ลิขิตเสน่หาตอนที่ 20
เพิร์ลลี่แต่งหน้าทำผมเสร็จพร้อมถ่ายทำรายการ ขณะนั้นเธอกำลังยืนอยู่ที่ราวเสื้อผ้ากับทีมงานฝ่ายคอสตูม เพิร์ลลี่หยิบเอาชุดสวยชุดหนึ่งมาทาบตัว
“อุ๊ย ชุดนี้สวย...ของเพิร์ลลี่รึป่าวคะพี่กุ้ง”
แต่ฝ่ายเสื้อผ้าหยิบอีกชุดจากราวส่งให้เพิร์ลลี่
“ของน้องเพิร์ลลี่ชุดนี้ค่ะ” ฝ่ายเสื้อผ้าพูดพร้อมกับชี้ชุดในมือเพิร์ลลี่ “ชุดนั้นของน้องยาหยี”
เวลานั้นยาหยีนั่งอยู่ที่โต๊ะ กำลังแต่งหน้า
“อุ๊ย งั้นเอาคืนไปเลยค่ะ เพิร์ลลี่ไม่ชอบแย่งของใคร กลัวบาปกรรมค่ะ” เพิร์ลลี่ลอยหน้าลอยตา ชำเลืองมองยาหยี “เหมือนพวกชอบแย่งแฟนชาวบ้านไงคะ แย่งของเค้ามาก็ต้องโดนแย่งคืน สุดท้ายต้องมานั่งสะอื้นกลืนน้ำตาให้คนอื่นเค้าสมน้ำหน้า จริงมั้ยจ้ะยาหยี”
ยาหยีฟังแล้วสะอึก คอแข็งขึ้นมาทันที ฝ่ายเสื้อผ้ากับช่างแต่งหน้ามองยาหยีอย่างเห็นใจ
จังหวะนั้นเพิร์ลลี่เดินเยื้องกรายมาหาช่างแต่งหน้า
“พี่นุ้ยขา เพิร์ลลี่จองพี่นุ้ยไปแต่งหน้าให้เพิร์ลลี่ในวันแต่งงานนะคะ แต่งให้สวยๆ นะคะ เพิร์ลลี่อยากเป็นเจ้าสาวที่สวยแล้วก็มีความสุขที่สุดในโลกจน..” เพิร์ลลี่เดินเข้ามาบีบไหล่ยาหยี “ใครๆต้องอิจฉา”
ยาหยีฟังแล้วก็ยิ่งเจ็บใจ เมินมองไปทางอื่น ช่างแต่งหน้าเจ็บใจแทนยาหยี
“ขอโทษนะคะน้องเพิร์ลลี่ พี่ไม่ว่างค่ะ เพราะรับงานแต่งหน้าศพไว้ แต่เอางี้สิน้องเพิร์ลลี่ตามพี่ไปที่วัด แต่งศพเสร็จพี่จะแต่งให้เพิร์ลลี่ฟรีค่ะ!!” ช่างแต่งหน้าประชด
“แอร๊ยยยย...นังช่างหน้าหนอน ฝีมืออย่างหล่อนก็ได้แค่แต่งหน้าศพเท่านั้นล่ะย่ะ คอยดูนะ ฉันจะฟ้องพี่ยิ่ง
“เชิญ” ช่างแต่งหน้าไม่แคร์
เพิร์ลลี่สะบัดหน้าเดินออกไปทางห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ยาหยีกับช่างแต่งหน้ามองตาม
“ถ้าเพิร์ลลี่ไปฟ้องพี่ยิ่งจริงๆ พี่นุ้ยจะไม่เดือดร้อนเหรอคะ” ยาหยีถาม
“พี่ไม่กลัวค่ะ หมั่นไส้มานานแล้วยัยดาราจอมแอ๊บ คอยดูเถ๊อะ แอ๊บแตกวันไหนก็คงโดนสุดยอดทิ้งวันนั้นล่ะค่ะ”
ยาหยีถอนใจเบาๆ อย่างเหนื่อยหน่าย
ยิ่งทำหน้าสำนึกผิด ถือพานใส่ธูปเทียนแพ มีพวงมาลัยวางทับในมือ มาขอขมาลูกน้องที่เป็นโรคบ้าเรตติ้ง จนทุกคน ไม่อยากร่วมงาน
“ต่อไปนี้ พี่จะไม่เห็นแก่เรตติ้งเป็นใหญ่ พี่จะใส่ใจกับจิตใจคนมากกว่าเงิน”
ยิ่งคุกเข่ายื่นพานธูปเทียนส่งให้ว่าน โมน และนัท
“กลับมาทำงานเถอะครับน้องนัท น้องว่าน น้องโมน พี่ต้องถ่ายเอง เขียนสคริปท์เอง ทำอะไรเองทุกอย่าง พี่เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ให้อภัยพี่เถอะนะคร้าบ”
ยิ่งทำหน้าออดอ้อน น่าสงสาร ประหนึ่งสำนึกผิดเต็มที่ ว่าน โมน และนัทมองหน้ากันแล้วหันไปตอบเสียงหนักแน่น
“ไม่”
“คนอย่างพี่ ให้อภัยง่ายๆไม่ได้หรอก” ว่านบอก
“ใช่ ไม่นานก็กลับมาบ้าเรตติ้งอีกแหละ คนอะไรทำได้ทุกอย่างเพื่อเรตติ้งจนไม่คิดถึงหัวจิตหัวใจคนอื่น”
“ตกลงจะไม่ให้อภัยใช่มั้ย”
“ใช่” ว่าน นัทโมน บอกพร้อมกัน
“ได้ งั้นพี่จะตายให้ดู”
“โอ๊ย ผมไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างพี่จะฆ่าตัวตาย”
“ถึงฆ่าก็ไม่ตาย เพราะคนเห็นแก่ตัวอย่างพี่มันตายยาก”
“ไม่เชื่อใช่มั้ย ข้าจะกระโดดตึกตายเดี๋ยวนี้ละ”
ยิ่งพูดแล้ววิ่งออกไปจากสตูดิโอ สามหนุ่มมองหน้ากัน
“เฮ้ย เอาจริงเหรอวะ”
“ไม่หรอกมั้ง”
“แล้วถ้าโดดจริง เราไม่ซวยเหรอวะ”
ว่านนัทและโมนหน้าเสีย รีบวิ่งตามยิ่งไป
เวลาเดียวกันนั้นที่หน้าห้องแต่งตัว สุดยอดเดินเซ็งๆ มา เห็นยาหยีเดินออกมาจากห้องแต่งตัว
ทั้งคู่ชะงักกันไป สุดยอดกับยาหยีสบตากันนิดหนึ่ง ก่อนที่ยาหยีจะรีบเดินหนีไป
“หยี ยาหยี ...เดี๋ยวก่อน ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
สุดยอดรีบตามยาหยีไป
ยาหยีวิ่งออกมาที่ด้านหลังสตูดิโอ สุดยอดวิ่งตามมาจนทัน
“หยี เดี๋ยว ขอผมคุยกับคุณหน่อย”
สุดยอดวิ่งมาคว้าแขนยาหยี ยาหยีสะบัด
“ยังมีอะไรต้องคุยอีกเหรอ ฉันไม่คิดว่าเราสองคนมีอะไรต้องคุยกันอีกแล้วนะ”
ยาหยีจะเดินหนี สุดยอดวิ่งไปกอดยาหยีจากทางด้านหลังแน่น
“มีสิ ผมรักคุณหยี ผมรักคุณ”
สุดยอดกอดยาหยีแนบแน่นน้ำตาไหลออกมา ยาหยีก็น้ำตาไหลเจ็บปวดไม่แพ้กัน
“แต่มันเป็นไปไม่ได้สุดยอด นายมีคนที่นายต้องรับผิดชอบ”
“ผมจะทำยังไงดีหยี ผมจะทำยังไงดี ช่วยผมหน่อย”
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ทำตามหน้าที่ของนายคือแต่งงานกับเพิร์ลลี่ซะ แล้วฉันก็ไปตามทางของฉัน”
“แล้วหน้าที่ของหัวใจที่ผมรักคุณเหลือเกินละ”
“พอเถอะสุดยอด”
“ไม่ ผมไม่หยุด ผมจะสู้”
“มันจะมีประโยชน์อะไร นายอยากให้สังคม ประณามฉันว่าฉันเป็นมือที่สามที่ทำให้ให้ผัวเมียเค้าเลิกกันรึไง นายคิดได้แค่นี้เองเหรอ”
ยาหยีสะบัดตัวจนหลุดออกจากการกอดของสุดยอด ยาหยีใช้หลังมือปาดน้ำตาแล้วทำท่าจะเดินหนี สุดยอดรีบดึงมือยาหยีไว้
“หยี...ฟังผมก่อน”
ยาหยีแกะมือสุดยอด
“ปล่อยฉัน บอกให้ปล่อย”
“ไม่ปล่อย ผมรักคุณนะหยี”
“เราจบกันแล้ว ไม่มีอะไรต้องคุย ปล่อย!”
ยาหยีสะบัดเต็มแรง แล้วหันตัวจะวิ่งกลับเข้าสตูดิโอ ทันใดนั้นยิ่งวิ่งออกมาจากสตูดิโอ ชนเข้ากับยาหยี ยิ่งวิ่งไปอย่างเร็ว ยาหยีเซไปทางสุดยอด สุดยอดประคองยาหยีไว้ได้ทัน
“พี่ยิ่งไปไหน”
จังหวะนั้นว่านนัท และโมนก็วิ่งตามยิ่งมา ว่านตะโกนบอกสุดยอด
“เร็วไอ้ยอด พี่ยิ่งจะฆ่าตัวตาย”
สุดยอดกับยาหยี ฟังแล้วตกใจ รีบวิ่งตามยิ่งไป
ที่แท้ยิ่งวิ่งมาที่บันไดหนีไฟ ยิ่งวิ่งขึ้นตึกไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่สุดยอดยาหยีวิ่งไล่ตามแซงว่านนัท และโมนที่หอบแฮกวิ่งต่อไม่ไหว
สุดยอดกับยาหยีวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าของสูดิโอ ทั้งสองกวาดตามองหายิ่ง แต่ดาดฟ้าก็กว้างเกินจะมองเห็น ยาหยีวิ่งรอบดาดฟ้า
“พี่ยิ่ง...พี่ยิ่ง”
สุดยอดปีนขึ้นไปบนแท๊งค์น้ำ มองหายิ่ง
“พี่ยิ่งครับ อย่าคิดสั้นเลยครับพี่”
ยาหยีไม่เจอวิ่งมาหา ถามสุดยอด
“เจอมั้ย”
สุดยอดส่ายหน้า กระโดดลงจากแท๊งค์ วิ่งไปที่ขอบระเบียงดาดฟ้าแล้วก็ปีนขึ้นไปยืนบนขอบปูน
“พี่ยิ่ง...พี่ยิ่งครับ”
ยาหยีกวาดสายตามองไปรอบๆ แล้วทำตาโต ชี้ไปที่พื้นติดกับขอบระเบียงที่สุดยอดยืนอยู่
“รองเท้าพี่ยิ่ง”
“พี่ยิ่ง”
สุดยอดช็อก พอเหลียวหน้าไปมองด้านล่าง สุดยอดก็ทำหน้าช็อกหนักกว่าเก่า
“พี่ยิ่ง โธ่....พี่”
ทันใดนั้นเองสุดยอดก็เกิดเสียหลัก เท้าลื่นจากขอบระเบียง ร่างของสุดยอดร่วงลงจากขอบปูนแต่มือยังคว้าขอบปูนเอาไว้ได้
ยาหยีมองอยู่ก็ตกใจ รีบพุ่งเข้าไปคว้ามือสุดยอดไว้แน่น ยาหยี และสุดยอดตกใจไม่แพ้กัน
ในขณะนั้นที่ประตูบันไดหนีไฟ สีหน้าของยิ่งที่มองไปยังสุดยอดกับยาหยียิ้มกริ่มอย่างพอใจ
เป็นเวลาเดียวกับที่ว่าน นัท และโมนวิ่งขึ้นบันไดมา ในสภาพหอบแฮก
“เป็นไงพี่” ว่านถาม
“ล็อคเรียบร้อย สำเร็จตามแผน สุดยอดมันก็ได้ปรับความเข้าใจกับน้องหยีสมดังตั้งใจ ทีนี้พวกเอ็งจะยกโทษให้พี่ได้รึยัง” ยิ่งเอ่ยขึ้น
ที่แท้ทุกช็อต ทุกซีน ที่เกิดขึ้น ทั้งสี่คนได้ช่วยกันวางแผน เพื่อให้สุดยอดและยาหยีปรับความเข้าใจกัน
“ได้ยิ่งกว่าได้อีกครับพี่ มาๆๆ ให้ผมหอมพี่ให้ชื่นใจซักที”
สามหนุ่มทำท่าจะหอมแก้มยิ่งซ้ายขวา ยิ่งจะอ้วก
“อย่าโว้ย ข้าจะอ้วก”
ยิ่งผลักสามหนุ่มออก แล้ววิ่งหนีลงบันได
“รอด้วยยย”
ว่านนัทและละโมนวิ่งตามไป
ขณะนั้นยาหยีออกกำลังสุดแรงดึงมือสุดยอดไว้ แต่เพราะสุดยอดตัวหนักมาก ยาหยีเหงื่อแตกเต็มหน้า
“หยี ปล่อยเถอะ”
“ไม่...ฉันจะไม่ยอมปล่อยมือจากนายเป็นอันขาด”
“หยี ผมรักคุณ”
ยาหยีได้ฟังประโยคนี้ถึงกับน้ำตาริน
“เกาะมือฉันไว้แน่นๆ ฉันจะเรียกคนมาช่วย” ยาหยีตะโกนขอความช่วยเหลือ “ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที”
“ไม่มีใครได้ยินหรอก นอกจากใครจะเห็นพี่ยิ่งที่พื้น
ยาหยีร้องไห้โฮออกมา “พี่ยิ่ง พี่ยิ่งไม่น่าคิดสั้นเลย ใครก็ได้ ช่วยที ช่วยด้วยค่า” หยาหยีตะโกน
“หยี ผมรักคุณ ชีวิตนี้ผมรักคุณคนเดียวได้ยินมั้ย
ยาหยีไม่ยอมตอบ หันไปพูดกับสุดยอด
“นายโหนขอบปูนไว้ก่อนได้มั้ย ฉันจะลองตะโกนเรียกคนข้างล่างดู”
ยาหยีทำท่าจะลุกขึ้นไปดูนอกตึก สุดยอดรีบห้าม
“อย่าดูหยี ข้างล่าง..พี่ยิ่ง...มันเละมาก หยีจะใจเสียเปล่าๆ”
มือของสุดยอดกับมือยาหยีใกล้จะหลุดออกจากกันแล้ว
“หยี จำไว้นะ...ถ้าผมตายไป ผมอยากให้คุณรู้ไว้อย่างหนึ่งว่า….ผมรักคุณ”
เวลานั้นมือของสุดยอดก็เลื่อนหลุดจากมือยาหยี
ไม่นานหลังจากนั้นยาหยีได้ยินเสียงของหนักร่วงที่พื้นดังตุบ!
“สุดยอด! สุดยอด!”
ยาหยีช็อก! ทรุดตัวลงกับพื้น ร้องไห้โฮ อย่างไม่อายใคร
ว่าน นัท และโมนสลับกันประคองยิ่งลงบันไดมา
“แหม ตอนวิ่งขึ้นละวิ่งได้ พอขาลงละเข่าอ่อนซะงั้น”
“เฮ้ย อย่าบ่น แบกไป จะเอามั้ยโบนัส” ยิ่งบอกเสียงดัง
“เอาคร้าบ” ว่าน นัท และโมนบอกออกมาพร้อมกันทันที
จังหวะนั้นเอง เพิร์ลลี่เดินมาหา ยิ่ง ว่าน นัท และโมน
“พี่ๆ คะ เห็นพี่สุดยอดมั้ยคะ”
ทั้งสี่คนมองหน้ากันแล้วส่ายหน้า
“ไม่รู้”
“ไม่ชี้”
“ไม่เห็น”
เพิร์ลลี่มองอย่างสงสัย
“แต่เมื่อกี้มีคนบอกว่าพี่สุดยอดวิ่งมาทางนี้นี่คะ”
“ไม่มี”
“ไม่มา”
“ไม่เห็น” ยิ่งบอก
“จริงเหรอคะ”
“จริง” ทุกคนตอบพร้อมกัน
“เพิร์ลลี่เข้าไปพักที่ห้องแต่งตัวกับพี่ดีกว่า พี่ว่าเจ้ายอดมันคงรอเพิร์ลลี่อยู่ข้างในแหละ
ยิ่งพูดแล้วรีบโอบไหล่เพิร์ลลี่ ทั้งสี่คนช่วยกันต้อนเพิร์ลลี่กลับไปในสตูดิโอ
ยาหยีปิดหน้าทรุดตัวลงอย่างโรยแรง นั่งร้องไห้อยู่ที่พื้น ระบายความรู้สึกในใจออกมา
“ฉันรักคุณสุดยอด ฉันรักคุณ ชาตินี้ฉันจะไม่รักใคร จะไม่แต่งงานกับใครอีกตลอดชีวิต เพราะ
หัวใจรักของฉันเป็นของคุณ..สุดยอด”
“จริงเหรอ คุณรักผมจริงๆเหรอ”
ยาหยีได้ยินเสียงสุดยอด ก็หันไปดูเห็นสุดยอดกำลังป่ายปีนขอบปูนขึ้นมา ยาหยีประหลาดใจ ลุกขึ้นยืนมองสุดยอดอย่างตะลึง สุดยอดปีนขึ้น แล้วกระโดดลงจากขอบปูนมายืนมองหน้ายาหยี
ยาหยีโผเข้ากอดสุดยอดอย่างดีใจ
“สุดยอด นายยังไม่ตาย”
“ผมยังไม่ตาย โชคดีมันมีกันสาดรองอยู่”
ยาหยีชะโงกข้ามขอบปูนไปดูก็เห็นว่ามีกันสาดอยู่จริงอย่างที่สุดยอดว่า
“เดี๋ยวก่อน..” ยาหยีชี้หน้าสุดยอด “คุณรู้คุณเห็นตั้งแต่แรกแล้วใช่มั้ยว่าตกลงไปแล้วไม่ตายน่ะ”
สุดยอดยิ้มแหยๆ ยาหยีโกรธ ระดมทุบสุดยอดเป็นชุด
“ไอ้จอมกะล่อน ไอ้จอมเจ้าเล่ห์”
สุดยอดรวบมือยาหยีแล้วดึงเข้ามากอด
“ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วผมจะรู้เหรอว่าคุณรักผม คนปากแข็ง ผมรักคุณนะหยี ถึงเราจะคบกันเป็นเวลาเพียงสั้นๆ แต่ผมมั่นใจว่าตลอดชีวิตผมจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับใคร”
“เพิร์ลลี่เค้าก็รักนายไม่แพ้ฉัน”
ยาหยีพูดพร้อมกับผลักสุดยอดออกห่าง
“เพราะฉะนั้นนายควรจะทำใจให้รักคนที่นายจะต้องแต่งงานด้วยจะดีกว่า เพิร์ลลี่คงเสียใจที่นายไม่รักเธอ”
“ผมขอกอดคุณเป็นครั้งสุดท้ายได้มั้ย”
ยาหยีน้ำตารื้นเต็มขอบตา พยักหน้า สุดยอดกอดยาหยีแนบแน่น
“ผมจะจำความรู้สึกนี้ไปตลอดชีวิต”
สุดยอดดึงตัวยาหยีออกจากอ้อมกอด ทั้งสองมองตากัน สุดยอดก้มลงจะจูบยาหยี ทันใดนั้นประตูดาดฟ้าเปิดออก เพิร์ลลี่ก้าวออกมา
“พี่ยอด มาทำอะไรอยู่บนนี้คะ”
สุดยอดและยาหยีชะงัก หันไปมองเพิร์ลลี่แล้วหันมาสบตากันด้วยความเศร้า
“ลงไปข้างล่างเถอะค่ะ พี่ยิ่งเค้าจะถ่ายรายการแล้ว”
แล้วเพิร์ลลี่เข้ามาลากสุดยอดออกไป ยาหยีมองตามอย่างเศร้าๆ น้ำตาเจ้ากรรมไหลออกมา
อ่านต่อพรุ่งนี้
ลิขิตเสน่หาตอนที่ 20 (ต่อ)
บริเวณหน้าสำนักงานทนายความภูมิชาย เวลานั้นภูมิชายกำลังคุยเรื่องคดีกับณนนท์และยี่หวาอยู่
“เท่ากับว่าตอนนี้เราก็ต้องนับหนึ่ง เริ่มหาหลักฐานไปสู้คดีกับคุณนิตากันใหม่สิคะ” ยี่หวาถาม
“เอกสารบางอย่างก็พอจะขอได้ใหม่ครับ บางอย่างก็คงไม่ได้ พวกข่าวหรือคลิปวิดีโอก็อาจจะค้นได้ในอินเตอร์เน็ท เสียดายก็แต่รูปถ่ายของผมกับไข่ตุ๋น คงหาที่ไหนไม่ได้แล้วล่ะครับ” ณนนท์เสียงอ่อย
“หาได้ไม่ครบก็ไม่เป็นไรครับ ลงถ้าผมว่าความเอง ยังไงก็ต้องชนะ แต่อย่างที่ผมแนะนำ เรา
พยายามขอเจรจาก่อน ถ้าคุณนิตาเกิดพอใจข้อเสนอของคุณแล้วยอมถอนฟ้อง มันก็จะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย”
ภูมิชายพูดด้วยความมั่นใจ และท่าทางดูน่าเชื่อถือมาก
“ฟ้องร้องกันมันก็เสียทั้งเวลา เสียทั้งเงินทอง แล้วที่เสียมากที่สุดคือสภาพจิตใจของลูกนะครับ”
ณนนท์กับยี่หวาเห็นดีด้วย
“เราโชคดีจริงๆ นะคะที่ได้ทนายที่ทั้งเก่งทั้งเข้าใจเราอย่างคุณภูมิมาดูแลคดีให้” ยี่หวาพาซื่อ
“คุณยี่หวาก็ชมเกินไปครับ ผมแค่ไม่อยากให้ไข่ตุ๋นต้องกระทบกระเทือนใจมากก็เท่านั้น”
“ผมขอบคุณแทนไข่ตุ๋นด้วยนะครับคุณภูมิชาย”
ณนนท์หันมายิ้มกับยี่หวา ภูมิชายแอบผุดยิ้มร้ายๆ ออกมา ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนของเขา
คืนนั้นขณะที่ณนนท์กำลังขับรถกลับบ้าน เสียงมือถือดังขึ้นณนนท์กดรับสาย
“ฮัลโหล…มีอะไรว่าน…ยอด ทำไม? ได้ๆ พี่ไปเดี๋ยวนี้”
ณนนท์มีสีหน้ากังวล เขารีบเปลี่ยนเส้นทางทันที ยังไม่กลับบ้านในตอนนี้
บรรยากาศหน้าผับในสถานที่แฮงค์เอ้าท์ยอดฮิตของนักท่องราตรี ค่ำคืนนี้ยังคงคึกคัก ที่ริมถนนหน้าผับเหล่านั้น ณนนท์วิ่งกระหืดกระหอบมา ว่าน นัท และโมนยืนรออย่างกระวนกระวาย
“สุดยอดเป็นไง”
“เละครับพี่”
“เละเลยเหรอ”
ณนนท์ได้ฟังก็ยิ่งหน้าเสีย
“ผมห้ามมันแล้วว่าอย่ากินเข้าไปมาก มันก็ไม่เชื่อ” นัทเล่า
“นี่มันยังไม่ยอมเลิกเลยนะครับ ผมว่าพี่นนท์ต้องช่วยห้ามแล้วล่ะครับเกิดพวกนักข่าวมาเห็นเข้ามันจะไม่ดี” ว่านมีสีหน้าเครียดๆ
ณนนท์พยักหน้าอย่างหนักใจ
“สุดยอดอยู่ร้านไหน พาพี่ไปเลย เร็ว”
“ครับพี่”
สามหนุ่มรีบเดินนำ ณนนท์เดินตามไป
แต่แทนที่จะพาเข้าไปในผับ ว่าน นัท และโมน กลับพาณนนท์เดินตรงมาที่ร้านบะหมี่เกี๊ยวข้างทางใกล้ๆ ผับนั้นแทน ณนนท์ทำหน้างงๆ
“ร้านบะหมี่เกี๊ยวเนี่ยนะ”
“ร้านนี้แหละครับพี่ ไอ้ยอดมันบอกว่ามันเคยมากินกับยาหยีน่ะครับ”
เสียงสุดยอดดังขึ้นมา
“เฮีย เอามาอีก”
ณนนท์มองไปทางเสียงน้องชาย เห็นสุดยอดนั่งโซ้ยบะหมี่เกี๊ยว กินไปน้ำตาไหลไป บนโต๊ะมีชามบะหมี่กองสูงท่วมหัว
“เอามาอีก จะกินให้ตายไปข้างนึงเลย ฮือๆ....”
ณนนท์เห็นสภาพสุดยอดแล้วส่ายหน้า ขำปนสงสาร
“เค้ามีแต่อกหักแล้วกินเหล้า แต่น้องเราอกหักแล้วกินหมี่เกี๊ยว...มันสุดยอดสมชื่อจริงๆ ว่ะ”
ทันใดนั้น สุดยอดล้มลงตกเก้าอี้
“เฮ้ย”
ณนนท์ ว่าน นัท และโมน ตกใจรีบเข้าไปประคองสุดยอดที่หมดสติไป ว่านกับนัทเขย่าตัวสุดยอด
“เจ้ายอด ๆ ...อย่าเพิ่งเป็นนะเว้ย สุดยอด!” ณนนท์พูดแทบเป็นตะโกน
“ไอ้ยอด ตื่น...อย่าทิ้งข้าไปเพื่อน” ว่านเขย่าตัวเพื่อน
“เอ็งจะตายไม่ได้นะไอ้ยอด” นัทน้ำเสียงเศร้าสุดขีด
จังหวะนั้นเองสุดยอดก็ลืมตาขึ้นมาด้วยอาการทุรนทุราย
“ยัง...ยังไม่ตาย แต่...ขะ ข้า” สุดยอดออกอาการผะอืดผะอม “โอ๊ย ไม่ไหวแล้วๆ”
แล้วร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด
“ไอ้ยอดใจเย็น” นัทหันไปหาว่าน “โทรเรียกรถพยาบาลสิวะ นั่งบื้ออะไร
“เออๆ” ว่านหยิบโทรศัพท์มากด
“มะ ไม่ต้อง ข้าแค่…”
ขาดคำสุดยอดก็หันไปอ้วกใส่นัทกับว่าน บะหมี่เอย เกี๊ยวเอยออกมากองเต็มตัวทั้งสองคน
“อยากอ๊วก”
สุดยอดอ๊วกใส่อีกระลอกหนึ่งนัทกับว่านทำหน้าจะร้องไห้
“แต่ข้าอยากตาย”
“เละจริงๆด้วย...ฮือ”
ณนนท์มองสุดยอด เห็นอาการอกหักจากความรักขั้นรุนแรง ได้แต่สงสารน้องชาย
เช้าวันต่อมาณนนท์กับเอนิตานั่งประจัญหน้ากัน ในห้องประชุมสำนักงานทนายความภูมิชาย เอนิตาคอยหันไปสบตาทนายความที่นั่งข้างๆ ตลอด ด้วยท่าทางไม่มั่นใจ หวาดกลัวตลอดเวลา
“ขอบคุณคุณเอนิตาที่เสียสละเวลามาเจรจาพูดคุยกัน ถ้าทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ ก็ดีนะครับเพราะเรื่องก็ไม่ต้องถึงโรงถึงศาลให้เสียเวลา เสียชื่อเสียงทั้งสองฝ่าย” ภูมิชายเอ่ยขึ้น
“ทางคุณณนนท์มีข้อเสนอยังไงก็เชิญว่ามาได้เลยครับ” ทนายหันมาถามณนนท์
“ผมขอคุยกับเอนิตาตามลำพังได้มั้ยครับ” ณนนท์พูดน้ำเสียงเครียดเคร่ง
เอนิตาหันไปพูดกับทนายความ ทั้งคู่สบตากัน เอนิตาทำท่าทีหวาดๆ
“แต่ว่าฉัน...ฉันกลัวว่า”
“คุณกลัวอะไร คนอย่างคุณกลัวอะไรเป็นด้วยเหรอ” ณนนท์งง
“ก็ได้ เชิญพวกคุณออกไปรอข้างนอกก่อน ฉันขอคุยกับสามีสุดที่รักของฉันตามลำพัง”
เอนิตาเชิดหน้า ภูมิชายผายมือให้ทนายความฝ่ายเอนิตา
“เชิญครับ”
ทนายความเอนิตาหันไปบอกเอนิตา
“ไม่ต้องกลัวนะครับ ผมรออยู่ที่หน้าห้องนี่แหละ”
ทนายเดินออกไปก่อน ภูมิชายตามไปแล้วปิดประตูห้อง
พอทุกคนออกไป เอนิตาเปลี่ยนท่าทีกลัวๆ มาเป็นการจ้องหน้าณนนท์ยิ้มอย่างท้าทาย
“มีอะไรก็ว่ามา”
ที่โซฟารับแขกหน้าห้องประชุม ขณะนั้นแม่บ้านยกถาดกาแฟมาเสิร์ฟให้ทนายความของเอนิตา ภูมิชายยืนอยู่ที่มุมหนึ่ง มองเข้าไปที่ห้องประชุมแล้วชำเลืองดูนาฬิกาที่ผนังห้อง ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาเก้าโมงห้าสิบห้านาที ภูมิชายหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์
“คุณยี่หวา....ไม่ลืมนัดของเราตอนสิบโมงใช่มั้ยครับ...จอดรถอยู่เหรอครับ....ครับๆ เข้ามาเลยนะครับ ผมรอคุณอยู่”
ภูมิชายกดวางสายแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
ณนนท์กับเอนิตาคุยกันอย่างเคร่งเครียด และลามกลายเป็นทะเลาะเหมือนทุกครั้ง
“ผมให้คุณสิบล้านแล้วคุณคืนลูกมาให้ผม”
“แต่ถ้าฉันยังมีไข่ตุ๋นไว้ในมือ กว่ายัยไข่ตุ๋นจะโต ฉันเชื่อว่าฉันต้องได้มากกว่าสิบล้าน
“นิตาผมขอร้องล่ะบอกผมมาตรงๆ ผมรู้ว่าคุณต้องการเงิน เท่าไหร่ คุณถึงจะยอมคืนลูกให้ผม”
“ฉันจะยอมคืนลูกให้คุณ ก็ต่อเมื่อเรากลับมาเป็นครอบครัวเดียวกัน ชัดมั้ย” นิตาเย้ย
“เพื่ออะไรนิตาในเมื่อคุณไม่ได้รักผม รักลูก เลี้ยงดูแกเลยซักนิดคุณก็ไม่เคย”
“เพื่อไม่ให้คุณมีความสุขกับนังยี่หวายังไงล่ะ”
“นิตา!”
“อีกอย่างคุณแน่ใจว่ายังไงว่ายัยไข่ตุ๋นเป็นลูกคุณไม่ใช่ลูกคนอื่น”
ณนนท์กัดฟัน กำหมัดแน่นด้วยความโกรธ เอนิตายั่วโมโหต่อ
“บางทีคุณมันก็เป็นแค่แม่นกกาเหว่าโง่ๆ หลงเลี้ยงลูกที่แม่กาอย่างฉันเอามายัดเยียดให้ฟักตั้งหกปีก็ได้นะ”
ณนนท์ปราดเข้าไปเอาสองมือบีบไหล่เอนิตาอย่างลืมตัว
“ไข่ตุ๋นเป็นลูกผม ผมเลี้ยงแกมาตั้งแต่เกิด ผมรู้!”
“โอ๊ย ปล่อยฉันเจ็บนะ”
ห้วงเวลานั้นเอนิตาพยายามดิ้นชำเลือง พลางมองไปทางกล้องวงจรปิดที่เพดาน เอนิตาดิ้นสุดกำลังแล้วเหวี่ยงตัวเองล้มไปอย่างรวดเร็ว จังหวะนั้นเอนิตาเอามือกุมมุมโต๊ะไว้ แล้วเอาหน้ากระแทกทำทีให้เห็นเป็นว่า ถูกณนนท์เหวี่ยงมากระแทกมุมโต๊ะ
แล้วก็ถึงฉากสำคัญเอนิตารีบกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรงเลือดกลบปากทันที
“โอ๊ย !!!”
เอนิตาร้องพลางเงยหน้าขึ้นมา ในสภาพเลือดกบปาก ณนนท์ตกใจ รีบเข้าไปหาเอนิตาด้วยความเป็นห่วง
“นิตา”
เอนิตาทำเป็นสติแตก ผงะถอยไปชนโต๊ะเก้าอี้ใกล้ๆ จนล้มคว่ำกระจาย
“อย่านนท์ คุณจะทำอะไรฉัน อย่าทำฉัน ฉันกลัวแล้ว”
“นิตา คุณเป็นอะไร ผมไม่ได้จะทำอะไรคุณซักหน่อย”
ณนนท์ยังงงไม่หาย เขาเดินเข้ามาจับไหล่เอนิตา หมายจะปลอบให้สงบ
“อย่าเข้ามานะ ฉันจะไม่ยอมให้คุณทำร้ายฉัน ทำร้ายไข่ตุ๋น ออกไป ออกไปไกลๆ ฉัน ไป๊” เอนิตาพูดปากคอสั่น
“ใจเย็นๆนิตา ผมไม่ได้ทำอะไรคุณเลยนะ”
ณนนท์เอื้อมมือเพื่อจะดูแผลที่เห็นมีเลือดกลบปาก เอนิตาคว้ามือของณนนท์มาไว้ที่คอ แล้วทำหน้าบิดเบี้ยวเหมือนหายใจไม่ออก
“อย่า...อย่าทำฉัน ฉันหายใจไม่ออก”
ณนนท์งง พยายามดึงมือออกจากคอเอนิตา แต่เอนิตาจับมือณนนท์ไว้แน่น
“ช่วยด้วย!!”
ครูต่อมาที่หน้าห้องประชุม ยี่หวาเดินเข้ามาอย่างร้อนรน ภูมิชายยิ้ม รีบเดินไปต้อนรับ
“สวัสดีครับคุณยี่หวา”
“สวัสดีค่ะคุณภูมิ มีอะไรหรือเปล่าคะถึงได้โทรนัดฉันให้มาหาด่วนขนาดนี้”
“ผมมีเรื่องเรื่องสำคัญจะสอบถามคุณนิดหน่อยน่ะครับ เพื่อรูปคดี”
ภูมิชายพยายามดึงหาเรื่องมาชวนคุย ยี่หวาสงสัย
“เอ๊ะ ไหนคุณว่าที่ฉันให้ปากคำไปก็ครบถ้วนแล้วนี่คะ”
“ผมลืมข้อเล็กๆ น้อยๆ ที่อาจจะเป็นประโยชน์ไปน่ะครับ”
ยี่หวาพยักหน้า แต่ทันใดนั้นเสียงเอนิตาก็ร้องดังขึ้น
“ช่วยด้วยๆ...ใครก็ได้ ช่วยด้วยค่ะ”
ยี่หวา ภูมิชายและทนายความของเอนิตา ได้ยินเสียงร้องของเอนิตามาจากในห้อง ทุกคนตกใจ
“คุณนิตา!” ยี่หวาเป็นกังวล
“เรารีบเข้าไปดูกันเถอะครับ”
ยี่หวากับภูมิชายและทนายความรีบวิ่งเข้าไปในห้องประชุม
ภูมิชายและยี่หวารีบเปิดประตูเข้ามา ทนายความฝ่ายเอนิตาตามมาติดๆ ทุกคนตกใจที่เห็นณนนท์กำลังบีบคอเอนิตา เอนิตามีเลือดไหลกลบปาก
“ปล่อยฉัน ฉันกลัวแล้ว อย่าฆ่าฉัน ช่วยด้วยย”
“นิตา! คุณเป็นอะไรไป”
เอนิตาปล่อยมือออกจากมือณนนท์ ขณะที่ณนนท์รีบชักมือออก ทนายของเอนิตาวิ่งเข้าไปประคอง
“คุณเอนิตา...เป็นอะไรมากมั้ยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร”
“คุณทำอะไรคุณนิตา” ทนายหันมาถามณนนท์
“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย”
“แต่ผมเห็นกับตาว่าคุณทำ” ทนายยืนยันอย่างฉุนๆ
เอนิตาลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ร่างเซนิดๆ
“โอ๊ย”
ยี่หวารีบเข้าไปประคองเอนิตา แต่เอนิตาปัดมือยี่หวออก
“ไม่ต้องมาถูกตัวฉัน!"
เอนิตามองยี่หวาด้วยสายตาโกรธ ยี่หวาจ๋อย ทนายความแตะไหล่เอนิตา เอนิตาแกล้งสะดุ้งทำเป็นเจ็บขึ้นมา
“โอ๊ย....นิตาไม่เป็นอะไรจริงๆค่ะ นนท์เค้าก็ไม่ได้ทำอะไรนิตา”
“ไปโรงพยาบาลทำแผลก่อนเถอะครับ ให้หมอเช็ค เสร็จแล้วผมจะพาคุณไปแจ้งความ อ้อ..คุณภูมิชาย ผมอยากได้ภาพจากกล้องวงจรปิดของคุณ คุณช่วยเตรียมไว้ด้วยนะครับ”
ทนายความพูดแล้วพาเอนิตาออกไป ณนนท์หน้าซีด
“ผมไม่ได้ทำอะไรนิตาเค้าจริงๆ นะครับ เค้าเกิดสติแตกอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้”
“ครับ ผมเชื่อ”
ภูมิชายพูดแต่หันไปสบตากับยี่หวาด้วยสายตาแบบไม่เชื่อ ภูมิชายแอบส่ายหน้านิดๆ ยี่หวาไม่สบายใจ
“แล้วอย่างงี้จะมีผลกับคดีหรือเปล่าครับ” ณนนท์กังวล
“ไม่ต้องกลัวครับ กล้องวงจรปิดผมติดไว้อย่างงั้นแหละ แต่มันใช้งานไม่ได้ลำพังแค่ใบแจ้งความใบเดียวมันไม่พอจะทำให้ศาลเชื่อหรอกครับ”
ภูมิใจปลอบแต่ณนนท์ยังมีสีหน้าหนักใจ หันไปสบตายี่หวา แต่ยี่หวาหลบตาเพราะเธอก็เห็นภาพณนนท์บีบคอเอนิตาเต็มสองตา
“ฉัน...ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
ยี่หวาเดินออกไป ณนนท์มองตามอย่างเครียดๆ ขณะที่ภูมิชายแอบยิ้มสะใจ ที่ทั้งหมดเป็นไปตามแผน
อ่านต่อวันพรุ่งนี้
ลิขิตเสน่หา ตอนที่ 20 (จบตอน)
ที่หน้าบ้านของเพิร์ลลี่ มีผู้สื่อข่าวยืนรายงานอยู่หน้ากล้องทีวี ส่วนแบ็คกราวนด์ด้านหลังเป็นกลุ่มสุดยอดแฟนคลับ ที่ยืนถือป้ายประท้วงอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย
“เอาพี่ยอดของเราคืนมา....เราไม่เอาเพิร์ลลี่”
“อีกไม่กี่วันจะถึงงานแต่งงานระหว่างสุดยอดกับเพิร์ลลี่แล้วนะคะ บรรยากาศตอนนี้ก็หอมกรุ่นอบอวลไปด้วยความรัก แต่ที่หน้าบ้านว่าที่เจ้าสาวกลับมีความวุ่นวายเกิดขึ้นค่ะ เอ๊ะ...อะไรคะนั่น”
มีชายชราผมสีดอกเลาในชุดขาว ที่คอใส่สร้อยประคำสะพายย่ามยืนบริกรรมคาถาอยู่ที่หน้าประตูบ้าน โดยมีผู้ช่วยถือขันใส่น้ำมนต์ยืนข้างๆ ผู้สื่อข่าวเดินเข้าไปหาแฟนคลับคนหนึ่ง
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใครคะ”
“หมอผีค่ะ เราเชื่อว่านังเพิร์ลลี่มันต้องทำของ ทำเสน่ห์ใส่พี่สุดยอดค่ะ เราก็เลยให้ หมอผีมาทำพิธีปราบนังปิศาจร้ายค่ะ” แฟนคลับบอก
จังหวะนั้นหมอผีร่ายมนต์เสียงดังขึ้นๆ แฟนคลับทุกคน พร้อมใจพูดออกมา
“ผีร้ายจงออกไป ผีร้ายจงออกไป”
เป็นเวลาเดียวกับที่เพิร์ลลี่และชม้อยเปิดประตูบ้านออกมา โวยวายทันที
“ใครมาเอ็ดตะโรอะไรที่หน้าบ้านฉัน”
ชม้อยกับเพิร์ลลี่หันไปเห็นหมอผี หมอผีเสกข้าวสารแล้วปาใส่ชม้อยกับเพิร์ลลี่
“ว้ายไอ้บ้า แกเอาอะไรมาปาใส่ฉัน” เพิร์ลลี่เม้งแตก
“นั่นไง ของออกแล้ว” แฟนคลับคนหนึ่งว่า
คราวนี้หมอผีสาดน้ำมนต์ใส่เพิร์ลลี่กับชม้อย เพิร์ลลี่กับชม้อยหลบแล้วพากันกรี๊ดลั่น
แฟนคลับทุกคนเปล่งเสียงออกมาอย่างพร้อมเพรียง
“ผีร้ายจงออกไป ผีร้ายจงออกไป”
“พวกแกออกไปจากบ้านฉันให้หมด ก่อนที่ฉันจะเรียกตำรวจ”
แฟนคลับสุดยอดไม่ขยับ ส่วนหมอผีก็พรมน้ำมนต์ใส่เพิร์ลลี่กับชม้อย สองแม่ลูกโกรธ
“ไม่ไปใช่มั้ย ได้....”
เพิร์ลลี่กับชม้อยวิ่งเข้าไปในบ้าน พวกแฟนคลับปรบมือดีใจ ร้องเฮ้
ทันใดนั้นก็มีควันลอยออกมาจากบ้านเพิร์ลลี่ พวกแฟนคลับ หมอผี และผู้สื่อข่าวไอโขลกๆ น้ำหูน้ำตาไหล
“นังปีศาจมันปล่อยควันพิษ! พวกเราหนีเร็ว”
แฟนคลับและหมอผีวิ่งแตกฮือ ผู้สื่อข่าวหันมารายงานด้วยน้ำตา
“โอ๊ย แสบตามาก ขอจบรายงานข่าวแต่เพียงเท่านี้ ส่วนความคืบหน้าโอ๊ย ไม่ไหวแล้วค่ะ”
ส่วนภายในบ้าน เพิร์ลลี่ ชม้อย และแม่บ้าน กำลังร่วมมือประสานใจไปที่กะทะบนเตาปิกนิก ซึ่งมีพริกแห้งกับเกลือป่น คั่วรวมกันอยู่ในกะทะควันลอยโขมง แม่บ้านคั่วพริกกับเกลือ ไอโขลกๆ น้ำหูน้ำตาไหลไม่ต่างจากคนที่หน้าบ้าน
ชม้อยกับเพิร์ลลี่แอบดูอยู่ที่ช่องประตูรั้ว พอหันกลับมา ทั้งสองแม่ลูกสวมใส่หน้ากากป้องกันควันพิษเตรียมพร้อมอย่างดี
“พวกมันไปกันหมดแล้ว”
“หึ นังพวกนี้...ไม่เจอพริกคั่วไม่หลั่งน้ำตา”
“ร้ายกาจจริงๆ...สมแล้วที่เป็นลูกแม่”
ชม้อยกับเพิร์ลลี่หัวเราะชอบใจ
“อยากรู้จริงๆ...ว่าป่านนี้นังยาหยีมันร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือดแล้วรึยัง”
เพิร์ลลี่เอ่ยออกมาอย่างสะใจ
ภายในห้องทำงานภูมิชาย เอนิตาจ้องที่จอไอแพดในมือ ดูคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิดในห้องประชุม เห็นเป็นภาพเหมือนกับว่าณนนท์กำลังบีบคอทำร้ายตัวเองจริงๆ
“คุณนี่ร้ายกาจจริงๆคุณภูมิชายสมกับเป็นทนายมือหนึ่ง เห็นแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฉันชนะคดีแหงๆ” เอนิตาชมภูมิชาย
“คงต้องชมฝีมือการแสดงของคุณด้วยล่ะครับ แนบเนียนจนดูเหมือนว่าคุณณนนท์กำลังทำร้าย
ร่างกายคุณจริงๆ เป็นหลักฐานที่เลยทีเดียว ดีซะยิ่งกว่าพยานบุคคล เพราะยังไงกล้องก็ไม่มีวันโกหก”
ภูมิชายยิ้มเจ้าเล่ห์
“ฉันขอถามอะไรคุณหน่อย ว่าคุณทำแบบนี้เพื่ออะไร คุณมาช่วยฉันทำไมในเมื่อฉันเป็นคู่กรณีกับลูกค้าของคุณ”
“ง่ายๆ สั้นๆ ผมต้องการยี่หวามาเป็นของผม ชัดมั้ย”
“ที่สุด”
เอนิตายิ้มกว้างออกมา สบตาภูมิชายรู้สึกสะใจ
ค่ำคืนนั้น ยาหยีนั่งทำของชำร่วยจนดึกดื่น ขณะทำไปก็ฟืดฟาดน้ำตาคลอไป ส่วนอีกมุมหนึ่ง ยี่หวากับบุญเลื่องยืนมองด้วยความสงสารยาหยี
“หยีเค้าจะไม่ไปงานแต่งของเพิร์ลลี่กับสุดยอดค่ะ แต่เค้าตั้งใจจะทำของชำร่วยให้ เป็นของขวัญวันแต่งงานแทน”
“โถ ถึงขนาดนี้แล้วยังไปทำให้เค้าอีก” บุญเลื่องสงสารลูกสาวคนเล็กจับจิต
“เห็นว่ารับปากสุดยอดไว้แล้ว ก็ไม่อยากให้คนอื่นเค้าว่าเอาได้น่ะค่ะ”
“ไม่เห็นจะต้องไปสนใจเลย ไม่คิดบ้างเหรอว่าหยีจะเสียใจแค่ไหนที่ต้องมานั่งทำของชำร่วยให้แฟนตัวเองแต่งงานกับผู้หญิงอื่น ว่าแต่เราอีกคนเป็นอะไรไปดูเครียดๆ”
ยี่หวายังครุ่นคิดเห็นเหตุการณ์ที่ณนนท์บีบคอเอนิตา
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะแม่ เรื่องงานน่ะ ไปดูหยีเถอะ”
บุญเลื่องกับยี่หวาเดินเข้ามา ยี่หวาแตะไหล่ยาหยี
“ให้พี่ช่วยทำนะหยี”
ยาหยีหันมามองแม่กับพี่สาว ยาหยีโผเข้ากอดบุญเลื่อง
“ทำไมเราสามคนถึงได้อาภัพความรักกันอย่างนี้น้า”
บุญเลื่องพูดเศร้าๆ สามคนแม่ลูกกอดกัน ปลอบใจกัน
“ศาลตัดสินแล้วเหรอคะ”
ยี่หวาถามขึ้นอย่างตกใจ ไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ขณะนั่งอยู่ที่โซฟาตรงหน้าเท่งและณนนท์
เท่งพยักหน้าก่อนตอบ
“เราแพ้ ศาลตัดสินให้ไข่ตุ๋นอยู่ในความดูแลของแม่”
ยี่หวาใจหายวาบ ณนนท์นั่งก้มหน้าคอตกด้วยความเสียใจ ยี่หวากับเท่งมองแล้วหันมาสบตากันอย่างหนักใจ
“ผมอาจจไม่ได้เจอไข่ตุ๋นอีกนานเลยครับพ่อ หรือไม่ก็ตลอดชีวิต”
“ทำไมล่ะนนท์” เท่งถาม
“นิตาเค้าบอกว่าจะพาไข่ตุ๋นไปอยู่เมืองนอกถาวรครับพ่อ”
“อะไร ทำอย่างงี้มันก็พรากพ่อพรากลูกกันน่ะสิ แล้ว...เราไม่มีทางไหนที่จะทำให้เอนิตาเปลี่ยนใจเลยเหรอ”
“ไม่มีครับ เค้ายืนยันอย่างเดียว....ให้ผมจะต้องกลับมาคืนดีกับเค้า กลับมาเป็นครอบครัวเดียวกันอีกครั้ง ซึ่ง...”
พูดถึงตรงนี้ณนนท์หันไปสบตากับยี่หวา ทั้งคู่สบตามองกันอย่างเศร้าๆ
“มันเป็นไปไม่ได้ครับพ่อ ความรักที่ผมมีให้เค้ามันหมดไปนานแล้วครับ”
จังหวะนั้นไข่ตุ๋นก็วิ่งเข้ามาในบ้านอย่างเริงร่า
“พ่อขา ปู่ขา ไข่ตุ๋นกลับมาแล้วค่า”
ทุกคนประหลาดใจที่เห็นไข่ตุ๋นวิ่งเข้ามาหน้าตาร่าเริงสุดๆ
“ไข่ตุ๋น!!!”
ไข่ตุ๋นโผเข้ากอดพ่อ ณนนท์กอดลูกสาวแน่นกว่าทุกครั้ง
“ไหนๆ มาให้ปู่กอดบ้างซิ”
ไข่ตุ๋นโผมากอดเท่ง
“ไข่ตุ๋นคิดถึงปู่เท่งที่สุดเลย”
ยี่หวามองไข่ตุ๋นงงๆ
“แล้วไข่ตุ๋นมาได้ยังไง”
นาทีนั้นเองเอนิตาเดินเข้าบ้านมา
“ฉันพาไข่ตุ๋นมาเก็บของ เราจะย้ายไปอยู่เมืองนอกกันให้เร็วที่สุด”
ทุกคนมองเอนิตาอึ้งๆ
ครู่ต่อมาณนนท์พับเสื้อผ้า เก็บของใส่กระเป๋าให้ไข่ตุ๋นทั้งน้ำตา ไข่ตุ๋นร้องไห้อาละวาด
“ไม่เอา ไข่ตุ๋นไม่ไปเมืองนอก ไข่ตุ๋นจะอยู่กับพ่อ”
“ไม่ได้ลูก ไข่ตุ๋นต้องไปกับแม่เค้า แล้วพ่อจะบินไปเยี่ยมไข่ตุ๋นบ่อยๆ นะ” ณนนท์ปลอบลูกทั้งน้ำตา
“ไม่เอา ไข่ตุ๋นไม่ไป ไข่ตุ๋นคิดถึงปู่เท่ง ไข่ตุ๋นคิดถึงอายอด ไข่ตุ๋นคิดถึงข้าวตู”
ณนนท์รูดซิบปิดกระเป๋าแล้วดึงมือไข่ตุ๋นเดินออกจากห้อง ไข่ตุ๋นรั้งมือไม่ยอมเดิน
“ไม่เอา ไข่ตุ๋นไม่ไป ไม่ไป พ่อขาไข่ตุ๋นไม่ไป ไข่ตุ๋นจะอยู่ที่นี่”
ณนนท์ตัดสินใจอุ้มไข่ตุ๋นออกจากห้อง ไข่ตุ๋นกรีดร้องอาละวาดลั่น
ณนนท์อุ้มไข่ตุ๋นมาที่หน้าบ้าน ไข่ตุ๋นทั้งดิ้นทั้งถีบไม่ยอม
“พ่อปล่อยไข่ตุ๋น ไข่ตุ๋นไม่ไปกับแม่”
เอนิตารออยู่ที่รถ แอบมองภาพนั้นน้ำตาคลอ เพราะใจหนึ่งก็สงสารลูก แต่ใจหนึ่งก็สะใจ ณนนท์ปล่อยตัวไข่ตุ๋นลง ไข่ตุ๋นรีบวิ่งไปกอดเท่ง
“ปู่ขา ปู่ช่วยไข่ตุ๋นด้วย อย่าให้ไข่ตุ๋นไป ให้ไข่ตุ๋นอยู่กับปู่ด้วยคนนะคะ”
“นิตา ให้ไข่ตุ๋นอยู่ที่นี่เถอะนะ” เท่งเอ่ยขึ้นเพราะสงสารหลานสาว
“ไม่ได้ค่ะ ศาลตัดสินแล้วนะคะว่าลูกต้องอยู่กับนิตา หรือว่าพ่ออยากจะให้นนท์ติดคุกเพราะขัดขืนคำสั่งศาลก็เอาสิคะ”
เท่งถอนหายใจ ยี่หวากับเท่งมองณนนท์กับไข่ตุ๋นอย่างสงสารสุดๆ
“ไข่ตุ๋นขึ้นรถ”
เอนิตาพูดแกมสั่ง ณนนท์เอากระเป๋าไปใส่รถ ไข่ตุ๋นร้องไห้โฮ พยายามแย่งกระเป๋าออกจากมือณนนท์
“ไข่ตุ๋นขึ้นรถนะลูก”
“ไม่ไป...ไข่ตุ๋นไม่ไป”
ไข่ตุ๋นงอแง โวยวายไม่เลิก ณนนท์จึงพูดขึ้นเสียงดัง
“ไม่ไปไม่ได้ ไข่ตุ๋นต้องไป ไข่ตุ๋นไม่เคยดื้อกับพ่อนี่ รึว่าไข่ตุ๋นไม่รักพ่อไม่เชื่อฟังพ่อแล้วถึงขัดคำสั่งพ่อ”
จังหวะนั้นไข่ตุ๋นลงนั่งคุกเข่าพนมมือไหว้ณนนท์อย่างน่าสงสาร
“พ่อขา พ่ออย่าให้ไข่ตุ๋นไปเลยนะคะ พ่อให้ไข่ตุ๋นอยู่กับพ่อนะคะ ไข่ตุ๋นจะเป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซน”
ยี่หวามองภาพนั้นสงสารไข่ตุ๋นจับใจ น้ำตาซึม เท่งทนไม่ไหว หันหลังเดินเข้าบ้านไป ณนนท์กลั้นใจ ทำหน้าดุ พูดเสียงดังใส่ไข่ตุ๋น
“ไม่ได้ พ่อบอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้ พ่อเกลียดเด็กดื้อ ไข่ตุ๋นพูดไม่รู้เรื่อง พ่อไม่ให้ไข่ตุ๋นอยู่บ้านนี้แล้ว จะไปไหนก็ไป....ไป! ไปให้พ้น”
“พ่อขาอย่าไล่ไข่ตุ๋นเลย ไข่ตุ๋นรักพ่อรักอายอดรักปู่เท่ง”
“แต่พ่อไม่รักไข่ตุ๋น พ่อบอกให้ไปก็ไปสิ” ณนนท์พูดเสียงดัง “ไป!”
ไข่ตุ๋นร้องไห้โฮ เสียใจสุดๆ
“ไข่ตุ๋นเกลียดพ่อ ไข่ตุ๋นไม่รักพ่อแล้ว”
ไข่ตุ๋นวิ่งขึ้นรถทันที เอนิตาขึ้นรถแล้วขับออกไป ณนนท์มองตามไปด้วยความเสียใจ สงสารลูก น้ำตาลูกผู้ชายก็หยดลงมา ณนนท์ร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร
ยี่หวาเดินมาข้างๆ แล้วเอามือกุมมือณนนท์ไว้ ณนนท์คว้ายี่หวามากอดซบหน้าร้องไห้อย่างเสียใจ
ในจอโทรทัศน์ขณะนั้น รายการข่าวบันเทิงกำลังสัมภาษณ์เพิร์ลลี่ มีชม้อยยืนฉีกยิ้มอยู่ข้างๆ
“สำหรับงานแต่งงานพรุ่งนี้เหรอคะ พร้อมค่ะ เพิร์ลลี่พร้อมหมดทุกอย่างค่ะ...เสียดายอย่างเดียวที่
ทุกอย่างมันกะทันหันไปนิด เพิร์ลลี่เลยตัดชุดเจ้าสาวแบบเจ้าหญิงเคทไม่ทัน แต่รับรองค่ะว่าสวยไม่แพ้กันแน่ๆ ส่วนแหวนหมั้นเหมือนเป๊ะๆๆ เลยค่ะ แซฟไฟร์ล้อมเพชรบนแหวนทองคำขาว เพราะเพิร์ลลี่สั่งตรงมาจากร้านเพชร เนเชอรัล แซฟไฟร์ โค. ที่นิวยอร์คที่ผลิตเลยค่า”
สุดยอดนั่งดูข่าวอยู่ในออฟฟิศณนนท์ ด้วยสีหน้าระอา เซ็งสุดๆ
“พอแต่งงานแล้วจะมีลูกเลยมั้ยคะ”
นักข่าวในทีวีถามต่อชม้อยรีบแย่งไมค์มาจ่อปากตัวเอง
“คุณแม่ขอเม้นท์เลยนะคะว่าต้องมีเลย แม่อยากให้น้องเพิร์ลลี่มีหลานให้แม่เร็วๆ เพราะว่ามีคนติดต่อมาเยอะเลยค่ะ อยากให้ลูกของน้องเพิร์ลลี่ไปถ่ายโฆษณา มีทั้งสบู่เด็ก แป้งเด็ก นมผง ผ้าอ้อม แม่รับงานไว้หมด คิวเต็มตั้งแต่ยังเป็นทารกจนเรียนจบมหาลัยโน่นน่ะค่ะ”
สุดยอดกดรีโมทปิดทีวี ทำท่าจะเดินออกไปจากห้อง ว่าน นัท และโมนถือกล่องของชำร่วยเดินเข้ามาพอดี
“ของชำร่วยนี่จะให้วางไว้ไหนวะ” ว่านถาม
“กองๆ ไว้ตรงนั้นแหละ”
สุดยอดบุ้ยใบ้ไปอย่างไม่สนใจ แล้วก็นึกได้
“ใครเป็นคนเอาของมาส่ง”
“ยาหยี” นัทบอก
“หยีมานี่เหรอ”
สุดยอดรีบวิ่งออกไป
ยาหยีกำลังสตาร์ทรถ สุดยอดวิ่งออกมาจากบริษัท
“ยาหยี...ยาหยี รอก่อน”
สุดยอดวิ่งพลางตะโกนตรงมาที่รถยาหยี ยาหยีเห็นสุดยอดเลยรีบขับรถออกไปจากบริษัททันที สุดยอดวิ่งตามไปแต่ไม่ทัน ได้แต่มองตามไปอย่างเศร้าสร้อย สิ้นหวัง
ยาหยีขับรถห่างออกจากสุดยอดออกไปเรื่อยๆ น้ำตาซึม
คืนนั้น สุดยอดเดินเมาปลิ้นมาตามถนน จนมาหยุดที่หน้าบ้านยี่หวาแล้วกระหน่ำกดออด
“ยาหยีเปิดประตูหน่อย เปิดประตู เรามีเรื่องต้องคุย ยาหยี”
สุดยอดตะโกนโหวกเหวกอย่างน่าสงสาร
ภายในบ้านยี่หวาปิดไฟมืด เสียงกริ่งดัง ไฟในบ้านค่อยๆ เปิดขึ้นจนสว่างไปหมด เสียงกดออดรัวๆ ดังลั่น ยี่หวา ยาหยี กับบุญเลื่องลงมาจากชั้นบนบ้านด้วยท่าทางตกใจ ยี่หวามองออกไปข้างนอกบ้าน
“โอ๊ยๆๆ ไม่เผาบ้านเลยล่ะค้า กดกริ่งอย่างงี้ไม่มีเกรงอกเกรงใจกันเลย” บุญเลื่องโมโห
“ใครอ่ะพี่ยี่หวา คนบ้าหรือเปล่า”
“รึว่า...”
ยี่หวานึกบางอย่างขึ้นมา หันไปมองหน้ายาหยี แล้วจะเดินออกไปที่หน้าบ้าน ยาหยีดึงยี่หวาไว้
“เดี๋ยวหยีไปดูเองค่ะพี่”
ยาหยีเดินไปคว้าไม้เบสบอลติดมือไปด้วย
ยาหยีเดินออกมาจากบ้าน มาหยุดตรงที่ประตูรั้ว สุดยอดเมามายสุดๆ ยืนโงนเงนแหกปากตะโกนอยู่ที่หน้าบ้าน
“หยีผมขอโทษ...ผมรักคุณ ได้ยินมั้ยหยี ผมขอโทษ”
ส่วนที่อีกด้านหนึ่งของประตู ยาหยียืนพิงประตูกัดฟันกลั้นสะอื้น น้ำตาไหลพรากเต็มใบหน้าสวย
“หยี...ผมรักคุณ ให้อภัยผมนะหยี”
สุดยอดทุบประตู
“หยี ออกมาเจอผมหน่อย หยี”
ยาหยีเอามือทาบที่ประตู อีกมือปิดปาก ร้องไห้ไม่ให้เสียงลอดออกมา
“ผมขอโทษ ยาหยี ผมรักคุณ เปิดประตูให้ผมหน่อย”
เพื่อนบ้านเดินออกมา ด้วยหน้าตาโมโหสุดๆ
“นี่มันตีสามแล้วนะยะพ่อคุณ จะแหกปากบอกรักกันก็ไปที่อื่น เดี๋ยวฉันจะแจ้งตำรวจให้มาลากคอไปบอกรักกันในคุกซะเลยเอามั้ย”
“ครับๆๆ ไม่แล้วครับ” สุดยอดอ้อแอ้ ยกมือยอมแพ้ ไม่ทำอีกแล้ว
เพื่อนบ้านค้อนให้แล้วเดินกลับเข้าบ้านไป แต่สุดยอดหันไปตะโกนต่อ แบบไม่แคร์โลก
“ยาหยี เปิดประตูให้ผมหน่อยผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ”
เพื่อนบ้านสะดุ้งหันมามองก่อนจะกระฟัดกระเฟียดเดินออกไป สุดยอดหมดแรงลงนั่งกับพื้น
“ยาหยี ผมรักคุณๆ”
ส่วนยาหยีซึ่งอยู่ด้านหลังประตู ก็นั่งร้องไห้ราวกับดวงใจแตกสลาย
เช้าวันใหม่เพิร์ลลี่ใส่เสื้อคลุมเพิ่งอาบน้ำเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำ
“อีกไม่กี่ชั่วโมงซุปตาอย่างเพิร์ลลี่ก็จะได้เป็นเจ้าสาวแล้ว” เพิร์ลลี่ฮัมเพลงแต่งงานพร้อมเยื้องย่างอย่างเจ้าสาว “แตนแต่น แตน แตนๆ แต่น แต้น แตน”
เพิร์ลลี่ทำเหมือนเดินกำลังเดินอยู่ในโบสถ์ โบกมือราวกับนางสาวไทย ยิ้มหน่อยยิ้มใหญ่ดีใจก่อนจะยื่นมือกรีดนิ้วออกมา พูด ลมๆ แล้งๆ ไปเรื่อยเปื่อย
“คุณจะรับสุดยอดเป็นคู่ชีวิตคุณมั้ย….รับค่ะ”
เสียงมือถือที่โต๊ะหัวเตียงดังขัดจังหวะ เพิร์ลลี่รีบวิ่งมารับสายใบหน้ามีความสุข
“ฮัลโหล” จากยิ้มๆ ใบหน้าเพิร์ลลี่ก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “อะไรนะคะพี่นนท์ พี่
ยอดหายไป ไม่กลับบ้านตั้งแต่เมื่อคืน เพิร์ลลี่ไม่ยอมจริงๆ ด้วย พี่นนท์ต้องตามตัวพี่ยอดกลับมาให้เพิร์ลลี่ด่วนเลยนะคะ ไม่งั้นเพิร์ลลี่จะ...เพิร์ลลี่รู้แล้วค่ะว่าพี่ยอดอยู่ไหน”
เพิร์ลลี่นึกบางอย่างขึ้นมา ด้วยสีหน้าเครียด
จริงอย่างที่เพิร์ลลี่คิด เช้าวันต่อมาสุดยอดนอนหลับอยู่ข้างกระถางต้นไม้หน้าบ้านยี่หวา ณนนท์กับยี่หวายืนกอดอกมองด้วยความหนักใจ ณนนท์ก้มลงเขย่าตัวสุดยอด
“สุดยอด...ตื่น ตื่น”
สุดยอดค่อยๆ ลืมตาตื่น ทำตาหยีๆ ด้วยความแสบตา
“ลุกขึ้นได้แล้ว”
สุดยอดลุกขึ้นมานั่งงัวเงีย หัวยังหนักอึ้ง
“คุณยี่หวาครับ ขอใช้ห้องน้ำหน่อยนะครับ คงต้องให้ยอดอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่นี่ แล้วผมจะเอาเจ้ายอดไปส่งที่งานแต่ง
“เชิญค่ะ ใช้ห้องข้าวตูก็ได้ค่ะ”
“แล้วข้าวตูล่ะครับ”
“ไปวัดกับแม่ค่ะ”
ณนนท์ก้มลงจะดึงสุดยอด
“ไปเร็วเจ้ายอด”
“ไม่ไป ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมไม่อยากแต่งงานๆ”
สุดยอดไม่ยอมขยับไปไหน เขานั่งขัดสมาธิ กอดอก เม้มปากแน่น อยู่อย่างนั้นณนนท์กับยี่หวามอง
หน้ากันเครียดๆ
ครูต่อมา ณนนท์กับยี่หวากำลังช่วยกันลากประคองปีกสุดยอดเดินเข้ามาในห้องรับแขกในบ้าน สุดยอดโวยวายลั่นราวกับเด็กๆ
“ไม่เอา ไม่ไป ไม่แต่ง ผมจะอยู่ที่นี่ ผมจะอยู่กับหยี ยาหยีๆ”
ยาหยี ลงมาจากชั้นบน
“หยี...ผมไม่แต่งงานได้ยินมั้ย ผมไม่แต่ง ผมรักคุณ
ยาหยีเดินตรงเข้ามาตบหน้าสุดยอด
“มาถึงขั้นนี้แล้ว นายยังจะหนีความรับผิดชอบอีกเหรอ”
ยาหยีโกรธจนน้ำตาแทบร่วง
“ฉันหลงคิดว่านายเป็นลูกผู้ชาย มีความรับผิดชอบกล้าทำกล้ารับ ฉันนึกว่านายยังพอมีดีอยู่ในตัวบ้าง แต่ที่แท้....”
พูดเท่านั้น ยาหยีก็เอามือทุบสุดยอดพัลวัน ด่าไปน้ำตาไหลด้วยความแค้นใจ เสียใจ
“นายมันก็ผู้ชายเฮงซวยไม่มีที่ติ ฉันผิดหวังในตัวนายจริงๆ นายทำร้ายจิตใจฉันคนเดียวยังไม่พอ นายยังคิดจะทำลายชีวิตของเพิร์ลลี่อีกคนเหรอ คอยดูนะ ถ้านายหนีงานแต่งงาน ฉันจะไม่ให้อภัยนายตลอดชีวิต”
ยาหยีพูดจบก็หันหลัง จะเดินกลับขึ้นบ้าน
“เดี๋ยว!”
สุดยอดเรียกไว้ ยาหยีหันกลับมา
ครู่ต่อมายาหยีคุยอยู่กับยี่หวาและณนนท์ที่หน้าห้องข้าวตู
“พี่สองคนไปรับหน้ายัยเพิร์ลลี่ที่งานก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวทางนี้หยีจัดการเองจะรีบเอาไปส่งให้เร็วที่สุด”
“ขอบใจมาก ฝากด้วยนะหยี”
ณนนท์กับยี่หวาพยักหน้าแล้วพากันเดินออกไป ยาหยีเดินเข้าไปในห้องข้าวตู เห็นสุดยอดผมเปียกหมาดๆ ใส่กางเกง สวมเสื้อเชิ้ตขาวเดินออกมาจากห้องน้ำอย่างซังกะตาย ยาหยีเดินเข้าจัดการเอาหูกระต่ายและเสื้อสูทสวมให้ ยาหยีจับสุดยอดไปนั่งนิ่งที่หน้ากระจกแล้วหวีผมให้ สุดยอดมองยาหยีด้วยแววตารักสุดหัวใจ
เมื่อยาหยีหวีผมเสร็จก็มองสุดยอดทั่วตัว
“หล่อแล้ว...รีบไปกันเถอะป่านนี้เค้าคงรอนายกันแย่แล้ว”
สุดยอดทอดสายตามองยาหยีอย่างตัดพ้อต่อว่า ยาหยีทำเมินก่อนรีบเดินออกจากห้องไป
อ่านต่อวันพรุ่งนี้