ติดตามอ่านละครออนไลน์ ได้ทาง www.manager.co.th ทุกวัน
รอยมาร ตอนที่ 16
อุปมาพาวิมาดาไปคุยที่มุมหนึ่งของบ้าน อุปมามองอย่างรำคาญ
“วิเลิกเล่นละครซะทีเถอะ คุณรู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร ยังไงคุณก็ไม่มีทางทำลายงานแต่งของผมกับเมได้เด็ดขาด”
วิมาดาไม่แคร์ บีบน้ำตา
“มาร์คไม่ได้รักเมธาวี มาร์คแค่ทำตามความต้องการของพ่อ มาร์คทำไปเพราะอยากประชดวิ สอนบทเรียนให้วิ แต่วิรู้ว่ามาร์คยังไม่ลืมวิ เหมือนที่วิไม่เคยลืมมาร์คเลย...”
อุปมามองวิมาดาด้วยหน้านิ่งขรึม วิมาดาสวมกอดมาร์คอีกครั้ง
“วิรักมาร์ค ได้ยินมั้ยคะ วิรักมาร์ค”
วิมาดาซบอกอุปมา ร้องไห้สะอึกสะอื้น มาร์คหน้านิ่งไร้ความรู้สึก ยอมให้วิมาดากอดอยู่อย่างนั้น บารมีจับตามองอยู่ถอนใจส่ายหน้า กับความโลเลของลูกชาย หัสดินร้อนใจ
“เอายังไงดีครับคุณลุง”
โทรศัพท์มือถือบารมีดังขึ้น บารมีดูเบอร์โชว์ เห็นชื่อ “devil” บารมีกดรับโทรศัพท์ เสียงนิ่งๆ
“ว่ายังไง กำลังจะเคลื่อนขบวนอยู่เดี๋ยวนี้ล่ะ”
“หยุดขบวนขันหมากไว้ก่อน พี่รีบมาที่บ้านผมเดี๋ยวนี้เลย”
“มีเรื่องอะไร”บารมีฟังอย่างแปลกใจ
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ ยืนเลือกชุดในตู้เสื้อผ้าไปมาอย่างตัดสินใจไม่ถูก เสียงเคาะประตูดังขัดขึ้น สไบนางชักหงุดหงิด
“กำลังแต่งตัวอยู่ค่ะ”
“ฝนเอง”
สไบนางยิ้มดีใจรีบไปเปิดประตูห้องให้
“มาได้เวลาเลยฝน ช่วยบีเลือกชุดหน่อยสิ แต่งตัวไม่ถูกแล้วขี้เกียจไปขโมยซีนใคร”
หยาดฝนหน้าตาซีเรียส จับมือสไบนางเอาไว้
“เธอเป็นอะไรฝน มือเย็นเฉียบเลย”
“ฝนได้ยินผู้ใหญ่คุยกันที่ห้องทำงานว่าพี่เมหายไป”
สไบนางแปลกใจ
“จะหายไปไหน” สไบนางเหยียดปากดูถูก “นี่อดใจไม่ไหวขนาดหนีตามนายนั่นไปแล้วเรอะ”
“ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะบี...ฝนมาถึงพร้อมๆกับลุงมี คุณป้าจิตราพูดถึง พี่เมตาแดงๆ แล้วพากันเข้าไปคุยในห้องทำงาน”
สไบนางชักไม่ตลกแล้ว
“แล้วเธอได้ยินอะไรอีก”
“ฝนได้ยินยายจันทร์คุยกับคุณบังอร ว่าตามหาพี่เมจนทั่วบ้านก็ไม่เจอ”
สไบนางนิ่งไปอย่างใช้ความคิด หยาดฝนร้อนใจ เป็นห่วงแทน
“พี่เมหายไปจริงๆเหรอบีแล้วงานแต่งวันนี้ จะทำยังไง”
สไบนางร้อนใจรีบไปเปิดตู้เสื้อผ้า คว้าชุดอะไรใกล้มือมาได้ก็ใส่ไปก่อน
+ + + + + + + + + + + +
บังอรกับลุงแก้ว ถูกเรียกมาสอบถามในห้องทำงาน...อุปมา บารมี คุณหญิงรุจา ประมุขและวิจิตราอยู่กันพร้อมหน้า ทุกคนดูเคร่งเครียด
“ประมาณซักตี 4 ได้ครับ ผมได้ยินเสียงรถหน้าบ้านเลยออกไปดู”ลุงแก้วเล่า
“แล้วเห็นรถใคร”วิจิตราถามอย่างร้อนใจ
“ไม่ทันเห็นครับ พอจะกลับไปนอนก็เห็นประตูหน้าบ้านเปิดแง้มเอาไว้ ผมก็ไปปิดประตู คิดว่าใครคงลืมปิด”
วิจิตราส่ายหน้าไม่พอใจ
“ไม่ได้เรื่อง”
“คุณเมจะออกไปทำไมตอนตี 4”อุปมาถามขึ้นอย่างสงสัย
“ลูกเมไม่ไปไหนเองแน่ๆ อยู่แล้วล่ะ คนเข้าบ้านคนสุดท้าย แล้วมักง่ายไม่ปิดประตูจะมีใครนอกจากแม่บี” วิจิตราใส่ไฟอย่างเกลียดชัง
“ไม่ใช่หรอกค่ะ คุณบีนอนไม่หลับออกไปเดินเล่นที่สนามตอนประมาณเที่ยงคืนได้ บังอรเป็นคนปิดประตูบ้านให้เอง”บังอรแย้ง
อุปมาสงสัยปนเป็นห่วง
“แล้วเมจะไปไหน”
“ตอนนี้เราไม่มีเวลามาถามถึงใครทั้งนั้นล่ะ...อย่างนี้ เขาเรียกว่าอะไรครับคุณน้า พวกอัคราชกำลังลองดีกับผมใช่มั้ย” บารมีเสียงเครียด
ทุกคนในห้องเงียบกริบ
“จิตราพาบังอรกับลุงแก้วออกไปก่อนไป”คุณหญิงรุจาบอกเรียบนิ่ง
วิจิตราไม่พอใจ
“หนูจะอยู่คุยด้วยค่ะคุณแม่”
“แขกเหรื่อมาแล้วใครจะรับหน้า”
วิจิตราจนด้วยเหตุผล สะบัดหน้าพรืดออกไปจากห้อง พร้อมบังอรและลุงแก้ว คุณหญิงรุจากำชับตามไป
“รับรองแขกที่ซุ้มสนามก่อนนะจิตรา อย่าเพิ่งให้ขึ้นมาบนบ้าน”
ทางด้านสไบนางจะเดินมาแอบฟังการสนทนาที่ห้องทำงาน เห็นวิจิตราเดินปึงปังหน้าบูดออกมา สไบนางรีบวิ่งไปหามุมหลบซ่อนตัว บังอรเดินคุยกับลุงแก้วหน้าเครียดๆ ตามออกมา
“จะให้ผมไปรับพระรึเปล่า เดี๋ยวจะไม่ทันฤกษ์นะครับ”ลุงแก้วดูนาฬิกาข้อมือ
บังอรหนักใจ
“เจ้าสาวยังหาตัวไม่เจอเลย”
“แล้วเอายังไงดีครับคุณบังอร”
“ลุงแก้วไปรอที่วัดก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันถามคุณท่านแล้วจะส่งข่าว”
“ครับคุณบังอร”ลุงแก้วรีบเดินลงไปจากบ้าน
บังอรถอนใจออกมาอย่างหนักใจ แล้วรีบเดินออกไปทางหน้าบ้าน สไบนางออกจากที่ซ่อนแล้วรีบเดินไปทางห้องทำงาน
+ + + + + + + + + + + +
ในห้องทำงาน...บารมีโวยใส่ประมุขทันทีอย่างโกรธจัด
“แกคนเดียวเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบกับเรื่องทั้งหมด...ฉันให้โอกาสแกแล้ว ไม่นึกเลยว่าแกกลับใช้โอกาสนี้เล่นงานฉัน แกรอรับความหายนะไว้ได้เลยไอ้มุข”
ประมุขหน้าซีดเผือด
“พี่มี”
คุณหญิงรุจาลำบากใจ กลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ ขณะที่อุปมาจ้องประมุขเขม็งสายตาชิงชัง
“แล้วงานวันนี้ จะทำยังไงพ่อมี” คุณหญิงรุจาถามอย่างอ่อนใจ
“คนบ้านอัคราชต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์ทั้งหมด ผมกับลูกจะทนอายในวันนี้ ผมจะสะสมรวมกับอดีตแล้วคิดบัญชีให้สาสม”บารมีเสียงดังเคียดแค้น
ประมุขชักเหลืออด เกรี้ยวกราดคืนบ้าง ยืนเผชิญหน้า
“เอาเลยพี่มีแต่พี่อย่าลืม ว่าผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ถ้าพี่จะแลกกับผมก็เอาเลย”
“ประมุข หยุดพูดเดี๋ยวนี้ แทนที่จะช่วยกันคิดหาทางแก้ปัญหา กลับเป็นไปด้วยอีกคน อยากเห็นแม่ช้ำใจไปถึงไหน” คุณหญิงรุจาน้ำตารื้นด้วยความกดดัน
ประมุขเครียดจนระเบิด
“โอ๊ย เมมันหายหัวไปไหนของมันวะ ลูกอกตัญญู มันทิ้งพ่อ ทิ้งครอบครัว เอาตัวรอดคนเดียวรึไง”
สไบนางเปิดประตูเข้าห้องทำงานมาทันที ทุกคนหันมอง
“บีเข้ามาทำไมลูก” บารมีเสียงอ่อนโยนลง
“บีเป็นห่วงคุณย่าค่ะ” สไบนางตอบเสียงเรียบๆ เดินไปหาคุณหญิงรุจาจับกุมมือย่าเอาไว้
ประมุขตัดใจเสนอไอเดียแย่ๆ เพื่อแก้สถานการณ์ไปก่อน
“เรายังมีบีอีกคน”
สไบนางงงๆ คิดตามไม่ทันนัก บารมีโกรธจนหน้าแดง
“ไอ้มุข...ไอ้คนเห็นแก่ตัว ขายลูกไม่ได้ คิดจะขายหลานแทน นรกอะไรส่งแกมาเกิดวะ”
ประมุขจ้องหน้า
“ถึงยังไงบีก็คืออัคราช ต้องมีส่วนชดใช้เหมือนกับผม”
สไบนางสงสัย
“จะให้บีทำอะไรคะคุณลุง”
“เป็นเจ้าสาวแทนพี่เม ถ้าไม่อยากอับอายขายหน้า ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว”
สไบนางตกใจมาก ขึงขังเอาจริง
“ไม่มีทาง บีไม่ยอมเด็ดขาด ถ้าบังคับบี บีจะหนีไปเลย”
ประมุขเลือดขึ้นหน้า ชี้หน้าสไบนาง
“ถ้าแกคิดเอาตัวรอด หนีไปแบบเมอีกคน ฉันจะประกาศให้ทุกคนรู้เลยว่า...”
คุณหญิงรุจากับบารมีตกใจพูดพร้อมกัน
“เจ้ามุข”
“ไอ้มุข”
ประมุขสะแหยะยิ้มสะใจ
“ตกลงฉันยอมแพ้แก ขออย่างเดียว ขอให้แกหยุดความชั่วร้ายของแกไว้แค่นี้”บารมีจ้องหน้าประมุข สายตาเหยียดหยาม
สไบนางหันมาอ้อนวานทางบารมี
“บีไม่แต่งงานนะคะคุณลุง”
บารมีลำบากใจ เห็นใจหลานสาว
“แค่เล่นละคร ทำไม่ได้รึไง...”อุปมาเครียดเลยโวยออกมาบ้าง “ให้ตายเถอะ ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงไทยจะชั่วร้ายเหมือนกันหมด หาซื่อสัตย์ไม่ได้ซักคน”อุปมาเจ็บใจ
สไบนางมองอุปมาโกรธเกลียด
“ก็นายมันโง่ยอมให้ผู้หญิงหลอกเอง ช่วยไม่ได้ พี่เมไม่ใช่วิมาดา เมียน้อยคู่ขานาย ทำไมไม่คิดว่าพี่เมจะมี เหตุผลอื่นมั่งล่ะ”
อุปมาถลึงตาใส่สไบนาง โกรธจัด สไบนางสะใจ
“บางทีพี่เมอาจจะตาสว่างขึ้นมาทันเวลาก็ได้ จงใจหนีเพราะไม่อยากแต่งงานกับคนอย่างนาย”
อุปมาจ้องหน้า ไม่พอใจแกล้งคืน
“ตกลงครับพ่อ ผมจะแต่งงานกับเด็กบ้านี่”
สไบนางโวยใส่ทันที
“แกซิบ้า ฉันไม่ยอมแต่งงานกับผู้ชายอย่างแกหรอก”
“คิดว่าฉันพิศวาสอยากแต่งกับเธอนักเหรอ ฉันถือว่าแต่งแก้เคล็ดล้างซวย”
สไบนางโกรธจี๊ด สวนทันที
“ฉันตะหากที่ซวย”
คุณหญิงรุจาเครียดสุดๆพูดเสียงดังขึ้นมา
“หยุดทั้งคู่เลย...ออกไปกันก่อนไป ผู้ใหญ่มีเรื่องต้องตกลงกัน”
สไบนางถลึงตาใส่อุปมา
“ไอ้หน้าโจร”
สไบนางเดินปึงปังนำออกไป บารมีพยักหน้าให้ลูกชาย อุปมาถอนใจเดินออกไปจากห้องทำงานอีกคน คุณหญิงรุจาหันมองประมุขและบารมี
“เรามาคุยกันแบบผู้ใหญ่ ใช้เหตุใช้ผลหมดเวลามาโต้คารมแล้ว”
คุณหญิงรุจาเหนื่อยใจ
+ + + + + + + + + + + +
วิจิตราฉีกยิ้มไหว้รับแขกไปมาอยู่หน้าบ้าน
“ตายแล้วคุณหญิง อุตส่าห์มา เพิ่งกลับจากอังกฤษเมื่อคืนนี้เองไม่ใช่เหรอคะ”
“เหนื่อยแค่ไหนก็ต้องมาค่ะ”
“ขอบคุณมากค่ะคุณหญิง ทานของว่างด้านในก่อนนะคะ”
ลูกๆหลานๆ เข้ามาต้อนรับแขกคนนั้นเดินเข้าไป หม่อมเกศและกมลฉัตรเดินเข้างานมา
“สวัสดีค่ะหม่อม...”
วิจิตรารับไหว้กมลฉัตร
“รดน้ำไปแล้วรึยังคะ”หม่อมเกศถามยิ้มแย้ม
วิจิตรายิ้มแหยๆ
“ยังเลยค่ะ”
กมลฉัตรโล่งใจ
“ฉัตรนึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว”
“ฤกษ์คลาดเคลื่อนนิดหน่อยน่ะค่ะ น่าจะอีกซักครึ่งชั่วโมงนะคะ”
วิจิตราฉีกยิ้มเจื่อนๆฝืนๆไป
ในห้องทำงานผู้ใหญ่ยังคงปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด
“ผมไม่เห็นด้วย หนูบีไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย เธอไม่ควรเสียหายเพราะเรื่องนี้”บารมีบอก
“บีคืออัคราชคนหนึ่ง ก็ต้องร่วมชดใช้ด้วย”ประมุขยืนยัน
“พูดเห็นแก่ได้”
“ถ้าพี่ไม่ยอมรับบีเป็นเจ้าสาว หนี้สินทั้งหมดก็ถือว่าหายกัน”
บารมีจ้องหน้าประมุข คุณหญิงรุจาหนักใจ
“นี่ไม่ใช่เวลามานั่งทะเลาะกันแล้วนะ ช่วยกันคิดหาทางแก้ไข ปัญหาเฉพาะหน้าให้ได้ก่อนจะดีกว่า”
“ผมก็หาทางออกให้อยู่นี่ไงครับคุณแม่...ลูกชายพี่ก็ไม่ได้รักอะไรยัยเมอยู่แล้ว ยอมแต่งเพื่อความสาแก่ใจของพี่เท่านั้น จะเปลี่ยนเจ้าสาวเป็นอัคราชคนไหนก็มีค่าเท่ากัน”
บารมีสบตากับคุณหญิงรุจา
“จะเอายังไงก็รีบตัดสินใจ แขกเหรื่อมากันเต็มบ้านแล้ว ผมไม่อยากขายขี้หน้าเอาตอนแก่” ประมุขพูดอย่างเซ็งๆ
“ไม่ว่าจะงานล่มหรือเปลี่ยนตัวเจ้าสาว มันก็ขายขี้หน้าไม่ต่างกันหรอก” คุณหญิงรุจาแย้ง
“ต่างซิครับคุณแม่”ประมุขจ้องหน้าบารมี “ถ้างานแต่งล่มเพราะพี่ไม่รับยัยบีเป็นเจ้าสาว มันก็เท่ากับว่าพี่ปฏิเสธการใช้หนี้ ยอมยกหนี้สินทั้งหมดให้ผมเอง”
บารมีจ้องหน้าประมุข แววตาชิงชัง
“ขบวนขันหมากจะมาถึงหน้าบ้านแก ภายใน 15 นาที”
+ + + + + + + + + + + +
เมื่อตกลงกันได้ อุปมา บารมี และคุณหญิงรุจา ยืนคุยปรึกษากันอย่างเคร่งเครียด ที่ห้องรับแขกเล็กก่อนจะไปเคลื่อนขบวนขันหมากมา
“งั้นเดี๋ยวผมกับมาร์คจะหลบออกไปทางหลังบ้าน แล้วเคลื่อนขบวนมาเลยนะครับ”
คุณหญิงรุจาพยักหน้ารับ
“ทางนี้น้าจัดการเอง เอาพิธีหมั้นให้รอดไปก่อน”คุณหญิงรุจาถอนใจออกมาอย่างหนักใจ
ทันใดนั้นสไบนางวิ่งพรวดพราดเข้ามาตื่นเต้นดีใจ
“บีไม่ต้องแต่งงานแล้ว”
อุปมาหน้าตื่นดีใจมาก
“คุณเมกลับมาแล้วเหรอ”
“เปล่า”
อุปมาหน้าเสียไปทันที
“อ้าว...แล้วจะให้ใครเป็นเจ้าสาวล่ะ”คุณหญิงรุจาถามอย่างแปลกใจ
“ถ้าให้บีแต่งงานกับ”สไบนางจงใจเรียกให้หวานหู “คุณพี่มาร์ค...เรื่องนินทา จะยิ่งหนักขึ้นกว่างานแต่งล่ม”
“ทำไมล่ะ”บารมีไม่เข้าใจ
สไบนางยิ้มมั่นใจ
“ถึงแขกครึ่งงานจะไม่รู้จักว่าพี่เมหน้าตายังไง บีหน้าตายังไง แต่แขกอีกครึ่งงานรู้และรู้ด้วยว่า...”สไบนางยิ้มหวาน “คุณพี่มาร์คกับน้องบี เป็นพี่น้องกัน”
คุณหญิงรุจาและอุปมาผงะไปเล็กน้อย แต่บารมีสีหน้านิ่งเครียดกว่าใคร
“จริงด้วยซิ ย่าลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย”
“พี่น้องใกล้กันมากๆด้วยค่ะคุณย่า เหมือนให้บีแต่งกับพี่ทศยังไงยังงั้นเลยล่ะค่ะ น่าเกลียด นึกแล้วจั๊กจี้ คราวนี้ได้โดนนินทาสองเด้งไปเลยค่ะ”
คุณหญิงรุจาชักไม่สบายใจ
“ก็ใกล้กันเกินไปจริงๆนะ ถึงจะแค่เล่นละคร ก็ตะขิดตะขวงใจเกินไปหน่อย พ่อมีว่ายังไง”
บารมีเครียดไปอย่างเห็นได้ชัด หน้านิ่วคิ้วขมวด
“ถ้าล้มงานก็เข้าทางอาประมุข ถือว่าเราไม่รับชำระหนี้เองนะครับพ่อ”อุปมาบอก
สไบนางโมโห
“พวกตัณหาจัด น้องสาวคลานตามกันมา ยังจะจับทำเมีย”
“ทีคราวเนี้ย ยอมรับฉันเป็นพี่ได้นะ”
อุปมาและสไบนางจ้องหน้ากัน บารมีถอนหายใจ
“ถ้าพ่อจะบอกว่าความจริงแล้ว เราสองคนไม่มีความเกี่ยวพันกัน ทางสายเลือดเลยล่ะ เราจะว่ายังไง”
ทุกคนหันมองหน้าบารมีด้วยความประหลาดใจ บารมีถอนใจออกมาอย่างเคร่งเครียด แล้วเล่าเรื่องในอดีตให้ฟังว่าเศรษฐีเทียนอยากได้ลูกผู้หญิงมาก แต่แม่เขาแท้งถึง 3 ครั้งแล้ว จึงมีลูกไม่ได้อีก เมื่อไปทำบุญที่วัด ได้พบเด็กที่ถูกนำมาทิ้งไว้ จึงรีบเลี้ยงเป็นลูกตลอดมา...
อุปมาและสไบนาง ยืนฟังเงียบ หน้าตาอึ้งๆ คุณหญิงรุจาเงียบกริบไปเลย
“พ่อกับแม่แอบเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้เป็นลูก ตั้งชื่อว่าศรีอำไพ...ไพมีพรสวรรค์ด้านร้องรำทำเพลง ต่างจากครอบครัวชาวสวนแท้ๆ ของบุญอนันต์”
สไบนางน้ำตาคลอๆขึ้นมา
“ไม่มีคนรู้ว่าแม่แท้ง แม่เก็บตัวเงียบไม่ออกจากห้อง เด็กคนนี้สวมรอยได้พอดิบพอดี...”บารมีหันมองคุณหญิงรุจา “นอกจากเราสามคนแล้ว ก็ไม่มีคนรู้เรื่องนี้แม้แต่ตัวไพเอง”
อุปมาทรุดตัวนั่งลงอย่างพยายามตั้งสติ บารมีมองคุณหญิงรุจาตาแดงๆ
“ผมคิดว่าความลับเรื่องนี้จะตายไปพร้อมกับผม ไม่นึกเลยว่าผมจำเป็นต้องรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีกเพื่อรักษาชื่อเสียง ให้ลูกกับหลาน”
สไบนางวิ่งน้ำตาไหล ออกไปจากห้องรับแขกเล็กทันที เพราะหลีกเลี่ยงการแต่งงานไม่ได้แล้ว
“บี...”คุณหญิงรุจารีบตามหลานสาวออกไป
อุปมานั่งหน้าเครียด เหลือบตามองบารมี
“งานแต่งวันนี้แค่ละครฉากเดียว พ่อคงไม่ได้คิดให้ผมกับยัยเด็กบ๊องนั่นแต่งงานอยู่กินกันจริงๆ หรอกนะครับ”
บารมีหน้าเครียดเดินไปตบบ่าอุปมา แล้วเดินนำออกไปจากห้อง ไม่ตอบอะไร อุปมาอึ้งไปเลยมองตามพ่อไปงงๆขยี้หัวตัวเอง
“เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตกูวะเนี่ย”
อุปมาตบโต๊ะโครม
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางร้องไห้ สวมกอดคุณหญิงรุจาที่นั่งอยู่บนเตียงตน ส่วนประมุขยืนมองอยู่ สไบนางพยายามปฏิเสธ
“บีไม่แต่งนะคะคุณย่า บีไม่อยากแต่งงาน บีเกลียดไอ้มาร์ค บีเกลียดมันค่ะคุณย่า”
คุณหญิงรุจาอึดอัดใจ สงสารหลาน
“อย่าพูดถึงพี่เขาแบบนั้นสิบี”
สไบนางหันมองประมุข
“บียังมีความฝันอีกเยอะแยะ มันไม่ใช่เวลา แต่งงานของบี นี่คุณลุงรักหน้าตัวเองมากขนาดยอมแลกกับอนาคตของบีเลยเหรอคะ”สไบนางน้ำตาท่วม
ประมุขมองสไบนางด้วยสายตารักและเห็นใจ
“นี่ไม่ใช่แค่การแต่งงานธรรมดานะบี แต่มันคือการล้างหนี้ให้กับตระกูลของเรา”
คุณหญิงรุจาน้ำตาคลอๆ อึดอัดใจที่สุด ประมุขพยายามเกลี้ยกล่อมสไบนางต่อ
“ถ้าบีไม่ยอมแต่งงานแทนพี่เม เราจะล้มละลาย บ้านก็จะไม่มีให้ซุกหัวนอน คุณย่าก็จะต้องลำบากไปด้วยนะลูก”
สไบนางมองหน้าย่า คุณหญิงรุจาน้ำตาพาลจะไหลออกมา รีบซับออกแล้วหันไปทางอื่นแทน ประมุขกล่อมต่อ
“ทำเพื่อคุณย่ากับลุงซักครั้งได้มั้ยบี ถือว่าขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน แล้วค่อยหาทางแก้ไขกันทีหลัง”
สไบนางร้องไห้โฮออกมา สวมกอดย่าเอาไว้ด้วยความลำบากใจ คุณหญิงรุจาได้แต่ลูบผมลูบหลังด้วยความสงสารหลานสาว ประมุขมองบี น้ำตาคลอๆ สงสารแต่ก็มีความเห็นแก่ตัวมากกว่า
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางวิ่งหนีแหลกลาญ อยู่บนทางเดินชั้นบน หยาดฝน บังอร และช่างหน้าช่างผม วิ่งตามจับ
“ช่างคะ ช่วยกั้นทางลงบันไดไว้ด้วยค่ะ”บังอรสั่ง
หยาดฝนวิ่งไปคว้าตัว สไบนางหลบได้ทัน ช่างหน้าวิ่งกางแขนกันๆ ขวางๆ ทางเอาไว้
“หลีกไปนะ ไม่งั้นเตะนมแตก”สไบนางขู่
“ว้าย...”ช่างแต่งหน้ายกมือทั้งสอง กุมเต้าซิลิโคนเอาไว้อย่างหวงแหน
สไบนางวิ่งหนีไปได้ บังอรและหยาดฝนดักทางกันไว้สองข้าง
“แขกเหรื่อทยอยมากันแล้ว ช่วยรักษาหน้าให้คุณย่าด้วยเถอะค่ะ คุณบี”
หยาดฝนฉวยโอกาสพุ่งเข้ากอดตัวสไบนางเอาไว้ สไบนางร้องลั่น
“ไอ้เพื่อนทรยศ”
สไบนางถูกจับมัดกับเก้าอี้ ให้ช่างหน้าช่างผมแต่งหน้าทำผมไป เธอพยายามขัดขืนต่อต้านตลอด บังอรและหยาดฝนต้องคอยช่วยจับตัวสไบนางเอาไว้
“ฤทธิ์มากจริงๆ เลย”บังอรบ่น
“เดี๋ยวไม่สวยนะคะคุณบี”ช่างหน้าบอก
สไบนางหน้าตากราดเกรี้ยว
“ดี แต่งให้หน้าเป็นผีดิบเลยยิ่งดี”
“หนูได้ตกงานซิคะคุณบี”ช่างหน้าบอกเสียงอ่อย
“แต่งยังไงบีก็สวยสู้พี่เมไม่ได้หรอก ให้คนเขาฮือฮาไปเลยว่านายนั่นแต่งงานกับผี”สไบนางประชด
“พูดอะไรก็ไม่รู้คุณบี แขกที่มางานเกินครึ่ง ไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าคุณเมหน้าตาเป็นยังไง แต่งให้สวยไว้ก่อนน่ะดีแล้วค่ะ”บังอรแย้ง
ช่างหน้าพยายามแต่งปากให้ สไบนางทำรูปปากประหลาดแกล้งไปแกล้งมา คุณหญิงรุจาเดินเข้าห้องมา หน้าขรึมๆ สไบนางเหลือบตามองย่าผ่านกระจกอย่างงอนๆ
“เอาเท่านี้แหละ เดี๋ยวจะเละเทะไปกันใหญ่”
“ค่ะคุณหญิง”ช่างหน้ารับคำ
คุณหญิงรุจาหันบอกช่างผม
“ถ้าไม่ยอมให้ทำผมก็รวบเป็นมวยง่ายๆก็ได้นะ”
“หนูจะพยายามให้สุดความสามารถเลยค่ะคุณหญิง”
“ขอบใจจ้ะ...” คุณหญิงรุจาหันมาบอกสไบนาง “เดี๋ยวย่าจะไปจัดชุดมาให้นะ เอาแบบไทยๆ แล้วกัน เราชอบใช่มั้ยล่ะ”
“คุณย่ายังแคร์ด้วยเหรอคะว่าบีชอบไม่ชอบอะไร”สไบนางประชดค้อนขวับ
“เอาน่ะ ถือว่าทำความดีทดแทนบุญคุณให้ย่า ให้ลุง ก็แล้วกันแล้วค่อยหาทางแก้ไขกันอีกที” คุณหญิงรุจาถอนใจเดินกลับออกไป
ช่างผมเดินเข้ามาจัดแต่งทรงผมให้ สไบนางตาขวางแฮ่ แยกเขี้ยวคำรามใส่ราวกับจะกัดช่างซะงั้น
+ + + + + + + + + + + +
หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว คุณหญิงรุจาเดินจูงมือสไบนางมาเปิดตัวที่โถงบ้าน สไบนางอยู่ในชุดไทยสวยงาม ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขรม จนจับความไม่ถูก แขกเหรื่อคู่หนึ่งในงานมองสไบนางด้วยสายตาชื่นชม
“คุณเมธาวีหน้าตาน่ารักน่าชังจริงๆ นะ เพิ่งเคยเห็น”
“แต่ดูเด็กกว่าอายุนะ เหมือนเด็กมหาวิทยาลัย”
“คนมีตังค์ นวดหน้าทำหน้าทุกวันก็ยังงี้แหละ ดูแม่เขาสิ ยังกะไม่ถึง 40”
วิจิตราและประมุขสบตากันเล็กน้อย วิจิตราฝืนยิ้มแล้วตั้งท่าจะอธิบายเรื่องแต่งให้แขกผู้ใหญ่คนหนึ่งฟังอยู่
“ผิดฝาผิดตัวมั่วไปหมด คลุมถุงชนมันใช้ไม่ได้กับเด็กยุคนี้แล้วล่ะค่ะ ผู้ใหญ่เลยต้องยอมหน้าแตก เขารักใครก็ต้องยอมเค้า”
แขกยิ้มแย้ม
“ดีแล้วล่ะค่ะ ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่”
“ใช่ค่ะ”วิจิตราขำฝืนๆไป
ประมุขรู้สึกอับอายเดินเลี่ยงออกไปห่างๆ ผู้คนไม่อยากตอบคำถาม หัสดินคุยอยู่กับกมลฉัตร
“นี่มันอะไรกันหัส เมอยู่ไหน ทำไมมาร์คมาแต่งกับบีได้”กมลฉัตรงงปนตกใจ
หัสดินก็งง ไม่แพ้กัน
“ผมก็งงๆ เหมือนกัน คู่นี้เกลียดกันเข้าไส้จะมาแต่งงานกันได้ยังไง ต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรแน่ๆ”
“แต่สองคนนี่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันไม่ใช่เหรอ แต่งกันได้ยังไงมันใกล้กันเกินไปนะ”
“ข้อนี้ผมตอบได้ น้องสาวลุงบารมีเป็นลูกบุญธรรม ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเศรษฐีเทียน เดี๋ยวปากต่อปากก็คงรู้กันทั้งงาน ว่าทั้งสองคนไม่เกี่ยวดองทางสายเลือดกันเลย”
กมลฉัตรถอนใจออกมา หันมองไปทางสไบนางอย่างสงสาร
(อ่านต่อหน้า 2)
รอยมาร (ต่อ)
คุณหญิงรุจาจูงสไบนาง ไปนั่งข้างอุปมาที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว อุปมานั่งหน้าบึ้งตึง คุณหญิงรุจาออกแรงกดไหล่สไบนาง บังคับให้นั่งลงข้างอุปมา สไบนางหน้าเซ็งจำใจนั่งพับเพียบลงข้างเขา หันหน้าไปคนละทาง หม่อมเกศคอยจัดแจงงานพิธีการอยู่ ยิ้มพยักหน้าให้คุณหญิงรุจาสบายใจ
คุณหญิงรุจาไปนั่งข้างๆบารมีและซาร่า ที่ดูตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจกับพิธีแต่งงานแบบไทย...คุณหญิงรุจาถอนหายใจออกมา ยังกังวลไม่คลาย
“บ่าวสาวไปจุดธูปบูชาพระพร้อมกันจ้ะ”หม่อมเกศบอกคู่บ่าวสาว
อุปมาทำตามคำแนะนำ ส่วนสไบนางยังนั่งนิ่ง ไม่ขยับ อุปมาเหล่ๆ มองก่อนนำไปจุดธูปจุดเทียน
“หนูบี ไม่ได้ยินรึไง”หม่อมเกศเตือน
สไบนางแอบกลัวหม่อมเกศ จำใจขยับตัวตามเขาไป อุปมาจุดธูปเสร็จส่งให้แรงๆ ไม่เต็มใจ
“เอ้า”
สไบนางกระชากธูปจากมืออุปมา ประนมไหว้ส่งๆ แล้วปักธูปด้วยกริยาดุเดือด วิจิตรากรีดพัดออกมาพัดแรงๆ รู้สึกหน้าร้อนผ่าวไปหมด
บารมีส่งกล่องแหวนให้อุปมา อุปมาเปิดกล่องแหวนขึ้นมาดูพร้อมยิ้มเหยียดใส่แหวน ก่อนจะเหล่ๆ มองสไบนาง ที่นั่งเบือนหน้าไปทางอื่น ไม่ใส่ใจ อุปมาดึงแหวนออกมาทิ้งกล่องลงพื้น กระชากมือสไบนางมายัดแหวนใส่นิ้วแรงๆ สไบนางสะดุ้งเจ็บ
“โอ๊ย...”
อุปมาไม่แคร์ ยัดแหวนเข้านิ้วจนได้ สไบนางกระชากมือออก แขกเหรื่อ สบตากันงงๆ คู่บ่าวคู่นี้แปลกๆ
วิมาดาเดินเข้ามาที่โถงบ้าน เพ่งมองไปที่สไบนางอย่างไม่เชื่อสายตา กมลฉัตรสะกิดหัสดินให้มองไปทางวิมาดา หัสดินอึ้งไปเล็กน้อย
“ตื๊อจริงๆ ตามมาทำไมอีกเนี่ย”
วิมาดาเหมือนช็อกไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง พึมพำด้วยความสงสัย
“เป็นอีเด็กบ้านี่ได้ยังไง”
หลังจากนั้น อุปมาและสไบนาง นั่งคู่กันหน้าคุณหญิงรุจา บารมี ซาร่า ประมุขและวิจิตรา...ทั้งห้าคนปั้นยิ้มให้เนียนตามหน้าที่ ส่วนเจ้าบ่าวเจ้าสาวนั่งหน้าตาบึ้งตึงบอกบุญไม่รับ เบือนหน้าไปคนละทางด้วยซ้ำ ให้ช่างภาพเก็บภาพไป
“เจ้าบ่าวหอมแก้มเจ้าสาวหน่อยครับ”ช่างภาพบอกอย่างยิ้มแย้ม
ทั้ง 6 คนพูดพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดหมาย
“ไม่ต้อง”
มีซาร่าคนเดียวที่นั่งงงๆ ช่างภาพยิ้มแหยๆ
“โอเคครับ”
+ + + + + + + + + + + +
อุปมาและสไบนางตาเขียวใส่กันอีกครั้ง ขณะที่พระสวดมนต์ให้พร หม่อมเกศเห็นว่าได้เวลาจึงหันไปเรียก
“บ่าวสาวมาตักบาตรจ้ะ”
อุปมาขยับตัวมาที่จัดไว้สำหรับใส่บาตร อุปมาจับทัพพีแล้วหันไปมองทางสไบนาง
“บี ไปตักบาตรสิลูก”คุณหญิงรุจาบอกเสียงดุ
สไบนางกระฟัดกระเฟียดขยับตัวไปนั่งห่างๆ อุปมาเล็กน้อย ยังไม่จับทัพพี อุปมาทำหน้าดุใส่
“เร็วสิ”
สไบนางเหล่มองมืออุปมา ทำหน้ารังเกียจ ถูมือกับผ้านุ่งก่อนจะจับทับมือของเขา อุปมาไม่ยอมแพ้ แก้ลำด้วยการเปลี่ยนท่านั่งเป็นโอบอ้อมหลังสไบนางแทน สไบนางเจ็บใจปนอาย กระทุ้งศอกใส่ลำตัวของเขาเต็มแรง หม่อมเกศได้แต่ส่ายหน้าไปมา ชักอ่อนใจ
“ตักบาตรลูกตักบาตร”คุณหญิงรุจาเน้น เรียกสติ
บารมีหันมองลูกชายสายตาปรามๆ
“ตักบาตรซิมาร์ค”
อุปมาจับทัพพีใหม่ เลือกจับปลายโคนทัพพีเลย สไบนางไม่ยอมอีกเช่นเคย กางมือจับทับมือของเขาอีกชั้น อุปมาก็ไม่ยอมปาดตัวลุกขึ้นเปลี่ยนท่าอาศัยตัวใหญ่กว่า เป็นคร่อมอยู่ด้านหลังสไบนางโอบสองมือมาจับทับมือของเธอทั้งสองข้าง กดจับทัพพีเอาไว้ สไบนางเจ็บใจมาก
“อย่างหวังว่าเธอจะชนะฉัน”อุปมากระซิบข้างหู
สไบนางกัดฟันเจ็บใจ อุปมาสะใจใช้แรงบังคับมือสไบนางตักข้าวใส่บาตรจนได้ สไบนางเสร็จงานก็ดีดตัวออกกลับไปนั่งกับคุณหญิงรุจา อุปมาหน้านิ่งยิ้มกริ่ม ปราบพยศเด็กดื้อได้ หยิบอาหารแห้งใส่บาตรแล้วกราบพระ
ขณะเดียวกัน อาทิตย์ในชุดนายตำรวจเดินหน้าอึ้งๆ ปนงงเข้าโถงบ้านมา เมื่อเห็นว่าเจ้าสาวไม่ใช่เมธาวี สไบนางเหลือบตามอง ดีใจมาก
“ซันนี่”
สไบนางไม่สนใจใครลุกเดินไปหาอาทิตย์ทันที
“จะไปไหนแม่บี”คุณหญิงรุจาถาม
สไบนางเดินไปลากแขนอาทิตย์ไปทางด้านหลังบ้าน แขกเหรื่อมองตามกันงงๆ อุปมาเหล่ๆ มองตามสไบนางไป ไม่พอใจนัก
ทางด้านประมุขและวิจิตรา หลบมุมตัวลีบอยู่มุมบ้าน ประมุขอายจนเหลืออด
“ผมทนสู้หน้าใครไม่ไหวแล้วนะคุณ”
ประมุขเดินหนีลงไปจากบ้านไป วิจิตราหงุดหงิด
“คุณมุข ทิ้งกันแบบนี้ไม่ได้นะคะ”
ประมุขเดินก้มหน้าก้มตาหลบออกไปไม่ฟังเสียง วิจิตราเจ็บใจ รู้สึกเสียหน้าที่สุดในชีวิต
+ + + + + + + + + + +
สไบนางมาคุยกับอาทิตย์ที่ชานหลังบ้าน
“นี่มันอะไรกัน บู้บี้ไปแต่งงานกับเขาได้ยังไง พี่งงไปหมดแล้ว”
“บีไม่งงกว่าซันนี่เหรอ เหมือนฝันร้าย ที่จริงมันยิ่งกว่าฝันร้ายซะอีก เหมือนตื่นขึ้นมาก้าวลงเตียง ตกนรกไปเลย”สไบนางเซ็งจัด
อาทิตย์ยังงงๆไม่เข้าใจ
“มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย”
“พี่เมหายไป”
อาทิตย์แปลกใจ
“หายไปไหน”
สไบนางยักไหล่
“ไม่มีใครรู้ ป่านนี้ยังติดต่อไม่ได้เลย”
อาทิตย์สงสัย
“เขาทะเลาะอะไรกันรึเปล่า”
“นายนั่นบอกว่าเปล่า เมื่อคืนยังสวีทจี๋จ๋ากันอยู่เลย”
“อ้าว...แล้วมีใครออกตามหารึยัง”
“แขกเต็มบ้านขนาดนี้ใครจะไปตาม ทุกคนคิดว่าพี่เมรู้ความจริงเลยหนีไป”
อาทิตย์อึ้งงง
“รู้ความจริงอะไร”
สไบนางตัดบท
“ช่างเถอะ...ซันนี่อย่ารู้เลย ความลับของครอบครัว”
“แต่บีจะเป็นเจ้าสาวแทนคุณเมได้ยังไง คนละคนกัน”
“ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่เพื่อน ก็ไม่มีใครรู้จักหน้าตาบีกับพี่เมหรอก ดีกว่าไม่มีเจ้าสาว ซันนี่ก็รู้ๆ อยู่แต่ละคนรักหน้ายิ่งชีพกันซะทั้งนั้น”
อาทิตย์ยังติดใจสงสัย
“แต่พี่ว่ามันแปลกๆนะ ปกติเมไม่ได้มีนิสัยหนีปัญหายังงี้นี่”
สไบนางไม่สบายใจ แอบกังวลข้อนี้อยู่
“เป็นไปได้มั้ยซันนี่ ว่าพี่เมจะถูกลักพาตัวไป”
“ทำไมบู้บี้คิดยังงี้ล่ะ”
“พี่เมทุ่มเทงานแต่งครั้งนี้สุดๆ เมื่อคืนยังมาขอบีอย่าแต่งตัวประหลาดๆ ในงาน พี่เมไม่มีเหตุผลจะหนีงานแต่ง ถ้าใจร้อนหนีไปนอนรอในเรือนหอเลยก็ว่าไปอย่าง”
“นั่นก็เกินไป”
“ฟังนะซันนี่ บีอาจจะคิดมากไปเองก็ได้ แต่บีสังหรณ์ใจแปลกๆ”สไบนางไม่สบายใจเลย
“บีสงสัยใครรึเปล่า”
“ซันนี่จำชันษาได้มั้ย”
อาทิตย์พยักหน้ารับ
“เพื่อนบ้านติดกัน ที่เป็นทนายใช่มั้ย”
“ใช่...ชันแอบรักพี่เมมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยเด็กๆ เลยนะรักเขาข้างเดียวมาตลอด ช่วงหลังนี่ชันเปลี่ยนไปเยอะกินเหล้าเมายา ปล่อยเนื้อปล่อยตัว การงานเสียหมดเลย”
อาทิตย์คิดตามอย่างรวบรวมข้อมูล
“วันนี้ก็ไม่มีใครเห็นชันเลย ซันนี่ช่วยตามสืบทีเถอะ บีไม่สบายใจจริงๆนะ”
“พอมีเบาะแสยังงี้เดี๋ยวพี่ตามเรื่องต่อเอง”
“เร็วๆ นะซันนี่ บีผะอืดผะอมจะอ้วกอยู่แล้ว ถ้าเจอพี่เมบีจะได้พ้นเวรพ้นกรรมซะที”
“ไม่ต้องห่วง มีความคืบหน้าพี่จะรีบมาแจ้งทันที”
สไบนางดีใจมาก
“ซันนี่คือความหวังสุดท้ายของบี”สไบนางจับกุมมือเอาไว้ อย่างวิงวอน “ช่วยบีให้ได้นะ บีจะไม่ลืมพระคุณเลย”
อาทิตย์ตบหลังมือ
“ไม่ต้องห่วงพี่จะพยายามสุดความสามารถ”
อาทิตย์รีบร้อนลงไปทางบันไดหลังบ้าน สไบนางมองตามอาทิตย์ไปอย่างเอาใจช่วย
อุปมาเดินหลบผู้คน มาหาอากาศบริสุทธิ์คลายเครียดที่สนามหลังบ้าน เขาระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างเซ็งจัด
“โอ๊ย...”
เสียงหัวเราะชอบใจของวิมาดาดังขึ้น อุปมาหันขวับไปจ้องหน้า วิมาดายิ้มเย้ยหยัน
“ให้ทุกข์แก่ท่านทุกนั้นถึงตัว อยากทำร้ายวิก่อนเอง สมควรที่เจ้าสาวจะหนีไปแล้วล่ะ...บาปกรรมนี่มันตามเร็วจริงจิ๊ง”
อุปมาตรงเข้าบีบไหล่ทั้งสองของวิมาดา เขย่า
“เธอทำอะไรเม”
วิมาดาสะบัดตัวออก
“ฉันจะไปทำอะไรมัน ถามตัวเองเถอะว่าทำพฤติกรรมอะไรไว้ให้ผู้หญิงเขาขาดความมั่นใจ”
“ที่เมหายไปวันนี้ เธอเป็นต้นเหตุใช่มั้ยวิ”
“อย่ามาหาเรื่องฉันนะ ฉันไม่รู้เรื่อง ถ้าฉันทำ ฉันจะไปอาละวาดที่บ้านคุณเมื่อเช้าทำไม”
“คุณมันฉลาด เล่นละครสร้างเหตุการณ์ให้ตัวเองพ้นผิดน่ะสิ”
วิมาดาขำหยันๆ
“ใครจะชอบเล่นละครเหมือนพวกคุณล่ะ...แต่งงานตบตาคนทั้งเมืองเพื่อรักษาหน้า น่าสมเพชที่สุด”วิมาดาเดินกรีดกรายเข้าหาอุปมา สายตาหว่านเสน่ห์ เลื่อนมือจับแก้มของเขา “เรามันคู่กันมาร์ค คุณหนีฉันไม่พ้นหรอก”
อุปมาปัดมือเธอออก วิมาดายิ้มกวนๆ
“สุขสันต์วันแต่งงานนะคะ เจ้าสาวเหมาะสมกับคุณม๊ากมาก”
วิมาดาหัวเราะร่วนชอบใจ เดินกรีดกรายกลับออกไปอย่างอารมณ์ดี อุปมาเจ็บใจมาก ขบฟันแน่น
+ + + + + + + + + + + +
เมื่อถึงเวลารดน้ำ อุปมานั่งหน้านิ่งขรึม สวมมงคลพร้อมพิธีรดน้ำสังข์อยู่ข้างๆ สไบนางที่ตาแดงก่ำ พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ คุณหญิงรุจาเดินเข้ามารดน้ำสังข์ทั้งน้ำตาคลอ
คุณหญิงคุณหญิงรุจารดน้ำสังข์ ให้อุปมาก่อนแล้วต่อด้วยสไบนาง...
“ขอบใจทั้งสองคนมาก ที่ช่วยรักษาหน้าผู้ใหญ่ ผ่านงานวันนี้ไปก่อน แล้วเราค่อยหาทางแก้ไขกัน...ย่าขอโทษนะบี”คุณหญิงรุจาน้ำตาไหลซึมแล้วรีบเดินก้มหน้าออกไป
สไบนางหันมองตามย่าไปน้ำตาท่วมตา บารมีเดินเข้ามามารดน้ำสังข์ต่อสั่งลูกชายเสียงแข็ง จริงจัง
“แกห้ามล่วงเกินน้องเด็ดขาดเข้าใจมั้ยมาร์ค”
อุปมาเงยหน้ามองพ่อ บารมีจ้องหน้าลูกชาย
“นี่คือคำสั่ง...รับปากพ่อ”
“ครับพ่อ”
บารมีเดินไปรดน้ำสังข์ให้สไบนางต่อ
“คิดซะว่านี่คือการเล่นละครฉากหนึ่งก็แล้วกันนะหนูบี”
สไบนางช้อนตามองบารมี
“ลุงจะดูแลชีวิตหนู และหาทางชดเชยความเสียหาย ที่เกิดกับหนูในวันนี้ให้ดีที่สุด ลุงให้สัญญา”
“ชีวิตบีจบแล้วล่ะค่ะลุงมี”สไบนางร้องไห้ออกมา
บารมีหน้าเครียด ถอนใจเดินเลี่ยงออกไปด้วยความรู้สึกผิด อุปมาเหล่มองสไบนาง
“จะร้องทำไมหนักหนา...ดีใจมากเหรอ”
สไบนางถลึงตาใส่
“ไอ้บ้ามาร์ค ฉันเกลียดแก”
“ฉันรักเธอตายแล้ว”อุปมาพึมพำใส่ปั้นหน้านิ่ง
“ชีวิตฉันพังพินาศหมดแล้ว”สไบนางปล่อยโฮลั่นออกมา
บารมีและคุณหญิงรุจา หันมองไปที่บ่าวสาวต่างตกใจ บารมีรีบแก้ตัวต่อหม่อมเกศ และแขกผู้ใหญ่ที่รอรดน้ำอยู่
“ผมอวยพรซึ้งไปหน่อย เจ้าสาวปล่อยโฮเลย”
หม่อมเกศและแขกผู้ใหญ่ยิ้มแย้ม
“ท่านต่อๆ ไปอย่าพูดซึ้งมากนะครับ เจ้าสาวค่อนข้างเซนสิทีฟ เดี๋ยวถ่ายรูปไม่สวย”บารมีพูดขำๆ
หม่อมเกศและแขกผู้ใหญ่ขำๆกัน บารมีและคุณหญิงรุจาแอบสบตากันอย่างโล่งอก...
“นั่งดีๆ เก็บอาการด้วย อย่าทำตัวสร้างปัญหาอีก”อุปมาแอบดุ
สไบนางหาตามองอุปมาตาเขียวปั๊ด หมั่นไส้ปนเจ็บใจ
+ + + + + + + + + + + +
หลังจากพิธีแต่งงานผ่านไป สไบนางเข้ามาหมกอยู่ในห้องนอนตนเอง หยาดฝนมาเคาะประตูห้องเรียก
“บี”
สไบนางลงจากเตียงไปเปิดประตูให้หยาดฝน
“ขึ้นมาทำอะไรของเธอ”
“เหนื่อย เครียด แอบมางีบ ยังซวยฝันร้ายถึงมันอีก”
“คุณย่าให้มาตาม”
“ก็บอกแล้วไงก็บีไม่ช่วยรับแขก บีขี้เกียจไปปั้นหน้าโกหกใครต่อใคร”
หยาดฝนหน้าเครียดๆ
“คุณย่าไม่ได้ตามเธอลงไปรับแขก แต่ตามเธอลงไปจดทะเบียนสมรส”
สไบนางช็อกตาเบิกโพลง
ครู่หนึ่ง คุณหญิงรุจาเห็นว่าสไบนางไม่ยอมลงไป จึงเข้ามาหาในห้องนอน สไบนางร้องไห้ โวยวาย
“เป็นตายยังไงบีก็ไม่ยอมจดทะเบียนกับมัน”
“มาถึงขั้นนี้แล้ว ถอยหลังไม่ได้หรอกบี”
“ก็ไหนว่าแค่ละครฉากหนึ่งไงคะ นี่มันจะเลยเถิดไปกันใหญ่แล้ว”สไบนางปาดน้ำตา “บีจะรอพี่อาทิตย์ เขากำลังไปตามหาพี่เม”
คุณหญิงรุจาหนักใจ
“มันไม่ทันแล้วล่ะ อีกอึดใจเดียวนะบี”
สไบนางเข้าไปกอดคุณหญิงรุจา ร้องไห้ออกมาอีก
“คุณย่าต้องช่วยบีนะคะ ทำไมบีต้องมารับผิดชอบกับเหตุการณ์บ้าๆ นี่ด้วย”
ทันใดนั้นเสียง วิจิตราก็ดังขึ้น
“ก็เพราะเธอเป็นอัคราชน่ะสิ”
สไบนางและคุณหญิงรุจา ผละจากกอดหันมองวิจิตรา
“เร็วเถอะค่ะคุณแม่ เจ้าหน้าที่เขตมาถึงแล้ว” วิจิตราจ้องหน้าสไบนางอย่างชิงชัง “ทุกคนรอเธออยู่คนเดียว แม่นักฉกฉวยจอมแผนการ”
คุณหญิงรุจา กับสไบนางงงๆ กับคำพูดของวิจิตรา
“พูดอะไรของเธอจิตรา แม่ไม่รู้เรื่อง”
วิจิตราสะแหยะยิ้ม
“แล้วคุณแม่ก็จะรู้เองแหละค่ะ หรืออาจรู้แล้วแสร้งทำเป็นไม่รู้ก็ได้”
“ยังไงกันจิตรา พูดให้แม่เข้าใจเดี๋ยวนี้เลยนะ”
วิจิตราเหยียดปาก
“ตั้งแต่เด็กเรื่อยมา คุณแม่ไม่รู้ไม่จำบ้างเลยเหรอคะ หรือว่า รักหลง คอยสรรหามาประเคนให้กันจนมองไม่เห็นสิ่งน่าเกลียด” วิจิตราถลึงตาใส่บี “ลูกเมถูกแย่งความรักจากพ่อไปไม่พอ ข้าวของเครื่องเล่นทุกชิ้นที่แม่บีอยากได้ก็แย่งจากลูกเมไปจนหมด แต่ครั้งนี้กำเริบเสิบสาน แย่งได้กระทั่งตำแหน่งเจ้าสาวของเม”วิจิตราน้ำตารื้นๆ เจ็บช้ำแทนลูกสาว จ้องหน้าสไบนาง “แกไม่รู้สึกละอายแก่ใจมั่งเลยรึไง”
“ไม่เข้าท่าเลยจิตรา เป็นความผิดของบีที่ไหน ต้นเหตุมันมาจากสามีเธอทั้งนั้น”
“ก็เพราะคุณแม่คอยให้ท้ายทุกคนอยู่แบบนี้ไงคะ”
คุณหญิงรุจาอึ้งๆไป
“แม่จิตรา”
วิจิตราจ้องหน้าสไบนาง
“ฉันเคยพูดผิดปากซะเมื่อไหร่”วิจิตราแววตาดูถูก “เธอมันก็แค่นางรอง นางละครเหมือนแม่เธอ ขนาดจะมีผัวก็ต้องรับของรองจากที่ยัยเมเลือกแล้ว”
สไบนางเหลืออด ลุกพรวดไปเผชิญหน้า
“ที่คุณป้ามาว่าบียังงี้ เสียดายลูกเขยแทนลูก หรือ จงใจหาเรื่องบีกันแน่คะ”
วิจิตราจ้องสไบนาง สายตาเกลียดชัง
“แม่ของบีมีสามีเป็นตัวเป็นตน ไม่ใช่เป็นนางรองของใคร ถ้าคลั่งที่ลูกสาวหาย ก็ไปกินยาระงับประสาทซะซิคะ”
วิจิตราโกรธจนตัวสั่น กำมือกำไม้แน่น
“หรือไม่ก็ออกไปช่วยตามหาอีกแรง ดีกว่าใช้ปากว่างๆ มาถ่มน้ำลายใส่ใครให้เขาเปื้อนไปหมด”
วิจิตราโกรธจัด
“นังบี”
วิจิตราเงื้อง้ามือจะตบ คุณหญิงรุจาเข้าขวางหน้า จ้องหน้า สายตาดุ
“หยุดนะจิตรา อย่ามาใช้กำลังกับหลานฉัน”
วิจิตราลดมือลง พยายามสะกดอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านให้อยู่
“เธอลองคิดตรองให้ดีเถอะ บีช่วยแก้หน้าให้เราทุกคน จะเอาอะไรกับเด็กมันอีก ไปบี”
คุณหญิงรุจาฉวยมือสไบนางจะพาไปจากห้อง
“บีไม่อยากจดทะเบียนกับมันค่ะคุณย่า”
“ทั้งหมดเป็นความต้องการของลุงมีของเรา ย่าช่วยอะไรไม่ได้หรอก”
สไบนางน้ำตารื้น
“คุณย่า”
คุณหญิงรุจาหันไปจ้องหน้าวิจิตรา สายตาดุ
“สงบสติอารมณ์แล้วคิดดูให้ดีนะจิตรา บางทีการที่แม่เมหายไปยังงี้ อาจเป็นโชคของเมก็ได้ ลืมไปแล้วเหรอะว่าพิธีแต่งงานวันนี้ เกิดขึ้นเพราะอะไร”
วิจิตราอึ้งปนจ๋อยไปเล็กน้อย
“ตามย่ามาบี”คุณหญิงรุจาลากสไบนางออกไปจากห้อง
“คุณย่า”
สไบนางอิดออดแต่ก็ไม่กล้าดื้อกับคุณหญิงรุจา ต้องจำใจตามไป
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางกอดอกเก็บมือแน่น หน้าตาเฮี้ยวอยู่ต่อหน้าทะเบียนสมรส บารมี คุณหญิงรุจา และอุปมา สบตากันไปมา...เจ้าหน้าเขตงงๆเล็กน้อย
“หนูบี”บารมีเรียกเบาๆ
“ไม่ค่ะ ไม่จด ยังไงบีก็ไม่จด”
สไบนางกอดอกเก็บมือแน่น อุปมาชักรำคาญ
“เขาไม่จดจะไปบังคับขาทำไมครับพ่อ ผมก็ไม่ได้อยากจดทะเบียนอยู่แล้ว พ่อไม่น่ายุ่งยากเลย”
“ถ้าเป็นคนอื่น พ่ออาจจะไม่ยุ่งกับแกเลยมาร์ค แต่นี่เป็นบีหลานสาวคนเดียวของพ่อ ขืนแกปฏิเสธไม่ยอมจดทะเบียนอีกคน พ่อจะเตะแกให้รากเลือดเลย”
อุปมาชะงักไปเล็กน้อย สไบนางแอบเหยียดปากสะใจ
“หนูบี เรามาถึงจุดนี้ ถอยหลังกลับไม่ได้แล้วล่ะ”บารมีปลอบ
“ได้ซิคะ ทำไมจะไม่ได้ ล้มพิธีต่อไปซะ ลุงก็ช่วยบีได้แต่ลุงไม่ทำ”
“เราไม่ใช่เด็กเล่นขายของอย่างเธอนี่ จะได้ล้มเลิกอะไรได้ง่ายๆ...แขกเหรื่อเชิญไปทั่วเมือง ใครจะไปบอกงดเขาทันคอยดูงานคืนนี้เถอะ คนตั้งหลายพัน...” อุปมาเซ็งปนเหยียด “เปลี่ยนเจ้าสาวกะทันหัน ยังอายน้อยกว่าให้คนเขารู้ว่าเจ้าสาวตัวจริง หายไป แบบมีลับลมคมนัย”อุปมาเจ็บใจ
สไบนางเหลืออด
“แล้วที่พูดมามันเกี่ยวอะไรกับฉันวะ”
เจ้าหน้าที่เขตผงะไป
“บี...รักษามารยาทหน่อย”คุณหญิงรุจายิ้มมารยาทให้เจ้าหน้าที่ “ขอโทษนะคะคุณ”
เจ้าหน้าที่ยิ้มแหยๆ สไบนางหน้าแดงด้วยความโกรธ จ้องหน้าอุปมา
“เคยสำรวจตัวเองมั่งไหม ว่าตัวเองมันไม่ได้ความเอง มีแฟนกี่คน หนีกระเจิดกระเจิงหมด”
อุปมาโกรธจัดโดนจี้จุด สไบนางพูดต่อ...
“มองไม่เห็นความเลวตัวเอง แล้วยังมาสร้างความเดือดร้อนให้ฉันอีก จะกลับมาเมืองไทยทำไมให้หนักแผ่นดิน”
อุปมาหน้าแดงก่ำ พูดใส่หน้าสไบนาง
“ก็กลับมาหาเมียน่ะซิ ฉันจะมีแฟนกี่คนแล้วหนีไปหมด มันไม่สำคัญเท่ากับว่าที่เมียแอบไปคุย กับไอ้ตำรวจหลังบ้าน ยังงั้นเขาเรียกว่าคบชู้”
สไบนางโกรธจัด
“จิตใจอกุศล คิดแต่เรื่องเลวๆ พูดแต่เรื่องอุบาทว์”
คุณหญิงรุจาจับตัวสไบนาง ปิดปาก
“พอแล้วบี”
สไบนางโดนย่าปิดปากแต่เสียงด่ายังรอดออกมา
“แกมันมีปากไว้ตด”
เจ้าหน้าที่เขตยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเหงื่อเล็กน้อย นั่งหน้าแหยตัวลีบเงียบกริบมาตลอด อุปมาไม่ใส่ใจ
“ผมยอมเซ็นชื่อเพราะกลัวโดนพ่อเตะ มันไม่ได้มีความหมายสำคัญอะไรกับผมเลย”
อุปมาเซ็นชื่อไป คุณหญิงรุจาหันมาเตือนหลานสาว
“พี่เขาเซ็นแล้ว ถึงตาเรามั่งล่ะ”
“ไม่ค่ะ บีไม่เซ็น บีไม่ยอมผูกพันกับคนที่บีเกลียดเด็ดขาด”
“เมื่อพูดกันไม่รู้เรื่องซักที ก็มีอยู่ทางเดียว”
บารมีสบตากับคุณหญิงรุจาอย่างรู้กัน ทันใดนั้นคุณหญิงรุจาล็อกตัวสไบนางเอาไว้ บารมีตรงเข้าจับมือสไบนาง อุปมาก็ตกใจจะทำอะไรกัน ไม่ได้เตี๊ยมกับตนมาก่อน สไบนางตกใจมาก
“ลุงจะทำอะไรบี”
บารมีพยักหน้าให้เจ้าหน้าที่เขต แล้วเจ้าหน้าที่หยิบแท่นปั๊มหมึกออกมาจากกระเป๋า สไบนางรู้ได้ทันทีว่าตนจะถูกจับปั๊มหัวแม่โป้งตีตราแทนการเซ็น แต่ดิ้นรนไม่ไหว สู้แรงบารมีไม่ได้ บารมีจับหัวแม่มือสไบนางจิ้มแท่นหมึก แล้วปั๊มลงที่ทะเบียนสมรส พร้อมเสียงแผดร้องของสไบนางว่า “ไม่” ดังลั่นห้อง
(อ่านต่อวันพรุ่งนี้)