ติดตามอ่านละครออนไลน์ได้ทาง www.manager.co.th ทุกเช้าเวลา 09.30 น.
รอยมาร ตอนที่ 6
สไบนางมาขอร้องบังอร ช่วยพูดกับคุณหญิงรุจาให้อนุญาตให้เธอไปเที่ยวพัทยากับชันษา บังอรฟังแล้วเดินหนีเข้าห้องนอน จะปิดประตูแต่ไม่ทัน สไบนางเอาตัวดันเอาไว้
“คุณบังอร อย่าใจร้ายกับบีสิคะ ให้บีเข้าไปด้วย”
บังอรถอนใจเดินหน้านิ่วไปนั่งที่เตียง สไบนางรีบวิ่งไปนั่งข้างขา บีบนวด
“คุณบังอรร่วมมือกับบีนะคะ”
บังอรลำบากใจหันไปอีกทาง สไบนางกระเถิบๆ ตัวกับพื้นตามไปบีบนวดขาต่ออีกด้าน
“บีอยากไปเที่ยวพักสมอง ที่ผ่านมาบีเครียดจะตายอยู่แล้ว คุณบังอรก็เห็นนี่คะ”
สไบนางปั้นหน้าตาน่าสงสาร ทำตาปริบๆ บังอรถอนใจออกมา
“ขึ้นมานั่งบนเตียงค่ะคุณบี”
สไบนางดีใจ ลุกพรวดมานั่งข้าง จับแขน
“คุณบังอรยอมช่วยพูดกับคุณย่าให้บีแล้วใช่มั้ยคะ”
“ถ้าคุณย่าไม่ให้ไปก็ช่วยไม่ได้นะคะ”
“คุณพ่อคุณแม่ชันชวนบี มีคุณบังอรไปด้วย มีฝนไปด้วย ทำไมคุณย่าจะไม่ยอมให้ไปล่ะคะ คุณบังอรคือกุญแจไขประตูไปสู่ความสนุกของบีจริงๆนะคะ”
สไบนางซบหน้ากับไหล่ บังอรเหลือบตามองเด็กประจบ ถอนใจส่ายหน้า
“เจ้าแผนการนักนะ อาศัยชื่อผู้ใหญ่บังหน้า”
สไบนางผละตัวออกมายิ้มแย้ม จับมือบังอร
“คุณบังอรใจดียังงี้ บีจะหาแฟนให้คนนึง”
บังอรขำๆ “งั้นบอกลักษณะแฟนคนนั้นมาก่อน ถ้าถูกใจ คุณบังอรจะยอมช่วย”
สไบนางนึกๆ“เอาเป็นกลอนเลยนะคะ”
สไบนางลุกขึ้นทำท่าประมาณเล่นละครร้อง “หนุ่มหน้าหล่อเหลาเคราดก”
บังอรดูสไบนางโชว์ ยิ้มแย้มไปเพลินๆ สไบนางร้องรำไป “คิ้วตกปรกตา ปากแหลม”
บังอรชักยิ้มค้าง สไบนางร้องรำต่อ “ผิวคล้ำดำมืดจันทร์แรม...”
บังอรยกมือห้าม “พอแล้วพอ หล่อตรงไหนเนี่ย คิ้วตก ปากแหลม ตัวดำ”
สไบนางขำๆ เข้าไปกอดบังอร
“ก็บีไม่อยากให้คุณบังอรมีแฟน อยากให้อยู่กับบีกับคุณย่ายังงี้ตลอดไปเลยนี่คะ”
“ไม่ต้องมาปากหวานหรอกค่ะ”บังอรผลักสไบนางออกเบาๆ “เอางี้ ถ้าคุณบีทำอะไรให้คุณย่าชื่นใจได้บ้าง คุณบังอรจะช่วยให้คุณบีได้ไปเที่ยวพัทยา”
“คุณบังอรอยากให้บีทำอะไร ออเดอร์มาได้เลยค่ะ”
“เดือนหน้าวันเกิดคุณย่า ท่านเชิญเพื่อนสนิทมาเยอะ เพราะครบรอบ 60 ปี ท่านอยากจัดงานบรรยากาศไทยๆลูกๆ หลานๆ ควรจะมีน้ำใจมาช่วยจัดงาน”
สไบนางครุ่นคิด
“สบายมากค่ะ บีจะรำไทยให้เป็นของขวัญวันเกิดคุณย่า ใครอย่ามาห้ามบีก็แล้วกัน”สไบนางยิ้มภูมิใจ
+ + + + + + + + + + + + +
อุปมาเดินกลับมาที่รถที่จอดอยู่ลานจอดรถ วิมาดาเดินตามมาติดๆ
“ทำไมคุณให้อภัยวิไม่ได้”
อุปมาถอนใจออกมา “คุณไม่รู้หรอกว่าวิจมอยู่กับความทรมานใจมานานแค่ไหน อยากร้องขอความช่วยเหลือจากคุณ แต่ก็เจียมตัวไม่กล้า...”
อุปมาพูดขัดขึ้น “เราจะไม่พูดเรื่องที่ผ่านมาแล้วนะวิ”
วิมาดามองหน้าอุปมา
“คุณเปลี่ยนไปมากเลยนะมาร์ค...มาร์คคนเดิมของวิหายไปไหน”วิมาดาน้ำตาคลอขึ้นมา
อุปมามองวิมาดาด้วยสายตาสงสาร วิมาดาคิดว่าสบช่องเลยสวมกอดอุปมาเอาไว้ แล้วบีบน้ำตาทำร้องไห้ อุปมาเหลือบตามองวิมาดาหน้านิ่งๆ ไม่ใจร้ายพอจะผลักดันเธอออกไป วิมาดาซบอกเขาพร้อมพูด
“โอเคค่ะ เราจะไม่พูดถึงเรื่องที่ผ่านมาอีก”วิมาดาผละตัวออก ฝืนยิ้มมองหน้าเขา“วิสบายใจแล้วที่ได้อธิบายความจริงทั้งหมดให้คุณฟัง ขอบคุณมากนะคะที่อดทนฟัง วิระบาย...โชคดีค่ะ”
วิมาดาหันหลังเดินหนี เขาออกไปทันที อุปมาอึ้งเล็กน้อยที่วิมาดาจบง่ายๆแบบนี้ วิมาดาลุ้นๆ อุปมาเรียกรั้งตนไว้มั้ย...อุปมามองตามละล้าละลังจะเรียกเธอไว้หรือไม่เรียกดี วิมาดาตัดสินใจหันกลับไปหาเขา ซึ่งมันพร้อมกับอุปมาก็หันมาหาเธอพอดี ทั้งสองจะอ้าปากเรียกกันพอดี ทั้งสองมองหน้ากัน ต่างเงียบ...ลังเลที่จะเอ่ยปาก ก่อนจะตัดสินใจพูดพร้อมกัน
“ผม...” – “วิ...” ต่างชะงักกันไป
“คุณพูดก่อน” – “วิอยากได้เบอร์มือถือของมาร์ค ไม่รู้ว่าวิจะขอมากเกินไปรึเปล่า”วิมาดาบีบน้ำตาให้คลอขึ้นมา
อุปมาหน้านิ่งขรึมไป อย่างชั่งใจ แล้วก็คิดอะไรบางอย่างได้ .. จึงให้ไป
+ + + + + + + + + + + +
สายทิพย์ไม่พอใจธนูที่ไม่ยอมเลิกกับวิมาดา โวยวายใส่ธนูที่โถงบ้าน
“ไปเลยสิคะ เชิญไปกกกอดกันให้พอใจ ฉันบอกตรงๆฉันทนคุณไม่ได้อีกต่อไปแล้ว”
“อย่าตีโพยตีพายไปหน่อยเลยคุณ”
สายทิพย์จ้องหน้า “ถ้าฉันตีโพยตีพายจริงอย่างที่คุณว่า เราแยกกันไปนานแล้ว”
หยาดฝนเดินออกจากห้องมาแอบดูสถานการณ์ เป็นห่วงพี่สาว
“แล้วคุณจะเอายังไง”ธนูย้อนถาม
“ฉันต่างหากที่ต้องถามคุณ คุณต้องเด็ดขาด คุณต้องเลือกว่าจะเอาผู้หญิงคนนั้น หรือ เลือกทิพย์กับลูก”
ธนูลำบากใจ “ผมเลือกไม่ได้”
“แต่เราอยู่ร่วมกันแบบนี้ตลอดไปไม่ได้นะธนู มันไม่ใช่ครอบครัวแบบที่ฉันต้องการ”
“ถ้าขาดผมไปมันก็ไม่ใช่ครอบครัวเหมือนกัน”
ธนูและสายทิพย์มองหน้ากัน
“ถ้าคุณเด็ดขาดจริงอย่างที่ปากว่า คุณต้องขอผมหย่าไปนานแล้ว แต่คุณไม่ทำเพราะคุณยังรักผมอยู่”
สายทิพย์น้ำตาคลอขึ้นมา โดนพูดจี้ใจดำ ธนูน้ำตาคลอตาม
“ผมรักคุณมากนะทิพย์ แต่ชีวิตผมก็อยู่ไม่ได้ถ้าขาดวิ”
สายทิพย์น้ำตาร่วงผล๋อย
“ทุเรศ”สายทิพย์คว้าอะไรใกล้มือได้ เขวี้ยงปาใส่ธนู “ไปให้พ้น ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ”
หยาดฝนรีบวิ่งมาจับตัวพี่สาวเอาไว้ สายทิพย์ร้องไห้พรั่งพรู “ไปสิ”
หยาดฝนร้องไห้ “พอแล้วพี่ทิพย์ เดี๋ยวน้องตื่นนะคะ”
ธนูยืนมองอย่างเสียใจ สายทิพย์ร้องไห้โฮกอดน้องสาวเอาไว้ ธนูรู้สึกแย่มากเดินออกไปจากบ้านเงียบๆ
+ + + + + + + + + + + +
วิมาดาหน้าชื่นมื่น ยืนพิงประตูคอนโดห้องพัก พร้อมพิมพ์ข้อความส่งผ่านโทรศัพท์มือถือ ไปให้อุปมา
‘…วิถึงคอนโดแล้ว กู๊ดไนท์ค่ะมาร์ค...’
วิมาดาไขประตูห้องพักเข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พอกดไฟเปิดต้องร้องลั่นออกมาด้วยความตกใจ เมื่อพบว่าธนูนั่งอยู่มุมมืดๆ ที่โซฟาในห้องพักตน ธนูหน้าเศร้าๆ ลุกขึ้นมากอด วิมาดารังเกียจและรำคาญ
“ปล่อยก่อนค่ะ วิร้อน”
วิมาดาผละตัวเดินหนีไปทางตู้เย็น หน้าเครียดๆ ธนูดูห่อเหี่ยวเดินตามไป
“วิไปไหนมา ผมโทรไปก็ไม่รับสาย”
วิมาดาเปิดตู้เย็นรินน้ำใส่แก้วพร้อมตอบแบบไม่สู้ตา
“ไปกินข้าวกับเพื่อน” – “เพื่อนผู้ชายหรือผู้หญิง”
วิมาดาจะดื่มน้ำหงุดหงิด ดื่มน้ำไม่ลง กระแทกแก้วลงโต๊ะ
“อย่ามาทำตัวเป็นพ่อวิหน่อยเลย” – “ผมถามดีๆ”
“เพื่อนของวิเป็นใครไม่สำคัญ วิไปเที่ยว ฟังเพลงเต้นรำ ไปทุกที่เพื่อให้ลืมห้องนี้ และ...”วิมาดาจ้องหน้าธนู “คุณ”
วิมาดาเดินหนีอารมณ์เสียไปทางห้องนอน ธนูรีบเดินไปขวางหน้า
“ทำไมต้องลืมผมด้วย ผมไม่ชอบให้วิพูดแบบนี้เลย”
วิมาดาถอนใจ “หัวหน้ากลับไปหาคุณสายทิพย์เถอะค่ะ”
ธนูสวมกอดวิมาดา “อย่าพูดถึงเค้า ผมรักวิ”
วิมาดาผลักธนูออกไปอย่างแรง
“ถ้าหัวหน้ารักวิจริง วิขออิสระ เพราะวิทนเป็นเมียเก็บแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว หัวหน้าจะว่ายังไงคะ”
“ไม่เอาน่าวิ วิก็รู้ว่าผมต้องการวิแค่ไหน”ธนูอ้อนวอน
วิมาดาจ้องหน้า “ภรรยาหัวหน้าล่ะคะ”
“เรื่องของเค้า เค้าก็อยู่ส่วนเค้า เราก็อยู่ส่วนเรา วิอย่าคิดมากสิ อยู่อย่างงี้เราก็มีความสุขดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใช่เราค่ะ หัวหน้าคนเดียวที่มีความสุข ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ต้องอยู่ในสภาพแบบวิแล้วมีความสุขได้อย่างเต็มอิ่มหรอกค่ะ...”วิมาดาจ้องหน้า “วิคงทนสภาพนี้อีกได้ไม่นาน...กลับแล้วล็อคห้องให้เรียบร้อยด้วยนะคะ”
วิมาดาสะบัดหน้าพรืด เดินกลับเข้าห้องนอนปิดประตูห้องใส่โครม ธนูสลดใจยืนหดหู่ หันไปทางไหนก็ไม่มีใครต้องการ
+ + + + + + + + + + + +
เมื่อได้รับอนุญาติให้ไปเที่ยวกับชันษาได้ สไบนางจัดกระเป๋าอย่างกระตือรือล้น สไบนางหิ้วกระเป๋าเดินทางสองมือเดินนำมาที่โถงบ้าน บังอรรีบตามมา
“คุณบี เดี๋ยวก็ปวดหลังหรอกค่ะ”
“บีไม่ใช่คนแก่นะคะคุณบังอร” สไบนางวางกระเป๋าที่ห้องรับแขก
“เห่อจังเลยนะคะ”
สไบนางป้องปาก “ไม่ได้หรอกค่ะ กลัวไม่ได้ไป”
ขณะเดียวกันนั้น เสียงแตรรถบีบดังอยู่หน้าบ้าน สไบนางตื่นเต้น
“ชันษามาแล้ว”
“ไม่ใช่มั้งคะ ป่านนี้งานยังไม่เลิกหรอก”
“จะไปเที่ยวก็ต้องเลิกงานเร็วหน่อยสิคะ”สไบนางวิ่งออกไปดู
บังอรมองตามยิ้มๆส่ายหน้า
สไบนางวิ่งมาหน้าบ้านผงะไป เมื่อเห็นอุปมาเดินลงจากรถสปอร์ตหรูหรา สไบนางจำหน้าอริได้ขึ้นใจ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา รีบวิ่งลงบันไดไป อุปมาไม่ทันสังเกตอะไร หันไปกวาดตามองหาสาวใช้ที่ไปเปิดประตูรั้ว เสียงสไบนางดังมาจากด้านหลัง
“แกมาทำไม”
อุปมาหันกลับมามองด้านหลัง ทันใดนนั้นสไบนางก็สาดน้ำทั้งกระป๋องเข้าใส่เขาเต็มๆ อุปมาตกใจ
“เฮ้ย...”
อุปมาพยายามเบือนหน้าหลบ แต่ระยะกระชั้นชิดไม่พ้นเปียกโชกทั้งรถทั้งคน สไบนางหัวเราะชอบใจ
“ไอ้เด็กบ้า”
สไบนางทำหน้าทำตาหลอกวิ่งหนี “เก่งจริงอย่าหนีสิวะ”
อุปมาวิ่งไล่ตามสไบนาง...สไบนางวิ่งหนีขึ้นบันไดบ้าน อุปมาวิ่งกวดตาม “จะหนีไปไหน”
บังอรเดินตามออกมา สไบนางวิ่งไปหลบหลังบังอร “มีเรื่องอะไรกันคะ”
อุปมายกมือไหว้บังอร บังอรรีบรับไหว้ อุปมาปาดน้ำที่เปื้อนหน้าออก
“คุณบารมี บุญอนันต์ ให้ผมมาพบ คุณหญิงรุจา อัคราช”
สไบนางยื่นหน้ามาจากหลังบังอร “ไม่ให้พบ”
อุปมาจ้องตาดุใส่สไบนาง บังอรหันไปปรามสไบนาง
“คุณบี แขกคุณย่า อย่าเสียมารยาทสิคะ...ต้องขอประทานโทษด้วยนะคะคุณ...รอซักครู่นะคะ ดิฉันจะขึ้น
ไปเรียนคุณหญิงท่านให้” – “ขอบคุณครับ”
บังอรเดินนำขึ้นบ้านไป สไบนางยืนกางแขนขวางทางเอาไว้ ทำหน้ากวนๆ
“กลับไปเถอะ เมื่อฉันไม่ต้อนรับนาย คุณย่าก็ไม่ต้อนรับนายเหมือนกัน”
อุปมายิ้มมั่นใจ
“เดี๋ยวก็รู้ ว่าระหว่างฉันกับเธอ คุณหญิงจะเลือกฟังใคร ภายในวันนี้ ฉันจะทำให้เธอก้มกราบขอโทษฉันให้ได้”
สไบนางหัวเราะชอบใจ ยกมือบ๊ายบายลาพร้อมส่งจูบ แกล้งเดินหัวเราะตัวงอไม่ออกเสียง กลับขึ้นบ้านไป
“วอนโดนเตะซะแล้ว”
อุปมาเดินหน้าบึ้งกลับไปที่รถ
+ + + + + + + + + + + +
บังอรเคาะประตูห้องพระ ก่อนเปิดเข้ามา คุณหญิงรุจาหันมอง
“วันนี้คุณท่านเข้าห้องพระเร็วจังเลยนะคะ”
“ก็เธอกับยัยบุบบี้จะไปเที่ยวนี่ ฉันก็ต้องสวดมนต์ให้สบายใจจะได้หายเป็นห่วงหน่อย”
บังอรยิ้มๆ “แหมคุณท่านคะ พัทยาแค่นี้เอง ถนนหนทางก็ตัดใหม่สะดวกปลอดภัยค่ะ”
“พูดเหมือนเคยไป”คุณหญิงรุจาขัดคอ
บังอรยิ้มเขินๆ “จำชันษาพูดมาน่ะค่ะ”
คุณหญิงรุจายิ้มๆ “มีอะไรล่ะ”
“มีแขกมารอพบคุณน่ะค่ะ บอกว่าคุณบารมี บุญอนันต์ส่งให้มาพบ”
คุณหญิงรุจาผงะไปเล็กน้อย ไม่ค่อยสบายใจนัก
+ + + + + + + + + + + +
เสื้อเปียกตัวที่อุปมาใส่ถูกขยำโยนใส่ท้ายรถ อุปมาเปลี่ยนเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ที่ติดไว้ในรถ กำลังติดกระดุม พับแขนไป โมโหไม่หาย บังอรเดินกลับออกมาหา
“คุณคะ”
อุปมาหันมอง
“คุณหญิงท่านเรียนเชิญข้างบนบ้านค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
บังอรเดินนำไป อุปมาปิดท้ายรถโครมแล้วเดินตามไปด้วยสีหน้านิ่งขรึม อุปมาเข้าไปคุยกับคุณหญิงที่ห้องรับแขก
ทางด้านสไบนางมาแอบดูอยู่นานแล้ว แต่กลัวโดนดุ ละล้าละลังไม่กล้าเข้ามาที่ห้องรับแขก ทำลับๆล่อๆอยู่ คุณหญิงรุจาที่นั่งคุยอยู่กับอุปมาหันมองไปทางสไบนาง
“เข้ามานี่ แม่บี”คุณหญิงรุจาเรียกเสียงดุ
สไบนางจ๋อยๆ เดินเข้ามา อุปมายิ้มเย้ยๆ สไบนางเหล่ๆ มองอุปมาไม่ชอบขี้หน้าเดินมายืนข้างๆย่า
“ใครสั่งใครสอนให้ยืนค้ำหัวผู้ใหญ่ นั่งลง”
สไบนางจ๋อยๆ โดนดุต่อหน้าอริ นั่งลงแต่โดยดี อุปมาแอบอมยิ้มกวนๆ สไบนางเจ็บใจแต่เก็บอาการกลัวโดนย่าดุ “ทำความผิดอะไรไว้”
“ไม่ทราบค่ะ”สไบนางปฏิเสธหน้าตาย
คุณหญิงรุจามองหน้าด้วยสายตาดุ
“ไม่ทราบอะไร...เอาน้ำไปสาดพี่เค้าจนเปียกโชกขนาดนั้น ดีนะที่พี่เค้ามีเสื้อสำรองอยู่ในรถ”
สไบนางยิ้มแหยๆ แก้ตัวไป “บีนึกว่าวันสงกรานต์”
“แม่บี เดี๋ยวเถอะนะ...คุณอุปมาเป็นแขกของย่า เราทำแบบนี้ได้ยังไง ไปกราบขอโทษคุณอุปมาเดี๋ยวนี้เลย”
สไบนางตาเบิกโพลงที่ย่าเข้าข้างอุปมา หันไปจ้องหน้าอุปมา อุปมายิ้มเย้ยๆ ยืดตัวนั่งตรงกวนๆ ด้วยการปัดตักให้เรียบๆ รอให้สไบนางมากราบงามๆ สไบนางไม่ยอม
“ไม่ค่ะ บีไม่ผิด บีไม่ขอโทษ เค้าเคยร้ายใส่บีก่อน”
คุณหญิงรุจาส่ายหน้าระอา
“คุณอุปมาเล่าเรื่องที่เราไปทำกร่างที่บริษัทเค้าให้ย่าฟังหมดแล้ว เรานั่นแหละเสียมารยาทก่อน ขอโทษคุณอุปมาเดี๋ยวนี้ ไม่ยังงั้น ย่าจะไม่อนุญาตให้ไปพัทยา”
สไบนางจ๋อยไป “คุณย่าคะ...คุณย่าให้บีไปแล้วกลับคำพูดไม่ได้นะคะ”
“รักแต่จะเที่ยว แต่ไม่รักษาหน้าของย่าเลย นี่เป็นคำสั่ง ไปกราบขอโทษคุณอุปมาเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ทำก็ไปเที่ยวพัทยาไม่ได้ แถมย่าจะมีบทลงโทษให้ด้วย”
อุปมาแอบยิ้มเย้ยหยันอย่างคนชนะ อยู่หลังคุณหญิงรุจา สไบนางเจ็บใจมาก
“ไม่มีทางค่ะคุณย่า” สไบนางจ้องหน้าอุปมา “เป็นตายยังไงฉันก็ไม่ขอโทษแก”
คุณหญิงรุจาตกใจ “ตายแล้วยัยบี ทำไมพูดจาน่าเกลียดยังงี้”
คุณหญิงรุจาหยิกแขนสไบนางอย่างแรง สไบนางหน้าบูดเบี้ยวด้วยความเจ็บ คุณหญิงรุจาถอนใจออกมาอย่างหนักใจ เบี่ยงตัวหันไปอีกทาง เสียใจและผิดหวังมาก สไบนางชำเลืองมองย่า รู้นิสัยกันดีว่าโกรธจัด อุปมาหันมาพูดดี แต่หน้าตาท่าทางดูกวนๆ
“ช่างเถอะครับคุณย่า แกยังเด็ก ฤทธิ์มาก ผมไม่ถือสาหรอกครับ ไม่อยากไหว้ก็ไม่ต้องไหว้”
สไบนางจ้องหน้าอุปมาอย่างหมั่นไส้ แต่จำใจต้องขอโทษกลัวจะอดเที่ยว สไบนางไหว้ทิ่มพรวด พูดห้วนๆ
“ขอโทษ” – “แม่บี ทำมารยาทให้ดีๆ หน่อยนะ” – “บีทำได้แค่นี้ล่ะค่ะ”
สไบนางลุกหนีไปเลยด้วยความเจ็บใจ คุณหญิงรุจาถอนใจส่ายหน้า
“อ่อนใจจริงๆ...ขอโทษทีนะคะ หลานคนนี้ไม่ไหวเลย”
“ไม่เป็นหรอกครับ โตขึ้นแกก็จะสงบขึ้นเอง”
“ย่าก็หวังยังงั้นล่ะ รอเจอวิจิตราภรรยาประมุขกับหนูเมก่อนสิ ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนแล้วค่อยกลับนะ”
อุปมายิ้มเต็มใจ “ครับคุณย่า”
สไบนางแอบมองอย่างชิงชัง ผูกใจเจ็บ อยู่มุมหนึ่ง
“ไปชวนมันทำไม เสียดายข้าว เทให้หมากินยังมีประโยชน์กว่า”
สไบนางคิดแผนการเอาคืน อมยิ้มมุมปากร้ายๆ
+ + + + + + + + + + + +
ล้อหลังรถสปอร์ตของอุปมา มีตะปูตั้งแหลมหลายสิบตัวโรยเอาไว้ทั้งสองล้อ สไบนางยิ้มพอใจ กะเจาะยางซะเลย ยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วรีบเดินไปหาบังอร ที่ยืนคุยกับหยาดฝน หน้ากองกระเป๋าเสื้อผ้าเตรียมพร้อมขนขึ้นรถตู้
“บีว่าเราขนของไปรอที่บ้านชันษาเลยดีกว่า”สไบนางรีบชวนกลัวถูกจับได้เหมือนกัน
หยาดฝนงงๆ “จะใจร้อนไปถึงไหน”
“นั่นน่ะสิ เดี๋ยวชันษาเค้าก็ถอยรถมารับ จะขนของไปทำไมให้เมื่อย”บังอรแย้ง
ขาดคำเมธาวีก็ขับรถคันหรู เข้ามาจอดต่อท้ายรถสปอร์ตของอุปมาอย่างงงๆปนสงสัยว่า
รถใคร เมธาวีเยื้องกายลงจากรถ สวยสง่าแม้ในชุดเสื้อผ้าทำงาน ดูสวยไม่มีที่ติ หยาดฝนมองอย่างปลื้มๆ
“พี่เมสวยจังเลย เห็นเมื่อไหร่สวยเมื่อนั้น...พี่เค้าดูแลตัวเองดีจังเลยเน๊อะ ใครเห็นพี่เมครั้งเดียวต้องติดตาไปอีก 3 วัน”
สไบนางเหยียดปากหมั่นไส้
“เว่อร์”
“ไปไหว้พี่เมมั้ยบี”
“ตามใจเธอสิ แต่บีไม่พาไปนะ พี่เมไม่เคยสนใจเพื่อนของบีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ทางที่ดีอย่าเข้าไปดีกว่า เดี๋ยวจะหน้าแหก”
หยาดฝนเจอเพื่อนเบรกก็ขยาด...เมธาวีเข้ามาถามบังอร ไม่มองสไบนางกับหยาดฝนเลย
“ใครมาคะคุณบังอร”
“แขกคุณท่านน่ะค่ะ”
เมธาวีพยักหน้ารับเดินเลี่ยงขึ้นบ้านไป ไม่เหลือบมองสไบนางและหยาดฝน แม้แต่ปลายหางตา
“ไงล่ะ...เค้ามองไม่เห็นเราด้วยซ้ำ” สไบนางค้อนใส่เพื่อน หยาดฝนหน้าจ๋อยๆ แหยๆไป
+ + + + + + + + + + + + +
อ่านต่อหน้า 2
รอยมา (ต่อ)
เมธาวีเดินขึ้นบ้านมาทางห้องรับแขก อุปมาหันมองเมธาวีอึ้งในความสวย มีบุคลิกของเธอ
“อ้าว หนูเมมาพอดี”
อุปมายิ้มให้
“นี่คุณอุปมา บุญอนันต์”
เมธาวียกมือไหว้ อุปมารับไหว้ “เราเคยเจอกันแล้วครับ”
“เหรอ ดีจังเลย...งั้นเมมานั่งคุยเป็นเพื่อนพี่เค้าแทนย่าหน่อย ย่าจะไปสั่งงานแม่ครัว วันนี้คุณอุปมาจะทานข้าวเย็นกับเราด้วย”
คุณหญิงรุจาพูดจบก็ลุกเดินไปเลย เมธาวีเก้ๆ กังๆ เล็กน้อย ปฏิเสธไม่ทัน เดินมานั่งอย่างไว้มารยาทปั้นหน้านิ่ง เก็บความรู้สึก วางท่า “ไม่ทราบว่าคุณเป็นแขกของคุณย่า”
อุปมายิ้มๆส่งตาหวาน “ถ้าผมมาที่นี่บ่อยๆ คุณเมจะขัดข้องอะไรมั้ยครับ”
เมธาวียังคงนิ่ง “ไม่ลองถามคุณย่าดูล่ะคะ”
อุปมาอมยิ้มจ้องตา “ผมถามคุณตะหาก รังเกียจผมรึเปล่า ผมอยาก สมัครเป็นเพื่อนสนิทคุณ เหมือนนายตำรวจคนนั้น”
เมธาวียิ้มบางๆ “เรื่องสมัคร คงต้องไปถามรายละเอียดจากอาทิตย์เอาเอง”
อุปมาส่งสายตาเจ้าชู้
“พูดยังงี้ จะบอกผมนัยๆ รึเปล่าว่าปิดรับสมัครแล้ว” – “คงงั้นมั้งคะ”
อุปมาทำหน้าจ๋อย “งั้นผมคงต้องเข้าทางลัดผ่านคุณย่าแล้วล่ะ”อุปมายิ้มเจ้าเล่ห์อย่างมีเสน่ห์
เมธาวีหน้านิ่ง เก็บความรู้สึก
“ก็สุดแล้วแต่คุณ เมคงไปห้ามอะไรไม่ได้ เมขอตัวอาบน้ำก่อนนะคะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“เชิญครับ”
เมธาวีลุกยืน อุปมาลุกยืนตามส่ง
“ผมจะรอคุณเมกลับออกมา อย่างใจจดใจจ่อนะครับ”อุปมาส่งตาหวานเจ้าชู้
เมธาวีสบตาอุปมาอย่างวางฟอร์ม เดินเชิดกรีดกรายออกไปขึ้นบันไดบ้านชั้นบน อุปมาหันมองตาม แววตาปลาบปลื้ม หลงความสวยและเสน่ห์ของเมธาวีเข้าให้อย่างจัง...
+ + + + + + + + + + + +
สไบนางโทรศัพท์มือถือคุยกับชันษาอยู่อย่างเซ็งๆ
“จำวันผิดรึเปล่าชัน คุณบังอรนั่งรอจนเก่าหมดแล้ว”
บังอรอดขำไม่ได้ “เด็กคนนี้นี่”
สไบนางคุยโทรศัพท์ต่อ...“เออ เออ เดี๋ยวก็ไม่ไปซะหรอก”สไบนางกดตัดสาย
“ระวังพี่เค้าจะไม่ง้อนะบี”หยาดฝนเตือน
“ก็ลองดูสิ”
“ชันษาถึงไหนแล้วล่ะ”บังอรถาม
“หน้าปากซอยแล้วค่ะ”
หยาดฝนมองไปทางหน้าบ้าน
“เพื่อนพี่เมมาแน่ะ”
ทุกคนมองไปเห็นอาทิตย์ ในชุดเครื่องแบบเดินยิ้มแย้มเข้าบ้านมา สไบนางหันไปบอกหยาดฝน
“คนนี้โอเคคบได้”
อาทิตย์ยิ้มแย้มยกมือไหว้บังอร “สวัสดีครับคุณบังอร”
บังอรรับไหว้ “สวัสดีค่ะคุณอาทิตย์ คุณเมเพิ่งกลับมาซักครู่นี่เองค่ะ”
อาทิตย์แกล้งตะเบ๊ะใส่สไบนาง “สวัสดีครับคุณบู้บี้”
สไบนางฉุนกึก “ใครชื่อบู้บี้ไม่ทราบ”
“อ้าว ก็ชื่อบุบบี้ เป็นลิขสิทธิ์คุณย่า ผมก็ต้องตั้งใหม่บู้บี้ น่ารักดีออก เหมาะกับคุณด้วย”อาทิตย์ขำๆ
สไบนางแกล้งชกท้องอาทิตย์ “โอ๊ย...”
“ชกตำรวจเดี๋ยวก็โดนจับหรอก”หยาดฝนปรามเพื่อน
“ก็ลองมาจับสิ” สไบนางจ้องหน้าท้าทาย
ขณะเดียวกันนั้น เสียงบีบแตรนำมาก่อนรถตู้จะขับเข้ามาในบ้าน สไบนางดีใจ “รถตู้มาแล้ว”
ชันษานั่งหน้ารถตู้คู่กับคนขับ พอรถจอดชันษาก็ลงมา
“ขนของขึ้นรถเลยครับ”
“จะไปเที่ยวไหนกันครับเนี่ย”อาทิตย์แปลกใจ
“พัทยาค่ะ”
อาทิตย์ช่วยบังอรขนของไปขึ้นรถ
“อยากไปด้วยจัง” – “ทริปเด็กหนุ่มสาวไม่ต้อนรับคนแก่”สไบนางแดกดัน
บังอรชะงักกึก “อ้าว แล้วคุณบังอรล่ะคะ”
สไบนางยิ้มๆ “ผู้คุมเด็ก ยกเว้นค่ะ”
“ไปกันเลยมั้ย”ชันษาถาม
“คุณบี ไปลาคุณย่าก่อนค่ะ”บังอรสั่ง
สไบนางยังงอนไม่หาย “ไม่ต้องก็ได้ค่ะ บีไปไม่กี่วัน...ไปพวกเราขึ้นรถ”
คุณหญิงรุจาเดินออกมาจากบ้าน “นี่แม่บี ใจคอจะไม่ไหว้ลาย่าซักหน่อยเหรอ”
สไบนางยังงอนๆ อาทิตย์ยกมือไหว้
“สวัสดีครับคุณย่า” คุณหญิงรุจารับไหว้ แล้วฟ้องอาทิตย์
“ดูแม่บุบบี้ของเราสิ ทำความผิดโดนดุนิดหน่อย ยังมาโกรธย่าอีก”
อุปมาเดินตามออกมา สไบนางเหลือบตามองอุปมา
“ก็ย่าอยากเห็นคนอื่นดีกว่าหลานตัวเองทำไมล่ะค่ะ”สไบนางทำตาเขียวใส่อุปมา
คุณหญิงรุจาส่ายหน้า “เดินทางโดยสวัสดิภาพนะทุกคน”
ทุกคนไหว้ลาคุณหญิงรุจา สไบนางเดินมากระซิบอาทิตย์ ยักคิ้วให้อาทิตย์มองไปทางอุปมา
“นายนั่นนิสัยไม่ดี อย่าไปพูดดีด้วย แล้วก็ระวังให้ดี มันจะจีบพี่เม”
สไบนางตาขวางเลยไปให้อุปมาก่อนเดินขึ้นรถไป อาทิตย์หันมองอุปมายิ้มทักทายให้ เดินไปเช็คแฮนด์กัน แต่ชันษาอยู่ใกล้เลยได้ยินสไบนางพูดก็อึ้งๆ หันมองตามทั้งคู่ไป
“ชันษา จะไปมั้ย”สไบนางตะโกนเรียก
“ไปสิ”
ชันษาหน้าขรึมๆไม่สบายใจ เพราะคู่แข่งเยอะแยะไปหมด ชันษาไหว้คุณหญิงรุจาแล้วขึ้นรถตู้ไป อาทิตย์และอุปมาเดินมาสมทบคุณหญิงรุจา ที่ยืนมองส่งรถตู้แล่นออกไปจากบ้าน
“เที่ยวให้สนุกนะทุกคน ถึงแล้วโทรหาทันทีเลยนะ”คุณหญิงรุจาตะโกนตามหลังรถตู้ไป
อุปมาเหลือบเห็นตะปูหลังล้อรถตน เดินเข้าไปเก็บ เดาได้ว่าฝีมือใคร จ้องเขม็งตามรถตู้ไป สไบนางเปิดกระจก ยื่นหน้าออกมา แลบลิ้นปลิ้นตาใส่เขาทิ้งท้ายอีกที
“ดู๊ดูหลานฉัน เป็นลิงเป็นค่างมาเกิดรึไง”คุณหญิงรุจาถอนใจส่ายหน้า
อาทิตย์ยิ้มๆเอ็นดู อุปมาจ้องมองตามสไบนางด้วยความเจ็บใจ ตั้งใจว่าจะต้องหาทางปราบเด็กคนนี้ให้อยู่หมัดให้ได้
+ + + + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น วิจิตราจูงมือคุณหญิงรุจามาคุยที่มุมหนึ่งของบ้าน วิจิตราถามอย่างตื่นเต้น
“ลูกชายเพื่อนคนไหนของคุณประมุขเหรอคะคุณแม่”
“เธอไม่รู้จักหรอก”คุณหญิงรุจาบอกหน้านิ่งๆ
“หน้าตาท่าทางดีจังเลยนะคะ โชคดีนะคะที่เชื้อทางแม่ไม่แรงหน้าตาเลยเหมือนคนไทย”
“เหมือนพ่อเค้าตอนหนุ่มๆมาก”คุณหญิงรุจาถอนใจออกมา
“รวยมั้ยคะ”
“ไม่รู้สิ คงรวยล่ะมั้ง”
วิจิตรายังติดใจสงสัย “แต่ดูท่าทางเค้าก็สนใจยัยเมอยู่เหมือนกันนะคะ คุณแม่”
คุณหญิงรุจาหน้านิ่งขรึมไปอย่างใช้ความคิด วิจิตราอมยิ้มปลื้มใจ
“ยัยเมนี่สวยเลือกได้จริงๆ”
“บางครั้งอาจจะโดนบังคับเลือกก็ได้นะจิตรา”
คุณหญิงรุจาเดินหน้านิ่งขรึม คล้ายกุมความลับบางอย่างไว้ เดินเลี่ยงไปทางหลังบ้าน วิจิตรามองตามแม่สามีไปงงๆ
“คุณแม่พูดแปลกๆ” วิจิตราไม่ติดใจอะไร ได้แต่อมยิ้มพอใจที่ลูกสาวมีแต่ผู้ชายรวยๆมาสนใจ
+ + + + + + + + + + + +
อุปมา เมธาวี และอาทิตย์ นั่งร่วมโต๊ะอาหารกันอยู่ แต่ความสนใจของเมธาวีอยู่ที่อุปมามากกว่า อาทิตย์รู้สึกขัดเคืองใจอยู่ลึกๆ
“คุณเมต่อโทที่อังกฤษนี่เอง เราถึงได้ไม่เจอกัน”อุปมาพูดขึ้น
“อเมริกาก็ไม่ได้แคบนะครับ อาจจะไม่เจอกันก็ได้”อาทิตย์ขัดคอแล้วตักกับข้าวให้เมธาวี
อุปมาและเมธาวีดูจะไม่ได้สนใจคำพูดขัดจังหวะของอาทิตย์นัก
“แล้วคุณจบด้านไหนมาคะ”
“บริหารครับ พ่ออยากให้มาช่วยกิจการของท่าน”อุปมาตักกับข้าวมาใส่จานเมธาวีบ้าง
“ขอบคุณค่ะ”
อาทิตย์จับสังเกต...เมธาวีเลือกตักกับข้าวที่อุปมาตักมาใส่จานให้ มาคลุกกับข้าวตักใส่ช้อนแทนที่จะเป็นกับข้าวที่ตนตักมาให้ อาทิตย์น้อยใจจนเหลืออด ลุกขึ้น
“ผมเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
เมธาวีและอุปมาหันมองอาทิตย์เล็กน้อยก่อนหันคุยกันต่อ
“แล้วที่บ้านคุณทำธุรกิจเกี่ยวกับอะไรเหรอคะ”
“อิมพอร์ต-เอ็กซ์พอร์ตครับ”
อาทิตย์งอนได้ที่ เดินฉับๆไปห้องน้ำโดยที่ทั้งสองคนก็ไม่ได้สนใจอะไร
+ + + + + + + + + + + +
รถตู้พาไปถึงบ้านชันษาที่พัทยาก็ค่ำแล้ว สไบนางวิ่งนำทุกคนไปเลือกห้องพักห้องโน้นห้องนี้ ชันษา หยาดฝน และบังอร ช่วยกันยกกระเป๋ามาวางที่ห้องรับแขก
“โอ้โห ห้องนี้เปิดหน้าต่างเห็นทะเลเลย”สไบนางน้ำเสียงตื่นเต้นมากๆ
ชันษายิ้มๆหันไปบอกหยาดฝน
“เพื่อนเราไฮเปอร์น่าดู”
“ทุกเรื่องเลยค่ะพี่ชัน”
“ไม่อยู่ 2-3 วันยังงี้ คุณย่าเหงาแน่ๆ”บังอรยิ้มๆ
สไบนางวิ่งออกมา
“บีกับฝนจองห้องนี้นะคะ”
“ไม่มีใครกล้าแย่งกับเธอหรอกจ้ะ”หยาดฝนแหย่
“คุณบังอรพักห้องใหญ่ก็ได้ครับ”ชันษาแนะ
“คุณพ่อคุณแม่ชันล่ะ”บังอรถาม
“ท่านไม่อยากให้อึดอัดกันเลยไปพักอีกหลัง...ผมช่วยขนของเข้าห้องนะครับ”
สไบนางคึก นึกสนุกวิ่งดีใจเข้าไปในห้อง โดดตัวลอยลงเตียงดังโครมคราม
“ตายแล้วคุณบี เดี๋ยวบ้านก็พังพอดีหรอก”
บังอรเดินตามไปหาสไบนาง ทุกคนขำๆ ช่วยกันขนของไป หยาดฝนจะไปยกของ ชันษาห้ามไว้
“ไม่ต้องครับ พี่ขนให้เอง”
ชันษาช่วยยกของทั้งหมดเดินนำไป หยาดฝนแอบมองหน้าชันษา อมยิ้มปลื้มๆ
+ + + + + + + + + + + +
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว เมธาวีเดินมาส่งอาทิตย์ที่รถ อาทิตย์น้อยใจ
“ดูเมสนใจคุยกับเค้ามากกว่าผมอีกนะ”
เมธาวีหันมองหน้าอาทิตย์ขำๆ
“ก็ไม่แปลกนี่คะ เค้าเป็นเพื่อนใหม่ เมยังไม่รู้จักเรื่องราวของเค้าเลย ก็ต้องซักถามพูดคุยมากกว่า
เป็นธรรมดา”
อาทิตย์ตัดพ้อ
“เรื่องเค้าก็น่าสนใจซะด้วย”
“น้อยใจเหรอคะ”
“ไม่รู้สิ...รู้สึกเหมือนเมไม่ค่อยเห็นความสำคัญของผม”
เมธาวียิ้มๆ “ทุกคนก็เพื่อนเมทั้งนั้น”
อาทิตย์มองหน้า “เมเพิ่งเจอมาร์คหนสองคน ก็ให้ความสำคัญเท่ากับผม ที่คบกันมา 2 ปีเลยเหรอ”
เมธาวียักไหล่
“เมเคยบอกอาทิตย์แล้วไง ว่าเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่แฟน ไม่ใช่คนรัก แล้วก็ไม่ได้เดทกันด้วย เมยังมีสิทธิ์เลือก”
อาทิตย์ถอนใจออกมา
“อาทิตย์...ถ้าคุณอยากได้ของดีมีราคาไว้เป็นเจ้าของ ก็ต้องพยายาม ไม่มีของดีที่ได้มาง่ายๆ หรอกนะ คุณต้องลงทุนลงแรงอะไรที่ได้มาง่ายๆ มันจะไม่มีค่า”
“ผมเข้าใจว่าเมอยู่ในสถานะที่มีสิทธิ์เลือก ผมเองก็ยังไม่ดีพอ”
เมธาวียักไหล่ “อาทิตย์พูดเองนะ...”เมธาวีตัดบท ชักรำคาญ “เมส่งแค่นี้นะ”
เมธาวีจะเดินกลับเข้าไป อาทิตย์หันมองตาม
“เมเคยได้ยินคำโบราณมั้ย”
เมธาวีหันมองหน้าอาทิตย์ “เลือกนักมักได้แร่”
เมธาวียิ้มมั่นใจ
“มันไม่มีทางเกิดขึ้นกับเมหรอกอาทิตย์ คนอย่างเม ถ้าต้องได้แร่ เมไม่เลือก...เมขอเป็นเพชรที่ตั้งโชว์
ในพิพิธภัณฑ์ให้คนได้ชื่นชมความงาม ดีกว่าเป็นสมบัติของคนที่ไม่คู่ควร”
เมธาวีสะบัดหน้าพรืดเดินกลับเข้าบ้านไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก อาทิตย์ได้แต่หันมองตามเมธาวีไปพร้อมกับถอนใจยาวออกมาอย่างพยายามทำใจผิดหวังเอาไว้
+ + + + + + + + + + + +
หัสดินเซ็นเอกสารรับของ แล้วส่งคืนพนักงาน จากนั้นได้เดินอกมาส่งที่หน้าระเบียงบ้าน อุปมาขับรถกลับมาพอดี ลงจากรถมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอารมณ์ดี คุยกับหัสดิน
“เตียงมาส่งแล้วเหรอ” – “เออ แข็งแรง รับรองวันเข้าหอไม่มีหัก” – “ใครจะรุนแรงขนาดนั้น” – “แกมาก็ดีแล้ว ฉันไปล่ะ” – “จะรีบไปไหนวะ” – “นัดเพื่อนไว้”หัสดินเดินลงไป
“เฮ้ย ไปด้วยสิ” – “พัทยานะ”
อุปมายักไหล่ “แล้วไง...ไม่อยากอยู่บ้านคนเดียวเหงา ขอเก็บเสื้อผ้าเดี๋ยว”อุปมารีบเข้าบ้านไป
“ตามประกบยิ่งกว่าเมียอีกโว้ย”หัสดินบ่นพึมพำยิ้มๆส่ายหน้า
+ + + + + + + + + + + +
ค่ำคืนนั้น...
เมธาวีใส่ชุดนอนเดินมาเคาะประตูห้องนอนคุณหญิงรุจา “เข้ามา”
เมธาวีเปิดประตูเข้าห้องไป เห็นคุณหญิงรุจาในชุดนอนนั่งถอดไพ่เล่นๆไปบนเตียง
“คุณย่ามีอะไรจะใช้เมเหรอคะ”
“ไม่มีอะไรหรอก นั่งก่อนสิ ย่ามีอะไรอยากคุยด้วยหน่อย”
เมธาวีนั่งลงยิ้มๆ “หลานรักไม่อยู่ เหงาล่ะสิคะ”
คุณหญิงรุจามองหน้าเมธาวี
“พูดจาแบบนี้อีกแล้วนะ ย่ามีหลานอยู่ 3 คน ทศ เม บี ย่าก็รักเท่ากันหมดนั่นแหละ”
“แต่พิเศษกับบีมากกว่าเพื่อน”
“ก็น้องน่าสงสารนี่นา”
เมธาวียักไหล่ไม่เห็นด้วย
“น่าสงสารตรงไหนคะ มีแต่คนรุมเอาใจทั้งคุณย่า ทั้งคุณพ่อ”เมธาวีพูดอย่างน้อยใจ
“เราก็มัวแต่คิดเล็กคิดน้อยอยู่แบบนี้ ใจจะไม่สบายนะลูก เราน่ะเพียบพร้อมกว่าน้องเป็นไหนๆ จะไปเปรียบเทียบอะไรกับน้องอีก”
เมธาวีถอนใจ “พูดธุระของคุณย่ามาเถอะค่ะ”
รุจามองหน้าเมธาวี “คิดยังไงกับคุณอุปมา”
เมธาวีมองหน้าย่าขำๆ “ทำไมถามเมแบบนี้ล่ะค่ะ อย่าบอกเมนะคะ ว่าคุณย่านัดเค้ามาให้เมดูตัว”
คุณหญิงรุจายิ้มบางๆ
“เปล่า เค้ามาเยี่ยมย่าแทนพ่อเค้า ย่าเห็นเค้าดูจะสนใจเมอยู่”
เมธาวียิ้มๆมั่นใจ
“ผู้ชายทุกคนที่เจอเม ก็หว่านเมยังงี้เหมือนกันแหละค่ะ เมชินซะแล้วล่ะค่ะคุณย่า”
คุณหญิงรุจายิ้มบางๆ
“เพราะเมดีพร้อมทุกด้านไงลูก ถึงได้มีคนดีๆมาให้เลือก แต่ทุกอย่างอยู่ในสายตาผู้ใหญ่แบบนี้น่ะดีแล้ว ไม่น่าเกลียด”
เมธาวีนึกถึงอุปมาแล้วก็อมยิ้ม “ค่ะคุณย่า”
รุจาหน้าเคร่งเครียด
“ทั้งคุณอุปมา ทั้งคุณอาทิตย์ ก็เป็นผู้ชายที่เพียบพร้อม ทั้งหน้าที่การงาน การศึกษา ฐานะความเป็นอยู่ ค่อยๆ ดู ค่อยๆ ศึกษากันไปนะ”คุณหญิงรุจาถอนใจออกมาอย่างหนักใจ
เมธาวีอดสงสัยไม่ได้
“ทำไมคุณย่าดูเหมือนกลุ้มใจจังเลยล่ะคะ”
คุณหญิงรุจาฝืนยิ้ม “ก็เมเป็นหลานย่า ย่าก็ต้องรักต้องห่วงเป็นธรรมดา”
เมธาวียิ้มชื่นใจ มองหน้าหลานสาว... “รับปากย่าได้มั้ย ว่าสุดท้ายแล้วเรื่องคู่ครองของเม ขอย่าได้มีส่วนช่วยเลือกให้”
“ได้แน่นอนค่ะ คุณย่าต้องเฟ้นหาคนที่ดีที่สุดให้เมอยู่แล้ว”
“ขอบใจมากจ้ะ ย่าจะถือว่านี่เป็นคำสัญญาที่เมให้กับย่านะ”
เมธาวียิ้มแย้ม “ค่ะคุณย่า”
คุณหญิงรุจาฝืนยิ้มบางๆ แต่เห็นความเครียดจัดซ่อนอยู่ในแววตา
+ + + + + + + + + + + + +
บรรยากาศชายหาดยามเช้า ท้องฟ้าแจ่มใส...
หยาดฝนกำลังสนุกสนานโกยทรายถมทับตัวสไบนาง
“เอาให้มิดเลยนะ”สไบนางบอกเสียงใส
“ขอปิดปากก่อนได้มั้ย”
“เดี๋ยวแกจะโดน...ก่อทรายให้เป็นรูปเรือนะฝน”
“แกเห็นเพื่อนเป็นนักปั้นแกะสลักเหรอยะ”
“เอาให้สวยก็แล้วกัน แล้วถ่ายรูปเอาไว้ให้คุณย่าดูด้วยโดนด่าแหงๆ”สไบนางยิ้มแย้มชอบใจ
“จิตรึไงแก ชอบถูกด่า”
“ช่างฉันเถอะน่ะ เอาทรายหนาๆอีก โผล่แค่ตา จมูก ปาก พอนะยะ...”
หยาดฝนโกยทรายกลบสไบนางที่ยิ้มแย้มชอบใจ
+ + + + + + + + + + + +
ที่ห้องอาหารในโรงแรมหรู...
อุปมา หัสดิน กมลฉัตร สาหร่าย และเพื่อนๆ ทานอาหารเช้าคุยกัน หัสดินแนะนำกมลฉัตรให้อุปมารู้จัก
“เรียกว่าคุณฉัตรก็พอ ห้ามเรียกคุณหญิงเด็ดขาด ไม่งั้นมีเคือง เพราะเธอกลัวคนคิดว่าแก่”
กมลฉัตรยิ้มๆ “บ้าน่ะหัส”
“รึไม่จริง”หัสดินแหย่
“จริง”กมลฉัตรขำๆ
“หัสเนี่ยกระล่อนที่สุดในกลุ่มล่ะคุณมาร์ค”สาหร่ายฟ้อง
“อ้าว พูดให้ดีนะสาหร่าย”
“ฟังให้จบก่อนสิ แต่เป็นคนดีมีน้ำใจ เสมอต้นเสมอปลาย”
หัสดินยิ้มแย้ม “ค่อยยังชั่ว”
“หัสเค้าช่วยเหลือเพื่อนพ้องตลอด เพื่อนๆรัก เรียนจบแยกย้ายกันไป ก็ไม่มีใครลืม”กมลฉัตรชื่นชม
หัสดินจับแขนอุปมาไว้
“จะลอยแล้ว”
“ใช่ครับ ตอนผมเจอเค้าที่อเมริกา คุยผิวเผินก็รู้สึกว่าคนนี้คบได้ ผมอยากมีเพื่อนคนไทยอยู่แล้ว ก็เลยสนิทกันเร็ว”อุปมาบอกอย่างยิ้มแย้ม
“ถ้าไม่อยากมีเพื่อนคนไทย ก็คงไม่อยากสนิทด้วยล่ะสิ”
“ไม่ใช่...พอแกกลับเมืองไทย ฉันก็ยังติดต่อกับแกตลอด”
“แต่นอกใจไปคบผู้หญิงอื่น”
“แหม...สาหร่ายกะจะขอกิ๊กมาร์คซะหน่อย”สาหร่ายกระเซ้า
หัสดินกอดอุปมา
“เสียใจด้วยน้องหร่าย เพื่อนผมกำลังจะแต่งงาน ผมเป็นคนทำเรือนหอให้เอง”
กมลฉัตรตาโต
“จริงเหรอคะคุณมาร์ค ฉัตรจะได้แสดงความยินดีล่วงหน้า”
“ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอกครับ”
สาหร่ายเอามือทาบอก “ค่อยยังชั่ว”
“ยังกล้าหวังอีกเหรอะ”หัสดินกัด
ทุกคนขำๆ กัน ขณะเดียวกันนั้นโทรศัพท์มือถืออุปมาดังขัดขึ้น...อุปมาดูเบอร์โชว์หน้าขรึมๆลงทันที
“ขอตัวรับโทรศัพท์เดี๋ยวนะครับ”
อุปมาเดินกดรับคุยโทรศัพท์ออกไปจากโต๊ะอาหาร
“ว่าไงครับ”อุปมาฟังอีกฝ่ายก่อนตอบ “ผมอยู่พัทยา”
“วิอยากไปหาคุณ...นะคะมาร์ค ให้วิไปหาคุณนะ”
อุปมาได้แต่ถอนใจออกมา ที่วิมาดาพยายามตามติดเขาเต็มที่
+ + + + + + + + + + + +
หลังจากทานอหาร
อุปมากับหัสดินไปที่ชายหาดด้วยกัน อุปมาสวมแว่นดำอยู่ที่เตียงชายหาด คุยกับหัสดินที่นั่งเตียงข้างๆ แต่กางร่ม แต่งตัวมิดชิด สวมหมวกอารมณ์ไม่ชอบแดด อุปมาเล่าถึงเรื่องที่จะต้องแต่งงานให้ฟัง...
“ฉันไม่ได้หัวอ่อน แต่ข้อเสนอของพ่อมันโอเค ถ้าแกเป็นฉัน แกก็ต้องสน ว่าที่เจ้าสาวเป็นลูกผู้ดีมีตระกูล ความรู้ดี งานดี หน้าตาสวย แกจะเอาอะไรอีกวะ”
“ไอ้ที่แกพูดมา มันไม่ใช่หลักประกันว่าชีวิตคู่ของแกกับผู้หญิงคนนั้นจะไปรอด เดี๋ยวนี้ความรักยังเอาไม่อยู่เลย”
“ก็จริงของแก ฉันก็เคยเจอกับตัวมาแล้ว”อุปมาถอนใจออกมา “มีแต่ความเข้าใจกันและกันเท่านั้นแหละถึงจะประคับประคองชีวิตคู่ได้”อุปมาขยับตัวนั่ง “ฉันก็กำลังหาทางทำความเข้าใจกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ ถ้าเข้าใจกันได้เท่าที่ฉันหวัง พ่อก็คงได้ทุกอย่างที่ต้องการ”
ยังไม่ทันได้พูดต่อ ก้อนทรายก็ลอยมากระแทกกลางตัวอุปมาอย่างจัง
“เฮ้ย...”
อุปมาลุกขึ้นปัดออก หน้าตาเอาเรื่อง หัสดินลุกหันมองตาม หยาดฝนย่อตัวหลบ สไบนางยังเหลือลูกทรายปั้นอีกก้อนในมือ ยืนหน้าแหยมองมาทางอุปมา หัสดินตกใจ
“คุณไบ”
อุปมาถอดแว่นดำออก แววตาโกรธจัด
“ไอ้เด็กนรก วันนี้ไม่รอดแน่”
อุปมาตั้งท่าจะไปจับตัว สไบนางตกใจ “หนีเร็วฝน”
สไบนางวิ่งหนีไป หยาดฝนตกใจยกมือไหว้อุปมา “เก่งจริงอย่าหนีสิ”
อุปมาวิ่งตามสไบนางเลยหยาดฝนไป สไบนางหันมาปาก้อนทรายในมืออีกก้อน ใส่กลางพุงอุปมาพอดิบพอดี...อุปมาเจ็บใจมากวิ่งกวดไปเร็วขึ้น หัสดินรีบมาหาหยาดฝน
“รีบตามไปเร็วเข้า”
หัสดินและหยาดฝนวิ่งตามทั้งคู่ไปติดๆ
อุปมาวิ่งไปขวางหน้าสไบนาง สไบนางวิ่งหลบซ้าย อุปมาตามขวาง สไบนางหลบไปทางขวา อุปมาก็ตามขวางอีก
“เธอหนีฉันไม่พ้นหรอก”
ทั้งคู่ตั้งท่ายักแย่ยักยัน คนนึงจะหนี คนนึงจะจับตัว สไบนางเจ้าเล่ห์ เตะทรายใส่ อุปมาหลบตามสัญชาตญาณกลัวทรายเข้าตา สไบนางฉวยโอกาสวิ่งหนีต่อไป อุปมาเจ็บใจ รีบวิ่งไปกอบทรายกึ่งเปียก ปั้นเป็นก้อนปาใส่สไบนาง แม่นยำมากลงกลางหัวสไบนางเหมือนจับวาง สไบนางหยุดกึกหันมาจ้องหน้าเขาโกรธแค้นเจ็บใจมาก ทรายกระจายเต็มหัว อุปมาหัวเราะชอบใจ ตบมือฉาด ภูมิใจในความแม่นยำ
“หมาลอบกัด”
“ว่าฉันเป็นหมาเหรอ”
อุปมาวิ่งจู่โจมเข้าใส่ สไบนางตกใจ จะวิ่งหนีแต่ไม่ทัน อุปมารวบเอวเธอไว้ได้แล้วจับยกตัวลอย หัสดินและหยาดฝนตามมาทัน หยาดฝนตกใจ แต่หัสดินขำๆ ชอบใจ สไบนางทั้งดิ้น ทั้งเตะ ทั้งหยิก
“ปล่อยฉันนะ จะจับฉันไปไหน”
“ปล่อยก็กลัวสิ”อุปมาทนเจ็บ
“ปล่อยฉันนะไอ้มาร์ค”
อุปมายกสไบนางตัวลอยไปทางทะเล สไบนางตะโกนลั่น
“ช่วยด้วย ฉันโดนลวนลาม”
อุปมาตกใจ
“มันจะปล้ำฉัน”สไบนางร้องไม่หยุด
อุปมาเจ็บใจปนหมั่นไส้
“ปล้ำเหรอ”
อุปมาโยนสไบนางลงทะเลหัวทิ่มหัวตำไป สไบนางเปียกโชก พยายามจะลุกขึ้นชี้หน้าด่าเขาแต่โดนคลื่นซัดเข้ามา ล้มคะมำไปอีก อุปมาหัวเราะชอบใจ
“มาร์ค พอแล้ว แกล้งเด็กทำไมวะ”หัสดินห้าม
อุปมายิ้มๆ สะใจ หยาดฝนรีบวิ่งไปประคองเพื่อนลุกขึ้น สไบนางทั้งเปียกทั้งเปื้อน เหมือนลูกหมาตกน้ำ เจ็บใจที่สุดเหมือนถูกลูบคมหักเหลี่ยม ชี้หน้าเขา อุปมาทำหน้ากวนๆ ชี้หน้าคืน
“ลูกหมาตกน้ำ”
สไบนางโกรธจัด
“ไอ้ต่อมลูกหมาก”
สไบนางจะเข้าไปเล่นงาน หยาดฝนรีบจับตัวเพื่อนเอาไว้
“ไม่เอาน่าบี”
“กลับเหอะมาร์ค สนุกพอแล้ว”
หัสดินลากแขนอุปมากลับไป สไบนางเจ็บอกเจ็บใจที่สุดเตะน้ำกระจุยกระจาย อุปมาไม่วายหันกลับมายิ้มกวนๆ ให้อีก สไบนางหายใจถี่ด้วยความโกรธจัด
“คอยดูนะฝน แค้นครั้งนี้ฉันจะต้องเอาคืนให้สาสม”
หยาดฝนเหล่มองสภาพเพื่อนแอบอมยิ้ม สไบนางเจ็บแค้นใจแทบระเบิด หน้าตาหมายมั่นจะแก้แค้นคืนให้ได้
(อ่านต่อวันพรุ่งนี้)