ติดตามอ่านละครออนไลน์ ได้ทาง www.manager.co.th ทุกเช้าเวลา 09.30 น.
รอยมาร ตอนที่ 11
คุณหญิงรุจานั่งดมยาดม ให้บังอรและยายจันทร์คอยบีบนวดอยู่ คุณหญิงรุจาร้อนใจเป็นห่วงหลานสาวมาก
“ไปแจ้งความกันเถอะ ให้ฉันนั่งรออยู่ยังงี้ ฉันคงอึดอัดใจตาย”
“รอคุณอาทิตย์กับคุณอุปมากลับมาก่อนเถอะค่ะคุณ เผื่อจะได้ความคืบหน้า”บังอรแนะ
ยายจันทร์หันไปมองที่ประตู ร้องบอก
“กลับมากันแล้วค่ะคุณ”
อาทิตย์เดินนำอุปมาสีหน้าเคร่งเครียดกลับขึ้นบ้านมา คุณหญิงรุจารีบลุกไปถามไถ่
“เจอมั้ยอาทิตย์”
อาทิตย์ส่ายหน้า อุปมาบอกให้สบายใจ...
“ผมให้คนงานที่บ้านช่วยออกตามหาแล้ว ถ้าเจอตัวเดี๋ยวคงโทรเข้ามา”
“ย่าทนรออยู่แบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว พาย่าไปหาเพื่อน พ่ออาทิตย์ที่โรงพักเลยเถอะ”
“ได้ครับคุณย่า”
ยังไม่ทันที่ใครจะได้ขยับตัวไปไหน เสียงสไบนางหาวดังนำมาก่อนเลย ทุกคนหันมอง สไบนางเดินหาวหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้กลับขึ้นบ้านมา คุณหญิงรุจาดีใจมาก
“บีหายไปไหนมาลูก”
สไบนางไม่แคร์สายตาทุกคู่ ที่จับจ้องมองเธอด้วยความเป็นห่วง ตอบหน้าตาเฉย
“ไปดูซีดีละครเกาหลีที่บ้านแต๋วมาค่ะ ง่วงจะตายอยู่แล้ว”
อุปมาหัวเสียกับท่าทางเฉยๆ ไม่รับผิดชอบ
“แล้วทำไมไม่โทรมาบอก เห็นมั้ยทุกคนเขาเป็นห่วง ออกตามหากันให้วุ่นวายไปหมดแล้ว”
สไบนาง ยักไหล่กวนๆ
“ก็ไม่ได้เอาโทรศัพท์ไป”
อุปมามองอย่างเหลืออด เจ็บใจกับท่าทางกวนประสาทของสไบนาง คุณหญิงรุจารีบขัดก่อนจะบานปลาย
“เอาเถอะ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก”
อุปมางง
“ลงโทษแค่นี้เองเหรอครับ น้อยไปรึเปล่าครับคุณย่า”
“ไม่ใช่เรื่องของเราน่าคุณอุปมา”อาทิตย์บอก
อุปมาหันขวับมองหน้าอาทิตย์ หมั่นไส้ ทุกคนปกป้องสไบนางกันจนเว่อร์ สไบนางพูดกวนๆ
“ใช่ ฉันจะหาย จะเป็นจะตายยังไงก็ไม่เกี่ยวกับคุณ ไม่เห็นต้องมาเดือดร้อน เราไม่ใช่ญาติพี่น้องอะไรกันซะหน่อย”
อุปมาหยุดกึกหันมองหน้าคุณหญิงรุจาสบตากัน คุณหญิงรุจามีสีหน้าหวั่นใจ กลัวอุปมาหลุดพูดอะไรออกมาเพราะความโกรธ อุปมาจ้องหน้าสไบนาง
“ถ้าต้องมาเป็นพี่น้องกันเมื่อไหร่ เธอไม่ได้เฮี้ยว ขนาดนี้แน่”
คุณหญิงรุจาเงียบกริบ สไบนางยิ้มหยัน
“โห กลัวมากเลย แค่ฉันรู้ว่าต้องเกิดมาดองเป็นญาติกับนาย ฉันคงกลั้นใจตายตั้งแต่อยู่ในท้องแล้วล่ะ”
อุปมาและสไบนางจ้องหน้ากัน อย่างพร้อมที่จะมีเรื่องต่อ คุณหญิงรุจารีบตัดบท
“แม่บี ง่วงมากก็รีบไปอาบน้ำนอนซะสิ”
“ค่ะคุณย่า”
สไบนางเหยียดปากใส่อุปมา แล้วเดินไม่รู้ไม่ชี้กลับเข้าไป อุปมาได้แต่ถอนใจออกมา คุณหญิงรุจาหันมาบอกสองหนุ่ม
“ขอโทษทุกคนด้วยนะ ที่ทำให้ต้องวุ่นวายกันไปหมด กลับไปพักผ่อน กันเถอะ ขอให้คิดเสียว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วกันนะ”
อาทิตย์ยิ้มรับ ขณะที่อุปมาอึ้งไปเลย
“ผมลานะครับคุณย่า”อุปมาถอนใจ ส่ายหน้าเดินออกไป
“ผมขอค้างบ้านสวนซักคืนนะครับคุณย่า ไม่ต้องรีบกลับไปส่งคุณเมแล้ว”อาทิตย์บอก
“ตามสบายเถอะจ้ะ ยายจันทร์ดูแลจัดที่หลับที่นอนให้คุณอาทิตย์ด้วยนะ”
คุณหญิงรุจาถอนใจแล้วเดินนำกลับไป บังอรเข้าไปประคองพากลับไปเข้าห้องนอน
“ห้องเดิมนะคะคุณอาทิตย์”ยายจันทร์หันไปยิ้มให้อาทิตย์
“ครับยาย...บู้บี้เอ๊ย”
อาทิตย์นึกถึงสไบนาง แล้วส่ายหน้าไปมาอย่างเอ็นดู
+ + + + + + + + + + + +
วิมาดานั่งทานอาหารเบาๆ รออุปมาในร้านอาหารอย่างเซ็งๆ เพราะผิดเวลามากแล้ว ในร้านอาหารลูกค้าก็เริ่มทยอยกลับ ครู่หนึ่งอุปมารีบร้อนเดินเข้าร้านอาหารมา วิมาดาอดแขวะไม่ได้
“เกือบจะกลับอยู่แล้ว”
“พอดีที่สวนมีปัญหานิดหน่อย...สั่งอะไรรึยัง”
“ก็เท่าที่เห็น”
“งั้นเรามาคุยกันก่อน ผมยังไม่หิว...ผมไม่ชอบให้คุณ ไปแสดงตัวเป็นเจ้าของผมต่อหน้าผู้หญิงของผม”
วิมาดาขำ พูดหยันๆ
“ผู้หญิงของผม แล้ววิเป็นผู้หญิงของใครคะ”
“ก็ของหลายคน”
วิมาดาเสียงดุ ดังไม่พอใจ
“มาร์ค”
“ผมกำลังให้โอกาสคุณอยู่ คุณควรจะพิสูจน์ตัวเองให้ผมเห็นว่าคุณเพียบพร้อม เหมาะสมที่ผมควรจะเลือกมากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ”
“วิจะไปสู้ใครเขาได้ วิมีตำหนิ”
“ทุกคนก็มีตำหนิทั้งนั้น การกระทำของคุณวันนี้ มันไม่ได้ช่วยให้ผมมองข้าม ตำหนิคุณได้ง่ายขึ้นเลยนะ รู้ตัวมั้ย เพราะฉะนั้นอย่าทำแบบนี้อีก”
วิมาดาถอนใจออกมา
“สั่งอาหารเถอะค่ะ วิเกือบกินไม่ลงแล้ว”
วิมาดายกมือเรียก บริกรเดินถือเมนูฉบับใหญ่เดินตรงมา ทันใดนั้นธนูเดินประกบมาจากด้านหลังแล้วแย่งเมนูจากมือบริกรตรงปรี่เข้าที่โต๊ะอาหารของวิมาดาและอุปมา ธนูโยนเมนูเล่มหนาโครมลงกลางโต๊ะอาหาร อุปมาและวิมาดาหันมอง
อุปมาตกใจเล็กน้อยขณะที่วิมาดาแอบอมยิ้มพอใจ พออุปมาหันจ้องหน้า วิมาดา เธอรีบปั้นหน้าตกใจกลบได้ทันพอดี
“คุณธนู”
ธนูยิ้มกวนๆ มองอุปมา
“ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งนะครับ”
ธนูขยับตัวไปยืนโอบคอวิมาดาไว้ วิมาดาทำหน้ารังเกียจ พยายามจะขยับตัวออกแต่ธนูล็อกเอาไว้
“ให้เกียรติสุภาพสตรีด้วย”อุปมาพูดเรียบนิ่ง
“ผมกำลังแสดงความรักกับภรรยา ถือว่าเป็นการให้เกียรติสุภาพสตรีที่เป็นภรรยาตัวเองไม่ใช่เหรอครับ”
“ผมนึกว่าภรรยาคุณเป็นอาจารย์ซะอีก เลี้ยงลูกอยู่บ้านเหรอครับ”
ธนูจ้องหน้าอุปมาอย่างเกลียดชัง วิมาดาปัดมือธนูออกแล้วลุกเดินมายืนอีกข้างของอุปมา ธนูโกรธจัด
“กลับมาหาผมเดี๋ยวนี้นะวิ”
“ไม่ค่ะ คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งวิอีกแล้ว คุณไม่ใช่เจ้านายวิอีกต่อไป วิลาออกจากองค์การแล้ว คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งให้วิซ้ายหันขวาหันได้ตามใจชอบอีกแล้ว”
ธนูจ้องหน้าวิมาดาอย่างโกรธจัด
“ถ้าคุณไม่หยุดรบกวนพวกเรา ผมจำเป็นต้องแจ้งพนักงานให้แจ้งตำรวจ”อุปมาพูดเสียงจริงจัง
ธนูจ้องหน้าอุปมาอย่างเกลียดชัง
“เราเจอกันวันนี้ ไม่เหมือนคราวก่อน”อุปมายื่นมือไปจับมือวิมาดากุมเอาไว้ “ตอนนี้ผมคือเจ้านายคนใหม่ของวิมาดา ผมมีหน้าที่คุ้มครองดูแล ความปลอดภัยให้ลูกน้อง วันนี้คุณคงต้องเป็นฝ่ายถอย ไม่ใช่ผม”
อุปมาจ้องหน้าธนู แววตาอย่างผู้ชนะถือไพ่เหนือกว่า วิมาดาแอบยิ้มปลื้มจับมืออุปมากุมไว้แน่น ธนูโกรธจัด ปัดแก้วล้ม ลูกค้าและบริกรในร้านหันมอง อุปมาลุกพรวดจ้องหน้าธนู สายตาดุดันเอาเรื่อง ธนูเกรงๆ เหมือนกัน ชี้หน้าอุปมาแล้วล่าถอยออกไป อุปมาหน้านิ่งๆ ปล่อยมือวิมาดาแล้วนั่งลงเปิดเมนูไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น วิมาดาได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ปลาบปลื้มใจ
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาพา วิมาดามาที่คอนโดของเขา เมื่ออุปมาจะเดินกลับเข้าห้องนอน วิมาดารีบวิ่งตามมากอดอุปมาจากด้านหลัง ซบหน้าลงกับแผ่นหลังของเขายิ้มปลาบปลื้ม
“ขอบคุณมากค่ะมาร์ค วิไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองอบอุ่นและปลอดภัยแบบนี้มาก่อนเลย”
อุปมาหน้านิ่ง
“ผมดีใจที่วิรู้สึกแบบนั้น”
“การกระทำของมาร์ควันนี้ มันให้ความมั่นใจวิมากขึ้นเยอะเลยรู้มั้ยคะ”
อุปมานิ่งขรึม
“วิให้สัญญา ต่อไปวิจะไม่แสดงตัวกับผู้หญิงของคุณแล้ว วิจะไม่ทำอะไรให้คุณต้องอึดอัดใจอีก”
“ขอบคุณครับ”
อุปมาแกะมือวิมาดาออกจะเดินเข้าห้อง วิมาดาฉวยมืออุปมาดึงกลับมาให้หันหน้ามามองหน้าตน มือของเธอกอดเอวของเขามาแนบชิดกับตัวตน จ้องตาส่งสายตาปรารถนา วิมาดาเลื่อนมือขึ้นลูบริมฝีปากอุปมาอย่างแผ่วเบา
“คืนนี้วิอยากให้รางวัลคุณ ตอบแทนความน่ารักที่คุณทำเพื่อวิ”
อุปมายิ้มบางๆ
“ขอบคุณครับ แต่มันยังเร็วเกินไป”
อุปมาโน้มหน้าลงหอมลงข้างแก้มวิมาดาอย่างแผ่วเบา
“กู๊ดไนท์ครับ”
อุปมาผละตัวออกแล้วเดินกลับเข้าห้องนอนไปทันที วิมาดาได้แต่ยิ้มปลาบปลื้มใจ พูดพึมพำให้กำลังใจตัวเอง
“ทุกอย่างกำลังจะกลับมาเหมือนเดิม”
วิมาดายิ้มแย้มอย่างมีความหวัง
+ + + + + + + + + + + +
วันต่อมา...
สไบนางใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น โดดนำลงน้ำคลองโครมใหญ่ แล้วโผล่ขึ้นมามองไปบนฝั่ง
“โดดลงมาเลยซันนี่ ไม่ต้องกลัว รับรองไม่มีตอไม้”
อาทิตย์สวมผ้าขาวม้าผืนเดียว ถอยไปตั้งหลักมาแต่ไกล แล้ววิ่งมาโดดลงน้ำแบบท่ากระโดดถีบคนร้าย อาทิตย์ตกน้ำโครมลงไป สไบนางตบมือหัวเราะชอบใจ อาทิตย์โผล่พ้นน้ำ ยิ้มแย้มสนุกสนาน
“จับผ้าขาวม้าให้ดีนะ เดี๋ยวซันนี่น้อยโผล่ ขี้เกียจตากุ้งยิง”
อาทิตย์ขมวดผ้าขาวม้าให้แน่น
“ว่ายน้ำแข่งกัน ใครถึงต้นนั้นก่อนชนะ”
สไบนางว่ายน้ำหนีไป อาทิตย์ว่ายน้ำกวดไปติด สนุกสนานอยากเอาชนะ
ที่หน้าระเบียงบ้าน...คุณหญิงรุจา บังอร และยายจันทร์ ช่วยกันร้อยพวงมาลัยพร้อมมองไปทางคลอง บังอรยิ้มชอบใจ
“คู่นี้เข้าคู่กันดีนะคะคุณท่าน ตอนแรกเห็นฮึ่มๆกันอยู่เหมือนกัน เดี๋ยวนี้ซี้กันไปซะแล้ว”
คุณหญิงรุจาพยักหน้าเห็นด้วย
“เขาคนพันธุ์เดียวกัน...นี่พ่ออาทิตย์ไปเอาผ้าขาวม้าใครมานุ่งล่ะ”
“ของเจ้าขำน่ะค่ะคุณท่าน”ยายจันทร์บอก
คุณหญิงรุจายิ้มๆส่ายหน้า
“นึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็นึกขันนะคะ คุณบีทำเจ็บจริงๆ”ยายจันทร์พูดขำๆ
คุณหญิงรุจาถอนใจ
“ฉันไม่ดีเองแหละ ทิ้งเขาไว้คนเดียวนานเกินไป”
“ความจริงก็ไม่ใช่ความผิดของคุณท่านซะหน่อย”
คุณหญิงรุจาคิดตาม
“ก็ถูก ฉันเป็นตัวประกอบของเรื่อง แต่สำหรับแม่บี การที่ฉันไม่เห็นความสำคัญเค้าเป็นสิ่งที่เขาทนไม่ได้ นี่แหละคืออารมณ์รวมที่ยัยวายร้ายแสดงออกมา”
“ท่านไม่คิดจะอธิบายให้คุณบีเข้าใจบ้างเหรอคะ”
“เปล่าประโยชน์แม่อร จริงอยู่ ใจฉันอยากกลับ แต่ความตื่นตาตื่นใจของคนบางคน มันก็ฆ่าเวลาไปได้โข พูดยาก โน่นก็หลาน นี่ก็ใช่”
บังอรและยายจันทร์สบตากัน รู้ว่าคุณหญิงรุจาหมายถึงใคร
“แม่บีพยศมาก งอนเก่ง ฉันปล่อยจนสุดป่าน แกก็คิดได้ แล้วกลับมาเป็นหลานคนเดิมของฉัน”คุณหญิงรุจาหนักใจ “แต่อีกคนไม่งั้น ฉันต้องยอมโง่ ยอมเป็นผู้หญิงแก่ๆไร้คุณค่า แต่ยังพอมีราคา มีประโยชน์ใช้ทอดเป็นสะพานสู่จุดหมายที่เขาหวังเขาอยากได้”คุณหญิงรุจาถอนใจออกมา
บังอรและยายจันทร์งงๆ พยายามคิดตาม ไม่เข้าใจคำพูดให้ตีความยากของคุณหญิงรุจานัก
ทางด้าน สไบนางว่ายน้ำมาถึงฝั่ง แล้วยกตัวขึ้นนั่งที่สะพานท่าน้ำ อาทิตย์ว่ายน้ำตามมาขึ้นนั่งข้างๆ
“บู้บี้น่าจะเปลี่ยนนามสกุลนะ”
“ทำไม”
“อัคราชต้องสะอาด สง่างามแบบผู้ดี...เลอะเทอะ แก่นกะโหลกอย่างบีเป็นไม่ขึ้น ควรเปลี่ยนนามสกุลใหม่”
“ก็จริงแฮะ บีไม่อยากใช้นามสกุลเดียวกับพี่เมด้วย”สไบนางเหยียดปากเซ็งๆ “บีจะใช้นามสกุลอะไรดีล่ะ”
“แต่งใหม่เองเลย มีคนตั้งนามสกุลว่า มีนะโตรี ด้วยนะ”
สไบนางขำๆ
“นามสกุลอะไรประหลาดจัง”
“มีจริงๆ ปู่เขาชื่อ มี ย่าชื่อ นะ ตาชื่อ โต ยายชื่อ รี เอามารวมกันหมดเลย”
“ไอเดียไม่เลวนะ แต่บีไม่รู้ว่าตากับยายชื่ออะไรน่ะซิ”
“งั้นผมให้ยืมนามสกุลผมใช้ก็ได้นะ”อาทิตย์ยิ้มๆ
สไบนางหมั่นไส้ปนเจ็บใจมาก
“ทะลึ่ง”
สไบนางผลักหลังอาทิตย์อย่างแรง อาทิตย์เสียหลักตกน้ำคลองโครมลงไป
“สมน้ำหน้า”
สไบนางนึกอะไรบางอย่างได้ ลุกขึ้นวิ่งกลับเข้าไปทางบ้าน สไบนางวิ่งตัวเปียกขึ้นมาหาคุณหญิงรุจาที่ระเบียงหน้าบ้าน
“คุณย่าขา...”
“ตัวเปียกชุ่มมาเลย”
“คุณแม่ของบีนามสกุลเดิมว่าอะไรคะ”
คุณหญิงรุจาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนปั้นยิ้ม
“ถามทำไมล่ะ”
“ก็พี่อาทิตย์น่ะซิคะ ยุให้บีเปลี่ยนนามสกุล บอกว่าบีไม่มีความเป็นผู้ดีพอ”
คุณหญิงรุจาขำๆ
“แม่นามสกุลอะไรเหรอคะ”
คุณหญิงรุจาเลี่ยงตอบเป็นเรื่องตลกไป
“ฉั่วสกุล”
สไบนางชะงักไป
“จริงเหรอคะ บีเป็นลูกครึ่งจีนเหรอคุณย่า”
“ครึ่งบ้าครึ่งดีตะหาก”
“ไม่ใช่ค่ะคุณ บังอรว่าครึ่งเลว ครึ่งร้ายมากกว่า”บังอรพูดขำๆ
“หรือไม่ก็ครึ่งดี ครึ่งร้ายค่ะ”ยายจันทร์เสริม
ทุกคนขำๆกัน
“สนุกกันใหญ่เลยนะ”สไบนางปั้นหน้างอนๆ “ตกลงบีไม่เหลือดีเลยว่างั้นเถอะ”
“นี่แม่บุบบี้ ย่าไม่ยอมให้เราไปใช้นามสกุลไหนทั้งนั้นแหละ อีกไม่นานก็ต้องแต่งงาน ไปใช้นามสกุลอื่นอยู่แล้ว ไม่ต้องรีบร้อนเปลี่ยนหรอก”
สไบนางตาโต
“อย่างบีเนี่ยนะคุณย่าจะได้แต่งงาน ลองใครมาจีบบีดูสิจะชกหน้าให้...”
ยายจันทร์ตกใจ
“ตายแล้ว แบบนี้หนุ่มๆ ที่ไหนจะกล้ามาจีบล่ะคะ”
“ถ้าบีชอบใคร บีจีบเอง”สไบนางยิ้มหน้าเป็น
“ดูพูดเข้าซิคะคุณบี เราเป็นลูกผู้หญิงนะคะ”บังอรปราม
สไบนางยิ้มหน้าเป็น
“เดี๋ยวบีขอออกไปธุระกับพี่อาทิตย์นะคะคุณย่า”
สไบนางขอเสร็จวิ่งเข้าบ้านไปเลย คุณหญิงรุจาหน้าเหวอ
“อ้าว...วันนี้เราจะกลับบ้านกรุงเทพแล้วนะ”
“แป๊บเดียวก็กลับค่ะ”สไบนางตะโกนออกมา
คุณหญิงรุจาถอนใจส่ายหน้า
“ดูซิ...แบบนี้ไม่เรียกว่าขอหรอก เขาเรียกบอกให้รับทราบ”
“สนิทสนมกันไปมา ระวังคู่จะพลิกนะคะคุณท่าน”บังอรยิ้มๆ
คุณหญิงรุจาชะงักไปเล็กน้อย
“ก็ดี อาทิตย์จะได้ไม่ต้องผิดหวัง”
คุณหญิงรุจาถอนใจยาวออกมาอย่างหนักใจ
+ + + + + + + + + + + +
วิมาดาจัดอาหารเช้า 2 ที่วางบนโต๊ะอาหารอย่างอารมณ์ดี เธอรินน้ำเปล่าเติมให้ 2 แก้วก่อนจะเดินไปกดน้ำใส่แก้วกาแฟให้อุปมา คนกาแฟให้เข้ากันแล้วยกถ้วยมาตั้งข้างจานอาหารของเขา วิมาดาถอดเสื้อกันเปื้อนแล้วเดินไปเคาะประตูห้องนอนอุปมา
“มาร์คคะ อาหารเช้าเสร็จแล้วค่ะ แต่งตัวเสร็จรึยังคะ อาหารกำลังร้อนเลย”
เงียบไปมีเสียงตอบ วิมาดาเคาะประตูห้อง
“มาร์คคะ”
เมื่อไม่มีเสียงตอบอีก วิมาดาเลยตัดสินใจหมุนลูกบิดประตู เปิดเข้าไปดูในห้อง เห็นเตียงปูผ้าเรียบร้อย ไม่มีวี่แววอุปมาในห้องนอนแล้ว
“มาร์คคะ”วิมาดาเดินไปเปิดประตูห้องน้ำ ไม่เห็นมีอุปมา วิมาดาแววตาไม่พอใจมาก “ไปหามันอีกล่ะซิ”
วิมาดาหงุดหงิดหัวเสีย
+ + + + + + + + + + + +
อาทิตย์อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย กำลังเช็ดรถอยู่ที่หน้าบ้านสวน ขณะที่สไบนางเดินออกมาหา
“เชิญขอรับคุณผู้หญิง จะไปไหนดีครับ”อาทิตย์แกล้งแหย่
“เปิดประตูให้ด้วยซิ”
“ต้องขนาดนั้นเลยเหรอ”
“แน่นอน...จบนายร้อยมาได้ยังไง เทคแคร์สุภาพสตรีไม่เป็น”
“ไปเปลี่ยนกระโปรงมาก่อนแล้วจะเปิดให้”
“ฝันไปเถอะย่ะ” สไบนาง เดินไปเปิดประตูหลังจะนั่ง
“อ้าว...อ้าว”อาทิตย์รีบไปขวาง “นั่งหน้าด้วยกันสิ ผมไม่ใช่คนขับรถนะ ทำแบบนี้เสียมารยาทรู้มั้ย”
“คุณน่ะสิเสียมารยาท ตำหนิสุภาพสตรีซึ่งๆ หน้ายังงี้ได้ยังไง”
“ขอโทษครับคุณสุภาพสตรี ช่วยให้เกียรติเป็นแม่ย่านางประจำหน้ารถผมด้วยนะครับ”
อาทิตย์พูดพร้อมเดินไปเปิดประตูหน้าให้ แล้วโค้งอย่างงาม สไบนางยิ้มๆ
“ยังงี้ค่อยรื่นหูหน่อย”
สไบนางเดินไปขึ้นรถ
“จะไปไหนครับ”
“บ้านอาจารย์กรรณิการ์”
“ใครครับ”
“ครูสอนรำของบี”
“จะไปรำแก้บนที่ไหน”อาทิตย์เย้าแหย่
“เดี๋ยวจะโดนซันนี่”สไบนางทำหน้าดุใส่
อาทิตย์ยิ้มๆ
“บีมีเรื่องจะไปปรึกษาคุณครูนิดหน่อย เอ้อ ซันนี่ คุณว่ารำอวยพรฉุยฉายพราหมณ์ พม่ารำขวาน มโนราห์บูชายันต์ รำศรีวิชัย รำไหนสวยกว่ากัน”
“ไม่รู้จักซักอย่าง”
“ว่าแล้ว...ทำหน้าที่ขับรถต่อไปเถอะ ปิดประตู”
อาทิตย์ยิ้มๆ
“ครับคุณผู้หญิง”
อาทิตย์โค้งแล้วปิดประตูให้ สไบนางยิ้มๆ อารมณ์ดี
+ + + + + + + + + + + +
เมธาวีเดินลงมาจากชั้นบน แล้วต้องชะงักไปเมื่อเห็นอุปมานั่งยิ้มแย้มรออยู่ ที่โซฟารับแขก
“สวัสดีครับ”
เมธาวียกมือไหว้อุปมาอย่างให้เกียรติ
“สวัสดีค่ะ”
“วันนี้อยู่บ้านเหรอครับ”
เมธาวีประชด
“เดี๋ยวคุณหัสดินมารับค่ะ”
เมธาวีเดินเลี่ยงไปอย่างงอนๆ อุปมารีบตามไปขวางทางเอาไว้
“ผมขอโทษ เมื่อวานผมจำเป็นต้องอยู่ช่วยตามหาน้องสาวคุณ มันเป็นความผิดของผมเหมือนกันที่เชิญคุณย่าไปทานข้าวที่บ้าน”
“แล้วเป็นยังไงคะ เสียเวลาเปล่า”
เมธาวีจะเดินไป อุปมาเดินตามขวางทางอีก
“วันนี้ผมจะชดเชยให้ เราไปหาข้าวทานหาหนังดู ช็อปปิ้ง คุณเมอยากทำอะไร ผมตามใจทุกอย่าง”
“เมมีนัดแล้วค่ะ”
“กับใครเหรอครับ อย่าบอกนะว่าคุณอาทิตย์ น้องสาวคุณฉกตัวไปแล้ว”
เมธาวีชะงักไป
“คุณรู้ได้ยังไง”
“ผมก็โทรเช็คกับสปายผมน่ะสิครับ ออกไปเที่ยวไหนกันก็ไม่รู้...เขาสองคนคงไม่แวะมารับคุณไปด้วยหรอกมั้ง”อุปมายิ้มกวนๆ
เมธาวีเจ็บใจ มองหน้าอุปมา
“คุณมีภาษีดีกว่าอาทิตย์ก็ตรงที่...เลือกคบคนเป็น”
อุปมายิ้มพอใจ
“ตกลงเราไปเที่ยวไหนกันดีครับ”อุปมายักคิ้วให้
เมธาวีค้อนให้ขวับใหญ่
+ + + + + + + + + + + +
กล่องแหวนเพชรเม็ดเดี่ยว หลากหลายสไตล์การออกแบบ ถูกเปิดเรียงอยู่บนเคาน์เตอร์กระจก ของร้านจิลเวอร์รี่หรูหราแห่งหนึ่งประมาณ 4-5 วง พนักงานจัดเรียงเปิดกล่องให้รับไฟสวยงาม แล้วตั้งท่าจะหยิบขึ้นมาอีกวง
“พอแค่นี้ก่อนครับ”
เมธาวีมองดูแหวนเพชรหลากหลายตรงหน้า ลึกๆก็รู้ว่าอุปมาจะสื่ออะไร แต่แสร้งทำเป็นไร้เดียงสา
“อะไรกันคะเนี่ย”
“ถ้าอยากจะเลือกซื้อแหวนเพชรซักวง ก็ควรให้ผู้หญิงช่วยแนะนำ”
เมธาวียิ้มๆ มองดูแหวน ช่วยเลือกไป
“จะไม่ถามผมหน่อยเหรอ ว่าจะเลือกไปทำไม”
“ฉันไม่ใช่คนอยากรู้อยากเห็น”เมธาวีหยิบแหวนเพชรวงหนึ่งขึ้นมาดู
“อยากรู้จังว่าเกณฑ์ในการตัดสินใจเลือกของคุณคืออะไร...ขนาดเพชรรึเปล่า”
เมธาวีเงยหน้ามองอุปมา
“ความเหมาะสมมากกว่าค่ะ”
“เหมาะสมยังไงครับ”
“ขนาดของเพชรเหมาะสมกับตัวเรือนมั้ย น้ำเพชรระยิบระยับล่อตา เหมาะสมกับความเป็นเพชรเกรดเอมั้ย และเป็นแหวนเพชรที่เหมาะสมคู่ควรกับผู้ใส่รึเปล่า”
“ถ้าผมอยากซื้อให้คุณล่ะ”
อุปมาจ้องตาส่งตาหวาน เมธาวีสบตาเขา ทันใดนั้นแว่บหนึ่งของสายตาเมธาวีที่มองผ่านกระจก ในร้านเห็นวิมาดาจ้องเขม็งมาที่ตนจากหน้าร้าน อย่างโกรธเกลียดและชิงชัง เมธาวีตกใจเล็กน้อย หันขวับไปมองหน้าร้าน ไม่มีวี่แวววิมาดาแล้ว
“มีอะไรเหรอครับ”
เมธาวีไม่พอใจ
“คงมีคนอยากให้คุณซื้อมันให้มากกว่าเม”
เมธาวีลุกเดินออกไปจากร้านทันทีไม่พอใจมาก
“คุณเม...”
เมธาวีไม่ฟังเสียงเดินดุ่ยๆ ออกไปทันที อุปมาหันไปบอกพนักงาน
“โทษทีนะครับ แล้วจะแวะมาดูใหม่”
อุปมารีบลุกเดินตามเมธาวีออกไปทันที วิมาดาหลบมองอยู่จากมุมร้าน...ชะโงกหน้ามองตามอุปมาที่เดินตามไปง้อเมธาวี วิมาดาบ่นพึมพำ เจ็บใจมาก
“มาร์คเป็นของฉันคนเดียว”
+ + + + + + + + + + + +
อ่านต่อหน้า 2
รอยมาร (ต่อ)
เมื่อไปถึงบ้านครูกรรณิการ์ สไบนางฝึกรำศรีวิชัยอยู่กับครูกรรณิการ์ ครูรำนำอยู่ข้างหน้า สไบนางรำตามไปอย่างสวยงาม อาทิตย์นั่งมองดูอยู่ยิ้มชื่นชม สไบนางเป็นนางรำที่ดูเรียบร้อย สง่างามผิดกับทโมนที่อาทิตย์คุ้นเคย ครูกรรณิการ์หยุดรำนำแล้วเดินไปตบจังหวะ ยืนดูท่าทางลูกศิษย์ คอยจับแต่งท่าทางไปขณะที่ สไบนางรำ อาทิตย์นั่งมองดูไปเพลินๆ ยิ้มชื่นชมตลอดเวลา
หลังจากซ้อมรำเสร็จแล้ว สไบนางเดินคุยกับอาทิตย์ มาในสวนที่ร่มรื่นของบ้านครู
“บีอยากให้ซันนี่พามาที่บ้านอาจารย์อีกวัน แต่ต้องไม่ให้คุณย่ารู้นะว่าเรามาที่นี่ คุณเป็นตำรวจวางแผนเก่งอยู่แล้วนี่”
“คิดดูก่อน”
สไบนางทำหน้าอ้อนๆ
“โห...นะๆ วันเดียวเอง แล้วบีจะไม่รบกวนอะไรซันนี่อีกเลยตลอดชีวิต”
อาทิตย์ยิ้มๆ
“ขนาดนั้นเลย”
“อือ”
“โอเค”
“ซันนี่น่ารักที่สุด”
สไบนางเดินรื่นเริงนำไปก่อนจะหยุดหันมาเผชิญ หน้ากับอาทิตย์
“รู้อะไรมั้ยซันนี่”สไบนางทำหน้าบึ้งๆใส่ “บางครั้งบีเกลียดขี้หน้าซันนี่ที่สุดเลย ทำไมต้องเป็นเพื่อนพี่เมก่อนเป็นเพื่อนบี ทำไมบีจะต้องคอยรับสมบัติหรืออะไรทุกอย่าง รองจากพี่เมด้วย”
“แต่พี่ขอเป็นเพื่อนบีเองนะ คุณเมไม่ได้แนะนำซะหน่อย”อาทิตย์แย้ง
สไบนางคิดตาม
“ก็จริงนะ บีรู้ว่าซันนี่เป็นคนดี...การจะมีเพื่อนดีๆ สักคน คงไม่แปลกอะไรถ้าจะรู้จักหลังพี่เม”
สไบนางเดินนำกลับไป อาทิตย์ติดใจสงสัยมานาน
“บีมีปัญหาอะไรกับคุณเมรึเปล่า”
สไบนางหยุดกึกหันมองหน้าอาทิตย์
“ทำไมซันนี่คิดยังงั้นล่ะ เราเป็นพี่น้องกันนะ”
“พี่น้องคนละพ่อคนละแม่”
“แต่ย่าเดียวกัน”
อาทิตย์สงสัย
“เวลาไปที่บ้านคุณย่า พี่ไม่ค่อยเห็นพี่น้องสองคน คุยกันเท่าไหร่เลย”
“เราคุยกันจนเบื่อ อยู่บ้านเดียวกัน คุยกันได้ทุกเวลา คุยกันมากก็ เหม็นขี้หน้ากันมาก”
อาทิตย์ยิ้มๆ สไบนางจ้องหน้า
“รู้อะไรมั้ยซันนี่ บีเป็นนักฉกฉวยตัวยง ขี้อิจฉานางรอง จอมแย่ง สังเกตให้ดีนะ สมบัติของรักของชอบของพี่เมทุกชิ้นมันตกเป็นของบีในที่สุด บีเป็นมารร้ายคอยแย่งชิงทุกอย่างจากพี่เม ตอนนี้ซันนี่คือเพื่อนที่บีแย่งมาจากพี่เม”สไบนางสะใจอาทิตย์ขำๆ
“ผมมีค่าควรแก่การฉกชิงวิ่งราว ของใครด้วยเหรอ”
“ซันนี่พูดเหมือนดูถูกพี่เม...”สไบนางน้ำเสียงแดกดัน สายตาเย้ยหยัน “พี่เมคือที่สุดแห่งความเพอร์เฟ็กต์...การเรียนดี การงานเริ่ด มารยาทเยี่ยม เสื้อผ้าหน้าผมเป๊ะ ใช้ของแบรนด์เนมหัวจรดเท้า ซันนี่ก็คือสิ่งดีๆ อีกอย่างหนึ่งที่เสริมบารมีให้พี่เมดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก”สไบนางพูดอย่างหมั่นไส้
“แต่พี่ไม่ได้ผูกขาด จะต้องเป็นเพื่อนเมคนเดียวนี่นา”
สไบนางจ้องหน้า
“ซันนี่จะแต่งงานกับพี่เมมั้ย”
“ยังไม่รู้ ยังไม่ถึงเวลาของมัน...บู้บี้อยากรู้ความเคลื่อนไหวของพี่กับเมไปทำไม”
“เตรียมตัว”
อาทิตย์เลิกคิ้วสูงด้วยความสงสัย
“เตรียมตัวอะไร”
สไบนางจ้องหน้าอาทิตย์ เสียงแข็งกร้าว ดูจริงจัง หน้าตาโกรธเกรี้ยว
“บีจะเกลียด ซันนี่ หน้าก็ไม่อยากจะมอง”
“ทำไมล่ะ”
สไบนางเสียงดุดัน ดังขึ้นมา
“เพราะว่าบีแย่งซันนี่มาจากพี่เมไม่ได้น่ะสิ”
สไบนางปั้นหน้าซีเรียส ตาแข็งๆ ขวางๆ ออกแนวแค้นฝังหุ่น อาทิตย์ อึ้งๆ ไปมองหน้าสไบนางตกใจ ความคิดสไบนางดูน่ากลัวออกแนวจิตๆ หรือนี่ แต่แล้วสไบนางก็ระเบิดหัวเราะออกมา
“หลอกตำรวจซะหน้าซีดเลย”สไบนางทำท่าทำทางหลอกผี “บีเป็นสาวโรคจิต”
สไบนางหัวเราะชอบใจวิ่งนำไปขึ้นนั่งสบายในรถ อาทิตย์ขำๆ
“บู้บี้ตัวแสบ”
อาทิตย์ยิ้มๆส่ายหน้าเดินตามไปที่รถ
+ + + + + + + + + + + +
บ้านอัคราชตอนหัวค่ำ...
อุปมาเดินตามหาเมธาวีมาถึงห้องรับแขกเล็ก...เมธาวีนั่งหน้าตาบึ้งตึงอยู่ในห้อง อุปมาเดินปั้นยิ้มเข้ามานั่งข้างๆ เมธาวีขยับตัวห่างออกไปเล็กน้อย
“โกรธผมเรื่องอะไร”
เมธาวีถอนใจออกมา
“ผมทำอะไรให้คุณเมไม่พอใจเหรอ ผมงงไปหมดแล้ว”
เมธาวียังคงบึ้งตึงไม่ตอบคำ
“คุณเมรังเกียจผมมากเลยเหรอครับ”อุปมาน้อยใจ
เมธาวีหันมองอุปมา
“ไม่ใช่ยังงั้นหรอกค่ะ”
“คุณเมคงรู้สึกว่าถูกดูหมิ่นที่ผมจะซื้อแหวนทำใหม่มาขอหมั้นคุณ ไม่ใช่สมบัติเก่าแก่ของตระกูล ใช่มั้ยครับ”
เมธาวีอึ้งๆ มองหน้าอุปมา ตนไม่ได้คิดขนาดนั้น ตนเห็นวิมาดาตะหาก แต่ไม่อยากพูดถึงอีก อุปมาล้วงกล่องกำมะหยี่สีเลือดหมูออกมาเปิดออก เห็นแหวนเพชรเม็ดเดี่ยวเม็ดโตแบบเรียบๆ ส่องประกายอยู่ด้านใน
“แหวนวงนี้ไม่ใช่ของเก่าแก่อะไร ที่จริงคุณพ่อผมเคยมีแต่สูญหายไปหมดแล้ว คุณแม่ผมก็ชอบมรกตมากกว่าเพชร ผมทราบมาว่าคนไทยนิยมเพชรมากกว่า เท่าที่ตามหาได้ก็มีเหลืออยู่วงนี้วงเดียว”
เมธาวีชำเลืองมองแหวนเพชรเม็ดโต น้ำงาม เรือนทองคำขาว
“ผมเห็นว่าแบบมันเรียบจนเกินไป แล้วก็ไม่ใช่ของเก่าซะทีเดียว กลัวคุณเมจะไม่ถูกใจ เลยพาไปเลือกซื้อใหม่แทน”
เมธาวีใจอ่อนยวบลงเหมือนกัน รู้สึกอุปมาทุ่มเทและตั้งใจจริงกับตน
“คุณเมครับ พร้อมที่จะรับหมั้นผมรึยัง”
เมธาวีช้อนตามองตาอุปมา อึกๆอัก หน้าแดงๆ อุปมาหยิบแหวนออกมาจากตลับแล้วจับมือซ้ายเมธาวีขึ้นมา
“ผมอยากขอหมั้นคุณเมไว้ก่อน”
อุปมาตั้งท่าจะสวมแหวนเข้าที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ เมธาวีน้ำตารื้นๆ ลึกๆก็ดีใจและตื้นตันใจมาก
“ไม่รู้ว่าจะเร็วไปมั้ยถ้าผมจะบอกคุณเมว่า...”
เมธาวีลุ้นคำพูดจากปากอุปมาจนใจเต้นไม่เป็นระส่ำ
“ผมชอบคุณ”
นิ้วนางเมธาวีกระตุกเล็กน้อย แสดงถึงอารมณ์ไม่พอใจของเธอ เมธาวีดึงมือออก
“แค่ชอบเหรอคะ เจอกระเป๋ารองเท้าก็ชอบได้ทั้งนั้น ขอบคุณค่ะมาร์ค...คำว่าชอบของคุณมันยิ่งใหญ่เกินไป เมคงไม่คู่ควรที่จะรับมันไว้”เมธาวีเชิ่ด จะลุกเดินหนี
อุปมาฉวยมือเมธาวีเอาไว้
“คำนั้นคงต้องใช้เวลาให้กันและกันอีกซักนิด ตอนนี้ผมชอบคุณเม ชอบมาก คำว่ารัก คงใช้เวลาอีกไม่นาน”
เมธาวีสะบัดมือออก จะเดินหนี อุปมาตามไปกอดเมธาวีเอาไว้จากด้านหลัง
“แล้วคุณล่ะ เคยทำอะไรให้ผมมั่นใจบ้างว่าคุณชอบผม กระซิบให้ผม ได้ยินซักนิดก็ไม่ได้เหรอครับ”
เมธาวีนิ่งเงียบ อุปมากระชับกอดเธอไว้แน่น
“เป็นเจ้าสาวให้ผมได้มั้ยครับคุณเม”อุปมาหอมข้างแก้ม
สไบนางเดินเข้ามาในห้องรับแขก ต่างฝ่ายต่างตกใจ...เมธาวีและอุปมารีบผละออกจากกัน
“อุบาทว์”
สไบนางมองทั้งคู่สายตาดูถูก เมธาวีตกใจปนอาย
“ฟังฉันก่อนบี”
สไบนางวิ่งกลับออกไปทันที เมธาวีร้อนใจมาก
“ทำยังไงดีล่ะคะ บีต้องไปฟ้องคุณย่าแน่ๆเลย”
เมธาวีรู้สึกอับอายและเสียหน้ามากจนน้ำตาคลอขึ้นมา อุปมาใช้ความคิดอย่างนิ่งขรึม
+ + + + + + + + + + + +
บังอรจูงมือคุณหญิงรุจาพาเดินขึ้นบ้านบ้าน อาทิตย์เดินตามคุยมาติดๆ สไบนางเดินหน้าตาบึ้งตึงตรงออกมาหาทุกคน
“ซันนี่กลับไปก่อนเถอะ”
อาทิตย์งงๆ
“ทำไมล่ะ”
“บอกให้กลับก็กลับไปเถอะน่ะ”สไบนางดันอาทิตย์ออกไป
“แม่บี...อะไรของเรา ไปไล่พี่เขากลับบ้านทำไม เสียมารยาท”คุณหญิงรุจาปราม
“เสียมารยาทยังดีกว่าเสียน้ำตา”
บังอรงงๆ
“พูดอะไรน่ะบี ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”
อุปมาเดินหน้าเคร่งขรึมออกมาหาทุกคน สไบนางหันขวับ จ้องหน้าอุปมาสายตาแข็งกร้าว ชิงชัง อุปมาหน้าตาจริงจัง พูดกับคุณหญิงรุจา
“ถ้าคุณย่าไม่เหนื่อยจนเกินไป ผมขอเวลาซัก 5 นาที ผมมีเรื่องสำคัญอยากจะเรียนให้คุณย่าทราบครับ”
ทุกคนมองอุปมาด้วยสีหน้าแววตาสงสัย เว้นแต่สไบนางที่จิกตามองอุปมาด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามและชิงชัง
คุณหญิงรุจาเดินเข้ามาในห้องรับแขกเล็ก เห็นเมธาวีนั่งหน้าซีดเผือดอยู่ในห้อง เมธาวีลุกขึ้นมาประคองคุณหญิงรุจามานั่ง คุณหญิงรุจาเหลือบตาเห็นกล่องแหวนเพชรวางเปิดอ้าที่โต๊ะกลาง ก็แทบจะเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด อุปมาสบตากับเมธาวีก่อนจะนั่งลงไม่ห่างกันนัก
“มีอะไรก็ว่ามาเลย ย่ากำลังฟังอยู่”
“คือ ผมกับเม”
อุปมาสบตาเมธาวี อึกอักพูดไม่ออกเล็กน้อย
“ว่าไงล่ะ อึกอักพูดไม่ออกเลยเหรอ พูดมาเถอะ”คุณหญิงรุจาทำเหลือบตามองแหวน “แหวนเพชรน้ำงามดีนี่ 3 กะรัตได้ล่ะมั้ง”
“ครับคุณย่า...”อุปมารวบรวมความกล้า “คือผมจะมาขอหมั้นกับเมน่ะครับ คุณย่า”
คุณหญิงรุจารู้ทั้งรู้แต่ก็อดใจหายไม่ได้เหมือนกันเมื่อได้ยินคำสู่ขอจากปากอุปมา เมธาวีก้มหน้างุด คุณหญิงรุจานิ่งขรึม ถอนใจยาวออกมา
“ย่าก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ไอ้เราเป็นคนหนุ่มสาวหัวสมัยใหม่ ถ้าเป็นเป็นสมัยย่า เขาต้องให้เถ้าแก่มาทาบทามสู่ขอกับพ่อแม่ฝ่ายหญิง”
เมธาวีสบตามองกับอุปมา
“แม่เมล่ะว่ายังไง”
เมธาวีสะดุ้งเฮือก
“เมแล้วแต่คุณย่าค่ะ”
“แสดงว่าตัวเราเองก็พอใจกับคุณอุปมาอยู่ ไม่มีอะไรขัดข้องใช่มั้ย”
อุปมาจับจ้องมองเมธาวีอย่างลุ้น รอฟังคำตอบ เมธาวีก้มหน้านิ่ง
“ค่ะ”
อุปมายิ้มกว้างออกมาอย่างพอใจ คุณหญิงรุจาหน้านิ่ง
“เราสองคนก็โตๆ กันแล้ว ปกครองตัวเองได้แล้ว ก็แล้วแต่สมัครใจแล้วกัน”
อุปมาดีใจมาก ยกมือไหว้
“ขอบคุณครับคุณย่า”
“เดี๋ยวๆ ใจเย็นก่อน...ตอนนี้พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายก็ไม่อยู่ซักคน เราให้พวกเขากลับมาแล้วคุยกันอีกทีดีกว่า เอาเป็นว่าย่ารับทราบ ความประสงค์ของเราทั้งสองคนเอาไว้แล้วเบื้องต้นก็แล้วกันนะ”
เมธาวีขยับตัวไปก้มกราบตักคุณหญิงรุจา แอบมีน้ำตาคลอๆ ใจตนยังคาใจกับอุปมาหลายเรื่อง ยังไม่
เต็มร้อยนัก อุปมายิ้มกว้างออกมาอย่างสบายใจ สไบนางแอบฟังการสนทนาทั้งหมดอยู่หน้าประตูห้อง เหยียดปากหมั่นไส้แล้วเดินหน้าตาไม่พอใจกลับออกไป
+ + + + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น อุปมาเดินกลับเข้าคอนโดมา ชะงักไปเมื่อเห็นวิมาดาในชุดนอนเซ็กซี่ถือแก้วไวน์เปล่า วิมาดาวางแก้วลงข้างขวดไวน์แล้วลุกขึ้นยืนเซๆ ทรงตัวไม่อยู่เล็กน้อย
“กลับช้าจังเลยมาร์ค”
อุปมาหน้านิ่ง
“คุณเมาเหรอ”
วิมาดายิ้มๆ
“กำลังคุยสนุกตะหากค่ะ”วิมาดาเดินเป๋ๆเข้าไปหาอุปมา “วันนี้วิเห็น ภาพบาดตา”
อุปมางงๆ
“ภาพอะไรเหรอ”
วิมาดาปั้นหน้าน้อยใจปนงอน
“วันนี้คุณพาผู้หญิงคนหนึ่งไปซื้อแหวน”
อุปมาขำๆออกมา โกหกหน้าตาย
“ใครบอก เขาให้ผมไปช่วยเลือก”
“วิไม่เชื่อ”
“ผมก็บังคับให้คุณเชื่อไม่ได้ กู๊ดไนท์นะครับ ผมเหนื่อย”
อุปมาจะเดินกลับเข้าห้องนอน วิมาดาขวางหน้าแล้วสวมกอดอุปมาเอาไว้ทันที ทำเมามาย...
“วิไม่ให้คุณไป”
อุปมาพยายามแกะวิมาดาออกวิมาดาไม่ยอม สวมกอดเขาเอาไว้แน่น ซบหน้ากับอก
“วิยังรักคุณเหมือนเดิมนะมาร์ค”
“คุณเมามากแล้ว ผมพาไปนอนดีกว่า”
วิมาดายกมือขึ้นจับแก้มอุปมา จ้องตา
“คืนนี้วิขอนอนห้องคุณนะมาร์ค”
อุปมาจ้องตาวิมาดาคืน เยื่อใยยังตัดไม่ขาด
“แค่คืนเดียวนะมาร์ค ไม่ผูกพันอะไรทั้งนั้น”
ทั้งคู่จ้องตากัน ต่างมีสายตาปรารถนา ทั้งคู่ค่อยๆ โน้มหน้าเข้าหากัน จูบกันอย่างดูดดื่ม อุปมาอุ้มวิมาดามานอนลงบนเตียงนอนของตน วิมาดากอดรั้งเขาเอาไว้ อุปมาระดมจูบหอมไปมา วิมาดาแอบอมยิ้มร้ายๆ อย่างมีแผนการ แต่ทันใดนั้นอุปมากับหยุดกริยาอาการทั้งหมด
“เดี๋ยวนะ”
วิมาดางงๆ อุปมาขยับตัวเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักหัวเตียง หยิบถุงยางอนามัยออกมา โชว์ให้วิมาดาดู ก่อนจะกอดจูบลูบไล้อดีตคนรักต่อไป วิมาดาเจ็บใจที่สุด เสียดายโอกาส เพราะตั้งใจจะปล่อยให้ท้อง หวังจับอุปมา แต่ แผนการพังหมดเพราะเขารู้จักป้องกันตัวเอง
+ + + + + + + + + + + +
คุณหญิงรุจา นอนไม่หลับ จึงเดินมาเคาะประตูห้องนอนสไบนาง
“บี...หลับรึยังลูก”
“ยังค่ะคุณย่า”
สไบนางในชุดนอนแบบผู้ชาย เปิดประตูห้องนอนรับย่า
“ขอย่าเข้าไปคุยด้วยเดี๋ยวซิ”
“ด้วยความเต็มใจ เชิญเลยค่ะคุณย่าสุดที่รัก”
สไบนางผายมือเชื้อเชิญ ยิ้มหน้าทะเล้น คุณหญิงรุจาหน้านิ่ง ไม่ยิ้มไม่ล่อเล่นด้วย
“ปิดประตูห้อง ล็อกให้เรียบร้อย”
คุณหญิงรุจาเดินนำไปนั่งปลายเตียง สไบนางสงสัยเล็กน้อย ต้องคุยเรื่องสำคัญแน่ๆ กดล็อกห้อง
“มานั่งข้างๆ ย่านี่มา”
สไบนางเดินไปนั่งข้างๆคุณหญิงรุจา
“พรุ่งนี้เราว่างรึเปล่า”
“ว่างทุกวันอยู่แล้วล่ะค่ะ คุณย่ามีอะไรจะใช้บีเหรอคะ”
“ย่าอยากชวนเราไปทำเรื่องโอนบ้านสวนให้เรียบร้อย”
“มันจำเป็นต้องรีบขนาดนี้เลยเหรอคะ บีไม่เข้าใจ”
“แล้ววันหนึ่งเราจะเข้าใจเอง”คุณหญิงรุจาจับมือหลานสาวเอาไว้ “รับเอาไว้นะบี บีคนเดียวเท่านั้นที่เหมาะสมกับสมบัติชิ้นสุดท้ายของย่า”
สไบนางไม่สบายใจ
“คุณลุงยังไม่กลับมาเลย รอคุณลุงกลับมาก่อนไม่ดีเหรอคะ บีไม่อยากให้มีปัญหาขัดใจตามมาทีหลัง”
“ไม่จำเป็น บ้านสวนเป็นสมบัติของย่า คิดซะว่าย่ายกให้บีเป็นรางวัล ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ก็แล้วกัน”
สไบนางไม่สบายใจ รักลุงไม่อยากให้มีปัญหากินแหนงแคลงใจกัน คุณหญิงรุจาเข้าใจความรู้สึกหลานสาว ลูบผมพร้อมพูดไป
“บีเอ๊ย...นี่เป็นส่วนที่เราพึ่งได้ บ้านสวนนี่เล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับที่ลุงเราได้ไป ลุงเราได้ไปเยอะมากจนพ่อเราไม่ได้อะไรเลย บีคือตัวแทนของพ่อ รับไว้เถอะนะลูก”คุณหญิงรุจาน้ำตารื้นๆ ขึ้นมา
สไบนางมองหน้าย่า รับอารมณ์ได้ น้ำตาคลอๆ ตามขึ้นมา คุณหญิงรุจามองหน้าสไบนาง ด้วยความรัก และห่วงใย
“ย่าจะได้หมดห่วง นอนตาย ตาหลับ เพราะมั่นใจว่าเมื่อสิ้นย่าแล้ว บีจะไม่พลัดนาคาที่ไปอยู่กับใคร มีบ้านมีเรือนเป็นของตัวเอง”คุณหญิงรุจาน้ำตาท่วมตา
สไบนางสวมกอดคุณหญิงรุจาเอาไว้ น้ำตาซึมๆ ซาบซึ้งใจกับความรักความห่วงใยของย่าที่มีให้กับตน คุณหญิงรุจาได้แต่กอดหลานสาวเอาไว้แน่น ลูบผมหลานสาวด้วยความรักและห่วงใย คุณหญิงรุจาเคร่งเครียด ปนกังวลกับเรื่องบางอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น จนน้ำตาไหลออกมา
+ + + + + + + + + + + +
หลายวันต่อมา...
อุปมาแต่งตัวเรียบร้อย ยืนผูกเน็คไทอยู่ในห้องนอนของบ้านทรงไทย เสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดขึ้น อุปมาเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
วิมาดาถือโทรศัพท์แนบข้างหูมือหนึ่ง อีกมือยกถุงใส่อาหารอาหารสดต่างๆ ที่ไปซื้อมาวางลงกลางโต๊ะอาหาร วิมาดายิ้มดีใจที่อีกฝ่ายรับสาย
“ประชุมเสร็จรึยังคะ”
“ยังเลยครับ”
“วันนี้วินึกสนุกอยากทำกับข้าวขึ้นมาน่ะค่ะ กลับมาทานข้าวที่คอนโดนะคะ”
“ผมไม่รู้จะประชุมเสร็จเมื่อไหร่เลย”
“เสร็จเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหละค่ะ”วิมาดาฟังอีกฝ่าย ยิ้มแย้ม “ค่ำมืดแค่ไหนวิก็หิ้วท้องรอได้ค่ะ เอาเข้าเวฟอุ่นแป๊บเดียวก็ทานได้แล้ว...ค่ะ วิรอได้ ทำงานเถอะค่ะ วิไม่กวนแล้วล่ะ” วิมาดากดตัดสายยิ้มกริ่ม เปิดกระเป๋าถือหยิบซองยาออกมามองซองยา พูดพึมพำอารมณ์ดี “อร่อยแล้วยังคึกคัก ปึ๋งปั๋ง ด้วยนะคะมาร์ค”
วิมาดาขำๆชอบใจ เดินไปเข้าครัว
ทางด้าน อุปมาเดินกลับมาแต่งตัวต่อที่หน้ากระจก เสียงเคาะประตูดังขึ้น หัสดินในชุดหล่อจะไปงานวันเกิดคุณหญิงรุจาเข้ามายิ้มแย้ม
“ไง...ตื่นเต้นมั้ยเพื่อน”
“ไปงานวันเกิดคุณหญิงคุณหญิงรุจา ต้องตื่นเต้นทำไม”
“มันมีวาระซ่อนเร้นอยู่ ปิดเพื่อนไม่มิดหรอก งานหมั้นคืนนี้น่ะตื่นเต้นมั้ย”
อุปมายิ้มๆ
“ธรรมดา”
“ฉันยังตื่นเต้นแทนแกเลยว่ะ เรือนหอที่ฉันตั้งใจสร้างเพื่อแกมาหลายปี จะได้มีเจ้าสาวเข้ามาสิงสู่ซะที”
“นั่นผีแล้วไอ้หัส”
หัสดินขำๆ
“ฉันจะขึ้นมาบอกแกว่า พ่อแกมาถึงแล้วนะ”
ขาดคำหัสดิน...บารมีในชุดสูทสีเทาเข้ม ดูภูมิฐานก็เปิดประตูห้องเข้ามา อุปมายิ้มดีใจ ยกมือไหว้
“สวัสดีครับพ่อ”
สองพ่อลูกตรงเข้าสวมกอดทักทาย บารมีตบบ่าลูกหนักๆ เป็นการทักทาย
“คุณแม่เป็นยังไงมั่งครับ”
“สบายดี คิดถึงเรามาก...”บารมีหันมองหัสดิน “ช่วยลงไปรับแขกแทนลุงที”
“ครับคุณลุง” หัสดินเดินออกไปจากห้อง
อุปมาสงสัยว่าใครมา จะอ้าปากถาม แต่บารมีพูดขัดขึ้นซะก่อน
“พ่อมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”
อุปมามองหน้าจริงจังของบารมีก็สงสัยอยากรู้ขึ้นมา
+ + + + + + + + + + + +
ประมุขและวิจิตราคุยกันอยู่ที่โถงบ้านอันใหญ่โต วิจิตราพูดอย่างปลื้มใจ
“โถ นึกว่าเพื่อนคนไหน ที่แท้ก็เศรษฐีเจ้าของบ้านไทยนี่เอง...จะว่าไป ยัยเมนี่ก็ตาถึงไม่เบานะคะคุณ”
ประมุขยิ้มแย้ม
“เหมือนแม่”
วิจิตราขำๆชอบใจ
“คุณก้อ...”วิจิตรากวาดตามองดูบ้าน “ท่าทางรวยใช่เล่นนะคะ”
“รวยจริง ไม่ใช่แค่ผู้ดีเก่าคนเคยรวยอย่างพวกเรา”
“คุณก็พูดเกินไป ยังกะเราไม่มีงั้นล่ะ ใครได้ยินเข้า เสียชื่อตายเลย”วิจิตราค้อนใส่สามีแล้วเดินชมบ้านไป
ประมุขแอบถอนใจยาวออกมา หน้าเครียดๆ หัสดินเดินลงมาจากชั้นบนยิ้มแย้มให้
“ขอโทษนะครับที่ให้รอนาน...ผมขออนุญาตเป็นไกด์พาชมบ้านดีมั้ยครับ”
วิจิตรายิ้มรับ
“ดีเลยจ้ะ...บ้านตกแต่งได้หรูหราน่าอยู่มากๆ เลยนะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับ”
หัสดินเดินพาวิจิตราเดินชมบ้านไป
ประมุขเดินตามหลังไป พร้อมกวาดสายตามองความใหญ่โตโอ่อ่าของบ้าน ด้วยความรู้สึกอดอิจฉาลึกๆไม่ได้
ทางด้านอุปมาและบารมี นั่งคุยกันอยู่ที่มุมโซฟารับแขกในห้องนอน อุปมาหน้าเคร่งเครียด มองหน้าพ่อ
“ว่าที่เจ้าสาวของผม คือลูกสาวของคนที่ทำให้ครอบครัวคุณปู่ คุณย่าต้องพังพินาศ จริงๆเหรอครับ”
บารมีหน้านิ่งขรึมไป
“ลูกคิดยังไง”
“อึดอัดครับ ถ้าเรื่องทุกอย่างเป็นความจริง ผมไม่อยากให้มีการผูกพัน เกิดขึ้นกับคนตระกูลนี้”
“ความจริงพ่อก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นหรอกมาร์ค แต่ถ้าเราไม่ทำ อย่างดีเขาก็ล้มละลายอับอายขายขี้หน้า”บารมีถอนใจออกมา “ถ้าเรื่องลงเอยแบบนั้น พ่อก็เห็นใจแต่คุณหญิงรุจา ถึงอย่างไรท่านก็เป็นแม่ของประจักษ์ เพื่อนแท้คนเดียวของพ่อ”
อุปมาถอนใจออกมา
“ผมเข้าใจสถานการณ์ของเขาดีครับพ่อ...แล้วคุณเมกับแม่ของเขารู้เรื่องหนี้ก้อนนี้รึเปล่าครับ”
“พ่อคิดว่าคงยังไม่รู้นะ...”
อุปมานึกขึ้นได้
“อ้อ ผมทราบแล้วนะครับ ว่าอาศรีอำไพทิ้งน้องสาวไว้หนึ่งคน”
“สไบนาง”
“คุณพ่อทราบ”
บารมีพยักหน้ารับ
“เจอกันแล้วเป็นยังไง”
อุปมาส่ายหน้า
“แย่ครับพ่อ คุณย่าเลี้ยงหลานคุณพ่อเสียหมดแล้ว แก่นกะโหลก เกเรกวนประสาท ไม่ลงรอยกับผมเท่าไหร่ ไม่เคยพูดดีกับผมแม้แต่คำเดียว”
บารมีขำๆ
“ประจักษ์ก็เป็นยังงั้นตอนเด็กๆ พ่อเคยเจอหนูไบแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นลูกของไพกับประจักษ์”
“ชื่อบีครับคุณพ่อ ไบอะไรนั่นแหกตาคุณพ่อเล่น เหลือรับจริงๆครับ เด็กคนนี้”
บารมียิ้มๆ
“ท่าทางลูกไม่ชอบน้องเลยนะมาร์ค น้องยังเด็ก พ่อเชื่อว่าคุณหญิงไม่กล้าบอกเรื่องทั้งหมดให้สไบนางรู้แน่ๆ เอาเถอะ อย่าเพิ่งตั้งแง่โกรธเกลียดน้องไปเลยนะพอแกรู้ว่าลูกคือพี่ชายก็คงจะดีไปเอง”
“ผมไม่ได้เกลียดแกหรอกครับพ่อ แต่หมั่นไส้ ขอเขกกบาลแรงๆ ซักที ก็คงจะรู้สึกดีขึ้น”
บารมีขำๆ ชอบใจพูดด้วยความเอ็นดู
“พูดแล้วก็คิดถึงนะ หลานสาวคนนี้มันแสบถึงใจ ไม่ได้เจอตัวนานแล้ว อยากเห็นหน้าจริงๆ”บารมียิ้มๆเอ็นดู
ขณะเดียวกันนั้นอุปมาก็ได้แต่เหยียดปากเซ็งๆ เหม็นขี้หน้า
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางในชุดนางรำศรีวิชัย แต่งองค์ทรงเครื่องเรียบร้อย ยืนส่องกระจกอยู่ในห้องนอน หยาดฝนเดินยิ้มแย้มเข้ามาชื่นชม
“เธอแต่งชุดแบบนี้ขึ้นจริงๆเลยบี สวยผิดหูผิดตา”
สไบนางยิ้มปลื้ม
“ขอบใจจ้ะ”
“แต่แต่งหน้าเข้มไปหน่อยนะ ดูแก่เกินวัย”
สไบนางหุบยิ้มเล็กน้อย
“แต่งจืด เข้าแสงไฟก็ซีดหมดสิ”
“เหรอ...แล้วเธอจะรำอะไรของเธอ”
“ศรีวิชัย”สไบนางจัดแต่งชุดไป
“บีรำวันเกิดคุณย่าตลอดเลยเหรอ”
“ฮึ...ฝนเชื่อมั้ย คุณย่ากับทุกคนในบ้าน ไม่เคยเห็นบีรำแบบจริงๆจังๆ แต่งองค์ทรงเครื่องอะไรแบบนี้เลยสักครั้งเดียว”
หยาดฝนแปลกใจ
“จริงเหรอ”
“จริงๆ รำเล่นๆ โชว์ขอเงินคุณลุงสั้นๆ น่ะรำบ่อย ผิดๆถูกๆ ก็รำไป ไม่มีใครรู้หรอก แต่คราวนี้บีตั้งใจจริงอยากทำให้เป็นของขวัญวันเกิดคุณย่า แอบไปซ้อมกับอาจารย์กรรณ์ ตั้งหลายหน”
“แต่ฝนเชื่อว่ามันต้องออกมาดีแน่ๆ ฝนเคยเห็นบีรำงานโรงเรียนทุกปี ฝนไม่เคยเบื่อเลยนะ ฝนเชื่อว่าคืนนี้บีต้องทำได้ดี ทุกคนต้องชื่นชม ปรบมือกันเกรียวกราวเลยล่ะ”
สไบนางหน้าขรึมลง
“บีก็หวังยังงั้นแหละฝน คุณย่าจะได้ภูมิใจที่สนับสนุนบี มาตลอด”สไบนางกังวลๆ “แต่บีก็อดกังวลไม่ได้นะฝน บีกลัวว่าจะมีเสียงโห่หรือโดนป่วนจากคนที่ไม่ชอบขี้หน้าบี ทำให้บีต้องหน้าแตกขายหน้ากลางงานคืนนี้น่ะสิ”สไบนางถอนใจออกมาอย่างกังวลใจ
อ่านต่อวันพรุ่งนี้