xs
xsm
sm
md
lg

รอยมาร ตอนที่ 7

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ติตตามอ่านละครออนไลน์ได้ทาง www.manager.co.th ทุกเช้าเวลา 09.30น.

รอยมาร ตอนที่ 7

บังอรตกใจรีบลงจากบ้านพักไปหาสไบนางและหยาดฝน เมื่อเห็นว่าสไบนาง กลับมาในสภาพเปื้อนทรายไปทั้งหัวทั้งตัว “ตายแล้วคุณบี ทำไมเลอะเทอะยังงี้ล่ะคะ”
ชันษาเดินตามออกมาดู เห็นสภาพสไบนาง หัวเราะชอบใจ สไบนางตาขวางใส่
“ชัน เดี๋ยวจะโดนอีกคน”
“ไปฝังตัวในทรายมาใช่มั้ยคุณบี ซนเป็นเด็กๆไปได้”บังอรถาม
“คุณบังอรคะ ฝังทรายเค้าฝังแค่ตัว ฝังหัวไปด้วยจะหายใจออกได้ยังไงคะ”สไบนางโต้อย่างพาลๆ
หยาดฝนขำๆ “บีเค้าเอาทรายไล่ปาฝนน่ะค่ะคุณบังอร แล้วพลาดไปโดนคนอื่นเค้าก็เลยปาคืนเอา”
ชันษาไม่พอใจแทน “เฮ้ย รุนแรงไปเปล่า บีผู้หญิงนะ เราขอโทษเค้ารึเปล่า”
สไบนาง สีหน้าร้ายกาจขึ้นมา “เรื่องอะไรจะต้องขอโทษ สมน้ำหน้า”
“นั่นไงล่ะ คนของเรามันแสบยังงี้แหละ ดีนะ ไม่โดนเค้าทำร้ายร่างกายเอา”บังอรว่า
“ก็ลองสิคุณบังอร”สไบนางฮึดฮัดขึ้นมาทันที
หยาดฝนรีบบอก
“เค้าคงไม่ทำร้ายบีหรอกค่ะ เค้ารู้จักกับคุณย่า ผู้ชายคนที่ขับรถสปอร์ตมาหาคุณย่าที่บ้านตอนเราจะเดินทางมาที่นี่ไงคะ”
สไบนางพูดต่อทันที... “มันชื่อไอ้มาร์ค ชื่อจริงว่าต่อมลูกหมาก”
สไบนางพูดด้วยน้ำเสียง และสีหน้าชิงชัง บังอรดุ
“คุณบี พูดจาไม่น่ารักเลย”
“คิดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย อย่าให้เจอตัวอีกแล้วกัน...”
สไบนางปรับอารมณ์ทันทีอ้อนบังอร
“คุณบังอร บีหิวแล้ว” -- “ไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนเลย” -- “ค่ะ”
สไบนางจะวิ่งขึ้นบ้าน บังอรรีบห้าม
“เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว ทรายเปื้อนบ้านชันเค้าหมด ไปลงทะเลล้างทรายก่อนเลยไป ทั้งคู่เลย”
สไบนางหน้าจ๋อยๆ ชันษารีบบอก
“วันนี้อย่ากินเยอะนักล่ะ มือค่ำชันจะเลี้ยงอาหารโรงแรม” -- “เย้...”
สไบนาง กระโดดตัวลอย หันบอกหยาดฝน “ใครถึงทะเลก่อนชนะ”
สไบนางวิ่งนำไป หยาดฝนวิ่งตามไปติดๆ ชันษายิ้มๆเอ็นดู
“เหมือนเด็กม.1 มากกว่าจะเป็นนักศึกษาปี 1 ว่ามั้ยครับคุณบังอร”
“นั่นสิคะ ไม่รู้จักโตซะที”
ชันษาและบังอรมองตามสไบนางไปขำๆ
+ + + + + + + + + + + +

วิมาดาขับรถมาจอดเทียบที่หน้าร้านอาหารริมหาด...วิมาดาในชุดเซ็กซี่ เดินสวมแว่นกันแดดลงจากรถ เดินตรงมายังร้านอาหารริมหาดร้านหนึ่ง วิมาดากวาดตามองหาอุปมา ก็เห็นอุปมานั่งทานอาหารอยู่กับกลุ่มเพื่อน อุปมาเหลือบตามองออกมา
“ขอตัวเดี๋ยวนะ ออกไปหาเพื่อนหน่อย”
อุปมาลุกเดินออกไปหาวิมาดา แล้วเดินคุยกันออกไป หัสดิน กมลฉัตร สาหร่าย และเพื่อนๆ หันมองตาม
“ใครน่ะ สวยเริ่ดมาเชียว”สาหร่ายถาม
“วิมาดา”หัสดินบอก
“หัสรู้จักด้วยเหรอ”กมลฉัตรแปลกใจ
“ใครเหรอฉัตร เธอพูดเหมือนรู้จักงั้นแหละ”สาหร่ายสงสัย
“ฉันรู้จักเค้า แต่เค้าไม่รู้จักฉันหรอก...ยัยคนนี้เป็นเมียน้อยสามีเพื่อนเราเอง”
หัสดินตกใจ “จริงเหรอะฉัตร”
กมลฉัตรพยักหน้ารับ
“เราสงสารเพื่อนมากเลยนะ ตั้งแต่ผัวมีเมียน้อย ผอมบักโกรก ราศรีแทบไม่มี”
สาหร่าย เสียดายอุปมาขึ้นมาทันที “โถ พี่มาร์คของฉัน โดนเมียน้อยสอยไปรับประทานซะแล้ว”
“เห็นเพื่อนเล่าให้ฟังว่าหลงกันมาก สามีเธอลงทุนวิ่งเต้นให้แม่คนนี้ ได้ทุนไปเรียนต่อเมืองนอก ซื้อคอนโดให้กัน ไม่รู้ว่ารถคันนี้ซื้อให้ด้วยรึเปล่า ฉัตรสงสารเพื่อนจับใจเลย เป็นอาจารย์จะไปเต้นเร่าอะไรก็เสียเกียรติได้แต่ปั้นหน้าชื่นอกตรมไป”
กมลฉัตรถอนใจออกมา หัสดินมองตามอุปมาและวิมาดาไป เข้าใจเรื่องราววิมาดามากขึ้นได้แต่ถอนใจออกมาด้วยความไม่สบายใจ
+ + + + + + + + + + + +

อุปมาหยุดยืนคุยกันที่ร่มเงาต้นไม้ หันหน้าไปทางชายหาด อุปมาอดแขวะไม่ได้
“สามีคุณไม่ได้ตามมาแน่นะ”
วิมาดาทำหน้าเซ็ ง
“เลิกพูดถึงเค้าซะทีเถอะมาร์ค วิไม่ได้มีความผูกพันอะไรกับเค้า นอกจากลูกหนี้ที่ต้องจ่ายดอกให้เจ้าหนี้ จนกว่า...ช่างเถอะค่ะ”
“จนกว่าอะไร ผมอยากรู้”
“จนกว่าวิจะคืนต้นให้เค้าสิคะ งานไงคะมาร์ค ถ้าวิลาออกจากงาน ชีวิตวิคงมีอิสระที่แท้จริงซะที”
“ถ้าทำยังงั้นวิจะไม่เสียเปล่าไปฟรีๆเหรอ”
“มาร์คคิดว่าวิเคยได้อะไรเหรอคะ วิเสียเปล่าตลอด เค้ามีภรรยาจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีลูกด้วยกัน วิรู้แต่วิยอมแลก...”
วิมาดาถอดแว่นดำออก หันมองหน้าอุปมา น้ำตาคลอ
“มาร์คเชื่อวิมั้ย ต่อให้วิไม่เจอคุณ วิก็รักเค้าไม่ได้อยู่ดี”
อุปมามีท่าทีเห็นใจ วิมาดาพูดระบายความอัดอั้น น้ำตาท่วม
“วิโง่ที่คิดไปเองว่าสิ่งที่ผ่านมา คือการแลกขาด ไม่มีอะไรผูกพันต่อกันอีก แต่จริงๆ มันไม่ใช่ เค้าเห็นแก่ตัว ตลอดเวลาที่ผ่านมา วิมีแต่ความเกลียดชังให้เค้า เค้าเอาเปรียบวิ หากินกับลูกน้องตัวเอง” วิมาดาน้ำตาไหลออกมา เบือนหน้าไปอีกทาง
“ผมเชื่อคุณนะวิ”
วิมาดาหันมองอุปมา น้ำตาท่วมตา จับมืออุปมาไว้
“ขอบคุณค่ะมาร์ค เท่านี้แหละที่วิต้องการ วิทรมานตั้งแต่รู้ตัวว่ารักคุณ อยากบอกก็ไม่กล้าเพราะกลัว เพราะอาย วิเสียใจมากที่คุณรู้ความจริง วิน่าจะตัดสินใจบอกคุณเสียแต่แรก”
อุปมาเลื่อนมือไปซับน้ำตาให้วิมาดา “อย่าพูดถึงมันอีกเลยนะ”
วิมาดาจับมืออุปมาที่ซับน้ำตาให้เอาไว้ จ้องตา...
“ขอวิพักโรงแรมเดียวกับคุณได้มั้ย”
“ผมมากับเพื่อนหลายคน คนไทยทั้งนั้น”
“ก็ไม่แปลกอะไรนี่คะ มาร์คก็แนะนำไปว่าเราเคยรู้จักกันที่อเมริกา”
“ก็มีเหตุผลเดียวแหละที่ผมจะบอกเค้า เราเป็นเพื่อนกัน”
วิมาดาน้ำตารื้น พยักหน้ารับ
“ค่ะ เพื่อนกัน”
“ผมจะแนะนำให้รู้จักพวกเค้า ตามมาสิครับ”
อุปมาเดินนำไปเล็กน้อย วิมาดามองตามอุปมาไป ยิ้มพอใจที่ความสัมพันธ์พัฒนาไปทางที่ดีขึ้น
+ + + + + + + + + + + +
ชันษา พาสไบนาง หยาดฝน บังอร มาทานข้าวในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง สไบนางยิ้มครึ้มอกครึ้มใจ
“วันนี้ชันเงินเดือนหมดแหงๆ กินข้าวเสร็จ บีจะคาราโอเกะต่อ”
“กินแต่พอดีเถอะบี ล้มทับชันษาเค้าทำไม”บังอรบอกอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณบังอร เต็มที่เลยบี ฉลองสอบได้”ชันษาบอกด้วยน้ำเสียงเต็มอกเต็มใจ
สไบนางยกมือไหว้ “ขอให้ได้จริงๆ เถ๊อะ”
หยาดฝนยิ้มๆ ทันใดเสียง หัสดินดังขึ้น... “น้องไบ”
ไม่มีใครสนใจ ไม่นึกว่าเรียกบี หยาดฝนหันไปบอกชันษา
“นำทางไปเลยค่ะพี่ชัน ฝนหิวแล้ว”
“ทางนี้เลยครับ”ชันษาผายมือ
“น้องไบ...”
หัสดินวิ่งมาขวางหน้า...
“อ้าว นึกว่าใคร คุณมาลูกลุงมี”สไบนางทัก
“เรียกซะเชยเลย”หัสดินยกมือไหว้บังอร “สวัสดีครับ...”
บังอรยิ้มมารยาท รับไหว้
“บีแนะนำตัวผมเรียบร้อยแล้วนะครับ”หัสดินยิ้มให้ทุกคน
“นี่ฝนรู้จักกันแล้ว ส่วนนี่ชันษา ทนายความมือหนึ่ง”สไบนางแนะนำ
“ไม่ต้องเว่อร์เลยบี”ชันษายิ้มทักทายให้หัสดิน
“พักที่นี่เหรอครับ”หัสดินถามถาม
“เปล่าหรอกครับ เรามาทานข้าวกัน”
หยาดฝนมองเลยไป มีสีหน้าตกใจ รีบหลบหลังสไบนาง
“มีอะไร”สไบนางงง
“เมียน้อยพี่นู”
“คนไหน” หยาดฝนชี้ไปที่ลิฟท์ ทุกคนหันมองเห็นวิมาดา เดินตัดผ่านไปทางลิฟท์ หัสดินแปลกใจ
“คุณวิ...น้องฝนบอกว่าคุณวิเป็นเมียน้อยใครเหรอครับ”
“เมียน้อยพี่สาวฝนมันน่ะสิ”
สไบนางจ้องมองไป สีหน้าชิงชัง หัสดินอึ้งๆไปที่โลกกลมมากๆ หยาดฝนกลัวๆ
“ไม่รู้พี่นูจะมาด้วยรึเปล่า”
“มาสิดี ปฏิเสธดีนัก ฉันจะถ่ายคลิปไปให้พี่ทิพย์ดู”
สไบนางรีบเดินตรงไปที่ลิฟท์ ทุกคนพากันตกใจ หยาดฝนรีบตามไป บังอรร้องห้าม
“คุณบี อย่าไปยุ่งเรื่องคนอื่นเลยค่ะ”
ชันษารีบบอก “คุณบังอร นั่งรอแถวนี้ก่อน ผมตามไปดูเองครับ”
ชันษารีบตามไป บังอรถอนใจออกมาอย่างร้อนใจ หัสดินบ่นพึมพำ
“โลกกลมดิ๊กจริงๆ” -- “ว่าอะไรนะคะ”บังอรได้ยินไม่ถนัด
หัสดินปั้นยิ้ม “อ๋อ เปล่าครับ ผมพาไปนั่งรอดีกว่านะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
หัสดินพาบังอรไปนั่งรอที่ล็อบบี้ แล้วหันมองไปทางลิฟท์ ถอนใจออกมา
+ + + + + + + + + + + +

วิมาดาเข้าลิฟท์ไป และลิฟท์ปิดลง สไบนางจึงตามไม่ทัน หยาดฝนที่วิ่งตามมา ไม่สบายใจ
“ไปทานข้าวกันเถอะบี อย่าไปยุ่งกับเค้าเลย”
“ไม่อยากช่วยพี่สาวรึไงฝน ถ่ายคลิปเอาไว้เลย ใช้เป็นหลักฐาน ให้พี่สาวเธอฟ้องหย่า เอาเงินมาเลี้ยงหลาน”
ชันษายิ้มๆ “หัวหมอจริงนะแม่กุนซือ”
สไบนางสีหน้าชิงชัง
“พวกผู้ชายเจ้าชู้ ทำร้ายจิตใจลูกเมีย ต้องเจอยังงี้แหละ...หยุดชั้น 4”
สไบนางมองตัวเลขของลิฟท์ที่ค้างอยู่ ลิฟท์อีกตัวเปิดพอดี ชันษาตามมาถึง
“ชันไม่ต้องยุ่งเลยนะ ไม่ใช่เรื่องของชัน ถึงห้ามก็ไม่สำเร็จชันจะเจ็บตัว”
“กลัวแล้วจ้าแม่มาเฟียใหญ่”
สไบนาง ค้อนใส่ชันษา แล้วลากแขนเพื่อนไปขึ้นลิฟท์
“มีปัญหาอะไรรีบโทรลงมาล่ะ ชันจะรออยู่ตรงนี้”
สไบนางและหยาดฝนกดปิดลิฟท์ตามขึ้นไปชั้น 4 ชันษามองตามไปด้วยความเป็นห่วง
+ + + + + + + + + + + +
วิมาดาเคาะประตูหน้าห้องพักอุปมา ไม่นานนักอุปมาเปิดประตูห้องแง้มๆ ออกมา สีหน้านิ่งขรึม
“ทานข้าวรึยังคะ”
อุปมารีบออกมาจากห้อง ปิดประตู ยืนคุยหน้าห้อง เพื่อกันคำครหา วิมาดาแขวะ
“เข้าไปคุยในห้องจะมีคนเห็นน้อยกว่านะคะ”
“ผมกำลังจะลงไปข้างล่างพอดี”
วิมาดาน้อยใจ
“คุณเปลี่ยนไปมากนะมาร์ค ระวังจนแทบระแวง”
อุปมาตัดบท “ไปทานข้าวพร้อมกันนะครับ”
“วิตัดสินใจแล้ว วิจะขอลาออกจากงานค่ะ”
“แน่ใจแล้วเหรอ”
“ค่ะ วิคงต้องใช้หนี้ให้องค์การ แต่คงไม่มากเท่าไหร่ เพราะวิทำงานให้เค้ามานานแล้ว ดูสิคะ ชีวิตวิมีแต่เจ้าหนี้ ยิ่งดิ้นรนขวนขวายก็ยิ่งเพิ่มหนี้”
“มีอะไรให้ผมช่วยมั้ย บอกได้นะ”
วิมาดาส่ายหน้า
“ผมอยากพบกับเค้าซักครั้งจะได้มั้ย”
วิมาดาตกใจ “พบใครคะ คุณธนูน่ะเหรอ”
“ใช่ ผมอยากรู้ว่าเค้าจะรับผิดชอบกับชีวิตวิยังไง ผมสงสารวิ”
“สงสารหรือสมเพชคะ วิไม่ต้องการให้เค้ามารับผิดชอบชีวิตวิ วิไม่เคยรักเค้า วิเกลียดเค้า วิจะอยู่อย่างเป็นสุขโดยไม่มีเค้า ได้ยินมั้ยมาร์ค เลิกผลักไสไล่ส่งวิไปให้มันซะที เมื่อคุณไม่รัก ไม่ต้องการวิแล้ว วิก็อยู่ของวิได้ ไม่ถึงกับตายหรอกถ้าต้องขาดคุณไปจากชีวิต”
อุปมาดึงวิมาดาเข้ามาสวมกอดเอาไว้ทันที วิมาดาก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น กอดซบอุปมาไม่ปล่อย ขณะเดียวกัน สไบนางใช้กล้องจากมือถือถ่ายเหตุการณ์เอาไว้เรียบร้อย สไบนางสะใจ
“เหนือความคาดหมาย เอาคลิปนี้ไปให้พี่เขยเธอดูเลย สะใจที่สุด อยากเห็นหน้าพี่นูนัก”
อุปมาเหลือบตาเห็นพอดี ผละจากวิมาดาเดินดิ่งเข้าหาสไบนาง อุปมาเสียงดัง “ทำอะไรน่ะ”
สไบนางตกใจมากลดโทรศัพท์มือถือลง อุปมาเข้ามาใกล้ เห็นหน้าชัดๆ
“เธออีกแล้วเหรอ”
“ใช่ ฉันเอง ไอ้บ้ากาม...หนีเร็วฝน”
สไบนางและหยาดฝนจะวิ่งหนีไปลงลิฟท์ อุปมาวิ่งกวดไปกระชากมือสไบนางเอาไว้
“จะไปไหน เอามือถือมานี่”
“ฉันไม่ให้”
อุปมาหักข้อมือสไบนางจนร้องลั่น สไบนางปล่อยมือถือตกพื้นแล้วเตะทิ้ง อุปมาปล่อยสไบนางแล้ววิ่งไปที่โทรศัพท์มือถือ สไบนางรีบตามไป หยาดฝนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รีบกดโทรศัพท์หาชันษาทันที
สไบนางวิ่งเข้าไปจับตัวอุปมา ดึงเอาไว้จะแย่งโทรศัพท์มือถือของตนคืนให้ได้ อุปมาตัดสินใจกระทืบลงกลางเครื่องโทรศัพท์มือถือ สไบนางตกใจมาก
“เฮ้ย แกเหยียบโทรศัพท์ฉันพังหมดแล้ว”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะซื้อใช้ให้”
“เอาของฉันคืนมานะ”
สไบนางจะเข้ามาแย่งโทรศัพท์คืน อุปมาเอามือกดหัวสไบนาง ดันเอาไว้
“เธอทำอะไรลงไปรู้ตัวรึเปล่า แบบนี้มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ผิดกฎหมายรู้ตัวมั้ย”
“ไม่ต้องมาขู่ฉัน”
วิมาดาวิ่งเข้ามาใกล้ๆ
“เขี่ยมือถือมานี่ค่ะมาร์ค”
อุปมาเขี่ยโทรศัพท์ไปหา วิมาดารีบเก็บเอามากำไว้แน่น สไบนางโกรธมาก ผลักอกอุปมา
“นายมันโง่ ผู้หญิงคนนั้นเป็นเมียน้อยพี่สาวเพื่อนฉัน”
หยาดฝนรีบเข้ามาดึงสไบนาง ให้ห่างจากทุกคนออกมา สไบนางโกรธไม่หาย ชี้หน้าวิมาดา
“เธอมันก็ผู้หญิงขายบริการดีๆนี่แหละ”
“หยาบคายเกินไปแล้วนะ ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่”
“ผู้ใหญ่ยังงี้ ฉันไม่นับถือหรอก”
ชันษาวิ่งเข้ามาขวางทาง ชันษารีบยกมือไหว้
“ผมขอโทษแทนบีด้วยนะครับ”
“ดูแลน้องคุณให้ดีๆ หน่อย ถ้าไม่ใช่ผม เดือดร้อนไปแล้ว”
สไบนางปากเก่ง ไม่กลัวใคร สวนกลับทันที “กลัวตายล่ะ”
ชันษาปิดปากสไบนางทันที สไบนางขัดขืนก็สู้แรงไม่ได้ อุปมามองอย่างโมโห
“ขืนทำพฤติกรรมแบบนี้บ่อยๆ ผมจะต้องเรียนให้คุณหญิงรุจาทราบเข้าซักวัน”
อุปมาจ้องหน้าสไบนางแล้วเดินไปหาวิมาดา สไบนางดึงมือชันษาออก
“ปล่อย...”สไบนางร้องเสียงดัง แล้วตะโกนด่าอุปมา
“ไอ้ขี้ฟ้อง คิดว่าฉันกลัวเหรอ”
ชันษาลากสไบนางไปพลาง บ่นไปพลาง
“ยังปากเก่งอีก เดี๋ยวก็โดนตำรวจจับหรอก เล่นไม่เข้าเรื่อง”
วิมาดาเดินเข้ามาสวมกอดอุปมาเอาไว้ วิมาดาบีบน้ำตาร้องไห้
“ขอบคุณมากค่ะมาร์ค”
หยาดฝนหันกลับมามองวิมาดา พบว่าอีกฝ่ายจ้องอยู่ สายตาท้าทายประมาณว่า ให้ไปฟ้องธนูเลย เพราะใจลึกๆ คืออยากแตกหักกับธนูเร็วๆ หยาดฝนรีบหลบสายตาไปเดินตามชันษา และสไบนางกลับไป วิมาดายิ้ม พอใจที่เกิดเหตุการณ์วันนี้

+ + + + + + + + + + + +

อาทิตย์เดินถือถุงน้อยหน่าถุงโต มาหาคุณหญิงรุจาที่บ้านอัครเดชตอนเย็น
“สวัสดีครับคุณย่า”
คุณหญิงรุจารับไหว้ “หอบอะไรมาอีกแล้ว”
“น้อยหน่าสดๆ จากสวนเลยนะครับ พอดีผมไปราชการมาก็เลยซื้อมาฝาก”
“ขอบใจมากนะ”
สาวใช้เข้ามารับถุงน้อยหน่าไป “นั่งก่อนอาทิตย์”
อาทิตย์ตามมานั่ง “บียังไม่กลับจากพัทยาอีกเหรอครับ”
“เย็นนี้แหละ ย่าก็กำลังรออยู่นี่ล่ะ”
“คงสนุกกันมาก”
คุณหญิงรุจาส่ายหน้า
“ไม่มีย่าตามไปคุม แม่บีทะโมนเต็มที่เลยล่ะ บังอรโทรมาฟ้องเรื่อยๆ...เอ่อ งานแซยิดย่า อย่าลืมมาล่ะ”
“ไม่ลืมแน่นอนครับ”
“มามือเปล่าล่ะ ไม่ต้องหิ้วอะไรมา”
“ครับคุณย่า”
“พ่อของเมเค้าก็จะกลับมาวันนั้นพอดี จะได้เจอกับอาทิตย์ซะทีนะ” -- “ครับ”
คุณหญิงรุจาบ่นๆ
“ไปดูงานดูการอะไรก็ไม่รู้ จนย่าเกือบลืมไปแล้วว่ามีลูกชายอยู่อีกคน”
“ผมทราบจากเมว่ายังมีคุณอาอีกคน แต่ท่านเสียไปแล้ว”
คุณหญิงรุจาพยักหน้ารับ
“ใช่ พ่อของแม่บีเค้า”
คุณหญิงรุจาหน้าขรึมลงเล็กน้อย ถอนใจออกมาบาง เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ที่ริมน้ำบ้านสวน
คุณหญิงรุจาเดินตามหาประจักษ์มาเจอที่ริมน้ำ ประจักษ์นั่งหันหลังให้แม่ แต่ก็แอบซับน้ำตาอยู่เนืองๆ คุณหญิงรุจารู้สึกสงสารลูกชายจับใจ
“ประจักษ์” ประจักษ์รีบซับน้ำตาออก หันมองแม่
“ไปทานข้าวเถอะลูก”
“แม่ครับ ผมอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว”
คุณหญิงรุจาตกใจมาก “ทำไมล่ะลูก”
คุณหญิงรุจาน้ำตาคลอ
“ไม่ว่าผมจะหันมองไปทางไหนก็เห็นแต่หน้าไพไปทุกที่ ผมทนอยู่ที่นี่ไม่ได้จริงๆครับแม่”
“แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหน”
“ผมไม่รู้ แต่ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว”
“สุขภาพเราก็ไม่ดีนะประจักษ์ ไปอยู่ไกลหมอมันจะดีเหรอ แม่ว่าอดทนอีกซักพัก ลูกก็คงคลายคิดถึงศรีอำไพได้เองแหละ”
“ไม่มีวันหรอกครับแม่ ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะไปอยู่ที่อื่น”
“แล้วเราไม่คิดถึงแม่บี ลูกสาวเราเหรอ 3-4 ขวบกำลังน่ารักน่าชังเชียวนะ”
“ผมจะเอาลูกไปด้วย”
คุณหญิงรุจาตกใจมาก… หลังจากนั้นไม่นาน ประจักษ์ได้พาสไบนางย้ายไปทำไร่ที่ต่างจังหวัด แต่เพราะสุขภาพของประจักษ์ไม่ดี เมื่อไปทำไร่ได้ไม่นานก็ล้มป่วยลง เพราะเป็นไข้ป่า ทันทีที่คุณหญิงรุจารู้ก็รีบมาที่โรงพยาบาล
คุณหญิงรุจาพบหมอและพยาบาลที่หน้าห้องฉุกเฉิน
“ดิฉันเป็นแม่คนป่วยที่ชื่อประจักษ์น่ะค่ะ”
“หมอเสียใจด้วยนะครับ”
รุจาแทบล้มทั้งยืนน้ำตาท่วม เมื่อหมอบอกอย่างนั้น
“ช่วยดูผู้ตายก่อนนะคะ ว่าใช่ลูกคุณแน่รึเปล่า”
พยาบาลเดินนำเข้าไปในห้องฉุกเฉิน คุณหญิงรุจาแทบก้าวขาไม่ออก เดินตามไปช้าๆ เห็นศพคนตายถูกคลุมผ้าขาวนอนอยู่บนเตียง พยาบาลค่อยๆ เปิดผ้าคลุมหน้าออกให้ดู ประจักษ์นอนหน้าซีด หมดลมหายใจไปแล้ว คุณหญิงรุจาปล่อยโฮ เข้าไปกอดศพลูกชาย ร้องไห้ด้วยความเสียใจ
เมื่อเล่าเรื่องราวในอดีตให้อาทิตย์ฟัง คุณหญิงรุจาอดน้ำตาคลอๆไม่ได้ ทั้งที่ทำใจได้มากแล้ว
“ถ้าเค้าเชื่อย่าแต่แรก ก็คงไม่อายุสั้นแบบนั้นหรอก”
“แสดงว่าคุณบีกำพร้ามาตั้งแต่เล็กๆ”อาทิตย์บอกอย่างเห็นใจ
คุณหญิงรุจาพยักหน้ารับ
“ย่าเลยเลี้ยงบีมาอย่างดีที่สุด ชดเชยสิ่งที่เค้าขาดไป”
อาทิตย์สงสัย “แล้วแม่คุณบีเสียเพราะอะไรเหรอครับ”
คุณรุจาผงะไป หน้าซีดเผือด ตอบไม่ถูก เพราะกำความลับอะไรบางอย่างเอาไว้ เสียงแตรรถตู้ดังขัดขึ้นหน้าบ้าน คุณหญิงรุจาได้จังหวะเปลี่ยนเรื่อง
“อ้าว กลับมากันแล้ว ไว้ค่อยคุยกันต่อนะอาทิตย์”
คุณหญิงรุจารีบลุกเดินเลี่ยงนำออกไปทันที อาทิตย์มองตามอย่างสงสัย เพราะคุณหญิงรุจามีท่าทางแปลกๆ คล้ายปกปิดเรื่องแม่ของสไบนางบางอย่างเอาไว้

+ + + + + + + + + + + + +

สไบนางลงจากรถตู้ได้ก็บิดขี้เกียจทันที คุณหญิงรุจาเดินมาเห็นท่าทางของหลานสาว บ่นทันที
“ตายจริง เป็นสาวเป็นนาง มายืนบิดขี้เกียจหน้าบ้านน่าเกลียดที่สุด”
สไบนางแกล้งงอน “เจอหน้าหลานก็ด่าเลยนะคะคุณย่า”
บังอรหันไปยิ้มให้ “เหงามั้ยคะคุณ”
“นิดหน่อย แต่ฉันก็เต็มใจให้เธอได้ไปเที่ยวนะบังอร”
ชันษายกมือไหว้คุณหญิงรุจา -- “ส่งหนูฝนแล้วเหรอ” -- “ครับ”ชันษาตอบรับ
อาทิตย์เดินตามลงมา สไบนางพูดแขวะ... “ไปก็เจอ กลับก็เจอ ย้ายมาอยู่ที่นี่ซะเลยสิ”
คุณหญิงรุจารีบปราม
“ดู ปากยาวไปว่าพี่เค้าอีก เดี๋ยวอาทิตย์เอาน้อยหน่าคืนไปเลย ไม่ต้องให้กิน”
“เค้าก็ไม่ได้กะเอามาฝากบีอยู่แล้ว มันของโปรดพี่เม...”
ชันษาที่ยืนฟังอยู่หน้าเสีย เพราะดูเหมือนว่าอาทิตย์จะเป็นที่ยินดีของทุกคนที่มาจีบเมธาวี ขณะที่อาทิตย์ยิ้มด้วยท่าทีสบายๆ
“ไม่กินแล้วจะเสียใจ หวานซะน้ำตาลยังอาย”
“หวานขนาดนั้น อมน้ำตาลให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยดีกว่า”
อาทิตย์ยิ้มๆ คุณหญิงรุจานึกถึงเมธาวีขึ้นมา
“ป่านนี้พี่สาวเรายังไม่กลับมาเลย”
“เดี๋ยวก็ตามกลิ่นน้อยหน่ามาเองแหละค่ะคุณย่า ขึ้นบ้านเถอะ บ๊าย บายชัน ไว้ไปเที่ยวใหม่นะ”
ชันษายิ้มให้ อาทิตย์เข้าไปจะช่วย...
“ช่วยถือ” สไบนางดึงกระเป๋าไว้
“บีไม่ใช่พี่เม ไม่ต้องเลย...หิวแล้ว มีอะไรกินมั่ง”
สไบนางวิ่งไปตะโกนไป บังอรกระเซ้า
“คงไม่เหงาแล้วนะคะคุณ”
รุจายิ้มๆ ส่ายหน้าไปมา อาทิตย์ช่วยบังอรถือกระเป๋าเดินทาง พากันเดินขึ้นบ้านไป ชันษานิ่งไปอย่างใช้ความคิดบางอย่าง

(อ่านต่อหน้า 2)







รอยมาร (ต่อ)

เมื่อกลับเก็บของที่บ้านแล้ว ชันษาถีบจักรยานออกมาจอดที่กลางซอย ในตระกร้าหน้าจักรยานใส่ข้าวหลามแบบกระบอกเล็ก กับปลาหมึกกรอบมาด้วย ชันษาจอดจักรยานนั่งรอ ชะเง้อมองรถทุกคันที่ผ่านเข้าซอย ไม่นานนักเมธาวีขับรถเข้าซอยมา ชันษาดีใจรีบโดดไปขวาง โบกมือให้จอด เมธาวีถอนใจเซ็งๆ แต่เพราะเป็นเพื่อนกันมานาน จำเป็นต้องจอดเทียบ เมธาวีกดกระจกหน้าต่าง ตะโกนถาม
“มีอะไร”
“ชันซื้อขนมมาฝากเมจากหนองมน “
ชันษารีบไปหยิบถุงใส่ข้าวหลาม และปลาหมึกกรอบมายื่นให้
“วางที่เบาะนั่นแหละ” ชันษาบรรจงวางลงที่เบาะข้างๆ
“ทำไมไม่รอให้ที่บ้าน”
ชันษาเหยียดปากเซ็งๆ -- “ไม่อยากให้ซ้ำกับน้อยหน่า” -- “พูดอะไรของชัน ไม่รู้เรื่อง”
“อาทิตย์น่ะสิ เอาน้อยหน่ามาฝาก คุยอวดหวานล้ำซะเว่อร์”
เมธาวีหน้าเซ็งๆ -- “อาทิตย์มาเหรอ” -- “ใช่”
เมธาวีบ่น “จะมาทำไมนักหนา ขี้เกียจคุย”
ชันษาดีใจมากที่ได้ยินอย่างนั้น
“นี่เมไม่อยากเจอเค้าเหรอ”
“เมเหนื่อย ขี้เกียจรับแขก คุยไม่เข้าหูด้วย...เมไปเดินห้างดีกว่า...ชันอย่าบอกนะว่าเมกลับมาแล้ว”
ชันษายิ้มดีใจ “ไม่บอกหรอก เมไปเที่ยวเหอะ”
“ขอบใจสำหรับของฝากนะ” -- “ไม่เป็นไร เราอยากให้เมได้ทานของอร่อยๆ”
เมธาวีฝืนยิ้มบางๆ
“ชันรู้ไว้อย่างนึงนะ ผู้หญิงอย่างเมไม่ชอบกินของที่ทำให้อ้วน เช่น ข้าวหลาม”
ชันษายิ้มจืดลง “งั้นชันเอาคืนดีกว่าเน๊อะ”
ชันษารีบดึงถุงข้าวหลามออกไป เมธาวีพูดต่ออย่างไม่รักษาน้ำใจ
“แล้วเมก็ไม่ชอบกินอะไรที่ทำให้ปากเหม็น เสียบุคลิก เช่นปลาหมึก เป็นต้น”
ชันษาหน้าแหยสนิท “งั้นเราเอาไปให้คนอื่นดีกว่า”
ชันษาดึงถุงปลาหมึกกรอบคืนออกไป “ขอบคุณที่สุด”
ชันษาค้อนใส่เซ็งๆ แล้วเลี้ยวกลับรถออกไป ชันษายืนถือถุงข้าวหลามข้างนึง ปลาหมึกกรอบข้างนึง แล้วมองตามเมธาวีไปตาละห้อย

+ + + + + + + + + + + +

สไบนางนอนหนุนตักคุณหญิงรุจาที่โซฟา ขณะที่คุยกับกับอาทิตย์ หลังทานข้าวเสร็จ อาทิตย์แกล้งแหย่...
“หลานคุณย่า ไปเที่ยวไม่มีของฝากติดมือเลย”
“ก็บอกอยู่แล้วว่าไปเที่ยว ไม่ได้ไปเพื่อซื้อของมาฝากใครซะหน่อยอย่ามาหวัง”
“เค้าเรียกว่าน้ำจิตน้ำใจ”คุณหญิงรุจาสอน
“คุณบังอรซื้อมาเยอะแยะ บีขี้เกียจซื้อซ้ำ คราวหน้าแล้วกัน”สไบนางจ้องหน้าอาทิตย์ “พี่เมไม่อยู่ก็น่าจะกลับไปได้แล้ว”
สไบนางขยับตัวเอียงข้างหนุนตักย่าหันไปอีกทาง คุณหญิงรุจาตีแขนเบาๆ
“ดูพูดจา ทำตัวไม่สมเป็นเจ้าของบ้านเลย...ป่านนี้แล้วเมยังไม่กลับอีก คุยงานอะไรของเค้า”
“คุณย่าจะไปพักผ่อนก่อนก็ได้นะครับ ผมรอเมเอง”อาทิตย์บอก
“ยังหรอก ย่าจะรอเมกลับมาก่อน จิตราเค้าไปค้างบ้านแม่ซะด้วย เดี๋ยวจะมาน้อยใจว่าไม่ห่วงลูกสาวเค้าอีก”
“บี...ไปเที่ยวสนุกมั้ย เล่าให้ฟังมั่งสิ”
อาทิตย์หันไปถาม สไบนางเงียบกริบ คุณหญิงรุจาก้มมองหลานสาว ขำๆ
“หลับไปซะแล้ว แม่คนนี้เหมือนมีสวิทช์ปิดเปิด บทจะหลับก็หลับ”
“ไม่เรียกไปอาบน้ำก่อนเหรอครับ”
“ให้หลับไปก่อนเถอะ เป็นเมไม่ได้หรอกนะ คนนั้นเค้าพิถีพิถันเนี๊ยบทุกอย่าง ไม่มีทางได้เห็นมาหลับมานอนยังงี้หรอก”
อาทิตย์ยิ้มๆ รู้จักนิสัย เมธาวีดี คุณหญิงรุจาลูบผมหลานสาวด้วยความเอ็นดู
“บีเค้านิสัยเหมือนพ่อเค้า คบได้ตั้งแต่เศรษฐียันยาจก...นิสัยอย่างบีก็มีทั้งคนรักและคนที่หมั่นไส้”
“หมั่นไส้น่าจะเยอะกว่านะครับ”
คุณหญิงรุจายิ้มๆยอมรับ
“ถึงบีจะเป็นเด็กหัวดื้อ แต่ในความดื้อรั้นก็ซ่อนความฉลาดและเหตุผลดีๆ ที่หลายคนมองข้ามเอาไว้เยอะนะ...ย่ารักหลานสาวคนนี้มากเหลือเกินนะอาทิตย์”
อาทิตย์ยิ้มรับทราบ ก่อนจะมองสไบนางด้วยสายตาเอ็นดู สไบนางหลับสนิทหมดฤทธิ์เดชให้คุณหญิงรุจาลูบผมไปมา

+ + + + + + + + + + + +

ในห้างสรรพสินค้า...วันหยุดผู้คนหนาตา...
ขณะที่สายทิพย์เดินเลือกซื้อเสื้อผ้าผู้หญิงอยู่ ไม่คาดคิด ทันทีที่พ้นราวเสื้อ ก็เผชิญหน้ากับวิมาดาที่เลือกซื้อเสื้ออยู่อีกด้านแบบไม่ทันตั้งตัว และหลบไปไม่ไหนก็ไม่ทัน
“คุณทิพย์”
สายทิพย์จ้องหน้าวิมาดาเขม็ง วิมาดาจะเดินเลี่ยงหลบไป
“จะรีบไปไหนล่ะ ไม่ต้องกลัวฉันจะด่าหรือตบเธอหรอก เพราะฉันไม่ทำ มันเสียเกียรติ”
วิมาดาไม่อยากมีเรื่อง จะเดินเลี่ยงไป สายทิพย์พูดขึ้นก่อน
“เดี๋ยว เธอเลือกเสื้อต่อไปเถอะ ฉันจะไปร้านอื่น ฉันไม่อยากใส่เสื้อแบรนด์เดียวกับเมียน้อย”
สายทิพย์เดินเชิ่ดจะออกไป วิมาดาไม่พอใจ พูดขัดขึ้น
“คิดว่าฉันพิศวาสอยากได้สามีคุณนักเหรอ”
สายทิพย์หยุดกึก วิมาดาพูดกวนๆ
“ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป ช่วยจับมัดไว้ทีบ้านทีเถอะ ฉันจะได้เป็นอิสระซักที”
สายทิพย์หันจ้องหน้าวิมาดา ตาแดงกล่ำ
“ให้มันจริงอย่างที่ปากพูดเถอะ...บาปกรรมที่เธอทำกับครอบครัวฉัน จะส่งผลให้ชีวิตเธอล้มเหลวต้องกินน้ำใต้ศอกเค้า ไม่มีความสุขไปตลอดชีวิต จำเอาไว้”
สายทิพย์เดินหน้าโกรธเกร็งจะออกไป วิมาดาเจ็บใจเดินไป ฉวยเสื้อผ้าเซ็กซี่ผ่าเว้าเยอะๆ ใกล้มือแล้วเดินไปขวางหน้า สายทิพย์หยุดกึกโชว์เสื้อ
“ฉันขอแนะนำให้คุณปรับปรุงการแต่งตัวซะใหม่ แต่งหน้าทำผมซะมั่งก็ดีนะ จืดชืดมิดชิดยังงี้จะมัดใจสามีได้ยังไง”
สายทิพย์โกรธจนตัวสั่นสะท้าน แต่เก็บอาการเพราะรักษาเกียรติของความเป็นครูบาอาจารย์ วิมาดาพูดต่ออย่างดูถูก
“ท่าจะให้ดีพึ่งมีดหมอมั่งก็ได้นะ อะไรที่ไม่เคยมีมันจะได้เต่งตึงตูมตามดึงดูดใจสามีได้มั่ง คุณจะได้มีความสุขในชีวิตกะเค้าซะที จำเอาไว้สายทิพย์”
วิมาดาโยนเสื้อใส่ ก่อนเดินสะบัดหน้าพรืดออกไปจากร้าน สายทิพย์น้ำตาร่วงผล๋อย พนักงานร้านรีบเดินเข้ามาช่วยเก็บเสื้อ
“จะลองมั้ยคะคุณ”
สายทิพย์กลั้นน้ำตา
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณ”
สายทิพย์เดินหน้าชาเลี่ยงออกไปจากร้าน ก่อนจะหยุดกึกที่หน้าร้าน หลับตาเหมือนตั้งสติ ได้คิดอะไรบางอย่างแล้วหันกลับเข้ามามองในร้านอีกครั้ง

+ + + + + + + + + + + +

ค่ำคืนนั้น ธนูเดินกลับเข้าห้องนอนมา ก็ตรงไปที่เปลลูกทันที ธนูมองลูกที่นอนอยู่ก็ยิ้มอย่างเอ็นดู
“หลับแล้วเหรอครับ ไม่รอพ่อเลยเหรอ”
สายทิพย์ซึ่งอยู่ในชุดเซ็กซี่ที่วิมาดาปาใส่เดินออกมายืนดู ธนูหันไปมองแล้วขำๆ
“วันนี้ที่คณะมีงานเหรอ แต่งหน้าจัดจังเลย”
สายทิพย์ที่ลองเปลี่ยนแปลงตัวเองบ้างเล็กน้อย แต่งหน้า ทำผมใหม่ ใส่เสื้อผ้าที่เมียน้อยเลือกให้
“ฉันแต่งแบบนี้แล้วสวยมั้ย”
ธนูยิ้มๆ
“ก็แปลกตาดี แต่โป๊ไปหน่อยนะระวังนักศึกษาจะแซวเอาล่ะ สายทิพย์หน้านิ่ง
“คุณชอบมั้ย”
“โอเค ผมว่าคุณไปล้างหน้าล้างตาออกเถอะ เดี๋ยวเครื่องสำอางจะเปื้อนลูก อาบน้ำเลยก็ดีนะ กลิ่นน้ำหอมฉุนมากเลย เดี๋ยวลูกจะแพ้”
ธนูหันไปลูบผมลูกเล่นเบาๆ สายทิพย์น้ำตาท่วม พูดเสียงสั่น
“ฉันไม่เซ็กซี่ ไม่น่าเสน่หาสำหรับคุณแล้วใช่มั้ยนู”
ธนูหันมองหน้าเซ็งๆ
“เป็นอะไรของคุณอีก ผมกลับมาบ้านอารมณ์ดีๆ อย่าหาเรื่องทะเลาะเลยน่ะ”
สายทิพย์หน้าบึ้งตึงกระชากเสื้อฉีกขาดออกเลยทันที ธนูตกใจมาก
“แบบนี้เซ็กซี่พอรึยัง...”
ธนูถอนใจออกมาอย่างหนักใจ ยาวอีกแล้ว สายทิพย์พูดทั้งน้ำตา...
“เราไม่ได้มีอะไรกันเลยตั้งแต่ฉันตั้งท้อง นี่จะ2 ปีแล้วนะธนู คุณไม่รักฉันแล้วใช่มั้ย”
สายทิพย์เข้าไปสวมกอดสามีเอาไว้ ธนูรำคาญ ผลักสายทิพย์ออกไป
“คุณจะบ้ารึไง”
สายทิพย์เซล้มไปกับพื้น สายทิพย์คว้าเสื้อมาปิดตัวเอาไว้
“ไปส่องกระจกดูตัวเองซิ ดูได้ซะที่ไหน อย่าทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเองหน่อยเลย ผมไม่ชอบ จำเอาไว้ ผมรักคุณอย่างที่คุณเป็น”
สายทิพย์สวนกลับ
“แต่ฉันอยากให้คุณรักฉัน เหมือนที่คุณรักวิมาดา”
สายทิพย์มองหน้าสามี น้ำตาร่วงผล๋อย ธนูพูดไม่ออก เดินหัวเสียออกไปจากห้องนอน ปิดประตูห้องโครม สายทิพย์ปล่อยโฮออกมา รู้สึกสมเพชตัวเอง พร้อมกับเสียงลูกตกใจตื่นร้องไห้จ้าลั่นห้องแข่งกับน้ำตาแห่งความเสียใจของแม่

+ + + + + + + + + + + +

หลายวันต่อมา...
สไบนางเดินตีฉาบ ป่าวประกาศตามทางเดินชั้นบนบ้าน
“ข่าวดีจ้าข่าวดี มีข่าวดีมาบอก...”
บังอรรีบเดินตามมา “คุณบี เดี๋ยวก็โดนดุหรอก”
คุณหญิงรุจาในชุดนอนเปิดประตูห้องนอนออกมา
“เอะอะโวยวายอะไรแม่บี”
สไบนางยิ้มกริ่ม วิจิตราและเมธาวีหน้าหงิกงอเดินอารมณ์เสียออกมา
“เล่นอะไรของเธอ คนจะหลับจะนอน”เมธาวีโวย
“พรุ่งนี้พี่เมเค้าต้องตื่นเช้า ไม่ได้ว่างงานเหมือนเธอนะ”วิจิตราพูดอย่างไม่พอใจ
“แหม...อารมณ์เสียกันจังเลย บีมีข่าวใหญ่จะแจ้ง ขี้เกียจพูดหลายครั้งก็เลยเรียกประชุม จะได้พูดทีเดียวเลย”
“ข่าวอะไรยะ ไม่สำคัญ ฉันจะเล่นงานเธอ”
สไบนางยืด ภูมิใจ... “บีเช็คเน็ตแล้ว บีสอบติดศิลปากรค่ะ
คุณหญิงรุจาและบังอรดีใจมาก ขณะที่เมธาวีและวิจิตรา ทำหน้าอารมณ์ประมาณโธ่เอ๊ย มองเป็นเรื่องเล็กไร้สาระ
“เก่งมากหลานย่า ไม่เสียแรงที่ไปติวทุกวัน”คุณหญิงรุจาชื่นชม
เมธาวีมองเหยียด
“นึกว่าอะไร ธรรมดา ลองสอบไม่ติดสิเรื่องแปลก”
“ไปนอนเถอะลูก เสียเวลาจริงๆเลย”
สองแม่ลูกพากันเดินกลับไปเซ็งๆ สไบนางเหยียดปากตามไม่แคร์ คุณหญิงรุจายิ้มปลื้ม
“เก่งมากบี ขอย่ากอดทีซิ”
สไบนางวิ่งถลาไปให้คุณหญิงรุจากอด บังอรยิ้มปลื้มใจ
“ตั้งใจเรียนนะลูก เอาให้ได้เกียรตินิยมเหมือนพี่เมเค้านะ”
สไบนาง เหยียดปากชักสีหน้าเซ็ง ไม่อยากเดินตามรอยเมธาวี

+ + + + + + + + + + + +

เช้าวันใหม่...
สไบนางแต่งตัวกระฉับกระเฉง เดินสะพายเป้ออกมาจากบ้าน อาทิตย์ขับรถเลี้ยวเข้ามาจอดพอดี สไบนาง บ่นพึมพำ
“เช้าถึง เย็นถึงอย่างงี้ พี่เมไม่ใจอ่อนก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว”
สไบนางขี้เกียจจะทัก เดินเลยรถจะออกไปทางหน้าบ้าน อาทิตย์รีบลงตามมา
“บู้บี้ จะไปไหน”
สไบนางถอนใจเซ็งๆ “คุณย่าอยากให้ไปดูผลสอบให้เห็นกับตาตัวเอง”
“ไปยังไงล่ะ”
“รถเมล์ หรือไม่ก็แท็กซี่ ลุงแก้วไม่อยู่พาคุณย่าไปทำธุระ บีไม่มีรถใช้ ถึงมีก็ขับไม่เป็น จะซักอะไรอีกมั้ย จะรีบไป”
“เดี๋ยว...” -- “อะไรอีกล่ะ” -- “พี่ไปส่ง”
สไบนางจ้องหน้า “นัดพี่เมไว้ไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ได้นัดหรอก ว่างๆ ไม่มีอะไรทำก็เลยแวะมา”
“เห็นบ้านบีเป็นซุปเปอร์รึไง ไม่มีอะไรทำ มาเดินตากแอร์”
“เอางี้ ถ้าสอบได้ เดี๋ยวพี่ขอเลี้ยงข้าวมื้อนึง”
สไบนางยิ้มเจ้าเล่ห์ -- “ของขวัญชิ้นนึง” -- “โอเค” -- “งั้นก็ตกลง”
สไบนางเดินอมยิ้มพอใจไปขึ้นรถ เพราะรู้ผลแล้วว่าตนสอบได้ อาทิตย์ตามไปขึ้นรถแล้วขับออกไป วิจิตราเดินออกมาจากทางสวนข้างบ้าน มองตามไปอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก

+ + + + + + + + + + + +

เมธาวีนั่งแต่งหน้าอยู่หน้ากระจกในห้องนอน ขณะที่วิจิตรามาบอกให้รู้ว่าอาทิตย์กับสไบนางออกไปด้วยกัน
“เมไม่ได้นัดอาทิตย์ไว้นี่คะ”เมธาวีบอกอย่างไม่แคร์
“ไม่นัดนี่สิยิ่งต้องแปลกใจ แสดงว่านัดกับแม่บีรึไง ถึงมารับกันออกไปข้างนอก”
เมธาวีแอบถอนใจเซ็งๆ
“ทำชะล่าใจไปเถอะ เห็นทะโมนๆ กระโดดโลดเต้นเป็นลิงเป็นค่างยังงั้น จะคว้าแฟนเราไปกิน”
เมธาวีลุกขึ้นจากโต๊ะเครื่องแป้ง “อยากได้ก็เอาไปสิคะ”
“เม”วิจิตราตกใจเสียดายแทน
“เมกับบี ต่างกันคนละขั้ว ถ้าอาทิตย์ชอบผู้หญิงอย่างบีได้ ก็ไม่เหมาะกับเมหรอกค่ะ โลว์เทสต์”
เมธาวีเดินเหยียดปากออกไปจากห้อง วิจิตราถอนใจ ส่ายหน้าด้วยความเป็นห่วงลูกสาว

+ + + + + + + + + + + + +

ธนูหัวเสียเดินออกมาจากลิฟท์ของคอนโดที่พักของวิมาดา เดินตรงไปยังเคาท์เตอร์ต้อนรับ เพราะไปหาแล้วไม่พบ...
“ขอโทษนะครับ คุณวิมาดาห้อง 508 แจ้งไว้ว่าไปต่างจังหวัดรึเปล่าครับ”
“สักครู่นะคะ”พนังงานเปิดสมุดโน้ตของลูกค้า “ไม่มีแจ้งไว้นะคะ”
ธนูสงสัย
“นี่เค้าไม่กลับมาคอนโดหลายวันแล้วนะครับ”
“ดิฉันก็ไม่ค่อยได้เจอเหมือนกันค่ะ”
ธนูสงสัยปนระแวง
“มีผู้ชายมารับมาส่งเค้าที่คอนโดมั่งรึเปล่า”
พนักงานยิ้มแหยๆ ไม่อยากยุ่งรื่องลูกค้า
“ดิฉันไม่ทราบค่ะ”
ธนูถอนใจออกมา
“เอางี้ ถ้าเค้ากลับมาช่วยให้โทรหาผมทันที”
ธนูหยิบนามบัตรให้ด้วยความเครียด

+ + + + + + + + + + + +

ที่คอนโดในเมืองของอุปมา...
อุปมาแต่งตัวหล่อเดินออกจากห้องนอนใหญ่ วิมาดาใส่ชุดนอนเซ็กซี่รีบเดินตามออกมาจากห้องนอนเล็ก
“มาร์คจะไปไหน”
“ไปซื้อของแล้วไปธุระต่อ”
อุปมาจะเดินออกไปจากห้องคอนโด วิมาดาตัดพ้อ
“เหมือนเป็นคนอื่นนะคะ”
อุปมาหันมองวิมาดา
“คุณอย่าเพิ่งคาดหวังอะไรมากกว่านี้เลย ผมบาดเจ็บอย่างสาหัสมา คงเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะทำใจว่าไม่เคยเกิดอะไรขึ้น แล้วทำทุกอย่างเหมือนเดิม ผมต้องการเวลา”
วิมาดาปั้นหน้าเศร้า
“ค่ะ วิควรเจียมตัว ได้แค่นี้ก็ควรจะพอใจแล้ว”
“ถ้าคุณหลบหลีกให้เป็น ธนูก็จะตามมารบกวนคุณที่นี่ไม่ได้ เพราะผมคงไม่ได้มาพักที่คอนโดทุกวัน ผมมีบ้านคุณพ่อต้องดูแล”
“วิเข้าใจค่ะ...แล้วเราต้องเป็นรูมเมทกันแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนคะ”
“ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน อาจจะตลอดไปก็ได้”
อุปมาออกจากห้องไป วิมาดามองตาม
“คุณใจแข็งกับวิได้อีกไม่นานหรอกมาร์ค”
วิมาดายิ้มเจ้าเล่ห์ มั่นใจในตัวเองมากว่าจะต้องดึงอุปมากลับมาให้ได้ เพราะในเวลานี้ เธอพูดอ้อนกระทั่งเขาให้มาพักอยู่ที่เดียวกันแล้ว โอกาสที่มากกว่านี้ก็ไม่ยากแล้ว...

+ + + + + + + + + + + +

หลังจากไปดูผลสอบ สไบนางเดินยิ้มกริ่มกับมาที่รถ อาทิตย์เดินตามชื่นชมมาติดๆ
“เห็นเล่นๆยังงี้ เก่งใช่เบานะเรา”
“สมองมันซ่อนอยู่ในนี้”
สไบนางชี้กลางหัว ยิ้มทะเล้น
“ถ้าสอบไม่ติด ดูซิจะพูดยังไง...อ้ะ บู้บี้อยากกินอะไร”
“บีอยากซื้อส้มตำ ลาบ น้ำตก เอาแบบเซ็ตใหญ่เลยนะ จะเอากลับไปกินฉลองที่บ้านกับคุณย่า”
“ได้เลย”
“แล้วซันนี่ทานได้รึเปล่าล่ะ”
อาทิตย์ขำๆ “ใครซันนี่”
“ก็พี่อาทิตย์เรียกบีว่าบู้บี้ก่อนทำไมล่ะ เรียกบีว่าบู้บี้ บีก็เรียกพี่อาทิตย์ว่าซันนี่ เจ๊ากัน”
“ก็ดี จะได้มีชื่อเล่นกะเค้ามั่ง”
“ตกลงกินอาหารอีสานได้รึเปล่า”
“ของโปรด เดี๋ยวพี่พาไปซื้อเจ้าอร่อย แล้วของขวัญล่ะ อยากได้อะไร”
“ขึ้นรถเลย เดี๋ยวบีพาไปเอง”
“ลับลมคมในซะจริงนะ”
สไบนางยิ้มแย้มมีชีวิตชีวาดีใจ ขึ้นรถนำไป อาทิตย์ขำๆ เดินขึ้นรถตามไป ด้วยความรู้สึกสนุกสดชื่นเวลาอยู่กับเด็กคนนี้

+ + + + + + + + + + + +

สไบนางพาอาทิตย์ไปที่ร้านเสื้อผ้าไทย อาทิตย์กวาดตามองเสื้อผ้าจำพวกนางรำ และอุปกรณ์ต่างๆอย่างแปลกใจ
“บู้บี้อยากได้ชุดนางรำไปทำไม”
“บีคงไม่ใส่ไปเรียนวันแรกหรอกน่ะ บีจะโชว์ชุดใหญ่ใส่รำให้คุณย่าตอนวันเกิด”
“บู้บี้เนี่ยนะจะรำ”
“แน่นอนซันนี่ ไม่รู้อะไรซะแล้ว ความสามารถมันซ่อนอยู่ในนี้”สไบนางยกนิ้วจิ้มหัวใจ “ทำอะไรเพราะใจรักน่ะเข้าใจรึเปล่า”
สไบนางเดินยิ้มแย้มไปหาคนขายเลือกซื้อชุดไป อาทิตย์มองตามสไบนางไป อมยิ้มชอบๆ อยู่ด้วยแล้วมีความสุขจัง

+ + + + + + + + + + +

เมธาวีหงุดหงิดเดินลงบันไดชั้นบนมา เพราะได้ยินเสียงหัวเราะเฮฮาเสียงดังของอาทิตย์ และสไบนาง ขณะที่เสียงคุณหญิงรุจาและบังอร
“รื่นเริงกันน่าดูนะคะ”
เมธาวีเดินมาดูแล้ว ประชด เมื่อเห็นว่าปาร์ตี้ฉลองความสำเร็จของสไบนาง เป็นเสื่อปูกับพื้นนั่งกินส้มตำ ลาบ ฯ กันสนุกสนาน
“บีไม่ชวนพี่เมเพราะรู้ว่าไม่ชอบ”สไบนางบอกทันที
“ขอบใจ...คุณย่ากับอาทิตย์ก็บ้าจี้ตามยัยบี มานั่งปูเสื่อกินส้มตำ โต๊ะอาหารสบายๆมีก็ไม่นั่ง”
“นี่งานเลี้ยงสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ของบี บีเป็นเจ้ามือ”
อาทิตย์กระแอม สไบนาง ผันมือไปทางอาทิตย์
“แต่ซันนี่เป็นคนจ่าย”
อาทิตย์ยิ้มแป้นให้เมธาวีที่มีสีหน้าเคืองๆ สไบนางโม้ต่อ...
“คอนเส็ปท์ของงานคือปูเสื่อปาร์ตี้ค่ะ ใครอยากร่วมงานก็ต้องนั่งกับพื้น”
“นั่งทานด้วยกันสิเม หนุกๆ”อาทิตย์ชวน
“เมไม่สนุกด้วยหรอกค่ะ...คุณย่านั่งนานๆ เดี๋ยวก็ปวดขาอีกหรอก”
“นานๆ ทีไม่เป็นไรหรอกเม”คุณหญิงรุจาหันไปบอก
“เดี๋ยวบังอรนวดให้เองค่ะ”
บังอรหันไปบอกคุณหญิงรุจาอย่างเอาใจ เมธาวีค้อนขวับไปมา ออกรับแทนกันเป็นทอดๆ คุณหญิงรุจาไม่สนใจเมธาวีอีก หันไปชวนอาทิตย์คุย
“เล่าเรื่องพ่อเพื่อนเราต่อสิ ขำจริงๆ ไม่รู้บนอะไรทะลึ่งตึงตังเพื่อนเราจะกล้าแก้บนเหรอ”
“นั่นสิคะ”บังอรสนับสนุนอย่างขำๆ
เมธาวีหงุดหงิดเดินอารมณ์เสียออกไปทางหน้าบ้าน เมื่อเดินมาถึงหน้าระเบียบงบ้าน อุปมาขับรถเข้ามาจอดพอดี
เมธาวีจำรถได้ แอบยิ้มดีใจ แต่ต้องรีบเก็บอาการทันทีที่อุปมาเดินลงรถมาอย่างหล่อ พร้อมถือถุงใส่โทรศัพท์มือถือ ซื้อมาใช้คืนสไบนาง อุปมาเหลือบตามองมาทางเมธาวี เธอดูสวยสร้างความประทับใจให้เสมอทุกครั้งที่เห็น เมธาวีวางตัวไม่ถูกเล็กน้อย เพราะถูกใจอุปมามากเหมือนกัน เขินที่ต้องเผชิญหน้ากัน รีบฟอร์มกลบเกลื่อน ยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู เมธาวีทำเป็นคุยโทรศัพท์ ฟอร์มไม่เห็น พูดคนเดียวไป
“อยู่บ้าน เดี๋ยวบ่ายๆ ว่าจะออกไปข้างนอก”
อุปมาเดินมาขวางทาง ยิ้มหล่อให้ “สวัสดีครับคุณเม”
เมธาวีทำพูดโทรศัพท์ “เดี๋ยวนะ...”
หันมามองอุปมาทำพูดตัดบทแบบไม่แคร์
“มาพบคุณย่าเหรอคะ” -- “ครับ” -- “เมขึ้นไปเรียนคุณย่าให้นะคะ” -- “ขอบคุณครับ”
อุปมาจ้องตาเมธาวี ส่งตาหวานพร้อมหน้าหล่อๆไปให้ เมธาวีอดสะเทิ้นอายไม่ได้ รีบหลบสายตาแล้วเดินกลับขึ้นไป ลืมคุยโทรศัพท์เล่นละครต่อให้เนียน
“เพื่อนอยู่ในสายนะครับ”
เมธาวีตกใจมาก รีบยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู หน้าชาหูอื้อหัวตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ทัน พูดเหมือนเดิม
“อยู่บ้าน เดี๋ยวบ่ายๆ ว่าจะออกไปข้างนอก”
อุปมาอมยิ้มขำๆ อุปมามองตามยิ้มอย่างรู้ทัน มั่นใจว่าเมธาวีก็แอบสนใจตนอยู่เหมือนกัน
แต่วางฟอร์มอยู่

(อ่านต่อวันพรุ่งนี้)




กำลังโหลดความคิดเห็น