xs
xsm
sm
md
lg

นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 8

เมขลาเดินไปมาอยู่ในห้องนอนของตัวเอง กังวลเรื่องที่รู้ว่ารามเข้าไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติด

“ลำพังแค่ไปทำงานในที่อโคจรก็ดึงกลับมายากพออยู่แล้ว นี่ดันไปฝังตัวกับไอ้พวกค้ายาอีก ถ้าคุณแม่รู้เข้า...เฮ้ย สงสารคุณแม่จริงๆ” เมขลานึกขึ้นได้ “พวกขายยาก็ต้องติดยาด้วยซิ”
เมขลาช็อกทรุดนั่งหมดแรงที่ขอบเตียง
ค่ำคืนนั้น...เมขลาคิดมากเรื่องรามติดยาถึงกับเก็บเอาไปนอนฝัน ภาพในฝัน...แสงกับพ่อค้ายายืนประจันหน้ากัน
“ไหนล่ะของ”
แสงหันไปทางราม
“ไอ้ราม”
รามถือกระเป๋าใส่ยาเดินมาหา แสง เปิดกระเป๋าให้ลูกค้าดู ลูกค้าพยักหน้า เย็นวิ่งเข้ามาแต่ไกลตะโกนลั่น
“พี่แสง พ่อเรามาโว้ย ยกกันมาเป็นกองร้อยเลยพี่”
“แล้วจะอยู่หาสวรรค์วิมานอะไรวะ เผ่นเร็ว”
ขาดคำของแสงทุกคนวิ่งกระเจิงคนละทาง ลูกค้ากับลูกน้องวิ่งหนีไปอีกทางมีตำรวจไล่ตาม แสงกับเย็นวิ่งขึ้นรถเร็วมาก รถพุ่งออกไปทันที รามตะครุบท้ายรถไม่ทัน
“อ้าวพี่เย็นพี่แสง เล่นทิ้งกันอย่างงี้ได้ไงอ่ะ”
ภาคภูมินำตำรวจกรูเข้ามา รามรีบถือกระเป๋ายาพุ่งหนีเข้าซอยตัน ภาคภูมิกับตำรวจไล่กวดยิงปืนเฉี่ยวหัว รามก้มหัวหลบ
“หยุด! ยอมมอบตัวซะดีๆ”
รามวิ่งหนีเข้าซอยแคบๆภาคภูมิกับตำรวจไล่ตาม รามใช้วีธีเจออะไรก็ปัดให้ล้มขวางทางตำรวจ เขาเห็นถังน้ำมันเปล่าที่ซ้อนกันอยู่ก็ผลักล้ม แล้วดันถังให้กลิ้งเข้าใส่พวกตำรวจ ภาคภูมิกระโดดหลบเซไป ถัง 2-3 ใบกลิ้งติดๆกันใส่กลุ่มตำรวจล้มกันหมด รามวิ่งหนีต่อ ภาคภูมิลุกยืน
“บอกให้หยุด ไม่งั้นฉันยิง”
รามไม่หยุด ภาคภูมิยิงใส่ แต่กระสุนพลาดเป้ายิงโดนสิ่งของใกล้ตัวของเขา ภาคภูมิไล่ตามต่อ รามวิ่งต่อไปหันหลังไปมองเห็นภาคภูมิตามมาติดๆ เขาหันไปข้างหน้ามองเห็นรถตุ๊กๆเก่าๆใกล้พังจอดอยู่ รามกระโดดขึ้นรถตุ๊กๆ ใช้วิธีต่อสายติดเครื่องเองโดยไม่ใช้กุญแจอย่างแคล่วคล่องรวดเร็ว
ภาคภูมิเห็นรามจะหนีรอด รีบวิ่งเร็วขึ้น พร้อมยกปืนจะยิงล้อรถ รถตุ๊กๆเครื่องติดพอดี รามซิ่งออกไป ภาคภูมิยิงไล่แต่ไม่โดนล้อ พอดีเห็นคนขี่มอเตอร์ไซด์วิ่งสวนมาเขาวิ่งออกไปขวางกางมือให้หยุด โชว์บัตรตำรวจให้ดู
“ผมเป็นตำรวจ ขอความร่วมมือด้วยครับ”
คนขี่รีบลงจากรถ ภาคภูมิดึงมอเตอร์ไซด์ไป ซิ่งตามทันที รามหันกลับมาเห็นภาคภูมิซิ่งมอเตอร์ไซด์ตาม
“ไม่ว่านายจะหนีไปไหน ฉันจะตามไปให้ถึงที่สุด แกไม่มีวันหนีพ้นเงื้อมือกฎหมายได้หรอก”
“เลิกคุยโม้ได้แล้วผู้กอง เหม็นขี้ฟัน”
ภาคภูมิยิงใส่ล้อรถตุ๊กๆ รามขับฉวัดเฉวียนหลบกระสุนซิ่งหนีไปตามตรอกแคบๆสุดท้ายภาคภูมิยิงเปรี้ยงโดนล้อ รถเสียหลักพุ่งไปข้างหน้ากำลังจะชนกำแพงที่เป็นซอยตันพอดี รามร้องลั่น
“เฮ้ยยยยย”
รามกระโจนออกจากรถกลิ้งไปที่พื้น พอจะพยุงตัวลุกขึ้น ภาคภูมิยืนอยู่ตรงหน้า จ่อปืนพร้อมยิง รามชะงักกึก ภาคภูมิยื่นอีกมือออกมา
“ส่งของกลางมานี่”
รามยกมือยอมแพ้ แล้วค่อยๆยื่นกระเป๋าให้ ภาคภูมิยื่นมือมารับกระเป๋าเล็งปืนไปตรงหน้า
“คนชั่วอย่างแก ทำให้เด็กมากมายต้องหมดอนาคต ฉันจะให้แกชดใช้ให้พ่อแม่พวกเขา ลงไปสำนึกผิดในนรกเถอะ”
เมขลาประคองทรงวาดวิ่งเข้ามา ทรงวาดตะโกนลั่น
“อย่า...อย่ายิงเขา”
ภาคภูมิยิงเปรี้ยงที่หน้าอก รามทรุดฮวบ เมขลากรีดร้อง
“รามมมมม”
เมขลากลิ้งตกจากเตียงลงมานอนที่พื้น แต่ยังไม่ลืมตาตื่นมือปัดป่ายไปมาปากก็ร้องลั่นไปด้วย
“อ๊ายยยย...ราม เขามอบตัวแล้ว ยิงเขาทำไม ไอ้ตำรวจบ้า”
ทรงวาดวิ่งเข้ามาตกใจที่เห็น เมขลานอนหงายโวยวายอยู่ที่พื้น ปรี่เข้าไปจับนั่ง
“หนูเม...หนูเม”
เมขลายังคงไม่ตื่นยังฝันต่อ
“เขาตายแล้ว เขาถูกยิง...คุณแม่...คุณแม่”
ทรงวาดตกใจเขย่าตัวเมขลาแรงๆให้ได้สติ
“ลืมตาซิจ๊ะ หนูเป็นอะไร”
เมลืมตาตื่นเห็นหน้าทรงวาด รีบจับมือทรงวาดเขย่าหน้าตาเหรอหราคิดว่าเรื่องในฝันเป็นเรื่องจริง ละล่ำละลักพูดออกมา
“คุณแม่ทำใจดีๆไว้นะคะ ถึงคุณแม่จะไม่มีเขาแล้ว คุณแม่ยังมีหนู หนูจะไม่มีวันทอดทิ้งคุณแม่”
ทรงวาดงงๆ มองหน้า
“แม่ไม่ได้เป็นอะไรนี่จ๊ะ หนูนั่นแหละฝันร้ายเหรอลูก”
เมขลาชะงักเริ่มรู้ตัว เหล่ตามองห้องนอน ทรงวาดมองหน้า
“หนูฝันถึงใครตาย ใครถูกยิง...รามเหรอ”
เมขลารู้ตัวว่าฝันไป รีบพูดกลบเกลื่อน
“โอ๊ย...ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่เขา เพื่อนค่ะ...เพื่อนที่เคยทำงานที่สายการบินด้วยกัน”
ทรงวาดยิ้มเอ็นดู
“โธ่เด็กเอ๊ย ในฝันคงเหมือนจริงมากใช่มั้ยจ๊ะ หนูถึงได้ตกใจมากมายขนาดนี้ ดูซิ เนื้อตัวสั่นไปหมด”
เมขลาพยักหน้าเพราะเหมือนเกิดขึ้นจริงๆ ทรงวาดกอดเมขลาแนบอกเหมือนแม่ปลอบลูก
“ไม่เป็นไรแล้วนะลูก โบราณว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดีจ๊ะ มีแม่อยู่ข้างๆหนู หนูไม่ต้องกลัวนะ”
เมขลารู้สึกอบอุ่นซาบซึ้งนึกถึงตอนเด็กๆ...ตอนนั้นเธออายุ 5 ขวบใส่ชุดนอนนั่งร้องไห้คนเดียวท่ามกลางความมืดอยู่ในห้องนอนของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ในขณะที่เด็กคนอื่นนอนหลับกันหมด
“ฮือๆๆๆ”
โรสได้ยินเสียงลุกนั่งมองๆแล้วถามอย่างไร้เดียงสา
“ร้องไห้ทำไมยัยเม ฉี่รดกางเกงอีกแล้วล่ะซิ”
“ฮือๆๆ เปล่าอ่ะ เราเห็นยักษ์ มันจะมาจับเรากิน ตัวมันใหญ่เบ้อเริ่ม แล้วยังมีเขี้ยวยาวเฟี้ยว น่ากลัวที่สุดเลยโรส”
“อ๋อ ฝันร้ายน่ะเอง” โรสกางแขนออก “น้าละมุนเคยกอดเราตอนเราฝันร้าย มาให้เรากอดให้มั้ย เมจะได้หายกลัวไง”
เมขลายังสะอึกสะอื้นส่ายหน้า
“ไม่เอาหรอก...เราอยากให้แม่มากอดเรามากกว่า”
โรสจีบปากจีบคอแบบเด็กแก่แดด
“ก็พวกเราไม่มีแม่ แล้วจะเอาแม่ที่ไหนมากอดเล่า งั้นเอาหมอนไปกอดแทนเลยไป ไม่อยากยุ่งด้วยแล้ว”
โรสส่งหมอนข้างเล็กๆเหี่ยวๆเก่าๆยัดใส่มือเมขลาอย่างรำคาญ ก่อนลงนอนหันหลังให้ เมขลาเบะปากจะร้องไห้เพราะอยากมีแม่
เมขลาอยู่ในอ้อมกอดของทรงวาด ยิ้มรู้สึกอบอุ่นกับอ้อมกอดที่โหยหา เธอรำพึงในใจ
‘ตอนนี้หัวใจของหนูมันเหมือนมีอะไรๆอุ่นๆไหลผ่านเข้ามา ความรู้สึกหนาวเย็นเหมือนตัวเองยืนตากฝนอยู่คนเดียวบนยอดเขาสูงๆ มันหายไปแล้วค่ะ อ้อมกอดของแม่มันอบอุ่นอย่างนี้นี่เอง’
เมขลายิ้มน้ำตาไหลไม่รู้ตัว ทรงวาดตกใจ
“ตายแล้วหนูเม หนูร้องไห้ทำไม”
เมขลารีบปาดน้ำตายิ้มให้ทรงวาด
“ค่ะหนูไม่เป็นแล้ว หนูขอกอดคุณแม่อีกทีได้มั้ยคะ”
ทรงวาดหัวเราะ
“ได้ซิจ๊ะ จะกอดอีกหลายๆทีก็ได้ แม่ไม่คิดตังค์หรอก”
เมขลากอดทรงวาดซบหน้าที่ไหล่รำพึงในใจ
‘ขอบคุณค่ะคุณแม่ หนูสัญญา หนูจะทำทุกอย่างให้คุณแม่มีความสุข’
เมขลาตั้งใจจะต้องดึงรามกลับมาเป็นคนดีเพื่อทรงวาดให้ได้

เมขลากดมือถือโทรหารุจ แล้วพูดทันที...
“ฉันอยากรู้ว่าเขาเล่นยาหรือเปล่า แกพอจะรู้มั้ยว่าฉันจะดูได้จากอะไรบ้าง”
รุจอยู่ในร้านอาหารคุยมือถือกับเมขลาไปด้วย
“ผีเห็นผีฉันพอจะรู้ แต่เรื่องเล่นยาบอกตรงๆว่าจนใจ เอางี้แกไปถามอากู๋เองแล้วกัน อากู๋จะบอกแกได้ทู๊กกอย่าง”
กิ๊กรุจป้อนผลไม้ใส่ปากให้รุจ
“อากู๋ไหนของแก ฉันไม่เคยมีญาติเป็นคนจีนนะยะ” เมขลางงๆ
รุจบอกอย่างรำคาญว่าให้เข้าไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต เมขลาจึงเข้าใจ
หลังจากที่วางสายจากรุจ เมขลาเข้ามาในห้องทำงานของทรงวาด เปิดคอมพิวเตอร์ ค้นหาข้อมูลวิธีสังเกตอาการของคนติดยาใน Google
“อากู๋เกิ้ลนี่เองที่ช่วยเราได้ โหมีเว็บขึ้นมาเพียบ” เธอคลิกเข้าไปอ่าน “แบบทดสอบเพื่อดูว่า คนในครอบครัวของคุณติดยาเสพติดหรือไม่ โปรดขีดถูกในข้อที่คิดว่าใช่”
เมขลารีบหยิบปากกามาจดๆยิกๆใส่สมุดโน้ตเล็กๆ

เย็นวันนั้น รามกลับมากำลังจะเดินเข้าบ้าน เมขลาโผล่มาด้านหลังจับไหล่ไว้
“เดี๋ยว”
รามไวมากตอบโต้อัตโนมัติตามสัญชาตญาณ หมุนตัวไปจับแขนแล้วบิดจนแขนของเธอไพล่ไปข้างหลัง โดนกดให้ก้มลง
“โอ๊ย...ทำบ้าอะไรเนี่ย ฉันเจ็บนะ”
รามตกใจเหมือนกันที่ทำรุนแรง รีบปล่อยทันที
“คุณเองเหรอ ก็ใครใช้ให้โผล่มาข้างหลังแบบนี้ ผมก็นึกว่าจะมีคนลอบทำร้ายน่ะซิ”
เมชลาตาโตนึกถึงแบบทดสอบทันที ข้อ1...คนติดยาจะมีพฤติกรรมหวาดระแวง ข้อนี้...ใช่เลย
“ก็ใครใช้ให้คุณกลับมาช้า รู้มั้ยว่าฉันรออยู่ตั้งนาน”
“น้อยๆหน่อย ผมต่างหากต้องถามคุณว่าหายไปไหนมา”
เมขลาสะดุ้งกลัวรามรู้ว่าตามเขาไป
“ทำไม คุณห่วงฉันเหรอ หรือว่า...คิดถึงเมียเจียนจะขาดใจ”
รามหมั่นไส้แกล้งยั่ว
“ผมเนี่ยนะคิดถึงคุณ ที่ถามเพราะอยากจะเตือนว่า อย่าทำตัวเป็นดาวพระศุกร์ให้แม่ผมสงสารหน่อยเลย มันเน่า”
เมขลาฉุนกึก
“ฉันก็อยากเตือนคุณว่า เลิกทำตัวเป็นเด็กมีปัญหาทำให้แม่คุณกลุ้มใจซะที”
รามโกรธ
“ถ้าผมเป็นเด็กมีปัญหา คุณมันก็เด็กขาดความอบอุ่น”
รามเดินหนีขึ้นข้างบน เมขลาพยายามคิดถึงสิ่งที่ฝึกมา...
“ถ้าผู้โดยสารใส่อารมณ์กับเรา เราต้องใจเย็นและคิดว่า เขาต้องการความช่วยเหลือจากเรา เราคือคนเดียวที่ช่วยเขาได้”

รามเข้ามาในห้องยืนมองไปที่เตียง รู้สึกจ๋อยๆ
“ย้ายห้องไปนอนที่อื่นจริงๆหรือ...ก็ดี ขอให้ย้ายแล้วย้ายเลยไม่ต้องกลับมา เราจะได้นอนหลับสนิทเป็นคืนแรก”
รามปลดตะขอกางเกง รูดซิบ ถอดลงมาได้ถึงสะโพก เมขลาหอบเสื้อผ้าเปิดประตูเข้ามาพอดี รามทั้งอายทั้งตกใจ
“เฮ้ย”
รามรีบดึงกางเกงขึ้นทันที เมขลาปาเสื้อใส่
“ห้องน้ำมีทำไมไม่เข้าไปถอดเสียให้เรียบร้อย”
“ผมนอนของผมคนเดียว อยากจะถอดตรงไหนก็ถอด แล้วคุณล่ะ ย้ายห้องไปแล้วกลับมาทำไม”
“พอดีฉันเพิ่งคิดได้ว่า ห้องนี้มันห้องนอนฉัน ใครกลัวติดหวัดก็ควรเป็นฝ่ายย้ายไปถึงจะถูก”
รามทิ้งตัวลงนอน
“เสียใจนะ ผมมันประเภทกะโหลกหนาตายช้า พวกเชื้อโรคมันทำอะไรผมไม่ได้หรอก”
เมขลามองกางเกงกับเสื้อผ้าชุดเดิมของเขา ก็ทำหน้าอี๊ย์รังเกียจสกปรก รีบหันหลังให้แล้วติ๊กในสมุดโน้ต ข้อ2...ขาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย สกปรก ข้อนี้ก็ใช่อีก
“มัวยืนทำอะไรอยู่ คนจะนอนไม่รีบดับไฟ”
เมขลาสะดุ้งหันกลับรีบเอาสมุดโน้ตซ่อนข้างหลัง เชิดหน้าทำปากยื่นปากยาวใส่
“ฉันชอบนอนเปิดไฟ”
“อือม์ ไอเดียดี เปิดไฟก็ดีเหมือนกันนะ จะได้เห็นอะไรๆชัดเจนกว่าที่เคย ผมจะได้เปรียบเทียบได้ถูกว่าขนาดเท่าซาลาเปา หรือแค่ไข่ดาว”
รามมองที่ตัว เมขลาทำปากอยากด่ารีบกระชับเสื้อผ้าหวั่นๆแต่ยังทำใจดีสู้เสือ
“อุ๊ย...ถ้าอยากรู้ก็ต้องพิสูจน์ซิคะ งั้นเดี๋ยวขอตัวไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนนะคะคุณสามี แน่จริงอย่าเพิ่งหลับล่ะ”
เมชลาตบแก้มรามเบาๆ แล้วรีบลุกลี้ลุกลนเดินเข้าห้องน้ำไป รามมองตามชักใจเต้น
“แน่จริงอย่าเพิ่งหลับ ก็หมายถึงให้เรารอ และหลังจากนั้นก็...”
รามรีบกระเด้งนั่งอดนึกถึงภาพต่อไปไม่ได้

เมขลาเข้ามาในห้องน้ำก็เปิดอ่านสมุดโน้ต
“ใช่ไปสองข้อแล้ว ทีนี้ก็ต้องพิสูจน์ข้อต่อไป...ข้อ3...คนติดยาที่ใช้วิธีฉีด จะมีรอยเข็มที่ท้องแขน สะโพกหัวไหล่ ชอบใส่เสื้อแขนยาวปกปิด”
เมขลากลอกตาไปมา แล้วมองไปที่มุมห้องน้ำ เห็นกะละมังพลาสติกเล็กๆวางอยู่
ทางด้านรามหยิบถุงยางจากที่ซ่อนไว้ในตู้เสื้อผ้ามาดู
“พี่เย็นอุตส่าห์ให้ไว้ จะเก็บไว้ทำไมให้เสียของ” รามเอาถุงยางยัดใส่กางเกง “แต่จะดีเหรอวะ เฮ้ย...คิดอะไรมากมาย ผัวเมียมันก็ต้องมีอะไรด้วยกัน ก็ถูกแล้ว ตำรวจไม่จับสักหน่อย”
รามปิดตู้เสื้อผ้าชะงัก จับคอเสื้อตัวเองดมแล้วหน้าแหยเพราะเหม็นมากรีบถอดออกคว้าเสื้อยืดแขนยาวมีกระดุมที่คอเสื้อ ในตู้ มาสวมแทนแล้วพุ่งไปหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง คว้าๆขวดน้ำหอมมาฉีดปิ๊ดๆ ที่คอขณะตาก็มองไปที่ประตูห้องน้ำ พอประตูจะเปิดเขาก็รีบกระโจนลงเตียงดึงผ้ามาห่มตัว แกล้งนอนหันหลังนิ่งๆรออย่างใจเต้นโครมคราม
เมขลาเปิดประตูห้องน้ำออกมาพร้อมกะละมังใส่น้ำ มองไปทางเขาที่นอนอยู่แล้วหายใจลึกๆข่มความกลัว รำพึงในใจ
‘ทำใจดีๆไว้เมขลา เธอจะต้องเอาชนะรามสูรตนนี้ให้ได้เพื่อคุณแม่...ลุย!’
เมขลาเดินไปข้างเตียง ยังถืออ่างเล็กๆไว้ แล้วยื่นหน้าไปมองหน้าเขาใกล้ๆ จนหายใจรดใส่เข้าหน้าเขา รามใจเต้นเสียงดัง รามครุ่นคิดในใจ
‘มันเสียงหัวใจใครวะเต้นดังเป็นบ้า เอ๊ะ...หรือของเรา’
เมขลาเขี่ยที่แขนรามสะกิดดูว่าหลับจริงหรือเปล่า
“นี่...คุณ หลับแล้วเหรอ”
รามรู้สึกว่าเมขลาอยู่ใกล้มากชักเขิน
“อื้อ”
“นอนทั้งๆที่ยังไม่อาบน้ำมันไม่ดีนะ ฉันจะช่วยเช็ดตัวให้”
เมขลาดึงผ้าห่มพ้นตัวของเขาออก ก็ตกใจเมื่อเห็นเขาใส่เสื้อยืดแขนยาวมิดชิด เมขลานิ่งคิดในใจ
‘คนติดยาชอบใส่เสื้อแขนยาวปิดแขน โอ๊ยจริงๆด้วย ไม่ได้แล้วต้องดูให้เห็นรอยเข็มกับตา’
คิดได้อย่างนั้นเมขลาก็แกล้งโวยวาย
“ตายล่ะ ใส่เสื้อแขนยาวอย่างนี้ไม่ร้อนหรือไง มา ฉันช่วยถอดให้นะคะ”
เมขลาจะดึงเสื้อ รามรีบลุกนั่งจับข้อมือไว้
“นี่คุณจะทำอะไรผมเนี่ย คิดจะแก้ผ้าผู้ชายตอนหลับเหรอหน้าไม่อาย”
“เราแต่งงานกันแล้วมันแปลกตรงไหน แล้วฉันก็ไม่คิดจะมีอะไรกับผู้ชายที่เนื้อตัวสกปรกหรอกนะ มันน่าคลื่นไส้”
รามเผลอหลุด
“แต่ผมฉีดน้ำหอมแล้ว”
เมขลาชะงัก
“อะไรนะ”
รามรู้ตัว พาลใส่
“ก็บอกว่าไม่ต้องมายุ่ง คืนนี้ผมไม่มีอารมณ์”
“ฉันถามอีกทีว่าจะถอดไม่ถอด”
“ไม่ถอด”
เมขลาสาดน้ำใส่เสื้อรามจนเปียก
“เฮ้ย นี่คุณ...ทำเกินไปแล้วนะ อย่าคิดว่าแม่ผมให้ท้ายคุณแล้ว อยากจะมารยาททรามยังไงก็ได้”
“ก็ขี่ม้าสามศอกไปฟ้องคุณแม่เลยซิ แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เสื้อมันเปียกซะแล้ว ถึงไม่อยากถอด ก็คงไม่ได้แล้วเนอะ”
รามโมโหกระชากตัวเมขลาล้มไปบนเตียง กะละมังกระเด็นหล่นไป เมขลาร้องกรี๊ดเพราะตกใจ
“งั้นผมถอดให้คุณก่อนแล้วกัน ผลัดกันถอด ผลัดกันทำคุณคงชอบหื่นๆแบบนี้ซินะ”
รามจะถอดเสื้อ เมขลาไม่ยอมง่ายๆ
“อุ้ยชอบที่สุด โดยเฉพาะเรื่องแก้ผ้าให้ผู้ชาย ฉันถนัด”
เมขลาพยายามดึงเสื้อของเขาออกจากตัว ส่วนรามก็ไม่ยอมจะถอดเสื้อเธอให้ได้ ทั้งสองคนกลิ้งเกลือกทับกันไปมา สุดท้ายเมขลาดึงเสื้อรามได้แต่คอเสื้อเล็กมากดันติดค้างที่หัวของเขาดึงไม่ออกคอเสื้อติดอยู่แถวใต้จมูก เมขลาพยายามกระชากให้หลุด รามเจ็บโวยวาย
“โอ๊ย...ผมมองไม่เห็น นี่คุณมีแผนจะฆาตกรรมผมเพื่อหวังสมบัติใช่มั้ย ปล่อย...ผมเจ็บ”
ป้าแจ่มกำลังเช็ดชามอยู่ใน ห้องครัวอยู่ชั้นล่างตรงกับห้องนอน ได้ยินเสียงเพดานดังโครมคราม ป้าแจ่มหัวเราะคิกคัก
“พรุ่งนี้เราต้องทอดไข่เพิ่มอีกหลายฟองแหงๆ”
เสียงโครม และเสียงรามร้องดังมา
“โอ๊ยยย ช่วยด้วย”

เมขลาเริ่มปฏิบัติการยกแขนรามขึ้นมาดูรอยฉีดเข็ม ในขณะที่รามพยายามดึงเสื้อตัวเองออกจากหัว เมขลาแปลกใจ
“ไม่มีรอย”
“เอาเสื้อออกไปจากหัวผมก่อน มันติดอะไรของมัน”
เมขลารีบสำรวจที่ไหล่
“ที่ไหล่ก็ไม่มี”
เมขลาดูแขนอีกข้าง
“ที่แขนนี่ก็ไม่มี”
รามดิ้นๆ
“มีซิมี...มันต้องติดอะไรแน่ กระดุมไง แกะกระดุมให้ผมที...โอ๊ย ผมจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว เสื้อมันปิดจมูกผม”
รามกลิ้งไปกลิ้งมาจะดึงเสื้อออกจากหัวให้ได้ เมรีบล้วงสมุดโน้ตจากกางเกงนอน แล้วติ๊กแบบทดสอบทันที
‘ข้อ3...คนติดยาที่ใช้วิธีฉีด จะมีรอยเข็มที่ท้องแขน สะโพกหัวไหล่ ข้อนี้ไม่ใช่’
เมขลานึกขึ้นได้
‘เขาอาจใช้วิธีกินก็ได้ ใช่แล้ว ข้อนี้ยังไม่มั่นใจ’
รามกระชากเสื้อจนคอหลุดจากเสื้อ เป็นจังหวะที่เขานั่งหมิ่นขอบเตียงจึงหงายหลัง
เมขลาเห็นรีบผวาเข้าไปเอื้อมมือจะคว้าไหล่รามไว้ แต่เท้าตัวเองดันบิดเสียหลักพุ่งไปกระแทกยิ่งทำให้เขาหงายหลังแรงขึ้น รามหล่นในท่าหงายหัวกระแทกพื้นแถมยังมีตัวเมขลาล้มทับตามมา เมขลาหัวกระแทกหัวของเขาอย่างแรงจนเขาสลบไป เมขลาก็หัวหมุนติ้วหมดสติปากประกบปากรามพอดิบพอดี สลบไปในท่าจุ๊บกัน


เช้าวันใหม่...รามเดินเจ็บหลัง สาเหตุจากเหตุการณ์ที่ตกเตียงเมื่อคืนต้องจับราวบันไดค่อยๆเดินลงทีละขั้น ทีละขั้น ป้าแจ่มถือถาดกาแฟ ยืนจ้องอยู่แอบหัวเราะหึๆ ทรงวาดเดินเข้ามาแอบยิ้มๆแล้วตีหน้าเฉย
“หลังเป็นอะไรไปเหรอ”
รามรีบยืดตัวตรง เสียงแข็งๆ
“ก็แค่เส้นยึดนิดหน่อย”
ทรงวาดหันไปสั่งป้าแจ่ม
“ไปเอาลูกประคบมาให้ฉันที”
รามยกมือห้ามพูดตัดบท
“ไม่ต้อง เรื่องแค่นี้ไม่ได้ใหญ่โตอะไร”
ทรงวาดพยายามอดทน หันไปสั่งป้าแจ่ม
“งั้นเอากาแฟขึ้นไปให้คุณฤทธิ์ไป”
รามแกล้งแสดงนิสัยแย่ๆ คว้ากาแฟจากถาดในมือป้าแจ่มมาซดอึกๆรวดเดียวหมด แล้ววางคืน ป้าแจ่มตาโตมองหน้าทรงวาด
“ขอบใจ ชงใหม่คงได้นะ ฝากบอกอาฤทธิ์ด้วยนะครับว่าผมจะไปทำงานเอง”
รามเดินออกไป ทรงวาดส่ายหน้าระอาใจกับกริยาของราม หันไปถามป้าแจ่ม
“คุณเมลงมาหรือยัง”
“ยังไม่เห็นเลยค่ะ สงสัยคงหมดแรงเดินไม่ไหว ก็เมื่อคืนสองคนขยันทำการบ้านกันถี่ยิบ แจ่มนอนนับทั้งคืนตั้งหลายสิบครั้ง มีหวังอีกไม่นานคุณท่านคงได้อุ้มคุณหนูตัวเล็กๆแน่ๆ”
ทรงวาดยิ้ม เรืองฤทธิ์ยืนอยู่ชั้นบนหน้าเคร่งเครียด

เมขลายังอยู่ในห้องนอนคุยโทรศัพท์กับรุจ
“ไม่มีทาง ฉันกินยาคุมป้องกันไว้แล้ว ฉันไม่ยอมให้ลูกฉันมีพ่อขี้ยาอย่างนายรามแน่”
รุจคุยโทรศัพท์อยู่ที่คอนโด อยู่ในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำ โพกศีรษะด้วยผ้าขนหนูเหมือนผู้หญิง
“แบบทดสอบที่แกบอกฉัน มันมีความเป็นไปได้หลายข้อว่าเขาอาจติดยาก็จริง แต่จะฟันธงร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ดูจะปรักปรำพ่อรามสูรของฉันเกินไปหรือเปล่า...ถ้าจะเอาผลร้อยเปอร์เซ็นต์ มันก็ต้องพึ่งโรงพยาบาล...แต่ว่า เขาคงไม่มีวันยอมให้แกจูงจมูกไปตรวจง่ายๆหรอกนะ แล้วแกจะทำยังไงมิทราบ”
เมชลาคิดหนักจะเอาไงดี สายตาของเธอมองไปเจอกระเป๋าตังค์ของเขาวางลืมไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง เธอเดินไปหยิบขึ้นมาดู แล้วดึงบัตรประชาชนออกมายิ้มพอใจรีบบอกรุจ
“ฉันมีวิธีแล้วรุจ”

รามนั่งอยู่ในรถ ครุ่นคิดเรื่องเมื่อเช้า
“ทำไมหัวมันมึนๆงงๆ นึกอะไรไม่ออกเลยวะเรา หรือจะโดนยัยนั่นเล่นคุณไสย”
รามนึกถึงตอนที่เขาตื่นนอนขึ้นมา เห็นเมขลาทับอยู่บนตัวของเขาปากจุ๊บอยู่ที่ปากเขา รามตัวแข็งทื่อ เมขลาลืมตาเห็นหน้าเขาจ่ออยู่ ปากตัวเองก็จุ๊บอยู่หน้าเขา เมขลาตาเหลือกจ้องตากัน ก่อนกรี๊ดร้องพร้อมกัน
“อ๊าย/เฮอ”
ทั้งคู่ผละออกจากกัน เมขลาเช็ดปาก
“คุณทำอะไรฉันอีกเนี่ย”
“ยังจะมาถามอีก เมื่อคืนคุณพยายามจะแก้ผ้าผม คิดจะปล้ำผม”
“จะบ้าเหรอ ฉันเป็นผู้หญิงจะมีแรงปล้ำคุณได้ยังไง”
“อ้าว...ก็คุณมานอนทับอยู่บนตัวผม หลักฐานเห็นชัดๆคาตา”
“ฉันทำอะไรบ้างคุณเห็นเหรอ งั้นเล่ามาซิฉันทำอะไร”
“ก็คุณ...” รามพูดไม่ออกบอกไม่ถูก “ก็ผมคงสลบไปจะรู้ได้ไง”
“งั้นก็อย่ามาพูดมั่วๆ ถ้าไม่มีหลักฐาน”
เมขลามองที่พื้นข้างตัวเห็นถุงยางที่ยังไม่ใช้ของรามตกอยู่ เธอไม่รู้ว่าเป็นอะไรหยิบขึ้นมาดู รามตกใจไปด้วย เมขลากรี๊ดร้องอีกรอบ
“อ๊าย...นี่มัน...นี่มัน คุณนั่นแหละตั้งใจขืนใจฉันอีก อี๊”
เมขลาปาถุงยางใส่ราม แล้วรีบวิ่งหนีเข้าห้องน้ำ รามเหลอหลามองถุงยางที่ยังไม่ได้ใช้


รามขยี้หัวตัวเองเซ็งๆ
“โอ๊ย...ถุงยางก็ดันลืมใช้อีกเรา”
รามถอนใจ สตาร์ตรถ แต่พอรถเคลื่อนออกไป ป้าแจ่มวิ่งหน้าตื่นออกมาตบประตูเรียกราม
“คุณรามคะ อย่าเพิ่งไปค่ะ ออกมาก่อนค่ะ”
รามเปิดหน้าต่าง
“มีอะไร”
“คุณเมค่ะ คุณเมเธอ เป็นลมกลิ้งตกบันไดหัวฟาดพื้นค่ะ”
รามรีบลงจากรถ วิ่งไปหน้าตึกเจอทรงวาดประคองเมขลาเดินออกมาพอดี รามหน้าตื่นเพราะเผลอตัวเป็นห่วง
“เขาเป็นอะไรมากมั้ย หัวแตกหรือเปล่า รีบไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย ผมพาไปเองครับ”
รามรีบเข้ามาประคอง เมขลางงพอๆ กับทรงวาด
“น้องแค่หน้ามืดจะเป็นลม ไม่ถึงขั้นหัวต่งหัวแตกหรอกลูก”
รามเขินรีบคืนเมขลาให้ทรงวาด
“ถ้าไม่เป็นอะไรมาก ผมไปทำงานนะครับ”
เมขลารีบแกล้งสำออย
“โอ๊ย...เมหน้ามืดอีกแล้วค่ะคุณแม่ โลกหมุนติ้วๆไปหมด”
ทรงวาดรีบประคอง
“รามรีบพาน้องไปหาหมอเถอะลูก”
เมขลายิ้มเจ้าเล่ห์ เพราะไม่ได้เป็นลมจริง

รามพาเมขลามาหาหมอที่โรงพยาบาล แล้วแอบไปยืนคุยโทรศัพท์กับธิดาห่างๆ
“ผมคงต้องขอไปสายหน่อยนะครับคุณเทเรซ่า เพราะผมต้องพาคุณแม่มาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล”
เมขลายืนอยู่หน้าห้องตรวจ ประชาสัมพันธ์เข้ามาถาม
“ผู้ป่วยคนไหนคะที่จะตรวจสารเสพติด”
เมขลาเลิ่กลั่กๆมองไปทางรามกลัวเขารู้ บอกประชาสัมพันธ์เบาๆ
“สามีดิฉันเองค่ะ”
ประชาสัมพันธ์ยื่นเอกสารให้
“รบกวนช่วยกรอกประวัติก่อนนะคะ ขอบัตรประชาชนของผู้ตรวจด้วยค่ะ”
เมขลารีบควักบัตรประชาชนออกจากกระเป๋าตังค์ของรามออกมาส่งให้ ประชาสัมพันธ์หันไปกรอกข้อมูลบัตรประชาชนลงคอมพิวเตอร์ เมขลายืนกรอกประวัติแทนราม


รามนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่ โดยมีเมขลานั่งข้างๆแอบมองกระเป๋าตังค์ของเขาในมือตัวเองคิดๆว่าจะคืนกระเป๋ารามยังไงดี เธอตัดสินใจหย่อนกระเป๋าตังค์ให้หล่นที่พื้นข้างรองเท้าของเขา
“อุ้ย นั่นกระเป๋าใครทำตกไว้ ของคุณหรือเปล่า”
รามมองตาม รีบหยิบมามองอย่างสงสัย
“มันหล่นไปได้ยังไง”
เมขลาแย่งกระเป๋าไปจากมือ
“ความจริงคุณน่าจะจ่ายค่าเลี้ยงดูให้ฉันบ้างนะ”
รามกระชากคืนไป
“คุณสูบเงินจากแม่ผมยังไม่พออีกเหรอ”
“เงินคุณแม่ก็ส่วนคุณแม่ เงินคุณก็ส่วนเงินคุณ เอามารวมกันได้ยังไง”
รามแค้นๆด่าในใจ
‘ยัยงก’
ขณะเดียวกันนั้นเสียงประกาศเรียกดังขัดจังหวะเข้ามาพอดี
“ขอเชิญคุณรามที่ห้องชันสูตรโรค”
รามงงๆ มองหน้าเมขลา
“นั่นมันชื่อผมนี่ แล้ว...เฮ้ย เขามาเรียกชื่อผมทำไม”
รามจำใจต้องเข้าไปในแผนกชันสูตรโรค พยาบาลยื่นขวดใส่ปัสสาวะให้ข้างขวดมีเทปกาวขุ่นแปะไว้
“ขอตัวอย่างปัสสาวะด้วยค่ะ เสร็จแล้วอย่าลืมเขียนชื่อบนเทปก่อนเอามาส่งคืนนะคะ”
เมขลารับขวดแทน พยาบาลออกไป รามมึนๆ
“ตรวจปัสสาวะ ทำไมจะต้องตรวจ คุณปวดหัวแล้วมันมาเกี่ยวอะไรกับผมด้วย”
เมขลายัดขวดใส่มือราม
“ไหนๆก็มาโรงพยาบาลแล้ว เราน่าจะตรวจร่างกายก่อนแต่งงานสักหน่อยนะ เพราะเรายังไม่เคยตรวจกันเลย”
“คุณปวดหัวจนสมองบวมไปแล้วเหรอ เขาตรวจก่อนแต่ง มาตรวจอะไรเอาตอนนี้ มันสายไปแล้วคุณ”
“เรื่องโรคภัยไข้เจ็บไม่มีคำว่าสายไป ถ้าเรารีบตรวจซะตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้รักษากันทัน”
“ผมไม่ตรวจ คุณอยากตรวจก็ตรวจไปคนเดียว ผมจะไปทำงานแล้ว”
รามเดินหนี ขณะเดียวกันนั้นภาคภูมิเปิดประตูออกมาจากห้องแล็บ พร้อมผู้ต้องหาติดยา และตำรวจผู้ช่วยอีกคน ตำรวจผลักผู้ต้องหาให้เดิน
“ฉันเดินดีๆเป็น ไม่ต้องมาผลัก” ผู้ต้องหาโวยวาย
ภาคภูมิกระชากคอเสื้อ
“ถ้าผลตรวจออกมาเป็นอย่างที่ฉันคิด แกหายซ่าส์แน่ พามันไป”
“ครับผู้กอง”
รามกลัวภาคภูมิเห็น รีบคว้าขวดในมือเมขลา
“ตรวจก็ได้...เอามานี่”
รามรีบวิ่งหลบเข้าห้องน้ำทันที เมขลารีบตามไป ตำรวจพาผู้ต้องหาเดินไปทางห้องน้ำที่รามหลบเข้าไป
รามเข้ามาในห้องน้ำอย่างหงุดหงิด
“ไอ้ผู้กองนั่นทำไมจะต้องโผล่มาตอนนี้ด้วย ถ้าไม่เพราะกลัวเจอหน้ามัน อย่าหวังว่าฉันจะยอมทำอะไรบ้าๆอย่างนี้”

รามมองขวดในมืออย่างสุดเซ็ง

อ่านต่อหน้า 2





นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 8 (ต่อ)

รามเดินออกมาจากห้องน้ำ หลังจากฉี่ใส่ขวดเรียบร้อยแล้ววางขวดใส่ฉี่บนขอบอ่าง หันไปดึงทิชชู่ข้างผนังเพื่อเช็ดมือหันหลังให้ผู้ต้องหา ผู้ต้องหาเล็งขวดฉี่ของราม แล้วหันไปทางตำรวจที่กำลังยืนปัสสาวะที่โถไม่ได้มองมา ผู้ต้องหารีบสลับขวดปัสสาวะของตัวเองกับรามอย่างรวดเร็ว

รามหันกลับมาหยิบขวดของผู้ต้องหาไป มองผู้ต้องหานิดหน่อยตามนิสัยตำรวจ ก่อนนึกขึ้นได้หยิบปากกาที่กระเป๋าเสื้อมาเขียนชื่อลงบนเทปกาวหน้าขวดเดินออกไป
เมื่อเดินออกมาด้านนอก รามหน้าตาบึ้งตึงเดินหนีเมขลา
“คุณอยากไปไหนก็ไปก่อนได้เลยนะ ไม่ต้องห่วงฉัน ฉันจะรอฟังผลตรวจร่างกายเอง”
รามหันขวับไปหา
“ผมไปอยู่แล้ว ขืนอยู่กับคุณต่ออีกแค่นาทีเดียว ผมอาจจะ...” รามกางนิ้วทำท่าอยากบีบคอ “บีบคอผู้หญิงแหลกคามือเป็นครั้งแรกในชีวิต”
เมขลายิ้มหน้าเป็น
“ฉันยินดีตายคามือคุณค่ะที่รักขา แล้วเจอกันเย็นนี้นะคะเลิฟยู”
รามด่าขมุบขมิบ แล้วเดินไป เมขลากำหมัด
“สำเร็จ !”

ที่บ้านธนู...ลูกน้องช่วยกันประคองเฉพาะไห วางบนโต๊ะในแนวนอน ธนูยืนข้างไหมือยังติดหนึบอยู่ในไห เขาพยักหน้าให้ ลูกน้องยกค้อนอันใหญ่ขึ้นเหนือหัวแล้วฟาดเปรี้ยงลงไป ไหแตกกระจาย ลูกน้องทั้งหมดร้องเฮดีใจ
ธนูหัวเราะตามไปด้วยแต่จู่ๆรู้สึกเจ็บ ก้มมองมือยกมือขึ้นดูมีเลือดออกมา ธนูแหกปากร้องลั่น

รามขับรถของธิดาเข้ามาในบ้านทรงธรรม เย็นเซถลามาขวางหน้ารถ รามเบรกตัวโก่ง
“เฮ้ยยย ระวัง!”
เย็นล้มไปแปะหน้ากระโปรงรถราม
“พี่เย็น”
รามรีบลงจากรถ ประคองเย็นมุมปากเย็นมีเลือดซึมๆ
“ใครทำพี่ บอกผมมา”
“ฝีมืออย่างพี่ ใครหน้าไหนมันจะกล้าหือ แต่พี่ดันวิ่งไปชนหมัดมันเอง เฮ้ย...ระวัง ไอ้ราม”
ทันใดนั้น ลูกน้องของธนูยืนอยู่ด้านหลังรามจะยิงปืนใส่ รามหันไปเตะปืนกระเด็น พุ่งเข้าจับด้านหลังคอแล้วจับหัวโขกกระโปรงรถ
“เอามันให้หนักไอ้น้องพี่ เอาอีก สาม สี่ ห้า” เย็นนับจำนวนโขก
รามมองไปเห็นแสงโดนลูกน้องธนู 2 คนจับแขนไว้ ธนูพันแผลที่มือขวามือบวมใหญ่โตมาก ใช้มือซ้ายชกใส่ท้องแสง รามปล่อยมือจากคอลูกน้องธนู ผละไป ลูกน้องธนูยังคงเอาหัวโขกกระโปรงรถเองต่อไป โดยมีเย็นนับต่อ
“หก เจ็ด แปด...”
ลูกน้องธนูหยุดโขกเงยหน้ามองเย็นอย่างโกรธจัด
“แกตาย”
“เฮ้ย...ไม่เกี่ยวกับข้านะเว้ย”
เย็นร้องจ๊ากวิ่งหนีไปทางราม ลูกน้องธนูหยิบปืนที่พื้นไล่ตาม ขณะเดียวกันนั้น ธนูชักปืนจะยิงแสง รามพุ่งเข้ามาจับข้อมือซ้ายธนูบิดปืนตก ธนูยกมือข้างขวาที่พันแผลไว้จะชกราม แต่ชะงักเพราะนึกขึ้นได้ว่ามือตัวเองเจ็บ รามถือโอกาสล็อกต้นแขนข้างซ้ายธนูไว้ไม่ยอมปล่อย ขณะที่ลูกน้องธนูอีกสองคนปล่อยมือจากแขนแสง แล้วเข้าชกต่อยราม
รามดึงตัวธนูมาเป็นเครื่องกำบังไว้ พอลูกน้องชกก็โดนหน้าธนูแทน
“โอ๊ย”
ลูกน้องธนูยกมือไหว้
“โทษครับลูกพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมจะเล่นมันไม่ใช่ลูกพี่”
เย็นวิ่งมาหยุดหลังแสง ลูกน้องธนูที่วิ่งไล่เย็นมายืนเงอะงะ ไม่รู้จะเอาไงต่อเมื่อเห็นหัวหน้าโดนจับอยู่ ธนูตะวาดสั่ง
“ยืนเซ่อทำไมเล่า ยิงมันให้กระจุยเลย”
ธนูบิดมือพยายามจะให้หลุดจากราม ลูกน้องธนูจะยิงใส่ รามไม่ปล่อยหมุนตัวเอาธนูมากำบังไว้อีก
“เอาเลยเลือกยิงได้ตามสบาย ตรงหัวใจนี่ก็เหมาะ”
ธนูร้องลั่น
“อย่า...อย่า...อย่ายิงนะโว้ย”
ลูกน้องธนูไม่กล้ายิงแต่เล็งปืนไว้ ทันใดนั้นเสียงเทวัญดังขึ้น
“ทำอะไรกัน”
เทวัญเดินเข้ามา แสงรีบบอก
“พวกเสี่ยชิตบุกรุกเข้ามา ทำร้ายพวกเราครับคุณเทวัญ”
“เสี่ยชิตส่งฉันมาเจรจากับพ่อเลี้ยง” ธนูพูดขึ้น
เทวัญมองราม
“ปล่อยเขา”
รามทำตาม เทวัญมองหน้าธนู
“ถ้าจะมาคุยกันในฐานะคนทำธุรกิจร่วมกัน ก็ขอเชิญข้างใน”
เทวัญเดินนำไป ธนูกับลูกน้องเดินอย่างระวังๆเข้าไป แสงกับเย็นคุมด้านหลัง รามจะตามไปดูด้วย แสงหันมาสั่ง
“ไปทำงานตามหน้าที่แก ไม่ต้องตามเข้าไป”
รามหยุดกึก เย็นพยักเพยิดให้รามทำตามแสง แล้วรีบตามแสงเข้าตึกไป รามเสียดาย
“ไอ้พวกนี้มันมาที่นี่ทำไมอีก มีเรื่องอะไรที่ต้องเจรจากัน”

รามเดินย่องๆมองซ้ายมองขวาเพื่อดูว่าพวกธนูอยู่ที่ไหน รามหยุดที่ห้องประชุม มั่นใจว่าอยู่ข้างใน เขาหยิบเครื่องมือแอบดูเป็นโลหะกลมๆเล็กๆขนาดเท่ากระดุม ทำงานบันทึกภาพคล้ายวีดีโอไร้สายออกมาแปะติดที่ช่องประตูลูกบิดแล้วรีบหลบไปแอบอีกห้องใกล้ๆซึ่งเป็นห้องออกกำลังกายของธิดา รามกวาดสายตาทั่วห้องอย่างรวดเร็วไม่พบใคร รีบเปิดมือถือพร้อมใส่หูฟังเห็นภาพภายในห้องปรากฏบนจอมือถือ เป็นภาพเทวัญนั่งอยู่โดยมี แสงกับเย็นและลูกน้องปองธรรมยืนข้างๆ ส่วนธนูและลูกน้องอีก 5 คนยืนตรงข้ามกับเทวัญ ธนูหน้าเรียบเฉยไม่เกรงกลัวใคร
“เสี่ยชิตให้ฉันมาทวงถาม เงินที่พวกแกอมไปวันนั้น”
แสงไม่พอใจ
“เฮ้ยพูดให้ดีๆ วันนั้นแกก็ได้ของไปแล้ว จะมาทวงเอาเงินหาสวรรค์วิมานอะไรอีก”
“พวกแกอย่ามาตุกติก ไอ้ไหบ้านั่น มันเป็นไหเปล่า” ธนูโวย
“แกอมของไว้ แล้วทำไก๋ว่าไม่มีมากกว่า” แสงแย้ง
“ใช่...แน่จริงก็เอาไหมาดูกันเลย เอามาเลย” เย็นท้า
ธนูแค้นมากเรื่องมือติดไห
“มันแตกไปแล้วโว้ย ใครมันคิดวิธีบรรจุของใส่ไหวะ วิธีอื่นมีตั้งมากมาย ทำให้มือฉันต้องเป็นอย่างนี้”
ธนูชูมือขวาที่เจ็บ เย็นขำที่เห็นธนูมือบวมใหญ่
“ฮ่าๆ สมน้ำหน้า ดันโง่เอง”
ลูกน้องธนูทุกคนเล็งปืนใส่เย็นทันที เย็นชักปืน
“อย่าแหยมกับพวกฉัน”
แสงกับเย็นและลูกน้องทั้งหมด เล็งปืนจ้องกลับไปทันควัน แต่เย็นดันหันด้ามปืนไปทางลูกน้องของธนู
แสงถลึงตาใส่ เย็นเลิ่กลั่กรีบหันด้านกระบอกปืนเล็งใส่ ธนูชักปืนด้วยมือข้างซ้ายพร้อมลุย เทวัญรีบลุกยืน ร้องห้าม
“อย่าพี่แสง” เทวัญหันไปพูดกับธนู “เรื่องเงินเราไม่มีให้หรอก เพราะโดนไหม้ไปพร้อมโกดังวันนั้นแล้ว”
ธนูไม่พอใจ
“โกหก...มันเป็นแผนที่พวกแกวางไว้มากกว่า”
ปองธรรมเข้ามา
“ใครปล่อยให้หมามันมาเดินเพ่นพ่านอยู่ในนี้ แถมยังเห่าหอนไม่เกรงใจเจ้าของบ้าน”
ทุกคนมองไปทางปองธรรม


รามดูความเคลื่อนไหวในมือถือ ขณะที่ธิดาอยู่ในชุดออกกำลังกายเซ็กซี่ เอียงตัวนอนหลับอยู่ที่โซฟาซึ่งตั้งอยู่ในลักษณะหันหลังให้ มีพนักพิงบังไว้ทำให้รามไม่เห็นธิดา
ขณะเดียวกัน ปองธรรมตบหน้าลูกน้องธนูฉาดใหญ่ ลูกน้องปองธรรมยังเล็งปืนไปที่ฝ่ายธนู
“ใครกล้าใช้อาวุธในบ้านฉัน เท่ากับไม่เห็นหัวฉัน กลับไปบอกเสี่ยชิต ว่าคนอย่างปองธรรมค้าขายตรงไปตรงมา ถ้าไม่พอใจก็เลิกค้ากันแค่นี้ออกไป!”
ธนูมองปองธรรมตาแข็งกร้าว แต่ไม่ตอบโต้
“ผมจะเอาคำพูดของพ่อเลี้ยง ไปถ่ายทอดให้เจ้านายผมฟังทุกคำ!ไม่ให้ตกหล่นแม้แต่คำเดียว”
ธนูออกไป ลูกน้องตาม รามยังดูความเคลื่อนไหวในห้องประชุมในจอมือถือ เห็นเทวัญเปิดประตูออกจากห้อง
ธิดาขยับตัวตื่นค่อยๆโผล่หัวพ้นโซฟา มองไปเห็นรามยืนหันหลังให้บริเวณใกล้ประตู เธอสงสัยว่าเขาทำอะไรดูลับๆล่อๆ เธอค่อยๆเดินเข้าไปด้านหลังของเขา รามยังมองจอมือถือแต่พอธิดาเข้าใกล้เขาก็เริ่มรู้ตัวว่ามีคนอยู่ด้านหลัง ตัดสินใจชักมีดจากเอวอย่างรวดเร็ว หมุนขวับไปหาธิดาจับบ่าจนเธอล้มนอนหงายบนพื้น
พร้อมๆกับมีดจอที่คอหอยพอดิบพอดี รามตาค้างที่เห็นชัดๆว่าคือธิดา
ธิดาตกใจจนอ้าปากร้องกรี๊ดออกมาได้หน่อยนึง รามรีบปิดปากทันที
“ขอโทษครับคุณเทเรซ่า ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่รู้ว่าเป็นคุณ คิดว่าเป็นผู้ร้าย พวก...พวกศัตรูของพ่อเลี้ยง”
ธิดามองมีดที่ยังจ่อที่คอ เทวัญเปิดประตูเข้ามาเห็นพอดีตกใจมาก เข้าไปเตะข้อมือรามจนมีดกระเด็น
รามไม่สู้ เทวัญขยุ้มคอเสื้อราม
“นายคิดจะทำอะไรน้องสาวฉัน”
ธิดารีบลุกนั่ง
“อย่าทำเขานะพี่เทพ”
“แต่พี่เห็นรามจะทำร้ายน้อง”
ธิดารีบโกหก
“น้องเป็นคนสั่งให้เขา สอนวิธีป้องกันตัวให้น้องต่างหากล่ะ”
เทวัญหน้าอ่อนลง ปล่อยมือจากคอเสื้อ รามโล่งอก

รามเดินคุยกับธิดาในสวน...
“ฉันอยากจะรู้ว่านายไปยืนลับๆล่อๆอยู่ในห้องนั้นทำไม”
“ก็พี่เย็นบอกผมว่า คุณเทเรซ่าอยู่ที่ห้องออกกำลังกาย ผมก็เลยตามเข้าไป แต่ก็ไม่เห็น เลยพยายามจะโทรศัพท์รายงานว่าผมมาถึงแล้ว”
“แล้วไป...นึกว่านายแฝงตัวมาเป็นสปายซะอีก”
รามใจหายวาบ รีบทำเป็นยิ้มกลบเกลื่อน
“โธ่อย่างผมนะ คงเป็นได้แค่นักเลงกระจอกๆเท่านั้นแหละครับ”
ธิดารีบโอบรอบคอราม
“ไม่ต้องห่วง...ถ้านายอยู่กับฉัน นายจะได้เป็นทุกอย่างที่ อยากเป็นแม้กระทั่ง...”
ธิดาทำตาเยิ้มใส่ รามทำเป็นไม่เข้าใจ
“ลูกน้องคนสนิทของพ่อเลี้ยงใช่มั้ยครับ”
ธิดาหน้างอ
“ฉันไม่อนุญาต ถ้าไม่อยากทำงานกับฉัน ก็ลาออกไปเลย”
ธิดาน้อยใจสะบัดหน้าพรืดออกไป

เมขลายืนรอผลตรวจอยู่หน้าห้อง สักครู่เจ้าหน้าที่ก็ยื่นผลตรวจให้ เมขลารีบเปิดดูผลตรวจ มองหน้าเจ้าหน้าที่ห้อง LAB
.ขณะเดียวกันนั้น ภาคภูมิเดินออกมา สายตายังจับอยู่ที่ผลการตรวจปัสสาวะของผู้ต้องหา
“ไม่พบสารเสพติด มันเป็นไปได้ยังไง”
เมขลาเดินเซื่องซึมออกมาจากห้องตรวจตรงข้าม ภาคภูมิเห็นจำได้
“คุณ”
เมขลาเห็นภาคภูมิสะดุ้งเฮือก รีบกอดผลตรวจของรามไว้แน่น กลัวรามโดนจับ ภาคภูมิมองอย่างสงสัย
“เห็นผมทำไมต้องตกใจด้วย จะมีแต่คนทำผิดเท่านั้นที่กลัวตำรวจ หรือคุณกำลังทำอะไรผิด”
“ฉันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย เพราะฉันเหม็นขี้หน้าคุณผิดกฎหมายด้วยหรือเปล่า”
เมชลาเดินเร็วๆหนี ยิ่งทำให้ภาคภูมิสงสัยในอาการ
“แต่คุณมีพิรุธ ผมมีสิทธิ์ตรวจค้นตัว”
ภาคภูมิตามไป เมขลาหันไปเห็นว่าโดนตามรีบวิ่งหนี ภาคภูมิจะวิ่งตามแต่มือถือดังขึ้นเสียก่อนรีบกดรับสาย
“ทราบผลตรวจแล้วครับสารวัตร ผมจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้”
ภาคภูมิมองตรงไป เมขลาหายวับไปแล้ว

เช้าวันใหม่...เมื่อมาถึงในบริษัท เรืองฤทธิ์ปรึกษากับจักร อย่างเคร่งเครียดเรื่องของเมขลา
“อย่ากังวลไปเลยครับคุณฤทธิ์ สองคนนั่นเพิ่งแต่งงานไม่กี่วัน เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นลมเพราะแพ้ท้อง”
เรืองฤทธิ์ลุกเดิน
“แต่สักวันมันก็ต้องท้อง ฉันต้องรีบทำให้ยัยเมพ้นไปจากรัตนมณีให้เร็วที่สุด ก่อนที่มันจะมีทายาท มาแย่งสมบัติฉันเพิ่มขึ้นมาอีกคน”
“จ้างมือดีๆสักสองคนอุ้มไป...” จักรเอามือทำท่าปาดคอ “ดีมั้ยครับ”
“ไม่ได้ ฉันไม่อยากให้ตำรวจเข้ามาเกี่ยว มันจะกระทบไปถึงการค้าของเรา”
ทันใดนั้น เมขลาเปิดประตูเข้ามา หน้าตาร้อนรนสุดๆ
“คุณอาคะ หนูมีเรื่องสำคัญ สำคัญมากๆที่ต้องคุยกับคุณอา” เมขลามองจักร “เป็นการส่วนตัวเดี๋ยวนี้ค่ะ”
เรืองฤทธิ์พยักหน้าให้

เรืองฤทธิ์พาเมขลามาคุยกันที่ร้านกาแฟใกล้บริษัท เรืองฤทธิ์ดูผลการตรวจในมือ
“เขาเล่นหนักถึงขั้นเฮโรอีน คุณอาก็รู้ดีใช่มั้ยคะ แล้วทำไมคุณอาไม่รั้งเขาไว้ ทนเห็นเขาเป็นทาสยานรกโดยไม่ทำอะไรเลยได้ยังไง”
เรืองฤทธิ์ตีหน้าเสียใจ
“หนูเมคิดว่าอาสบายใจอย่างนั้นเหรอ ทุกคืนอาต้องนอนฝันร้าย เห็นพ่อเขายืนชี้หน้าด่าอา ว่าไม่ดูแลหลานให้ดี แต่รามเคยฟังใครที่ไหน ถ้าอาทำรุนแรงไป เรื่องนี้ก็ต้องไปถึงหู พี่วาด แล้วพี่วาดจะทนรับไหวเหรอ”
เมขลาหลงเชื่อ น้ำเสียงอ่อนลงเพราะสงสาร
“เมขอโทษค่ะที่เข้าใจคุณอาผิด”
“หนูรู้ความจริงอย่างนี้แล้ว คิดจะทำยังไงต่อไป”
“เมอยากพาเขาไปบำบัด แต่ไม่รู้จะพูดกับเขายังไงดี”
เรืองฤทธิ์คิดๆเพราะไม่อยากให้รามหาย
“อาจะลองขอร้องเขาดูอีกที ของแบบนี้ต้องค่อยๆตะล่อม คนอย่างรามถ้าใช้ไม้แข็งเขาไม่มีวันยอม”
เมขลายิ้มออก รีบจับมือเรืองฤทธิ์
“ขอบคุณค่ะคุณอา”
เรืองฤทธิ์แววตาเย้ยหยันในความโง่ของเมขลา


เย็นนั้น...เมขลาปีนบันได กำลังพยายามจะเปิดฝาโคมไฟบนเพดานห้องนอน
“ในเว็บบอกว่า พวกเสพยา ชอบซ่อนเข็ม ซ่อนยาไว้ตามฝ้าเพดาน หรือไม่ก็ในโคมไฟที่ยากต่อคนพบเห็นได้ง่ายๆ เราต้องทำลายมันให้หมด”
ทรงวาดเปิดประตูเข้ามาพร้อมป้าแจ่ม ทรงวาดตกใจที่เห็นเมขลาปีนอยู่บนบันได
“หนูเม...ตายแล้วหนูขึ้นไปทำอะไรบนนั้น”
เมขลาตกใจไม่ทันได้ระวังตัว
“คุณแม่...อ๊าย...ว้าย...โอ๊ยๆๆๆ”
เมขลาเสียการทรงตัว หงายหลังร่วงละลิ่วลงมา ทรงวาดกับป้าแจ่มร้องลั่น
“ว้าย”
เมขลานอนเดี้ยงตกลงไปบนเตียงพอดิบพอดี
“อู๊ยย...อ่อย” เมขลาจับก้น
“เป็นยังไงบ้างจ๊ะ กระดูกตรงไหนหักหรือเปล่า” ทรงวาดถามอย่างเป็นห่วง
“เมไม่เป็นไรค่ะ ห่วงแต่คุณแม่จะตกใจ”
“หนูห่วงตัวเองบ้างเถอะ เพิ่งเป็นลมเป็นแล้งไป ทำไมไม่ยอมนอนพัก ปีนขึ้นไปทำไมกัน”
“เมเห็นว่าไฟมันดับๆติดๆก็เลยขึ้นไปขยับดู แต่ตอนนี้ไฟมันติดแล้วค่ะคุณแม่”
ทรงวาดหันไปรับยาบำรุงจากมือป้าแจ่ม
“แม่ต้มยาบำรุงกำลังมาให้ สูตรนี้เป็นสูตรโบราณใช้เถา บอระเพ็ดสดๆเคี่ยวเอาแต่น้ำ ดื่มแล้วจะได้แข็งแรง”
เมขลารับมาหน้าแหยๆ
“บอระเพ็ดเหรอคะ เออ...งั้นวางไว้ให้หายร้อนก่อนนะคะ”
ทรงวาดดึงกลับมาจ่อที่ปาก
“แม่เป่าให้แล้วไม่ร้อนหรอก ดื่มซะเดี๋ยวนี้เลยดีกว่านะ”
เมขลากลั้นหายใจ จำใจดื่มเข้าไปอึกใหญ่ ทำหน้าพะอืดพะอมจะพ่นออกมา”
“กลืนลงไปลูก ของดีๆอย่างนี้อย่าคายออกมานะจ๊ะ”
เมกลืนลงไปอย่างยากเย็น ทำหน้าตาขมปี๋สุดชีวิต

รามจะเดินเข้าตึก เสียงเรืองฤทธิ์เรียกดังขึ้น
“ราม”
รามหันมาทางเรืองฤทธิ์ที่ยืนหลบๆอยู่ ทำให้รามสงสัย
“อาไม่อยากให้พี่วาดมาได้ยินเรื่องที่เราคุยกัน ก็เลยแอบมาดักรอราม”
“อายิ่งพูดอย่างนี้ ผมยิ่งสงสัยว่ามันเรื่องอะไรกันแน่”
“เฮ้อ...เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของผัวๆเมียๆ อาเองไม่ควรยุ่ง”
“เรื่องผัวเมีย...เกี่ยวกับเมเหรอครับ”
“ก็จะใครซะอีกเล่า เขามาพูดแปลกๆกับอา ใส่ร้ายว่ารามติดยา”
“ผมนะเหรอติดยา”
เรืองฤทธิ์แกล้งโกรธ
“ใช่...เขาพูดอย่างนี้ได้ยังไง อาไม่มีวันเชื่อ ถ้าไม่เกรงใจพี่วาดอาคงว้ากใส่ไปแล้ว”
“อาเชื่อคนเลวๆอย่างผมด้วยเหรอครับ ผมอาจจะติดยาอย่างที่เขาว่าก็ได้”
เรืองฤทธิ์จับบ่าหลานชาย
“รามเป็นลูกของพี่โรจน์ เป็นหลานของอา ต่อให้ใครๆมันปรักปรำรามว่าเป็นคนชั่วช้าเลวทรามแค่ไหน อาก็จะยืนยันว่า หลานอาเป็นคนดี”
รามซาบซึ้ง แต่ทำเป็นปากแข็ง
“ใครจะมองผมยังไง ผมไม่แคร์หรอกครับ”
“แต่ถ้าเขาใส่ร้ายรามกับพี่วาด รามคิดเหรอว่าจะได้ออกไปไหนมาไหนอย่างทุกวันนี้ รับรองพี่วาดจับรามล่ามโซ่แน่”
รามคิดๆจะจัดการยังไงกับเมขลาดี


ดึกคืนนั้น...รามกับเมขลานอนหันหลังให้กันมีหมอนกั้นกลาง รามชะโงกหน้าไปมองเมขลาว่าหลับหรือยังเห็นหลับตานิ่ง เขาจึงค่อยๆลุกออกจากห้อง เมขลาผงกหัวขึ้นมาดู
รามย่องมาที่ห้องเก็บของเปิดประตูรีบผลุบเข้าไป หยิบมือถือออกมากดคลิปที่บันทึกภาพเหตุการณ์ตอนธนูกับฝ่ายปองธรรมโต้ตอบกันในห้องประชุม ส่งให้ก้องภพ รามมองไปทางประตูอย่างระมัดระวัง พอคลิปส่งผ่านไปเรียบร้อยเขาก็ยกมือถือขึ้น โทรหาก้องภพ
“คลิปภาพที่บ้านเสือใหญ่ ไปถึงท่านเรียบร้อยใช่มั้ยครับ”
“ได้ข้อมูลอะไรใหม่ๆมาหรือ”
“ผมอยากให้ท่านลองตรวจสอบประวัติลูกน้องคนสนิทของเสี่ยชิตดู นายของมันเป็นคู่ค้ากับเสือใหญ่ เผื่อจะมีเบาะแสให้เราเจาะไปถึงเครือข่ายพวกมัน”
“ทำได้ดีมาก ฉันรออยู่ตั้งนาน...ทำไมติดต่อกลับมาซะดึกดื่น มีปัญหายุ่งยากหรือเปล่า”
ขณะเดียวกันนั้น เมขลาเดินออกมาตามหารามที่ทางเดินหน้าห้องเก็บของ
“หายไปไหนของเขา...ใช่แล้ว ย่องออกไปกลางดึกอย่างนี้ต้องหลบไปเล่นยาแน่ๆ ตายแล้ว”
เมขลาเงอะงะ รีบตามหา

รามเล่าให้ก้องภพฟังทางโทรศัพท์ว่า เมียของเขากำลังสงสัยว่าเขาติดยา ก้องภพหัวเราะ...
“แม่จอมยุ่งคิดว่านายติดยาก็ดีแล้วนี่ ผู้หญิงคนไหนอยากเป็นเมียไอ้ขี้ยาบ้าง ถ้าไม่โง่ ก็คงสติไม่ดี รับรองร้อยทั้งร้อยเผ่นหมด”
ขณะเดียวกัน เมขลามาหยุดยืนอยู่หน้าประตูค่อยๆแง้มประตูแอบดูเห็นแต่ด้านหลังของเขา เธอไม่รอช้าตัดสินใจผลักประตูเข้าไปทันที
“คุณเข้ามาทำอะไรอยู่ในนี้”
รามหันขวับมาเห็นรีบปิดมือถือ
“ได้ยินที่ฉันถามมั้ย คุณกำลังทำอะไรในห้องเก็บของ”
รามรีบคิดๆเอาไงดี แล้วคิดแผนการบางอย่างได้ทันที จากที่ก้องภพบอก...
‘ผู้หญิงคนไหนอยากเป็นเมียไอ้ขี้ยาบ้าง ถ้าไม่โง่ ก็สติไม่ดี รับรองร้อยทั้งร้อยเผ่นหมด’
รามหันมาหาแล้วแกล้งเล่นละครเป็นคนอยากยา เอามือกุมท้องค่อยๆทรุดฮวบลงที่พื้นนอนดิ้นทุรนทุราย
“โอ๊ย...ช่วยด้วย”
เมถลาเข้าไปหา
“นายราม...นายเป็นอะไร”
รามตัวเกร็งจับแขนเมขลา เล่นสมจริงมาก
“หายาให้ผมหน่อย ผมต้องการยา ได้ยินมั้ย ผมต้องการยา”
รามขยุ้มคอ เมขลาตาเหลือก
“ฉันไม่มียาให้คุณหรอก ตั้งสติให้ดี อย่าปล่อยให้ไอ้ยานรกมันครอบงำคุณ ฉันจะช่วยคุณเอง แต่คุณต้องเอามือออกไปจากคอฉันก่อน”
“ไม่...แกจะฆ่าฉันใช่มั้ย ฉันรู้...ฉันจะฆ่าแกก่อนนังปีศาจ”
รามแกล้งประสาทหลอน
“ฉันไม่กลัวตายหรอก แต่ถ้าฉันตาย คุณก็ติดคุกนะ”
“ผมไม่ได้ออกแรงกดตรงเส้นเลือดแดงและเส้นเลือดดำ แค่นี้ไม่ตายหรอกแม่คุณ อย่างมากก็แค่ปอดแหก เลิกตอแยกับผมเสียที”
เมขลากระแทกเข่าใส่เป้ากางเกงเขาทันที รามร้องลั่นปล่อยมือทันที
“โอ๊ย...”
รามตัวงอกุมเป้า จุกพูดไม่ออก เมขลาตกใจหน้าตื่น
“ฉันขอโทษ ฉันยั้งๆไว้แล้วไม่คิดว่าคุณจะเจ็บขนาดนี้ คุณอยู่นิ่งๆก่อนนะเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ฉันจะรีบกลับมา”
เมขลารีบวิ่งออกไป รามคุกเข่าเพราะเจ็บ
“อู๊ย...นี่หรือวะยั้งๆ อู๊ย...ปู๊นปู๊นของพ่อ อดทนไว้ลูก”

เรืองฤทธิ์พรวดพราดออกมานอกห้อง ยังใส่เสื้อคลุมไม่ครบทั้งสองแขน เดินไปใส่ไป มาหาเมขลาที่ยืนรอท่าอย่างกังวลทั้งคู่รีบเร่งฝีเท้าไปห้องเก็บของ เมขลาเปิดประตูเข้ามา รามแกล้งนอนสลบหมดฤทธิ์
เรืองฤทธิ์รีบเข้าไปเขย่า
“ราม...ราม...”
เมขลาตกใจ
“หนูแค่จะหยุดเขาไม่ให้อาละวาด ไม่ได้คิดจะทำให้เขาสลบไปแบบนี้นะคะ เรารีบพาเขาส่งโรงพยาบาลเถอะค่ะคุณอา”
“ไม่ใช่เพราะหนูหรอก คงเป็นอาการเสี้ยนยามากกว่า เอางี้มาช่วยกันเอาเขากลับห้องก่อน”
เมขลาร้อนใจ
“แต่เราน่าจะรีบเอาเขาไปรักษานะคะ คุณอาไม่เห็นว่าเขาติดยาถึงขั้นประสาทหลอนแล้ว ถ้าทิ้งไว้ต่อไปหนูกลัวว่า...”
เรืองฤทธิ์ถอนใจพูดเสียงหนักแน่นจริงจัง
“ขืนเอารามไปโรงพยาบาลตอนนี้ คงแตกตื่นกันทั้งบ้าน แต่ถ้าหนูไม่กลัวพี่วาดช็อกตายไปซะก่อน อาก็ไม่ขวางหนูหรอก”
เรืองฤทธิ์ทำท่าจะไป เมขลารีบเรียกไว้
“เดี๋ยวค่ะคุณอา หนูมัวแต่ห่วงคุณรามจนลืมคิดถึงคุณแม่ไป”
เรืองฤทธิ์เสียงอ่อนโยนลง
“เฮ้อ...รามมันโชคดีที่มีเมียดีๆอย่างหนู แต่หนูก็ควรนึกถึงอนาคตตัวเองไว้ด้วย ถ้าวันหนึ่งหนูคิดจะเลิกกับราม อาก็จะไม่ตำหนิหนูเลยสักนิด”
“ถ้าหนูทำแบบนั้น ก็เท่ากับหนูเห็นแก่ตัวซิคะ”
เมขลาเข้าไปพยุงปีกราม เรืองฤทธิ์แววตาเกลียดชังเมขลามาก ก่อนจะทำเป็นเข้าไปช่วยอีกแรง

เช้าวันใหม่...แสงแดดที่หน้าต่างส่องผ่านเข้ามา...เมขลารีบยกมือป้องหน้า ตามองไปที่ผ้าม่านเธอลุกไปดึงผ้าม่านให้ปิดบังแดด แต่พอหันมาที่เตียงก็ตกใจตาสว่าง เมื่อพบว่าบนเตียงว่างเปล่าไม่มีรามแล้ว
“หายไปไหนของเขา”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงกุกๆกักๆในห้องน้ำ เมขลารีบพุ่งไปที่ประตูผลักเข้าไปเห็นรามกำลังรัดสายยางเล็กๆที่แขนเตรียมฉีดยา ในปากคาบเข็มฉีดยาไว้ เมขลาร้องลั่นเข้าไปแย่ง
“อย่านะ...อย่าไปยุ่งกับมัน เอามานี่”
เมขลาดึงเข็มจากปากเขามาได้
“ไม่อยากเจ็บตัวก็รีบเอาคืนมา” รามขู่เสียงเข้ม
“ไม่!”
เมขลารีบวิ่งหนีออกจากห้องน้ำ รามยิ้มพอใจ
“วันนี้แหละฉันกับเธอต้องเดินกันคนละทาง ยายตังเม”
รามตามออกไป เมขลาถลามาเปิดหน้าต่าง เงื้อมือจะขว้างเข็มฉีดยาออกไป รามเข้ามาจับข้อมือไว้ทัน
“คุณอยากเห็นผมลงแดงตายใช่มั้ย จะได้ฮุบมรดกทั้งหมดไปคนเดียว”
เมขลายื้อไว้
“ฉันอยากช่วยคุณจริงๆ ไอ้ยานรกนี่มันจะฆ่าคุณทั้งเป็น”
รามแกล้งกดมือเมขลาให้เข็มหันไปทางเธอ
“มันทำให้ผมมีความสุข อยากลองดูมั้ยล่ะ”
“ไม่นะ มันเป็นความสุขจอมปลอมในเวลาสั้นๆ จากนั้นมันจะทำให้คุณอยากฆ่าตัวตาย หรือไม่ก็เป็นบ้าไล่ฆ่าคน”
เข็มใกล้เข้ามา เมขลาตัดสินใจเอาหัวโขกหัวของเขาจนเจ็บหงายไปข้างหลัง ล้มไปที่พื้น เธอเองก็เสียหลักล้มตามไปด้วย
“อ๊าย”
เมขลาล้มจะทับ รามตาเหลือกเข็มปักที่แขนของเขาเต็มๆดังฉึก
“โอ๊ย”
ทั้งคู่ตกใจจ้องมองเข็ม
“ฉัน...ฉันไม่ได้ตั้งใจ คุณ...คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
รามกระชากเข็มออกจากแขน ตาขวางใส่
“ถามได้...ลองดูมั่งมั้ย”
เมขลารีบลุกจากตัวเขา รู้สึกผิดอย่างมาก
“ฉัน...ฉันขอโทษ”
รามลุกขึ้นมา
“ผมไม่ต้องการคำขอโทษ สิ่งที่ผมต้องการก็คือ...ทำให้คุณต้องเจ็บปวดทุรนทุราย”
รามกำเข็มเดินเข้าหา เมขลาหน้าตื่นถอยกรูดขึ้นเตียง รามแกล้งเงื้อจะปัก
“กรี๊ด”
เมขลาตะเกียกตะกายข้ามเตียงไปอีกข้าง เอาหมอนปาใส่ รามขว้างเข็มทิ้ง แล้วปลดเข็มขัดออก
“ไหนไหนแล้ว คราวนี้เอาให้สุดๆไปเลย”
เมขลาวิ่งหนีออกจากห้อง รามพุ่งเข้าไปกระชากไหล่เมขลา เล่นบทโหด
“คิดว่าจะหนีพ้นเหรอ”
เมขลาหงายตามแรงกระชาก
“โอ๊ย”
ทรงวาดพรวดพราดเข้ามาเห็นเข็มขัดในมือราม คิดว่ารามจะทำร้ายเมขลา รีบดึงให้มายืนข้างหลังตัวเอง
“อย่านะราม”
“แม่อย่ายุ่งดีกว่า”
“ใครสั่งใครสอนให้รามรังแกผู้หญิงได้ลงคอ”
รามหน้าตึง
“ก่อนแม่จะเข้าข้างใคร ช่วยถามเขาก่อนว่าใครทำร้ายใครก่อน”
เมขลาพยายามจะอธิบาย
“คุณแม่คะ คุณรามเขาไม่ได้ทำอะไรเมหรอกค่ะ”
ทรงวาดตัดบทเสียงแข็งกับราม
“ไม่ต้องแก้ตัวให้เขา แม่รู้จักนิสัยหนูเมดีพอๆกับรู้จักนิสัยของรามนั่นแหละ”
รามน้อยใจ
“แม่จะบอกว่าสะใภ้แม่สุดประเสริฐ ส่วนผมมันสุดเลวละซิ งั้นไอ้เลวอย่างผม ถ้าจะซ้อมเมียปางตายก็คงไม่แปลกใช่มั้ย แม่” รามเข้าไปดึงแขนเมขลา “ไปคุยกันในห้อง”
ทรงวาดผลักอกสุดแรง รามเซไป
“แม่ทนเห็นรามทำแบบนี้อีกไม่ไหวแล้ว” ทรงวาดชี้นิ้วไล่ “ไป...ออกไป อยากจะไปทำเลวๆที่ไหนก็ไปเลย”
รามชะงัก
“นี่แม่ไล่ผมเองนะ แล้วอย่าจ้างใคร” รามมองหน้าเมขลา “มาตามตื๊อผมอีก”
ทรงวาดพยายามกลั้นน้ำตา รามเดินออกไป เมขลาตกใจ
“คุณแม่! ทำไมไล่เขาละคะ”
เมขลาจะตาม ทรงวาดดึงไว้ เสียงสั่น
“ปล่อยเขาไปเถอะ แม่หมดหวังในตัวเขาแล้วหนูเม”
ทรงวาดหน้ามืด เซ เมขลารีบประคอง
“คุณแม่!”
รามเดินออกจากบ้าน ตรงไปที่ประตูรถ เมขลาวิ่งเข้ามารีบเอาตัวกันประตูไว้ไม่ให้เปิดประตู
“คุณทำอย่างนี้ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือ คนทั้งโลกนี้มีอยู่ สองคนที่แตะต้องไม่ได้แม้นแต่ปลายเล็บก็คือพ่อกับแม่”
“หลีกไป” รามตะหวาด
“ไม่...คุณต้องกลับไปขอขมาคุณแม่ก่อน คุณทำให้ท่านเสียใจมากแค่ไหน รู้ตัวบ้างหรือเปล่า”
“ต้นเหตุมันก็มาจากตัวเสนียดอย่างคุณนั่นแหละ ถ้ายังตามมาให้ผมเห็นหน้าอีก ถึงเป็นผู้หญิงผมก็ไม่แคร์”
รามกระชากเมขลาออก เปิดประตู
“คุณกำลังทำบาปหนัก คนที่ทำให้พ่อแม่น้ำตาตกจะไม่มีวัน...เจริญ ทำอะไรก็มีแต่อุปสรรค พบแต่ความล้มเหลว ตายไปก็ตกนรกสถานเดียว”
รามชะงักอึ้งไป ก่อนหันมาแสยะยิ้ม
“ตกนรกก็ไม่เลวนี่ ผมจะได้ไม่ต้องเจอนางฟ้านางสวรรค์อย่างคุณ”
รามขึ้นรถขับออกไป เมขลาทุบกระจกรัวๆ
“แล้ววันหนึ่งนายจะต้องเสียใจ นายราม”
รามกระชากรถไปอย่างแรง เมตะโกนไล่หลัง
“ลูกทรพี!”

รามมาที่คาเฟ่ เล่นสนุกเกอร์ระบายอารมณ์ เพราะรู้สึกผิดที่ทำกับแม่ แม้ว่าจะเป็นความจำเป็นก็ตามเสียงแม่ยังคงดังแว่วเข้ามาในหัว
‘แม่ทนเห็นรามทำแบบนี้อีกไม่ไหวแล้ว...ไป ออกไป อยากจะไปทำเลวๆที่ไหนก็ไปเลย’
รามแทงลูกอย่างแรง นึกถึงคำพูดของเมขลา
‘คุณทำอย่างนี้ไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือ คนทั้งโลกนี้มีอยู่สองคนที่แตะต้องไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บก็คือพ่อกับแม่’
รามแทงอีกลูกสุดแรงจนกระเด็นหลุดจากโต๊ะ เย็นยืนงง
“เฮ้ย...ทำไมเอ็งเล่นอย่างงี้ละวะไอ้ราม”
รามวางไม้
“ผมเบื่อเมีย...พี่จะกลับเลยมั้ย ผมจะได้ขอติดรถไปสิงที่บ้านพี่สักคืนสองคืน”
รามเดินออกไปเลย เย็นยิ่งมึน
“สงสัยมันโดนนังเมียจอมโหดเฉดหัวออกจากบ้านชัวร์”
เย็นมองๆแล้วส่ายหน้า

ทรงวาดหลับสนิทอยู่ในห้องนอน เมขลาห่มผ้าให้ เรืองฤทธิ์พรวดพราดเข้ามา
“แจ่มบอกว่าพี่วาดเป็นลมเพราะเจ้าลูกตัวดี หรือว่าพี่วาดรู้เรื่องที่รามติดยา”
เมขลาตกใจกลัวทรงวาดได้ยิน รีบกระซิบ
“เดี๋ยวคุณแม่จะได้ยินนะคะ ออกไปพูดกันข้างนอกเถอะค่ะ”
เมขลารีบดึงเรืองฤทธิ์ออกไปคุยกันนอกห้องนอน เธอบอกเขาว่ารามหนีออกจากบ้าน เรืองฤทธิ์ตกใจ
“รามหนีออกจากบ้าน”
“หนูคิดว่าเขาคงกลับไปอยู่กับพวกแก๊งค้ายาแน่ๆ คุณอาคะฝากดูคุณแม่ด้วยนะคะ หนูจะไปคุยกับเขาให้รู้เรื่อง”
เมขลาจะไป เรืองฤทธิ์รีบดึงไว้
“ไปไม่ได้นะหนูเม แก๊งพวกนี้มันเป็นตัวอันตราย ใครไปยุ่งกับมัน...มันเอาถึงตาย ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอาเองดีกว่า อาจะลองหาทางไปตามรามเอง”
เมขลาชะงักไป
“แต่ว่า...”
“ไว้ใจอาได้หนูเม อาก็ไม่อยากเห็นรามเป็นอะไรไปเหมือนกัน”
ขณะเดียวกันนั้น เสียงไอของทรงวาดดังออกมา เมขลารีบผลักประตูเข้าไป เรืองแสยะยิ้ม

“เรื่องอะไรฉันจะไปตามให้โง่”

อ่านต่อหน้า 3





นางฟ้ากับมาเฟีย ตอนที่ 8 (ต่อ)

ที่สถานบำบัดยาเสพติด...บรรดาผู้เสพโดนผูกมัดแขนติดอยู่กับเตียง ส่วนใหญ่ล้วนออกอาการบ้าคลั่งอย่างหนักร้องเรียกขอยา แม่กับเมียต้องช่วยกันจับไว้ คนติดยาถลึงตาใส่แม่แทบตาถลน ตวาดลั่น

“ไปเอายามาให้ฉัน ไม่งั้นฉันจะบีบคอแกให้ตาย นังแก่”
แม่รายนั้นร้องห่มร้องไห้แทบขาดใจ
“นี่แม่นะลูก แกจำแม่แกไม่ได้หรือไง ฮือๆๆ”
ส่วนเมียก็พลอยร้องไห้ไปด้วย เมขลากับรุจยืนดูภาพน่าสังเวชนั้นอยู่ด้วยกันที่ด้านหน้าซึ่งมีช่องกระจกมองเห็นจากภายนอก
“ดูซะให้เต็มตา นี่แหละคืออนาคตของแกยายเม”
เมขลารีบหันหลังให้ภาพนั้น
“ฉันเรียกแกมาช่วยฉันคิด ไม่ใช่พาฉันมาที่นี่”
รุจจับให้เมขลาหันมาดูอีก
“ถ้าแกยังอยู่กับนายรามสูร แกหนีไม่พ้นต้องตกนรกไปกับหมอนี่แน่ๆ ถึงแกจะมุ่งมั่นรักษาเขาหาย แกแน่ใจหรือว่าเขาจะไม่กลับไปเล่นมันอีก ทั้งชีวิตของแกจะไม่ต่างอะไรกับศพเดินได้”
“ไม่ต้องพูดแล้ว แยกกันตรงนี้แล้วกัน ฉันจะกลับไปดูคุณแม่”
เมขลารีบเดินหนี รุจตะโกนตาม
“ฉันรู้ว่าแกเริ่มกลัวแล้วใช่มั้ยละ ถ้าแกจะเลิกกับเขา โทรหาฉันทันทีเลยนะ ฉันจะรีบไปช่วยแกขนของ”
บอกแล้วรุจเดินกลับไปทันที ขณะที่เมขลายังเดินซึมๆ ไม่สบายใจอยู่ในตึกสถานบำบัด เสียงรุจผ่านเข้ามาตอกย้ำ
‘…ถ้าแกยังอยู่กับนายรามสูร แกหนีไม่พ้นต้องตกนรกไปกับหมอนี่แน่ๆ...’
“ฉันควรจะเดินหน้าต่อ หรือถอยหลังดี”
เมขลาพึมพำ เงยหน้าจะเดินต่อ เห็นเทวัญเดินตรงมา เมขลาอารมณ์ขึ้นที่พวกเทวัญเป็นตัวต้นเหตุให้คนติดยา
“เพราะคนพวกนี้ ทำให้ลูกต้องทำร้ายแม่ แล้วยังจะมาเดิน ลอยหน้าอยู่ได้อีก”
ขณะเดียวกัน เทวัญดีใจที่เห็นเมขลา
“คุณเม คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอคุณที่นี่”
เมขลาปรี่เข้าหาเทวัญยกกระเป๋าสะพายตีๆๆไม่ยั้ง
“หัวใจคุณทำด้วยอะไร ทำไมถึงเลือดเย็นทำร้ายคนตั้งมากมาย”
เทวัญพยายามปัดป้องร้องถามงงๆ
“โอ๊ย ผมไปทำอะไรใครที่ไหน”
“คุณอยากได้เงินนักใช่มั้ย เอาไปเลย เอาไปเสวยสุขกันให้พอ”
เมขลาหยิบเงินปาใส่หน้าเทวัญเต็ม
“คนอย่างพวกคุณต้องไม่ตายดี ถึงจะรวยล้นฟ้า คุณจะไม่มีวันอยู่อย่างมีความสุข เพราะคนทั้งโลกจะพากันสาปแช่งพวกคุณ”
“นี่มันอะไรกันครับคุณเม คุณพูดถึงเรื่องอะไร”
เจ้าหน้าที่วิ่งเข้ามา
“คุณเทวัญคะ เพื่อนคุณอาละวาดใหญ่แล้ว เขาร้องเรียกหาแต่คุณคนเดียว”
เทวัญรีบวิ่งตามเจ้าหน้าที่ไป เมขลาอยากรู้รีบตามไปเช่นกัน

เดชอาละวาดหนัก ยกเก้าอี้ทุ่มใส่เจ้าหน้าที่ชายสองคนที่ต้องกระโดดหลบ หาจังหวะพุ่งเข้าไปจับ แต่เดชแรงเยอะมากพยายามสะบัด เทวัญเปิดประตูเข้ามา
“หยุดนะพี่เดช อย่าทำร้ายใครอีก”
เทวัญเข้าไปช่วยจับเดชอีกคน สามคนรุมจับเดชก็ยังไม่อยู่ เพราะถูกเหวี่ยงกระเด็นไปคนละทาง เดชวิ่งหนีจะไปที่ประตูซึ่งเปิดอ้าอยู่ เมขลาโผล่เข้ามาพอดี เดชเข้าจับ ใช้ท่อนแขนล็อคคอเธอไว้...
“ถอยไป ไม่งั้นฉันจะฆ่านังนี่”
“ใจเย็นไว้ก่อนพี่เดช ผมรู้ว่าพี่ไม่อยากทำแบบนี้ แต่พี่สัญญากับผมว่าพี่จะอดทน เพื่อจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ พี่ลืมแล้วเหรอ”
เทวัญพยายามปราม เดชร้องไห้
“ผมพยายามแล้ว แต่มันไม่ไหวจริงๆ ขอยาให้ผมเถอะคุณเทวัญ”
“นี่คุณขายยาให้เขาด้วยเหรอ เลว เลวที่สุด” เมขลาโวยวาย
“หุบปาก ใครใช้ให้แกด่าคุณเทวัญ เขาคือผู้มีพระคุณของฉัน”
เดชตวาด รัดคอเมขลาแรงขึ้น
“โอ๊ยยย ฉันหายใจไม่ออก”
เทวัญห่วงเมขลา ต้องโกหก
“อย่าทำอะไรเขานะพี่ เขาเป็นแฟนผม ถ้าพี่ทำร้ายเขาก็เท่ากับทำร้ายผมด้วย”
เดชมองไปทางเจ้าหน้าที่สองคนที่ทำท่าเดินเข้าหา เดชเริ่มหวาดระแวง ตาล่อกแล่ก มีเสียงแว่วเข้ามาในหู...
‘…พวกมันจะฆ่าแก แกต้องฆ่ามันก่อน...’
เดชมองหาเสียง
“แกเป็นใคร”
ทันใดเดชชักกระตุก มีไฟแล่นทั่วตัว ทุกคนมองไปที่มือเมขลามีเครื่องช็อร์ตไฟฟ้าจิ้มอยู่ที่ท้องของเดชที่ทรุดฮวบ เมขลายิ้มแหยๆให้เจ้าหน้าที่ ที่ยืนงงกันอยู่


เดชนอนหลับหมดฤทธิ์ แต่แขนถูกผูกตึงไว้ทั้งสองข้าง เทวัญห่มผ้าให้ เมขลายืนมองอยู่ห่างๆเริ่มอ่อนลง
“ผมต้องขอโทษด้วยที่โกหกเรื่อง เออ คุณเป็นแฟนผม”
เมขลาเขินนิดหน่อย
“คุณเป็นคนขายยาเองไม่ใช่หรือ แล้วทำไมต้องไปช่วยเขา”
เทวัญหันมา
“เขาเคยเป็นลูกน้องผม แต่เพราะติดยาจนทำงานไม่ได้ ก็เลยโดนหัวหน้าไล่ออก”
เมขลาประชด
“ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างพวกคุณ จะมีคุณธรรมกับเขาด้วย”
“ผมไม่ใช่คนดี แต่ก็อยากทำอะไรเพื่อไถ่บาปบ้าง”
“เมื่อรู้ว่ามันบาป ทำไมไม่เลิก”
“ผมมีความจำเป็น”
“มันก็เพื่อเงินนั่นแหละ นี่ถ้าฉันไม่ติดว่ารามก็เป็นเหมือนกัน ฉันจะแจ้งตำรวจมาจับพวกคุณให้หมด”
เทวัญงง
“รามเป็นอะไร คุณหมายถึงติดยาหรือ”
เมขลาน้ำตาคลอ แว้ดใส่เทวัญ
“คุณอย่ามาทำไขสือไม่รู้เรื่อง เขาเป็นหนักจนถึงขั้นก้าวร้าวใส่แม่ตัวเอง ต่อไปก็คงลืมตัวทำร้ายแม่เข้าสักวัน”
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
“คุณน่าจะรู้ดีมากกว่าฉันนะ”
เทวัญนิ่งคิด

เย็นวันนั้น...เมขลาค่อยๆแง้มประตูจะเข้าไปดูทรงวาด แต่ชะงัก ทรงวาดนั่งร้องไห้ดูรูปวาดฝีมือลักษณ์ ภาพแรกเป็นภาพดินสอสีแบบเด็กๆ วาดภาพแม่มีวงแหวน มีปีกแบบปีกของนางฟ้าอยู่เหนือเด็กผู้ชายสองคนที่ยืนจับมือกัน ที่ภาพเขียนว่า “แม่ของผม”
ทรงวาดยิ้มออกมา แต่พอเลื่อนมาดูภาพที่สอง เป็นภาพลายเส้นของลักษณ์ที่วาดตอนโต ในภาพแม่กำลังยืนเผาพวกภาพวาด ลักษณ์ยืนร้องไห้มองดู เขียนข้อความว่า “เกลียดแม่” ทรงวาดสะอื้นฮักน้ำตาหยดลงภาพปวดหัวใจที่ทำร้ายจิตใจลูก
“สมควรแล้วที่รามเขาจะเกลียดแม่เข้ากระดูกดำ สิ่งที่เขาทำกับแม่ มันยังน้อยไปด้วยซ้ำกับความผิดที่แม่เคยทำกับลักษณ์ลักษณ์ลูกแม่ อภัยให้แม่ด้วยนะลูก”
เมขลาปาดน้ำตาตัวเอง สงสารทรงวาดจับใจ ฮึดจะเดินหน้าต่อเพื่อช่วยทรงวาดให้ถึงที่สุด
“หนูจะเดินหน้าต่อค่ะ หนูจะไม่ยอมแพ้”

รามหลบๆมุมสำรวจบริเวณหลังตึกบ้านปองธรรม พูดรายงานใส่นาฬิกาข้อมือถึงก้องภพ
“ผมว่าที่นี่น่าจะเป็นจุดพักของ มากกว่าจะเป็นคลังใหญ่ของพวกมันครับท่าน”
รามได้ยินเสียงเท้าย่ำก้อนกรวด...
“มีคนกำลังมาทางนี้ สิ้นสุดการสำรวจชั่วคราว”
รามรีบหันกลับมา เจอเทวัญเดินมาถึงตัวพอดี เย็นกับลูกน้องอีกคนตามหลังมาด้วย
“นายมาทำอะไรอยู่แถวนี้ ปกติต้องรอคุณเทเรซ่าที่หน้าตึกไม่ใช่หรือ หรือว่า...”
เทวัญมองแขนรามที่ใส่เสื้อแขนยาว เขาดึงแขนรามจะเลิกแขนเสื้อออกดูรอยเข็ม รามใช้เทคนิคการบิดตัว บิดแขนอย่างมีชั้นเชิงจนแขนหลุดจากมือเทวัญ
“คุณเทวัญจะทำอะไร”
“นายแอบมาเล่นยาใช่มั้ย”
“ใครบอกคุณ”
“ไม่สำคัญหรอกว่าใครจะเป็นคนบอก แต่นายต้องเลิกให้ขาด”
“โธ่ ผมก็แค่ลองเล่นๆฆ่าเวลา ไม่ได้จริงจังถึงขั้นติดหรอกครับ”
“คนที่ตกเป็นทาสของมัน ก็เริ่มจากลองเล่นๆทั้งนั้น พี่เย็นเอาตัวไปขึ้นรถ...ฉันจะพานายไปบำบัด”
เย็นกับลูกน้องอีกคนเข้าไปล็อคตัวราม
“ปล่อยผมนะพี่เย็น”
“โทษทีโว้ย ข้าไม่กล้าขัดคำสั่ง กลัวต้องไปเกิดใหม่วะ”
รามโดนหิ้วปีกตามเทวัญไป รามพยายามดิ้น ไม่ยอมขึ้นรถง่ายๆ
“คุณธิดาสั่งให้ผมรอ ถ้าไม่เจอผม เธอต้องเล่นงานผมแน่”
“ฉันจะอธิบายให้น้องสาวฉันฟังเอง”
ธิดาวิ่งออกมาจากตึกพอดี
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น จับรามทำไม”
“ช่วยผมด้วยครับคุณเทเรซ่า ไม่รู้ว่าคุณเทวัญจะลากผมไปไหน ผมไม่ไป ก็จะใช้กำลังบังคับกัน”
“พี่คิดว่านายรามเขา....” เทวัญจะบอกว่าติดยาจะพาไปรักษา
ธิดากระชากรามกลับมาจากเย็น
“ห้ามพี่เทพแตะต้องคนของน้อง ไม่งั้นน้องจะฟ้องพ่อ แล้วก็เล่นงานพวกแกให้หมด...ไปกับฉัน”
ธิดาดึงแขนรามไปที่รถ
เทวัญกลุ้ม
“ไอ้รามมันติดยาจริงหรือครับ ผมไม่ยักรู้มาก่อน”
“สนิทกันทำไมไม่รู้”
เย็นคิดตาม
“นั่นซิครับ ทำไมไม่รู้...อ้อ...ก็มันไม่มีอาการฟ้องให้เห็นสักนิดว่าเหมือนไอ้พวกติดยา”
เทวัญฟังอย่างเก็บข้อมูล

ในห้างสรรพสินค้า...ธิดายืนเลือกกระเป๋า รามที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ถามหยั่งเชิง...
“ไม่รู้ทำไมคุณเทวัญ ดูไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมเลย หรือจะเป็นเพราะเรื่องผมมีปัญหากับเมีย แต่มันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวกับงานที่ผมทำสักหน่อย”
“ไม่เห็นต้องไปสน พี่เทพน่ะเขาคิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่ ชอบไปยุ่งเรื่องของชาวบ้าน...เชอะ ไม่เข้าท่า”
“แต่ผมกลัวว่าเขาไม่ยอมหยุดเท่านี้”
ธิดากอดแขนราม
“เทเรซ่าซะอย่าง ใครหน้าไหนก็ไม่กล้าแหยมกับนาย แต่ว่าฉันคงไม่ค่อยมีแรงปกป้องนายสักเท่าไหร่” ธิดาทำตาเยิ้ม “ถ้านายไม่ตามใจฉันทุกอย่าง”
รามยิ้มเจื่อนๆ พลันสายตามองไปที่กระจก ที่มีไว้สำหรับให้คนซื้อลองหิ้วกระเป๋าดู เขาเห็นลูกน้องธนูในกระจกยืนจ้องไปทางธิดา รามรีบหันหลังไปดู แต่ไม่เห็นใครยืนอยู่สักคน รามรู้สึกแปลกๆ
ทั้งคู่ได้เข้าไปดูหนังด้วยกัน ในจอมีภาพนางเอกล้มทับบนอกพระเอก ตาจ้องตา จะจูบกัน รามนึกถึงภาพตอน เมขลาล้มทับปากชนปากเขาในห้องนอน แล้วสลบไปด้วยกัน รามเผลอตัวอมยิ้มออกมา ธิดามองตาม คิดว่าเขาชอบฉากเลิฟซีนในหนัง ธิดาค่อยๆขยับเข้าไปเบียดชิด รามนั่งตัวแข็งรู้สึกอึดอัดสุดๆ ธิดาซบไหล่ราม มือไม้เริ่มซุกซนลูบหน้าอกราม
ภาพบนจอหนังเป็นภาพพระเอกผลักนางร้ายแล้ววิ่งหนี รามรีบทะลึ่งพรวดลุกยืน
“ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ”
รามรีบไป ธิดามองตามเซ็งๆ ขณะเดียวกันนั้น ที่นั่งแถวด้านหลังธิดา ลูกน้องธนูนั่งจ้องรอจังหวะเล่นงานอยู่
ธิดาเห็นรามหายไปนาน จึงเดินออกมาตามหา
“หายไปไหนของเขานะ ในห้องน้ำก็ไม่อยู่”
ลูกน้องธนูถือกระป๋องใส่ข้าวโพดคั่ว แกล้งเดินมาชนธิดาจนข้าวโพดคั่วกระจาย ธิดายิ่งอารมณ์เสีย โวยใส่ทันที...
“อ๊าย แกไม่มีลูกกะตาหรือไงนะ ไอ้ ไอ้ ไอ้ทุเรศ”
ลูกน้องธนูหยิบปืนออกมา จากกระป๋องข้าวโพดคั่วจิ้มไปที่ท้องธิดา
“อย่าร้อง ไม่งั้นไส้แกไหลออกมากองข้างนอกแน่”
ธิดาก้มมองปืนตกใจสุดขีด
“แก จะทำอะไร”
“ถ้าไม่อยากตาย เดินไป เร็ว”
ลูกน้องธนูรีบล็อคแขนไว้พาเดินไป
รามเดินกลับมาเห็นพอดี รีบตามไป เป็นจังหวะที่คนออกจากโรงฉายพอดี ทำให้บังๆลูกน้องธนูกับธิดา รามรีบแหวกคน แต่ลูกน้องธนูพาธิดาหายไปแล้ว

เมขลาเดินดุ่มๆจะเข้าไปในคาราโอเกะเพื่อหาราม แต่ยังไม่ทันเข้าไปได้ ลูกน้องเย็นสองคนยืนจังก้าขวางทาง
“เข้าไม่ได้”
“ฉันเป็นลูกค้า มีเงินจ่าย ทำไมจะเข้าไม่ได้”
“ก็ดูโน่น”
เมขลามองตาม ที่ผนังหรือบอร์ดมีใบปลิวเป็นภาพเธอโชว์หรา แปะติดกันเป็นพรืด เมขลารีบเข้าไปกระชากออก
“เอารูปฉันมาติดทำไม”
“พี่เย็นสั่งไว้ ถ้าใครหน้าตาเหมือนในภาพ ห้ามมาเหยียบที่นี่”
ลูกน้องพูดจบล็อกแขนเมขลาคนละข้างจะลากไป แต่เธอพยายามขืนตัวไว้ ร้องโวยวาย
“ปล่อยฉัน ฉันจะเข้าไปตามสามีกลับบ้าน”
เมขลาดิ้นสุดฤทธิ์
“มันไม่อยากเดินไปดีๆ ก็จับมันโยนออกไปเลยดีกว่า”
ลูกน้องเย็นยกเมขลาหัวท้ายตัวลอย
“พวกนายกำลังละเมิดสิทธิมนุษยชน ฉันจะฟ้องพวกนาย”
เสียงเทวัญดังขึ้น
“วางเธอลงเดี๋ยวนี้”
ทั้งหมดหันไป เทวัญเดินเข้ามาหน้าดุใส่ ลูกน้องกลัวหงอรีบวางเมขลาลง

เมขลามองสำรวจห้องทำงานเทวัญอย่างสงสัย...
“คุณทำงานตำแหน่งอะไรกันแน่ ทำไมดูเหมือนสองคนนั่นกลัวคุณจนลนลาน”
“ผมอยู่ฝ่ายบุคคลมีหน้าที่ดูแลพนักงาน พวกเขาก็ต้องเกรงใจผมเป็นธรรมดา”
เมขลาดีใจ
“งั้นคุณก็สั่งรามให้มาหาฉันได้สิคะ”
“รามไม่ได้อยู่ที่นี่ ที่ๆเขาอยู่ไม่ใช่ว่าใครจะเข้าออกได้ง่ายๆ”
“คุณต้องช่วยฉันนะคะ ฉันต้องรีบพาเขาไปบำบัดให้เร็วที่สุด”
เมขลารีบจับมือ เทวัญมองมือเมขลาที่กุมมือเขาอยู่อย่างรู้สึกหวั่นไหว เมขลารู้สึกตัวรีบปล่อยมือ
“คุณแน่ใจหรือว่ารามติดยา”
“ฉันไม่ได้เดาเอาเองนะคะ แต่ฉันเห็นผลตรวจปัสสาวะของเขากับตา”
เทวัญกลุ้มแทนเมขลา
“คุณเมต้องใจเย็นๆไว้ก่อน ถ้าเจ้าตัวไม่คิดอดยา มันคงยากที่เขาจะยอมรับการบำบัด ให้ผมคิดดูก่อนนะครับ ว่าจะทำไงดี”
เมขลาพยักหน้ายอมรับ กับสิ่งที่เทวัญบอก

เย็นวันนั้น เมื่อเทวัญกลับมาที่บ้าน แสงปรี่เข้าหาพร้อมยื่นมือถือให้
“เกิดเรื่องใหญ่กับคุณเทเรซ่าแล้วครับคุณเทวัญ ไอ้เสี่ยชิตมัน...”
เทวัญรีบดึงมือถือมาพูด
“ผมเทวัญ” เทวัญฟัง...ทางเสี่ยชิตพูดเอาเงินมาแลกน้อง “ได้ ผมจะทำตามที่เสี่ยต้องการ แต่อย่าทำอะไรน้องผมเป็นอันขาด”
เทวัญตัดสาย
“มันต้องการเงินใช่มั้ยครับ” แสงถาม
“พ่อล่ะ”
“พ่อเลี้ยงไปต้อนรับมิสเตอร์แฟรงกี้ เอเย่นต์รายใหญ่ที่สนามบินครับ ผมโทรไปหลายครั้งแล้วแต่ท่านปิดเครื่อง”
“งั้นเราก็รอไม่ได้แล้ว”
เทวัญ กับลูกน้องทั้งหมด กรูกันออกมาจากตึกอย่างพร้อมลุยศึกใหญ่ แยกย้ายกันขึ้นรถ เย็นในชุดเลียนแบบหน่วยสวาท พร้อมอาวุธปืนกล ห้อยระเบิดที่เอว วิ่งออกมาเป็นคนสุดท้าย
รถคันอื่นออกตัวไป เหลือแต่คันของแสง
“พี่แสงรอผมด้วย”
เย็นสะดุด ล้ม ระเบิดกลิ้ง ไปที่เท้าแสง
“เฮ้ย ระเบิด”
แสงกับลูกน้องคนอื่นกระโดดหลบ ตื่นตกใจกันหมด เย็นตะเกียกตะกายลุกมาเก็บระเบิดที่ยังไม่ได้ถอดสลัก
“ใจเย็น พี่ ยังไม่ได้ถอดสลัก”
แสงโมโห
“แกทำบ้าอะไรวะไอ้เย็น เกือบพากันตายหมู่แล้ว”
เย็นออกจากรถยิ้มแหยๆสำนึกผิด
“โทษที รีบร้อนไปหน่อย”
แสงแทบอยากจะฆ่าเย็น


รามซุ่มหลบอยู่ในโบกี้รถไฟ ขณะที่ลูกน้องธนูคนหนึ่ง ถือปืนเดินผ่านมาเพื่อตรวจดูรอบๆตามหน้าที่ รามโผล่ออกไป ลูกน้องยกปืนจะยิง แต่รามไวกว่าจับข้อมือลูกน้องแล้วบิดแย่งปืนมาอยู่ในมือตัวเอง แล้วชกเปรี้ยงเข้าที่หน้า ก่อนจับหัวกระแทกผนังโบกี้สลบเหมือดทันที รามยกนาฬิกาข้อมือขึ้นพูดกับยุทธ
“ขอบคุณมากดาบ ที่ช่วยหาพิกัดจากมือถือของธิดาให้ คาดว่างานนี้ช้างชนช้างแน่”
รามส่องกล้องทางไกล เห็นพวกเทวัญกำลังเผชิญหน้ากับพวกธนู รามเลื่อนกล้องส่องทางไกลไปที่ธิดาซึ่งโดนมัดมือปิดปาก รามพูดใส่นาฬิกาข้อมืออีกครั้ง
“โอกาสของผมมาถึงแล้ว”
ธนูนั้นถือปืนมือซ้ายตลอด เพราะมือขวายังบาดเจ็บจากมือที่ติดไห ธนูกระชากธิดามาจากลูกน้อง แล้วถามเทวัญ
“เงินล่ะ”
เทวัญส่งกระเป๋าเงินยื่นให้ ธนูคว้ากระเป๋าไปพร้อมกับผลักธิดาส่งให้เทวัญ เมื่อธิดาถึงมือเทวัญเรียบร้อย แสงยิงใส่กระเป๋าเงินทันทีจนธนูต้องปล่อยกระเป๋าหลุดมือ เย็นรีบถลาเข้าไปใช้ปืนกลจ่อไปที่ธนู จนธนูไม่กล้ายกปืนขึ้นยิง แสงเก็บกระเป๋าเงินมาถือไว้
“ไอ้พวกชั่วไม่รักษาสัจจะ”
“ไม่มีสัจจะในหมู่โจรโว้ย มีแต่ลูกตะกั่ว”เย็นโวย
เทวัญไม่พอใจแสง
“พี่แสงทำไมทำแบบนี้”
“ถ้ามันได้เงินไป ก็เท่ากับมันหยามหน้าพ่อเลี้ยงได้สำเร็จ ผมยอมไม่ได้ ฆ่ามันให้หมด!”
เย็นยิงปืนกลใส่ธนูแต่ปืนด้าน
“เฮ้ย ทำไมยิงไม่ออกวะ ลูกดันขัดลำกล้องอีก”
ธนูได้ทีตะโกนสั่งลูกน้อง
“ลุยมัน !”
เย็นยิงออกแต่ก็เกือบถูกพวกเดียวกัน
สองฝ่ายยิงใส่กันทันที วิ่งหลบกันตามตู้รถไฟ ธิดาปิดหูกรีดร้องด้วยความกลัว เทวัญโอบน้องพาวิ่ง
“วิ่งเร็วยัยน้อง”
ธนูเห็นเล็งปืนไล่ตาม แต่รามยื่นขาออกมาจากประตูโบกี้รถไฟที่ธนูกำลังวิ่งผ่าน ถีบอกธนูหงายไป ธิดากับเทวัญหันมามอง
“ราม! อ๊าย ระวัง”
ธนูยิงใส่ราม รามหลบทันลูกปืนเฉียดหน้าไป รามยิงสวนกลับไป ธนูวิ่งหลบเข้าโบกี้
“คุณเทวัญรีบพาคุณเทเรซ่าหนีไปก่อน ไม่ต้องห่วงทางนี้”
รามร้องบอก มีลูกน้องธนูอีกคนโผล่มาทางเทวัญจะยิง รามยิงใส่ลูกน้องธนูที่แขนจนล้มไป
เทวัญห่วงน้องต้องรีบพาธิดาวิ่งต่อ
รามได้ยินเย็นร้องลั่น เห็นเย็นกับแสง ต่อสู้อยู่ในวงล้อมของลูกน้องธนูนับสิบ ลูกน้องแสงตายเรียบ รามมองไปที่ถังน้ำมันเปล่าเก่าๆผุๆ อย่างคิดหาทางช่วย


เทวัญพาธิดาวิ่งหนี แต่ไปได้ไม่เร็วนัด...
“โอ๊ย ช้าๆหน่อยได้มั้ยพี่เทพ ถ้าส้นรองเท้าน้องหัก น้องไม่ยอมจริงๆด้วย คู่นี้นำเข้ามาคู่เดียวในเมืองไทยนะคะ”
“อีกนิดเดียวก็จะถึงรถแล้ว น้องกลับไปบ้านก่อน พี่จะย้อนไปช่วยลูกน้อง เข้าใจมั้ย”
“พวกมันเป็นใคร น้องจะให้คุณพ่อสั่งฆ่ามันให้หมดคอยดู”
เทวัญกับธิดาชะงักทั้งคู่ ลูกน้องธนูยืนขวางทางเล็งปืนใส่ เทวัญกับธิดาก้าวถอยหลัง ธิดาหน้าตาตื่นกอดแขนเทวัญแน่น

ถังน้ำมันกลิ้งเข้าหากลางวงต่อสู้ พวกลูกน้องธนูตกใจยิงใส่ตามสัญชาตญาณ พุ่งความสนใจไปที่ถังเป็นจุดเดียว
รามโผล่มายิงใส่ที่ขาลูกน้องธนูทีละคนอย่างแม่นยำรวดเร็ว ล้มลงทีละคน แสงกับเย็นอ้าปากค้างในฝีมือราม
“พี่แสง พี่เห็นเหมือนที่ฉันเห็นมั้ย นี่มันพี่สี่เหวินเฉียงจากเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ชัดๆ”
รามหมุนตัวเตะปืนอีกคนกระเด็น
“วางปืนลง”
เสียงเย็นดังขึ้น รามหันไปมอง เห็นธนูจ่อปืนที่หัวธิดา ส่วนลูกน้องจับตัวเทวัญไว้
“ไม่งั้นกระสุนทะลุหัวมันสองคนแน่”
“ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ แกรู้มั้ยว่าฉันเป็นลูกสาวของพ่อเลี้ยงปองธรรม ถ้าฉันเป็นอะไรไป พวกแกอย่าหวังว่าจะรอด” ธิดาโวย
“นังนี่อยากจะตายนักใช่มั้ย”
ธนูจะยิง รามกับเทวัญรีบร้องห้าม
“อย่า”
รามปล่อยปืนทิ้ง
“ใจเย็นน่า เป็นถึงนักเลงใหญ่ฆ่าผู้หญิงที่อ่อนแอกว่า นุ่งกระโปรงแทนกางเกงดีกว่ามั้ง”
ธนูหันกระบอกปืนไปทางราม
“ถ้างั้นแกคงอยากเป็นฮีโร่ตายแทนผู้หญิงซินะ ฉันจะสงเคราะห์ให้เอาบุญ”
รามแปลกใจที่ธนูถือปืนมือซ้ายอย่างสงสัย เพราะจากข้อมูลที่ยงยุทธให้มาเกี่ยวกับธนูไม่ได้บอกไว้ รามรีบต่อบอก...
“ยิงคนมือเปล่า แกคงถนัดซินะ ถ้าแกแน่จริง มาตัวต่อตัวกันดีกว่า ถ้าแกชนะก็เอาเงินไป แต่ถ้าฉันแพ้ แกจะทำยังไงกับฉันก็ได้ แต่ต้องปล่อยพวกฉันทุกคนกลับไป”
รามจ้องตาธนูไม่หลบ
“แกคิดว่าแกแน่มาจากไหน ถึงกล้าท้าทายฉัน” ธนูแสยะยิ้ม
“ ตกลงกล้ามั้ยล่ะ ถ้าไม่กล้า แกก็ยิงเจาะอกฉันได้เลย”
ธนูยังเล็งปืนไปที่รามนิ่งอยู่ ในใจทนไม่ได้ที่ถูกท้าทาย ตัดสินใจที่จะต่อสู้กับรามเพื่อศักดิ์ศรี เพราะมีลูกน้องทั้งสองฝ่ายดูอยู่
รามนั้นต่อสู้มือเปล่ากับธนู ความเก่งสูสีกันแต่ธนูดูโหดเหี้ยมกว่า เตะเก่งมากโดยไม่ยอมใช้มือข้างขวาที่บาดเจ็บ รามอาศัยจังหวะที่เบี่ยงตัวหลบ สื่อสารกับยุทธทางนาฬิกาข้อมือ
“ดาบยุทธเช็คให้ทีว่า ไอ้ธนูมันถนัดมือซ้าย หรือมือขวากันแน่”
รามหันไป โดนเตะซ้ำๆแล้วตามด้วยจระเข้ฟาดหาง ล้มคว่ำเลือดออกจมูก รามเริ่มย่ำแย่ ขณะเดียวกันที่หน่วยงานพิเศษปปส. ยงยุทธนั่งดูภาพธนูในห้องประชุมที่บ้านปองธรรม คลิกซูมที่มือขวาเห็นผ้าพันแผล
“มันถนัดมือขวา แต่เช็คจากคลิปที่ผู้กองส่งมาคราวก่อน มือข้างขวามันพันแผลไว้” ยงยุทธรีบรายงานกลับไป
ธนูยกมือข้างขวา จะชกรามแต่ชะงักเพราะนึกขึ้นได้ว่ามือตัวเองเจ็บ รามเข้าใจทันทีว่า ธนูเจ็บจากเหตุการณ์คราวนั้น รามจับเท้าธนูดันจนธนูหงายไป รามตามเข้าไปดึงแขนขวาธนู จับมือด้านที่เป็นแผลฟาดกับเสาหลายๆที จนเลือดออก
ธนูร้องลั่น รามปล่อย ธนูทรุดฮวบไปที่พื้น ธนูจับแผลนอนกลิ้งไปกลิ้งมาด้วยความเจ็บปวด พวกธนูต้องรีบเข้ามาประคอง เย็นรีบปรี่เข้าไปหาราม
“เยี่ยมมากไอ้น้อง สุดยอดเลยวะไม่เสียทีที่ข้าสั่งสอนไว้ดี”
รามอมยิ้ม ธิดาสะบัดหลุดจากลูกน้องธนู โผไปหาราม
“คุณเทเรซ่าไม่บาดเจ็บตรงไหนใช่มั้ยครับ”
ธิดาซบอกรามรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยที่สุด
“ถ้ามีนายอยู่ ฉันไม่มีทางเป็นอะไร”
ทางด้านเทวัญ ดึงกระเป๋าเงินไปจากแสง
“อย่านะครับคุณเทวัญ ถ้าพ่อเลี้ยงรู้คงไม่ชอบใจแน่”
เทวัญไม่สน เดินไปส่งกระเป๋าเงินให้ธนูซึ่งลูกน้องกำลังช่วยกันประคองให้ยืน
“ฝากบอกเสี่ยชิตด้วย ขอให้เลิกแล้วต่อกันเพียงแค่นี้เถอะ”
ลูกน้องธนูรับกระเป๋าแล้วเดินไปอีกทาง ฝ่ายเทวัญพากันเดินไปอีกทาง โดยมีเย็นทำเป็นเก่งแอ็คท่าถือปืนกลคุมหลังให้
ทางด้านยงยุทธดึง Headphone ออกจากหู หันไปรายงานก้องภพ
“ปฏิบัติการกล่อมลูกเสือให้เชื่อง ประสบผลสำเร็จครับท่าน”

ก้องภพพยักหน้าพอใจในภารกิจลับของรามที่กำลังไปได้ด้วยดี

อ่านต่อตอนที่ 9




กำลังโหลดความคิดเห็น