ติดตามอ่านละครออนไลน์ได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน
รอยมาร ตอนที่18
สไบนางเดินไปส่งอาทิตย์ที่รถหน้าบ้าน อาทิตย์พูดขึ้นมาอย่างแปลกใจ...
“เขาทำท่าเหมือนหึงบู้บี้เลยเน๊อะ”
“จะบ้าเหรอ มันแกล้งน่ะซิ มันอยากเอาชนะบี อยากบังคับบีให้ได้ อย่างใจมัน บีไม่กลัวมันหรอก”สไบนางแย้ง
“แต่ที่เขาพูดก็ถูก ผู้หญิงมีแต่เสีย”
สไบนางไม่พอใจ
“ซันนี่พูดเหมือนกลัวมันงั้นแหละ”
“พี่จะกลัวเขาทำไม เรารู้ๆ กันอยู่ มันก็แค่แต่งงานจัดฉากจะมาห้ามพี่ ให้เลิกไปมาหาสู่กับบีได้ยังไง”
สไบนางตบไหล่อาทิตย์ฉาดใหญ่
“ต้องงี้สิ ถึงจะเป็นเพื่อนกันได้...เรามาคิดหาทางแก้เผ็ดมันกันดีกว่าซันนี่”
สไบนางนิ่งคิด อาทิตย์ได้แต่ยิ้มๆส่ายหน้าที่ สไบนางหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาเดินหัวเสียกลับลงบันไดบ้านมา ตะโกนเรียกหาแรมเสียงดัง
“น้าแรม...น้าแรม”
แรมรีบวิ่งมารับหน้าที่บันได
“อะไรคะคุณมาร์ค”
“ใครเข้าไปทำอะไรในห้องนอน”
“คุณบีตามช่างมาซ่อมแอร์น่ะค่ะ”
“แอร์บ้าอะไร”
อุปมาเดินหัวเสีย หน้าตาเอาเรื่องออกไปที่หน้าบ้าน แรมตกใจรีบตามไปติดๆ
สไบนางยืนบ๊าย บายอาทิตย์ที่ขึ้นรถกลับออกไปจนลับรั้วบ้าน อุปมาเดินฉับๆ ออกมาจับแขน สไบนางสะดุ้งสุดตัว
“มาจับฉันทำไม”
สไบนางพยายามสะบัดออก แต่อุปมาจับไว้แน่น
“ทำอะไรเอาไว้ล่ะ...ขึ้นไปบนห้องกับฉันเดี๋ยวนี้เลย”
อุปมาลากสไบนางกลับเข้าบ้านไป แรมรีบหลบมุมมองดูด้วยความเป็นห่วง กลัวมีเรื่องรุนแรง ครู่เดียวสไบนางถูกผลักเข้าไปกลางห้อง
“นี่อะไร”
อุปมาชี้กล้องวงจรปิด ที่ติดตามมุมห้องหลายต่อหลายจุด
“จบเมืองนอกมา ยังไม่รู้จักกล้องวงจรปิดอีกเหรอ”สไบนางแดกดัน
อุปมาเข้าไปบิดแขนสไบนาง
“แล้วเอามาติดทำไม”
สไบนางกระชากแขนออก
“ฉันไม่ไว้ใจนาย พูดเรื่องนี้ขึ้นมาก็ดีแล้ว”
สไบนางผลักอกเขาอย่างแรง อุปมานึกไม่ถึงตั้งตัวไม่ทัน เสียหลักหงายไปนั่งลงที่เตียง สไบนางหยิบสมุดโน้ตเล่มเล็กที่พกติดตัวไว้ตลอดออกมา อุปมามองเซ็งๆ
“อะไรของเธออีก”
สไบนางทำหน้าดุใส่
“เงียบแล้วฟัง”
อุปมาถอนใจ กอดอก จ้องหน้าสไบนาง
“ฉันได้ศึกษาข้อกฎหมายตามคำแนะนำของซันนี่แล้ว”สไบนางเดินวนรอบๆตัวเขา “ตามกฎหมายอาญา มาตรา 276”
อุปมาลุกพรวด
“จะแสดงละครอะไรอีก”
สไบนางผลักอุปมานั่งกระแทกลงเหมือนเดิม
“อย่าเพิ่งขัดได้มั้ย”
“ทำไมฉันต้องเชื่อฟังเธอด้วย”
“ถ้าไม่อยากติดคุกก็ต้องฟัง”สไบนางสูดหายใจลึก ปิดสมุดโน้ต “สำหรับคนสมาธิสั้น สมองมีแต่เรื่องสัปดนอย่างนาย ฉันสรุปง่ายๆ ให้ฟังก็แล้วกัน”
อุปมาจ้องหน้าสไบนาง ตาแข็งไม่พอใจ
“ตอนนี้กฎหมายคุ้มครองภรรยา ไม่ให้ถูกสามีจับปล้ำขืนใจ ได้ตามใจชอบอีกแล้ว สามีซึ่งหมายถึง”สไบนางชี้หน้า “นาย แม้จะจอมปลอม แต่ก็มีทะเบียนสมรส ก็ต้องมีความผิดฐานกระทำชำเราเหมือนกัน”
อุปมาหัวเราะออกมา สไบนางถลึงตาใส่
“หัวเราะทำไม อ๋อ คิดว่าจะได้ลดหย่อนล่ะสิ อย่าหวังเพราะฉันต้องการหย่า ฉันจะขอให้ศาลจำคุกนาย 20 ปี นายได้ติดคุกหัวโตหนวดหงอกแน่ๆ”สไบนางหัวเราะชอบใจ
อุปมาลุกขึ้นเผชิญหน้า
“นี่คงคิดว่าตัวเองหน้าอก 40”
อุปมาจ้องหน้าอก สไบนางตกใจ รีบกอดอกบดบังเอาไว้ อุปมามองหยัน
“เอว 23 สะโพก 38 รึไง”
สไบนางเจ็บแค้นใจมาก อุปมาพูดต่อหน้าตาเฉย
“ฉันไม่หน้ามืดจับเธอปล้ำหรอก”
“ก็ไม่แน่หรอก”สไบนางลอยหน้าลอยตากวนๆ “เผื่อจะเปลี่ยนใจชอบของแปลกขึ้นมา”
“ประสาท”
อุปมาจะเดินออกไปจากห้อง สไบนางรีบตามเถียงไม่ลดละ
“ก็ดีกว่าประมาทแล้วกัน ของแบบนี้ถ้าพลาดเสียแล้วเสียเลย เรียกคืนมาไม่ได้หรอก”
อุปมาหยุดที่ประตูห้องหันมามองสไบนาง ได้แต่ถอนใจส่ายหน้าก่อนเดินออกไปจากห้อง สไบนางเหยียดปากใส่ ก่อนเดินไปส่องกระจกมองดูตัวเอง
“ผู้หญิงบ้าอะไร 40-23-38 จะหักกลางมั้ยนั่น” สไบนางบ่นอุบ
+ + + + + + + + + + +
วิจิตรานั่งอ่านหนังสือ ขณะที่เฝ้าไข้เมธาวีไปด้วย เมธาวีที่หลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา ตื่นขึ้นมา เหลือบตาเห็นวิจิตรา
“คุณแม่...”
วิจิตราดีใจรีบลุกมาหาข้างเตียง
“ตื่นแล้วเหรอลูก”
เมธาวีจับมือวิจิตรา น้ำตาคลอๆ
“งานแต่งของเมล่ะค่ะ”
วิจิตราฝืนยิ้ม
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะเม งานเลื่อนออกไปก่อน หนูพักรักษาตัวให้หายดีก่อนเถอะนะ”
เมธาวีเจ็บแค้นใจ
“จับตัวไอ้ชันได้มั้ยคะแม่”เมธาวีน้ำตาไหล “มันทำลายงานแต่งของเม มันลักพาตัวเมมา มันอยู่ไหน เมอยากเจอตัวมัน”
วิจิตราหน้าขรึมลง
“แม่ว่าอย่าเจอดีกว่าลูก ชันษาตายแล้ว”
เมธาวีตกใจมาก
“บาปกรรมมันตามทัน ชันษาขับรถชนเสียชีวิตคาที่ โชคดีที่หนูปลอดภัย”
เมธาวีเจ็บแค้นใจไม่หาย
“สาสมกับที่มันทำกับเมแล้ว”
น้ำตาแห่งความเจ็บช้ำของเมธาวีไหลซึมออกมา วิจิตราถอนใจ บีบมือลูกสาวให้กำลังใจ
“ทานอะไรดีกว่านะ อย่าเพิ่งคิดมากเลยลูก”
วิจิตราไปลากโต๊ะอาหารมา เมธาวีมองแม่
“แม่ค่ะ คุณมาร์คล่ะค่ะ”
วิจิตราชะงักไป
“ทำไมเขาไม่มาเยี่ยมเมบ้างเลย”
วิจิตราปั้นยิ้ม
“ใครว่าไม่มาล่ะลูก มาทีไรลูกหลับทุกที นี่ก็เพิ่งจะกลับไป”
“เหรอคะ”
“เห็นว่าช่วงนี้งานยุ่งๆ เดี๋ยวว่างก็คงขึ้นมาเยี่ยมอีกแหละ”
เมธาวีเงียบๆ ไปอย่างใช้ความคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆ วิจิตราเหล่มองลูกสาวแล้วแอบถอนใจยาวออกมา
+ + + + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น...
ธนูพาวิมาดามาที่คอนโดของเขา ธนูยิ้มปลื้มลากกระเป๋าเสื้อผ้าขนาดใหญ่เข้ามาหน้าห้อง
“รอหน้าห้องเดี๋ยวนะครับ”
“อะไรอีกคะ”
“แป๊บเดียว”
ธนูปิดประตูผลุบเข้าไป วิมาดาแอบถอนใจออกมาบางๆอึดใจ...ธนูเปิดประตูห้องแง้มออกยิ้มกริ่ม
“เชิญครับ”
วิมาดาปั้นยิ้ม ลึกๆ ก็ไม่ได้พิศวาสอะไรกับธนูนักหนา เพียงแค่อยากหาที่เกาะไว้เท่านั้น วิมาดาเข้ามาในห้องก็อึ้งๆ ไปเล็กน้อย ในห้องถูกจัดบรรยากาศให้โรแมนติก จุดเทียนหอมทั่วห้อง มีดอกไม้ประดับประดาสวยงาม ธนูเข้ามากอดด้านหลังวิมาดา
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านของเราครับ”
ธนูหอมแก้ม วิมาดาผละออก
“เปิดไฟเถอะค่ะ วิอึดอัด”
ธนูชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็ปั้นยิ้มเอาใจ
“โอเคครับ”
ธนูรีบกุลีกุจอไปเปิดไฟห้อง วิมาดาเดินไปนั่งที่โซฟาหน้าเครียดๆ ธนูเดินกลับมาพร้อมไวน์และแก้ว 2 ใบ
“วิมีเรื่องสงสัย อยากให้คุณนูช่วยแอบถามเพื่อนให้หน่อย”
“เพื่อนคนไหนเหรอครับ”
“เพื่อนคนที่รู้จักกับบ้านของเมธาวีไงคะ”
ธนูหน้าขรึมปนเซ็ง
“คุณอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ”
“วิยังติดใจเรื่องเปลี่ยนตัวเจ้าสาวจากเมเป็นบีกะทันหัน...มันเหมือนมีลับลมคมในยังไงก็ไม่รู้”
“คุณจะอยากรู้ไปทำไม”ธนูแอบแขวะเพราะหึงหวง “คุณโทรถามเจ้าบ่าวเอง ไม่ง่ายกว่าเหรอ”
วิมาดาจ้องหน้า
“ต้องการยังงั้นใช่มั้ย”
ธนูหน้าแหยๆ
“โทษทีวิ ผมปากไวไปหน่อย”
วิมาดาค้อนถอนใจ
“โอเค ผมจะเช็คข่าวให้ รู้เมื่อไหร่จะรีบบอกวิทันทีเลย”ธนูยิ้มแย้ม “เราจะฉลองกันได้รึยังจ๊ะ”
วิมาดาพยักหน้ารับ ธนูรินไวน์ใส่แก้วไปอย่างอารมณ์ดี ขณะที่วิมาดายังคาใจอยากรู้ความจริง
ในห้องหอ...
อุปมาใส่เสื้อยืดกับกางเกงบ็อกเซอร์นอน กำลังหลับสนิทอยู่ฝั่งของตน สไบนางนอนไม่หลับอยู่ห่างๆเกือบตกเตียงนอนบ่นๆ
“ห้องอื่นไม่มีนอนรึไง...”
สไบนางกวาดตามองไปที่กล้องวงจรปิดแต่ละจุด ลุกลงจากเตียง เดินไปที่หน้าประตูห้องพบว่าล็อคกุญแจเอาไว้จากด้านใน...สไบนางถอนใจหงุดหงิด เดินกลับไปที่เตียง กอดอกมองอุปมา
“หลับเป็นตายเลย “สไบนางมองอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนจะเอานิ้วชี้ไปจิ้มแขนอุปมา “ตื่น”
สไบนางรีบเอานิ้วมาเช็ดเสื้อนอน ด้วยความรู้สึกรังเกียจจัด อุปมายังนอนหลับไม่ตื่น สไบนางไม่สบอารมณ์ จิ้ม 2 ที
“ตื่น...ตื่น”
อุปมาขยับตัวนอนเอียงข้างหลับต่อ
“จะขี้เซาไปถึงไหน”
สไบนางกลั้นใจ ยื่นมือไปหยิกแก้มก้น อุปมาร้องโวยวายลุกขึ้นนั่ง หันมาตาเขียวใส่สไบนาง
“โอ๊ย...มาหยิกฉันทำไม”
“ก็ปลุกดีๆ ไม่ตื่น”
“แล้วจะปลุกทำไม”
“หิวน้ำ”
“ฉันเป็นทาสรับใช้เธอตั้งแต่เมื่อไหร่”
สไบนางเท้าสะเอว
“แล้วใครใช้ให้ล็อคกุญแจห้อง ไม่ให้ฉันออกไปล่ะ”
“ไปดื่มน้ำก๊อกไป”
“ไม่ ฉันไม่เคยดื่ม...เร็วๆ หิวน้ำจะตายอยู่แล้ว”
“โอ๊ย วุ่นวายจริงๆ”
อุปมาลุกจากเตียง พร้อมล้วงกุญแจที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงนอนไปไขกุญแจห้อง
“ทีหลังก็ไม่ต้องล็อคกุญแจซิ”
“ฝันไปเถอะ ฉันชอบแกล้งเธอ”
สไบนางเจ็บใจ
“ดี ฉันก็จะปลุกนายทุกคืนเลย”
อุปมาถอนใจเปิดประตูให้
“เชิญ...เร็วๆล่ะ”
สไบนางมองออกไปนอกห้องยืนนิ่ง ไม่เดินออกไป
“ไปซิ จะรออะไรอีกล่ะ”
“ลงไปด้วยกัน”
อุปมาชะงักจ้องหน้า
“ไม่ทราบว่าฉันต้องรินใส่แก้ว มาป้อนถึงปากเลยมั้ย”
“ไม่ต้อง แค่ลงไปเป็นเพื่อนก็พอ”
อุปมาขำๆ
“อย่าบอกนะว่ากลัวผี”
สไบนางเชิ่ดหน้า
“ปกติฉันก็ไม่เคยกลัวหรอกนะ แต่บ้านนี้มันมีจริงๆ ทุกคนก็เห็นคนโดนผีเข้า ตอนงานทำบุญบ้าน”
อุปมาถอนใจพรืด เซ็งจัด
“ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าในโลกนี้จะมีผู้หญิงที่ไหนน่ารำคาญ กวนประสาทเท่าเธออีกมั้ย”
อุปมาเดินหัวเสียนำออกไป สไบนางขยับปากไปมาล้อเลียนเล็กน้อย ก่อนรีบวิ่งตามออกไปติดๆ
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาเดินนำมาหยุดกอดอกเซ็งๆอยู่หน้าทางเข้าครัว
“รอตรงนี้แหละ เร็วๆเลย”
“อย่าเพิ่งไปล่ะ”
อุปมารำคาญๆ
“เออ”
สไบนางเดินเข้าครัวไป อุปมาพูดตามหลัง
“เอาน้ำขึ้นห้องไปขวดหนึ่งด้วย เดี๋ยวจะขาดน้ำตายขึ้นมาอีก”
“รู้แล้วน่ะ”
สไบนางเข้าครัวไปเห็นเงาตะครุ่มๆ ก้มๆ เงยๆ อยู่ข้างตู้เย็น สไบนางผงะไป เงาตะครุ่มเงยขึ้นแล้วหันมา เป็นหญิงแก่ ผมหงอกสยาย สไบนางกรีดร้องสนั่น วิ่งหน้าตาตื่นออกจากครัวไปทันที อุปมาตกใจกับเสียงกรีดร้องของสไบนาง
“ผี...”
สไบนางหน้าซีด กลัวจัดสวมกอดอุปมาไว้อย่างลืมเกลียดเพราะความกลัวสุดชีวิต
ยายแก่ผมหงอกสยายเดินออกมาจากครัวหน้าตาตื่น อุปมาแอบขำๆ แรมวิ่งออกมาจากทางห้องพักมาสมทบด้วยความตกใจ
“มีอะไรคะแม่”
“ผีที่ไหนล่ะ แม่ของน้าแรมเขา”อุปมาบอก
สไบนางหน้าแหยๆ ผละตัวออกมาจากอุปมา ด้วยความเขินอาย
“ขอโทษทีค่ะคุณบีที่ทำให้ตกใจ คุณแม่แรมมาค้างด้วยน่ะค่ะ”แรมพูดเสียงอ่อย
“ทีหลังคุณแม่เปิดไฟด้วยซิคะ...”สไบนางหันไปพาลใส่อุปมา “ฉวยโอกาส รู้แล้วทำไมไม่บอก”
อุปมาหน้ากวนๆ
“ซ่อนรูปนะเรา”
อุปมาขำๆวิ่งกลับขึ้นบ้านไป สไบนางโกรธจัดปนอาย กำไม้กำมือ คิดคำด่าไม่ทัน
“คุณบีจะเอาอะไรเหรอคะ”แรมถามงงๆ
ไบนางถอนใจพรืดออกมาอย่างสะกดอารมณ์
+ + + + + + + + + + + +
วิจิตราคุยโทรศัพท์มือถืออยู่หน้าเตียงผู้ป่วย เมธาวีหลับสนิทไปเพราะฤทธิ์ยา
“ป้าอยากให้มาร์คหาเวลาขึ้นมาเยี่ยมหนูเมบ้าง”วิจิตราชำเลืองมองลูกสาวอย่างสงสาร
อุปมาคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้องนอน
“ตอนนี้อาการเมเป็นยังไงมั่งครับ”
“เมเริ่มจำอะไรได้มั่งแล้วล่ะ แต่ยังไม่รู้ว่า คุณมาร์คแต่งงานไปกับบีแล้ว”
“แล้วผมจะบอกความจริงกับเมได้รึยังครับ...”อุปมาฟังซักครู่ก่อนตอบ “โอเคครับ เมปลอดภัยดีแล้วผมก็หมดห่วง จะได้มีข้ออ้างกับคุณพ่อขอหย่ากับเด็กผีสิงนี่ซะที”อุปมาถอนใจออกมาเซ็งๆ
สไบนางถือเหยือกใส่น้ำและแก้ว แอบฟังการสนทนาอยู่หน้าห้อง สไบนางยิ้มแย้มสบายใจที่ได้ได้ยินว่าเมธาวีอาการดีขึ้น
“หมดเวรหมดกรรมซะที”สไบนางถอนใจอย่างโล่งอก
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่...
สไบนางนั่งทานอาหารเช้าที่โต๊ะอาหาร มีแรมยืนบริการอยู่ อุปมาเดินถือตำราเป็นตั้งมาวางแรงๆ ที่โต๊ะอาหาร สไบนางเหล่มอง
“พ่อสั่งให้หาตำราเรียนภาษาอังกฤษมาให้เธออ่านทบทวน เดี๋ยวความรู้จะคืนครูซะหมด แล้วจะได้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วย ไม่ใช่เล่นไร้สาระไปวันๆ”
สไบนางเหยียดปากเซ็งๆ
“ทุกเย็นจันทร์ พุธ ศุกร์ จะมีครูฝรั่งมาสอนภาษาให้เธอ ตอนไปเรียนต่อจะได้ไม่มีปัญหา”
“ฝากขอบคุณคุณลุงด้วยนะคะ”สไบนางทานข้าวต่อไป
“ฉันจะขึ้นเชียงใหม่ไปเยี่ยมคุณเม”
สไบนางสนใจขึ้นมา
“กลับเมื่อไหร่”
“ไม่บอก อย่านัดผู้ชายเข้าบ้านก็แล้วกัน เธอไม่อายแต่ฉันอาย”
สไบนางจ้องหน้าอุปมา อย่างเขม่นหมั่นไส้
“ช่วยคุมความประพฤติแทนฉันทีนะแรม”
แรมเจื่อนๆ ลำบากใจ
“ค่ะคุณมาร์ค”
อุปมาเดินออกไปจากบ้าน สไบนางเหยียดปากตามเซ็งๆ ก่อนหยิบตำราภาษาอังกฤษมาเปิดดูไปมา
+ + + + + + + + + + + +
เลขาอุปมาเดินยิ้มแย้มเข้าห้องประชุมมา เพราะนัดวิมาดาไว้...
“รอนานมั้ยคะคุณวิ”
วิมาดาที่นั่งอยู่ในห้องประชุม ยิ้มแย้มให้
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เลขานั่งลง
“ทำงานด้วยกันไม่ทันไรก็ขอลาออกซะแล้ว”
“วิเกรงใจเจ้านายเก่าน่ะค่ะ แผนกกำลังมีปัญหา เขาเลยขอร้องให้วิกลับไปช่วย...”
“คนเก่งมีความสามารถก็ยังงี้ล่ะค่ะ ใครๆก็ต้องการตัว”
วิมาดายิ้มรับปลื้มๆ
“วิถามอะไรหน่อยซิคะ”
“อะไรเหรอคะ”
วิมาดาอยากรู้มาก ต้องการหาความจริงให้ได้
“ทำไมเจ้าสาวคุณมาร์คถึงกลายเป็นน้องบีไปได้ล่ะคะ วิเดาว่าคุณเมหนีงานแต่งเพราะทนความเจ้าชู้ของคุณมาร์คไม่ไหว แต่มันก็เหตุผลไม่พอที่จะต้องแต่งกับคุณบี”
“ดิฉันก็ไม่แน่ใจนะคะคุณวิ”เลขาหันมองซ้ายขวาเล็กน้อย “แต่เค้าเม้าท์กันว่าผู้ใหญ่พยายามจับคู่ให้กับคุณเมแต่ผิดฝาผิดตัวน่ะค่ะ คุณมาร์คกลับไปชอบคนน้องแทน คุณเมทนไม่ได้เลยหนีไปอย่างที่คุณวิเดาไว้น่ะค่ะ”
วิมาดาไม่เชื่อ
“คุณมาร์คชอบยัยเด็กบีเนี่ยนะ”
“ค่ะ ดิฉันก็เพิ่งรู้ว่าเจ้านายรักเด็ก”เลขาแอบขำๆ
วิมาดาไม่ขำด้วย ไม่เชื่ออยากรู้ความจริงให้ได้
+ + + + + + + + + + + +
ในห้องคนไข้...
เมธาวีดื่มน้ำส้มแล้วส่งแก้วน้ำคืนให้วิจิตราที่เฝ้าอย่างเป็นห่วง เสียงเคาะประตูดังขัดจังหวะก่อนอุปมาจะเปิดเข้าห้องมาพร้อมช่อดอกไม้สวย เมธาวีดีใจจนน้ำตาท่วมขึ้นมา
“มาร์ค”
อุปมารีบเดินเข้ามาหา เมธาวีจับตามองอุปมาอย่างไม่วางตา น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“เจ้าสาวคนสวยของผม อย่าร้องไห้ซิครับ”อุปมาเข้าไปจับมือเมธาวีเอาไว้ปลอบโยน
วิจิตราน้ำตาคลอๆ รีบรับช่อดอกไม้อุปมาเอาไว้
“ขอบคุณครับแม่...”อุปมาซับน้ำตาให้เมธาวี “ฝันร้ายผ่านไปแล้วนะครับ คุณเม”
เมธาวีสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ บีบมืออุปมา
“ทุกคนคงอับอายมาก ที่งานแต่งต้องล้มเลิกกะทันหัน เมเสียใจนะคะมาร์ค”
“อย่าพูดถึงมันอีกเลยนะครับ คุณเมปลอดภัยก็ดีแล้วล่ะ”
“แล้วงานแต่งของเราล่ะคะ”
อุปมาหันไปสบตากับวิจิตราเล็กน้อย วิจิตรายิ้มแย้ม
“ก็รอให้หนูหายดีก่อนไงจ๊ะ ยังไงคุณมาร์คก็ไม่หนีไปไหนอยู่แล้วล่ะ”
อุปมายิ้มให้ เมธาวีเจ็บแค้นใจขึ้นมา
“เพราะไอ้ชันคนเดียว มันทำลายเมทุกอย่าง”เมธาวีน้ำตาท่วมตาขึ้นมาอย่างเจ็บช้ำ “เมขอสาปแช่งมัน อย่าให้...”
อุปมารีบยกมือขึ้นปิดปากเมธาวีก่อนจะพูดอะไรออกมา
“เขาตายไปแล้ว อโหสิให้เขาเถอะครับ”
เมธาวีน้ำตาท่วม ยอมหยุดด่าแช่งก็จริงสายตาปฏิเสธอย่างเห็นได้ชัด
“เขารักคุณเมมากจนขาดสติ ลักพาตัวคุณเมเพื่อไม่ให้ได้แต่งงานกับผม เขาชดใช้แล้วด้วยชีวิต มันเกินกว่าความผิดด้วยซ้ำ”
เมธาวีน้ำตาไหลพรากออกมา มันไม่ใช่แค่นั้น แต่เธอพูดไม่ได้...เมธาวีขยับตัวลุกขึ้นสวมกอดอุปมาไว้แล้วร้องไห้ออกมาอย่างสะอึกสะอื้น อุปมาได้แต่กอดเมธาวีปลอบเอาไว้ วิจิตราสงสารลูกสาวจนน้ำตาไหลได้แต่ซับน้ำตาไปมา
ที่ลานหน้าบ้านสวน...
สไบนางรำนำเด็กๆ ผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง ระเบียบยืนยิ้ม มองดูอยู่ข้างเครื่องเสียงเปิดเพลงประกอบการรำ ระเบียบแอบตั้งวงรำตามบ้างเล็กน้อยอย่างเขินๆ ยายจันทร์ยกเหยือกใส่น้ำแดงเดินยิ้มแย้มมาหา ระเบียบรีบไปช่วยยกมาวาง
“เบียบช่วยจ้ะยาย”
ยายจันทร์เดินมาดูใกล้ๆ ยิ้มแย้ม
“พรุ่งนี้ใครต้องไปรำโชว์ที่เขตมั่งคะคุณบี”
สไบนางยิ้มแย้มหยุดรำหันมาดูเด็กๆ เพื่อเช็คความถูกต้อง พร้อมตอบยายจันทร์
“แถวหน้าทั้งแถวเลยจ้ะยาย เขาจ่ายค่าจ้างแพงซะด้วย”สไบนางหันไปบอกเด็กๆ “รำให้สวยๆ อย่าให้เสียชื่อพี่บีล่ะ”
สไบนางเข้าไปจับท่าเด็ก ยายจันทร์มองอย่างชื่นชม
“ตัวแค่เนี้ยหารายได้เข้าบ้านช่วยแบ่งเบาพ่อแม่ได้แล้ว น่าชื่นใจแทนจริงๆ นะคะ”
“สงสัยบีต้องคิดค่าสอนซะแล้วมั้งคะยาย”สไบนางกระเซ้า
เด็กรำค้างไปเลยทั้งวง สไบนางหัวเราะออกมา
“ล้อเล่น...ขอให้ทุกคนตั้งใจจริง ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์แบบนี้ พี่สอนฟรีไม่มีชาร์จอยู่แล้ว”
เด็กๆ ตบมือชอบใจกันยกใหญ่ สไบนางยิ้มแย้ม
“เอ้า รำต่อๆ”
เด็กรำกันต่อไป สไบนางเดินดูเช็คท่ารำเด็กไปอย่างยิ้มแย้มมีความสุขใจ
+ + + + + + + + + + + +
คุณหญิงรุจานั่งหน้าซึมๆ อยู่ที่ม้าสนาม กวาดตามองบริเวณบ้านอย่างร่ำลา น้ำตาคลอๆ ขึ้นมา ประมุขเดินหน้าเศร้าๆ เข้ามาหา
“คุณแม่ครับ”
คุณหญิงรุจารีบซับน้ำตาออกก่อนหันมามองประมุข
“รถบรรทุก ขนของเที่ยวสุดท้ายไปเรียบร้อยแล้วนะครับ”
คุณหญิงรุจาพยักหน้ารับ ลุกขึ้นยืน
“คุณแม่ครับ ผมเสียใจ...”
คุณหญิงรุจายกมือห้าม
“ไม่ต้องพูดแล้วล่ะ ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ก็ต้องสู้กันต่อไป”
คุณหญิงรุจาเดินนำไปทางหน้าบ้าน ประมุขถอนใจแล้วเดินตามไป บังอรและลุงแก้วรออยู่ที่รถแล้ว...ลุงแก้วเปิดประตูรถรอคุณหญิงรุจา บังอรถือกุญแจบ้านทั้งหมดไว้ในมือ
“ดิฉันล็อคบ้านเรียบร้อยแล้วนะคะคุณ”
คุณหญิงรุจาพยักหน้ารับ บารมีขับรถหรูหรา ปาดเข้ามาจอดดึงความสนใจจากทุกคน ประมุขเดินตามออกมาเผชิญหน้ากับบารมีที่เดินลงจากรถมาพอดี บารมียิ้มกวนๆให้ประมุข
“มาทันเวลาพอดี”
บารมียกมือไหว้ คุณหญิงรุจาหน้านิ่งรับไหว้
“น้าย้ายของไปหมดแล้ว พ่อมีพร้อมจะไปโอนบ้านเมื่อไหร่ก็นัดมา”
ประมุขแอบจ้องบารมีด้วยสายตาเจ็บแค้น คุณหญิงรุจาหันไปสั่งบังอร
“บังอร เอากุญแจไปให้คุณบารมีซะสิ”
“ค่ะคุณท่าน”
บังอรหน้าซึมๆเดินเอากุญแจไปให้ บารมีรับไว้ ก่อนจะเดินไปหาประมุข
“ขอบใจนะ ฉันคิดคำนวณหักกลบลบหนี้ พร้อมดอกเบี้ยดอกหอยฉันท์ญาติสนิทแล้วถือว่าหนี้สินเราลดไป 1 ใน 3”
ประมุขตกใจ ขบกรามแน่น
“ถ้าพี่จะเอามากกว่านี้ก็เหลือแต่ชีวิตผมแล้วล่ะ”
“ชีวิตแกมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ”บารมีขำหยัน
ประมุขจ้องหน้าบารมี สายตาชิงชัง
“อย่างแรกที่ฉันจะทำคือเอาป้ายชื่อบ้านอัคราชออกแกคงไม่ว่าอะไรนะ”
ประมุขพยายามสะกดอารมณ์กำมือแน่น คุณหญิงรุจาออกคำสั่งเสียงดุ
“ประมุข...มาขึ้นรถ”
ประมุขข่มอารมณ์เดินไปหาคุณหญิงรุจา บารมีหันพูดจากวนโทสะไม่เลิก
“อ้าว รถแกไปไหนซะล่ะ ขายทิ้งเอาเงินมาหมุนเหรอ”
“สะใจพอรึยัง”ประมุขระเบิดอารมณ์สายตาเกรี้ยวกราดจ้องหน้าบารมี “คนล้มอย่าข้าม พี่เคยได้ยินมั้ย”
คุณหญิงรุจาเดินมาขวางหน้า
“ประมุข แม่สั่งให้ขึ้นรถไงล่ะ...”คุณหญิงรุจามองไปที่บารมี “น้าทนฟังอยู่นานแล้ว พอเถอะพ่อมี อย่าเหยียดหยามถากถางกันอีกเลย เราไม่เหลืออะไรแล้ว”คุณหญิงรุจาน้ำตารื้น
บารมีหน้าเรียบเฉย แววตาเจ็บช้ำ สวนหน้านิ่ง
“ผมตะหากที่เคยไม่เหลืออะไรเลย”บารมีตาแดงก่ำ น้ำตารื้น
คุณหญิงรุจาเงียบกริบ พูดอะไรต่อไปออก บารมีเหลือบตามอง ประมุขก้มหน้างุด บารมีถอนใจออกมาแล้วเขย่ากุญแจบ้านถือเดินขึ้นบ้านไป คุณหญิงรุจาพูดลอยๆกับประมุข
“ไปจากที่นี่กันเถอะ บ้านนี้ไม่ใช่ของเราอีกต่อไปแล้ว”
คุณหญิงรุจาน้ำตาร่วง หันหลังกลับเดินไปที่รถ
+ + + + + + + + + + + +
หลังเลิกงาน เมื่อกลับมาถึงบ้าน อุปมาขับรถมาจอดหน้าบ้านแล้วโมโหขึ้นมาทันที เมื่อเห็นรถอาทิตย์จอดอยู่หน้าบ้านอีกแล้ว อุปมาพึมพำ ไม่พอใจ
“จะลองดีกับฉันให้ได้ใช่มั้ย”
อุปมาลงจากรถ ปิดประตูโครมอย่างหัวเสีย ช่วงเวลาเดียวกันนั้น สไบนางตีแบดมินตันเล่นอยู่กับอาทิตย์ที่สนามหญ้าหน้าบ้านไทย สไบนางโดดรับลูกไม่ทันเลยข้ามหัวไป สไบนางรีบหันหลังไปวิ่งเก็บลูก ต้องชะงักเมื่อเห็นอุปมายืนหน้ายักษ์จ้องตนอยู่ สไบนางลอยหน้าลอยตาไม่แคร์
“ฉันสั่งห้ามอะไรเอาไว้ ไม่เข้าหัวเธอเลยรึไง”
“ห้ามตีแบดด้วยเหรอ”สไบนางถามหน้าตาย
อุปมาโกรธ
“เธอจะกวนประสาทฉันไปถึงไหน เธอพากิ๊กเข้าบ้านตอนฉันไม่อยู่ได้ยังไง รักษาเกียรติตัวเองบ้าง”
อาทิตย์เดินเข้ามา
“ผมไม่ได้มาคนเดียวนะครับ”
“พาวิญญาณใครมาด้วยเหรอ”อุปมาแค่นขำ
ทันใดนั้นหัสดินและหยาดฝนวิ่งเข้ามา พร้อมถือถุงขนมและอาหารมาเต็มสองมือ
“หิวกันรึยัง...”
“วิญญาณเพื่อนนายมั้ง” สไบนางแดกดัน
อุปมาจ๋อยไปเล็กน้อย อาทิตย์แอบอมยิ้ม หัสดินเห็นอุปมา
“อ้าว มาร์ค กลับมาแล้วเหรอ”
อาทิตย์ไปช่วยสองคนถือของไปจัดวางที่โต๊ะ สไบนางยิ้มกวนๆ
“ที่จริง วิญญาณพ่อนายก็มาปาร์ตี้กับเราด้วยนะ”
ขาดคำสไบนาง...บารมีก็เดินยิ้มข้ามสนามมาพร้อมไวน์ 2 ขวด ยิ้มแย้มทักทายลูกชาย
“อ้าวมาร์ค มาปาร์ตี้ด้วยกันลูก”
“ผมอิ่มแล้วครับ”
อุปมาจะเดินกลับเข้าไปอย่างเสียหน้า บารมีเรียกไว้
“เดี๋ยวมาร์ค ศุกร์หน้าวันเกิดบีเขา พ่อจะจัดงานวันเกิดให้บีเขาที่บ้านเรานะ”
“สิ้นเปลืองทำไมครับ ไปทานร้านก็สิ้นเรื่อง”
“ได้ยังไงล่ะ”บารมีเข้ามาโอบไหล่สไบนาง “พ่ออยากเลี้ยงรับขวัญให้หลานสาวของพ่อด้วย”
สไบนางแกล้งโอบซบบารมีประจบออเซาะแกล้ง อุปมาหมั่นไส้
“ก็แล้วแต่พ่อครับ แต่ผมไม่รับปากนะครับว่าจะว่างมางานรึเปล่า”อุปมาเดินกลับเข้าไปในบ้าน
สไบนางแกล้งกระโดดดีใจร้องเฮ้ตัวลอย แล้วจูงมือบารมีไปปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง อุปมาหยุดกึกหันมองตามกลับไปอย่างเจ็บใจปนหมั่นไส้
+ + + + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น...
วิมาดาสวมเสื้อกันเปื้อนทำครัว ยกจานอาหารฝรั่งมาตั้งให้ธนูที่โต๊ะอาหาร
“น่าทานที่สุดเลยครับ”
“ขอบคุณค่ะ”วิมาดาเดินไปถอดเสื้อกันเปื้อนออก
ธนูนึกได้
“เอ้อ ผมได้ข่าวเรื่องคุณเมแล้วนะ”
วิมาดาสนใจสุดๆ รีบกลับมานั่ง
“คุณรู้อะไรมาคะ”
“แหม...ดูคนจะสนใจเรื่องเขาซะเหลือเกินนะ”ธนูแขวะ
วิมาดาถอนใจออกมาเซ็งๆ
“ผมอยากจะรู้จริงๆ ถ้าเจ้าบ่าวไม่ใช่ไอ้มาร์ค คุณจะสนใจยังงี้มั้ย”ธนูหึงๆ
“ไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า”
วิมาดารำคาญลุกขึ้น ธนูรีบจับมือเอาไว้
“อย่าเพิ่งอารมณ์เสียซิครับ ถ้าผมไม่เห็นว่าวิอยากรู้จะไปตามสืบมาให้เหรอ”
วิมาดานั่งลงแต่ก็ค้อนไปมาเล็กน้อย ธนูจับมือวิมาดาเล่าไป
“คืองี้ คุณเมออกไปเที่ยวกับเพื่อนประสบอุบัติเหตุรถชนมางานไม่ได้ เขากลัวเสียหน้าก็เลยเปลี่ยนตัวเจ้าสาวกะทันหัน”
วิมาดาสงสัย
“ประหลาด เจ้าสาวประสบอุบัติเหตุก็เลื่อนงานซิคะ ทุกคนก็เข้าใจ รวยซะขนาดนั้น จะจัดอีกกี่รอบก็ได้”
ธนูยิ้มๆ
“ฟังให้จบก่อนซิครับ นี่ข่าววงในจริงๆ เลยนะ มีไม่กี่คนที่รู้หรอก เขาบอกว่าเพื่อนที่คุณเมไปเที่ยวด้วยคือแฟนเก่า...”ธนูขำๆ “ความลับไม่มีในโลกจริงๆ”
วิมาดาอึ้งๆไป
“นายมาร์คกับพ่อโกรธมาก เลยประชดเปลี่ยนตัวเจ้าสาวไปเลย...เป็นผมก็รับไม่ได้เหมือนกัน จะแต่งงานกับเราพรุ่งนี้ ยังมีหน้าไปเที่ยวกับแฟนเก่าสองต่อสองอีก”
วิมาดาคิดตาม ยังสงสัย
“อ้าว แต่มาร์คเค้าไม่ได้รักยัยบีอะไรนั่นเลยนี่คะ”
“โธ่คุณ ของแบบนี้ เงินต่อเงิน แล้วเด็กนั่นก็แค่ 17-18 เอง กำลังแตกเนื้อสาวเปรี๊ยะๆ ขี้คร้านจะหลงกันหัวปักหัวปรำ”
วิมาดาแอบอิจฉาปนหึงหวงขึ้นมาทันที
+ + + + + + + + + + + +
หัสดินที่แต่งตัวหล่อเตรียมไปร่วมงานวันเกิดสไบนาง เดินเคาะประตูห้องทำงานอุปมา ก่อนเปิดเข้าไป อุปมานั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ
“อ้าว ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ”
“ยังไม่เสร็จงานเลย”
“จำไม่ได้เหรอวันนี้วันอะไร”
“วันศุกร์...ทำไม”
“วันเกิดเมียแก”
“โอ๊ย...” อุปมาวางงานเลย “แกคิดว่าฉันจะยอมไปงานวันเกิดเด็กบ้านั่นเหรอ...ป่านนี้คงใส่ชุดก็อตซิล่าเดินเพ่นพ่านทั่วงานแล้ว”อุปมาเหยียดปากเซ็งๆ
“ตกลงไม่ไป”
“เออ”
“ไม่มีของขวัญให้”
“อย่าฝันไปเลย”
“โอเค งั้นฉันไปล่ะ อยากเจอน้องฝนใจจะขาดแล้ว”
หัสดินยิ้มทะเล้นแล้วเดินกลับออกไป อุปมาถอนใจส่ายหน้า ก้มหน้าทำงานต่อ
+ + + + + + + + + + + +
คุณหญิงรุจา บังอร และยายจันทร์ แต่งตัวสวยงามเตรียมไปงานวันเกิดสไบนาง นั่งคุยรออาทิตย์กันอยู่ที่โถงบ้าน
“อาหารขนไปหมดแล้วใช่มั้ย”คุณหญิงรุจาถาม
“ค่ะคุณท่าน ของโปรดคุณบีทั้งนั้นเลยค่ะ มีลอดช่องน้ำกะทิด้วย”ยายจันทร์ตอบอย่างยิ้มแย้ม
“เมนูนี้คุณมาร์คคงไม่ปลื้มเท่าไหร่มั้งคะ”บังอรบอก
ทุกคนขำๆ กัน ประมุขในชุดอยู่กับบ้าน ปล่อยตัวกว่าเดิม หน้าหมองๆ ผมยุ่งๆ ผ่านการนอนมาทั้งวัน ไม่หล่อเนี๊ยบตลอดเวลาเหมือนเคย คุณหญิงรุจามองลูกชายอย่างแปลกใจ
“อ้าว...ยังไม่แต่งตัวอีกเหรอ”
“ผมไม่ไปเหยียบบ้านมันหรอก”
“วันนี้วันเกิดยัยบีนะ”
ประมุขสะแหยะยิ้ม
“วันเกิดมันก็ต้องมาไหว้...”ประมุขจะหลุดเรียกตัวเองว่าพ่อ ก่อนจะพลิกลิ้น “ลุง ที่นี่สิแม่ ของขวัญคนจนอย่างเรามันคงไม่อยากได้หรอก...แค่รำกระป๋องกระแป๋ง ลุงมันยังควักให้ตั้งล้าน นี่วันเกิดมันไม่ซื้อรถซื้อบ้านให้กันเลยเหรอ จะไปให้มันดูถูกทำไม”
คุณหญิงรุจาและบังอรสบตากันเล็กน้อย ประมุขเดินไปทางครัวโวยวาย
“หิว มีอะไรกินมั่งโว้ย”
“เดี๋ยวจันทร์จัดการเองค่ะ...”ยายจันทร์ลุกตามไป “มีเยอะแยะเลยค่ะคุณมุข”
คุณหญิงรุจาได้แต่ถอนใจออกมา บังอรมองตามไป
“หมดสง่าราศีไปเลย น่าเห็นใจคุณมุขนะคะ”
“คนมันจมไม่ลง หน้าใหญ่ใจโตใช้เงินมือเติบซะจนเคยตัว”คุณหญิงรุจาส่ายหน้า “ถ้าทำใจให้ยอมรับความจริงไม่ได้ ก็ต้องอมทุกข์อยู่ยังงี้ไปจนตายล่ะ”
ครู่หนึ่ง...อาทิตย์ขึ้นบ้านมาพร้อมกรงผูกโบว์ใส่น้องหมาตัวเล็กๆ
“คุณอาทิตย์มาแล้วค่ะ”บังอรบอก
อาทิตย์วางกรงลง ไหว้คุณหญิงรุจา
“สวัสดีครับคุณย่า”
คุณหญิงรุจารับไหว้
“ของขวัญแม่บีเหรอ”
“ครับ ผมเห็นบีอยู่บ้านนั้นดูเหงาๆ เลยหาเพื่อนเล่นไปให้”
คุณหญิงรุจายิ้มแย้มเอ็นดู
“บ้านนั้นเขาที่ทางเยอะแยะ เจ้าตัวเล็กคงวิ่งเพลินเลยล่ะ”
อาทิตย์ยิ้มแย้ม
“ไปกันเลยมั้ยครับ”
“ไปซิ”
บังอรประคองคุณหญิงรุจาลุกขึ้นยืน อาทิตย์เดินยิ้มแย้มไปยกกรงน้องหมา
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาเดินออกจากออฟฟิศไปที่ลานจอดรถ วิมาดาดักรออยู่แล้ว ลงจากรถมาหา อุปมาชะงักไปเล็กน้อย วิมาดายิ้มแย้ม เดินเข้ามาหา
“วิรู้ความจริงหมดแล้ว น่าเห็นใจนะคะ คุณเมไม่น่าทำกับคุณแบบนี้เลย”
อุปมาสงสัยว่าวิมาดารู้อะไรมา
“เมทำอะไรเหรอครับ”
วิมาดายิ้มๆ
“คุณก็รู้อยู่แก่ใจ อย่าให้วิตอกย้ำอีกเลยค่ะ”
อุปมาถอนใจออกมาขี้เกียจต่อความยาว จะเดินไปขึ้นรถ วิมาดาเดินไปขวางหน้า
“วิยกโทษให้คุณค่ะที่เอาคืนวิไว้อย่างเจ็บแสบ ตอนนี้ถือว่าเราเจ๊ากันแล้วนะ”
“ผมต้องขอบคุณมั้ยครับ”
อุปมาจะเดินไป วิมาดาจับแขนไว้ จ้องตา
“วิรู้ว่าคุณไม่ได้รักเด็กบีนั่น เราเริ่มต้นกันใหม่ได้เสมอนะมาร์ค”
อุปมามองหน้าวิมาดานิ่ง วิมาดาออดอ้อน
“เราไปหาร้านบรรยากาศดีๆ นั่งคุยแก้เซ็งกันมั้ยคะ”วิมาดายิ้มหยันๆ “รึว่ากลัวเจ้าสาวเบบี๋จะโกรธ”
“ผมจะกลัวยัยเด็กนั่นทำไม”อุปมาหยุดคิดแบบอารมณ์ชั่ววูบ “ก็ดีเหมือนกัน กำลังเซ็ง ใครๆ ก็เห่อไปโอ๋มันกันหมด”
วิมาดายิ้มดีใจมาก เกาะแขนอุปมาแน่น
“งั้นไปร้านประจำของเรานะคะ”
“ในฐานะเพื่อน”
อุปมาดึงมือออก วิมาดายักไหล่
“โอเคค่ะ”
“งั้นผมขอกลับไปอาบน้ำที่บ้าน ให้พ่อเห็นหน้าหน่อย วันนี้วันเกิดหลานสาวสุดที่รักของเขา ขี้เกียจโดนด่า”
“ได้เลยค่ะ เดี๋ยววิไปรอที่ร้านเลยนะคะ”
อุปมาพยักหน้ารับแล้วเดินไปขึ้นรถ วิมาดาอมยิ้มพอใจ แอบหวังจะพัฒนาให้กลับไปเหมือนเดิมได้อีกครั้ง
ค่ำคืนนั้น...
อุปมากลับมาถึงบ้าน มองไปทางสนาม เห็นจัดปาร์ตี้วันเกิด บรรยากาศกันเอง มีโต๊ะอาหาร 3-4 โต๊ะ อาหารเครื่องดื่มเพียบ อุปมาเดินไปหลบมุมมองไปทางปาร์ตี้ กวาดตามองหาสไบนาง แต่ไม่เจอตัว เห็นทุกคนกำลังทานกำลังคุยกันรื่นเริง มีเพลงจังหวะสนุกๆ ดังประกอบตลอด
“หายตัวไปไหนล่ะ”อุปมาบ่นพึมพำมองหา“สงสัยจะแต่งตัวเป็นลิงปีนอยู่บนต้นไม้”
อุปมาเหยียดปากดูถูก พร้อมส่ายหน้าเดินกลับไปเข้าบ้าน กำลังจะเดินไปขึ้นบันได...แต่แล้วเขาก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เมื่อเห็นสไบนางในชุดสวยสมวัย ซึ่งดูเป็นสาวสวยผิดตา เดินลงบันไดพร้อมอุ้มน้องหมาติดตัวลงมาด้วย อุปมาตะลึงไปเล็กน้อย แต่รีบปั้นหน้านิ่งกลบได้ทันเฉไฉมองไปที่น้องหมา
“นั่นอะไรน่ะ”
“ดูไม่ออกเหรอ ลูกไดโนเสาร์มั้ง”สไบนางแดกดัน
“เอาออกไปนอกบ้านเลย ฉันไม่ชอบ”
“แต่ฉันชอบ ซันนี่ให้เป็นของขวัญวันเกิด ฉันจะเลี้ยงในห้องนอน”
“ไม่มีทาง”
“มีทั้งทางมีทั้งเบาะปูไว้พร้อมแล้ว ทนไม่ได้ก็ไปนอนที่อื่น ฉันจะได้ให้น้องหมานอนบนเตียงแทนนาย”
สไบนางท่าทางเอาแต่ใจ ทำจริง ไม่ยอมแน่ อุปมารำคาญ ขี้เกียจทะเลาะด้วย
“ถือว่าวันนี้วันเกิดเธอ ฉันยอมให้วันนึง แต่อย่าให้มันมารบกวนตอนฉันนอนก็แล้วกัน”
“ฉันพูดภาษาหมาไม่เป็น สั่งมันเองแล้วกัน”
อุปมาสูดหายใจลึก ระงับอารมณ์ สไบนางอมยิ้มพอใจจะเดินออกไปปาร์ตี้ อุปมาจะเดินขึ้นข้างบนหยุดที่ขั้นบันได หันกลับมามองสไบนาง
“อ้อ ฉันลืมบอกเธอไป”
สไบนางหยุดกึก หันกลับไปมอง อุปมามองการแต่งตัวของสไบนาง
“ตั้งแต่เรารู้จักกันมา วันนี้เธอแต่งตัวได้...”
อุปมามองสไบนาง สายตาชื่นชม สไบนางสูดใจหายเล็กน้อย ถ้าโดนชมคงวางหน้าไม่ถูก
“เห่ยสุดๆ จะเอาฮาไปถึงไหน”
อุปมาหัวเราะเยาะชอบใจเดินขึ้นบ้านไป สไบนางเจ็บใจมาก ตะโกนไล่หลัง
“ใครจะสวยเหมือนพี่เมของนายล่ะ”สไบนางหันไปสั่งน้องหมา “คืนนี้งับปากมันเลย ปากเสียนัก”
สไบนางอุ้มน้องหมาเดินฉับๆ ออกไปจากบ้านอย่างอารมณ์เสีย
+ + + + + + + + + + + +
บารมีเป็นคนถือเค้ก ทุกคนห้อมล้อมกำลังร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้สไบนาง ที่ยืนยิ้มแป้น...เค้กบอกอายุด้วยเทียนตัวเลข 18 ปี เพลงจบ สไบนางเป่าเค้ก ท่ามกลางเสียงปรบมือ
“ขอบคุณค่ะทุกคน”
“ตัดเค้กแจกเลยลูก”บารมีวางเค้กลงที่โต๊ะ
สไบนางยิ้มแย้ม อารมณ์ดี บอกทุกคน
“ไปทานข้าวกันต่อก่อนนะ เดี๋ยวบีตัดเค้กไปแจกถึงโต๊ะเลย”
ทุกคนแยกย้ายไปทานข้าวต่อ หัสดินเอาใจหยาดฝน
“ผลไม้มั้ยครับน้องฝน”
“ขอบคุณค่ะ”หยาดฝนยิ้มเขินๆ
หัสดินและหยาดฝนเดินคุยกันไปตักผลไม้ คุณหญิงรุจาสวมกอดหลานสาวสุดที่รักเอาไว้
“มีความสุขมากๆ นะลูก ขอให้จากนี้ไป บุบบี้ของย่าเจอแต่สิ่งดีๆ นะ”คุณหญิงรุจาอวยพร
“ขอบคุณค่ะคุณย่า”
สไบนางกอดย่ายิ้มมีความสุข ก่อนจะมองเลยไปทางตัวบ้าน เห็นอุปมาแต่งตัวออกเที่ยว...จ้องมองมาทางตนหน้าตานิ่งๆ สไบนางย่นจมูกใส่ อุปมาปั้นหน้าเซ็งๆ ส่ายหน้าแล้วเดินกลับออกไป อาทิตย์เดินเข้ามาหาสไบนาง
“พี่กลับก่อนนะบู้บี้”
สไบนางผละจากกอดย่ามาคุยกับอาทิตย์
“อ้าว ทานเค้กก่อนซิซันนี่”
“ไม่ทันแล้ว ผมต้องรีบไปเข้าเวร”
“งั้นเอาใส่กล่องไป รอแป๊บเดียว”
“เดี๋ยวบังอรไปหยิบกล่องโฟมให้ค่ะ เตรียมมาพอดี”บังอรรีบเดินไป
สไบนางลากมืออาทิตย์ไปรอตัดเค้ก คุณหญิงรุจาและบารมี หันมาสบตากันด้วยความรู้สึกไม่สบายใจที่เห็นความสนิทสนม และห่วงใยกันของทั้งคู่
“หวังว่าเราคงไม่ได้ผูกกรรมให้ยืดยาวต่อไป ไม่จบไม่สิ้นหรอกนะพ่อมี”คุณหญิงรุจาหน้าเครียดเดินเลี่ยงกลับไปโต๊ะอาหาร
บารมีหน้าเคร่งขรึมลง มองตามไปที่สไบนางและอาทิตย์พร้อมถอนใจยาวออกมา
+ + + + + + + + + + + +
วิมาดานั่งฟังเพลงอารมณ์ดีอยู่ในผับ รอการมาของอุปมา ทันใดนั้นเธอก็เห็นธนูเดินเข้ามากับกลุ่มเพื่อน วิมาดาตกใจรีบหันหน้าหลบอย่างเร็ว แต่ไม่ทันธนูเห็นซะก่อน ธนูจะเดินมาหาพร้อมๆกับวิมาดาลุกหนีทำเป็นไม่เห็น
“วิ...”
“อ้าว...คุณนู”วิมาดาทำเป็นเพิ่งเห็น
“วิมากะใครเนี่ย”
“มากับเพื่อนๆ วิกำลังจะกลับแล้ว”
“ก็ไม่บอกแต่แรกว่านัดเพื่อนร้านนี้จะได้มาพร้อมกันเลย”
วิมาดาฝืนยิ้ม จริงๆร้อนใจ
“วิง่วงจะกลับแล้วล่ะ คุณสนุกกับเพื่อนต่อเถอะ”
“คืนนี้ผมไปค้างที่คอนโดนะ”
วิมาดายิ้มให้แล้วรีบเดินเลี่ยงไป ธนูเดินไปหาเพื่อนๆ อุปมาเดินเข้าร้านมาพอดี วิมาดารีบไปจับตัวอุปมาพาลากออกไปจากร้าน ธนูนึกได้ว่าลืมบอกอะไรวิมาดา จะหันกลับไปตาม เห็นวิมาดาลากอุปมาออกไปจากผับพอดี ธนูของขึ้นโกรธจัด รีบเดินฉับๆ ตามออกไปทันที
วิมาดาลากอุปมากลับมาที่รถของอุปมา
“มีอะไรเหรอวิ”
“คุณนูมาพอดี มาร์คกลับไปก่อนเถอะ วิไม่อยากให้มีเรื่อง”
“กลัวอะไร เราเป็นเพื่อนกัน บอกเค้าตรงๆก็ได้ ทุกอย่างมันจบไปแล้ว”
“คุณนูเหมือนคนอื่นที่ไหน เขาไม่ยอมจบกับคุณด้วยหรอก”
ธนูตามออกมา เห็นภาพบาดตาอีกครั้งโกรธจัด เรียกเสียงดัง
“วิ...”
วิมาดาหงุดหงิด รำคาญ
“พาวิไปจากที่นี่เถอะค่ะมาร์ค วิไม่อยากมีเรื่อง”
วิมาดารีบขึ้นรถอุปมาไปทันที อุปมาถอนใจออกมา จำใจขับรถออกไป ธนูโกรธจัด รีบวิ่งไปที่รถของตนทันที
อุปมาขับรถหนีตามการไล่ล่าของธนู ที่บ้าเลือดขับรถตามไล่บี้ไม่ลดละ วิมาดาหันมองไปทางรถธนูกังวลใจ ธนู เปิดเก๊ะหน้ารถ หยิบปืนพกออกมา วิมาดาร้อนใจรีบบอกอุปมา
“เลี้ยวเข้าโรงพักดีกว่าค่ะมาร์ค คุณนูมีปืนในรถ”
อุปมาขับรถกวาดตามองหาข้างทาง เห็นสถานีตำรวจแห่งหนึ่งพอดี อุปมาปาดรถเลี้ยวเข้าไปทันที ธนูชะลอรถหาที่จอดมองตามเข้าไป เก็บปืนพกเข้าเก๊ะ ปิดกระแทกโครม
อุปมาขับรถมาจอดมองหน้าวิมาดา
“คุณหาเรื่องเดือดร้อนให้ผมอีกจนได้”
วิมาดาหน้าเสียที่ผิดแผนไปหมด ทันใดนั้นธนูขับรถมาจอดเทียบข้างๆ ทั้งสองคนหันมอง ตกใจเหมือนกัน ธนูลงจากรถมาทุบหน้าต่างรถอุปมาโครมๆ
“อย่าลงไปค่ะมาร์ค”วิมาดาบอกอย่างตื่นกลัว
“กลัวอะไรล่ะ”
อุปมาลงมาจากรถ วิมาดารีบลงตามมาติดๆ ธนูไม่พอใจ
“คุณจะพาวิไปไหน”
“หนีคุณน่ะซิ วิเขากลัวคุณจะทำร้ายเอา”
“ผมรักวิจะทำร้ายวิได้ยังไง...”ธนูจ้องหน้าอุปมา “คุณแต่งงานไปแล้ว จะมายุ่งกับเมียคนอื่นอีกทำไมไม่ทราบ”
“วิไม่ใช่เมียคุณนะ”วิมาดาเถียงทันที
ธนูโกรธจ้องหน้าวิมาดา
“จะให้ผมเรียกว่าเพื่อนนอนเหรอ”
วิมาดาตบหน้าธนู ฉาดใหญ่ อาทิตย์เดินลงมาจากโรงพัก ถามเสียงแข็ง
“มีเรื่องอะไรกันครับ”
ทุกคนหันมอง อุปมาตกใจเล็กน้อยที่เห็นอาทิตย์
“ไม่คิดว่าคุณจะประจำอยู่ที่นี่”
อาทิตย์ยิ้มกวนๆ
“รู้งี้ติดรถคุณออกมาก็ดี”
อุปมาชะงักไป เหล่มองเขม่นๆ อาทิตย์เข้ามาเคลียร์กับธนู
“มีปัญหาอะไรกันครับ”
วิมาดารีบตัดบท
“มีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะค่ะ”
ธนูหันไปบอกอาทิตย์
“ฝากเตือนเพื่อนคุณด้วย แต่งงานแต่งการแล้วก็อยู่กับเมียที่บ้าน ไม่ใช่มานัดเดทกับแฟนคนอื่นเขาแบบนี้”
“น่าจะเตือนตัวเองมากกว่า”อุปมาย้อน
ธนูมีท่าทีจะเอาเรื่องแต่อยู่ต่อหน้าตำรวจเลยสงบลง อุปมาหันไปมองหน้าวิมาดา
“วิบอกเขาไปสิ ว่าเราเป็นเพื่อนกัน ทุกอย่างจบแล้ว ไม่มีอะไรมากกว่านั้น...ถ้าคุณยังเคลียร์กับเขาไม่เข้าใจ ต่อไปก็อย่ามาดักเจอผมอีก”
ธนูหันขวับจ้องหน้าวิมาดาๆ เจื่อนไป วิมาดารีบปั้นยิ้ม ตัดบท
“ไม่รบกวนคุณตำรวจดีกว่านะคะ ไปค่ะคุณนู มีอะไรไปคุยกันต่อในรถ”
วิมาดาลากธนูไปขึ้นรถ ธนูยังคงจ้องอุปมาเขม็งก่อนจะขับรถออกไป อุปมาหันมากวนใส่อาทิตย์
“จะยัดข้อหาอะไรผมมั้ย ไม่งั้นผมจะได้กลับ”
อุปมาจะเดินไปขึ้นรถ อาทิตย์พูดขึ้น
“คุณจะทำอะไรก็ควรให้เกียรติบีด้วยเหมือนกัน ไม่ใช่เรียกร้องให้บีให้เกียรติคุณแต่ฝ่ายเดียว”
อุปมาหันขวับมาจ้องหน้าอาทิตย์
“ผมกับวิ เป็นเพื่อนกัน”
อาทิตย์จ้องหน้า
“ผมกับบีก็เหมือนกัน...”
อุปมาถอนใจเซ็งๆ ปนหงุดหงิด
“ผมจะไม่เล่าเรื่องคืนนี้ให้บีฟังก็แล้วกัน”
อุปมาเค่นขำ
“อยากเล่าก็เล่าไปซิ ผมไม่แคร์”
อุปมายักไหล่ เดินกวนๆขึ้นรถไป อาทิตย์เหล่ๆ มองตามอุปมา รู้สึกไม่ชอบขี้หน้า
+ + + + + + + + + + + +
ในห้องหอ..
.สไบนางนั่งแปรงขนให้น้องหมาเบาๆ อยู่หน้าเบาะนอนมุมห้อง
“นึกออกแล้ว บีตั้งชื่อให้ว่าซันไชน์ ดีกว่า ชอบมั้ย เพราะพ่อแกชื่อซันนี่”สไบนางขำๆ
อุปมาเปิดประตูกลับเข้าห้องนอนมา สไบนางรีบเอาน้องหมาวางเบาะ
“ห้ามส่งเสียงดังนะ ยักษ์วัดแจ้งมาแล้ว”
สไบนางรีบไปขึ้นเตียงห่มผ้านอนทันที อุปมาเดินเข้าห้องนอนมา เสียงน้องหมาเห่าต้อนรับทันที อุปมาไม่พอใจ
“เอามันออกไปจากห้องเลยนะ”
สไบนางลุกนั่ง
“ไม่”
“ได้ยินมันเห่ามั้ย”
“ถ้าเอาซันไชน์ออกไป ฉันจะเห่าแทน ดูซิ เสียงเห่าตัวไหนจะดังกว่ากัน”
“เธอมันหมาบ้า...”อุปมาหงุดหงิด “โอ๊ย”
อุปมาเดินไปเข้าห้องน้ำ ปิดประตูโครม สไบนางหันมาพูดกับน้องหมา
“ไม่ต้องกลัวนะซันไชน์ ยักษ์ไปแล้ว กู้ดไนท์จ้ะ”
สไบนางเลื่อนตัวลงนอน ยิ้มอารมณ์ดี
ใกล้เช้า...น้องหมาขึ้นเตียงมายืนเลียหน้าเลียปากอุปมาแผล็บๆ อุปมารู้สึกตัวตื่น ลืมตามอง เด้งตัวขึ้นนั่ง โวยวายลั่น
“อะไรวะ ลงไปเลย”อุปมาดึงเสื้อขึ้นเช็ดหน้าไปมา รังเกียจ “แหยะ น้ำลายทั้งนั้นเลย”
สไบนางสะดุ้งตื่น เปิดผ้าห่มที่นอนคลุมโปงทั้งคืนออก
“ซันไชน์ มานี่”
สไบนางอุ้มน้องหมามา แอบอมยิ้มสมน้ำหน้า อุปมารู้สึกแฉะๆ จับบ็อกเซอร์ดู
“นี่มันฉี่รดฉันเหรอ”
อุปมาลุกลงจากเตียง สไบนางแอบขำรีบกดเอาไว้
“ฉี่ราดเองรึเปล่า”
“จะบ้าเหรอ...เอามันออกไปจากห้องฉันเลยนะ ถ้าฉันออกมาจากห้องน้ำเจอมันอีก จะเตะให้คอหักเลย” อุปมาเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างหัวเสีย สไบนางตกใจ กอดน้องมาไว้แน่น จ้องเขม็งตามอุปมาไปพลางพึมพำ
“ไอ้ใจโหด!”
อ่านต่อหน้า 2
รอยมาร (ต่อ)
เช้าวันใหม่...
สไบนางเดินคุยโทรศัพท์มือถือกับอาทิตย์อย่างอารมณ์ดีอยู่ที่สนาม น้องหมาวิ่งเล่นไปมาก่อนจะวิ่งหายไป
“เมื่อคืนเจ้าตัวเล็กสร้างความวุ่นวายรึเปล่า”อาทิตย์ถาม
“ไม่เลยซันนี่ เลี้ยงง่าย...คนมากกว่าที่เป็นตัวสร้างปัญหา....เอ้อ บีตั้งชื่อให้น้องหมาแล้วนะ ชื่อว่าซันไชน์ ชอบม๊ะ”สไบนางยิ้มฟังอีกฝ่าย
อุปมาแต่งตัวจะออกไปข้างนอกเดินมาเหล่ๆ มองสไบนางตาขวางๆ เพราะสไบนางที่คุยโทรศัพท์มือถือ ดูท่าทางน่าหมั่นไส้มาก
“ส่วนไอ้ตัวใหญ่ขนหน้าดกๆชื่อไอ้ซันเซ็ต กำลังจะออกไปข้างนอกแล้ว”
อาทิตย์หัวเราะขำ เพราะรู้ว่าสไบนางหมายถึงใคร อุปมามองสไบนางอย่างเจ็บใจเรื่องเมื่อคืนไม่หาย ทั้งถูกหมาเลียหน้าและฉี่รด เดินหน้าหงิกงอไป
“เปลี่ยนใจแล้ว ให้ชื่อ อัพเซ็ต ดีกว่า...คนบ้าอะไรจะหน้าหงิกหน้างอ บูดบึ้งเป็นตูดได้ทั้งวัน”
อาทิตย์พูดอะไรไม่ออก ได้แต่หัวเราะ สไบนางกวาดตามองหาน้องหมา พลางพูดบ่น...
“ซันไชน์หายไปไหนก็ไม่รู้...ซันไชน์...”สไบนางเดินตามหา “ซันไชน์...ตกคลองรึเปล่าเนี่ย”
สไบนางเป็นห่วงจะเดินไปทางคลอง ทันใดนั้นมีเสียงหมาร้องดังขึ้นมาพร้อมเสียงเบรครถกะทันหัน พร้อมเสียงแรมร้องโวยวาย
“ว้าย คุณมาร์ค ทับลูกหมาค่ะ”
สไบนางตกใจสุดชีวิต รีบวิ่งไปทางหน้าบ้านทันที
อุปมารีบลงจากรถมาดู แรมหลับตาปี๋ไม่ค่อยกล้าดู หวาดเสียว สไบนางวิ่งตะบึงเข้ามาถึง ผลักอุปมากระแทกรถให้พ้นทาง สไบนางตกใจมาก
“ซันไชน์”
สไบนางเบือนหน้าหนี ไม่กล้ามอง อุปมาหน้าเสีย รู้สึกผิดไปเหมือนกัน
“ฉันขอโทษ”
สไบนางหันขวับจ้องอุปมา ตาแดงก่ำ ผลักอกอุปมาซ้ำอย่างแรง
“ไอ้คนใจร้าย”
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“โกหก นายจงใจแกล้งฉัน นายตั้งใจฆ่ามัน นายเกลียดมัน”สไบนางทุบตีอุปมา “ไปตายเลยไป ไอ้ฆาตกร”
อุปมานิ่งๆ ไม่ตอบโต้อะไร สไบนางวิ่งไปดึงผ้าเช็ดโต๊ะที่แรมถืออยู่ เตรียมจะไปปูที่โต๊ะในห้องอาหารจากแรมไปห่อศพน้องหมา ทุกคนมองตามไป สไบนางอุ้มศพน้องหมาห่อผ้าไว้แนบอก วิ่งร้องไห้ไปทางสนาม อุปมาหันไปสั่งแรม
“เรียกเด็กมาล้างทำความสะอาดให้เกลี้ยงนะน้าแรม”
“ค่ะคุณมาร์ค”แรมรีบเดินไป
อุปมาหันมองตามสไบนางไป ด้วยความรู้สึกเสียใจ ได้แต่ถอนใจยาวออกมา
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางใช้พลั่วทุบดินกลบหลุมศพของซันไชน์ที่ริมสวน เธอยกแขนขึ้นปาดเหงื่อแล้วคุกเข่าหน้าหลุมศพ น้ำตาคลอๆ
“ลาก่อนนะซันไชน์ แกหมดกรรมแล้ว ต่อไปจะได้เกิดเป็นคนแล้วล่ะ”สไบนางซับน้ำตาออก
อุปมาเดินเข้ามาเงียบๆด้านหลัง พร้อมกับเด็ดดอกไม้ที่มีอยู่ในสนามติดมือมากิ่งหนึ่ง สไบนางหันไปมองตาขวาง อุปมานั่งคุกเข่าลงข้างๆสไบนาง ปักกิ่งดอกไม้ที่หลุมศพ
“ฉันขอโทษนะซันไชน์ ฉันไม่เห็นไม่ได้ตั้งใจขับรถทับแกจริงๆ อโหสิให้ฉันด้วยนะ”
สไบนางผลักอุปมาล้มไปกับพื้นหญ้าอย่างฉุนเฉียว
“ไปให้พ้นเลยไอ้คนใจโหด”สไบนางน้ำตาท่วม“นายมันตัวมาร ทำลายความสุขทุกอย่างในชีวิตฉัน เมื่อไหร่นายจะไปให้พ้นจากชีวิตฉันซะที”
สไบนางดึงกิ่งดอกไม้ที่อุปมาปัก มาปาใส่หน้าอุปมาก่อนจะวิ่งร้องไห้กลับเข้าบ้านไป อุปมาถอนใจยาวออกมา ขยับตัวขึ้นยืนมองไปที่หลุมศพ
“แกคงรู้นะว่าฉันไม่ได้ตั้งใจ”
อุปมาก้มเก็บกิ่งดอกไม้ไปวางไว้ที่เดิม แล้วเดินกลับออกไปอย่างสลดใจ
+ + + + + + + + + + + +
อาทิตย์มาคุยกับสไบนางตอนเย็น ที่ศาลาท่าน้ำที่บ้านสวน
“ไม่ต้องเสียใจหรอกบู้บี้ เดี๋ยวหาซื้อให้ใหม่”
สไบนางหน้าเศร้า
“ไม่เอาแล้วล่ะ เดี๋ยวตายอีก ไม่อยากเสียใจ”
“เขาคงไม่ได้ตั้งใจฆ่าซันไชน์หรอก”
“ซันนี่อย่าไปเข้าข้างมันนะ”
สไบนางสายตาแข็งกร้าว โกรธจัด อาทิตย์ยกมือยอมแพ้
“โอเค ไม่พูดถึงเขาก็ได้”
สไบนางถอนใจพรืดออกมา อย่างรู้สึกผิด
“บีขอโทษนะซันนี่ บีดูแลของขวัญที่ซันนี่ซื้อให้ไว้ไม่ได้”
“อย่าคิดมากเลยบี กรรมของมัน เดี๋ยวมันก็ไปเกิดเป็นลูกเธอเองแหละ”อาทิตย์บอกยิ้มๆ
สไบนางขำๆ
“แล้วลูกบีออกมาจะหน้าเหมือนซันไชน์มั้ย”
อาทิตย์กระเซ้าหน้าตาย
“คุณมาร์คหน้าเหมือนซันไชน์เหรอ”
สไบนางของขึ้น
“ซันนี่”สไบนางคว้าแก้วน้ำทันที
อาทิตย์หัวเราะชอบใจ
“ไม่เล่นนะบู้บี้”อาทิตย์วิ่งหนี
สไบนางถือแก้วน้ำวิ่งไล่สาดอาทิตย์ไปทางสวน คุณหญิงรุจาและบังอร มองดูอยู่จากบนบ้าน คุณหญิงรุจาไม่สบายใจนักกับภาพความสนิทสนมที่เห็น
“เดี๋ยวบีจะกลับไปบ้านโน้นให้ระเบียบตามไปส่งนะ อย่าให้กลับไปกับอาทิตย์ตามลำพัง”
“ค่ะคุณ”บังอรพูด
คุณหญิงรุจาถอนใจออกมาบางๆ ก่อนเดินนำกลับเข้าบ้านไป บังอรชะเง้อมองตามทั้งสองคนไปอย่างไม่สบายใจเช่นกัน
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางเดินกลับเข้าโถงบ้านมา ชะงักไปเมื่อเห็นอุปมากำลังพยายามให้ลูกหมาตัวใหม่ทานอาหารอยู่ในชามกลางโถงบ้าน อุปมายิ้มให้สไบนาง
“ฉันซื้อมาใช้”
สไบนางหน้าบึ้งตึง
“ฉันไม่ชอบ ซันไชน์มีได้แค่ตัวเดียว”
สไบนางจะเดินขึ้นบ้าน อุปมาหมั่นไส้ติดหมัด
“แน่สิ ก็คนรักให้นี่ หมาตัวไหนก็ทดแทนไม่ได้หรอก”
สไบนางหันมาจ้องหน้า
“แน่นอน เอามาจากไหนก็เอาไปคืนเขาเลยไป”
“ฉันจะเลี้ยงเอาไว้”อุปมาโต้
“ก็เรื่องของคุณ บ้านของคุณ ถ้าฉันไม่เห็น เดินเหยียบมันตายอย่ามาว่ากันก็แล้วกัน”
สไบนางจ้องอุปมาอย่างไม่หายโกรธ
“คนใจยักษ์”อุปมาว่า
สไบนางสวนทันที
“ไอ้ฆาตกรใจโหด”
สไบนางวิ่งขึ้นบ้านไป อุปมาหัวเสีย ทำดีไม่ได้ดี อุ้มลูกหมาตัวใหม่กลับออกไปจากบ้านทันที
+ + + + + + + + + + + +
ยายจันทร์ยกถาดใส่นมและผลไม้ เอามาให้ประมุขในห้องนอน ยายจันทร์ตกใจร้องลั่น ถาดหก เข่าอ่อนทรุดตัวลงนั่งกับพื้น เมื่อเห็นประมุขนอนหมดสติอยู่ข้างเตียง คุณหญิงรุจาและบังอรรีบตามมาทันที เมื่อเห็นสภาพประมุข คุณหญิงรุจารีบเข้าไปดู พลางเขย่าตัว
“ประมุข...เป็นอะไรลูก”
“บังอรไปตามลุงแก้วก่อนนะคะ”บังอรรีบวิ่งออกไป
ประมุขยังคงหมดสติ ไม่รู้สึกตัว
“ยายจันทร์ ช่วยฉันที”คุณหญิงรุจาบอกเสียงสั่น
“ค่ะคุณท่าน”ยายจันทร์หน้าตาตื่นตกใจเข้ามาช่วยประคองประมุข
เมื่อช่วยดูแลประมุขให้กลับขึ้นไปนอนบนเตียงแล้ว และให้หมอมาดูอาการแล้ว คุณหญิงรุจาโทรศัพท์ไปหาวิจิตราที่ยังดูแลเมธาวีอยู่
วิจิตรารับโทรศัพท์มือถือคุยเบาๆ พร้อมเหลือบมองเมธาวีที่นอนหลับอยู่บนเตียงว่าจะตื่นขึ้นมาหรือเปล่า
“คุยได้ค่ะคุณแม่ เมเพิ่งหลับไปค่ะ”
"ประมุขอาการไม่ค่อยดีนะ แม่ว่าสุขภาพกายมันทรุดโทรมตามสุขภาพใจ คนใช้ชีวิตอยู่อย่างซังกะตาย หมดความหวัง หมดกำลังใจ เธอเข้าใจมั้ย”
วิจิตราเป็นห่วงสามีขึ้นมา
“เข้าใจค่ะคุณแม่ ยังไงตอนนี้ก็ยังบอกให้เมรู้ไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวจะทรุดตามไปอีกคน”
“ถ้าเมดีขึ้นแล้ว เธอก็กลับมาเยี่ยมสามีเธอมั่งเถอะนะ...แม่คุยกับหมอแล้ว บอกตามตรงว่าแม่ไม่สบายใจเลย”
“ค่ะคุณแม่ วันสองวันนี้หนูจะกลับไปบ้านสวนค่ะสวัสดีค่ะคุณแม่”
วิจิตรากดตัดสายแล้วหันมองไปทางเมธาวี น้ำตารื้นๆ รู้สึกสลดหดหู่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกและสามีอย่างบอกไม่ถูก
+ + + + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น...
อุปมาและสไบนางนอนหลับบนเตียง สไบนางนอนเอียงข้าง มีหมอนข้างใบโตกั้นกลาง อยู่ๆ อุปมาก็ละเมอขึ้นมา
“จิ๊บ”
สไบนางเปิดตาตื่น
“จิ๊บ”อุปมาละเมอซ้ำอีก
สไบนางขยับตัวขึ้นนั่งหันมองหน้าอุปมา
“จิ๊บไหนไอ้หน้าหนวด”สไบนางจ้องหน้า พูดพึมพำ
“เก๋”อุปมาละเมอต่อ
“แน๊ะมีเก๋อีก”
“ก้อย”อุปมาละเมอต่อ ขยับตัวพลิกไปอีกข้างหลับต่อไป
“เอากะมันสิ เลี้ยงกิ๊กเป็นพรวนเลยนะไอ้หนวดลามก”
สไบนางบ่นอย่างโมโห โดยไม่รูว่าอุปมาแอบยิ้มขำๆที่ได้แกล้งสไบนาง
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันใหม่...
อุปมาเดินผิวปากอารมณ์ดีมาที่โต๊ะอาหาร อุปมาแต่งตัวแปลกตาไป สวมเสื้อยืดคอกลมพอดีตัว สีสันสดใส กางเกงขาสั้นเทียมเข่าแบบเข้ารูปดูทะมัดทะแมง อย่างพยายามจะกระชากวัยเล็กน้อย สไบนางย่องตามลงมาจากชั้นบน ด้วยความสงสัยกับการแต่งตัวที่เปลี่ยนสไตล์ไป
“คุณมาร์คคะ คุณท่านบอกทานข้าวเสร็จแล้วเชิญที่บ้านด้วยค่ะ”แรมบอก
“งั้นน้าแรมช่วยยกอาหารไปบ้านโน้นที ผมไปทาน บ้านพ่อเลยดีกว่า”
“ได้ค่ะ”
อุปมาเดินผิวปากออกไปจากบ้านดูอารมณ์ดีจัด สไบนางรีบกดโทรศัพท์มือถือโทรออกหาอาทิตย์ แล้วพูดทันทีเมื่ออาทิตย์กดรับ...
“ถึงไหนแล้วซันนี่...นัดสาวเอาไว้ เลทได้ไงรีบบึ่งมาเร็วๆเลย ให้เวลา 20 นาทีบีจะตามจับผิดคน แต่งงานแล้วยังแอบเลี้ยงกิ๊ก ถ้าเป็นอย่างที่บีคิด บีหาเรื่องหย่าได้ทันทีเลย หยามกันแบบนี้ เมียหลวงที่ไหนจะทนได้”
สไบนางโวยวาย ขณะที่ปลายสายหัวเราะขำๆ
+ + + + + + + + + + + +
อาทิตย์ขับรถพาสไบนางตามอุปมาออกไป เมื่อถึงจุดหมายจึงไปซุ่มดูอยู่มุมหนึ่ง
”แสบจริงๆ แอบเลี้ยงกิ๊กไว้ต่างจังหวัด ไม่รู้จะมีลูกติดด้วยรึเปล่า”สไบนางบ่นอย่างหมั่นไส้มาก
อาทิตย์ชะเง้อมองตามอุปมา ที่เดินลัดเลาะไปตามทาง
“ตามลงไปดูมั้ย”อาทิตย์ถาม
“แน่นอน พริ้วอย่างไอ้เคราลามกนี่ ต้องจับให้ได้คาหนังคาเขา”สไบนางหยิบมือถือขึ้นมา”ต้องถ่ายคลิปไว้ให้คุณลุงดูด้วย”
สไบนางเดินนำลงรถไปก่อนอาทิตย์รีบตามลงไป สไบนางและอาทิตย์ย่องๆ มายืนแอบมองหลังต้นไม้ใหญ่ สายตาทั้งคู่มองตามอุปมาไป พบว่าอุปมาถือถุงใส่ของใบโตสองมือ หัสดินเดินเข้ามาช่วยรับของจากอุปมา
อุปมามองดูโรงเรียนชั้นเดียว ที่ชาวบ้านและเด็กๆ ช่วยกันขนของ และอุปกรณ์การเรียนการสอน เข้าไปจัดในโรงเรียนอย่างชื่นใจ
“เหลืองานอะไรให้ทำอีกเนี่ย”อุปมาหันไปถามหัสดิน
“ขนอุปกรณ์เข้าห้องเรียนอีกนิดหน่อย ฉันว่าแกมาช่วยพวกเราปลูกต้นไม้ดีกว่า”หัสดินบอก
”โอเค แต่งตัวมาพร้อมลุยอยู่แล้ว”
อุปมาและหัสดิน เดินไปหาเพื่อนๆรุ่นราวคราวเดียวกัน ปลูกต้นไม้แต่งสนามหญ้าหน้าโรงเรียนไป
สไบนางที่ถือโทรศัพท์เตรียมถ่ายคลิปเต็มที่ จ๋อยสนิท
“พี่ว่าเขาน่าจะมาช่วยกันทำประโยชน์มากกว่าเลี้ยงกิ๊กนะ บู้บี้”อาทิตย์บอก
“ก็ไม่แน่หรอก ทำดีหวังผล เคยเห็นป่ะ”
สไบนางเหยียดปากหมั่นไส้ ไม่เชื่อว่าคนอย่างอุปมาจะเป็นคนดีจริงๆ
“มาจากกรุงเทพใช่มั้ยครับ”เสียงลุงชาวบ้านดังขึ้น
สไบนางและอาทิตย์สะดุ้งโหยงหันกลับไปมอง ลุงยิ้มแย้มให้
“โรงเรียนไปทางนี้เลยครับ”ลุงบอกทาง เพราะคิดว่าทั้งคู่จะมาโรงเรียน
สไบนางและอาทิตย์ตกใจมาก
“หนูไม่ได้มาด้วยกันค่ะลุง”สไบนางชิ่ง เดินหนีไปเลย
“บู้บี้”
ลุงจับแขนอาทิตย์ขวับ
“ทางนี้เลยครับ ลุงพาไป”
ลุงลากอาทิตย์ไปด้วย อาทิตย์แหยๆ หันมองตามสไบนางไป พร้อมคิดแก้สถานการณ์ สไบนางหลบมุมแอบมองอย่างเสียวๆกลัวว่าอุปมาจะรู้ว่าเธอตามมา
ลุงพาอาทิตย์มาหาอุปมาและหัสดินกับเพื่อนๆ ที่กำลังง่วนปลูกต้นไม้อยู่
“ลุงพาเพื่อนคุณมาส่งครับ”
อุปมาและหัสดินหันมามองอาทิตย์ อย่างแปลกใจว่ามาได้ไง
“เผอิญผมมาราชการที่นี่พอดี เห็นทำอะไรกันอยู่ก็เลยแวะมาดู”
อาทิตย์ฝืนยิ้มรีบแก้ตัว อุปมาถอนใจเซ็งๆใส่อริ ก่อนหันไปปลูกต้นไม้ต่อไป
“มาแล้วก็อย่าให้เสียเที่ยว ขุดดินเลยครับ”หัสดินเอาจอบยัดมืออาทิตย์
อาทิตย์ยิ้มแหยๆ เหล่มองไปทางสไบนางที่ทำหน้าบุ้ยใบ้ ให้ทำไปอย่าหันมามองทางตน อาทิตย์จึงตามหัสดินไปขุดดิน สไบนางแอบอยู่หลังต้นไม้ จับตามองมาทางอุปมา...
อุปมาปลูกต้นไม้ไปอย่างตั้งใจ ยกแขนเสื้อขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าเล็กน้อย เนื้อตัวเปื้อนเลอะดินอย่างไม่รังเกียจ สไบนางรู้สึกชื่นชม แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหยียดปากหมั่นไส้กลบไป
หลังจากเสร็จงาน อาทิตย์ต้องทำหน้าที่ถ่ายรูปหมู่ของอุปมา หัสดิน เพื่อนๆ กลุ่มชาวบ้านและเด็กๆที่ หน้าโรงเรียนที่สร้างใหม่จนเสร็จเรียบร้อย
“อีกรูปครับ....” อาทิตย์ถ่ายรูป”โอเคครับ...”
“ขอบคุณครับ”หัสดินบอกอาทิตย์
“วันนี้พี่มีเสื้อมาแจกน้องๆ ด้วยนะครับ”
อุปมาบอกเด็กๆ หัสดินเดินไปยกถุงมาให้
“ตัวแรกของน้องจิ๊บ”อุปมาหยิบเสื้อออกมา
เด็กสาววัยประถมยิ้มแย้มยกมือไหว้มารับเสื้อไป อุปมาหยิบเสื้อออกมา ดูชื่อที่แปะเอาไว้
“ตัวนี้ของน้องเก๋ บอกพี่ว่าชอบสีเทาใช่มั้ย”
เด็กผู้ชายชื่อเก๋ยกมือไหว้ มารับเสื้อแล้วสวมกอดอุปมาขอบคุณ
สไบนางที่ยังคงแอบมองอยู่ แอบจ๋อย และรู้สึกผิดที่มองอุปมาในแง่ร้ายทั้งที่เขาทำตัวเป็นประโยชน์
อาทิตย์ขับรถพาสไบนางกลับบ้าน พร้อมเล่าสิ่งที่ตนได้ยินมาให้ฟังไป สไบนางมองไปนอกหน้าต่างทำทีเป็นไม่สนใจ แต่จริงๆแล้วตั้งใจฟังมาก...
“นี่ไม่ใช่โรงเรียนแรกที่คุณมาร์คกับเพื่อนๆ เขาช่วยกันรวมทุนมาสร้างนะบี ห้องสมุด ห้องน้ำก็เคยสร้างมาแล้ว ไม่ได้ทำในนามบริษัทด้วยนะ รวมกลุ่มทำกันเอง ไม่เคยทำข่าวประชาสัมพันธ์ด้วย นี่พี่ว่าจะขอเข้ากลุ่มด้วยอีกคน”
“ไม่ต้องเลยนะซันนี่ จะไปเป็นพวกเขาทำไม”สไบนางเคือง
“ไม่น่าเชื่อเนอะ ว่าคุณมาร์คจะมีมุมนี้กะเขาด้วย คนแบบนี้ซิน่าชื่นชม”
อาทิตย์ชื่นชมอุปมาจนสไบนางหงุดหงิด
“ปลื้มมากนักก็ไปจีบเขาเป็นแฟนเลยไป”สไบนางประชด
“อย่าท้านะ คุณมาร์คจะรีบหย่าให้บีทันทีเลย”อาทิตย์พูดเล่นขำๆ
สไบนาง ชกไหล่อาทิตย์ให้หมัดหนึ่ง อาทิตย์หัวเราะ ขับรถต่อไป สไบนางที่มองออกไปนอกหน้าต่างรถ ได้แต่แอบอมยิ้มปลื้มๆ ประทับใจในตัวอุปมาอยู่เหมือนกันที่รู้จักเสียสละทำประโยชน์เพื่อคนอื่น
+ + + + + + + + + + + +
หลายวันต่อมา ที่ห้องประชุม...
บารมีนั่งหัวโต๊ะเข้าร่วมประชุมกับอุปมา และพนักงานระดับหัวหน้าของบริษัท
“สรุปว่ารูปแบบงานของเราจะเป็นปาร์ตี้สบายๆ เน้นอาหารเจ้าอร่อยจากทุกย่าน แล้วก็มีจับสลากของขวัญ 20 รางวัล”เลขาสรุปรายละเอียดของการจัดงานให้ฟัง
“น่าจะมีการแสดงซักหน่อยมั้ย งานจะได้ไม่กร่อย”บารมีเสนอ
“เห็นหัสเขาจะพาวงเพื่อนเขามาเล่นให้นะครับพ่อ”อุปมาบอก
“โอเค”บารมีพยักหน้ารับ
เลขายกมือเสนอไอเดีย
“หนูว่าน่าจะให้คุณบี รำโชว์ในงานด้วยนะคะ ได้ยินว่าคุณบีเธอรำเก่ง ลูกค้าคงตื่นเต้นที่จะได้เจอตัวภรรยาคุณมาร์คด้วย”
อุปมาชะงักไป
“ไอเดียไม่เลวเหมือนกันนะ”บารมียิ้มๆพอใจ
“พ่อครับ ผมว่า...”
อุปมาจะค้าน แต่บารมีพูดขึ้นก่อน...
“เลี้ยงขอบคุณลูกค้าทั้งที ก็ต้องมีอะไรพิเศษหน่อยซิมาร์ค ภรรยาเอ็มดี ลงทุนขึ้นเวทีรำเอง มันแสดงให้เห็นถึงความความจริงใจกับลูกค้านะมาร์ค”
อุปมาอึ้งไป บารมีหันไปถามทุกคน
“มีใครเห็นด้วยมั่งครับ”
ในที่ประชุมยกมือกันถ้วนหน้า อุปมาพูดอะไรไม่ออก ขณะที่บารมีแอบยิ้ม แล้วสั่ง...
“คุณเลขาว่าต่อไปครับ”
อุปมาแอบถอนใจออกมาอย่างหนักใจ
+ + + + + + + + + + + +
ทันทีที่รู้เรื่องว่าจะต้องรำในงานบริษัทของอุปมา สไบนางลุกพรวดขึ้น กลางศาลาริมน้ำบ้านสวน
“ไม่ค่ะคุณย่า บีไม่อยากรำ บีไม่อยากช่วยฆาตกรใจโหดอย่างนายอุปมาร”
สไบนางโวยวาย จ้องหน้าอุปมาที่นั่งขรึมๆอยู่
“บี...คุณมาร์คเขาไม่ได้ตั้งใจ”คุณหญิงรุจาช่วยพูด
สไบนางสะบัดหน้าไปทางอื่น ยังโกรธไม่หาย อุปมาชำเลืองมองหน้าคุณหญิงรุจา สายตาขอความช่วยเหลือเล็กน้อย
“แม่บี...งานของบริษัทนะลูก”คุณหญิงรุจาพูด
“ไม่ใช่งานของบริษัทบีนี่คะ”
“ไม่ใช่ก็เหมือนใช่นั่นล่ะ ถึงจะไม่คิดว่าเราเป็นภรรยาของคุณมาร์ค แต่ยังไงเราก็คือสไบนาง บุญอนันต์ ไม่ใช่เหรอ”
สไบนางถอนใจพรืดออกมา กระแทกตัวลงนั่ง อุปมาแอบอมยิ้ม เมื่อเหก็นว่าสไบนางเริ่มจนด้วยเหตุผล
“ทำเพื่อบริษัทของตระกูลตัวเอง ไม่ควรปฏิเสธหรอกบี ไปจ้างคนอื่นมารำ ก็รำสวยสู้บีของย่าไม่ได้หรอก”คุณหญิงรุจาพยายามหว่านล้อม
สไบนาง อมยิ้มอย่างภูมิใจ
“จะใจอ่อนก็เพราะประโยคหลังนี่แหละค่ะ”
อุปมาหลุดหัวเราะออกมา สไบนางถลึงตาใส่ คุณหญิงรุจาก็สายตาดุใส่เช่นกัน อุปมายิ้มเจื่อนๆพูดกับคุณหญิงรุจา
“ขอโทษครับ”
“บีจะรำชุดเดียวกับงานคุณย่าก็แล้วกัน”สไบนางสรุป
“แต่เอาแบบเต็มเพลงนะครับ”อุปมาอดแขวะไม่ได้
สไบนางจ้องอุปมาตาโต ราวกับจะงับคอ คุณหญิงรุจาแอบถอนใจ เพราะรู้สึกว่าอารมณ์พอกันทั้งคู่ ไม่ได้ลดราวาศอกให้กันเลย อุปมาลุกขึ้น
“งั้นตกลงตามนี้ ผมกลับไปทำงานต่อนะครับคุณย่า”
“ไม่อยู่ทานกลางวันด้วยกันก่อนเหรอ”คุณหญิงรุจาถาม
“ไม่ทันแล้วล่ะครับ”อุปมายกมือไหว้”สวัสดีครับ”
“แล้วก็อย่ามาคาดหวังอะไรนักล่ะ บีไม่มีเวลาซ้อม บอกตามตรง ขี้เกียจ แล้วรำถูกรำผิด พวกพ่อค้าลูกค้านายคงดูไม่เป็นหรอก”
สไบนางเหยียดปากดูถูก ก่อนเดินกระแทกไหล่อุปมากลับไปทางตัวบ้าน อุปมาเหล่มองสไบนางอย่างไม่พอใจ คุณหญิงรุจาได้แต่ถอนใจส่ายหน้า อ่อนใจคู่นี้เหลือเกิน
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางเคาะประตูห้องนอนประมุขก่อนเปิดเข้าไป ประมุขที่นอนเหม่อมองไปทางหน้าต่างอยู่ หันกลับมาทางประตู ประมุขยิ้มดีใจ
“บี”
สไบนางเดินเข้ามานั่งข้างเตียง
“คุณลุงเป็นยังไงมั่งคะ”
“คนแก่มันก็ไม่มีอะไรดีซักอย่างล่ะลูก โรคมันรุมลุงไปหมดทั้งความดัน หัวใจ เบาหวาน มาครบเซ็ตเลย”
“คุณย่าบอกคุณลุงไม่ยอมทานยามาหลายวันแล้ว เมื่อวานถึงได้น็อคถูกหามส่งโรงพยาบาล”
ประมุขถอนใจ
“ลุงไม่รู้จะอยู่ไปทำไมนี่บี”ประมุขมองหน้าสไบนางอย่างเรียกร้องความเห็นใจ”รู้มั้ยว่าลุงมีของเรายึดบ้านอัคราชไปทั้งหลังยังใช้หนี้ ได้แค่ 1 ใน 3 เอง”
”ลุงเป็นหนี้มากขนาดนั้นเลยเหรอคะ”สไบนางตกใจ
“มันโกงลุง พลิกลิ้นไปเรื่อย มันเจ้าเล่ห์รอบจัด คิดดอกเบี้ยอะไรของมันก็ไม่รู้ ลุงไม่มีแรงจะสู้รบปรบมือกับมันอีกแล้ว”ประมุขรู้สึกเจ็บใจ
สไบนางเงียบไป รู้สึกไม่สบายใจ ประมุขรีบพูดต่อ...
“ตอนนี้ที่เขายังไม่ทำรุนแรงอะไร ก็เพราะติดที่บีเป็นหลานเขาแล้วก็เป็นลูกสะใภ้ด้วย ถึงจะแค่ในนามก็เถอะ…”ประมุขเลื่อนมือจับมือสไบนางเอาไว้”ตอนนี้ลุงฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่บีแล้วนะ ทำตัวให้เขารัก แล้วขอร้องให้เขาปลดหนี้ทั้งหมดให้ลุง ลุงก็ยังพอมีหวังจะกลับมาลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง”
สไบนางดึงมือออก
“บีคงช่วยลุงไม่ได้หรอกค่ะ”
“บี”
สไบนางลุกขึ้นยืน
“ถ้าลุงยังพูดเรื่องนี้อีก บีจะไม่มาเยี่ยมคุณลุงอีกเลย”
สไบนางลุกเดินไปทางประตูห้อง ขณะที่หน้าห้อง คุณหญิงรุจาที่แอบฟังอยู่ รีบเดินหลบออกไป สไบนางเปิดประตูห้องเดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด คุณหญิงรุจาแอบมองตามหลานสาวไปด้วยความเห็นใจ
ค่ำคืนนั้น...
อุปมาเดินออกมารับอากาศบริสุทธิ์ บริเวณสนามหน้าบ้าน เห็นเงาตะครุ่มๆอยู่ข้างสนาม จึงหันไปมอง เห็นสไบนางกำลังตั้งอกตั้งใจซ้อมรำอยู่ในมุมมืด อุปมารีบหาที่หลบมุมแอบมอง
สไบนางซ้อมท่ารำทบทวนไป ปรากฏว่าผิด ส่ายหน้าไม่พอใจแล้วเริ่มต้นซ้อมใหม่อย่างตั้งใจ อุปมายิ้มพอใจก่อนจะเดินเลี่ยงกลับเข้าบ้านไปเงียบๆ ไม่อยากรบกวน
+ + + + + + + + + + + +
เช้าวันต่อมา...
วิมาดาไปที่บริษัทอุปมา เพื่อรับเงินค่าทำงานงวดสุดท้ายที่ฝ่ายการเงินของบริษัท เลขาเดินเอาแฟ้มรายจ่ายที่อุปมาเซ็นแล้วมาให้การเงินพอดี
“อ้าวคุณวิ”เลขาทัก
“สวัสดีค่ะ”วิมาดายิ้มแย้ม
เลขานั่งลงคุยด้วย
“รับเช็คงวดสุดท้ายเหรอคะ”
“ค่ะ”
“เสียดายนะคะ สวยๆอย่างคุณวิ ถ้ายังอยู่คงได้ขึ้นโชว์อีกซักชุด”
วิมาดางงที่เลขาพูด
พนักงานการเงิน รีบเสริมสีหน้าเขินๆ
“ใช่ค่ะ พวกเราจะได้ไม่ต้องขึ้นเต้นหางเครื่องอายจะตาย”
“เอ๊ะ มีงานอะไรกันเหรอคะ”วิมาดาสงสัย
“งานเลี้ยงขอบคุณลูกค้าน่ะค่ะ โชคดี คุณบี ภรรยาคุณมาร์คน่ะค่ะ ขึ้นโชว์รำเปิดงานให้ ค่อยพอกู้หน้าให้บริษัทหน่อย”เลขาตอบ
วิมาดาแอบหมันไส้
“แหม...น่าสนุกจังเลยขอวิมางานด้วยคนได้มั้ยคะ”วิมาดาพูดอ้อนๆ
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะค่ะ เดี๋ยวคุณน้องจัดการให้เองค่ะ”เลขาบอก
“ขอบคุณมากค่ะ”
วิมาดาอมยิ้ม อิจฉาปนหมั่นไส้
+ + + + + + + + + + + + +
อุปมาวิ่งจ๊อกกิ้งมากลางสนาม มายืดเส้นวอร์มอัพร่างกาย มองไปริมสนาม เห็นสไบนางนอนปูเสื่ออ่านตำราภาษาอังกฤษอยู่ สไบนางขยับตัวนั่งเห็นอุปมามองมาทางตน อุปมารีบหันไปทางอื่น วอร์มอัพร่างกายไป สไบนางรีบนั่งจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ไม่ค่อยไว้ใจ อุปมาวิ่งเหยาะๆเข้ามาหา
“ไปจ๊อกกิ้งกันมั้ย”อุปมาถามสไบนาง
“ชวนใคร”
“อ้าว ก็อยู่กันสองคน จะชวนใครล่ะ”
“ฉันไม่ชอบ”สไบนางไม่แคร์ อ่านตำราต่อ
“นั่งๆ นอนๆ ทั้งวัน ระวังตูดใหญ่นะ”
สไบนางของขึ้นทันที
“แล้วมันหนักอะไรนายด้วยล่ะ”
อุปมาพูดขำๆ
“ฉันเป็นห่วงกลัวจะใส่ชุดรำไม่เข้า”
สไบนางขว้างหนังสือใส่อุปมาทันที อุปมารับเอาไว้ทัน ขณะเดียวกันแรมเดินเข้ามาหา
“คุณบีคะ คุณอาทิตย์มาค่ะ รออยู่ที่ห้องรับแขก”แรมพูด
สไบนางเหยียดปากใส่อุปมา แล้วรีบวิ่งไปเข้าบ้าน อุปมาหันมองตามไป ตัดสินใจเดินตามไปป่วนทันที
+ + + + + + + + + + + +
อาทิตย์นำชุดนางรำ ออกจากถุงพลาสติกมาโชว์ให้สไบนางดู
“ใช่มั้ย”อาทิตย์ถาม
สไบนางยิ้มรับ
“เก่งที่สุดเลยซันนี่ บีไว้ใจคนไม่ผิดเลย”
อาทิตย์ยิ้มๆแล้วแบมือ
“ตกลงจะให้รางวัลอะไรพี่”
“บีให้บัตรวีไอพีเข้างานไปดูบีรำได้ฟรีๆ เลย”
อาทิตย์ทำหน้าปลื้ม ประชด
“โอ้โห อยากได้มากเลย”
เสียงอุปมาดังขึ้นทันที
“นี่เป็นงานเลี้ยงขอบคุณลูกค้า คนนอกไม่เกี่ยว”
สไบนางและอาทิตย์หันมองอุปมาที่เดินหน้ากวนๆเข้ามา สไบนางจ้องหน้าอุปมา ตั้งท่าจะอ้าปากเถียง
“ไม่เป็นไรหรอกบี พี่อาจจะเข้าเวรก็ได้”อาทิตย์รีบขัด เพราะไม่อยากให้มีเรื่อง
สไบนาง ไม่สนอาทิตย์ ฉะอุปมา
“ถ้าซันนี่เป็นคนนอก ฉันก็เป็นคนนอกเหมือนกัน เพราะฉะนั้นงานนี้ฉันก็ไม่เกี่ยว”
อุปมาจ้องหน้าสไบนาง
“ถ้าซันนี่เข้างานไม่ได้ ฉันก็ไม่รำ”สไบนางโยนชุดพาดลงโซฟา
อุปมาหมั่นไส้
“ไม่มีคนรักมาดู สงสัยจะไม่มีแรงรำ”
“แน่นอน”สไบนางโอบบ่าอาทิตย์”กำลังใจตัวจริงฉันอยู่นี่ นายมันตัวปลอม...”
อุปมาจ้องสไบนาง อย่างรู้สึกเสียฟอร์มเล็กๆ สไบนางหันไปบอกอาทิตย์
“ไปจ๊อกกิ้งกันเถอะซันนี่ บีชอบจ๊อกกิ้งกับตำรวจ ปลอดภัย ไม่ต้องกลัวถูกจับปล้ำ”
สไบนางลากแขนอาทิตย์พาออกไปจากบ้าน อุปมาเหล่มองตามอย่างหงุดหงิดสุดๆ
+ + + + + + + + + + + +
วันจัดงานเลี้ยงที่บริษัท...
อุปมาและบารมียืนต้อนรับลูกค้าที่หน้าห้องจัดเลี้ยง หัสดินคอยช่วยเพื่อนรับแขกอย่างเต็มใจโดยเฉพาะลูกค้าสาวๆ บารมีเดินคุยกับลูกค้ารายใหญ่พาเข้าไปด้านในห้องจัดเลี้ยง
หัสดินมองไปทางด้านทางเข้างาน หน้าเสียไปเล็กน้อย เดินไปสะกิดแขนอุปมาให้ดูว่าใครมา อุปมาหันไปมอง พบว่าวิมาดาแต่งตัวสวยโดดเด่นเดินตรงเข้ามาหา
วิมาดายิ้มบางๆ
“คุณคงไม่ไล่วิออกจากงานนะคะ วิแค่อยากมาดูภรรยาคุณรำเปิดงาน เห็นเขาร่ำลือว่ารำสวยไม่แพ้มืออาชีพ”วิมาดายิ้มหยันๆอยู่ในที
“ถ้าคุณไม่มาสร้างความวุ่นวายในงานของผม ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
“โอเคค่ะ วิรับปากถ้าวิสร้างความวุ่นวายปุ๊บ วิจะออกจากงานทันทีเลย”วิมาดายิ้มให้แล้วเดินเข้างานไป
“แกคอยจับตาเอาไว้นะ”อุปมาบอกหัสดิน
“ไม่ต้องห่วง”หัสดินตบบ่าเพื่อนแล้วเดินตามเข้าไปในงาน
อุปมามองตามเข้าไปอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะไม่คิดว่ามิมาดาจะมาดี
+ + + + + + + + + + + +
ในห้องแต่งตัว...
สไบนางแต่งชุดนางรำ แต่งหน้าสวยงามแล้วอยู่ในห้องแต่งตัว กำลังส่องกระจก จัดแต่งชุดให้
เข้าที่เรียบร้อย ช่างแต่งหน้า ช่างทำผมกำลังแต่งหน้าทำผมให้พนักงาน ในชุดหางเครื่องเตรียมขึ้นโชว์ ต่อจากสไบนาง ขณะที่นักดนตรีนั่งพักผ่อน รอขึ้นแสดง
วิมาดาเดินเข้าห้องแต่งตัว สไบนางเหลือบตามองผ่านกระจก ตั้งหลักเตรียมพร้อม เมื่อเห็นวิมาดาเดินตรงเข้ามาหา
“สวยจังเลยนะคะคุณบี”วิมาดาชมน้ำเสียงเหยียดๆ
“คุณจะขึ้นโชว์หางเครื่องกะเขาด้วยเหรอคะเนี่ย”สไบนางยิ้มกวนๆมองวิมาดา หัวจรดเท้า
วิมาดาไม่แคร์คำพูดแดกดัน ขยับตัวเข้ามาใกล้ พูดให้ได้ยินกันสองคน
“ฉันรู้นะ ว่าเธอเป็นเจ้าสาวส้มหล่นของคุณมาร์ค อย่าหวังเลยว่าจะหว่านเสน่ห์จับคุณมาร์คได้สำเร็จ”
สไบนางและวิมาดาจ้องตากัน ต่างไม่ลงให้กัน
อาทิตย์ในชุดลำลองเดินเข้าห้องแต่งตัวมา สไบนางเหลือบตาเห็นอาทิตย์
“คุณตำรวจคะช่วยด้วยคะ”สไบนางทำเสียงดัง รีบลุกไปหาอาทิตย์
ทุกคนหันมอง สไบนางจงใจชี้ไปทางวิมาดา
“เมียน้อยบุกค่ะคุณตำรวจ ผิดศีลธรรม จับเข้าคุกไปเลยค่ะ”
ทุกคนหันมองวิมาดา..
“อีเด็กบ้า”วิมาดาทั้งเจ็บใจ ทั้งอาย รีบก้มหน้าก้มตาเดินหนีออกไปจากห้องแต่งตัว
ทุกคนพากันงง ก่อนจะหันไปซุบซิบกัน สไบนางอมยิ้มพอใจ
“ขยันสร้างศัตรูซะจริงเลยบู้บี้”อาทิตย์ตำหนิ
สไบนางยักไหล่ไม่แคร์ สะใจที่ได้ตอกกลับวิมาดา
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาจะเดินไปห้องน้ำ ระหว่างทางเดินไป เห็นสไบนางมาแอบซุ่มซ้อมรำอยู่อย่างตั้งใจ สไบนางตั้งใจซ้อมครั้งสุดท้ายก่อนขึ้นเวที อุปมายิ้มพอใจ ตั้งใจจะเดินเข้าไปชื่นชม พอเดินพ้นมุมจึงเห็นอาทิตย์นั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้น คอยถ่ายคลิปวีดีโอให้สไบนางไว้เช็คจากโทรศัพท์มือถือ อุปมายิ้มค้างไปเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเดินเลี่ยงกลับไปไม่อยากรบกวน สไบนางรำจบ อาทิตย์เฮเป่าปากเล็กน้อย สไบนางขำๆ วิ่งกลับมาคุกเข่านั่งข้างๆ
“ไหนดูซิ”
“พี่ว่ารำดีกว่าตอนงานคุณย่าอีกนะ”
สไบนางปลื้มใจ
“จริงเหรอ ขอบคุณนะซันนี่”
อาทิตย์กดเพลย์คลิปที่อัดไว้ให้สไบนางดูไป อาทิตย์แอบเหล่มองสไบนางที่สนใจดูคลิป ยิ้มปลื้มๆ นับวันชักจะเผลอหลงเสน่ห์เด็กเข้าให้เหมือนกัน
อุปมาและบารมี นั่งคุยกับลูกค้าที่โต๊ะหนึ่งหน้าเวที อาทิตย์เดินมาที่หน้าเวทีตั้งท่าเตรียมพร้อมถ่ายรูป อุปมาเหล่ๆ มองอาทิตย์เล็กน้อยดูเขม่นๆ หัสดินเดินยิ้มแย้มออกมากลางเวที
“สวัสดีแขกผู้มีเกียรติทุกท่านครับ”หัสดินประกาศพร้อมยกมือไหว้
พนักงานหน้าม้าปรบมือนำ ทุกคนในงานปรบมือตาม
“งานคืนนี้เรามีการแสดงบนเวทีมากมายหลายอย่าง ทั้งรำไทย โชว์เต้นหางเครื่องจากพนักงานสาวๆ ของบริษัทและ เพลงเพราะๆ ขับกล่อมตลอดงาน...โชว์แรกของค่ำคืนนี้ จะเป็นรำศรีวิชัยจากคุณสไบนาง ภรรยาคนล่าสุดของคุณมาร์คครับ”
พนักงานกรี๊ดกร๊าดกับเฮฮา อุปมายิ้มๆ ชี้หน้าหัสดินเล็กน้อย
“ขอโทษครับ ภรรยาคนแรกและคนเดียวครับ”หัสดินพูดขำ
บารมีและทุกคนพากันขำมุกของหัสดิน อุปมาแกล้งชกกำปั้นอัดใส่มือตัวเองจ้องหน้าหัสดินอย่างหยอกล้อ
สไบนางเตรียมพร้อมรอคิวออกไปแสดงขณะที่หัสดินประกาศเรียก
“ขอเสียงปรบมือให้กับคุณสไบนาง บุญอนันต์ กับรำศรีวิชัยด้วยครับ”
เสียงปรบมือดังตาม สไบนางยกมือไหว้ครู ตั้งท่าเตรียมพร้อม รอจังหวะเพลงขึ้น
“สไบนาง”วิมาดาเรียก
สไบนางหันไปมองตามเสียงเรียก วิมาดาถือซาหริ่มเต็มชามในมือ สาดใส่หน้าสไบนางทันที สไบนางเลอะทั้งหน้าทั้งตัว เส้นซาหริ่มเกาะหน้าเกาะเสื้อเปื้อนเปรอะเต็มไปหมด วิมาดาสะแหยะยิ้มสะใจ เดินออกไปหน้าตาเฉย
เสียงดนตรีขึ้น..
ทีมงานเดินออกมาปล่อยคิว ตกใจมาก
“ว้าย คุณบี”
เสียงดนตรีดังต่อไปเรื่อยๆ..สไบนาตัดสินใจรำออกไปหน้าเวทีเลย
ทุกคนปรบมือรับสไบนางที่รำออกมา แต่เสียงปรบมือก็หยุดกึกเพราะความประหลาดใจที่สไบนางเประเปื้อนไปด้วยซาหริ่ม อุปมาและบารมีตกใจมาก
“อะไรกันเนี่ยมาร์ค ทำไมบีเลอะเทอะยังงั้นล่ะ”บารมีประหลาดใจ
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับพ่อ อุปมา”ตกใจไม่แพ้กัน
อุปมามองไปที่หัสดินที่งงๆ ยักไหล่ว่าไม่รู้เหมือนกัน สไบนางยังคงรำไปอย่างยิ้มแย้มสวยงาม เหมือนเธอไม่ได้เปื้อนเลอะอะไรเลย อาทิตย์งงมาก หยุดการถ่ายคลิปทันที มองสไบนางด้วยสีหน้าเป็นห่วง
อุปมามองไปที่สไบนางด้วยความรู้สึกเห็นใจ สไบนางรำยิ้มแย้มแบบไม่รู้ไม่ชี้ เส้นซาหริ่มไหลจากหัวลงกลางหน้าสไบนางๆ ยังคงฉีกยิ้มรำไป วิมาดาเดินยิ้มสะใจผ่านหลังห้องจัดเลี้ยง จิกตามองไปทางสไบนาง
อุปมาหันมองไปทางวิมาดา ที่ยิ้มหยันให้เขาก่อนจะเดินออกไปจากห้องจัดเลี้ยง อุปมารู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของใคร อาทิตย์เองก็หันมองตามวิมาดาไปเช่นกัน เดินตามออกไปทันที
อาทิตย์เดินกวดตามวิมาดามาติดๆ ก่อนจะวิ่งเข้าขวางหน้า วิมาดาเชิ่ดหน้าใส่อาทิตย์
“ฝีมือคุณใช่มั้ย”
วิมาดาลอยหน้าลอยตา
“พูดเรื่องอะไรเหรอคะ”
“คุณสาดขนมหวานใส่บีทำไม”
“แหม คุณตำรวจคะ ยัดข้อกล่าวหาแบบไม่มีหลักฐานเลยนะคะเนี่ย”
“ไม่ใช่คุณแล้วใครจะทำ”
“ไม่ทราบซิคะ ฉันไม่ได้เป็นตำรวจ”วิมาดากวน
อาทิตย์พยายามสะกดอารมณ์
“ไม่มีอะไรแล้ว ฉันกลับก่อนนะคะ นัดเพื่อนเอาไว้” วิมาดาส่งสายตาเจ้าชู้เป็นประกาย
“หรืออยากจะไปด้วยกันล่ะคะ”
อาทิตย์ถอนใจออกมาอย่างเซ็งๆ แล้วเดินกลับไป วิมาดาขำหยัน
“อ่อน” วิมาดาเดินไปกดลิฟท์อย่างอารมณ์ดี
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางรำจนเพลงจบ พร้อมเสียงปรบมือ บารมีมองไปที่สไบนางอย่างเป็นห่วงความรู้สึกหลาน อุปมารีบเดินไปขึ้นเวทีพร้อมแย่งไมโครโฟนจากหัสดินมาพูด สไบนางจะหลบเข้าหลังเวทีด้วยความอายแต่อุปมาจับข้อมือเธอไว้ทัน สไบนางหันมองหน้า อุปมาเลื่อนมือเป็นกุมมือสไบนางประสานเอาไว้ ราวกับคนรักกัน สไบนางจะดึงมือออก แต่อุปมาบีบอย่างแน่นแล้วประกาศ
“คุณบีตั้งใจฝึกรำชุดนี้มาอย่างเต็มที่เพื่อแสดง ให้แขกทุกคนในงานชม แต่เผอิญก่อนแสดงเจอแอ็กซิเดนท์นิดหน่อย”อุปมาหันมองสไบนาง สายตาชื่นชม”แต่เธอก็ยังมีสปิริตออกมารำจนจบเพลง”
สไบนางชำเลืองมองอุปมาหน้านิ่ง ด้วยความรู้สึกขอบคุณที่ช่วยกู้หน้าให้ อุปมาหันมองหน้าเวที
“ขอเสียงปรบมือให้ภรรยาผมอีกครั้งด้วยครับ”
หัสดินเป่าปากปรบมือนำก่อนเลย บารมีลุกยืนนำบอกกับลูกค้า
“เดอะ โชว์ มัสท์ โก ออน”พร้อมปรบมือนำให้
ลูกค้าและพนักงานทุกคนลุกยืนตามบารมี ตามปรบมือให้สไบนาง อุปมาปล่อยมือที่จับสไบนางอยู่แล้วปรบมือให้ พร้อมยิ้มให้สไบนางด้วยสายตาชื่นชม สไบนางแอบน้ำตารื้นๆ รีบวิ่งกลับเข้าหลังเวทีไปอุปมามองตาม ตกใจเล็กน้อย หัสดินรีบแก้สถานการณ์มาแย่งไมค์จากอุปมา
“จบโชว์ซึ้งๆ ของสามีภรรยาแล้ว เรามาสนุกกับลีลาหางเครื่องของพนักงานสาวๆ อวบๆ ของบริษัท กันต่อเลยนะครับ ขอเสียงปรบมือด้วยครับ”
คำพูดของหัสดินเรียกเสียงหัวเราะจากลูกค้าได้ครืนใหญ่ ขณะที่อุปมารีบเดินตามสไบนางไปทางหลังเวทีบารมีปั้นยิ้มแย้มรับรองแขกปรบมือนำสนุกสนานไป แต่ก็แอบชำเลืองมองตามไป ก๊วนหางเครื่องสาววิ่งออกมาจากหลังเวทีพร้อมเสียงหน้าม้าปรบมือกรี๊ดกร๊าดเป่าปาก
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางวิ่งร้องไห้พร้อมเช็ดซาหริ่มที่ยังเปื้อนเลอะตัวออก ทั้งอับอาย ทั้งปลาบปลื้มระคนกันอย่างบอกไม่ถูก อุปมารีบวิ่งตามออกมา มองหาสไบนาง อยากจะปลอบใจ เห็นสไบนางวิ่งซับน้ำตาไป อุปมาตั้งท่าจะตะโกนเรียก แต่อาทิตย์เดินกลับมาจากฝั่งตรงข้ามซะก่อน อุปมาเลยชะงักไป
“ซันนี่”สไบนางร้องเรียก
สไบนางวิ่งร้องไห้ไปสวมกอดอาทิตย์เอาไว้แน่น ร้องไห้จนเนื้อตัวสั่นสะท้าน
อาทิตย์กอดสไบนางปลอบ
“บู้บี้คนเก่งของพี่ ไม่ร้องไห้ซิครับ เราทำหน้าที่ของเราเสร็จแล้ว เดี๋ยวไปหาอะไรอร่อยๆทานกันดีกว่านะ”
สไบนางพูดเสียงสั่นทั้งน้ำตา
“ไม่เอาซาหริ่มนะ”
อาทิตย์ขำออกมาแล้วกอดสไบนางเอาไว้แน่น ทั้งมันเขี้ยวและเอ็นดู อุปมามองอย่างนิ่งขรึมไปเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับไปตามทางที่มา อาทิตย์เงยหน้าขึ้นมามองเห็นอุปมาพอดี อาทิตย์มองตามอุปมาอย่างสงสัยความรู้สึกของอุปมาที่มีต่อเมธาวีในเวลานี้
+ + + + + + + + + + + +
อาทิตย์มาส่งสไบนางที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยที่รถอุปมา
“จะกลับกับคุณอาทิตย์ก็ได้นะ”อุปมาทำท่าไม่ใส่ใจ
สไบนาง หน้านิ่ง
“ก็อยากกลับอยู่หรอก แต่ซันนี่ต้องกลับไปอาบน้ำที่บ้านรีบไปเข้าเวร”
“ฝากด้วยนะครับคุณมาร์ค”
อาทิตย์บอกลา อุปมาพยักหน้าให้ก่อนเดินนำไปขึ้นรถ
“ขับรถดีๆ นะซันนี่”
อาทิตย์กระซิบ
“ขึ้นรถก็ทำหลับไปเลยรู้มั้ย เถียงกันไปเถียง กันมาเดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีก”
อุปมามองเหล่ๆพลางบ่น
“เม้าท์อะไรกันนักหนา”
“ลางานเรียบร้อยแล้วนะ”สไบนางพูดกับอาทิตย์เบาๆ
“เรียบร้อยแล้ว”อาทิตย์บอก
อุปมาขึ้นรถได้ก็บีบแตรเร่งทันที สไบนางสะดุ้ง หันไปทำหน้าหงุดหงิดใส่
“รีบไปเถอะ”อาทิตย์เดินนำไปแล้วบ๊ายบายให้
สไบนางบ๊ายบายตอบ ก่อนจะเดินหน้าหงิกไปขึ้นรถ อุปมาเหล่ๆ มองเล็กน้อยก่อนจะขับรถออกไปโดยที่สไบนางยังไม่ทันจะนั่งปิดประตูเรียบร้อยเลย
“โอ๊ย...จะรีบไปไหน”
อุปมาไม่สนขับรถต่อไป สไบนางหงุดหงิดคาดเข็มขัดกระแทกกระทั้นแรงๆ
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาขับรถพาสไบนางกลับบ้าน สไบนางนั่งหันตัวออกนอกหน้าต่าง แทบจะหันหลังให้อุปมาเลยทีเดียว อุปมาขับรถไป รู้สึกอารมณ์ดี พูดลอยๆ ขึ้นมา
“วันนี้มีแต่คนชมเธอกันยกใหญ่เลยนะ”
สไบนางเงียบ ไม่โต้ตอบอะไร อุปมาเหล่มองเล็กน้อยก่อนจะชวนคุยต่อ
“นอกเหนือจากเรื่องรำสวยแล้ว ทุกคนชื่นชมสปิริตของเธอที่สุด”
สไบนางยังเงียบ อุปมาอดไม่ได้ที่จะชะโงกมองเล็กน้อย สไบนางหลับตาพริ้มไปแล้ว อุปมาขำเบาๆ
“หลับไปซะแล้ว...เธอเข้มแข็งกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะ ฉันนับถือใจเธอ วันนี้ฉันชื่นชมเธอจากใจจริง”
อุปมายิ้มอารมณ์ดีขับรถต่อไป สไบนางที่ยังทำเป็นหลับตาพริ้ม แกล้งหลับ แอบอมยิ้มปลื้มๆเมื่อได้ยินทุกคำชมของคนที่ทะเลาะกันมาตลอด
+ + + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น....
อุปมาในชุดนอนเสื้อยืด กางเกงขาสั้น นั่งดูรูปถ่ายที่สไบนางรำที่งานเลี้ยงผ่านหน้าจอคอมฯ
อุปมากดดูรูปไปก็อดขำๆ ปนเอ็นดูออกมาไม่ได้ ทั้งเข้าใจและเห็นใจ แต่รูปมันก็ทำให้อดขำไม่ได้ที่นางรำมีเส้นซาหริ่มย้อยอยู่ตามหน้าตามตัว สไบนางในชุดนอนรัดกุม เดินออกมาจากห้องน้ำ อุปมารีบหุบยิ้ม พับจอคอมฯ ท่าทางมีพิรุธ
“ดูอะไรอยู่”สไบนางถามอย่างสงสัย
“เปล่า”อุปมาปฏิเสธ
“หน้าตามีพิรุธ ไหนดูซิ”สไบนางเข้าไปแย่งจะเปิดคอมฯดู
อุปมาคอยกัน
“ไม่มีอะไร”
“ก็ฉันจะดู”
สไบนางทั้งหยิก ทั้งผลัก สุดท้ายกระทืบลงกลางเท้าอุปมา จนแย่งเปิดจอคอมฯขึ้นมาได้ เลยเห็นรูปนางรำซาหริ่มเต็มจอ อุปมาหลุดขำๆ ออกมาแล้วรีบลุกหนี สไบนางเจ็บใจมากเดินเข้าหา
“ตลกมากนักใช่มั้ย”
“ใจเย็นๆ นี่แหละกรรมมันตามสนอง เธอเคยสาดลอดช่องใส่ฉันทั้งหม้อ โดนคืนแค่ซาหริ่ม ก็โอแล้ว”
สไบนางโกรธจัดเดินย่างสามขุมเข้าหา อุปมาถอยหนีไปทางเตียง อดกวนไม่ได้ ถามกลั้วขำ
“ฉันไม่ถามว่าเติมน้ำแข็งมั้ยครับ ก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
สไบนางโกรธปนอับอายที่สุด
“แกตาย”
สไบนางพุ่งเข้าหาอุปมาจะโน้มคอมากระแทกเข่าใส่ ไม่คาดคิด สไบนางสะดุดเข้ากับเสื้อผ้าอุปมาที่ถอดทิ้งไว้กับพื้นหน้าเตียง
สไบนางเสียหลัก พุ่งทั้งตัวล้มเข้าหา อุปมาไม่ทั้นตั้งหลักล้มไปตามแรง สไบนางล้มตามมาติดๆ ทับลงกลางตัวอุปมาในท่ากอดแทบจูบปาก แต่สไบนางตั้งสติได้ทัน อาศัยความไวปาดมือเข้ายันไว้ กลางหน้าอุปมาพอดี อุปมาร้องลั่น
“โอ๊ย”
สไบนางเจ็บใจมาก ตั้งหลักได้ ขึ้นคร่อมบีบคอ
“วางกับดักฉันเอาไว้ใช่มั้ย แกตายแน่…”
อุปมาไอสำลัก
“โอ๊ย ยอมแล้ว ยอมแล้ว”
สไบนางยอมถอนตัวออก
“อย่าคิดหาทางแต๊ะอั๋งฉัน ไม่มีทางซะหรอก”
สไบนางฉวยหมอนข้าง ฟาดลงกลางกล่องดวงใจอุปมาเต็มเหนี่ยว อุปมาร้องลั่นตัวงอ
“สมน้ำหน้า...เล่นกับใครไม่เล่น”
สไบนางเดินกลับไปเข้าห้องน้ำ ปิดประตูโครม อุปมานอนตัวงอด้วยความเจ็บจุกอยู่บนเตียง
ในห้องพักผู้ป่วย...
วิจิตรากำลังดูแลเมธาวีทานอาหารเช้าอยู่
“วันนี้แม่ขอกลับไปกรุงเทพฯหน่อยนะลูก”วิจิตราบอก
“ให้เมกลับไปด้วยซิคะแม่ เมคิดถึงห้องนอนคิดถึงคุณพ่อกับคุณย่า ให้เมไปด้วยนะคะ”เมธาวีพูดอ้อนๆ
วิจิตรายิ้มแหยๆ
“หนูยังไม่หายดีเลยลูก”
“เมหายแล้วค่ะแม่ ดูซิคะ เมไม่ฝันร้ายแล้ว สุขภาพเมก็แข็งแรงดีทุกอย่าง”
วิจิตราลำบากใจ
“แต่คุณหมอยังไม่อนุญาตเลยนี่ลูก”
“เมหายแล้วจริงๆ ค่ะคุณแม่”
“เอางี้แล้วกัน ยังไงวันนี้ก็ฉุกละหุกเกินไป แม่ต้องมีธุระไปจัดการหลายอย่าง...เอาไว้แม่กลับมาแล้วจะปรึกษาคุณหมอดูนะ”
เมธาวีถอนใจเซ็งๆ รวบช้อน
“อย่าดื้อซิจ้ะคนดีของแม่ อีกอึดใจเดียวเอง ยังไงเราก็ต้องได้กลับบ้านเราอยู่แล้ว”
“ค่ะคุณแม่”เมธาวีถอนใจออกมา
“อิ่มแล้วก็ทานยาจ้ะ”
เมธาวีหยิบยาที่พยาบาลเตรียมไว้ให้ทานไป
วิจิตราชำเลืองมองลูกสาวเล็กน้อย อย่างรู้สึกหนักใจ เพราะยังมีเรื่องใหญ่อีกหลายเรื่องที่ลูกสาวยังไม่รู้
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางนั่งทานอาหารเช้าอยู่ที่โต๊ะอาหารคนเดียว อุปมาในชุดทำงานเดินมาลากเก้าอี้นั่งหัวโต๊ะ
สไบนางเหล่มองเล็กน้อย
“เย็นนี้ว่างรึเปล่า”อุปมาถาม
“ปีนี้ฉันงดรับงานรำทั้งปี”สไบนางตักอาหารเข้าปาก
“ไม่ได้จ้างไปรำ แต่อยากชวนทานข้าว”
สไบนางแทบสำลักออกมา รีบหยิบกระดาษเช็ดปากขึ้นซับปากไปมา
“อย่าคิดเตลิดไปไกล เดี๋ยวฟ้าผ่า”
สไบนางเอาทิชชูปาใส่ อุปมามาหลบเอามือปัดออกไป
“เล่นสกปรก...”
“นึกว่าถังขยะ”
อุปมาแค่เหล่มอง ขี้เกียจใส่ใจจะเถียง
“คืองี้ฉันอยากจะเลี้ยงขอบคุณเธอ ที่ช่วยงานบริษัทเมื่อคืน”
“ไม่เป็นไรหรอก ถือว่าทำเอาบุญ...ไม่มีอะไรแล้วใช่มั้ย”สไบนางลุกเดินออกไป
จากโต๊ะทันที
อุปมาเหวอไปเล็กน้อย ถอนใจพร้อมยักไหล่มองตามสไบนางไป
+ + + + + + + + + + + +
หยาดฝนเก็บของใส่กระเป๋าเสื้อผ้าไป พร้อมคุยโทรศัพท์มือถือกับสไบนางไปด้วย...
“จริงเหรอบี ฉันอายแทนเธอจังเลย ยัยวิทำน่าเกลียดที่สุดเลย แล้วเธอทำยังไง...ออกไปรำมั้ย”
หยาดฝนฟังเพื่อน มีอารมณ์คล้อยตาม ขณะที่สไบนางเดินคุยโทรศัพท์มือถือ อยู่ที่ริมคลองหน้าบ้านไทย
“นางรำมืออาชีพอย่างฉัน มีเหรอจะทิ้งเวทีเสียชื่อหมด”
หยาดฝนยิ้มปลื้ม
“เริ่ดมากเพื่อนรัก แล้วคนดูตกใจกันมั้ย”
“ตอนแรกก็ตกใจ แต่สุดท้ายทุกคนลุกขึ้นยืนปรบมือ”
“ขนลุกเลยบี”
“เออ...ตั้งแต่เคยรำโชว์มา ไม่เคยมีครั้งไหนที่คนดูปรบมือให้ฉันดังขนาดนี้ แถมลุกขึ้นยืนทุกคนเลยนะแก” สไบนางยิ้มปลื้มจนน้ำตารื้นๆ
“แล้วคุณมาร์คไม่หัวเราะแกกลิ้งเลยเหรอะ”
สไบนางชะงักไป อดนึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อคืนไม่ได้
“บี สายหลุดเหรอ”
“เปล่า”
“ตกลงเขาหัวเราะเยาะแกรึเปล่า”
“ก็นิดหน่อย”สไบนางอึกอักเล็กน้อย
“วันนี้แกแปลกๆ นะบี ไม่เห็นด่าคุณมาร์คให้ฉันฟังเลย”หยาดฝนสงสัย
สไบนางตัดบท
“ฉันปวดหัว ขี้เกียจพูดถึงเขา แกจัดกระเป๋าต่อไปเถอะ แค่นี้ ก่อนนะ...”
สไบนางกดตัดสายไป แล้วชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นบารมีเดินมาหาตน
“คุณลุง”
“เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น เล่าให้ลุงฟังอย่างละเอียดซิ”บารมีถามอย่างเป็นห่วง
สไบนางได้แต่ถอนใจยาวออกมา บารมีเข้ามากอดคอสไบนางเดินชวนคุยกันไปริมน้ำ
+ + + + + + + + + + + +
วิจิตรามาหาประมุขที่บ้านสวน เมื่อเห็นประมุขนอนซูบผอมอยู่บนเตียงก็ตกใจมาก ยกมือขึ้นปิดปาก คุณหญิงรุจายืนอยู่ข้างๆได้แต่ถอนใจออกมา
“ทำไมคุณมุขถึงได้ทรุดเร็วขนาดนี้คะคุณแม่ ไม่ได้เจอกันไม่เท่าไหร่เอง”
คุณหญิงรุจาจับมือวิจิตรา
“ไปคุยกันข้างนอกเถอะ”
คุณหญิงรุจามาคุยกับวิจิตราที่โถงบ้าน
“หนูไม่สบายใจเลยค่ะคุณแม่”
คุณหญิงรุจาถอนใจออกมา
“ใจประมุขไม่สู้ซะแล้ว โรคที่เป็นอยู่มันก็ยิ่งรุม ข้าวปลาอาหาร หยูกยาก็ไม่ยอมกิน อีกไม่นานคงเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก
“พาไปแอดมิทอยู่โรงพยาบาลเลยดีมั้ยคะคุณแม่”
คุณหญิงรุจาหนักใจ
“ยอมไปที่ไหนล่ะ ดื้อยังกะอะไร ถ้าไม่ล้มหมดสติ ไม่มีทางได้เจอหน้าหมอหรอก”
วิจิตราถอนใจออกมา
“แม่เมหายดีรึยัง ให้รีบกลับมาได้มั้ย แม่กลัวจะไม่ทันได้เห็นใจ”
“คุณแม่”วิจิตราร้องออกมาอย่างตกใจ
คุณหญิงรุจาเบือนหน้าไปอีกทาง แล้วแอบซับน้ำตาออก
+ + + + + + + + + + + +
พยาบาลเข็นรถเข็นผู้ป่วย ให้เมธาวีนั่งมาเปลี่ยนบรรยากาศ ชมนกชมไม้ไป เพื่อนพยาบาลเข็นรถเข็นผู้ป่วยสวนกลับไป เธอถือหนังสือพิมพ์ติดมือมาด้วย
“ขอยืมหนังสือพิมพ์ตรวจล็อตเตอร์รี่หน่อยซิอิม”พยาบาลคนที่เข็นเมธาวีพูด
เพื่อนพยาบาลส่งหนังสือพิมพ์ให้ ก่อนจะเข็นคนไข้กลับเข้าตึกไป
“ขออ่านหนังสือพิมพ์หน่อยได้มั้ยคะ”เมธาวีบอก
“ได้ซิคะ”พยาบาลส่งหนังสือพิมพ์ให้”ไปนั่งอ่านตรงร่มๆดีกว่านะคะ”
พยาบาลเข็นรถผู้ป่วยพาเมธาวีไปนั่งร่มๆ เมธาวีก็เปิดหนังสือพิมพ์ดูไปเรื่อยๆ เห็นกรอบข่าวประชาสัมพันธ์มีรูปอุปมาถ่ายรูปหมู่ยิ้มแย้มกับลูกค้า และมีรูปกรอบเล็กตรงมุมเป็นรูปเดี่ยวสไบนางในชุดนางรำก่อนโดนสาดซาหริ่ม เมธาวีหยุดกึกอ่านเนื้อข่าวไป มือไม้สั่น ตาเบิกโพลง
เมื่อถูกพาไปที่ห้อง เมธาวีบอกพยาบาลว่าจะกลับกรุงเทพ พยาบาลบอกว่ายังกลับไม่ได้ เมธาวีร้องโวยวายลั่น พยาบาล 2-3 คนต้องมาช่วยกันจับตัว ให้มานอนที่เตียง
“ฉันจะกลับกรุงเทพเดี๋ยวนี้ ปล่อยฉันนะ”
พยาบาลพยายามช่วยกันออกแรงจับเมธาวี มัดกับเตียง เมธาวีดิ้นขัดขืน
“มือถือฉันอยู่ไหน เอามือถือฉันมา...ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ”
หมอเดินหน้าเครียดเข้าห้องพักผู้ป่วยมา พร้อมยาฉีดหนึ่งหลอด เมธาวีเห็นเข็มยิ่งโวยวาย
“ไม่ฉีดยานะ ฉันไม่อยากนอน...ฉันไม่ฉีดยา ไปให้พ้น”
พยาบาลช่วยกันจับเมธาวีล็อคจนนิ่ง ขยับไม่ได้ เมธาวีร้องไห้
“แม่อยู่ไหน ฉันจะหาแม่”แผดเสียงร้องลั่น”ฉันไม่ฉีด”
หมอฉีดยาเมธาวีได้ในที่สุด เมธาวีเหนื่อยแรงจะดิ้นรนขัดขืน ได้แต่ร้องไห้ฟูมฟายสะอึกสะอื้น เรื่องอุปมาและสไบนางยังคงต้องค้างคาใจต่อไป...จนกว่าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาตามหาสไบนางไม่พบ เห็นเสื้อผ้าหายไปด้วย จึงตะโกนร้องเรียกแรม ขณะที่ลงบันไดมา
“น้าแรม น้าแรม”
แรมรีบวิ่งออกจากครัวมารับหน้า
“อะไรคะคุณมาร์ค”
“คุณบีไปไหน กระเป๋าเสื้อผ้าก็ไม่อยู่”
“อ้าว คุณบีไม่ได้บอกคุณมาร์คว่าจะไปเที่ยวเหรอคะ”
อุปมาไม่พอใจ
“ไปเที่ยวไหน”
“ต่างจังหวัดน่ะค่ะ แรมก็ไม่แน่ใจว่าจังหวัดไหน”
อุปมาทำเสียงดังดุ
“ไปกับใคร”
แรมตกใจ ผงะไปเล็กน้อย
“ฉันถามว่าไปกับใคร”
“ไปกันหลายคนน่ะค่ะ เห็นคุณหัสดินเอารถตู้มารับไปนะคะ”
อุปมาไม่พอใจมาก
“ทำไมไม่ขออนุญาตผมซักคำ”
“แรมก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”
อุปมาหงุดหงิด เจ็บใจเพื่อน
“ไอ้หัส”อุปมาเดินกดโทรศัพท์มือถือออกไปจากบ้านอย่างหัวเสีย
(อ่านต่อพรุ่งนี้)