ในรอยรัก
ตอนที่ 15
ปิ่นหลบมุมมาคุยโทรศัพท์โดยป้องปากรายงานข่าวทางโรงพยาบาลให้พัดกับแป้นรู้
“เพิ่มมาอีกหนึ่ง ดูยังไง๊ยังไงก็ไม่เหมือนมาเยี่ยมไข้คุณท่าน”
ปิ่นรายงานเมื่อเห็นเห็นอุษยาก้าวฉับๆ เข้ามาสมทบกับกุเทพ กานน เจ้าสัว
“อาหญิง”
“มองฉันยังกับยักษ์กับมาร ฉันไม่มาทำอะไรแม่ม่านมัสลินของพวกเธอหรอกย่ะ ถึงแม้ว่าแม่นั่นมันจะ...”
“แกอย่าปากเปราะไม่เข้าเรื่องนะนังอุษยา”
กานนฟังเจ้าสัวอย่างไม่เข้าใจ กระซิบถามกุเทพ
“คุณก๋งแกพูดเรื่องอะไรวะเจ้ากุ”
กุเทพสั่นหัว
“ตอนผมเข้าไปก็เห็นทะเลาะกันเละแล้วครับ เหมือนจะเรื่องใหญ่ซะด้วย”
อุษยาหันเซ้าซี้เจ้าสัวแบบไม่กลัวถูกด่า
“กลับกันเถอะพ่อ... ไม่เห็นเหรอว่าเค้าไม่ได้ให้เกียรติเราสักนิด อะไรกัน ปล่อยให้คนแก่ยืนขาแข็งคอย ไปค่ะพ่อ กลับได้แล้ว”
เจ้าสัวหันไปจ้องอุษยาตาเขียวปั๊ด
“แกสิกลับ ใครใช้ให้แกมา”
“พ่อ!”
“อย่านะนังอุษยา อย่าให้ฉันได้ยินเสียงแกอีกทีเชียวนะ ไม่งั้นฉันตัดแกออกจากกองมรดกจริง ๆ ด้วย ไม่เชื่อก็ลองดู”
อุษยาตั้งท่าจะพูดอีก เจ้าสัวเพ่งตาใส่ อุษยาค้อนขวับเจ้าสัวอย่างหมั่นไส้แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรอีก
กุเทพมองไปที่ประตูห้องพักม่านมุกแล้วเอ่ยขึ้น
“ผมเห็นด้วยกับคุณย่านะครับคุณก๋ง เรากลับกันก่อนดีมั้ยครับ นี่ก็ยืนคอยนานแล้ว บางทีคุณยายของมัสอาจจะต้องการพักผ่อน ไม่สะดวกให้เราเข้าเยี่ยม”
เจ้าสัวแทบจะไม่รอให้กุเทพพูดจบก็สวนขึ้นทันควัน
“ไปเลย งั้นแกสองคนก็กลับไปก่อนเลยทั้งคู่ ฉันจะอยู่นี่ก็เรื่องของฉัน ใครไม่อยากอยู่ไม่ต้องอยู่ แกด้วยเจ้าปลิวถ้าไม่อยากอยู่ก็กลับกันไปซะ ไปให้หมด ฉันรอของฉันคนเดียวได้ นานเท่าไหร่ฉันก็จะรอ!”
เจ้าสัวพูดแล้วก็ชำเลืองไปทางกานน
“ที่เจ้ากุกับอาหญิงชวนคุณปู่กลับก็เพราะเป็นห่วงคุณปู่หรอกนะครับ”
เสียงลูกบิดประตูห้องดังขึ้นทุกคนหันไปที่ประตูทันที มัสลินเปิดประตูออกมา
“ถ้าคุณยายคุณไม่สะดวกจะให้เข้าไปก็ไม่เป็นไรนะมัสลิน ผมจะพาคุณปู่กลับ ต้องขอโทษด้วยที่ครอบครัวผมมารบกวน”
กานนบอกมัสลินมองไปที่กลุ่มเจ้าสัว แล้วหันกลับมาที่กานน
“เปล่า ไม่ต้องกลับหรอกค่ะ คุณยายให้ฉันออกมาเชิญพวกคุณ...เข้าไปในห้อง”
เจ้าสัวสีหน้าตื่นเต้นดีใจมาก
ภายในห้องพัก ม่านมุกบีบมือจิรดาแน่น จิรดามองที่มือและหน้าม่านมุกอย่างสงสัย
“แม่เป็นอะไรไปน่ะ บีบมือหนูซะแน่นเชียว”
ม่านมุกจ้องหน้าจิรดาสีหน้าจริงจัง
“แม่ดา สิ่งที่แม่ดาอยากจะรู้มาตลอด เรื่องที่แม่ดาเฝ้าถามแม่แต่แม่ไม่เคยตอบ วันนี้ลูกจะได้รู้ เตรียมใจไว้ให้พร้อมนะลูกนะ”
จิรดายิ่งงงหนักออกอาการเริ่มหงุดหงิด
“ตกลงแม่เป็นอะไรไปเนี่ย เมายาหรือเปล่า หมอให้ยาเยอะไปเหรอ พูดอะไรประหลาด”
ประตูเปิดออก จิรดากับม่านมุกหันไปมองพร้อมกัน กานนประคองแขนเจ้าสัวเข้ามา สายตาเจ้าสัวพุ่งตรงไปที่เตียงม่านมุก เห็นจิรดายืนบังม่านมุกไว้ จิรดามองท่าทีเจ้าสัวงง ๆ กานนยกมือไหว้จิรดา
“เข้ามากันจนได้นะ”
ท้ายประโยคจิรดาปรายตาไปที่ประตู เห็นอุษยาเข้ามาพร้อมกุเทพ กุเทพยกมือไหว้จิรดา กานนแนะนำเจ้าสัวให้จิรดารู้จัก
“คุณปู่ผมครับ... ปู่ครับ นี่คุณแม่ของมัสลินครับ”
เจ้าสัวจ้องหน้าจิรดานิ่ง ม่านมุกน้ำตารื้น เม้มปากสั่นระริก เจ้าสัวเอื้อมมือช้า ๆ ไปแตะแขนจิรดา
“ลูกของม่านมุกใช่มั้ย”
จิรดางงงัน เพ่งมองหน้าเจ้าสัวก่อนจะมองลงที่มือเจ้าสัวซึ่งแตะแขนจิรดาอยู่
“ท่านพูดอะไรของท่าน”
เจ้าสัวยิ้มให้จิรดา
“เหมือนมาก เหมือนอามู่จริง ๆ”
จิรดาหมุนตัวหาม่านมุก เผยให้เจ้าสัวเห็นม่านมุก
“ตกลงแม่จะให้เค้าเยี่ยมรึเปล่าฮึแม่ ...แม่?”
ม่านมุกมองเจ้าสัวนิ่งงัน เจ้าสัวตกตะลึง พูดไม่ออก เมื่อเห็นหน้าม่านมุก ทั้งคู่มองหน้ากันนิ่งงัน เนิ่นนาน
“อามู่...”
จิรดามองเจ้าสัวอย่างสงสัย ขณะที่ม่านมุกยกมืออันสั่นเทาขึ้นไหว้เจ้าสัว
“ดิฉันกราบสวัสดีท่านค่ะ”
เจ้าสัวก้าวเข้าจับมือม่านมุก สะอื้นฮัก
“อามู่...”
ทั้งห้องอยู่ในความนิ่งงัน ม่านมุกน้ำตาไหล จิรดามองม่านมุกกับเจ้าสัว งงงัน ...อุษยาเบือนหน้าหนีอย่างเอือม ๆ แกมหมั่นไส้ กานนกับกุเทพมองหน้ากันไปมา อึ้งสนิท...มัสลินเข้ามาหากานนพร้อมถุงเครื่องดื่ม พูดเสียงเบา
“ฉันคงรับรองพวกคุณได้ดีที่สุดเท่านี้”
กานนรับไปอย่างเบลอ ๆ มัสลินมองท่าทีกานนอย่างสงสัย พอหันมองเจ้าสัวกับม่านมุกก็นิ่งอึ้งไปอีกคน
“อะไรกันน่ะ”
“ในที่สุดก็ได้เจอ ...อามู่ ฉันขอโทษที่เข้าใจผิด ฉันเฝ้าตามหาเธอมาตลอด ไม่นึกเลยว่าเธอจะอยู่ใกล้ตัวฉันขนาดนี้” ม่านมุกนิ่งฟังเจ้าสัว
“ฉันทำผิดกับเธออย่างไม่น่าให้อภัย ทำให้เธอต้องลำบาก”
ม่านมุกส่ายหน้า ยิ้มอ่อนโยนให้เจ้าสัว
“มันผ่านไปแล้วค่ะ ดิฉันไม่เคยคิดติดใจอะไรเลย จะมีก็แค่...”
ม่านมุกหันมาที่จิรดา เจ้าสัวหันมองตาม จิรดาสีหน้ากระอักกระอ่วน เจ้าสัวหันถามม่านมุก
“ที่ว่าเธอแต่งงานใหม่ ...เธอโกหกใช่มั้ย” ม่านมุกนิ่งเงียบ เจ้าสัวมีสีหน้าดีใจ
“หนูจิรดา เป็นลูกของฉันใช่ไหม” ม่านมุกน้ำตาไหล
“อามู่... ทำไม... ทำไมเธอลงโทษฉันได้ขนาดนี้”
เจ้าสัวร้องไห้ออกมา
“ดิฉันขอโทษค่ะ ดิฉันขอโทษ...แม่ดากราบพ่อของลูกซะ”
จิรดาถึงกับอึ้ง เตรียมใจรับไม่ทันมองเจ้าสัวทีม่านมุกที แล้วผลุนผลันออกจากห้องไป มัสลินหันตามจิรดา พอตั้งสติได้ก็วิ่งตามจิรดาออกไป
“แม่คะ!”
ปิ่นยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ตรงทางประตู มัสลินชะงักเท้าหันกลับมาสั่งปิ่น
“น้าปิ่นดูคุณยายด้วย เดี๋ยวมัสมา”
กานนงงงัน จับต้นชนปลาย ด้วยสีหน้าปวดร้าว
อ่านต่อหน้า 2
ในรอยรัก
ตอนที่ 15 (ต่อ)
ประตูลิฟต์เปิดออก มัสลินก้าวออกมาสีหน้าซึมเหม่อ เกือบชนเข้ากับกานนที่ยืนดักรออยู่
“ขอโทษค่ะ! ....คุณเอง?”
“ไม่เจอคุณน้าเหรอครับ”
มัสลินส่ายหน้า
“แม่ไปไหนก็ไม่รู้ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง. ..อ้อ แล้วคุณปู่คุณล่ะ”
“ยังคุยกับคุณยายคุณอยู่เลย ส่วนตากุสติแตกกลับไปกับคุณอาหญิงแล้ว”
“คุณบอกฉันทีสิว่าฉันไม่ได้หูฝาดไปคนเดียว คุณแม่ฉัน เป็นลูกของคุณปู่คุณ” กานนพยักหน้าขรึม ๆ
“แม่ตามหาพ่อบังเกิดเกล้ามาตลอดชีวิต...ไม่นึกเลย...ที่จริงฉันต้องดีใจไปกับแม่สินะ”
มัสลินยิ้มอย่างขมขื่นแล้วทรุดตัวลงนั่งตรงม้านั่งยาว สีหน้าเครียด
“คุณได้โทรตามท่านดูรึยัง” กานนยื่นมือถือให้แต่มัสลินไม่สนใจ
“...ทีนี้ฉันกับคุณควรจะเรียกกันยังไงดีล่ะ ...กับพี่กุก็ด้วย”
“มัสลิน ...นี่ไม่ใช่เวลาที่คุณจะมาพูดตลกนะ ผมบอกให้คุณโทรหาคุณแม่คุณ“
แป้นชะเง้อมองหน้าประตูบ้านได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาจอดก็รีบเอาผ้าที่ถืออยู่ในมือมาทำเป็นเช็ดโต๊ะ พัดยืนอยู่ไม่ไกลเห็นแป้นทำท่าเช็ดโต๊ะก็ปรี่เข้าไปหา
“ฉันขอเตือนแกไว้ก่อนนะ ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็อย่ามาเกะกะแถวนี้ ฉันเพิ่งวางสายจากนังปิ่น พายุใหญ่กำลังจะเข้ามาแถวนี้”
แป้นหยุดเช็ดทำหน้าสงสัย
“พายุอะไรเหรอพี่”
พัดกำลังจะอ้าปากตอบแต่ไม่ทัน จิรดาเดินหน้าเคร่งขรึมเข้ามากระแทกตัวลงนั่ง พัดกับแป้นมองจิรดาแล้วหันหน้ามองกันเอง แป้นรีบวิ่งออกไป พัดค่อย ๆ ขยับตัวเดินออกห่าง...แป้นยกน้ำกลับเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะให้จิรดา
“น้ำเย็นๆ ค่ะคุณดา เผื่อคุณดาจะยิ้มได้มากขึ้น”
พัดเท้าสะเอวมองแป้นแล้วรีบพุ่งเข้าไปดึงแป้นออกมา
“ออกมานี่เลยนังแป้น สะเออะดีนัก”
จิรดายังคงนั่งนิ่งไม่สนใจรอบข้าง มัสลินเดินเข้ามาเงียบๆ แล้วนั่งลงข้างจิรดา...จิรดานั่งซึมน้ำตาคลอ มัสลินเอื้อมไปจับมือจิรดา จิรดาน้ำตาไหล
“มันตลกไหมนังมัส ฉันเคยถามคำถามนี้กับตัวเองมาเกือบทั้งชีวิตว่าพ่อฉันเป็นใคร อยู่ที่ไหน อยู่มาวันหนึ่งฉันก็ได้รับคำตอบ แล้วแถมพ่อฉันเป็นถึงมหาเศรษฐี ฉันเป็นถึงลูกของเจ้าสัวนะนังมัส แต่ทำไม
ทำไมฉันถึงไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด”
มัสลินฝืนยิ้มปลอบใจจิรดายื่นกระดาษให้จิรดาเช็ดน้ำตา จิรดาเช็ดน้ำตาตัวเองแล้วมองหน้ามัสลิน
“แล้วตัวแกเองล่ะจะเอายังไงต่อไป มาทำเป็นฝืนยิ้ม ฉันรู้นะข้างในแกเศร้าแค่ไหน”
มัสลินพยายามสะกดอารมณ์ตัวเองไว้
“มัสจะไปเศร้าอะไรล่ะแม่ มัสออกจะดีใจที่วันนี้แม่ได้รู้ความจริง”
“แล้วแกก็ได้รู้ด้วยเนี่ยนะว่าแกกับกานน....เป็นพี่น้องกัน”
มัสลินนิ่งไปน้ำตาคลอขอตัวจิรดากลับขึ้นห้อง
“มัสขึ้นห้องก่อนนะแม่ เหนียวตัวไปหมด”
มัสลินบอกแล้วลุกเดินออกไปจิรดามองตามหลัง
“เฮ้อ อะไรต่อมิอะไรยุ่งเหยิงอิรุงตุงนังไปซะหมด นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงมีเหล้าไว้ปลอบใจแก้กลุ้ม”
พัดกับแป้นยืนหลบอยู่ที่มุมหนึ่ง พัดส่ายหัวมองไปที่จิรดาอย่างเป็นห่วง
“ไหนล่ะพายุที่พี่ว่า คุณดาเธอออกจะนิ่ง...สงบ แปลกจริง”
พัดมองหน้าแป้นออกอาการรำคาญ
“จะไม่ให้นิ่งได้ยังไง เป็นใคร ๆ ก็ต้องงง อยู่ดี ๆ ก็มีญาติโผล่ขึ้นมาตั้งโขยง ไหนจะพ่อ ไหนจะพี่ ไหนจะหลาน ไม่นิ่งก็ต้องนิ่งแหละงานนี้”
แป้นทำท่าทางนับนิ้วไล่ญาติตามที่พัดพูดแล้วทำท่าปวดหัว
คืนนั้นเจ้าสัวในชุดนอนอยู่บนเตียง มีอุษยาจัดข้าวของ ขวดยา น้ำ แก้วน้ำวางไว้ให้
“ผมว่าคุณปู่นอนเถอะครับ พักผ่อนมากๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่” กานนบอก
“ไม่ได้ๆ ฉันจะไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปเปล่าๆ แบบที่ผ่านมาอีกแล้ว ปลิว...แกช่วยจัดการอะไรให้ฉันหน่อย”
กานนรีบเดินเข้าไปหาเจ้าสัวที่ข้างเตียง
“ครับคุณปู่”
“แกฟังฉันให้ดี พรุ่งนี้เช้าแกรีบไปโรงพยาบาลจัดการเรื่องย้ายห้องคุณยายเล็กแกไปอยู่ที่ห้องวีไอพี แล้วเอาเด็กที่บ้านเราไปช่วยกันดูแลบ้านเค้าในระหว่างที่เค้าอยู่โรงพยาบาล ขาดเหลืออะไรก็จัดการให้ดีที่สุด”
“ครับคุณปู่”
“อย่าลืมเรื่องทนายสมพล ให้เค้ามาพบฉันด่วนเลย เค้ารู้แล้วใช่มั้ยว่าฉันจะแก้พินัยกรรม”
“ครับผมโทรแจ้งเค้าแล้ว”
“ม่านมุก จิรดา และม่านมัสลินต้องได้สิ่งที่ดีที่สุด ทดแทนกับความผิดที่ฉันทอดทิ้งพวกเค้ามานานแสนนาน”
กานนมีสีหน้าหม่นลงเมื่อได้ยินชื่อมัสลิน เจ้าสัวหันไปทางอุษยาที่ฟังอยู่อย่างกล้ำกลืน
“ส่วนแกนังอุษยา” อุษยาสะดุ้งเฮือก
“หนูยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะคะ พ่อจะหาเรื่องอะไรหนูอีก”
“อุวะนังนี่ ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรแกสักแอะ ฉันต้องการให้แกเป็นแม่งาน ได้มั้ย”
“งานเลี้ยงเปิดตัวแม่ลูกสาวคนเล็กของพ่อเนี่ยนะ ไม่เอาละ”
“ฉันว่าแล้วว่าต้องได้ยินอย่างนี้ ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” เจ้าสัวซึมลงทันที
“โฮ้ยก็ได้ๆๆๆ เอะอะใช้ไม้ตาย ไม่ด่าก็ทำเป็นเศร้า”
“แกรับปากฉันแล้วนะ”
“ค้า! แต่หนูว่าพ่อช่วยกรุณาไปถามแม่จิรดาอะไรนั่นก่อนดีไหมคะ ว่าเขาจะยอมให้เราจัดหรือเปล่า หยิ่งผยองจองหองซะขนาดนั้น หนูกลัวว่าเราจะหน้าแตกกันเอง ดูสิแค่จะยกมือไหว้ยังไม่ยอมเลย”
“แกก็ต้องเข้าใจน้อง เค้าไม่เคยเจอฉันมาทั้งชีวิต จะให้รับอะไรได้ง่ายง่ายมันก็แปลก”
“น้อง? โอย...จะขย้อน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตฉัน โอย...”
อุษยากับเจ้าสัวโต้ตอบกันไปมา กานนเลี่ยงออกไปเงียบๆ ไม่มีใครเห็น...กานนมองเจ้าสัวและอุษยาแอบถอนหายใจแล้วเดินเลี่ยงๆ ออกไปจากห้อง
กานนขับรถออกจากบ้าน คำพูดของอุษยาดังก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา
“ส่วนแกตาปลิว ตอนนี้แกกับนังมัสลินก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันไปโดยปริยาย”
กานนสะบัดหัวตัวเอง
“ไม่ เราจะเป็นพี่น้องกันได้ยังไงมัสลิน ในเมื่อผมรักคุณแบบนั้นไม่ได้”
กานนขับรถมาจอดหน้าบ้านมัสลินแล้วแหงนหน้ามองไปที่หน้าต่างห้องมัสลินหน้าเศร้า
“มัสลิน ผมควรทำยังไงดี”
ด้านมัสลินมองกานนจากหน้าต่างห้องตัวเอง
ฝนเริ่มลงเม็ดกานนยืนอยู่ข้างรถตัวเองเงยหน้าขึ้นมองมัสลิน
“มัสลิน บอกผมที ผมจะทำใจให้ไม่รักคุณได้ยังไง”
กานนมีสีหน้าเจ็บปวด มองมัสลินด้วยความทรมาน
จิรดาได้ยินเสียงฟ้าร้องจึงหันไปทางหน้าต่าง เห็นม่านยังเปิดอยู่จิรดาลุกจากเตียงเดินไปจะปิดม่าน ตามองไปนอกหน้าต่างเหลือบเห็นกานนยืนอยู่ด้านล่าง
“คุณกานน”
จิรดานิ่งไปเมื่อเห็นสายตาที่กานนมองขึ้นมาทางหน้าต่างห้องมัสลิน
เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่ด้านหลัง จิรดาหันไปที่ประตูเห็นพัดเดินหอบผ้าที่พับแล้วเข้ามาก็ขยับตัวจะเดินเข้าไปหาแต่เกิดหน้ามืดเซเกาะขอบหน้าต่าง พัดทิ้งผ้าในมือแล้วรีบวิ่งเข้าไปประคองจิรดา
“อ้าว คุณดา คุณดาเป็นอะไรไปคะ”
เวลาผ่านไป...จิรดานอนอยู่บนเตียงมีพัดเอายาดมมาอังให้ที่จมูก
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรหรอก คงจะเครียดไปพักนี้นอนไม่ค่อยหลับด้วย”
พัดนั่งบีบนวดมองหน้าจิรดาอย่างเป็นห่วง
“คุณดาหายาบำรุงมาทานบ้างก็ดีนะคะ อาจจะช่วยได้” จิรดานิ่งไปเหมือนกำลังนอนคิดอะไรสักอย่าง “หลับเถอะค่ะ หยุดคิดเรื่องเครียด ๆ ไว้ก่อน”
จิรดาลุกพรวดขึ้นมานั่งจ้องหน้าพัดแล้วถาม
“โบราณเขาว่าผงเข้าตาตัวเองเขี่ยไม่ออก แกช่วยเขี่ยให้ฉันทีสิ”
พัดทำหน้างง ๆ ยื่นคอเข้าไปใกล้หน้าจิรดา
“ไหนคะผง มองไม่เห็นเลย”
“ฉันจะทำยังไงดี ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ฉันควรจะบอกความจริงกับยัยมัส ว่า...ฉันไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของมัน มันจะได้สบายใจเรื่องกานน”
พัดเบิกตาโพลงแต่หน้าเศร้าเมื่อนึกถึงมัสลิน
“สบายใจเรื่องคุณกานน แต่คุณมัสจะรู้สึกยังไงคะที่จู่ ๆ จะต้องรู้ว่าตัวเองไม่มีแม่”
จิรดาอึ้งนิ่งไป
อ่านต่อวันพรุ่งนี้