xs
xsm
sm
md
lg

รอยมาร ตอนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ติดตามอ่านละครออนไลน์ได้ทาง www.manager.co.th ทุกเช้า เวลา 09.30 น.
รอยมาร ตอนที่ 2

ที่ชะอำ...
 

อาทิตย์และเพื่อนๆ ทั้งชายและหญิง เดินคุยกันยิ้มแย้มเดินนำเข้าตลาดโต้รุ่งเพื่อหาอะไร
ทานกัน อาทิตย์กวาดตามองหาเมธาวี “เมล่ะ...”
อาทิตย์หันมองไปด้านหลัง เห็นเมธาวีหยุดยืนหน้าหงิกอยู่หน้าทางเข้าตลาด จึงหันไปบอกเพื่อน... “ไปจองโต๊ะก่อนเลย เดี๋ยวตามเข้าไป”
อาทิตย์เดินไปหาเมธาวี “จะทานข้าวที่นี่จริงๆ เหรออาทิตย์”เมธาวีถามทันที
อาทิตย์พยักหน้ารับ “ทำไมล่ะ อาหารอร่อยๆ ทั้งนั้นเลย”
เมธาวีมองตลาด เหยียดปากเล็กน้อย “เมไม่ชอบ เมอยากนั่งร้านห้องแอร์ บรรยากาศดีๆ สบายๆ ไม่ต้องมาเบียดเสียดผู้คนยังงี้”
“ยังงั้นเราก็ทานที่กรุงเทพอยู่แล้ว มาทะเลทั้งที เปลี่ยนบรรยากาศหน่อยสิเม”
เมธาวีไม่พอใจ “อาทิตย์อยากทานก็ไปทานกับเพื่อนเถอะ เมไปหาทานเองก็ได้ เดี๋ยวเจอกันที่โรงแรมแล้วกัน”
เมธาวีเดินแยกไปทางริมถนน เตรียมเรียกรถรับจ้าง อาทิตย์ถอนใจอย่างเซ็งๆ แต่ก็ตะโกนเรียก...
“เดี๋ยวเม ผมไปด้วย...”
อาทิตย์กดโทรศัพท์หาเพื่อน... “เฮ้ย เมไม่ค่อยสบาย ฉันพากลับโรงแรมก่อน ถ้าพวกแกอิ่มแล้วจะไปไหนต่อโทรบอกด้วย...”
อาทิตย์กดตัดสายเดินไปหา เมธาวีอมยิ้มพอใจที่อาทิตย์ให้ความสำคัญกับตนมากกว่าเพื่อนๆ

+ + + + + + + + + + + +

บ้านอัคราชตอนเช้า...
 

บังอรเคาะประตูห้องเรียกสไบนาง... “คุณบีคะ ตื่นรึยัง คุณชันษามารอแล้วนะคะ”
สไบนางเด้งตื่นจากเตียง เธอใส่ชุดวอร์มอาบน้ำรอท่าไว้เรียบร้อยแล้ว สไบนางดูนาฬิกาหัวเตียง บ่นพึมพำ “งีบไปเป็นชั่วโมงเลยเหรอเนี่ย”
สไบนางตกใจมากลุกพรวดวิ่งไปเปิดประตู “ชันษามารอนานรึยังคะคุณบังอร”-- “ซักพักแล้วล่ะจ้ะ”
สไบนางเจ็บใจตัวเอง “โดนมันกัดอีกจนได้”
สไบนางรีบวิ่งไป บังอรร้องถาม... “อ้าว แล้วนี่อาบน้ำเรียบร้อยแล้วเหรอคะคุณบี” -- “ตั้งแต่ตี 5 แล้วค่ะ”
สไบนางตะโกนตอบกลับมา รีบเดินเร็วลงจากชั้นบน มาที่โถงจะออกไปหาชันษา แทบชนกับวิจิตราที่เดินหักเลี้ยวมาจากห้องรับแขก วิจิตราหงุดหงิดใส่ทันที สไบนางถอนใจเซ็ง จะเดินเลี่ยงไป
“จะรีบไปไหนของเธอ จะชนฉันอยู่แล้วเห็นมั้ย ขอโทษซักคำก็ไม่มี”
สไบนาง หันมา หน้าเซ็ง ยกมือประนมคาอก “ขอโทษค่ะ”
วิจิตราจิกบ่นตามประสา “เดินประสาอะไร ไม่ดูตาม้าตาเรือ”
สไบนาง กวนใส่ทันที... “ม้าอยู่ในคอก เรืออยู่ในคลอง บีเดินในบ้าน คุณป้าก็เดินในบ้าน ไม่มีใครเป็นม้าเป็นเรือ”
“นี่ยัยบี ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นเธอนะ อย่ามาต่อปากต่อคำเถียงคำไม่ตกฟาก ฉันไม่ชอบ”
สไบนางถอนใจจะเดินออกไป วิจิตรามองตามหมั่นไส้ “เมื่อไหร่เธอจะทำตัวให้เป็นกุลสตรีได้อย่างเมซะที”
สไบนางหยุดกึก หันมาจ้องหน้าวิจิตรา “แล้วเมื่อไหร่คุณป้าจะเลิกเอาบี ไปเปรียบเทียบกับพี่เมซะทีล่ะคะ”
“ไม่ให้ฉันเปรียบเธอ กับตัวอย่างที่เพียบพร้อมสมบูรณ์ แล้วจะให้ไปเปรียบกับใครล่ะแม่บี...ขนาดคุณย่าสุดที่รักของเธอยังอยากเห็นเธอ เจริญรอยตามยัยเมเลย”
วิจิตรายิ้มหยัน สไบนางพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง... “แต่บีไม่อยากเลียนแบบใคร”
“เธอก็เลียนแบบยัยเมไม่ได้แน่นอนอยู่แล้วล่ะ สำเนียงส่อภาษา กริยาส่อสกุล เนื้อแท้ของคนมันต่างกัน ลอกเลียนกันไม่ได้หรอก ฉันล่ะสงสารย่าเธอจริงๆฝันลมๆแล้งๆ”
สไบนางไม่พอใจ แต่ไม่อยากต่อความยาว สะบัดหน้าพรืดจะเดินออกไป แต่วิจิตราคว้าแขนสไบนางหมับเอาไว้ ไม่หยุด หาเรื่องเด็กต่อ
“เอาน่า อย่าเพิ่งท้อ ต่อไปเธอก็คอยดูพี่เมเค้า ว่าก้าวเท้าไหนก่อน พอเขายกเท้าขึ้น เธอก็ย่องเท้านั้นทับรอยตามลงไป พิมพ์แบบออกมาเลยนะ”
สไบนางโกรธ ดึงแขนออก
“บีไม่มีวันเป็นเหมือนพี่เม อะไรที่ทุกคนเห็นว่าพี่เมทำแล้วดี น่าชื่นชม บีจะไม่ทำ บีจะทำทุกอย่างตรงข้ามกับพี่เมให้หมดเลย”
สไบนางจ้องหน้าวิจิตรา แล้วเดินปึงปังออกไปจากบ้าน อย่างหัวเสีย วิจิตรายิ้มเหยียด
“จองหอง” วิจิตรามองตามด้วยสายตาดูถูกปนริษยา
+ + + + + + + + + + + +

สไบนางเดินออกมามองหาชันษา ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกันมาตั้งแต่ยังเด็ก ที่หน้าระเบียงบ้าน ชันษาเห็นสไบนางก็ประชดทันที “ตื่นแล้วหรือขอรับ ท่านผู้หญิง”
สไบนางหันขวับไปมอง ชันษาใส่ชุดพร้อมไปจ็อกกิ้งยืนกอดอกยิ้มๆมองอยู่
“ต้องขอโทษมั้ยเนี่ย”-- “ก็คิดว่าเป็นความผิดรึเปล่าล่ะ”-- “ไม่ผิดหรอก เกิดมาไม่เคยทำอะไรผิด”
ชันษายิ้มๆ “ไปวิ่งกันเถอะ”-- “ตอนนี้เหรอ” -- “หรือจะนอนเอาแรงอีกหน่อย”
“ไม่ต้องมาแขวะเลยนะ...โทษทีชันษา บีอาบน้ำแต่งตัวเสร็จตั้งแต่ตี 5 เห็นเหลือเวลาก็เลยเอนหลังเล่นๆ ใครจะคิดว่าจะหลับไปจริงๆล่ะ”สไบนางหน้าจ๋อยลงอย่างรู้สึกผิด
“โอเค ยกโทษให้” -- “งั้นนัดใหม่พรุ่งนี้”
“พรุ่งนี้ไม่อยู่”ชันษาปฏิเสธทันที
“ไปไหนล่ะ”-- “พิษณุโลก ตามลูกพี่ไปว่าความ อยากได้อะไรมั้ย”
สไบนางส่ายหน้าแล้วเดินไปนั่ง ชันษาหันมองเข้าไปในบ้าน ก่อนเดินมาถามสไบนาง
“คุณเม ไม่อยู่เหรอ ไม่เห็นมาหลายวันแล้ว”-- “ไปเที่ยวกับเพื่อนที่ชะอำ ถามทำไม” -- “ไม่มีอะไร ก็ชันจะไปพิษณุโลก ไม่รู้จะซื้ออะไรมาฝากดี”
สไบนางหมั่นไส้ “ไม่ต้องเลยย่ะ พี่เมไม่รับของฝากจากต่างจังหวัดหรอก ถ้าเป็นต่างประเทศก็ว่าไปอย่าง”
สไปนางค้อนใส่ ลุกพรืดขึ้น ไม่สบอารมณ์ ชันษาถอนใจ...
“ชันรู้นะว่าบีไม่ชอบคุณเม เพราะคุณย่าและทุกๆ คนชอบเคี่ยวเข็ญให้บีเอาอย่างคุณเม แล้วคุณเมเค้ารู้ตัวรึเปล่าว่า บีทำตัวเป็นปรปักษ์ลับหลังเค้าตลอด”
สไบนางถูกแทงใจดำ โกรธขึ้นมาทันที... “พูดให้ดีนะชัน”
ชันษามองสไบนางอย่างจริงใจ...
“ชันรักบี ไม่อยากเห็นบีมีความคิดมืดๆ ครอบงำจิตใจอยู่อย่างนี้ การยอมรับความสำเร็จของคนอื่นเป็นสิ่งที่ดีนะบี คุณเมเก่งและเป็นคนดี ถึงจะเจ้ายศเจ้าอย่าง เลือกคบคนอยู่บ้างก็เป็นสิทธิของเค้า”
“ถูก การเลือกคบคนเป็นสิทธิของพี่เม ความงี่เง่าหลงรักเค้าข้างเดียว โดยที่เค้าไม่ยินดีด้วย มันก็เป็นสิทธิที่ชันสมควรได้รับเหมือนกัน”
ชันษาอึ้งปนจ๋อยไป เพราะสไบนางพูดแทงใจดำ สไบนางพูดต่ออย่างระบายอารมณ์
“ความคิดจะสว่าง จะมืดมัวยังไงก็เรื่องของบี ชันไม่เกี่ยว ชันเป็นคนยอมรับในสิทธิของแต่ละคนใช่มั้ย ต่อไปบีตัดสิทธิไม่รับชันเป็นเพื่อน ไปให้พ้นเลย”
สไบนางผลักอก จะเดินเข้าบ้าน ชันษายิ้มๆ “บีตัดสิทธิ เลิกคบชันเป็นครั้งที่ 1026 แล้วนะ”
สไบนาง หันกลับมาจ้องหน้า ชันษากวน ทำทีนึกๆแล้วบอกว่า “ไม่ใช่สิ เมื่อวันศุกร์ อีกหน 1027 ตะหาก”
สไบนางโกรธถึงที่สุด “ไอ้ชัน”
สไบนางคว้าอะไรใกล้มือได้เขวี้ยงใส่ ชันษาร้องเสียงหลงตกใจ หลบได้ทันหวุดหวิด สไบนางอารมณ์เสียเดินปึงปังกลับเข้าบ้านไป ชันษาได้ยิ้มๆ ชินกับนิสัยเอาแต่ใจของสไบนาง
“ไอ้บ้าชัน”สไบนางเดินบ่นพึมพำ เกือบชนกับวิจิตรา ที่จะเดินออกไปหน้าบ้านพอดีอีกครั้ง สไบนางหยุดกึก ได้ทัน หน้าบูดบึ้ง วิ่งเลี่ยงไปขึ้นชั้นบนเลย ไม่มีอารมณ์อยากทะเลาะด้วย วิจิตราค้อนตาม
“นังม้าดีดกระโหลก” วิจิตราถอนใจส่ายหน้า เดินออกไปหน้าบ้าน

+ + + + + + + + + + + +

ชันษาเดินลงจากระเบียงบ้านจะลัดไปทางสนาม วิจิตราออกมาพอดี “ชันษา จะกลับแล้วเหรอ”
ชันษายิ้มแย้ม “ครับคุณป้า”
“คงมุดรั้วกลับอีกล่ะสิ” วิจิตราขำๆเหมือนเอ็นดู แต่ลึกๆก็ดูถูก มีรอยยิ้มเหยียดหยามแบบผู้ดีซ่อนอยู่ ชันษาดูออก ตอบเรียบๆ
“ไม่แล้วล่ะครับ ไม่ใช่เด็กๆแล้ว” -- “เหรอ ฉันนึกว่าเธอยังไม่ยอมโตเหมือนแม่บีอีกคน...ได้ยินว่าอุตส่าห์เรียนจบกับเค้าได้ เก่งเหมือนกันนะ” -- “ครับ”ชันษาฝืนยิ้ม
วิจิตราคุยเรื่องลูกสาวข่ม
“ยัยเมเค้าเก่ง เรียนจบแต่อายุน้อย เจ้านายรักคอยสนับสนุน นี่ได้ทุนไปเรียนต่ออีกนะ แต่เห็นว่าจะสละสิทธิ เพราะทางหัวหน้าแย้มๆ มาว่าอาจจะได้ตำแหน่งอะไรซักอย่าง”
วิจิตราหัวเราะลงคอด้วยความปลื้มใจ ชันษาฝืนยิ้ม อยากเดินหนีไปซะเดี๋ยวนั้น
“ตั้งอกตั้งใจทำงานนะ เพื่อนนำไปไกลแล้ว”
วิจิตรายิ้มๆ ส่ายหน้าเชิงดูถูกชันษานิ่งเงียบไปอย่างเก็บอารมณ์ ชันษาเดินกลับไปที่ริมรั้ว เดินเตะก้อนหินระบายความอัดอั้นตันใจไป กระแทกรั้วเหล็กเหนือกำแพงคอนกรีตข้างบ้าน ชันษาหยุดกึก มองรั้วข้างบ้าน ที่ช่วงล่างรั้วมีช่องแยกของคอนกรีตที่มุดลอดไปมาหากันได้ ผู้ใหญ่ทั้งสองบ้านจงใจเปิดเอาไว้ให้เด็กได้เล่นกัน ชันษามองดูช่องทางเข้าออกใต้รั้วอย่างศร้าๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต...
ในช่วงเวลานั้น ชันษาอายุ 13 ปี เมธาวีอายุ 11 ปี และสไบนางอายุ 5 ปี
ชันษาวิ่งนำสไบนาง และเมธาวีมาทางรั้วบ้านครึ่งคอนกรีตและเหล็กดัด ช่วงล่างรั้วมีช่องแยกของคอนกรีตที่พอให้มุดลอดไปมาหากันได้
“ไปเล่นบ้านเรากันเถอะ”ชันษาบอก
“ขอบีไปคนแรก” สไบนางสนุกและตื่นเต้นที่ได้มุดลอดรั้วเข้าไป ชันษาหันมาบอกเมธาวี
“อ้ะ เมก่อน”
เมธาวีหน้าเบ้ “ไม่เอา เราไม่ลอดรั้วหรอก เราไม่ชอบ เราจะออกทางประตูบ้าน”
เมธาวีเดินหน้าเชิ่ดนำไปทางประตูบ้าน ชันษามองตามเมธาวีไปอย่างอยากตามไปด้วย สไบนางโผล่หน้าลอดช่องมาตาม “ชันษาตามมาเร็วๆ” ชันษาค่อยมุดรั้วตามสไบนางไป
ชันษามองช่องใต้รั้วที่ผู้ใหญ่ ยังทิ้งไว้ราวกับเป็นสะพานมิตรภาพอยู่แบบนั้น ชันษาถอนใจออกมา ย่อตัวลงตั้งท่าจะมุดรั้ว ขณะนั้นเองก็ได้ยินเสียงบีบแตรรถดังขึ้นที่ประตูรั้วหน้าบ้าน ลูกจ้างวิ่งไปเปิดประตู...ให้รถหรูขับเข้ามา ชันษาจับตามอง เห็นเมธาวีนั่งหน้าเชิดอยู่ข้างคนขับ ที่เป็นชายหนุ่มตัวใหญ่มาดดี
รถจอดสนิท...อาทิตย์ลงจากรถไปเปิดประตูให้เมธาวีลงมา เมธาวียิ้มแย้ม “ขอบคุณค่ะ...”
เมธาวีหันสั่งลูกจ้างให้เอาของลงจากรถ แล้วหันมาบอกอาทิตย์
“ขึ้นไปไหว้คุณย่า กับคุณแม่เมก่อนนะคะแล้วค่อยกลับ”
“ได้ครับ จะได้ถือโอกาสฝากเนื้อฝากตัวกับคุณย่าซะเลย”
อาทิตย์ยิ้มตาเชื่อม เมธาวียิ้มบางๆ อย่างไว้ตัวและเว้นระยะห่าง เพราะยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกผู้ชายคนนี้... เมธาวีเดินนำขึ้นบ้านไป อาทิตย์เดินตามไปติดๆ ชันษามองตาม เห็นวิจิตราเดินมาต้อนรับขับสู้ อาทิตย์ยกมือไหว้วิจิตรารับไหว้ ยิ้มแย้มพูดคุยดีพากันขึ้นบ้านไป ชันษาได้แต่ชะเง้อมองตามเมธาวี ขึ้นบ้านไปกับชายหนุ่มที่เหมาะสม ชันษาซึมไปทันที พลางถอนใจยาวออกมา ก่อนจะมุดรั้วกลับบ้านตัวเองไปอย่างเจียมตัว

+ + + + + + + + + + + +
(อ่านต่อหน้า 2 )









รอยมาร (ต่อ)
วิจิตราและเมธาวีพาอาทิตย์มาไหว้คุณหญิงรุจาที่ห้องรับแขก คุณหญิงรุจานั่งอ่านนิยายเล่มหนาอยู่เพลินๆ พับนิยาย ยิ้มแย้มต้อนรับ
“คุณแม่คะ นี่ร้อยตำรวจเอก อาทิตย์ สุริโย เพื่อนลูกเมค่ะ”
คุณหญิงรุจาและอาทิตย์ไหว้และรับไหว้กัน
“ไหนว่าจะกลับเมื่อวานไงล่ะ”คุณหญิงรุจาถาม
“เผอิญเมื่อวานปาร์ตี้กันหนักไปหน่อย ผมกลัวจะไม่ปลอดภัย เลยกลับตอนเช้ามืดแทน”
“ดีแล้วลูก ปลอดภัยไว้ก่อน อนาคตยังอีกไกลทั้งคู่”วิจิตรายิ้มปลื้ม ชอบที่อาทิตย์มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย จึงคิดว่าเหมาะสมกับเมธาวี
“งั้นเมขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานก่อนนะคะ จะได้ไม่สายมาก”เมธาวีบอก
“ดีลูก จะได้ไม่เสียงานเสียการ”คุณหญิงรุจาพอใจที่เมธาวีมีความรับผิดชอบต่องาน
เมธาวียิ้มให้อาทิตย์แล้วเดินออกไป วิจิตราหันมาบอก
“อาทิตย์ นั่งคุยกับคุณย่าไปก่อนนะ แม่จะไปสั่งเด็กจัดกาแฟกับของว่างมาให้ทานรองท้อง”
“ขอบคุณครับ”
“นั่งสิลูก” คุณหญิงรุจาชวน อาทิตย์ยิ้มแย้ม รู้สึกอบอุ่นที่ทุกคนให้การต้อนรับดี

+ + + + + + + + + + + + +
เมธาวีเดินขึ้นชั้นบน สวนกับสไบนางที่แต่งตัวสบายๆ อยู่กับบ้าน เสื้อยืดกางเกงขาสั้น ทั้งคู่เผชิญหน้ากันพอดี “จะไปไหน” -- “ลงไปหาคุณย่า”
เมธาวีมองไม่พอใจ “แต่งตัวอย่างนี้น่ะเหรอ” -- “บีก็แต่งของบียังงี้ทุกวัน” -- “แต่วันนี้ฉันมีแขก”
“อ๋อ บีต้องไปห่มส่าหรี เต้นทำคอยึกยัก วิ่งหลบตามเสาก่อนหวัดดีด้วยมั้ยคะ”สไบนางแกล้งเต้นประกอบ -- “แกจะไปไหนก็ไปเลย”
สไบนางทำเต้นแขกไปมา วิ่งไปหลบข้างเสาก่อนลงบันไดไป เมธาวีหมั่นไส้ปนเจ็บใจ “อีเด็กบ้า กวนประสาท”
เมธาวีจิกตามองตามอย่างไม่ชอบสไบนางมาแต่ไหนแต่ไร

+ + + + + + + + + + + +

สไบนางเดินผ่านมาที่ห้องรับแขก อาทิตย์หันมองพอดี คุณหญิงรุจาแนะนำ
“บี ไหว้พี่เค้าซะสิ ต้องให้เตือนซะเรื่อยเลยเด็กคนนี้”
สไบนางยกมือไหว้ อาทิตย์ยิ้มแย้มรับไหว้
“หลานสาวคนเล็ก ลูกของน้องชายลุงประมุขเค้า”
“ถึงว่าไม่ค่อยเหมือนกับเมเท่าไหร่”
สไบนางบ่นพึมพำ “ฉันก็ไม่อยากเหมือนหรอก”
คุณหญิงรุจาแนะนำต่อ “นี่คุณอาทิตย์ เพื่อนพี่เมเค้า” -- “ค่ะคุณย่า”
สไบนางทำท่าจะเดินออกไป “อ้าว จะรีบไปไหนล่ะ มานั่งคุยทำความรู้จักกันเอาไว้ก่อนสิ”
“บีไม่รู้จะคุยอะไรนี่คะ เพื่อนพี่เมก็คุยกับพี่เมสิคะ ถึงจะถูกคอ”
คุณหญิงรุจาส่ายหน้า “ดูพูดจา ไม่ได้ไว้หน้าย่าเลย”
อาทิตย์ยิ้มๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณย่า ไว้เราคงมีโอกาสได้คุยกันนะครับ ท่าทางน้องจะเป็นคนคุยสนุก”
สไบนางย่นจมูกใส่แล้ววิ่งออกไปจากบ้าน
“ดูทำหน้าทำตาเข้าสิ ยัยบุบบี้นี่จริงๆเลย”
คุณหญิงรุจาบ่น อาทิตย์ขำๆ “ตกลงชื่อบุบบี้เหรอครับ”
“ย่าตั้งให้เองแหละ คุณอาทิตย์อย่าถือสาน้องเลยนะ แกยังเด็ก เพิ่งจะจบม.6 เอง”
“ไม่หรอกครับคุณย่า ผมเป็นคนสบายๆอยู่แล้ว” อาทิตย์หันมองตามสไบนางออกไปทางหน้าบ้าน ยิ้มๆเอ็นดู

+ + + + + + + + + + + +

หลายวันต่อมา
ลุงแก้วคนขับรถของคุณหญิงรุจา จอดรถรอที่มุมหนึ่งของโรงเรียนชะเง้อมองหาสไบนางที่มาสอบวันสุดท้าย เพื่อรับกลับบ้าน สไบนาง หยาดฝน และเพื่อนเดินคุยกันออกมาจากโรงเรียน ลุงแก้วยิ้มแย้มเปิดประตูรถรอรับ สไบนางบอกทันที...
“ลุงแก้ว บีจะไปบ้านสวน”
ลุงแก้วตกใจ “ไม่ได้หรอกครับคุณบี คุณท่านจะพาคุณบีไปฝากเรียนพิเศษกับคุณหญิงฉัตรที่บ้านนะครับ” -- “ไม่เอา บีไม่ไป บีจะพาเพื่อนๆ ไปเล่นที่บ้านสวน”
หยาดฝนรีบบอก... “เธอไม่ว่างก็ไม่เป็นไรบี ปิดเทอมแล้วไปวันไหนก็ได้”
สไบนางหน้างอ “ไม่ได้ ต้องไปวันนี้ ถ้าลุงแก้วไม่พาบีไป บีกับเพื่อนๆจะเรียกแท็กซี่ไปกันเอง...ไป พวกเรา”
สไบนางเดินนำไป ลุงแก้วกลัวใจรีบบอก “ก็ได้ครับคุณบี”
สไบนาง ดีใจ รีบจูงมือเพื่อนไปขึ้นรถ กลัวลุงแก้วเปลี่ยนใจ ลุงแก้วได้แต่ถอนใจส่ายหน้าไม่กล้าขัด...

+ + + + + + + + + + + + +

ที่บ้านอัครราชช่วงค่ำ...
 

เมธาวีเดินแนบโทรศัพท์มือถือกับหู หน้าหงิกเข้ามาหาวิจิตรา ที่นั่งคุยอยู่กับคุณหญิงรุจาที่โซฟารับแขก
“คุณพ่อไม่ยอมรับสายค่ะแม่ สงสัยต้องใช้เบอร์หลานสาวคนโปรด โทรไปล่ะมั้ง”
เมธาวีบอกอย่างหมั่นไส้สไบนาง คุณหญิงรุจามองหลานสาวคนโตอย่างไม่ชอบใจ
“เราก็เป็นซะแบบเนี้ย พ่อเค้าทำงาน คงคุยธุระกับลูกค้าอยู่นั่นล่ะ เมืองนอกตอนนี้ แปดก้าวโมงเช้าได้มั้ง”
วิจิตราหันไปบอกลูกสาว
“เดี๋ยวพ่อเค้าก็โทรกลับมาเองแหละ คุยต่อค่ะคุณแม่...พ่อของอาทิตย์เป็นนายทหารรุ่นพี่คุณประมุข ตอนนี้ใหญ่โตเชียวล่ะค่ะ เสียดาย ถ้าคุณพี่ไม่ออกจากราชการซะก่อน คงใหญ่โตไม่แพ้กัน”
“อย่าฟื้นฝอยหาตะเข็บหน่อยเลยน่ะวิจิตรา”คุณหญิงรุจาตัดบท
“ไม่พูดก็ได้ค่ะคุณแม่...ส่วนแม่อาทิตย์ ก็คุณหญิงทิพยาไงคะ คุณแม่น่าจะเคยได้ยินชื่อเธอ คนนี้ดังมากในหมู่ไฮโซ”
เมธาวีมองแม่อย่างรำคาญ “คุณแม่จะเยินยออาทิตย์นี่อีกนานมั้ยคะ เมยังไม่ได้บอกซักคำว่าเมจะคบเค้าเป็นแฟน”
“อะไรกันยัยเม ดีพร้อมขนาดนี้ ลูกยังไม่ชอบอีกเหรอ” -- “ไม่รู้สิคะ เมว่าเมยังมีโอกาสเลือกได้อีกเยอะ”
คุณหญิงรุจาเห็นด้วยที่หลานสาวคิดอย่างนั้น...
“ดีแล้วเม ย่าว่าตั้งอกตั้งใจทำงานไปก่อนเถอะ เรื่องรักเรื่องใคร่ ปล่อยไปตามธรรมชาติ คบๆดูใจกันไป ไม่ต้องรีบร้อนตกลงปลงใจเป็นแฟนกับใครหรอก หน้าที่การงานเราดีมีโอกาสเจอคนดีๆ อีกเยอะ เชื่อย่าเถอะ” -- “ค่ะคุณย่า”
วิจิตราแอบทิ้งค้อนคุณหญิงรุจาที่ขัดคอ
“ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ เมหิวแล้ว ไม่ต้องรอยัยทโมนนั่นหรอก”เมธาวีบอกอย่างหงุดหงิด
“เดี๋ยวน้องก็มาแล้วล่ะลูก แต่ถ้าเมหิวมากไปทานก่อนก็ได้ ย่าจะรอบีก่อน”
เมธาวีเหยียดปากเซ็งๆ วิจิตราพูดขึ้นอย่างอดปากไม่ได้
“ไม่เห็นหน้าหลานรัก คุณย่าท่านทานข้าวไม่อร่อยหรอก”
คุณหญิงรุจาพูดดุๆ “วิจิตรา...เลิกพูดจาส่อเสียดให้หลานแตกแยก รู้สึกไม่ดีต่อกันแบบนี้ซะทีได้มั้ย”
วิจิตราไม่กล้าหือ แต่อดแขวะไม่ได้
“ไปลูกเม ได้เวลาทานข้าวซะที”
สองแม่ลูกลุกเดินนำออกไปที่โต๊ะอาหารอย่างหน้าเคืองๆ ขณะเดียวกัน ลุงแก้วเดินหน้าเจื่อนๆ ขึ้นมาคุณหญิงรุจา ส่งสมุดผลการเรียนให้
“สมุดผลการเรียนคุณบีครับ” -- “แล้วเจ้าตัวล่ะ”
ลุงแก้วแหยๆ กลัวๆ “คุณบีไม่ยอมกลับครับ ขอนอนค้างที่บ้านสวน”
“แล้วทำไม แก้วไม่โทรมาบอกฉันก่อน ฉันเบี้ยวนัดหญิงฉัตร ยอมให้ไปเล่นที่บ้านสวนก็น่าจะพอแล้ว”
“คุณบียึดโทรศัพท์ผมไปครับ เธอกลัวผมโทรรายงานคุณท่าน”
“โทรศัพท์สาธารณะไม่มีรึไง นี่ก็พาซื่อ ไม่ได้เรื่อง”
คุณหญิงรุจา ลุกเดินไปที่โต๊ะอาหารอย่างไม่พอใจ

+ + + + + + + + + + + +

เช้าวันใหม่...
 

สไบนางเดินสูดอากาศยามเช้าออกมาที่ท่าน้ำบ้านสวน “สดชื่นจริงๆเลย”
สไบนางบิดขี้เกียจไป กวาดตามองหาไปไม่เห็นใครเลย “ไปไหนกันหมดเนี่ย”
สไบนางยิ้มซนๆ รีบเดินลงไปที่บันไดท่าน้ำ ลงเรือพายที่ผูกเอาไว้ เอาเชือกที่คล้องออกแล้วขโมยเรือพายเล่นไปตามลำพัง
ยายจันทร์ กลับมาจากตลาด พอไม่เห็นสไบนางก็ใจเสีย สั่งให้สมปอง กับขำ พ่อแม่ของระเบียบช่วยกันตามหา ยายจันทร์ยืนร้อนใจ ดมยาดมอยู่ไปมาหน้าบ้านสวน
“ตายแล้ว คุณบีนะคุณบี ไปเล่นซนที่ไหนเนี่ย”
ครู่หนึ่งขำ พ่อระเบียบ วิ่งหน้าตื่นมาจากทางท่าน้ำ “ยายจันทร์ เรือพายหายไป คุณบีต้องแอบพายเรือไปแน่ๆ”
“โอ๊ย จะเป็นลม” ยายจันทร์เซ สมปองรีบเข้าไปประคอง “นั่งพักก่อนยาย”
ยายจันทร์หน้าเครียด ยกมือไหว้
“คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองคุณบีด้วยเถอะ อย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยคุณแม่เธอเลย” ยายจันทร์น้ำตาคลอ เมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ในอดีต...
ครั้งนั้น...ลูกน้องประมุขช่วยกันงมศพศรีอำไพ ขึ้นมาจากน้ำมาขึ้นฝั่ง ประจักษ์ตาแดงกล่ำ เดินขาอ่อนเข้ามาดูศพ เห็นแน่ชัดว่าเป็นศรีอำไพ ประจักษ์ใจจะขาด ร้องโฮ
“ไพ ไพของพี่”
ประจักษ์กอดร่างไร้วิญญาณของภรรยาอย่างเศร้าใจ ประมุขหน้าเครียดจัด เดินเข้ามายืนมองข้างหลัง เห็นศพศรีอำไพได้แต่เบือนหน้าไปอีกทาง ประจักษ์ตั้งสติได้ หันขวับมาจ้องหน้าพี่ชาย ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ “พี่มุขฆ่าเมียผม พี่หาทางฆ่าเค้าจนได้”
ประจักษ์ลุกแล้วพุ่งเข้าหากระชากคอเสื้อ
“ไอ้ฆาตกร มึงฆ่ากูอีกคนสิวะ ฆ่าปิดปากกูอีกคนเลยสิ มึงเลวยิ่งกว่าสัตว์”
ประมุขหน้านิ่ง กระชากแขนประจักษ์ออก แล้วผลักจนน้องชายล้มไปกับพื้น...
“มึงสงบสติอารมณ์ซะไอ้จักษ์ แล้วเตรียมจัดงานศพให้เรียบร้อย”
ประมุขเดินกลับออกไป ประจักษ์ขยับเข้าหาศพศรีอำไพ กอดศพร้องไห้พรั่งพรู ประจักษ์ร้องไห้ฟูมฟาย
“ไพของพี่ ในที่สุดไพก็ต้องตายเพราะมัน...ไพ...”
ประจักษ์ ฟุบหน้ากอดศพเมียรัก ร้องไห้ตัวสั่นสะท้าน
ยายจันทร์เล่าเหตุการณ์ในอดีต ให้สมปองกับขำฟัง แล้วปาดน้ำตาป้อยๆ
“ยายเห็นเหตุการณ์ด้วยเหรอ” ยายจันทร์ซับน้ำตาพร้อมตอบ “เปล่าหรอก เค้าพูดๆกันมา”
“โธ่ เล่าเป็นตุเป็นตะเลย”ขำตัดบท “งั้นฉันไปเอาเรือที่บ้าน พายดูตามคลองแล้วกัน คุณบีพายเรือไม่เก่ง คงไปไหนไม่ได้ไกลหรอก” -- “เออ ฝากด้วยไอ้ขำ” ขำวิ่งลัดสวนกลับบ้านไป
“คุณบี นะคุณบี จะซนไปถึงไหน”
ยายจันทร์ถอนใจส่ายหน้า ระอาใจ

+ + + + + + + + + + + +

สไบนางพายเรือไม่เก่ง เลยพายไม่ตรงทางนักและพายไปได้ช้าๆ แต่แรงฮึดเธอเยอะ พายมาถึงหน้าบ้านไทยประยุกต์จนได้ สไบนางพายเรือมาที่ท่าน้ำ พร้อมกวาดตามองด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“โอ้แม่เจ้า บ้านหรือวังกันแน่เนี่ย...” สไบนางชะเง้อมองด้วยความสนใจ
ขณะเดียวกันที่หน้าบ้าน อุปมาแต่งตัวดีพร้อมออกไปทำงานบริษัทเดินคุยมากับ บารมีผู้พ่อ
ที่ชอบแต่งตัวบ้านๆ เก่าๆวันนี้ใส่เสื้อกุยเฮงสีดำจาง กับกางเกงสีกรมท่าขาก๊วยเก่าๆ ถือหมวกสานขาดๆ ติดมือมาด้วย
“ตกลงพ่อจะกลับเมื่อไหร่ครับ” -- “ที่นี่เรียบร้อยดี ไม่มีอะไรแล้ว พ่อว่าจะกลับพรุ่งนี้เลย”
“พรุ่งนี้เลยเหรอครับ” บารมีพยักหน้ารับ “พ่อมีเรื่องต้องกลับไปปิดบัญชีให้เรียบร้อย”
บารมียิ้มมีเลศนัย อุปมาแปลกใจเล็กน้อย
ทางด้านสไบนางพายเรือมา ได้จังหวะที่มุมของสายตามองเห็นสองพ่อลูก แต่อุปมายืนอยู่ในมุมหันหลังให้คลอง เลยเห็นแต่หน้าบารมี...ด้วยสภาพการแต่งตัวที่แตกต่างกัน ดูเหมือนบารมีเป็นลูกจ้างของอุปมาเสียมากกว่า เหมือนนายกำลังสั่งงานลูกจ้างอยู่
“เย็นนี้กลับมากินข้าวกับพ่อที่บ้านแล้วกัน มีเรื่องจะสั่งงานหลายอย่าง”บารมีบอก
“ครับพ่อ งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ”
อุปมายกมือไหว้พ่อแล้วเดินลงไปขึ้นรถ
ทางด้านสไบนาง พยายามชะเง้อมองดูเหตุการณ์อยู่ ไม่คาดคิด เรือหางยาวแล่นฉิวผ่านมาอย่างแรง เรือพายลำเล็กของสไบนางโคลงเคลง สไบนางร้องโหวกเหวก อารามตกใจกลัวเรือคว่ำ สไบนางเลยรีบกระโจนลงน้ำ สละเรือด้วยท่าทางประหลาดๆ เรือพายคว่ำพร้อมสไบนางตกน้ำกระจายไม่เป็นท่า ขณะที่บารมีเดินมาถึงท่าน้ำ เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดพอดี
(อ่านต่อวันพรุ่งนี้)




กำลังโหลดความคิดเห็น