xs
xsm
sm
md
lg

รอยมาร ตอนที่ 10

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ติดตามอ่านละครออนไลน์ได้ทาง www.manager.co.th ทุกเช้าเวลา 09.30 น.

รอยมาร ตอนที่ 10
 

คุณหญิงรุจาเดินหน้านิ่งขรึมเข้ามาในห้องรับแขก อุปมาและหัสดินลุกขึ้นยกมือไหว้ คุณหญิงรุจารับไหว้
“นี่หัสดินเพื่อนผมครับ”อุปมาแนะนำ
คุณหญิงรุจายิ้มมารยาทให้
“นั่งเถอะจ้ะ”
“หัสเขาเป็นวิศวกร ปลูกบ้านให้ผมครับคุณย่า”
“คุณย่าเคยไปเที่ยวบ้านมาร์ครึยังครับ ใกล้ๆแค่นี้เอง เดินไปได้ คุณบีไปเที่ยวบ่อยนะครับ เมื่อกี้ก็เพิ่งไปมา” หัสดินบอก
คุณหญิงรุจาชักไม่สบายใจ
“ไปหาเรื่องอะไรคุณอุปมาอีกรึเปล่า”
“เปล่าครับ วันนี้เขาไปเล่นงานหัส โทษฐานหลอกลวง”
คุณหญิงรุจาหันมองหน้าหัสดิน งงๆ หัสดินยิ้มแหยๆ
“คือคุณบีเข้าใจว่าผมเป็นมาร์คน่ะครับ ผมก็แกล้งปล่อยเลยตามเลย วันนี้ความแตกผมเลยโดนเล่นงานเล็กน้อย”
คุณหญิงรุจาหน้าเสีย
“ถ้ายัยบีทำอะไรเสียมารยาทก็ขอโทษด้วยแล้วกัน ซนเหลือเกิน คนชินกันมาก็ว่าน่ารัก คนไม่เคยก็ว่าเขาดื้อ”
หัสดินยิ้มแย้ม
“ลุงบารมีก็ว่าน้องบีน่ารัก ลุงบอกว่าเป็นเพื่อนซี้กัน”
คุณหญิงรุจายิ้มๆส่ายหน้า หัสดินส่งถุงของฝากให้อุปมา
“ผมเอาผ้าปูโต๊ะมาฝากครับ คุณพ่อซื้อส่งกลับมา”
อุปมารับถุงของฝากมาวางบนโต๊ะ คุณหญิงรุจายังเคือง
“ทีหลังไม่ต้องก็ได้นะ”
คุณหญิงรุจารินชาร้อนจากกาใส่ถ้วยของตนไป อุปมาและหัสดินสบตากันเล็กน้อย หัสดินพยักหน้าให้กำลังใจเพื่อน อุปมาปั้นหน้ารู้สึกผิด
“ผมอยากมาขอโทษคุณย่า เรื่องเมื่อวานอีกครั้งน่ะครับ”
คุณหญิงรุจาได้แต่ถอนใจยาวออกมา
“เรื่องมันผ่านไปแล้ว อย่าให้เกิดซ้ำสองอีกแล้วกัน
“ครับคุณย่า”อุปมายิ้มสบายใจขึ้น
ทางด้านบังอรและยายจันทร์ ช่วยกันเตรียมลอดช่องน้ำกะทิตักใส่ชามใส่หม้อ เตรียมพร้อมรอเวลายกขึ้นไปบนบ้าน สไบนางยิ้มหน้าเป็น ย่องๆ เข้ามาจี้เอวบังอร

“ทำอะไรกันน่ะ”
บังอรตกใจ
“ว้าย...คุณบีนี่ ตกใจหมดเลย”
“มาพอดีเวลาของหวานเลยนะคะคุณบี ลอดช่องน้ำกะทิของโปรดคุณบีไงคะ วันนี้กะทิเต็มหม้อ เติมได้ไม่อั้น”ยายจันทร์บอกอย่างเอาใจ
“เริ่ดค่ะยาย...”สไบนางหันถามบังอร “คุณย่าล่ะคะคุณบังอร หลับเหรอ”
“มีแขกค่ะ”
สไบนางสงสัย
“ใครคะ”
“คุณอุปมา”
“แค่นี้ก็รีบแจ้นมาฟ้องคุณย่าเลยนะ”
สไบนางหงุดหงิดจะเดินขึ้นบ้าน บังอรคว้าแขนเอาไว้
“ไม่เอาค่ะคุณบี มานั่งลงเลย อย่าให้มีเรื่องอีกเลยนะคะ...อยากเห็นคุณย่ากลุ้มใจรึไง”
สไบนางเชื่อฟังบังอร ไม่ขึ้นบ้านชะเง้อมองขึ้นไปบนบ้านอยากรู้อยากเห็น
ทางด้านหัสดิน พยายามชวนคุณหญิงรุจาคุย
“เห็นมาร์คเล่าว่าคุณลุงรู้จักกับคุณย่าตั้งแต่สมัยเด็กๆ เลยเหรอครับ”หัสดินถาม
คุณหญิงรุจายิ้มแย้ม
“ใช่จ้ะ พ่อมีเป็นเด็กดี เอาการเอางาน ตัวดำเมี่ยม ขยันลอกท้องร่องท้องคู เป็นเพื่อนกับพ่อของเมกับพ่อของบีเขา”
“พ่อเล่าว่ามีเพื่อนรักอยู่คนหนึ่งชื่อประจักษ์” อุปมาบอก
“พ่อของแม่บีเขานั่นล่ะ ลูกชายคนเล็กของย่าเอง” คุณหญิงรุจาหน้าขรึมลง “เสียชีวิตไปแล้วตั้งแต่บีได้ 4-5 ขวบ”
“เป็นอะไรเหรอครับคุณย่า”อุปมาถามเรียบๆ
“ไข้ป่า ไปทำไร่แถวจันทบุรีตั้งแต่เมียเขาตาย ประจักษ์ไม่ใช่คนแข็งแรงเท่าไหร่ อาศัยที่ใจสู้ แต่ก็ไปไม่รอด” คุณหญิงรุจาถอนใจออกมาบางๆ
“คุณแม่ของน้องบีก็เสียแล้วเหรอครับคุณย่า”
“ใช่...ตายก่อนพ่อเขาไม่นาน ยัยบีกำพร้า ใครจะว่ายังไงไม่รู้ แต่ฉันรักหลานคนนี้มาก ให้เขาไปฆ่าคนตายมา ฉันก็เข้าข้างเขาอยู่ดี เข้าข้างเขาตะพึดล่ะ”คุณหญิงรุจาทิ้งค้อนอุปมาเล็กน้อย
อุปมาหน้านิ่ง
“คุณแม่น้องบีเป็นอะไรตายเหรอครับ”
“ตกน้ำตาย”

อุปมามองหน้าคุณหญิงรุจา เหมือนถามต้อนๆอยู่ในที
“ตกน้ำตาย ว่ายน้ำไม่เป็นเหรอครับคุณย่า”
คุณหญิงรุจาเสียงแข็งขึ้นเล็กน้อย เหมือนสัมผัสได้ว่าโดนอุปมาจับผิดอยู่
“แล้วพ่อเราเคยเล่าอะไรเกี่ยวกับอดีตให้ฟังมั่งล่ะ”
อุปมาหน้านิ่ง ซ่อนความเจ็บแค้นแทนพ่อไว้ในใจ
“พ่อเล่าว่าปู่รวยมาก เคยรับจำนองที่ดินของเศรษฐีผู้ดีเก่าไว้ แต่เศรษฐีคนนั้นไม่รู้”
คุณหญิงรุจาสงสัย
“ไม่รู้ได้ยังไง”
“จะรู้ได้ยังไงล่ะครับ เมื่อลูกๆหลานๆขโมยมาจำนอง”อุปมายิ้มหยันอยู่ในที “คุณปู่รับไว้เพราะสงสารเศรษฐีที่ไม่รู้ หลงเลี้ยงลูกหลานชั่วไว้ในบ้าน ปู่ตั้งใจจะบอกเศรษฐีอยู่เหมือนกัน แต่หาโอกาสไม่ได้ แล้วปู่ก็ไม่รู้จะพูดยังไง”
“ทำไมล่ะ”คุณหญิงรุจาถาม
“ลูกหลานคนนั้นมันขอร้องไว้ มันว่าจะพยายามหาเงินมาไถ่คืนให้เร็วที่สุด โดยไม่ให้ทางบ้านรู้ มันว่าไว้ใจปู่เลยมาไว้ที่ปู่ ปู่ก็ว่าจริง ถ้าไว้กับคนอื่น เขายิ้มหวานไปแล้ว”
คุณหญิงรุจาสนใจอยากรู้มากขึ้น
“แล้วยังไง”
“พ่อรับรู้ไว้เฉยๆ ไม่บอกทางบ้านเศรษฐีเหมือนกัน”อุปมาเน้นเสียง “ทั้งที่รู้จักเป็นเพื่อนกับคนบ้านนั้น...”อุปมาเสียงแข็งกร้าวขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบดังก้อง“ไม่นาน คราวฉิบหายก็มาเยือนพ่อ ปู่ย่า และอาของผม” อุปมาสายตาแข็งกร้าว ดุดัน

คุณหญิงรุจาผงะไปเล็กน้อย กลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ แต่ฝืนกลั้นใจฟังอุปมาเล่าต่อไป
อุปมาเล่าถึงอดีตที่ได้รู้มา...
ในช่วงเวลานั้น...บารมีจะเดินกลับบ้านตอนหัวค่ำ โดยเดินผ่านมาทางสวน ชาวบ้านที่คุ้นเคยกันรีบวิ่งเข้ามาขวางทางบารมีเอาไว้อย่างเป็นห่วง
“รีบหนีไปเถอะพ่อมี”
บารมีตกใจ
“มีอะไรเหรอ”
“ทหารตำรวจล้อมบ้านพ่อมีไว้หมดแล้ว เขาว่าบ้านพ่อมีพัวพันกับพวกค้าอาวุธสงคราม”
บารมีตกใจมาก
“จะบ้ารึไง ฉันจะไปรู้จักพวกนั้นได้ยังไงลุง”
“รู้จักไม่รู้จักก็หนีไปก่อนเถอะ”
“พ่อกับแม่ฉันล่ะ”
“ไม่รู้ ไม่มีใครกล้าเข้าไปเฉียดบ้านพ่อมีหรอก รีบหนีไปเถอะเร็วสิพ่อมี พวกมันตามล่าตัวพ่อมีอยู่นะ”
บารมีละล้าละลัง เป็นห่วงพ่อแม่และน้องสาวมาก

ที่บ้าน...
เศรษฐีเทียนวิ่งหนีลงบันไดบ้านหน้าตื่นกลัว ปืนกระบอกหนึ่งเล็งไปที่เศรษฐีเทียน เสียงปืนดังเปรี้ยงต่อเนื่อง 2-3 นัด เศรษฐีเทียนถูกยิงตายจมกองเลือดคาบันไดบ้าน
แม่บารมีจูงมือศรีอำไพ ที่ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวหลบมาถึงใต้ถุนบ้าน
“ไพ ไม่ต้องกลัวนะลูก เราต้องแยกไปคนละทาง”
“ไพจะไปกับแม่”
“ลูกหนีไปก่อน แม่จะล่อพวกมันไปอีกทางเอง”
“ไม่ค่ะแม่ ไพจะไปกับแม่”
“ไปสิ”แม่ผลักศรีอำไพไปแล้วตนวิ่งหนีไปอีกทาง
“คุณแม่”

แต่ทันใดนั้น มีมือหนึ่งมากระชากศรีอำไพให้หลบเข้าไปทางพุ่มไม้ ศรีอำไพไม่ทันจะร้องก็ถูกมืออีกข้างปิดปากเอาไว้ทัน
แม่บารมีวิ่งหนีมาทางสวนข้างบ้าน ต้องผงะหยุดกึก ยกมือยอมแพ้แววตาตื่นกลัว เสียงปืนดังต่อเนื่อง 2 นัด แม่บารมีหงายล้มไปนอนแน่นิ่งจมกองเลือดกับพื้นดิน เสียชีวิตทั้งที่ตายังเบิกโพลง
เสียงปืนดังต่อเนื่องมาในจินตนาการของคุณหญิงรุจา จนร่างคุณหญิงรุจาเหมือนสะดุ้งสะท้านเจ็บแปลบ อุปมาจ้องหน้าคุณหญิงรุจา…
“คุณย่าทราบมั้ยครับว่า...เพื่อนบ้านชาวสวนเล่าให้พ่อฟังว่ายังไง”
คุณหญิงรุจาไม่สู้ตาเล็กน้อย ตาแดงก่ำ
“เล่าต่อเถอะ ย่าก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าจะเหมือนกับที่ย่าได้ยินมามั้ย” คุณหญิงรุจากลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ
“เพื่อนบ้านเล่าว่าเห็นชัดกับตา คนที่ยิงคุณย่าก็คือ...”
อุปมาสายตาแข็งกร้าว เล่าเรื่องในอดีตที่ได้ยินจากปากพ่อ
ชาวบ้านแอบมองเหตุการณ์อยู่หลังพุ่มไม้...เห็นแม่บารมีวิ่งหนีมาทางสวนข้างบ้าน ต้องผงะ หยุดกึก ยกมือยอมแพ้แววตาตื่นกลัวเสียงปืนดังต่อเนื่อง 2 นัด แม่บารมีหงายล้มไปนอนแน่นิ่งจมกองเลือดกับพื้นดิน เสียชีวิตทั้งที่ตายังเบิกโพลง ชาวบ้าน มือไม้สั่น แหวกพุ่มไม้ไปมองคนที่ยิง...เห็นเป็น ประมุข เป็นคนถือปืนยิงแม่บารมี

ประมุขหันมามองทางชาวบ้านเพราะเห็นพุ่มไม่ไหวๆ ประมุขตกใจ ยิงปืนใส่ชาวบ้านแล้วไล่ตาม ชาวบ้านวิ่งหนีตายไปได้ทัน
เรื่องราวที่อุปมาเล่า ทำให้คุณหญิงรุจาหน้าซีดเผือด นั่งนิ่งเงียบกริบเหมือนถูกสาป การเคลื่อนไหวอย่างเดียวที่เห็นคือน้ำตาเอ่อคลอขึ้นมา จนเห็นแววตาสั่นระริก อุปมาหน้าเรียบเฉย เล่าสิ่งที่ตนรับรู้จากพ่อให้คุณหญิงรุจาฟังต่อ...
“เพื่อนบ้านยังเล่าอีกว่า...ลูกหลานเศรษฐีคนนั้นเป็นทหาร สวมเครื่องแบบสีเดียวกับพ่อ แต่ยศน้อยกว่า”
คุณหญิงรุจาเลี่ยงหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ มือสั่นอย่างเห็นได้ชัด อุปมาจับตามองคุณหญิงรุจาอย่างไม่วางตา
“ที่สำคัญมันเป็นเพื่อนของพ่อ มีละแวกบ้านติดกัน จึงรู้ทุกช่องทางเข้าออกบ้านพ่ออย่างดี มันบุกทำการอย่างรวดเร็วทุกอย่าง”
คุณหญิงรุจากลืนน้ำชาไม่ลง วางถ้วยชาลงจานรอง มือแทบหมดแรง ถ้วยชาตกกระแทก หกเลอะเล็กน้อย หัสดินรีบจับถ้วยไว้ให้ แล้วดึงทิชชู่มาเช็ดน้ำชาที่เปื้อน คุณหญิงรุจาหน้าซีดเผือด
“ขอบใจจ้ะ”

อุปมายังคงจับตามองคุณหญิงรุจา ด้วยท่าทางสุขุมเยือกเย็น
“แล้วคุณย่าทราบมั้ยครับว่า...ใครเป็นคนช่วยคุณอาศรีอำไพเอาไว้”
อุปมาและคุณหญิงรุจาสบตากันนิ่งๆ เล็กน้อย อุปมาเล่าในอดีตต่อ...
ประจักษ์พยายามปิดปากศรีอำไพ ไม่ให้ร้องไห้โฮเสียงดังออกมา เขาชะเง้อมองออกไปเห็นศพแม่บารมีนอนตายกับพื้น...ประจักษ์น้ำตาเอ่อท่วมขึ้นมา
เสียงปืนดังเปรี้ยงขึ้น...ศรีอำไพหันขวับไปมอง เห็นประมุขเป็นคนยิงปืนไปทางพุ่มไม้ ศรีอำไพสะดุ้งเฮือกด้วยความหวาดกลัว ประจักษ์กอดศรีอำไพเอาไว้แน่น
เสียงปืนนัดที่ 2 ดังขึ้นอีก ประจักษ์หันมอง...แต่มุมที่ประจักษ์อยู่ทำให้มองไม่เห็นหน้าคนยิงไม่ถนัดว่าคือใครกันแน่...ประมุขวิ่งตามชาวบ้านไป ศรีอำไพร้องไห้
“แม่...แม่”
“หนีกันก่อนเถอะ”
ศรีอำไพ ร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ
“แม่”
ประจักษ์ปิดปากศรีอำไพพาลากไปจนได้
ทางด้านบารมี หลบซ่อนตัวอยู่ที่บ้านชาวสวนที่สนิทสนมร้อนอกร้อนใจมาก ชาวบ้านคนหนึ่งวิ่งกลับมารายงาน
“พ่อมี รีบหนีไปก่อนเถอะ พวกตำรวจทหารกำลังแห่กันมาทางนี้แล้ว”
“พ่อกับแม่ฉันล่ะ”
“ฉันยังไม่รู้ แต่ตอนนี้ไฟไหม้บ้านพ่อมีไปครึ่งหลังแล้ว”
บารมีหน้าซีดเผือด ตกใจมาก
“หนีเร็วเถอะพ่อมี แล้วฉันจะส่งข่าว"
บารมีพยักหน้ารับรีบตามชาวบ้านลัดเลาะหลบหนีไป
ขณะเดียวกัน ประจักษ์จูงมือศรีอำไพวิ่งหนีการไล่ล่าอย่างทุลักทุเล ทั้งคู่หันมองตามไปด้านหลังอย่างหวาดกลัว ก่อนที่จะพลาดตกลงไปในท้องร่อง ประจักษ์รีบยกมือปิดปากศรีอำไพไม่ให้ร้อง ประจักษ์รีบปีนขึ้นจากท้องร่องจูงมือศรีอำไพวิ่งหนีลัดเลาะตัดสวนไป
ประจักษ์เคาะประตูห้องนอนคุณหญิงรุจากลางดึกอย่างร้อนใจ
“คุณแม่ครับ...คุณแม่”
“จักษ์เหรอลูก”
“ครับแม่”
คุณหญิงรุจาเปิดประตูห้องนอนออกมา อย่างเป็นห่วง
“ไม่สบายรึเปล่าลูก”
“เปล่าหรอกครับ คุณแม่สวมเสื้อคลุม แล้วลงไปข้างล่างกับผมประเดี๋ยวเถอะครับ”
คุณหญิงรุจาสงสัยมองหน้าลูกชาย ก่อนจะเลื่อนสายตามองเสื้อผ้า ที่เปื้อนเปรอะของประจักษ์ด้วยสีหน้าตกใจ
“ทำไมเสื้อผ้าเราเลอะเทอะแบบนี้ล่ะประจักษ์”

ทันใดนั้นเสียงดันเก้าอี้ไปข้างหลัง เพื่อลุกขึ้นยืนดังแหลมขัดขึ้นมา คุณหญิงรุจาที่กำลังคิดถึงเรื่องราวในอดีตสะดุ้งเฮือก เหลือบตามองอุปมาที่ลุกขึ้นยืนพูดขึ้นอย่างแค้นใจ
“ต่างคนต่างเล่าเรื่องไปคนละทาง เสริมแต่งกันจนสนุกปาก”
คุณหญิงรุจาเชิ่ดหน้านิ่ง อย่างพยายามสะกดอารมณ์เอาไว้ อุปมามองหน้าคุณหญิงรุจา
“บางคนก็แต่งเติม เรื่องเพี่อปกป้องลูกหลานตัวเอง จนตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องจริงเรื่องเท็จ”
คุณหญิงรุจาไม่กล้าสบตาอุปมา
“หลายคนเล่าว่า...ช่วงชุลมุน สมบัติของปู่กับย่าถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย พอเรื่องเรียบร้อย บ้านเหลือแต่ซาก พ่อกลับมาตามหาน้องสาว แต่แปลก พ่อไม่พบน้องสาวอีกเลย”
“อ้าว ไหนว่าเพื่อนลุงมาช่วยน้องสาวไปไง”หัสดินถามงงๆ
“ใช่...เขาช่วยพาไปฝากไว้กับญาติ แต่จากนั้นน้องก็หายสาปสูญ พ่อเดาได้ว่าอาไพต้องถูกฆ่าปิดปากเพราะเธอเป็นคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์ว่าใครคือคนฆ่าคุณปู่”
คุณหญิงรุจาลุกขึ้นยืน ทนฟังไม่ไหวแล้ว
“พอเถอะคุณอุปมา เรื่องราวมันเนิ่นนานมากแล้ว พยานหลักฐานอะไรก็ไม่มี มีแต่คำบอกเล่าปากต่อปาก ความจริงเหลือ 10 เปอร์เซ็นต์ถึงรึเปล่าก็ไม่รู้”คุณหญิงรุจาพูดอย่างไม่สู้ตา
“ขอผมต่ออีกนิดเถอะครับคุณย่า เพราะผมมีเรื่องอยากจะถามหาคำตอบจากคุณย่า”
คุณหญิงรุจามองหน้าอุปมา แทบกลืนน้ำลายไม่ลงคอ อุปมาเดินไปรอบๆ ตัวคุณหญิงรุจาพร้อมพูดไป
“หลังจากพ่อผมทำตัวกบดานหนีออกนอกประเทศ จนได้เจอกับแม่ผม มีฐานะดีขึ้น”อุปมาหยุดเดิน มอง
หน้าคุณหญิงรุจา “พ่อกลับมาตามหาอาไพอีกครั้ง พ่อเลยรู้ความจริงว่า อาไพถูกฆ่าตายกลางแม่น้ำหน้าบ้านคุณปู่”

คุณหญิงรุจายืนนิ่ง หน้าซีดเป็นกระดาษ อุปมาจ้องหน้าคุณหญิงรุจาอย่างไม่วางตา
“คนที่รู้เห็นเหตุการณ์เล่าถึงการฆ่าสด กลางแดด กลางน้ำว่า เป็นอุบัติเหตุ ซึ่งก็ทำได้แนบเนียนพอใช้”อุปมาสายตาแข็งกร้าว “อาผมตาย”
คุณหญิงรุจาน้ำตาท่วมตา แทบจะทรงตัวไม่อยู่
“คุณย่าครับ”อุปมาเสียงแข็งดังขึ้นเหมือนบีบคั้น “แม่ของบี คือคุณอาศรีอำไพของผมใช่รึเปล่าครับ”อุปมาจ้องเขม็ง รอคำตอบ
คุณหญิงรุจาหน้ามืดทรุดนั่งไปกับโซฟาทันที สไบนางวิ่งปาดขึ้นมา
“คุณย่า”
บังอรตามมาติดๆอย่างร้อนใจ
“คุณบีอย่าขึ้นไปเลยค่ะ”
สไบนางผลักอุปมาออกไปอย่างแรง แล้วประคองย่าอย่างเป็นห่วง
“คุณย่า...”สไบนางหันขวับมาจ้องหน้าอุปมา “แกทำอะไรย่าฉัน”
อุปมาหน้านิ่ง ดูกวนประสาท บังอรรีบเข้ามาช่วยประคอง บอกสไบนาง
“พาคุณย่ากลับไปที่ห้องก่อนเถอะค่ะคุณบี”
สไบนางจ้องหน้าอุปมาตาเขียว ก่อนจะช่วยบังอรประคองคุณหญิงรุจาออกไปก่อน หัสดินลุกมาหาเพื่อน
“นี่มันเรื่องอะไรกันวะมาร์ค ฉันงงไปหมดแล้ว”
อุปมาไม่ตอบ ถอนใจออกมาก่อนกดโทรศัพท์มือถือโทรออก แล้วเดินเลี่ยงไปคุยโทรศัพท์ หัสดินมองตามเพื่อนไปอย่างงงๆ อุปมา ต่อสายปลายทางติดแล้วคุยโทรศัพท์มือถือ หน้าเครียด
“ผมเอาผ้าปูโต๊ะมากราบขอโทษ คุณหญิงรุจา ตามที่พ่อสั่งแล้วครับ”
อุปมาหน้านิ่งฟังบารมี

+ + + + + + + + + + + +

สไบนางและบังอรประคองคุณหญิงรุจานอนพักลงบนเตียง
“เป็นยังไงมั่งคะคุณท่าน”
คุณหญิงรุจายังหลับตา
“มึนหัวจังเลย”
“ยาดมค่ะ”บังอรจ่อยาดมให้ที่จมูก “บังอรชงยาหอมให้นะคะ”
คุณหญิงรุจารับยาดมไปถือเองแต่ยังนอนหลับตาอยู่ สไบนางเดินไปบอกบังอร
“ฝากคุณย่าเดี๋ยวนะคะ บีจะออกไปเล่นงานไอ้ตัวการก่อน”
บังอรตกใจ
“คุณบี”
สไบนางไม่ฟังเสียงเดินออกไปจากห้อง หน้าตาเอาเรื่อง บังอรได้แต่มองตามไปอย่างไม่สบายใจ
อุปมาและหัสดินจะเดินลงจากบ้าน สไบนางวิ่งตามมาพร้อมร่มคันยาวในมือ
“แกจะหนีไปไหนไอ้มาร์ค”
สไบนางฟาดร่มใส่แบบไม่ยั้ง หัสดินร้องลั่น
“เฮ้ย”
อุปมาและหัสดินหลบได้ทัน ยายจันทร์ถือหม้อใส่น้ำกะทิมือหนึ่ง อีกมือถือชามเปลใส่ลอดช่องขึ้นมาบ้าน ยายจันทร์ตกใจ
“ว้าย...อะไรกันคะคุณบี”
สไบนางโกรธไม่หาย
“แกทำอะไรย่าฉัน”
สไบนางไล่ฟาดใส่ อุปมาผลักหัสดินไปรับร่มแทน แล้วหนีไปข้างๆ สไบนางยั้งไว้ทัน
“ไม่เกี่ยวถอยไป”สไบนางผลักหัสดินออกไปข้างๆ แล้วไล่ตามฟาดอุปมา “ย่าฉันใครอย่าแตะ”
อุปมามาหลบหลังยายจันทร์ ยายจันทร์กลัวลูกหลง
“ว้าย ว้าย คุณบี เดี๋ยวกะทิหกหมดค่ะ”
“ยายจันทร์ถอยไปสิ”

อุปมาดีดตัวหลบออกไป ยายจันทร์รีบไปทรุดตัวลงนั่งหลบมุม ตกใจจะเป็นลม สไบนางตามไปฟาด อุปมาไวหลบซ้ายหลบขวาได้ทันก่อนจะคว้าร่มจับเอาไว้ทัน แล้วกระชากร่มหมุน จนแขนสไบนางพลิกแล้วเอาร่มล็อคตัวเธอไว้ชิดกับตน สไบนางอึ้งเจอกระบวนท่ารวดเร็วจนตนพลาดท่าไปได้ สไบนางโกรธจัด ก้มหน้ากัดแขนอุปมาจมเขี้ยว ยายจันทร์ตกใจมาก
“ว้าย คุณบี”
ทางด้านคุณหญิงรุจาพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง อาการดีขึ้น คุณหญิงรุจากวาดตามองหา
“แม่บีล่ะ”
เสียงอุปมาร้องจ๊ากลั่นด้วยความเจ็บปวดดังนำขึ้นมา คุณหญิงรุจาตกใจ
“ก่อเรื่องอีกแล้วยัยบุบบี้”
คุณหญิงรุจารีบร้อนจะเดินออกไปห้ามศึก
“ค่อยๆเดินค่ะคุณท่าน”บังอรรีบตามประคอง
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของอุปมา ดังลั่นขึ้นมาอีกเป็นระลอกสอง สไบนางกัดแขนอุปมาไม่ยอมปล่อย อุปมาร้องด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย ยอมแล้วๆ”
อุปมายอมปล่อยร่มที่ล็อกตัวสไบนางอยู่ สไบนางรีบดีดตัวออกไป
“แหวะ เค็มชะมัดเลย”
หัสดินรีบไปดูเพื่อน
“โอ้โห ห้อเลือดเลย”
อุปมาโกรธ
“คนรึหมากันแน่ ฉีดยากันบ้ารึยัง”

สไบนางโกรธจัด กำร่มตั้งท่าจะพุ่งไปฟาด ทันใดนั้นเสียงคุณหญิงรุจาดังขึ้น
“หยุดเดี๋ยวนี้นะบี”
สไบนางชะงักไป บังอรประคองคุณหญิงรุจาเดินออกมาหาทั้งคู่ บังอรรีบไปแย่งร่มจากมือสไบนางมาถือเอาไว้
“คุณอุปมาจะทำอะไรหลานฉันอีก”
“ผมยังไม่ทันจะทำอะไรเลยครับ อยู่ๆก็เอาร่มมาฟาดผม”อุปมาโชว์แขน “ดูสิครับ กัดแขนผมเกือบเนื้อแหว่ง ขอยืมไปเฝ้าบ้านซักวันได้มั้ยครับคุณย่า”
สไบนางโกรธจัด
“ไอ้มาร์ค”
“บี...ขอโทษพี่เขาเดี๋ยวนี้นะ”คุณหญิงรุจาสั่งเสียงดุ
“ไม่ค่ะคุณย่า บีไม่ชอบเขา บีไม่อยากคบคนอย่างนายนี่”
“เสียมารยาทเกินไปแล้วนะแม่บี คุณอุปมาเป็นแขกของย่า ไหนบอกว่าจะไม่ดื้อกับย่าแล้วไง อยากเห็นย่าเครียดจนตายใช่มั้ย”
สไบนางถอนใจแรงๆ ออกมา คุณหญิงรุจา หน้าจริงจัง
“ย่าขออะไรอย่างได้มั้ยบี”
“อะไรคะ”
“ไหว้พี่เขา ฝากเนื้อฝากตัวกับพี่เขาซะ”
อุปมาอมยิ้มเย้ยๆ อยู่ในที สไบนางเหลือบมองหน้ากวนๆ ของอุปมา ยิ่งของขึ้น
“ไม่มีทางค่ะคุณย่า บีบคอบีให้ตายซะดีกว่า”
หัสดินยิ้มๆ สไบนางฟาดงวงฟาดงาใส่ทันที
“ยิ้มอะไร เดี๋ยวก็โดนอีกคนหรอก”

หัสดินหุบยิ้มแทบไม่ทัน รีบไปหลบหลังอุปมา สไบนางมองอุปมาและหัสดินตาขวางๆ คุณหญิงรุจาถอนใจ
“นี่ล่ะน้องเรา ดื้อน่ารักดีมั้ยล่ะ”
อุปมาสบตาคุณหญิงรุจาเล็กน้อย เหมือนคุณหญิงรุจาแอบตอบคำถามอุปมาแบบเป็นนัยๆ คุณหญิงรุจาไม่ค่อยสบายใจ
“พ่อเธอเขาคิดยังไงกับเรื่องที่ได้ยินมาทั้งหมด”
“ไม่ทราบครับ พ่อกำลังดำเนินการอยู่”
สไบนางสงสัยว่าคุยเรื่องอะไรกัน
“รวมทั้งเรื่องการแต่งงานของเธอด้วยใช่มั้ย”
หัสดินสนใจฟังอยากรู้
“นั่นคือข้อเสนอของลูกชายคุณย่านะครับ พ่อเพียงตอบสนองในขอบเขตที่พ่อเห็นควร”
“ย่าไม่เข้าใจ”
“แล้วคุณย่าจะเข้าใจเมื่อพ่อผมกลับมา”
สไบนางทนไม่ไหวแล้ว
“คุยอะไรกันน่ะ บีไม่เห็นรู้เรื่อง”
อุปมามองสายตาเหยียดๆ
“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก”
สไบนางจี๊ดขึ้นสมอง เจ็บใจมาก
“งั้นผมลาเลยนะครับ”

(อ่านต่อหน้า 2)






(รอยมาร ต่อ)
 

อุปมาและหัสดินไหว้ลาคุณหญิงรุจาและเลยไปไหว้ลาบังอร ทั้งสองคนรับไหว้ อุปมาเหล่ๆ สไบนาง แล้วแอบยั่วประสาทด้วยการทำปากจุ๊บใส่ ก่อนจะเดินนำหัสดินลงบันไดบ้านไป
สไบนางเดือดดาลจนตัวสั่นกำมือแน่น หันซ้ายหันขวาเอาไงกับมันดี เหลือบเห็นยายจันทร์ที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่กำลังจะยกหม้อกะทิและชามใส่ลอดช่องเดินเข้าบ้าน สไบนางยิ้มร้ายๆ เดินปรี่ไปหายายจันทร์แย่งลอดช่องมาเทใส่หม้อกะทิ
“จะกินหมดเลยเหรอคะคุณบี”ยายจันทร์ถามงงๆ
สไบนางเดินปรี่ไปทางบันไดหน้าบ้าน ทันใดนั้นไม่มีใครคาดคิดและห้ามทัน
“ทานขนมหวานก่อนซิคะพี่มาร์ค”
สไบนางสาดลอดช่องน้ำกะทิทั้งหม้อใส่อุปมา อุปมาเปียกโชก หัสดินโดนหางๆ แต่ก็เลอะเทอะไม่แพ้กัน...ตัวลอดช่องไปคาค้างอยู่กลางหัวและเสื้อผ้าของทั้งคู่ บังอรและยายจันทร์ร้องด้วยความตกใจ
“ยัยบี”คุณหญิงรุจาตกใจมาก
สไบนางหัวเราะชอบใจ อุปมาหันมาจ้องสไบนางตาเขียว โกรธแค้นที่สุด หัสดินเก็บกินลอดช่องเล็กน้อยที่ติดตามแขนตามเสื้อ อารมณ์ขันมากกว่าโกรธ คุณหญิงรุจาหน้าเสีย
“ตายแล้ว คุณอุปมาขึ้นมาล้างตัวก่อนค่ะ”
อุปมาโกรธจัดจนพูดไม่ออกกำหมัดแน่น จ้องหน้าสไบนางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ สไบนางมองกวนประสาท
“เติมน้ำแข็งอีกหน่อยมั้ยคะ”
อุปมาเดินหัวเสียกลับไปทันที หัสดินรีบตามเพื่อนกลับไป สไบนางหัวเราะชอบใจ คุณหญิงรุจา เข้ามาหยิกแขนหลานสาว บิดอย่างแรง
“เล่นไม่รู้เรื่อง พี่เขาโกรธแล้วเห็นมั้ย”
สไบนางเจ็บ รีบดึงแขนออก
“ก็ช่างเขาปะไร สมน้ำหน้า”
สไบนางเดินยิ้มแย้ม อารมณ์ดีกลับเข้าบ้านไป ยายจันทร์ลงบันไดไปเก็บกวาด
“หมดกัน อุตส่าห์ทำตั้งครึ่งค่อนวัน”
“ดูสิบังอร ฉันล่ะอ่อนใจเหลือเกิน”
บังอรได้แต่ยิ้มแหยๆ พูดไม่ออก คุณหญิงรุจาถอนใจส่ายหน้าออกมาอย่างอ่อนอกอ่อนใจ

+ + + + + + + + + + + +

ในห้างสรรพสินค้าหรู...
วิจิตรากับเมธาวี ในชุดออกงานกลางวันหรูหรา ยืนยิ้มแย้มคู่กันอยู่หลังโต๊ะชุดชาโบราณ ที่นำมาประมูลในงาน โดยมีนักข่าวสัมภาษณ์อยู่
“ชุดชานี่เป็นสมบัติตกทอดของตระกูล อัคราช ของเก่าแน่นอนค่ะ ก็อยากให้ได้เงินประมูลสูงๆ จะได้
ช่วยเหลือเด็กๆ ได้หลายมูลนิธินะคะ” วิจิตราให้สัมภาษณ์สีหน้ายิ้มแย้ม
“ตั้งราคาเริ่มต้นไว้เท่าไหร่คะ”นักข่าวถาม
“ไม่ได้ตั้งหรอกค่ะ แล้วแต่ศรัทธา”
ช่างภาพถ่ายภาพคู่สองแม่ลูกเก็บเอาไว้ วิมาดาแอบจับตามองมาที่เมธาวีจากมุมหนึ่งอย่างไม่วางตา
“ขออนุญาตถามเรื่องส่วนตัวคุณเมซักเล็กน้อยนะคะ”
เมธาวียิ้มแย้มให้นักข่าว
“ต้องขอฟังก่อนนะคะว่าเรื่องอะไร”
“เรื่องร้อยตำรวจเอก อาทิตย์ สุริโยน่ะค่ะ”
เมธาวีขำๆแบบมีจริต พร้อมปัดแต่งผมไปเล็กน้อย
“นึกแล้วเชียว”
วิจิตราขำๆ ตามไปด้วย
“วันนี้ไม่มาด้วยเหรอคะ”นักข่าวถาม
“ทำไมต้องมาด้วยล่ะค่ะ เขาก็ต้องทำงานของเขา”
“ไม่มาด้วยแต่เดี๋ยวมารับค่ะ”
วิจิตรารีบช่วยแก้ทำขำๆ จับมือลูกสาว บีบเบาๆ คล้ายเตือนว่าให้สัมภาษณ์ดีๆหน่อย
“ปีนี้จะมีข่าวดีมั้ยคะ”นักข่าวถามต่อ
เมธาวียิ้มแย้ม

“ยังหรอกค่ะ เพื่อนๆ กันทั้งนั้น เมยังสนุกกับงานอยู่ ยังไม่คิดมีครอบครัวตอนนี้หรอกค่ะ”
วิจิตรารีบเสริมทันที
“แต่พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายไฟเขียวผ่านตลอดค่ะ”วิจิตรายิ้มแย้มให้นักข่าว
เมธาวีฝืนยิ้มไป วิมาดาเดินผ่านด้านหลังนักข่าว จิกตามองเมธาวีอย่างไม่วางตา อย่างหมั่นไส้ปนริษยา
หลังจากเสร็จงาน เมธาวีเดินคุยโทรศัพท์มือถือกับอาทิตย์มาที่มุมหนึ่งของงาน
“ก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะค่ะ แม่เขาเจอกลุ่มเพื่อนแล้ว เมก็อยากจะกลับเหมือนกัน”เมธาวีฟังอีกฝ่ายก่อนตอบ “ขึ้นมาได้เลยค่ะ ค่ะ ค่ะ”เมธาวีกดตัดสาย
ทันใดนั้นเสียง วิมาดาก็ดังขึ้น
“สวัสดีค่ะคุณเม”
เมธาวีหันขวับไปตามเสียง เห็นวิมาดายืนฉีกยิ้มให้อยู่เยื้องๆ เมธาวียิ้มมารยาทอย่างรักษาภาพ
“สวัสดีค่ะ”
“วันนี้คุณเมสวยจังเลยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ”เมธาวีงงปนสงสัย “เอ๊ะ โทษทีนะคะ เราเคยรู้จักกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่าคะ วันนี้เมเจอคนเยอะจนงงไปหมดแล้ว”
“อ๋อ ไม่เคยเจอกันหรอกค่ะ ดิฉันชื่อวิมาดา วิรู้จักคุณเมเพราะเรามีเพื่อนคนเดียวกัน คุณอุปมาน่ะค่ะ”
เมธาวีนิ่งๆไปมองหน้าวิมาดา รู้สึกได้ว่ามาแปลกๆ
“อุปมา บุญอนันต์...มาร์คไงคะ”
เมธาวีปั้นหน้านิ่งเฉย
“อ๋อ ค่ะ”
วิมาดายิ้มแย้ม
“เราเป็นแฟนกันน่ะค่ะ เผื่อคุณเมธาวีจะยังไม่ทราบ”
เมธาวีอึ้งๆไป แต่ปั้นหน้านิ่ง
“คุณบอกผิดคนรึเปล่าคะ”เหลือบตาเห็นน้องนักข่าวที่สัมภาษณ์ตน “น้องคะ เชิญทางนี้หน่อยค่ะ”
วิมาดางงๆว่าเมธาวีจะทำอะไร น้องนักข่าวเดินยิ้มแย้มเข้ามาหา เมธาวีแนะนำนักข่าวกับวิมาดา
“น้องคนนี้เขาเป็นนักข่าวนะคะ ถ้าคุณ วิมาดา...อยากดัง ตกเป็นข่าวว่าคบหาเป็นคนรักกับไฮโซคนไหน บอกน้องเขาได้เลยค่ะ รับรองว่าได้ดังสมใจแน่นอน ขอตัวนะคะ”
เมธาวีเดินเลี่ยงทิ้งสถานการณ์ไปเลย วิมาดาจิกตามองเมธาวีไปด้วยความเจ็บใจ ได้แต่ฝืนยิ้มให้น้องนักข่าว

+ + + + + + + + + + + +

อาทิตย์กับเมธาวีเดินมาที่ลานจอดรถจะไปที่รถ เมธาวีเดินหน้าขรึมๆ ใช้ความคิดเรื่องที่วิมาดาบอก
“คุณเมจะกลับบ้านเลยรึเปล่าครับ”
เมธาวีไม่ได้ยิน ยังไม่หลุดจากความคิด อาทิตย์ต้องเรียกอีกครั้ง
“คุณเม”
“คะ
“ใจลอยไปไหนครับเนี่ย ผมถามว่าคุณเมจะกลับบ้านเลยรึเปล่า”
“ยังไงก็ได้ แล้วอาทิตย์มีธุระต่อที่ไหนรึเปล่า”
“ผมกะจะไปหาบีกะคุณย่าที่บ้านสวน”
“ห่วงกันซะเหลือเกินนะคะ”เมธาวีแขวะ
“ก็คุณย่าท่านชวนเอาไว้...ผมรู้ว่าคุณเมไม่อยากไปอยู่แล้ว”
เมธาวีสวนทันที
“วันนี้เมอยากไปค่ะ”
อาทิตย์แปลกใจเล็กน้อย เมธาวีเดินนำไปที่รถ อาทิตย์งงเล็กน้อยก่อนเดินตามเมธาวีไป
เมื่อไปถึงบ้านสวน อาทิตย์เดินนำเมธาวีมาที่หน้าบ้านสวน อาทิตย์ป้องปาก ตะโกนเรียก
“บู้บี้...บู้บี้”
เมธาวีค้อนหมั่นไส้
“เพื่อนมาเยี่ยม”อาทิตย์ป้องปากเรียก “ฮู้”
เมธาวีหมั่นไส้มาก
“จะโหวกเหวกโวยวายทำไมอาทิตย์ เล่นหัวกันมากจนติดนิสัยเสียยัยบีมาแล้ว รู้ตัวมั้ย”
อาทิตย์จ๋อยไปเล็กน้อย สมปองลงมาจากบนบ้านยกมือไหว้ อาทิตย์รีบรับไหว้ขณะที่เมธาวีเฉยๆ
“บ้านเงียบจังเลย คุณย่ากับคุณบีล่ะ”
“คุณบีหลับอยู่บนบ้านค่ะ ส่วนคุณท่านไม่อยู่”
“อ้าว...คุณย่าไปไหนล่ะ”เมธาวีถามอย่างแปลกใจ
“ไปที่บ้านไทยท้ายสวนน่ะค่ะ”
เมธาวีฉุกใจคิด
“ไปนานรึยัง”อาทิตย์ถามเรียบๆ
“ซัก 15 นาทีได้ค่ะ”
“เดินเล่นๆ ไปหาคุณย่ากันมั้ยอาทิตย์”เมธาวีชวน
อาทิตย์แปลกใจเล็กน้อยที่เมธาวีเป็นฝ่ายเสนอก่อน
“ไปสิ”

เมธาวีเดินนำไปก่อนทางสนาม เพราะยังคาใจเรื่องวิมาดา อยากเคลียร์กับอุปมา อาทิตย์เดินตามเมธาวีไปติดๆ
ทางด้านอุปมาเดินนำคุณหญิงรุจาชมบริเวณบ้าน คุณหญิงรุจาหน้าขรึมๆ
“ที่นี่เปลี่ยนแปลงไปจนไม่เหลือสภาพเดิมเลยนะ”
“ก็บ้านถูกไฟเผาจนวอดทั้งหลัง เสาบ้านซักต้นยังไม่เหลือ มันจะเหลือสภาพเดิมได้ยังไงอีกล่ะครับคุณย่า”
คุณหญิงรุจาเลี่ยงที่จะสบตาอุปมา เดินนำไปเล็กน้อยอย่างไม่สบายใจก่อนกล่าวถามต่อ
“พ่อเธอคิดยังไงกับเรื่อง...”คุณหญิงรุจาหันมองหน้าอุปมา “น้องสาวกับหลาน”
อุปมาหน้านิ่ง
“ทำใจสบายๆ เถอะครับคุณย่า เราจะคงสภาพนี้ไว้ก่อน แล้วรู้กันเมื่อพ่อผมกลับมา”
คุณหญิงรุจาสบตาอุปมาอย่างไม่สบายใจ ขณะเดียวกันนั้นเสียง เมธาวีดังขึ้น
“คุณย่าคะ”
คุณหญิงรุจาและอุปมาหันไปมองตามเสียง เมธาวีสวยสง่าจับใจในชุดออกงานกลางวันเดินเข้าสวนมา อุปมายิ้มมองตะลึงในความสวยของเธอ เมธาวีกลับทำเฉยชากับเขาแทบจะไม่มองหน้าด้วยซ้ำ
“มาได้ยังไงล่ะแม่เม”คุณหญิงรุจาถามอย่างแปลกใจ
“อาทิตย์ชวนมาค่ะ”

อาทิตย์เดินตามเข้ามายิ้มแย้มยกมือไหว้คุณหญิงรุจา แล้วยิ้มเลยไปให้อุปมา
อุปมายิ้มมารยาทให้อาทิตย์ เมธาวีจงใจยื่นมือไปจับมืออาทิตย์กุมเอาไว้ อาทิตย์แอบงงเล็กน้อย อุปมาชักสีหน้าเคืองๆ ขณะเดียวกันหัสดินเดินออกมาตาม
“อาหารตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้วครับ”
“มีแขกมาเพิ่มอีก 2 หัสช่วยบอกน้าแรมด้วย”
อุปมาหันไปบอก หัสดินยิ้มแย้ม
“ได้เลย...รอซักครู่นะครับ”หัสดินรีบวิ่งกลับเข้าไป
คุณหญิงรุจาหันไปหาเมธาวี
“เมกับอาทิตย์อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนนะ คุณอุปมาเขาเตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว”
อาทิตย์ยิ้มรับอย่างไมตรี
“กำลังหิวพอดีเลยครับ”
“งั้นเชิญในบ้านเลยครับ”อุปมายิ้มแย้มเชิญชวน

คุณหญิงรุจาเดินนำเข้าไปคนแรก อุปมาสบตาเมธาวียิ้มพร้อมผงกหัวเชิญ เมธาวีจงใจคล้องแขนอาทิตย์ควงเดินตามคุณหญิงรุจาเข้าบ้านไป อุปมาหยุดกึก ชักสีหน้าไม่พอใจขึ้นมา
เมื่อเมธาวีเดินมาเข้าห้องน้ำ อุปมาเดินเร็วตามมาข้างหลัง แล้วจับแขนเมธาวีลากตัวไปที่มุมลับตาคน เมธาวีตกใจ
“จะทำอะไรของคุณ”เมธาวีกระชากแขนออกมา
“คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร”
“ทำอะไร”เมธาวีถามหน้าตาย
“ก็อี๋อ๋อกับอาทิตย์จนออกหน้าขนาดนั้น ดูก็รู้ว่าคุณจงใจประชดผม”
“รู้ก็ดีแล้วนี่คะ”
เมธาวีจะเดินกลับไป อุปมาจับแขนเอาไว้
“คุณทำไปเพื่ออะไร ไม่ชอบขี้หน้าผมก็พูดมาตรงๆ ไม่ต้องทำยังงี้หรอก”
เมธาวีจ้องหน้าอุปมา
“ที่ฉันทำแบบนี้ก็เพื่อจะบอกให้คุณรู้ว่า ฉันไม่ใช่ตัวเลือกของใคร ถ้าคุณอยากจะคบกับฉัน ก็ต้องมีฉันคนเดียว...ปล่อย”เมธาวีกระชากมือออก
“ผมก็ไม่มีใครนี่ครับ”
เมธาวีหันมาสวนทันที
“วิมาดา”
อุปมาชะงักไป
“อย่าบอกว่าไม่รู้จัก”
อุปมาอึ้งๆไป
“คุณเจอกับเขามาเหรอ”
“ไม่ได้อยากเจอแต่เขาเข้ามาแนะนำตัวกับฉันเอง”

อุปมาอึ้งๆไป
“ถ้าคุณยังเคลียร์ปัญหากับผู้หญิงคนนั้นไม่ลงตัว เราก็ไม่ควรเจอกันอีก”
“แล้ววันหนึ่งคุณจะเข้าใจ ว่ามันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด”
“เหรอคะ”เมธาวียิ้มหยันๆ ส่ายหน้าเดินกลับไป
อุปมาหันมอง พูดตามหลัง
“ยังไงคุณก็ต้องแต่งงานกับผมอยู่ดี”
เมธาวีหันจ้องหน้าเขา อุปมาหน้านิ่ง แววตาจริงจัง
“คุณหนีผมไม่พ้นหรอก”
อุปมาเป็นฝ่ายเดินนำออกไปก่อน เมธาวีหน้านิ่งไม่ยอมคน เหยียดปากหมั่นไส้ตามเขาไป

+ + + + + + + + + + + +

สไบนางที่นอนหลับสบายที่โซฟา รู้สึกตัวตื่นมองไปทางสมปองที่กำลังจัดโต๊ะอาหาร สไบนางลุกขึ้นนั่ง
“ตื่นแล้วเหรอคะคุณบี นอนหลับตะวันทับเชียวคุณบีขา”
สไบนางลุกเดินมาหา
“คุณย่าล่ะ”
“ไปบ้านคุณอุปมาค่ะ”
สไบนางไม่พอใจ
“ไปบ้านมันทำไม”
“คุณบีไปเรียกเขาว่ามันได้ยังไงคะ...”
สไบนางหน้าชิงชัง
“มัน...ยังสุภาพไปด้วยซ้ำ”
สมปองหน้าแหยๆ เปลี่ยนเรื่อง
“คุณอุปมาเขาชวนคุณท่านไปเที่ยวบ้าน แล้วอยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันน่ะค่ะ”
สไบนางไม่พอใจ
“คุณบังอรล่ะ อย่าบอกนะว่าไปด้วย”
“หอบไปกันหมดเลยค่ะทั้งคุณบังอร ยายจันทร์ ขนาดคุณเมกับคุณอาทิตย์ตามมาทีหลัง ยังตามไปเลยค่ะ”

สไบนางหงุดหงิดไม่พอใจมากๆ
“ทิ้งบีไว้คนเดียวเนี่ยนะ”
“คุณท่านเห็นว่าไม่ถูกกันไม่ใช่เหรอคะ”
“ไม่ใช่แค่ไม่ถูกกัน บีเกลียดมัน”
“เอาเถอะค่ะ มาทานข้าวดีกว่านะคะ”
“บีอยากกินถั่วตัดกับไอติมที่ร้านปากทาง”
“ได้ค่ะ ทานข้าวก่อน เดี๋ยวปองออกไปซื้อให้”
“ไม่เป็นไร บีอยากกินเดี๋ยวนี้ บีจะออกไปซื้อเอง”
สไบนางมีแผนการในใจ เดินปึงปังออกไปจากบ้าน
“คุณบีคะ”
สมปองจะลุกตามแต่ไม่ทันซะแล้ว ได้แต่ถอนใจส่ายหน้า

+ + + + + + + + + + + +

วิมาดายืนคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ล็อบบี้คอนโดของธนู
“อยู่ไหนคะเนี่ย วิโทรไปตั้งหลายครั้ง ไม่ยอมรับสายเลย”
วิมาดาฟังอีกฝ่ายไปก็แอบเหล่มองไปที่กระจก อย่างตั้งใจรอจังหวะบางอย่าง ทันใด ธนูเดินออกมาจากลิฟท์เดินมาทางด้านหลัง วิมาดาอมยิ้มพอใจ ก่อนจะจงใจพูดเสียงดัง
“งั้นคืนนี้ก็ได้ค่ะ เราไปหาที่นั่งฟังเพลงคุยกันนะคะ”
ธนูรีบหลบมุมแอบฟังอย่างอยากรู้ เก็บข้อมูล วิมาดาฟังปลายสายอยู่
“ผมก็อยากเจอคุณ เพราะเรามีเรื่องต้องทำความเข้าใจกันใหม่ แค่นี้ก่อนนะ ผมต้องรับแขก”
อุปมากดตัดสายไปทันที วิมาดาชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็แอบเหล่มองธนูผ่านกระจก จงใจพูดไป
คนเดียว ปั้นหน้าน้อยใจ
“จำไม่ได้แล้วซิคะ วันนี้เป็นวันครบรอบที่เรารู้จักกันนะคะมาร์ค”
ธนูฟังอย่างเจ็บใจมาก วิมาดาทำคุยโทรศัพท์เดินกรีดกราย ไปนั่งที่โซฟารับแขกพร้อมอมยิ้มอย่างนึกพอใจ เพราะรู้ดีว่าคืนนี้ธนูจะต้องตามไปแน่!

+ + + + + + + + + + + +

ค่ำคืนนั้น...
สไบนางยังไม่กลับบ้าน ทำให้ทุกคนพากันเป็นห่วงมาก อุปมา อาทิตย์ และคุณหญิงรุจา ร้อนใจฟังสมปองเล่า
“คุณบีบ่นว่าอยากกินไอติมกับถั่วตัดที่ร้านปากทาง ปองจะออกไปซื้อให้ก็ไม่ยอม จะเดินออกไปซื้อเองค่ะ ปองก็ไม่กล้าขัดใจ”
“แล้วน้องบีแต่งตัวยังไงครับ”อาทิตย์ถาม
“เสื้อยืด กางเกงขาสั้นค่ะ”
อาทิตย์หันมาหาคุณหญิงรุจา
“แต่งตัวแบบนี้ คุณบีเคยไปไกลที่สุดแค่ไหนครับคุณย่า”
“อยู่กรุงเทพก็แค่บ้านชันษานั่นล่ะ แต่ที่นี่ย่าก็ไม่แน่ใจ” คุณหญิงรุจาหันไปหายายจันทร์ “ว่ายังไงแม่จันทร์”
“ก็เห็นซ่อกๆ กับนังเบียบในสวนมั่ง ในน้ำมั่ง ร้านค้าไม่เคยให้ไปตามลำพังนะคะ เพราะอิฉันเป็นห่วง”
บังอรเดินลงจากบ้านมารายงาน
“โทรไปบ้านหนูฝนแล้วนะคะ คุณบีไม่ได้ไป ที่บ้านอัคราชก็ไม่ได้กลับค่ะ”
คุณหญิงรุจาร้อนใจ
“แล้วหายไปไหนของเขาล่ะเนี่ย”
อุปมาหันไปถามอาทิตย์
“คุณมีเพื่อนตำรวจอยู่ท้องที่นี้มั่งรึเปล่า”
เมธาวีเสียงแข็ง ขึ้นมาทันที
“ไม่ได้นะคะ เมไม่อยากให้เรื่องถึงตำรวจ เมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ถ้าบีหายตัวไปในทางที่ไม่ดี”
อาทิตย์เคืองๆ
“ไอ้ที่ไม่ดีของเม กลัวบีหายไปลักษณะไหนเหรอ”
“ฆ่าข่มขืนน่ะสิ”
คุณหญิงรุจาตกใจมาก
“เม...ทำไมพูดแช่งน้องยังงั้นล่ะลูก”
ทุกคนก็ตกใจ
“เมไม่ได้แช่ง...แต่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ บ้านสวนมืดรกยังงี้ จะเป็นที่กบดานคนร้ายที่ไหนซักแห่งก็ได้ บ้านก็ไม่ได้กลับ บ้านเพื่อนก็ไม่ได้ไป อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”
อาทิตย์ไม่พอใจ
“ถ้าเรื่องเป็นอย่างที่เมคิด เมยินดีฝังบีไว้ใต้ดินให้เรื่องเงียบ ข่าวจะได้ไม่แพร่งพรายยังงั้นเหรอ”
“แน่นอน อัคราชไม่ใช่ของบีคนเดียว ถ้าเกิดเหตุร้ายกับแกจริง ก็ถือเป็นคราวเคราะห์ เมไม่ยอมให้ส่วนของเมสกปรกไปด้วยแน่”
อุปมาชำเลืองมองเมธาวีเล็กน้อย อย่างเก็บข้อมูลของนิสัยใจคอของเธอ อาทิตย์โกรธแทน
“ผมอยากให้ผู้หญิงคนนั้นเป็นคุณซะจริงๆ”
เมธาวีอึ้งโกรธ
“อาทิตย์ ดูคุณจะเดือดร้อนออกรับแทนบีเกินไปแล้วนะ”
คุณหญิงรุจาเสียงแข็งขึ้นมา
“ยัยบีเป็นหลานของฉัน เป็นอัคราชคนหนึ่ง ไม่ว่าจะสกปรกหรือสะอาด บีก็คืออัคราช ย่าจะรอเจ้าขำ กลับมาก่อน ถ้ายังไม่มีข่าวยัยบีอีก ย่าจะไปโรงพักกับอาทิตย์”
“คุณย่า”เมธาวีไม่พอใจ

หัสดินวิ่งเข้ามาหาทุกคน
“ผมไปดูตามร้านค้าปากทาง ส่วนใหญ่ปิดร้านแล้ว ที่เปิดอยู่ก็ไม่มีใครเห็นคุณบีเลยครับ”
“โธ่บีของย่า”
คุณหญิงรุจาเป็นห่วงมากร้อนใจจนน้ำตาคลอ บังอรต้องจับกุมมือคุณหญิงรุจาเอาไว้ให้กำลังใจ เมธาวีหงุดหงิด หันมองอุปมา
“มาร์คคะ เมอยากกลับบ้านช่วยพาเมไปส่งหน่อยเถอะค่ะ”
“คุณเมจะไม่รอฟังข่าวคุณบีก่อนเหรอครับ”
“ไม่ค่ะ”
ทุกคนเหล่ๆมองเมธาวี ไม่ชอบความแล้งน้ำใจของเธอ อุปมาหันไปบอกหัส
“หัส...ช่วยไปส่งคุณเมทีสิ”
เมธาวีอึ้งๆไปเล็กน้อย
“โอเค...งั้นคุณเมรอที่นี่ก่อนนะครับ ผมกลับไปเอารถที่บ้านมาร์คก่อน”
เมธาวีสะบัดหน้าพรืดเดินขึ้นบ้านไปอย่างหัวเสีย อิจฉาและหมั่นไส้ที่ใครต่อใครพากับห่วงใยสไบนางซะเหลือเกิน

+ + + + + + + + + + + +

หัสดินขับรถมาส่งเมธาวีที่หน้าตัวบ้าน ทั้งคู่คุยกันอยู่ในรถ
“ผมว่าคุณเมอย่าเพิ่งตัดความสัมพันธ์อะไรกับมาร์คมันเลยนะครับ”
เมธาวียังหน้าตาบึ้งตึง
“เท่าที่ผมรู้มาร์คกับคุณวิเลิกกันตั้งนานแล้ว แต่ผู้หญิงไม่จบ พยายามตามตื๊อมาร์คตลอด”
“แต่ถ้าเพื่อนคุณอยากคบกับเมก็ต้องหาทางจบกับเธอให้ได้ ถ้าผู้หญิงคนนั้นยังมายุ่งกับเมอีก เพื่อนคุณจะไม่มีโอกาสได้เจอกับเมอีกเลย”
เมธาวีลงจากรถไปอย่างหัวเสีย หัสดินรีบตามลงไปจากรถ
“ใจเย็นๆ นะครับคุณเม”
เมธาวีขึ้นบ้านไปไม่ตอบอะไรซักคำ หัสดินถอนใจเดินกลับขึ้นรถไป...ชันษาแอบมองดูเหตุการณ์อยู่ที่พุ่มไม้ไม่พอใจมาก
“ไอ้เปรตนี่ใครอีกวะ...”
หัสดินสตาร์ทรถพร้อมจามออกมาทันที ชันษาเดินออกจากพุ่มไม้ไปทางรถ หัสดินเปิดไฟหน้าทำให้เห็นชันษายืนจังก้าจ้องเขม็งมาทางตนอยู่ หัสดินมองไปที่ชันษาที่จ้องเขม็งสายตาไม่เป็นมิตร หัสดินสงสัยเล็กน้อยว่าใครแต่ไม่ได้ติดใจอะไร ถอยรถออกไปจากบ้าน ชันษายังคงจับตามองตามก่อนจะหันเงยหน้ามองขึ้นไปบนบ้านอัคราชด้วยอารมณ์หึงหวง
เมื่อเมธาวีอาบน้ำเรียบร้อย อยู่ในชุดเสื้อคลุมชุดนอน เดินมารับลมใช้ความคิดที่หน้าระเบียง ชันษายังคงอยู่ในบริเวณบ้านแอบมองเมธาวีอยู่ด้วยแววตาลุ่มหลง เมธาวี สวยจับตาจับใจเหลือเกินแม้จะอยู่ในชุดสบายๆ ไม่แต่งหน้าแต่งตา เมธาวีรู้สึกเหมือนมีใครมองอยู่ ก้มมองลงมา ชันษารีบผลุบหลบไปอย่างเร็ว
“ใครน่ะ...”เมธาวีส่งเสียงถาม
ชันษาพยายามบีบตัวหลบ นิ่งที่สุด
“ฉันถามว่าใคร”
ยังเงียบไปมีเสียงตอบ เมธาวีรู้สึกไม่ปลอดภัยรีบเดินกลับเข้าไปด้านในบ้านอย่างเร็ว ชันษาแอบชะเง้อมองตามเมธาวีไปสายตาละห้อย นับวันเมธาวียิ่งเหมือนไกลเกินเอื้อมมากขึ้นไปทุกที

+ + + + + + + + + + + +

คุณหญิงรุจานั่งดมยาดมอยู่ที่โซฟา บังอรคอยบีบนวด
“คุณท่านไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ คนแถวนี้รู้จักกันทั้งนั้นไม่มีใครมาลักพาตัวคุณบีไปหรอกค่ะ”ยายจันทร์ปลอบ
“สมปองก็น่าออกไปซื้อให้ยัยบี ไม่รู้ปล่อยให้ออกไปคนเดียวได้ยังไง”คุณหญิงรุจาบ่น
“ลองคุณบีอยากจะไป ใครจะห้ามได้ล่ะคะ”บังอรแย้ง
สมปองรีบร้อนพาขำขึ้นบ้านมา
“เจอมั้ย”คุณหญิงรุจาถามอย่างร้อนใจ
“ไม่เจอเลยครับคุณท่าน”
สมปองทำหน้าจะร้องไห้
“ถามใครก็ไม่มีใครเห็น...ปองน่าจะตามคุณบีไป ปองผิดเองค่ะคุณท่าน”
คุณหญิงรุจาเกิดอาการหน้ามืดขึ้นมา บังอรตกใจมาก
“คุณท่านคะ”
บังอรรีบเข้าไปประคองคุณหญิงรุจา ให้ดมยาดม
“ปอง แกไปชงยาลมยาหอมมาเร็วๆ”ยายจันทร์สั่งแล้วเข้าไปพัดไปบีบนวดคุณหญิงรุจา

(อ่านต่อวันพรุ่งนี้)





กำลังโหลดความคิดเห็น