xs
xsm
sm
md
lg

รอยมาร ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ติดตามอ่านละครออนไลน์ ได้ทาง www.manager.co.th ทุกเช้า เวลา 09.30 น.

รอยมาร ตอนที่ 1

ขบวนขันหมากซึ่งจัดขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบตามประเพณีไทย ตั้งขบวนอยู่พร้อม ดนตรีเล่นเพลงสนุก ด้านหน้าชาวบ้านรำกันสนุกสนาน เรียกความครึกครื้น หัสดิน วิศวกรเพื่อนสนิทของอุปมาเจ้าบ่าว รับหน้าที่ถ่ายวิดีโอ ได้เดินถ่ายขบวนพร้อมพูดบรรยายอัดเสียงไปในตัว

“ขบวนขันหมากของมาร์ค ตั้งขบวนเรียบร้อยพร้อมออกเดินทาง”
หัสดินแพนกล้องวีดีโอไปรับทาง ตัวบ้านไทยประยุกต์สวยงามอลังการ บารมีผู้เป็นบิดา เดินยิ้มแย้มเดินนำลงมาก่อน อุปมาในชุดเจ้าบ่าวงานเช้าเดินควงแขนซาร่า คุณแม่ชาวอาหรับลงบันไดตามมาติดๆ หัสดินถ่ายวิดีโอพร้อมบรรยายต่อ...
“เจ้าบ่าวสุดหล่อลงมาแล้ว เฮ๊ย มาร์คโบกมือให้กล้องหน่อย”
อุปมายิ้มๆ โบกมือให้กล้อง ทันใดนั้นเอง มีรถสปอร์ตหรูขับเข้ามาจอด ปาดที่หน้าขบวนขันหมาก หัสดินโดดหลบแทบไม่ทัน
ทุกคนหันมอง ดนตรีหยุดเล่น ชาวบ้านหยุดรำ วิมาดาในชุดเซ็กซี่บาดตา รีบร้อนลงมาจากรถ มองที่อุปมาน้ำตาคลอ อุปมามองอย่างสะใจ ขณะที่บารมีมีสีหน้าไม่พอใจขึ้นมา
“มาร์คทำกับวิแบบนี้ได้ยังไง มาร์คไม่รักวิแล้วเหรอคะ”วิมาดาคร่ำครวญ
บารมีหันไปหาอุปมา... “แกรีบไปเคลียร์ให้เรียบร้อยเลย เสียฤกษ์หมด”
อุปมาบีบมือแม่ที่มีสีหน้าไม่สบายใจเบาๆ แล้วเดินไปหาวิมาดาด้วยสีหน้าเครียดๆ วิมาดาโผเข้ากอดอุปมาร้องไห้โฮ “มาร์ค” ทุกคนอึ้ง หัสดินยกมือขึ้นกุมขมับ ปวดหัวแทนเพื่อน อุปมาหน้านิ่ง แต่มีความสะใจซ่อนอยู่ในสีหน้าและแววตา

+ + + + + + + + + + + +

ในห้องนอนของสไบนาง... เจ้าของห้องยังนอนหลับสบายอยู่บนเตียง เสียงเคาะประตูดังขัดขึ้น ตามด้วยเสียงบังอร... “หนูบี เสร็จรึยัง” สไบนางพลิกตัวนอนเอียงข้าง กอดหมอนข้างหลับตา บังอรเคาะประตูห้องเรียก “หนูบี ขบวนขันหมากจะมาถึงแล้วนะคะ...หนูบี ตื่นรึยังคะเนี่ย”
สไบนางสะดุ้งตื่น นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของเมธาวี ลูกของประมุข และวิจิตรา ผู้เป็นลุงและป้าสะใภ้ “บีอาบน้ำก่อนนะคะ” สไบนางตะโกนบอก แล้วโดดลงจากเตียง วิ่งตึงตังไปเข้าห้องน้ำ

+ + + + + + + + + + +

ช่างทำผม ไปตามวิจิตรามาที่ห้องเมธาวี วิจิตรานั้นแต่งตัวชุดไทยสวย พร้อมออกงานรดน้ำสังข์ลูกสาว วิจิตราเดินเลือกกุญแจมาด้วยความร้อนใจ เมื่อมาถึงหน้าห้อง เห็นช่างแต่งหน้า เคาะประตูห้องนอนเมธาวีอยู่... “ยังไม่เสร็จอีกเหรอคะ เดี๋ยวแต่งหน้าไม่ทันหรอกค่ะ” -- “เธอถอยไปก่อน” วิจิตรารีบไขกุญแจห้องเปิดเข้าไปอย่างเร็ว แต่ไม่พบเมธาวีในห้อง วิจิตราร้อนใจ รีบมารายงานประมุข และคุณหญิงรุจา มารดาของเขา
“ลูกเมหายตัวไปไหนก็ไม่รู้ค่ะคุณแม่”
วิจิตราน้ำตาคลอๆ ห่วงลูกสาว คุณหญิงรุจาหนักใจขึ้นมาทันที... “รึว่ายัยเมจะรู้ความจริงว่า ต้องแต่งงานเพราะอะไร”
ประมุขมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างใช้ความคิด วิจิตรารีบพูด... “งานล้มไม่ได้เด็ดขาดนะคะคุณแม่ เสียหน้าตายเลย แขกผู้ใหญ่ทั้งนั้น นี่นักข่าวก็มารอทำข่าวอยู่หน้าบ้านเต็มไปหมดแล้ว เราจะทำยังไงกันดีคะ”
คุณหญิงรุจาหันไปมองหน้าลูกสะใภ้ “ไม่มีเจ้าสาว แล้วจะให้พ่ออุปมาแต่งงานกับใครล่ะจิตรา”
ประมุขเสนอความคิดทันที... “ถ้าเราเปลี่ยนตัวเจ้าสาวตอนนี้ ก็ยังทันนะครับคุณแม่” วิจิตราและคุณหญิงรุจาตกใจ หันมองหน้าประมุขที่กำลังคิดจะให้สไบนางมาเป็นเจ้าสาวแทน

+ + + + + + + + + + + +

อุปมาคุยกับวิมาดา อยู่มุมหนึ่งบริเวณหน้าบ้าน วิมาดาน้ำตาร่วง...“มาร์คไม่ได้รักคุณเม มาร์คแค่ทำตามความต้องการของพ่อ วิรู้ว่ามาร์คยังไม่ลืมวิ เหมือนที่วิไม่เคยลืมมาร์คเลย...”อุปมามองวิมาดาด้วยสีหน้านิ่งขรึม
วิมาดาสวมกอดชายหนุ่มอีกครั้ง “วิรักมาร์ค ได้ยินมั้ยคะ วิรักมาร์ค” วิมาดาซบอกอุปมา ร้องไห้สะอึกสะอื้น อุปมาหน้านิ่งไร้ความรู้สึก ยอมให้วิมาดากอดอยู่อย่างนั้น บารมีจับตามองอยู่ ถอนใจส่ายหน้ากับความโลเลของลูกชาย หัสดินร้อนใจ... “เอายังไงดีครับคุณลุง”
ยังไม่ทันได้พูดอะไร โทรศัพท์มือถือบารมีดังขึ้น บารมีดูเบอร์โชว์ เห็นชื่อ “Devil” กดรับโทรศัพท์ เสียงนิ่งๆ “ว่ายังไง กำลังจะเคลื่อนขบวนอยู่เดี๋ยวนี้ล่ะ” -- “หยุดขบวนขันหมากไว้ก่อน”ประมุขบอกอย่างร้อนใจ “แกรีบมาที่บ้านฉันเดี๋ยวนี้เลย” บารมีแปลกใจว่ามีเรื่องอะไรกัน แต่ก็รีบไปทันที....

+ + + + + + + + + + + +

หน้าบ้านอัครราช...แขกเหรื่อ ลูกหลาน ทยอยกันเข้ามาในงาน วิจิตราฉีกยิ้มไหว้รับแขกไปมาอยู่หน้าบ้าน “ตายแล้วคุณหญิง อุตส่าห์มา เพิ่งกลับจากอังกฤษเมื่อคืนนี้เองไม่ใช่เหรอคะ”
แขกยิ้มหวานให้...-- “เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องมาค่ะ” --“ขอบคุณมากค่ะคุณหญิง ทานของว่างด้านในก่อนนะคะ”
ลูกๆหลานๆ เข้ามาต้อนรับแขกคนนั้นเดินเข้าไป หม่อมเกศและกมลฉัตรเดินเข้ามาในงานด้วยกัน
“สวัสดีค่ะหม่อม...” วิจิตราไหว้หม่อมเกศ และรับไหว้กมลฉัตร
“รดน้ำไปแล้วรึยังคะ”กมลฉัตรถามอย่างร้อนใจ เพราะมาสาย
วิจิตรายิ้มแหยๆ “ยังเลยค่ะ”
“ฉัตรนึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว” -- “ฤกษ์คลาดเคลื่อนนิดหน่อยน่ะค่ะ น่าจะอีกซักครึ่งชั่วโมงนะคะ”
วิจิตราฉีกยิ้มเจื่อนๆฝืนๆไป เพราะยังไม่รู้ว่าคุณหญิงรุจา กับประมุขจะแก้ปัญหาได้ไหม

+ + + + + + + + + + + +
บารมีมาพบคุณหญิงรุจา และประมุขที่ห้องทำงานของบ้านอัครราช ได้รับรู้ว่าเมธาวี เจ้าสาวของอุปมาหายตัวไป และประมุขจะแก้ปัญหาด้วยการให้สไบนางแต่งงานแทน เพื่อไม่ให้งานแต่งล่มกลางคัน
“ผมไม่เห็นด้วย หนูบีไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย เธอไม่ควรเสียหายเพราะเรื่องนี้”บารมีบอกอย่างไม่ชอบใจ
“บีคืออัครราชคนหนึ่ง ก็ต้องร่วมชดใช้ด้วย”ประมุขแย้ง
“พูดเห็นแก่ได้” -- “ถ้าแกไม่ยอมรับบีเป็นเจ้าสาว หนี้สินทั้งหมดก็ถือว่าหายกัน”
บารมีจ้องหน้าประมุข คุณหญิงรุจาหนักใจ พูดขัดขึ้น...“นี่ไม่ใช่เวลามานั่งทะเลาะกันแล้วนะ ช่วยกันคิดหาทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้ก่อนจะดีกว่า”
“ผมก็หาทางออกให้อยู่นี่ไงครับคุณแม่...ลูกชายแกก็ไม่ได้รักอะไรยัยเมอยู่แล้ว ยอมแต่งเพื่อความสาแก่ใจของแกเท่านั้น จะเปลี่ยนเจ้าสาวเป็นอัคราชคนไหนก็มีค่าเท่ากัน”ประมุขพูดกวนๆ
บารมีสบตากับคุณหญิงรุจา เป็นเชิงปรึกษา ประมุขเร่ง...“จะเอายังไงก็รีบตัดสินใจ แขกเหรื่อมากันเต็มบ้านแล้ว ผมไม่อยากขายขี้หน้าเอาตอนแก่”
คุณหญิงรุจามองค้อนลูกชาย “ไม่ว่าจะงานล่มหรือเปลี่ยนตัวเจ้าสาว มันก็ขายขี้หน้าไม่ต่างกันหรอก”
“ต่างสิครับคุณแม่ ถ้างานแต่งล่มเพราะแกไม่รับยัยบีเป็นเจ้าสาว มันก็เท่ากับว่าแกปฏิเสธการใช้หนี้ ยอมยกหนี้สินทั้งหมดให้ฉันเอง”
บารมีจ้องหน้าประมุข อย่างชิงชัง ตัดสินใจทันที... “ขบวนขันหมากจะมาถึงหน้าบ้านแก ภายใน 15 นาที”

+ + + + + + + + + + + +

เมื่อรู้ว่าจะต้องมาเป็นเจ้าสาวแทนเมธาวี สไบนางร้องไห้ สวมกอดคุณหญิงรุจาผู้เป็นย่า ที่นั่งอยู่บนเตียง “บีไม่แต่งนะคะคุณย่า บีไม่อยากแต่งงาน บีเกลียดไอ้มาร์ค บีเกลียดมันค่ะคุณย่า”
คุณหญิงรุจาอึดอัดใจ สงสารหลาน “อย่าพูดถึงพี่เค้าแบบนั้นสิบี”
สไบนางหันไปมองประมุข พยายามอ้อนวอน... “บียังมีความฝันอีกเยอะแยะ มันไม่ใช่เวลาแต่งงานของบี นี่คุณลุงรักหน้าตัวเองมาก ขนาดยอมแลกกับอนาคตของบีเลยเหรอคะ”
สไบนางน้ำตาท่วม ประมุขมองหลาน ด้วยความรักและความเห็นใจ “นี่ไม่ใช่แค่การแต่งงานธรรมดานะบี แต่มันคือการล้างหนี้ให้กับตระกูลของเรา”
สไบนางงง หันมองหน้าย่า...ย่าน้ำตาคลอๆ อึดอัดใจที่สุด “ถ้าบีไม่ยอมแต่งงานแทนพี่เม เราจะล้มละลาย บ้านก็จะไม่มีให้ซุกหัวนอน คุณย่าก็จะต้องลำบากไปด้วยนะลูก”ประมุขพูดให้ดูน่าสงสารมากขึ้น
สไบนางมองหน้าย่า...ย่าน้ำตาพาลจะไหลออกมา รีบซับออกแล้วหันไปทางอื่นแทน ประมุขพยายามเกลี้ยกล่อมอีก...
“ทำเพื่อคุณย่ากับลุงสักครั้งได้มั้ยบี ถือว่าขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขกันทีหลัง”
สไบนางร้องไห้โฮออกมา สวมกอดย่าเอาไว้ด้วยความลำบากใจ ย่าได้แต่ลูบผมลูบหลังด้วยความสงสาร ประมุขมองสไบนางน้ำตาคลอๆ สงสารแต่ก็มีความเห็นแก่ตัวมากกว่า

+ + + + + + + + + + + +
(อ่านต่อ หน้า 2)









รอยมาร (ต่อ)
อุปมานั่งหน้านิ่งขรึม สวมมงคลพร้อมพิธีรดน้ำสังข์อยู่ข้างๆ สไบนางที่ตาแดงกล่ำ พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ คุณหญิงรุจาเดินเข้ามารดน้ำสังข์ทั้งน้ำตาคลอ รดน้ำสังข์ให้อุปมา แล้วต่อด้วยสไบนาง
“ขอบใจทั้งสองคนมากที่ช่วยรักษาหน้าผู้ใหญ่ ผ่านงานวันนี้ไปก่อน แล้วเราค่อยหาทางแก้ไขกัน ย่าขอโทษนะบี”
คุณหญิงรุจาน้ำตาไหลซึม แล้วรีบเดินก้มหน้าออกไป สไบนางหันมองตามย่าไปน้ำตาท่วมตา บารมีเดินเข้ามามารดน้ำสังข์ต่อสั่งลูกชายเสียงแข็ง จริงจัง
“แกห้ามล่วงเกินน้องเด็ดขาดเข้าใจมั้ยมาร์ค นี่คือคำสั่ง...รับปากพ่อ” -- “ครับพ่อ”
บารมีเดินไปรดน้ำสังข์ให้สไบนาง “คิดซะว่านี่คือการเล่นละครฉากหนึ่งก็แล้วกันนะหนูบี ลุงจะดูแลชีวิตหนู และหาทางชดเชยความเสียหายที่เกิดกับหนูในวันนี้ให้ดีที่สุด ลุงให้สัญญา”
“ชีวิตบีจบแล้วล่ะค่ะลุงมี”สไบนางร้องไห้ออกมา
บารมีหน้าเครียด ถอนใจเดินเลี่ยงออกไปด้วยความรู้สึกผิด อุปมาเหล่มอง “จะร้องทำไมหนักหนา ดีใจมากเหรอ”
สไบนาง ถลึงตาใส่ “ไอ้บ้ามาร์ค ฉันเกลียดแก”
อุปมาปั้นหน้านิ่งพูดพึมพำใส่ “ฉันรักเธอตายแล้ว”
“ชีวิตฉันพังพินาศหมดแล้ว” สไบนางปล่อยโฮลั่นออกมา

+ + + + + + + + + + + +

...หลายเดือนก่อน...
 

ณ สะพานสูงริมคลองยามเย็น สไบนางในชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้น ทะมัดทะแมง วิ่งนำระเบียบเด็กหญิงรุ่นน้อง ที่เป็นเพื่อนลูกไล่เวลามาอยู่บ้านสวนขึ้นไปกลางสะพาน สไบนางปีนราวสะพานทันที ระเบียบตกใจ...-- “คุณบีจะทำอะไรคะ”-- “เก่งจริงก็ตามมาสิ”
สไบนางขึ้นไปยืนบนราวสะพาน ตั้งท่าจะโดดน้ำคลอง ขณะเดียวกันนั้น ยายจันทร์คนเก่าแก่ของคุณหญิงรุจา ซึ่งทำหน้าที่ดูแลบ้านสวน เดินมาตามตัวไปกินข้าว ยายจันทร์เห็นสไบนางที่ยืนอยู่บนราวสะพานอย่างหน้าหวาดเสียว ก็ตกใจมาก “ตายแล้ว คุณบี ลงมาค่ะ อย่าเล่นพิเรนทร์นะคะ”
สไบนางไม่ฟัง โดดน้ำทันที พร้อมแผดเสียงร้องด้วยความสนุกสนาน ยายจันทร์รีบเดินไปดูริมคลองด้วยความเป็นห่วง สไบนางทะลึ่งพรวดโผล่พ้นน้ำขึ้นมา ยายจันทร์โล่งอก ยกมือกุมหัวใจ
“โอ๊ย อกอีจันทร์จะแตกเป็นเสี่ยงๆ” สไบนางหัวเราะชอบใจ สนุกที่ทำให้ยายจันทร์ตกใจได้

+ + + + + + + + + + + +

เย็นวันนั้น บังอร ผู้ช่วยของคุณหญิงรุจา เดินจูงมือสไบนางที่เปียกโชกไปทั้งตัว ขึ้นโถงบ้านสวนมา
“รีบไปอาบน้ำสระผมเลยนะคะคุณบี เดี๋ยวก็เป็นหวัดจนได้หรอก” -- “บีหัวแข็งอยู่แล้วค่ะคุณบังอร”
วิจิตราเดินออกมาทางโถงพอดี มองอย่างไม่พอใจ... “ตายแล้ว ไปทำอะไรมา เปียกม่อล่อกม่อแลกเลย”
สไบนางยิ้มหน้าเป็น “โดดน้ำคลองเล่นมาค่ะคุณป้า”
“ไม่รู้จักโตซะทีนะเรา เล่นเป็นเด็กๆ แทนที่จะเอาเวลาไปอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย เอาอย่างพี่เมเค้ามั่งสิ”
สไบนางแอบเหยียดปากเซ็ง เพราะวิจิตรามักจะเอาตัวเธอไปเปรียบเทียบกับเมธาวีเสมอ บังอรหยิกแขนสไบนางเป็นเชิงเตือน ไม่ให้ทำกิริยาอย่างนั้น วิจิตราบรรยายสรรพคุณความดีงามของลูกสาวต่ออย่างภูมิใจ... “พี่เมเค้าเรียนได้เกียรตินิยมอันดับ 1...”
สไบนางแทรกพูดต่อขึ้นมา “สอบทุนรัฐบาลได้ไปเรียนเมืองนอก ได้ทำงาน มีหน้ามีตาในกระทรวงต่างประเทศ” วิจิตราหน้าตึง
“นี่แม่บี ฉันเตือนเธอเพราะหวังดีหรอกนะ”
คุณหญิงรุจาเดินออกมาจากห้อง เพราะเสียงทะเลาะกัน “มีอะไรกันอีกล่ะ...ตายจริงยัยบุบบี้ ไปเล่นน้ำคลองมาอีกแล้วสิ”
สไบนางได้แต่ยิ้มแหยๆ คุณหญิงรุจาโบกมือไล่ “ไปอาบน้ำอาบท่าไป เดี๋ยวได้ป่วยจนได้”
“ขอบคุณค่ะคุณย่า มาช่วยชีวิตหนูทันพอดี”สไบนางกอดย่าทั้งตัวเปียก
“โอ๊ย ย่าเปียกหมดแล้ว ไปอาบน้ำ”
คุณหญิงรุจาตีแขนหลานสาวอย่างเอ็นดู สไบนางหัวเราะชอบใจ วิ่งปึงปังไปเข้าห้องนอน วิจิตรามองตามอย่างดูถูก
“ไม่มีความเป็นกุลสตรีเอาซะเลย”
คุณหญิงรุจาเหล่มองสะใภ้ ไม่ค่อยพอใจนักก่อนสั่งบังอร “บังอร เดี๋ยวช่วยเก็บเสื้อผ้ายัยบีให้เรียบร้อยทีนะ พรุ่งนี้จะกลับแล้ว”
“ค่ะคุณท่าน”บังอรเดินตามสไบนางไป
วิจิตราหันมาถาม...“เอ่อ คุณแม่คะ ที่ท้ายคลองใครย้ายมาอยู่เหรอคะ เห็นสร้างบ้านซะใหญ่โต”
“แม่ก็ไม่แน่ใจนะ กว้านซื้อที่ไปทั่ว เห็นยายจันทร์บอกว่าเป็นเศรษฐี ย้ายกลับมาจากเมืองนอก”
คุณหญิงรุจาบอกอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก แต่วิจิตรานั้นอยากรู้มากว่าเจ้าของบ้านทรงไทยหลังงามเป็นใคร

+ + + + + + + + + + + +

บารมีเดินนำหัสดิน มาทางหน้าตัวบ้านไทยประยุกต์ ซึ่งใหญ่โต หรูหรา และสวยงามมาก แล้วหันกลับไปมองอย่างพอใจ “เสร็จเร็วทันใจดีนะ”
หัสดินยิ้มรับ... “ทุกคนก็เร่งงานกันเต็มที่น่ะครับคุณลุง เอ่อ ผมติดต่อขอซื้อที่ดินทำถนนไว้แล้วนะครับ เค้าเรียกเจ็ดล้านห้า คุณลุงว่ายังไงครับ”
“ถ้าไม่มีถนนออกจากบ้านไปถนนใหญ่ แล้วมันจะเรียกว่าเสร็จสมบูรณ์ได้ยังไงล่ะ...เจ็ดล้านห้าแพงไปสำหรับความจริง แต่ถูกมากถ้าจะทำให้ความฝันเป็นจริง”
หัสดินยิ้มๆ บารมีกวาดตามองสภาพรอบๆ ไปถึงคลอง ถอนใจออกมา...
“สามสิบกว่าปี ทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก แต่ลุงก็ดีใจนะ ที่ได้กลับมาเป็นเจ้าของที่ดินผืนนี้อีกครั้ง ไม่ใช่สิ...ของเจ้ามาร์คมันตะหาก บ้านลุงหลังเล็กโน่น”
หัสดินงง “อ้าว ผมนึกว่าบ้านหลังเล็กของมาร์คซะอีก”
“ไม่ใช่ ลุงไปๆมาๆ จะอยู่หลังใหญ่ทำไมล่ะ ลุงสร้างบ้านหลังนี้ไว้เป็นเรือนหอให้เจ้ามาร์ค”
หัสดินตกใจปนงง “เรือนหอเหรอครับ”
บารมีพยักหน้ารับก่อนจะหันมองไปที่ตัวบ้าน ด้วยสีหน้านิ่งขรึมไป เพราะมีเรื่องบางอย่างอยู่ในใจ
+ + + + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น... สไบนางใส่ชุดอยู่กับบ้าน รำไทยสวยงามโชว์ให้คุณหญิงรุจา ประมุข บังอร ยายจันทร์ ดูอยู่ที่ลานบ้าน ระเบียบนั่งควบคุมเครื่องเสียง คอยเปิดเพลงอยู่ไม่ห่างนัก มองสไบนางอย่างชื่นชม ยายจันทร์กระซิบบังอร
“คุณบีรำได้อ่อนช้อย สวยงามไม่แพ้คุณแม่เธอเลยนะคะคุณบังอร”
“ลูกไม้ก็หล่นไม่ไกลต้นยังงี้แหละจ้ะยาย”บังอรยิ้มปลื้ม
คุณหญิงรุจาและประมุขมองดูสไบนางรำยิ้มปลื้มอย่างชื่นชม จบเพลงทุกคนปรบมือกันเกรียว ประมุขหยิบกระเป๋าเงินออกมา สไบนางเห็นปรี่เข้าไปนั่งพับเพียบข้างๆ ยกมือไหว้พร้อม ประมุขหัวเราะชอบใจ “มารอเลยทันทีเลยนะเจ้าคนนี้”
คุณหญิงรุจายิ้มเอ็นดู พูดกับบังอรและยายจันทร์ “นกรู้จริงๆ”
ประมุขหยิบเงินให้ 3 พันบาทส่งให้ สไบนางดีใจ ลิงแตก กระโดดโหยง โวยวาย “ลุงให้บีสามพันเลยเหรอคะ”
สไบนางเข้าไปกอดหอมแก้มซ้ายขวา คุณหญิงรุจาหัวเราะ “ตายๆ นางรำฉันกลายเป็นหนุมานไปซะแล้ว”
วิจิตราเดินหน้าบึ้งตึงออกมาจากในบ้าน “ไม่มากไปเหรอคะคุณพี่ รำกะโหลกกะลาแก้บนแค่นี้ให้ร้อยสองร้อยก็พอ”
งานกร่อย ทุกคนยิ้มค้างไป ยายจันทร์บ่นเบาๆ “วงแตกแล้วคุณบังอร...นังเบียบ ไปนอน”
ระเบียบและยายจันทร์พากันเดินลงไปจากบ้าน สไบนางหันไปถามวิจิตรากวนๆ “แหม คุณป้า พี่เมรำสวยได้เท่าบีรึเปล่า”
วิจิตราโกรธ สวนกลับทันควัน... “เมเค้าไม่เสียเวลามาทำเรื่องไร้สาระอย่างเธอหรอก อะไร กลางวันทโมนเป็นลิงเป็นค่าง กลางคืนมาฟ้อนรำไม่เข้าท่า ฉันอยากจะรู้นักว่าเธอเอาเวลาตอนไหนไปอ่านหนังสือสอบ”
คุณหญิงรุจาตัดบท “แม่บี เข้าไปอ่านหนังสือในห้องไป”
บังอรรีบไปพาตัวสไบนางพาเดินกลับออกไป กลัวเกิดปากเสียงกันอีก วิจิตรา เหล่มองตามอย่างหมั่นไส้ “มีแต่คนถือหาง แตะต้องเป็นไม่ได้ น่าหมั่นไส้ซะเหลือเกิน”
ประมุขมองอย่างรำคาญ “คุณก็จะอะไรนักหนากับเด็กมันล่ะ บีรำไทยเก่งน่าจะชื่นชม มากกว่า เด็กรุ่นใหม่แท้ๆ แต่กลับอนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรมไทย”
เมื่อสามีพูดอย่างนั้น วิจิตรายิ่งหมั่นไส้สุดๆ
“เข้าข้างกันซะจริ๊ง คุณก็เลิกรักหลานสาวให้มันออกนอกหน้าได้แล้วนะ ยัยเมน้อยใจจะตายอยู่แล้ว รู้ตัวมั่งมั้ยว่าลูกสาวในไส้ตัดพ้อว่า พ่อรักบีมากกว่าตัวเองให้ฉันฟังแทบทุกคืน ฉันสงสารลูกจนพูดไม่ออก เพราะคุณทำตัวน่าเกลียดยังงั้นจริงๆ” วิจิตราค้อนใส่สามี ประมุขนิ่งไปหันไปสบตากับผู้เป็นแม่ คุณหญิงรุจาถอนใจเบือนหน้าไปอีกทาง

+ + + + + + + + + + + +
(อ่านต่อพรุ่งนี้)





กำลังโหลดความคิดเห็น