ในรอยรัก ตอนที่ 14
อุษยาเดินวนไปวนมาครุ่นคิดเรื่องม่านมุกกับจิรดาหลังจากรู้ว่าจิรดาเป็นลูกสาวของม่านมุก...อุษยาหน้ายุ่งคิดไม่ตก
“โอ๊ย ปวดหัวจริงๆ นี่มันอะไรกันเนี่ย แล้วถ้านังปากตลาดนั่นมันเกิดกลายมาเป็นน้องสาวฉันขึ้นมา โอ๊ย...ฉันไม่อยากจะคิด”
เสียงรถแล่นเข้ามาในบ้าน อุษยาชะเง้อมองไปที่หน้าบ้าน แล้วตะโกนเรียกแม่บ้าน
“เอ้า ใครอยู่แถวๆ นี้ไปดูให้ฉันทีสิว่าใครมา”
เวลาผ่านไป...อุษยายังคงเดินง่วนกอดอกใช้ความคิดอยู่เช่นเดิม แม่บ้านเดินค้อมตัวเข้ามาทางด้านหลัง
“คุณผู้หญิงคะ คุณม่านมัสลินมาค่ะ”
อุษยาตกใจหันขวับมาที่แม่บ้านตาเขียวปั๊ด
“นังมัสลิน แล้วแกมาบอกฉันทำไม๊ ไล่มันออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
แม่บ้านก้มหน้างุดขยับจะอธิบาย แต่ก็กลัวเหลือเกิน อุษยาหันไปแหวใส่อีกที
“ไม่ได้ยินที่ฉันบอกหรือไง ยังเฉยอยู่ได้ ฉันบอกให้ไปไล่มัน”
แม่บ้านเงยหน้าตอบอุษยาน้ำเสียงหวาดๆ
“จะไล่ได้เหรอคะ คุณมัสลินเธอมากับคุณกานนน่ะค่ะ”
อุษยาทวนคำพูดของแม่บ้านอย่างประหลาดใจ
“ตาปลิว ตาปลิวเนี่ยนะพานังนั่นมา”
มัสลินเดินตามกานนเข้ามาถึงห้องรับแขกหน้าตาบอกบุญไม่รับ กานนหันหลังมองหน้ามัสลินแล้วหยุดเดิน
“ผมรู้ว่าคุณรู้สึกยังไงกับที่นี่ แต่ผมจำเป็นจริงๆ อาการคุณปู่ดูแย่มาก ท่านพูดแต่ว่าให้ผมไปรับคุณมา”
มัสลินมองหน้ากานน ตอบน้ำเสียงเย็นชา
“รีบพาฉันไปพบคุณปู่ของคุณเถอะ ไม่สำคัญหรอกว่าฉันจะรู้สึกยังไงเสร็จธุระฉันจะได้รีบกลับ คุณยายฉันเองก็ป่วยอยู่เหมือนกัน”
“คุณยายคุณ...” กานนตกใจ
“ท่านไม่ได้เป็นอะไรมาก หน้ามืดเป็นลมตามประสาคนแก่”
“หรือจะให้ผมไปส่งคุณดูอาการคุณยายคุณก่อน”
“แม่ฉันอยู่ที่บ้านสวนแล้ว... จะให้ฉันพบคุณปู่คุณเดี๋ยวนี้เลยรึเปล่า”
มัสลินเข้าเรื่องเพื่อให้เสร็จๆ ธุระไป
“ครับ ...รับรอง ผมไม่ถ่วงคุณไว้นาน”
“ดีค่ะ”
มัสลินประชด กานนสีหน้าหม่นลง
“คุณคอยตรงนี้แป๊บ ผมจะรีบไปบอกคุณปู่”
กานนก้าวไป มัสลินมองตามหลังกานนแล้วจากเชิดๆ อยู่ก็กลายเป็นเครียดไม่ต่างกัน
ที่บ้านสวนของม่านมุก
ม่านมุกกึ่งนั่งกึ่งนอนรับยาหอมจากปิ่นแล้วยกขึ้นดื่ม จิรดามองม่านมุกอย่างเป็นห่วง แต่ก็ปากร้ายใส่เช่นเคย
“เอาแต่กินยาหอม กี่ถ้วยเข้าไปแล้ว แม่อย่าบอกหนูนะว่าที่แม่ไม่ยอมไปโรงพยาบาลเนี่ย เพราะแม่กลัวหมอ”
ปิ่นรับแก้วยาหอมกลับจากม่านมุกวางที่โต๊ะแล้วขยับตัวไปช่วยบีบนวดตามแขนขา
“คุณดาขา อย่าว่าปิ่นอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะคะ ตามใจคุณท่านสักวันเถอะค่ะ คืนนี้ปิ่นจะขึ้นมานอนกับคุณท่านเอง รับรองไม่ให้คลาดสายตา”
“ทำไมฉันต้องเชื่อแกด้วย นี่แม่ฉันนะไม่ใช่แม่แก เป็นอะไรไปแกรับผิดชอบไหวรึเปล่า ไม่รู้ละ ยังไงหนูก็จะพาแม่ไปโรงพยาบาล ลุกค่ะแม่”
จิรดาเดินเข้าไปพยายามจะพยุงให้ม่านมุกลุกขึ้นยืน
“แม่นี่ตัวหนักจริง ไปให้หมอดูแค่แป๊บเดียวเอง เร็วเข้า”
ม่านมุกแกะมือจิรดาออก
“แม่ดา แม่บอกว่าไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นอะไรสิ อย่าฝืนแม่เลย แล้วเรานั่นละนั่งลงซะที แม่มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”
ม่านมุกมองจิรดาสีหน้าจริงจัง จิรดารีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่นั่ง ไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ ตอนนี้แม่ต้องไปหาหมอ ไม่ไปใช่มั้ย งั้นหนูโทรตามหมอมานี่ก็ได้” จิรดาหันหากระเป๋าสะพายตัวเอง “เรื่องสำคัญอะไรตอนนี้ก็ไม่อยากฟังทั้งนั้นแหละ”
“แล้วถ้าแม่บอกว่ามันเป็นเรื่องที่แม่ดาอยากรู้มาตลอดล่ะ” จิรดาก้าวไป
“...แม่ดา” ม่านมุกร้องตาม
จิรดาก้าวไปจากห้อง แต่ยังส่งเสียงมา
“ปิ่น แกไปจัดรถฉันหน่อยสิ ...กระเป๋าคุณท่านอยู่ตู้ชั้นบนใช่ไหม”
ม่านมุกมองตามจิรดาอย่างทดท้อ
“ไม่ฟังแม่เลย ...แม่ดา”
ปิ่นมองม่านมุกอย่างเห็นใจทั้งที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวด้วย
ที่บ้านกานน...มัสลินนั่งรอกานนอยู่คนเดียวที่ห้องรับแขก
อุษยาเดินมาหยุดยืนมองมัสลิน มัสลินรู้สึกแปลกๆ เอะใจหันหลังไปเจออุษยายืนมองตาเขียวอยู่...มัสลินกับอุษยานั่งประจันหน้ากัน มัสลินมองอุษยาอย่างไม่ไว้ใจ
“ที่ฉันถามเธอ ไม่ได้หมายความว่าฉันอยากจะละลาบละล้วงเรื่องของเธอเลยนะ ฉันก็แค่...”
“ไม่จำเป็นต้องอธิบายหรอกค่ะ ประวัติดิฉันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรที่จะพูดถึง ดิฉันขอแค่ความมั่นใจเท่านั้นเองว่าหลังจากที่ดิฉันตอบไปแล้วคุณจะยุติปัญหาระหว่างเราซะที โดยเฉพาะกับแม่ดิฉัน”
“เอาละๆๆ ฉันรับปาก ทีนี้จะบอกมาได้รึยังว่าแม่เธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร”
“ยายดิฉันชื่อม่านมุก ส่วนคุณตา...”
มัสลินนิ่งไป อุษยาตั้งใจฟังอย่างร้อนรน
“คุณตาเธอชื่ออะไร บอกมาสิ”
มัสลินมองท่าทีแปลกๆ ของอุษยาอย่างสงสัย
“...ดิฉันไม่รู้ เราไม่เคยเจอกัน”
“ไม่เคยเจอกัน เธอหมายความว่ายังไง”
“ก็หมายความว่าแม่ฉันเป็นลูกกำพร้าพ่อน่ะสิคะ ทีนี้คุณสบายใจได้รึยังที่ดิฉันไม่ได้มีพวกพ้อง หรือเป็นลูกผู้มีบารมีที่ไหน”
“เธอโกหกฉัน ยายเธอไม่ได้พูดอย่างนี้...”
“ยายฉัน?... นี่คุณไปเจอยายดิฉัน”
“ทำไมฉันจะไปไม่ได้ วิเศษมาจากไหน”
มัสลินลุกขึ้นทันที
“คุณยายเป็นผู้ใหญ่แล้ว สุขภาพก็ไม่ค่อยดี คุณไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอคะที่เอาเรื่องไร้สาระไปให้ ท่านทราบ”
อุษยาลุกขึ้นประจันหน้ามัสลิน
“นี่เธอด่าฉันนะ”
“ไม่ใช่ค่ะ ถ้าใช้คำว่าด่ามันไม่ใช่อย่างนี้แน่”
“มัสลิน!”
มัสลินจ้องอุษยาอย่าง ไม่สะทกสะท้าน แม่บ้านเดินเข้ามา มองอุษยากับมัสลินเหวอ ๆ
“เอ่อ ขอประทานโทษค่ะ คุณท่านให้มาเชิญคุณมัสลินค่ะ”
มัสลินเหลือบสายตาที่อุษยาดูเชิง “เชิญ!”
มัสลินก้าวไปพร้อมกับแม่บ้าน อุษยาทิ้งตัวนั่งลงอย่างสับสน
“นังจิรดามันไม่มีพ่อ ...คุณนายเล็กโกหกฉันเพื่ออะไร” อุษยายิ่งคิดยิ่งกลัว
“ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย... ฉันยังไม่อยากมีน้องสาวเป็นนังปากตลาดนั่น”
มัสลินขึ้นมาหาเจ้าสัวที่ห้อง กานนเปิดประตูรับมัสลินเข้ามาในห้อง มัสลินยกมือไหว้เจ้าสัว เจ้าสัวชันตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง
“ขอบใจที่มา ฉันจะไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลานะ ที่ฉันให้เจ้าปลิวไปรับหนูมานี่ ก็เพราะว่าฉันมีเรื่องอยากจะขอร้อง”
เจ้าสัวเหลือบไปที่กานน
“คือคุณปู่อยากจะรบกวนคุณช่วยพาท่านไปพบคุณยายของคุณ ผมเรียนคุณปู่แล้วว่าคุณยายกำลังป่วย”
“ใช่ค่ะ มัสต้องขอโทษคุณปู่จริงๆ แต่มัสเคยเล่าให้คุณยายฟังเรื่องคุณย่าเล็กของคุณปู่แล้วนะคะ ท่านยินดีจะช่วยคุณปู่เต็มที่ค่ะ”
“รอให้คุณยายหายป่วย แล้วผมจะพาคุณปู่ไปพบท่านนะครับ”
“ฉันรอไม่ได้หรอก นาทีเดียวก็ไม่อยากจะรอแล้ว คุณยายของหนูเป็นความหวังสุดท้ายของฉัน ซึ่งมันก็ริบหรี่เต็มที”
เสียงเจ้าสัวพร่าสั่น มัสลินมองอย่างเห็นใจ โทรศัพท์มือถือดังขึ้นจากกระเป๋ามัสลิน มัสลินหยิบขึ้นมาดูเบอร์
“ขอโทษค่ะ มัสขออนุญาตรับสายแม่ก่อนนะคะ”
มัสลินก้าวห่างออกไป เจ้าสัวหันหากานน
“ช่วยพูดกับเค้าให้ปู่ทีวะเจ้าปลิว”
“แต่...ปู่ครับ”
มัสลินมีสีหน้าตกใจขณะคุยมือถือ
“ค่ะแม่ มัสจะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
มัสลินกดวางสายรีบ ๆ และก้าวกลับมาหาเจ้าสัว
“มัสต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ แม่โทรมาบอกว่าคุณยายตกบันไดตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล มัสต้องขอตัวก่อนนะคะ”
“ปู่ครับ อย่างนั้นผมไปส่งมัสเค้าก่อนนะครับ”
“ปู่ไปด้วย”
เจ้าสัวยันตัวขึ้นยากเย็น มัสลินกับกานนมองหน้ากัน เจ้าสัวงกๆ เงิ่นๆ ลงจากเตียง กานนรุดเข้าช่วย
“ไม่ต้องๆๆ รีบไปกันเถอะ ปู่จะตามไปกับคนรถ ว่าแต่คุณยายของหนูชื่ออะไรล่ะ”
“ม่านมุกค่ะ”
เจ้าสัวนิ่งงันก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองมัสลิน
“หนู... ว่ายังไงนะ”
“คุณปู่คงฟังไม่ถนัด ชื่อจริงคุณยายว่ายังไงนะครับมัสลิน”
“ม่านมุกค่ะ คุณยายชื่อม่านมุก”
เจ้าสัวเซเกาะกานน
มัสลินเดินตรงไปที่ทางออกอย่างเร่งรีบ กานนพรวดพราดก้าวตามจนถึงตัวมัสลิน
“รอผมด้วยสิมัสลิน”
มัสลินหยุด แล้วหันกลับหากานน
“คุณอยู่ดูแลคุณปู่เถอะค่ะ ถ้าท่านอยากจะตามไปเยี่ยมคุณยายก็ตามใจท่านเถอะค่ะ”
“แล้วคุณจะไปยังไงในเมื่อผมเป็นคนไปรับคุณมา”
“ฉันมีทางไปของฉันก็แล้วกันค่ะ”
มัสลินก้าวเดินออกไป กานนจับแขนมัสลินไว้
“คุณกลัวที่จะอยู่กับผมสองต่อสอง”
“นี่ไม่ใช่เวลาจะมาพูดอะไรไร้สาระแบบนี้นะคะ”
“ไม่ไร้สาระหรอก ปัญหาของคุณก็คือปัญหาของผม ผมไม่ปล่อยคุณไปคนเดียวมัสลิน”
กานนดึงมัสลินมากอดไว้ กุเทพเข้ามาเห็นเต็มตา และรีบหลบไปที่มุมหนึ่ง...
มัสลินพยายามดึงดันเอาตัวออกจากวงแขนกานน
“ไปกับผมนะมัสลิน”
มัสลินละมือที่ทั้งผลักทั้งดันกานน จำใจยอม ช้อนตามองขวางกานน กานนยิ้มออก กุเทพพิงหลังกับกำแพง หลับตาอย่างทำใจ
เจ้าสัวชี้นิ้วสั่งอุษยาซึ่งกำลังหยิบยาประจำตัวของเจ้าสัวลงกระเป๋ายา
“ทำไมต้องมาทำเองว๊านังอุษยา ชักช้าจริง ไปเรียกแม่บ้านมันมาทำไป๊ ส่วนแกก็ไปเตรียมรถให้ฉัน”
อุษยาวางของในมือลงแรง ๆ
“นี่พ่อ ถามหน่อยเหอะ พ่อรู้ตัวรึเปล่าว่ากำลังจะระเห็จไปเยี่ยมใคร”
“แกพูดอย่างนี้หมายความว่าไง”
“จะโกรธจะเกลียดหนูก็เอาเลย แต่จะบอกให้แบบไม่เอาบุญว่าคนที่พ่อบอกว่าเค้าตกกะไดนอนป่วยอยู่นั่นน่ะคือแม่ของยัยจิรดา”
“จะแม่ใครพ่อใครฉันไม่สน แค่เค้าให้เบาะแสแม่ม่านมุกกับฉันได้ก็พอแล้ว”
“ยิ่งกว่าให้เบาะแสสิไม่ว่า เพราะเค้าคือคุณนายเล็กของพ่อนั่นละ!”
“นังอุษยา นี่แกพูดอะไรของแก มันชักจะมากเกินไปแล้วนะ”
“หนูไปที่บ้านคุณนายเล็กมา ทั้งเห็นหน้าทั้งคุยกันตัวเป็นๆ พ่อเลิกด่าว่าแล้วก็หยุดฟังหนูบ้างเหอะ”
เจ้าสัวจ้องหน้าอุษยา นิ่งงัน
“เค้าแต่งงานใหม่ มีลูกเป็นยัยจิรดา...ไงล่ะ เปลี่ยนใจไม่ไปเจอเค้าแล้วใช่มั้ย”
อุษยาเอาของออกจากกระเป๋า พลันมีของลอยเฉียดหัวอุษยา
“ว้ายพ่อ ทำไมทำอย่างนี้ โดนหัวหนูเข้าจะว่ายังไง”
“โดนก็ดี นังคนใจร้ายใจดำ แกมันนังแม่มด รู้ทั้งรู้ว่าฉันตามหาเค้ามาตลอดชีวิต แกยังอมพะนำ ไม่บอกอะไรฉันได้ลงคอ”
“พ่อน่ะต้องขอบใจหนูต่างหาก หนูก็แค่หวังดีไม่อยากให้ลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้มาสวมรอยเป็นน้องสาวหนู”
เจ้าสัวชะงักไปขมวดคิ้วหน้านิ่งคิด
“...บางทีแม่จิรดานั่นอาจจะเป็นลูกสาวฉันก็ได้ ใช่...”
“นั่นยังไง หนูว่าแล้วพ่อต้องคิดอะไรตื้น ๆ แบบนี้ หนูก็บอกอยู่นี่ไงว่ายัยนั่นเป็นลูกที่เกิดหลังจากคุณนายเล็กแกแต่งงานใหม่ ดีไม่ดีหนูว่าอาจจะเป็นลูกตาย้งอะไรนั่นก็ได้ ว้าย!”
เจ้าสัวคว้าของปาใส่อุษยาอีก คราวนี้ถูกหัวอุษยาเข้าเต็ม ๆ
“ในหัวแกนี่มีแต่เรื่องต่ำๆ นะนังอุษยา แกนี่มัน”
เจ้าสัวหอบหนัก แต่ยังคว้าของอีก กุเทพเปิดประตูเข้ามา อุษยาร้องเรียกให้ช่วย
“ตากุ ช่วยย่าด้วย ก๋งแกจะฆ่าย่า”
“อะไรกันครับคุณก๋ง ...คุณย่า”
“เจ้ากุ พาปู่ไปที... พาปู่ไป”
เจ้าสัวก้าวเซ กุเทพปราดเข้าจับตัวไว้
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณย่า คุณก๋งจะไปไหน”
อุษยาไม่ตอบ ได้แต่ค้อนเจ้าสัวตาเขียว มือกุมหัว จับตามเนื้อตัวที่โดนของปาใส่
ปิ่นโทรมาบอกพัดเรื่องที่ม่านมุกเข้าโรงพยาบาล
แป้นชะเง้อคอชำเลืองไปที่พัดด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เหรอ ถึงขั้นต้องเข้าเฝือกกันเลยเหรอ”
แป้นทำหน้าตกใจตามพัด
“เข้าเฝือก โถ คุณท่าน”
“แล้วตอนนี้มีใครอยู่ดูแลคุณท่านบ้างล่ะ”
พัดถามต่อ
“โอ้โห ถามตรงได้ตรงใจนังปิ่นเหมือนรู้ว่าฉันอยากเล่า ...ยกโขยงกันมาเพียบเลย”
“เหรอ เพียบเลยเหรอ แล้วใครบ้างล่ะ แกนี่จะเล่าก็เล่าไม่หมดอย่าให้ต้องถามสิวะ”
“ก็นี่แหละที่ฉันจะโทรมาถามพี่พัด ใครเป็นใครก็ไม่รู้ ฉันงงไปหมดแล้ว”
พัดหน้าตาไม่สบอารมณ์
“เอ้า นังนี่ ฉันไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วยแล้วฉันจะไปรู้กับแกด้วยเรอะ”
แป้นพยักเพยิดตามพัด
“จริง ...ใช่ ๆ”
พัดคุยต่อ สีหน้าเป็นห่วงม่านมุก
“ไปเลยแก ไปตามดูแลคุณท่านแล้วกัน มีอะไรคืบหน้าค่อยโทรกลับมาเล่า”
พัดวางสายจากปิ่นหน้าตาครุ่นคิด แป้นรีบยื่นหน้าอย่างอยากรู้อยากเห็น
“น้าปิ่นว่ายังไงบ้างล่ะ”
พัดหันมามองหน้าแป้นหน้าตายังคงคิดไม่ตก
“แกว่าใครกันที่แห่ไปเยี่ยมคุณท่านเป็นโขยง”
“นั่นสิ ปรกติก็น้าปิ่นก็อยู่กับคุณท่านแทบจะตลอดเวลามันจะเป็นใครไปได้นะที่น้าปิ่นไม่รู้จัก ฉันรู้ละ!”
พัดหันมองหน้าแป้นอย่างมีความหวัง
“แกนึกออกแล้วเหรอ ใคร”
แป้นส่ายหัว หน้าซื่อ
“ไม่รู้ดิ แต่แค่นึกออกว่าถ้าน้าอยากรู้เราก็ปิดบ้านแล้วตามไปดูให้รู้ไปเลยสิ ไปนะ ๆ ฉันอยากหยุดงานสักวัน แฮ่”
พัดทำท่าหาของข้างๆ จะขว้างใส่แป้น
“โธ่เอ๊ย นังนี่ ฉันว่าแล้วว่าแกมันคิดอะไรดีกว่านี้ไม่ได้ ไม่น่าถามแกเลยจริงๆ”
แป้นทำหัวหดแล้ววิ่งจู๊ดออกไป
“จะใครก็ช่างเหอะ ขอแค่อย่าสร้างปัญหาเพิ่มขึ้นให้คุณมัสเธอเล้ย”
ที่โรงพยาบาล มัสลินเปิดประตูห้องพักม่านมุกเข้ามา
“ยาย ...ยายเป็นยังไงบ้างคะ”
ทั้งม่านมุกและจิรดาหันไปทางมัสลินพร้อมกัน
“ยัยมัส...”
มัสลินเข้าไปก้มดูเฝือกที่ขาม่านมุก วางมือลงอย่างแผ่วเบา
“เจ็บมั้ยคะยาย”
จิรดาลุกจากเก้าอี้ข้างเตียงย้ายไปนั่งที่โซฟา
“ถามอะไรโง่ ๆ นะนังมัส หญิงเหล็กอย่างยายแกน่ะนะจะเจ็บอะไรกับใครเค้าเป็น”
ม่านมุกยิ้มจางรับคำพูดจิรดา
มัสลินมองอย่างสบายใจขึ้นแล้วเข้าไปกอดแขนม่านมุก
“สงสารคุณยายจังอยู่ ๆ ก็ต้องมาแบกเฝือกให้มันหนักขาอย่างนี้ คราวหน้าคราวหลังถ้าหน้ามืดขึ้นมาละก็อย่าฝืนเดินต่อจนเกิดอุบัติเหตุอย่างนี้นะคะยาย”
“แม่เราเค้าว่าอย่างนั้นหรือ”
“อ้าว ...ถ้างั้นเรื่องจริงมันเป็นยังไงล่ะคะ”
จิรดาค้อนม่านมุกประหลับประเหลือก
“โอเค ๆ ฉันนี่ละที่เป็นต้นเหตุทำยายแกตกบันได”
“อ้าว...”
“ก็อยากดื้อ ไม่ยอมมาหาหมอ ฉันก็เลยทั้งฉุดทั้งลาก ผลก็... อย่างที่เห็น”
“ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยนะคะแม่ ยายแก่แล้ว กระดูกอาจจะไม่ประสานกันเหมือนเดิม”
“เอ๊ะ! แล้วแกจะพูดให้มันได้อะไรขึ้นมา ก็เรื่องมันเกิดไปแล้ว โทษฉันแล้วไง ยายแกลุกมาเดินได้เดี๋ยวนี้มั้ย”
“มัสไม่ได้จะโทษแม่ค่ะ แต่ที่พูดก็แค่ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นอีก”
“นังมัส”
“มัสพูดจริงๆ นะคะแม่”
“พอเถอะลูกยัยมัส ที่เกิดเรื่องขึ้นทั้งหมดทั้งมวลก็เพราะแม่ดาเค้าห่วงยายนั่นละ”
จิรดาตาโต ประหลาดใจ
“โฮะ! ท่าหิมะจะตกเมืองไทย แม่ออกตัวแทนหนูก็ได้ด้วย”
จิรดาทำตาโต ม่านมุกส่ายหน้า ยิ้มหน่ายๆ ให้จิรดา มัสลินพลอยยิ้มไปด้วย
“จริงสิ มัสมัวแต่ห่วงคุณยาย ลืมไปเสียสนิทว่าคุณกานนกับคุณปู่ของเค้ามารอเยี่ยมคุณยายอยู่ข้างนอกโน่นน่ะค่ะ”
รอยยิ้มม่านมุกหายวับ จิรดาขมวดคิ้วมุ่น
“นี่พวกบ้านนั้นมันตามมาหาเรื่องกันถึงที่นี่เชียวเหรอ ได้! อยากมีเรื่องนักใช่มั้ย...แม่จะไล่ให้อายเค้าทั้งโรงพยาบาลเลย”
ม่านมุกจับแขนจิรดาไว้ จิรดารู้สึกถึงมือที่เย็นเยียบของม่านมุกก็หยุดเท้ากึก จับมือม่านมุก
“แม่! เป็นอะไรเนี่ย ทำไมมือเย็นหน้าซีดแบบนี้ ยัยมัสดูสิ”
มัสลินมองอาการม่านมุก แล้วเสียงอ่อย ปรามจิรดา
“แม่อย่าออกไปเลยนะคะ ยายดูไม่สบายใจเลย”
“นี่...แก... เอ้อ... ก็ได้ๆ ฉันไม่ไปไหนแล้ว... ไม่มีอะไรแล้วแม่ หนูไม่ออกไปก็ได้”
ม่านมุกยังคงมีท่าทางเหมือนช็อก พูดอะไรไม่ออก จิรดากับมัสลินมองหน้ากัน ต่างคนต่างห่วงม่านมุก
“มัสจะออกไปบอกพวกเค้านะคะว่าคุณยายไม่สะดวก” มัสลินบอก
“ไม่ต้องคิดแล้ว แกรีบๆ ไปไล่พวกนั้นไปให้พ้นเลย”
มัสลินมองม่านมุก สีหน้าลังเล
ในขณะที่ม่านมุกยังนิ่งงันอย่างใช้ความคิด
อ่านต่อวันพรุ่งนี้