสิ” รามพูดยิ้มๆ
มาม่าซังค้อน หยิกรามเข้าให้
“ไม่ต้องมาทำพูดเลย ยิ่งกว่าจับเส้นเจ๊ก็ทำให้รามได้นะ”
รามหัวเราะทำไม่รู้ไม่ชี้เดินต่อไปที่ห้องพัก
“แล้วตอนที่ผมไม่อยู่นี่มีอะไรบ้างไหมครับ”
มาม่าซังส่ายหน้า
“ไม่นะ ไม่มีใครกล้ามากวนเจ๊แล้วล่ะตั้งแต่รามมาอยู่ที่นี่”
รามพยักหน้าพอใจ มาม่าซังคิดๆ แล้วนึกออก
“อ้อ...จะมีก็แต่คนตาบอดขายล็อตเตอรี่มาหาราม บอกว่า รามอยากซื้อล็อตเตอรี่”
รามจะไขกุญแกห้อง ชะงักนิดหนึ่ง แต่มาม่าซังไม่ทันสังเกต
“แหม ได้เลขเด็ดมาก็ปิดเงียบไม่บอกกันบ้างเลยนะ”
รามรีบทำเป็นเจ้าชู้ใส่กลบเกลื่อน
“คือผมฝันเห็นงูตัวใหญ่เลื้อยมารัดผมจนหายใจไม่ออก ไม่รู้ว่างูตัวนั้นจะใช่เจ๊มั้ยนะ”
มาม่าซังหัวเราะชอบใจ ตีรามที่อก

ก้องภพ ในคราบคนขายล็อตเตอรี่ตาบอด เดินถือไม้เท้าเข้ามาในร้านน้ำชาเก่าๆเป็นเรือนไม้แบบโบราณ อาโกยืนชงน้ำชาอยู่รีบไล่
“ไม่เอา...ไปข้างหน้า อั๊วไม่ซื้อ”
“ ไม่ซื้อก็ขายแล้วกัน โอเลี้ยงแก้วหนึ่ง”
อาโกเปลี่ยนท่าทีเป็นยิ้มแย้ม
“ล่ายๆ นั่งรอก่อน”
ก้องภพเอาไม้เท้า คลำเก้าอี้แล้วนั่งหน้าร้าน รามเดินเข้ามา
“เอานั่นขวดหนึ่ง...”
รามชี้ที่ยาชูกำลังในตู้แช่ อาโกผละไปหยิบมาส่งให้รามจ่ายเงิน
“พ่อหนุ่มรับโชคไปซักคู่ซิ” ก้องภพเรียก
รามเข้ามาหา
“หยิบเลขเด็ดให้ผมแล้วกัน”
ก้องภพคลำๆหยิบล็อตเตอรี่ ให้คู่หนึ่ง
“วันนี้วันดี พ่อหนุ่มต้องโชคดีแน่”
รามยัดเงินใส่มือก้องภพ แล้วกำล็อตเตอรี่เดินออกไป อาโก เอาโอเลี้ยงมาวางให้
“โอเลี้ยงมาเลี้ยว”
ก้องภพยิ้มหยิบแก้วโอเลี้ยงจะดื่ม ขณะเดียวกันนั้น อาโกเห็นแมงวันบินวนอยู่ก็หยิบหนังสือปัด แมงวันตกลงไปในแก้วโอเลี้ยง ก้องภพเห็นกับตาชะงัก จะหยิบออกก็ไม่กล้ากลัวคนจับได้ วางแก้วลง
รามเดินมานอกร้าน หลบมุมพลิกดูล็อตเตอรี่ด้านหลังเห็นเขียนว่า “เสือลงจากดอยแล้ว” ซึ่งก็หมายความว่าปองธรรมตอนนี้ลงมากรุงเทพฯแล้ว
“เสือลงจากดอย...”
รามครุ่นคิดเครียดๆ

บ้านปองธรรมในกรุงเทพฯ เป็นคฤหาสน์สุดหรู แสงกับเย็นและ ลูกน้องนักเลงหลายคนยืนเรียงหน้ากระดานสองฟากหน้าตึก ธิดาซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของปองธรรมแต่งตัวแฟชั่นสุดๆ เพราะเป็นเจ้าของร้านเสื้อผ้า จึงต้องแต่งตัวให้โดดเด่นกว่าใครๆ เดินออกมาหน้าตึก ลูกน้องรีบคำนับพร้อมเพรียง
“สวัสดีครับคุณหนูเทเรซ่า”
ธิดาเชิดๆถือตัว เหล่ไปที่เท้าของเย็นซึ่งใส่รองเท้าแตะ แต่คนอื่นใส่รองเท้าหนังเรียบร้อย ธิดาไม่พอใจกระแทกส้นสูงใส่เท้า เย็นสะดุ้งกระโดดเหย็งๆ
“โอ๊ยยย”
“รู้ใช่มั้ยว่าทำไม”
เย็นรีบยืนกุมมือกลัวจัด
“ต่อไปผมจะแต่งตัวให้ดีกว่านี้ครับคุณเทเรซ่า”
“ถอดออก แล้วยืนบนพื้นร้อนๆนี่แหละ...”
เย็นเงอะงะ ธิดาตวาดลั่น
“ถอดซิ เร็ว”
เย็นรีบถอดรองเท้า ยืนเท้าเปล่าหน้าบูดเบี้ยวอดทนเต็มที่เพราะร้อนเท้า ขณะเดียวกันนั้นประตูรั้วใหญ่เปิดออก รถคันหรูแล่นเข้ามาจอด ปองธรรมลงจากรถ ตามด้วยเทวัญ ธิดารีบวิ่งเข้าไปกอดปองธรรม
“คุณพ่อ! เทเรซ่านึกว่าคุณพ่อจะไม่ลงมาเสียแล้ว”
ปองธรรมยิ้มแย้มเอ็นดูลูกสาว
“พ่อจะผิดสัญญากับหนูได้ยังไง”
เทวัญเดินมาสมทบยิ้ทแย้มให้น้องสาว
“ใช่ใครจะพลาดงานเปิดบูติกของธิดาได้”
ธิดาค้อน
“เอ๊ะ...เทเรซ่าบอกพี่เทพกี่ทีแล้วว่าห้ามเรียกเทเรซ่าแบบนั้นอีก”
“ธิดาเป็นชื่อที่พ่อกับแม่ตั้งให้” เทวัญอธิบายอย่างใจเย็น
ธิดาวีนไม่พอใจ
“ก็ไม่ชอบ”
ปองธรรมหันไปมองเทวัญดุๆ
“น้องบอกให้เรียกก็เรียกไปสิ ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ฟังดูโก้ดีออก เรื่องตั้งแง่ขัดใจคนล่ะเป็นที่หนึ่ง”
เทวัญจ๋อยๆยำเกรงพ่อมาก
“แล้วหนูจะเปิดร้านวันไหนแน่ แล้วมีไฮโซคนไหนมาบ้าง” ปองธรรมนึกได้ หันไปหาแสง หน้าเครียดใส่ “เดี๋ยวพวกแกค่อยมาหาฉันตอนที่ฉันคุยกับลูกสาวเสร็จก็แล้วกัน”
“ครับ” แสงกับเย็นรับคำ
ปองธรรมกับลูกๆ เข้าบ้านไป แสงกับเย็นมองหน้ากันเครียดๆเพราะทำงานพลาด

ปองธรรมยืนเครียด เรื่องที่การซื้อขายสารผลิตยาเสพติดไม่สำเร็จ โดนตำรวจบุกจับเสียก่อน เย็นหน้าซีด ขาสั่น กลัวสุดๆ แสงก้าวออกมารับผิดคนแรก
“พวกผมขอโทษพ่อเลี้ยงด้วย ที่ทำงานไม่สำเร็จ พ่อเลี้ยงลงโทษผมได้เลยครับ”
แสงส่งมีดให้แล้วคุกเข่าลง กางมือออกให้ตัดนิ้วก้อยทิ้งอย่างพวกยากูซ่า เย็นรีบนั่งคุกเข่าด้วย ยื่นมือออกไปอย่างกลัวๆ อีกคน ปองธรรมมองมีดในมือคิดๆ เย็นหลับตาปี๋กลัวสุดๆ แสงกลั้นใจ ปองธรรมเงื้อมือขึ้น ก่อนปามีดทิ้ง แสงกับเย็นรีบเงยหน้ามองปองธรรม
“ลูกกสาวฉันกำลังจะเปิดร้าน ฉันไม่อยากให้มีเรื่องอัปมงคล”
แสงกับเย็นรีบก้มหัว
“ขอบคุณครับพ่อเลี้ยง”
แสงกับเย็นจะออกไป ปองธรรมนึกได้
“เดี๋ยว!”
แสงกับเย็นชะงัก หันมามอง
“ฉันยังติดใจอยู่ ว่าทำไมพวกแกถึงได้รอดมาได้ เพราะตำรวจที่นั่นไม่ธรรมดาเลย”
เย็นรีบรายงาน
“ไอ้รามมันมาเตือนพวกเราก่อนน่ะครับ”
ปองธรรมแปลกใจ
“ใคร...ราม”
แสงพูดไม่เต็มปาก ยังไม่สนิทใจกับรามนัก
“เพื่อนใหม่ของไอ้เย็นครับ”
ปองธรรมมองเย็นนิ่งๆ แต่ไม่พอใจ ที่มีคนนอกมาเกี่ยวด้วย เย็นรีบลนลานรายงาน
“รามมันเป็นผีพนันครับ มันช่วยผมออกมาจากไอ้พวกมาเฟียคุมบ่อนที่เกาหลี ฝีไม้ลายมือยังกะจาพนม ผมยังคิดจะชวนมันมาทำงานกับพ่อเลี้ยงเลย”
“ฉันไม่ได้รับคนง่ายๆ”
เย็นจ๋อยไป ปองธรรมมองคิดๆ
“แต่ถ้าแกพิสูจน์ได้ว่ามันเก่งจริงและเชื่อใจได้ก็อีกเรื่องหนึ่ง”

เย็นดีใจที่จะช่วยหางานให้รามทำได้

อ่านต่อหน้า 2








นางฟ้ากับมาเฟียตอนที่ 2 (ต่อ)

เมขลาลากกระเป๋าเดินทางของเธอ เดินเข้าไปยังสถานีตำรวจด้วยท่าทางลังเล

“แม่มด...นางฟ้า...แม่มด...นางฟ้า” เมขลานิ่งคิดเครียด “โอ๊ย...ไม่ๆ ไม่ใช่...นางฟ้า ท่องไว้เม เธอต้องเป็น แม่มดๆ”
เมขลาจะหันหลังออกจากโรงพัก โรสที่โดนขังอยู่ชะเง้อมองเห็นพอดี
“เม...เม ฉันอยู่นี่”
เมขลาหลับตาพยายามทำใจไม่ได้ยิน
“แม่มด ฉันเป็นแม่มด ฉันต้องเป็นแม่มด”
“เม...ชักช้าอยู่ทำไม รีบไปติดต่อขอประกันตัวฉันเร็วๆ สิ”
เมขลาลืมตาหันขวับไปมองโรสอย่างชั่งใจ

หลังจากประกันตัวเรียบร้อยแล้ว เมขลากับโรสพากันมาที่คอนโด
“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ ว่าคนอย่างแกไม่มีทางทิ้งเพื่อนเด็ดขาด” โรสพูดอย่างสบายใจ
“ก็แค่วันนี้วันเดียวที่ฉันจะเป็นนางฟ้า แต่วันอื่นฉันจะเป็นแม่มดแล้ว”
เมขลาพูดเสียงเข้ม โรสมองงงๆ ว่าเมขลาพูดเรื่องอะไร
“แกพูดอะไรของแก แล้วของที่ฉันฝากซื้ออยู่ไหน”
เมขลาอึ้งหันมายิ้มแหยเดินถึงห้องพอดี
“พอดีมีแอ็กซิเดนต์นิดหน่อย ฉันเลยทำหายหมดเลย”
โรสหน้าตื่น
“ทำหาย! แล้วแบบนี้ฉันจะไปบอกลูกค้าได้ไง”
“เอาไว้ฉันจะฝากรุจซื้อให้แกแล้วกันนะ” เมขลาปลอบ
เมขลาหันไปไขกุญแจ แทบช็อกเจอโซ่ล็อกประตูอยู่
“เฮ้ย...โซ่อะไร มาได้ไง”
โรสมองๆ เห็นประกาศแปะระบุว่าคอนโดโดนยึดเพราะไม่ส่งค่างวด โรสจิ้มนิ้วลงไป
“ก็ในนี้เขาบอกว่าแกไม่ส่งค่างวด 3 เดือน ก็โดนยึดน่ะซี้”
เมขลาตะลึง อ่านประกาศ
“ไม่ส่งค่างวดเหรอ”
โรสพยักหน้า มองเมขลาแล้วส่ายหัว
“แกไม่น่าเหลวไหลอย่างนี้เลยนะเม แล้วทีนี้จะทำไงเนี่ย”
เมขลาหน้าสลดลงมองเพื่อนเครียดๆ ก่อนนึกได้แล้วชี้หน้า
“เอ๊ะ แต่ฉันฝากเงินแกไปส่งค่าผ่อนคอนโดทุกเดือนนี่”
โรสชะงักอึ้งไปรีบหาทางออกให้ตัวเอง
“โอ๊ย...ฉันปวดท้องชะมัดเลย ไว้ค่อยคุยกันวันหลังนะ”
โรสเดินหนีไป เมขลารีบตาม
“แกจะไปไหนน่ะ โรส หยุดนะ กลับมาก่อน”
โรสวิ่งหนีดื้อๆ เมขลาวิ่งตามคว้าตัวได้ทันแล้วบีบคอ โรสโวยวายลั่น
“โอ๊ย แกทำอะไรน่ะเม แกเป็นบ้าไปแล้วหรือไง เจ็บนะ”
“ก็แกทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง เอาเงินฉันคืนมานะ”
“ฉันก็อยากคืนแกอยู่หรอกนะ...แต่ว่า...”
โรสอึ้ง พยามหามุขแก้ตัว เมขลาจ้องหน้า
“แต่อะไร”
โรสนึกมุขออกทำเสียใจ
“แต่ฉันเอาไปใช้หนี้พนันให้แม่หมดแล้ว”
เมขลาไม่เชื่อ
“แกไม่ต้องมาโกหก”
“ถ้าแกไม่เชื่อฉัน แกก็ฆ่าฉันให้ตายเสียเลยสิ แต่ถ้ายังไงฝากแม่ฉันด้วยนะ เขาแก่แล้ว ไม่มีคนดูแล”
เมขลาแค้นๆ ไม่รู้จะทำยังไงผลักโรสออก
“พอทีๆ ฉันไม่ใช่ธนาคาร ไม่รับฝากอะไรทั้งนั้น”
โรสมองเมขลาอย่างกลัวๆละอายใจ
“ตกลงแกไม่ฆ่าฉันแล้วใช่ไหม”
เมขลาคิดๆ โรสได้ที
“ถ้าอย่างนั้น ฉันไปก่อนนะพอดีมีธุระด่วนน่ะ”
โรสเผ่นไปทันที เมขลามองตามโรสถอนใจเครียด

บ้านโรสเป็นบ้านเก่าๆ โทรมๆ โรสเปิดประตูเข้าบ้านไป เมขลาสะกดรอยตามมาแอบอยู่หลังเสาไฟฟ้ารีบตรงไปผลักประตูรั้วออก แล้วก้าวตามเข้าไป...
โรสเดินเข้าไปในบ้านอย่างเหนื่อยมาทั้งวัน โยนกระเป๋าสะพายทิ้ง หยิบรีโมทขึ้นมากดเปิดแล้วตาค้างเมื่อพบว่า ทีวี LCD 42 นิ้ว หายไปเหลือแต่ทีวีเก่าๆ 19 นิ้ว แบบเครื่องเล็กมากๆ ตั้งอยู่
“เฮ้ย!”
โรสขยี้ตา ตรงไปลูบๆ คลำๆ ทีวีเครื่องเล็ก
“LCD42 นิ้วของฉันเหลือแค่นี้ได้ไง...แม่...แม่ ขโมยขึ้นบ้าน”
ชุลีวิ่งออกมาพร้อมตะหลิวในมือ
“ไหนๆ ขโมยอยู่ไหน”
“ก็ขโมยที่มันเอาทีวีหนูไปอ่ะ แม่อยู่บ้านยังไงไม่รู้เรื่อง”
ชุลีโล่งใจ
“โธ่ นึกว่าอะไร ไม่ใช่ขโมยที่ไหนหรอก แม่เอาไปฝากอาหลงเค้าไว้ต่างหาก”
“อาหลงไหนอ่ะ” โรสงง
ชุลียิ้มอาย
“หลงจู๊โรงรับจำนำหน้าปากซอยไง”
โรสตาค้าง
“แม่เอาทีวีหนูไปจำนำได้ไง กว่าหนูจะเก็บตังค์ซื้อได้ตั้งนานนะ”
“แค่สามเดือนเอง”
เมขลาแอบฟังอยู่ตรงประตูมองเข้ามา พึมพำเบาๆ
“สามเดือน...เท่ากับค่างวดฉันเลย” เมขลาปี๊ดขึ้นทันที
“จะ 3 เดือนหรือ 3 ปี แต่หนูเป็นคนซื้อนะ แม่ทำแบบนี้ได้ไง”
ชุลีขึงตาใส่โรส จิ้มหน้าผาก
“ทำไมจะทำไม่ได้ ฉันเป็นแม่แกนะยะ”
โรสปัดมือแม่ออกแล้วตะคอกใส่แม่
“แต่ทีวีนั่นมันของหนู” ทันใดนั้นโรสก็ชะงัก เมื่อเมขลาโผล่เข้ามา “เฮ้ย! เม...แกมาได้ไง”
ชุลีหันไปเห็นเมขลา รีบฟ้องทันที
“เมมาก็ดีแล้วเห็นไหมว่าโรสมันร้ายแค่ไหน”
เมขลามองโรสแค้นๆ
“เสียดายที่เมรู้ช้าไปหน่อย ไม่งั้นคงต้องโง่ไปอีกนาน”
ชุลีงงๆ โรสรีบจับมือเมขลา
“ใจเย็นแก”
“ทีวีนั่น เงินฉันใช่ไหม”
เมขลาจ้องหน้า โรสหลบหน้า ชุลีไม่เก็ต ตบเข่าฉาด
“แม่ว่าแล้ว อย่างนังโรสจะมีปัญญาหาเงินที่ไหนมาซื้อทีวีนั่นที่แท้เมก็ซื้อให้มันเองเหรอ ขอบใจมากนะ แม่เลยพลอยได้อานิสงส์ไปด้วยเลย”
เมขลาขบฟันแน่น โรสยิ่งหน้าเสีย
“แม่หยุดพูดได้แล้ว”
ชุลีมองโรสไม่พอใจ โรสไม่สนเข้าไปจับมือเมขลา
“คือมันเป็นแบบนี้นะเม...”
เมขลาสะบัดมือออก
“ไม่ต้องพูด ต่อไปนี้ แกกับฉันไม่ใช่เพื่อนกันอีกแล้ว”
โรสหน้าเสีย ชุลีมองงงๆ
“อะไรกัน ทำไมเมใจแคบแบบนี้ แม่แค่เอาทีวีที่เมซื้อมาให้ไปจำนำเอง ไม่เห็นต้องตัดเพื่อนตัดฝูงกับไอ้โรสเลยนี่”
เมขลามองชุลีแล้วเห็นซื่อสุดๆ เลยยิ่งโมโห
“พูดไปแม่ก็ไม่เข้าใจ เมเองก็ไม่อยากทำร้ายเด็ก สตรี และคนชรา...ลาก่อน”
เมขลาออกไป ชุลีเกาหัวมองโรสงงๆ
“เพื่อนแกมันเป็นบ้าอะไร”
โรสพูดไม่ออก สลดไป


เย็นวันใหม่...เย็นเดินมองหาที่อยู่ราม เทียบกับที่จดไว้ในเศษกระดาษ แต่ยังหาไม่เจอ ยืนงงๆ รามเข้ากำลังจะออกจากบ้าน แล้วชะงักเมื่อเห็นเย็น รามรีบหลบแอบดูคิดๆ ก่อนผลุบหายเข้าไป
เย็นเดินมาถึงห้องราม ทันใดนั้นประตูห้องรามก็เปิดผัวะออก พร้อมร่างมาม่าซังโดนรามตบกระเด็นออกมา แม่บ้านตาเหลือก รีบเข้าไปประคอง
“มาม่าซัง เป็นยังไง”
มาม่าซังไม่ตอบ โผกอดแม่บ้าน ร้องไห้ซิกๆ แม่บ้าน มองรามตกใจ เย็นอึ้ง เห็นรามซ้อมผู้หญิงรีบเข้าไปห้ามราม
“เฮ้ย ใจเย็นไอ้น้อง นี่มันอะไรกันวะ”
รามปัดมือเย็นออก
“ก็นังนี่มันเม้มค่าส่วยคุ้มครองของผมน่ะสิ”
รามก้มไปกระชากเสื้อมาม่าซังขึ้น
“ทีนี้แกจะกล้าโกหกฉันอีกไหมฮึ”
มาม่าซังแกล้งกลัว
“เจ๊ไม่กล้าแล้วจ้ะ”
มาม่าซังจะไป รามกระดิกนิ้วไปที่สร้อยทองบนคอ
“เดี๋ยว...ถอดสร้อยเส้นนั้นมา”
มาม่าซังชะงัก
“แต่...”
รามหักนิ้ว บีบข้อมือมาม่าซังแรงๆ
“ฉันบอกให้เอามา”
มาม่าซังรีบปลดสร้อยยื่นให้ รามยิ้มพอใจ
“อ้อ...แล้วให้เด็กๆ ไปหาน้ำหาท่ามาให้เพื่อนฉันกินด้วย”
“จ้ะๆ”
มาม่าซังรีบฉุดมือแม่บ้านไป รามมองตามไปเครียดๆ เย็นยกนิ้วให้ราม ยิ้มให้กัน กอดคอกันเดินลงไปที่ไนต์คลับชั้นล่าง

รามกับเย็นนั่งกอดสาวคนละคน นั่งชนแก้วกัน
“สำหรับพี่ ที่อุตส่าห์มาตามหาผม”
“สำหรับน้องสาวน่ารักๆ ที่แกหาให้ข้าวันนี้” เย็นจุ๊บสาว
รามยิ้มแย้ม
“แค่นี้เรื่องเล็กน้อย ถ้าพี่ไม่ชอบลิลลี่ก็บอกนะ ผมยังมีน้องๆน่ารักอีกเยอะ ที่ข้างล่าง”
เย็นตาโต
“ที่นี่ของเอ็งรึ”
“เปล่า ผมแค่ช่วยเจ๊เค้านิดๆ หน่อยๆ น่ะใช่ไหมจ๊ะเก๋”
รามจุ๊บสาว โชว์ เย็นพยักหน้า มองรอบๆ รู้สึกดี ครึ้มใจ

มาม่าซังตบแป้งแต่งหน้าใหม่ รามเข้ามาหน้าเครียดๆ เป็นห่วง
“เมื่อกี้ผมพลั้งมือไปนิดหนึ่ง เจ๊เจ็บมากไหมครับ”
มาม่าซังได้ทีรีบกอดเอวรามไว้
“เพื่อรามเจ็บกว่านี้เจ๊ก็ทนได้”
รามเปิดประเป๋าหยิบเงินให้มาม่าซัง
“ผมว่าให้ผมช่วยค่ายาเจ๊ดีกว่า” รามนึกได้ หยิบสร้อยทองคืนให้ “อ้อ...แล้วนี่ครับสร้อยของเจ๊”
มาม่าซังเขี่ยหน้าอกรามเล่น
“เจ๊ไม่อยากได้ของพวกนี้หรอกอยากได้อย่างอื่นมากกว่า”
รามอมยิ้มเขิน จับมือมาม่าซังไว้ ทำเจ้าชู้ใส่
“แต่ผมขี้หึงนะ เป็นแฟนผมแล้ว เจ๊ต้องปิดกิจการนี่และห้ามมองคนอื่นตลอดไปเจ๊จะทนไหวหรือ”
มาม่าซังหัวเราะชอบใจ
“ไม่ต้องมาขู่เลย นึกว่ากลัวหรือไง”

เช้าวันใหม่...เมขลามาที่บ้านเด็กกำพร้าที่เธอเติบโตมา เธอตักอาหารเช้าให้น้องๆ กิน แล้วยืนมอง คอยช่วยเหลือร่วมกับเจ้าหน้าที่ในบ้าน ละมุนมองเมขลาอย่างภูมิใจ
“ระวังน้องๆ ติดใจไม่ยอมปล่อยให้เมกลับไปเป็นแอร์นะ”
เมขลายิ้มกว้าง
“ก็ดีสิคะ เมจะได้ช่วยงานที่นี่ ตอบแทนน้าละมุนกับแม่อุปถัมภ์ที่เลี้ยงเมมาจนโต”
ละมุนส่ายหน้า
“พูดอะไรอย่างนั้น เมร่ำเรียนมาตั้งเยอะ แม่อุปถัมภ์ท่านคงไม่อยากให้เมมาหยุดอยู่แค่นี้หรอก”
“น้าว่าแม่อุปถัมภ์จะผิดหวังไหมคะ ถ้าเมถูกไล่ออก”
ละมุนยิ้มให้
“เมเป็นคนดี มีพระคุ้มครองไม่ถูกไล่ออกง่ายๆ หรอกจ้ะ”
เมขลาสลดลง
“แต่มีคนบอกเมว่า โลกนี้มันสกปรกเกินไปสำหรับคนดี เราต้องหัดทำอะไรเลวๆ บ้างจะได้อยู่บนโลกนี้ต่อไปได้”
ละมุนส่ายหน้า
“ความเลวน่ะ ไม่ต้องหัดหรอกนะเม แต่การบังคับให้ตัวเองทำดีนี่ซิ ยากกว่าอะไรทั้งหมด ต้องหัดและฝึกฝนถึงจะทำได้เป็นนิสัย”
“แต่เมทำดีแล้วไม่เห็นได้อะไรขึ้นมาเลย”
“น้าสอนให้เมทำดีเพื่อให้คนอื่นมีความสุข เมจะได้มีความสุขไปด้วย พอมีความสุข จิตใจก็จะสงบ ก่อให้เกิดปัญญาแก้ปัญหาได้ที่ต้นเหตุ แบบนี้ยังไม่เรียกว่าดีอีกหรือจ๊ะ”
เมขลานิ่งคิด ก่อนตาโตจุ๊บแก้มละมุน
“จริงด้วย...ทำไมเมถึงโง่อย่างนี้นะ ไม่รู้จักแก้ปัญหาที่ต้นเหตุขอบคุณน้าละมุนมากนะ ที่ทำให้เมคิดได้”

เมขลามาที่บริษัท เพื่อขอประนอมหนี้เรื่องคอนโดของเธอ เมขลาเดินวนไปมามองหาฝ่ายบัญชีไม่เจอ ขณะเดียวกันนั้นทรงวาดยืนโทรศัพท์อยู่ หน้าตาตื่นเต้นด้วยความดีใจ
“จริงหรือคะ...คุณเจอตัวลูกชายฉันแล้ว...เขาอยู่ที่ไหนคะ”
เมขลาหันมาเจอทรงวาด เลยเดินมาหา
“ขอโทษนะคะ”
ทรงวาดปิดมือถือ ตื่นเต้นมากจนช็อก ยืนโงนเงนหันมา กุมหัวใจ
“คะ ?”
“ฉันจะมาประนอมหนี้กับฝ่ายบัญชี คุณทราบไหมคะว่าฝ่ายบัญชีอยู่ที่ไหน”
ทรงวาดพยายามฝืนชี้
“ฝ่ายบัญชี...ไปทาง...”
ทันใดนั้นทรงวาดล้มลง เมขลาตกใจรับตัวไว้พอดี
“คุณคะ คุณ”
เมขลากลั้นใจ ประคองร่างทรงวาดขึ้น ประคองเดินไป
“ช่วยด้วยค่ะ คนเป็นลม ใครก็ได้ช่วยที”

ทรงวาดถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล...ค่อยๆ รู้สึกตัว ยื่นมือออกมาไขว่คว้าหาราม
“ราม...รามของแม่”
เรืองฤทธิ์เข้าไปจับมือ
“พี่วาด...พี่วาดครับ นี่ผมเองครับพี่”
ทรงวาดรู้สึกตัวปล่อยมือ ลืมตา
“ขอโทษ...พี่นึกว่าฤทธิ์เป็นราม”
เรืองฤทธิ์ น้องชายของโรจน์สามีทรงวาดที่เสียชีวิตไปแล้วมองอย่างเห็นใจ
“เราให้คนหาตัวนายรามตั้งหลายปีแล้ว แต่ก็ไม่เจอเสียที ผมว่าพี่วาดตัดใจเสียเถอะครับ ไม่รู้ป่านนี้เป็นตายร้ายดียังไงแล้ว”
ทรงวาดส่ายหน้ามองเรืองฤทธิ์มุ่งมั่น
“รามยังไม่ตาย”
เรืองฤทธิ์อึ้งไป
“พี่วาดรู้ได้ยังไง”
“พี่จ้างนักสืบให้ตามหาตัวรามอีกทางหนึ่ง”
เรืองฤทธิ์เครียด แต่แกล้งทำโกรธและเสียใจ
“แปลว่าคนของผมมันทำงานไม่ได้เรื่อง ถึงตามตัวนายรามเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ขอโทษจริงๆ นะครับพี่”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ แต่พี่อยากขอให้ฤทธิ์ช่วยพี่พูดกับรามให้พี่ที”
ทรงวาดมองเรืองฤทธิ์อย่างขอร้อง เรืองฤทธิ์พยักหน้า ทำมองทรงวาดอย่างสงสาร
“ได้ครับ แล้วตอนนี้นายรามอยู่ที่ไหนครับ”

แสงกับเย็นกำลังตีสนุ้กด้วยกัน เย็นเล่าเรื่องรามให้แสงฟัง
“มันอยู่ในบาร์พี่ เป็นคนคุมบาร์แถวนั้น โอ๊ย บาร์มัน...มีแต่ตัวแหล่มๆ ทั้งนั้นเลย”
แสงตบหัวเย็นตาขวาง
“ตกลงแกไปสืบเรื่องไอ้รามให้พ่อเลี้ยงหรือไปเที่ยวผู้หญิงกันแน่”
เย็นหัวเราะแหะๆ
“ไปสืบสิพี่ ไม่งั้นผมจะรู้ได้ไง ว่ามันน่ะเลวตัวพ่อ ทั้งกินในบ่อน นอนในบาร์ ซ้อมหญิง ยิงแมงดา มันทำได้หมด ถ้ามันมาทำงานกับเรา มันต้องเป็นมือเป็นเท้า เป็นแขนเป็นขาพี่ได้แน่ๆ”
แสงคิดๆ
“เรื่องแบบนี้มันต้องพิสูจน์โว้ย”
แสงยิ้มเหี้ยมขณะที่ฝนไม้คิว

เย็นนั้น...รามกำลังเปิดข่าวดูจากอินเตอร์เน็ต ดูข่าวพ่อเลี้ยงปองธรรม จะไปงานเปิดตัวห้องเสื้อลูกสาวรามเอาสมุดปากกามาจด
“เทเรซ่า บูติก...เปิดวันที่...”
ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น รามชะงัก
“ใครน่ะ”
เรืองฤทธิ์ไม่ตอบ เพราะต้องการมาดูให้เห็นกับตาว่าเป็นรามจริงไหม รามรีบปิดโน้ตบุ๊กซ่อนใต้เตียง หยิบหนังสือพิมพ์ยับๆ ขึ้นมากองๆ เพื่อจัดฉากหันไป กระชากผ้าคลุมเตียงให้ยับๆเหมือนพวกสกปรก ไม่ดูแลห้องให้ดีๆ แล้วคว้าปืนไปซ่อนในอก เดินไปเปิดประตูออก เห็นเรืองฤทธิ์ยืนอยู่ รามอึ้งไป เรืองฤทธิ์มองตาค้าง ถลาเข้ามา
“ราม...รามใช่ไหม”
รามอึ้งตกใจรีบปิดประตูใส่หน้าทันที
“คุณจำคนผิดแล้ว”
เรืองฤทธิ์รีบทุบประตูอ้อนวอน
“อาเป็นอาของราม ไม่มีทางจำผิดหรอกเปิดประตูนะราม...เปิดประตูให้อาที”
รามอึ้ง กำมือแน่น...เรืองฤทธิ์มองประตูเครียด
“ถ้ารามไม่เปิด อาจะรออยู่ตรงนี้ล่ะ”
รามกลั้นใจ
“รอไปเถอะ ยังไงผมก็ไม่เปิด คุณไม่ใช่อาผม”
เรืองฤทธิ์คิดๆ

เริ่มมืดแล้ว รามเดินไปเดินมา แล้วทนไม่ได้ กระชากประตูออกเห็นเรืองฤทธิ์นั่งขัดสมาธิรออยู่หน้าห้อง รามตาแดงๆ รีบพยุงเรืองฤทธิ์ขึ้น
“อา! อาทำแบบนี้ทำไม”
เรืองฤทธิ์ยิ้มตาคลอๆ
“เพื่อได้เจอราม อาทำได้ทุกอย่าง”
รามเมินหน้าหนี
“อารู้ได้ไงว่าผมอยู่ที่นี่”
“พี่วาดบอก เขาไม่สบายมาก เลยอยากให้รามไปเยี่ยม”
รามอึ้ง ขบฟันแน่น
“เขากับผมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว”
เรืองฤทธิ์อึ้ง
“แต่...พี่วาด คิดถึงรามมาก เค้ารักรามเหมือนลูกแท้ๆนะ”
“ฮึ... ผมซาบซึ้งดีครับ อามีธุระกับผมแค่นี้ใช่มั้ย”
เรืองฤทธิ์ถอนใจ แต่พยักหน้ารับ
“แล้วรามทำอะไรอยู่ที่นี่”
รามอึ้ง ขณะเดียวกันนั้นห้องข้างๆ มีผู้ชายคนหนึ่งก้าวออกมา สักครู่มีสาวคนหนึ่งโผล่ออกมาโบกมือส่ง สาวหันมาเห็นรามกับเรืองฤทธิ์ ยิ้มให้เรืองฤทธิ์
“วันนี้พี่รามจะให้หนูช่วยดูแลเพื่อนให้พี่อีกไหมคะ”
เรืองฤทธิ์แอบพอใจที่รามกลายเป็นแมงดา แต่จ้องหน้าคาดคั้นราม ทำเป็นผิดหวัง
“บอกอาสิราม ว่ารามไม่ได้ทำอย่างที่อาคิด”
รามถอนหายใจ
“แล้วมันเป็นยังไงล่ะครับ ในเมื่อมันเป็นงานที่ผมชอบ อาช่วยอุดหนุนกิจการผมก็ดีนะครับ กระเป๋าหนักอย่างอาผมคงได้ส่วนแบ่งจากน้องๆเยอะทีเดียว”
เรืองฤทธิ์ทำผงะกับความจริง รามจ้องตาเรืองฤทธิ์
“ทำไม ราม”
“นี่ละผม...เพราะฉะนั้นคนดีๆอย่างอากับแม่ก็ไม่ควรจะมายุ่งกับผมอีก เราอยู่กันคนละโลกแล้ว”
รามเข้าห้องปิดประตู เรืองฤทธิ์ทำเป็นเรียก
“รามๆๆ ถึงยังไง รามก็ยังเป็นหลานอานะ อากับแม่ยังรอรามเสมอ ตอนนี้พี่วาดอยู่ที่โรงพยาบาล เขาคงจะอาการดีขึ้นถ้าได้เห็นราม”
รามยืนพิงประตู อัดอั้นใจ ทั้งรักทั้งแค้นทรงวาด

ทรงวาดนอนซึมอยู่บนเตียง กินข้าวเนือยๆ ทันใดนั้นมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทรงวาดมองๆ เห็นหน้าเรืองฤทธิ์ที่ช่องกระจกตรงประตูก็ตื่นเต้น ท่าทางสดใส นึกว่าพารามมาด้วย รีบหันมองกระจก จัดทรงผมให้เข้าที่
“เข้ามา”
เรืองฤทธิ์เดินมาแบบเครียดๆ ทรงวาดมองเห็นมาคนเดียว ซึมไปพูดไม่ออก เรืองฤทธิ์มองทรงวาด ทำเป็นปลอบใจ
“พอดีนายรามติดธุระน่ะครับ แต่ว่าจะตามมาวันหลัง”
ทรงวาดฝืนยิ้ม ทำเป็นไม่แคร์
“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ ไม่แปลกหรอกที่รามจะไม่มา เพราะ เขาคงยังไม่ลืมเรื่องลักษณ์ พี่เองก็ไม่เคยลืมเหมือนกัน”
ทรงวาดลงนอนทำเป็นดูทีวีแต่ตาเหม่อลอย เรืองฤทธิ์ถอยออก แอบโล่งใจที่ทรงวาดดูแย่ และรามไม่มา เพราะเขาไม่ต้องการให้รามกลับมาเพื่อรับมรดกทั้งหมด ที่เขาต้องการให้เป็นของตัวเอง
ทรงวาดคิดถึงเรื่องราวในอดีต...ค่ำคืนหนึ่ง ทรงวาดเพิ่งไปงานราตรีกลับมาเดินผ่านห้องนอนลักษณ์ซึ่งเป็นคู่แฝดของราม เธอเห็นประตูเปิดแง้มอยู่ แสงไฟลอดออกมา
“ลักษณ์ ยังไม่นอนหรือลูก”
ทรงวาดเปิดประตูเข้าไปแล้วอึ้ง เห็นลักษณ์นอนพาดครึ่งๆ ตัวเกือบตกเตียง หมดสติอยู่ ทรงวาดอ้าปากค้าง
“ลักษณ์!...ลักษณ์เป็นอะไรลูก...ลักษณ์พูดกับแม่สิ...ลักษณ์”
ทรงวาดกอดลักษณ์ที่สิ้นใจตายกับอกร้องไห้ตกใจ

เช้าวันต่อมา ทรงวาดนอนหลับอยู่บนเตียงในห้องพักฟื้นไข้ รามแง้มประตูมาแอบดูอยู่เห็นทรงวาดขยับตัว รามรีบปิดประตู ก้าวเดินออกไป ทรงวาดตื่น มองๆมาทางประตูรู้สึกว่ามีคนมาแอบมอง เลยตกใจตื่น พอเห็นไม่มีใครก็สะท้อนใจ
“ราม ลูกจะไม่อภัยให้แม่จริงๆ หรือ”
ทรงวาดคิดถึงรามสุดหัวใจ
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น เมขลาหิ้วกระเช้าผลไม้เข้ามาหน้าโรงพยาบาล เพื่อมาเยี่ยมทรงวาด ทันใดนั้นเธอก็เห็นรามเดินสวนมา เมขลารีบขยี้ตาแล้วตะโกน
“คุณ...คุณคนนั้นน่ะ...”
รามไม่ได้ยินเดินข้ามถนนไป เมขลารีบตาม
“คุณคนที่เป็นโรคลมชัก ลิ้นหัวใจรั่ว แล้วเป็นมะเร็งที่สมองน่ะ รอฉันด้วยสิ”
คนแถวๆนั้น เริ่มมองๆ นึกว่าเมขลาบ้า รามเริ่มเห็นความผิดปกติหันไป เห็นเมขลาพอดีก็ตกใจไม่อยากเจอ
“อ้าว! คุณ ไม่อยากจะเชื่อว่าเราจะโคจรมาเจอกันอีกจนได้”
“คุณเป็นยังไงบ้าง รอดมาได้ยังไง ก็ฉันเห็นคุณตกตึกไปกะตา”
รามรีบเอาตัวรอด
“อ๋อ ผมมันไอ้ตัวขี้โรค ยมบาลคงไม่อยากได้ตัวผมมั้ง...เออผมขอตัวก่อนนะ พอดีเพื่อนรออยู่”
รามจะไป เมขลารีบดึงไว้
“เดี๋ยวๆซิ แน่ใจนะว่าคุณโอเคแล้ว วันนั้นตำรวจไม่เห็นคุณใช่มั้ย ถ้าโดนจับไปคงแย่ ตำรวจที่นั่นไม่ค่อยยอมฟังอะไรซะด้วย”
รามอึ้ง แบบรู้สึกผิดขึ้นมาทันที
“นี่คุณโดนตำรวจที่นั่นจับด้วยเหรอ”
เมขลาพยักหน้า
“ใช่...แต่เขารู้แล้วว่าฉันเป็นผู้บริสุทธิ์...คุณโชคดีรอดมาได้ก็นับว่าบุญแล้ว มีอะไรลำบาก ก็บอกฉันได้นะ”
รามยิ่งอึกอักพูดไม่ออก พยักหน้าส่งๆไป
“แล้วนี่มาโรงพยาบาลเหรอ”
รามพยักหน้า
“ถ้ายังไงก็อย่าคิดสั้นอีกนะ”
“ขอบคุณมาก คุณเองก็...โชคดีนะ”
รามจะไป ขณะเดียวกันนั้นพวกนักเลงที่สะกดรอยตามรามมา มองเห็นรามมันพยักหน้าให้กัน รามชะงัก เมื่อเห็นพวกนักเลงวิ่งกรูเงื้อไม้กันเข้ามาเล่นงาน
“เฮ้ย...”
เมขลาฉุกใจมองตาม
“มีอะไรเหรอ”
รามรีบผลักเมขลาออกพ้นรัศมีการปะทะ
“หนีไป”

เมขลาตาค้าง มองรามถูกล้อมอยู่กลางวงนักเลง

อ่านต่อพรุ่งนี้







กำลังโหลดความคิดเห็น