xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยวกินถิ่นอร่อย ที่ “เบตง”/ปิ่น บุตรี

เผยแพร่:   โดย: ปิ่น บุตรี

โดย : ปิ่น บุตรี
ยามค่ำกลางเมืองเบตง
“เมืองในหมอก ดอกไม้งาม ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน”

คำขวัญอำเภอเบตง จ.ยะลา สามารถฉายภาพของเมืองนี้ออกมาได้เป็นอย่างดี(ซึ่งผมเพิ่งเขียนเรื่องเที่ยวเบตงไปในตอนที่แล้ว)

แต่กระนั้นเมืองเบตงยังมีสิ่งสำคัญนอกเหนือจากคำขวัญอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งใครที่มาเยือนเบตงแล้ว ถ้าพลาดนับว่าน่าเสียดายแย่ นั่นก็คือ “อาหารเบตง” ที่มีให้เลือกลองลิ้มชิมรสกันอย่างมากหลาย
ไก่เบตง เนื้อนุ่ม แน่นหนึบ
อาหารเบตง เมนูเด่นๆจะเป็นอาหารจีนจากคนไทยเชื้อสายจีนที่อาศัยอยู่มากในตัวเมืองเบตง(ส่วนนอกเมืองจะเป็นชนพื้นเมืองชาวมุสลิม)

คนจีนที่อพยพเข้ามาตั้งรกรากถิ่นฐานอยู่ที่นี่ได้นำวัฒนธรรมอาหารการกินเข้ามา และพัฒนาต่อยอดจนกลายเป็นอาหารเบตงอันโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์

สำหรับอาหารอย่างแรกที่ใครไปเบตงแล้วไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงก็คือ “ไก่เบตง” เป็นไก่พันธุ์ผสมระหว่างพันธุ์กวางไส(บ้างก็ว่าพันธุ์เลียงชาน)ที่ชาวจีนรุ่นแรกที่เข้ามาเบตงนำเข้ามา กับไก่พันธุ์พื้นเมือง เมื่อเลี้ยงมาเลี้ยงไปไก่(ผสม)พันธุ์ใหม่เป็นที่นิยมจึงเกิดเป็นไก่เบตงขึ้น

ไก่เบตง มีลักษณะเด่นคือ ตัวผู้มีปากสีเหลืองอ่อน ตัวเมียมีปากสีน้ำตาลเข้ม หัวกว้าง ลูกตานูนใส คอตั้งแข็งแรง มีขนสีเหลืองทองที่หัว ปีกสั้น อกกว้าง ขาใหญ่

ชาวเบตงภูมิใจในไก่พันธุ์นี้มาก นิยมเลี้ยงไก่เบตงไว้ ทั้งเลี้ยงเพื่อประกวด และเลี้ยงเอาไว้เป็นอาหาร ซึ่งทางอำเภอเบตงได้มีการจัดงานเทศกาลไก่เบตงขึ้นในทุกๆปี

ไก่เบตง มีเนื้อ แน่น นุ่ม ไม่เหลว เปื่อยยุ่ย แถมยังมีความหวานอยู่ในตัวเอง สามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ไก่ตุ๋นเครื่องยาจีน ไก่ตุ๋นมะนาวดอง ต้มยำไก่ และ“ไก่ต้มราดซีอิ๊ว” ที่ถือเป็นเมนูต้องลอง เพราะเป็นการผสมกันระหว่างของอร่อยประจำเมือง 2 อย่างคือ ไก่เบตงและ“ซีอิ๊วเบตง”

เดิมนั้นผมก็ไม่รู้จักหรอกซีอิ๊วเบตง รู้แต่ว่าไก่ต้มเบตงสับราดซีอิ๊ว เมนูกินง่ายๆเมนูนี้มันอร่อยนัก เจอทีไรเป็นต้องกินกันให้เต็มที่แบบไม่ต้องกัวเป็นเก๊าท์

กระทั่งเมื่อได้ลงไปเบตงหนล่าสุด ได้รู้จักกับพี่ชาวเบตงผู้ใจดีคนหนึ่งแนะนำให้รู้จักกับซีอิ๊วเบตงว่า

“ไก่สับราดซีอิ๊ว มันต้องกินกับซีอิ๊วเบตงถึงจะอร่อย เข้าก๊าน เข้ากัน”

สำหรับซีอิ๊วเบตงนั้น ทำจากถั่วเหลืองที่คัดเอาแต่เม็ดดีๆ ไปหมักตามกระบวนการ(เป็นสูตรเฉพาะ) ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน จนน้ำซีอิ๊วมีสีดำตามธรรมชาติ ก่อนจะกลายเป็นซีอิ๊วเบตงที่มีรสชาติเค็มแต่พองามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
เคาหยก กับกระบวนการทำอันพิถีพิถัน
จากไก่หันมากินอาหารจานปลากันบ้าง เบตงมี“ปลาจีน”เป็นอีกหนึ่งเมนูเด็ด

ปลาจีน มี 3 ชนิด คือ ปลาเฉาฮื้อหรือปลากินหญ้า ปลาซ่งฮื้อหรือปลาหัวโต และปลาลิ่นฮื้อ หรือปลาเกล็ดเงิน

ลักษณะของปลาจีนดูคล้ายปลากระบอก แต่มีตัวโตกว่า เหตุที่ถูกเรียกว่า“ปลาจีน” เพราะเป็นพันธุ์ปลาจากเมืองจีน ส่งเข้ามาขายในมาเลเซีย แล้วชาวเบตงไปซื้อลูกปลามาเลี้ยง มาขยายพันธุ์อีกที จนกลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่ในเบตง เนื่องจากเป็นที่ต้องการของตลาด

ปลาจีน เนื้อมีรสหวานนุ่ม ถูกชาวเบตงนำไปทำเมนูเด็ดชวนกิน อาทิ ปลาจีนทอดกรอบ แกงส้มปลาจีน และ“ปลาจีนนึ่งบ๊วย” ที่วันนี้ขึ้นทำเนียบเมนูยอดนิยมตามเหลา ตามภัตตาคารในเบตงไปแล้ว

เมนูชวนกินต่อมา แสดงให้เห็นวัฒธรรมอาหารการกินของชาวจีนที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษนั่นก็คือ “เคาหยก”

เคาหยก เป็นหมู 3 ชั้นกับเผือก ที่ผ่านกระบวนการทำอย่างพิถีพิถัน ตั้งแต่การต้มให้สุก พักจนสะเด็ดน้ำ ต่อด้วยการใช้ส้อมจิ้มให้น้ำมันไหลออกมา นำไปคลุกเกลือ ทอดในน้ำมันเดือดปานกลางจนหนังหมูเริ่มพอง จึงนำขึ้นมาจนสะเด็ดน้ำ แล้วนำไปต้มอีกครั้ง พอได้ที่ยกขึ้นจากหม้อต้ม ให้นำไปผ่านน้ำเย็นแบบฉับพลันเพื่อเพิ่มความกรอบ จากนั้นนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หมักกับเครื่องยาจีนพร้อมด้วยเผือกทอด ก่อนกินต้องนำไปนึ่งอีกครั้งประมาณ 45 นาที แล้วจึงโรยหน้าด้วยผักชีเพื่อดับกลิ่นคาว ก็เป็นอันเสร็จพิธี

จะเห็นได้ว่าวิธีทำเคาหยกมีหลายขั้นตอนมาก ทว่าเมื่อทำออกมาก็อร่อยคุ้มค่าความยุ่งยาก แต่ประทานโทษ เมนูนี้สาวๆหลายคนไม่กล้าแตะ เพราะเห็นมันหมู 3 ชั้น โชว์เด่นมาแต่ไกลก็ขยาดกลัว นับเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง

เบตงยังมีเมนูพื้นเมืองอีกอย่างที่ชาวเมืองภูมิใจนำเสนอนั่นก็คือ “จี๊ฉ่องฝัน” หรือ “หมี่ขาว” หรือ ”หมี่ถังแตก” ทำจากข้าวเจ้า ไปโม่ตีเป็นแผ่นบางๆ แล้วหั่นเป็นเส้นเล็กๆ กินกับซีอิ๊วขาวโรยงาขาวและกระเทียมเจียว นับเป็นอีกหนึ่งทีเด็ดเมนูพื้นเมืองอันน่าลิ้มลอง
กบภูเขา
เมนูต่อไปใครที่เห็นตัวมันเป็นๆอาจสยึ๋ยกึ๋ย ไม่กล้ากิน โดยเฉพาะบรรดาสาวๆทั้งหลาย แต่หากได้ลองลิ้มแล้วจะติดใจจนต้องเบิ้ลให้พุงกาง นั่นก็คือ “กบภูเขา” หรือ “กบทูด” ที่เดิมเคยมีชุกชุมในเบตงเพราะมีแอ่งน้ำลำธารสะอาดมากมายหลายสาย แต่เดี๋ยวนี้หากบภูเขาตากธรรมชาติยากสักหน่อย

กบภูเขา มีตัวโต เนื้อแน่น นำมาผัดกระเพราะหรือทอดกระเทียม นับว่าเด็ดนัก นอกจากนี้ในตัวเมืองแถวตลาดและหอนาฬิกา ยามเช้ายังมีโจ๊กกบ(ภูเขา)ให้กิน พิสูจน์ในรสชาติแปลกใหม่ที่ใครได้ลองแล้วจะติดใจ

ด้านใครไม่ชอบกินของแปลกปากอย่างกบภูเขา แต่นิยมเมนูเพื่อสุขภาพ เบตงมี“ผักน้ำ”เป็นอีกหนึ่งทางเลือก โดยผักชนิดนี้มีสรรพคุณเป็นยาด้านการแก้ร้อนใน

ผักน้ำ เป็นผักที่ขึ้นตามแหล่งน้ำธรรมชาติ มีลักษณะของใบเหมือนผักชี ลำต้นใหญ่ สามารถนำมาปรุงเป็นเมนูอร่อยได้หลากหลาย ทั้ง ผัด ต้ม แกง ไม่ว่าจะเป็น ผักน้ำผัดน้ำมันหอย ผักน้ำต้มกระดูกหมู แกงจืดผักน้ำเป็นต้น หรือใครจะกินสดๆจิ้มกับน้ำพริกก็อร่อยไปอีกแบบ นอกจากนี้ผักน้ำยังสามารถทำแห้งเก็บไว้กินก็ได้
หมี่เบตง ของฝากชั้นดี
อาหารขึ้นชื่ออีกอย่างหนึ่งในเบตงก็คือ “หมี่เบตง” ที่มีจุดเด่นตรงความเหนียวนุ่ม ผัดแล้วเส้นไม่ขาดง่าย

หมี่เบตง หากินง่าย ซื้อกลับไปเป็นของฝากก็ง่าย เพราะในตลาดมีให้เลือกกินเลือกซื้อกันอยู่หลายเจ้าด้วยกัน

เปลี่ยนรสชาติมาสัมผัสกับของหวานและผลไม้กันบ้าง เบตงมีส้มโชกุน กับกล้วยหินที่นิยมนำไปแปรรูปเป็นกล้วยหินฉาบเป็น 2 ผลไม้ขึ้นชื่อ ส่วนของหวานมีเฉาก๊วยโบราณเป็นของหวานขึ้นชื่อของเมือง

เฉาก๊วยเบตงมีหญ้าวุ้นดำจากเมืองจีน มาเป็นส่วนผสมสำคัญ เมื่อทำเสร็จออกมา เนื้อเฉาก๊วยจะมีสีดำขลับ เนื้อหนึบ นุ่ม หวานกำลังดี

นอกจากนี้เบตงยังมีข้าวหลามหรือที่ชาวเบตงเรียกว่า “ปูโละลือแม” เป็นอีกหนึ่งของกินขึ้นชื่อ ข้าวหลามที่นี่ ทำกระบอกยาวมาก เฉลี่ยแล้วยาวถึงประมาณ 1 เมตรแน่ะ

ข้าวหลามกระบอกยาวนี้ มีเนื้อเหนียวหวานมันอร่อย กินกับกาแฟโบราณหรือโกปี๊ ที่ถือเป็นอีกหนึ่งของเด็ดแห่งเมืองเบตงด้วยกาแฟพื้นเมืองพันธุ์เฉพาะ ที่พัฒนามาจากการการปลูกไว้ชงกินเองของชาวบ้าน ในยามเช้ากินโจ๊กกบ ตบด้วยข้าวหลามกับโกปี๊ นับว่าเด็ดนักแล

ในเบตงยังมีของกินให้เลือกที่เราคุ้นปากทั่วไปให้เลือกกินกันอีกตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ไม่ว่าจะเป็น มีร้านข้าวหมกไก่ เนื้อสะเต๊ะ ไก่สะเต๊ะ ติ่มซำ โรตีแถวหอนาฬิกา หรือหมูย่างเจ้าเด็ดในตลาด ที่ให้หนังกรอบเนื้อนุ่มแน่นส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย และอาหารขนมอีกสารพัด

อย่างไรก็ดี แม้เบตงจะมีอาหารการกินสารพัดหลากหลาย แถมอร่อยอีกต่างหาก แต่เวลาผมไปเบตงทีไร เห็นบรรดาหนุ่มๆไปจนถึงรุ่นดึกหลายๆคนไม่นิยมกินอาหารรสเด็ดเหล่านี้ หากแต่ดันนิยมไปโฉบหา“ไก่ราตรี”กินแทน

ไก่ราตรี ชื่อนี้ผมขอละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าเป็นไก่ประเภทไหน ซึ่งพอตกค่ำไก่พวกนี้จะออกหากิน อวดเนื้อแน่นๆขาวๆอวบๆล้นๆ บ๊ะลึ่มฮึ่ม ให้หนุ่มๆอดน้ำลายไหลไม่ได้

ไก่ราตรีพวกนี้ส่วนใหญ่หน้าตารูปร่างดี แต่ก็มีบ้างที่แตกฝูงเป็นประเภทไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง ที่ดูงามเฉพาะยามมองใต้แสงสีไฟสลัวๆ ผสมกับสายตาที่มึนเมาจากฤทธ์แอลกอฮอล์ จนหนุ่มหลายคนอดใจไม่ไหวต้องชวนเธอออกไปร้องเพลงรักแท้ในคืนหลอกหลวง ทว่าพอตื่นเช้าขึ้นมา สร่างเมาแล้ว หลายคนเจอสภาพจริงไม่แต่งเติมของไก่ราตรี ถึงกับบ่นอุบว่า

“เฮ้อ...เมื่อคืนเมาหนักไปหน่อย” หรือไม่ก็

“กูทำไปด้ายยย”

ครับ และนี่ก็คือเสน่ห์แห่งเบตง เมืองที่ครบเครื่องทั้งเรื่องกินเที่ยว แต่น่าเสียดายที่เหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ทำให้เมืองนี้ศูนย์เสียโอกาสทางการท่องเที่ยวไปไม่น้อย ซึ่งผมก็ได้ขอภาวนาให้ความสงบ สันติสุข กลับคืนมาโดยเร็ววัน
กำลังโหลดความคิดเห็น