เพลงรักบ้านนา ตอนที่ 20
เมื่อจ่าสินมาหาที่บ้าน บุญช่วยเล่าเรื่องทวนให้ฟัง...
“ฉันก็ไม่ไว้ใจไอ้ทวน แต่ที่ฉันรับมันเข้ามาอยู่ด้วยเพราะลูก ชาริณีทำเหมือนกลัวใคร ใคร...ที่มันกำลังข่มขู่ลูกฉัน อย่าให้รู้ว่ามันเป็นใครก็แล้วกัน”
จ่าสินนั่งฟังด้วยความรู้สึกร้อนตัว เพราะรู้ว่าชาริณีใช้ทวนป้องกันตนเอง
“ใครจะกล้าทำแบบนั้น”
สไบยิ้มเยาะ มองไปยังจ่าสิน
“นั่นน่ะซี ใครนะ...”
“ได้ไอ้ทวนมาก็มีข้อดี เราจะได้ตัดกำลังไอ้ศรีไพรกับชาวบ้าน นี่ถ้าได้ไอ้เมินกับพวกของมันมาด้วยยิ่งดี” บุญช่วยน้ำเสียงพึงพอใจ
สไบยิ้มรับ
“ถ้าท่านเศรษฐีต้องการ...”
“จะไว้ใจพวกมันได้ยังไง” จ่าสินแย้ง
สไบมองหน้าจ่าสิน
“ทุกวันนี้ก็ไม่มีใครไว้ใจได้ ของยังงี้มันอยู่ที่การขุน ใครยังเป็นประโยชน์ก็ใช้งานกันไป แต่ถ้าหมดประโยชน์ก็ต้อง...”
บุญช่วยพูดต่อทันที
“ยิงทิ้ง...”
“เรื่องไอ้เมินฉันจะจัดการเอง” สไบขันอาสา
แววตาจ่าสินเริ่มร้อนใจอย่างเงียบๆ
เมินว่ายน้ำข้ามคลองมาขึ้นอีกฝั่งหนึ่ง พบสไบใส่ซิ่นกระโจมอกอาบน้ำอยู่ก็ตกใจ จะว่ายน้ำหนี สไบขวางไว้ แกล้งโป๊ยั่วยวน
“เห็นฉันเป็นอะไร เป็นจระเข้หรือจรโขง”
“เอ้อ...เห็น...เห็นเป็นผู้หญิง”
“ถ้าเห็นเป็นผู้หญิง แล้วทำไมต้องหนีด้วย หรือว่า...ไม่เคยเห็นผู้หญิงอาบน้ำ จริงซีนะ...แต่งงานแล้วยังไม่ได้เข้าหอไม่ใช่เหรอ”
“คุณมาทำอะไรแถวนี้ มันเปลี่ยวนะ”
“น่าสงสารคนแต่งงานแล้ว ต้องมานอนหนาวอยู่คนเดียว เพราะไอ้ศรีไพรมันเงื่อนไขเยอะ ตอนนี้มันกำลังบ้าเพราะเสียคุณทวนไป”
เมินมองหน้าสไบไม่พอใจ
“คุณต้องการอะไร”
สไบว่ายน้ำเข้ามากอดคอเมินไว้
“ฉันมีข้อเสนอ อยากจะฟังข้อเสนอของฉันมั้ย”
ขณะเดียวกันนั้น แสนเดินผ่านลำคลอง เห็นสไบและเมินรีบหลบเข้าแอบดู
“พี่ศรีแพร...จะไปฟ้องพี่ศรีแพร”
แสนรีบวิ่งออกไป...เมินตื่นเต้น ตะกุกตะกัก
“ขะ...ข้อ...ข้อเสนออะไร”
ศรีแพรจับตัวแสนเขย่าๆๆ ด้วยความตื่นตระหนก หึงหวง เมื่อแสนวิ่งมาฟ้องเรื่องที่พบเมินอยู่กับสไบ กำลังกอดกันแน่น ศรีไพรและสด โยนกระจาดในมือทิ้ง ปราดเข้ามา
“อะไรนะ กอดกันกลมเลยหรือ” ศรีแพรถามเสียงเข้ม
“ใคร...ใครกอดใคร ไอ้เมินมันเป็นคนกอดนังนั่น หรือว่า...นังสไบมันกอดไอ้เมินเขยแม่”
ศรีไพรจับแสนเขย่า
“บอกมาเร็ว...เร็วๆ ไม่ยังงั้นพี่จะเขย่าให้คอหักเลย พี่เมินน่ะหรือ...แอบไปพลอดรักกับนังสไบที่คลองท้ายป่าช้า”
“เร็วๆ บอกมา...” ศรีแพรเร่งถามอย่างร้อนใจ
แสนตาเหลือกโดนเขย่าคอ
“เร็วก็ได้ แต่ต้องปล่อยคอฉันก่อน โอ๊ย...”
“เร็วๆ ใครกอดใคร” ศรีแพรถามเสียงแข็ง
“ใครกอดใครฉันไม่รู้หรอก แต่เห็นกอดกันนัวเลยพี่ศรีแพร โน่น...ที่คลองโน่น ไม่เชื่อพี่ไปดู”
ศรีแพรรีบวิ่งออกไป ศรีไพรและแสนวิ่งตาม สดหันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูก หน้ามืดจะเป็นลม
“โอย ความดันขึ้น ศรีแพร...ไอ้ศรีไพร รอแม่ด้วย กลับมาหามแม่ไปตบกับมัน หนอย...ผู้ชายเขามีเมียแล้วยังไม่ละเว้นอีกแน่ะ ผู้หญิงสมัยนี้มันหน้าด้านจริงๆ นะ กลับมาก่อน กลับมาหามแม่ไปตบกับมัน...โอย” สดร้องลั่น
สไบกอดเมินไว้แน่น พยายามยั่วยวน เมินพยายามหนีแต่สไบรั้งไว้
“ท่านเศรษฐีให้ฉันมาพูดกับคุณ ไปอยู่กับท่านเศรษฐีเถอะ คุณจะสบายเหมือนเพื่อนของคุณ ไม่ต้องทำงานหนัก แถมยังอยู่ดีกินดี ข้อสำคัญ...ไม่ต้องนอนหนาวอยู่คนเดียว แล้วก็มีเงินให้ใช้ไม่อั้น”
“ผม...ผมไปไม่ได้หรอก ผมมีเมียแล้ว”
“ไม่ต้องเอาเมียไปด้วย ใครเขาสนว่ามีหรือไม่มี”
ทันใดนั้นศรีแพรโผล่ขึ้นมาจากหลังพุ่มไม้
“มี...เมียยืนอยู่โทนโท่นี่ไง”
“ศรีแพร” เมินตกใจ รีบเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนของสไบ “ฟังพี่ก่อน ไม่ใช่อย่างที่ศรีแพรคิดนะ”
“ฉันเห็นอยู่เต็มสองตานี่ ยังต้องฟังอะไรอีก ไอ้ที่มีจนร้อยรอบเอวยังไม่พออีกหรือ นังสไบ ฉันจะตบสั่งสอนแก”
ศรีไพรและแสนวิ่งตามมาถึง ศรีแพรหึงจนหน้ามืด โกรธจนลืมตัวกระโดดลงไปตบสไบในน้ำ ทั้งสองตบตีกัน ศรีแพรหึงหนัก จับสไบกดน้ำ ศรีไพร เมินและแสนตกตะลึงเมื่อเห็นฤทธิ์หึงของศรีแพร
สไบสวมซิ่นกระโจมอก ห่มผ้าเช็ดตัวผมเผ้าเปียกปอน หน้าตาบวมปูด มีบาดแผลเจ็บไปทั่วตัวเพราะฤทธิ์หึงของศรีแพร แหว่งเห็นสภาพของนายสาวก็ตกใจ
“โธ่ๆๆๆ คุณสไบของบ่าวขา ก็ไหนว่าจะไปยั่วผู้ชาย ทำไมถึงได้กลับมาสภาพยังงี้ล่ะคะ โอย...หัวหูหน้าตาบวมปูดไปหมด”
“นังศรีแพร เจ็บใจนังศรีแพรนัก มันเข้ามาขัดจังหวะตอนที่ฉัน...ฉัน...”
แหว่งตาโต
“กำลังจะรับประทานผู้ชายใช่มั้ยคะ คุณสไบของบ่าวขา”
“ฉันไปชวนนายเมินมาอยู่ด้วยต่างหากล่ะ”
“มีนายทวนมาอยู่คนนึงแล้ว คุณสไบของบ่าวขาจะเอานายเมินเข้ามาอยู่ทำไมอีก ตอนนี้อยู่กันเยอะแยะไปหมด”
“อยู่กันเยอะๆ จนไม่รู้ว่าใครเป็นใคร เศรษฐีบุญช่วยจะได้ระวังตัวไม่ทัน ฉันมีแค่สองมือสมองเดียว โค่นไอ้แก่นั่นไม่ได้หรอก”
“คุณสไบถึงต้องใช้มือคนอื่นใช่มั้ยคะ”
สไบนัยน์ตากร้าวขึ้น
“ฉันต้องเอานายเมินเข้ามาอยู่ในบ้านนี้ให้ได้”
ศรีแพรซ้อมเมินด้วยความโกรธและหึง เพราะคิดว่าเมินนอกใจมีอะไรกับสไบ ศรีไพรกับแสนกอดกันแน่นด้วยความตื่นตระหนก กับอารมณ์ร้ายของศรีแพร ทอกและหมอกหลับตาปี๋
“นี่แน่ะ ไม่มีอะไรกัน เห็นกับตากอดกันกลมดิก ยังมีหน้ามาบอกว่าไม่มีอะไร...ไม่มีอะไร”
“ไม่มีอะไรจริงๆ เมียจ๋า...” เมินเสียงอ่อย
ศรีแพรถลึงตาใส่
“ใครเป็นเมียพี่เมิน”
“อ้าว ก็เราแต่งงานกันแล้ว ถ้าศรีแพรไม่ใช่เมียพี่ แล้วศรีแพรจะหึงทำไม”
ศรีแพรฟาดอีก
“เถียงหรือ นี่แน่ะ...เถียง นี่ขนาดแต่งงานแล้วแต่ยังไม่ได้เข้าหอนะ ยังออกฤทธ์เจ้าชู้ยังงี้ นี่ถ้าเข้าหอแล้ว ฉันเป็นเมียพี่ ฉันก็เป็นของตายของพี่น่ะซี”
เมินทำหน้ากรุ้มกริ่ม
“หมั่นดิ้นซิจะได้ไม่ตาย”
ศรีแพรโมโหฟาดอีก
“ทะลึ่ง ยังมาทำทะเล้นอีก นี่แน่ะ...”
เมินดิ้น
“โอ้ย ศรีแพร พี่กลัวแล้วจ้า ถ้าหวงพี่...กลัวพี่ไปทำเจ้าชู้กับคนอื่น ก็เอาพี่ไปนอนด้วยซี”
ทอกรีบเสริมทันที
“ใช่ เอาพี่เมินเขาไปขังไว้ในมุ้งก็ได้เขาจะได้หนีไม่รอด”
ศรีไพรตวาดแว๊ด ท้าวเอว ขวางไว้
“ไม่ได้ ยังไม่ให้เข้าหอตอนนี้ จนกว่าพี่เมินจะพิสูจน์ตัวเองให้ได้เสียก่อนว่า...พี่เมินไม่ได้หลงนังสไบกับเงินของมัน”
เมินจ๋อย
“ศรีไพร”
ศรีแพรจ้องหน้าเมินอย่างเอาเรื่อง
“ใช่ ห้ามเข้าหอ ห้ามยุ่งกับใคร ห้ามเจ้าชู้ ห้าม...”
“ห้าม...ทุกอย่างเลยหรือจ๊ะ ศรีแพรจ๋า”
“ใช่...” ศรีแพรใช้นิ้วจิ้มที่หน้าผากของเมิน “ห้ามหายใจด้วย”
ศรีแพรเปิดประตูเข้ามาในห้อง โกรธแค้นเมินจนร้องไห้ ศรีไพรตามเข้ามากอดศรีแพรไว้
“ผู้ชาย เป็นอย่างที่น้องว่าจริงๆ เหมือนกันหมดยกเว้นพ่อ พี่คิดว่าพี่เมินเขาเป็นคนซื่อสัตย์ ที่ไหนได้ เขาก็เหมือน...”
ศรีไพรอึ้งไป
“นายทวน...”
“พี่เสียใจที่ด่วนตัดสินใจแต่งงานกับเขา รู้ยังงี้เชื่อพ่อซะก็ดีหรอก นี่ถ้าพี่เชื่อพ่อ พี่คงไม่ต้องเสียน้ำตายังงี้ โธ่...เจ็บใจนัก คอยดูนะ...ฉันจะตบแกให้ตายคามือเลย นังสไบ”
ศรีแพรบอกอย่างแค้นจัด
เช้าวันใหม่ ทวนเปิดประตูห้องพัก ซึ่งอยู่ในบ้านเล็ก ที่พวกสมุนของบุญช่วยอยู่อาศัยกัน ชิงชัย เลิศ หลิมรอทวนอยู่ภายนอก ทวนชะงักมอง ชิงชัยยิ้มเยาะ
“ก็ไหนว่าเงินซื้อคนอย่างแกไม่ได้ไง แล้วทำไมแกถึงได้ยอมขายตัวให้เงินซะล่ะ ไอ้ทวน”
“ชิงชัย”
“ถึงแกจะเป็นคนคุ้มกันน้องสาวฉัน แต่ฉันก็ไม่เคยไว้ใจแกเลยนะ ที่ฉันไม่คิดบัญชีเก่ากับแก ก็เพราะฉันจะใช้ประโยชน์แก”
“ก็ไม่รู้ว่าผมจะทำประโยชน์ให้คุณได้หรือเปล่านะ ผมไม่ได้เป็นลูกจ้างสายตรงของคุณ”
ชิงชัยฉุนกึก
“อย่าโอหังกับฉัน ไอ้ทวน ไหนแกรักไอ้ศรีไพร ปกป้องมันยังกับตับไตไส้พุง แล้วทำไมแกถึงได้ทิ้งเพื่อนร่วมอุดมการณ์อย่างไอ้ศรีไพรซะล่ะ”
“คำตอบก็คือเงิน” ทวนตอบนิ่งๆ
ชิงชัยมองหยัน
“แกขายตัวให้เงินจริงๆเหรอ ฉันไม่อยากเชื่อ”
“เชื่อหรือไม่เชื่อ เรื่องของคุณ ไม่ใช่เรื่องของผม หลีกทาง...ผมจะไปรับคุณชาริณี”
ทวนเดินชนไหล่ชิงชัยออกไป ท่าทีของทวนยังคงยโสโอหังเหมือนเดิม ชิงชัยกับพวกมองตามไป
“คุณชิงชัยเชื่อหรือครับว่าไอ้ทวนมันขายตัวให้ท่านเศรษฐีเพื่อเงิน” เลิศถามอย่างสงสัย “ฉันไม่เชื่อหรอก แต่พ่อต้องการไอ้ทวนเป็นพวกเพื่อตัดกำลังไอ้ศรีไพร ไม่ใช่ ไอ้ทวนคนเดียว” ชิงชัยแววตาครุ่นคิด “ไอ้เมินด้วย...”
ทอก หมอก และมหาเฉื่อยต่างช่วยกันหิ้วปีกเมินกลับมายังเพิงท้ายป่าช้า เมินมีสภาพสะบักสะบอมเพราะถูกศรีแพรซ้อม มหาเฉื่อยสะพายร่วมยาโบราณมาด้วย
“ก็ไม่น่านี่น้า...ไม่น่าใช้ชีวิตโดยประมาทเลยนะไอ้เมิน ไปทำยังไงเข้าถึงได้ถูกนังศรีแพรมันซ้อมเอากระอักเลือดยังงี้ แต่งงานยังไม่ทันได้เข้าหอเลย โดนเมียซ้อมเสียแล้ว ฤกษ์ไม่ดีเลยนะเว้ย”
เมินหน้าจ๋อย
“โธ่ ลุงมหาเฉื่อย ใครจะไปรู้ล่ะว่า...”
ทอกถอนใจ
“ภาพพี่กอดกับนังสไบตำตาออกยังงั้น จะแก้ตัวยังไงก็ไม่ทันหรอก”
หมอกนึกถึงภาพที่เมิน ถูกศรีแพรซ้อมแล้วสยอง
“เกิดมาข้าเพิ่งเคยเห็นผู้หญิงหึง นังศรีแพรมันหึงยังกับพายุ”
“ไม่ยังงั้นเขาจะเรียกลมเพชรหึงหรือวะ ไอ้พายุชนิดนี้น่ะมันร้ายนัก เข้าที่ไหนวอดวายที่นั่น” มหาเฉื่อยหันมามองหน้าเมิน “ว่าแต่...ทำไมเอ็งกับนังสไบถึงได้ไปกอดกันกลมดิกอยู่ในคลอง หา ไอ้เมิน”
เมินอึกอัก
“เอ้อ...อ้า...”
มหาเฉื่อยชี้หน้าเมิน ด้วยความตื่นตระหนก
“หรือ...หรือว่า...เศรษฐีบุญช่วยจะเซ็งลี้เอ็งไปอีกคน”
สไบและแหว่งกำลังจัดโต๊ะอาหารเช้า ทวนเดินขึ้นบันไดมา สไบชำเลืองมอง ขยับคอเสื้อให้กว้างขึ้น ชาริณีวิ่งตัดหน้าสไบไปคล้องแขนทวน
“คุณทวนมาพอดี มาค่ะ มากินกาแฟด้วยกัน ฉันไม่ได้ให้คุณทวนไปกินรวมกับพวกมือปืนของพ่อ เพราะคุณกับไอ้สวะพวกนั้นเป็นคนละระดับกัน”
สไบยิ้มทวนก่อนจะยื่นถ้วยกาแฟให้
“กาแฟค่ะคุณทวน”
“เอามานี่ ฉันชงเอง...”
ชาริณีเอากาแฟในมือสไบสาดทิ้ง
“ผมช่วยตัวเองได้” ทวนพูดนิ่งๆ
ชาริณีส่งยิ้มหวานให้ทวน
“ตั้งแต่คุณเข้ามาอยู่ที่นี่ฉันสบายใจขึ้นเยอะเลย นังสไบ...”
“คะ”
“ถ้าคุณทวนเขาต้องการอะไร ให้นังแหว่งมันรับใช้เขาเป็นพิเศษนะ แกไม่ต้องสาระแนเข้าไปรับใช้เขาในห้อง เหมือนอย่างที่แกเคยทำกับพ่อฉันล่ะ ยังไงคุณทวนเขาก็เป็นผู้ชาย”
“ค่ะ”
สไบรับปากประชด ยิ้มเยาะ แหว่งมองหน้าสไบด้วยความแปลกใจ
“ออกไปได้แล้ว แกด้วยนังแหว่ง ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณทวน”
สไบเดินออกไป แหว่งมองชาริณีด้วยแววตาขุ่นเคือง ก่อนวิ่งตามออกไป ทวนขยับตัวออกห่าง ชาริณีเข้าแนบชิดทวน
“วันนี้เราหา...อะไร...สนุกๆ ทำกันมั้ย”
“อะไรที่คุณว่า...สนุก...น่ะ”
ทวนถามด้วยความสงสัย ชาริณียิ้มอย่างมีเลศนัย
ศรีไพรเลือกผ้าซิ่นอยู่กับแสนในร้านค้าในเมือง ชาริณีเข้ามากระชากผ้าจากมือของศรีไพร
“ผืนนี้ฉันซื้อ...”
ศรีไพรกับแสนหันไปมองหน้าทวน ที่ยืนอยู่ด้านหลัง แล้วเมินหน้าด้วยท่าทางรังเกียจ ทวนมองอย่างไม่สบายใจ
ศรีไพรหันไปหยิบเสื้อตัวหนึ่งขึ้นมาดู
“งั้นเสื้อลูกไม้ตัวนี้ล่ะ แม่คงชอบนะ แสน”
แสนพยักหน้า
“มั้ง”
“เอามานี่ ฉันจะซื้อไปเผาทิ้ง”
ชาริณีเข้ามากระชากเสื้อลูกไม้ไปจากมือของศรีไพร ทวนตกใจ
“คุณชาริณี ผมว่าไปเถอะ”
ศรีไพรไม่สนใจหันไปหยิบผ้าพันคอ
“แล้วผ้าพันคอนี่ล่ะ”
“ฉันจองแล้ว เอามานี่...”
ชาริณีกระชากผ้าพันคอจากมือ ศรีไพรหันมามองหน้าชาริณี พยายามอดกลั้นอารมณ์โกรธ ก่อนมองเลยไปยังทวนแล้วหันไปพูดกับคนขาย
“เรื่องศาลาที่คุยกันไว้ล่ะ น้า”
ชาริณีเผลอตัวรีบพูดแซง
“ฉันจอง...”
ศรีไพรยิ้มเยาะ
“กี่วัน จะจองเมรุด้วยมั้ย สวดเสร็จจะได้เผาเลย นี่ฉันก็ว่าจะไปจองเมรุไว้เผาพวกสัมภเวสีผีไม่มีญาติ หรือคุณจะจองไว้เผาคนของคุณก็ได้นะ เชิญ”
ทวนอึ้งไป
“ศรีไพร”
ศรีไพรกับแสน ผละไป ทวนรีบตามออกไป ชาริณีขยับจะตาม คนขายคว้าข้อมือไว้
“เดี๋ยวก่อน ไอ้ที่จองไว้ทั้งผ้าซิ่น เสื้อ แล้วก็ผ้าพันคอ ศาลากับเมรุอีกต่างหากว่าไง”
ชาริณีดิ้น
“ปล่อยฉันนะ”
คนขายจับไว้แน่นแล้วตะคอกใส่หน้า
“ไม่ปล่อย สั่งแล้วสั่งเลยต้องจ่าย นี่ในเมืองนะ ไม่ใช่เขตอิทธิพลของเศรษฐีบุญช่วย”
ชาริณีหน้าแหยๆ ค่อยๆควักเงินออกมาจ่าย
ทวนวิ่งตามศรีไพรและแสนมายังถนนใหญ่...
“ศรีไพร ฟังพี่ก่อน”
“ใครเป็นพี่ ใครเป็นน้อง ใครเป็นญาติโกโหตุกับใคร ไม่ทราบ”
แสนมองหน้าทวนอย่างชิงชัง
“ใช่ พี่ศรีไพรเขาไม่นับญาติกับพวกผู้ชายป้ายเหลืองหรอก เขาเหม็นกลิ่นคาวคนขายตัว”
ทวนเจ็บปวดใจ
“ศรีไพร แสน อย่าโกรธพี่เลยนะ พี่ทำไปเพราะความจำเป็น”
“จำเป็นหรือ ท้องไม่มีพ่อ เลยมีความจำเป็นต้องเอาลูกไปทิ้งในถังขยะแล้วร้องว่า...”
แสนทำเสียงสั่นๆ หยันเย้ย
“มะ...แม่...แหม...แหม่...แม่จำเป็นจริงจริ๊ง”
ชาริณีวิ่งตามมา หอบถุงข้าวของที่ซื้อ ขว้างลงกับพื้นด้วยความโกรธ
“อย่าไปฟังมันค่ะคุณทวน มันเสียพวกเลยพาลตีรวนคุณ คุณทวนเขาไม่ใช่ผู้ชายขายตัวอย่างที่แกคิดหรอก เขากับฉัน...จะแต่งงานกัน”
ทวนตกใจ หันไปมองหน้าชาริณี
“คุณ...”
ชาริณีเข้าคล้องแขน เขิดหน้าท้าทายศรีไพร
“ฉันรักจริงหวังแต่ง ไม่หลอกใช้เขาอย่างแกหรอก เห็นมั้ยว่าเขาอยู่กับฉันเป็นยังไง เท่ หล่อ ใส่เสื้อผ้ามียี่ห้อ มีรถแพงๆขับ ไม่ต้องเดินโขยกเขยกตามคันนา เหมือนตอนที่เขาอยู่กับพวกแก”
“คุณชาริณี” ทวนปรามเสียงเครียด
ชาริณียิ้มหยัน
“บอกมันไปเลยค่ะ บอกมันไป...ว่าเรา...จะแต่งงานกัน มันจะได้กลับไปนอนน้ำตาเช็ดหัวเข่า”
ศรีไพรมองทวนอย่างเศร้าๆ
ค่ำคืนนั้น ศรีไพรนั่งกอดเข่า หนุนปลายคางกับหัวเข่า น้ำตานองใบหน้า ศรีแพรเข้ามานั่งลงใกล้ๆ ด้วยความสงสาร
“ศรีไพร น้องพี่”
“ใช่ ฉันไม่ควรรักเขาเลย ถ้าฉันไม่รักพี่ทวน ฉันคงไม่ต้องมานั่งร้องไห้น้ำตาเช็ดหัวเข่ายังงี้หรอก ฉัน...”
ศรีแพรดึงศรีไพรเข้ามากอดไว้อย่างปลอบโยน
(อ่านต่อ หน้า 2)
เพลงรักบ้านนา ตอนที่ 20 (ต่อ)
วันต่อมา ร้านเจ๊กตงเงียบเหงาไม่มีลูกค้า มีแต่มหาเฉื่อย ทอกและหมอกนั่งเล่นหมากรุกกันอยู่ ขณะที่เนี้ยวนั่งกระฟัดกระเฟียดร้องไห้ เพราะแค้นใจที่ทวนไปเป็นพวกของบุญช่วย
“จะร้องไห้ไปทำไมดอกท้อของเตี่ย เตี่ยเห็นวันๆ ลื้อเอาแต่ร้องไห้ สั่งขี้มูกพรืดๆ เตี่ยหัวใจจะขาด ถ้าอยู่บ้านนาแล้วไม่มีความสุข เตี่ยจะพาลื้อกลับเมืองจีน”
“ไม่เอา อั๊วจะอยู่ที่นี่ อั๊วจะอยู่ดูหน้าคนเห็นแก่เงิน”
“ตัดอกตัดใจเสียบ้างเถอะ อาทวนอีตัดสินใจยังไงก็เป็นสิทธิ์ของอี เตี่ยจะหาผัวให้ลื้อ เอาเถ้าแก่โรงสีมั้ย”
“ไม่เอา”
“งั้นก็ตั่วเฮียโรงจำนำ”
“ไม่”
“หรือ...เจ้าสัว นักธุรกิจบ้านจัดสรร”
“อั๊วไม่เอาใครทั้งนั้น เตี่ยจ๋า...อั๊วรักพี่ทวนคนเดียว”
ขณะเดียวกันนั้น ชาริณีขับรถมาจอดหน้าร้านเจ๊กตง ทวนถามด้วยความแปลกใจ
“จอดทำไมอีก คุณต้องกลับบ้านนะ”
“เจ็บใจไอ้ศรีไพร วันนี้ไม่ได้ทำอะไรสนุกๆ ฉันนอนไม่หลับแน่” ชารินีลงจากรถ “เจ๊กตง...”
ทวนลงตามมา เจ๊กตงหันไปมอง
“ไอ้หย๋า พูดถึงก็มาพอดี ร้านอั๊วไม่ต้อนรับพวกของเศรษฐีบุญช่วย”
เนี้ยวมึนตึงเมื่อเห็นทวน
“อั๊วด้วย ถึงจะเอาเงินมากองตรงหน้าก็ไม่ต้อนรับ”
มหาเฉื่อย ทอกและหมอก เลี่ยงออกไปจากร้าน ทุกคนมองมายังทวนด้วยความรังเกียจ
“ไปโว้ย ไปรุกกันที่อื่นดีกว่า รุกในร้านเจ๊กตงนี่เดี๋ยวจะถึงฆาต” มหาเฉื่อยแดกดัน
ทอกลุกออกจะตามมหาเฉื่อย
“ไป...”
ทวนอึ้งหน้าสลดลง
“ลุงมหา...”
ทั้งสามสะบัดหน้า ด้วยความรังเกียจก่อนเดินออกไป ชาริณีมองตาม เบะปาก
“ทำเป็นรวมหัวกันรังเกียจคุณทวน ช่างมันค่ะ ไม่ต้องไปสนใจ อีกหน่อยพอเราแต่งงานกันแล้ว คุณมีแค่เงินก็พอแล้วไม่ต้องมีเพื่อน”
เจ๊กตงตกใจตาโต
“หา อะไรนะ ลื้อจะแต่งงานกับลูกสาวเศรษฐีบุญช่วยเรอะ”
ทวนหน้าเสีย
“เจ๊กตง คือว่า...ผม...”
เนี้ยวโกรธมาก ถามย้ำน้ำเสียงหนักๆ
“จะแต่งงานกันเหรอ”
“ใช่ เราจะแต่งงานกัน”
ชาริณีเชิดหน้าตอบ ขณะที่ทวนยืนนิ่งอย่างลำบากใจ
ทวนขับรถเข้ามาจอดตรงหน้าจ่าสิน หน้าตาของทวนทุกข์กังวล ร้อนใจเรื่องที่ชาริณีป่าวประกาศเรื่องแต่งงาน
“ทำไมคุณบอกเจ๊กตงว่าเราจะแต่งงานกัน”
“ก็ฉันจะแต่งงานกับคุณจริงๆ ฉันรักคุณ”
“ผมแค่มาทำงานกับคุณเพื่อเงิน ผมไม่ได้...”
“หรือคุณไม่อยากเป็นเขยของพ่อฉัน ไม่อยากร่วมธุรกิจกับพ่อของฉัน”
ทวนหันมามองหน้าชาริณี เริ่มสนใจ
“พ่อคุณทำธุรกิจอะไร”
จ่าสินก้าวเข้ามา
“ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องรู้ลึกนี่ แค่เกาะผู้หญิง เป็นแมงดาไปวันๆ แค่นั้นก็พอแล้ว”
ชาริณีมองหน้าจ่าสินอย่างไม่พอใจ
“จ่าสิน พูดให้มันดีๆ หน่อย ให้เกียรติคุณทวนเขาบ้าง เขาไม่ใช่นักเลงกิ๊กก๊อก เหมือนใครบางคนนะ”
“คุณชักนำไอ้ทวนเข้ามายุ่งกับธุรกิจของพ่อคุณ ถ้ามันเป็นงูเห่าล่ะ”
“ก็คงไม่มีงูตัวไหน มีพิษร้ายแรงเท่าจ่าละมั้ง” ทวนย้อนอย่างเย้ยหยัน
จ่าสินฉุนกึก จะเข้าทำร้ายทวน
“ไอ้ทวน”
ชาริณีเข้าขวางทันที
“อย่านะ...อย่าแตะต้องคุณทวน พอเขาแต่งงานกับฉันแล้ว ธุรกิจทั้งหมดของพ่อ ต้องโอนเป็นของเขา” ชาริณีหันไปหาทวน “ไปค่ะคุณทวน ขึ้นไปข้างบน”
ทวนหันมาสบสายตาจ่าสินอย่างท้าทาย ก่อนขึ้นบ้านไปกับชาริณี จ่าสินมองตามด้วยแววตาวาวโรจน์ไปด้วยความเกลียดชัง
เมินค่อยๆ ย่องออกมาจากเพิงท้ายป่าช้า กำลังจะไปสืบหาข่าว ศรีแพรยืนดักรออยู่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง หึงหวง
“จะไปไหน พี่เมิน”
“ศรีแพร ก็...ก็จะไปหาศรีแพรน่ะซิจ๊ะ พอแผลตกสะเก็ดแล้วพี่ก็คิดถึงศรีแพรกับ...ตบของศรีแพรจ้ะ”
ศรีแพรจ้องหน้า
“ไม่ใช่ไปหานังสไบนะ”
“โธ่ ศรีแพร พี่กับสไบไม่มีอะไรกัน ไอ้ที่ศรีแพรเห็นน่ะมันเป็นเรื่องเข้าใจผิด” “ฉันเห็นกับตาว่าพี่กับนังนั่นกอดกันในน้ำ ยังจะแก้ตัวอีก อยากเจ็บตัวอีกใช่มั้ย”
เมินกลัวๆ
“โอย ดุจัง ไม่ใช่ยังงั้น แต่...แต่ว่า...”
“มันเสนอเงินซื้อตัวพี่ เหมือนที่ลูกสาวเศรษฐีบุญช่วยซื้อพี่ทวนไป พี่จะให้ฉันผิดหวังในตัวพี่ เหมือนที่ฉันผิดหวังในตัวพี่ทวนอีกหรือ”
“พี่ก็ไม่รู้ไอ้ทวนมันทำยังงั้นทำไม วันๆ พี่ไม่เห็นมันใช้เงินเลย มันจะเอาเงินไปทำไม ฟ้องหลวงตาท่านก็ให้วางเถิดดดโย้มมมม”
ศรีแพรหน้าสลดลง
“สงสารศรีไพร พอรู้จักรักก็ต้องมาเสียน้ำตาให้ผู้ชายอย่างพี่ทวน รู้ยังงี้ฉันไม่ให้น้องของฉันรักใครหรอก”
เมินยิ้มกริ่ม
“นอกจากพี่เมินคนนี้”
ศรีแพรเงื้อมือ ตวาดแว๊ด
“พี่เมินนั่นแหละตัวดี คอยดูนะ ถ้าฉันรู้ว่าพี่พบกับนังสไบอีกละก็...พี่จะไม่ได้เข้าหอไปจนวันตาย ฮึ”
ศรีแพรสะบัดหน้าออกไป เมินร้องลั่น
“ศรีแพรจ๋า ฟังพี่ก่อน...”
เมินรีบวิ่งตามศรีแพรไป
เมินวิ่งตามง้อศรีแพรด้วยเพลง ศรีแพรยังคงทำปั้นปึ่ง ยังโกรธและหึงเมินกับสไบ แหว่งและสไบยืนมองอยู่ไกลๆ สไบยิ้มเยาะศรีแพร
“คุณสไบของบ่าวขา ยังไม่หลาบจำน้ำหนักตบของนังศรีแพรมันอีกหรือคะ”
“ก็ตอนนั้นฉันตั้งตัวไม่ทัน ฉันเลยเสียท่ามัน ถ้าฉันตั้งรับทันละก็...มันต้องต่างคนต่างเจ็บ”
“คุณสไบทำแบบนี้ มันจะไม่ตีงูให้กากินหรือคะ”
“กว่างูกับกามันจะรู้ตัว ฉันก็รวยแล้ว”
“คุณสไบ”
สไบนัยน์ตาวาวโรจน์ไปด้วยความแค้น
“เราจะยักยอกเงินกับทองของเศรษฐีบุญช่วย”
ค่ำคืนนั้น สไบภาพเปิดประตูห้องนอนของบุญช่วยเข้ามาไขกุญแจหีบเหล็กใส่ทองแท่งของบุญช่วย เอาทองแท่งออกไปจำนวนหนึ่ง เสียงบุญช่วยไออยู่ข้างนอก สไบรีบปิดหีบเตะทองแท่งเข้าไปไว้ใต้เตียง บุญช่วยเปิดประตูเข้ามา
“ชาริณีกลับมาหรือยัง”
“คงออกไปเดินใช้เงินในเมือง ยังไม่กลับละมั้ง”
“มีไอ้ทวนคอยคุ้มกัน ฉันค่อยหายห่วงชาริณี แต่ยังไงก็ต้องดูๆ ไอ้ทวนไว้ ฉันยังไม่ไว้ใจมัน”
“ท่านเศรษฐีมีเงินมีอำนาจ จะต้องกลัวใครอีก ตอนนี้ชาวบ้านยังทำหัวแข็งแต่พอเราได้เจ้าเมินมาเป็นพวก ชาวบ้านต้องเปลี่ยนใจแน่ ฉันกำลังพยายามอยู่”
“ถ้าเอาเงินล่อมันไม่อยู่ ก็เอาตัวเธอนั่นแหละล่อมันไว้ ฉันไม่ถือหรอกไอ้เรื่องแบบนี้ แต่ฉันถืออยู่เรื่องเดียว...ผู้ชายคนนั้นต้องไม่ใช่ชิงชัย”
สไบมองบุญช่วยลับหลัง ด้วยแววตาเกลียดชังก่อนเหลือบมองไปยังทองแท่งที่ซ่อนไว้ใต้เตียงนอนของบุญช่วย
ศรีไพรนั่งอยู่ข้างๆ กองไฟ ที่เคยจุดไล่ยุงให้ไฉไลเฉิดอย่างเงียบเหงา เศร้าหมอง
“นี่ถ้าแกยังอยู่ฉันคงไม่เหงายังงี้หรอกไฉไลเฉิด ฉันทุกข์...ฉันจะเล่าเรื่องทุกข์ให้แกฟัง ฉันรู้ว่าแกต้องฟังฉัน เข้าใจฉัน ปลอบฉันได้ ฉันคิดถึงแก...ไฉไลเฉิด”
ทันใดนั้น ทวนก้าวเข้ามา
“ศรีไพร”
ศรีไพรคว้าปืนเตรียมยิง
“อย่าเข้ามานะ ออกไปจากบ้านของฉัน”
“ศรีไพร ให้โอกาสพี่บ้างซิ พี่จำเป็นจริงๆ ถึงต้องเข้าไปอยู่ในบ้านเศรษฐีบุญช่วย วันนี้พี่ยังพูดอะไรไม่ได้ แต่สักวันหนึ่งศรีไพรจะเข้าใจ”
“ฉันไม่มีเวลาเข้าใจนายหรอก ออกไป อย่าเข้ามาเหยียบในบ้านของฉันอีก ที่นี่ไม่ต้อนรับคนโลเลอย่างนาย”
“ศรีไพร”
“จะไปหรือไม่ไป”
“ศรีไพรจะโกรธพี่สักแค่ไหน แต่พี่ขอร้องอย่าเกลียดพี่เลย พี่ทำเพื่อ...”
ศรีไพรยิ้มเยาะ
“เพื่อชาวบ้านนายังงั้นหรือ หรือทำเพื่อตัวเองกันแน่ กำลังจะได้เป็นลูกเขยของเศรษฐีบุญช่วย ได้ทำนาสบายๆ บนหลังคน มีเงินเยอะแยะ ขยายอิทธิพลของพ่อตา แล้วอีกหน่อยก็กลายเป็นจ้าของบ้านนานี่ทั้งตำบล”
ทวนหน้าเสียที่ศรีไพรเข้าใจเขาผิด
“ศรีไพร”
ศรีไพรน้ำตาไหล ตวาดไล่อย่างเกลียดชัง
“ไปซะ จะไปตายที่ไหนก็ไป...”
“ศรีไพร”
ทวนค่อยๆถอยก้าว มองศรีไพรด้วยแววตาปวดร้าว ก่อนที่จะเดินออกไป ศรีไพรค่อยๆ ลดปืนลง ทรุดตัวลงนั่ง กอดปืนร้องไห้
ทวนเดินกลับมาที่บ้านบุญช่วยอย่างหม่นหมอง เพราะไม่อาจปรับความเข้าใจกับศรีไพรได้ เขามองขึ้นไปบนบ้าน เห็นไฟฟ้าในห้องของชาริณียังเปิดสว่าง ทวนมองด้วยความสงสัย
ภายในห้องนอน ชาริณีค่อย ๆก้มลง มือสั่นสะท้าน ดวงตาไร้แวว ใบหน้าโทรมไปด้วยเหงื่อ เธอกำลังเสพยาเสพติด ขณะเดียวกันนั้น ประตูห้องค่อยๆแย้มออก ทวนที่ขึ้นมาดูชาริณีสูดลมหายใจเสพยา จึงตรงเข้าไปปัดมือ
“นั่นคุณทำอะไรน่ะ คุณ...”
ชาริณี ตื่นตระหนก
“อย่า...อย่าบอกพ่อนะ ว่าฉัน...ฉัน...”
“คุณเสพมันหรือ คุณไปเอามันมาจากไหน” ทวนถามเสียงแข็ง
ชาริณีแบมือขอยา
“ฉัน...ฉัน...เอามาให้ฉัน”
“คุณต้องบอกผมมาก่อน ว่าคุณได้มันมายังไง ใครเป็นคนหาของพวกนี้มาให้คุณ ใคร”
สไบก้าวเข้ามา
“ฉันเอง ฉันเป็นคนสงเคราะห์ไม่ให้ลูกเลี้ยงของฉันตายเร็ว”
ชาริณีจ้องหน้าสไบอย่างเกลียดชัง
“แกออกไปนะนังสไบ แกไม่มีหน้าที่ตอบคำถามของคุณทวน”
สไบยิ้มหยัน
“เผื่อเขาจะเป็นพ่อพระช่วยคุณเลิกมันได้ ไอ้ของแบบนี้น่ะ...ไม่ใช่ใจ เลิกมันไม่ได้หรอก จะเดือดร้อนทำไมในเมื่อท่านเศรษฐีมีเงิน มีเงิน...ก็หาความสุขกับมันไปจนตาย ตายแล้ว...แล้วกัน”
ทวนถอนใจ
“ชาริณียังเด็ก...นี่ท่านเศรษฐีรู้หรือเปล่าว่า...”
“อย่า...อย่านะ...อย่าบอกพ่อ พ่อต้องฆ่าฉันแน่ถ้าพ่อรู้ว่าฉันติดมันเสียเอง”
ชาริณีร้องไห้ ผวาเข้ามากอดขาทวนไว้ ทวนก้มลงมอง
“ถ้าคุณอยากช่วยฉันคุณก็แต่งงานกับฉันซิ แล้วฉันสัญญา...ว่า...ว่าฉันจะ...เลิก สัญญาได้มั้ยว่าคุณจะแต่งงานกับฉัน”
ทวนจ้องมองอาการร่ำร้องไห้ของชาริณี ด้วยความรู้สึกสงสาร ลังเล
เช้าวันใหม่ ศรีไพรเดินดูต้นข้าวที่งอกงามเขียวขจีอย่างเหงาๆ แสนมองตามด้วยความสงสาร แล้วเล่าให้ศรีแพรฟัง
“ตั้งแต่พี่ทวนไปอยู่กับเศรษฐีบุญช่วย พี่ศรีไพรก็เอาแต่เงียบ บางทีฉันก็เห็นพี่ศรีไพรแอบร้องไห้”
ศรีแพรมองน้องสาวอย่างเศร้าใจ
“พี่ก็สงสารศรีไพร แต่ไม่รู้จะทำยังไง คิดแล้วเกลียดพี่ทวนนัก ทำไมเขาต้องทำยังงี้กับเรานะ”
“ตอนนี้ข่าวว่าพี่ทวน กำลังจะแต่งงานกับลูกสาวเศรษฐีบุญช่วย ชาวบ้านพูดกันให้แซ่ด”
ศรีแพรตกใจ
“ถึงกับจะแต่งงานกันเชียวหรือ”
“ฉันได้ยินมาว่ายังงั้น”
ศรีแพรเริ่มวิตกกังวล
ศรีแพรดึงหูเมินออกมาจากเพิงที่พัก เมินร้องโอดโอย
“ดึงหูพี่ทำไม โอ้ย...พี่เจ็บนะ คิดถึงพี่ให้แสนแสบมาบอกก็ได้ พี่จะรีบไปจูบให้หายคิดถึง”
“ทะลึ่ง ไม่ได้มาให้จูบ แต่พี่เมินรู้มั้ยว่าตอนนี้คนบ้านนาลือกันแซ่ด ว่าพี่ทวนกำลังจะได้เป็นลูกเขยของเศรษฐีบุญช่วย”
“ก็ดีแล้วนี่ เฮ้ย...ไม่ได้ เป็นไปไม่ได้นะ ถึงกับแต่งงานเชียวหรือ มากไปมั้งไอ้ทวน”
“พี่เมินต้องทำอะไรสักอย่าง อย่าให้พี่ทวนแต่งงานกับชาริณี แต่งไม่ได้...”
“ไอ้ทวนมันจะแต่งงานกับใคร ไม่เห็นจะเป็นอะไร ขออย่าให้ศรีแพรไปแต่งงานกับคนอื่นแล้วกัน พี่หึงนะ”
ศรีแพรตีผัวะ
“นี่แน่ะ พูดเล่นดีนัก นี่ฉันพูดจริงๆ นะ ถึงฉันจะโกรธพี่ทวนยังไง ฉันก็ไม่เกลียดเขาหรอก ฉันยังคิดถึงสิ่งดีๆ ที่เขาเคยทำให้เรา อย่าให้พี่ทวนแต่งงานกับชาริณี นะ...พี่เมิน”
เมินนิ่งงัน ไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี
เมินและทอก หมอก พายเรือเข้ามาจอดที่ฝั่ง เมินปีนขึ้นมาบนตลิ่ง
“พี่จะเข้าไปคนเดียวหรือ เขตบ้านเศรษฐีบุญช่วยมีป้ายห้ามเข้า แล้วไหนจะมียามอีกล่ะ ไอ้หลิม ไอ้เลิศก็อยู่” ทอกถามด้วยความห่วงใย
“พวกแกรออยู่นี่”
หมอกมองทวนอย่างเป็นห่วง
“ระวังตัวนะพี่”
เมินขึ้นฝั่งไป ทอกกับหมอกมองตามไปด้วยความกังวล
ขณะเดียวกันนั้น ทวนเดินลงมาจากบ้าน เมินยิงหนังสติ๊กใส่ทรวงอก ทวนสะดุ้งโหยงกวาดสายตามองเหลียวซ้ายขวา รีบเข้ามาหาเมินที่ริมรั้ว
“แกมาทำไม”
“ฉันมีเรื่องจะพูดกับแก นี่แกสิ้นคิดถึงกับจะเอาตัวเองขายเลหลัง เป็นเขยเศรษฐีบุญช่วยจริงๆ หรือ ต้องการเงินเท่าไหร่”
ทวนมึนตึง มองไปรอบๆ
“แกถามทำไม”
“ฉันจะไปเรี่ยไรชาวบ้าน เอาเงินมากองให้แก เลิกทำบ้าบอเสียทีเถอะ ฉันรู้ว่าแกยังเป็นเพื่อนฉันอยู่นะ เรากอดคอกันกินข้าวก้นบาตรมาจนโตได้ เงินจะมีความหมายอะไรสำหรับแก”
“กลับไปเสียเถอะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะยุ่ง”
“ทวน อย่าทำแบบนี้เลย เราสู้กับชาวบ้านกับศรีไพรศรีแพร เราก็กำลังจะไปดีนะ ทำไมแกต้องทำแบบนี้”
“ฉันบอกให้แกไปซะ ที่นี่อันตราย”
“ถ้าแกรู้ว่ามันมีอันตราย แล้วแกเข้ามาพัวพันกับคนพวกนี้ทำไม มันไม่ใช่คนดีเลยนะ เศรษฐีบุญช่วยกับไอ้ชิงชัยต้องมีของผิดกฎหมาย”
ขณะเดียวกันนั้น ชิงชัยส่งเสียงมา
“เฮ้ย นั่นเสียงใครวะ”
“ไปเสียเถอะ อย่ายุ่งเรื่องของฉัน ออกไป”
“ไอ้ทวน นี่ฉันเพื่อนแกนะโว้ย”
“ออกไป” ทวนไล่อย่างร้อนใจ
“ได้ ถ้าแกจะบ้าละก็ แกอย่ามาเสียใจทีหลังนะ ถ้าฉันยิงแกเหมือนยิงหมา”
เมินแค้นๆ เสียงชิงชัยรุกเข้ามา เมินกระโดดลงจากรั้ว หลิมกับเลิศเข้ามาถึงตัวทวน
“ใคร เมื่อกี้นี้แกพูดกับใคร” ชิงชัยถามเสียงเข้ม
“ก็ดูเอา มีใครหรือเปล่าล่ะ”
ชิงชัยหันไปสั่งสมุน
“ตรวจดูให้ทั่ว”
เลิศกับหลิม ปีนรั้วมองไปนอกบ้าน
“ไม่มีครับ”
“เสพหญิงมากเลยประสาทหลอนมั้ง”
ทวนยิ้มเยาะๆ ก่อนเดินออกไป
“ไอ้ทวน จับตามันไว้ ฉันไม่ไว้ใจมัน” ชิงชัยมองตามอย่างไม่พอใจ
ศรีแพรและแสน ช่วยกันขุดหาหน่อไม้ แสนบ่นงึมงำ
“พี่ ไม่ต้องมาไกลถึงที่นี่หรอก หน่อไม้ที่นาก็มี เอาแค่กินมื้อเดียวอิ่มก็พอแล้ว ที่เหลือไว้ให้คนอื่นเขากินบ้าง”
“ก็หน่อไม้นี่เป็นหน่อไผ่ตงนี่นา ไม่ขุดหลังฝนยังงี้เดี๋ยวมันก็แก่เกินแกง อย่าขี้เกียจน่ะ”
“แต่แถวนี้เป็นเขตอิทธิพลของเศรษฐีบุญช่วยนะ”
“ต่อให้พ่อเศรษฐีบุญช่วยโผล่มาทำอะไรซิ แม่จะยิงให้ไส้ทะลุเลย” ทันใดนั้นศรีแพรก็ชะงักกึก “เสียงใครน่ะ...หลบเร็ว”
แสนส่ายหน้า
“ก็ไหนว่าไม่กลัว”
“หลบก่อนยิงทีหลังยังทัน”
ศรีแพรกับแสนเข้าหลบหลังกอไผ่ เมินเดินกระฟัดกระเฟียด โกรธทวนมาตามทางเดิน
“ไอ้ทวนนะ...ไอ้เพื่อนไม่รักดี ไอ้คนลืมตัว ไอ้...”
ทันใดนั้น สไบก้าวเข้ามาดักหน้ายิ้มยั่ว เมินชะงัก ถอยก้าวตื่นกลัวสไบ
“ไง ผิดหวังซินะที่นายทวนไม่ยอมกลับวัด ฉันเห็นใจคนโตมาด้วยกัน ถ้าอยากจะอยู่เป็นเพื่อนกันก็ย้ายสังกัดมาอยู่ด้วยกันได้นี่”
สไบผลักร่างของเมินนอนหงาย ล้มตัวลงนอนทับ เมินตกใจ ศรีแพรกับแสนก้าวออกมา
“พี่เมิน...”
เมินหันมามองศรีแพรด้วยความตื่นตระหนก
“ศรีแพร...”
ศรีแพรร้องไห้ โยนข้าวของที่เป็นสินสอดทองหมั้นใส่หน้าเมินด้วยความโกรธ
“เอาสินสอดทองหมั้นของพี่คืนไป”
สด ศรีไพรและแสน ต่างตื่นตระหนก
“ยกเลิกการแต่งงาน พี่เมินอยากจะไปอยู่เสวยสุขที่บ้านเศรษฐีบุญช่วยก็เชิญ ไปเลย ไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
สดเข้าห้ามลูกสาว
“ศรีแพร ใจเย็นๆ ลูก”
“ฉันเย็นไม่ไหวหรอกแม่ เห็นตำตา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่ถ้าฉันกับเจ้าแสนไม่พรวดพราดออกไป อะไรจะเกิดขึ้น”
เมินยิ้ม
“อะไรจ๊ะ”
“ยังจะมีหน้ามาถามอีก ก็อะไรล่ะ ต่อไปนี้...ห้ามเหยียบบ้านนี้ ห้ามเอาหน้ามาให้ฉันเห็นอีก เราเลิกกัน...เรา...เลิก...กัน”
ศรีแพรร้องไห้อย่างคลุ้มคลั่ง โยนข้าวของใส่หน้า เมินยืนงง
“เลิก...เลิกกันหรือ”
“ใช่ เราเลิกกัน”
เมินตื่นตระหนก เมื่อได้ยินอย่างนั้น...
จบตอนที่ 20
อ่านต่อ ตอนที่ 21 วันพรุ่งนี้